• ..อิหร่านคลิปนี้ชอบค่าจริง จริงๆ,ซึ่งในประเทศไทยเราสมควรปฏิวัติไปเลย.,ภายในประเทศอิหร่านจะขายน้ำมันชนิดแบบเบนซินหรือดีเชล อยู่ระหว่าง1-2บาทต่อลิตรเอง.,ประเทศไทยต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารต้องเพื่องานนี้จริงๆ,ไม่เสียของแบบๆที่เคยๆยึดอำนาจกันแบบกากๆที่ผ่านมา ไร้ค่าไร้สมองแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ จะราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้าแพง หรือค่าครองชีพแพง ต้นทุนพื้นฐานแพงทั้งหมดของต้นทุนทุกๆภาคส่วน บ่อน้ำมันนี้ล่ะคือต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดของชาติไทย,ตลอดต่างชาติทั้งหมดที่คตโกงไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศไทย ปล้นชิงแย่งขิงทรัพยากรวัตถุดิบที่เป็นหัวใจของการพัฒนาชาติไทยเราไปจริงคือสิ่งนี้ในยุคนี้สมัยนี้คือบ่อน้ำมัน,แม้ดวงอาทิตย์ดับ เพียงมีบ่อน้ำมัน เราก็สามารถอยู่กันได้ตลอดหลายพันปีอย่างสบายๆของประเทศไทยเรา,ด้วบความละโมบของต่างชาติ เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวแก่ชาติมัน จึงมาปล้นชิงของเราไปจากแผ่นดินไทยอย่างอยุติธรรมทางข้อตกลงต่างๆตรึม.
    ..คลิปนี้ชัดเจนดีมาก ไร้คำติ,ด้านเปรียบเทียบราคาที่ซื้อขายกันจริง,มิใช่ซื้อขายเถื่อน ขโมยมาขายสไตล์ชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆอาทิทุบท่อส่งน้ำของรัฐของเอกชนขโมยเอามาขายเป็นคันๆรถบรรทุกหรือเรือลำอภิมหาใหญ่ต่างๆ,แต่คือตัวอย่างการซื้อขายแบบเปิดเผยจริง เห็นชัดเจน.
    ..ชาติไทยเรามีคนชั่วเลวในระบบทั้งการเมือง และในระบบราชการนานพอแล้ว ทำผิดไม่เคยต้องโทษประหารจริงสักตัว แล้วก็คืนกลับมาก่อชั่วเลวต่อคนทั้งชาติไม่ยอมหยุด,ข้าราชการไทยคือตัวสร้างปัญหาสร้างความเดือดร้อนตรงแก่ประชาชน กฎกระทรวงทบงกรมมันทั้งสิ้นพากันเขียนเองตีตราออกมาบังคับในกระทรวงทบวงกรมมัน,แต่เวลาผิด ไม่เคยลงโทษจริงจังอะไรเลย ไม่เกรงกลัวอะไรด้วย เหมือนมันเองอยู่เหนือกฎหมายที่มันเขียนเองไม่มีความผิด,ทรัพยากรชาติไทยเป็นอันมากคนข้าราชการคือบ่อนธุรการร่วมก่อการกับภาคนักการเมือง,สัมปทานบ่อน้ำมัน สัมปทานไฟฟ้าสดๆร้อนๆเหี้ยหน่วยงานรัฐเองดำเนินการผิดพลาดปาหี่แหกตาว่านักการเมืองสั่งการ นายทุนสั่งยัดไส้ ซึ่งแท้จริงเดอะแก๊งมันสมคบคิดกันร่วมก่อการหมด,เรามีการปกครองที่ล้มเหลวและน่าเศร้าใจมากต่อแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนเมืองตายไทยเราเอง,เรามีวิถีปกครองที่เหี้ยสิ้นดี มีแต่สิ่งเลวเต็มบ้านเต็มเมือง หวยเอยรัฐก็ผลิตเอง บ่อนคาสิโนก็กำลังก่อสร้าง,มองดูอดีตที่ผ่านๆมาย้อนหลังแค่30-40ปีพอ มันเหี้ยบัดสบมาก,ระบบปกครองที่ล้มเหลวจริงๆ.คณะบริหารประเทศและปกครองประเทศเต็มไปด้วยการคตโกงทุจริตไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทยตนเอง ไม่เคยมีใครเจอโทษประหารให้เป็นเยี่ยงอย่างฐานไม่ซื่อสัตย์ทั้งคณะเลย,มาทัังคณะต้องไปทั้งคณะ,ชาติไทยเราพอแก่ความผิดพลาดนานพอหรือยัง.
    ..อิหร่านคลิปนี้ชอบค่าจริง จริงๆ,ซึ่งในประเทศไทยเราสมควรปฏิวัติไปเลย.,ภายในประเทศอิหร่านจะขายน้ำมันชนิดแบบเบนซินหรือดีเชล อยู่ระหว่าง1-2บาทต่อลิตรเอง.,ประเทศไทยต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารต้องเพื่องานนี้จริงๆ,ไม่เสียของแบบๆที่เคยๆยึดอำนาจกันแบบกากๆที่ผ่านมา ไร้ค่าไร้สมองแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ จะราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้าแพง หรือค่าครองชีพแพง ต้นทุนพื้นฐานแพงทั้งหมดของต้นทุนทุกๆภาคส่วน บ่อน้ำมันนี้ล่ะคือต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดของชาติไทย,ตลอดต่างชาติทั้งหมดที่คตโกงไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศไทย ปล้นชิงแย่งขิงทรัพยากรวัตถุดิบที่เป็นหัวใจของการพัฒนาชาติไทยเราไปจริงคือสิ่งนี้ในยุคนี้สมัยนี้คือบ่อน้ำมัน,แม้ดวงอาทิตย์ดับ เพียงมีบ่อน้ำมัน เราก็สามารถอยู่กันได้ตลอดหลายพันปีอย่างสบายๆของประเทศไทยเรา,ด้วบความละโมบของต่างชาติ เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวแก่ชาติมัน จึงมาปล้นชิงของเราไปจากแผ่นดินไทยอย่างอยุติธรรมทางข้อตกลงต่างๆตรึม. ..คลิปนี้ชัดเจนดีมาก ไร้คำติ,ด้านเปรียบเทียบราคาที่ซื้อขายกันจริง,มิใช่ซื้อขายเถื่อน ขโมยมาขายสไตล์ชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆอาทิทุบท่อส่งน้ำของรัฐของเอกชนขโมยเอามาขายเป็นคันๆรถบรรทุกหรือเรือลำอภิมหาใหญ่ต่างๆ,แต่คือตัวอย่างการซื้อขายแบบเปิดเผยจริง เห็นชัดเจน. ..ชาติไทยเรามีคนชั่วเลวในระบบทั้งการเมือง และในระบบราชการนานพอแล้ว ทำผิดไม่เคยต้องโทษประหารจริงสักตัว แล้วก็คืนกลับมาก่อชั่วเลวต่อคนทั้งชาติไม่ยอมหยุด,ข้าราชการไทยคือตัวสร้างปัญหาสร้างความเดือดร้อนตรงแก่ประชาชน กฎกระทรวงทบงกรมมันทั้งสิ้นพากันเขียนเองตีตราออกมาบังคับในกระทรวงทบวงกรมมัน,แต่เวลาผิด ไม่เคยลงโทษจริงจังอะไรเลย ไม่เกรงกลัวอะไรด้วย เหมือนมันเองอยู่เหนือกฎหมายที่มันเขียนเองไม่มีความผิด,ทรัพยากรชาติไทยเป็นอันมากคนข้าราชการคือบ่อนธุรการร่วมก่อการกับภาคนักการเมือง,สัมปทานบ่อน้ำมัน สัมปทานไฟฟ้าสดๆร้อนๆเหี้ยหน่วยงานรัฐเองดำเนินการผิดพลาดปาหี่แหกตาว่านักการเมืองสั่งการ นายทุนสั่งยัดไส้ ซึ่งแท้จริงเดอะแก๊งมันสมคบคิดกันร่วมก่อการหมด,เรามีการปกครองที่ล้มเหลวและน่าเศร้าใจมากต่อแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนเมืองตายไทยเราเอง,เรามีวิถีปกครองที่เหี้ยสิ้นดี มีแต่สิ่งเลวเต็มบ้านเต็มเมือง หวยเอยรัฐก็ผลิตเอง บ่อนคาสิโนก็กำลังก่อสร้าง,มองดูอดีตที่ผ่านๆมาย้อนหลังแค่30-40ปีพอ มันเหี้ยบัดสบมาก,ระบบปกครองที่ล้มเหลวจริงๆ.คณะบริหารประเทศและปกครองประเทศเต็มไปด้วยการคตโกงทุจริตไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทยตนเอง ไม่เคยมีใครเจอโทษประหารให้เป็นเยี่ยงอย่างฐานไม่ซื่อสัตย์ทั้งคณะเลย,มาทัังคณะต้องไปทั้งคณะ,ชาติไทยเราพอแก่ความผิดพลาดนานพอหรือยัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี

    การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine

    ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า
    - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก
    - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt

    ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี
    - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011)
    - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้

    ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง
    - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ
    - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ

    ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine
    - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn
    - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ

    https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011) - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้ ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Astronomers spot possible Planet Nine in data spanning 23 years
    Astronomers have long speculated about an unseen planet lurking in the solar system's outer edge. This hypothetical world, dubbed Planet Nine, could explain the unusual clustering of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์ได้ยืนยันการค้นพบ หลุมดำเดี่ยว ที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งเป็นหลุมดำที่ไม่มีดาวคู่หูและเดินทางผ่านอวกาศโดยลำพัง การค้นพบนี้เกิดขึ้นจากการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลและไกอา โดยหลุมดำนี้มีมวลประมาณ 6-7 เท่าของดวงอาทิตย์ และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 5,000 ปีแสง

    ✅ หลุมดำเดี่ยวนี้ถูกค้นพบในกลุ่มดาวราศีธนู
    - การค้นพบครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2022 แต่ถูกโต้แย้งโดยทีมวิจัยอื่น
    - ล่าสุดทั้งสองทีมได้ตกลงกันว่าหลุมดำนี้เป็นหลุมดำจริง

    ✅ การค้นพบเกิดจากปรากฏการณ์เลนส์ความโน้มถ่วง
    - หลุมดำทำให้แสงจากดาวพื้นหลังถูกขยายและเปลี่ยนตำแหน่ง
    - ปรากฏการณ์นี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์มวลและตำแหน่งของหลุมดำได้

    ✅ หลุมดำนี้มีมวลประมาณ 6-7 เท่าของดวงอาทิตย์
    - ทีมวิจัยใช้ข้อมูลจากฮับเบิลและไกอาเพื่อยืนยันมวลของหลุมดำ

    ✅ การค้นพบนี้ช่วยเปิดโอกาสในการศึกษาหลุมดำเดี่ยวเพิ่มเติม
    - กล้องโทรทรรศน์ Nancy Grace Roman ที่จะเปิดตัวในปี 2027 อาจช่วยค้นพบหลุมดำเดี่ยวเพิ่มเติม

    https://www.techspot.com/news/107634-there-solitary-black-hole-wandering-near-center-our.html
    นักดาราศาสตร์ได้ยืนยันการค้นพบ หลุมดำเดี่ยว ที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งเป็นหลุมดำที่ไม่มีดาวคู่หูและเดินทางผ่านอวกาศโดยลำพัง การค้นพบนี้เกิดขึ้นจากการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลและไกอา โดยหลุมดำนี้มีมวลประมาณ 6-7 เท่าของดวงอาทิตย์ และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 5,000 ปีแสง ✅ หลุมดำเดี่ยวนี้ถูกค้นพบในกลุ่มดาวราศีธนู - การค้นพบครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2022 แต่ถูกโต้แย้งโดยทีมวิจัยอื่น - ล่าสุดทั้งสองทีมได้ตกลงกันว่าหลุมดำนี้เป็นหลุมดำจริง ✅ การค้นพบเกิดจากปรากฏการณ์เลนส์ความโน้มถ่วง - หลุมดำทำให้แสงจากดาวพื้นหลังถูกขยายและเปลี่ยนตำแหน่ง - ปรากฏการณ์นี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์มวลและตำแหน่งของหลุมดำได้ ✅ หลุมดำนี้มีมวลประมาณ 6-7 เท่าของดวงอาทิตย์ - ทีมวิจัยใช้ข้อมูลจากฮับเบิลและไกอาเพื่อยืนยันมวลของหลุมดำ ✅ การค้นพบนี้ช่วยเปิดโอกาสในการศึกษาหลุมดำเดี่ยวเพิ่มเติม - กล้องโทรทรรศน์ Nancy Grace Roman ที่จะเปิดตัวในปี 2027 อาจช่วยค้นพบหลุมดำเดี่ยวเพิ่มเติม https://www.techspot.com/news/107634-there-solitary-black-hole-wandering-near-center-our.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    There is a solitary black hole wandering near the center of our galaxy, astronomers confirm
    A team of US astronomers led by Kailash Sahu said they have finally discovered the first isolated stellar-mass black hole traveling through space by itself. The researchers...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เจรจาสันติภาพ

    ช่วงปีใหม่ เจ้าตัวนี้รุกรานเข้ามาทำลายทรัพยากรในอาณาจักรย่อยยับ ด้วยอำนาจการเขี่ยอันมหาศาล

    จึงได้ทำการขับไล่ แต่ไม่อาจสู้ได้ เนื่องจากเจ้านี้มีความชำนาญในการรบแบบกองโจร คือ มึงมากูมุด มึงหยุดกูเขี่ย มึงละเหี่ยกูขัน เฮ้ย! นี่มันไอ้แจ้จากนรก โดยแท้

    จึงได้รายงาน ผบ.ทบ. ท่าน ผบ. มีคำสั่งเด็ดขาด ให้เจรจาโดยสันติวิธี ดำเนินการอย่างละมุนละม่อม ห่ะ! กับไอ้แจ้จากนรก เนี่ยนะ สันติก็สันติ

    ผลการเจรจา ได้ข้อยุติดังนี้
    1. ให้อาศัยอยู่ในอาณาจักรนี้ได้ โดยไม่มีการขับไล่
    2. ต้องหาอาหารให้โดยไม่ขาด
    3. ต้องให้ความคุ้มครอง ไม่ให้แมวจากอาณาจักรข้างเคียงเข้ามาทำร้าย
    4. มีเสรีภาพในการขันได้ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับดวงอาทิตย์

    จากเจรจาสันติภาพสู่สัญญาทาส โดยแท้ เอ้กอีเอ้กเอ่ก....
    #เจรจาสันติภาพ ช่วงปีใหม่ เจ้าตัวนี้รุกรานเข้ามาทำลายทรัพยากรในอาณาจักรย่อยยับ ด้วยอำนาจการเขี่ยอันมหาศาล จึงได้ทำการขับไล่ แต่ไม่อาจสู้ได้ เนื่องจากเจ้านี้มีความชำนาญในการรบแบบกองโจร คือ มึงมากูมุด มึงหยุดกูเขี่ย มึงละเหี่ยกูขัน เฮ้ย! นี่มันไอ้แจ้จากนรก โดยแท้ จึงได้รายงาน ผบ.ทบ. ท่าน ผบ. มีคำสั่งเด็ดขาด ให้เจรจาโดยสันติวิธี ดำเนินการอย่างละมุนละม่อม ห่ะ! กับไอ้แจ้จากนรก เนี่ยนะ สันติก็สันติ ผลการเจรจา ได้ข้อยุติดังนี้ 1. ให้อาศัยอยู่ในอาณาจักรนี้ได้ โดยไม่มีการขับไล่ 2. ต้องหาอาหารให้โดยไม่ขาด 3. ต้องให้ความคุ้มครอง ไม่ให้แมวจากอาณาจักรข้างเคียงเข้ามาทำร้าย 4. มีเสรีภาพในการขันได้ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับดวงอาทิตย์ จากเจรจาสันติภาพสู่สัญญาทาส โดยแท้ เอ้กอีเอ้กเอ่ก....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*

    ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม
    **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว**
    **เวลา : 1632 ปีก่อน**

    หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ

    **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ...

    ---

    ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา**
    **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน**
    **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย**

    **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน**

    **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก
    เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"**

    บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba)
    *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต**
    **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต**
    **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว**

    **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ

    **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"**

    ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา!

    ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ :
    *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน**
    **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย**
    **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด**

    **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า

    **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์

    เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด :
    *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน**
    **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย**
    **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ**

    **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา :
    *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"*

    ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"*
    ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ

    ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ :
    *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร**
    **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้**
    **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง**

    **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม

    **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น
    แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"**

    จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ :
    *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์**
    **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย**
    **เวลา : งานสงกรานต์**

    **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ

    **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ
    เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น!

    พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา :
    *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม**
    **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง**
    **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง

    ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"**

    - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน
    - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน
    - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต
    - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด
    - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน

    เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี :
    *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที*

    ---

    ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย**
    **1 ปีต่อมา**
    - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย
    - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต
    - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง
    - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป
    - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย

    บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า :
    *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"*

    ---

    **Preview ตอนต่อไป :**
    - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล
    - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่
    - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass* ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว** **เวลา : 1632 ปีก่อน** หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ... --- ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา** **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน** **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย** **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน** **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"** บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba) *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"* --- ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต** **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต** **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว** **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"** ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา! ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ : *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"* --- ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน** **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย** **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด** **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์ เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด : *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"* --- ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน** **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย** **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ** **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา : *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"* ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"* ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ : *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"* --- ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร** **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้** **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง** **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"** จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ : *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"* --- ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์** **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย** **เวลา : งานสงกรานต์** **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น! พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา : *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"* --- ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม** **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง** **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"** - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี : *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที* --- ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย** **1 ปีต่อมา** - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า : *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"* --- **Preview ตอนต่อไป :** - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่ - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 697 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌸 14 เมษายน “วันเนา” วันอยู่บ้าน วันว่างสงกรานต์ ตำนานความเชื่อ… ห้ามทะเลาะ! เผลอด่าใคร ซวยไปทั้งปี!

    ✍️ "วันเนา" มีความหมายลึกซึ้งกว่าเป็นเพียงวันว่าง กลางเทศกาลสงกรานต์ เพราะวันนี้คือวันแห่งการทำสิ่งดีงาม งดด่าทอ งดทะเลาะ และตระเตรียมทำบุญ เพื่อสิริมงคลตลอดปี เจาะลึกตำนานวันที่ห้ามด่า ห้ามทะเลาะ หากฝ่าฝืนจะพบเคราะห์ทั้งปี พร้อมเล่าความเชื่อ วิถีชีวิต และกิจกรรมจาก 4 ภาค ทั่วไทย 🌈

    🧘‍♀️ วันเนา… ไม่ใช่แค่วันว่าง แต่คือ “วันสำคัญที่ต้องสำรวมใจ” 🕊️ ทุกๆ วันที่ 14 เมษายนของทุกปี คนไทยจำนวนมาก รู้จักกันว่าเป็น "วันว่าง" กลางเทศกาลสงกรานต์ แต่ทราบหรือไม่ว่า วันนี้เรียกว่า "วันเนา" และซ่อนความหมาย ความเชื่อ และพิธีกรรมที่ลึกซึ้งไว้มากมาย ตั้งแต่ความเชื่อโบราณ โหราศาสตร์ ไปจนถึงวิถีชีวิตคนไทย ที่แสดงความรักต่อครอบครัว 💖

    📚 คำว่า “เนา” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “อยู่” หรือ “ตั้งอยู่” ดังนั้น "วันเนา" จึงหมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์ “อยู่ประจำที่” ภายหลังย้ายจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษตามคัมภีร์สุริยยาตร์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนพอดี 🔍

    โดยในทางโหราศาสตร์ วันเนาคือวันที่ “พระอาทิตย์ยังไม่เปลี่ยนศักราชใหม่ อย่างสมบูรณ์” เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจุลศักราช ที่คนโบราณให้ความสำคัญอย่างมาก 🌓

    💡 “วันเนา” ถือว่าเป็นวันมงคล ต้องงดเว้นสิ่งอัปมงคล เช่น การด่าทอ การทะเลาะวิวาท และการพูดคำหยาบ

    🔮 ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับวันเนา ห้ามทะเลาะ ห้ามด่า ไม่งั้น...ปากเน่า! 😷

    ❗ ห้ามด่าทอ หรือทะเลาะกับใคร ในวันนี้ ความเชื่อหนึ่งที่โด่งดังมากในวันเนา คือ ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามทะเลาะวิวาท เพราะเชื่อกันว่า หากฝ่าฝืนจะพบเคราะห์ร้ายตลอดทั้งปี และบางตำนานถึงกับบอกว่า “ปากจะเน่า” จริงๆ! 🧟

    🌱 ทำบุญให้มากในวันเนา จะได้เก็บบุญไว้ใช้ตลอดปี ในช่วงบ่ายของวันเนา ชาวบ้านจะร่วมกันขนทรายเข้าวัด เพื่อก่อ “เจดีย์ทราย” สื่อถึงการนำสิ่งไม่ดีออกจากบ้าน และทดแทนทรายที่ติดเท้าออกมาจากวัด ซึ่งถือว่าเป็นการ “คืนของ” ด้วยความเคารพ

    🧘‍♂️ วันเนากับการเตรียมทำบุญ ความเชื่อในชีวิตประจำวัน กิจกรรมหลักที่ควรทำในวันเนา ทำความสะอาดบ้าน งดการใช้คำหยาบมเตรียมอาหาร ขนม และเครื่องไทยธรรม ขนทรายเข้าวัด สร้างเจดีย์ทราย ตระเตรียมของเพื่อทำบุญในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันเถลิงศก

    🌟 เคล็ดความเชื่อเสริมมงคล ผู้ที่ต้องการปลูกบ้านด้วยไม้ไผ่ ให้ตัดไม้ในวันเนา เพราะเชื่อว่า “ไม้จะไม่เน่า และปลวกไม่กิน” ถือเป็น “วันเตรียมของทำบุญ” หรือ “วันดา” ชาวบ้านจะ “ดา” หรือ “จัดเตรียม” ของเพื่อความพร้อมในวันพญาวัน

    👨‍👩‍👧‍👦 “วันครอบครัว” สร้างความอบอุ่น เริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่มั่นคง ในปี พ.ศ.2532 รัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปีเป็น “วันครอบครัว” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สนับสนุนความสัมพันธ์ในครอบครัว 👪 ให้คนไทยใช้วันหยุดเทศกาลรวมญาติ กลับบ้าน และอยู่พร้อมหน้ากัน ส่งเสริมการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การกราบขอพร และการทำกิจกรรมร่วมกัน

    🌸 ความรัก ความเคารพ และความผูกพันในครอบครัว จึงถูกยกระดับให้เป็นคุณค่าหลักในวันเนา

    📆 ปฏิทินสงกรานต์ จากมหาสงกรานต์ สู่วันเนา และวันเถลิงศก

    13 เมษายน วันมหาสงกรานต์ ดวงอาทิตย์เริ่มเข้าสู่ราศีเมษ
    14 เมษายน วันเนา ดวงอาทิตย์ตั้งอยู่ในราศีเมษ
    15 เมษายน วันเถลิงศก วันขึ้นปีใหม่ไทยแบบจุลศักราช

    บางปี วันเถลิงศกอาจเลื่อนเป็น 16 เมษายน ขึ้นกับการคำนวณทางโหราศาสตร์

    🌍 สงกรานต์ 4 ภาค กับความเชื่อเกี่ยวกับ “วันเนา”

    🏔️ ภาคเหนือเรียกว่า “วันดา” มีพิธีขนทรายเข้าวัด และทำตุงสีสันสวยงาม ห้ามทะเลาะหรือมีปากเสียง เตรียมตัวทำบุญในวันพญาวัน

    🛕 ภาคอีสานเรียกว่า “มื้อเนา” ชาวบ้านจะแต่งกายงดงาม ออกไปทำบุญ รดน้ำพระ ฟังธรรมตอนกลางคืน มีการบายศรีสู่ขวัญผู้ใหญ่

    🏙️ ภาคกลางเรียกวันเนา เตรียมของทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำพระ กิจกรรมดัง เช่น สงกรานต์มอญ และสงกรานต์พระประแดง มีขบวนแห่นางสงกรานต์ สวยงามตระการตา 💃

    🌴 ภาคใต้เรียกว่า “วันว่าง” ห้ามทำงาน ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามตัดผม วันสำหรับทำบุญใหญ่ เรียกว่า “ทำขวัญข้าวใหญ่” ถือเป็นวันสำคัญของการอุทิศส่วนกุศล ให้บรรพบุรุษ

    🚿 ถนนสายสงกรานต์ ความสนุกที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม 🎉 "ถนนข้าวสาร" กรุงเทพฯ ถือเป็นถนนสายสงกรานต์แห่งแรกของไทย ที่จัดงานสงกรานต์ในรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 🎈 และต่อมาจังหวัดต่าง ๆ ได้พัฒนาแนวคิด ถนนสายสงกรานต์ของตนเอง เช่น ถนนข้าวเหนียวขอนแก่น ถนนข้าวแช่ปทุมธานี ถนนข้าวกล่ำกาฬสินธุ์ ถนนข้าวหมากนราธิวาส

    🧠 วันเนา วันว่าง หรือวันศักดิ์สิทธิ์? อยู่ที่จะเลือก “อยู่” อย่างไร?

    📌 สิ่งที่ควรทำในวันเนา
    ✅ พูดจาไพเราะ
    ✅ ทำบุญ ขนทรายเข้าวัด
    ✅ อยู่กับครอบครัว
    ✅ เตรียมของทำบุญ
    ✅ ขอพรผู้ใหญ่

    ❌ สิ่งที่ควรเลี่ยงในวันเนา
    🚫 ด่าทอคนอื่น
    🚫 ทะเลาะวิวาท
    🚫 ใช้คำพูดไม่สุภาพ
    🚫 ทำร้ายสัตว์
    🚫 ตัดเล็บ ตัดผม

    วันเนาไม่ใช่แค่วันหยุดธรรมดา แต่คือวันแห่งการ “พักใจ” และ “ทำดี” เพื่อสะสมสิ่งมงคลรับปีใหม่แบบไทยๆ 🧡

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141313 เม.ย. 2568

    📌 #วันเนา #สงกรานต์ #วันครอบครัว #วันว่าง #ไม่ทะเลาะวันเนา #เจดีย์ทราย #รดน้ำดำหัว #ปีใหม่ไทย #วัฒนธรรมไทย #ประเพณีสงกรานต์

    🌸 14 เมษายน “วันเนา” วันอยู่บ้าน วันว่างสงกรานต์ ตำนานความเชื่อ… ห้ามทะเลาะ! เผลอด่าใคร ซวยไปทั้งปี! ✍️ "วันเนา" มีความหมายลึกซึ้งกว่าเป็นเพียงวันว่าง กลางเทศกาลสงกรานต์ เพราะวันนี้คือวันแห่งการทำสิ่งดีงาม งดด่าทอ งดทะเลาะ และตระเตรียมทำบุญ เพื่อสิริมงคลตลอดปี เจาะลึกตำนานวันที่ห้ามด่า ห้ามทะเลาะ หากฝ่าฝืนจะพบเคราะห์ทั้งปี พร้อมเล่าความเชื่อ วิถีชีวิต และกิจกรรมจาก 4 ภาค ทั่วไทย 🌈 🧘‍♀️ วันเนา… ไม่ใช่แค่วันว่าง แต่คือ “วันสำคัญที่ต้องสำรวมใจ” 🕊️ ทุกๆ วันที่ 14 เมษายนของทุกปี คนไทยจำนวนมาก รู้จักกันว่าเป็น "วันว่าง" กลางเทศกาลสงกรานต์ แต่ทราบหรือไม่ว่า วันนี้เรียกว่า "วันเนา" และซ่อนความหมาย ความเชื่อ และพิธีกรรมที่ลึกซึ้งไว้มากมาย ตั้งแต่ความเชื่อโบราณ โหราศาสตร์ ไปจนถึงวิถีชีวิตคนไทย ที่แสดงความรักต่อครอบครัว 💖 📚 คำว่า “เนา” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “อยู่” หรือ “ตั้งอยู่” ดังนั้น "วันเนา" จึงหมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์ “อยู่ประจำที่” ภายหลังย้ายจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษตามคัมภีร์สุริยยาตร์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนพอดี 🔍 โดยในทางโหราศาสตร์ วันเนาคือวันที่ “พระอาทิตย์ยังไม่เปลี่ยนศักราชใหม่ อย่างสมบูรณ์” เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจุลศักราช ที่คนโบราณให้ความสำคัญอย่างมาก 🌓 💡 “วันเนา” ถือว่าเป็นวันมงคล ต้องงดเว้นสิ่งอัปมงคล เช่น การด่าทอ การทะเลาะวิวาท และการพูดคำหยาบ 🔮 ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับวันเนา ห้ามทะเลาะ ห้ามด่า ไม่งั้น...ปากเน่า! 😷 ❗ ห้ามด่าทอ หรือทะเลาะกับใคร ในวันนี้ ความเชื่อหนึ่งที่โด่งดังมากในวันเนา คือ ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามทะเลาะวิวาท เพราะเชื่อกันว่า หากฝ่าฝืนจะพบเคราะห์ร้ายตลอดทั้งปี และบางตำนานถึงกับบอกว่า “ปากจะเน่า” จริงๆ! 🧟 🌱 ทำบุญให้มากในวันเนา จะได้เก็บบุญไว้ใช้ตลอดปี ในช่วงบ่ายของวันเนา ชาวบ้านจะร่วมกันขนทรายเข้าวัด เพื่อก่อ “เจดีย์ทราย” สื่อถึงการนำสิ่งไม่ดีออกจากบ้าน และทดแทนทรายที่ติดเท้าออกมาจากวัด ซึ่งถือว่าเป็นการ “คืนของ” ด้วยความเคารพ 🧘‍♂️ วันเนากับการเตรียมทำบุญ ความเชื่อในชีวิตประจำวัน กิจกรรมหลักที่ควรทำในวันเนา ทำความสะอาดบ้าน งดการใช้คำหยาบมเตรียมอาหาร ขนม และเครื่องไทยธรรม ขนทรายเข้าวัด สร้างเจดีย์ทราย ตระเตรียมของเพื่อทำบุญในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันเถลิงศก 🌟 เคล็ดความเชื่อเสริมมงคล ผู้ที่ต้องการปลูกบ้านด้วยไม้ไผ่ ให้ตัดไม้ในวันเนา เพราะเชื่อว่า “ไม้จะไม่เน่า และปลวกไม่กิน” ถือเป็น “วันเตรียมของทำบุญ” หรือ “วันดา” ชาวบ้านจะ “ดา” หรือ “จัดเตรียม” ของเพื่อความพร้อมในวันพญาวัน 👨‍👩‍👧‍👦 “วันครอบครัว” สร้างความอบอุ่น เริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่มั่นคง ในปี พ.ศ.2532 รัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปีเป็น “วันครอบครัว” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สนับสนุนความสัมพันธ์ในครอบครัว 👪 ให้คนไทยใช้วันหยุดเทศกาลรวมญาติ กลับบ้าน และอยู่พร้อมหน้ากัน ส่งเสริมการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การกราบขอพร และการทำกิจกรรมร่วมกัน 🌸 ความรัก ความเคารพ และความผูกพันในครอบครัว จึงถูกยกระดับให้เป็นคุณค่าหลักในวันเนา 📆 ปฏิทินสงกรานต์ จากมหาสงกรานต์ สู่วันเนา และวันเถลิงศก 13 เมษายน วันมหาสงกรานต์ ดวงอาทิตย์เริ่มเข้าสู่ราศีเมษ 14 เมษายน วันเนา ดวงอาทิตย์ตั้งอยู่ในราศีเมษ 15 เมษายน วันเถลิงศก วันขึ้นปีใหม่ไทยแบบจุลศักราช บางปี วันเถลิงศกอาจเลื่อนเป็น 16 เมษายน ขึ้นกับการคำนวณทางโหราศาสตร์ 🌍 สงกรานต์ 4 ภาค กับความเชื่อเกี่ยวกับ “วันเนา” 🏔️ ภาคเหนือเรียกว่า “วันดา” มีพิธีขนทรายเข้าวัด และทำตุงสีสันสวยงาม ห้ามทะเลาะหรือมีปากเสียง เตรียมตัวทำบุญในวันพญาวัน 🛕 ภาคอีสานเรียกว่า “มื้อเนา” ชาวบ้านจะแต่งกายงดงาม ออกไปทำบุญ รดน้ำพระ ฟังธรรมตอนกลางคืน มีการบายศรีสู่ขวัญผู้ใหญ่ 🏙️ ภาคกลางเรียกวันเนา เตรียมของทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำพระ กิจกรรมดัง เช่น สงกรานต์มอญ และสงกรานต์พระประแดง มีขบวนแห่นางสงกรานต์ สวยงามตระการตา 💃 🌴 ภาคใต้เรียกว่า “วันว่าง” ห้ามทำงาน ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามตัดผม วันสำหรับทำบุญใหญ่ เรียกว่า “ทำขวัญข้าวใหญ่” ถือเป็นวันสำคัญของการอุทิศส่วนกุศล ให้บรรพบุรุษ 🚿 ถนนสายสงกรานต์ ความสนุกที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม 🎉 "ถนนข้าวสาร" กรุงเทพฯ ถือเป็นถนนสายสงกรานต์แห่งแรกของไทย ที่จัดงานสงกรานต์ในรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 🎈 และต่อมาจังหวัดต่าง ๆ ได้พัฒนาแนวคิด ถนนสายสงกรานต์ของตนเอง เช่น ถนนข้าวเหนียวขอนแก่น ถนนข้าวแช่ปทุมธานี ถนนข้าวกล่ำกาฬสินธุ์ ถนนข้าวหมากนราธิวาส 🧠 วันเนา วันว่าง หรือวันศักดิ์สิทธิ์? อยู่ที่จะเลือก “อยู่” อย่างไร? 📌 สิ่งที่ควรทำในวันเนา ✅ พูดจาไพเราะ ✅ ทำบุญ ขนทรายเข้าวัด ✅ อยู่กับครอบครัว ✅ เตรียมของทำบุญ ✅ ขอพรผู้ใหญ่ ❌ สิ่งที่ควรเลี่ยงในวันเนา 🚫 ด่าทอคนอื่น 🚫 ทะเลาะวิวาท 🚫 ใช้คำพูดไม่สุภาพ 🚫 ทำร้ายสัตว์ 🚫 ตัดเล็บ ตัดผม วันเนาไม่ใช่แค่วันหยุดธรรมดา แต่คือวันแห่งการ “พักใจ” และ “ทำดี” เพื่อสะสมสิ่งมงคลรับปีใหม่แบบไทยๆ 🧡 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141313 เม.ย. 2568 📌 #วันเนา #สงกรานต์ #วันครอบครัว #วันว่าง #ไม่ทะเลาะวันเนา #เจดีย์ทราย #รดน้ำดำหัว #ปีใหม่ไทย #วัฒนธรรมไทย #ประเพณีสงกรานต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการศึกษาล่าสุดของนักวิจัยที่ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ NASA เพื่อสร้างแบบจำลองใหม่ของ Oort Cloud ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากวงโคจรของดาวพลูโต Oort Cloud เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัตถุที่เป็นน้ำแข็งซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ และเป็นที่มาของดาวหางระยะยาวที่บางครั้งจะพุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะของเรา

    Oort Cloud เริ่มต้นที่ระยะประมาณ 2,000 ถึง 5,000 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) จากดวงอาทิตย์ โดย 1 AU คือระยะทางเฉลี่ยระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ ขอบเขตด้านนอกของ Oort Cloud ยาวถึง 10,000 ถึง 100,000 AU ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะเห็นได้ แต่สามารถอนุมานได้จากดาวหางที่มาจากพื้นที่นี้

    จนถึงขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า Oort Cloud มีอยู่จริงแต่ไม่เข้าใจรูปร่างของมันมากนัก อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจาก Southwest Research Institute และ American Museum of Natural History ได้เสนอว่าโครงสร้างภายในของ Oort Cloud อาจเป็น เกลียว คล้ายกับกาแล็กซีขนาดจิ๋ว

    นักวิจัยได้ศึกษาปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "galactic tide" ซึ่งเป็นผลรวมของแรงดึงดูดจากดาวฤกษ์ หลุมดำ และมวลรวมอื่น ๆ ภายในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก สำหรับวัตถุที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ แรงเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ แต่ใน Oort Cloud แรงเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยหลัก

    โดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Pleiades ของ NASA ทีมวิจัยได้รันการจำลองที่รวม galactic tide และผลกระทบอื่น ๆ เป็นเวลาหลายพันล้านปี ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า Oort Cloud มีโครงสร้างเป็นแผ่นเกลียวขนาดประมาณ 15,000 AU โดยมีเกลียวสองเส้น ซึ่งทำให้ Oort Cloud ดูเหมือนกับกาแล็กซีขนาดเล็กและแปลกจากรูปแบบที่เคยเห็นในโมเดลส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

    สาเหตุของการเกิดเกลียวนี้มาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Kozai-Lidov effect ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แรงดึงดูดที่ทำให้เกิดการสั่นไหวระยะยาวในวงโคจรของวัตถุใน Oort Cloud ในขณะที่แรงดึงดูดจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรามีผลกระทบน้อยมาก

    การจับภาพเพื่อยืนยันโครงสร้างนี้เป็นความท้าทายใหญ่ วิธีหนึ่งที่อาจใช้ได้คือการติดตามวัตถุใน Oort Cloud จำนวนมากในระยะยาว อีกวิธีหนึ่งคือการตรวจจับแสงที่มองเห็นร่วมกันของพวกมันในขณะที่กรองแสงจากแหล่งอื่นออกไป แต่น่าเสียดายว่าทั้งสองวิธีนี้ยังไม่มีการลงทุนที่เพียงพอ

    https://www.techspot.com/news/106898-nasa-supercomputer-suggests-oort-cloud-may-spiral-like.html
    มีการศึกษาล่าสุดของนักวิจัยที่ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ NASA เพื่อสร้างแบบจำลองใหม่ของ Oort Cloud ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากวงโคจรของดาวพลูโต Oort Cloud เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัตถุที่เป็นน้ำแข็งซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ และเป็นที่มาของดาวหางระยะยาวที่บางครั้งจะพุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะของเรา Oort Cloud เริ่มต้นที่ระยะประมาณ 2,000 ถึง 5,000 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) จากดวงอาทิตย์ โดย 1 AU คือระยะทางเฉลี่ยระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ ขอบเขตด้านนอกของ Oort Cloud ยาวถึง 10,000 ถึง 100,000 AU ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะเห็นได้ แต่สามารถอนุมานได้จากดาวหางที่มาจากพื้นที่นี้ จนถึงขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า Oort Cloud มีอยู่จริงแต่ไม่เข้าใจรูปร่างของมันมากนัก อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจาก Southwest Research Institute และ American Museum of Natural History ได้เสนอว่าโครงสร้างภายในของ Oort Cloud อาจเป็น เกลียว คล้ายกับกาแล็กซีขนาดจิ๋ว นักวิจัยได้ศึกษาปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "galactic tide" ซึ่งเป็นผลรวมของแรงดึงดูดจากดาวฤกษ์ หลุมดำ และมวลรวมอื่น ๆ ภายในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก สำหรับวัตถุที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ แรงเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ แต่ใน Oort Cloud แรงเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยหลัก โดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Pleiades ของ NASA ทีมวิจัยได้รันการจำลองที่รวม galactic tide และผลกระทบอื่น ๆ เป็นเวลาหลายพันล้านปี ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า Oort Cloud มีโครงสร้างเป็นแผ่นเกลียวขนาดประมาณ 15,000 AU โดยมีเกลียวสองเส้น ซึ่งทำให้ Oort Cloud ดูเหมือนกับกาแล็กซีขนาดเล็กและแปลกจากรูปแบบที่เคยเห็นในโมเดลส่วนใหญ่ในปัจจุบัน สาเหตุของการเกิดเกลียวนี้มาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Kozai-Lidov effect ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แรงดึงดูดที่ทำให้เกิดการสั่นไหวระยะยาวในวงโคจรของวัตถุใน Oort Cloud ในขณะที่แรงดึงดูดจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรามีผลกระทบน้อยมาก การจับภาพเพื่อยืนยันโครงสร้างนี้เป็นความท้าทายใหญ่ วิธีหนึ่งที่อาจใช้ได้คือการติดตามวัตถุใน Oort Cloud จำนวนมากในระยะยาว อีกวิธีหนึ่งคือการตรวจจับแสงที่มองเห็นร่วมกันของพวกมันในขณะที่กรองแสงจากแหล่งอื่นออกไป แต่น่าเสียดายว่าทั้งสองวิธีนี้ยังไม่มีการลงทุนที่เพียงพอ https://www.techspot.com/news/106898-nasa-supercomputer-suggests-oort-cloud-may-spiral-like.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    NASA supercomputer suggests the Oort Cloud may be a spiral, like a miniature galaxy
    The Oort Cloud begins roughly 2,000 – 5,000 astronomical units (AU) from the Sun, with 1 AU being the average distance between Earth and the Sun. Its...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าดวงอาทิตย์
    จะขึ้นหรือลับขอบฟ้า
    มันก็มีความหวังอยู่เสมอ
    แค่เราไม่ได้คาดหวัง
    เอาไว้เท่านั้นเอง

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ไม่ว่าดวงอาทิตย์ จะขึ้นหรือลับขอบฟ้า มันก็มีความหวังอยู่เสมอ แค่เราไม่ได้คาดหวัง เอาไว้เท่านั้นเอง จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา

    กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด?

    ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊

    กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก

    ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳

    กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร?

    ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น:

    1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน

    2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา

    3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก

    4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์

    สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯

    กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่?

    ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา

    ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา

    ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭

    ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️

    ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌

    ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา

    ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅

    การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳

    มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️

    สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊

    กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา?

    ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨

    ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง

    ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉

    กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย?

    ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉

    กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย?

    ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨

    กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ

    ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍

    กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด? ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊 กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳ กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร? ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น: 1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน 2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา 3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก 4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์ สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯 กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่? ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭 ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️ ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌 ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅 การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳ มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️ สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊 กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา? ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨ ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉 กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย? ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉 กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย? ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨ กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍 กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้เราจะเป็นเทียนไข
    เราก็ยังสามารถเอาชนะ
    ดวงอาทิตย์ได้
    ถ้าเข้าใจบริบท
    ในการนำสิ่งที่ตัวเองมี
    ไปใช้ให้เกิดประโยชน์

    จากหนังสือ |เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้
    แม้เราจะเป็นเทียนไข เราก็ยังสามารถเอาชนะ ดวงอาทิตย์ได้ ถ้าเข้าใจบริบท ในการนำสิ่งที่ตัวเองมี ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ จากหนังสือ |เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทะเลหมอกควนบังหนูด จ.สงขลา
    เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักเดินทางทั้งหลายต้องไม่พลาดไปชมเด็ดขาด นั่นคือ ความสวยงามของ "ควนบังหนูด” จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ของ จ.สงขลา ซึ่งสวยงามเกินบรรยาย ตั้งอยู่บนเนินเขาในพื้นที่บ้านหน้าควน หมู่ 2 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อยู่ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นทะเลหมอกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยในช่วงเช้าของทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามกันอย่างต่อเนื่อง

    จุดเด่นของทะเลหมอก ”ควนบังหนูด” แห่งนี้ก็คือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ทะเลหมอกที่ทอดยาวสลับกับเนินเขาเล็กๆ และแสงอาทิตย์ในยามเช้า และบางวันหมอกจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนแทบสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ ที่สำคัญการเดินทางมาเยือนง่ายมากเพราะเป็นเนินเขาที่อยู่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นไปได้เพราะไม่ชันมาก หรือจะปั่นจักรยาน ขับรถจักรยานยนต์ขึ้นไปได้เลย หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็ขึ้นไปได้

    ในช่วงเช้าของทุกวันจะมีผู้คนขึ้นไปชมทะเลหมอกควนบังหนูดพร้อมๆกับดูดวงอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมที่จะไปต้มกาแฟกินกันบนควนบังหนูดพร้อมๆ กับชมวิวทะเลหมอกซึ่งได้บรรยากาศมาก
    สำหรับการเดินทางไปชมทะเลหมอกที่ "ควนบังหนูด” ให้ใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัตภูมิ สายเก่า จะสะดวกและง่ายที่สุด หากมาจาก อ.หาดใหญ่ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร ทางเข้าให้สังเกต สภ.ทุ่งตำเสาและอบต.ฉลุง ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ขับเลยมาราว 100 เมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยมุ่งตรงตามถนนลาดยางเข้าไปยังพื้นที่หมู่ 2 บ้านหน้าควน ไม่นานก็ถึงแล้ว

    #ควนบังหนูด
    ทะเลหมอกควนบังหนูด จ.สงขลา เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักเดินทางทั้งหลายต้องไม่พลาดไปชมเด็ดขาด นั่นคือ ความสวยงามของ "ควนบังหนูด” จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ของ จ.สงขลา ซึ่งสวยงามเกินบรรยาย ตั้งอยู่บนเนินเขาในพื้นที่บ้านหน้าควน หมู่ 2 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อยู่ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นทะเลหมอกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยในช่วงเช้าของทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามกันอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของทะเลหมอก ”ควนบังหนูด” แห่งนี้ก็คือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ทะเลหมอกที่ทอดยาวสลับกับเนินเขาเล็กๆ และแสงอาทิตย์ในยามเช้า และบางวันหมอกจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนแทบสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ ที่สำคัญการเดินทางมาเยือนง่ายมากเพราะเป็นเนินเขาที่อยู่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นไปได้เพราะไม่ชันมาก หรือจะปั่นจักรยาน ขับรถจักรยานยนต์ขึ้นไปได้เลย หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็ขึ้นไปได้ ในช่วงเช้าของทุกวันจะมีผู้คนขึ้นไปชมทะเลหมอกควนบังหนูดพร้อมๆกับดูดวงอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมที่จะไปต้มกาแฟกินกันบนควนบังหนูดพร้อมๆ กับชมวิวทะเลหมอกซึ่งได้บรรยากาศมาก สำหรับการเดินทางไปชมทะเลหมอกที่ "ควนบังหนูด” ให้ใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัตภูมิ สายเก่า จะสะดวกและง่ายที่สุด หากมาจาก อ.หาดใหญ่ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร ทางเข้าให้สังเกต สภ.ทุ่งตำเสาและอบต.ฉลุง ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ขับเลยมาราว 100 เมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยมุ่งตรงตามถนนลาดยางเข้าไปยังพื้นที่หมู่ 2 บ้านหน้าควน ไม่นานก็ถึงแล้ว #ควนบังหนูด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหมายของ "หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยน"
    ในชีวิตนี้ คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเสมอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนามธรรมนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลย ยกตัวอย่างเช่น สัจธรรมความรู้ต่างๆที่ได้รับการยอมรับจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมความรู้ต่างๆ กฎเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก เป็นต้น
    แต่ที่ผมตั้งใจจะบอกทุกคนนั้นก็คือ จิตใจ,จิตวิญญาณ,เจตจำนง และอุดมการณ์ของคนเราบางคน และหรือหลายคนที่ไม่มีวันผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง
    น้อยคนนักที่จะเป็นคนเดิม เป็นตัวตนเดิม หรือคงความเป็นตัวตนของตัวเองให้เหมือนเดิมอยู่ได้ตลอดเวลา เพราะเค้าคนนั้น หรือพวกเค้าเหล่านั้นจะต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามต่างๆนาๆที่ได้รับมาจากเบื้องบนเพื่อเป็นการทดสอบที่แสนสาหัส เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหล่านั้นมีความตั้งใจจริงที่จะกระทำความดี คงความดีของตนเองไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ผลตอบแทนที่พวกเค้าเหล่านั้นได้รับมาหลังจากที่พวกเค้าได้ตายไปนั้น มันคุ้มค่าคู่ควรแก่การเป็นคนดีอย่างแท้จริง คนดีเมื่อเคยได้กระทำความดีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วนั้น พวกเค้าเหล่านั้นย่อมจะตายอย่างเป็นสุข และของแถมของพวกเค้าก็คือการได้รับการยกย่องนับถือแก่วงศ์ตระกูลชั่วลูกชั่วหลานนั่นเอง
    คนชั่วคนเลวส่วนใหญ่มักจะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนแบบไม่คงทนถาวรแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนดีที่พยายามจะกระทำความดีอีกด้วย เพราะไปขัดแข้งขัดขาคนชั่วคนเลวพวกนั้น นั่นก็คืออุปสรรคขวากหนามที่คนดีจะต้องพบเจออยู่เสมอๆนั่นเอง
    น้อยคนนักที่จะเป็นคนดีได้อย่างยั่งยืน และส่วนมากนั้นก็จะล้มเหลวและพบจุดจบที่น่าเศร้า
    ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมคิดว่า การที่พันธมิตรฯลุกขึ้นมาต่อต้านคนชั่วที่ทำร้ายทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และการที่พวกนปช.คิดที่จะล้มล้างสถาบันและทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องทีไม่น่าให้อภัย และคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดที่จะเข้าข้างใคร และไม่คิดที่จะทำอะไรเลย เอาแต่กล่าวหาว่าผู้อื่นทำไม่ดี และตัวเองเดือดร้อนจึงได้แต่ด่าว่าคนอื่นอยู่ร่ำไป
    ผมว่าบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟก็เพราะคนเราเห็นแก่ตัวกัน เห็นแก่ผลประโยชน์กัน ขัดแย้งผลประโยชน์กัน และอีกหลายเรื่องมากมายต่างๆนาๆ การที่คนเราไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน มันทำให้ทุกคนเจ็บปวด แต่จะทำไงได้ ในเมื่อสังคมเดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเสื่อมทรามลงทุกวันๆ เพราะคนเราขาดคุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ และคุณงามความดีกันนั่นเอง เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ล้าหลังล้าสมัยกันนั่นเอง
    สุดท้ายแล้วโลกจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจ และท้ายที่สุดแล้ววันนั้นมันก็จะมาถึง "วันแห่งการพิพากษา" ของโลกใบนี้ และตอนนี้มันก็เริ่มกระบวนการของมันอยู่แล้ว ก็คือภัยธรรมชาติของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง
    ผมอยากรู้จริงๆว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ และถึงที่สุดแล้วคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือใครกัน ผมว่าคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาลอัปปรีย์สิทธิ์ หรือ รัฐบาลยิ่งอัปลักษณ์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นก็คือเหล่าพุทธะหรือผู้รู้แจ้งโลกแจ้งจักรวาลอย่างผู้นำทุกศาสนาที่เฝ้าสั่งสอนเราให้เป็นคนดีนั่นเอง
    ความหมายของ "หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยน" ในชีวิตนี้ คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเสมอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนามธรรมนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลย ยกตัวอย่างเช่น สัจธรรมความรู้ต่างๆที่ได้รับการยอมรับจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมความรู้ต่างๆ กฎเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก เป็นต้น แต่ที่ผมตั้งใจจะบอกทุกคนนั้นก็คือ จิตใจ,จิตวิญญาณ,เจตจำนง และอุดมการณ์ของคนเราบางคน และหรือหลายคนที่ไม่มีวันผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง น้อยคนนักที่จะเป็นคนเดิม เป็นตัวตนเดิม หรือคงความเป็นตัวตนของตัวเองให้เหมือนเดิมอยู่ได้ตลอดเวลา เพราะเค้าคนนั้น หรือพวกเค้าเหล่านั้นจะต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามต่างๆนาๆที่ได้รับมาจากเบื้องบนเพื่อเป็นการทดสอบที่แสนสาหัส เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหล่านั้นมีความตั้งใจจริงที่จะกระทำความดี คงความดีของตนเองไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ผลตอบแทนที่พวกเค้าเหล่านั้นได้รับมาหลังจากที่พวกเค้าได้ตายไปนั้น มันคุ้มค่าคู่ควรแก่การเป็นคนดีอย่างแท้จริง คนดีเมื่อเคยได้กระทำความดีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วนั้น พวกเค้าเหล่านั้นย่อมจะตายอย่างเป็นสุข และของแถมของพวกเค้าก็คือการได้รับการยกย่องนับถือแก่วงศ์ตระกูลชั่วลูกชั่วหลานนั่นเอง คนชั่วคนเลวส่วนใหญ่มักจะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนแบบไม่คงทนถาวรแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนดีที่พยายามจะกระทำความดีอีกด้วย เพราะไปขัดแข้งขัดขาคนชั่วคนเลวพวกนั้น นั่นก็คืออุปสรรคขวากหนามที่คนดีจะต้องพบเจออยู่เสมอๆนั่นเอง น้อยคนนักที่จะเป็นคนดีได้อย่างยั่งยืน และส่วนมากนั้นก็จะล้มเหลวและพบจุดจบที่น่าเศร้า ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมคิดว่า การที่พันธมิตรฯลุกขึ้นมาต่อต้านคนชั่วที่ทำร้ายทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และการที่พวกนปช.คิดที่จะล้มล้างสถาบันและทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องทีไม่น่าให้อภัย และคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดที่จะเข้าข้างใคร และไม่คิดที่จะทำอะไรเลย เอาแต่กล่าวหาว่าผู้อื่นทำไม่ดี และตัวเองเดือดร้อนจึงได้แต่ด่าว่าคนอื่นอยู่ร่ำไป ผมว่าบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟก็เพราะคนเราเห็นแก่ตัวกัน เห็นแก่ผลประโยชน์กัน ขัดแย้งผลประโยชน์กัน และอีกหลายเรื่องมากมายต่างๆนาๆ การที่คนเราไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน มันทำให้ทุกคนเจ็บปวด แต่จะทำไงได้ ในเมื่อสังคมเดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเสื่อมทรามลงทุกวันๆ เพราะคนเราขาดคุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ และคุณงามความดีกันนั่นเอง เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ล้าหลังล้าสมัยกันนั่นเอง สุดท้ายแล้วโลกจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจ และท้ายที่สุดแล้ววันนั้นมันก็จะมาถึง "วันแห่งการพิพากษา" ของโลกใบนี้ และตอนนี้มันก็เริ่มกระบวนการของมันอยู่แล้ว ก็คือภัยธรรมชาติของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง ผมอยากรู้จริงๆว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ และถึงที่สุดแล้วคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือใครกัน ผมว่าคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาลอัปปรีย์สิทธิ์ หรือ รัฐบาลยิ่งอัปลักษณ์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นก็คือเหล่าพุทธะหรือผู้รู้แจ้งโลกแจ้งจักรวาลอย่างผู้นำทุกศาสนาที่เฝ้าสั่งสอนเราให้เป็นคนดีนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • รำลึกวันครู 16 มค. 2568

    ครูครับ ผมให้อภัยครับ

    ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน

    เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน

    ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย

    เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร

    เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา

    ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด

    ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

    ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    รำลึกวันครู 16 มค. 2568 ครูครับ ผมให้อภัยครับ ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผักกาดหอม หรือ ผักซาหลัด (Lactuca sativa) ใช้เป็นส่วนประกอบของสลัด แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ ทาโก้ หรือรับประทานเป็นผักสด แกล้มกับอาหารรสจัดจำพวกยำหรือลาบ หรือ ใช้เป็นผักตกแต่งเพื่อความสวยงาม ผักกาดหอมมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    ผักกลุ่มนี้ ต้องเลือกต้นใหญ่ๆ = กรอบ ฉ่ำ หวาน ไม่ขม
    รวมถึง Green Oak, Red Oak, Butter Head, Cos, Iceberg Lettuce, Baby Spinach, Radicchio, Green Coral Lettuce, Frillice Iceberg Lettuce.
    มีเทคนิคการปลูก การเก็บ ดังนี้

    1. การปลูกให้อวบ กอใหญ่ ใบใหญ่ กรอบโตไวเกือบเท่าตัว คือ ต้องปลูกในโรงเรือน ภายใต้สแลนพรางแสง 50%
    2. ถ้าผักโดนแสงมาก หรือ ขาดน้ำ น้ำยาง(ขม)เฉพาะที่โคนลำต้น จะขึ้นไปที่ใบ ทำให้เกิดรสขม
    3. รดน้ำให้ชุ่มในตอนสาย เที่ยง บ่าย ก่อนเก็บในตอนค่ำที่มีแสงแดดน้อย หรือเก็บในตอนเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จะทำให้ผักไม่มีรสขม
    ผักกาดหอม หรือ ผักซาหลัด (Lactuca sativa) ใช้เป็นส่วนประกอบของสลัด แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ ทาโก้ หรือรับประทานเป็นผักสด แกล้มกับอาหารรสจัดจำพวกยำหรือลาบ หรือ ใช้เป็นผักตกแต่งเพื่อความสวยงาม ผักกาดหอมมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผักกลุ่มนี้ ต้องเลือกต้นใหญ่ๆ = กรอบ ฉ่ำ หวาน ไม่ขม รวมถึง Green Oak, Red Oak, Butter Head, Cos, Iceberg Lettuce, Baby Spinach, Radicchio, Green Coral Lettuce, Frillice Iceberg Lettuce. มีเทคนิคการปลูก การเก็บ ดังนี้ 1. การปลูกให้อวบ กอใหญ่ ใบใหญ่ กรอบโตไวเกือบเท่าตัว คือ ต้องปลูกในโรงเรือน ภายใต้สแลนพรางแสง 50% 2. ถ้าผักโดนแสงมาก หรือ ขาดน้ำ น้ำยาง(ขม)เฉพาะที่โคนลำต้น จะขึ้นไปที่ใบ ทำให้เกิดรสขม 3. รดน้ำให้ชุ่มในตอนสาย เที่ยง บ่าย ก่อนเก็บในตอนค่ำที่มีแสงแดดน้อย หรือเก็บในตอนเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จะทำให้ผักไม่มีรสขม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย
    จากมุมมองของ Nikkei Asia
    .
    ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76%
    .
    แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้
    .
    "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า
    .
    "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์"
    .
    นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง
    .
    "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ
    .
    จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน
    .
    การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก
    .
    ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว!
    .
    นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า
    .
    "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง"
    .
    นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน
    .
    "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก
    .
    ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%)
    .
    ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น
    .
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า
    .
    ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์
    .
    อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้
    .
    สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง
    .
    แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้?
    .
    เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳
    .
    .
    อ้างอิง :
    NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand
    https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย จากมุมมองของ Nikkei Asia . ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76% . แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้ . "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า . "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์" . นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง . "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ . จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน . การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก . ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว! . นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า . "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง" . นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน . "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า . "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก . ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%) . ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น . ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า . ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์ . อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้ . สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง . แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้? . เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳 . . อ้างอิง : NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1639 มุมมอง 1 รีวิว
  • เกิงฟู คนบอกเวลา

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับนาฬิกาหยดน้ำโบราณ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอุปกรณ์บอกเวลาเพราะนาฬิกาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดด นาฬิกาทรายหรือนาฬิกาหยดน้ำนั้น ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่มีใช้เฉพาะในวังหรือกลุ่มคนมีอันจะกิน ส่วนชาวบ้านธรรมดานั้น กลางวันมักอาศัยการสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และกลางคืนสามารถจุดธูปเพื่อวัดเวลา ซึ่งธูปแต่ละชนิดออกแบบมาให้เผาไหม้หมดในเวลาที่กำหนด เช่น 30 นาทีหรือ 60 นาทีเป็นต้น แต่การจุดธูปนั้นสิ้นเปลืองและไม่สามารถทำได้ตลอดคืน ดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปจึงต้องพึ่งพาคนบอกเวลา

    คนบอกเวลาหรือ ‘เกิงฟู’ (更夫) หรือ ‘ต่าเกิงเหริน’ (打更人) เป็นหนึ่งในตัวละครไร้นามที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์ยามค่ำคืนที่เดินตีฆ้องหรือตีกระบอกไม้และตะโกน “ระวังฟืนระวังไฟ” วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน

    ก่อนอื่นคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการนับเวลาจีนโบราณ เพื่อนเพจหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าจีนโบราณแบ่งเวลาเป็นสิบสองชั่วยาม ชั่วยามหนึ่งเทียบเท่าสองชั่วโมง แต่เชื่อว่าหลายท่านคงงงกับคำว่า ‘เกิง’ ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับช่วงเวลากลางคืน

    จีนโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้ายามหรือ ‘เกิง’ (更 ซึ่งในสมัยโบราณออกเสียงว่า ‘จิง’ ต่อมาปรับใช้เป็น ‘เกิง’ จวบจนปัจจุบัน) โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 1-3 ทุ่ม เรียกว่า ‘เกิงที่หนึ่ง’ หรือยามหนึ่ง ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เตรียมตัวเข้านอนสำหรับคนทั่วไป และไปสิ้นสุดที่ตี 3-5 เรียกว่า ‘เกิงที่ห้า’ หรือยามห้า ซึ่งก็คือเวลาตื่นและเตรียมพร้อมไปทำงานนั่นเอง จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า ‘ยามสามกลางดึก’ (三更半夜 / ซันเกิงป้านเยี่ย) ซึ่งยามสามก็คือช่วงเวลากึ่งกลางของกลางคืนพอดี (คือระหว่าง 5 ทุ่ม - ตี 1)

    จริงๆ แล้วโดยปกติคนบอกยามหรือเกิงฟูมักออกเดินเป็นคู่ ไม่ค่อยฉายเดี่ยวเหมือนที่เห็นในซีรีส์ เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือกันได้หากเกิดเหตุอะไร พวกเขาไม่ใช่อาสาสมัคร ได้เงินค่าจ้างจากรัฐบาล แต่ไม่ใช่ข้าราชการและมีสถานะทางสังคมเหมือนพวกที่ใช้แรงงานหยาบทั่วไป

    เกิงฟูมีมาแต่ยุคสมัยใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่ได้ชัดเจน บ้างว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่ไม่ว่ายุคสมัยใด เกิงฟูจริงๆ แล้วทำหลายหน้าที่มากกว่าการบอกเวลา หน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งคือการดูแลและเตือนภัยหรือก็คือหน้าที่ รปภ. นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการคอยสอดส่องหรือเตือนภัยเพลิงไหม้ สัตว์ป่าบุกรุก ขโมยขโจร หรือแม้แต่คนแปลกหน้าเพ่นพ่านยามวิกาล ดังนั้นในช่วงสงคราม เมืองสำคัญต่างๆ จะมีเกิงฟูมากกว่าปกติ นอกจากนี้ เกิงฟูยังเตือนเรื่องสภาพอากาศเช่น หนาวจัด จะมีฝน ลมแรง ฯลฯ ดังนั้นคำตะโกนของเกิงฟูจะผันแปรไปตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ “อากาศแห้ง ระวังฟืนระวังไฟ” แบบที่เรามักได้ยินในซีรีส์อย่างเดียว

    เกิงฟูบอกเวลาอย่างไร?

    เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกเหมือน Storyฯ ว่าเขาก็คงตีฆ้องหรือกระบอกไม้เป็นจำนวนครั้งตามเวลา เช่น ยามที่หนึ่ง ตีหนึ่งครั้ง ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วเขามีจังหวะยาวสั้นหรือใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ เพื่อว่าเวลาคนฟังจะได้ไม่หลงว่าได้ยินซ้ำของเก่าหรือไม่ Storyฯ ลองเปรียบเทียบข้อมูลดู พบว่ามีสองเวอร์ชั่นสรุปได้ดังนี้

    เวอร์ชั่นแรก ใช้จังหวะยาว(ช้า)และสั้น(เร็ว)สลับกัน คือ
    - เกิงที่หนึ่ง ตียาวหนึ่งครั้งสั้นหนึ่งครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่สอง ตีสั้นติดกันสองครั้ง ตีได้ต่อเนื่องหลายๆ ชุด ประหนึ่งว่าไล่ให้ไปนอนได้แล้ว
    - เกิงที่สาม ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสองครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่สี่ ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสามครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่ห้า ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสี่ครั้ง รวมสามชุด

    เวอร์ชั่นที่สอง ใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ ดังนี้
    - เกิงที่หนึ่ง ตีฆ้องหนึ่งครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สอง ตีฆ้องสองครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สาม ตีตีฆ้องสามครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สี่ ตีฆ้องสี่ครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่ห้า ตีแต่กระบอกไม้เท่านั้น ตีได้เรื่อยๆ รัวๆ ประหนึ่งว่ากำลังปลุกให้ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว

    Storyฯ ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของจังหวะการตีทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ แต่ที่เล่ามาคือเพื่อให้เพื่อนเพจเห็นภาพว่า การตีบอกเวลาจะมีจังหวะของมันอยู่ คนที่ได้ยินก็จะรู้เวลาได้โดยง่าย

    ในเมืองใหญ่จะมีหอนาฬิกาและ/หรือหอสังเกตการณ์ ที่หอนี้มีทหารหรือเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมระวังภัยและจับตาดูนาฬิกาในหอแล้วส่งสัญญาณบอกเวลาเช่นเป่าแตรหรือตีกลอง โดยทำงานเป็นกะ เฝ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน และด้วยการสื่อสารจากหอสังเกตการณ์เหล่านี้ บรรดาเกิงฟูก็จะออกเดินทางเพื่อบอกเวลาและรายงานสภาพแวดล้อมทันทีที่ถึงต้นโมงยาม ในเมืองเล็กก็จะมีจุดศูนย์กลางสักแห่งที่มีนาฬิกาหรือเครื่องบอกเวลาสักชนิดหนึ่ง (เช่น วัดที่มีการจุดธูปต่อเนื่อง) เพื่อให้เหล่าเกิงฟูเริ่มงานได้เช่นกัน

    ทีนี้คำถามต่อมาคือ เกิงฟูเดินไปเรื่อยๆ เส้นทางใกล้ไกลไม่เหมือนกัน แล้วพวกเขาจะรู้เวลาได้อย่างไรว่ากาลเวลาล่วงเข้าอีกยามหนึ่งแล้ว?

    สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น การบอกเวลาเหล่านี้ไม่ต้องการความ ‘เป๊ะ’ เหมือนปัจจุบัน แต่เป็นการบอกโดยประมาณเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีหลักเกณฑ์โดยคร่าว แต่อย่างไรก็ดี เกิงฟูมีตัวช่วยค่ะ บางคนพกธูปบอกเวลาซึ่งได้รับมาจากจุดเริ่มต้น บางคนพกป้ายที่เรียกว่า ‘เกิงผาย’ ซึ่งมีการกำหนดไว้เป็นจำนวนก้าวว่าเดินกี่ก้าวเปลี่ยนป้ายครั้งหนึ่ง เมื่อครบจำนวนครั้งก็ครบยาม

    การเล่าข้างต้นเป็นการเล่าโดยคร่าวเพื่อให้เห็นภาพนะคะ จริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดกว่านี้ เช่นมีการปรับจำนวนก้าวในช่วงฤดูต่างๆ เพราะในสมัยโบราณมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับเวลา เช่นหนึ่งเค่ออาจหมายถึง 13 นาทีกว่า หรือ 15 นาทีแล้วแต่ยุคสมัย

    อาชีพเกิงฟูนี้นับได้ว่าสำคัญมากสำหรับสังคมจีนโบราณ แต่ชีวิตของเกิงฟูลำเค็ญไม่น้อยเพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคทางสภาพอากาศ เงินเดือนก็น้อยนิด และยังต้องมีสมาธิในการทำงานดีมากด้วย เพื่อนเพจว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/602047304_120231588
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/打更/2113152
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_8909910
    https://k.sina.cn/article_7722512403_1cc4c3013001011q40.html?from=news
    https://www.163.com/dy/article/G08FUAJD05430TXY.html
    https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe
    https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe

    #เกิงฟู #ต่าเกิงเหริน #คนบอกเวลาจีนโบราณ #ตีฆ้องบอกเวลา
    เกิงฟู คนบอกเวลา สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับนาฬิกาหยดน้ำโบราณ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอุปกรณ์บอกเวลาเพราะนาฬิกาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดด นาฬิกาทรายหรือนาฬิกาหยดน้ำนั้น ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่มีใช้เฉพาะในวังหรือกลุ่มคนมีอันจะกิน ส่วนชาวบ้านธรรมดานั้น กลางวันมักอาศัยการสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และกลางคืนสามารถจุดธูปเพื่อวัดเวลา ซึ่งธูปแต่ละชนิดออกแบบมาให้เผาไหม้หมดในเวลาที่กำหนด เช่น 30 นาทีหรือ 60 นาทีเป็นต้น แต่การจุดธูปนั้นสิ้นเปลืองและไม่สามารถทำได้ตลอดคืน ดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปจึงต้องพึ่งพาคนบอกเวลา คนบอกเวลาหรือ ‘เกิงฟู’ (更夫) หรือ ‘ต่าเกิงเหริน’ (打更人) เป็นหนึ่งในตัวละครไร้นามที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์ยามค่ำคืนที่เดินตีฆ้องหรือตีกระบอกไม้และตะโกน “ระวังฟืนระวังไฟ” วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน ก่อนอื่นคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการนับเวลาจีนโบราณ เพื่อนเพจหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าจีนโบราณแบ่งเวลาเป็นสิบสองชั่วยาม ชั่วยามหนึ่งเทียบเท่าสองชั่วโมง แต่เชื่อว่าหลายท่านคงงงกับคำว่า ‘เกิง’ ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับช่วงเวลากลางคืน จีนโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้ายามหรือ ‘เกิง’ (更 ซึ่งในสมัยโบราณออกเสียงว่า ‘จิง’ ต่อมาปรับใช้เป็น ‘เกิง’ จวบจนปัจจุบัน) โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 1-3 ทุ่ม เรียกว่า ‘เกิงที่หนึ่ง’ หรือยามหนึ่ง ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เตรียมตัวเข้านอนสำหรับคนทั่วไป และไปสิ้นสุดที่ตี 3-5 เรียกว่า ‘เกิงที่ห้า’ หรือยามห้า ซึ่งก็คือเวลาตื่นและเตรียมพร้อมไปทำงานนั่นเอง จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า ‘ยามสามกลางดึก’ (三更半夜 / ซันเกิงป้านเยี่ย) ซึ่งยามสามก็คือช่วงเวลากึ่งกลางของกลางคืนพอดี (คือระหว่าง 5 ทุ่ม - ตี 1) จริงๆ แล้วโดยปกติคนบอกยามหรือเกิงฟูมักออกเดินเป็นคู่ ไม่ค่อยฉายเดี่ยวเหมือนที่เห็นในซีรีส์ เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือกันได้หากเกิดเหตุอะไร พวกเขาไม่ใช่อาสาสมัคร ได้เงินค่าจ้างจากรัฐบาล แต่ไม่ใช่ข้าราชการและมีสถานะทางสังคมเหมือนพวกที่ใช้แรงงานหยาบทั่วไป เกิงฟูมีมาแต่ยุคสมัยใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่ได้ชัดเจน บ้างว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่ไม่ว่ายุคสมัยใด เกิงฟูจริงๆ แล้วทำหลายหน้าที่มากกว่าการบอกเวลา หน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งคือการดูแลและเตือนภัยหรือก็คือหน้าที่ รปภ. นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการคอยสอดส่องหรือเตือนภัยเพลิงไหม้ สัตว์ป่าบุกรุก ขโมยขโจร หรือแม้แต่คนแปลกหน้าเพ่นพ่านยามวิกาล ดังนั้นในช่วงสงคราม เมืองสำคัญต่างๆ จะมีเกิงฟูมากกว่าปกติ นอกจากนี้ เกิงฟูยังเตือนเรื่องสภาพอากาศเช่น หนาวจัด จะมีฝน ลมแรง ฯลฯ ดังนั้นคำตะโกนของเกิงฟูจะผันแปรไปตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ “อากาศแห้ง ระวังฟืนระวังไฟ” แบบที่เรามักได้ยินในซีรีส์อย่างเดียว เกิงฟูบอกเวลาอย่างไร? เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกเหมือน Storyฯ ว่าเขาก็คงตีฆ้องหรือกระบอกไม้เป็นจำนวนครั้งตามเวลา เช่น ยามที่หนึ่ง ตีหนึ่งครั้ง ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วเขามีจังหวะยาวสั้นหรือใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ เพื่อว่าเวลาคนฟังจะได้ไม่หลงว่าได้ยินซ้ำของเก่าหรือไม่ Storyฯ ลองเปรียบเทียบข้อมูลดู พบว่ามีสองเวอร์ชั่นสรุปได้ดังนี้ เวอร์ชั่นแรก ใช้จังหวะยาว(ช้า)และสั้น(เร็ว)สลับกัน คือ - เกิงที่หนึ่ง ตียาวหนึ่งครั้งสั้นหนึ่งครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่สอง ตีสั้นติดกันสองครั้ง ตีได้ต่อเนื่องหลายๆ ชุด ประหนึ่งว่าไล่ให้ไปนอนได้แล้ว - เกิงที่สาม ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสองครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่สี่ ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสามครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่ห้า ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสี่ครั้ง รวมสามชุด เวอร์ชั่นที่สอง ใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ ดังนี้ - เกิงที่หนึ่ง ตีฆ้องหนึ่งครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สอง ตีฆ้องสองครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สาม ตีตีฆ้องสามครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สี่ ตีฆ้องสี่ครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่ห้า ตีแต่กระบอกไม้เท่านั้น ตีได้เรื่อยๆ รัวๆ ประหนึ่งว่ากำลังปลุกให้ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว Storyฯ ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของจังหวะการตีทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ แต่ที่เล่ามาคือเพื่อให้เพื่อนเพจเห็นภาพว่า การตีบอกเวลาจะมีจังหวะของมันอยู่ คนที่ได้ยินก็จะรู้เวลาได้โดยง่าย ในเมืองใหญ่จะมีหอนาฬิกาและ/หรือหอสังเกตการณ์ ที่หอนี้มีทหารหรือเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมระวังภัยและจับตาดูนาฬิกาในหอแล้วส่งสัญญาณบอกเวลาเช่นเป่าแตรหรือตีกลอง โดยทำงานเป็นกะ เฝ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน และด้วยการสื่อสารจากหอสังเกตการณ์เหล่านี้ บรรดาเกิงฟูก็จะออกเดินทางเพื่อบอกเวลาและรายงานสภาพแวดล้อมทันทีที่ถึงต้นโมงยาม ในเมืองเล็กก็จะมีจุดศูนย์กลางสักแห่งที่มีนาฬิกาหรือเครื่องบอกเวลาสักชนิดหนึ่ง (เช่น วัดที่มีการจุดธูปต่อเนื่อง) เพื่อให้เหล่าเกิงฟูเริ่มงานได้เช่นกัน ทีนี้คำถามต่อมาคือ เกิงฟูเดินไปเรื่อยๆ เส้นทางใกล้ไกลไม่เหมือนกัน แล้วพวกเขาจะรู้เวลาได้อย่างไรว่ากาลเวลาล่วงเข้าอีกยามหนึ่งแล้ว? สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น การบอกเวลาเหล่านี้ไม่ต้องการความ ‘เป๊ะ’ เหมือนปัจจุบัน แต่เป็นการบอกโดยประมาณเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีหลักเกณฑ์โดยคร่าว แต่อย่างไรก็ดี เกิงฟูมีตัวช่วยค่ะ บางคนพกธูปบอกเวลาซึ่งได้รับมาจากจุดเริ่มต้น บางคนพกป้ายที่เรียกว่า ‘เกิงผาย’ ซึ่งมีการกำหนดไว้เป็นจำนวนก้าวว่าเดินกี่ก้าวเปลี่ยนป้ายครั้งหนึ่ง เมื่อครบจำนวนครั้งก็ครบยาม การเล่าข้างต้นเป็นการเล่าโดยคร่าวเพื่อให้เห็นภาพนะคะ จริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดกว่านี้ เช่นมีการปรับจำนวนก้าวในช่วงฤดูต่างๆ เพราะในสมัยโบราณมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับเวลา เช่นหนึ่งเค่ออาจหมายถึง 13 นาทีกว่า หรือ 15 นาทีแล้วแต่ยุคสมัย อาชีพเกิงฟูนี้นับได้ว่าสำคัญมากสำหรับสังคมจีนโบราณ แต่ชีวิตของเกิงฟูลำเค็ญไม่น้อยเพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคทางสภาพอากาศ เงินเดือนก็น้อยนิด และยังต้องมีสมาธิในการทำงานดีมากด้วย เพื่อนเพจว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/602047304_120231588 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/打更/2113152 https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_8909910 https://k.sina.cn/article_7722512403_1cc4c3013001011q40.html?from=news https://www.163.com/dy/article/G08FUAJD05430TXY.html https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe #เกิงฟู #ต่าเกิงเหริน #คนบอกเวลาจีนโบราณ #ตีฆ้องบอกเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 918 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องนี้มีอยู่จริงมนุษย์ต่างดาว"พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสสอนไว้ว่าไม่ได้มีเพียงโลกกายานี้เท่านั้น แต่ยังมีทวีปอื่นๆมากมายแม้ดวงอาทิตย์ก็มีมากมายนับประมาณมิได้เลย
    เรื่องนี้มีอยู่จริงมนุษย์ต่างดาว"พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสสอนไว้ว่าไม่ได้มีเพียงโลกกายานี้เท่านั้น แต่ยังมีทวีปอื่นๆมากมายแม้ดวงอาทิตย์ก็มีมากมายนับประมาณมิได้เลย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ถอดรหัส The World Ahead 2025 !!!- มาแล้วนะครับ สำหรับหน้าปกสำคัญของ The Economist “The World Ahead 2025” เรียกง่ายๆว่า เป็นการ สปอยแผนการณ์ จากท่านลอร์ด ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า นั่นเอง ว่าจะมีเรื่องอะไร เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ !!!- แอด และ สมาชิกกลุ่มลับ ช่วยกันแกะมาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ เก่งกันทุกคนแล้วนะครับ สมาชิกกลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ !!!#เพจนิวเวิลด์ออเดอร์- มามองภาพรวมกันก่อนครับ หน้าปกนี้เราจะเห็นเป็นหน้าคนเลย มีตา 2 ข้าง มี จมูก มีปาก ครบเลยนะครับ คราวนี้เรา ลองขีดกลาง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง !!!- ตาข้างซ้าย มีสัญลักษณ์ ของ นิวเคลียร์ ฝั่งนี้จะมีภาพของ ประธาน EU ”Aursula Fon Dair Lien“ และ มีภาพของ “Volodymyr Zelenskyy” ปธน.ยูเครน อาจจะตีความได้ว่า ทั้ง EU และ Ukraine อาจจะเตรียมโดน “นิวเคลียร์” ในปีหน้านั้นเอง !!!!- ตาฝั่งขวา เป็นดวงตาที่เราคุ้นเคย ดวงตา “All seeing eye” หรือ ดวงตา illuminati ฝั่งนี้มีภาพของ ปธน. “Xi Jinping” และ “Putin” ยังมีรูป นาฬิกาทราย อยู่ใกล้ๆด้วย ตรงนี้ อาจนะตีความได้ว่า ท่านลอร์ด ได้ย้ายขั้วอำนาจของตัวเอง มาไว้ที่ฝั่งนี้เรียบร้อย นาฬิกาทราย ด้านบนเต็มเปี่ยม แปลว่า “เริ่มนับหนึ่ง” ใหม่ของ “New World Order” ครั้งถัดไปนั่นเอง !!!!- ตรงกลาง เป็นภาพของ ปธน. Trump ที่อยู่ข้าง ขีปนาวุธ อาจจะแปลได้ว่า เมกาก็ยังได้ผลประโยชน์ จากการค้าอาวุธให้ทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง หรือ ขีปนาวุธ ของ อเมริกาลูกนี้ จะเป็น ชนวน สำคัญ ทำให้เกิด “WW3” ตามข่าวที่ Biden อนุมิตัให้ ยูเครนใช้ ขีปนาวุธ ของ อเมริกา ในการโจมตีรัสเซีย !!!!- คราวนี้เราลองมา ตีความ ภาพย่อย สำคัญๆ ที่เหลือทีละรูปกันดีกว่า เนื่องจากภาพเยอะ จะเรียงจากบนลงล่าง และ ซ้ายไปขวา นะครับ - ภาพดาวเสาร์ สื่อถึง เทพ “Baal” แบบชัดเจน แปลว่าจะต้องมีการ บูชา สังเวยชีวิตเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ !!!! และ ภาพ ดาวเสาร์ ยังเคยปรากฏ อยู่บนหน้าปกในตำนานของ The Economist หน้าปก “Phoenix” อีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ ของ สกุลเงินใหม่ นั่นเอง !!!! (ภาพประกอบในคอมเม้น) - รูปดวงอาทิตย์ ที่มีเปลว สุริยะ “Solar Flare” เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้และ น่าจะยังคงเกิด อยู่ในปีหน้า เพื่อล้างสมอง ให้คนเชื่อว่า เพราะ “Solar Flare” ที่ระเบิด ออกมานี่หละจะส่งผลให้ ไฟดับ ระบบสื่อสาร ใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ ฉากหลัง อาจจะจัดการให้เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นโดยการใช้ ”EMP” นั่นเอง !!!- ภาพเมือง ที่ดูเป็น ดึก สีดำ ไม่มีแสงจากหน้าต่าง มโนว่า น่าจะเป็น การแจ้งเตือน “Cyber Attack” ที่อาจจะเกิดขึ้น จากภาพข้างๆกัน ผลงานจาก “EMP” !!!!- ภาพ เฮีย Xi ซ้อนอยู่กับ รหัส 0-1 เลขฐาน 2 ของ คอมพิวเตอร์ น่าจะหมายถึง จีนจะกลายเป็นผู้นำ ทาง เทคโนโลยี ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิตอล “CBDC” หรือ เมืองอัจฉริยะ “Smart City” นั่นเอง !!! - ภาพหีบเลือกตั้ง ที่มีรอยร้าว อาจจะหมายถึง การเลือกตั้ง อเมริกาที่ผ่านมา แปลได้ว่า Trump อาจจะอยู่ไม่ครบสมัย หรือ อาจจะไม่ได้เป็น ปธน. เลย !!! หรือ การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็น จุดเริ่มต้นของ รอยร้าว ความแตกแยก ใน อเมริกา “Civil War” นั่นเอง !!!!- ภาพ รถไฟฟ้า เป็นการยืนยันถึง เทรน รถไฟฟ้าที่จะแพร่หลาย มากขึ้นในปีหน้านั่นเอง - ภาพเข็มฉีดยา ติดกับภาพรูปโลก แปลว่าในปีหน้า ก็คงยังมีการ กระหน่ำสร้างความหวาดกลัว เพื่อต้อนคน เข้าไปรับ ยาพิษกันอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลกแน่นอน !!! และ ภาพข้างๆกัน เป็นภาพคล้าย ซี่ของลูกกรง อาจ แปลได้ว่า ใน ปีหน้า อาจจะมีการ Lock Down เกิดขึ้นอีก !!!!- ภาพคล้าย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อาจจะหมายถึง การใช้นิวเคลียร์ เป็นพลังงานใน อนาคต เพราะตอนนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กำลังเป็น Trend ใหญ่ของ โลกใบนี้เช่นกัน ดูได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่กระโดดลงมาเล่นด้วย โดยข้ออ้างว่า เป็นพลังงานสะอาด ยุคใหม่ ของโลกใบนี้นั้นเอง !!!- ภาพ Chip และ ลายแผงวงจร น่าจะสื่อว่าในปีหน้า จะมี ประเด็น เรื่อง Chip ที่จะ ขาดแคลนในปีหน้า สาเหตุ อาจจะเพราะสงคราม การค้า หรือไม่ก็ เพราะ จีน ปิดล้อมไต้หวันนั่นเอง !!!- ภาพ “Jane Austen“ เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษที่มีผลงานเด่นในแนวเสียดสีสังคม อย่างเรื่อง เด่นของเธอ Pride and Prejudice และเธอยังเป็น ต้นแบบของ “Feminism”อีกด้วย ใบหน้าของ Jane Austen ยังอยู่บนธนบัตร 10 ปอนด์ ของอังกฤษอีกด้วย !!!- ภาพกำปั้น ที่สื่อถึง การปฏิวัติ แปลว่าปีหน้า อาจจะมีการ ปฏิวัติ ที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือ อาจจะมี Civil War เกิดขึ้นใน อเมริกา ก็เป็นได้!!!- ภาพสุดท้าย “ดอกเห็ด” ระเบิดนิวเคลียร์ แปลว่า ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น การโชว์เคส ใช้ “นิวเคลียร์” ระเบิด ที่ไหน สักแห่ง หรือเปล่า !!!!!- ยังมีภาพเล็กๆน้อยๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ “Dollar” ค่าเงิน “Yuan” และ ภาพ ลูกศร ที่มีทั้ง ชี้ขึ้นและลง ที่ยังตีความไม่ออก - ทั้งหมดนี้คือ การตีความ จาก แอด และ สมาชิกกลุ่มลับนะครับ ถัาทั้งหมด บนหน้าปกนี้ เกิดขึ้นจริง ก็แปลว่า ปีหน้า โลกใบนี้ ก็คงจะเดือด เป็นปีที่แสนโหดร้ายอีกปีหละครับ ถ้าใครตีความอะไรเพิ่มได้ Comment บอกกันมาได้นะครับ !!!** ใครอยาก แกะ ถอดรหัส เก่ง เป็นสุดยอด มนุษย์สบคบคิด เหมือนสมาชิกกลุ่มลับ ตอนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับสมัคร กลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ ศุกร์ที่ “13” ธ.ค. ครับ **
    ถอดรหัส The World Ahead 2025 !!!- มาแล้วนะครับ สำหรับหน้าปกสำคัญของ The Economist “The World Ahead 2025” เรียกง่ายๆว่า เป็นการ สปอยแผนการณ์ จากท่านลอร์ด ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า นั่นเอง ว่าจะมีเรื่องอะไร เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ !!!- แอด และ สมาชิกกลุ่มลับ ช่วยกันแกะมาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ เก่งกันทุกคนแล้วนะครับ สมาชิกกลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ !!!#เพจนิวเวิลด์ออเดอร์- มามองภาพรวมกันก่อนครับ หน้าปกนี้เราจะเห็นเป็นหน้าคนเลย มีตา 2 ข้าง มี จมูก มีปาก ครบเลยนะครับ คราวนี้เรา ลองขีดกลาง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง !!!- ตาข้างซ้าย มีสัญลักษณ์ ของ นิวเคลียร์ ฝั่งนี้จะมีภาพของ ประธาน EU ”Aursula Fon Dair Lien“ และ มีภาพของ “Volodymyr Zelenskyy” ปธน.ยูเครน อาจจะตีความได้ว่า ทั้ง EU และ Ukraine อาจจะเตรียมโดน “นิวเคลียร์” ในปีหน้านั้นเอง !!!!- ตาฝั่งขวา เป็นดวงตาที่เราคุ้นเคย ดวงตา “All seeing eye” หรือ ดวงตา illuminati ฝั่งนี้มีภาพของ ปธน. “Xi Jinping” และ “Putin” ยังมีรูป นาฬิกาทราย อยู่ใกล้ๆด้วย ตรงนี้ อาจนะตีความได้ว่า ท่านลอร์ด ได้ย้ายขั้วอำนาจของตัวเอง มาไว้ที่ฝั่งนี้เรียบร้อย นาฬิกาทราย ด้านบนเต็มเปี่ยม แปลว่า “เริ่มนับหนึ่ง” ใหม่ของ “New World Order” ครั้งถัดไปนั่นเอง !!!!- ตรงกลาง เป็นภาพของ ปธน. Trump ที่อยู่ข้าง ขีปนาวุธ อาจจะแปลได้ว่า เมกาก็ยังได้ผลประโยชน์ จากการค้าอาวุธให้ทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง หรือ ขีปนาวุธ ของ อเมริกาลูกนี้ จะเป็น ชนวน สำคัญ ทำให้เกิด “WW3” ตามข่าวที่ Biden อนุมิตัให้ ยูเครนใช้ ขีปนาวุธ ของ อเมริกา ในการโจมตีรัสเซีย !!!!- คราวนี้เราลองมา ตีความ ภาพย่อย สำคัญๆ ที่เหลือทีละรูปกันดีกว่า เนื่องจากภาพเยอะ จะเรียงจากบนลงล่าง และ ซ้ายไปขวา นะครับ - ภาพดาวเสาร์ สื่อถึง เทพ “Baal” แบบชัดเจน แปลว่าจะต้องมีการ บูชา สังเวยชีวิตเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ !!!! และ ภาพ ดาวเสาร์ ยังเคยปรากฏ อยู่บนหน้าปกในตำนานของ The Economist หน้าปก “Phoenix” อีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ ของ สกุลเงินใหม่ นั่นเอง !!!! (ภาพประกอบในคอมเม้น) - รูปดวงอาทิตย์ ที่มีเปลว สุริยะ “Solar Flare” เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้และ น่าจะยังคงเกิด อยู่ในปีหน้า เพื่อล้างสมอง ให้คนเชื่อว่า เพราะ “Solar Flare” ที่ระเบิด ออกมานี่หละจะส่งผลให้ ไฟดับ ระบบสื่อสาร ใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ ฉากหลัง อาจจะจัดการให้เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นโดยการใช้ ”EMP” นั่นเอง !!!- ภาพเมือง ที่ดูเป็น ดึก สีดำ ไม่มีแสงจากหน้าต่าง มโนว่า น่าจะเป็น การแจ้งเตือน “Cyber Attack” ที่อาจจะเกิดขึ้น จากภาพข้างๆกัน ผลงานจาก “EMP” !!!!- ภาพ เฮีย Xi ซ้อนอยู่กับ รหัส 0-1 เลขฐาน 2 ของ คอมพิวเตอร์ น่าจะหมายถึง จีนจะกลายเป็นผู้นำ ทาง เทคโนโลยี ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิตอล “CBDC” หรือ เมืองอัจฉริยะ “Smart City” นั่นเอง !!! - ภาพหีบเลือกตั้ง ที่มีรอยร้าว อาจจะหมายถึง การเลือกตั้ง อเมริกาที่ผ่านมา แปลได้ว่า Trump อาจจะอยู่ไม่ครบสมัย หรือ อาจจะไม่ได้เป็น ปธน. เลย !!! หรือ การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็น จุดเริ่มต้นของ รอยร้าว ความแตกแยก ใน อเมริกา “Civil War” นั่นเอง !!!!- ภาพ รถไฟฟ้า เป็นการยืนยันถึง เทรน รถไฟฟ้าที่จะแพร่หลาย มากขึ้นในปีหน้านั่นเอง - ภาพเข็มฉีดยา ติดกับภาพรูปโลก แปลว่าในปีหน้า ก็คงยังมีการ กระหน่ำสร้างความหวาดกลัว เพื่อต้อนคน เข้าไปรับ ยาพิษกันอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลกแน่นอน !!! และ ภาพข้างๆกัน เป็นภาพคล้าย ซี่ของลูกกรง อาจ แปลได้ว่า ใน ปีหน้า อาจจะมีการ Lock Down เกิดขึ้นอีก !!!!- ภาพคล้าย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อาจจะหมายถึง การใช้นิวเคลียร์ เป็นพลังงานใน อนาคต เพราะตอนนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กำลังเป็น Trend ใหญ่ของ โลกใบนี้เช่นกัน ดูได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่กระโดดลงมาเล่นด้วย โดยข้ออ้างว่า เป็นพลังงานสะอาด ยุคใหม่ ของโลกใบนี้นั้นเอง !!!- ภาพ Chip และ ลายแผงวงจร น่าจะสื่อว่าในปีหน้า จะมี ประเด็น เรื่อง Chip ที่จะ ขาดแคลนในปีหน้า สาเหตุ อาจจะเพราะสงคราม การค้า หรือไม่ก็ เพราะ จีน ปิดล้อมไต้หวันนั่นเอง !!!- ภาพ “Jane Austen“ เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษที่มีผลงานเด่นในแนวเสียดสีสังคม อย่างเรื่อง เด่นของเธอ Pride and Prejudice และเธอยังเป็น ต้นแบบของ “Feminism”อีกด้วย ใบหน้าของ Jane Austen ยังอยู่บนธนบัตร 10 ปอนด์ ของอังกฤษอีกด้วย !!!- ภาพกำปั้น ที่สื่อถึง การปฏิวัติ แปลว่าปีหน้า อาจจะมีการ ปฏิวัติ ที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือ อาจจะมี Civil War เกิดขึ้นใน อเมริกา ก็เป็นได้!!!- ภาพสุดท้าย “ดอกเห็ด” ระเบิดนิวเคลียร์ แปลว่า ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น การโชว์เคส ใช้ “นิวเคลียร์” ระเบิด ที่ไหน สักแห่ง หรือเปล่า !!!!!- ยังมีภาพเล็กๆน้อยๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ “Dollar” ค่าเงิน “Yuan” และ ภาพ ลูกศร ที่มีทั้ง ชี้ขึ้นและลง ที่ยังตีความไม่ออก - ทั้งหมดนี้คือ การตีความ จาก แอด และ สมาชิกกลุ่มลับนะครับ ถัาทั้งหมด บนหน้าปกนี้ เกิดขึ้นจริง ก็แปลว่า ปีหน้า โลกใบนี้ ก็คงจะเดือด เป็นปีที่แสนโหดร้ายอีกปีหละครับ ถ้าใครตีความอะไรเพิ่มได้ Comment บอกกันมาได้นะครับ !!!** ใครอยาก แกะ ถอดรหัส เก่ง เป็นสุดยอด มนุษย์สบคบคิด เหมือนสมาชิกกลุ่มลับ ตอนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับสมัคร กลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ ศุกร์ที่ “13” ธ.ค. ครับ **
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1038 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงวันที่ 20-23 ธันวาคม จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือมากที่สุด ทำให้วันนี้จะเป็นวันที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน หรือ วันเห-มา-ยัน
    ช่วงวันที่ 20-23 ธันวาคม จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือมากที่สุด ทำให้วันนี้จะเป็นวันที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน หรือ วันเห-มา-ยัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • โซล่าร์เซล 20 แผง = 5kVA (บ้านที่กรุงเทพฯ)
    พร้อมระบบติดตามตำแหน่งดวงอาทิตย์
    ให้กระแสไฟแรง อย่างคงที่ตลอดทั้งวัน
    สามารถประหยัดค่าแผงโซล่าร์ลงได้ครึ่งหนึ่ง..
    โซล่าร์เซล 20 แผง = 5kVA (บ้านที่กรุงเทพฯ) พร้อมระบบติดตามตำแหน่งดวงอาทิตย์ ให้กระแสไฟแรง อย่างคงที่ตลอดทั้งวัน สามารถประหยัดค่าแผงโซล่าร์ลงได้ครึ่งหนึ่ง..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20-11-67/04 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP2 เพิ่งตื่น..มาบ่ายเรียก "กุ๊กกุ๊ก"ยังหมาไม่เลิก! อะไรน่ะ อียิวบุกเหรอ? แล้วไหงไปติดกับดักเฮซบอเลาะห์อีกล่ะ คราวนี้ ตายห่าเป็นหมู่คณะ หนีออกอีกทาง นึกว่ารอด ถูกกับดักซ้ำอีกชั้น 500 ตัว หายวัยสิจ๊ะ ตกดึกส่งเหี้ยมาตามเก็บศพเพื่อนพ้อง นี่มรึงบุกเค้า หรือถูกเค้าสวนทวารกันแน่เนี่ย? หลังบ้านมรึงยังไม่รอด? เฮซบอเลาะห์มรึงมีกี่มือ กี่ตรีน กันแน่ฟ่ะเนี่ย? เพิ่งจะฆ่าอียิวในเบลานอนเสร็จ หันมาอีกที ไล่ฆ่าอียิวต่อในเมืองท่าไฮฟา และเทลอาวีฟ ระเบิดลงกลางเมืองตึกสูง ไอ้อียิวที่มั่นใจ ว่ากูปลอดภัย เยี่ยวแตก โกลาหลทั้งเมือง ไอรอน โดม หายไปไหนจ๊ะ? อ๋อ..มองไม่เห็น ก็ของมันห่วย มีเอาไว้หลอกควายกันเองไงล่ะ?ลุงสนธิ ส่งรหัสลับสวรรค์ "นรกแตก" แปลเป็นไทยได้ว่า อีต้มตุ๊ด มรึงโดนคุก 100 ปี แน่ คดียาวเป็นหางว่าว มาครบหมด ทั้งซ่องโจร โกง ปลอมแปลงเอกสาร หลอกลวง ไม่มีไกล่เกลี่ย ไม่รับเงินคืน เอาชีวิตมรึงง่ายกว่ามุย? ท้าแดร๊กเยี่ยว 71 แก้ว ตอนนี้ เยี่ยวแตกไปแล้ว อีทนายสายบัว เผ่นหางจุกตูด เล่นข้ามรุ่น ไม่ดูกะลาตัวเอง ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ถูกแฉ รวยผิดปกติ แหงล่ะ ศีลเสมอกัน เหี้ยไม่แตกต่าง? อีเด สายเหลือง งานนี้ มรึงได้เข้าไปนอนคุกสมใจแน่ ดีออก? มีเพ่น้องสายเหลือง รอมรึงเพี๊ยบ เรียงคิวกันเมามันส์แน่มรึงเอ๋ย? ปากดี ผลงานห่วย แพ้เด็ก ทนายนีด้า อายหมา? แม่นกฎหมายเกิน จนหมายังอาย? สัญญานชัดจากแสง ฆ่าล้างบางเหี้ย ไม่มีเมตตา พอกันดีกับไอ้พวกเหี้ยจัญไร หนักแผ่นดินทั้งหลาย กลับขุมนรกมรึงไปได้แล้ว?อะไรน่ะ? อีเสี้ยนยาสั่งลุย ขีปนาวุธโคตรห่วยยิงใส่รัสเซีย(ตั้งใจปล่อยให้ยิงเข้ามา ไอ้โง่!) ปูตินถาม "ทำอะไรอ่ะ" ไม่รู้สึก เบาไปป่ะ? ใบเสร็จมาพร้อม ชอบธรรมมาเต็ม ตากูยิงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง? รอมรึงนานเกินไปแล้ว กว่าจะยิงที นึกว่าจะแน่? ไอ้ยิงแบบนี้ เค้าเรียก ปากกล้า ขาสั่น เพราะรู้ดีว่ายิงยังไง ก็เข้าไม่ถึง เพราะระบบป้องันภัยรัสเซีย "ของจริง" ไม่ใช่ของปลอมแบบที่เหี้ยมะกัน อียิว มันใช้ ปูติน ใช้ความเงียบ สะกดความเคลื่อนไหว มรึงไม่รู้ดอกว่า "เชเชน" เค้าไปกระดิกตรีนรอปูพรม เก็บกวาดอยู่นานแล้ว แค่รอคำสั่งเท่านั้น? WAGNER ไปอยู่กันเต็มพื้นที่พรมแดนอีโปลนานแล้ว สร้างอุโมงค์ลับกันเมามันส์ จะรอดมั้ยเนี่ย?ฮาแตก ทั้ังอโยธยา! โชว์โง่ไม่เลิก "อีช่อบาน" แดร๊กน้ำท่ออวด นึกว่าสะอาด แดร๊กได้ แดร๊กโชว์ เครื่องตรวจวัด เจอเต็มตรีน ปนเปื้อนอาซาชิ หนีไปอ๊วกก็ไม่ทัน กล้องจับภาพค้างอยู่ โง่ยังพอทน แต่แถจนหมาอายเนี่ยสิ มรึงเอาตำแหน่ง "ตัวตลกแห่งปี" ไปครองได้เลย ไม่มีใครแย่ง? โง่แล้วโง่อีก แถแล้วแถอีก กูไม่สงสัยดอกว่า มรึงมันสมองปัญญาควาย แต่ที่ฮายิ่งกว่า คือไอ้อีตัวไหนกันล่ะ ที่เลือกพรรคเดรัจฉานมรึงเข้ามาต่างหาก "โคตรควายยิ่งกว่า?" อะไรน่ะ 14 ล้านเสียง ไปผูกคอตายห่ากันหมดแล้วเหรอ? ช้าไปป่ะ? ปล่อยให้แผ่นดินหนักอยู่ตั้งนานศาลเหี้ยม สั่ง "ประหารชีวิต" แอม ไซยาไนด์ เพราะเหี้ยผิดมนุษย์มนา แสงทำงาน แผ่นดินสูงขึ้นทันตาเห็น ไม่สร้างกรรม ก็ไม่ต้องรับกรรม เมืองไทยยังมีโทษประหารอยู่น่ะ แต่เพราะพระเมตตา คนคุกเดนตายถึงได้รอด แต่ยกเว้นบางคดีที่ให้อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ล่าสุด ปูติน ขยายหลักการนิวเคลียร์ ออกกฎหมายรับรองผ่านแล้ว พร้อมใช้นิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ ทุกสถานการณ์ ทุกเวลา ส่งสัญญาน "ได้เวลาทดสอบ ลองของจริง จะเอาใครเป็นเป้าดีล่ะ?" มีให้เลือกเยอะเกิน อีเสี้ยนยาไม่รอด อีโปลก็น่าโดน อีลอนดอน ไม่ต้องถามถึง ส่วนอีวอชิงตัน ให้ JOHN KIM เอาไปทดสอบแทน แปลว่าอะไร? หัวรบนิวเคลียร์ ติดได้ทุกภาคส่วน ทุกเครื่องมือ อุปกรณ์ ทั้งทัพเรือ อากาศ บก แม้แต่ส่งต่อให้เพื่อนยืมยังได้? ไม่ต้องถามว่าแรงแค่ไหน เอาแบบเล็กสุด ก็แค่ แรงกว่าฮิโรชิมา นางาซากิ 100 เท่า ไม่กลัวโลกแหว่งรึจ๊ะ?ใครบอก? ไทยไม่มีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ กกพ.เตรียมเซ็นต์ MOU เน้นเล็ก ปลอดภัย กำลังการผลิตไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ต่อโมดูล โดยวางไว้แค่ 1% จากพลังงานสะอาดในอนาคต 50% ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องกังวล แค่เอามาทดแทนพลังงานฟอสซิลที่ทำลายชั้นบรรยากาศ ไทยเราตามน้ำเก่งที่สุด ตะวันออกกลางเริ่มใช้มากขึ้น เอเซียเริ่มแพร่หลายมากขึ้น แล้วทำไม เราจะต้องอยู่กับที่กันล่ะ? ใครบอกว่าจะใช้น้ำมันไปจนวันตายกันล่ะ? แค่พลังงานแสงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ที่ 2 ของไทย ที่ร่วมกับจีน ก็ต่อยอดไม่จบสิ้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หาก 22 นี้ ศาลรับมีมูล เพื่อไทย อีเหลี่ยม ตายคาที่ แม้แต่อีอุ้งอุ้ง อาจโดนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ พ่วงรมต.อีก 3 ตัว สูญญากาศมาเต็ม ที่มาว่าทำไม เร่งแจกเงิน 10000 เฟสสุดท้ายให้ทัน ก่อนเกมส์ OVER เพื่อเอามาอ้างผลงาน แจกเงินควาย ไม่ได้พัฒนาประเทศตรงไหนเลย? ควายปลื้มเพราะรับเงิน ไม่แคร์ว่าเงินจากภาษีมรึงเองทั้งนั้น ใครจะมาเครมเอาดีเข้าตัว ช่างแม่ง? เมื่อศาลรับแล้ว ยังจะมีอีกหลายหน่วยงานโดนเอี่ยว โดนหางเลข ไปด้วยชัวร์ งานนี้ ลากไส้ทั้งขบวนการขายชาติ ไม่ได้ตายแค่หัว หางก็ไม่รอด? ศาลฟัน ชีวิตเปลี่ยนทันที!3 นิ้วครึ่ง ฮ่องกง นำร่องไปก่อนน่ะ อีโจชัวร์ แหว่ง โดน 10 ปี พ่วงม็อบรับจ้างโดนกันบานตะไท ศาลเชือดจริง ใครจะเก็บเอาไว้ให้หนักแผ่นดิน นี่แค่จุดเริ่มต้น เข้าไปในคุก ยังมีขนมปังแจกอีกเยอะ ถั่วดำก็มี บานแน่มรึงเอ๋ย? 3 นิ้วครึ่งไทย อีลูกหลานเนรคุณแผ่นดิน รู้รสชาดขี้คุกแล้วรึยัง? ใครที่รอสู้ถึงฎีกา กูบอกเลย มีแต่จะโดนหนักกว่าเยอะ เอาให้สุดซอย อย่ายอม มรึงเหี้ยได้ซะขนาดนี้แล้ว เหี้ยต่อจะเป็นไรไป? เอาให้โลกจารึกว่าพวกมรึง มัน "หนักแผ่นดิน" ไอ้อีทะลุนรก ก็โดนรวบจนหมดแล้ว ใครนกรู้ ก็เผ่นไปกบดานชาติขี้ข้ายิว อีเหี้ย CIA มันรับเลี้ยงเหี้ยโดยเฉพาะ วังวนสัดเดรัจฉานอีสำส่อน ร่วงกราวรูด พลาดถูกแย่งบังลังก์ เพราะไม่พัฒนาชิปได้เร็วและเก่งเท่ามังกรจีน หวังจะแดร๊กใบบุญของเก่า ขณะที่หัวเว่ย พุ่งสู่อวกาศไปแล้ว คุยภาษาคนไม่รู้เรื่อง เพราะเทคโนโลนีก้าวกระโดดไปจนตามไม่ทัน สูญเสียมูลค่าการตลาดไป 4 ล้าน ล้าน บาท โลกธุรกิจไฮเทค เค้าแข่งกันวันต่อวัน เผลอหลับตา หลับใน ถูกแซงเฉย? เอาไงดีล่ะ? รัสเซียรุกหนัก จนสู้ต่อไม่ไหว? จะบุกเค้า ถุกเค้าสวนส้นตรีนกลับมา เละสิจ๊ะ? ของปลอมจะสู้กับของหนัก ของแท้ ของจริง ได้อย่างไร? รัสเซียรอให้เหี้ยเข้ามาตายหมู่ ก็สำเร็จแล้ว รอให้เหี้ยเจ๊งกันทั้งทวีป ก็สำเร็จแล้ว รอให้เหี้ยมอบความชอบธรรมใช้นุ๊ก ก็สำเร็จแล้ว แล้วรอเหี้ยอะไรอีกจ๊ะ? คำตอบคือ "เขมือบยูเครน มันของตาย อยู่ในมือ" แต่รออี NATO EU เข้ามาเต็มวงตรีนก่อน เพราะกูจะรวบแดร๊กทั้งทวีปยุโรป นี่คือเป้าหมาย ส่วนอีวอชิงตัน ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวมันก็ฆ่ากันเองแล้ว อ๋อ..นิ่งเสีย ตำลึงทอง มันเป็นเช่นนี้นี่เอง?ปล.ทั่วโลก แห่กันหนีเข้ามาเมืองไทยและอาเซียน เพราะค่าครองชีพ เพราะรายได้ไม่คุ้ม เพราะไทยคือฮับ ใครเล่นโซเชี่ยล ไม่มาไทย ไม่ได้เกิด? ส่วนใหญ่ NO NAME เข้ามาปุ๊บ ดังปั๊บ นี่คือเสน่ห์ไทย อ่านทุกอย่าง ดูทุกอย่างที่ใครเสนอมุมไทยในสายตาชาวโลก แต่เสือกลืมดูตัวเอง แค่มีสติ มรึงจะรู้ว่า ไอ้อีตัวไหน หน้าไหน ที่เป็นขี้ข้าเหี้ย CIA ที่สวมรอยมาเป็น U-TUBER เสนอแง่คิดคลั่งปชต.ตอแหล แถจนหมายังอาย แม้แต่ U-TUBER ไทย ที่อย฿่ต่างแดน แล้วโพสเรื่องราวมากมาย มียอดติดตามเป็นล้าน นั่นฝีมือเหี้ย C ทั้งนั้น มันใช้โซเชี่ยลขี้ข้าปั่นหัว เบี่ยงเบน ให้ข้อมูลเท็จ บิดเบือนประจำ ไม่ต้องเดา แค่ใช้สติ จะรู้ทันที ว่าใครของจริง ใครของปลอม? กูไม่เคยเชื่อเลย ไอ้พวกมีคนติดตามเป็นล้าน ทำสคริปต์เหมือนถูกสั่งมา ภาพ แสง สี เสียง จัดเต็ม ตัดต่อขั้นเซียน ใช้เงินทั้งนั้น เดาไม่ยาก? แม้แต่โฆษณาอีแอปเปิ้ลบันกล้าเหยียดคนไทย ออกมาแถหน้าด้านๆ แค่มุมมองแตกต่าง พ่องดิ? เมืองไทยรับคนเพิ่มอีก 10 ล้านไหวมั้ย? ตอบว่าได้ หากเทียบขนาดพื้นที่แล้ว ประชากรไปอัดแน่นที่เมืองหลวง หากกระจายไปตามภูมิภาค ทุกอย่างจะสมดุล เชียงใหม่ ภูเก็ต คือจุดยุทธศาสตร์ของไทย จะให้ไอ้อีหน้าไหน มาหั่นออกจากแผ่นดินหลักไม่ได้ โทษคือ "ประหาร 7 ชั่วโคตร" ดั่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วนี้ เรื่องดินแดนพิพาก แยกดินแดน ศาลกำลังจะใช้กรณีนี้ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู บทจะแรง บทจะโหด อย่าร้องขอชีวิต ไทยแค่ชิลด์ แต่บทร้าย กูก็เล่นเป็น? คดีเหี้ยไอ้อีทั้งหลาย มันมาสุดทาง สุดซอยกันแล้ว รอแค่ "ลงดาบ" ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ฟ้าสีทองจะเริ่มปรากฎให้เห็นทันทีหมี CNN(กุ๊กกู ยามเย็น ฟ้าแจ้งจางปาง มาตอนไหน ก็ปลุกตอนนั้น ปลุกให้ตื่น ให้คิด ให้เตรียมพร้อม ประเทศไทยยังมีอะไรอีกเยอะให้เรียนรู้ อีเหี้ยยิว และเหี้ยตะวันตก มันจะไม่มีวันเข้าใจคนไทยได้ดี จนกว่า มรึงจะเข้าใจว่าพวกกูแท้จริงมาจากไหน แล้วพวกมรึงมาจากไหน แผ่นดินทองสำหรับเทวดา ส่วนแผ่นดินดำทมิฬ สำหรับเปรต สัดเดรัจฉาน มรึงถึงได้หนีมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ แต่อยู่ได้ไม่นาน แสงโผล่ มรึงก็ไหม้เกรียมอยู่ดี! รักแผ่นดินกูมากชิมิ ตายซะที่นี่เลยเป็นไง? จะได้อยู่เป็นปุ๋ยให้สัดเดรัจฉานแดร๊กแทน)20 พฤศจิกายน 6717.40 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    20-11-67/04 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP2 เพิ่งตื่น..มาบ่ายเรียก "กุ๊กกุ๊ก"ยังหมาไม่เลิก! อะไรน่ะ อียิวบุกเหรอ? แล้วไหงไปติดกับดักเฮซบอเลาะห์อีกล่ะ คราวนี้ ตายห่าเป็นหมู่คณะ หนีออกอีกทาง นึกว่ารอด ถูกกับดักซ้ำอีกชั้น 500 ตัว หายวัยสิจ๊ะ ตกดึกส่งเหี้ยมาตามเก็บศพเพื่อนพ้อง นี่มรึงบุกเค้า หรือถูกเค้าสวนทวารกันแน่เนี่ย? หลังบ้านมรึงยังไม่รอด? เฮซบอเลาะห์มรึงมีกี่มือ กี่ตรีน กันแน่ฟ่ะเนี่ย? เพิ่งจะฆ่าอียิวในเบลานอนเสร็จ หันมาอีกที ไล่ฆ่าอียิวต่อในเมืองท่าไฮฟา และเทลอาวีฟ ระเบิดลงกลางเมืองตึกสูง ไอ้อียิวที่มั่นใจ ว่ากูปลอดภัย เยี่ยวแตก โกลาหลทั้งเมือง ไอรอน โดม หายไปไหนจ๊ะ? อ๋อ..มองไม่เห็น ก็ของมันห่วย มีเอาไว้หลอกควายกันเองไงล่ะ?ลุงสนธิ ส่งรหัสลับสวรรค์ "นรกแตก" แปลเป็นไทยได้ว่า อีต้มตุ๊ด มรึงโดนคุก 100 ปี แน่ คดียาวเป็นหางว่าว มาครบหมด ทั้งซ่องโจร โกง ปลอมแปลงเอกสาร หลอกลวง ไม่มีไกล่เกลี่ย ไม่รับเงินคืน เอาชีวิตมรึงง่ายกว่ามุย? ท้าแดร๊กเยี่ยว 71 แก้ว ตอนนี้ เยี่ยวแตกไปแล้ว อีทนายสายบัว เผ่นหางจุกตูด เล่นข้ามรุ่น ไม่ดูกะลาตัวเอง ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ถูกแฉ รวยผิดปกติ แหงล่ะ ศีลเสมอกัน เหี้ยไม่แตกต่าง? อีเด สายเหลือง งานนี้ มรึงได้เข้าไปนอนคุกสมใจแน่ ดีออก? มีเพ่น้องสายเหลือง รอมรึงเพี๊ยบ เรียงคิวกันเมามันส์แน่มรึงเอ๋ย? ปากดี ผลงานห่วย แพ้เด็ก ทนายนีด้า อายหมา? แม่นกฎหมายเกิน จนหมายังอาย? สัญญานชัดจากแสง ฆ่าล้างบางเหี้ย ไม่มีเมตตา พอกันดีกับไอ้พวกเหี้ยจัญไร หนักแผ่นดินทั้งหลาย กลับขุมนรกมรึงไปได้แล้ว?อะไรน่ะ? อีเสี้ยนยาสั่งลุย ขีปนาวุธโคตรห่วยยิงใส่รัสเซีย(ตั้งใจปล่อยให้ยิงเข้ามา ไอ้โง่!) ปูตินถาม "ทำอะไรอ่ะ" ไม่รู้สึก เบาไปป่ะ? ใบเสร็จมาพร้อม ชอบธรรมมาเต็ม ตากูยิงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง? รอมรึงนานเกินไปแล้ว กว่าจะยิงที นึกว่าจะแน่? ไอ้ยิงแบบนี้ เค้าเรียก ปากกล้า ขาสั่น เพราะรู้ดีว่ายิงยังไง ก็เข้าไม่ถึง เพราะระบบป้องันภัยรัสเซีย "ของจริง" ไม่ใช่ของปลอมแบบที่เหี้ยมะกัน อียิว มันใช้ ปูติน ใช้ความเงียบ สะกดความเคลื่อนไหว มรึงไม่รู้ดอกว่า "เชเชน" เค้าไปกระดิกตรีนรอปูพรม เก็บกวาดอยู่นานแล้ว แค่รอคำสั่งเท่านั้น? WAGNER ไปอยู่กันเต็มพื้นที่พรมแดนอีโปลนานแล้ว สร้างอุโมงค์ลับกันเมามันส์ จะรอดมั้ยเนี่ย?ฮาแตก ทั้ังอโยธยา! โชว์โง่ไม่เลิก "อีช่อบาน" แดร๊กน้ำท่ออวด นึกว่าสะอาด แดร๊กได้ แดร๊กโชว์ เครื่องตรวจวัด เจอเต็มตรีน ปนเปื้อนอาซาชิ หนีไปอ๊วกก็ไม่ทัน กล้องจับภาพค้างอยู่ โง่ยังพอทน แต่แถจนหมาอายเนี่ยสิ มรึงเอาตำแหน่ง "ตัวตลกแห่งปี" ไปครองได้เลย ไม่มีใครแย่ง? โง่แล้วโง่อีก แถแล้วแถอีก กูไม่สงสัยดอกว่า มรึงมันสมองปัญญาควาย แต่ที่ฮายิ่งกว่า คือไอ้อีตัวไหนกันล่ะ ที่เลือกพรรคเดรัจฉานมรึงเข้ามาต่างหาก "โคตรควายยิ่งกว่า?" อะไรน่ะ 14 ล้านเสียง ไปผูกคอตายห่ากันหมดแล้วเหรอ? ช้าไปป่ะ? ปล่อยให้แผ่นดินหนักอยู่ตั้งนานศาลเหี้ยม สั่ง "ประหารชีวิต" แอม ไซยาไนด์ เพราะเหี้ยผิดมนุษย์มนา แสงทำงาน แผ่นดินสูงขึ้นทันตาเห็น ไม่สร้างกรรม ก็ไม่ต้องรับกรรม เมืองไทยยังมีโทษประหารอยู่น่ะ แต่เพราะพระเมตตา คนคุกเดนตายถึงได้รอด แต่ยกเว้นบางคดีที่ให้อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ล่าสุด ปูติน ขยายหลักการนิวเคลียร์ ออกกฎหมายรับรองผ่านแล้ว พร้อมใช้นิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ ทุกสถานการณ์ ทุกเวลา ส่งสัญญาน "ได้เวลาทดสอบ ลองของจริง จะเอาใครเป็นเป้าดีล่ะ?" มีให้เลือกเยอะเกิน อีเสี้ยนยาไม่รอด อีโปลก็น่าโดน อีลอนดอน ไม่ต้องถามถึง ส่วนอีวอชิงตัน ให้ JOHN KIM เอาไปทดสอบแทน แปลว่าอะไร? หัวรบนิวเคลียร์ ติดได้ทุกภาคส่วน ทุกเครื่องมือ อุปกรณ์ ทั้งทัพเรือ อากาศ บก แม้แต่ส่งต่อให้เพื่อนยืมยังได้? ไม่ต้องถามว่าแรงแค่ไหน เอาแบบเล็กสุด ก็แค่ แรงกว่าฮิโรชิมา นางาซากิ 100 เท่า ไม่กลัวโลกแหว่งรึจ๊ะ?ใครบอก? ไทยไม่มีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ กกพ.เตรียมเซ็นต์ MOU เน้นเล็ก ปลอดภัย กำลังการผลิตไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ต่อโมดูล โดยวางไว้แค่ 1% จากพลังงานสะอาดในอนาคต 50% ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องกังวล แค่เอามาทดแทนพลังงานฟอสซิลที่ทำลายชั้นบรรยากาศ ไทยเราตามน้ำเก่งที่สุด ตะวันออกกลางเริ่มใช้มากขึ้น เอเซียเริ่มแพร่หลายมากขึ้น แล้วทำไม เราจะต้องอยู่กับที่กันล่ะ? ใครบอกว่าจะใช้น้ำมันไปจนวันตายกันล่ะ? แค่พลังงานแสงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ที่ 2 ของไทย ที่ร่วมกับจีน ก็ต่อยอดไม่จบสิ้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หาก 22 นี้ ศาลรับมีมูล เพื่อไทย อีเหลี่ยม ตายคาที่ แม้แต่อีอุ้งอุ้ง อาจโดนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ พ่วงรมต.อีก 3 ตัว สูญญากาศมาเต็ม ที่มาว่าทำไม เร่งแจกเงิน 10000 เฟสสุดท้ายให้ทัน ก่อนเกมส์ OVER เพื่อเอามาอ้างผลงาน แจกเงินควาย ไม่ได้พัฒนาประเทศตรงไหนเลย? ควายปลื้มเพราะรับเงิน ไม่แคร์ว่าเงินจากภาษีมรึงเองทั้งนั้น ใครจะมาเครมเอาดีเข้าตัว ช่างแม่ง? เมื่อศาลรับแล้ว ยังจะมีอีกหลายหน่วยงานโดนเอี่ยว โดนหางเลข ไปด้วยชัวร์ งานนี้ ลากไส้ทั้งขบวนการขายชาติ ไม่ได้ตายแค่หัว หางก็ไม่รอด? ศาลฟัน ชีวิตเปลี่ยนทันที!3 นิ้วครึ่ง ฮ่องกง นำร่องไปก่อนน่ะ อีโจชัวร์ แหว่ง โดน 10 ปี พ่วงม็อบรับจ้างโดนกันบานตะไท ศาลเชือดจริง ใครจะเก็บเอาไว้ให้หนักแผ่นดิน นี่แค่จุดเริ่มต้น เข้าไปในคุก ยังมีขนมปังแจกอีกเยอะ ถั่วดำก็มี บานแน่มรึงเอ๋ย? 3 นิ้วครึ่งไทย อีลูกหลานเนรคุณแผ่นดิน รู้รสชาดขี้คุกแล้วรึยัง? ใครที่รอสู้ถึงฎีกา กูบอกเลย มีแต่จะโดนหนักกว่าเยอะ เอาให้สุดซอย อย่ายอม มรึงเหี้ยได้ซะขนาดนี้แล้ว เหี้ยต่อจะเป็นไรไป? เอาให้โลกจารึกว่าพวกมรึง มัน "หนักแผ่นดิน" ไอ้อีทะลุนรก ก็โดนรวบจนหมดแล้ว ใครนกรู้ ก็เผ่นไปกบดานชาติขี้ข้ายิว อีเหี้ย CIA มันรับเลี้ยงเหี้ยโดยเฉพาะ วังวนสัดเดรัจฉานอีสำส่อน ร่วงกราวรูด พลาดถูกแย่งบังลังก์ เพราะไม่พัฒนาชิปได้เร็วและเก่งเท่ามังกรจีน หวังจะแดร๊กใบบุญของเก่า ขณะที่หัวเว่ย พุ่งสู่อวกาศไปแล้ว คุยภาษาคนไม่รู้เรื่อง เพราะเทคโนโลนีก้าวกระโดดไปจนตามไม่ทัน สูญเสียมูลค่าการตลาดไป 4 ล้าน ล้าน บาท โลกธุรกิจไฮเทค เค้าแข่งกันวันต่อวัน เผลอหลับตา หลับใน ถูกแซงเฉย? เอาไงดีล่ะ? รัสเซียรุกหนัก จนสู้ต่อไม่ไหว? จะบุกเค้า ถุกเค้าสวนส้นตรีนกลับมา เละสิจ๊ะ? ของปลอมจะสู้กับของหนัก ของแท้ ของจริง ได้อย่างไร? รัสเซียรอให้เหี้ยเข้ามาตายหมู่ ก็สำเร็จแล้ว รอให้เหี้ยเจ๊งกันทั้งทวีป ก็สำเร็จแล้ว รอให้เหี้ยมอบความชอบธรรมใช้นุ๊ก ก็สำเร็จแล้ว แล้วรอเหี้ยอะไรอีกจ๊ะ? คำตอบคือ "เขมือบยูเครน มันของตาย อยู่ในมือ" แต่รออี NATO EU เข้ามาเต็มวงตรีนก่อน เพราะกูจะรวบแดร๊กทั้งทวีปยุโรป นี่คือเป้าหมาย ส่วนอีวอชิงตัน ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวมันก็ฆ่ากันเองแล้ว อ๋อ..นิ่งเสีย ตำลึงทอง มันเป็นเช่นนี้นี่เอง?ปล.ทั่วโลก แห่กันหนีเข้ามาเมืองไทยและอาเซียน เพราะค่าครองชีพ เพราะรายได้ไม่คุ้ม เพราะไทยคือฮับ ใครเล่นโซเชี่ยล ไม่มาไทย ไม่ได้เกิด? ส่วนใหญ่ NO NAME เข้ามาปุ๊บ ดังปั๊บ นี่คือเสน่ห์ไทย อ่านทุกอย่าง ดูทุกอย่างที่ใครเสนอมุมไทยในสายตาชาวโลก แต่เสือกลืมดูตัวเอง แค่มีสติ มรึงจะรู้ว่า ไอ้อีตัวไหน หน้าไหน ที่เป็นขี้ข้าเหี้ย CIA ที่สวมรอยมาเป็น U-TUBER เสนอแง่คิดคลั่งปชต.ตอแหล แถจนหมายังอาย แม้แต่ U-TUBER ไทย ที่อย฿่ต่างแดน แล้วโพสเรื่องราวมากมาย มียอดติดตามเป็นล้าน นั่นฝีมือเหี้ย C ทั้งนั้น มันใช้โซเชี่ยลขี้ข้าปั่นหัว เบี่ยงเบน ให้ข้อมูลเท็จ บิดเบือนประจำ ไม่ต้องเดา แค่ใช้สติ จะรู้ทันที ว่าใครของจริง ใครของปลอม? กูไม่เคยเชื่อเลย ไอ้พวกมีคนติดตามเป็นล้าน ทำสคริปต์เหมือนถูกสั่งมา ภาพ แสง สี เสียง จัดเต็ม ตัดต่อขั้นเซียน ใช้เงินทั้งนั้น เดาไม่ยาก? แม้แต่โฆษณาอีแอปเปิ้ลบันกล้าเหยียดคนไทย ออกมาแถหน้าด้านๆ แค่มุมมองแตกต่าง พ่องดิ? เมืองไทยรับคนเพิ่มอีก 10 ล้านไหวมั้ย? ตอบว่าได้ หากเทียบขนาดพื้นที่แล้ว ประชากรไปอัดแน่นที่เมืองหลวง หากกระจายไปตามภูมิภาค ทุกอย่างจะสมดุล เชียงใหม่ ภูเก็ต คือจุดยุทธศาสตร์ของไทย จะให้ไอ้อีหน้าไหน มาหั่นออกจากแผ่นดินหลักไม่ได้ โทษคือ "ประหาร 7 ชั่วโคตร" ดั่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วนี้ เรื่องดินแดนพิพาก แยกดินแดน ศาลกำลังจะใช้กรณีนี้ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู บทจะแรง บทจะโหด อย่าร้องขอชีวิต ไทยแค่ชิลด์ แต่บทร้าย กูก็เล่นเป็น? คดีเหี้ยไอ้อีทั้งหลาย มันมาสุดทาง สุดซอยกันแล้ว รอแค่ "ลงดาบ" ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ฟ้าสีทองจะเริ่มปรากฎให้เห็นทันทีหมี CNN(กุ๊กกู ยามเย็น ฟ้าแจ้งจางปาง มาตอนไหน ก็ปลุกตอนนั้น ปลุกให้ตื่น ให้คิด ให้เตรียมพร้อม ประเทศไทยยังมีอะไรอีกเยอะให้เรียนรู้ อีเหี้ยยิว และเหี้ยตะวันตก มันจะไม่มีวันเข้าใจคนไทยได้ดี จนกว่า มรึงจะเข้าใจว่าพวกกูแท้จริงมาจากไหน แล้วพวกมรึงมาจากไหน แผ่นดินทองสำหรับเทวดา ส่วนแผ่นดินดำทมิฬ สำหรับเปรต สัดเดรัจฉาน มรึงถึงได้หนีมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ แต่อยู่ได้ไม่นาน แสงโผล่ มรึงก็ไหม้เกรียมอยู่ดี! รักแผ่นดินกูมากชิมิ ตายซะที่นี่เลยเป็นไง? จะได้อยู่เป็นปุ๋ยให้สัดเดรัจฉานแดร๊กแทน)20 พฤศจิกายน 6717.40 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1848 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ชีวิตตอนนี้จะดูเหมือน
    มีหมอกหนาทึบปกคลุมรอบด้าน
    แต่จำไว้ว่ามีอาวุธที่ทรงอานุภาพ
    อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความเยาว์วัย
    ความเยาว์วัย ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์
    แค่ปรากฏตัวก็ทำให้โลกสว่างได้แล้ว

    จากหนังสือ |ไม่เป็นไรถ้าเธอยังไม่มีฝัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ไม่เป็นไรถ้าเธอยังไม่มีฝัน #ความฝัน #เป้าหมาย
    แม้ชีวิตตอนนี้จะดูเหมือน มีหมอกหนาทึบปกคลุมรอบด้าน แต่จำไว้ว่ามีอาวุธที่ทรงอานุภาพ อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความเยาว์วัย ความเยาว์วัย ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ แค่ปรากฏตัวก็ทำให้โลกสว่างได้แล้ว จากหนังสือ |ไม่เป็นไรถ้าเธอยังไม่มีฝัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ไม่เป็นไรถ้าเธอยังไม่มีฝัน #ความฝัน #เป้าหมาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการโจมตีทางอากาศจากกองกำลังอิสราเอลอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่เมือง Baalbak

    ก่อนการโจมตีเพียงไม่กี่ชั่วโมง กำลังอิสราเอลเพิ่งออกคำสั่งให้ประชาชนกว่าแสนรายในเมือง Baalbak ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา Beqaa ของเลบานอน และพื้นที่ใกล้เคียง ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน

    "ประชาชนทุกคนต้องอพยพทันทีโดยใช้เส้นทางอพยพที่กำหนดไว้ เรากำลังจะโจมตีพื้นที่เป้าหมายอย่างรุนแรงต่อเป้าหมายของกลุ่ม Hezbollah ที่นั่นในไม่ช้า" คำสั่งของอิสราเอล

    Baalbak (บาอัลบัก) หรือเมืองแห่งดวงอาทิตย์ คือสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่มีหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มรวมตัวอยู่กันเป็นชุมชนใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุด (ประมาณ 11,000 ปี) กำลังถูกอิสราเอลโจมตีต่อสายตาของคนทั่วโลก
    ภาพการโจมตีทางอากาศจากกองกำลังอิสราเอลอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่เมือง Baalbak ก่อนการโจมตีเพียงไม่กี่ชั่วโมง กำลังอิสราเอลเพิ่งออกคำสั่งให้ประชาชนกว่าแสนรายในเมือง Baalbak ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา Beqaa ของเลบานอน และพื้นที่ใกล้เคียง ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน "ประชาชนทุกคนต้องอพยพทันทีโดยใช้เส้นทางอพยพที่กำหนดไว้ เรากำลังจะโจมตีพื้นที่เป้าหมายอย่างรุนแรงต่อเป้าหมายของกลุ่ม Hezbollah ที่นั่นในไม่ช้า" คำสั่งของอิสราเอล Baalbak (บาอัลบัก) หรือเมืองแห่งดวงอาทิตย์ คือสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่มีหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มรวมตัวอยู่กันเป็นชุมชนใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุด (ประมาณ 11,000 ปี) กำลังถูกอิสราเอลโจมตีต่อสายตาของคนทั่วโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทะเลหมอกควนบังหนูด จ.สงขลา
    เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักเดินทางทั้งหลายต้องไม่พลาดไปชมเด็ดขาด นั่นคือ ความสวยงามของ "ควนบังหนูด” จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ของ จ.สงขลา ซึ่งสวยงามเกินบรรยาย ตั้งอยู่บนเนินเขาในพื้นที่บ้านหน้าควน หมู่ 2 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อยู่ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นทะเลหมอกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยในช่วงเช้าของทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามกันอย่างต่อเนื่อง

    จุดเด่นของทะเลหมอก ”ควนบังหนูด” แห่งนี้ก็คือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ทะเลหมอกที่ทอดยาวสลับกับเนินเขาเล็กๆ และแสงอาทิตย์ในยามเช้า และบางวันหมอกจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนแทบสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ ที่สำคัญการเดินทางมาเยือนง่ายมากเพราะเป็นเนินเขาที่อยู่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นไปได้เพราะไม่ชันมาก หรือจะปั่นจักรยาน ขับรถจักรยานยนต์ขึ้นไปได้เลย หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็ขึ้นไปได้

    ในช่วงเช้าของทุกวันจะมีผู้คนขึ้นไปชมทะเลหมอกควนบังหนูดพร้อมๆกับดูดวงอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมที่จะไปต้มกาแฟกินกันบนควนบังหนูดพร้อมๆ กับชมวิวทะเลหมอกซึ่งได้บรรยากาศมาก
    สำหรับการเดินทางไปชมทะเลหมอกที่ "ควนบังหนูด” ให้ใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัตภูมิ สายเก่า จะสะดวกและง่ายที่สุด หากมาจาก อ.หาดใหญ่ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร ทางเข้าให้สังเกต สภ.ทุ่งตำเสาและอบต.ฉลุง ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ขับเลยมาราว 100 เมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยมุ่งตรงตามถนนลาดยางเข้าไปยังพื้นที่หมู่ 2 บ้านหน้าควน ไม่นานก็ถึงแล้ว

    #ควนบังหนูด

    ทะเลหมอกควนบังหนูด จ.สงขลา เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักเดินทางทั้งหลายต้องไม่พลาดไปชมเด็ดขาด นั่นคือ ความสวยงามของ "ควนบังหนูด” จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ของ จ.สงขลา ซึ่งสวยงามเกินบรรยาย ตั้งอยู่บนเนินเขาในพื้นที่บ้านหน้าควน หมู่ 2 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อยู่ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นทะเลหมอกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยในช่วงเช้าของทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามกันอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของทะเลหมอก ”ควนบังหนูด” แห่งนี้ก็คือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ทะเลหมอกที่ทอดยาวสลับกับเนินเขาเล็กๆ และแสงอาทิตย์ในยามเช้า และบางวันหมอกจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนแทบสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ ที่สำคัญการเดินทางมาเยือนง่ายมากเพราะเป็นเนินเขาที่อยู่ไม่สูงมากนัก สามารถเดินขึ้นไปได้เพราะไม่ชันมาก หรือจะปั่นจักรยาน ขับรถจักรยานยนต์ขึ้นไปได้เลย หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็ขึ้นไปได้ ในช่วงเช้าของทุกวันจะมีผู้คนขึ้นไปชมทะเลหมอกควนบังหนูดพร้อมๆกับดูดวงอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมที่จะไปต้มกาแฟกินกันบนควนบังหนูดพร้อมๆ กับชมวิวทะเลหมอกซึ่งได้บรรยากาศมาก สำหรับการเดินทางไปชมทะเลหมอกที่ "ควนบังหนูด” ให้ใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัตภูมิ สายเก่า จะสะดวกและง่ายที่สุด หากมาจาก อ.หาดใหญ่ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร ทางเข้าให้สังเกต สภ.ทุ่งตำเสาและอบต.ฉลุง ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ขับเลยมาราว 100 เมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยมุ่งตรงตามถนนลาดยางเข้าไปยังพื้นที่หมู่ 2 บ้านหน้าควน ไม่นานก็ถึงแล้ว #ควนบังหนูด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงอาทิตย์ลากลับบ้าน
    ดวงอาทิตย์ลากลับบ้าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts