• Hunza Village อยู่บน Karakolum Highway
    ทางตอนเหนือสุด ของ ประเทศปากีสถาน ต่อกับ ซินเจียง(จีน)
    Hunza Village อยู่บน Karakolum Highway ทางตอนเหนือสุด ของ ประเทศปากีสถาน ต่อกับ ซินเจียง(จีน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full)
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full)
    - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน
    - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน”
    - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ
    - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full) Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full) - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน” - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    99
    3 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1797 มุมมอง 272 16 รีวิว
  • รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ

    องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้

    ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน

    “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว

    “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ • องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้ • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน • “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน • อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว • “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซินเจียงกำลังถูกพูดถึง ตอนนีั เมื่อ9ปีก่อนเคยไปทำข่าวที่นั่นแล้วเก็บมาเขียนเป็นไดอารี่เอาไว้ทั้งหมด8ตอนครับ

    https://mgronline.com/china/detail/9590000061544
    ซินเจียงกำลังถูกพูดถึง ตอนนีั เมื่อ9ปีก่อนเคยไปทำข่าวที่นั่นแล้วเก็บมาเขียนเป็นไดอารี่เอาไว้ทั้งหมด8ตอนครับ https://mgronline.com/china/detail/9590000061544
    MGRONLINE.COM
    เส้นทางสายไหมไดอารี่&:ไม่ถึงซินเจียงไม่รู้ความไพศาลของผืนแผ่นดิน
    不到新疆不知地域的辽阔,不到西藏不知天堂的色彩 “ไม่ถึงซินเกียงไม่รู้ความไพศาลของผืนแผ่นดิน ไม่ถึงทิเบตไม่รู้สีสั
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • นำสื่อไทยไปจีน ติดตามชีวิต"อุยกูร์" : [NEWS UPDATE]

    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะทำงานภารกิจ "11 ปีที่เป็นไปได้ในการกลับสู่บ้านเกิด" ได้จัดทำคลิปวิดีโอความยาว 1.52 นาที เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอน วิธีการทำงาน และผลของการส่งชาวอุยกูร์กลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย
    โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้หารือกับคณะทำงานกำหนดวันและเวลาเดินทางไปประเทศจีน มณฑลซินเจียง เพื่อติดตามตรวจสอบ ความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับบ้านเกิด ตามที่รัฐบาลจีนได้ให้พันธสัญญาไว้กับไทย ภายใน 15-30 วันนับจากนี้ และประสานงานเพื่อนำสื่อมวลชนไทยร่วมสังเกตการณ์ด้วย


    ซัดประเทศใหญ่ใส่ร้าย

    คำ"โจรกระจอก"จุดไฟใต้

    หนุนงบรับ-ส่งผู้ป่วย

    ทนร้อนไปก่อน
    นำสื่อไทยไปจีน ติดตามชีวิต"อุยกูร์" : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะทำงานภารกิจ "11 ปีที่เป็นไปได้ในการกลับสู่บ้านเกิด" ได้จัดทำคลิปวิดีโอความยาว 1.52 นาที เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอน วิธีการทำงาน และผลของการส่งชาวอุยกูร์กลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้หารือกับคณะทำงานกำหนดวันและเวลาเดินทางไปประเทศจีน มณฑลซินเจียง เพื่อติดตามตรวจสอบ ความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับบ้านเกิด ตามที่รัฐบาลจีนได้ให้พันธสัญญาไว้กับไทย ภายใน 15-30 วันนับจากนี้ และประสานงานเพื่อนำสื่อมวลชนไทยร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซัดประเทศใหญ่ใส่ร้าย คำ"โจรกระจอก"จุดไฟใต้ หนุนงบรับ-ส่งผู้ป่วย ทนร้อนไปก่อน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 618 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • 28 กุมภาพันธ์ 2568- รายงานข่าวจากเพจสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า ชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 รายที่ถูกส่งตัวกลับถึงบ้านแล้วในวันถัดมา

    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 ราย ได้ถูกส่งตัวกลับจากประเทศไทย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้กลับถึงบ้านและพบกับครอบครัวอีกครั้งหลังจากผ่านไปมากกว่า 10 ปี

    ทั้งรัฐบาลจีนและไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและการปกป้องสิทธิมนุษยชน จีนได้ชี้แจงให้ฝ่ายไทยทราบแล้วว่า การกระทำผิดของชาวจีนที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่พบการกระทำผิดร้ายแรงอื่นใด ชาวจีนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวและส่งตัวกลับบ้านหลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบุคคลเหล่านี้อย่างดีที่สุด จีนยังจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้คนเหล่านี้สามารถกลับสู่สังคมและดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

    รัฐบาลไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ ในอนาคตจีนจะยังคงยินดีต้อนรับรัฐบาลไทยในการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับเหล่านี้ในภายหลัง สำหรับชาวไทยที่ใส่ใจและติดตามสถานการณ์ในซินเจียงของจีน เรายินดีต้อนรับท่านเหล่านี้ให้เดินทางไปเยี่ยมชมซินเจียงเพื่อสัมผัสประสบการณ์การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในซินเจียงและชีวิตที่มีความสุขของประชาชนด้วยตนเอง

    ภาพที่ 1-5: ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศอยู่กับครอบครัวที่บ้าน

    ภาพที่ 6-7 : บ้านพักของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/19u8bWoBnr/?mibextid=wwXIfr
    28 กุมภาพันธ์ 2568- รายงานข่าวจากเพจสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า ชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 รายที่ถูกส่งตัวกลับถึงบ้านแล้วในวันถัดมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 ราย ได้ถูกส่งตัวกลับจากประเทศไทย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้กลับถึงบ้านและพบกับครอบครัวอีกครั้งหลังจากผ่านไปมากกว่า 10 ปี ทั้งรัฐบาลจีนและไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและการปกป้องสิทธิมนุษยชน จีนได้ชี้แจงให้ฝ่ายไทยทราบแล้วว่า การกระทำผิดของชาวจีนที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่พบการกระทำผิดร้ายแรงอื่นใด ชาวจีนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวและส่งตัวกลับบ้านหลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบุคคลเหล่านี้อย่างดีที่สุด จีนยังจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้คนเหล่านี้สามารถกลับสู่สังคมและดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง รัฐบาลไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ ในอนาคตจีนจะยังคงยินดีต้อนรับรัฐบาลไทยในการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับเหล่านี้ในภายหลัง สำหรับชาวไทยที่ใส่ใจและติดตามสถานการณ์ในซินเจียงของจีน เรายินดีต้อนรับท่านเหล่านี้ให้เดินทางไปเยี่ยมชมซินเจียงเพื่อสัมผัสประสบการณ์การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในซินเจียงและชีวิตที่มีความสุขของประชาชนด้วยตนเอง ภาพที่ 1-5: ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ภาพที่ 6-7 : บ้านพักของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/19u8bWoBnr/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน

    เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก”

    รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา

    แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว

    พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน”

    และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่

    ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป”

    แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง

    อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ”

    ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP)

    ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว

    จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย""

    เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง"

    ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า

    กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้

    ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS

    ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก” รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน” และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่ ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป” แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ” ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP) ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย"" เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง" ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้ ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตจีนในไทยยืนยัน ชาวอุยกูร์ 40 คน ถูกส่งกลับซินเจียงแล้ว ระบุปฏิบัติตามกฎหมายและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019531

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สถานทูตจีนในไทยยืนยัน ชาวอุยกูร์ 40 คน ถูกส่งกลับซินเจียงแล้ว ระบุปฏิบัติตามกฎหมายและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019531 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต

    วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด

    "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต • วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด • "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ หยุดจ่ายเงิน BBC หันมาชมจีน

    หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
    เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่

    ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID
    ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ

    เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว

    แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย

    สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใดๆ มีแต่พูดเรื่องดีๆเท่านั้น

    สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน

    BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที

    ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริงๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว

    ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ
    .
    https://web.facebook.com/share/p/1B1cgCWZib/
    สหรัฐฯ หยุดจ่ายเงิน BBC หันมาชมจีน หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่ ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใดๆ มีแต่พูดเรื่องดีๆเท่านั้น สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริงๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ . https://web.facebook.com/share/p/1B1cgCWZib/
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 ทัวร์จีน เจาะลึกซินเจียงกลาง 8 วัน 7 คืน
    📍 อูรูมูฉี - อี้หนิง - ทุ่งหญ้านาราถี - ทะเลสาบไซลี่มู - เมืองเท่อเค่อซือ - ทุ่งหญ้าคาลาจุ้น - แกรนด์แคนยอนคั่วเคซู - ทุ่งดอกลาเวนเดอร์


    ✈️ เดินทางโดย : CZ-ไชน่าเซ้าเทิร์น
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️+⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

    🅿️ 7 - 14 / 14 - 21 / 21 - 28 มิ.ย. 68 ท่านละ 73,995

    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z11827

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eaa0b8

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e40ba7

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🔥 ทัวร์จีน เจาะลึกซินเจียงกลาง 8 วัน 7 คืน 📍 อูรูมูฉี - อี้หนิง - ทุ่งหญ้านาราถี - ทะเลสาบไซลี่มู - เมืองเท่อเค่อซือ - ทุ่งหญ้าคาลาจุ้น - แกรนด์แคนยอนคั่วเคซู - ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ✈️ เดินทางโดย : CZ-ไชน่าเซ้าเทิร์น 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️+⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ 🅿️ 7 - 14 / 14 - 21 / 21 - 28 มิ.ย. 68 ท่านละ 73,995 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z11827 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eaa0b8 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e40ba7 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน
    .
    หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง
    .
    การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า
    .
    อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง
    .
    นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก
    .
    ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม
    .
    นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน
    .
    นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น
    .
    ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล
    .
    ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน
    .
    โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย
    .
    ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด
    .
    ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน . หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง . การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า . อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง . นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก . ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม . นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน . นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น . ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล . ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน . โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย . ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด . ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1813 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขนมไหว้พระจันทร์นี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Baoxiang Pattern Mooncake ซึ่งมีลักษณะสวยงามมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.5 เซนติเมตร และทำจากแป้งสาลี มันถูกขุดพบในสุสานหมายเลข 230 ของอัสตานาในทูร์ปันในปี 1972 พิพิธภัณฑ์ซินเจียง#พิพิธภัณฑ์ #ขนมไหว้พระจันทร์ #ขนมโบราณ #ราชวงศ์ถัง
    ขนมไหว้พระจันทร์นี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Baoxiang Pattern Mooncake ซึ่งมีลักษณะสวยงามมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.5 เซนติเมตร และทำจากแป้งสาลี มันถูกขุดพบในสุสานหมายเลข 230 ของอัสตานาในทูร์ปันในปี 1972 พิพิธภัณฑ์ซินเจียง#พิพิธภัณฑ์ #ขนมไหว้พระจันทร์ #ขนมโบราณ #ราชวงศ์ถัง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาจ่ายเงินให้สื่อเทียมหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อดิสเครดิตจีนด้วยข่าวเท็จ เช่น รัฐบาลจีนกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์สาระพัดข่าว โจมตีตลอด

    ทูตจากประเทศอิสลามหลายประเทศหลายคณะเดินทางไปมณฑลซินเจียง พบผู้แทนชาวจีนอุยกูร์เพื่อศึกษาปัญหาด้วยตนเอง ทุกคนกลับประเทศแล้วตอบเหมือนกันหมดเลยว่าจีนไม่เคยละเมิดสิทธิ์มุสลิมอุยกูร์แต่อย่างใด ชาวจีนอุยกูร์อยู่สุขสบายดีเหมือนเดิม แถมยังเจริญมากขึ้นด้วยซ้ำ

    แต่อย่างไรก็ตาม อเมริกาก็ยังจะปล่อยข่าวโจมตีจีนอยู่นั่นแหละ เพราะในโลกนี้ คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด ยังมีคนโง่อีกมากที่จะยังหลงเชื่อต่อไป


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    อเมริกาจ่ายเงินให้สื่อเทียมหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อดิสเครดิตจีนด้วยข่าวเท็จ เช่น รัฐบาลจีนกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์สาระพัดข่าว โจมตีตลอด ทูตจากประเทศอิสลามหลายประเทศหลายคณะเดินทางไปมณฑลซินเจียง พบผู้แทนชาวจีนอุยกูร์เพื่อศึกษาปัญหาด้วยตนเอง ทุกคนกลับประเทศแล้วตอบเหมือนกันหมดเลยว่าจีนไม่เคยละเมิดสิทธิ์มุสลิมอุยกูร์แต่อย่างใด ชาวจีนอุยกูร์อยู่สุขสบายดีเหมือนเดิม แถมยังเจริญมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม อเมริกาก็ยังจะปล่อยข่าวโจมตีจีนอยู่นั่นแหละ เพราะในโลกนี้ คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด ยังมีคนโง่อีกมากที่จะยังหลงเชื่อต่อไป ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว