• อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป
    สัทธรรมลำดับที่ : 1015
    ชื่อบทธรรม :- อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1015
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป
    --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาชนบททางทิศใต้ มีพิธีกรรม ชื่อโธวนะ(พิธีเครื่องชำระบาป)​.
    ในพิธีกรรมนั้น มีข้าว มีน้ำ มีของเคี้ยว ของบริโภค มีของควรลิ้ม ของควรดื่ม
    มีการฟ้อน การขับ และการประโคม.
    --ภิกษุ ท. ! พิธีกรรม ชื่อโธวนะ นั้น มีอยู่ มิใช่เรากล่าวว่าไม่มี
    แต่ว่าพิธีกรรมชื่อโธวนะนั้น เป็นของต่ำ
    เป็นของ ชาวบ้าน ควรแก่บุถุชน
    ไมใช่ของอารยชน ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
    ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์
    เพื่อความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม
    และนิพพาน.
    --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง #โธวนะอันประเสริฐ
    http://etipitaka.com/read/pali/24/232/?keywords=อริยํ+โธวนํ
    ที่เป็นไปพร้อมเพื่อ ความหน่ายทุกข์โดยส่วนเดียว
    เพื่อเป็นความคลายกำหนด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม
    และนิพพาน
    เป็นโธวนะที่เมื่อสัตว์
    ผู้มีความเกิดเป็น ธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความเกิด,
    ผู้มีความแก่เป็นธรรมดาได้ อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความแก่,
    ผู้มีความตายเป็นธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความตาย,
    ผู้มีความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจได้อาศัยแล้ว
    ย่อมหลุดพ้นจากความโศก ความ ร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/232/?keywords=อริยํ+โธวนํ
    พวกเธอจงฟังคำนั้น จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว.
    (ต่อจากนั้น ทรงแสดงอเสขธรรม ๑๐ ประการ คือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
    สัมมาญาณะ สัมมาวิมุตติ
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/185/107
    http://etipitaka.com/read/thai/24/185/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๓๑/๑๐๗
    http://etipitaka.com/read/pali/24/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%97
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1015
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป สัทธรรมลำดับที่ : 1015 ชื่อบทธรรม :- อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1015 เนื้อความทั้งหมด :- --อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาชนบททางทิศใต้ มีพิธีกรรม ชื่อโธวนะ(พิธีเครื่องชำระบาป)​. ในพิธีกรรมนั้น มีข้าว มีน้ำ มีของเคี้ยว ของบริโภค มีของควรลิ้ม ของควรดื่ม มีการฟ้อน การขับ และการประโคม. --ภิกษุ ท. ! พิธีกรรม ชื่อโธวนะ นั้น มีอยู่ มิใช่เรากล่าวว่าไม่มี แต่ว่าพิธีกรรมชื่อโธวนะนั้น เป็นของต่ำ เป็นของ ชาวบ้าน ควรแก่บุถุชน ไมใช่ของอารยชน ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ เพื่อความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน. --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง #โธวนะอันประเสริฐ http://etipitaka.com/read/pali/24/232/?keywords=อริยํ+โธวนํ ที่เป็นไปพร้อมเพื่อ ความหน่ายทุกข์โดยส่วนเดียว เพื่อเป็นความคลายกำหนด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน เป็นโธวนะที่เมื่อสัตว์ ผู้มีความเกิดเป็น ธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความเกิด, ผู้มีความแก่เป็นธรรมดาได้ อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความแก่, ผู้มีความตายเป็นธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความตาย, ผู้มีความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความโศก ความ ร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ. http://etipitaka.com/read/pali/24/232/?keywords=อริยํ+โธวนํ พวกเธอจงฟังคำนั้น จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว. (ต่อจากนั้น ทรงแสดงอเสขธรรม ๑๐ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุตติ ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/185/107 http://etipitaka.com/read/thai/24/185/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๓๑/๑๐๗ http://etipitaka.com/read/pali/24/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%97 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1015 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป
    -อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชำระบาป ภิกษุ ท. ! ในบรรดาชนบททางทิศใต้ มีพิธีกรรม ชื่อโธวนะ. ในพิธีกรรมนั้น มีข้าว มีน้ำ มีของเคี้ยว ของบริโภค มีของควรลิ้ม ของควรดื่ม มีการฟ้อน การขับ และการประโคม. ภิกษุ ท. ! พิธีกรรมชื่อโธวนะนั้น มีอยู่ มิใช่เรากล่าวว่าไม่มี แต่ว่าพิธีกรรมชื่อโธวนะนั้น เป็นของต่ำ เป็นของ ชาวบ้าน ควรแก่บุถุชน ไมใช่ของอารยชน ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น ไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ เพื่อความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน. ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง โธวนะอันประเสริฐ ที่เป็นไปพร้อมเพื่อ ความหน่ายทุกข์โดยส่วนเดียว เพื่อเป็นความคลายกำหนด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน เป็นโธวนะที่เมื่อสัตว์ผู้มีความเกิดเป็น ธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความเกิด, ผู้มีความแก่เป็นธรรมดาได้ อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความแก่, ผู้มีความตายเป็นธรรมดาได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความตาย, ผู้มีความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจได้อาศัยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากความโศก ความ ร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ. พวกเธอจงฟังคำนั้น จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว. (ต่อจากนั้น ทรงแสดงอเสขธรรม ๑๐ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุตติ).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿 เส้นทางกรรม...คือเส้นทางชีวิตที่คุณเลือกเดินทุกวัน

    เราไม่ได้เดินอยู่บนถนนที่บังเอิญ
    แต่กำลังเดินบน “เส้นทางกรรม”
    ที่ถูกปูไว้ด้วย “นิสัย” ที่เราทำซ้ำ ๆ
    — จนกลายเป็นตัวเราโดยไม่รู้ตัว

    ในทางธรรม
    นิสัย = อาจิณณกรรม
    คือการทำซ้ำ ๆ จนเป็นธรรมชาติ
    คิดซ้ำแบบเดิม พูดซ้ำแบบเดิม
    ทำซ้ำแบบเดิม แล้วก็มีชีวิตแบบเดิม

    ---

    คนมีนิสัยแบบไหน
    ก็เจอคนแบบนั้น
    อยู่ในโลกแบบนั้น

    โลกที่เราอยู่ จึงไม่เหมือนกัน
    บางคนอยู่ในโลกที่แก่งแย่ง
    บางคนอยู่ในโลกที่ร่วมแรงร่วมใจ



    โลกมีสองใบ
    ใบหนึ่งคือ โลกที่เอาแต่สุขเฉพาะตน
    อีกใบคือ โลกที่เอาสุขของทุกคนเข้าว่า

    🌪 โลกใบแรก เต็มไปด้วยการแย่งชิง
    พูดโกหกให้ได้ ทำร้ายให้ทัน
    เพราะคิดว่า “ความสุขของเรา ต้องมาก่อน”
    แต่กลับไม่มีใครเป็นสุขจริง
    แม้แต่ตัวเราเอง

    🍃 โลกใบที่สอง เต็มไปด้วยการให้
    ให้โดยไม่หวังอะไร
    ยับยั้งใจ ไม่เบียดเบียนใคร
    เพราะเข้าใจว่า “ไม่มีใครเป็นสุข บนความทุกข์ของใครได้จริง ๆ”

    ---

    ทุกครั้งที่คุณเลือกทำดี
    คุณกำลังเลือก “เส้นทางกรรม”
    ที่ค่อย ๆ พาคุณออกจากโลกเก่าที่ขม
    เข้าสู่โลกใหม่ที่เย็นและใสกว่าเดิม

    🛤 โลกที่คุณเห็น
    ผู้คนที่คุณเจอ
    ประสบการณ์ที่คุณสัมผัส
    ล้วนเป็นผลจากเส้นทางกรรม…
    ที่คุณ เคยเลือก และ กำลังเลือกอยู่ในตอนนี้!

    🌱 ขอให้คุณเห็นทางที่สว่าง
    แล้วเลือกเดิน…อย่างรู้ตัวทุกย่างก้าว

    #เส้นทางกรรม
    #ธรรมะแบบรู้ทันชีวิต
    #เข้าใจโลกเข้าใจตน
    🌿 เส้นทางกรรม...คือเส้นทางชีวิตที่คุณเลือกเดินทุกวัน เราไม่ได้เดินอยู่บนถนนที่บังเอิญ แต่กำลังเดินบน “เส้นทางกรรม” ที่ถูกปูไว้ด้วย “นิสัย” ที่เราทำซ้ำ ๆ — จนกลายเป็นตัวเราโดยไม่รู้ตัว ในทางธรรม นิสัย = อาจิณณกรรม คือการทำซ้ำ ๆ จนเป็นธรรมชาติ คิดซ้ำแบบเดิม พูดซ้ำแบบเดิม ทำซ้ำแบบเดิม แล้วก็มีชีวิตแบบเดิม --- คนมีนิสัยแบบไหน ก็เจอคนแบบนั้น อยู่ในโลกแบบนั้น โลกที่เราอยู่ จึงไม่เหมือนกัน บางคนอยู่ในโลกที่แก่งแย่ง บางคนอยู่ในโลกที่ร่วมแรงร่วมใจ — โลกมีสองใบ ใบหนึ่งคือ โลกที่เอาแต่สุขเฉพาะตน อีกใบคือ โลกที่เอาสุขของทุกคนเข้าว่า 🌪 โลกใบแรก เต็มไปด้วยการแย่งชิง พูดโกหกให้ได้ ทำร้ายให้ทัน เพราะคิดว่า “ความสุขของเรา ต้องมาก่อน” แต่กลับไม่มีใครเป็นสุขจริง แม้แต่ตัวเราเอง 🍃 โลกใบที่สอง เต็มไปด้วยการให้ ให้โดยไม่หวังอะไร ยับยั้งใจ ไม่เบียดเบียนใคร เพราะเข้าใจว่า “ไม่มีใครเป็นสุข บนความทุกข์ของใครได้จริง ๆ” --- ทุกครั้งที่คุณเลือกทำดี คุณกำลังเลือก “เส้นทางกรรม” ที่ค่อย ๆ พาคุณออกจากโลกเก่าที่ขม เข้าสู่โลกใหม่ที่เย็นและใสกว่าเดิม 🛤 โลกที่คุณเห็น ผู้คนที่คุณเจอ ประสบการณ์ที่คุณสัมผัส ล้วนเป็นผลจากเส้นทางกรรม… ที่คุณ เคยเลือก และ กำลังเลือกอยู่ในตอนนี้! 🌱 ขอให้คุณเห็นทางที่สว่าง แล้วเลือกเดิน…อย่างรู้ตัวทุกย่างก้าว #เส้นทางกรรม #ธรรมะแบบรู้ทันชีวิต #เข้าใจโลกเข้าใจตน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันไม่ใช่แค่บทเพลงเท่านั้น แต่มันคือเลือดเนื้อ วิญญาณ และน้ำตา ของชายผู้ยากไร้คนหนึ่งที่อาศัยเพียงความรักในเสียงดนตรีเท่านั้นใช้เวลาทุ่มเทถึง 10 เดือนเต็ม รังสรรค์มันขึ้นมา

    ตลอดเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากมากมาย ต้องอดมื้อกินมื้อ อดหลับอดนอน เจ็บป่วย เหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายที่ทุ่มเทให้กับงานและจิตใจที่ครุ่นคิดกลั่นกรองท่วงทำนองอันซับซ้อนอ่อนหวานออกมา ในขณะที่ต้องแบกรับคำดูแคลนต่าง ๆ ของผู้คนไปด้วยตลอดระยะเวลาที่ทุ่มเทนั้น

    #ความไพเราะที่กลั่นออกมาจากความขื่นขม ที่ชายผู้ยากไร้คนนั้นปราถนาจะแบ่งให้ทุกคนได้เสพสัมผัสสุนทรียรสของมันจากใจจริงที่จริงใจ
    มันไม่ใช่แค่บทเพลงเท่านั้น แต่มันคือเลือดเนื้อ วิญญาณ และน้ำตา ของชายผู้ยากไร้คนหนึ่งที่อาศัยเพียงความรักในเสียงดนตรีเท่านั้นใช้เวลาทุ่มเทถึง 10 เดือนเต็ม รังสรรค์มันขึ้นมา ตลอดเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากมากมาย ต้องอดมื้อกินมื้อ อดหลับอดนอน เจ็บป่วย เหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายที่ทุ่มเทให้กับงานและจิตใจที่ครุ่นคิดกลั่นกรองท่วงทำนองอันซับซ้อนอ่อนหวานออกมา ในขณะที่ต้องแบกรับคำดูแคลนต่าง ๆ ของผู้คนไปด้วยตลอดระยะเวลาที่ทุ่มเทนั้น #ความไพเราะที่กลั่นออกมาจากความขื่นขม ที่ชายผู้ยากไร้คนนั้นปราถนาจะแบ่งให้ทุกคนได้เสพสัมผัสสุนทรียรสของมันจากใจจริงที่จริงใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู
    สัทธรรมลำดับที่ : 271
    ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว,
    เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น.
    +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู
    ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้.
    +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ
    กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้,
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ;
    +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น.
    --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ,
    พึงเว้นขาดจากกาม,
    #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้
    ฉะนั้น แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู สัทธรรมลำดับที่ : 271 ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 เนื้อความทั้งหมด :- --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408. http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    -กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และกามทั้งหลายอื่น ๆเป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, ละกามแล้ว พึงข้ามโอฆะเสียได้ ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้ว ก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎกChoawalit Chotwattanaphong ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก[1] ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราหู รุ่นพลังอำนาจ วัดศรีษะทอง ปี2556
    พระราหู รุ่น พลังอำนาจ เนื้อบรอนซ์นอกอิตาลี+นวะกลับดำ ( สร้าง 888 องค์ ) ด้านหลัง เป็นเนื้อกะลาตาเดียวพระคาถายิงด้วยเลเซอร์ ( ตอกโค๊ต รันนัมเบอร์ เลขสวย ๘๔๘ ) วัดศีรษะทอง ปี2556 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ณ พระอุโบสถ วัดศรีษะทอง วันที่ 27 ตุลาคม 2556 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแก้ดวงร้ายให้กลายเป็นดี แก้ปีชง แก้คุณไสย ขจัดความทุกข์ ให้ชีวิตดีราบรื่น มีโชคมีลาภมีผล สามารถคุ้มครองเกื้อหนุนดวงชะตาแก่ผู้ที่มีไว้สักการะบูชาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรืองในชีวิต เกื้อหนุนดวงชะตา เมตตามหาสิทธิโชค แก้ดวงตกเสริมดวงชะตา แก้ปีชง >>

    ** พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ณ พระอุโบสถ วัดศรีษะทอง วันที่ 27 ตุลาคม 2556 และยังได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศอีกด้วย โดยมีเกจิอาจารย์นั่งปรกหลายสิบรูป เทพพระราหู ตำนานเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เล่าขานกันไม่รู้จบถึงความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ และ เป็นเทพผู้เปลียนเคราะห์กรรมเป็นโชตลาภที่เชื่อกันว่าสามารถคุ้มครองเกื้อหนุนดวงชะตาแก่ผู้ที่มีไว้สักการะบูชาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรืองในชีวิต >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระราหู รุ่นพลังอำนาจ วัดศรีษะทอง ปี2556 พระราหู รุ่น พลังอำนาจ เนื้อบรอนซ์นอกอิตาลี+นวะกลับดำ ( สร้าง 888 องค์ ) ด้านหลัง เป็นเนื้อกะลาตาเดียวพระคาถายิงด้วยเลเซอร์ ( ตอกโค๊ต รันนัมเบอร์ เลขสวย ๘๔๘ ) วัดศีรษะทอง ปี2556 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ณ พระอุโบสถ วัดศรีษะทอง วันที่ 27 ตุลาคม 2556 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแก้ดวงร้ายให้กลายเป็นดี แก้ปีชง แก้คุณไสย ขจัดความทุกข์ ให้ชีวิตดีราบรื่น มีโชคมีลาภมีผล สามารถคุ้มครองเกื้อหนุนดวงชะตาแก่ผู้ที่มีไว้สักการะบูชาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรืองในชีวิต เกื้อหนุนดวงชะตา เมตตามหาสิทธิโชค แก้ดวงตกเสริมดวงชะตา แก้ปีชง >> ** พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ณ พระอุโบสถ วัดศรีษะทอง วันที่ 27 ตุลาคม 2556 และยังได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศอีกด้วย โดยมีเกจิอาจารย์นั่งปรกหลายสิบรูป เทพพระราหู ตำนานเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เล่าขานกันไม่รู้จบถึงความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ และ เป็นเทพผู้เปลียนเคราะห์กรรมเป็นโชตลาภที่เชื่อกันว่าสามารถคุ้มครองเกื้อหนุนดวงชะตาแก่ผู้ที่มีไว้สักการะบูชาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรืองในชีวิต >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาให้เห็นโทษของกามว่าความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 261
    ชื่อบทธรรม :- ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย
    ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย
    เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร,
    แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ?
    “หามิได้ พระเจ้าข้า !
    ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม
    แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ,
    ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง.
    กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก
    มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่
    ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก,
    ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า,
    ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง,
    ควรเปรียบด้วยความฝัน,
    ควรเปรียบด้วยของยืม,
    ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้,
    ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว,
    และควรเปรียบด้วยหัวงู,
    ดังนี้”
    --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม
    แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ
    ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง.
    กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก
    มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่
    ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก,
    ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า,
    ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง,
    ควรเปรียบด้วยของในความฝัน,
    ควรเปรียบด้วยของยืม,
    ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้,
    ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว,
    และควรเปรียบด้วยหัวงู
    ฉะนั้น.
    ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด
    จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย,
    ข้อนั้น #จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน
    แก่โมฆบุรุษนั้นแล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก#พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/184/276.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/184/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๖๔/๒๗๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/264/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=261
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17
    ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาให้เห็นโทษของกามว่าความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 261 ชื่อบทธรรม :- ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261 เนื้อความทั้งหมด :- --ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ --ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร, แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ? “หามิได้ พระเจ้าข้า ! ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ, ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู, ดังนี้” --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยของในความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู ฉะนั้น. ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย, ข้อนั้น #จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน แก่โมฆบุรุษนั้นแล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก​ #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/184/276. http://etipitaka.com/read/thai/12/184/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๖๔/๒๗๖. http://etipitaka.com/read/pali/12/264/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=261 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17 ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    -ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร, แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ? “หามิได้ พระเจ้าข้า ! ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ, ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะ ทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ. ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู, ดังนี้” ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยของในความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู ฉะนั้น. ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย, ข้อนั้น จักเป็นไป เพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน แก่โมฆบุรุษนั้นแล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์ประกอบของมรรค 8:
    1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ):
    คือความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่เห็นผิดตามความคิดอันตราย เช่น ความเห็นที่ว่าไม่มีกรรม ไม่มีผลของการกระทำ.
    2. สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ):
    คือการดำริในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการดำริถึงความสุขทางโลก ความสุขทางธรรม หรือการดำริถึงความไม่รุนแรงต่อผู้อื่น.
    3. สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ):
    คือการพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ.
    4. สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ):
    คือการกระทำที่ถูกที่ควร ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม.
    5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ):
    คือการทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง.
    6. สัมมาวายามะ (ความพยายามชอบ):
    คือความพยายามที่จะละความชั่ว ป้องกันมิให้ความชั่วเกิดขึ้น พยายามสร้างความดีให้เกิดและรักษาความดีให้คงอยู่.
    7. สัมมาสติ (การระลึกชอบ):
    คือการระลึกถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง รู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร.
    8. สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมั่นชอบ):
    คือการตั้งจิตให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน หรือการมีสมาธิที่ทำให้จิตสงบ.
    การนำไปใช้:
    การปฏิบัติมรรค 8 ช่วยให้ลดความทุกข์ ลดความขัดแย้งในจิตใจ และนำไปสู่การดับทุกข์ในที่สุด. การฝึกฝนความเห็นชอบ การดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และความตั้งจิตมั่นชอบ จะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและสังคมให้ดีขึ้น.
    องค์ประกอบของมรรค 8: 1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ): คือความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่เห็นผิดตามความคิดอันตราย เช่น ความเห็นที่ว่าไม่มีกรรม ไม่มีผลของการกระทำ. 2. สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ): คือการดำริในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการดำริถึงความสุขทางโลก ความสุขทางธรรม หรือการดำริถึงความไม่รุนแรงต่อผู้อื่น. 3. สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ): คือการพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ. 4. สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ): คือการกระทำที่ถูกที่ควร ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม. 5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ): คือการทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง. 6. สัมมาวายามะ (ความพยายามชอบ): คือความพยายามที่จะละความชั่ว ป้องกันมิให้ความชั่วเกิดขึ้น พยายามสร้างความดีให้เกิดและรักษาความดีให้คงอยู่. 7. สัมมาสติ (การระลึกชอบ): คือการระลึกถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง รู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร. 8. สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมั่นชอบ): คือการตั้งจิตให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน หรือการมีสมาธิที่ทำให้จิตสงบ. การนำไปใช้: การปฏิบัติมรรค 8 ช่วยให้ลดความทุกข์ ลดความขัดแย้งในจิตใจ และนำไปสู่การดับทุกข์ในที่สุด. การฝึกฝนความเห็นชอบ การดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และความตั้งจิตมั่นชอบ จะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและสังคมให้ดีขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • คู่แท้จะมา…เมื่อจิตนิ่งพอจะรักเป็น

    บางที รางวัลของคนดี
    ไม่ใช่การได้เจอคนรักเร็ว ๆ
    แต่คือการได้เจอใครบางคน...
    เมื่อใจเรานิ่งพอจะรักษาเขาไว้ได้

    เพราะธรรมชาติไม่ได้กะเกณฑ์ให้เจอรักง่าย
    แต่ให้เรา เรียนรู้จากความทุกข์เสียก่อน
    เพื่อเติบโตจากการผิดหวัง
    และเข้าใจความรักอย่างแท้จริง

    บางคนพลาดคู่แท้
    ไม่ใช่เพราะไม่ดีพอ
    แต่เพราะ ยังวุ่นวายพอจะทำลายรัก
    ขณะเดียวกัน…
    คู่แท้ก็ยังไม่อยากเจอเรา
    ในวันที่เรายังไม่รู้จัก “การหยุดนิ่ง”

    อาจิณณกรรม หรือนิสัยเดิม ๆ
    เป็นตัวขวางทางความรักดี ๆ
    เพราะนิสัยที่ยังฟุ้งซ่าน หวาดระแวง
    หรือไม่รู้จักพอ
    อาจทำลายคนที่ใช่…ทั้งที่ใจยังรักอยู่

    เมื่อเราผ่านบทเรียนของชีวิตมาพอ
    เมื่อเจ็บแล้วไม่โทษโลก
    แต่เลือกจะเข้าใจตัวเองให้ลึกกว่าเดิม
    เมื่อเรายอมอยู่กับความว่างเปล่าอย่างสงบ
    โดยไม่รีบเติมใครเข้ามา
    นั่นแหละ...
    ธรรมชาติอาจยอมเปิดตัวใครบางคนให้เรา
    คนที่คู่ควรกับใจนิ่ง ๆ ของเราในตอนนี้

    อย่าท้อกับความดีที่ยังไม่มีใครเห็น
    เพราะบางที “คนที่ใช่” ก็รอให้เรากลายเป็น “ตัวจริง” เสียก่อน
    เมื่อเราเริ่มอยู่กับธรรมะ
    เมื่อใจเริ่มเป็นบุญ
    เมื่อใจไม่เร่ง…ไม่เรียกร้อง
    นั่นแหละ
    คู่แท้ที่รอเวลาจะรักอย่างถาวร…จึงปรากฏตัวขึ้น
    คู่แท้จะมา…เมื่อจิตนิ่งพอจะรักเป็น บางที รางวัลของคนดี ไม่ใช่การได้เจอคนรักเร็ว ๆ แต่คือการได้เจอใครบางคน... เมื่อใจเรานิ่งพอจะรักษาเขาไว้ได้ เพราะธรรมชาติไม่ได้กะเกณฑ์ให้เจอรักง่าย แต่ให้เรา เรียนรู้จากความทุกข์เสียก่อน เพื่อเติบโตจากการผิดหวัง และเข้าใจความรักอย่างแท้จริง บางคนพลาดคู่แท้ ไม่ใช่เพราะไม่ดีพอ แต่เพราะ ยังวุ่นวายพอจะทำลายรัก ขณะเดียวกัน… คู่แท้ก็ยังไม่อยากเจอเรา ในวันที่เรายังไม่รู้จัก “การหยุดนิ่ง” อาจิณณกรรม หรือนิสัยเดิม ๆ เป็นตัวขวางทางความรักดี ๆ เพราะนิสัยที่ยังฟุ้งซ่าน หวาดระแวง หรือไม่รู้จักพอ อาจทำลายคนที่ใช่…ทั้งที่ใจยังรักอยู่ เมื่อเราผ่านบทเรียนของชีวิตมาพอ เมื่อเจ็บแล้วไม่โทษโลก แต่เลือกจะเข้าใจตัวเองให้ลึกกว่าเดิม เมื่อเรายอมอยู่กับความว่างเปล่าอย่างสงบ โดยไม่รีบเติมใครเข้ามา นั่นแหละ... ธรรมชาติอาจยอมเปิดตัวใครบางคนให้เรา คนที่คู่ควรกับใจนิ่ง ๆ ของเราในตอนนี้ อย่าท้อกับความดีที่ยังไม่มีใครเห็น เพราะบางที “คนที่ใช่” ก็รอให้เรากลายเป็น “ตัวจริง” เสียก่อน เมื่อเราเริ่มอยู่กับธรรมะ เมื่อใจเริ่มเป็นบุญ เมื่อใจไม่เร่ง…ไม่เรียกร้อง นั่นแหละ คู่แท้ที่รอเวลาจะรักอย่างถาวร…จึงปรากฏตัวขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาคนกล่าวคำเท็จเพราะกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 255
    ชื่อบทธรรม :- คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=255
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉัน นั่งแล้ว ในที่วินิจฉัยอรรถคดีนั่นแหละ
    ได้เห็นพวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง
    ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ
    มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย
    ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ
    เพราะกามเป็นเหตุ
    เพราะกามเป็นต้นเหตุ
    เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความคิดได้เกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน ว่า
    ‘บัดนี้พอแล้ว ในการวินิจฉัยอรรถคดี,
    บัดนี้ภัท๎รมุข (วิฑูฑภะ) จักปรากฏตัว ในการวินิจฉัยอรรถคดีสืบไป’
    ดังนี้.

    --มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น,
    --มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น ;
    --มหาราช ! คือข้อที่
    พวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง
    พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง
    พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง
    ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ
    มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย
    #ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ
    เพราะกามเป็นเหตุ
    เพราะกามเป็นต้นเหตุ
    เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา.
    การทำเช่นนี้ ของคนเหล่านั้น จักเป็นไป เพื่อความทุกข์
    อันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน ;
    +--ครั้นตรัสดังนี้แล้ว
    ได้ตรัสต่อไปซึ่งเป็นคำร้อยกรอง ว่า :-
    "ผู้ย้อมติดอยู่ในการบริโภคกาม
    พัวพัน เมาหมกอยู่ในกามทั้งหลาย
    ย่อมไม่รู้สึกความหลวมตัวของตัว
    ดั่งมัศยาชาติ พลัดเข้าสู่เครื่องดัก ฉะนั้น.
    ความเดือดร้อน ย่อมมีแก่เขา ในภายหลัง
    เพราะว่า ผล ที่เขาสร้างไว้ เป็นความชั่ว”
    ดังนี้ แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก#พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/93/343-345.
    http://etipitaka.com/read/thai/15/93/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๑๐๗/๓๔๓-๓๔๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/15/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=255
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=255
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17
    ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังเสียง
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาคนกล่าวคำเท็จเพราะกาม สัทธรรมลำดับที่ : 255 ชื่อบทธรรม :- คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=255 เนื้อความทั้งหมด :- --คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉัน นั่งแล้ว ในที่วินิจฉัยอรรถคดีนั่นแหละ ได้เห็นพวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นต้นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความคิดได้เกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน ว่า ‘บัดนี้พอแล้ว ในการวินิจฉัยอรรถคดี, บัดนี้ภัท๎รมุข (วิฑูฑภะ) จักปรากฏตัว ในการวินิจฉัยอรรถคดีสืบไป’ ดังนี้. ” --มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น, --มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น ; --มหาราช ! คือข้อที่ พวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย #ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นต้นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา. การทำเช่นนี้ ของคนเหล่านั้น จักเป็นไป เพื่อความทุกข์ อันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน ; +--ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ได้ตรัสต่อไปซึ่งเป็นคำร้อยกรอง ว่า :- "ผู้ย้อมติดอยู่ในการบริโภคกาม พัวพัน เมาหมกอยู่ในกามทั้งหลาย ย่อมไม่รู้สึกความหลวมตัวของตัว ดั่งมัศยาชาติ พลัดเข้าสู่เครื่องดัก ฉะนั้น. ความเดือดร้อน ย่อมมีแก่เขา ในภายหลัง เพราะว่า ผล ที่เขาสร้างไว้ เป็นความชั่ว” ดังนี้ แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก​ #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/93/343-345. http://etipitaka.com/read/thai/15/93/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๑๐๗/๓๔๓-๓๔๕. http://etipitaka.com/read/pali/15/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=255 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=255 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17 ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังเสียง http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม
    -คนกล่าวคำเท็จเพราะกาม “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉัน นั่งแล้ว ในที่วินิจฉัยอรรถคดีนั่นแหละ ได้เห็นพวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นต้นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความคิดได้เกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน ว่า ‘บัดนี้พอแล้ว ในการวินิจฉัยอรรถคดี, บัดนี้ภัท๎รมุข (วิฑูฑภะ) จักปรากฏตัว ในการวินิจฉัยอรรถคดีสืบไป’ ดังนี้.” มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น, มหาราช ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น ; มหาราช ! คือข้อที่พวกกษัตริย์มหาศาลบ้าง พวกพราหมณ์มหาศาลบ้าง พวกคฤหบดีมหาศาลบ้าง ซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองเงินเพียงพอ มีอุปกรณ์ในการหาทรัพย์มากมาย มีข้าวเปลือกเป็นหลักทรัพย์อยู่มากมาย ทำการกล่าวเท็จทั้งที่รู้ว่าเป็นเท็จ เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็น ต้นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องทำให้พูดออกมา. การทำเช่นนี้ ของคนเหล่านั้น จักเป็นไป เพื่อความทุกข์ อันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน ; ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ได้ตรัสต่อไปซึ่งเป็นคำร้อยกรอง ว่า : ผู้ย้อมติดอยู่ในการบริโภคกาม พัวพัน เมาหมกอยู่ในกามทั้งหลาย ย่อมไม่รู้สึกความหลวมตัวของตัว ดั่งมัศยาชาติ พลัดเข้าสู่เครื่องดัก ฉะนั้น. ความเดือดร้อน ย่อมมีแก่เขา ในภายหลัง เพราะว่า ผล ที่เขาสร้างไว้ เป็นความชั่ว” ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาอัฏฐังคิกมรรคเป็นการทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    สัทธรรมลำดับที่ : 997
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค
    --อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขก
    มาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง
    มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี
    (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค :-
    +--ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้.
    (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น
    ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง
    เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น).
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์;
    กล่าวคือ
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า
    (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ?
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญ
    สัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . .
    สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . .
    สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ
    ชนิดที่
    มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง.
    --ภิกษุ ท. ! #เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล
    (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).-

    (----+
    ธรรม ๔ อย่างในสูตรนี้ เรียงลำดับไว้เป็น
    ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ
    ตรงกับหลักธรรมดาทั่วๆไป ของอริยสัจสี่;
    แต่มีสูตรอื่น (อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙) เรียงลำดับไว้เป็นอย่างอื่น คือ
    ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้เจริญ ควรทำให้แจ้ง,
    ดังนี้ก็มี;
    ---อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙
    http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99
    แต่ก็ยังคงเป็นอริยสัจสี่ได้อยู่นั่นเอง ไม่มีผลเป็นการขัดแย้งกันแต่ประการใด.
    +--พระบาลีในสูตรนี้ แสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคไว้เป็น
    วิเวกนิสฺสิต วิราคนิสฺสิต นิโรธนิสฺสิต โวสฺสคฺคปริณามี;
    มีสูตรอื่นๆแสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคในกรณีเช่นนี้ แปลกออกไปเป็น
    ราควินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน,
    โทสวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน,
    โมหวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๗);
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๗
    http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%97
    อมโตคธ : หยั่งลงสู่อมตะ,
    อมตปรายน : มีเบื้องหน้าเป็นอมตะ,
    อมตปริโยสาน : มีอมตะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๙);
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๙
    http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%99
    นิพฺพานนินฺน : เอียงไปสู่นิพพาน,
    นิพฺพานโปณ : โน้มไปสู่นิพพาน,
    นิพฺพานปพฺภาร : เงื้อมไปสู่นิพพาน (๑๙/๗๐/๒๗๑) ; ดังนี้ก็มี ;
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๗๐/๒๗๑
    http://etipitaka.com/read/pali/19/70/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%91
    แม้โดยพยัญชนะจะต่างกัน แต่ก็มุ่งไปยังความหมายอย่างเดียวกัน.
    +--ข้อควรสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    วัตถุแห่งกิจของอริยสัจในสูตรนี้
    แสดงไว้ต่างจากสูตรที่รู้กันอยู่ทั่วไป, คือสูตรทั่วๆไป
    วัตถุแห่งการกำหนดรู้ แสดงไว้ด้วย ความทุกข์ทุกชนิด
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย ปัญจุปาทานขันธ์เท่านั้น;
    วัตถุแห่งการละ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย ตัณหาสาม
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย อวิชชาและภวตัณหา;
    วัตถุแห่งการทำให้แจ้ง สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย การดับแห่งตัณหา
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย วิชชาและวิมุตติ;
    วัตถุแห่งการทำให้เจริญ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย อริยอัฏฐังคิกมรรค
    ส่วนในสูตรนี้แสดงไว้ด้วย สมถะและวิปัสสนา.
    +--ถ้าผู้ศึกษาเข้าใจความหมายของคำที่แสดงไว้แต่ละฝ่ายอย่างทั่วถึงแล้ว
    ก็จะเห็นได้ว่าไม่ขัดขวางอะไรกัน
    +----).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/76-77/290-295.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/76/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๗-๗๘/๒๙๐-๒๙๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=997
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86
    ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาอัฏฐังคิกมรรคเป็นการทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว สัทธรรมลำดับที่ : 997 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค --อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขก มาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค :- +--ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้. (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น). --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์; กล่าวคือ ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา. --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ? --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญ สัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . . สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . . สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ ชนิดที่ มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง. --ภิกษุ ท. ! #เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).- (----+ ธรรม ๔ อย่างในสูตรนี้ เรียงลำดับไว้เป็น ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ ตรงกับหลักธรรมดาทั่วๆไป ของอริยสัจสี่; แต่มีสูตรอื่น (อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙) เรียงลำดับไว้เป็นอย่างอื่น คือ ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้เจริญ ควรทำให้แจ้ง, ดังนี้ก็มี; ---อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙ http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99 แต่ก็ยังคงเป็นอริยสัจสี่ได้อยู่นั่นเอง ไม่มีผลเป็นการขัดแย้งกันแต่ประการใด. +--พระบาลีในสูตรนี้ แสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคไว้เป็น วิเวกนิสฺสิต วิราคนิสฺสิต นิโรธนิสฺสิต โวสฺสคฺคปริณามี; มีสูตรอื่นๆแสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคในกรณีเช่นนี้ แปลกออกไปเป็น ราควินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน, โทสวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน, โมหวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๗); ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๗ http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%97 อมโตคธ : หยั่งลงสู่อมตะ, อมตปรายน : มีเบื้องหน้าเป็นอมตะ, อมตปริโยสาน : มีอมตะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๙); ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๙ http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%99 นิพฺพานนินฺน : เอียงไปสู่นิพพาน, นิพฺพานโปณ : โน้มไปสู่นิพพาน, นิพฺพานปพฺภาร : เงื้อมไปสู่นิพพาน (๑๙/๗๐/๒๗๑) ; ดังนี้ก็มี ; ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๗๐/๒๗๑ http://etipitaka.com/read/pali/19/70/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%91 แม้โดยพยัญชนะจะต่างกัน แต่ก็มุ่งไปยังความหมายอย่างเดียวกัน. +--ข้อควรสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ วัตถุแห่งกิจของอริยสัจในสูตรนี้ แสดงไว้ต่างจากสูตรที่รู้กันอยู่ทั่วไป, คือสูตรทั่วๆไป วัตถุแห่งการกำหนดรู้ แสดงไว้ด้วย ความทุกข์ทุกชนิด สูตรนี้แสดงไว้ด้วย ปัญจุปาทานขันธ์เท่านั้น; วัตถุแห่งการละ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย ตัณหาสาม สูตรนี้แสดงไว้ด้วย อวิชชาและภวตัณหา; วัตถุแห่งการทำให้แจ้ง สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย การดับแห่งตัณหา สูตรนี้แสดงไว้ด้วย วิชชาและวิมุตติ; วัตถุแห่งการทำให้เจริญ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย อริยอัฏฐังคิกมรรค ส่วนในสูตรนี้แสดงไว้ด้วย สมถะและวิปัสสนา. +--ถ้าผู้ศึกษาเข้าใจความหมายของคำที่แสดงไว้แต่ละฝ่ายอย่างทั่วถึงแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าไม่ขัดขวางอะไรกัน +----). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/76-77/290-295. http://etipitaka.com/read/thai/19/76/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๗-๗๘/๒๙๐-๒๙๕. http://etipitaka.com/read/pali/19/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=997 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86 ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค-อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    -(ข้อนี้หมายความว่า เมื่อมีการปฏิบัติอยู่อย่างนี้ ผลย่อมเกิดขึ้นเป็นการน้อมไปเพื่อนิพพานอยู่ในตัวโดยไม่ต้องเจตนา เหมือนแม่ไก่ฟักไข่อย่างดีแล้ว ลูกไก่ย่อมออกมาเป็นตัวโดยที่แม่ไก่ไม่ต้องเจตนาให้ออกมา, ฉันใดก็ฉันนั้น. ขอให้พิจารณาดูให้ดี จงทุกคนเถิด). หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขกมาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค : ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้. (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น). ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์; กล่าวคือ ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . . สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . . สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ ชนิดที่ มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออร่าแห่งจิต…อยู่ที่ใจไม่หดหู่

    > “ออร่า” ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่แสงรอบตัว
    แต่คือ พลังจิตที่ส่งออกมาจากข้างใน
    สัมผัสได้ทั้งด้วยตา…และด้วยใจ!

    บางคน…แค่เดินมา ก็เหมือนแสงสว่างเปิดทาง
    บางคน…แค่ยิ้มมา ก็เหมือนใจเราหายเหนื่อย
    นั่นไม่ใช่เพราะหน้าตาเขาดี
    แต่เพราะจิตเขาสดชื่นจน “เปล่งประกาย” ได้จริง

    ---

    แต่คนดีจำนวนไม่น้อย…กลับไม่มีออร่า

    เพราะทำดีไปก็ น้อยใจชีวิตไป
    ทำใจดีแต่ กลับใจหดหู่ในใจลึกๆ
    เมื่อจิตตกบ่อยๆ
    แม้บุญจะอยู่ในใจ...ก็ไม่มีแสงส่องออกมาข้างนอก

    ออร่าความรัก ความน่าอยู่ ความเป็นที่รัก
    หายไปในวันที่คุณยอมให้ใจหดหู่บ่อยๆ

    เหมือนกุหลาบเหี่ยวที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
    ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เพราะ จิตไม่มีพลัง

    ---

    จิตแบบไหน...สร้างออร่าให้ตัวเองได้?

    จิตที่รู้จัก “หัวเราะให้ตัวเอง” แม้ในวันที่เหนื่อย

    จิตที่ “มองบวกได้” แม้มีข่าวร้าย

    จิตที่ “ปล่อยวางได้เร็ว” ไม่กอดเก็บความทุกข์เป็นห่อของขวัญ

    จิตที่ “หายใจยาว” ได้วันละหลายครั้ง
    และบอกตัวเองว่า “ฉันไม่ต้องสมบูรณ์แบบ…ก็สดชื่นได้”

    ---

    ฝึกออร่าแบบไม่ต้องงมงาย

    1. ดูแลใจ ก่อนดูแลหน้า
    อย่าให้โทรศัพท์เป็นของที่เราเห็นมากกว่าหน้าตัวเองในกระจก

    2. แต่งกายให้สดใส เหมือนแต่งจิตให้เบิกบาน
    สีเสื้อผ้าอาจไม่เปลี่ยนโชคชะตา
    แต่จิตที่เลือก “ลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรักตัวเอง” นั่นแหละ…เปลี่ยนชะตาได้

    3. หายใจยาวๆ ช้าๆ
    ทุกครั้งที่รู้ตัวว่ากำลังหดหู่
    อย่ารีบเปลี่ยนโลก แต่ให้เปลี่ยนจังหวะหายใจ
    แล้วโลกจะเบาขึ้นทันตาเห็น

    4. ยอมรับความไม่เที่ยงของจิต
    ไม่มีใครหายใจสวยๆ ได้ทั้งวัน
    ไม่มีใครสดใสได้ทุกนาที
    แต่คนที่ “หมั่นรู้ทันความหดหู่” และไม่ยอมจำนน
    นั่นแหละ…จะกลายเป็นจิตที่เปล่งแสง!

    ---

    > จงอย่าเป็นคนดีที่ไร้ออร่า เพราะใจหดหู่ครองพื้นที่นานเกินไป
    แต่จงเป็นคนธรรมดาที่มีออร่าสดใส
    เพราะรู้จักปลุก “ใจสดชื่น” ให้กลับมาได้...ทุกวัน!
    ออร่าแห่งจิต…อยู่ที่ใจไม่หดหู่ > “ออร่า” ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่แสงรอบตัว แต่คือ พลังจิตที่ส่งออกมาจากข้างใน สัมผัสได้ทั้งด้วยตา…และด้วยใจ! บางคน…แค่เดินมา ก็เหมือนแสงสว่างเปิดทาง บางคน…แค่ยิ้มมา ก็เหมือนใจเราหายเหนื่อย นั่นไม่ใช่เพราะหน้าตาเขาดี แต่เพราะจิตเขาสดชื่นจน “เปล่งประกาย” ได้จริง --- แต่คนดีจำนวนไม่น้อย…กลับไม่มีออร่า เพราะทำดีไปก็ น้อยใจชีวิตไป ทำใจดีแต่ กลับใจหดหู่ในใจลึกๆ เมื่อจิตตกบ่อยๆ แม้บุญจะอยู่ในใจ...ก็ไม่มีแสงส่องออกมาข้างนอก ออร่าความรัก ความน่าอยู่ ความเป็นที่รัก หายไปในวันที่คุณยอมให้ใจหดหู่บ่อยๆ เหมือนกุหลาบเหี่ยวที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เพราะ จิตไม่มีพลัง --- จิตแบบไหน...สร้างออร่าให้ตัวเองได้? จิตที่รู้จัก “หัวเราะให้ตัวเอง” แม้ในวันที่เหนื่อย จิตที่ “มองบวกได้” แม้มีข่าวร้าย จิตที่ “ปล่อยวางได้เร็ว” ไม่กอดเก็บความทุกข์เป็นห่อของขวัญ จิตที่ “หายใจยาว” ได้วันละหลายครั้ง และบอกตัวเองว่า “ฉันไม่ต้องสมบูรณ์แบบ…ก็สดชื่นได้” --- ฝึกออร่าแบบไม่ต้องงมงาย 1. ดูแลใจ ก่อนดูแลหน้า อย่าให้โทรศัพท์เป็นของที่เราเห็นมากกว่าหน้าตัวเองในกระจก 2. แต่งกายให้สดใส เหมือนแต่งจิตให้เบิกบาน สีเสื้อผ้าอาจไม่เปลี่ยนโชคชะตา แต่จิตที่เลือก “ลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรักตัวเอง” นั่นแหละ…เปลี่ยนชะตาได้ 3. หายใจยาวๆ ช้าๆ ทุกครั้งที่รู้ตัวว่ากำลังหดหู่ อย่ารีบเปลี่ยนโลก แต่ให้เปลี่ยนจังหวะหายใจ แล้วโลกจะเบาขึ้นทันตาเห็น 4. ยอมรับความไม่เที่ยงของจิต ไม่มีใครหายใจสวยๆ ได้ทั้งวัน ไม่มีใครสดใสได้ทุกนาที แต่คนที่ “หมั่นรู้ทันความหดหู่” และไม่ยอมจำนน นั่นแหละ…จะกลายเป็นจิตที่เปล่งแสง! --- > จงอย่าเป็นคนดีที่ไร้ออร่า เพราะใจหดหู่ครองพื้นที่นานเกินไป แต่จงเป็นคนธรรมดาที่มีออร่าสดใส เพราะรู้จักปลุก “ใจสดชื่น” ให้กลับมาได้...ทุกวัน!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามคำสั่งสอนในอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าตรัสว่า สาเหตุของความทุกข์คือ ตัณหา ซึ่งหมายถึงความทะยานอยาก ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่างได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา อย่างไรก็ตาม ตัณหาก็คือ ลักษณะอย่างหนึ่งกิเลส ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ฉะนั้นจึง กล่าวได้ว่า กิเลส คือ สาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
    ตามคำสั่งสอนในอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าตรัสว่า สาเหตุของความทุกข์คือ ตัณหา ซึ่งหมายถึงความทะยานอยาก ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่างได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา อย่างไรก็ตาม ตัณหาก็คือ ลักษณะอย่างหนึ่งกิเลส ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ฉะนั้นจึง กล่าวได้ว่า กิเลส คือ สาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษานิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ-ลักษณาการแห่งตัณหา
    สัทธรรมลำดับที่ : 237
    ชื่อบทธรรม :- นิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ-ลักษณาการแห่งตัณหา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=237
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณาการแห่งตัณหา
    --ภิกษุ ท. ! ตัณหานี้ใด ทำให้มีการเกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัด
    #เพราะอำนาจแห่งความเพลิน มีปกติทำให้เพลิดเพลินในอารมณ์นั้น ๆ.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ตณฺหา+โปโนพฺภวิกา+นนฺทิราคสหคตา
    --- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๑;
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%91

    http://etipitaka.com/read/pali/19/529/?keywords=ตณฺหา+โปโนพฺภวิกา+นนฺทิราคสหคตา
    --- ขนฺธ. สํ. ๑๙/๕๒๙/๑๖๖๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%95

    +--#ตัณหา ย่อมปกคลุมบุคคล
    http://etipitaka.com/read/pali/25/60/?keywords=ตณฺหา
    ผู้ประพฤติตนเป็นคนมัวเมาเหมือนเครือเถามาลุวา (ใบดกขึ้นปกคลุมต้นไม้อยู่) ฉะนั้น.
    เขาผู้ถูกตัณหาปกคลุมแล้ว
    ย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยภพใหญ่ เหมือนวานรต้องการผลไม้ เร่ร่อนไปในป่า ฉะนั้น.
    ตัณหา ซึ่งเป็นของลามก ส่ายซ่านไปได้ทั่วโลกนี้ ครอบงำผู้ใดเข้าแล้ว,
    ความโศกทั้งหลาย ย่อมลุกลามแก่บุคคลผู้นั้น เหมือนหญ้าวีรณะ*--๑
    ซึ่งงอกงาม แผ่กว้างออกไปโดยเร็ว ฉะนั้น.

    ต้นไม้ แม้ถูกตัดแล้ว แต่เมื่อรากยังมั่นคง ไม่มีอันตรายย่อมงอกงามขึ้นมาได้อีก ฉันใด ; ความทุกข์นี้ก็ฉันนั้น,
    เมื่อตัณหานุสัย (ซึ่งเป็นรากเง่าของมัน) ยังไม่ถูกถอนขึ้นแล้ว, มันย่อมเกิดขึ้นร่ำไป.
    +--ตัณหา ซึ่งมีกระแสสามสิบหกสาย
    มีกำลังกล้าแข็ง ไหลไปตามใจชอบ ของบุคคลใด มีอยู่,
    ความดำริซึ่งอาศัยราคะ มีกระแสอันใหญ่หลวง ย่อมพัดพาไป ซึ่งบุคคลนั้น
    อันมีทิฏฐิ ผิดเป็นธรรมดา.
    +--กระแส (แห่งตัณหา) ย่อมหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง.
    เถาวัลย์ (คือตัณหา) แตกขึ้นแล้ว ตั้งอยู่.
    ท่านทั้งหลาย เห็นเถาวัลย์นั้นเกิดขึ้นแล้ว จงตัดรากมันเสีย #ด้วยปัญญา.
    +--โสมนัส ซึ่งซาบซ่านและมีเยื่อใย มีอยู่แก่สัตว์,
    สัตว์เหล่านั้น จึงแสวงสุข เพราะอาศัยความยินดี,
    สัตว์เหล่านั้น แหละเป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา.
    +--หมู่สัตว์ เผชิญหน้าด้วยตัณหา (เครื่องให้เกิดความสะดุ้ง)
    ย่อมกระสับกระส่าย เหมือนกระต่ายที่ติดบ่วง
    เผชิญหน้านายพราน กระสับกระส่ายอยู่ ฉะนั้น.
    สัตว์ผู้ข้องแล้วด้วยสัญโญชน์ ก็เข้าถึงความทุกข์อยู่ร่ำไป ตลอดกาลนาน แล.-

    *--๑. วีรณะ เป็นชื่อซึ่งหมายถึงหญ้าที่ขึ้นรกแผ่กว้างโดยเร็วชนิดหนึ่ง ยังไม่ทราบชื่อในภาษาไทย.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/41/34.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/41/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๖๐/๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/60/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=237
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=237
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16
    ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษานิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ-ลักษณาการแห่งตัณหา สัทธรรมลำดับที่ : 237 ชื่อบทธรรม :- นิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ-ลักษณาการแห่งตัณหา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=237 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณาการแห่งตัณหา --ภิกษุ ท. ! ตัณหานี้ใด ทำให้มีการเกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัด #เพราะอำนาจแห่งความเพลิน มีปกติทำให้เพลิดเพลินในอารมณ์นั้น ๆ. http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ตณฺหา+โปโนพฺภวิกา+นนฺทิราคสหคตา --- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๑; http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%91 http://etipitaka.com/read/pali/19/529/?keywords=ตณฺหา+โปโนพฺภวิกา+นนฺทิราคสหคตา --- ขนฺธ. สํ. ๑๙/๕๒๙/๑๖๖๕. http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%95 +--#ตัณหา ย่อมปกคลุมบุคคล http://etipitaka.com/read/pali/25/60/?keywords=ตณฺหา ผู้ประพฤติตนเป็นคนมัวเมาเหมือนเครือเถามาลุวา (ใบดกขึ้นปกคลุมต้นไม้อยู่) ฉะนั้น. เขาผู้ถูกตัณหาปกคลุมแล้ว ย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยภพใหญ่ เหมือนวานรต้องการผลไม้ เร่ร่อนไปในป่า ฉะนั้น. ตัณหา ซึ่งเป็นของลามก ส่ายซ่านไปได้ทั่วโลกนี้ ครอบงำผู้ใดเข้าแล้ว, ความโศกทั้งหลาย ย่อมลุกลามแก่บุคคลผู้นั้น เหมือนหญ้าวีรณะ*--๑ ซึ่งงอกงาม แผ่กว้างออกไปโดยเร็ว ฉะนั้น. ต้นไม้ แม้ถูกตัดแล้ว แต่เมื่อรากยังมั่นคง ไม่มีอันตรายย่อมงอกงามขึ้นมาได้อีก ฉันใด ; ความทุกข์นี้ก็ฉันนั้น, เมื่อตัณหานุสัย (ซึ่งเป็นรากเง่าของมัน) ยังไม่ถูกถอนขึ้นแล้ว, มันย่อมเกิดขึ้นร่ำไป. +--ตัณหา ซึ่งมีกระแสสามสิบหกสาย มีกำลังกล้าแข็ง ไหลไปตามใจชอบ ของบุคคลใด มีอยู่, ความดำริซึ่งอาศัยราคะ มีกระแสอันใหญ่หลวง ย่อมพัดพาไป ซึ่งบุคคลนั้น อันมีทิฏฐิ ผิดเป็นธรรมดา. +--กระแส (แห่งตัณหา) ย่อมหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง. เถาวัลย์ (คือตัณหา) แตกขึ้นแล้ว ตั้งอยู่. ท่านทั้งหลาย เห็นเถาวัลย์นั้นเกิดขึ้นแล้ว จงตัดรากมันเสีย #ด้วยปัญญา. +--โสมนัส ซึ่งซาบซ่านและมีเยื่อใย มีอยู่แก่สัตว์, สัตว์เหล่านั้น จึงแสวงสุข เพราะอาศัยความยินดี, สัตว์เหล่านั้น แหละเป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา. +--หมู่สัตว์ เผชิญหน้าด้วยตัณหา (เครื่องให้เกิดความสะดุ้ง) ย่อมกระสับกระส่าย เหมือนกระต่ายที่ติดบ่วง เผชิญหน้านายพราน กระสับกระส่ายอยู่ ฉะนั้น. สัตว์ผู้ข้องแล้วด้วยสัญโญชน์ ก็เข้าถึงความทุกข์อยู่ร่ำไป ตลอดกาลนาน แล.- *--๑. วีรณะ เป็นชื่อซึ่งหมายถึงหญ้าที่ขึ้นรกแผ่กว้างโดยเร็วชนิดหนึ่ง ยังไม่ทราบชื่อในภาษาไทย. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/41/34. http://etipitaka.com/read/thai/25/41/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๖๐/๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/25/60/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=237 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=237 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16 ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - นิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ
    -นิทเทศแห่งสมุทยอริยสัจ ____________ นิทเทศ ๔ ว่าด้วยลักษณะแห่งตัณหา (มี ๔๑ เรื่อง) ลักษณาการแห่งตัณหา ภิกษุ ท. ! ตัณหานี้ใด ทำให้มีการเกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัด เพราะอำนาจแห่งความเพลิน มีปกติทำให้เพลิดเพลินในอารมณ์นั้น ๆ. ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๑; และ ๑๙/๕๒๙/๑๖๖๕. ตัณหา ย่อมปกคลุมบุคคล ผู้ประพฤติตนเป็นคนมัวเมาเหมือนเครือเถามาลุวา (ใบดกขึ้นปกคลุมต้นไม้อยู่) ฉะนั้น. เขาผู้ถูกตัณหาปกคลุมแล้ว ย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยภพใหญ่ เหมือนวานรต้องการผลไม้ เร่ร่อนไปในป่า ฉะนั้น. ตัณหา ซึ่งเป็นของลามก ส่ายซ่านไปได้ทั่วโลกนี้ ครอบงำผู้ใดเข้าแล้ว, ความโศกทั้งหลาย ย่อมลุกลามแก่บุคคลผู้นั้น เหมือนหญ้าวีรณะ๑ ซึ่งงอกงาม แผ่กว้างออกไปโดยเร็ว ฉะนั้น. ต้นไม้ แม้ถูกตัดแล้ว แต่เมื่อรากยังมั่นคง ไม่มีอันตรายย่อมงอกงามขึ้นมาได้อีก ฉันใด ; ความทุกข์นี้ก็ฉันนั้น, เมื่อตัณหานุสัย (ซึ่งเป็นรากเง่าของมัน) ยังไม่ถูกถอนขึ้นแล้ว, มันย่อมเกิดขึ้นร่ำไป. ๑. วีรณะ เป็นชื่อซึ่งหมายถึงหญ้าที่ขึ้นรกแผ่กว้างโดยเร็วชนิดหนึ่ง ยังไม่ทราบชื่อในภาษาไทย. ตัณหา ซึ่งมีกระแสสามสิบหกสาย มีกำลังกล้าแข็ง ไหลไปตามใจชอบ ของบุคคลใด มีอยู่, ความดำริซึ่งอาศัยราคะ มีกระแสอันใหญ่หลวง ย่อมพัดพาไป ซึ่งบุคคลนั้น อันมีทิฏฐิ ผิดเป็นธรรมดา. กระแส (แห่งตัณหา) ย่อมหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง. เถาวัลย์ (คือตัณหา) แตกขึ้นแล้ว ตั้งอยู่. ท่านทั้งหลาย เห็นเถาวัลย์นั้นเกิดขึ้นแล้ว จงตัดรากมันเสีย ด้วยปัญญา. โสมนัส ซึ่งซาบซ่านและมีเยื่อใย มีอยู่แก่สัตว์, สัตว์เหล่านั้น จึงแสวงสุข เพราะอาศัยความยินดี, สัตว์เหล่านั้น แหละเป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา. หมู่สัตว์ เผชิญหน้าด้วยตัณหา (เครื่องให้เกิดความสะดุ้ง) ย่อมกระสับกระส่าย เหมือนกระต่ายที่ติดบ่วง เผชิญหน้านายพราน กระสับกระส่ายอยู่ ฉะนั้น. สัตว์ผู้ข้องแล้วด้วยสัญโญชน์ ก็เข้าถึงความทุกข์อยู่ร่ำไป ตลอดกาลนาน แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สวดมนต์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ…ถ้าสวดด้วยใจถวาย ไม่ใช่ด้วยใจขอ”

    มีคนมากมายเคยสวดมนต์
    แต่จำนวนน้อยเท่านั้น…ที่รู้จัก
    “สวดแล้วจิตเป็นบุญจริงๆ”

    ส่วนใหญ่สวดไปตามหนังสือ
    บางทีก็สวดเพราะถูกบอกให้สวด
    บางทีก็สวดเพราะอยากขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    แต่สุดท้าย…ก็รู้สึกว่า

    > “ทำไมมันน่าเบื่อ?”
    “ทำไมจิตไม่สงบ?”
    “ทำไมไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?”

    ---

    คำตอบคือ เพราะเราสวดด้วยความคาดหวัง ไม่ใช่ด้วยความถวายใจ

    ถ้าคุณเคยสวดมนต์ด้วยใจที่อยาก “ขอ”
    ก็เท่ากับว่าคุณเอาความทุกข์ไปใส่มือพระ
    แต่ไม่ได้ใส่ “ความสุข” ลงในถ้อยคำที่เปล่งออกไป

    แท้จริงแล้ว

    > การสวดมนต์ที่ดีที่สุด
    ไม่ใช่การเปล่งเสียงด้วยความหวัง
    แต่คือการถวายเสียงด้วยความรัก

    ---

    เสียงสวดของคุณ…คือดอกไม้ในใจที่วางไว้เบื้องหน้าองค์พระ

    ไม่ต้องขอพร ไม่ต้องภาวนาให้ได้อะไร
    แค่คิดว่า

    > “ขอถวายเสียงนี้เพื่อบูชาท่าน
    ด้วยจิตที่แค่อยากสรรเสริญความดีงามของพระองค์”

    แค่นั้นเอง…จิตจะเบา
    จิตจะเป็นอิสระ
    และคุณจะเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่า

    > “นี่แหละ…คือความสุขที่เกิดจากจิตเป็นมหากุศล”

    ---

    ในทางวิทยาศาสตร์…ก็ไม่ต่างกัน

    การสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ
    โดยเฉพาะแบบที่มีเสียงเปล่งจากใจจริง
    จะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
    ลดการทำงานลงภายในไม่กี่นาที
    ร่างกายจะเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
    จิตใจจะสงบเหมือนได้รับการปลอบโยน
    จากถ้อยคำที่ตนเองเป็นผู้เปล่งออก

    ---

    ถ้าฟุ้งซ่าน…ไม่ต้องด่าใจตัวเอง

    ฟุ้งแค่ไหน ก็แค่รู้
    รู้แล้ว…ก็แค่กลับมาตั้งใจสวดอีกครั้ง
    รอบแรกฟุ้งเยอะ รอบสองฟุ้งน้อย
    รอบสามเริ่มนิ่งขึ้น
    สวดไปเรื่อยๆ เหมือนเดินใจเข้าวัดทีละก้าว

    ---

    บทสรุปของการสวดมนต์แบบพุทธแท้

    > สวดมนต์ให้ได้ผล ไม่ใช่สวดด้วยความหวัง
    แต่คือสวดด้วยความสุข…ในจิตที่อยากถวาย

    เมื่อจิตถวายความสว่างด้วยเสียง
    จิตก็ได้รับความสว่างเป็นของตอบแทน

    ---
    “สวดมนต์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ…ถ้าสวดด้วยใจถวาย ไม่ใช่ด้วยใจขอ” มีคนมากมายเคยสวดมนต์ แต่จำนวนน้อยเท่านั้น…ที่รู้จัก “สวดแล้วจิตเป็นบุญจริงๆ” ส่วนใหญ่สวดไปตามหนังสือ บางทีก็สวดเพราะถูกบอกให้สวด บางทีก็สวดเพราะอยากขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่สุดท้าย…ก็รู้สึกว่า > “ทำไมมันน่าเบื่อ?” “ทำไมจิตไม่สงบ?” “ทำไมไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?” --- คำตอบคือ เพราะเราสวดด้วยความคาดหวัง ไม่ใช่ด้วยความถวายใจ ถ้าคุณเคยสวดมนต์ด้วยใจที่อยาก “ขอ” ก็เท่ากับว่าคุณเอาความทุกข์ไปใส่มือพระ แต่ไม่ได้ใส่ “ความสุข” ลงในถ้อยคำที่เปล่งออกไป แท้จริงแล้ว > การสวดมนต์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การเปล่งเสียงด้วยความหวัง แต่คือการถวายเสียงด้วยความรัก --- เสียงสวดของคุณ…คือดอกไม้ในใจที่วางไว้เบื้องหน้าองค์พระ ไม่ต้องขอพร ไม่ต้องภาวนาให้ได้อะไร แค่คิดว่า > “ขอถวายเสียงนี้เพื่อบูชาท่าน ด้วยจิตที่แค่อยากสรรเสริญความดีงามของพระองค์” แค่นั้นเอง…จิตจะเบา จิตจะเป็นอิสระ และคุณจะเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่า > “นี่แหละ…คือความสุขที่เกิดจากจิตเป็นมหากุศล” --- ในทางวิทยาศาสตร์…ก็ไม่ต่างกัน การสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแบบที่มีเสียงเปล่งจากใจจริง จะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ลดการทำงานลงภายในไม่กี่นาที ร่างกายจะเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย จิตใจจะสงบเหมือนได้รับการปลอบโยน จากถ้อยคำที่ตนเองเป็นผู้เปล่งออก --- ถ้าฟุ้งซ่าน…ไม่ต้องด่าใจตัวเอง ฟุ้งแค่ไหน ก็แค่รู้ รู้แล้ว…ก็แค่กลับมาตั้งใจสวดอีกครั้ง รอบแรกฟุ้งเยอะ รอบสองฟุ้งน้อย รอบสามเริ่มนิ่งขึ้น สวดไปเรื่อยๆ เหมือนเดินใจเข้าวัดทีละก้าว --- บทสรุปของการสวดมนต์แบบพุทธแท้ > สวดมนต์ให้ได้ผล ไม่ใช่สวดด้วยความหวัง แต่คือสวดด้วยความสุข…ในจิตที่อยากถวาย เมื่อจิตถวายความสว่างด้วยเสียง จิตก็ได้รับความสว่างเป็นของตอบแทน ---
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇹🇭 ประกาศข่าวดี งานนี้ต้องมาแล้วนะคะ ⭐️⭐️

    วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568
    เวลา 9.30 น.
    ที่รัฐสภา
    เรามีนัดกันนะคะ

    📣 เรียนเชิญ ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ได้รับผลกระทบบาดเจ็บเป็นพิษ ร่างกายไม่เหมือนเดิม
    ผู้สูญเสียญาติ พ่อแม่พี่น้อง
    🔸มาร่วมยื่นหนังสือที่รัฐสภา และจะมีการแถลงข่าว
    ⭐️ เราจะได้พบกันกับ
    คุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ
    และ ผู้ใหญ่ในสภาที่จะมารับเรื่องราวร้องเรียนความทุกข์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น
    อยากได้จำนวนคนที่มาร่วมได้แน่นอน ว่ามีท่านใดบ้างที่ไปได้
    รักษาสิทธิ์ของพวกเรานะคะ
    หนทางมี โอกาสมาถึงแล้ว ออกมาร่วมกันค่ะ
    ✌️🤝

    📣📣 ฝากแชร์นะคะทุกคน ลงชื่อในคอมเม้นท์โพสต์นี้ได้เลยค่ะ

    https://www.facebook.com/share/15Ur35okzb/
    🇹🇭 ประกาศข่าวดี งานนี้ต้องมาแล้วนะคะ ⭐️⭐️ วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 9.30 น. ที่รัฐสภา เรามีนัดกันนะคะ 📣 เรียนเชิญ ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ได้รับผลกระทบบาดเจ็บเป็นพิษ ร่างกายไม่เหมือนเดิม ผู้สูญเสียญาติ พ่อแม่พี่น้อง 🔸มาร่วมยื่นหนังสือที่รัฐสภา และจะมีการแถลงข่าว ⭐️ เราจะได้พบกันกับ คุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ และ ผู้ใหญ่ในสภาที่จะมารับเรื่องราวร้องเรียนความทุกข์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น อยากได้จำนวนคนที่มาร่วมได้แน่นอน ว่ามีท่านใดบ้างที่ไปได้ รักษาสิทธิ์ของพวกเรานะคะ หนทางมี โอกาสมาถึงแล้ว ออกมาร่วมกันค่ะ ✌️🤝 📣📣 ฝากแชร์นะคะทุกคน ลงชื่อในคอมเม้นท์โพสต์นี้ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/share/15Ur35okzb/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกศึกษาว่าเปรียบความทุกข์เป็นดั่งพิษลูกศรที่เสียดแทงบุถุชน
    สัทธรรมลำดับที่ : 231
    ชื่อบทธรรม :- พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=231
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน
    --ภิกษุ ท. ! ฐานะ ๕ ประการเหล่านี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม
    หรือใคร ๆ ในโลก ไม่พึงได้ตามปรารถนา มีอยู่.
    ห้าประการเหล่าไหนเล่า ? ห้าประการคือ สมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม
    หรือใครๆ ในโลก ไม่อาจได้ตามปรารถนาว่า
    “๑. สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา อย่าแก่เลย,
    ๒. สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา อย่าเจ็บไข้เลย,
    ๓. สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา อย่าตายเลย,
    http://etipitaka.com/read/pali/22/59/?keywords=มรณธมฺมํ
    ๔. สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา อย่าสิ้นไปเลย,
    ๕. สิ่งที่มีความวินาศเป็นธรรมดาอย่าวินาศเลย”
    ดังนี้.

    --ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ก็ย่อมแก่สำหรับบุถุชนผู้มิได้สดับ.
    เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เขาก็ ไม่พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ว่า
    “ไม่ใช่สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา จะแก่สำหรับเราผู้เดียวเท่านั้น,
    +--โดยที่แท้แล้ว สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา
    ย่อมแก่สำหรับสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุบัติ,
    ก็เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว
    เราจะมามัวเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน ทุบอกร่ำไห้
    ถึงความหลงใหลแม้อาหารก็ไม่ย่อย กายก็เศร้าหมอง
    การงานก็หยุดชงัก พวกอมิตรก็ดีใจ มิตรสหายก็เศร้าใจ”
    ดังนี้.

    บุถุชนนั้น เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว
    ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหล.
    --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า บุถุชนผู้มิได้สดับนี้
    ถูกลูกศรแห่งความโศก อันมีพิษเสียบแทงแล้ว ทำตนเองให้เดือดร้อนอยู่.

    (ในกรณีแห่งสิ่งที่
    มี ความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา
    มี ความตาย เป็นธรรมดา
    มี ความสิ้นไป เป็นธรรมดา
    มี ความวินาศไป เป็นธรรมดา
    ก็ได้ตรัสไว้ด้วยถ้อยคำอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งสิ่งที่มี ความแก่เป็นธรรมดา ข้างบนนี้.
    และพระองค์ยังได้ตรัสไว้
    ในลักษณะที่ตรงกันข้ามจากข้อความนี้ สำหรับอริยสาวก ผู้ได้สดับ.
    )

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/48/48.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/48/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๕๙/๔๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/59/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=231
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=231
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16
    ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    อริยสาวกศึกษาว่าเปรียบความทุกข์เป็นดั่งพิษลูกศรที่เสียดแทงบุถุชน สัทธรรมลำดับที่ : 231 ชื่อบทธรรม :- พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=231 เนื้อความทั้งหมด :- --พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน --ภิกษุ ท. ! ฐานะ ๕ ประการเหล่านี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก ไม่พึงได้ตามปรารถนา มีอยู่. ห้าประการเหล่าไหนเล่า ? ห้าประการคือ สมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก ไม่อาจได้ตามปรารถนาว่า “๑. สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา อย่าแก่เลย, ๒. สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา อย่าเจ็บไข้เลย, ๓. สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา อย่าตายเลย, http://etipitaka.com/read/pali/22/59/?keywords=มรณธมฺมํ ๔. สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา อย่าสิ้นไปเลย, ๕. สิ่งที่มีความวินาศเป็นธรรมดาอย่าวินาศเลย” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ก็ย่อมแก่สำหรับบุถุชนผู้มิได้สดับ. เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เขาก็ ไม่พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ว่า “ไม่ใช่สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา จะแก่สำหรับเราผู้เดียวเท่านั้น, +--โดยที่แท้แล้ว สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ย่อมแก่สำหรับสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุบัติ, ก็เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เราจะมามัวเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน ทุบอกร่ำไห้ ถึงความหลงใหลแม้อาหารก็ไม่ย่อย กายก็เศร้าหมอง การงานก็หยุดชงัก พวกอมิตรก็ดีใจ มิตรสหายก็เศร้าใจ” ดังนี้. บุถุชนนั้น เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหล. --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า บุถุชนผู้มิได้สดับนี้ ถูกลูกศรแห่งความโศก อันมีพิษเสียบแทงแล้ว ทำตนเองให้เดือดร้อนอยู่. (ในกรณีแห่งสิ่งที่ มี ความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา มี ความตาย เป็นธรรมดา มี ความสิ้นไป เป็นธรรมดา มี ความวินาศไป เป็นธรรมดา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยถ้อยคำอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งสิ่งที่มี ความแก่เป็นธรรมดา ข้างบนนี้. และพระองค์ยังได้ตรัสไว้ ในลักษณะที่ตรงกันข้ามจากข้อความนี้ สำหรับอริยสาวก ผู้ได้สดับ. ) #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/48/48. http://etipitaka.com/read/thai/22/48/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๕๙/๔๘. http://etipitaka.com/read/pali/22/59/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=231 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=231 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16 ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน
    -พิษลูกศรแห่งความทุกข์ของบุถุชน ภิกษุ ท. ! ฐานะ ๕ ประการเหล่านี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก ไม่พึงได้ตามปรารถนา มีอยู่. ห้าประการเหล่าไหนเล่า ? ห้าประการคือ สมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก ไม่อาจได้ตามปรารถนาว่า “สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา อย่าแก่เลย, สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา อย่าเจ็บไข้เลย, สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา อย่าตายเลย, สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา อย่าสิ้นไปเลย, สิ่งที่มีความวินาศเป็นธรรมดาอย่าวินาศเลย” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ก็ย่อมแก่สำหรับบุถุชนผู้มิได้สดับ. เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เขาก็ ไม่พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ว่า “ไม่ใช่สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา จะแก่สำหรับเราผู้เดียวเท่านั้น, โดยที่แท้แล้ว สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ย่อมแก่สำหรับสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุบัติ, ก็เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว เราจะมามัวเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน ทุบอกร่ำไห้ ถึงความหลงใหลแม้อาหารก็ไม่ย่อย กายก็เศร้าหมอง การงานก็หยุดชงัก พวกอมิตรก็ดีใจ มิตรสหายก็เศร้าใจ” ดังนี้. บุถุชนนั้น เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่แล้ว ย่อมเศร้าโศก กระวนกระวาย ร่ำไรรำพัน เป็นผู้ทุบอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหล. ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า บุถุชนผู้มิได้สดับนี้ ถูกลูกศรแห่งความโศก อันมีพิษเสียบแทงแล้ว ทำตนเองให้เดือดร้อนอยู่. (ในกรณีแห่งสิ่งที่มี ความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา มี ความตาย เป็นธรรมดา มี ความสิ้นไป เป็นธรรมดา มี ความวินาศไป เป็นธรรมดา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยถ้อยคำอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาข้างบนนี้. และพระองค์ยังได้ตรัสไว้ ในลักษณะที่ตรงกันข้ามจากข้อความนี้ สำหรับอริยสาวก ผู้ได้สดับ.)-
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาให้แจ้งว่ากลุ่มอายตนะหกประการเป็นของมืด
    สัทธรรมลำดับที่ : 230
    ชื่อบทธรรม :- กลุ่มอายตนะเป็นของมืด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=230
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กลุ่มอายตนะเป็นของมืด
    --ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของมืด.
    --ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่า ชื่อว่า สิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของมืด(อนฺธภูตํ)​?
    http://etipitaka.com/read/pali/18/25/?keywords=อนฺธภูตํ
    --ภิกษุ ท. ! ตา เป็นของมืด,
    รูป เป็นของมืด ความรู้แจ้งทางตา เป็นของมืด,
    สัมผัสทางตา เป็นของมืด,
    เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของมืด.

    --ภิกษุ ท. ! มืดเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า
    “มืดเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก
    เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ
    และเพราะความคับแค้นใจ”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งหมวด หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
    ก็ได้ตรัสเหมือนกันกับในกรณีแห่งตา
    ).-

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/25/32.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/18/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕/๓๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/25/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=230
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=230
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16
    ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟัง้สียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาให้แจ้งว่ากลุ่มอายตนะหกประการเป็นของมืด สัทธรรมลำดับที่ : 230 ชื่อบทธรรม :- กลุ่มอายตนะเป็นของมืด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=230 เนื้อความทั้งหมด :- --กลุ่มอายตนะเป็นของมืด --ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของมืด. --ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่า ชื่อว่า สิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของมืด(อนฺธภูตํ)​? http://etipitaka.com/read/pali/18/25/?keywords=อนฺธภูตํ --ภิกษุ ท. ! ตา เป็นของมืด, รูป เป็นของมืด ความรู้แจ้งทางตา เป็นของมืด, สัมผัสทางตา เป็นของมืด, เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของมืด. --ภิกษุ ท. ! มืดเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “มืดเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้. (ในกรณีแห่งหมวด หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ได้ตรัสเหมือนกันกับในกรณีแห่งตา ).- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/25/32. http://etipitaka.com/read/thai/18/18/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕/๓๒. http://etipitaka.com/read/pali/18/25/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=230 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=230 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16 ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟัง้สียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กลุ่มอายตนะเป็นของมืด
    -กลุ่มอายตนะเป็นของมืด ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของมืด. ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่า ชื่อว่า สิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของมืด ? ภิกษุ ท. ! ตา เป็นของมืด, รูป เป็นของมืด ความรู้แจ้งทางตา เป็นของมืด, สัมผัสทางตา เป็นของมืด, เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของมืด. ภิกษุ ท. ! มืดเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “มืดเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้. (ในกรณีแห่งหมวด หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ได้ตรัสเหมือนกันกับในกรณีแห่งตา).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาให้รู้ชัดว่า กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน
    สัทธรรมลำดับที่ : 229
    ชื่อบทธรรม :- กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=229
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน
    --ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของร้อน.
    --ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของร้อน ?
    --ภิกษุ ท. !
    ตา เป็นของร้อน,
    รูป เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทางตา(จักษุวิญญาณ) เป็นของร้อน,
    สัมผัสทางตา เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุข-ไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม
    ก็เป็นของร้อน(อาทิตฺตํ)​.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/23/?keywords=อาทิตฺตํ

    --ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า
    “ร้อนเพราะไฟคือราคะ,
    ร้อนเพราะไฟคือโทสะ,
    ร้อนเพราะไฟคือโมหะ,
    ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความร่ำไรรำพัน
    เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. !
    หู เป็นของร้อน, เสียง เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทางหู เป็นของร้อน, สัมผัสทางหู เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางหูเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน.
    ...
    --ภิกษุ ท. !
    จมูก เป็นของร้อน, กลิ่น เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทางจมูก เป็นของร้อน, สัมผัสทางจมูก เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางจมูกเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน.
    ...
    --ภิกษุ ท. ! ลิ้น เป็นของร้อน, รส เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทางลิ้น เป็นของร้อน, สัมผัสทางลิ้น เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางลิ้นเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน.
    ...
    --ภิกษุ ท. ! กาย เป็นของร้อน, โผฏฐัพพะ เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทั้งทางกาย เป็นของร้อน, สัมผัสทางกาย เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางกายเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน.
    ...
    --ภิกษุ ท. ! ใจ เป็นของร้อน, ธรรมารมณ์ เป็นของร้อน,
    ความรู้แจ้งทางใจ เป็นของร้อน, สัมผัสทางใจ เป็นของร้อน,
    เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางใจเป็นปัจจัย
    เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/24/?keywords=อาทิตฺตํ
    --ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า
    “ร้อนเพราะไฟ คือราคะ,
    ร้อนเพราะไฟคือโทสะ,
    ร้อนเพราะไฟคือโมหะ,
    ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก
    เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ
    และเพราะความคับแค้นใจ”
    ดังนี้แล.-
    --ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
    ย่อมเบื่อหน่าย
    ทั้งในจักษุ ทั้งในรูป ทั้งในจักษุวิญญาณ ทั้งในจักษุสัมผัส
    ทั้งใน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
    ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย...
    โสต​... ฆานะ... ชิวหา... กาย... ฯลฯ
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในใจ ทั้งในธรรมารมณ์ ทั้งในมโนวิญญาณ ทั้งในมโนสัมผัส
    ทั้งในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
    ที่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
    เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด
    จิตอมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว
    ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว
    รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีดังนี้แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/17/31.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/17/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๓/๓๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/23/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=229
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=229
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16
    ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาให้รู้ชัดว่า กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน สัทธรรมลำดับที่ : 229 ชื่อบทธรรม :- กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=229 เนื้อความทั้งหมด :- --กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน --ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของร้อน. --ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของร้อน ? --ภิกษุ ท. ! ตา เป็นของร้อน, รูป เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางตา(จักษุวิญญาณ) เป็นของร้อน, สัมผัสทางตา เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุข-ไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน(อาทิตฺตํ)​. http://etipitaka.com/read/pali/18/23/?keywords=อาทิตฺตํ --ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “ร้อนเพราะไฟคือราคะ, ร้อนเพราะไฟคือโทสะ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะ, ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! หู เป็นของร้อน, เสียง เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางหู เป็นของร้อน, สัมผัสทางหู เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางหูเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... --ภิกษุ ท. ! จมูก เป็นของร้อน, กลิ่น เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางจมูก เป็นของร้อน, สัมผัสทางจมูก เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางจมูกเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... --ภิกษุ ท. ! ลิ้น เป็นของร้อน, รส เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางลิ้น เป็นของร้อน, สัมผัสทางลิ้น เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางลิ้นเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... --ภิกษุ ท. ! กาย เป็นของร้อน, โผฏฐัพพะ เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทั้งทางกาย เป็นของร้อน, สัมผัสทางกาย เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางกายเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... --ภิกษุ ท. ! ใจ เป็นของร้อน, ธรรมารมณ์ เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางใจ เป็นของร้อน, สัมผัสทางใจ เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางใจเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. http://etipitaka.com/read/pali/18/24/?keywords=อาทิตฺตํ --ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “ร้อนเพราะไฟ คือราคะ, ร้อนเพราะไฟคือโทสะ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะ, ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้แล.- --ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในจักษุ ทั้งในรูป ทั้งในจักษุวิญญาณ ทั้งในจักษุสัมผัส ทั้งใน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย... โสต​... ฆานะ... ชิวหา... กาย... ฯลฯ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในใจ ทั้งในธรรมารมณ์ ทั้งในมโนวิญญาณ ทั้งในมโนสัมผัส ทั้งในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จิตอมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีดังนี้แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/17/31. http://etipitaka.com/read/thai/18/17/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๓/๓๑. http://etipitaka.com/read/pali/18/23/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=229 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16&id=229 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=16 ลำดับสาธยายธรรม : 16 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_16.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน
    -กลุ่มอายตนะเป็นของร้อน ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวง เป็นของร้อน. ภิกษุ ท. ! ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นของร้อน ? ภิกษุ ท. ! ตา เป็นของร้อน, รูป เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางตา เป็นของร้อน, สัมผัสทางตา เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะสัมผัสทางตาเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “ร้อนเพราะไฟคือราคะ. ร้อนเพราะไฟคือโทสะ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะ, ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! หู เป็นของร้อน, เสียง เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางหู เป็นของร้อน, สัมผัสทางหู เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางหูเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... ภิกษุ ท. ! จมูก เป็นของร้อน, กลิ่น เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางจมูก เป็นของร้อน, สัมผัสทางจมูก เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางจมูกเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... ภิกษุ ท. ! ลิ้น เป็นของร้อน, รส เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางลิ้น เป็นของร้อน, สัมผัสทางลิ้น เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางลิ้นเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... ภิกษุ ท. ! กาย เป็นของร้อน, โผฏฐัพพะ เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทั้งทางกาย เป็นของร้อน, สัมผัสทางกาย เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางกายเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ... ภิกษุ ท. ! ใจ เป็นของร้อน, ธรรมารมณ์ เป็นของร้อน, ความรู้แจ้งทางใจ เป็นของร้อน, สัมผัสทางใจ เป็นของร้อน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางใจเป็นปัจจัย เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ก็ตาม ก็เป็นของร้อน. ภิกษุ ท. ! ร้อนเพราะอะไรเล่า ? เรากล่าวว่า “ร้อนเพราะไฟ คือราคะ, ร้อนเพราะไฟคือโทสะ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะ, ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะความตาย เพราะความโศก เพราะความร่ำไรรำพัน เพราะความทุกข์กาย เพราะความทุกข์ใจ และเพราะความคับแค้นใจ” ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม)
    สัทธรรมลำดับที่ : 226
    ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=226
    เนื้อความทั้งหมด :-
    (พุทธศาสนามิได้ถือว่าจิตเป็นบุคคล
    กระแสการปรุงแต่งทางจิตเป็นไปได้เองตามธรรมชาติ
    ผลที่เกิดขึ้นเป็นความทุกข์จึงมิใช่การกระทำของบุคคลใด ;
    ดังนั้น จึงมิใช่การกระทำของบุคคลผู้รู้สึกเป็นทุกข์
    หรือการกระทำของบุคคลอื่นใดที่ทำให้บุคคลอื่นเป็นทุกข์.
    นี้เป็นหลักสำคัญของพุทธศาสนาที่สอนเรื่องอนัตตา
    ไม่มีสัตว์บุคคลที่เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ มีแต่กระแสแห่งอิทัปปัจจยตาซึ่งจิตรู้สึกได้เท่านั้น ;
    #เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในพุทธศาสนา ที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจถึงที่สุด
    ).
    --อุปวาณะ ! เรากล่าวว่า ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม).
    http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ
    ทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยอะไรเกิดขึ้นเล่า ?
    อุปวาณะ ! ทุกข์อาศัยปัจจัยคือ ผัสสะเกิดขึ้น.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=ผสฺสปจฺจยา
    ....
    --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเอง
    ก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น.
    --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ผู้อื่นทำให้
    ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น.
    --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย
    ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น.
    --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองก็หามิได้ ผู้อื่นทำให้ก็หามิได้
    ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/37/87.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/37/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๔๙/๘๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=226
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=226
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม) สัทธรรมลำดับที่ : 226 ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=226 เนื้อความทั้งหมด :- (พุทธศาสนามิได้ถือว่าจิตเป็นบุคคล กระแสการปรุงแต่งทางจิตเป็นไปได้เองตามธรรมชาติ ผลที่เกิดขึ้นเป็นความทุกข์จึงมิใช่การกระทำของบุคคลใด ; ดังนั้น จึงมิใช่การกระทำของบุคคลผู้รู้สึกเป็นทุกข์ หรือการกระทำของบุคคลอื่นใดที่ทำให้บุคคลอื่นเป็นทุกข์. นี้เป็นหลักสำคัญของพุทธศาสนาที่สอนเรื่องอนัตตา ไม่มีสัตว์บุคคลที่เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ มีแต่กระแสแห่งอิทัปปัจจยตาซึ่งจิตรู้สึกได้เท่านั้น ; #เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในพุทธศาสนา ที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจถึงที่สุด ). --อุปวาณะ ! เรากล่าวว่า ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม). http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยอะไรเกิดขึ้นเล่า ? อุปวาณะ ! ทุกข์อาศัยปัจจัยคือ ผัสสะเกิดขึ้น. http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=ผสฺสปจฺจยา .... --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเอง ก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น. --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ผู้อื่นทำให้ ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น. --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น. --ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองก็หามิได้ ผู้อื่นทำให้ก็หามิได้ ก็เป็นทุกข์ที่อาศัย ผัสสะเกิดขึ้น.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/37/87. http://etipitaka.com/read/thai/16/37/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๔๙/๘๗. http://etipitaka.com/read/pali/16/49/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=226 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=226 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เรากล่าวว่า ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม)
    -(พุทธศาสนามิได้ถือว่าจิตเป็นบุคคล กระแสการปรุงแต่งทางจิตเป็นไปได้เองตามธรรมชาติ ผลที่เกิดขึ้นเป็นความทุกข์จึงมิใช่การกระทำของบุคคลใด ; ดังนั้น จึงมิใช่การกระทำของบุคคลผู้รู้สึกเป็นทุกข์ หรือการกระทำของบุคคลอื่นใดที่ทำให้บุคคลอื่นเป็นทุกข์. นี้เป็นหลักสำคัญของพุทธศาสนาที่สอนเรื่องอนัตตา ไม่มีสัตว์บุคคลที่เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ มีแต่กระแสแห่งอิทัปปัจจยตาซึ่งจิตรู้สึกได้เท่านั้น ; เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในพุทธศาสนา ที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจถึงที่สุด). อุปวาณะ ! เรากล่าวว่า ความทุกข์เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจจสมุปปันนธรรม). ทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยอะไรเกิดขึ้นเล่า ? อุปวาณะ ! ทุกข์อาศัยปัจจัยคือผัสสะเกิดขึ้น. .... ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเอง ก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น. ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ผู้อื่นทำให้ ก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น. ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองด้วยผู้อื่นทำให้ด้วยก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น. ทุกข์ที่สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติว่า ตนทำเองก็หามิได้ผู้อื่นทำให้ก็หามิได้ ก็เป็นทุกข์ที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้.

    ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า.
    ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย,
    ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน.
    ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ,
    ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย.

    ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ.

    ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้. ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า. ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย, ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน. ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ, ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย. ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาว่าทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    สัทธรรมลำดับที่ : 225
    ชื่อบทธรรม :- ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต(ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์)
    --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า
    “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้​ เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า
    “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้
    : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง).
    http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=สสฺสต

    --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า
    “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า
    “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้
    : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ).
    http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=อุจฺเฉทํ

    --กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง
    ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า
    “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ;
    เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ;
    ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ....
    เพราะมีชาติเป็นปัจจัย,
    ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
    : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
    เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว,
    จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    .... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ....
    เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล,
    ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น
    : #ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.”
    http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ
    ดังนี้.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/18/50.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/18/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๔/๕๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=225
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาว่าทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต สัทธรรมลำดับที่ : 225 ชื่อบทธรรม :- ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต(ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์) --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้​ เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้ : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง). http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=สสฺสต --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้ : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ). http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=อุจฺเฉทํ --กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; .... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล, ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : #ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.” http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ ดังนี้.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/18/50. http://etipitaka.com/read/thai/16/18/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๔/๕๐. http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=225 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    -ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต (ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์) กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้ : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง). กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้ : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ). กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;.... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ....เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล, ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาว่าทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    สัทธรรมลำดับที่ : 225
    ชื่อบทธรรม :- ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต(ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์)
    --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า
    “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้​ เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า
    “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้
    : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง).
    http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=สสฺสต

    --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า
    “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า
    “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้
    : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ).
    http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=อุจฺเฉทํ

    --กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง
    ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า
    “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ;
    เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ;
    ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ....
    เพราะมีชาติเป็นปัจจัย,
    ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
    : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
    เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว,
    จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;
    .... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ....
    เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล,
    ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น
    : #ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.”
    http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ
    ดังนี้.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/18/50.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/18/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๔/๕๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=225
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาว่าทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต สัทธรรมลำดับที่ : 225 ชื่อบทธรรม :- ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต(ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์) --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้​ เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้ : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง). http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=สสฺสต --กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้ : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ). http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=อุจฺเฉทํ --กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ; .... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล, ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : #ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.” http://etipitaka.com/read/pali/16/25/?keywords=ทุกฺขกฺขนฺธสฺส+นิโรโธ ดังนี้.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/18/50. http://etipitaka.com/read/thai/16/18/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๔/๕๐. http://etipitaka.com/read/pali/16/24/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=225 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=225 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต
    -ทุกข์คือกระแสการปรุงแต่งทางจิต (ไม่มีบุคคลผู้ทุกข์) กัสสปะ ! เมื่อบุคคลมีความสำคัญมั่นหมายมาแต่ต้น ว่า “ผู้นั้นกระทำผู้นั้นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์เป็นสิ่งที่บุคคลกระทำเอง” ดังนี้ : นั้นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) สัสสตะ (ทิฏฐิที่ถือว่าเที่ยง). กัสสปะ ! เมื่อบุคคลถูกเวทนากระทบให้มีความสำคัญมั่นหมายว่า “ผู้อื่นกระทำ ผู้อื่นเสวย (ผล)” ดังนี้เสียแล้ว เขามีวาทะ (คือลัทธิยืนยันอยู่) ว่า “ความทุกข์ เป็นสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำให้” ดังนี้ : นั่นย่อมแล่นไปสู่ (คลองแห่ง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือว่าขาดสูญ). กัสสะปะ ! ตถาคต ย่อม แสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุดทั้งสองนั้น คือ ตถาคตย่อมแสดงดังนี้ว่า “เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ....ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ ;.... ฯลฯ.... ฯลฯ....ฯลฯ....เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล, ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 222
    ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์
    เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).

    --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
    รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก
    แห่งรูป ตามเป็นจริง
    ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข
    แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).-

    --คาถาท้ายพระสูตร--
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น
    อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด
    รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก
    สมมติว่าเป็นสุข
    ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น
    เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์
    ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ
    (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข
    การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
    ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข
    เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้
    ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ
    เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ
    เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา
    ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้
    อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ
    ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ
    เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน
    บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน
    http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ สัทธรรมลำดับที่ : 222 ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).- --คาถาท้ายพระสูตร-- รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์ บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้ อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน ฯ http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216. http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖. http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    -ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ย่อม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุขแม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts