• “Terence Tao กับแนวคิดสังคมมนุษย์ 4 ระดับ — เมื่อคณิตศาสตร์กลายเป็นเครื่องมือเข้าใจโลก ไม่ใช่แค่ตัวเลข”

    Terence Tao นักคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้โพสต์ข้อคิดเห็นเชิงปรัชญาและสังคมบน Mathstodon ซึ่งสะท้อนมุมมองของเขาต่อโครงสร้างสังคมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่:

    1️⃣ มนุษย์แต่ละคน
    2️⃣ กลุ่มเล็กที่จัดตั้งขึ้น (เช่น ครอบครัว เพื่อน กลุ่มอาสาสมัคร หรือชุมชนออนไลน์ขนาดเล็ก)
    3️⃣ กลุ่มใหญ่ที่จัดตั้งขึ้น (เช่น รัฐบาล บริษัทข้ามชาติ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย)
    4️⃣ ระบบซับซ้อนระดับโลก (เช่น เศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมไวรัล หรือสภาพภูมิอากาศ)

    Tao ชี้ว่าในยุคดิจิทัล กลุ่มใหญ่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจ ขณะที่กลุ่มเล็กกลับถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มนุษย์แต่ละคนรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้อิทธิพล และขาดความเชื่อมโยงกับระบบที่ใหญ่ขึ้น

    เขาเปรียบเทียบว่าองค์กรขนาดใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ดูเหมือนตอบสนองความต้องการ แต่ขาดความลึกซึ้งและความจริงใจเหมือนกลุ่มเล็กที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่นเดียวกับอาหารขยะที่ให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหาร

    Tao เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced ที่เขาเห็นในช่วงหลัง ซึ่งแม้จะไม่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่ให้คุณค่าทางจิตใจ ความรู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นช่องทางเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ได้อย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากโพสต์ของ Terence Tao
    Tao แบ่งโครงสร้างสังคมมนุษย์ออกเป็น 4 ระดับ: บุคคล, กลุ่มเล็ก, กลุ่มใหญ่, และระบบซับซ้อน
    กลุ่มใหญ่ได้รับพลังจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจในยุคใหม่
    กลุ่มเล็กถูกลดบทบาทลง ส่งผลให้บุคคลรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดอิทธิพล
    องค์กรใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ขาดความจริงใจ
    กลุ่มเล็กมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและให้คุณค่าทางจิตใจ
    Tao เห็นโครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced เป็นตัวอย่างของกลุ่มเล็กที่มีพลัง
    เสนอให้สนับสนุนกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโยงกับระบบใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการ Polymath ที่ Tao เคยร่วมก่อตั้ง เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันในกลุ่มเล็ก
    Proof assistant อย่าง Lean ช่วยให้คนทั่วไปสามารถร่วมในโครงการคณิตศาสตร์ได้
    กลุ่มเล็กมีขนาดต่ำกว่า “Dunbar’s number” ซึ่งเป็นจำนวนคนที่มนุษย์สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างมีคุณภาพ
    การรวมกลุ่มเล็กสามารถสร้างแรงผลักดันทางสังคม เช่น การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือวัฒนธรรม
    การใช้ AI และแพลตฟอร์มออนไลน์สามารถช่วยฟื้นฟูบทบาทของกลุ่มเล็กได้ หากออกแบบอย่างมีจริยธรรม

    https://mathstodon.xyz/@tao/115259943398316677
    🧩 “Terence Tao กับแนวคิดสังคมมนุษย์ 4 ระดับ — เมื่อคณิตศาสตร์กลายเป็นเครื่องมือเข้าใจโลก ไม่ใช่แค่ตัวเลข” Terence Tao นักคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้โพสต์ข้อคิดเห็นเชิงปรัชญาและสังคมบน Mathstodon ซึ่งสะท้อนมุมมองของเขาต่อโครงสร้างสังคมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่: 1️⃣ มนุษย์แต่ละคน 2️⃣ กลุ่มเล็กที่จัดตั้งขึ้น (เช่น ครอบครัว เพื่อน กลุ่มอาสาสมัคร หรือชุมชนออนไลน์ขนาดเล็ก) 3️⃣ กลุ่มใหญ่ที่จัดตั้งขึ้น (เช่น รัฐบาล บริษัทข้ามชาติ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย) 4️⃣ ระบบซับซ้อนระดับโลก (เช่น เศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมไวรัล หรือสภาพภูมิอากาศ) Tao ชี้ว่าในยุคดิจิทัล กลุ่มใหญ่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจ ขณะที่กลุ่มเล็กกลับถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มนุษย์แต่ละคนรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้อิทธิพล และขาดความเชื่อมโยงกับระบบที่ใหญ่ขึ้น เขาเปรียบเทียบว่าองค์กรขนาดใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ดูเหมือนตอบสนองความต้องการ แต่ขาดความลึกซึ้งและความจริงใจเหมือนกลุ่มเล็กที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่นเดียวกับอาหารขยะที่ให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหาร Tao เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced ที่เขาเห็นในช่วงหลัง ซึ่งแม้จะไม่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่ให้คุณค่าทางจิตใจ ความรู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นช่องทางเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ได้อย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากโพสต์ของ Terence Tao ➡️ Tao แบ่งโครงสร้างสังคมมนุษย์ออกเป็น 4 ระดับ: บุคคล, กลุ่มเล็ก, กลุ่มใหญ่, และระบบซับซ้อน ➡️ กลุ่มใหญ่ได้รับพลังจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจในยุคใหม่ ➡️ กลุ่มเล็กถูกลดบทบาทลง ส่งผลให้บุคคลรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดอิทธิพล ➡️ องค์กรใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ขาดความจริงใจ ➡️ กลุ่มเล็กมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและให้คุณค่าทางจิตใจ ➡️ Tao เห็นโครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced เป็นตัวอย่างของกลุ่มเล็กที่มีพลัง ➡️ เสนอให้สนับสนุนกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการ Polymath ที่ Tao เคยร่วมก่อตั้ง เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันในกลุ่มเล็ก ➡️ Proof assistant อย่าง Lean ช่วยให้คนทั่วไปสามารถร่วมในโครงการคณิตศาสตร์ได้ ➡️ กลุ่มเล็กมีขนาดต่ำกว่า “Dunbar’s number” ซึ่งเป็นจำนวนคนที่มนุษย์สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างมีคุณภาพ ➡️ การรวมกลุ่มเล็กสามารถสร้างแรงผลักดันทางสังคม เช่น การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือวัฒนธรรม ➡️ การใช้ AI และแพลตฟอร์มออนไลน์สามารถช่วยฟื้นฟูบทบาทของกลุ่มเล็กได้ หากออกแบบอย่างมีจริยธรรม https://mathstodon.xyz/@tao/115259943398316677
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • “Linux อาจรองรับ Multi-Kernel ในอนาคต — เปิดทางให้ระบบปฏิบัติการหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว”

    ในโลกที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกใช้ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โครงสร้างแบบ monolithic kernel ที่ใช้มายาวนานกำลังถูกท้าทายด้วยแนวคิดใหม่จากบริษัท Multikernel Technologies ที่เสนอให้ Linux รองรับ “multi-kernel architecture” หรือการรันเคอร์เนลหลายตัวพร้อมกันบนเครื่องเดียว

    แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่าน RFC (Request for Comments) บน Linux Kernel Mailing List โดยหวังให้ชุมชนร่วมกันพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ โดยหลักการคือการแบ่ง CPU cores ออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วให้แต่ละกลุ่มรันเคอร์เนลของตัวเองอย่างอิสระ พร้อมจัดการ process และ memory แยกจากกัน แต่ยังสามารถสื่อสารกันผ่านระบบ Inter-Processor Interrupt (IPI) ที่ออกแบบมาเฉพาะ

    ข้อดีของระบบนี้คือการแยกงานออกจากกันอย่างแท้จริง เช่น เคอร์เนลหนึ่งอาจใช้สำหรับงาน real-time อีกตัวสำหรับงานทั่วไป หรือแม้แต่สร้างเคอร์เนลเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสหรือการควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์

    Multikernel ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก kexec ซึ่งช่วยให้สามารถโหลดเคอร์เนลหลายตัวได้แบบ dynamic โดยไม่ต้องรีบูตเครื่องทั้งหมด และยังมีระบบ Kernel Hand-Over (KHO) ที่อาจเปิดทางให้การอัปเดตเคอร์เนลแบบไร้ downtime ในอนาคต

    แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่แนวคิดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Linux ไปโดยสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Multikernel Technologies เสนอแนวคิด multi-kernel ผ่าน RFC บน LKML
    ระบบนี้ให้เคอร์เนลหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว โดยแบ่ง CPU cores
    เคอร์เนลแต่ละตัวจัดการ process และ memory ของตัวเอง
    ใช้ระบบ IPI สำหรับการสื่อสารระหว่างเคอร์เนล
    ใช้โครงสร้างจาก kexec เพื่อโหลดเคอร์เนลหลายตัวแบบ dynamic
    มีแนวคิด Kernel Hand-Over สำหรับการอัปเดตแบบไร้ downtime
    เหมาะกับงานที่ต้องการแยก workload เช่น real-time, security-critical, หรือ AI
    ยังอยู่ในขั้น RFC และเปิดรับข้อเสนอแนะจากชุมชน Linux

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบ multi-kernel เคยถูกทดลองในงานวิจัย เช่น Barrelfish และ Helios OS
    การแยก workload ที่ระดับเคอร์เนลให้ความปลอดภัยมากกว่าการใช้ container หรือ VM
    kexec เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเคอร์เนลโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง
    IPI (Inter-Processor Interrupt) เป็นกลไกที่ใช้ในระบบ SMP สำหรับการสื่อสารระหว่าง CPU
    หากแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับ อาจนำไปสู่การสร้าง Linux รุ่นพิเศษสำหรับงานเฉพาะทาง

    https://news.itsfoss.com/linux-multikernel-proposal/
    🧠 “Linux อาจรองรับ Multi-Kernel ในอนาคต — เปิดทางให้ระบบปฏิบัติการหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว” ในโลกที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกใช้ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โครงสร้างแบบ monolithic kernel ที่ใช้มายาวนานกำลังถูกท้าทายด้วยแนวคิดใหม่จากบริษัท Multikernel Technologies ที่เสนอให้ Linux รองรับ “multi-kernel architecture” หรือการรันเคอร์เนลหลายตัวพร้อมกันบนเครื่องเดียว แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่าน RFC (Request for Comments) บน Linux Kernel Mailing List โดยหวังให้ชุมชนร่วมกันพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ โดยหลักการคือการแบ่ง CPU cores ออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วให้แต่ละกลุ่มรันเคอร์เนลของตัวเองอย่างอิสระ พร้อมจัดการ process และ memory แยกจากกัน แต่ยังสามารถสื่อสารกันผ่านระบบ Inter-Processor Interrupt (IPI) ที่ออกแบบมาเฉพาะ ข้อดีของระบบนี้คือการแยกงานออกจากกันอย่างแท้จริง เช่น เคอร์เนลหนึ่งอาจใช้สำหรับงาน real-time อีกตัวสำหรับงานทั่วไป หรือแม้แต่สร้างเคอร์เนลเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสหรือการควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์ Multikernel ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก kexec ซึ่งช่วยให้สามารถโหลดเคอร์เนลหลายตัวได้แบบ dynamic โดยไม่ต้องรีบูตเครื่องทั้งหมด และยังมีระบบ Kernel Hand-Over (KHO) ที่อาจเปิดทางให้การอัปเดตเคอร์เนลแบบไร้ downtime ในอนาคต แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่แนวคิดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Linux ไปโดยสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Multikernel Technologies เสนอแนวคิด multi-kernel ผ่าน RFC บน LKML ➡️ ระบบนี้ให้เคอร์เนลหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว โดยแบ่ง CPU cores ➡️ เคอร์เนลแต่ละตัวจัดการ process และ memory ของตัวเอง ➡️ ใช้ระบบ IPI สำหรับการสื่อสารระหว่างเคอร์เนล ➡️ ใช้โครงสร้างจาก kexec เพื่อโหลดเคอร์เนลหลายตัวแบบ dynamic ➡️ มีแนวคิด Kernel Hand-Over สำหรับการอัปเดตแบบไร้ downtime ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการแยก workload เช่น real-time, security-critical, หรือ AI ➡️ ยังอยู่ในขั้น RFC และเปิดรับข้อเสนอแนะจากชุมชน Linux ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบ multi-kernel เคยถูกทดลองในงานวิจัย เช่น Barrelfish และ Helios OS ➡️ การแยก workload ที่ระดับเคอร์เนลให้ความปลอดภัยมากกว่าการใช้ container หรือ VM ➡️ kexec เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเคอร์เนลโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ➡️ IPI (Inter-Processor Interrupt) เป็นกลไกที่ใช้ในระบบ SMP สำหรับการสื่อสารระหว่าง CPU ➡️ หากแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับ อาจนำไปสู่การสร้าง Linux รุ่นพิเศษสำหรับงานเฉพาะทาง https://news.itsfoss.com/linux-multikernel-proposal/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    New Proposal Looks to Make Linux Multi-Kernel Friendly
    If approved, Linux could one day run multiple kernels simultaneously.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก”

    วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล

    งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์

    กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ

    ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ

    นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
    เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก
    มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical
    มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย
    ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel
    เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย
    โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ
    Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก
    Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก
    Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์
    AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้

    https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    🌐 “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก” วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ➡️ เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก ➡️ มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical ➡️ มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย ➡️ ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel ➡️ เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย ➡️ โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ ➡️ Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก ➡️ Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก ➡️ Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์ ➡️ AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้ https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Open Source Summit Korea
    Open Source Summit is a fundamental gathering place for exchanging ideas across projects and meeting all of the people who make open source communities work.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • สลามเมืองไทย EP32 | วิถีชุมชน มุสลิมบางอ้อ

    ชุมชนมุสลิมบางอ้อ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของชุมชนที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืนกับความเปลี่ยนแปลงของเมืองใหญ่

    ในตอนนี้ รายการจะพาผู้ชมไปรู้จักกับเรื่องราวของผู้คนในชุมชนบางอ้อ ตั้งแต่การดำเนินชีวิตประจำวันตามหลักศาสนาอิสลาม การรวมตัวกันละหมาดที่มัสยิดบางอ้อ ไปจนถึงกิจกรรมที่เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ

    ท่ามกลางกรุงเทพมหานครที่วุ่นวาย ชุมชนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความศรัทธา และสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างครอบครัวและเพื่อนบ้าน

    ติดตาม “วิถีชุมชน มุสลิมบางอ้อ” เพื่อเข้าใจว่า ความศรัทธาและวัฒนธรรมสามารถดำรงอยู่ได้แม้ในใจกลางเมืองหลวง

    #สลามเมืองไทย #EP32 #มุสลิมบางอ้อ #วิถีชุมชนมุสลิม #ชุมชนศรัทธา #มัสยิดบางอ้อ #ThaiMuslimCulture #MuslimCommunity #ชีวิตเรียบง่ายแต่มั่นคง #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP32 | วิถีชุมชน มุสลิมบางอ้อ ชุมชนมุสลิมบางอ้อ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของชุมชนที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืนกับความเปลี่ยนแปลงของเมืองใหญ่ ในตอนนี้ รายการจะพาผู้ชมไปรู้จักกับเรื่องราวของผู้คนในชุมชนบางอ้อ ตั้งแต่การดำเนินชีวิตประจำวันตามหลักศาสนาอิสลาม การรวมตัวกันละหมาดที่มัสยิดบางอ้อ ไปจนถึงกิจกรรมที่เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ ท่ามกลางกรุงเทพมหานครที่วุ่นวาย ชุมชนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความศรัทธา และสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างครอบครัวและเพื่อนบ้าน ติดตาม “วิถีชุมชน มุสลิมบางอ้อ” เพื่อเข้าใจว่า ความศรัทธาและวัฒนธรรมสามารถดำรงอยู่ได้แม้ในใจกลางเมืองหลวง #สลามเมืองไทย #EP32 #มุสลิมบางอ้อ #วิถีชุมชนมุสลิม #ชุมชนศรัทธา #มัสยิดบางอ้อ #ThaiMuslimCulture #MuslimCommunity #ชีวิตเรียบง่ายแต่มั่นคง #ThaiTimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 0 Reviews
  • “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่”

    ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป

    หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์

    Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม

    นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI
    เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์
    รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง
    ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว
    แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow
    รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ

    SEO และการค้นหาแบบใหม่
    เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI
    ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่
    ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant

    ระบบ CMS และการวิเคราะห์
    CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น
    API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น
    ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด

    การสนับสนุนชุมชน
    Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่
    โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร
    รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95%
    เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก

    https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    🧠 “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่” ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์ Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI ➡️ เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์ ➡️ รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง ➡️ ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว ➡️ แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow ➡️ รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ ✅ SEO และการค้นหาแบบใหม่ ➡️ เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI ➡️ ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่ ➡️ ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant ✅ ระบบ CMS และการวิเคราะห์ ➡️ CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น ➡️ API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น ➡️ ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด ✅ การสนับสนุนชุมชน ➡️ Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่ ➡️ โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร ➡️ รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95% ➡️ เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • “Furi Labs เปิดตัว FLX1s — สมาร์ตโฟน Linux พร้อมสวิตช์ตัดไมค์ กล้อง และโมเด็ม เพื่อความเป็นส่วนตัวระดับสูง”

    ในยุคที่ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งหายาก Furi Labs บริษัทจากฮ่องกงได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน Linux รุ่นใหม่ชื่อ FLX1s ที่มาพร้อมแนวคิด “ควบคุมฮาร์ดแวร์ด้วยมือคุณ” โดยมีสวิตช์ตัดการทำงานของไมโครโฟน กล้อง และโมเด็ม/จีพีเอส แบบฮาร์ดแวร์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าไม่มีการแอบฟังหรือติดตามโดยไม่ได้รับอนุญาต

    FLX1s ใช้ชิป MediaTek Dimensity 900 พร้อม RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB รองรับ microSD สูงสุด 1TB แม้สเปกจะไม่เทียบเท่าเรือธง แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเน้นเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก

    ระบบปฏิบัติการที่ใช้คือ FuriOS ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐาน Debian และ Mobian รองรับการใช้งานหลายระบบพร้อมกันผ่าน KVM virtualization และสามารถรันแอป Android ผ่าน container แยกที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบหลัก เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น

    หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1600x720 รีเฟรชเรต 90Hz พร้อมกระจก AGC Dragontrail กล้องหลัง 20MP + 2MP macro และกล้องหน้า 13MP แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB-C 2.0 ตัวเครื่องใช้โครงสร้างแบบ polycarbonate + metal buttons

    FLX1s เปิดให้พรีออร์เดอร์ในราคา $550 โดยล็อตแรกขายหมดแล้ว และล็อตที่สองจะเริ่มผลิตภายในตุลาคม 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    FLX1s เป็นสมาร์ตโฟน Linux จาก Furi Labs ที่เน้นความเป็นส่วนตัว
    มีสวิตช์ฮาร์ดแวร์ 3 ตัวสำหรับตัดไมค์ กล้อง และโมเด็ม/จีพีเอส
    ใช้ชิป MediaTek Dimensity 900, RAM 8GB, ROM 128GB, รองรับ microSD สูงสุด 1TB
    รัน FuriOS ซึ่งเป็น Debian-based OS รองรับ multi-boot และ virtualization

    ฟีเจอร์เด่นของระบบและฮาร์ดแวร์
    รองรับแอป Android ผ่าน container แยกจากระบบหลัก
    หน้าจอ 6.7 นิ้ว @90Hz พร้อมกระจก AGC Dragontrail
    กล้องหลัง 20MP + 2MP macro, กล้องหน้า 13MP
    แบตเตอรี่ 5,000mAh, รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2
    พอร์ต USB-C 2.0, ไม่มีช่องหูฟัง, ตัวเครื่องใช้ polycarbonate + metal buttons
    เปิดพรีออร์เดอร์ในราคา $550 โดยล็อตแรกขายหมดแล้ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    FLX1s ใช้ Halium และ Libhybris เพื่อให้ Linux ใช้ไดรเวอร์ Android ได้
    ระบบโทรศัพท์ใช้ stack ofono2mm และ GNOME Calls
    รองรับ Ubuntu Touch และระบบอื่นผ่าน KVM
    ไม่มีการส่ง telemetry หรือเชื่อมต่อกับคลาวด์โดยอัตโนมัติ
    Furi Labs เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub เพื่อให้ชุมชนร่วมพัฒนา

    https://news.itsfoss.com/furi-labs-flx1s/
    📱 “Furi Labs เปิดตัว FLX1s — สมาร์ตโฟน Linux พร้อมสวิตช์ตัดไมค์ กล้อง และโมเด็ม เพื่อความเป็นส่วนตัวระดับสูง” ในยุคที่ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งหายาก Furi Labs บริษัทจากฮ่องกงได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน Linux รุ่นใหม่ชื่อ FLX1s ที่มาพร้อมแนวคิด “ควบคุมฮาร์ดแวร์ด้วยมือคุณ” โดยมีสวิตช์ตัดการทำงานของไมโครโฟน กล้อง และโมเด็ม/จีพีเอส แบบฮาร์ดแวร์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าไม่มีการแอบฟังหรือติดตามโดยไม่ได้รับอนุญาต FLX1s ใช้ชิป MediaTek Dimensity 900 พร้อม RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB รองรับ microSD สูงสุด 1TB แม้สเปกจะไม่เทียบเท่าเรือธง แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเน้นเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ระบบปฏิบัติการที่ใช้คือ FuriOS ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐาน Debian และ Mobian รองรับการใช้งานหลายระบบพร้อมกันผ่าน KVM virtualization และสามารถรันแอป Android ผ่าน container แยกที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบหลัก เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1600x720 รีเฟรชเรต 90Hz พร้อมกระจก AGC Dragontrail กล้องหลัง 20MP + 2MP macro และกล้องหน้า 13MP แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB-C 2.0 ตัวเครื่องใช้โครงสร้างแบบ polycarbonate + metal buttons FLX1s เปิดให้พรีออร์เดอร์ในราคา $550 โดยล็อตแรกขายหมดแล้ว และล็อตที่สองจะเริ่มผลิตภายในตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ FLX1s เป็นสมาร์ตโฟน Linux จาก Furi Labs ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ➡️ มีสวิตช์ฮาร์ดแวร์ 3 ตัวสำหรับตัดไมค์ กล้อง และโมเด็ม/จีพีเอส ➡️ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 900, RAM 8GB, ROM 128GB, รองรับ microSD สูงสุด 1TB ➡️ รัน FuriOS ซึ่งเป็น Debian-based OS รองรับ multi-boot และ virtualization ✅ ฟีเจอร์เด่นของระบบและฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับแอป Android ผ่าน container แยกจากระบบหลัก ➡️ หน้าจอ 6.7 นิ้ว @90Hz พร้อมกระจก AGC Dragontrail ➡️ กล้องหลัง 20MP + 2MP macro, กล้องหน้า 13MP ➡️ แบตเตอรี่ 5,000mAh, รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ➡️ พอร์ต USB-C 2.0, ไม่มีช่องหูฟัง, ตัวเครื่องใช้ polycarbonate + metal buttons ➡️ เปิดพรีออร์เดอร์ในราคา $550 โดยล็อตแรกขายหมดแล้ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ FLX1s ใช้ Halium และ Libhybris เพื่อให้ Linux ใช้ไดรเวอร์ Android ได้ ➡️ ระบบโทรศัพท์ใช้ stack ofono2mm และ GNOME Calls ➡️ รองรับ Ubuntu Touch และระบบอื่นผ่าน KVM ➡️ ไม่มีการส่ง telemetry หรือเชื่อมต่อกับคลาวด์โดยอัตโนมัติ ➡️ Furi Labs เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub เพื่อให้ชุมชนร่วมพัฒนา https://news.itsfoss.com/furi-labs-flx1s/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    This $550 Linux Phone Has Kill Switches That Protect Your Privacy
    This smartphone has hardware switches for the microphone, cameras, and modem/GPS.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.3
    เรื่องสาธารณสถาน

    ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ

    สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

    สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.3 เรื่องสาธารณสถาน ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • “ช่างซ่อมคอมฯ เจอเคส ‘สัตว์ประหลาด’ — การจัดสายไฟสุดโหดที่อาจบาดมือและทำลายระบบในพริบตา”

    เรื่องราวสุดสะเทือนวงการ PC Building เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit และเจ้าของร้านซ่อมคอมฯ elishalewisusaf ได้รับเครื่องเกมมิ่งพีซีจากลูกค้ารายหนึ่งที่มีการดัดแปลงภายในอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะบริเวณ PSU shroud ที่ถูกเจาะทะลุเหล็กแบบไม่ปราณี จนดูเหมือนถูก “เอเลี่ยน” ฉีกออกเพื่อปกป้องรังของมัน

    แม้ PSU shroud จะมีช่องสำหรับเดินสายอยู่แล้ว แต่เจ้าของเครื่องกลับเลือกใช้วิธี “ผ่าตรง” ด้วยเครื่องมือไม่ระบุชนิด ทำให้เกิดรอยแผลเหล็กบิดเบี้ยวที่อาจบาดมือได้ง่าย และอาจทำให้สายไฟภายในเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรจากเศษโลหะและฝุ่นที่สะสม

    ในภาพยังเห็นว่าพีซีเครื่องนี้เคยเป็นของแบรนด์ Digital Storm ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประกอบเครื่องด้วยความประณีต และมีบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ แต่เจ้าของกลับเลือกใช้วิธี DIY ที่เสี่ยงแทนการติดต่อบริษัท

    การ์ดจอที่ติดตั้งอยู่คาดว่าเป็น Asus Dual RTX 3060 หรือ 4060 ซึ่งหมายความว่าเครื่องนี้น่าจะประกอบมาไม่เกิน 4 ปี แต่กลับมีฝุ่นสะสมหนาแน่น และใช้ SSD SATA ขนาด 256GB ที่ติดตั้งไว้บน PSU shroud ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานเกมในยุค 2025

    แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่าเครื่องมีปัญหาอะไร แต่ช่างซ่อมและผู้เชี่ยวชาญใน Reddit ต่างคาดว่าอาจมีสายไฟที่ถูกบาดหรือเกิดการลัดวงจรจากการดัดแปลงที่ไม่เหมาะสม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่างซ่อมพบพีซีที่มีการเจาะ PSU shroud อย่างรุนแรงจนเหล็กบิดเบี้ยว
    การดัดแปลงนี้อาจเกิดจากความพยายามเดินสาย 8-pin ที่สั้นเกินไป
    เครื่องเป็นของแบรนด์ Digital Storm ที่มีชื่อเสียงด้านการประกอบคุณภาพสูง
    ใช้ SSD SATA 256GB ซึ่งไม่เหมาะกับเกมมิ่งในยุคปัจจุบัน

    ความเห็นจากช่างและชุมชน
    ช่างซ่อมเรียกเครื่องนี้ว่า “monstrosity” และ “บาดมือได้”
    ผู้ใช้ Reddit ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็น user error ที่ไม่ควรเกิดขึ้น
    บางคนเสนอว่าเจ้าของควรใช้สายต่อหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือ
    การจัดสายไฟที่ดีช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การจัดสายไฟที่ไม่ดีอาจทำให้พัดลมติดสายและเกิดความร้อนสะสม
    การเจาะเคสโดยไม่ระวังอาจทำให้โครงสร้างอ่อนแอและเกิดเสียงรบกวน
    SSD SATA มีความเร็วต่ำกว่า NVMe และไม่เหมาะกับเกมขนาดใหญ่ในปี 2025
    Digital Storm มีบริการ Lifetime Support ซึ่งควรใช้ก่อนลงมือ DIY

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/repairer-brands-customers-gaming-pc-a-monstrosity-skin-lacerating-cable-management-technique-provokes-horror
    🧨 “ช่างซ่อมคอมฯ เจอเคส ‘สัตว์ประหลาด’ — การจัดสายไฟสุดโหดที่อาจบาดมือและทำลายระบบในพริบตา” เรื่องราวสุดสะเทือนวงการ PC Building เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit และเจ้าของร้านซ่อมคอมฯ elishalewisusaf ได้รับเครื่องเกมมิ่งพีซีจากลูกค้ารายหนึ่งที่มีการดัดแปลงภายในอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะบริเวณ PSU shroud ที่ถูกเจาะทะลุเหล็กแบบไม่ปราณี จนดูเหมือนถูก “เอเลี่ยน” ฉีกออกเพื่อปกป้องรังของมัน แม้ PSU shroud จะมีช่องสำหรับเดินสายอยู่แล้ว แต่เจ้าของเครื่องกลับเลือกใช้วิธี “ผ่าตรง” ด้วยเครื่องมือไม่ระบุชนิด ทำให้เกิดรอยแผลเหล็กบิดเบี้ยวที่อาจบาดมือได้ง่าย และอาจทำให้สายไฟภายในเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรจากเศษโลหะและฝุ่นที่สะสม ในภาพยังเห็นว่าพีซีเครื่องนี้เคยเป็นของแบรนด์ Digital Storm ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประกอบเครื่องด้วยความประณีต และมีบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ แต่เจ้าของกลับเลือกใช้วิธี DIY ที่เสี่ยงแทนการติดต่อบริษัท การ์ดจอที่ติดตั้งอยู่คาดว่าเป็น Asus Dual RTX 3060 หรือ 4060 ซึ่งหมายความว่าเครื่องนี้น่าจะประกอบมาไม่เกิน 4 ปี แต่กลับมีฝุ่นสะสมหนาแน่น และใช้ SSD SATA ขนาด 256GB ที่ติดตั้งไว้บน PSU shroud ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานเกมในยุค 2025 แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่าเครื่องมีปัญหาอะไร แต่ช่างซ่อมและผู้เชี่ยวชาญใน Reddit ต่างคาดว่าอาจมีสายไฟที่ถูกบาดหรือเกิดการลัดวงจรจากการดัดแปลงที่ไม่เหมาะสม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่างซ่อมพบพีซีที่มีการเจาะ PSU shroud อย่างรุนแรงจนเหล็กบิดเบี้ยว ➡️ การดัดแปลงนี้อาจเกิดจากความพยายามเดินสาย 8-pin ที่สั้นเกินไป ➡️ เครื่องเป็นของแบรนด์ Digital Storm ที่มีชื่อเสียงด้านการประกอบคุณภาพสูง ➡️ ใช้ SSD SATA 256GB ซึ่งไม่เหมาะกับเกมมิ่งในยุคปัจจุบัน ✅ ความเห็นจากช่างและชุมชน ➡️ ช่างซ่อมเรียกเครื่องนี้ว่า “monstrosity” และ “บาดมือได้” ➡️ ผู้ใช้ Reddit ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็น user error ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ➡️ บางคนเสนอว่าเจ้าของควรใช้สายต่อหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือ ➡️ การจัดสายไฟที่ดีช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การจัดสายไฟที่ไม่ดีอาจทำให้พัดลมติดสายและเกิดความร้อนสะสม ➡️ การเจาะเคสโดยไม่ระวังอาจทำให้โครงสร้างอ่อนแอและเกิดเสียงรบกวน ➡️ SSD SATA มีความเร็วต่ำกว่า NVMe และไม่เหมาะกับเกมขนาดใหญ่ในปี 2025 ➡️ Digital Storm มีบริการ Lifetime Support ซึ่งควรใช้ก่อนลงมือ DIY https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/repairer-brands-customers-gaming-pc-a-monstrosity-skin-lacerating-cable-management-technique-provokes-horror
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • “IPFire 2.29 อัปเดตครั้งใหญ่ ปรับปรุง OpenVPN ทั้งระบบ — เสริมความปลอดภัย พร้อมลดพลังงาน CPU”

    IPFire 2.29 Core Update 197 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ดูแลระบบและองค์กรทั่วโลก จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการปรับปรุง OpenVPN ครั้งใหญ่ โดยอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.6 ซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น รองรับลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และมีโค้ดเบสที่ทันสมัยมากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าคอนฟิกเดิมของผู้ใช้เลย

    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน OpenVPN ได้แก่ การรวมไฟล์คอนฟิกทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว (ไม่ต้องใช้ ZIP), การยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย, และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดสรร IP จาก subnet topology เป็นแบบ IP เดี่ยวต่อ client ซึ่งช่วยเพิ่มขนาด pool ได้ถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนค่าคอนฟิกได้โดยไม่ต้องหยุดบริการ road warrior ก่อน และเมื่อเซิร์ฟเวอร์รีสตาร์ต ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนและเชื่อมต่อใหม่ทันที

    นอกจาก OpenVPN แล้ว IPFire ยังอัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับการนำเข้าไฟล์คอนฟิกที่มี line break แบบ Windows และไม่สนใจเส้นทาง IPv6 ที่ไม่จำเป็น พร้อมเพิ่มระบบมอนิเตอร์การเชื่อมต่อ WireGuard และฟีเจอร์ ARP ping สำหรับตรวจสอบ gateway และตำแหน่งของ IPFire

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการปรับระบบ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยใช้ Intel P-State หรือ schedutil governor ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการส่งต่อแพ็กเก็ตตามผลทดสอบของทีมพัฒนา

    เวอร์ชันนี้ยังเพิ่มการรองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB, เพิ่มเครื่องมือจำลอง TPM 2.0 สำหรับ VM ที่ใช้ Windows 11 ขึ้นไป, และเพิ่ม arpwatch สำหรับแจ้งเตือนเมื่อมี host ใหม่ในเครือข่ายท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแพ็กเกจจำนวนมาก เช่น Apache, OpenSSL, SQLite, Suricata, Bash, Git, HAProxy และอื่น ๆ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.6 พร้อมปรับปรุงความปลอดภัยและความเข้ากันได้
    รวมไฟล์คอนฟิกไว้ในไฟล์เดียว ไม่ต้องใช้ ZIP container
    ยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย
    เปลี่ยนจาก subnet topology เป็น IP เดี่ยวต่อ client เพื่อเพิ่มขนาด pool

    ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ
    ปรับ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานด้วย Intel P-State หรือ schedutil governor
    อัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับ line break แบบ Windows และไม่สนใจ IPv6 route
    เพิ่มระบบมอนิเตอร์ WireGuard และ ARP ping สำหรับ gateway และ location
    รองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OpenVPN 2.6 รองรับ cipher negotiation และใช้ SHA512 เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อไม่มี AEAD
    การยกเลิก compression เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการป้องกันช่องโหว่ CRIME
    การจำลอง TPM 2.0 ช่วยให้ VM สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์จริง
    IPFire ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและองค์กรทั่วโลกในฐานะไฟร์วอลล์ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น

    https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-197-introduces-a-complete-openvpn-overhaul
    🛡️ “IPFire 2.29 อัปเดตครั้งใหญ่ ปรับปรุง OpenVPN ทั้งระบบ — เสริมความปลอดภัย พร้อมลดพลังงาน CPU” IPFire 2.29 Core Update 197 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ดูแลระบบและองค์กรทั่วโลก จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการปรับปรุง OpenVPN ครั้งใหญ่ โดยอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.6 ซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น รองรับลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และมีโค้ดเบสที่ทันสมัยมากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าคอนฟิกเดิมของผู้ใช้เลย การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน OpenVPN ได้แก่ การรวมไฟล์คอนฟิกทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว (ไม่ต้องใช้ ZIP), การยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย, และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดสรร IP จาก subnet topology เป็นแบบ IP เดี่ยวต่อ client ซึ่งช่วยเพิ่มขนาด pool ได้ถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนค่าคอนฟิกได้โดยไม่ต้องหยุดบริการ road warrior ก่อน และเมื่อเซิร์ฟเวอร์รีสตาร์ต ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนและเชื่อมต่อใหม่ทันที นอกจาก OpenVPN แล้ว IPFire ยังอัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับการนำเข้าไฟล์คอนฟิกที่มี line break แบบ Windows และไม่สนใจเส้นทาง IPv6 ที่ไม่จำเป็น พร้อมเพิ่มระบบมอนิเตอร์การเชื่อมต่อ WireGuard และฟีเจอร์ ARP ping สำหรับตรวจสอบ gateway และตำแหน่งของ IPFire อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการปรับระบบ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยใช้ Intel P-State หรือ schedutil governor ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการส่งต่อแพ็กเก็ตตามผลทดสอบของทีมพัฒนา เวอร์ชันนี้ยังเพิ่มการรองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB, เพิ่มเครื่องมือจำลอง TPM 2.0 สำหรับ VM ที่ใช้ Windows 11 ขึ้นไป, และเพิ่ม arpwatch สำหรับแจ้งเตือนเมื่อมี host ใหม่ในเครือข่ายท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแพ็กเกจจำนวนมาก เช่น Apache, OpenSSL, SQLite, Suricata, Bash, Git, HAProxy และอื่น ๆ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.6 พร้อมปรับปรุงความปลอดภัยและความเข้ากันได้ ➡️ รวมไฟล์คอนฟิกไว้ในไฟล์เดียว ไม่ต้องใช้ ZIP container ➡️ ยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย ➡️ เปลี่ยนจาก subnet topology เป็น IP เดี่ยวต่อ client เพื่อเพิ่มขนาด pool ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ ➡️ ปรับ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานด้วย Intel P-State หรือ schedutil governor ➡️ อัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับ line break แบบ Windows และไม่สนใจ IPv6 route ➡️ เพิ่มระบบมอนิเตอร์ WireGuard และ ARP ping สำหรับ gateway และ location ➡️ รองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OpenVPN 2.6 รองรับ cipher negotiation และใช้ SHA512 เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อไม่มี AEAD ➡️ การยกเลิก compression เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการป้องกันช่องโหว่ CRIME ➡️ การจำลอง TPM 2.0 ช่วยให้ VM สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์จริง ➡️ IPFire ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและองค์กรทั่วโลกในฐานะไฟร์วอลล์ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-197-introduces-a-complete-openvpn-overhaul
    9TO5LINUX.COM
    IPFire 2.29 Core Update 197 Introduces a Complete OpenVPN Overhaul - 9to5Linux
    IPFire 2.29 Update 197 firewall distribution is now available for download with a complete OpenVPN overhaul and performance tweaks.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • “Obsidian ใช้หลัก ‘Less is safer’ ลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack — เมื่อการเขียนเองปลอดภัยกว่าการพึ่งพา”

    Obsidian แอปจดบันทึกยอดนิยมที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ได้เปิดเผยแนวทางการออกแบบซอฟต์แวร์ที่มุ่งลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack ซึ่งเป็นการโจมตีผ่านการแฝงโค้ดอันตรายในไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์โจมตี npm ครั้งใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2025 ที่มีแพ็กเกจยอดนิยมกว่า 27 ตัวถูกฝังมัลแวร์2

    Obsidian เลือกใช้แนวทาง “Less is safer” โดยลดการพึ่งพาโค้ดจากภายนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฟีเจอร์หลักอย่าง Canvas และ Bases ถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดแทนการใช้ไลบรารีสำเร็จรูป ส่วนฟังก์ชันขนาดเล็กจะถูกเขียนเองในโค้ดของทีม และโมดูลขนาดกลางจะถูก fork และเก็บไว้ในระบบหากใบอนุญาตอนุญาตให้ทำได้

    สำหรับไลบรารีขนาดใหญ่ เช่น pdf.js, Mermaid และ MathJax จะใช้เวอร์ชันที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและล็อกไว้แบบแน่นอน (version pinning) พร้อม lockfile ที่เป็นแหล่งอ้างอิงหลักในการ build เพื่อให้การติดตั้งมีความแน่นอนและตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย

    Obsidian ยังหลีกเลี่ยงการใช้ postinstall script ซึ่งเป็นช่องทางที่มัลแวร์มักใช้ในการแฝงตัว และมีระบบตรวจสอบการอัปเดตที่ละเอียด เช่น อ่าน changelog ทีละบรรทัด ตรวจสอบ sub-dependencies และรันเทสต์ทั้งอัตโนมัติและด้วยมือก่อน commit lockfile ใหม่

    นอกจากนี้ยังมีการเว้นช่วงระหว่างการอัปเดตและการปล่อยเวอร์ชันจริง เพื่อให้ชุมชนและนักวิจัยด้านความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบ หากมีเวอร์ชันที่เป็นอันตรายถูกปล่อยออกมา จะสามารถตรวจพบได้ก่อนที่ Obsidian จะนำมาใช้งานจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Obsidian ใช้แนวทาง “Less is safer” เพื่อลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack
    ฟีเจอร์หลักถูกเขียนขึ้นใหม่แทนการใช้ไลบรารีสำเร็จรูป
    ใช้ version pinning และ lockfile เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ dependencies
    หลีกเลี่ยงการใช้ postinstall script เพื่อป้องกันการรันโค้ดอันตราย

    กระบวนการอัปเดตที่ปลอดภัย
    อ่าน changelog ทีละบรรทัดและตรวจสอบ sub-dependencies ก่อนอัปเดต
    รันเทสต์ทั้งอัตโนมัติและด้วยมือก่อน commit lockfile ใหม่
    เว้นช่วงระหว่างการอัปเดตและการปล่อยเวอร์ชันจริงเพื่อให้มีเวลาเฝ้าระวัง
    ใช้เฉพาะ dependencies ที่จำเป็นจริง ๆ และไม่อัปเดตบ่อย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เหตุการณ์โจมตี npm ล่าสุดมีแพ็กเกจยอดนิยมกว่า 27 ตัวถูกฝังมัลแวร์
    มัลแวร์ใน npm ใช้เทคนิค obfuscation และแฝงตัวใน browser API เพื่อขโมยข้อมูล
    การโจมตีผ่าน supply chain มักเกิดจาก human error เช่น การคลิกลิงก์ phishing โดย maintainer
    การใช้ lockfile และการตรวจสอบ sub-dependencies เป็นแนวทางที่องค์กรควรนำไปใช้

    https://obsidian.md/blog/less-is-safer/
    🛡️ “Obsidian ใช้หลัก ‘Less is safer’ ลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack — เมื่อการเขียนเองปลอดภัยกว่าการพึ่งพา” Obsidian แอปจดบันทึกยอดนิยมที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ได้เปิดเผยแนวทางการออกแบบซอฟต์แวร์ที่มุ่งลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack ซึ่งเป็นการโจมตีผ่านการแฝงโค้ดอันตรายในไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์โจมตี npm ครั้งใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2025 ที่มีแพ็กเกจยอดนิยมกว่า 27 ตัวถูกฝังมัลแวร์2 Obsidian เลือกใช้แนวทาง “Less is safer” โดยลดการพึ่งพาโค้ดจากภายนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฟีเจอร์หลักอย่าง Canvas และ Bases ถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดแทนการใช้ไลบรารีสำเร็จรูป ส่วนฟังก์ชันขนาดเล็กจะถูกเขียนเองในโค้ดของทีม และโมดูลขนาดกลางจะถูก fork และเก็บไว้ในระบบหากใบอนุญาตอนุญาตให้ทำได้ สำหรับไลบรารีขนาดใหญ่ เช่น pdf.js, Mermaid และ MathJax จะใช้เวอร์ชันที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและล็อกไว้แบบแน่นอน (version pinning) พร้อม lockfile ที่เป็นแหล่งอ้างอิงหลักในการ build เพื่อให้การติดตั้งมีความแน่นอนและตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย Obsidian ยังหลีกเลี่ยงการใช้ postinstall script ซึ่งเป็นช่องทางที่มัลแวร์มักใช้ในการแฝงตัว และมีระบบตรวจสอบการอัปเดตที่ละเอียด เช่น อ่าน changelog ทีละบรรทัด ตรวจสอบ sub-dependencies และรันเทสต์ทั้งอัตโนมัติและด้วยมือก่อน commit lockfile ใหม่ นอกจากนี้ยังมีการเว้นช่วงระหว่างการอัปเดตและการปล่อยเวอร์ชันจริง เพื่อให้ชุมชนและนักวิจัยด้านความปลอดภัยมีเวลาตรวจสอบ หากมีเวอร์ชันที่เป็นอันตรายถูกปล่อยออกมา จะสามารถตรวจพบได้ก่อนที่ Obsidian จะนำมาใช้งานจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Obsidian ใช้แนวทาง “Less is safer” เพื่อลดความเสี่ยงจาก Supply Chain Attack ➡️ ฟีเจอร์หลักถูกเขียนขึ้นใหม่แทนการใช้ไลบรารีสำเร็จรูป ➡️ ใช้ version pinning และ lockfile เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ dependencies ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ postinstall script เพื่อป้องกันการรันโค้ดอันตราย ✅ กระบวนการอัปเดตที่ปลอดภัย ➡️ อ่าน changelog ทีละบรรทัดและตรวจสอบ sub-dependencies ก่อนอัปเดต ➡️ รันเทสต์ทั้งอัตโนมัติและด้วยมือก่อน commit lockfile ใหม่ ➡️ เว้นช่วงระหว่างการอัปเดตและการปล่อยเวอร์ชันจริงเพื่อให้มีเวลาเฝ้าระวัง ➡️ ใช้เฉพาะ dependencies ที่จำเป็นจริง ๆ และไม่อัปเดตบ่อย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เหตุการณ์โจมตี npm ล่าสุดมีแพ็กเกจยอดนิยมกว่า 27 ตัวถูกฝังมัลแวร์ ➡️ มัลแวร์ใน npm ใช้เทคนิค obfuscation และแฝงตัวใน browser API เพื่อขโมยข้อมูล ➡️ การโจมตีผ่าน supply chain มักเกิดจาก human error เช่น การคลิกลิงก์ phishing โดย maintainer ➡️ การใช้ lockfile และการตรวจสอบ sub-dependencies เป็นแนวทางที่องค์กรควรนำไปใช้ https://obsidian.md/blog/less-is-safer/
    OBSIDIAN.MD
    Less is safer: how Obsidian reduces the risk of supply chain attacks
    Supply chain attacks are malicious updates that sneak into open source code used by many apps. Here’s how we design Obsidian to ensure that the app is a secure and private environment for your thoughts.
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • AI เปลี่ยนเกมการจ้างงานสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น — เมื่อ “ทักษะมนุษย์” กลายเป็นสิ่งที่ AI แทนไม่ได้

    ในปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการจ้างงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้น (entry-level) ที่เคยเน้นทักษะเทคนิค เช่น cloud security หรือ data protection กลับถูกแทนที่ด้วยความสำคัญของ “ทักษะมนุษย์” เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารข้ามทีม

    รายงานจาก ISC2 ที่สำรวจผู้จัดการฝ่ายจ้างงานกว่า 900 คนทั่วโลก พบว่า AI เข้ามารับหน้าที่ตรวจจับภัยคุกคามและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับทักษะที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับทีมกฎหมาย การตลาด และ HR

    ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า การพึ่งพาใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษามากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคต่อการจ้างงาน เพราะผู้มีประสบการณ์จริงกลับถูกมองข้าม หากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ขณะที่ผู้มีความสามารถจากสายอาชีพอื่น เช่น เกมเมอร์ นักสร้างสรรค์ หรือผู้มีความคิดลึกซึ้งในชุมชนออนไลน์ กลับมีศักยภาพสูงในการเป็นนักไซเบอร์

    AI ยังส่งผลให้บทบาทของ SOC Analyst ระดับ 1 ถูกลดความสำคัญลง เพราะระบบสามารถจัดการงานตรวจสอบเบื้องต้นได้เอง ทำให้ตำแหน่งใหม่ต้องเน้นการให้คำปรึกษา การวางกลยุทธ์ และการสื่อสารกับผู้บริหารมากขึ้น

    องค์กรที่ปรับตัวได้ดี เช่น e2e-assure และ Bridewell เริ่มเปิดรับบุคลากรจากกลุ่ม neurodiverse และผู้เปลี่ยนอาชีพ โดยเน้นการฝึกอบรมผ่านเวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มสนับสนุนทหารผ่านศึกและผู้หญิงในสายไซเบอร์

    AI เปลี่ยนแนวทางการจ้างงานในสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น
    ทักษะมนุษย์ เช่น การแก้ปัญหาและการสื่อสาร มีความสำคัญมากขึ้น
    ทักษะเทคนิคพื้นฐานถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ

    รายงานจาก ISC2 ยืนยันแนวโน้มนี้
    สำรวจผู้จัดการจ้างงานจาก 6 ประเทศ
    พบว่าทักษะวิเคราะห์และ teamwork สำคัญกว่าใบประกาศ

    องค์กรเริ่มเปิดรับบุคลากรจากสายอาชีพหลากหลาย
    เช่น neurodiverse, ทหารผ่านศึก, ผู้เปลี่ยนอาชีพ
    ใช้เวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม

    SOC Analyst ระดับ 1 อาจถูกแทนที่โดย AI
    งานตรวจสอบเบื้องต้นถูกจัดการโดยระบบอัตโนมัติ
    บทบาทใหม่เน้นการให้คำปรึกษาและการสื่อสารกับผู้บริหาร

    การพึ่งพาใบประกาศมากเกินไปเป็นอุปสรรค
    ผู้มีประสบการณ์จริงถูกมองข้ามหากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง”
    อุตสาหกรรมควรเปิดรับผู้มีความสามารถจากชุมชนออนไลน์

    คำเตือนเกี่ยวกับการปรับตัวขององค์กร
    หากยังเน้นวุฒิการศึกษาและใบประกาศ อาจพลาดคนเก่ง
    การลดตำแหน่งระดับเริ่มต้นอาจทำให้ขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว
    การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมพนักงาน อาจสร้างช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    การไม่เปิดรับความหลากหลาย อาจทำให้องค์กรขาดมุมมองใหม่ ๆ

    https://www.csoonline.com/article/4058190/ai-is-altering-entry-level-cyber-hiring-and-the-nature-of-the-skills-gap.html
    📰 AI เปลี่ยนเกมการจ้างงานสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น — เมื่อ “ทักษะมนุษย์” กลายเป็นสิ่งที่ AI แทนไม่ได้ ในปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการจ้างงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้น (entry-level) ที่เคยเน้นทักษะเทคนิค เช่น cloud security หรือ data protection กลับถูกแทนที่ด้วยความสำคัญของ “ทักษะมนุษย์” เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารข้ามทีม รายงานจาก ISC2 ที่สำรวจผู้จัดการฝ่ายจ้างงานกว่า 900 คนทั่วโลก พบว่า AI เข้ามารับหน้าที่ตรวจจับภัยคุกคามและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับทักษะที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับทีมกฎหมาย การตลาด และ HR ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า การพึ่งพาใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษามากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคต่อการจ้างงาน เพราะผู้มีประสบการณ์จริงกลับถูกมองข้าม หากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ขณะที่ผู้มีความสามารถจากสายอาชีพอื่น เช่น เกมเมอร์ นักสร้างสรรค์ หรือผู้มีความคิดลึกซึ้งในชุมชนออนไลน์ กลับมีศักยภาพสูงในการเป็นนักไซเบอร์ AI ยังส่งผลให้บทบาทของ SOC Analyst ระดับ 1 ถูกลดความสำคัญลง เพราะระบบสามารถจัดการงานตรวจสอบเบื้องต้นได้เอง ทำให้ตำแหน่งใหม่ต้องเน้นการให้คำปรึกษา การวางกลยุทธ์ และการสื่อสารกับผู้บริหารมากขึ้น องค์กรที่ปรับตัวได้ดี เช่น e2e-assure และ Bridewell เริ่มเปิดรับบุคลากรจากกลุ่ม neurodiverse และผู้เปลี่ยนอาชีพ โดยเน้นการฝึกอบรมผ่านเวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มสนับสนุนทหารผ่านศึกและผู้หญิงในสายไซเบอร์ ✅ AI เปลี่ยนแนวทางการจ้างงานในสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น ➡️ ทักษะมนุษย์ เช่น การแก้ปัญหาและการสื่อสาร มีความสำคัญมากขึ้น ➡️ ทักษะเทคนิคพื้นฐานถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ รายงานจาก ISC2 ยืนยันแนวโน้มนี้ ➡️ สำรวจผู้จัดการจ้างงานจาก 6 ประเทศ ➡️ พบว่าทักษะวิเคราะห์และ teamwork สำคัญกว่าใบประกาศ ✅ องค์กรเริ่มเปิดรับบุคลากรจากสายอาชีพหลากหลาย ➡️ เช่น neurodiverse, ทหารผ่านศึก, ผู้เปลี่ยนอาชีพ ➡️ ใช้เวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม ✅ SOC Analyst ระดับ 1 อาจถูกแทนที่โดย AI ➡️ งานตรวจสอบเบื้องต้นถูกจัดการโดยระบบอัตโนมัติ ➡️ บทบาทใหม่เน้นการให้คำปรึกษาและการสื่อสารกับผู้บริหาร ✅ การพึ่งพาใบประกาศมากเกินไปเป็นอุปสรรค ➡️ ผู้มีประสบการณ์จริงถูกมองข้ามหากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ➡️ อุตสาหกรรมควรเปิดรับผู้มีความสามารถจากชุมชนออนไลน์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการปรับตัวขององค์กร ⛔ หากยังเน้นวุฒิการศึกษาและใบประกาศ อาจพลาดคนเก่ง ⛔ การลดตำแหน่งระดับเริ่มต้นอาจทำให้ขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว ⛔ การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมพนักงาน อาจสร้างช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ⛔ การไม่เปิดรับความหลากหลาย อาจทำให้องค์กรขาดมุมมองใหม่ ๆ https://www.csoonline.com/article/4058190/ai-is-altering-entry-level-cyber-hiring-and-the-nature-of-the-skills-gap.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    AI is altering entry-level cyber hiring — and the nature of the skills gap
    To build a stronger future workforce, CISOs need to prioritize problem-solving over existing technical knowledge, while broadening their search for talent beyond traditional pipelines.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง

    ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน

    แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3

    บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16%

    บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน

    บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ

    Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น

    Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน
    ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา
    ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5

    บั๊กที่ 1: Context window routing error
    คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด
    ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม

    บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU
    โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ
    เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด

    บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation
    การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก
    เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32

    Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว
    ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน
    เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่

    ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down
    Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น
    Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ

    https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    📰 Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3 บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16% บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ✅ Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา ➡️ ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 ✅ บั๊กที่ 1: Context window routing error ➡️ คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด ➡️ ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ✅ บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU ➡️ โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ ➡️ เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด ✅ บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation ➡️ การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก ➡️ เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32 ✅ Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว ➡️ ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่ ✅ ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down ➡️ Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ➡️ Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    WWW.ANTHROPIC.COM
    A postmortem of three recent issues
    This is a technical report on three bugs that intermittently degraded responses from Claude. Below we explain what happened, why it took time to fix, and what we're changing.
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • เขมรใช้เวทีAIPAตีไทย "ฉลาด"ยกความจริงโต้ : [NEWS UPDATE]
    นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ใน ฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงบนเวที ประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน(AIPA) ภายหลังกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชา ชี้ กัมพูชา
    ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำลายบรรยากาศฉันมิตรของ AIPA บิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศ ยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของพลเรือนไทย ลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เล่าความจริงเหตุการณ์บริเวณบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดสระแก้ว อยู่ในอธิปไตยไทย มีการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จึงจำเป็นต้องระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน


    ทวงคืนแดนไทย 17 จุด

    รวมไทยสร้างชาติ ไปต่อ

    "ทักษิณ"พบนักจิตวิทยา

    สยบลือแคนดิเดตนายกฯ
    เขมรใช้เวทีAIPAตีไทย "ฉลาด"ยกความจริงโต้ : [NEWS UPDATE] นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ใน ฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงบนเวที ประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน(AIPA) ภายหลังกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชา ชี้ กัมพูชา ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำลายบรรยากาศฉันมิตรของ AIPA บิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศ ยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของพลเรือนไทย ลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เล่าความจริงเหตุการณ์บริเวณบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดสระแก้ว อยู่ในอธิปไตยไทย มีการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จึงจำเป็นต้องระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน ทวงคืนแดนไทย 17 จุด รวมไทยสร้างชาติ ไปต่อ "ทักษิณ"พบนักจิตวิทยา สยบลือแคนดิเดตนายกฯ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 0 Reviews
  • Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก

    Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ

    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์

    Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม

    Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ

    Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน
    พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต
    ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว

    เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า
    ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า

    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด
    ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง
    ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ

    การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา
    เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์
    สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์

    Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้
    3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง
    ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล

    มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ
    เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก
    ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    📰 Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์ Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ ✅ Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน ➡️ พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต ➡️ ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว ✅ เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า ➡️ ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า ✅ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด ➡️ ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง ➡️ ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ ✅ การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา ➡️ เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ ➡️ สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์ ✅ Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ ➡️ 3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง ➡️ ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล ✅ มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก ➡️ ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • shopeeจริงๆก็เหี้ยไม่ต่างกัน,โกหกหลอกลวงลูกค้า สนับสนุนร้านค้าหลอกลูกค้าเหมือนกันกับลาซาด้าล่ะ,แต่ลาซาด้าเหี้ยกว่า,ไม่สแกนร้านค้าห่าอะไร สินค้าไม่ตรงปกตรึม,ชอปปี้ส่งฟรีก็ไม่ฟรี0บาทจริง มีขั้นต่ำเหมือนเดิมแม้กดรับขั้นต่ำ0บาทแล้ว,เผลอๆยังไม่ใช้ขั้นต่ำ0บาท หมดโปรไปแล้ว,ยังไม่กดใช้หมดเวลาได้ไงโน้น,ไส้ในแอปจริงๆหมกเม็ดตรึมทั้งสองแอป,ส้มก็สิงคโปร์ ฟ้าก็ของจีน,
    ..จริงๆต้องสมควรมีแพลตฟอร์มสไตล์ไทยเรา เป็นช่องทางการตลาดแก่คนไทยเรา,เอาติ๊กต๊อกเอาลาซาต้าชอปปี้ สไตล์แต่ละสไตล์มารวมในแพลตฟอร์มไทยโดยรัฐไทยสร้างจะบันเทิงเลย,เอาการยกเว้นภาษีมาล่อแก่คนซื้อและคนขาย,ตรวจสอบร้านค้าเปิดเผยที่อยู่คนขายชัดเจน,คนซื้อก็มั่นใจ ขายของเหี้ยๆมาฟ้องผ่านแอปรัฐลงโทษได้เลย,แอปไทยจะเงินทองไม่ไปไหนอยู่ในชุมชนสังคมไทยส่วนใหญ่ทุกๆคนไทยมีตลาดมาวางขายของได้อิสระ,ขายข้าวแปรรูปเองเป็นถุงละ25บาทต่อ1กก.ก็ได้,เกี่ยวเองสีเองขายออนไลน์ ใครจะค้าอะไรค้า,และมีอะไรสาระพัดต่อยอดสร้างสังคมออนไลน์สนับสนุนคนไทยเราได้วงกว้าง,ตลาดประเทศกันเลยและดังไกลไปทั่วโลกได้ ทั่วโลกชวนกันมาใช้แพลตฟอร์มไทย มาร่วมวางขายสินค้าอิสระเสรีแลกเปลี่ยนกันอีกในราคาผู้ผลิตต้นน้ำกันเลย,รัฐมีหน้าที่ลดค่าขนส่งให้ถูกลง,บ่อน้ำมันจึงสมควรยึดคืนมาทั้งหมดทั่วประเทศ มาทำเอง ขายน้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านนั้น,ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที,คนจะค้าขายออนไลน์ได้สะดวกขึ้น สร้างมาตราฐานไทยได้ดีขึ้นอีก,กำไรก็จะดีต่อคนไทย ฐานะก็จะดีขึ้นแน่นอนทั่วไทย .
    https://youtube.com/watch?v=QE8CxVB6k_k&si=ns-0XcTVxnrt4-ir
    shopeeจริงๆก็เหี้ยไม่ต่างกัน,โกหกหลอกลวงลูกค้า สนับสนุนร้านค้าหลอกลูกค้าเหมือนกันกับลาซาด้าล่ะ,แต่ลาซาด้าเหี้ยกว่า,ไม่สแกนร้านค้าห่าอะไร สินค้าไม่ตรงปกตรึม,ชอปปี้ส่งฟรีก็ไม่ฟรี0บาทจริง มีขั้นต่ำเหมือนเดิมแม้กดรับขั้นต่ำ0บาทแล้ว,เผลอๆยังไม่ใช้ขั้นต่ำ0บาท หมดโปรไปแล้ว,ยังไม่กดใช้หมดเวลาได้ไงโน้น,ไส้ในแอปจริงๆหมกเม็ดตรึมทั้งสองแอป,ส้มก็สิงคโปร์ ฟ้าก็ของจีน, ..จริงๆต้องสมควรมีแพลตฟอร์มสไตล์ไทยเรา เป็นช่องทางการตลาดแก่คนไทยเรา,เอาติ๊กต๊อกเอาลาซาต้าชอปปี้ สไตล์แต่ละสไตล์มารวมในแพลตฟอร์มไทยโดยรัฐไทยสร้างจะบันเทิงเลย,เอาการยกเว้นภาษีมาล่อแก่คนซื้อและคนขาย,ตรวจสอบร้านค้าเปิดเผยที่อยู่คนขายชัดเจน,คนซื้อก็มั่นใจ ขายของเหี้ยๆมาฟ้องผ่านแอปรัฐลงโทษได้เลย,แอปไทยจะเงินทองไม่ไปไหนอยู่ในชุมชนสังคมไทยส่วนใหญ่ทุกๆคนไทยมีตลาดมาวางขายของได้อิสระ,ขายข้าวแปรรูปเองเป็นถุงละ25บาทต่อ1กก.ก็ได้,เกี่ยวเองสีเองขายออนไลน์ ใครจะค้าอะไรค้า,และมีอะไรสาระพัดต่อยอดสร้างสังคมออนไลน์สนับสนุนคนไทยเราได้วงกว้าง,ตลาดประเทศกันเลยและดังไกลไปทั่วโลกได้ ทั่วโลกชวนกันมาใช้แพลตฟอร์มไทย มาร่วมวางขายสินค้าอิสระเสรีแลกเปลี่ยนกันอีกในราคาผู้ผลิตต้นน้ำกันเลย,รัฐมีหน้าที่ลดค่าขนส่งให้ถูกลง,บ่อน้ำมันจึงสมควรยึดคืนมาทั้งหมดทั่วประเทศ มาทำเอง ขายน้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านนั้น,ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที,คนจะค้าขายออนไลน์ได้สะดวกขึ้น สร้างมาตราฐานไทยได้ดีขึ้นอีก,กำไรก็จะดีต่อคนไทย ฐานะก็จะดีขึ้นแน่นอนทั่วไทย . https://youtube.com/watch?v=QE8CxVB6k_k&si=ns-0XcTVxnrt4-ir
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ)

    (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน?

    หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร?

    นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง?

    1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?"

    อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ?

    ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์

    หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ"

    อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ)

    อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า

    "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ?

    อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร"

    นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ?

    มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย?

    นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย

    ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย

    ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก"

    ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้

    อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ

    สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้"

    หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

    ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง?

    อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้

    "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ

    ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ

    อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว

    หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี

    อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่?

    แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล

    อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์

    แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้

    อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน

    แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร

    อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง?

    แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ?

    แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ

    ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้

    EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน?

    หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม)
    18 กันยายน 68
    00.01 น.
    18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ) (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน? หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร? นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง? 1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?" อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ? ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์ หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ" อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ) อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ? อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร" นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ? มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย? นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก" ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้" หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง? อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้ "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่? แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์ แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้ อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง? แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ? แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้ EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน? หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม) 18 กันยายน 68 00.01 น.
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • สลามเมืองไทย EP31 | อาคาร 100 ปี โดดเด่นเคียงคู่ มัสยิดบางอ้อ

    ท่ามกลางชุมชนมุสลิมย่านบางอ้อ นอกจากมัสยิดที่งดงามสมคำร่ำลือ ยังมี “อาคาร 100 ปี” ที่ตั้งตระหง่านเคียงข้างมัสยิด เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความทรงจำและประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้

    อาคารหลังนี้ไม่ได้มีคุณค่าเพียงแค่สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง การเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทั้งในด้านศาสนา การศึกษา และการรวมพลังของผู้คนหลายยุคหลายสมัย

    จากอาคารไม้หลังเก่า สู่การเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และกิจกรรมของชาวมุสลิมบางอ้อ อาคาร 100 ปีหลังนี้จึงเปรียบเสมือนพยานแห่งกาลเวลาที่เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของชุมชนอย่างใกล้ชิด

    ติดตามเรื่องราวของอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้ และบทบาทสำคัญที่ยังคงมีอยู่จวบจนปัจจุบัน

    #สลามเมืองไทย #EP31 #อาคาร100ปี #มัสยิดบางอ้อ #มรดกชุมชน #ชุมชนมุสลิมบางอ้อ #ศรัทธาและกาลเวลา #ThaiMuslimCommunity #MuslimHeritage #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP31 | อาคาร 100 ปี โดดเด่นเคียงคู่ มัสยิดบางอ้อ ท่ามกลางชุมชนมุสลิมย่านบางอ้อ นอกจากมัสยิดที่งดงามสมคำร่ำลือ ยังมี “อาคาร 100 ปี” ที่ตั้งตระหง่านเคียงข้างมัสยิด เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความทรงจำและประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ อาคารหลังนี้ไม่ได้มีคุณค่าเพียงแค่สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง การเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทั้งในด้านศาสนา การศึกษา และการรวมพลังของผู้คนหลายยุคหลายสมัย จากอาคารไม้หลังเก่า สู่การเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และกิจกรรมของชาวมุสลิมบางอ้อ อาคาร 100 ปีหลังนี้จึงเปรียบเสมือนพยานแห่งกาลเวลาที่เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของชุมชนอย่างใกล้ชิด ติดตามเรื่องราวของอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้ และบทบาทสำคัญที่ยังคงมีอยู่จวบจนปัจจุบัน #สลามเมืองไทย #EP31 #อาคาร100ปี #มัสยิดบางอ้อ #มรดกชุมชน #ชุมชนมุสลิมบางอ้อ #ศรัทธาและกาลเวลา #ThaiMuslimCommunity #MuslimHeritage #ThaiTimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 0 Reviews
  • ผู้ว่าราชการจังหวัดบ้านใต้มีชัย (บันเตียเมียนเจย) ของกัมพูชา ระบุว่ามีชาวกัมพูชา 10 คน ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารไทยบริเวณชายแดนในชุมชนอูเบยโจน อ.อูเจริว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่ทหารไทยพยายามติดตั้งรั้วลวดหนามในพื้นที่พิพาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089158

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ผู้ว่าราชการจังหวัดบ้านใต้มีชัย (บันเตียเมียนเจย) ของกัมพูชา ระบุว่ามีชาวกัมพูชา 10 คน ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารไทยบริเวณชายแดนในชุมชนอูเบยโจน อ.อูเจริว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่ทหารไทยพยายามติดตั้งรั้วลวดหนามในพื้นที่พิพาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089158 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ”

    เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม

    สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง

    แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก

    แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น

    ข้อมูลจากคดี Rockenhaus
    ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า
    เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web
    FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง

    พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว
    ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ
    เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน
    การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข
    มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้
    การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT
    การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025
    คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล

    กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ
    หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล
    ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ
    มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain

    กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค
    มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web
    บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง
    มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน
    มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว

    กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP
    มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า
    บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ
    มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา

    https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    ⚖️ “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ” เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น ✅ ข้อมูลจากคดี Rockenhaus ➡️ ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า ➡️ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web ➡️ FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง ✅ พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ➡️ ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ ➡️ เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข ➡️ มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้ ➡️ การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT ➡️ การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025 ➡️ คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล ✅ กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ ➡️ หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ ➡️ มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain ✅ กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค ➡️ มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web ➡️ บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง ➡️ มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน ➡️ มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ‼️ กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP ⛔ มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า ⛔ บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript ⛔ มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ ⛔ มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • “สูตรขนมคุณยายพังเพราะกล่องเค้กหด — Shrinkflation ทำลายความทรงจำหวาน ๆ ที่อบมาเป็นสิบปี”

    ในโลกที่ทุกอย่างดูเหมือนจะ “เล็กลง” โดยไม่บอกใคร กล่องเค้กมิกซ์ของ Betty Crocker ก็ไม่รอดจากกระแส shrinkflation เช่นกัน จากขนาดดั้งเดิม 18.25 ออนซ์ในอดีต ลดลงเหลือเพียง 13.25 ออนซ์ในปี 2025 — หายไปถึง 27% โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดกล่องหรือคำแนะนำการใช้งาน ทำให้ผู้บริโภคหลายคน โดยเฉพาะคุณยายสายอบขนม รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง

    หนึ่งในเสียงสะท้อนที่ชัดเจนคือ Judith คุณยายที่เคยนำ “chocolate crinkle cookies” ไปงานเลี้ยงชุมชนตลอด 15 ปี แต่เมื่อสูตรที่เคยใช้ได้ผล — เค้กมิกซ์ 1 กล่อง + ไข่ 2 ฟอง + น้ำมัน ⅓ ถ้วย — กลับให้ผลลัพธ์เป็นคุกกี้แฉะ ๆ ไม่ฟูเหมือนเดิม เธอถึงกับเรียกสูตรนี้ว่า “ใช้ไม่ได้อีกต่อไป” และปฏิเสธที่จะซื้อเพิ่มเพื่อชดเชยปริมาณที่หายไป เพราะ “มันขัดหลักการ”

    ไม่ใช่แค่คุกกี้ที่พัง แต่สูตรขนมบ้าน ๆ อย่าง dump cake, crumble, แพนเค้ก และอีกมากมายที่ใช้เค้กมิกซ์เป็นฐาน ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน บางคนใน Reddit ยังตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเปลี่ยนสูตรภายใน เช่น ปริมาณสารพองตัว (leaveners) ที่ทำให้เค้กดูฟูตอนอบ แต่ยุบตัวเมื่อเย็นลง

    ในยุคที่การอบขนมคือศาสตร์แห่งความแม่นยำ การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ไม่แจ้งให้ทราบอาจทำลายสูตรที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น และทำให้ความทรงจำที่อบออกมาจากเตา กลายเป็นเพียงอดีตที่ไม่สามารถทำซ้ำได้อีก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ขนาดกล่องเค้กมิกซ์ Betty Crocker ลดลงจาก 18.25 ออนซ์ เหลือ 13.25 ออนซ์
    สูตรคุกกี้ของ Judith ที่เคยใช้ได้ผล กลับให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม
    การลดขนาดกล่องไม่ได้แจ้งให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจน
    สูตรขนมอื่น ๆ ที่ใช้เค้กมิกซ์เป็นฐานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

    ปฏิกิริยาจากผู้บริโภค
    Judith ปฏิเสธที่จะซื้อเพิ่มเพื่อชดเชยปริมาณที่หายไป “เพราะขัดหลักการ”
    ผู้บริโภคหลายคนรู้สึกว่าคุณภาพของขนมที่อบออกมาเปลี่ยนไป
    มีข้อสงสัยว่าอาจมีการเปลี่ยนสูตรภายใน เช่น ปริมาณสารพองตัว
    ความเปลี่ยนแปลงนี้กระทบต่อสูตรขนมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Shrinkflation คือการลดปริมาณสินค้าโดยไม่ลดราคา — พบได้ในหลายอุตสาหกรรม
    การอบขนมต้องการความแม่นยำในสัดส่วนวัตถุดิบ — การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ส่งผลใหญ่
    เค้กมิกซ์เป็นวัตถุดิบหลักในสูตรขนมบ้าน ๆ ที่แพร่หลายทั่วสหรัฐฯ
    แบรนด์ที่ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงอาจสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคระยะยาว

    https://www.cubbyathome.com/boxed-cake-mix-sizes-have-shrunk-80045058
    🎂 “สูตรขนมคุณยายพังเพราะกล่องเค้กหด — Shrinkflation ทำลายความทรงจำหวาน ๆ ที่อบมาเป็นสิบปี” ในโลกที่ทุกอย่างดูเหมือนจะ “เล็กลง” โดยไม่บอกใคร กล่องเค้กมิกซ์ของ Betty Crocker ก็ไม่รอดจากกระแส shrinkflation เช่นกัน จากขนาดดั้งเดิม 18.25 ออนซ์ในอดีต ลดลงเหลือเพียง 13.25 ออนซ์ในปี 2025 — หายไปถึง 27% โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดกล่องหรือคำแนะนำการใช้งาน ทำให้ผู้บริโภคหลายคน โดยเฉพาะคุณยายสายอบขนม รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง หนึ่งในเสียงสะท้อนที่ชัดเจนคือ Judith คุณยายที่เคยนำ “chocolate crinkle cookies” ไปงานเลี้ยงชุมชนตลอด 15 ปี แต่เมื่อสูตรที่เคยใช้ได้ผล — เค้กมิกซ์ 1 กล่อง + ไข่ 2 ฟอง + น้ำมัน ⅓ ถ้วย — กลับให้ผลลัพธ์เป็นคุกกี้แฉะ ๆ ไม่ฟูเหมือนเดิม เธอถึงกับเรียกสูตรนี้ว่า “ใช้ไม่ได้อีกต่อไป” และปฏิเสธที่จะซื้อเพิ่มเพื่อชดเชยปริมาณที่หายไป เพราะ “มันขัดหลักการ” ไม่ใช่แค่คุกกี้ที่พัง แต่สูตรขนมบ้าน ๆ อย่าง dump cake, crumble, แพนเค้ก และอีกมากมายที่ใช้เค้กมิกซ์เป็นฐาน ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน บางคนใน Reddit ยังตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเปลี่ยนสูตรภายใน เช่น ปริมาณสารพองตัว (leaveners) ที่ทำให้เค้กดูฟูตอนอบ แต่ยุบตัวเมื่อเย็นลง ในยุคที่การอบขนมคือศาสตร์แห่งความแม่นยำ การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ไม่แจ้งให้ทราบอาจทำลายสูตรที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น และทำให้ความทรงจำที่อบออกมาจากเตา กลายเป็นเพียงอดีตที่ไม่สามารถทำซ้ำได้อีก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ขนาดกล่องเค้กมิกซ์ Betty Crocker ลดลงจาก 18.25 ออนซ์ เหลือ 13.25 ออนซ์ ➡️ สูตรคุกกี้ของ Judith ที่เคยใช้ได้ผล กลับให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม ➡️ การลดขนาดกล่องไม่ได้แจ้งให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจน ➡️ สูตรขนมอื่น ๆ ที่ใช้เค้กมิกซ์เป็นฐานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ✅ ปฏิกิริยาจากผู้บริโภค ➡️ Judith ปฏิเสธที่จะซื้อเพิ่มเพื่อชดเชยปริมาณที่หายไป “เพราะขัดหลักการ” ➡️ ผู้บริโภคหลายคนรู้สึกว่าคุณภาพของขนมที่อบออกมาเปลี่ยนไป ➡️ มีข้อสงสัยว่าอาจมีการเปลี่ยนสูตรภายใน เช่น ปริมาณสารพองตัว ➡️ ความเปลี่ยนแปลงนี้กระทบต่อสูตรขนมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Shrinkflation คือการลดปริมาณสินค้าโดยไม่ลดราคา — พบได้ในหลายอุตสาหกรรม ➡️ การอบขนมต้องการความแม่นยำในสัดส่วนวัตถุดิบ — การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ส่งผลใหญ่ ➡️ เค้กมิกซ์เป็นวัตถุดิบหลักในสูตรขนมบ้าน ๆ ที่แพร่หลายทั่วสหรัฐฯ ➡️ แบรนด์ที่ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงอาจสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคระยะยาว https://www.cubbyathome.com/boxed-cake-mix-sizes-have-shrunk-80045058
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน”

    เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร

    EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป

    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน

    PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025

    กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS
    ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031
    PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ
    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act

    ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน
    Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม
    มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ
    มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล
    EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ
    การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ
    เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis
    การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา

    https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    🚱 “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025 กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS ➡️ ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031 ➡️ PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ ➡️ นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ✅ ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน ➡️ Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม ➡️ มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ ➡️ มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล ➡️ EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ ➡️ การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ ➡️ เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis ➡️ การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++

    skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX

    ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม

    แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS

    นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด

    แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS
    สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ
    ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux
    เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด

    สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก
    ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล
    มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน
    มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม

    แอปและระบบพื้นฐาน
    มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator
    มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ
    รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V

    ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป
    ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX
    ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia
    มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด

    ชุมชนและการมีส่วนร่วม
    เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub
    มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky
    ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS

    ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง
    skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
    อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์

    ความเปราะบางของ ecosystem
    ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows
    ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

    ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว
    เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา
    อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว

    https://skiftos.org/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++ skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด ✅ แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS ➡️ สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ ➡️ ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux ➡️ เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด ✅ สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก ➡️ ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล ➡️ มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน ➡️ มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม ✅ แอปและระบบพื้นฐาน ➡️ มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator ➡️ มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ ➡️ รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V ✅ ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป ➡️ ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX ➡️ ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ➡️ มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ✅ ชุมชนและการมีส่วนร่วม ➡️ เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub ➡️ มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง ⛔ skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ⛔ อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ ‼️ ความเปราะบางของ ecosystem ⛔ ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows ⛔ ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ‼️ ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว ⛔ เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา ⛔ อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว https://skiftos.org/
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน

    Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง

    เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน

    แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ

    นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้

    นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ

    ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods
    รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC
    แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone
    ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ

    เงื่อนไขการใช้งาน
    ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป
    ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน
    จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง

    ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU
    ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU
    Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act
    ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด

    https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้ นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ ✅ ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods ➡️ รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC ➡️ แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone ➡️ ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ✅ เงื่อนไขการใช้งาน ➡️ ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป ➡️ ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน ➡️ จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง ✅ ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU ➡️ ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU ➡️ Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act ➡️ ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    WWW.MACRUMORS.COM
    AirPods Live Translation Blocked for EU Users With EU Apple Accounts
    Apple's new Live Translation feature for AirPods will be off-limits to millions of European users when it arrives next week, with strict EU...
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Tornado Cash ถึง FinCEN: เมื่อความเป็นส่วนตัวในคริปโตกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

    ในเดือนกันยายน 2025 สำนักงานเฝ้าระวังทางการเงินของสหรัฐฯ หรือ FinCEN ได้เสนอร่างกฎใหม่ที่ขยายอำนาจของกฎหมาย Patriot Act มาตรา 311 ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต เช่น CoinJoin, Samourai Wallet และบริการ mixer อื่น ๆ โดยอ้างว่าเป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ที่ต้องมีมาตรการพิเศษในการควบคุม

    ภายใต้ข้อเสนอใหม่นี้ ผู้ให้บริการเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโตจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน, รายงานธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และอาจต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้ทั้งหมดต่อ FinCEN ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวคิด “self-custody” และ “permissionless” ที่เป็นหัวใจของคริปโต

    FinCEN อ้างว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้โดยกลุ่มก่อการร้าย เช่น Hamas และ ISIS แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้จริงในระดับที่มีนัยสำคัญ โดยแม้แต่ Chainalysis ก็ออกมาเตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” และอาจเกิดจากการวิเคราะห์บล็อกเชนที่ผิดพลาด

    นอกจากนี้ FinCEN ยังเสนอให้ลดเกณฑ์การรายงานธุรกรรมจาก $3,000 ลงในอนาคต และบังคับให้ทุกแพลตฟอร์ม—รวมถึง DeFi ที่อ้างว่าเป็น non-custodial—ต้องใช้ระบบวิเคราะห์บล็อกเชนขั้นสูงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎใหม่

    ผลกระทบที่ตามมาคือ ผู้ให้บริการขนาดเล็กและโปรเจกต์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอาจต้องปิดตัวหรือย้ายออกจากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยอมแลกความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงบริการทางการเงิน

    ข้อเสนอใหม่ของ FinCEN
    ขยายมาตรา 311 ของ Patriot Act ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต
    ระบุว่า CoinJoin และ mixer เป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก”
    บังคับให้ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลและรายงานธุรกรรมต่อ FinCEN

    ผลกระทบต่อผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน
    ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้และข้อมูลธุรกรรม
    แพลตฟอร์ม DeFi อาจถูกจัดเป็น MSB (Money Service Business)
    ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมขนาดใหญ่

    การตอบโต้จากชุมชนคริปโต
    Samourai Wallet และผู้ใช้ CoinJoin แสดงความกังวล
    Chainalysis เตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง”
    ผู้พัฒนาเครื่องมือความเป็นส่วนตัวอาจถูกดำเนินคดีในอนาคต

    https://www.tftc.io/treasury-iexpanding-patriot-act/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Tornado Cash ถึง FinCEN: เมื่อความเป็นส่วนตัวในคริปโตกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ในเดือนกันยายน 2025 สำนักงานเฝ้าระวังทางการเงินของสหรัฐฯ หรือ FinCEN ได้เสนอร่างกฎใหม่ที่ขยายอำนาจของกฎหมาย Patriot Act มาตรา 311 ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต เช่น CoinJoin, Samourai Wallet และบริการ mixer อื่น ๆ โดยอ้างว่าเป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ที่ต้องมีมาตรการพิเศษในการควบคุม ภายใต้ข้อเสนอใหม่นี้ ผู้ให้บริการเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโตจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน, รายงานธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และอาจต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้ทั้งหมดต่อ FinCEN ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวคิด “self-custody” และ “permissionless” ที่เป็นหัวใจของคริปโต FinCEN อ้างว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้โดยกลุ่มก่อการร้าย เช่น Hamas และ ISIS แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้จริงในระดับที่มีนัยสำคัญ โดยแม้แต่ Chainalysis ก็ออกมาเตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” และอาจเกิดจากการวิเคราะห์บล็อกเชนที่ผิดพลาด นอกจากนี้ FinCEN ยังเสนอให้ลดเกณฑ์การรายงานธุรกรรมจาก $3,000 ลงในอนาคต และบังคับให้ทุกแพลตฟอร์ม—รวมถึง DeFi ที่อ้างว่าเป็น non-custodial—ต้องใช้ระบบวิเคราะห์บล็อกเชนขั้นสูงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎใหม่ ผลกระทบที่ตามมาคือ ผู้ให้บริการขนาดเล็กและโปรเจกต์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอาจต้องปิดตัวหรือย้ายออกจากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยอมแลกความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงบริการทางการเงิน ✅ ข้อเสนอใหม่ของ FinCEN ➡️ ขยายมาตรา 311 ของ Patriot Act ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต ➡️ ระบุว่า CoinJoin และ mixer เป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ➡️ บังคับให้ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลและรายงานธุรกรรมต่อ FinCEN ✅ ผลกระทบต่อผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน ➡️ ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้และข้อมูลธุรกรรม ➡️ แพลตฟอร์ม DeFi อาจถูกจัดเป็น MSB (Money Service Business) ➡️ ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมขนาดใหญ่ ✅ การตอบโต้จากชุมชนคริปโต ➡️ Samourai Wallet และผู้ใช้ CoinJoin แสดงความกังวล ➡️ Chainalysis เตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” ➡️ ผู้พัฒนาเครื่องมือความเป็นส่วนตัวอาจถูกดำเนินคดีในอนาคต https://www.tftc.io/treasury-iexpanding-patriot-act/
    WWW.TFTC.IO
    The Treasury Is Expanding The Patriot Act To Attack Bitcoin Self Custody
    We shouldn't have to cater to the lowest common denominator.
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • “Hyprland 0.51 เพิ่มท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ — ยกระดับประสบการณ์ Wayland ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง”

    Hyprland 0.51 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Wayland และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการหน้าต่างและอินพุต โดยหนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการรองรับ “ท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ” ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดท่าทางนิ้ว, ทิศทาง, และ modifiers ได้เองทั้งหมด

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การตั้งค่า scroll factor แยกตามอุปกรณ์, ตัวเลือกใหม่ในการซ่อนเคอร์เซอร์ (cursor:invisible), และการรองรับ DPMS animations เพื่อให้การปิดหน้าจอมีความลื่นไหลมากขึ้น

    Hyprland ยังแก้ปัญหาการแชร์หน้าจอแบบ 10-bit ที่เคยมีปัญหากับ Firefox และ Chromium โดยเพิ่มตัวเลือก misc:screencopy_force_8b เพื่อบังคับให้ PipeWire ใช้การแชร์แบบ 8-bit แทน ซึ่งช่วยให้การใช้งาน screencast มีความเสถียรมากขึ้น

    ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ การปรับปรุง virtual keyboard, การเพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up, การปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น, และการเพิ่มโหมด previous ให้กับคำสั่ง focusmaster เพื่อจัดการ layout ได้แม่นยำขึ้น

    Hyprland ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการปรับแต่งได้สูง เช่น การใช้ bezier curve สำหรับ animation, การจัดการ workspace แบบ dynamic, และระบบ plugin manager ที่รองรับปลั๊กอินจากชุมชนได้อย่างยืดหยุ่น

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Hyprland 0.51
    รองรับท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ (1:1 gesture config)
    ตั้ง scroll factor แยกตามอุปกรณ์ได้ — เพิ่มความแม่นยำในการเลื่อน
    เพิ่ม cursor:invisible สำหรับการซ่อนเคอร์เซอร์
    รองรับ DPMS animations สำหรับการปิดหน้าจอแบบมีเอฟเฟกต์

    การปรับปรุงด้านการแชร์หน้าจอและอินพุต
    เพิ่ม misc:screencopy_force_8b เพื่อแก้ปัญหา 10-bit screensharing
    ใช้ PipeWire สำหรับการแชร์หน้าจอบน Wayland
    ปรับ virtual keyboard ให้ข้ามการปล่อย key และไม่แชร์ key state
    เพิ่ม novrr rule เพื่อบล็อก VRR (Variable Refresh Rate)

    การปรับแต่ง UI และ layout
    เพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up เพื่อความลื่นไหล
    เพิ่ม dim_modal สำหรับการลดแสงหน้าต่าง modal
    ปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น
    เพิ่ม previous mode ให้กับ focusmaster เพื่อจัด layout ได้แม่นยำ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hyprland เป็น Wayland compositor แบบ dynamic tiling ที่ปรับแต่งได้สูง
    รองรับ plugin manager และ keybinds แบบ global
    ใช้ bezier curve สำหรับ animation เพื่อความลื่นไหล
    มี layout แบบ built-in สองแบบ และรองรับ window groups

    https://9to5linux.com/hyprland-0-51-wayland-compositor-adds-fully-configurable-trackpad-gestures
    🖱️ “Hyprland 0.51 เพิ่มท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ — ยกระดับประสบการณ์ Wayland ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง” Hyprland 0.51 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Wayland และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการหน้าต่างและอินพุต โดยหนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการรองรับ “ท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ” ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดท่าทางนิ้ว, ทิศทาง, และ modifiers ได้เองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การตั้งค่า scroll factor แยกตามอุปกรณ์, ตัวเลือกใหม่ในการซ่อนเคอร์เซอร์ (cursor:invisible), และการรองรับ DPMS animations เพื่อให้การปิดหน้าจอมีความลื่นไหลมากขึ้น Hyprland ยังแก้ปัญหาการแชร์หน้าจอแบบ 10-bit ที่เคยมีปัญหากับ Firefox และ Chromium โดยเพิ่มตัวเลือก misc:screencopy_force_8b เพื่อบังคับให้ PipeWire ใช้การแชร์แบบ 8-bit แทน ซึ่งช่วยให้การใช้งาน screencast มีความเสถียรมากขึ้น ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ การปรับปรุง virtual keyboard, การเพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up, การปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น, และการเพิ่มโหมด previous ให้กับคำสั่ง focusmaster เพื่อจัดการ layout ได้แม่นยำขึ้น Hyprland ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการปรับแต่งได้สูง เช่น การใช้ bezier curve สำหรับ animation, การจัดการ workspace แบบ dynamic, และระบบ plugin manager ที่รองรับปลั๊กอินจากชุมชนได้อย่างยืดหยุ่น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Hyprland 0.51 ➡️ รองรับท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ (1:1 gesture config) ➡️ ตั้ง scroll factor แยกตามอุปกรณ์ได้ — เพิ่มความแม่นยำในการเลื่อน ➡️ เพิ่ม cursor:invisible สำหรับการซ่อนเคอร์เซอร์ ➡️ รองรับ DPMS animations สำหรับการปิดหน้าจอแบบมีเอฟเฟกต์ ✅ การปรับปรุงด้านการแชร์หน้าจอและอินพุต ➡️ เพิ่ม misc:screencopy_force_8b เพื่อแก้ปัญหา 10-bit screensharing ➡️ ใช้ PipeWire สำหรับการแชร์หน้าจอบน Wayland ➡️ ปรับ virtual keyboard ให้ข้ามการปล่อย key และไม่แชร์ key state ➡️ เพิ่ม novrr rule เพื่อบล็อก VRR (Variable Refresh Rate) ✅ การปรับแต่ง UI และ layout ➡️ เพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up เพื่อความลื่นไหล ➡️ เพิ่ม dim_modal สำหรับการลดแสงหน้าต่าง modal ➡️ ปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น ➡️ เพิ่ม previous mode ให้กับ focusmaster เพื่อจัด layout ได้แม่นยำ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hyprland เป็น Wayland compositor แบบ dynamic tiling ที่ปรับแต่งได้สูง ➡️ รองรับ plugin manager และ keybinds แบบ global ➡️ ใช้ bezier curve สำหรับ animation เพื่อความลื่นไหล ➡️ มี layout แบบ built-in สองแบบ และรองรับ window groups https://9to5linux.com/hyprland-0-51-wayland-compositor-adds-fully-configurable-trackpad-gestures
    9TO5LINUX.COM
    Hyprland 0.51 Wayland Compositor Adds Fully Configurable Trackpad Gestures - 9to5Linux
    Hyprland 0.51 Wayland compositor is now available with support for fully configurable trackpad gestures and other changes.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
More Results