• ปาร์ตี้เกย์ในกลันตัน เรื่องจริงหรือจ้อจี้?

    ใครจะเชื่อว่ารัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลามมากที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ของมาเลเซีย เฉกเช่นรัฐกลันตันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อโมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ว่า ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักบังกะโลหลังหนึ่งบนถนนเกมูมิน (Jalan Kemumin) เมืองโกตาบารู เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสว่ามีการจัดปาร์ตี้เกย์ คาดว่าจะมีคนในท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน แต่เหลือเพียงกลุ่มคนที่อยู่ในบ้านประมาณ 20 คนเท่านั้น อายุตั้งแต่ 20-30 ปี พบถุงยางอนามัยหลายร้อยชิ้นและกล่องยาต้านไวรัสเอชไอวีหลายกล่อง

    อีกทั้งพบสื่อลามกอนาจารในมือถือ 3 คน จึงดำเนินคดีข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจาร ส่วนที่เหลือไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีหลักฐานการมีเพศสัมพันธ์ และทุกคนยังสวมเสื้อผ้าครบชุด นับเป็นรายงานการรวมตัวกันของกลุ่มชายรักชายครั้งแรกในรัฐกลันตัน ตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดศีลธรรมในมาเลเซียและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตำรวจจะติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายรักชายดังกล่าวต่อไป เพราะกังวลว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเคลื่อนไหวและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมากขึ้น

    เรื่องดังกล่าวถูกตอบโต้จากกลุ่ม Justice for Sisters เรียกร้องให้ตำรวจรัฐกลันตันแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะเป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจเอชไอวีแบบสมัครใจในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ไม่ใช่งานมั่วสุมทางเพศ ขณะนั้นมีแพทย์ให้ข้อมูลสุขภาพ กำลังทยอยปิดงานประมาณเที่ยงคืน แต่ยังมีอีก 20 คนที่รอผลตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ ตำรวจยังยัดเยียดข้อหาครอบครองสื่อลามกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตีตราว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนติดเชื้อเอชไอวี และยาต้านไวรัสเตรียมไว้มีเพศสัมพันธ์ สร้างความหวาดกลัวและลดทอนการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่ม LGBTQ

    มาเลเซีย เป็น 1 ใน 64 ประเทศที่มีกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน มาตั้งแต่สมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันได้แก้กฎหมายเพิ่มเติมให้กลุ่มหญิงรักหญิงถูกลงโทษด้วย การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติของทั้งชายและหญิง มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี และ/หรือลงโทษด้วยการโบย ส่วนพฤติกรรมอนาจารมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังต้องถูกลงโทษตามกฎหมายชารีอะ (Sharia Law) ที่ห้ามทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และแต่งกายข้ามเพศ

    #Newskit
    ปาร์ตี้เกย์ในกลันตัน เรื่องจริงหรือจ้อจี้? ใครจะเชื่อว่ารัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลามมากที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ของมาเลเซีย เฉกเช่นรัฐกลันตันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อโมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ว่า ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักบังกะโลหลังหนึ่งบนถนนเกมูมิน (Jalan Kemumin) เมืองโกตาบารู เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสว่ามีการจัดปาร์ตี้เกย์ คาดว่าจะมีคนในท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน แต่เหลือเพียงกลุ่มคนที่อยู่ในบ้านประมาณ 20 คนเท่านั้น อายุตั้งแต่ 20-30 ปี พบถุงยางอนามัยหลายร้อยชิ้นและกล่องยาต้านไวรัสเอชไอวีหลายกล่อง อีกทั้งพบสื่อลามกอนาจารในมือถือ 3 คน จึงดำเนินคดีข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจาร ส่วนที่เหลือไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีหลักฐานการมีเพศสัมพันธ์ และทุกคนยังสวมเสื้อผ้าครบชุด นับเป็นรายงานการรวมตัวกันของกลุ่มชายรักชายครั้งแรกในรัฐกลันตัน ตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดศีลธรรมในมาเลเซียและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตำรวจจะติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายรักชายดังกล่าวต่อไป เพราะกังวลว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเคลื่อนไหวและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมากขึ้น เรื่องดังกล่าวถูกตอบโต้จากกลุ่ม Justice for Sisters เรียกร้องให้ตำรวจรัฐกลันตันแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะเป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจเอชไอวีแบบสมัครใจในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ไม่ใช่งานมั่วสุมทางเพศ ขณะนั้นมีแพทย์ให้ข้อมูลสุขภาพ กำลังทยอยปิดงานประมาณเที่ยงคืน แต่ยังมีอีก 20 คนที่รอผลตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ ตำรวจยังยัดเยียดข้อหาครอบครองสื่อลามกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตีตราว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนติดเชื้อเอชไอวี และยาต้านไวรัสเตรียมไว้มีเพศสัมพันธ์ สร้างความหวาดกลัวและลดทอนการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่ม LGBTQ มาเลเซีย เป็น 1 ใน 64 ประเทศที่มีกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน มาตั้งแต่สมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันได้แก้กฎหมายเพิ่มเติมให้กลุ่มหญิงรักหญิงถูกลงโทษด้วย การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติของทั้งชายและหญิง มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี และ/หรือลงโทษด้วยการโบย ส่วนพฤติกรรมอนาจารมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังต้องถูกลงโทษตามกฎหมายชารีอะ (Sharia Law) ที่ห้ามทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และแต่งกายข้ามเพศ #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ชีวิตเราผูกกับบัญชีออนไลน์สารพัด มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำรหัสผ่านทั้งหมดได้เอง — นี่ยังไม่นับเรื่อง “ใช้ซ้ำรหัสเดิม” ซึ่งเป็นด่านแรกที่แฮกเกอร์ชอบที่สุด

    แต่โชคดีที่ปัจจุบันมี Password Manager ฟรีดี ๆ มากมายที่ไม่เพียงเก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยสร้างรหัสผ่านใหม่, เติมรหัสให้อัตโนมัติ และซิงค์ข้ามอุปกรณ์ได้ด้วย ซึ่งจากการจัดอันดับล่าสุด 10 แอปที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้บน Android มีทั้งแบบคลาวด์และแบบเก็บข้อมูลในเครื่องเอง

    ที่น่าสนใจคือ บางแอปเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมโดยไม่ต้องเสียเงินเลย เช่น:
    - Proton Pass ใช้ได้ไม่จำกัดอุปกรณ์ + สร้าง 2FA ในตัว + รองรับ passkeys
    - Bitwarden เป็นโอเพนซอร์สและใช้ได้บนทุกแพลตฟอร์ม + มี 2FA ฟรี
    - KeePassDX เก็บไฟล์รหัสแบบ local + ปลอดคลาวด์ + ไม่มีโฆษณา

    ในขณะที่แอปบางตัวอย่าง LastPass หรือ Dashlane มีข้อจำกัด เช่น จำกัดจำนวนรหัสผ่าน หรือใช้งานได้แค่อุปกรณ์เดียวพร้อมกันในเวอร์ชันฟรี

    แอป Password Manager ฟรีที่น่าสนใจใน Android ปี 2025:
    Proton Pass  
    • ใช้ได้ทุกอุปกรณ์ ฟรี ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่าน  
    • มี 2FA และสร้าง email alias ได้ในตัว  
    • รองรับ passkeys และการเติมรหัสแบบ autofill  
    • เจ้าของเดียวกับ Proton Mail — เน้นความเป็นส่วนตัว

    Bitwarden  
    • โอเพนซอร์ส + ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยภายนอก  
    • ฟรีทุกฟีเจอร์หลัก ใช้ได้หลายอุปกรณ์  
    • มี 2FA, generator, และ autofill ครบ  
    • มีรุ่นพรีเมียม $10/ปี ถ้าต้องการเก็บไฟล์เข้ารหัส

    NordPass (Free)  
    • จัดเก็บรหัสไม่จำกัด และมี autofill  
    • อินเทอร์เฟซใช้ง่าย มีจัดเก็บโน้ต/บัตรเครดิตด้วย  
    • ข้อจำกัด: ใช้ได้แค่ 1 อุปกรณ์พร้อมกันในเวอร์ชันฟรี

    Avira Password Manager  
    • ใช้ซิงค์ข้ามอุปกรณ์ได้ + มีแจ้งเตือนรหัสอ่อน  
    • มี browser extension รองรับ autofill  
    • ข้อจำกัด: ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างต้องเสียเงิน

    KeePassDX  
    • เก็บข้อมูลเป็นไฟล์ local (ตามมาตรฐาน KeePass)  
    • ไม่มีคลาวด์ = ความเป็นส่วนตัวสูง  
    • รองรับ biometric unlock และ autofill  
    • เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชำนาญและต้องการควบคุมเต็มที่

    Dashlane (Free)  
    • ใช้ได้ 25 รหัสผ่าน + autofill ทำงานดี  
    • มีระบบตรวจสุขภาพรหัสผ่าน  
    • ข้อจำกัด: ซิงค์ข้ามอุปกรณ์ต้องอัปเกรดเป็นพรีเมียม

    RoboForm  
    • ใช้งานได้ข้ามอุปกรณ์ + มี generator  
    • อินเทอร์เฟซไม่หวือหวาแต่ใช้ง่าย  
    • มีฟีเจอร์เก็บฟอร์ม/รหัสแบบ auto-fill

    LastPass (Free)  
    • จัดการรหัสผ่าน/โน้ต + autofill ทำงานดี  
    • ข้อจำกัด: ใช้ได้เพียง “อุปกรณ์ประเภทเดียว” (เช่นเฉพาะมือถือ)  
    • ไม่รองรับซิงค์มือถือ+คอมพร้อมกันในเวอร์ชันฟรี

    Total Password  
    • อินเทอร์เฟซใช้ง่าย + autofill ดี  
    • ราคาเริ่มต้น $1.99/เดือน ถ้าต้องการเกินฟีเจอร์ฟรี

    1Password (Trial)  
    • ทดลองใช้งานได้ 14 วัน มีฟีเจอร์ครบ  
    • หลังหมดช่วงทดลองต้องเสียเงิน  
    • มีระบบแบ่งปันรหัสและเก็บข้อมูลอื่น ๆ เช่นบัตรเครดิต

    https://computercity.com/software/best-free-password-manager-for-android
    ในยุคที่ชีวิตเราผูกกับบัญชีออนไลน์สารพัด มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำรหัสผ่านทั้งหมดได้เอง — นี่ยังไม่นับเรื่อง “ใช้ซ้ำรหัสเดิม” ซึ่งเป็นด่านแรกที่แฮกเกอร์ชอบที่สุด แต่โชคดีที่ปัจจุบันมี Password Manager ฟรีดี ๆ มากมายที่ไม่เพียงเก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยสร้างรหัสผ่านใหม่, เติมรหัสให้อัตโนมัติ และซิงค์ข้ามอุปกรณ์ได้ด้วย ซึ่งจากการจัดอันดับล่าสุด 10 แอปที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้บน Android มีทั้งแบบคลาวด์และแบบเก็บข้อมูลในเครื่องเอง ที่น่าสนใจคือ บางแอปเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมโดยไม่ต้องเสียเงินเลย เช่น: - Proton Pass ใช้ได้ไม่จำกัดอุปกรณ์ + สร้าง 2FA ในตัว + รองรับ passkeys - Bitwarden เป็นโอเพนซอร์สและใช้ได้บนทุกแพลตฟอร์ม + มี 2FA ฟรี - KeePassDX เก็บไฟล์รหัสแบบ local + ปลอดคลาวด์ + ไม่มีโฆษณา ในขณะที่แอปบางตัวอย่าง LastPass หรือ Dashlane มีข้อจำกัด เช่น จำกัดจำนวนรหัสผ่าน หรือใช้งานได้แค่อุปกรณ์เดียวพร้อมกันในเวอร์ชันฟรี 🧪🧪 แอป Password Manager ฟรีที่น่าสนใจใน Android ปี 2025: ✅ Proton Pass   • ใช้ได้ทุกอุปกรณ์ ฟรี ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่าน   • มี 2FA และสร้าง email alias ได้ในตัว   • รองรับ passkeys และการเติมรหัสแบบ autofill   • เจ้าของเดียวกับ Proton Mail — เน้นความเป็นส่วนตัว ✅ Bitwarden   • โอเพนซอร์ส + ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยภายนอก   • ฟรีทุกฟีเจอร์หลัก ใช้ได้หลายอุปกรณ์   • มี 2FA, generator, และ autofill ครบ   • มีรุ่นพรีเมียม $10/ปี ถ้าต้องการเก็บไฟล์เข้ารหัส ✅ NordPass (Free)   • จัดเก็บรหัสไม่จำกัด และมี autofill   • อินเทอร์เฟซใช้ง่าย มีจัดเก็บโน้ต/บัตรเครดิตด้วย   • ข้อจำกัด: ใช้ได้แค่ 1 อุปกรณ์พร้อมกันในเวอร์ชันฟรี ✅ Avira Password Manager   • ใช้ซิงค์ข้ามอุปกรณ์ได้ + มีแจ้งเตือนรหัสอ่อน   • มี browser extension รองรับ autofill   • ข้อจำกัด: ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างต้องเสียเงิน ✅ KeePassDX   • เก็บข้อมูลเป็นไฟล์ local (ตามมาตรฐาน KeePass)   • ไม่มีคลาวด์ = ความเป็นส่วนตัวสูง   • รองรับ biometric unlock และ autofill   • เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชำนาญและต้องการควบคุมเต็มที่ ✅ Dashlane (Free)   • ใช้ได้ 25 รหัสผ่าน + autofill ทำงานดี   • มีระบบตรวจสุขภาพรหัสผ่าน   • ข้อจำกัด: ซิงค์ข้ามอุปกรณ์ต้องอัปเกรดเป็นพรีเมียม ✅ RoboForm   • ใช้งานได้ข้ามอุปกรณ์ + มี generator   • อินเทอร์เฟซไม่หวือหวาแต่ใช้ง่าย   • มีฟีเจอร์เก็บฟอร์ม/รหัสแบบ auto-fill ✅ LastPass (Free)   • จัดการรหัสผ่าน/โน้ต + autofill ทำงานดี   • ข้อจำกัด: ใช้ได้เพียง “อุปกรณ์ประเภทเดียว” (เช่นเฉพาะมือถือ)   • ไม่รองรับซิงค์มือถือ+คอมพร้อมกันในเวอร์ชันฟรี ✅ Total Password   • อินเทอร์เฟซใช้ง่าย + autofill ดี   • ราคาเริ่มต้น $1.99/เดือน ถ้าต้องการเกินฟีเจอร์ฟรี ✅ 1Password (Trial)   • ทดลองใช้งานได้ 14 วัน มีฟีเจอร์ครบ   • หลังหมดช่วงทดลองต้องเสียเงิน   • มีระบบแบ่งปันรหัสและเก็บข้อมูลอื่น ๆ เช่นบัตรเครดิต https://computercity.com/software/best-free-password-manager-for-android
    COMPUTERCITY.COM
    Best Free Password Managers for Android
    Managing passwords can be tricky, especially when you're on the go with your Android device. With so many apps and websites needing login information, it's
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด

    พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน!

    ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ

    แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้!

    ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)  
    • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)  
    • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ

    ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน  
    • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง

    วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น  
    • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย

    บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery  
    • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่  
    • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป  
    • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง

    ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง  
    • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ  
    • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น

    ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที  
    • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย

    การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง  
    • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป

    https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน! ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้! ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)   • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)   • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน   • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น   • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery   • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่   • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป   • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง   • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ   • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที   • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง   • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    WCCFTECH.COM
    This Blood Test Can Detect Cancer Tumors Years Before Clinical Symptoms Develop, Claims A New Study
    Despite a lack of approval from the FDA, MCED tests can play a critical ancillary role in the early diagnosis of cancer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย "ณฐพร-ลูกชาย" ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบมีโรคประจำตัวตามวัย อยู่แดนกักโรคห้องเดียวกัน อายุเยอะทั้งคู่ให้อยู่ช่วยดูแลกัน
    .
    จากกรณี อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน อายุ 72 ปี และ นายรัฐสิทธิ์ โตประยูร บุตรชาย อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ภายหลังศาลอาญารัชดาภิเษก ประทับรับฟ้องจำเลยทั้งสองและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งหน้าที่กันทำ กระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะหลบหนีจึงไม่อนุญาต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (5 มิ.ย.)
    .
    วันนี้ (6 มิ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว นายณฐพร โตประยูร พร้อมลูกชาย ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทำประวัติผู้ต้องขังตามระเบียบและตรวจสุขภาพ พบว่า นายณฐพร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว 3-4 โรคตามวัย แต่ไม่ได้พกยาติดตัวมาด้วย เพราะไม่คาดคิดว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว จึงแนะนำญาติให้นำยาโรคประจำวันมาฝากเรือนจำในภายหลัง ส่วนลูกชายไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพทั่วไปปกติ และทั้งคู่เข้ามาเรือนจำ สังเกตว่ามีความเครียดเล็กน้อย โดยก่อนเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทราบว่ายังไม่ได้รับประทานอาหารจึงจัดอาหารมื้อเย็นเป็น ผัดขี้เมาไก่ ใส่ผัก และซุป สามารถทานได้ตามปกติ
    .
    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000053000
    .
    #MGROnline #ณฐพรโตประยูร #อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน
    รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย "ณฐพร-ลูกชาย" ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบมีโรคประจำตัวตามวัย อยู่แดนกักโรคห้องเดียวกัน อายุเยอะทั้งคู่ให้อยู่ช่วยดูแลกัน . จากกรณี อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน อายุ 72 ปี และ นายรัฐสิทธิ์ โตประยูร บุตรชาย อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ภายหลังศาลอาญารัชดาภิเษก ประทับรับฟ้องจำเลยทั้งสองและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งหน้าที่กันทำ กระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะหลบหนีจึงไม่อนุญาต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (5 มิ.ย.) . วันนี้ (6 มิ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว นายณฐพร โตประยูร พร้อมลูกชาย ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทำประวัติผู้ต้องขังตามระเบียบและตรวจสุขภาพ พบว่า นายณฐพร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว 3-4 โรคตามวัย แต่ไม่ได้พกยาติดตัวมาด้วย เพราะไม่คาดคิดว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว จึงแนะนำญาติให้นำยาโรคประจำวันมาฝากเรือนจำในภายหลัง ส่วนลูกชายไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพทั่วไปปกติ และทั้งคู่เข้ามาเรือนจำ สังเกตว่ามีความเครียดเล็กน้อย โดยก่อนเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทราบว่ายังไม่ได้รับประทานอาหารจึงจัดอาหารมื้อเย็นเป็น ผัดขี้เมาไก่ ใส่ผัก และซุป สามารถทานได้ตามปกติ . คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000053000 . #MGROnline #ณฐพรโตประยูร #อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมการแพทย์ เปิดตัว 'รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่' ต้นแบบนวัตกรรมเชิงรุก รับสังคมสูงวัย
    https://www.thai-tai.tv/news/18904/
    กรมการแพทย์ เปิดตัว 'รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่' ต้นแบบนวัตกรรมเชิงรุก รับสังคมสูงวัย https://www.thai-tai.tv/news/18904/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • สสปท. ขับเคลื่อนมาตรฐานตรวจสุขภาพแรงงาน ลดเสี่ยงด้านเคมีและกายภาพ
    https://www.thai-tai.tv/news/18611/
    สสปท. ขับเคลื่อนมาตรฐานตรวจสุขภาพแรงงาน ลดเสี่ยงด้านเคมีและกายภาพ https://www.thai-tai.tv/news/18611/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์จาก University of East Anglia (UEA) ได้พัฒนา เทคนิค MRI ใหม่ ที่สามารถ วัดอายุการทำงานของหัวใจ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถ ตรวจพบปัญหาหัวใจได้เร็วขึ้น และกระตุ้นให้ผู้คน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

    เทคนิคนี้ใช้ MRI scans เพื่อวิเคราะห์ ขนาด, รูปร่าง และการทำงานของหัวใจ โดยทีมวิจัยได้ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 557 คน จากโรงพยาบาลใน สหราชอาณาจักร, สเปน และสิงคโปร์ เพื่อสร้าง สูตรคำนวณอายุหัวใจ ซึ่งสามารถบอกได้ว่า หัวใจของแต่ละคนทำงานเหมือนอายุเท่าไร

    MRI สามารถวัดอายุการทำงานของหัวใจได้
    - วิเคราะห์ ขนาด, รูปร่าง และการทำงานของหัวใจ
    - ใช้ สูตรคำนวณอายุหัวใจ เพื่อบอกว่า หัวใจทำงานเหมือนอายุเท่าไร

    การศึกษากลุ่มตัวอย่าง 557 คนจากหลายประเทศ
    - กลุ่มสุขภาพดี: 191 คนที่มีน้ำหนักปกติและไม่มีโรคหัวใจหรือเมตาบอลิก
    - กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพ: 366 คนที่มี BMI สูงกว่า 25 และมีโรค เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    ผลการศึกษาพบว่าหัวใจของผู้ที่มีโรคเรื้อรังมีอายุการทำงานสูงกว่าปกติ
    - คนสุขภาพดี: อายุหัวใจใกล้เคียงกับอายุจริง (P = 0.993)
    - คนที่มีโรคเรื้อรัง: อายุหัวใจสูงกว่าอายุจริงเฉลี่ย 4.6 ปี (P = 0.003)
    - ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มีผลกระทบต่ออายุหัวใจมากที่สุด

    เทคนิคนี้สามารถช่วยให้แพทย์ตรวจพบปัญหาหัวใจได้เร็วขึ้น
    - สามารถ ให้คำแนะนำหรือรักษาก่อนเกิดโรคร้ายแรง
    - อาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการตรวจสุขภาพหัวใจ

    https://www.neowin.net/news/scientists-develop-mri-technique-to-measure-if-your-heat-is-aging-too-fast-for-your-good/
    นักวิทยาศาสตร์จาก University of East Anglia (UEA) ได้พัฒนา เทคนิค MRI ใหม่ ที่สามารถ วัดอายุการทำงานของหัวใจ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถ ตรวจพบปัญหาหัวใจได้เร็วขึ้น และกระตุ้นให้ผู้คน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เทคนิคนี้ใช้ MRI scans เพื่อวิเคราะห์ ขนาด, รูปร่าง และการทำงานของหัวใจ โดยทีมวิจัยได้ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 557 คน จากโรงพยาบาลใน สหราชอาณาจักร, สเปน และสิงคโปร์ เพื่อสร้าง สูตรคำนวณอายุหัวใจ ซึ่งสามารถบอกได้ว่า หัวใจของแต่ละคนทำงานเหมือนอายุเท่าไร ✅ MRI สามารถวัดอายุการทำงานของหัวใจได้ - วิเคราะห์ ขนาด, รูปร่าง และการทำงานของหัวใจ - ใช้ สูตรคำนวณอายุหัวใจ เพื่อบอกว่า หัวใจทำงานเหมือนอายุเท่าไร ✅ การศึกษากลุ่มตัวอย่าง 557 คนจากหลายประเทศ - กลุ่มสุขภาพดี: 191 คนที่มีน้ำหนักปกติและไม่มีโรคหัวใจหรือเมตาบอลิก - กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพ: 366 คนที่มี BMI สูงกว่า 25 และมีโรค เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ✅ ผลการศึกษาพบว่าหัวใจของผู้ที่มีโรคเรื้อรังมีอายุการทำงานสูงกว่าปกติ - คนสุขภาพดี: อายุหัวใจใกล้เคียงกับอายุจริง (P = 0.993) - คนที่มีโรคเรื้อรัง: อายุหัวใจสูงกว่าอายุจริงเฉลี่ย 4.6 ปี (P = 0.003) - ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มีผลกระทบต่ออายุหัวใจมากที่สุด ✅ เทคนิคนี้สามารถช่วยให้แพทย์ตรวจพบปัญหาหัวใจได้เร็วขึ้น - สามารถ ให้คำแนะนำหรือรักษาก่อนเกิดโรคร้ายแรง - อาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการตรวจสุขภาพหัวใจ https://www.neowin.net/news/scientists-develop-mri-technique-to-measure-if-your-heat-is-aging-too-fast-for-your-good/
    WWW.NEOWIN.NET
    Scientists develop MRI technique to measure if your heart is aging too fast for your good
    Scientists have developed a new technique using the MRI to understand if your heart is beating too fast too soon.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตชด.ธารโต ยะลา กลับจากตรวจสุขภาพ ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะ เจ็บ 3 นาย
    https://www.thai-tai.tv/news/18383/
    ตชด.ธารโต ยะลา กลับจากตรวจสุขภาพ ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะ เจ็บ 3 นาย https://www.thai-tai.tv/news/18383/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้อาหารในไทยไม่นำเข้ามากนัก,แต่ก็อันตรายโคตรๆหากนำเข้ามาได้จริงที่ผสมปนวัคซีนมาด้วย,หรือวางสารพิษหลายสักษณะมากับอาหารนำเข้า,ซึ่งแค่ในไทยเราเอง ในยุคปัจจุบันก็ไว้วางใจอะไรไม่ได้ในมาตราฐาน&มาตราการต่างๆ ขนาด อย. ยังยอมให้คนไทยรับวัคซีนเลย ทั้งที่ปัจจุบันวัคซีนหลายๆยี่ห้อถูกลงโทษว่าผิดและมีผลกระทบจริงแก่คนฉีดวัคซีนไป อย.ซึ่งควบคุมด้านนี้ทางตรงและทางอ้อมก็ประมาทเลินเล่อชัดเจน ทั้งยังไม่ออกมายอมรับความผิดพลาดตนอย่างเป็นทางการแก้ประชาชนพร้อมกับกระทรวงสาธาฯประเทศและเริ่มเยี่ยวยารักษาคนรับพิษไป ทั้งที่แสดงอาการผลข้างเคียงแล้วและเริ่มเป็นพาหะด้วย ตลอดตรวจสุขภาพจริงแก่คนไทยด้วย,บวกมาแผนมามุกทำให้หมอพยาบาลขาดแคลนด้วย ตัดตอนกำลังตังสนับสนุนส่งเสริมป้องกันโรค,ตัดกำลังคนไม่ส่งเสริมคนเล่าเรียนจริงจังมาทดแทนคนเก่า,มหาลัยเต็มประเทศไม่กระจายสร้างหมอพยาบาลให้เพียงพอและต้นทุนค่าเล่าเรียนไม่แพงด้วย,หมอพยาบาลปัจจุบันยิ่งอ่อนด้อยคุณภาพอีกในรุ่นใหม่ที่ผลิตมาทดแทนรุ่นเดิมองค์ความรอบรู้และสติปัญญาอีโก้มาทางตนเองมาก ไม่สนใจคนไข้ขาดจรรยาบรรณก็มาก,มีน้อยคนมากที่ดี,ไปทางล้างสมองมุ่งหวังกำไรด้วย,ทั้งต่างชาติต่างด้าวจริงๆไม่สมควรมาแย่งชิงบริการของคนไทย,ควรไปรักษาที่สถานบริการเอกชนเท่านั้น,ภาระต้องบริษัทเอกชนที่จ้างต่างด้าวต้องยอมรับความเสี่ยงไปทั้งหมดที่นำเข้าคนต่างชาติต่างด้าวมาแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัดด้านยารักษาคนไทยภายในประเทศไทยตน,ภาระหมอพยาบาล&โรงพยาบาลรัฐจะลดต้นทุนลงต่ำเป็นอันมากและควบคุมบริหารจัดการคนไทยล้วนๆได้สบายใจ,มิใช่ต่างชาติต่างด้าวเดินเต็มโรงพยาบาลรัฐร่วมกันคนประเทศไทยตนเต็มโรงพยาบาลทั้งยังเบียดเบียนหมอพยาบาลที่ต้องใส่ใจเวลารักษาคนของตนคือคนไทยต้องมาก่อนไปอีกด้วย,นี้คือการทำลายไทยอีกด้านจากภายใน &กำลังภายในทำลายตนเองก็ว่า มันมีที่ไหน,ไม่ต่างจากไปยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้ต่างชาติมาขายคนไทยแพงๆนั้นล่ะ.,การปกครอง&วิถีการปกครองไทยเราปาหี่แหกตาและผิดพลาดพอแล้ว สมควรยกเลิกวิถีไม่ดีนี้จริงๆ แผ่นดินไทยเสียเปรียบและคนไทยภายในชาติไทยประเทศไทยตนเองเสียเปรียบมากมายใช้ไม่ได้,ตลอดให้สิทธิ์ต่างชาติต่างด้าวมากมายในมุกต่างๆมิติต่างๆเต็มไปหมด ทั้งมาแบบมุกคณะลงทุนboiหรือมุกเขตเศรษฐกิจพิเศษล้วนเหี้ยหมดจริง.
    ..วัคซีนฉีดคนไทยได้ครบทั่วไทย อนาคตจะบังคับฉีดรายบุคคลให้เจาะจงชี้ชัดติดตามผลได้ด้วยโน้น ติดตามสถานะว่าจะอยู่จะตายช่วงเวลาไหนยาออกฤทธิ์ได้หมด,ไม่รวมใส่ทางอาหารต่างๆและทางสัมผัสต่างๆกระทั่งจมูกปอดก็ด้วยแบบนาซ่าพ่นพิษบินทั่วไทยนั้นล่ะ.
    แม้อาหารในไทยไม่นำเข้ามากนัก,แต่ก็อันตรายโคตรๆหากนำเข้ามาได้จริงที่ผสมปนวัคซีนมาด้วย,หรือวางสารพิษหลายสักษณะมากับอาหารนำเข้า,ซึ่งแค่ในไทยเราเอง ในยุคปัจจุบันก็ไว้วางใจอะไรไม่ได้ในมาตราฐาน&มาตราการต่างๆ ขนาด อย. ยังยอมให้คนไทยรับวัคซีนเลย ทั้งที่ปัจจุบันวัคซีนหลายๆยี่ห้อถูกลงโทษว่าผิดและมีผลกระทบจริงแก่คนฉีดวัคซีนไป อย.ซึ่งควบคุมด้านนี้ทางตรงและทางอ้อมก็ประมาทเลินเล่อชัดเจน ทั้งยังไม่ออกมายอมรับความผิดพลาดตนอย่างเป็นทางการแก้ประชาชนพร้อมกับกระทรวงสาธาฯประเทศและเริ่มเยี่ยวยารักษาคนรับพิษไป ทั้งที่แสดงอาการผลข้างเคียงแล้วและเริ่มเป็นพาหะด้วย ตลอดตรวจสุขภาพจริงแก่คนไทยด้วย,บวกมาแผนมามุกทำให้หมอพยาบาลขาดแคลนด้วย ตัดตอนกำลังตังสนับสนุนส่งเสริมป้องกันโรค,ตัดกำลังคนไม่ส่งเสริมคนเล่าเรียนจริงจังมาทดแทนคนเก่า,มหาลัยเต็มประเทศไม่กระจายสร้างหมอพยาบาลให้เพียงพอและต้นทุนค่าเล่าเรียนไม่แพงด้วย,หมอพยาบาลปัจจุบันยิ่งอ่อนด้อยคุณภาพอีกในรุ่นใหม่ที่ผลิตมาทดแทนรุ่นเดิมองค์ความรอบรู้และสติปัญญาอีโก้มาทางตนเองมาก ไม่สนใจคนไข้ขาดจรรยาบรรณก็มาก,มีน้อยคนมากที่ดี,ไปทางล้างสมองมุ่งหวังกำไรด้วย,ทั้งต่างชาติต่างด้าวจริงๆไม่สมควรมาแย่งชิงบริการของคนไทย,ควรไปรักษาที่สถานบริการเอกชนเท่านั้น,ภาระต้องบริษัทเอกชนที่จ้างต่างด้าวต้องยอมรับความเสี่ยงไปทั้งหมดที่นำเข้าคนต่างชาติต่างด้าวมาแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัดด้านยารักษาคนไทยภายในประเทศไทยตน,ภาระหมอพยาบาล&โรงพยาบาลรัฐจะลดต้นทุนลงต่ำเป็นอันมากและควบคุมบริหารจัดการคนไทยล้วนๆได้สบายใจ,มิใช่ต่างชาติต่างด้าวเดินเต็มโรงพยาบาลรัฐร่วมกันคนประเทศไทยตนเต็มโรงพยาบาลทั้งยังเบียดเบียนหมอพยาบาลที่ต้องใส่ใจเวลารักษาคนของตนคือคนไทยต้องมาก่อนไปอีกด้วย,นี้คือการทำลายไทยอีกด้านจากภายใน &กำลังภายในทำลายตนเองก็ว่า มันมีที่ไหน,ไม่ต่างจากไปยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้ต่างชาติมาขายคนไทยแพงๆนั้นล่ะ.,การปกครอง&วิถีการปกครองไทยเราปาหี่แหกตาและผิดพลาดพอแล้ว สมควรยกเลิกวิถีไม่ดีนี้จริงๆ แผ่นดินไทยเสียเปรียบและคนไทยภายในชาติไทยประเทศไทยตนเองเสียเปรียบมากมายใช้ไม่ได้,ตลอดให้สิทธิ์ต่างชาติต่างด้าวมากมายในมุกต่างๆมิติต่างๆเต็มไปหมด ทั้งมาแบบมุกคณะลงทุนboiหรือมุกเขตเศรษฐกิจพิเศษล้วนเหี้ยหมดจริง. ..วัคซีนฉีดคนไทยได้ครบทั่วไทย อนาคตจะบังคับฉีดรายบุคคลให้เจาะจงชี้ชัดติดตามผลได้ด้วยโน้น ติดตามสถานะว่าจะอยู่จะตายช่วงเวลาไหนยาออกฤทธิ์ได้หมด,ไม่รวมใส่ทางอาหารต่างๆและทางสัมผัสต่างๆกระทั่งจมูกปอดก็ด้วยแบบนาซ่าพ่นพิษบินทั่วไทยนั้นล่ะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 716 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยเรือนจำพิเศษธนบุรี รับตัว "ไฮโซเก๊" ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลังจากเหตุตกตึก เฝ้าระวังทำร้ายตัวเอง

    วันนี้ (10 เม.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการรับตัว นายธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล หรือ "นายฮอต" อ้างตัวเป็นไฮโซสร้างโปรไฟล์หรูดูดี หลอกลวงหญิงสาวหลายราย ซึ่งตำรวจ สน.โคกคราม คุมตัว "นายฮอต" ออกจากโรงพยาบาลไปส่งศาลอาญาตลิ่งชัน เนื่องจากมีหมายจับคดีฉ้อโกงปี 64 และมาฝากขังเรือนจำพิเศษธนบุรี ว่า วานนี้ (9 เม.ย.) เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรีได้รับตัว นายธัญเทพ ก็มีขั้นตอนปฏิบัติตามระเบียบ ทั้ง ตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจ พิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบถามเรื่องโรคประจำตัวแต่ได้ปฏิเสธ

    นางกนกวรรณ กล่าวว่า ก่อนถูกส่งเข้าเรือนจำฯ นายธัญเทพ มีประวัติกระโดดจากตึก 3 ชั้น ตามที่ปรากฎตามข่าวและได้รับการรักษามาก่อนเข้าเรือนจำ จึงตรวจพบแผลถลอกเล็กน้อย ได้ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลัง ซึ่งเรือนจำฯ อนุญาตให้นำยามารับประทานตามใบรับรองแพทย์ และตอนนี้เจ้าตัวยังลุกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากแจ้งว่ามีอาการปวดหลังและขาอ่อนแรง โดยเรือนจำฯ จึงนำตัวไปแยกกักโรคโควิด-19 ไว้ที่อาคารสถานพยาบาล ชั้น 1 เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และในวันนี้จะส่งพบแพทย์ซึ่งเข้าตรวจในเรือนจำทุกวัน เพื่อพิจารณาแนวทางดูแลรักษาต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034259

    #MGROnline #ไฮโซเก๊
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยเรือนจำพิเศษธนบุรี รับตัว "ไฮโซเก๊" ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลังจากเหตุตกตึก เฝ้าระวังทำร้ายตัวเอง • วันนี้ (10 เม.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการรับตัว นายธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล หรือ "นายฮอต" อ้างตัวเป็นไฮโซสร้างโปรไฟล์หรูดูดี หลอกลวงหญิงสาวหลายราย ซึ่งตำรวจ สน.โคกคราม คุมตัว "นายฮอต" ออกจากโรงพยาบาลไปส่งศาลอาญาตลิ่งชัน เนื่องจากมีหมายจับคดีฉ้อโกงปี 64 และมาฝากขังเรือนจำพิเศษธนบุรี ว่า วานนี้ (9 เม.ย.) เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรีได้รับตัว นายธัญเทพ ก็มีขั้นตอนปฏิบัติตามระเบียบ ทั้ง ตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจ พิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบถามเรื่องโรคประจำตัวแต่ได้ปฏิเสธ • นางกนกวรรณ กล่าวว่า ก่อนถูกส่งเข้าเรือนจำฯ นายธัญเทพ มีประวัติกระโดดจากตึก 3 ชั้น ตามที่ปรากฎตามข่าวและได้รับการรักษามาก่อนเข้าเรือนจำ จึงตรวจพบแผลถลอกเล็กน้อย ได้ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลัง ซึ่งเรือนจำฯ อนุญาตให้นำยามารับประทานตามใบรับรองแพทย์ และตอนนี้เจ้าตัวยังลุกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากแจ้งว่ามีอาการปวดหลังและขาอ่อนแรง โดยเรือนจำฯ จึงนำตัวไปแยกกักโรคโควิด-19 ไว้ที่อาคารสถานพยาบาล ชั้น 1 เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และในวันนี้จะส่งพบแพทย์ซึ่งเข้าตรวจในเรือนจำทุกวัน เพื่อพิจารณาแนวทางดูแลรักษาต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034259 • #MGROnline #ไฮโซเก๊
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 609 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ!

    เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว

    เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง

    โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz)

    การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย

    สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์

    เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง

    นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา

    แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต

    ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง

    เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน

    ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน

    มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที
    - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule)
    - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น
    - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน

    บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน
    - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง
    - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง
    - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ

    คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร?

    เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง

    10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?"

    ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า!

    10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม...

    เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568

    #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ! ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨 เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️ ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️ การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️ 🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️ เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢 ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅ แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️ 👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง 🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️ ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️ 📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule) - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝 - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️ แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔 💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ 🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร? ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔 10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳ ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า! 10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม... 🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568 📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1335 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3/68

    กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย!

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง?

    3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร!

    1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ
    คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน

    ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้

    นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม

    2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น
    ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

    ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
    โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
    มะเร็งปอด
    และมะเร็งกระเพาะอาหาร,
    ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย

    ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า

    3.กล้วยที่มีจุดดำ:
    ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน
    ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ

    จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง

    ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น,
    มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก
    ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ,
    ช่วยในการย่อยอาหาร
    ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า

    ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง!
    cr:sanook
    2/3/68 กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย! จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง? 3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร! 1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม 2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร, ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า 3.กล้วยที่มีจุดดำ: ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น, มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ, ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง! cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1358 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิด วิเคราะห์ แยกแยะ สำคัญมาก สำหรับข้อมูลในทุกยุคทุกสมัยครับ

    กลุ่ม Influencer ในสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพต่าง ๆ เช่น การตรวจ MRI ทั้งตัว ว่าเป็นการตรวจที่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

    Kim Kardashian หนึ่งใน Influencer ได้โพสต์รูปตัวเองในชุดเครื่องมือแพทย์ของบริษัท Prenuvo โดยกล่าวว่าเครื่อง MRI ที่เธอใช้สามารถตรวจพบร่องรอยของมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ แต่การโพสต์ของเธอก็ทำให้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตรวจนี้

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Sydney ได้ทำการศึกษาโพสต์จากกลุ่ม Influencer บน TikTok และ Instagram ที่มีผู้ติดตามหลายร้อยล้านคน พบว่า โพสต์เหล่านี้มักนำเสนอข้อมูลที่เกินจริงและไม่กล่าวถึงความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีเพียง 15% ของโพสต์ที่พูดถึงข้อเสีย และเกือบสองในสามมาจากบัญชีที่มีความสัมพันธ์ทางการเงินกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้

    การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่จำเป็นและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่จำเป็น เรื่องนี้เรียกว่า Overdiagnosis โดยผลการศึกษาพบว่า การตรวจสุขภาพเช่นนี้มักจะไม่ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษาพบว่าโพสต์ที่เล่าเรื่องราวส่วนตัวเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพมักจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากกว่า โพสต์เหล่านี้มักจะบอกเล่าถึงผลลัพธ์ที่ดีและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับการตรวจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีความสัมพันธ์กับเรื่องราวและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของการตรวจนี้มากขึ้น

    หากคุณเจอโพสต์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพบนสื่อสังคมออนไลน์ ควรพิจารณาว่าโพสต์นั้นพยายามชักจูงให้คุณเชื่อในสิ่งใดหรือไม่ แทนที่จะให้ข้อมูลที่เป็นกลาง นอกจากนี้ควรคำนึงถึงว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพอาจยังไม่ครบถ้วน และเรื่องราวส่วนตัวที่โพสต์เหล่านี้เล่ามักจะกระตุ้นความรู้สึกและทำให้คุณดึงดูดใจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/influencers-call-these-medical-tests-lifesaving-heres-what-you-may-not-know
    คิด วิเคราะห์ แยกแยะ สำคัญมาก สำหรับข้อมูลในทุกยุคทุกสมัยครับ กลุ่ม Influencer ในสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพต่าง ๆ เช่น การตรวจ MRI ทั้งตัว ว่าเป็นการตรวจที่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น Kim Kardashian หนึ่งใน Influencer ได้โพสต์รูปตัวเองในชุดเครื่องมือแพทย์ของบริษัท Prenuvo โดยกล่าวว่าเครื่อง MRI ที่เธอใช้สามารถตรวจพบร่องรอยของมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ แต่การโพสต์ของเธอก็ทำให้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตรวจนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Sydney ได้ทำการศึกษาโพสต์จากกลุ่ม Influencer บน TikTok และ Instagram ที่มีผู้ติดตามหลายร้อยล้านคน พบว่า โพสต์เหล่านี้มักนำเสนอข้อมูลที่เกินจริงและไม่กล่าวถึงความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีเพียง 15% ของโพสต์ที่พูดถึงข้อเสีย และเกือบสองในสามมาจากบัญชีที่มีความสัมพันธ์ทางการเงินกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่จำเป็นและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่จำเป็น เรื่องนี้เรียกว่า Overdiagnosis โดยผลการศึกษาพบว่า การตรวจสุขภาพเช่นนี้มักจะไม่ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษาพบว่าโพสต์ที่เล่าเรื่องราวส่วนตัวเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพมักจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากกว่า โพสต์เหล่านี้มักจะบอกเล่าถึงผลลัพธ์ที่ดีและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับการตรวจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีความสัมพันธ์กับเรื่องราวและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของการตรวจนี้มากขึ้น หากคุณเจอโพสต์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพบนสื่อสังคมออนไลน์ ควรพิจารณาว่าโพสต์นั้นพยายามชักจูงให้คุณเชื่อในสิ่งใดหรือไม่ แทนที่จะให้ข้อมูลที่เป็นกลาง นอกจากนี้ควรคำนึงถึงว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพอาจยังไม่ครบถ้วน และเรื่องราวส่วนตัวที่โพสต์เหล่านี้เล่ามักจะกระตุ้นความรู้สึกและทำให้คุณดึงดูดใจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/influencers-call-these-medical-tests-lifesaving-heres-what-you-may-not-know
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Influencers call these medical tests lifesaving. Here’s what you may not know
    If you come across a post discussing medical tests on social media, ask yourself whether it is trying to convince you of something, rather than just providing you with information.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต

    วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด

    "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต • วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด • "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 585 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาสัมพันธ์บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่
    ณ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
    วันที่ 7 มีนาคม 2568
    เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

    มีบริการตรวจอยู่ 3 บริการด้วยกัน
    1. ตรวจสมรรถภาพของหลอดเลือดแดงส่วนบนและส่วนปลาย (Ankle Brachial Index: ABI, Arterial Stiffness Index: ASI)
    สามารถตรวจความอุดตันตีบตันและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง โดย ASI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนบนที่ส่งเลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจและสมอง ในขณะที่ ABI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เช่น มือและเท้า
    2. ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density: BMD)
    3. ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition)
    *** บริการตรวจข้างต้นผู้รับบริการ ไม่ต้องอดน้ำหรืออาหาร ก่อนเข้ารับบริการนะคะ ***
    ทางเรายินดีให้บริการตรวจร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิคที่ไม่มีเครื่องมือแพทย์ อีกทั้งยังมีบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ถึงหน้าบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลหรือคลินิก
    สนใจตรวจ หรือจองคิวเพื่อเข้ารับบริการ
    สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่👉🏻Inbox
    ไลน์: https://lin.ee/FTA3ojJ
    โทร: 02-994-1977 (Call Center)
    โทร: 095-492-2826 (Admin)
    .
    #BMD #ASI #ABI #BMD #WWC #KSY #สุขภาพ #เพื่อสุขภาพ #ตรวจสุขภาพ #ตรวจสุขภาพประจำ
    📣ประชาสัมพันธ์บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่📣 📍ณ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย 📅วันที่ 7 มีนาคม 2568 เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง 💡มีบริการตรวจอยู่ 3 บริการด้วยกัน💡 1. ตรวจสมรรถภาพของหลอดเลือดแดงส่วนบนและส่วนปลาย (Ankle Brachial Index: ABI, Arterial Stiffness Index: ASI) 📌สามารถตรวจความอุดตันตีบตันและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง โดย ASI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนบนที่ส่งเลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจและสมอง ในขณะที่ ABI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เช่น มือและเท้า 2. ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) 3. ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) *** บริการตรวจข้างต้นผู้รับบริการ ไม่ต้องอดน้ำหรืออาหาร ก่อนเข้ารับบริการนะคะ *** ทางเรายินดีให้บริการตรวจร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิคที่ไม่มีเครื่องมือแพทย์ อีกทั้งยังมีบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ถึงหน้าบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลหรือคลินิก🚑❤️ ✨สนใจตรวจ หรือจองคิวเพื่อเข้ารับบริการ✨ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่👉🏻Inbox 📲ไลน์: https://lin.ee/FTA3ojJ 📞โทร: 02-994-1977 (Call Center) 📞โทร: 095-492-2826 (Admin) . #BMD #ASI #ABI #BMD #WWC #KSY #สุขภาพ #เพื่อสุขภาพ #ตรวจสุขภาพ #ตรวจสุขภาพประจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกันสังคมแจงยิบ รักษา-ยาเท่าบัตรทอง : [NEWS UPDATE]

    นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) เผยยืนยัน การรักษาตามสิทธิประกันสังคมไม่ด้อยกว่าบัตรทอง หลังสังคมตั้งข้อสงสัยและเปรียบเทียบสิทธิประกันสังคมกับบัตรทอง โดยประกันสังคมคุ้มครอง 7 กรณี ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของผู้ประกันตน ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ให้สิทธิการรักษาที่มีคุณภาพครอบคลุมทุกโรค อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่รวดเร็ว ด้านทันตกรรมครอบคลุมการถอนฟัน ผ่าฟันคุด อุดฟัน ขูดหินปูน เบิกฟันเทียม รวมถึงยกระดับการรักษา 5 โรคสำคัญ ได้แก่ หัวใจและหลอดเลือด หลอดเลือดสมอง นิ่วในไตและถุงน้ำดี มะเร็งเต้านม และก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่ เพิ่มทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง สิทธิการตรวจสุขภาพ และการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งยังพัฒนาให้ผู้ประกันตนได้สิทธิเพิ่ม ย้ำ ไม่ว่าสิทธิใด คุณภาพในการรักษา รวมถึงยา ต้องเป็นไปตามมาตรฐานและเท่าเทียมกัน

    -1.2 พันคนเอี่ยวฮั้วเลือก สว.

    -ทลายแหล่งกบดานแก็งคอล

    -น้ำลำตะคองลดฮวบ

    -ยังไม่พบไวรัสใหม่ติดคน
    ประกันสังคมแจงยิบ รักษา-ยาเท่าบัตรทอง : [NEWS UPDATE] นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) เผยยืนยัน การรักษาตามสิทธิประกันสังคมไม่ด้อยกว่าบัตรทอง หลังสังคมตั้งข้อสงสัยและเปรียบเทียบสิทธิประกันสังคมกับบัตรทอง โดยประกันสังคมคุ้มครอง 7 กรณี ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของผู้ประกันตน ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ให้สิทธิการรักษาที่มีคุณภาพครอบคลุมทุกโรค อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่รวดเร็ว ด้านทันตกรรมครอบคลุมการถอนฟัน ผ่าฟันคุด อุดฟัน ขูดหินปูน เบิกฟันเทียม รวมถึงยกระดับการรักษา 5 โรคสำคัญ ได้แก่ หัวใจและหลอดเลือด หลอดเลือดสมอง นิ่วในไตและถุงน้ำดี มะเร็งเต้านม และก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่ เพิ่มทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง สิทธิการตรวจสุขภาพ และการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งยังพัฒนาให้ผู้ประกันตนได้สิทธิเพิ่ม ย้ำ ไม่ว่าสิทธิใด คุณภาพในการรักษา รวมถึงยา ต้องเป็นไปตามมาตรฐานและเท่าเทียมกัน -1.2 พันคนเอี่ยวฮั้วเลือก สว. -ทลายแหล่งกบดานแก็งคอล -น้ำลำตะคองลดฮวบ -ยังไม่พบไวรัสใหม่ติดคน
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1414 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป!

    รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด

    **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่

    * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ
    * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
    * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
    * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

    **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้**

    * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน
    * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน
    * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง

    **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว

    #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง

    #พลังZeeds
    ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป! รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่ * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้** * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง #พลังZeeds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅️10 อาการบ่งบอกการเข้าสู่ผู้สูงวัย✅️ และวิธีป้องกัน
    ป้ายยามี ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร อยู่ในเพจเลือกช็อป กดลิงค์สั่งซื้อได้เลยค่ะ

    1. อ่อนแรงง่าย – ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
    2. ปวดข้อและกระดูก – รับแคลเซียม วิตามินดี และควบคุมน้ำหนัก
    3. สายตาพร่ามัว – ตรวจสายตาประจำปี ป้องกันต้อกระจก
    4. ความจำเริ่มถดถอย – ฝึกสมอง อ่านหนังสือ เล่นเกมปริศนา
    5. นอนไม่หลับ – จัดเวลานอน งดคาเฟอีนก่อนนอน
    6. อารมณ์แปรปรวน – ฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย ลดความเครียด
    7. ระบบเผาผลาญช้าลง – ควบคุมอาหาร ลดน้ำตาล ไขมัน
    8. ผิวแห้งและเหี่ยวย่น – ใช้ครีมบำรุง ดื่มน้ำเพียงพอ
    9. ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง – กินไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำมากขึ้น
    10. เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม – ตรวจสุขภาพหัวใจและปอดประจำปี
    ✅️ป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพแข็งแรงยาวนาน!

    ✅️10 อาการบ่งบอกการเข้าสู่ผู้สูงวัย✅️ และวิธีป้องกัน 📌ป้ายยา👉มี ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร อยู่ในเพจเลือกช็อป กดลิงค์สั่งซื้อได้เลยค่ะ 1. อ่อนแรงง่าย – ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ 2. ปวดข้อและกระดูก – รับแคลเซียม วิตามินดี และควบคุมน้ำหนัก 3. สายตาพร่ามัว – ตรวจสายตาประจำปี ป้องกันต้อกระจก 4. ความจำเริ่มถดถอย – ฝึกสมอง อ่านหนังสือ เล่นเกมปริศนา 5. นอนไม่หลับ – จัดเวลานอน งดคาเฟอีนก่อนนอน 6. อารมณ์แปรปรวน – ฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย ลดความเครียด 7. ระบบเผาผลาญช้าลง – ควบคุมอาหาร ลดน้ำตาล ไขมัน 8. ผิวแห้งและเหี่ยวย่น – ใช้ครีมบำรุง ดื่มน้ำเพียงพอ 9. ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง – กินไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำมากขึ้น 10. เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม – ตรวจสุขภาพหัวใจและปอดประจำปี ✅️ป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพแข็งแรงยาวนาน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1231 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครอง8,000,000
    เด็ก ผู้ใหญ่ ทำได้ทุกวัย
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย8ล้าน

    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ปลดล็อค ดับเบิล แคร์
    เบี้ยเริ่มต้นแค่วันละ 39 บาท*
    เจอโรคร้ายแรงตามที่กำหนด เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า!

    แอดมิทนอนรพ. เหมาจ่ายค่ารักษาตามจริง แผน1 แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 8 ล้าน, 15 ล้าน, 30 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์
    เป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไข เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า แผน1, แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 16 ล้าน, 30 ล้าน, 60 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์
    ค่าห้อง-อาหาร ในรพ. แผน1 3,000 บาท, แผน2 6,000 บาท และ แผน3 15,000 บาท/วัน**
    ค่ารักษาในห้องไอซียู จ่ายตามจริง
    ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ จ่ายตามจริง
    ค่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ จ่ายตามจริง
    คุ้มครองคีโม Targeted Therapy ฉายแสง ล้างไต แม้ไม่นอนรพ. จ่ายตามจริง
    ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน ภายใน 24 ชม. จ่ายตามจริง
    ค่าตรวจสุขภาพประจำปี/ฉีดวัคซีน แผน1 1,000 บาท, แผน2 2,500 บาท และ แผน3 5,500 บาท/ต่อรอบปีกรมธรรม์ ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์
    Fax Claim ได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย***

    ~~~~~~~~

    สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
    Line ID : @fiamony
    คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu
    FB Page: Fiamony
    081-323-8168
    TikTok: Fiamony , (live บ่ายโมง จันทร์-ศุกร์)

    #fiamony | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
    #ประกันอลิอันซ์ | #อลิอันซ์อยุธยา | #ถูกและดี
    #ประกันสุขภาพเด็ก | #ประกันสุขภาพออนไลน์
    จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครอง8,000,000 ✅ เด็ก ✅ผู้ใหญ่ ทำได้ทุกวัย #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย8ล้าน ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ปลดล็อค ดับเบิล แคร์ เบี้ยเริ่มต้นแค่วันละ 39 บาท* เจอโรคร้ายแรงตามที่กำหนด เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า! 👉 แอดมิทนอนรพ. เหมาจ่ายค่ารักษาตามจริง แผน1 แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 8 ล้าน, 15 ล้าน, 30 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์ 👉 เป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไข เบิ้ลวงเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่า แผน1, แผน2, แผน3 วงเงินผลประโยชน์ 16 ล้าน, 30 ล้าน, 60 ล้าน/ต่อรอบปีกรมธรรม์ 👉 ค่าห้อง-อาหาร ในรพ. แผน1 3,000 บาท, แผน2 6,000 บาท และ แผน3 15,000 บาท/วัน** 👉 ค่ารักษาในห้องไอซียู จ่ายตามจริง 👉 ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ จ่ายตามจริง 👉 ค่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ จ่ายตามจริง 👉 คุ้มครองคีโม Targeted Therapy ฉายแสง ล้างไต แม้ไม่นอนรพ. จ่ายตามจริง 👉 ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน ภายใน 24 ชม. จ่ายตามจริง 👉 ค่าตรวจสุขภาพประจำปี/ฉีดวัคซีน แผน1 1,000 บาท, แผน2 2,500 บาท และ แผน3 5,500 บาท/ต่อรอบปีกรมธรรม์ ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ 👉 Fax Claim ได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย*** ~~~~~~~~ 💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 📩 Line ID : @fiamony 📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu 🌐 FB Page: Fiamony ☎️ 081-323-8168 🎙️ TikTok: Fiamony , (live บ่ายโมง จันทร์-ศุกร์) #fiamony | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันอลิอันซ์ | #อลิอันซ์อยุธยา | #ถูกและดี #ประกันสุขภาพเด็ก | #ประกันสุขภาพออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1354 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 วิธีดูแลสุขภาพกายและใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย

    1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์


    3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง


    4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม


    5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ


    6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน


    7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม


    8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน


    9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม


    10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม


    11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร


    12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ


    13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า


    14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย


    15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้


    16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ


    17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต


    18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด


    19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ


    20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม



    ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!

    📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง 2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ 3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม 5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ 6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน 7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม 8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน 9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม 10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม 11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร 12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ 13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า 14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้ 16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ 17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต 18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด 19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ 20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### สูงวัยอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี: ✅️เน้นการป้องกัน และดูแลตัวเอง✅️

    เข้าสู่วัยสูงอายุไม่จำเป็นต้องหมายถึงการยอมรับความเสื่อมสภาพของร่างกาย คุณสามารถ มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยการป้องกันและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตในวัยทองได้อย่างมีความสุขและสุขภาพดี:

    1. **รับประทานอาหารที่มีประโยชน์**
    การรับประทานอาหารที่สมดุลและมีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญในทุกช่วงวัย แต่ในวัยสูงอายุควรเน้นอาหารที่มีสารอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และปลา เลือกอาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น แซลมอนและเมล็ดแฟลกซ์เพื่อบำรุงหัวใจและสมอ
    กินอาหารที่มีประโยชน์ เท่านั้น
    2. **ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ**
    การออกกำลังกายช่วยรักษากล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเบาหวาน เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ทำให้คุณรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่า
    ข้อนี้บอกเลยสำคัญมากๆ

    3. **ดูแลสุขภาพจิต**
    สุขภาพจิตที่ดีมีความสำคัญไม่น้อย ไปกว่าสุขภาพกาย หาเวลาทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น การอ่านหนังสือ ทำสวน หรือพบปะกับเพื่อนฝูง ❌️หลีกเลี่ยงความเครียดและเรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิ หรือ การหายใจลึก ๆ
    การรู้จัก ปล่อยวาง และมองทุกอย่างๆที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราเห็น

    4. **ตรวจสุขภาพเป็นประจำ**
    การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้คุณสามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่าลืมตรวจสุขภาพตา หู และฟัน รวมถึงการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงในวัยสูงอายุต้องไปตรวจ

    5. **การดูแลผิวพรรณ**
    ผิวพรรณในวัยสูงอายุมีแนวโน้มที่จะแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การดูแลผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ครีมบำรุงผิวหรือเซรั่ม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
    แนะนำ ผลิตภัณฑ์ Anti -Aging มีครบทุกชนิดค่ะ

    6. **การป้องกันการล้ม**
    การล้มเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและสามารถทำให้เกิด การบาดเจ็บร้ายแรงได้ ตรวจสอบสภาพบ้านและ กำจัดสิ่งกีดขวางที่อาจทำให้ล้ม ใช้รองเท้าที่มีพื้นกันลื่น และติดตั้งราวจับในห้องน้ำ หรือบันได

    7. **การดูแลสายตา และการได้ยิน**
    สุขภาพสายตาและ การได้ยินที่ดีช่วยให้คุณสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ ตรวจสุขภาพตาและหูอย่างสม่ำเสมอ และใช้แว่นตาหรือเครื่องช่วยฟังตามคำแนะนำของแพทย์
    มีผลิตภัณฑ์ บำรุงสายตา และ เครื่องช่วยฟัง

    การดูแลตัวเองในวัยสูงอายุไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน คุณจะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตในวัยทองอย่างมีความสุขและสมดุล
    ใช้ชีวิตวัยทองอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขึ้นอยู่กับการดูแลและป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า!
    ###📌 สูงวัยอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี: ✅️เน้นการป้องกัน และดูแลตัวเอง✅️ เข้าสู่วัยสูงอายุไม่จำเป็นต้องหมายถึงการยอมรับความเสื่อมสภาพของร่างกาย คุณสามารถ ✴️มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยการป้องกันและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตในวัยทองได้อย่างมีความสุขและสุขภาพดี: 1. **รับประทานอาหารที่มีประโยชน์** การรับประทานอาหารที่สมดุลและมีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญในทุกช่วงวัย แต่ในวัยสูงอายุควรเน้นอาหารที่มีสารอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และปลา เลือกอาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น แซลมอนและเมล็ดแฟลกซ์เพื่อบำรุงหัวใจและสมอ ❤️กินอาหารที่มีประโยชน์ เท่านั้น❤️ 2. **ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ** การออกกำลังกายช่วยรักษากล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเบาหวาน เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ทำให้คุณรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่า ✴️✴️ข้อนี้บอกเลยสำคัญมากๆ✴️✴️ 3. **ดูแลสุขภาพจิต** สุขภาพจิตที่ดีมีความสำคัญไม่น้อย ไปกว่าสุขภาพกาย หาเวลาทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น การอ่านหนังสือ ทำสวน หรือพบปะกับเพื่อนฝูง ❌️หลีกเลี่ยงความเครียดและเรียนรู้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิ หรือ การหายใจลึก ๆ ❤️การรู้จัก ปล่อยวาง และมองทุกอย่างๆที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราเห็น❤️ 4. **ตรวจสุขภาพเป็นประจำ** การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้คุณสามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่าลืมตรวจสุขภาพตา หู และฟัน รวมถึงการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงในวัยสูงอายุ❤️ต้องไปตรวจ❤️ 5. **การดูแลผิวพรรณ** ผิวพรรณในวัยสูงอายุมีแนวโน้มที่จะแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การดูแลผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ครีมบำรุงผิวหรือเซรั่ม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ❤️แนะนำ ผลิตภัณฑ์ Anti -Aging มีครบทุกชนิดค่ะ❤️ 6. **การป้องกันการล้ม** การล้มเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและสามารถทำให้เกิด การบาดเจ็บร้ายแรงได้ ตรวจสอบสภาพบ้านและ กำจัดสิ่งกีดขวางที่อาจทำให้ล้ม ใช้รองเท้าที่มีพื้นกันลื่น และติดตั้งราวจับในห้องน้ำ หรือบันได 7. **การดูแลสายตา และการได้ยิน** สุขภาพสายตาและ การได้ยินที่ดีช่วยให้คุณสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ ตรวจสุขภาพตาและหูอย่างสม่ำเสมอ และใช้แว่นตาหรือเครื่องช่วยฟังตามคำแนะนำของแพทย์ ❤️มีผลิตภัณฑ์ บำรุงสายตา และ เครื่องช่วยฟัง❤️ ✴️การดูแลตัวเองในวัยสูงอายุไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน คุณจะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตในวัยทองอย่างมีความสุขและสมดุล 😊ใช้ชีวิตวัยทองอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขึ้นอยู่กับการดูแลและป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1383 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข
    Gen-X สดใส ภายในและภายนอก

    การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ!

    1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ
    การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง

    2. การเงินต้องวางแผนให้ดี
    ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง

    3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
    การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว

    4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด
    ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น

    5. การดูแลจิตใจและอารมณ์
    การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

    6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย
    การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด

    7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่
    การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต

    8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน
    การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ
    ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่

    การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!
    ### 📣เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ 📌Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข Gen-X สดใส ภายในและภายนอก ✴️การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ! ✴️ 1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง ✴️ 2. การเงินต้องวางแผนให้ดี ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง ✴️3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว ✴️ 4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น ✴️ 5. การดูแลจิตใจและอารมณ์ การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน ✴️6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด ✴️7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่ การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต ✴️8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ ❤️การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!❤️😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1090 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน
    .
    เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย
    .
    ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ
    .
    1. ความรับผิดชอบ
    2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
    3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ
    .
    ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้
    วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์
    วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด
    วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ)
    ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร
    Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้
    มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People)
    .
    มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป
    .
    สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ
    ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน
    สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
    ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน
    กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น
    สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
    ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน
    พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก
    นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door)
    วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข
    องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
    ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ
    ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี
    .
    ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน
    .
    มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน!
    .
    ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand
    #PfizerThailand #ไฟเซอร์
    #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์
    [PR NEWS]
    การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน . เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย . ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ . 1. ความรับผิดชอบ 2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม 3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ . ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้ ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์ ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ) ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People) . มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป . สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door) ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี . ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน . มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน! . ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand #PfizerThailand #ไฟเซอร์ #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์ [PR NEWS]
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1726 มุมมอง 80 0 รีวิว
  • ช่วงอายุที่สามารถซื้อประกันคุ้มครองค่าคลอดบุตร
    คุ้มค่าแน่นอน! ดูแลคุณตั้งแต่ท้องจนถึงคลอด👶🏻
    ประกันสุขภาพที่ดูทุกเรื่อง First Class 100ล้าน
    ทัก Fiamony ได้เลยตอนนี้ เพื่อเริ่มความคุ้มครอง

    "สุขภาพดี คลอดปลอดภัย กับประกันสุขภาพที่ดูแลคุณครบทุกด้าน“

    ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น... อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทำให้คุณไม่สบายใจ!

    **ประกันสุขภาพที่จ่ายค่าคลอดบุตร**
    ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการคลอดบุตรในโรงพยาบาลชั้นนำ เราก็พร้อมดูแลคุณ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงการคลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป

    ครอบคลุมค่าคลอด 400,000฿ พร้อมการดูแลที่ดีที่สุด
    คุ้มครองทั้งแม่และเด็ก ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
    บริการจากโรงพยาบาลชั้นนำ ให้คุณมั่นใจในคุณภาพ
    คุ้มครองตั้งแต่ฝากครรภ์ จ่ายค่าUltrasound วัคซีน ตรวจNifty ตรวจเบาหวาน ภาวะแทรกซ้อน
    เคลมง่าย จ่ายไว ให้คุณมีเวลามากขึ้นในการดูแลตัวเองและลูกน้อย

    👶🏻ให้ทุกการคลอดของคุณเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
    ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เพราะเราจะอยู่เคียงข้างคุณ!

    ชีวิตใหม่ เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ กับประกันสุขภาพที่เราพร้อมดูแลทุกก้าวของคุณ

    สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
    Line ID : @fiamony
    คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu
    FB Page: Fiamony
    081-323-8168

    #fiamony | #ประกันแม่และเด็ก | #AllianzAyudhya
    #ประกันคลอดบุตร | #ประกันอลิอันซ์ | #คลอดลูก
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    ช่วงอายุที่สามารถซื้อประกันคุ้มครองค่าคลอดบุตร คุ้มค่าแน่นอน! ดูแลคุณตั้งแต่ท้องจนถึงคลอด👶🏻 ประกันสุขภาพที่ดูทุกเรื่อง First Class 100ล้าน ทัก Fiamony ได้เลยตอนนี้ เพื่อเริ่มความคุ้มครอง✨ "สุขภาพดี คลอดปลอดภัย กับประกันสุขภาพที่ดูแลคุณครบทุกด้าน“ 🌟 ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น... อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทำให้คุณไม่สบายใจ! 🎉 **ประกันสุขภาพที่จ่ายค่าคลอดบุตร** 🎉 ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการคลอดบุตรในโรงพยาบาลชั้นนำ เราก็พร้อมดูแลคุณ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงการคลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ✔️ ครอบคลุมค่าคลอด 400,000฿ พร้อมการดูแลที่ดีที่สุด ✔️ คุ้มครองทั้งแม่และเด็ก ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ ✔️ บริการจากโรงพยาบาลชั้นนำ ให้คุณมั่นใจในคุณภาพ ✔️ คุ้มครองตั้งแต่ฝากครรภ์ จ่ายค่าUltrasound วัคซีน ตรวจNifty ตรวจเบาหวาน ภาวะแทรกซ้อน ✔️ เคลมง่าย จ่ายไว ให้คุณมีเวลามากขึ้นในการดูแลตัวเองและลูกน้อย 👶🏻ให้ทุกการคลอดของคุณเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เพราะเราจะอยู่เคียงข้างคุณ! ✨ ชีวิตใหม่ เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ กับประกันสุขภาพที่เราพร้อมดูแลทุกก้าวของคุณ 💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 📩 Line ID : @fiamony 📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu 🌐 FB Page: Fiamony ☎️ 081-323-8168 #fiamony | #ประกันแม่และเด็ก | #AllianzAyudhya #ประกันคลอดบุตร | #ประกันอลิอันซ์ | #คลอดลูก #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1695 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วางแผนทำกิฟต์ ซื้อประกันคุ้มครองค่าคลอดได้ไหม?
    เมื่อคุณวางแผนตั้งครรภ์ อย่าลืมปรึกษา Fiamony
    ประกันคุ้มครองค่าคลอด400,000 ช่วยให้คุณมั่นใจ
    👶🏻 ให้คุณมีเวลาเต็มที่ในการดูแลลูกน้อยของคุณ

    "สุขภาพดี คลอดปลอดภัย กับประกันสุขภาพที่ดูแลคุณครบทุกด้าน“

    ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น... อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทำให้คุณไม่สบายใจ!

    **ประกันสุขภาพที่จ่ายค่าคลอดบุตร**
    ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการคลอดบุตรในโรงพยาบาลชั้นนำ เราก็พร้อมดูแลคุณ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงการคลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป

    ครอบคลุมค่าคลอด 400,000฿ พร้อมการดูแลที่ดีที่สุด
    คุ้มครองทั้งแม่และเด็ก ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
    บริการจากโรงพยาบาลชั้นนำ ให้คุณมั่นใจในคุณภาพ
    คุ้มครองตั้งแต่ฝากครรภ์ จ่ายค่าUltrasound วัคซีน ตรวจNifty ตรวจเบาหวาน ภาวะแทรกซ้อน
    เคลมง่าย จ่ายไว ให้คุณมีเวลามากขึ้นในการดูแลตัวเองและลูกน้อย

    👶🏻ให้ทุกการคลอดของคุณเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
    ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เพราะเราจะอยู่เคียงข้างคุณ!

    ชีวิตใหม่ เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ กับประกันสุขภาพที่เราพร้อมดูแลทุกก้าวของคุณ

    สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
    Line ID : @fiamony
    คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu
    FB Page: Fiamony
    081-323-8168

    #fiamony | #ประกันแม่และเด็ก | #AllianzAyudhya
    #ประกันคลอดบุตร | #ประกันอลิอันซ์ | #คลอดลูก
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    วางแผนทำกิฟต์ ซื้อประกันคุ้มครองค่าคลอดได้ไหม? เมื่อคุณวางแผนตั้งครรภ์ อย่าลืมปรึกษา Fiamony 🛎️ ประกันคุ้มครองค่าคลอด400,000 ช่วยให้คุณมั่นใจ 👶🏻 ให้คุณมีเวลาเต็มที่ในการดูแลลูกน้อยของคุณ "สุขภาพดี คลอดปลอดภัย กับประกันสุขภาพที่ดูแลคุณครบทุกด้าน“ 🌟 ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น... อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทำให้คุณไม่สบายใจ! 🎉 **ประกันสุขภาพที่จ่ายค่าคลอดบุตร** 🎉 ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการคลอดบุตรในโรงพยาบาลชั้นนำ เราก็พร้อมดูแลคุณ ตั้งแต่การตั้งครรภ์จนถึงการคลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ✔️ ครอบคลุมค่าคลอด 400,000฿ พร้อมการดูแลที่ดีที่สุด ✔️ คุ้มครองทั้งแม่และเด็ก ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ ✔️ บริการจากโรงพยาบาลชั้นนำ ให้คุณมั่นใจในคุณภาพ ✔️ คุ้มครองตั้งแต่ฝากครรภ์ จ่ายค่าUltrasound วัคซีน ตรวจNifty ตรวจเบาหวาน ภาวะแทรกซ้อน ✔️ เคลมง่าย จ่ายไว ให้คุณมีเวลามากขึ้นในการดูแลตัวเองและลูกน้อย 👶🏻ให้ทุกการคลอดของคุณเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน เพราะเราจะอยู่เคียงข้างคุณ! ✨ ชีวิตใหม่ เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ กับประกันสุขภาพที่เราพร้อมดูแลทุกก้าวของคุณ 💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 📩 Line ID : @fiamony 📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu 🌐 FB Page: Fiamony ☎️ 081-323-8168 #fiamony | #ประกันแม่และเด็ก | #AllianzAyudhya #ประกันคลอดบุตร | #ประกันอลิอันซ์ | #คลอดลูก #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1692 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts