• 08-11-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.88 ชื่อตอน "STORM WILL COMING" ไอ้สัส! นี่..ขนาดยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งสาบานตนเลยน่ะ ดีออก? แม่งเร่งเครื่องกันจัง กลัวแผ่นดินจะไม่แตก เหรอจ๊ะ? มาตามนัด ม็อบเติมเงินอีลา ขับไล่ทรัมปป์มาทันที อีทรัมปป์ก็ใช่ย่อย สิ่งแรกที่จะทำ ไม่ใช่เรื่องที่พูดหาเสียง แต่เป็นไล่เก็บบัญชีแค้น 50 หัวหมา มรึงยัดคดีกู 100 กว่าคดี ล่อกูจนสุดซอย ตากูบ้างล่ะ? งานนี้ ศาลแตก หน่วยความมั่นคงกระจุย อีทรัมปป์คลั่ง! จะเก็บกูเหรอ? งั้นเดี๋ยวกูเก็บมรึงก่อนดีกว่ามุย? อีตาเพน อีเหี้ย C กูไม่ใช่ JFK น่ะเฟ้ย? ปูติน สีจิ้นผิง นั่งเลียไอติมอย่างเอร็ดอร่อย คอยดูเหี้ยงับกันเละเทะ รายการทวงแค้นคืน บัญชียาวเป็นหางว่าว ล่าสุด ไอ้อีขี้ข้าปชต.ทั้งหลาย อี 3 นิ้วครึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น เตรียมย้ายบ้านหนีแล้วจ๊ะ อเมริกา เค้าไม่ให้มรึงอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฝ่ายกฎหมายอีทรัมปป์ฉลาดเป็นกรด อ้างหมายศาล หมายจับ นานาชาติ ที่หนีมาลี้ภัยในแผ่นดินต้องคำสาปนี้ จับไล่ เขี่ยทิ้ง ถีบกระเด็นออกไปจากแผ่นดินทันที เหี้ย C มีกรี๊ด เหี้ย F มีชะงัก สายใคร สายมัน โดยเฉพาะต่างชาติ ที่ไม่มี WORK PERMIT ใครได้สิทธิ์พิเศษ แม่งตัดสิทธิ์หมดเรียบวุธ หมดเวลาฮันนีมูนแล้วมรึงเอ๋ย? ผู้ลี้ภัยตามพรมแดน ค่ายผู้ลี้ภัยตามเมืองต่างๆ โดนเรียกตัวแล้วจ๊ะ แปลว่า ที่มันเร่ง เพราะต้องการผลงานเป็นที่ประจักษ์ เนื้อแท้คือ ไอ้พวกที่อพยพเข้ามา จากอเมริกากลาง ทั้งหมดเป็นฝีมือมาจากเหี้ยจอร์จ โซรอส เกณฑ์มาเพื่อเป็นหัวคะแนนให้อีลาไงล่ะ ทำไมอีช้างลาก XXX มันจะไม่รู้ ทันกันเสมอ ดอกนี้ อีกไม่นาน ศรีธนญชัยอาจนำไปใช้บ้าง? เกมส์เปิดหน้าแลกแล้ว ไม่ต้องรอนาน อีลาเตรียมเข็นคนลงถนน อีทรัมปป์เตรียมใช้กฎหมาในมือเต็มกำลังศึก มรึงว่าจะเละแค่ไหน? ฉากหน้าคือการต่อสู้ อีลา vs อีช้าง ฉากหลังคือ "แตกแผ่นดินให้อียิวย้ายเข้า" ด้านอีตาเพน ไม่ต้องถาม? มันอยู่ฝั่งนายทุนบริษัทค้าอาวุธชัวร์! สายอีลาทั้งนั้น เมื่ออำนาจบริหาร สั่งอำนาจตุลากรได้ แต่สั่งอำนาจทางกองทัพไม่ได้ มรึงว่า งานนี้ อีทรัมปป์จะล่อใครก่อน? เพื่อเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู สั่งสอน ใครคือหัวหน้ามรึง! แก่นคือ "อีทรัมปป์ กำลังจะเล่นเกมส์อันตราย เกมส์แรงกับ DEEP STATE" เพราะคิดจะตั้งตนเป็น KING นั่นเอง ความแตกต่างของเหี้ย กับวังไทยคือ กองทัพไทยขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่ผู้เดียว นั่นคือ "พระมหากษัตริย์" แต่กองทัพเหี้ย ขึ้นตรงกับเยรูซาเล็ม ไม่ได้มีจุดยึดมั่น ศรัทธา แต่อย่างใด โอกาสที่กองทัพจะชนกับฝ่ายบริหาร สูงมาก นั่นแหละคือ "จุกแตกหักอเมริกา" โดยผ่านเกมส์บนท้องถนน ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้คนขนปืนลงมาฆ่าตำรวจ ทหาร หน่วยความมั่นคง เพราะอาวุธที่บ้านนี้เมืองนี้ หาง่ายยิ่งกว่าไอติมรสหมีหื่นซะอีก? กูยังจำได้ หาปืนในอเมริกา $20 ก็ยังมี ไอ้สัส! ไม่ต้องไปไหนไกล ได้พวก HOMELESS แม่งมีกันเพี๊ยบ เก็บได้ตามถังขยะทุกวัน หลักฐานไม่ต้องไปหา ขุ้ยถังขยะเจอหมด! อุปส์ ปชต.เบ่งบานฉิบหาย ชอบมั้ยล่ะ? EU ลายออกทันควัน หลังอีทรัมปป์มายกแผง บีบอีเสี้ยนยาแบ่งแผ่นดินคืนให้ปูตินไปเหอะ กูไม่อยากจะซวย จบที่มรึงดีกว่าเขมือบยาวมาโดนกูด้วย รักกันจริงจุงเบย ยุโรปเนี่ย? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน หายซ่าส์ หลังรัสเซียปรับยุทธศาสตร์หัวรบนิวเคลียร์แทนจุดล่อแหลมพรมแดน นัยยะคือ "พร้อมตายยัง?" อียุ่นปี่ อีโสมขาว ลายออกทันทีเช่นกัน "ปลดแอกขี้ข้า ถูกตราหน้าเบ๊อเมริกา" ย่องหาสีจิ้นผิงทั้งคู่ เข้าทางตรีนสิจ๊ะ? เวลาแสงทำงาน อะไรที่มรึงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น มันจะมาหมด ยังมีเรื่องให้มรึงช็อคอีกเยอะ เหี้ยแค่ไหนก็กลัวตายเป็น? เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ ในละครบ้านทรายทองไงล่ะ? อย่าดูถูกแสงทำงาน เพราะแสงคือความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม อาวุธเดียวที่จะฆ่าเหี้ยไอ้อีในสากลโลกได้จริง! อีทรัมปป์รู้ชะตาดี งานนี้ วัดใจ สู้หลังผิงกำแพง หากมรึงอยากจะเป็น KING ได้สำเร็จ มรึงต้องกำจัดอิทธิพลอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ในหน่วยงานความมั่นคงรัฐบาลทั้งหมด ที่มาว่า อีทรัมปป์ใช้หน่วยรบพิเศษ BODYGUARD ระดับชาติ คุ้มครองบ้านพักทุกหลัง ครอบครัวทุกบ้าน เพราะอีตาเพน เหี้ย C มันกำลังจะใช้แผน JFK กับมรึงแน่? ในการหาเสียง ทรัมปปืพูดชัดออกสื่อ "กูจะกำจัด DEEP STATE" นั่นคือพลังเงียบที่ออกมาโหวตให้มรึงไงล่ะ ไอ้สัส! เพราะอเมริกันควายมันเอือมกับอี DEEP STATE มาเป็นชาติแล้ว ทรัมปป์จะเปลี่ยนได้หรือไม่ อยู่ที่ใจมรึงเหี้ยมพอแค่ไหน? สุดท้าย สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ก็แค่อำนาจที่มันไม่เคยปราณีใคร? มาถึงจุดนี้ อีทรัมปป์เจออะไรมาเยอะแล้ว รู้ดีว่า จะทำยังไง ถึงจะฆ่าล้างโคตรอีลาให้อยู่หมัด กูบอกเลยว่า บริษัทค้าอาวุธ ตลาดหุ้น ธนาคารกลาง นี่คือสิ่งที่อีทรัมปป์จะเข้าไปแตะ ไปขยี้ในไม่ช้านี้ ด้วยจริตของมัน กูบอกเลยว่า "แตกหักไม่มีงอ" ยิ่งอำนาจเต็มมือ เต็มฝ่าตรีนซะขนาดนี้ คลั่งอำนาจกันให้สุดซอยกันไปเลย รัสเซีย จีน โสมแดง ปรบมือให้ ฆ่าให้เกลี้ยงน่ะจ๊ะ อย่าออมมือ แผนขั้วใหม่ ตัดอเมริกาออกจากสารบบ ไม่สนว่ามรึงจะทำอะไร มรึงกับกู อยู่คนละโลกเดียวกัน! เป้าหมายแท้จริงของอีทรัมปป์คือเผาอเมริกาก่อน ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะมันรู้ดีว่า หากพลาดโอกาสทองครั้งนี้แล้ว ลงจากบังลังก์เมื่อไหร่ กูตายกับตายสถานเดียวแน่นอน มรึงจะได้เห็นการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เผด็จการสุดขั้ว ล้างบางศัตรู แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ด้านอีแม่มดขาวคลินตัน อีลิงดำ มีเหรอ จะอยู่เฉยๆ มันก็ถูกกาหัวหมาเช่นกัน เกมส์ภายในอเมริกานับจากนี้ ไม่แตกต่างจากตอนสมัยปฎิวัติอเมริกาใหม่ๆ ฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ นี่มันย้อนรอยประวัติศาสตร์ชัดๆ ถามว่า หลังอีทรัมปป์มา EU NATO จะทำยังไงต่อดี? คำตอบอยู่ตรงหน้า เมื่อมรึงทิ้งได้ กูก็ทิ้งตามสิจ๊ะ? ใครจะโง่แบก ใครจะยอมจ่ายค่าปฎิกรรมสงคราม แยกย้าย เอาตัวรอด ยิ่งทำให้ยุโรปจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะฝั่งตะวันออก ประกาศชัด พลังงานรัสเซีย คือทางรอดเดียว และเป็นความมั่นคงชาติ ใครไม่เอา ก็เรื่องของมรึง? จุดเปลี่ยนเกมส์โลกอยู่ที่ "ยูเครนประกาศยอมแพ้ ผนวกแผ่นดิน" อย่าคิดว่าอเมริกาจะรอด ขั้วใหม่เดินหน้าฟ้องอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังระเบิดท่อแก็สนอร์ทสตรีม ทำความเสียหายให้ทั้งยุโรป พ่วงฟ้องอิสราเอล ผู้อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายโลก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ดอกนี้ มรึงจะได้เห็น โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว องค์กรสากลเหี้ยโลกจะเปลี่ยนสี รับหยวนแทนสิจ๊ะ! อเมริกาจะเจอทั้งศึกนอก ศึกใน ไม่ต้องถามต่อน่ะ "ว่ามันจะแตกมั้ย?" ส่วนไอ้อีขี้ข้าตัวปลากรอบฉาก ทัังอีแคน อีจิงโจ้ จะถือโอกาสที่อเมริกาผ่อนรบ ประกาศเอกราช ปลดแอกสมาคมขี้ข้าเหี้ยโลก แผนนี้ชงมาจากเยรูซาเล็ม บีบให้รัฐบาลอีทรัมปป์ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนบ้านเหี้ยไงล่ะจ๊ะ? มรึงเอาตัวรอดตัวเดียวได้ยังไง? อีแคน คืออีแอบมาช้านาน คอยเสียบ หากอเมริกาล่มสลาย เพราะทั้งหมด มันอยู่ในแผนตั้งรัฐยิวใหม่ในอนาคตนั่นเอง

    ปล.ภาพชูวิทย์กอดลุงสนธิ นาทีสุดท้ายของชีวิต อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพราะไม่รู้ จะโกรธแค้นข้ามภพกันไปเพื่อ? ใครทำอะไรก็ได้อย่างงั้น? เวรกรรมตามเช็คบิลหมด อย่าดูถูกเวรกรรม ใครคิดว่าอีเหลี่ยมเหี้ยจะรอด? กูสงสารมันมากกว่า ว่าจะทรมานก่อนตายซะขนาดไหน? อีทนายโจร สิ้นฤทธิ์ ท้าใครไม่ท้า ท้าลุงสนธิ มีอันเป็นไปหมด? โดนข้อหาหนัก จะหนีเหรอจ๊ะ? แสงทำงาน ความจริงปรากฎ ใครหมกเม็ดเหี้ยอะไรเอาไว้ แสงแฉหมดเปลือก ความลับไม่มีในโลก หลักฐานคาตา หลักกูมาเต็ม ไบ้แดร๊ก คุกรออยู่เบื้องหน้า ใครที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน? ไม่เลิกคือตาย ไม่หยุดคือคุก หยุดทำกรรมชั่วได้แล้ว เพื่อตัวมรึงเอง! ศรีธนญชัย 2024 ของจริง เชื้อชั่วออกลายแล้ว ขี้ข้าหางโผล่เป็นแถว เกาะหมา เกาะแมว ขะแมร์อยากได้ บู๊ทเขียวตรีนโตไทยรออยู่ เข้ามาเมื่อไหร่ กูใช้ข้ออ้างยึดคืนแม่งไปถึงพนญเปญ ดอกนี้ อีฮุนเซนทำไมจะไม่รู้ ขะแมร์แค่ขี้ตรีนไทย ฟังชัดๆ อีกที ขะแมร์แค่เบ๊ กองทัพบกไทยคืออันดับ 1 อาเซียน ยังต้องถามต่อมุย? อย่าเอาเรื่องไกลความเป็นจริงมาพูด อายหมามัน? ไทยไม่พูด ไม่คุย ไม่กร่าง ใช่ว่าจะอยู่เฉย เรามีดีในตัว วงใน หน่วยข่าวกรองเค้ารู้กัน ถึงกันหมด ใครแข็งโป๊ก ใครอ่อนยวบ? สื่อขายชาติแค่ปั่น ของจริงกล้าเข้ามามั้ยล่ะ? ไม่อยากจะไบ้ต่อว่า อย่าว่าจะเสียดินแดนเลย หลังฟ้าเปลี่ยนสี โลกผลัดใบ แม้แต่เขาพระวิหาร ไทยเราจะได้คืนมาทั้งหมด พ่วงบางส่วนอีกต่างหาก ทั้งหมดที่ผ่านมา ไทยแค่เล่นละคร สมยอมกับอีขะแมร์ เพื่อให้เหี้ยตะวันตกไม่เข้ามาเสือก เพราะเราคุยกันเองได้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง อีขะแมร์ต้องอาศัยทุกอย่างจากไทย ไทยตัดขาด มันตายห่าก่อนใครเพื่อน? อย่าเอาไอ้อีกระจอกมาเทียบกองทัพไทย มันห่างกันหลายปีแสง เอาให้ใกล้เคียงความเป็นจริงหน่อย? กูฟังแล้วรำคาญ! อะไรน่ะ อีฮุนเซน มันจะบุกยึดวอชิงตัน อ๋อ..เหรอ? ไม่รอด หากแสงทำงาน! อีสมศักดิ์โดนแล้ว เอื้อชั้น 14 ยาพิษมาเต็ม ดิ้นพล่าน อีเพ่นู๋ ใครสั่งมรึงให้ไปยุ่งพรมแดนไทย ชี้เป้าขะแมร์ อีเน ชิมิ? ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง? อีวัน ที่ลุ้นลูกชายรอดคุกกับประหารชีวิต ลายออก คิดแยกดินแดน ไอ้อสรพิษ รู้งานต้องทำยังไง? เบื้องบนสั่ง อยากรอด แฉสิจ๊ะ พ่วงหลักฐาน เอาให้ตายทั้งขบวนการแยกดินแดน สาวไส้ไปมา จบที่วอชิงตัน ท่อน้ำเลี้ยง NED เบื้องลึกทหารรู้หมดเปลือก มรึงไม่ต้องกังวลอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ทหารไทยไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาแค่หลับตา แกล้งโง่ รอเหยื่อกินเบ็ด อย่าให้กูพูดต่อเดี๋ยวปรี๊ดแตก! วังรู้ ทุกอย่าง แล้วมรึงคิดว่า จะมีใครหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพระองค์ท่านอีกล่ะ? แผนการเค้ามี หมากล่อเค้าวาง มรึงจะให้แฉอออกหมดเปลือกเลยเหรอ? แกล้งโง่บ้างก็ได้ อะไรที่พูดได้ก็พูดเพื่อให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่พูดแล้วเสี่ยงตาย จะพูดไปเพื่อ? กูชี้จุดหมายปลายทางไปหมดแล้ว อยากรู้ กลับไปอ่านทั้งหมดที่กูโพส ย้อนหลังไป 3 เดือน อ่านครบแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก ให้อ่านซ้ำอีก 2 รอบ รับรอง "ตกผลึกชัวร์" เลิกเป็นคริสตอลได้แล้ว ตามกูมานานซะขนาดนี้ มันต้องเป็น "เพชร" เท่านั้น คุณภาพปัญญาชนไทย สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานไทย มรึงกลายร่างเป็นเพชรกันหมดทั้งแผ่นดิน งานกูคือจบ "จะได้พักซักที"

    หมี CNN(จะ 17 ปี แล้วน่ะ ตั้งแต่หมี CNN จุติบนโลก มีใครที่ตามหมีมาตั้งแต่เริ่มต้นบ้าง มรึงคงรู้ดีว่า เรามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้อีกแล้ว เดินหน้าประเทศไทย สู้เพื่อลูกหลานไทย ฝากไว้ในแผ่นดิน เกิดมาก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย ขอคืนคุณแผ่นดินเกิดให้สาสมใจก่อน อายุจะยืนยาว หากมีเป้าหมายเพื่อรอคอย กูจะยังตายไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ แผ่นดินทอง อโยธยารุ่งเรืองดั่งเก่าก่อน กับตาตัวเองซักครั้งก่อนตาย)
    08 พฤศจิกายน 67
    13.54 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-11-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.88 ชื่อตอน "STORM WILL COMING" ไอ้สัส! นี่..ขนาดยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งสาบานตนเลยน่ะ ดีออก? แม่งเร่งเครื่องกันจัง กลัวแผ่นดินจะไม่แตก เหรอจ๊ะ? มาตามนัด ม็อบเติมเงินอีลา ขับไล่ทรัมปป์มาทันที อีทรัมปป์ก็ใช่ย่อย สิ่งแรกที่จะทำ ไม่ใช่เรื่องที่พูดหาเสียง แต่เป็นไล่เก็บบัญชีแค้น 50 หัวหมา มรึงยัดคดีกู 100 กว่าคดี ล่อกูจนสุดซอย ตากูบ้างล่ะ? งานนี้ ศาลแตก หน่วยความมั่นคงกระจุย อีทรัมปป์คลั่ง! จะเก็บกูเหรอ? งั้นเดี๋ยวกูเก็บมรึงก่อนดีกว่ามุย? อีตาเพน อีเหี้ย C กูไม่ใช่ JFK น่ะเฟ้ย? ปูติน สีจิ้นผิง นั่งเลียไอติมอย่างเอร็ดอร่อย คอยดูเหี้ยงับกันเละเทะ รายการทวงแค้นคืน บัญชียาวเป็นหางว่าว ล่าสุด ไอ้อีขี้ข้าปชต.ทั้งหลาย อี 3 นิ้วครึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น เตรียมย้ายบ้านหนีแล้วจ๊ะ อเมริกา เค้าไม่ให้มรึงอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฝ่ายกฎหมายอีทรัมปป์ฉลาดเป็นกรด อ้างหมายศาล หมายจับ นานาชาติ ที่หนีมาลี้ภัยในแผ่นดินต้องคำสาปนี้ จับไล่ เขี่ยทิ้ง ถีบกระเด็นออกไปจากแผ่นดินทันที เหี้ย C มีกรี๊ด เหี้ย F มีชะงัก สายใคร สายมัน โดยเฉพาะต่างชาติ ที่ไม่มี WORK PERMIT ใครได้สิทธิ์พิเศษ แม่งตัดสิทธิ์หมดเรียบวุธ หมดเวลาฮันนีมูนแล้วมรึงเอ๋ย? ผู้ลี้ภัยตามพรมแดน ค่ายผู้ลี้ภัยตามเมืองต่างๆ โดนเรียกตัวแล้วจ๊ะ แปลว่า ที่มันเร่ง เพราะต้องการผลงานเป็นที่ประจักษ์ เนื้อแท้คือ ไอ้พวกที่อพยพเข้ามา จากอเมริกากลาง ทั้งหมดเป็นฝีมือมาจากเหี้ยจอร์จ โซรอส เกณฑ์มาเพื่อเป็นหัวคะแนนให้อีลาไงล่ะ ทำไมอีช้างลาก XXX มันจะไม่รู้ ทันกันเสมอ ดอกนี้ อีกไม่นาน ศรีธนญชัยอาจนำไปใช้บ้าง? เกมส์เปิดหน้าแลกแล้ว ไม่ต้องรอนาน อีลาเตรียมเข็นคนลงถนน อีทรัมปป์เตรียมใช้กฎหมาในมือเต็มกำลังศึก มรึงว่าจะเละแค่ไหน? ฉากหน้าคือการต่อสู้ อีลา vs อีช้าง ฉากหลังคือ "แตกแผ่นดินให้อียิวย้ายเข้า" ด้านอีตาเพน ไม่ต้องถาม? มันอยู่ฝั่งนายทุนบริษัทค้าอาวุธชัวร์! สายอีลาทั้งนั้น เมื่ออำนาจบริหาร สั่งอำนาจตุลากรได้ แต่สั่งอำนาจทางกองทัพไม่ได้ มรึงว่า งานนี้ อีทรัมปป์จะล่อใครก่อน? เพื่อเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู สั่งสอน ใครคือหัวหน้ามรึง! แก่นคือ "อีทรัมปป์ กำลังจะเล่นเกมส์อันตราย เกมส์แรงกับ DEEP STATE" เพราะคิดจะตั้งตนเป็น KING นั่นเอง ความแตกต่างของเหี้ย กับวังไทยคือ กองทัพไทยขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่ผู้เดียว นั่นคือ "พระมหากษัตริย์" แต่กองทัพเหี้ย ขึ้นตรงกับเยรูซาเล็ม ไม่ได้มีจุดยึดมั่น ศรัทธา แต่อย่างใด โอกาสที่กองทัพจะชนกับฝ่ายบริหาร สูงมาก นั่นแหละคือ "จุกแตกหักอเมริกา" โดยผ่านเกมส์บนท้องถนน ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้คนขนปืนลงมาฆ่าตำรวจ ทหาร หน่วยความมั่นคง เพราะอาวุธที่บ้านนี้เมืองนี้ หาง่ายยิ่งกว่าไอติมรสหมีหื่นซะอีก? กูยังจำได้ หาปืนในอเมริกา $20 ก็ยังมี ไอ้สัส! ไม่ต้องไปไหนไกล ได้พวก HOMELESS แม่งมีกันเพี๊ยบ เก็บได้ตามถังขยะทุกวัน หลักฐานไม่ต้องไปหา ขุ้ยถังขยะเจอหมด! อุปส์ ปชต.เบ่งบานฉิบหาย ชอบมั้ยล่ะ? EU ลายออกทันควัน หลังอีทรัมปป์มายกแผง บีบอีเสี้ยนยาแบ่งแผ่นดินคืนให้ปูตินไปเหอะ กูไม่อยากจะซวย จบที่มรึงดีกว่าเขมือบยาวมาโดนกูด้วย รักกันจริงจุงเบย ยุโรปเนี่ย? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน หายซ่าส์ หลังรัสเซียปรับยุทธศาสตร์หัวรบนิวเคลียร์แทนจุดล่อแหลมพรมแดน นัยยะคือ "พร้อมตายยัง?" อียุ่นปี่ อีโสมขาว ลายออกทันทีเช่นกัน "ปลดแอกขี้ข้า ถูกตราหน้าเบ๊อเมริกา" ย่องหาสีจิ้นผิงทั้งคู่ เข้าทางตรีนสิจ๊ะ? เวลาแสงทำงาน อะไรที่มรึงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น มันจะมาหมด ยังมีเรื่องให้มรึงช็อคอีกเยอะ เหี้ยแค่ไหนก็กลัวตายเป็น? เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ ในละครบ้านทรายทองไงล่ะ? อย่าดูถูกแสงทำงาน เพราะแสงคือความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม อาวุธเดียวที่จะฆ่าเหี้ยไอ้อีในสากลโลกได้จริง! อีทรัมปป์รู้ชะตาดี งานนี้ วัดใจ สู้หลังผิงกำแพง หากมรึงอยากจะเป็น KING ได้สำเร็จ มรึงต้องกำจัดอิทธิพลอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ในหน่วยงานความมั่นคงรัฐบาลทั้งหมด ที่มาว่า อีทรัมปป์ใช้หน่วยรบพิเศษ BODYGUARD ระดับชาติ คุ้มครองบ้านพักทุกหลัง ครอบครัวทุกบ้าน เพราะอีตาเพน เหี้ย C มันกำลังจะใช้แผน JFK กับมรึงแน่? ในการหาเสียง ทรัมปปืพูดชัดออกสื่อ "กูจะกำจัด DEEP STATE" นั่นคือพลังเงียบที่ออกมาโหวตให้มรึงไงล่ะ ไอ้สัส! เพราะอเมริกันควายมันเอือมกับอี DEEP STATE มาเป็นชาติแล้ว ทรัมปป์จะเปลี่ยนได้หรือไม่ อยู่ที่ใจมรึงเหี้ยมพอแค่ไหน? สุดท้าย สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ก็แค่อำนาจที่มันไม่เคยปราณีใคร? มาถึงจุดนี้ อีทรัมปป์เจออะไรมาเยอะแล้ว รู้ดีว่า จะทำยังไง ถึงจะฆ่าล้างโคตรอีลาให้อยู่หมัด กูบอกเลยว่า บริษัทค้าอาวุธ ตลาดหุ้น ธนาคารกลาง นี่คือสิ่งที่อีทรัมปป์จะเข้าไปแตะ ไปขยี้ในไม่ช้านี้ ด้วยจริตของมัน กูบอกเลยว่า "แตกหักไม่มีงอ" ยิ่งอำนาจเต็มมือ เต็มฝ่าตรีนซะขนาดนี้ คลั่งอำนาจกันให้สุดซอยกันไปเลย รัสเซีย จีน โสมแดง ปรบมือให้ ฆ่าให้เกลี้ยงน่ะจ๊ะ อย่าออมมือ แผนขั้วใหม่ ตัดอเมริกาออกจากสารบบ ไม่สนว่ามรึงจะทำอะไร มรึงกับกู อยู่คนละโลกเดียวกัน! เป้าหมายแท้จริงของอีทรัมปป์คือเผาอเมริกาก่อน ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะมันรู้ดีว่า หากพลาดโอกาสทองครั้งนี้แล้ว ลงจากบังลังก์เมื่อไหร่ กูตายกับตายสถานเดียวแน่นอน มรึงจะได้เห็นการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เผด็จการสุดขั้ว ล้างบางศัตรู แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ด้านอีแม่มดขาวคลินตัน อีลิงดำ มีเหรอ จะอยู่เฉยๆ มันก็ถูกกาหัวหมาเช่นกัน เกมส์ภายในอเมริกานับจากนี้ ไม่แตกต่างจากตอนสมัยปฎิวัติอเมริกาใหม่ๆ ฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ นี่มันย้อนรอยประวัติศาสตร์ชัดๆ ถามว่า หลังอีทรัมปป์มา EU NATO จะทำยังไงต่อดี? คำตอบอยู่ตรงหน้า เมื่อมรึงทิ้งได้ กูก็ทิ้งตามสิจ๊ะ? ใครจะโง่แบก ใครจะยอมจ่ายค่าปฎิกรรมสงคราม แยกย้าย เอาตัวรอด ยิ่งทำให้ยุโรปจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะฝั่งตะวันออก ประกาศชัด พลังงานรัสเซีย คือทางรอดเดียว และเป็นความมั่นคงชาติ ใครไม่เอา ก็เรื่องของมรึง? จุดเปลี่ยนเกมส์โลกอยู่ที่ "ยูเครนประกาศยอมแพ้ ผนวกแผ่นดิน" อย่าคิดว่าอเมริกาจะรอด ขั้วใหม่เดินหน้าฟ้องอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังระเบิดท่อแก็สนอร์ทสตรีม ทำความเสียหายให้ทั้งยุโรป พ่วงฟ้องอิสราเอล ผู้อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายโลก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ดอกนี้ มรึงจะได้เห็น โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว องค์กรสากลเหี้ยโลกจะเปลี่ยนสี รับหยวนแทนสิจ๊ะ! อเมริกาจะเจอทั้งศึกนอก ศึกใน ไม่ต้องถามต่อน่ะ "ว่ามันจะแตกมั้ย?" ส่วนไอ้อีขี้ข้าตัวปลากรอบฉาก ทัังอีแคน อีจิงโจ้ จะถือโอกาสที่อเมริกาผ่อนรบ ประกาศเอกราช ปลดแอกสมาคมขี้ข้าเหี้ยโลก แผนนี้ชงมาจากเยรูซาเล็ม บีบให้รัฐบาลอีทรัมปป์ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนบ้านเหี้ยไงล่ะจ๊ะ? มรึงเอาตัวรอดตัวเดียวได้ยังไง? อีแคน คืออีแอบมาช้านาน คอยเสียบ หากอเมริกาล่มสลาย เพราะทั้งหมด มันอยู่ในแผนตั้งรัฐยิวใหม่ในอนาคตนั่นเอง ปล.ภาพชูวิทย์กอดลุงสนธิ นาทีสุดท้ายของชีวิต อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพราะไม่รู้ จะโกรธแค้นข้ามภพกันไปเพื่อ? ใครทำอะไรก็ได้อย่างงั้น? เวรกรรมตามเช็คบิลหมด อย่าดูถูกเวรกรรม ใครคิดว่าอีเหลี่ยมเหี้ยจะรอด? กูสงสารมันมากกว่า ว่าจะทรมานก่อนตายซะขนาดไหน? อีทนายโจร สิ้นฤทธิ์ ท้าใครไม่ท้า ท้าลุงสนธิ มีอันเป็นไปหมด? โดนข้อหาหนัก จะหนีเหรอจ๊ะ? แสงทำงาน ความจริงปรากฎ ใครหมกเม็ดเหี้ยอะไรเอาไว้ แสงแฉหมดเปลือก ความลับไม่มีในโลก หลักฐานคาตา หลักกูมาเต็ม ไบ้แดร๊ก คุกรออยู่เบื้องหน้า ใครที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน? ไม่เลิกคือตาย ไม่หยุดคือคุก หยุดทำกรรมชั่วได้แล้ว เพื่อตัวมรึงเอง! ศรีธนญชัย 2024 ของจริง เชื้อชั่วออกลายแล้ว ขี้ข้าหางโผล่เป็นแถว เกาะหมา เกาะแมว ขะแมร์อยากได้ บู๊ทเขียวตรีนโตไทยรออยู่ เข้ามาเมื่อไหร่ กูใช้ข้ออ้างยึดคืนแม่งไปถึงพนญเปญ ดอกนี้ อีฮุนเซนทำไมจะไม่รู้ ขะแมร์แค่ขี้ตรีนไทย ฟังชัดๆ อีกที ขะแมร์แค่เบ๊ กองทัพบกไทยคืออันดับ 1 อาเซียน ยังต้องถามต่อมุย? อย่าเอาเรื่องไกลความเป็นจริงมาพูด อายหมามัน? ไทยไม่พูด ไม่คุย ไม่กร่าง ใช่ว่าจะอยู่เฉย เรามีดีในตัว วงใน หน่วยข่าวกรองเค้ารู้กัน ถึงกันหมด ใครแข็งโป๊ก ใครอ่อนยวบ? สื่อขายชาติแค่ปั่น ของจริงกล้าเข้ามามั้ยล่ะ? ไม่อยากจะไบ้ต่อว่า อย่าว่าจะเสียดินแดนเลย หลังฟ้าเปลี่ยนสี โลกผลัดใบ แม้แต่เขาพระวิหาร ไทยเราจะได้คืนมาทั้งหมด พ่วงบางส่วนอีกต่างหาก ทั้งหมดที่ผ่านมา ไทยแค่เล่นละคร สมยอมกับอีขะแมร์ เพื่อให้เหี้ยตะวันตกไม่เข้ามาเสือก เพราะเราคุยกันเองได้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง อีขะแมร์ต้องอาศัยทุกอย่างจากไทย ไทยตัดขาด มันตายห่าก่อนใครเพื่อน? อย่าเอาไอ้อีกระจอกมาเทียบกองทัพไทย มันห่างกันหลายปีแสง เอาให้ใกล้เคียงความเป็นจริงหน่อย? กูฟังแล้วรำคาญ! อะไรน่ะ อีฮุนเซน มันจะบุกยึดวอชิงตัน อ๋อ..เหรอ? ไม่รอด หากแสงทำงาน! อีสมศักดิ์โดนแล้ว เอื้อชั้น 14 ยาพิษมาเต็ม ดิ้นพล่าน อีเพ่นู๋ ใครสั่งมรึงให้ไปยุ่งพรมแดนไทย ชี้เป้าขะแมร์ อีเน ชิมิ? ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง? อีวัน ที่ลุ้นลูกชายรอดคุกกับประหารชีวิต ลายออก คิดแยกดินแดน ไอ้อสรพิษ รู้งานต้องทำยังไง? เบื้องบนสั่ง อยากรอด แฉสิจ๊ะ พ่วงหลักฐาน เอาให้ตายทั้งขบวนการแยกดินแดน สาวไส้ไปมา จบที่วอชิงตัน ท่อน้ำเลี้ยง NED เบื้องลึกทหารรู้หมดเปลือก มรึงไม่ต้องกังวลอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ทหารไทยไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาแค่หลับตา แกล้งโง่ รอเหยื่อกินเบ็ด อย่าให้กูพูดต่อเดี๋ยวปรี๊ดแตก! วังรู้ ทุกอย่าง แล้วมรึงคิดว่า จะมีใครหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพระองค์ท่านอีกล่ะ? แผนการเค้ามี หมากล่อเค้าวาง มรึงจะให้แฉอออกหมดเปลือกเลยเหรอ? แกล้งโง่บ้างก็ได้ อะไรที่พูดได้ก็พูดเพื่อให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่พูดแล้วเสี่ยงตาย จะพูดไปเพื่อ? กูชี้จุดหมายปลายทางไปหมดแล้ว อยากรู้ กลับไปอ่านทั้งหมดที่กูโพส ย้อนหลังไป 3 เดือน อ่านครบแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก ให้อ่านซ้ำอีก 2 รอบ รับรอง "ตกผลึกชัวร์" เลิกเป็นคริสตอลได้แล้ว ตามกูมานานซะขนาดนี้ มันต้องเป็น "เพชร" เท่านั้น คุณภาพปัญญาชนไทย สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานไทย มรึงกลายร่างเป็นเพชรกันหมดทั้งแผ่นดิน งานกูคือจบ "จะได้พักซักที" หมี CNN(จะ 17 ปี แล้วน่ะ ตั้งแต่หมี CNN จุติบนโลก มีใครที่ตามหมีมาตั้งแต่เริ่มต้นบ้าง มรึงคงรู้ดีว่า เรามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้อีกแล้ว เดินหน้าประเทศไทย สู้เพื่อลูกหลานไทย ฝากไว้ในแผ่นดิน เกิดมาก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย ขอคืนคุณแผ่นดินเกิดให้สาสมใจก่อน อายุจะยืนยาว หากมีเป้าหมายเพื่อรอคอย กูจะยังตายไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ แผ่นดินทอง อโยธยารุ่งเรืองดั่งเก่าก่อน กับตาตัวเองซักครั้งก่อนตาย) 08 พฤศจิกายน 67 13.54 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่าได้เจ็บ แบบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว!

    สหภาพแรงงานการบินไทย ออกแถลงการณ์

    "การเมืองต้องหยุดทำลายสายการบินแห่งชาติ"

    บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ขาดสภาพคล่อง ขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง การฟื้นฟูกิจการดำเนินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 จนถึงวันนี้รวม 4 ปี 5 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของผู้บริหารแผนและพนักงานทุกคนทุกระดับ อดทน มุ่งมั่น ฟันฝ้ากับปัญหาอุปสรรคนานาประการ สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการขาดทุนกลับมามีกำไรได้ตามแผน

    สหภาพแรงงานการบินไทย ขอยืนยันว่า สาเหตุที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดทุนนับแสนล้านบาท เกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชัน เป็นองค์กรที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนั้น เกิดขึ้นจาก "ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล" ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังที่ถูกส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งสิ้น เช่นการเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-นิวยอร์ก การจัดซื้อจัดหา เครื่องบิน A-340 จำนวน 10 ลำ แต่เมื่อใช้บินจริงแล้วไม่คุ้มค่า สร้างภาระการขาดทุนสะสมทุกเที่ยวบิน จนต้องปลคระวางเครื่องบิน A - 340 การแต่งตั้งโยกย้ายที่ต้องทำตามใบสั่งนักการเมืองผ่านบอร์ด สร้างความขัดแข็งแตกแยกภายใน การทุจริตการจัดซื้อ การกำหนดนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเสรี

    การขาดทุนสะสมจากการแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจผ่านตัวแทนรัฐบาลทำให้บริษัทการบินไทยและพนักงานต้องแบกภาระ "การขาดทุน" จนในที่สุดต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ นำมาสู่การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกว่าหมื่นคน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับพนักงานและครอบครัว

    ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือชื่อเสียงเกียรติภูมิของสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้าง สนับสนุนส่งเสริมด้วยความภูมิใจยาวนานกว่า 60 ปี ได้ถูกทำลายลงด้วยนโยบายของ "การเมืองทุจริต"

    นับจากปี พ.ศ 2563 ถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้บริหารแผน 3 คน ร่วมกับพนักงานทุกระดับได้คำเนินงานตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการทุกขั้นตอน จนสามารถรักษาการบินไทยไว้ได้และประกาศผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในกลางปี 2568 ได้ โดยไม่ต้องมี "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยเหลือ

    จากบทเรียนในอดีตที่ฝ้ายการเมืองคือปัญหาที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย จึงเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานการบินไทยไม่อาจขอมรับได้ที่ฝ่ายการเมืองจะส่งผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม 1 คน และจากกระทรวงการคลัง I คน เข้าเป็นผู้บริหารแผนเพิ่มขึ้นจากตัวแทนกระทรวงการคลังที่มีอยู่แล้ว 1 คนรวมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ 3 คนจะทำให้ "ภาครัฐ"เป็นเสียงข้างมากที่มีอำนาจในการบริหารแผนฟื้นฟู สามารถปรับเปลี่ยนแผนงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ได้ดำเนินงานมาด้วยดีไม่มีปัญหาการทุจริต ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า

    ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานการบินไทยทุกคนต้องทำงทำงานหนักมากเพื่อให้การบินไทย เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อให้สายการบินแห่งชาติมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ให้คนไทยทุกคนได้ภูมิใจในสายการบินของคนไทย ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกเชื่อมั่นในการบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

    สหภาพแรงงานการบินไทย "ขอคัดค้านการส่งผู้แทนภาครัฐ 2 คนจากกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพิ่มเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ" ให้พนักงานบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบิน สะสมประสบการณ์มาขาวนานกว่า 60 ปี ได้ใช้ความรู้ ความสามารถโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง แสวงหาผลประโยชน์จากฝ่ายการเมืองเช่นในอดีต

    หยุด!!! ทำลายสายการบินแห่งชาติ

    สหภาพแรงงานการบินไทย
    7 พฤศจิกายน 2567
    ด่าได้เจ็บ แบบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว! สหภาพแรงงานการบินไทย ออกแถลงการณ์ "การเมืองต้องหยุดทำลายสายการบินแห่งชาติ" บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ขาดสภาพคล่อง ขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง การฟื้นฟูกิจการดำเนินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 จนถึงวันนี้รวม 4 ปี 5 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของผู้บริหารแผนและพนักงานทุกคนทุกระดับ อดทน มุ่งมั่น ฟันฝ้ากับปัญหาอุปสรรคนานาประการ สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการขาดทุนกลับมามีกำไรได้ตามแผน สหภาพแรงงานการบินไทย ขอยืนยันว่า สาเหตุที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดทุนนับแสนล้านบาท เกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชัน เป็นองค์กรที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนั้น เกิดขึ้นจาก "ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล" ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังที่ถูกส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งสิ้น เช่นการเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-นิวยอร์ก การจัดซื้อจัดหา เครื่องบิน A-340 จำนวน 10 ลำ แต่เมื่อใช้บินจริงแล้วไม่คุ้มค่า สร้างภาระการขาดทุนสะสมทุกเที่ยวบิน จนต้องปลคระวางเครื่องบิน A - 340 การแต่งตั้งโยกย้ายที่ต้องทำตามใบสั่งนักการเมืองผ่านบอร์ด สร้างความขัดแข็งแตกแยกภายใน การทุจริตการจัดซื้อ การกำหนดนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเสรี การขาดทุนสะสมจากการแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจผ่านตัวแทนรัฐบาลทำให้บริษัทการบินไทยและพนักงานต้องแบกภาระ "การขาดทุน" จนในที่สุดต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ นำมาสู่การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกว่าหมื่นคน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับพนักงานและครอบครัว ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือชื่อเสียงเกียรติภูมิของสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้าง สนับสนุนส่งเสริมด้วยความภูมิใจยาวนานกว่า 60 ปี ได้ถูกทำลายลงด้วยนโยบายของ "การเมืองทุจริต" นับจากปี พ.ศ 2563 ถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้บริหารแผน 3 คน ร่วมกับพนักงานทุกระดับได้คำเนินงานตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการทุกขั้นตอน จนสามารถรักษาการบินไทยไว้ได้และประกาศผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในกลางปี 2568 ได้ โดยไม่ต้องมี "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยเหลือ จากบทเรียนในอดีตที่ฝ้ายการเมืองคือปัญหาที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย จึงเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานการบินไทยไม่อาจขอมรับได้ที่ฝ่ายการเมืองจะส่งผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม 1 คน และจากกระทรวงการคลัง I คน เข้าเป็นผู้บริหารแผนเพิ่มขึ้นจากตัวแทนกระทรวงการคลังที่มีอยู่แล้ว 1 คนรวมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ 3 คนจะทำให้ "ภาครัฐ"เป็นเสียงข้างมากที่มีอำนาจในการบริหารแผนฟื้นฟู สามารถปรับเปลี่ยนแผนงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ได้ดำเนินงานมาด้วยดีไม่มีปัญหาการทุจริต ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานการบินไทยทุกคนต้องทำงทำงานหนักมากเพื่อให้การบินไทย เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อให้สายการบินแห่งชาติมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ให้คนไทยทุกคนได้ภูมิใจในสายการบินของคนไทย ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกเชื่อมั่นในการบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สหภาพแรงงานการบินไทย "ขอคัดค้านการส่งผู้แทนภาครัฐ 2 คนจากกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพิ่มเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ" ให้พนักงานบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบิน สะสมประสบการณ์มาขาวนานกว่า 60 ปี ได้ใช้ความรู้ ความสามารถโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง แสวงหาผลประโยชน์จากฝ่ายการเมืองเช่นในอดีต หยุด!!! ทำลายสายการบินแห่งชาติ สหภาพแรงงานการบินไทย 7 พฤศจิกายน 2567
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/11/67

    “ปริศนาจากพระพุทธรูป"

    คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ
    คือ

    1. พระเศียรแหลม

    มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม

    พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์

    ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว

    ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ

    2. พระกรรณยาน

    หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว

    เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ

    3. พระเนตรมองต่ำ

    พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม

    สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า

    “อตฺตนา โจทยตฺตาน”

    ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า...

    “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
    ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
    ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
    ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย”

    นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง”

    4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง

    ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่

    ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน

    หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง

    5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก

    สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก...

    ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน
    ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง

    ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น

    “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง

    นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน...

    อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ”

    และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า

    “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา”

    ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า
    ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ

    # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    7/11/67 “ปริศนาจากพระพุทธรูป" คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ คือ 1. พระเศียรแหลม มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ 2. พระกรรณยาน หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ 3. พระเนตรมองต่ำ พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า “อตฺตนา โจทยตฺตาน” ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า... “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย” นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง” 4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่ ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง 5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก... ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน... อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ” และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา” ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • จอห์น เคอร์บี้ โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวในรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า:

    'ลองนึกชื่อประเทศอื่นสักประเทศที่ทำได้มากเท่ากับสหรัฐฯ ในการบรรเทาความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของประชาชนในฉนวนกาซา'

    ทนเห็นหน้าชายคนนี้อีกสักนิด ก่อนที่เขาจะโดนปลดออกจากตำแหน่งทันทีที่ทรัมป์เข้าทำเนียบขาว
    จอห์น เคอร์บี้ โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวในรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า: 'ลองนึกชื่อประเทศอื่นสักประเทศที่ทำได้มากเท่ากับสหรัฐฯ ในการบรรเทาความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของประชาชนในฉนวนกาซา' ทนเห็นหน้าชายคนนี้อีกสักนิด ก่อนที่เขาจะโดนปลดออกจากตำแหน่งทันทีที่ทรัมป์เข้าทำเนียบขาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • ภาษาธรรมหมายถึงอะไร
    น. ภาษาที่ใช้มีความหมายในทางธรรม ต่างกับความหมายที่ชาวบ้านใช้ เช่น คำว่า เวทนา ในภาษาธรรมหมายถึง การเสวยอารมณ์ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉย ๆ แต่ชาวบ้านใช้หมายถึง สงสารสลดใจ หรือคำว่า สงสาร ในภาษาธรรมหมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด แต่ชาวบ้านใช้หมายถึง รู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนหรือความทุกข์ของผู้อื่น.
    ภาษาธรรมหมายถึงอะไร น. ภาษาที่ใช้มีความหมายในทางธรรม ต่างกับความหมายที่ชาวบ้านใช้ เช่น คำว่า เวทนา ในภาษาธรรมหมายถึง การเสวยอารมณ์ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเฉย ๆ แต่ชาวบ้านใช้หมายถึง สงสารสลดใจ หรือคำว่า สงสาร ในภาษาธรรมหมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด แต่ชาวบ้านใช้หมายถึง รู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนหรือความทุกข์ของผู้อื่น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา

    ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง

    ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา
    กลมกลืนกับธรรมดา
    ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา
    ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา

    เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น

    แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ

    ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ

    แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว

    การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น

    จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา

    การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

    พระไพศาล วิสาโล

    🙏🙏🙏
    ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา กลมกลืนกับธรรมดา ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง พระไพศาล วิสาโล 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการกากีเม้าแซ่บ จากหักพาล เป็น หักพัง
    เรื่องของบิ๊กโจ๊ก สังคมตํารวจซุบซิบนินทาว่าเหมือนโดนกรรมติดจรวด ลําพังมีคดีร้ายแรงติดตัวและต้องหลุดพ้นจากความเป็นตํารวจ ก็เป็นชะตากรรมที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ดันมีคดีลักทรัพย์พ่วงด้วยเรื่องอื้อฉาวคาวสวาท ของมาดามกุ๊กกิ๊ก สิรินัดดา หักพาน ผุดขึ้นมาอีกราวกับเวรซ้ํากรรมซัด ยิ่งคลิปหลุดไปอยู่ในมือของ นายสิระ เจนจาคะนักการเมืองพันดุ เลยเหมือนระเบิดเวลาไม่รู้จะตูมตามออกมาว่าไหนอะไรคือการกินไอติมอะไรคือวู้แมนออนท็อป ขาเผือกเฝ้ารออย่างเก็บอาการกันทั้งเมือง ยามนี้ความทุกข์สาหัสถาโถมใส่ครอบครัวหักพัง อย่างหนักหน่วงแท้จริง
    สําหรับคนที่เคยเป็นผู้ถูกกระทํามาก่อนอย่างบริษัท oa เจ้าของกิจการทัวร์ 0 เหรียญเมื่อเห็นชะตากรรมของบิ๊กโจ๊กและภรรยาคงจะรู้สึกว่าแค่นี้ยังน้อยไปบิ๊กโจ๊กสร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะหัวหมู่ทะลวงฟัน ทลายทัวร์ศูนย์เหรียญวาดภาพให้บริษัทโอเอเป็นผู้ร้ายขายชาติเจ้าของบริษัทและทั้งครอบครัวต้องตกเป็นจําเลยคดีอาญา ข้อหาซ่องโจร มิหนําซ้ําถูกบิ๊กตํารวจแทรกแซงคดี ด้วยการสั่งคัดค้านการประกันตัวทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหา ท้ายที่สุดคดีไม่มีหลักฐานศาลฎีกายกฟ้อง ไม่มีความผิด แต่จําเลยติดคุกฟรีไปแล้วแถมบริษัท oa แม้ชนะคดีมาได้แต่ก็เหลือแต่ซากปรักหักพังทางธุรกิจ ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
    แล้วตอนนี้เป็นไง บิ๊กโจ๊กต้องมาโดนคดีฟอกเงินถูกให้ออกจากราชการกงล้อกรรมมีจริงฟ้ามีตาของจริงแถมลูกผู้ชายชื่อโจ๊กต้องเจอเรื่องอัปยศอดสูให้ต้องอับอายคนไปทั้งแผ่นดินอีกนาน รอวันครอบครัวแตกสลายจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ไม่เท่านั้นคดีที่มาดามกุ๊กกิ๊กตกเป็นผู้ต้องหาลักทองคํา และเงินสดรวมกว่าหกล้านบาท ดันมีเหตุแทรกซ้อนเป็นผลทางลบในคดีฟอกเงิน มันคือกระเป๋าส่วนตัวที่มาดามดันลืมทิ้งไว้ระหว่างมาย้ายถุงสีรุ้งออกไปอย่างรีบร้อน
    เอกสารหลักฐานในกระเป๋าใบนั้นเกี่ยวพันกับการซื้อขายทองคําหลายสิบล้านบาทแถมมีลายมือเขียนเป็นบันทึกช่วยจําไว้ด้วย ลายมือนั้นดันไปละม้ายคล้ายกับของบิ๊กโจ๊กอีกต่างหาก
    ตํารวจตรวจสอบการซื้อขายทองคํามโหฬารนั้นจนโป๊ะแตกเมื่อพบว่ารายการทั้งหมดดันไปตรงกับบันทึกในคอมพิวเตอร์ของ ตํารวจพ่อบ้านคนสนิท ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเท่ากับว่ากระเป๋าใบนั้นช่วยให้ตํารวจได้หลักฐานการฟอกเงินเพิ่มเติมรัดคอบิ๊กโจ๊กกับพวกเข้าไปอีกเปราะแถมเป็นเบาะแสว่ามาดามกุ๊บกิ๊บเองอาจมีส่วนรู้เห็นเรื่องการซื้อขายทองคําด้วยเงินสีเทาเพราะหลักฐานพวกนี้ดันอยู่ในกระเป๋าถือส่วนตัวของมาดามกุ๊บกิ๊บ สอดรับกับคําให้การของลูกน้องเก่าของบิ๊กโจ๊กเคยแชร์ไว้กับตํารวจ บก ปปป ว่ามีการแปลงเงินสีเทาไปเป็นทองคํา เพื่อหนีการตรวจสอบบิ๊กโจ๊กต้องตอบให้ได้ว่าเอาเงินหลายสิบล้านจากไหน คิงส์โพธิ์ดำจะรอคำตอบนะจ๊ะ หวานเจี๊ยบบอย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    วงการกากีเม้าแซ่บ จากหักพาล เป็น หักพัง เรื่องของบิ๊กโจ๊ก สังคมตํารวจซุบซิบนินทาว่าเหมือนโดนกรรมติดจรวด ลําพังมีคดีร้ายแรงติดตัวและต้องหลุดพ้นจากความเป็นตํารวจ ก็เป็นชะตากรรมที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ดันมีคดีลักทรัพย์พ่วงด้วยเรื่องอื้อฉาวคาวสวาท ของมาดามกุ๊กกิ๊ก สิรินัดดา หักพาน ผุดขึ้นมาอีกราวกับเวรซ้ํากรรมซัด ยิ่งคลิปหลุดไปอยู่ในมือของ นายสิระ เจนจาคะนักการเมืองพันดุ เลยเหมือนระเบิดเวลาไม่รู้จะตูมตามออกมาว่าไหนอะไรคือการกินไอติมอะไรคือวู้แมนออนท็อป ขาเผือกเฝ้ารออย่างเก็บอาการกันทั้งเมือง ยามนี้ความทุกข์สาหัสถาโถมใส่ครอบครัวหักพัง อย่างหนักหน่วงแท้จริง สําหรับคนที่เคยเป็นผู้ถูกกระทํามาก่อนอย่างบริษัท oa เจ้าของกิจการทัวร์ 0 เหรียญเมื่อเห็นชะตากรรมของบิ๊กโจ๊กและภรรยาคงจะรู้สึกว่าแค่นี้ยังน้อยไปบิ๊กโจ๊กสร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะหัวหมู่ทะลวงฟัน ทลายทัวร์ศูนย์เหรียญวาดภาพให้บริษัทโอเอเป็นผู้ร้ายขายชาติเจ้าของบริษัทและทั้งครอบครัวต้องตกเป็นจําเลยคดีอาญา ข้อหาซ่องโจร มิหนําซ้ําถูกบิ๊กตํารวจแทรกแซงคดี ด้วยการสั่งคัดค้านการประกันตัวทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหา ท้ายที่สุดคดีไม่มีหลักฐานศาลฎีกายกฟ้อง ไม่มีความผิด แต่จําเลยติดคุกฟรีไปแล้วแถมบริษัท oa แม้ชนะคดีมาได้แต่ก็เหลือแต่ซากปรักหักพังทางธุรกิจ ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก แล้วตอนนี้เป็นไง บิ๊กโจ๊กต้องมาโดนคดีฟอกเงินถูกให้ออกจากราชการกงล้อกรรมมีจริงฟ้ามีตาของจริงแถมลูกผู้ชายชื่อโจ๊กต้องเจอเรื่องอัปยศอดสูให้ต้องอับอายคนไปทั้งแผ่นดินอีกนาน รอวันครอบครัวแตกสลายจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ไม่เท่านั้นคดีที่มาดามกุ๊กกิ๊กตกเป็นผู้ต้องหาลักทองคํา และเงินสดรวมกว่าหกล้านบาท ดันมีเหตุแทรกซ้อนเป็นผลทางลบในคดีฟอกเงิน มันคือกระเป๋าส่วนตัวที่มาดามดันลืมทิ้งไว้ระหว่างมาย้ายถุงสีรุ้งออกไปอย่างรีบร้อน เอกสารหลักฐานในกระเป๋าใบนั้นเกี่ยวพันกับการซื้อขายทองคําหลายสิบล้านบาทแถมมีลายมือเขียนเป็นบันทึกช่วยจําไว้ด้วย ลายมือนั้นดันไปละม้ายคล้ายกับของบิ๊กโจ๊กอีกต่างหาก ตํารวจตรวจสอบการซื้อขายทองคํามโหฬารนั้นจนโป๊ะแตกเมื่อพบว่ารายการทั้งหมดดันไปตรงกับบันทึกในคอมพิวเตอร์ของ ตํารวจพ่อบ้านคนสนิท ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเท่ากับว่ากระเป๋าใบนั้นช่วยให้ตํารวจได้หลักฐานการฟอกเงินเพิ่มเติมรัดคอบิ๊กโจ๊กกับพวกเข้าไปอีกเปราะแถมเป็นเบาะแสว่ามาดามกุ๊บกิ๊บเองอาจมีส่วนรู้เห็นเรื่องการซื้อขายทองคําด้วยเงินสีเทาเพราะหลักฐานพวกนี้ดันอยู่ในกระเป๋าถือส่วนตัวของมาดามกุ๊บกิ๊บ สอดรับกับคําให้การของลูกน้องเก่าของบิ๊กโจ๊กเคยแชร์ไว้กับตํารวจ บก ปปป ว่ามีการแปลงเงินสีเทาไปเป็นทองคํา เพื่อหนีการตรวจสอบบิ๊กโจ๊กต้องตอบให้ได้ว่าเอาเงินหลายสิบล้านจากไหน คิงส์โพธิ์ดำจะรอคำตอบนะจ๊ะ หวานเจี๊ยบบอย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด

    ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา

    ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา

    การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต

    จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง

    การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    มาถึงปลายปี พ.ศ.๒๕๖๗ บัดนี้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ยุค“คนป่าได้ปืน”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    พวกโจรถ่อย ไร้ปัญญา หน้าซื่อใจคด ต่างพากันตั้งตัวแอบอ้างเป็นบัณฑิตผู้ทรงคุณธรรม เล่นลิ้นลมปากหลอกลวงให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อหวังแสวงสุขบนความทุกข์ของชาวบ้านไปวันๆ

    บัณฑิต,ปราชญ์,นักวิชาการผู้มีอุดมการณ์ และมีความรู้แจ้งเห็นจริงในบ้านเมืองบางส่วนเริ่มปลงตกต่างพากันเก็บตัวในซอกเหลือบ เพราะทราบดีว่าที่ต่อสูู้มาล้วนเสียเปล่าสืบเนื่องจากทวยราษฎร์ ได้ถูกมอมเมาด้วยวิธีการสื่อสารอันแยบยลของพวกโจรถ่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ในอีกไม่เกิน ๕๐ ปีนับจากนี้ หากคนในชาติไม่สามารถช่วยกันฟื้นฟูสังคมที่เน่าเฟะไปถึงโครงสร้างได้ พวกเราจะกลายเป็นคนสิ้นชาติ ตามสิ่งที่กระผมได้พยากรณ์ไว้

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ทนายสิงหา น.บ.,น.บ.ท
    ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ มาถึงปลายปี พ.ศ.๒๕๖๗ บัดนี้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ยุค“คนป่าได้ปืน”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกโจรถ่อย ไร้ปัญญา หน้าซื่อใจคด ต่างพากันตั้งตัวแอบอ้างเป็นบัณฑิตผู้ทรงคุณธรรม เล่นลิ้นลมปากหลอกลวงให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อหวังแสวงสุขบนความทุกข์ของชาวบ้านไปวันๆ บัณฑิต,ปราชญ์,นักวิชาการผู้มีอุดมการณ์ และมีความรู้แจ้งเห็นจริงในบ้านเมืองบางส่วนเริ่มปลงตกต่างพากันเก็บตัวในซอกเหลือบ เพราะทราบดีว่าที่ต่อสูู้มาล้วนเสียเปล่าสืบเนื่องจากทวยราษฎร์ ได้ถูกมอมเมาด้วยวิธีการสื่อสารอันแยบยลของพวกโจรถ่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในอีกไม่เกิน ๕๐ ปีนับจากนี้ หากคนในชาติไม่สามารถช่วยกันฟื้นฟูสังคมที่เน่าเฟะไปถึงโครงสร้างได้ พวกเราจะกลายเป็นคนสิ้นชาติ ตามสิ่งที่กระผมได้พยากรณ์ไว้ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ทนายสิงหา น.บ.,น.บ.ท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.6

    อยากแจ้งเกิด แต่เสือก "แจ้งดับ" คาสายตาทั่วโลก เหี้ยขี้ข้ามะกัน ขนขีปนาวุธตัวตึง ตัวเด่น ตัวดัง มาเพี๊ยบ แม้จะโชว์เติมน้ำมันกลางอากาศ กะเพิ่มระยะโจมตีให้อียิว งานนี้ อียิวต้องได้เกิด หวังถล่มอิหร่านเละเทะ สุดท้าย "หมาเห่าใบตองแห้ง" หมาทั้งยิว หมาทั้งอเมริควาย เจอ S-350s/ S-400 เอาอยู่หมัด สกัดหมดเกลี้ยง ไม่มีเล็ดลอดไปได้ซักกะลูก ขี้ข้าเหี้ยประจักษ์ อยู่ต่อไม่ไหวแย้ว นายใหญ่ "โคตรกระจอก" ตากูบ้างน่ะ อิหร่านเตรียม 1000 ลูก พ่วงไฮเปอร์โซนิคขยี้อียิวให้หายซ่าส์ ล่อฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง กระจอกแล้วยังเสือกมากร่าง ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง? ขั้วใหม่ดาหน้ารุกฆาต หลัง BRICS ประชุมเปิดตัวสมาชิกใหม่เพิ่ม ส่งไฟเขียวอาเซียนของกู ดีออก? ถามจริง? เหี้ยยังเหลือเหี้ยอะไรมาอวดได้อีก นุ๊กก็เก่า ความเร็วก็ต่ำ ยิงก็มั่ว หาเรดาร์ไม่เจอ สู้เพื่อจุดจบ! หลัง JOHN KIM เล่นละครปาหี่ เฮียสีจิ้งผิงร่วมด้วย ส่งหน่วยพิเศษ อาวุธ ไซเบอร์ จัดเต็ม เข้าพื้นที่ยูเครน ช่วยอะไรรัสเซียได้บ้าง? ชี้เป้าหมดเกลี้ยง อะไรอยู่ที่ไหน อาวุธหนักอยู่ตรงไหน เคลื่อนไหวยังไง? มาเพื่อชี้้เป้า ลูกยาวลง หน่วยเก็บกวาดเดินหน้า โสมแดงไม่ได้เสี่ยงเหี้ยอะไรเลย งานนี้ เติมลูกปืนใหญ่ไม่อั้น ยิงเป็นล้านนัดก็ยังเหลือ? อียูเครนมันตายคาตรีนไปนานแล้ว ยังจะซ้ำกูอยู่อีกเหรอ? อีโปลเปลี่ยนท่าทีทันที อังกฤษ อเมริกา อิสราเอล กระจอกเกินกุมกะลาหัวได้ ถอยยังรอด เปิดทางให้คือผ่อนหนักเป็นเบา ใครซวยล่ะ? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีสิงโตง่อย งานนี้คาตรีนเครมลิน! ของจริง ไม่มีตอแหล อียิวสั่งถอยพรมแดนเลบานาน หลังตายห่ายกกองพัน เฮซบอเลาะห์โหดจัด ถล่มลูกยาวไม่พอ ตามเก็บกวาดแบบไม่มีเหลือ ศพหายไปเพี๊ยบ? อย่าว่าจะบุกรุกเค้าเลย ยังไม่มีปัญญาข้ามพรมแดนก็ตายห่านับ 1000 แล้ว อาวุธเสียหายหนักเกินเยียวยา เจอโจมตีทุกระบบเอาไม่อยู่ ไปบุกเค้า เจอล่อกับดักตายคาวงตรีนเลบานอน เสธ.เหี้ยมะกัน เตือนแล้ว อย่าแหยมเฮซบอเลาะห์ กระดูกคนละเบอร์ ความเขี้ยวคนละชั้น ผลลัพธ์ตบหน้าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ไอ้ที่หลงตัวเองมานาน ว่ากูเจ๋ง ที่แท้โคตรกระจอก ไม่รู้เหี้ยอะไรเลยเกี่ยวกับศัตรู ข้ามวิกแป๊บ : ฝันอีป้อมจบลงแล้ว! บุญไม่ถึง บังลังก์สูงเกินไป แหวนอีแม่ นาฬิกาอีเพื่อน ปปช.งับสุดตรีน ไล่เบี้ยจนสุดตรอก ใบสั่งอีแดงเอาคืนให้สาสม อี ไอ(คอน)สัส โดนแรง ทั้งปปช. ปปง. DSI ลากยาวทั้งขบวนการ แหล่งฟอกเงินชัด รู้ตัวเบื้องหลัง ทั้งไทย และเทศ หางโผล่กันหมด ดิ้นพล่านซื้อคดีเพี๊ยบ ติดกับดัก 2 ชั้น แฉไปมา ยิ่งพูดยิ่งลาก งานนี้ระดับชาติ ใครอุ้ม "หัวขาด" กระแส DSI เคาะกะลา ตัวอย่างมีให้เห็น อีหัวหน้าใหญ่ติดคุกไปแล้ว ใครจะเป็นรายต่อไปดีล่ะ? กลียุคกำลังจะไป ทิ้งทวน อยากเห็นต้องได้เห็น เรื่องที่ไม่คาดคิด? SOFT POWER THAI กระฉ่อนโลก เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 เห็นทั้งโลก นี่คือ "สยามประเทศ" ส่งสัญญาน 1 ในอาเซียน ประเพณี วัฒนธรรม สรวจสวรรค์ บนแผ่นดินทอง ผีห่าซาตานเตรียมเผ่นกันหมด แสงขจรกระจายไปทั่วหล้า อัตลักษณ์ความเป็นไทย ที่ลูกหลานควายไทยที่ถูกเหี้ยล้างสมองไม่เข้าใจ! เพราะมันมีแค่ 1 เดียวในโลก ไทยเจริญรุ่งเรือง เพราะพระบารมี! ล่าสุด มาตามนัด อีพ่อนักบุญปลอมตอแหล ถูกสรรพากรถามหา ได้มาเยอะนี่มรึง? ไอ้อีที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้านมีอันเป็นไปหมด โง่เพราะเสพสื่อ โง่เพราะฟังเค้ามา สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด ความโลภทั้งนั้น! กลับมาโลกโสมมของเหี้ยต่อ : ผลกระทบ WWIII ที่เหี้ยยังคาดไม่ถึง โดยเฉพาะธุรกิจอียิวที่แบกดอลล่าร์จนหลังอ่วม ขั้วใหม่ไม่ได้แค่ทุบดอลล่าร์ตายคาตรีน แต่ยังส่งผลถึงการค้าทั้งโลก ที่ไม่ผูกดอลล่าร์ด้วย เท่ากับแย่งตลาดโลกไปจากเหี้ยยิวนั่นเองเพราะวัตถุดิบและแหล่งแร่ อาหาร พลังงาน อยู่ในเอเซียทั้งหมด แถมยังได้ใช้เงินสกุล BRICS ใหม่ แล้วขี้ข้าเหี้ยที่ไม่มีเงินสกุลนี้มันจะซื้อหาจากแหล่งต้นทางได้ยังไง? ต้องซื้อผ่านตัวกลาง เท่ากับมรึงเสียเปรียบดุลการค้านั่นเอง เพราะจ่ายแพงกว่าเค้า จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้ ของเหี้ยจะขายได้เฉพาะชาติขี้ข้าเหี้ยเท่านั้น เท่ากับจำกัดวงผู้บริโภคนั่นเอง ไม่ใช่ทั้งโลกเหมือนแต่เก่าก่อน! ดอกนี้ ขั้วใหม่วางแผนมาดี จีนถึงได้ขยายโลจิสติคโลกใหม่ เชื่อมแอฟริกา ตะวันออกกลาง ลาติน เข้าหากันหมดไงล่ะ? โดยมีเวเนฯ คิวบา เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน มีสมาชิกของเข้าร่วมกลุ่มเงินดิจิตอลแล้วกว่า 10 ชาติ ทั้งอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ใครๆ ก็ต้องการแหล่งพลังงานที่มั่นคง และค่าเงินที่เป็นธรรม ขอไว้อาลัยให้อีเมสซี่แลนด์ ที่มันถูกแยกออกจากโลกลาตินโดยสมบูรณ์แล้ว ไต้หวันขาสั่น อยู่ดีดี จีน รัสเซีย อิหร่าน และทั้งตะวันออกกลางก็มา มรึงจะเอาให้กูหายไปจากแผนที่โลกเลยเหรอ? ก๊กมินตั๋ง เตรียมยึดสภาล่างไม่อนุมัติก่อสงครามกับจีน มาตามใบเสร็จปักกิ่ง ยิ่งสู้ ยิ่งจบเร็ว อีไล่ ชิง เต๋อ แค่หุ่นเชิด อีไช่ รอดแล้วแค่ในไต้หวัน ออกนอกมรึงโดนแน่! เหมือนอีเสี้ยนยา อีเนรคุณทันยา ชะตากรรมเดียวกัน คือถูกเก็บแน่ ใครจะปล่อยมรึงไว้ล่ะ?

    ปล.เป็นอันแน่ชัด! เมื่ออียิวและเหี้ยมะกันตัดสินใจโจมตีอิหร่านรอบใหม่ นั่นคือใบเสร็จที่อิหร่านจะใช้สิทธิ์ป้องกันตัว ขีปนาวุธ 100000 ลูก ที่คาเมเนอีเคยลั่นเอาไว้ จะได้ใช้ก็งานนี้แหละ เพราะทุกอย่างมันสุกงอมแล้ว ทำไมอียิวถึงยอมฆ่าตัวตาย รู้ดีว่าอิหร่านสกัดได้อยู่แล้ว เหตุผลเดียวคือ ยกระดับสงครามขยายวงกว้างนั่นเอง แต่ WWIII ไม่มา เพราะอิหร่าน และโลกอาหรับลงแขกยิวเท่านั้น จีน รัสเซีย ยืนดู เติมอาวุธให้ เค้ารออะไร? รอเหี้ยมะกันยกกองทัพใหญ่มาช่วยอียิวทั้งหมดไงล่ะ แต่มันนกรู้ เสือกไม่ยอมยกมาให้หมด กลัวหลังบ้านเปิด แล้วจะโดนสวนดาก วอชิงตันตายคาที่ ต่างฝ่ายรู้มือกันดี ว่ามรึงล่อกูออกมาทำไม? เรื่องถึงต้องจบที่อียิวสิ้นชาติพันธุ์ไปไง ย้ายออกจากแผ่นดินคานาอันโดยไม่มีเงื่อนไข แล้วอีเหี้ยมะกันก็เตรียมเปิดบ้านต้องรับยิว แต่ก่อนจะเข้ามา ขอทำความสะอาดบ้านก่อนน่ะ CIVIL WAR หากไม่ฆ่ากันเองก่อนทั้งแผ่นดิน อียิวก็เข้ามาไม่ได้? หลังเลือกตั้งคือ D-DAY แผนแตกอเมริกาไงล่ะ? แล้วอีโง่ยุโรป มันจะอยู่ต่อยังไง? อีเบียร์เจ๊ง อีเศษฝรั่งเจ๊ง มรึงจะไปหาเจ้ามือใหม่เค้าก็ไม่รับ ไม่เอา จะคบเหี้ยต่อ จะอุ้มเหี้ยต่อ ก็เสี่ยงสูญพันธุ์ สิ้นชาติโดยเปล่าประโยชน์ ทำได้แค่ ปล่อยวาง EU ภายในก็จ้องจะแตกอยู่แล้ว สุดท้ายตัวใครตัวมัน? ยุโรปจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ปชต.จะตายห่า กษัตริย์จะกลับคืนบังลังก์ ราชวงศ์ฮับบรูกเตรียมชงเต็มที่! เศรษฐกิจอิสราเอลเจ๊งหมดแล้ว ทั้งโรงงานผลิต ท่าเรือสินค้า ไปหมดเกลี้ยง แถมถูกชาวโลกแบนต่อต้านสินค้ายิว ที่มาว่าทำไม มันต้องก่อสงครามเพื่อหนีหนี้ ยิวตายไม่พอลากอเมริกา อังกฤษ ยุโรป ตายห่าไปพร้อมกันด้วย เพราะแบกดอลล่าร์จนหลังแอ่น ยูโร ปอนด์ เยน ไปหมด มีแต่ตัวเลข เม็ดเงินจริงไม่มีเหลือ นี่ไง "ทุนนิยมเหี้ยสามานย์" แค่ลงทุนหาเหยื่อมาแบกหนี้ แล้วชิ่งหนี ควายก็เป็นเหยื่อไปสิ เห็นๆ กันอยู่ทุกวี่วัน ไม่มีอะไรลงทุนแล้วได้ทันที ได้มาก ได้เร็ว หากไม่โกงเค้ามาดอกน่ะ สติมี แต่ความโลภมันบังตา เสร็จหมด สูตรหาแดร๊กอียิวมัน ที่ใช้ดอกนี้ทั่วโลกมาเป็นศตวรรษ ยิ่งโลกขัดแย้งกันเยอะ นานาชาติชิงแห่ขอเข้า BRICS เพื่อการคุมครองระยะยาว มีทั้ง SCO กองทัพโลก มีทั้ง AIIB แหล่งเงินลงทุนพร้อมสรรพ เจ้ามือคือ "หยวน" สถานการณ์โลกชี้ชัด ขั้วใหม่ชนะแบเบอร์ แต่ไม่บุ่มบ่าม ไม่เร่งรีบเกินไป ค่อยๆ กลืน ค่อยๆ เชือด จนเหี้ยสิ้นเนื้อประดาตัว จริงดิ? อเมริกาวิกฤตสมองไหล? คนเก่ง คนดังแต่ละสาขาอาชีพ แห่เข้าจีน? ถามกลับ ไอ้ที่อยู่เนี่ย หน้าตาฝรั่ง หรือเอเซีย อ้าว! ไม่ตรงปก จีนวางยาไว้เมื่อ 30 ปี ก่อน เมื่อจะสู้กับเหี้ย ต้องรู้ให้มากกว่าเหี้ย เกจิดัง ศาตราจารย์ PROF. ระดับหัวกะทิระดับโลก หัวดำทั้งนั้น หน้าตาเอเซียชัดเจน แล้วไปทำห่าอะไรที่นั่น มาเพื่อดูดวิชากลับ แล้วสานต่อบ้านเกิดไงล่ะ ดังนั้น จะพูดให้ถูกคือ "ได้เวลากลับบ้านแล้วต่างหาก" เพราะทุกวันนี้ จีนเจริญไปไกลว่าตะวันตกเยอะ จนเทียบไม่ติด เมื่อตัวตึง ตัวดัง แห่กลับบ้านเกิด อเมริกา อังกฤษ จะเหลือเหี้ยอะไรอีก กลับคืนสู่ยุคมืดอีกครั้ง เป็นไปตามวิบากกรรมที่มรึงก่อนั่นเอง!

    หมี CNN(ตะวันออกกลางอิหร่านคุมเกมส์ เอเซียใต้ จีนเอาอยู่ รัสเซียคุมยุโรป เวเนฯ คุมลาติน เกือบจะหมดโลกแล้วมั้ง? เหลือให้เหี้ยมันแดร๊กบ้าง ไม่งั้นกูจะระเบิดฆ่าตัวตาย ลากทั้งโลกตายไปด้วย นั่นแหละ ที่เค้ารอให้มรึงทำอยู่ ไอ้ควาย! สื่อเหี้ยอับอายไม่รู้จะแถยังไงต่อได้อีก แพ้ยับ แพ้ไม่ปรึกษาใคร ยิ่งแถ ยิ่งหมา แต่ก็ยังมีควายตาม สมกับเป็นควาย เกิดมาทำไมไม่รู้?)
    27 ตุลาคม 67
    16.15 น.

    https://linevoom.line.me/post/1173008015093750275
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    27-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.6 อยากแจ้งเกิด แต่เสือก "แจ้งดับ" คาสายตาทั่วโลก เหี้ยขี้ข้ามะกัน ขนขีปนาวุธตัวตึง ตัวเด่น ตัวดัง มาเพี๊ยบ แม้จะโชว์เติมน้ำมันกลางอากาศ กะเพิ่มระยะโจมตีให้อียิว งานนี้ อียิวต้องได้เกิด หวังถล่มอิหร่านเละเทะ สุดท้าย "หมาเห่าใบตองแห้ง" หมาทั้งยิว หมาทั้งอเมริควาย เจอ S-350s/ S-400 เอาอยู่หมัด สกัดหมดเกลี้ยง ไม่มีเล็ดลอดไปได้ซักกะลูก ขี้ข้าเหี้ยประจักษ์ อยู่ต่อไม่ไหวแย้ว นายใหญ่ "โคตรกระจอก" ตากูบ้างน่ะ อิหร่านเตรียม 1000 ลูก พ่วงไฮเปอร์โซนิคขยี้อียิวให้หายซ่าส์ ล่อฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง กระจอกแล้วยังเสือกมากร่าง ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง? ขั้วใหม่ดาหน้ารุกฆาต หลัง BRICS ประชุมเปิดตัวสมาชิกใหม่เพิ่ม ส่งไฟเขียวอาเซียนของกู ดีออก? ถามจริง? เหี้ยยังเหลือเหี้ยอะไรมาอวดได้อีก นุ๊กก็เก่า ความเร็วก็ต่ำ ยิงก็มั่ว หาเรดาร์ไม่เจอ สู้เพื่อจุดจบ! หลัง JOHN KIM เล่นละครปาหี่ เฮียสีจิ้งผิงร่วมด้วย ส่งหน่วยพิเศษ อาวุธ ไซเบอร์ จัดเต็ม เข้าพื้นที่ยูเครน ช่วยอะไรรัสเซียได้บ้าง? ชี้เป้าหมดเกลี้ยง อะไรอยู่ที่ไหน อาวุธหนักอยู่ตรงไหน เคลื่อนไหวยังไง? มาเพื่อชี้้เป้า ลูกยาวลง หน่วยเก็บกวาดเดินหน้า โสมแดงไม่ได้เสี่ยงเหี้ยอะไรเลย งานนี้ เติมลูกปืนใหญ่ไม่อั้น ยิงเป็นล้านนัดก็ยังเหลือ? อียูเครนมันตายคาตรีนไปนานแล้ว ยังจะซ้ำกูอยู่อีกเหรอ? อีโปลเปลี่ยนท่าทีทันที อังกฤษ อเมริกา อิสราเอล กระจอกเกินกุมกะลาหัวได้ ถอยยังรอด เปิดทางให้คือผ่อนหนักเป็นเบา ใครซวยล่ะ? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีสิงโตง่อย งานนี้คาตรีนเครมลิน! ของจริง ไม่มีตอแหล อียิวสั่งถอยพรมแดนเลบานาน หลังตายห่ายกกองพัน เฮซบอเลาะห์โหดจัด ถล่มลูกยาวไม่พอ ตามเก็บกวาดแบบไม่มีเหลือ ศพหายไปเพี๊ยบ? อย่าว่าจะบุกรุกเค้าเลย ยังไม่มีปัญญาข้ามพรมแดนก็ตายห่านับ 1000 แล้ว อาวุธเสียหายหนักเกินเยียวยา เจอโจมตีทุกระบบเอาไม่อยู่ ไปบุกเค้า เจอล่อกับดักตายคาวงตรีนเลบานอน เสธ.เหี้ยมะกัน เตือนแล้ว อย่าแหยมเฮซบอเลาะห์ กระดูกคนละเบอร์ ความเขี้ยวคนละชั้น ผลลัพธ์ตบหน้าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ไอ้ที่หลงตัวเองมานาน ว่ากูเจ๋ง ที่แท้โคตรกระจอก ไม่รู้เหี้ยอะไรเลยเกี่ยวกับศัตรู ข้ามวิกแป๊บ : ฝันอีป้อมจบลงแล้ว! บุญไม่ถึง บังลังก์สูงเกินไป แหวนอีแม่ นาฬิกาอีเพื่อน ปปช.งับสุดตรีน ไล่เบี้ยจนสุดตรอก ใบสั่งอีแดงเอาคืนให้สาสม อี ไอ(คอน)สัส โดนแรง ทั้งปปช. ปปง. DSI ลากยาวทั้งขบวนการ แหล่งฟอกเงินชัด รู้ตัวเบื้องหลัง ทั้งไทย และเทศ หางโผล่กันหมด ดิ้นพล่านซื้อคดีเพี๊ยบ ติดกับดัก 2 ชั้น แฉไปมา ยิ่งพูดยิ่งลาก งานนี้ระดับชาติ ใครอุ้ม "หัวขาด" กระแส DSI เคาะกะลา ตัวอย่างมีให้เห็น อีหัวหน้าใหญ่ติดคุกไปแล้ว ใครจะเป็นรายต่อไปดีล่ะ? กลียุคกำลังจะไป ทิ้งทวน อยากเห็นต้องได้เห็น เรื่องที่ไม่คาดคิด? SOFT POWER THAI กระฉ่อนโลก เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 เห็นทั้งโลก นี่คือ "สยามประเทศ" ส่งสัญญาน 1 ในอาเซียน ประเพณี วัฒนธรรม สรวจสวรรค์ บนแผ่นดินทอง ผีห่าซาตานเตรียมเผ่นกันหมด แสงขจรกระจายไปทั่วหล้า อัตลักษณ์ความเป็นไทย ที่ลูกหลานควายไทยที่ถูกเหี้ยล้างสมองไม่เข้าใจ! เพราะมันมีแค่ 1 เดียวในโลก ไทยเจริญรุ่งเรือง เพราะพระบารมี! ล่าสุด มาตามนัด อีพ่อนักบุญปลอมตอแหล ถูกสรรพากรถามหา ได้มาเยอะนี่มรึง? ไอ้อีที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้านมีอันเป็นไปหมด โง่เพราะเสพสื่อ โง่เพราะฟังเค้ามา สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด ความโลภทั้งนั้น! กลับมาโลกโสมมของเหี้ยต่อ : ผลกระทบ WWIII ที่เหี้ยยังคาดไม่ถึง โดยเฉพาะธุรกิจอียิวที่แบกดอลล่าร์จนหลังอ่วม ขั้วใหม่ไม่ได้แค่ทุบดอลล่าร์ตายคาตรีน แต่ยังส่งผลถึงการค้าทั้งโลก ที่ไม่ผูกดอลล่าร์ด้วย เท่ากับแย่งตลาดโลกไปจากเหี้ยยิวนั่นเองเพราะวัตถุดิบและแหล่งแร่ อาหาร พลังงาน อยู่ในเอเซียทั้งหมด แถมยังได้ใช้เงินสกุล BRICS ใหม่ แล้วขี้ข้าเหี้ยที่ไม่มีเงินสกุลนี้มันจะซื้อหาจากแหล่งต้นทางได้ยังไง? ต้องซื้อผ่านตัวกลาง เท่ากับมรึงเสียเปรียบดุลการค้านั่นเอง เพราะจ่ายแพงกว่าเค้า จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้ ของเหี้ยจะขายได้เฉพาะชาติขี้ข้าเหี้ยเท่านั้น เท่ากับจำกัดวงผู้บริโภคนั่นเอง ไม่ใช่ทั้งโลกเหมือนแต่เก่าก่อน! ดอกนี้ ขั้วใหม่วางแผนมาดี จีนถึงได้ขยายโลจิสติคโลกใหม่ เชื่อมแอฟริกา ตะวันออกกลาง ลาติน เข้าหากันหมดไงล่ะ? โดยมีเวเนฯ คิวบา เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน มีสมาชิกของเข้าร่วมกลุ่มเงินดิจิตอลแล้วกว่า 10 ชาติ ทั้งอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ใครๆ ก็ต้องการแหล่งพลังงานที่มั่นคง และค่าเงินที่เป็นธรรม ขอไว้อาลัยให้อีเมสซี่แลนด์ ที่มันถูกแยกออกจากโลกลาตินโดยสมบูรณ์แล้ว ไต้หวันขาสั่น อยู่ดีดี จีน รัสเซีย อิหร่าน และทั้งตะวันออกกลางก็มา มรึงจะเอาให้กูหายไปจากแผนที่โลกเลยเหรอ? ก๊กมินตั๋ง เตรียมยึดสภาล่างไม่อนุมัติก่อสงครามกับจีน มาตามใบเสร็จปักกิ่ง ยิ่งสู้ ยิ่งจบเร็ว อีไล่ ชิง เต๋อ แค่หุ่นเชิด อีไช่ รอดแล้วแค่ในไต้หวัน ออกนอกมรึงโดนแน่! เหมือนอีเสี้ยนยา อีเนรคุณทันยา ชะตากรรมเดียวกัน คือถูกเก็บแน่ ใครจะปล่อยมรึงไว้ล่ะ? ปล.เป็นอันแน่ชัด! เมื่ออียิวและเหี้ยมะกันตัดสินใจโจมตีอิหร่านรอบใหม่ นั่นคือใบเสร็จที่อิหร่านจะใช้สิทธิ์ป้องกันตัว ขีปนาวุธ 100000 ลูก ที่คาเมเนอีเคยลั่นเอาไว้ จะได้ใช้ก็งานนี้แหละ เพราะทุกอย่างมันสุกงอมแล้ว ทำไมอียิวถึงยอมฆ่าตัวตาย รู้ดีว่าอิหร่านสกัดได้อยู่แล้ว เหตุผลเดียวคือ ยกระดับสงครามขยายวงกว้างนั่นเอง แต่ WWIII ไม่มา เพราะอิหร่าน และโลกอาหรับลงแขกยิวเท่านั้น จีน รัสเซีย ยืนดู เติมอาวุธให้ เค้ารออะไร? รอเหี้ยมะกันยกกองทัพใหญ่มาช่วยอียิวทั้งหมดไงล่ะ แต่มันนกรู้ เสือกไม่ยอมยกมาให้หมด กลัวหลังบ้านเปิด แล้วจะโดนสวนดาก วอชิงตันตายคาที่ ต่างฝ่ายรู้มือกันดี ว่ามรึงล่อกูออกมาทำไม? เรื่องถึงต้องจบที่อียิวสิ้นชาติพันธุ์ไปไง ย้ายออกจากแผ่นดินคานาอันโดยไม่มีเงื่อนไข แล้วอีเหี้ยมะกันก็เตรียมเปิดบ้านต้องรับยิว แต่ก่อนจะเข้ามา ขอทำความสะอาดบ้านก่อนน่ะ CIVIL WAR หากไม่ฆ่ากันเองก่อนทั้งแผ่นดิน อียิวก็เข้ามาไม่ได้? หลังเลือกตั้งคือ D-DAY แผนแตกอเมริกาไงล่ะ? แล้วอีโง่ยุโรป มันจะอยู่ต่อยังไง? อีเบียร์เจ๊ง อีเศษฝรั่งเจ๊ง มรึงจะไปหาเจ้ามือใหม่เค้าก็ไม่รับ ไม่เอา จะคบเหี้ยต่อ จะอุ้มเหี้ยต่อ ก็เสี่ยงสูญพันธุ์ สิ้นชาติโดยเปล่าประโยชน์ ทำได้แค่ ปล่อยวาง EU ภายในก็จ้องจะแตกอยู่แล้ว สุดท้ายตัวใครตัวมัน? ยุโรปจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ปชต.จะตายห่า กษัตริย์จะกลับคืนบังลังก์ ราชวงศ์ฮับบรูกเตรียมชงเต็มที่! เศรษฐกิจอิสราเอลเจ๊งหมดแล้ว ทั้งโรงงานผลิต ท่าเรือสินค้า ไปหมดเกลี้ยง แถมถูกชาวโลกแบนต่อต้านสินค้ายิว ที่มาว่าทำไม มันต้องก่อสงครามเพื่อหนีหนี้ ยิวตายไม่พอลากอเมริกา อังกฤษ ยุโรป ตายห่าไปพร้อมกันด้วย เพราะแบกดอลล่าร์จนหลังแอ่น ยูโร ปอนด์ เยน ไปหมด มีแต่ตัวเลข เม็ดเงินจริงไม่มีเหลือ นี่ไง "ทุนนิยมเหี้ยสามานย์" แค่ลงทุนหาเหยื่อมาแบกหนี้ แล้วชิ่งหนี ควายก็เป็นเหยื่อไปสิ เห็นๆ กันอยู่ทุกวี่วัน ไม่มีอะไรลงทุนแล้วได้ทันที ได้มาก ได้เร็ว หากไม่โกงเค้ามาดอกน่ะ สติมี แต่ความโลภมันบังตา เสร็จหมด สูตรหาแดร๊กอียิวมัน ที่ใช้ดอกนี้ทั่วโลกมาเป็นศตวรรษ ยิ่งโลกขัดแย้งกันเยอะ นานาชาติชิงแห่ขอเข้า BRICS เพื่อการคุมครองระยะยาว มีทั้ง SCO กองทัพโลก มีทั้ง AIIB แหล่งเงินลงทุนพร้อมสรรพ เจ้ามือคือ "หยวน" สถานการณ์โลกชี้ชัด ขั้วใหม่ชนะแบเบอร์ แต่ไม่บุ่มบ่าม ไม่เร่งรีบเกินไป ค่อยๆ กลืน ค่อยๆ เชือด จนเหี้ยสิ้นเนื้อประดาตัว จริงดิ? อเมริกาวิกฤตสมองไหล? คนเก่ง คนดังแต่ละสาขาอาชีพ แห่เข้าจีน? ถามกลับ ไอ้ที่อยู่เนี่ย หน้าตาฝรั่ง หรือเอเซีย อ้าว! ไม่ตรงปก จีนวางยาไว้เมื่อ 30 ปี ก่อน เมื่อจะสู้กับเหี้ย ต้องรู้ให้มากกว่าเหี้ย เกจิดัง ศาตราจารย์ PROF. ระดับหัวกะทิระดับโลก หัวดำทั้งนั้น หน้าตาเอเซียชัดเจน แล้วไปทำห่าอะไรที่นั่น มาเพื่อดูดวิชากลับ แล้วสานต่อบ้านเกิดไงล่ะ ดังนั้น จะพูดให้ถูกคือ "ได้เวลากลับบ้านแล้วต่างหาก" เพราะทุกวันนี้ จีนเจริญไปไกลว่าตะวันตกเยอะ จนเทียบไม่ติด เมื่อตัวตึง ตัวดัง แห่กลับบ้านเกิด อเมริกา อังกฤษ จะเหลือเหี้ยอะไรอีก กลับคืนสู่ยุคมืดอีกครั้ง เป็นไปตามวิบากกรรมที่มรึงก่อนั่นเอง! หมี CNN(ตะวันออกกลางอิหร่านคุมเกมส์ เอเซียใต้ จีนเอาอยู่ รัสเซียคุมยุโรป เวเนฯ คุมลาติน เกือบจะหมดโลกแล้วมั้ง? เหลือให้เหี้ยมันแดร๊กบ้าง ไม่งั้นกูจะระเบิดฆ่าตัวตาย ลากทั้งโลกตายไปด้วย นั่นแหละ ที่เค้ารอให้มรึงทำอยู่ ไอ้ควาย! สื่อเหี้ยอับอายไม่รู้จะแถยังไงต่อได้อีก แพ้ยับ แพ้ไม่ปรึกษาใคร ยิ่งแถ ยิ่งหมา แต่ก็ยังมีควายตาม สมกับเป็นควาย เกิดมาทำไมไม่รู้?) 27 ตุลาคม 67 16.15 น. https://linevoom.line.me/post/1173008015093750275 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศที่เต็มไปด้วยคนคดโกง และเบียดบังยักยอกเอาประโยชน์ได้แม้กระทั่ง
    “ถุงยังชีพ” ที่มีไว้บรรเทา ความหิวโหย ความอดอยาก ความทุกข์ยากลำเค็ญ ของเพื่อนร่วมชาติในภาวะวิกฤติ ไอ้หรืออี ที่คิดกระทำสิ่งเหล่านี้ คือ พวก “จัญไรมนุษย์” ที่เกิดมาเพื่อเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น อย่างไร้ความละอายเป็นที่สุด
    บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ เพราะพวกเรานิ่งเฉยดูดาย และคิดว่ามิใช่ธุระของเรา…ใช่ไหม ? หรือ เพราะอะไร ???
    ประเทศที่เต็มไปด้วยคนคดโกง และเบียดบังยักยอกเอาประโยชน์ได้แม้กระทั่ง “ถุงยังชีพ” ที่มีไว้บรรเทา ความหิวโหย ความอดอยาก ความทุกข์ยากลำเค็ญ ของเพื่อนร่วมชาติในภาวะวิกฤติ ไอ้หรืออี ที่คิดกระทำสิ่งเหล่านี้ คือ พวก “จัญไรมนุษย์” ที่เกิดมาเพื่อเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น อย่างไร้ความละอายเป็นที่สุด บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ เพราะพวกเรานิ่งเฉยดูดาย และคิดว่ามิใช่ธุระของเรา…ใช่ไหม ? หรือ เพราะอะไร ???
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • การยอมรับความจริงของการสูญเสียเป็นกระบวนการที่สำคัญในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราอย่างแท้จริง การที่เราพยายามยึดติดกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเพียงการสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราเอง เมื่อใดที่เราสูญเสียสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความทุกข์ใจอย่างลึกซึ้ง

    พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการยอมรับความจริงของสังขาร ความไม่เที่ยง และการฝึกจิตใจให้ยอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราจริง การที่เรารู้และยอมรับสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหายจากความกระวนกระวาย และสามารถมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้น

    1. การสูญเสียเป็นนิมิตหมายที่ดี:
    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มองการสูญเสียเป็นโอกาสในการเรียนรู้ความจริงของชีวิต มันเป็นเครื่องเตือนให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เราจะสามารถยึดถือไว้ได้ตลอดไป แม้แต่ชีวิตของเราเอง ดังนั้น การยอมรับและเข้าใจถึงความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความทุกข์และความกังวล

    2. การยึดติดทำให้เกิดทุกข์:
    ยิ่งเราพยายามดิ้นรนเพื่อยึดติดกับสิ่งที่ไม่เที่ยง เรายิ่งเจ็บปวดและทุกข์ใจ การที่เราปล่อยวางและยอมรับว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรมและธรรมชาติ จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจและไม่ต้องทุกข์จากการสูญเสีย

    3. กรรมเป็นสิ่งที่เราพกติดตัวไป:
    สิ่งเดียวที่เราจะนำติดตัวไปได้หลังจากชีวิตนี้คือกรรมที่เราทำไว้ ดังนั้น การฝึกใจให้เข้าใจและยอมรับความจริง จะเป็นกรรมดีที่ช่วยให้เราเดินทางผ่านชีวิตนี้ไปด้วยความสงบ และไม่หลงอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสีย

    ในที่สุด การฝึกใจให้ยอมรับความไม่เที่ยงและการปล่อยวางจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและสงบสุข ไม่ว่าการสูญเสียจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม

    การยอมรับความจริงของการสูญเสียเป็นกระบวนการที่สำคัญในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราอย่างแท้จริง การที่เราพยายามยึดติดกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเพียงการสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราเอง เมื่อใดที่เราสูญเสียสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความทุกข์ใจอย่างลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการยอมรับความจริงของสังขาร ความไม่เที่ยง และการฝึกจิตใจให้ยอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราจริง การที่เรารู้และยอมรับสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหายจากความกระวนกระวาย และสามารถมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้น 1. การสูญเสียเป็นนิมิตหมายที่ดี: พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มองการสูญเสียเป็นโอกาสในการเรียนรู้ความจริงของชีวิต มันเป็นเครื่องเตือนให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เราจะสามารถยึดถือไว้ได้ตลอดไป แม้แต่ชีวิตของเราเอง ดังนั้น การยอมรับและเข้าใจถึงความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความทุกข์และความกังวล 2. การยึดติดทำให้เกิดทุกข์: ยิ่งเราพยายามดิ้นรนเพื่อยึดติดกับสิ่งที่ไม่เที่ยง เรายิ่งเจ็บปวดและทุกข์ใจ การที่เราปล่อยวางและยอมรับว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรมและธรรมชาติ จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจและไม่ต้องทุกข์จากการสูญเสีย 3. กรรมเป็นสิ่งที่เราพกติดตัวไป: สิ่งเดียวที่เราจะนำติดตัวไปได้หลังจากชีวิตนี้คือกรรมที่เราทำไว้ ดังนั้น การฝึกใจให้เข้าใจและยอมรับความจริง จะเป็นกรรมดีที่ช่วยให้เราเดินทางผ่านชีวิตนี้ไปด้วยความสงบ และไม่หลงอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสีย ในที่สุด การฝึกใจให้ยอมรับความไม่เที่ยงและการปล่อยวางจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและสงบสุข ไม่ว่าการสูญเสียจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ┏┓┏┓
    ┃┗┛ᴀᴘᴘʏ 🌷 23 ตุลาคม 2567🍰🧸 🌟
    ┃┏┓┃🄱🄸🅁🅃🄷🄳🄰🅈.🎉🎂 ♡ ✨
    ┗┛┗┛
    𝐻𝒶𝓅𝓅𝓎 𝐵𝒾𝓇𝓉𝒽𝒹𝒶𝓎 𝒕ℴ 𝓶ℯ 🎉🧸
    🌟* . * . ⚡️🪐 . * ✨🪄
    ♥︎ 𝐇𝐚𝐩𝐩𝐲 𝐁𝐢𝐫𝐭𝐡𝐝𝐚𝐲 𝐓𝐨 𝐦𝐞 ♡
    #สุขสันต์วันเกิดให้ตัวเอง 💝✨
    ขอให้ตัวเองมีความสุข สุขกาย สุขใจ ปราศจากเวรและความทุกข์กายทุกข์ใจ มีความเข้มเเข็ง มี ศีล สมาธิ ปัญญา มีความสมบูรณ์พูนผลทั้งทางโลกและทางธรรม มีชีวิตที่บริบูรณ์ เพรียบพร้อม ต่อการสะสมบารมี ทุกๆด้าน ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ขอให้ก้าวผ่านปัญหาได้ทุกเรื่อง ◡̈ ขอให้เป็นปีที่เต็มไปด้วยความสุขมีเเต่รอยยิ้ม ◡̈ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ยิ้มเยอะๆ ตั้งแต่นี้ไปขอให้ทุกๆวันเป็นวันที่ดี ขอให้ตัวเองมีแต่ความสุขสมหวังในทุกๆเรื่อง พบเจอแต่สิ่งดีๆ ❤ แก่เพิ่มอีก 1 ปีแล้วนะครับ 🧸
    • หลังจากนี้ขอให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ขอให้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ มีพลังด้านบวกในทุกๆ ด้าน ขอให้พบเจอแต่มิตรที่ดีๆ สมหวังๆ ไม่เจ็บ ไม่จน มีโชคลาภ สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้ได้สมดั่งใจปรารถนา ทำสิ่งใดขอให้สำเร็จ ทุกอย่าง และมีความสุขตลอดไป ❤️
    ┏┓┏┓ ┃┗┛ᴀᴘᴘʏ 🌷 23 ตุลาคม 2567🍰🧸 🌟 ┃┏┓┃🄱🄸🅁🅃🄷🄳🄰🅈.🎉🎂 ♡ ✨ ┗┛┗┛ 𝐻𝒶𝓅𝓅𝓎 𝐵𝒾𝓇𝓉𝒽𝒹𝒶𝓎 𝒕ℴ 𝓶ℯ 🎉🧸 🌟* . * . ⚡️🪐 . * ✨🪄 ♥︎ 𝐇𝐚𝐩𝐩𝐲 𝐁𝐢𝐫𝐭𝐡𝐝𝐚𝐲 𝐓𝐨 𝐦𝐞 ♡ #สุขสันต์วันเกิดให้ตัวเอง 💝✨ ขอให้ตัวเองมีความสุข สุขกาย สุขใจ ปราศจากเวรและความทุกข์กายทุกข์ใจ มีความเข้มเเข็ง มี ศีล สมาธิ ปัญญา มีความสมบูรณ์พูนผลทั้งทางโลกและทางธรรม มีชีวิตที่บริบูรณ์ เพรียบพร้อม ต่อการสะสมบารมี ทุกๆด้าน ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ขอให้ก้าวผ่านปัญหาได้ทุกเรื่อง ◡̈ ขอให้เป็นปีที่เต็มไปด้วยความสุขมีเเต่รอยยิ้ม ◡̈ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ยิ้มเยอะๆ ตั้งแต่นี้ไปขอให้ทุกๆวันเป็นวันที่ดี ขอให้ตัวเองมีแต่ความสุขสมหวังในทุกๆเรื่อง พบเจอแต่สิ่งดีๆ ❤ แก่เพิ่มอีก 1 ปีแล้วนะครับ 🧸 • หลังจากนี้ขอให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ขอให้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ มีพลังด้านบวกในทุกๆ ด้าน ขอให้พบเจอแต่มิตรที่ดีๆ สมหวังๆ ไม่เจ็บ ไม่จน มีโชคลาภ สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้ได้สมดั่งใจปรารถนา ทำสิ่งใดขอให้สำเร็จ ทุกอย่าง และมีความสุขตลอดไป ❤️
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆประเทศไทยในนามชื่อว่าแผ่นดินไทยนี้ มันอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่แพ้ชาติใดๆบนโลกนีัเลย,แต่เรามีผู้ปกครองที่กาก ขลาดเขลา ขี้กาก ใจขี้ขลาด เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ กอบโกยเข้าแค่วงศ์โคตรตระกูลมันผ่านการมีอำนาจ ได้อำนาจ มีตำแหน่งในการปกครองแผ่นดินนี้และใช้ไปทางที่เลวชั่วแทน,ไม่คิดถึงคนในประเทศชาติตนด้วยส้นตีนมันสมองของชนชั้นอำมาตย์ปกครองเก่านี้มองประชาชนยังเป็นเพียงทาส&ขี้ข้า&ไพร่เก่าๆเดิมๆคนรับใช้ สไตล์ศักดินาเก่า การหมอบกราบมันชอบนักคนเชื้อชาติตระกูลนี้ในไทยเราและสืบเป็นทายาทอสูรสูบทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติส่วนรวมไปไว้กับตัวโดนอันมากเป็นอันมากที่เห็นคือผ่านระบบผูกขาด&เผด็จการผูกขาดนั้นเอง ไม่รวมอีลิทศักดินาต่างชาติมาจับมือสุ่มหัวกันปล้นแผ่นดินไทยเรานี้อีกแบบเห็นชัดเจนตัวพ่อคือบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมไทยเราและบ่อทองคำเรา เพียง2ตย.นี้ก็เพียงพอแล้ว,การปกครองในไทยเราถึงปัจจุบันจึงถือว่าล้มเหลว,เป็นเพียงการสิ้นชาติสิ้นอธิปไตยสิ้นอิสระภาพแห่งตนคนไทยเรารวมทั้งสิ้นสมบัติสิ้นของมีค่าสิ้นทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยตนด้วย มีแต่ชื่อ มีแต่ว่าสถานะชื่อว่าบ้าน แต่ทั้งหมดมันยึด ปล้น ครอบครองเอาไปสิ้นจนหมด คงมั่นคงไว้แต่ความทุกข์ความยากจน ดิ้นรนเป็นทาสแรงงาน ทาสหนี้สินต่างๆแก่เหล่ามันผู้ปกครองที่ควบคุมกลไกทั้งระบบของเดอะแก๊งมันเอง,ทหารรัฐประหารในอดีตเรื่อยมาอาจสรุปได้ว่าคือคนของอีลิทชนชั้นปกครองชั่วอาจทัังฝ่ายคนเลวฝั่งไทยเองและอีลิทต่างชาติด้วยที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจเพราะกลัวจะเสียผลประโยชน์จึงลงมือก่อน,ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นว่าเล่นแบบโชว์ออฟแต่ไม่ยอมฉีกพรบ.ทาสบ่อน้ำมันหรือยึดบ่อน้ำมันคืน ไม่แตะสักขนเล็บแมวขนหมาฝรั่ง,จึงถือว่าเหี้ยหมด มิใช่ทหาร&เหล่าคณะคนไทยห่าอะไรที่ยึดอำนาจจากระบบประชาธิปไตยที่มักชอบแอบอ้างก่อการนั้นเลย,มันคือคณะก่อการอีลิท นอมินีพวกชนชั้นไทยและอีลิทชนชั้นต่างชาติที่สมคบคิดกัน,ปล้นคนไทยให้ยากจนนี้ล่ะ,อิหร่านขายน้ำมันลิตระ1-2บาทจะเบนซินหรือดีเชล ไทยเหี้ยขายแพง คณะยึดอำนาจที่ผ่านๆมาคือคณะสาระเลวมิได้รักษาอธิปไตยชาติไทยจริงห่าอะไรแค่รักษาผลประโยชน์พวกห่านี้ล่ะ.และของพวกมันกันเองด้วย,แผ่นดินไทยร่ำรวยกว่าหมื่นกว่าแสนล้านล้านบาทหรือ1×10¹²⁰ก็ว่า ร่ำรวยขนาดนั้นเลยล่ะแต่สาระเลวปกครองให้ประชาชนยากจนมั่นคง.
    ..จริงๆประเทศไทยในนามชื่อว่าแผ่นดินไทยนี้ มันอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่แพ้ชาติใดๆบนโลกนีัเลย,แต่เรามีผู้ปกครองที่กาก ขลาดเขลา ขี้กาก ใจขี้ขลาด เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ กอบโกยเข้าแค่วงศ์โคตรตระกูลมันผ่านการมีอำนาจ ได้อำนาจ มีตำแหน่งในการปกครองแผ่นดินนี้และใช้ไปทางที่เลวชั่วแทน,ไม่คิดถึงคนในประเทศชาติตนด้วยส้นตีนมันสมองของชนชั้นอำมาตย์ปกครองเก่านี้มองประชาชนยังเป็นเพียงทาส&ขี้ข้า&ไพร่เก่าๆเดิมๆคนรับใช้ สไตล์ศักดินาเก่า การหมอบกราบมันชอบนักคนเชื้อชาติตระกูลนี้ในไทยเราและสืบเป็นทายาทอสูรสูบทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติส่วนรวมไปไว้กับตัวโดนอันมากเป็นอันมากที่เห็นคือผ่านระบบผูกขาด&เผด็จการผูกขาดนั้นเอง ไม่รวมอีลิทศักดินาต่างชาติมาจับมือสุ่มหัวกันปล้นแผ่นดินไทยเรานี้อีกแบบเห็นชัดเจนตัวพ่อคือบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมไทยเราและบ่อทองคำเรา เพียง2ตย.นี้ก็เพียงพอแล้ว,การปกครองในไทยเราถึงปัจจุบันจึงถือว่าล้มเหลว,เป็นเพียงการสิ้นชาติสิ้นอธิปไตยสิ้นอิสระภาพแห่งตนคนไทยเรารวมทั้งสิ้นสมบัติสิ้นของมีค่าสิ้นทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยตนด้วย มีแต่ชื่อ มีแต่ว่าสถานะชื่อว่าบ้าน แต่ทั้งหมดมันยึด ปล้น ครอบครองเอาไปสิ้นจนหมด คงมั่นคงไว้แต่ความทุกข์ความยากจน ดิ้นรนเป็นทาสแรงงาน ทาสหนี้สินต่างๆแก่เหล่ามันผู้ปกครองที่ควบคุมกลไกทั้งระบบของเดอะแก๊งมันเอง,ทหารรัฐประหารในอดีตเรื่อยมาอาจสรุปได้ว่าคือคนของอีลิทชนชั้นปกครองชั่วอาจทัังฝ่ายคนเลวฝั่งไทยเองและอีลิทต่างชาติด้วยที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจเพราะกลัวจะเสียผลประโยชน์จึงลงมือก่อน,ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นว่าเล่นแบบโชว์ออฟแต่ไม่ยอมฉีกพรบ.ทาสบ่อน้ำมันหรือยึดบ่อน้ำมันคืน ไม่แตะสักขนเล็บแมวขนหมาฝรั่ง,จึงถือว่าเหี้ยหมด มิใช่ทหาร&เหล่าคณะคนไทยห่าอะไรที่ยึดอำนาจจากระบบประชาธิปไตยที่มักชอบแอบอ้างก่อการนั้นเลย,มันคือคณะก่อการอีลิท นอมินีพวกชนชั้นไทยและอีลิทชนชั้นต่างชาติที่สมคบคิดกัน,ปล้นคนไทยให้ยากจนนี้ล่ะ,อิหร่านขายน้ำมันลิตระ1-2บาทจะเบนซินหรือดีเชล ไทยเหี้ยขายแพง คณะยึดอำนาจที่ผ่านๆมาคือคณะสาระเลวมิได้รักษาอธิปไตยชาติไทยจริงห่าอะไรแค่รักษาผลประโยชน์พวกห่านี้ล่ะ.และของพวกมันกันเองด้วย,แผ่นดินไทยร่ำรวยกว่าหมื่นกว่าแสนล้านล้านบาทหรือ1×10¹²⁰ก็ว่า ร่ำรวยขนาดนั้นเลยล่ะแต่สาระเลวปกครองให้ประชาชนยากจนมั่นคง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ..คนไทยทัังประเทศ ต่างดิ้นรนสัมมาอาชีพปกติ,แต่บรรดานักปกครองทัังหลายกับสาระพัดเลวกระทำชั่วต่อประเทศชาติและประชาชนบนแผ่นดินที่พวกมันได้ไปมีอำนาจไปมีตำแหน่งเป็นเพียงนอมินีร่วมใช้อำนาจแทนประชาชนเพื่อดูแลแผ่นดินไทยแทนคนทั้งประเทศ,มันทั้งหลายกลับทั้งทรยศแผ่นดินไทยตนเองและประชาชนที่ฝากให้พวกมันบริหารจัดการแทนจากอำนาจปกครองที่คนทั้งแผ่นดินมอบให้,พวกนี้สมควรถูกประหารชีวิตทัังหมดรวมทั้งบริวารข้ารับใช้พวกมันทุกๆคน,อิ่มท้องร่ำรวยมั่งคั่งบนความทุกข์มากมายหลากหลายมิติจากการปกครองและเขียนกฎหมายผีบ้ามากมายมากดขี่ประชาชนบังคับใช้ต่อประชาชนให้สิ้นอิสระเสรีภาพแบบเนียนๆในเจตจำนงเสรีที่ดีงามของหมู่มาก,เขียน&ออกกฎหมายมากมายเพื่อเดอะแก๊งตนโกงกินเต็มที่อย่างถูกกฎหมายที่พวกเดอะแก๊งมันเองเขียนขึ้นเปิดช่องทาง,ในส่วนชาวบ้านตาดำๆก็ตามสภาพเป็นจริงปัจจุบันที่เห็น ตกงาน ปิดกิจการ เศรษฐกิจโลกพังลามมาถึงเอเชีย,อเมริกาจุดสงครามล้างหนี้ตนก็ด้วย,,บ้านเมืองไทยเรานี้ชั่งมีผู้ปกครองที่ชั่วเลวไม่เคยหยุดชั่วจากอดีตถึงปัจจุบันได้เลยและไม่เคยมีนักปกครอง&ผู้ปกครองคนไหนถูกประหารชีวิตเพราะผลการกระทำความชั่วของเดอะแก๊งพวกมันและตัวมันจริงๆสักคนเลยในปัจจุบัน,ต่างลอยหน้าลอยตาบัดสบสิ้นดี,การปกครองที่คนสิ้นศรัทธากับบังเกิด.เป็นแบบนี้มินานชาติไทยเราจะล่มสลายแน่นอน,จากผู้ปกครองที่เลวๆนี้ล่ะบวกนักวิชากรเลวๆที่ล้างสมองคนไทยด้วย.
    ..คนบ้านนอกคอกนา และคนชนบท&ทัังประเทศจึงซวยไปด้วยจากคนพวกนี้,
    ..คนไทยทัังประเทศ ต่างดิ้นรนสัมมาอาชีพปกติ,แต่บรรดานักปกครองทัังหลายกับสาระพัดเลวกระทำชั่วต่อประเทศชาติและประชาชนบนแผ่นดินที่พวกมันได้ไปมีอำนาจไปมีตำแหน่งเป็นเพียงนอมินีร่วมใช้อำนาจแทนประชาชนเพื่อดูแลแผ่นดินไทยแทนคนทั้งประเทศ,มันทั้งหลายกลับทั้งทรยศแผ่นดินไทยตนเองและประชาชนที่ฝากให้พวกมันบริหารจัดการแทนจากอำนาจปกครองที่คนทั้งแผ่นดินมอบให้,พวกนี้สมควรถูกประหารชีวิตทัังหมดรวมทั้งบริวารข้ารับใช้พวกมันทุกๆคน,อิ่มท้องร่ำรวยมั่งคั่งบนความทุกข์มากมายหลากหลายมิติจากการปกครองและเขียนกฎหมายผีบ้ามากมายมากดขี่ประชาชนบังคับใช้ต่อประชาชนให้สิ้นอิสระเสรีภาพแบบเนียนๆในเจตจำนงเสรีที่ดีงามของหมู่มาก,เขียน&ออกกฎหมายมากมายเพื่อเดอะแก๊งตนโกงกินเต็มที่อย่างถูกกฎหมายที่พวกเดอะแก๊งมันเองเขียนขึ้นเปิดช่องทาง,ในส่วนชาวบ้านตาดำๆก็ตามสภาพเป็นจริงปัจจุบันที่เห็น ตกงาน ปิดกิจการ เศรษฐกิจโลกพังลามมาถึงเอเชีย,อเมริกาจุดสงครามล้างหนี้ตนก็ด้วย,,บ้านเมืองไทยเรานี้ชั่งมีผู้ปกครองที่ชั่วเลวไม่เคยหยุดชั่วจากอดีตถึงปัจจุบันได้เลยและไม่เคยมีนักปกครอง&ผู้ปกครองคนไหนถูกประหารชีวิตเพราะผลการกระทำความชั่วของเดอะแก๊งพวกมันและตัวมันจริงๆสักคนเลยในปัจจุบัน,ต่างลอยหน้าลอยตาบัดสบสิ้นดี,การปกครองที่คนสิ้นศรัทธากับบังเกิด.เป็นแบบนี้มินานชาติไทยเราจะล่มสลายแน่นอน,จากผู้ปกครองที่เลวๆนี้ล่ะบวกนักวิชากรเลวๆที่ล้างสมองคนไทยด้วย. ..คนบ้านนอกคอกนา และคนชนบท&ทัังประเทศจึงซวยไปด้วยจากคนพวกนี้,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • มองแต่ข้อเด่นของคนอื่น **ย่อมไม่พึงใจ

    ถ้ามองให้ครบถ้วนทุกแง่มุม
    ย่อมเห็นว่าแต่ละคนมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป

    กระทั่งคนที่เราเห็นว่าเขามีทุกสิ่งพร้อมสรรพ
    ก็มีความทุกข์ใจและพื้นที่ว่างโหวงเช่นกัน

    จากหนังสือ |how to live a good life

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #feed
    มองแต่ข้อเด่นของคนอื่น **ย่อมไม่พึงใจ ถ้ามองให้ครบถ้วนทุกแง่มุม ย่อมเห็นว่าแต่ละคนมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป กระทั่งคนที่เราเห็นว่าเขามีทุกสิ่งพร้อมสรรพ ก็มีความทุกข์ใจและพื้นที่ว่างโหวงเช่นกัน จากหนังสือ |how to live a good life #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #feed
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเราตกอยู่ในความทุกข์เพราะความรักที่เจือด้วยราคะ ความยึดมั่นของจิตใจจะทำให้เกิดทุกข์และความเสียใจอย่างหนักหน่วง การปรับจิตใจจากรักที่เต็มไปด้วยการยึดติด มาเป็นรักที่เมตตา ปราศจากการยึด จะช่วยให้เราปล่อยวางและคลายทุกข์ได้

    การเปลี่ยนอาการอกหักให้กลายเป็นโอกาสในการเจริญสตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ วิธีที่คุณสามารถใช้ได้ตามแนวทางพุทธศาสนามีดังนี้:

    1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกุศลจิต: การสวดมนต์เป็นการเชื่อมต่อกับความดีและความเป็นสิริมงคล การเริ่มต้นวันด้วยบทสวด เช่น อิติปิโส จะช่วยปรับจิตใจให้อยู่ในทางกุศล และช่วยให้เกิดความรู้สึกเบาสบายมากขึ้น


    2. หลีกเลี่ยงการจมอยู่กับความทุกข์: เมื่อมีอารมณ์เศร้าเข้ามา อย่าปล่อยตัวให้จมอยู่กับความเศร้านั้นนาน รีบหาทางทำสิ่งที่กระตุ้นความกระตือรือร้นทันที การเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังและสมาธิ จะช่วยลดความเศร้าและเพิ่มความสดชื่นได้


    3. เฝ้าสังเกตใจตัวเอง: เมื่อเกิดความถวิลหาหรือคิดถึงสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด ให้สำรวจดูว่าอารมณ์นั้นรุนแรงเพียงใด การเห็นความรุนแรงนั้นจะทำให้คุณรู้ว่ามันค่อยๆ เลือนลง และจะไม่ดึงดูดจิตใจเท่าเดิม


    4. หากิจกรรมที่ทำให้มีความสุข: หลีกเลี่ยงการเลี้ยงอารมณ์เศร้าด้วยการฟังเพลงเศร้า ควรหากิจกรรมที่ใช้พลังงานและสมาธิ เช่น การออกกำลังกาย หรือกีฬาที่ต้องโต้ตอบรวดเร็ว จะช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขออกมาแทน


    5. ช่วยเหลือผู้อื่น: การหันมาช่วยเหลือผู้อื่น เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุ จะช่วยให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจ และลดความรู้สึกเหงาได้ การมองเห็นความต้องการของผู้อื่นจะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่าและเติมเต็มในทางจิตใจ


    6. เจริญสติ: เมื่อรู้สึกดีขึ้น อย่าหยุดที่แค่ความรู้สึกดีนั้น แต่ใช้โอกาสนี้ในการเจริญสติ เห็นว่าจิตใจไม่เที่ยงแท้ มีขึ้นมีลง เมื่อรู้ทันความไม่เที่ยงของจิตใจ ก็จะลดความยึดติดกับความรัก และมุ่งเน้นไปที่ความวิเวกทางใจที่สงบและเป็นอิสระมากขึ้น



    ทุกวิธีการนี้จะช่วยให้คุณผ่านพ้นความทุกข์และมุ่งสู่ความสงบภายในอย่างยั่งยืน

    เมื่อเราตกอยู่ในความทุกข์เพราะความรักที่เจือด้วยราคะ ความยึดมั่นของจิตใจจะทำให้เกิดทุกข์และความเสียใจอย่างหนักหน่วง การปรับจิตใจจากรักที่เต็มไปด้วยการยึดติด มาเป็นรักที่เมตตา ปราศจากการยึด จะช่วยให้เราปล่อยวางและคลายทุกข์ได้ การเปลี่ยนอาการอกหักให้กลายเป็นโอกาสในการเจริญสตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ วิธีที่คุณสามารถใช้ได้ตามแนวทางพุทธศาสนามีดังนี้: 1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกุศลจิต: การสวดมนต์เป็นการเชื่อมต่อกับความดีและความเป็นสิริมงคล การเริ่มต้นวันด้วยบทสวด เช่น อิติปิโส จะช่วยปรับจิตใจให้อยู่ในทางกุศล และช่วยให้เกิดความรู้สึกเบาสบายมากขึ้น 2. หลีกเลี่ยงการจมอยู่กับความทุกข์: เมื่อมีอารมณ์เศร้าเข้ามา อย่าปล่อยตัวให้จมอยู่กับความเศร้านั้นนาน รีบหาทางทำสิ่งที่กระตุ้นความกระตือรือร้นทันที การเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังและสมาธิ จะช่วยลดความเศร้าและเพิ่มความสดชื่นได้ 3. เฝ้าสังเกตใจตัวเอง: เมื่อเกิดความถวิลหาหรือคิดถึงสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด ให้สำรวจดูว่าอารมณ์นั้นรุนแรงเพียงใด การเห็นความรุนแรงนั้นจะทำให้คุณรู้ว่ามันค่อยๆ เลือนลง และจะไม่ดึงดูดจิตใจเท่าเดิม 4. หากิจกรรมที่ทำให้มีความสุข: หลีกเลี่ยงการเลี้ยงอารมณ์เศร้าด้วยการฟังเพลงเศร้า ควรหากิจกรรมที่ใช้พลังงานและสมาธิ เช่น การออกกำลังกาย หรือกีฬาที่ต้องโต้ตอบรวดเร็ว จะช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขออกมาแทน 5. ช่วยเหลือผู้อื่น: การหันมาช่วยเหลือผู้อื่น เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุ จะช่วยให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจ และลดความรู้สึกเหงาได้ การมองเห็นความต้องการของผู้อื่นจะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่าและเติมเต็มในทางจิตใจ 6. เจริญสติ: เมื่อรู้สึกดีขึ้น อย่าหยุดที่แค่ความรู้สึกดีนั้น แต่ใช้โอกาสนี้ในการเจริญสติ เห็นว่าจิตใจไม่เที่ยงแท้ มีขึ้นมีลง เมื่อรู้ทันความไม่เที่ยงของจิตใจ ก็จะลดความยึดติดกับความรัก และมุ่งเน้นไปที่ความวิเวกทางใจที่สงบและเป็นอิสระมากขึ้น ทุกวิธีการนี้จะช่วยให้คุณผ่านพ้นความทุกข์และมุ่งสู่ความสงบภายในอย่างยั่งยืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย


    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • อจ Yupin Deesomsak... ตามที่ “ ทางการสาธารณสุข อย สถาบันวัคซีน และอีกหลายสถาบัน ประกาศว่าวัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งประเทศไทยมีได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงแค่ห้ารายจนกระทั่งถึงต้นปี 2567 และล่าสุดเชิญชวนฉีดวัคซีนต่อประกาศเดือนตุลาคม 2567 ไม่ใช่แต่กลุ่มเปราะบางสูงวัยมีโรคประจำตัวแต่รวมถึงเด็กอายุเกินหกเดือนด้วย “ (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา) นั้น ตนเองเป็นกลุ่มเปราะบางสูงวัยมีโรคประจำตัวดังกล่าว จะไม่ไปฉีดวัคซีนโควิด ด้วยเหตุผลดังนี้
    1. บุคคล / หน่วยงาน ที่รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีน
    1.1 ไม่ได้บอกประโยชน์และโทษหรือผลข้างเคียงของวัคซีน
    1.2 ไม่ได้แสดงเจตจำนงค์จะรับผิดชอบด้วยคำพูดและลายลักษณ์อักษรว่าถ้าหลังฉีดวัคซีนเกิดการเจ็บป่วย พิการ เสียชีวิต บุคคล / หน่วยงาน ที่รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีนจะรับผิดชอบทำการรักษาให้ฟรีและเยียวยาชดเชยให้ กลัวว่าถ้าเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน
    1.3 ผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมตามสิทธิ์ จะถูกปฏิเสธการรักษาและเยียวยาชดเชยโดยกล่าวว่า เกิดขึ้นเพราะแก่และโรคประจำตัวซึ่งก็ไม่ควรรณรงค์ให้ไปฉีดวัคซีน
    1.4 หน่วยงานนี้ให้ไปหาหลักฐานข้อพิสูจน์ว่าการเจ็บป่วย พิการ เสียชีวิตนั้นเกิดจากวัคซีนโควิดจริงซึ่งเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงอายุ มีโรคประจำตัวและเกิดผลข้างเคียงของวัคซีนที่มีความทุกข์มากอยู่แล้วต้องดิ้นรนอย่างหนักในการ เดินทาง ค่าเดินทาง เสียเวลาและเสียเงินจำนวนมากมาจ่ายค่าการพิสูจน์ความจริงว่าผลข้างเคียงเกิดจากวัคซีนโควิด100% ค่าทนายความฯ เพื่อมาหักล้างว่าผลกระทบนั้นไม่ได้เกิดจากความแก่และโรคประจำตัว ราวกับโจทย์และจำเลยในศาล ทั้งที่การพิสูจน์นี้ควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานนี้ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี(สาธารณสุข)
    1.5 บอก“ วัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งประเทศไทยมีได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงแค่ห้ารายจนกระทั่งถึงต้นปี 2567” ข้อความนี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์หรือไม่ ถ้าไม่เป็นความจริงควรรับผิดชอบอย่างไรที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อผิด ทำให้ตัดสินใจไม่ถูกต้องตามความจริงที่ไปรับการฉีดวัคซีน
    1.4 ตามหลักความเชื่อ10ประการของพระพุทธองค์คือ “ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา การถือสืบๆกันมา การเล่าลือ การอ้างตำราหรือคัมภีร์ ตรรก การอนุมาน การคิดตรองตามแนวเหตุผล เข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว มองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา” ให้สอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติคือเชื่อและทำตามไปฉีดวัคซีน ใช้หลักง่ายๆข้อหนึ่งคือผู้กล่าวนั้นต้องไม่มีผลประโยชน์ใดๆเกี่ยวกับวัคซีน

    2. มีข้อมูลทางวิชาการมากมายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่กล่าวอย่างต่อเนื่องว่าผลข้างเคียงของmRNA วัคซีนนั้น “ ยิ่งฉีดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอยิ่งขึ้น มีคนตายและพิการในประเทศไทยหลังจากฉีดรวมทั้งหลักฐานการชันสูตรในวารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์เกี่ยวพันกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเป็นหย่อมตายเฉียบพลัน สมองเสื่อม และมะเร็ง เป็นต้น” (ธีระวัฒน์ เหมะจะฑา) ... หน่วยงานนี้ควรศึกษาตรวจสอบผลกระทบของวัคซีนอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ประเมินความปลอดภัยให้แน่ใจก่อนจึงรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิดอีก ไม่ใช่กล่าวลอยๆว่าข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนดังกล่าวมาจากแหล่งที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะถ้าข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆหน่วยงานควรดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กล่าวนั้นเพราะสร้างความเสียหาย จะได้มีการพิสูจน์ความจริง
    3. ประสบการณ์ตรงที่เป็นกลุ่มเปราะบางคือสูงอายุมีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนโควิดmRNA4เข็ม เพิ่งติดเชื้อโควิดครั้งแรกเมื่อ3เดือนก่อนเพราะรับเด็กทำงานบ้านมาใหม่ออกนอกบ้านไปรับเชื้อมาแพร่ต่อให้ พบว่าตนเองมีอาการน้อยมาก แค่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอและไอเล้กน้อย กินฟ้าทะลายโจร5วันและยาฆ่าเชื้อ1ชุด อาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติ ตนเองเป็นคนที่รักษาสุขภาพ (กินอาหารสุขภาพ ถ่ายอุจจาระทุกวัน ออกกำลังกายเดินทุกวันวันละ30นาที ตากแดด อยู่ในที่อากาศดี นอนหลับดีเพียงพอ ไม่เครียด ใช้ยาเมื่อจำเป็น ตรวจร่างกายประจำ ควบคุมน้ำตาล ไขมัน ความดันเลือด น้ำหนักและโรคประจำตัว) และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย (เช่น กินอาหารสุกร้อน ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากาก ไม่ไปที่เสี่ยงคนแออัด ใช้ของใช้ส่วนตน เป็นต้น)ตลอดมา คิดว่า การป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ควบคุมโรคประจำตัวให้ดีทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีและรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เพราะการกระทำดังกล่าวนี้มีแต่ผลดี นอกจากป้องกันโรคโควิดแล้วยังป้องกันโรคอื่นๆได้ด้วย ประหยัด ยั่งยืนและไม่เกิดผลกระทบใดๆต่อร่างกายและจิตใจตามมา
    อจ Yupin Deesomsak... ตามที่ “ ทางการสาธารณสุข อย สถาบันวัคซีน และอีกหลายสถาบัน ประกาศว่าวัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งประเทศไทยมีได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงแค่ห้ารายจนกระทั่งถึงต้นปี 2567 และล่าสุดเชิญชวนฉีดวัคซีนต่อประกาศเดือนตุลาคม 2567 ไม่ใช่แต่กลุ่มเปราะบางสูงวัยมีโรคประจำตัวแต่รวมถึงเด็กอายุเกินหกเดือนด้วย “ (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา) นั้น ตนเองเป็นกลุ่มเปราะบางสูงวัยมีโรคประจำตัวดังกล่าว จะไม่ไปฉีดวัคซีนโควิด ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. บุคคล / หน่วยงาน ที่รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีน 1.1 ไม่ได้บอกประโยชน์และโทษหรือผลข้างเคียงของวัคซีน 1.2 ไม่ได้แสดงเจตจำนงค์จะรับผิดชอบด้วยคำพูดและลายลักษณ์อักษรว่าถ้าหลังฉีดวัคซีนเกิดการเจ็บป่วย พิการ เสียชีวิต บุคคล / หน่วยงาน ที่รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีนจะรับผิดชอบทำการรักษาให้ฟรีและเยียวยาชดเชยให้ กลัวว่าถ้าเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน 1.3 ผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมตามสิทธิ์ จะถูกปฏิเสธการรักษาและเยียวยาชดเชยโดยกล่าวว่า เกิดขึ้นเพราะแก่และโรคประจำตัวซึ่งก็ไม่ควรรณรงค์ให้ไปฉีดวัคซีน 1.4 หน่วยงานนี้ให้ไปหาหลักฐานข้อพิสูจน์ว่าการเจ็บป่วย พิการ เสียชีวิตนั้นเกิดจากวัคซีนโควิดจริงซึ่งเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงอายุ มีโรคประจำตัวและเกิดผลข้างเคียงของวัคซีนที่มีความทุกข์มากอยู่แล้วต้องดิ้นรนอย่างหนักในการ เดินทาง ค่าเดินทาง เสียเวลาและเสียเงินจำนวนมากมาจ่ายค่าการพิสูจน์ความจริงว่าผลข้างเคียงเกิดจากวัคซีนโควิด100% ค่าทนายความฯ เพื่อมาหักล้างว่าผลกระทบนั้นไม่ได้เกิดจากความแก่และโรคประจำตัว ราวกับโจทย์และจำเลยในศาล ทั้งที่การพิสูจน์นี้ควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานนี้ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี(สาธารณสุข) 1.5 บอก“ วัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งประเทศไทยมีได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงแค่ห้ารายจนกระทั่งถึงต้นปี 2567” ข้อความนี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์หรือไม่ ถ้าไม่เป็นความจริงควรรับผิดชอบอย่างไรที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อผิด ทำให้ตัดสินใจไม่ถูกต้องตามความจริงที่ไปรับการฉีดวัคซีน 1.4 ตามหลักความเชื่อ10ประการของพระพุทธองค์คือ “ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา การถือสืบๆกันมา การเล่าลือ การอ้างตำราหรือคัมภีร์ ตรรก การอนุมาน การคิดตรองตามแนวเหตุผล เข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว มองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา” ให้สอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติคือเชื่อและทำตามไปฉีดวัคซีน ใช้หลักง่ายๆข้อหนึ่งคือผู้กล่าวนั้นต้องไม่มีผลประโยชน์ใดๆเกี่ยวกับวัคซีน 2. มีข้อมูลทางวิชาการมากมายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่กล่าวอย่างต่อเนื่องว่าผลข้างเคียงของmRNA วัคซีนนั้น “ ยิ่งฉีดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอยิ่งขึ้น มีคนตายและพิการในประเทศไทยหลังจากฉีดรวมทั้งหลักฐานการชันสูตรในวารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์เกี่ยวพันกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเป็นหย่อมตายเฉียบพลัน สมองเสื่อม และมะเร็ง เป็นต้น” (ธีระวัฒน์ เหมะจะฑา) ... หน่วยงานนี้ควรศึกษาตรวจสอบผลกระทบของวัคซีนอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ประเมินความปลอดภัยให้แน่ใจก่อนจึงรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิดอีก ไม่ใช่กล่าวลอยๆว่าข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนดังกล่าวมาจากแหล่งที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะถ้าข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆหน่วยงานควรดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กล่าวนั้นเพราะสร้างความเสียหาย จะได้มีการพิสูจน์ความจริง 3. ประสบการณ์ตรงที่เป็นกลุ่มเปราะบางคือสูงอายุมีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนโควิดmRNA4เข็ม เพิ่งติดเชื้อโควิดครั้งแรกเมื่อ3เดือนก่อนเพราะรับเด็กทำงานบ้านมาใหม่ออกนอกบ้านไปรับเชื้อมาแพร่ต่อให้ พบว่าตนเองมีอาการน้อยมาก แค่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอและไอเล้กน้อย กินฟ้าทะลายโจร5วันและยาฆ่าเชื้อ1ชุด อาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติ ตนเองเป็นคนที่รักษาสุขภาพ (กินอาหารสุขภาพ ถ่ายอุจจาระทุกวัน ออกกำลังกายเดินทุกวันวันละ30นาที ตากแดด อยู่ในที่อากาศดี นอนหลับดีเพียงพอ ไม่เครียด ใช้ยาเมื่อจำเป็น ตรวจร่างกายประจำ ควบคุมน้ำตาล ไขมัน ความดันเลือด น้ำหนักและโรคประจำตัว) และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย (เช่น กินอาหารสุกร้อน ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากาก ไม่ไปที่เสี่ยงคนแออัด ใช้ของใช้ส่วนตน เป็นต้น)ตลอดมา คิดว่า การป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ควบคุมโรคประจำตัวให้ดีทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีและรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เพราะการกระทำดังกล่าวนี้มีแต่ผลดี นอกจากป้องกันโรคโควิดแล้วยังป้องกันโรคอื่นๆได้ด้วย ประหยัด ยั่งยืนและไม่เกิดผลกระทบใดๆต่อร่างกายและจิตใจตามมา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกข์แบบสะสมที่ค่อยๆ พอกพูนจนไม่เห็นทางออก คือทุกข์ที่เกิดจากการปล่อยให้ปัญหาและความรู้สึกที่ไม่ดีทับถมอยู่ในใจ ไม่หาทางออก ไม่จัดการหรือปล่อยวาง ปล่อยให้ความทุกข์นั้นกลายเป็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำแห่งจิตใจ จนไม่เห็นแสงสว่าง ความคิดที่วนเวียน และความรู้สึกที่ถูกขังอยู่ในความมืด คือผลของการไม่ดูแลจัดการทั้งปัญหาภายนอกและภายใน

    ในทางกลับกัน ทุกข์แบบสว่างคือการรู้จักรับรู้และจัดการกับทุกข์ทีละน้อย มีสติรู้ตัวเมื่อเกิดความทุกข์ขึ้น และมีความกล้าพอที่จะสละความคิดและความรู้สึกที่ทำให้จิตใจมืดมนออกไปเรื่อยๆ คล้ายกับการทิ้งขยะออกจากบ้าน เมื่อขยะถูกทิ้งอย่างต่อเนื่อง บ้านย่อมกลับมาโล่งสะอาด และจิตใจก็จะกลับมาโปร่งเบาสว่างได้

    การเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราสำรวจจิตใจได้ว่ากำลังทุกข์อยู่แค่ไหน หนักหรือเบาลง และเมื่อเราเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของทุกข์อยู่เรื่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย เราจะพบว่าความทุกข์นั้นไม่จำเป็นต้องสะสมจนกลายเป็นความมืดที่มองไม่เห็นทางออก แต่สามารถเบาลงและสว่างขึ้นได้เสมอ

    จงเริ่มต้นด้วยการรับรู้ทุกข์ และหายใจยาวขึ้นเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง นี่คือการเริ่มต้นสังเกตทุกข์ และเมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ คุณจะรู้ได้เองว่า ทุกข์แบบสว่างนั้นเป็นอย่างไร และจะไม่ต้องกลัวว่าจะตกอยู่ในทุกข์แบบมืดสนิท

    ทุกข์แบบสะสมที่ค่อยๆ พอกพูนจนไม่เห็นทางออก คือทุกข์ที่เกิดจากการปล่อยให้ปัญหาและความรู้สึกที่ไม่ดีทับถมอยู่ในใจ ไม่หาทางออก ไม่จัดการหรือปล่อยวาง ปล่อยให้ความทุกข์นั้นกลายเป็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำแห่งจิตใจ จนไม่เห็นแสงสว่าง ความคิดที่วนเวียน และความรู้สึกที่ถูกขังอยู่ในความมืด คือผลของการไม่ดูแลจัดการทั้งปัญหาภายนอกและภายใน ในทางกลับกัน ทุกข์แบบสว่างคือการรู้จักรับรู้และจัดการกับทุกข์ทีละน้อย มีสติรู้ตัวเมื่อเกิดความทุกข์ขึ้น และมีความกล้าพอที่จะสละความคิดและความรู้สึกที่ทำให้จิตใจมืดมนออกไปเรื่อยๆ คล้ายกับการทิ้งขยะออกจากบ้าน เมื่อขยะถูกทิ้งอย่างต่อเนื่อง บ้านย่อมกลับมาโล่งสะอาด และจิตใจก็จะกลับมาโปร่งเบาสว่างได้ การเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราสำรวจจิตใจได้ว่ากำลังทุกข์อยู่แค่ไหน หนักหรือเบาลง และเมื่อเราเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของทุกข์อยู่เรื่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย เราจะพบว่าความทุกข์นั้นไม่จำเป็นต้องสะสมจนกลายเป็นความมืดที่มองไม่เห็นทางออก แต่สามารถเบาลงและสว่างขึ้นได้เสมอ จงเริ่มต้นด้วยการรับรู้ทุกข์ และหายใจยาวขึ้นเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง นี่คือการเริ่มต้นสังเกตทุกข์ และเมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ คุณจะรู้ได้เองว่า ทุกข์แบบสว่างนั้นเป็นอย่างไร และจะไม่ต้องกลัวว่าจะตกอยู่ในทุกข์แบบมืดสนิท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวีร่วมอยู่
    รู้คุณอาศัย
    พึ่งพาสอนใจ
    ให้กรรมดีงาม

    ความคิดพูดทำ
    ธรรมนำติดตาม
    พาให้พ้นข้าม
    ความทุกข์เลวร้าย

    จงพบความดี
    มีสุขทุกข์หาย
    ยิ่งทำยิ่งได้
    ให้เจริญธรรม
    ชีวีร่วมอยู่ รู้คุณอาศัย พึ่งพาสอนใจ ให้กรรมดีงาม ความคิดพูดทำ ธรรมนำติดตาม พาให้พ้นข้าม ความทุกข์เลวร้าย จงพบความดี มีสุขทุกข์หาย ยิ่งทำยิ่งได้ ให้เจริญธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความอยากของมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่ไม่มีวันเต็มอิ่ม ไม่ว่ามนุษย์จะได้รับอะไรมามากแค่ไหน ความรู้สึกไม่เพียงพอก็ยังคงอยู่ หากไม่มีการควบคุมหรือความเข้าใจที่ถูกต้อง ความอยากที่ไม่รู้จักจบสิ้นนี้จะนำพาเราไปสู่ความทุกข์และความวุ่นวายในใจอย่างต่อเนื่อง

    เมื่อมนุษย์เริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกไม่พอใจ แม้จะได้รับสิ่งที่ต้องการจนมากมาย มันสะท้อนถึงความจริงที่ว่า ความอยากไม่ได้ช่วยให้เราสงบหรือมีความสุขอย่างแท้จริง ตรงจุดนี้ จะเกิดทางสองแพร่งให้เลือก คือ การตามใจความอยากไปเรื่อยๆ หรือการเริ่มเห็นความไร้แก่นสารของความอยาก และหาทางทิ้งมัน

    ผู้ที่เห็นความอยากเป็นสิ่งที่ต้องทิ้ง คือผู้ที่พร้อมที่จะเดินตามแนวทางพุทธ เมื่อเราเจริญสติและสังเกตความอยาก เห็นมันเป็นแค่ภาวะชั่วคราวที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เราจะเริ่มเข้าใจว่าความอยากนั้นไม่มีความเที่ยงแท้ เพียงแต่ฉุดเราให้วิ่งไปตามความรู้สึกว่างเปล่าครั้งแล้วครั้งเล่า

    เมื่อเราฝึกสติเห็นความอยากเป็นแค่สภาวะที่ไม่เที่ยง ความอยากนั้นจะค่อยๆ หมดอำนาจ เมื่อเรารู้เท่าทันและไม่วิ่งตามมันอีก เราจะพบกับความสงบในใจ และเข้าใจถึงจุดหมายของการเจริญสติ คือ การมีใจที่ฉลาดและไม่ถูกความอยากฉุดให้เราวิ่งตามอย่างไม่รู้จบ

    ทางแห่งพุทธปัญญานั้นเริ่มจากการเห็นความจริงของความอยาก ว่าเป็นเพียงสภาวะที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป การมีสติรู้เท่าทันจะนำไปสู่การปล่อยวาง และชีวิตที่เหลือจะเป็นการเฝ้าดูมันอย่างมีสติ เพื่อตัดสินใจไม่ตามความอยากนั้นอีกต่อไป
    ความอยากของมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่ไม่มีวันเต็มอิ่ม ไม่ว่ามนุษย์จะได้รับอะไรมามากแค่ไหน ความรู้สึกไม่เพียงพอก็ยังคงอยู่ หากไม่มีการควบคุมหรือความเข้าใจที่ถูกต้อง ความอยากที่ไม่รู้จักจบสิ้นนี้จะนำพาเราไปสู่ความทุกข์และความวุ่นวายในใจอย่างต่อเนื่อง เมื่อมนุษย์เริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกไม่พอใจ แม้จะได้รับสิ่งที่ต้องการจนมากมาย มันสะท้อนถึงความจริงที่ว่า ความอยากไม่ได้ช่วยให้เราสงบหรือมีความสุขอย่างแท้จริง ตรงจุดนี้ จะเกิดทางสองแพร่งให้เลือก คือ การตามใจความอยากไปเรื่อยๆ หรือการเริ่มเห็นความไร้แก่นสารของความอยาก และหาทางทิ้งมัน ผู้ที่เห็นความอยากเป็นสิ่งที่ต้องทิ้ง คือผู้ที่พร้อมที่จะเดินตามแนวทางพุทธ เมื่อเราเจริญสติและสังเกตความอยาก เห็นมันเป็นแค่ภาวะชั่วคราวที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เราจะเริ่มเข้าใจว่าความอยากนั้นไม่มีความเที่ยงแท้ เพียงแต่ฉุดเราให้วิ่งไปตามความรู้สึกว่างเปล่าครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเราฝึกสติเห็นความอยากเป็นแค่สภาวะที่ไม่เที่ยง ความอยากนั้นจะค่อยๆ หมดอำนาจ เมื่อเรารู้เท่าทันและไม่วิ่งตามมันอีก เราจะพบกับความสงบในใจ และเข้าใจถึงจุดหมายของการเจริญสติ คือ การมีใจที่ฉลาดและไม่ถูกความอยากฉุดให้เราวิ่งตามอย่างไม่รู้จบ ทางแห่งพุทธปัญญานั้นเริ่มจากการเห็นความจริงของความอยาก ว่าเป็นเพียงสภาวะที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป การมีสติรู้เท่าทันจะนำไปสู่การปล่อยวาง และชีวิตที่เหลือจะเป็นการเฝ้าดูมันอย่างมีสติ เพื่อตัดสินใจไม่ตามความอยากนั้นอีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😶ความคิดถึง
    เป็นความทุกข์รูปแบบหนึ่ง
    😶ความคิดถึง เป็นความทุกข์รูปแบบหนึ่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts