• เรื่องเล่าจาก 175 ล้านสู่ 200 ล้าน: เมื่อ TikTok กลายเป็นสื่อหลักของยุโรป แต่ต้องแลกด้วยค่าปรับมหาศาล

    TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่พัฒนาโดย ByteDance จากจีน ประกาศว่ามีผู้ใช้งานประจำในยุโรปมากกว่า 200 ล้านคนต่อเดือนแล้วในเดือนกันยายน 2025 เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว โดยครอบคลุมผู้ใช้ใน 32 ประเทศทั่วทวีป—เท่ากับประมาณหนึ่งในสามของประชากรยุโรปทั้งหมด

    การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ใช้ TikTok เป็นช่องทางหลักในการรับข่าวสาร ความบันเทิง และการแสดงออกส่วนตัว ขณะเดียวกัน TikTok ก็มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือนแล้ว

    แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในยุโรปที่ TikTok ถูกปรับเป็นเงิน 530 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) โดยเฉพาะการจัดการข้อมูลของผู้ใช้เยาวชน และการเข้าถึงข้อมูลจากพนักงานในจีน

    TikTok ยืนยันว่าได้ใช้มาตรการป้องกันข้อมูลตามมาตรฐาน EU และไม่เคยส่งข้อมูลให้รัฐบาลจีน แต่หน่วยงานกำกับดูแลยังคงเปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ในยุโรปบนเซิร์ฟเวอร์ในจีน ซึ่งอาจขัดต่อข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล

    ในขณะเดียวกัน ByteDance กำลังเตรียมเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนจากพนักงาน ซึ่งจะประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่กว่า 330 พันล้านดอลลาร์—สะท้อนถึงความมั่นใจในอนาคตของแพลตฟอร์ม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป

    การเติบโตของ TikTok ในยุโรป
    มีผู้ใช้งานประจำมากกว่า 200 ล้านคนต่อเดือนใน 32 ประเทศ
    เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว
    คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของประชากรยุโรปทั้งหมด

    สถานะของ TikTok ทั่วโลก
    มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน
    เป็นแพลตฟอร์มหลักของวัยรุ่นในการรับข่าวสารและความบันเทิง
    ByteDance เตรียมเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่าบริษัทกว่า $330B

    ปัญหาด้านข้อมูลและการกำกับดูแล
    ถูกปรับ 530 ล้านยูโรจากการละเมิด GDPR โดยเฉพาะข้อมูลเยาวชน
    หน่วยงาน EU กังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลโดยพนักงานในจีน
    มีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์จีน

    การตอบสนองของ TikTok
    ยืนยันว่าใช้มาตรฐาน EU และไม่เคยส่งข้อมูลให้รัฐบาลจีน
    ใช้สัญญาแบบ EU-standard clauses และระบบความปลอดภัยที่ปรับปรุงในปี 2023
    กำลังอุทธรณ์คำตัดสินและเตือนว่าอาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อบริษัทระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/05/tiktok-users-top-200-million-in-europe-firm-says
    🎙️ เรื่องเล่าจาก 175 ล้านสู่ 200 ล้าน: เมื่อ TikTok กลายเป็นสื่อหลักของยุโรป แต่ต้องแลกด้วยค่าปรับมหาศาล TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่พัฒนาโดย ByteDance จากจีน ประกาศว่ามีผู้ใช้งานประจำในยุโรปมากกว่า 200 ล้านคนต่อเดือนแล้วในเดือนกันยายน 2025 เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว โดยครอบคลุมผู้ใช้ใน 32 ประเทศทั่วทวีป—เท่ากับประมาณหนึ่งในสามของประชากรยุโรปทั้งหมด การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ใช้ TikTok เป็นช่องทางหลักในการรับข่าวสาร ความบันเทิง และการแสดงออกส่วนตัว ขณะเดียวกัน TikTok ก็มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือนแล้ว แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในยุโรปที่ TikTok ถูกปรับเป็นเงิน 530 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) โดยเฉพาะการจัดการข้อมูลของผู้ใช้เยาวชน และการเข้าถึงข้อมูลจากพนักงานในจีน TikTok ยืนยันว่าได้ใช้มาตรการป้องกันข้อมูลตามมาตรฐาน EU และไม่เคยส่งข้อมูลให้รัฐบาลจีน แต่หน่วยงานกำกับดูแลยังคงเปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ในยุโรปบนเซิร์ฟเวอร์ในจีน ซึ่งอาจขัดต่อข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ในขณะเดียวกัน ByteDance กำลังเตรียมเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนจากพนักงาน ซึ่งจะประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่กว่า 330 พันล้านดอลลาร์—สะท้อนถึงความมั่นใจในอนาคตของแพลตฟอร์ม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ✅ การเติบโตของ TikTok ในยุโรป ➡️ มีผู้ใช้งานประจำมากกว่า 200 ล้านคนต่อเดือนใน 32 ประเทศ ➡️ เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ➡️ คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของประชากรยุโรปทั้งหมด ✅ สถานะของ TikTok ทั่วโลก ➡️ มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน ➡️ เป็นแพลตฟอร์มหลักของวัยรุ่นในการรับข่าวสารและความบันเทิง ➡️ ByteDance เตรียมเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่าบริษัทกว่า $330B ✅ ปัญหาด้านข้อมูลและการกำกับดูแล ➡️ ถูกปรับ 530 ล้านยูโรจากการละเมิด GDPR โดยเฉพาะข้อมูลเยาวชน ➡️ หน่วยงาน EU กังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลโดยพนักงานในจีน ➡️ มีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์จีน ✅ การตอบสนองของ TikTok ➡️ ยืนยันว่าใช้มาตรฐาน EU และไม่เคยส่งข้อมูลให้รัฐบาลจีน ➡️ ใช้สัญญาแบบ EU-standard clauses และระบบความปลอดภัยที่ปรับปรุงในปี 2023 ➡️ กำลังอุทธรณ์คำตัดสินและเตือนว่าอาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อบริษัทระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/05/tiktok-users-top-200-million-in-europe-firm-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TikTok users top 200 million in Europe, firm says
    LONDON (Reuters) -TikTok has more than 200 million monthly users in Europe, or roughly one in three citizens on the continent, the short video app platform said on Friday, the latest sign of its rapid growth among teenagers.
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข้อมูลจริง: เมื่อ AI เริ่มกัดกินโอกาสทำงานของคนอายุน้อย โดยเฉพาะในสายงานที่มันแทนที่ได้ง่าย

    Derek Thompson เปิดประเด็นในบทความล่าสุดว่า คำถาม “AI กำลังทำลายงานของคนรุ่นใหม่หรือไม่” กำลังเปลี่ยนจากข้อสงสัยเป็นหลักฐานที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากงานวิจัยใหม่จาก Stanford ที่ใช้ข้อมูลจาก ADP ซึ่งครอบคลุมการจ้างงานของคนหลายล้านคน พบว่า คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “มีความเสี่ยงสูงต่อ AI” เช่น software developer และ customer service agent มีอัตราการจ้างงานลดลงถึง 13% ตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัว

    ที่น่าสนใจคือ คนอายุมากกว่าในสายงานเดียวกันกลับไม่ได้รับผลกระทบเท่า และบางสายงานที่ไม่สามารถถูกแทนที่ด้วย AI เช่น home health aide กลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย

    นักวิจัยยังแยกแยะว่า AI มีผลกระทบแตกต่างกันตามลักษณะงาน—งานที่ AI สามารถ “ทำแทน” ได้ เช่น การแปลเอกสารหรือจัดรูปแบบข้อมูล จะมีการจ้างงานลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่งานที่ AI “ช่วยเสริม” เช่น การวางกลยุทธ์หรือการตัดสินใจร่วมกับมนุษย์ กลับไม่มีผลกระทบด้านลบต่อการจ้างงาน

    แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานจาก Economic Innovation Group และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนที่ชี้ว่า AI ยังไม่มีผลกระทบต่อการจ้างงานโดยรวม แต่ข้อมูลใหม่จาก Stanford กลับชี้ว่า หากมองเฉพาะกลุ่มคนอายุน้อยในสายงานที่ AI เข้าไปแทนที่ได้ง่าย ผลกระทบเริ่มปรากฏชัดเจนแล้ว

    ผลการศึกษาจาก Stanford และ ADP
    คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ AI เข้าไปแทนที่ได้ มีการจ้างงานลดลง 13%
    สายงานที่ไม่เสี่ยงต่อ AI เช่น home health aide มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
    ข้อมูลครอบคลุมหลายล้านคน ทำให้ผลการวิเคราะห์มีความแม่นยำสูง

    ความแตกต่างระหว่างงานที่ AI “แทนที่” กับ “เสริม”
    งานที่ AI ทำแทนได้ เช่น การจัดการเอกสาร, การค้นข้อมูล, การเขียนรายงาน
    งานที่ AI เสริมได้ เช่น การวางกลยุทธ์, การตัดสินใจ, การสื่อสารกับทีม
    งานแบบแรกมีการจ้างงานลดลง ส่วนงานแบบหลังไม่มีผลกระทบ

    ความเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร
    ในบริษัทเดียวกัน งานที่เสี่ยงต่อ AI มีการจ้างงานลดลงมากกว่างานที่ไม่เสี่ยง
    การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดจากเศรษฐกิจโดยรวม แต่เกิดจากลักษณะงานเฉพาะ
    งานที่มีผลลัพธ์ชัดเจนและวัดผลได้ง่าย มักถูกแทนที่ด้วย AI ก่อน

    ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัยและผู้เรียน
    หลักสูตรควรสอนการใช้ AI ควบคู่กับทักษะพื้นฐาน
    งานที่มีองค์ประกอบทางกายภาพหรือการตัดสินใจระยะยาวยังคงมีความสำคัญ
    การเข้าใจว่า AI ทำอะไรได้และไม่ได้ จะช่วยให้ผู้เรียนปรับตัวได้ดีขึ้น

    https://www.derekthompson.org/p/the-evidence-that-ai-is-destroying
    🎙️ เรื่องเล่าจากข้อมูลจริง: เมื่อ AI เริ่มกัดกินโอกาสทำงานของคนอายุน้อย โดยเฉพาะในสายงานที่มันแทนที่ได้ง่าย Derek Thompson เปิดประเด็นในบทความล่าสุดว่า คำถาม “AI กำลังทำลายงานของคนรุ่นใหม่หรือไม่” กำลังเปลี่ยนจากข้อสงสัยเป็นหลักฐานที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากงานวิจัยใหม่จาก Stanford ที่ใช้ข้อมูลจาก ADP ซึ่งครอบคลุมการจ้างงานของคนหลายล้านคน พบว่า คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “มีความเสี่ยงสูงต่อ AI” เช่น software developer และ customer service agent มีอัตราการจ้างงานลดลงถึง 13% ตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัว ที่น่าสนใจคือ คนอายุมากกว่าในสายงานเดียวกันกลับไม่ได้รับผลกระทบเท่า และบางสายงานที่ไม่สามารถถูกแทนที่ด้วย AI เช่น home health aide กลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย นักวิจัยยังแยกแยะว่า AI มีผลกระทบแตกต่างกันตามลักษณะงาน—งานที่ AI สามารถ “ทำแทน” ได้ เช่น การแปลเอกสารหรือจัดรูปแบบข้อมูล จะมีการจ้างงานลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่งานที่ AI “ช่วยเสริม” เช่น การวางกลยุทธ์หรือการตัดสินใจร่วมกับมนุษย์ กลับไม่มีผลกระทบด้านลบต่อการจ้างงาน แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานจาก Economic Innovation Group และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนที่ชี้ว่า AI ยังไม่มีผลกระทบต่อการจ้างงานโดยรวม แต่ข้อมูลใหม่จาก Stanford กลับชี้ว่า หากมองเฉพาะกลุ่มคนอายุน้อยในสายงานที่ AI เข้าไปแทนที่ได้ง่าย ผลกระทบเริ่มปรากฏชัดเจนแล้ว ✅ ผลการศึกษาจาก Stanford และ ADP ➡️ คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ AI เข้าไปแทนที่ได้ มีการจ้างงานลดลง 13% ➡️ สายงานที่ไม่เสี่ยงต่อ AI เช่น home health aide มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ➡️ ข้อมูลครอบคลุมหลายล้านคน ทำให้ผลการวิเคราะห์มีความแม่นยำสูง ✅ ความแตกต่างระหว่างงานที่ AI “แทนที่” กับ “เสริม” ➡️ งานที่ AI ทำแทนได้ เช่น การจัดการเอกสาร, การค้นข้อมูล, การเขียนรายงาน ➡️ งานที่ AI เสริมได้ เช่น การวางกลยุทธ์, การตัดสินใจ, การสื่อสารกับทีม ➡️ งานแบบแรกมีการจ้างงานลดลง ส่วนงานแบบหลังไม่มีผลกระทบ ✅ ความเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ➡️ ในบริษัทเดียวกัน งานที่เสี่ยงต่อ AI มีการจ้างงานลดลงมากกว่างานที่ไม่เสี่ยง ➡️ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดจากเศรษฐกิจโดยรวม แต่เกิดจากลักษณะงานเฉพาะ ➡️ งานที่มีผลลัพธ์ชัดเจนและวัดผลได้ง่าย มักถูกแทนที่ด้วย AI ก่อน ✅ ข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยาลัยและผู้เรียน ➡️ หลักสูตรควรสอนการใช้ AI ควบคู่กับทักษะพื้นฐาน ➡️ งานที่มีองค์ประกอบทางกายภาพหรือการตัดสินใจระยะยาวยังคงมีความสำคัญ ➡️ การเข้าใจว่า AI ทำอะไรได้และไม่ได้ จะช่วยให้ผู้เรียนปรับตัวได้ดีขึ้น https://www.derekthompson.org/p/the-evidence-that-ai-is-destroying
    WWW.DEREKTHOMPSON.ORG
    The Evidence That AI Is Destroying Jobs For Young People Just Got Stronger
    A big nerd debate with bigger implications for the future of work, technology, and the economy
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • มทภ.2 ย้ายมานั่งในใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ ส่วนอีนังตะวันไร้คนเหลียวแล ไร้ราคา มีแต่สายตาริษยา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แม่ทัพภาค2
    มทภ.2 ย้ายมานั่งในใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ ส่วนอีนังตะวันไร้คนเหลียวแล ไร้ราคา มีแต่สายตาริษยา #คิงส์โพธิ์แดง #แม่ทัพภาค2
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสแตนฟอร์ด: เมื่อ AI กลายเป็นตัวกรองคนเข้าสู่โลกการทำงาน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Generative AI อย่าง ChatGPT, Claude และเครื่องมืออัตโนมัติอื่น ๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานในหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบที่หลายคนยังไม่ทันตั้งตัว คือการ “ลดโอกาส” ของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ

    งานวิจัยจาก Stanford Digital Economy Lab วิเคราะห์ข้อมูลจาก ADP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเงินเดือนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า ตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึงกลางปี 2025 การจ้างงานของคนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI” เช่น customer service, accounting และ software development ลดลงถึง 13% ขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันกลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

    เหตุผลหลักคือ AI สามารถแทนที่ “ความรู้แบบท่องจำ” หรือ codified knowledge ที่คนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบมาได้ง่าย แต่ยังไม่สามารถแทนที่ “ความรู้จากประสบการณ์” หรือ tacit knowledge ที่คนทำงานมานานสะสมไว้ได้

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าในสายงานที่ AI “เสริม” การทำงาน เช่น การช่วยตรวจสอบโค้ดหรือจัดการข้อมูล การจ้างงานกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการตัดสินใจ

    ผลกระทบของ AI ต่อแรงงานอายุน้อย
    คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI มีการจ้างงานลดลง 13%
    สายงานที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ customer service, accounting, software development
    ในขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

    ความแตกต่างระหว่าง codified กับ tacit knowledge
    AI สามารถแทนที่ความรู้แบบท่องจำจากการศึกษาได้ง่าย
    แต่ยังไม่สามารถแทนที่ความรู้จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ในตำรา

    สายงานที่ AI เสริมมากกว่าทดแทน
    ในงานที่ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือช่วยเขียนโค้ด
    การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสม

    ความพยายามควบคุมตัวแปรอื่น
    งานวิจัยพยายามตัดปัจจัยแทรก เช่น remote work, การจ้างงานภายนอก, หรือภาวะเศรษฐกิจ
    ผลลัพธ์ยังคงชี้ชัดว่า AI เป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการจ้างงานของคนรุ่นใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หมายความว่าผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
    นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏในข้อมูลแรงงานแล้ว


    https://www.cnbc.com/2025/08/28/generative-ai-reshapes-us-job-market-stanford-study-shows-entry-level-young-workers.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากสแตนฟอร์ด: เมื่อ AI กลายเป็นตัวกรองคนเข้าสู่โลกการทำงาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Generative AI อย่าง ChatGPT, Claude และเครื่องมืออัตโนมัติอื่น ๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานในหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบที่หลายคนยังไม่ทันตั้งตัว คือการ “ลดโอกาส” ของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ งานวิจัยจาก Stanford Digital Economy Lab วิเคราะห์ข้อมูลจาก ADP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเงินเดือนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า ตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึงกลางปี 2025 การจ้างงานของคนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI” เช่น customer service, accounting และ software development ลดลงถึง 13% ขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันกลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เหตุผลหลักคือ AI สามารถแทนที่ “ความรู้แบบท่องจำ” หรือ codified knowledge ที่คนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบมาได้ง่าย แต่ยังไม่สามารถแทนที่ “ความรู้จากประสบการณ์” หรือ tacit knowledge ที่คนทำงานมานานสะสมไว้ได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าในสายงานที่ AI “เสริม” การทำงาน เช่น การช่วยตรวจสอบโค้ดหรือจัดการข้อมูล การจ้างงานกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการตัดสินใจ ✅ ผลกระทบของ AI ต่อแรงงานอายุน้อย ➡️ คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI มีการจ้างงานลดลง 13% ➡️ สายงานที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ customer service, accounting, software development ➡️ ในขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ✅ ความแตกต่างระหว่าง codified กับ tacit knowledge ➡️ AI สามารถแทนที่ความรู้แบบท่องจำจากการศึกษาได้ง่าย ➡️ แต่ยังไม่สามารถแทนที่ความรู้จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ในตำรา ✅ สายงานที่ AI เสริมมากกว่าทดแทน ➡️ ในงานที่ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือช่วยเขียนโค้ด ➡️ การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสม ✅ ความพยายามควบคุมตัวแปรอื่น ➡️ งานวิจัยพยายามตัดปัจจัยแทรก เช่น remote work, การจ้างงานภายนอก, หรือภาวะเศรษฐกิจ ➡️ ผลลัพธ์ยังคงชี้ชัดว่า AI เป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการจ้างงานของคนรุ่นใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หมายความว่าผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ➡️ นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏในข้อมูลแรงงานแล้ว https://www.cnbc.com/2025/08/28/generative-ai-reshapes-us-job-market-stanford-study-shows-entry-level-young-workers.html
    WWW.CNBC.COM
    AI adoption linked to 13% decline in jobs for young U.S. workers, Stanford study reveals
    A Standford study has found evidence that the widespread adoption of generative AI is impacting the job prospects of early career workers.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • เมื่อซีอีโอ AWS บอกว่า “ไล่เด็กใหม่ออกเพราะ AI” คือความคิดที่โง่ที่สุด

    ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานหลายประเภท หลายองค์กรเริ่มคิดว่า “ถ้า AI ทำงานแทนได้ ก็ไม่ต้องจ้างเด็กใหม่แล้วสิ” แต่ Matt Garman ซีอีโอของ AWS กลับออกมาพูดตรง ๆ ว่า “นั่นคือความคิดที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา”

    เขาให้เหตุผลว่า พนักงานระดับเริ่มต้น (junior staff) คือกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด และเป็นกลุ่มที่ “โตมากับ AI” จึงมีความเข้าใจและพร้อมใช้งานเครื่องมือใหม่ ๆ มากที่สุด ถ้าองค์กรไม่จ้างคนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้และเติบโต วันหนึ่งจะไม่มีใครเหลือที่เข้าใจวิธีการทำงานจริงเลย

    Garman ยังวิจารณ์แนวคิดที่วัดประสิทธิภาพของ AI ด้วย “จำนวนบรรทัดของโค้ดที่เขียนได้” โดยบอกว่า “มันเป็น metric ที่ไร้สาระ” เพราะโค้ดเยอะไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป บางครั้งโค้ดน้อยแต่มีคุณภาพกลับดีกว่า

    เขาเชื่อว่า AI ควรเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนา ไม่ใช่เครื่องมือแทนที่ และสิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้คือ “การเรียนรู้ที่จะเรียนรู้” เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก การเรียนแค่ทักษะเฉพาะทางอาจไม่พอสำหรับการทำงานระยะยาว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Matt Garman ซีอีโอ AWS กล่าวว่าการใช้ AI แทนพนักงานระดับเริ่มต้นคือ “ความคิดที่โง่ที่สุด”
    เขาให้เหตุผลว่าเด็กใหม่มีค่าใช้จ่ายต่ำและเข้าใจ AI มากที่สุด
    การไม่จ้างเด็กใหม่จะทำให้องค์กรไม่มีคนที่มีประสบการณ์ในอนาคต
    Garman สนับสนุนให้จ้างเด็กจบใหม่และสอนทักษะการคิดและแก้ปัญหา
    เขาเชื่อว่า AI ควรช่วยในการเรียนรู้ ไม่ใช่แทนที่การเรียนรู้
    เขาวิจารณ์การวัดผล AI ด้วยจำนวนโค้ดว่าเป็น metric ที่ไร้สาระ
    โค้ดมากไม่ได้แปลว่าดี บางครั้งโค้ดน้อยแต่มีคุณภาพกลับดีกว่า
    กว่า 80% ของนักพัฒนาใน AWS ใช้ AI ในงาน เช่น เขียน unit test, เอกสาร, โค้ด และทำงานร่วมกับ AI agent
    การใช้งาน AI ใน AWS เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TechRadar รายงานว่า Gen Z มองว่าเจ้านายไม่เข้าใจประโยชน์ของ AI
    Garman แนะนำให้พนักงานรุ่นใหม่ “เรียนรู้ที่จะเรียนรู้” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
    เขาเน้นทักษะการคิดเชิงวิพากษ์, ความคิดสร้างสรรค์ และการแยกปัญหา
    การใช้ AI เพื่อเสริมการเรียนรู้จะช่วยให้พนักงานรุ่นใหม่เติบโตได้เร็วขึ้น
    AWS ใช้เครื่องมือ Kiro เพื่อช่วยในการเขียนโค้ดแบบมีผู้ช่วย

    https://www.theregister.com/2025/08/21/aws_ceo_entry_level_jobs_opinion/
    🎙️ เมื่อซีอีโอ AWS บอกว่า “ไล่เด็กใหม่ออกเพราะ AI” คือความคิดที่โง่ที่สุด ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานหลายประเภท หลายองค์กรเริ่มคิดว่า “ถ้า AI ทำงานแทนได้ ก็ไม่ต้องจ้างเด็กใหม่แล้วสิ” แต่ Matt Garman ซีอีโอของ AWS กลับออกมาพูดตรง ๆ ว่า “นั่นคือความคิดที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา” เขาให้เหตุผลว่า พนักงานระดับเริ่มต้น (junior staff) คือกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด และเป็นกลุ่มที่ “โตมากับ AI” จึงมีความเข้าใจและพร้อมใช้งานเครื่องมือใหม่ ๆ มากที่สุด ถ้าองค์กรไม่จ้างคนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้และเติบโต วันหนึ่งจะไม่มีใครเหลือที่เข้าใจวิธีการทำงานจริงเลย Garman ยังวิจารณ์แนวคิดที่วัดประสิทธิภาพของ AI ด้วย “จำนวนบรรทัดของโค้ดที่เขียนได้” โดยบอกว่า “มันเป็น metric ที่ไร้สาระ” เพราะโค้ดเยอะไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป บางครั้งโค้ดน้อยแต่มีคุณภาพกลับดีกว่า เขาเชื่อว่า AI ควรเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนา ไม่ใช่เครื่องมือแทนที่ และสิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้คือ “การเรียนรู้ที่จะเรียนรู้” เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก การเรียนแค่ทักษะเฉพาะทางอาจไม่พอสำหรับการทำงานระยะยาว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Matt Garman ซีอีโอ AWS กล่าวว่าการใช้ AI แทนพนักงานระดับเริ่มต้นคือ “ความคิดที่โง่ที่สุด” ➡️ เขาให้เหตุผลว่าเด็กใหม่มีค่าใช้จ่ายต่ำและเข้าใจ AI มากที่สุด ➡️ การไม่จ้างเด็กใหม่จะทำให้องค์กรไม่มีคนที่มีประสบการณ์ในอนาคต ➡️ Garman สนับสนุนให้จ้างเด็กจบใหม่และสอนทักษะการคิดและแก้ปัญหา ➡️ เขาเชื่อว่า AI ควรช่วยในการเรียนรู้ ไม่ใช่แทนที่การเรียนรู้ ➡️ เขาวิจารณ์การวัดผล AI ด้วยจำนวนโค้ดว่าเป็น metric ที่ไร้สาระ ➡️ โค้ดมากไม่ได้แปลว่าดี บางครั้งโค้ดน้อยแต่มีคุณภาพกลับดีกว่า ➡️ กว่า 80% ของนักพัฒนาใน AWS ใช้ AI ในงาน เช่น เขียน unit test, เอกสาร, โค้ด และทำงานร่วมกับ AI agent ➡️ การใช้งาน AI ใน AWS เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TechRadar รายงานว่า Gen Z มองว่าเจ้านายไม่เข้าใจประโยชน์ของ AI ➡️ Garman แนะนำให้พนักงานรุ่นใหม่ “เรียนรู้ที่จะเรียนรู้” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ➡️ เขาเน้นทักษะการคิดเชิงวิพากษ์, ความคิดสร้างสรรค์ และการแยกปัญหา ➡️ การใช้ AI เพื่อเสริมการเรียนรู้จะช่วยให้พนักงานรุ่นใหม่เติบโตได้เร็วขึ้น ➡️ AWS ใช้เครื่องมือ Kiro เพื่อช่วยในการเขียนโค้ดแบบมีผู้ช่วย https://www.theregister.com/2025/08/21/aws_ceo_entry_level_jobs_opinion/
    WWW.THEREGISTER.COM
    AWS CEO says AI replacing junior staff is 'dumbest idea'
    : They're cheap and grew up with AI … so you're firing them why?
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไอที: จากเงินเดือนแสนห้า สู่การสมัครงานที่ Chipotle

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ถ้าคุณเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ วิทยาการข้อมูล หรือวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คุณแทบจะเลือกได้เลยว่าจะทำงานที่ไหน เงินเดือนเริ่มต้นทะลุ $100,000 พร้อมโบนัสและหุ้นอีกหลายหมื่นดอลลาร์ หลายคนจึงมุ่งหน้าเข้าสู่สายนี้ด้วยความหวังว่าจะได้งานดี เงินดี และชีวิตมั่นคง

    แต่ในปี 2025 ภาพนั้นกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    นักศึกษาจบใหม่อย่าง Manasi Mishra จากมหาวิทยาลัย Purdue เล่าว่าเธอเรียนเขียนโค้ดมาตั้งแต่เด็ก ทำเว็บไซต์ตั้งแต่ประถม และตั้งใจเรียนสายคอมเต็มที่ แต่หลังจากจบการศึกษา เธอกลับไม่ได้รับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเลย มีเพียง Chipotle ร้านอาหารที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์

    เหตุผลหลักคือบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Amazon, Microsoft, Meta และ Intel ต่างลดจำนวนพนักงาน และหันไปใช้เครื่องมือ AI ที่สามารถเขียนโค้ดได้เอง เช่น GitHub Copilot, CodeRabbit หรือ Devin จาก Cognition AI ซึ่งสามารถเขียนและดีบักโค้ดได้จากคำสั่งภาษาธรรมชาติ

    ผลคือ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นที่เคยเปิดรับนักศึกษาจบใหม่ ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ และทำให้คนรุ่นใหม่ต้องหางานนอกสายที่เรียนมา บางคนสมัครงานที่ McDonald’s แต่ยังถูกปฏิเสธเพราะ “ไม่มีประสบการณ์”

    แม้จะมีความหวังว่า AI จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ แต่ในระยะสั้น นักศึกษาจบใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรง การคัดกรองด้วยระบบอัตโนมัติ และความรู้สึกว่าถูก “หลอก” ให้เรียนในสายที่ไม่มีงานรองรับ

    ความเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานสายเทคโนโลยี
    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ลดจำนวนพนักงานและหันไปใช้ AI coding tools
    ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นถูกลดลงอย่างมาก ทำให้นักศึกษาจบใหม่หางานยาก

    ความคาดหวังในอดีตที่ไม่เป็นจริง
    นักศึกษาถูกกระตุ้นให้เรียนเขียนโค้ดด้วยสัญญาว่าจะได้งานเงินเดือนสูง
    จำนวนผู้เรียนสายคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

    การใช้ AI ในการเขียนโค้ดและคัดกรองผู้สมัคร
    เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot, CodeRabbit, Devin สามารถเขียนโค้ดได้จากคำสั่งภาษา
    บริษัทใช้ AI คัดกรองใบสมัคร ทำให้ผู้สมัครถูกปฏิเสธโดยไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ

    ความพยายามปรับตัวของนักศึกษาจบใหม่
    บางคนหันไปเน้นทักษะมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้โดดเด่น
    บางคนเปลี่ยนสายงาน เช่น Mishra ที่หันไปทำงานด้านการขายเทคโนโลยี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/goodbye-us165000-tech-jobs-student-coders-seek-work-at-chipotle
    🎙️เรื่องเล่าจากโลกไอที: จากเงินเดือนแสนห้า สู่การสมัครงานที่ Chipotle ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ถ้าคุณเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ วิทยาการข้อมูล หรือวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คุณแทบจะเลือกได้เลยว่าจะทำงานที่ไหน เงินเดือนเริ่มต้นทะลุ $100,000 พร้อมโบนัสและหุ้นอีกหลายหมื่นดอลลาร์ หลายคนจึงมุ่งหน้าเข้าสู่สายนี้ด้วยความหวังว่าจะได้งานดี เงินดี และชีวิตมั่นคง แต่ในปี 2025 ภาพนั้นกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นักศึกษาจบใหม่อย่าง Manasi Mishra จากมหาวิทยาลัย Purdue เล่าว่าเธอเรียนเขียนโค้ดมาตั้งแต่เด็ก ทำเว็บไซต์ตั้งแต่ประถม และตั้งใจเรียนสายคอมเต็มที่ แต่หลังจากจบการศึกษา เธอกลับไม่ได้รับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเลย มีเพียง Chipotle ร้านอาหารที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์ เหตุผลหลักคือบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Amazon, Microsoft, Meta และ Intel ต่างลดจำนวนพนักงาน และหันไปใช้เครื่องมือ AI ที่สามารถเขียนโค้ดได้เอง เช่น GitHub Copilot, CodeRabbit หรือ Devin จาก Cognition AI ซึ่งสามารถเขียนและดีบักโค้ดได้จากคำสั่งภาษาธรรมชาติ ผลคือ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นที่เคยเปิดรับนักศึกษาจบใหม่ ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ และทำให้คนรุ่นใหม่ต้องหางานนอกสายที่เรียนมา บางคนสมัครงานที่ McDonald’s แต่ยังถูกปฏิเสธเพราะ “ไม่มีประสบการณ์” แม้จะมีความหวังว่า AI จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ แต่ในระยะสั้น นักศึกษาจบใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรง การคัดกรองด้วยระบบอัตโนมัติ และความรู้สึกว่าถูก “หลอก” ให้เรียนในสายที่ไม่มีงานรองรับ ✅ ความเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานสายเทคโนโลยี ➡️ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ลดจำนวนพนักงานและหันไปใช้ AI coding tools ➡️ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นถูกลดลงอย่างมาก ทำให้นักศึกษาจบใหม่หางานยาก ✅ ความคาดหวังในอดีตที่ไม่เป็นจริง ➡️ นักศึกษาถูกกระตุ้นให้เรียนเขียนโค้ดด้วยสัญญาว่าจะได้งานเงินเดือนสูง ➡️ จำนวนผู้เรียนสายคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ✅ การใช้ AI ในการเขียนโค้ดและคัดกรองผู้สมัคร ➡️ เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot, CodeRabbit, Devin สามารถเขียนโค้ดได้จากคำสั่งภาษา ➡️ บริษัทใช้ AI คัดกรองใบสมัคร ทำให้ผู้สมัครถูกปฏิเสธโดยไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ ✅ ความพยายามปรับตัวของนักศึกษาจบใหม่ ➡️ บางคนหันไปเน้นทักษะมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้โดดเด่น ➡️ บางคนเปลี่ยนสายงาน เช่น Mishra ที่หันไปทำงานด้านการขายเทคโนโลยี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/goodbye-us165000-tech-jobs-student-coders-seek-work-at-chipotle
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Goodbye, US$165,000 tech jobs. Student coders seek work at Chipotle.
    As companies like Amazon and Microsoft lay off workers and embrace A.I. coding tools, computer science graduates say they're struggling to land tech jobs.
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • ♣ ดูเอาเองว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถูกอกถูกใจ มทภ.2 ผู้ปกป้องอธิปไตยชาติขนาดไหน แต่ภาพแบบนี้คงเสียดแทงใจพรรคส้มล้มล้างทำลายชาติ ชนิดต้องออกมาดิสเครดิตทหารทุกวี่วัน
    #7ดอกจิก
    ♣ ดูเอาเองว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถูกอกถูกใจ มทภ.2 ผู้ปกป้องอธิปไตยชาติขนาดไหน แต่ภาพแบบนี้คงเสียดแทงใจพรรคส้มล้มล้างทำลายชาติ ชนิดต้องออกมาดิสเครดิตทหารทุกวี่วัน #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกความสัมพันธ์: เมื่อไลก์และอีโมจิกลายเป็นดาบสองคมในความรักยุคดิจิทัล

    ในยุคที่การจีบกันเริ่มต้นจากการแมตช์ในแอป แล้วตามด้วยการแลก Instagram แทนการคุยกันตรง ๆ หลายคนกลับพบว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เดินหน้าอย่างที่คิด เพราะสิ่งที่ดูเหมือน “การมีปฏิสัมพันธ์” เช่น ไลก์ ดูสตอรี่ หรือส่งอีโมจิ กลับกลายเป็นการสื่อสารที่คลุมเครือและทำให้เกิดความเข้าใจผิด

    Alla Rakhmatullina นักจัดงาน Dating Day บอกว่า คนจำนวนมากคิดว่าตัวเองกำลังสื่อสารอยู่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรเลย ไลก์ไม่ใช่บทสนทนา และมักถูกตีความผิด เช่น ผู้ชายคิดว่าการไลก์ซ้ำ ๆ คือการจีบ ส่วนผู้หญิงกลับไม่แน่ใจว่านั่นคือความสนใจจริงหรือแค่ความสุภาพ

    การวนเวียนอยู่ใน “วงจรการมีปฏิสัมพันธ์แบบเฉื่อย” ทำให้หลายคู่ไม่เคยเริ่มต้นคุยกันจริงจัง และเมื่อเกิดการ ghosting หรือการหายไปโดยไม่อธิบาย ความไม่แน่นอนทางอารมณ์ก็ยิ่งทวีคูณ

    Dr. Salman Kareem จิตแพทย์จาก Aster Clinic เสริมว่า คนยุคนี้คิดมากกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เวลาตอบข้อความ หรือการอ่านแล้วไม่ตอบ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวล และกลัวการถูกปฏิเสธแบบ “สาธารณะ” เช่น การถูก unfollow

    แต่ในอีกด้านหนึ่ง งานวิจัยจาก University of Texas พบว่า การใช้ emoji ในข้อความช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าอีกฝ่าย “ใส่ใจ” และทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น เพราะ emoji ทำหน้าที่เหมือนภาษากายในโลกดิจิทัล

    ไลก์และอีโมจิกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในความสัมพันธ์ยุคใหม่
    แต่หลายคนตีความผิดว่าเป็นความสนใจจริง

    คนรุ่นใหม่มักเลือกดูสตอรี่หรือไลก์โพสต์แทนการเริ่มบทสนทนา
    ทำให้ความสัมพันธ์ไม่พัฒนา

    ghosting กลายเป็นเรื่องธรรมดาในโลกดิจิทัล
    ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางอารมณ์

    Dr. Kareem ระบุว่าคนยุคนี้คิดมากกับสัญญาณดิจิทัล
    เช่น เวลาตอบข้อความ หรือการถูก unfollow

    แนะนำให้เริ่มจากการสื่อสารแบบสบาย ๆ แล้วค่อยพัฒนาเป็นการคุยตรง
    เพื่อสร้างความมั่นใจในโลกจริงก่อนกลับไปสื่อสารออนไลน์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/06/are-likes-and-emojis-ruining-modern-relationships
    💬❤️ เรื่องเล่าจากโลกความสัมพันธ์: เมื่อไลก์และอีโมจิกลายเป็นดาบสองคมในความรักยุคดิจิทัล ในยุคที่การจีบกันเริ่มต้นจากการแมตช์ในแอป แล้วตามด้วยการแลก Instagram แทนการคุยกันตรง ๆ หลายคนกลับพบว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เดินหน้าอย่างที่คิด เพราะสิ่งที่ดูเหมือน “การมีปฏิสัมพันธ์” เช่น ไลก์ ดูสตอรี่ หรือส่งอีโมจิ กลับกลายเป็นการสื่อสารที่คลุมเครือและทำให้เกิดความเข้าใจผิด Alla Rakhmatullina นักจัดงาน Dating Day บอกว่า คนจำนวนมากคิดว่าตัวเองกำลังสื่อสารอยู่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรเลย ไลก์ไม่ใช่บทสนทนา และมักถูกตีความผิด เช่น ผู้ชายคิดว่าการไลก์ซ้ำ ๆ คือการจีบ ส่วนผู้หญิงกลับไม่แน่ใจว่านั่นคือความสนใจจริงหรือแค่ความสุภาพ การวนเวียนอยู่ใน “วงจรการมีปฏิสัมพันธ์แบบเฉื่อย” ทำให้หลายคู่ไม่เคยเริ่มต้นคุยกันจริงจัง และเมื่อเกิดการ ghosting หรือการหายไปโดยไม่อธิบาย ความไม่แน่นอนทางอารมณ์ก็ยิ่งทวีคูณ Dr. Salman Kareem จิตแพทย์จาก Aster Clinic เสริมว่า คนยุคนี้คิดมากกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เวลาตอบข้อความ หรือการอ่านแล้วไม่ตอบ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวล และกลัวการถูกปฏิเสธแบบ “สาธารณะ” เช่น การถูก unfollow แต่ในอีกด้านหนึ่ง งานวิจัยจาก University of Texas พบว่า การใช้ emoji ในข้อความช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าอีกฝ่าย “ใส่ใจ” และทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น เพราะ emoji ทำหน้าที่เหมือนภาษากายในโลกดิจิทัล ✅ ไลก์และอีโมจิกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในความสัมพันธ์ยุคใหม่ ➡️ แต่หลายคนตีความผิดว่าเป็นความสนใจจริง ✅ คนรุ่นใหม่มักเลือกดูสตอรี่หรือไลก์โพสต์แทนการเริ่มบทสนทนา ➡️ ทำให้ความสัมพันธ์ไม่พัฒนา ✅ ghosting กลายเป็นเรื่องธรรมดาในโลกดิจิทัล ➡️ ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางอารมณ์ ✅ Dr. Kareem ระบุว่าคนยุคนี้คิดมากกับสัญญาณดิจิทัล ➡️ เช่น เวลาตอบข้อความ หรือการถูก unfollow ✅ แนะนำให้เริ่มจากการสื่อสารแบบสบาย ๆ แล้วค่อยพัฒนาเป็นการคุยตรง ➡️ เพื่อสร้างความมั่นใจในโลกจริงก่อนกลับไปสื่อสารออนไลน์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/06/are-likes-and-emojis-ruining-modern-relationships
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Are likes and emojis ruining modern relationships?
    Many people misinterpret passive digital gestures and actions as signs of true interest.
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • ไม่รอรัฐบาลโต้ เยาวชนไทยแถลงเอง ตอบโต้เขมรจอมโกหก
    (Thai students respond to Cambodian fake information) [31/7/68]

    #เยาวชนไทยลุกขึ้นสู้ #คนรุ่นใหม่ไม่ทนอีกต่อไป #แถลงการณ์เยาวชนไทย #เยาวชนไทยตอบโต้IOเขมร #ThaiStudentsSpeakUp #ThaiYouthAgainstLies #Scambodia
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ไม่รอรัฐบาลโต้ เยาวชนไทยแถลงเอง ตอบโต้เขมรจอมโกหก (Thai students respond to Cambodian fake information) [31/7/68] #เยาวชนไทยลุกขึ้นสู้ #คนรุ่นใหม่ไม่ทนอีกต่อไป #แถลงการณ์เยาวชนไทย #เยาวชนไทยตอบโต้IOเขมร #ThaiStudentsSpeakUp #ThaiYouthAgainstLies #Scambodia #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 0 Reviews
  • คนรุ่นใหม่ๆยังไม่เคยอยู่เหตุการณ์ที่ประเทศไทยและกองทัพไทยต้องเผชิญกับการต่อสู้กันซึ่งหน้าแบบนี้ ทำให้มีคนบางกลุ่มหยิบยกเรื่องนี้มาปั่นและสร้างข้อมูลแบบผิดๆ

    ถ้ากองทัพไม่มีความพร้อม ไม่รู้ว่าประเทศเราจะเป็นอย่างไร นี่ขนาดโดนขัดขวางมาตลอดเรื่องอาวุธ

    สำหรับคนอีกกลุ่มที่คัดค้านไม่ให้เรารบ เอาแต่จะให้ไทยเจรจาอย่างเดียว สมมติถ้าเขมรมันมีทัพอากาศ มีเครื่องบินรบ กลุ่มคนเหล่านี้ แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย อาจไม่ได้มานั่งปากแจ๋วอยู่หน้าคอมฯหรอก คงต้องลงไปอยู่ในหลุมหลบภัยแทน

    บางประเทศเราอาจคุยได้ เจรจาได้ แต่บางประเทศมันเป็นที่สันดาน การคุยดีๆกับประเทศเหล่านั้น บางทีเค้าก็ไม่ฟัง ต้องใช้การทหาร หรือใช้กำลังนำไปก่อน

    "กำราบให้เงียบ แล้วค่อยเรียกมาเจรจา!"
    คนรุ่นใหม่ๆยังไม่เคยอยู่เหตุการณ์ที่ประเทศไทยและกองทัพไทยต้องเผชิญกับการต่อสู้กันซึ่งหน้าแบบนี้ ทำให้มีคนบางกลุ่มหยิบยกเรื่องนี้มาปั่นและสร้างข้อมูลแบบผิดๆ ถ้ากองทัพไม่มีความพร้อม ไม่รู้ว่าประเทศเราจะเป็นอย่างไร นี่ขนาดโดนขัดขวางมาตลอดเรื่องอาวุธ สำหรับคนอีกกลุ่มที่คัดค้านไม่ให้เรารบ เอาแต่จะให้ไทยเจรจาอย่างเดียว สมมติถ้าเขมรมันมีทัพอากาศ มีเครื่องบินรบ กลุ่มคนเหล่านี้ แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย อาจไม่ได้มานั่งปากแจ๋วอยู่หน้าคอมฯหรอก คงต้องลงไปอยู่ในหลุมหลบภัยแทน บางประเทศเราอาจคุยได้ เจรจาได้ แต่บางประเทศมันเป็นที่สันดาน การคุยดีๆกับประเทศเหล่านั้น บางทีเค้าก็ไม่ฟัง ต้องใช้การทหาร หรือใช้กำลังนำไปก่อน "กำราบให้เงียบ แล้วค่อยเรียกมาเจรจา!"
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • อินฟลูสาวถาม ไทยก็ใจดี เขมรทำแบบนี้ได้ไง [30/7/68]

    #อินฟลูถามแรง #ไทยใจดีแล้วนะ #เขมรทำแบบนี้ได้ไง #เสียงจากคนรุ่นใหม่ #สงสัยแทนใจคนไทย #ดราม่าเขมรไทย #InfluencerSpeaksOut #สะท้อนใจคนไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    อินฟลูสาวถาม ไทยก็ใจดี เขมรทำแบบนี้ได้ไง [30/7/68] #อินฟลูถามแรง #ไทยใจดีแล้วนะ #เขมรทำแบบนี้ได้ไง #เสียงจากคนรุ่นใหม่ #สงสัยแทนใจคนไทย #ดราม่าเขมรไทย #InfluencerSpeaksOut #สะท้อนใจคนไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 0 Reviews
  • จาก ปชป. สู่ภูมิใจไทย! "พลอยทะเล" มุ่งเน้นการเมืองท้องถิ่น แก้ปัญหาสุขาภิบาล-สิ่งแวดล้อมภูเก็ต
    https://www.thai-tai.tv/news/20467/
    .
    #พลอยทะเลลักษมีแสงจันทร์ #ภูมิใจไทย #ประชาธิปัตย์ #การเมืองภูเก็ต #นโยบายพรรค #แก้ปัญหาจราจร #ท่องเที่ยวภูเก็ต #สิรภพดวงสอดศรี #คนรุ่นใหม่การเมือง
    จาก ปชป. สู่ภูมิใจไทย! "พลอยทะเล" มุ่งเน้นการเมืองท้องถิ่น แก้ปัญหาสุขาภิบาล-สิ่งแวดล้อมภูเก็ต https://www.thai-tai.tv/news/20467/ . #พลอยทะเลลักษมีแสงจันทร์ #ภูมิใจไทย #ประชาธิปัตย์ #การเมืองภูเก็ต #นโยบายพรรค #แก้ปัญหาจราจร #ท่องเที่ยวภูเก็ต #สิรภพดวงสอดศรี #คนรุ่นใหม่การเมือง
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด

    ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม

    นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ"

    จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

    ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู

    #Newskit
    "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ" จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู #Newskit
    0 Comments 0 Shares 670 Views 0 Reviews
  • ทักษิณลั่นรอคนรุ่นใหม่หมดเสี้ยนหนาม พร้อมเดินหน้าทำงานเต็มที่ โชว์วิสัยทัศน์สองงานใหญ่ แนะรัฐบาลเร่งแก้เศรษฐกิจ มั่นใจ Thai WORKS ปั้น OTOP สู่ตลาดโลก เผย อายุ 76 แล้ว ใจร้อนอยากเห็นผลงานเร็วๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064982

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทักษิณลั่นรอคนรุ่นใหม่หมดเสี้ยนหนาม พร้อมเดินหน้าทำงานเต็มที่ โชว์วิสัยทัศน์สองงานใหญ่ แนะรัฐบาลเร่งแก้เศรษฐกิจ มั่นใจ Thai WORKS ปั้น OTOP สู่ตลาดโลก เผย อายุ 76 แล้ว ใจร้อนอยากเห็นผลงานเร็วๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064982 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    4
    0 Comments 1 Shares 745 Views 0 Reviews
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • สมัยก่อน CISO ส่วนใหญ่เติบโตด้วยตัวเอง — ลองผิดลองถูก, เจอบั๊กแล้วเรียนรู้, สื่อสารไม่เก่งก็ฝึกเอาเอง → แต่ตอนนี้เกมเปลี่ยน! Cybersecurity กลายเป็น “ประเด็นในระดับบอร์ด” และจำเป็นต้องมี “ทายาท” ที่ไม่ใช่แค่เทคนิคเทพ แต่ต้อง สื่อสาร–เชื่อมโยงธุรกิจ–วางกลยุทธ์ได้

    Yassir Abousselham (อดีต CISO จาก Okta และ Splunk) บอกว่า → การสร้างผู้นำไซเบอร์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ → เช่น เขาช่วยทีมคนหนึ่งที่ “พูดต่อหน้าคนเยอะไม่ได้” ด้วยการวางแผนฝึกพูดทีละขั้น → สร้างกรอบความคิด → จัดโอกาสให้พูดจริงทีละระดับ

    ขณะที่ CISO บางองค์กรก็สร้าง “โปรแกรมผู้นำแบบจริงจัง” เช่น → PayPal สร้างเส้นทางสำหรับ “ผู้นำหญิงและคนอายุงานกลาง” โดยใช้ทั้งโปรแกรมฝึกภายในและโค้ชเฉพาะด้าน → Brown & Brown คัดคนรุ่นใหม่ที่แสดงแววภาวะผู้นำเข้าร่วมกลุ่มพิเศษ พบซีอีโอรายเดือน + รับโจทย์แก้ปัญหาจริง + เข้าร่วมอีเวนต์ตลอดปี

    CISO สมัยใหม่ยังต้อง "เข้าใจบิท-ไบต์แบบนักวิศวะ" และ "คุยกับบอร์ดผู้บริหารได้" → ต้องปั้นทีมที่มีความสามารถทั้งสองด้าน → และเพื่อไม่ให้เสียคนเก่งเพราะองค์กรไม่เติบโต → ต้องให้เวลา–ความจริงใจ–และระบบสนับสนุนที่ชัดเจน

    CISO สมัยใหม่ต้องสร้างผู้นำรุ่นถัดไป ไม่ใช่แค่สอนเทคนิค  
    • ใช้ทั้งการโค้ชแบบตัวต่อตัว และสร้างโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำเฉพาะด้าน

    Yassir Abousselham เน้นฝึกทักษะที่คนขาด เช่น public speaking → โดยวางเป้าหมายและฝึกอย่างต่อเนื่อง
    • ไม่ยอมรับคำว่า “ฉันทำไม่ได้” หากทักษะนั้นจำเป็นต่อการเติบโต

    PayPal สร้างเส้นทางผู้นำสำหรับกลุ่มผู้หญิงและ mid-career โดยใช้โปรแกรมฝึกผสมผสาน (ภายในและภายนอกองค์กร)

    Brown & Brown สร้าง cohort พิเศษให้คนที่มีแววภาวะผู้นำได้พบ CEO, แก้ปัญหาธุรกิจจริง และรับคำปรึกษาตลอดปี  
    • ใช้เป็นจุดเริ่มการสร้างวัฒนธรรมของผู้นำในองค์กร

    CISO ต้องเข้าใจทั้ง cyber engineering และการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อคุยกับฝ่ายบริหาร

    Ouellette & Associates สร้างโปรแกรม CyberLX (9 เดือน) ฝึกผู้นำไซเบอร์พร้อมโค้ชจาก CISO จริง

    Kath Marston เตือนว่า หากองค์กรไม่ฝึกคนเก่ง → จะเสียคนเหล่านั้นให้กับองค์กรอื่นแน่นอน

    https://www.csoonline.com/article/4015173/how-cisos-are-training-the-next-generation-of-cyber-leaders.html
    สมัยก่อน CISO ส่วนใหญ่เติบโตด้วยตัวเอง — ลองผิดลองถูก, เจอบั๊กแล้วเรียนรู้, สื่อสารไม่เก่งก็ฝึกเอาเอง → แต่ตอนนี้เกมเปลี่ยน! Cybersecurity กลายเป็น “ประเด็นในระดับบอร์ด” และจำเป็นต้องมี “ทายาท” ที่ไม่ใช่แค่เทคนิคเทพ แต่ต้อง สื่อสาร–เชื่อมโยงธุรกิจ–วางกลยุทธ์ได้ Yassir Abousselham (อดีต CISO จาก Okta และ Splunk) บอกว่า → การสร้างผู้นำไซเบอร์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ → เช่น เขาช่วยทีมคนหนึ่งที่ “พูดต่อหน้าคนเยอะไม่ได้” ด้วยการวางแผนฝึกพูดทีละขั้น → สร้างกรอบความคิด → จัดโอกาสให้พูดจริงทีละระดับ ขณะที่ CISO บางองค์กรก็สร้าง “โปรแกรมผู้นำแบบจริงจัง” เช่น → PayPal สร้างเส้นทางสำหรับ “ผู้นำหญิงและคนอายุงานกลาง” โดยใช้ทั้งโปรแกรมฝึกภายในและโค้ชเฉพาะด้าน → Brown & Brown คัดคนรุ่นใหม่ที่แสดงแววภาวะผู้นำเข้าร่วมกลุ่มพิเศษ พบซีอีโอรายเดือน + รับโจทย์แก้ปัญหาจริง + เข้าร่วมอีเวนต์ตลอดปี CISO สมัยใหม่ยังต้อง "เข้าใจบิท-ไบต์แบบนักวิศวะ" และ "คุยกับบอร์ดผู้บริหารได้" → ต้องปั้นทีมที่มีความสามารถทั้งสองด้าน → และเพื่อไม่ให้เสียคนเก่งเพราะองค์กรไม่เติบโต → ต้องให้เวลา–ความจริงใจ–และระบบสนับสนุนที่ชัดเจน ✅ CISO สมัยใหม่ต้องสร้างผู้นำรุ่นถัดไป ไม่ใช่แค่สอนเทคนิค   • ใช้ทั้งการโค้ชแบบตัวต่อตัว และสร้างโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำเฉพาะด้าน ✅ Yassir Abousselham เน้นฝึกทักษะที่คนขาด เช่น public speaking → โดยวางเป้าหมายและฝึกอย่างต่อเนื่อง • ไม่ยอมรับคำว่า “ฉันทำไม่ได้” หากทักษะนั้นจำเป็นต่อการเติบโต ✅ PayPal สร้างเส้นทางผู้นำสำหรับกลุ่มผู้หญิงและ mid-career โดยใช้โปรแกรมฝึกผสมผสาน (ภายในและภายนอกองค์กร) ✅ Brown & Brown สร้าง cohort พิเศษให้คนที่มีแววภาวะผู้นำได้พบ CEO, แก้ปัญหาธุรกิจจริง และรับคำปรึกษาตลอดปี   • ใช้เป็นจุดเริ่มการสร้างวัฒนธรรมของผู้นำในองค์กร ✅ CISO ต้องเข้าใจทั้ง cyber engineering และการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อคุยกับฝ่ายบริหาร ✅ Ouellette & Associates สร้างโปรแกรม CyberLX (9 เดือน) ฝึกผู้นำไซเบอร์พร้อมโค้ชจาก CISO จริง ✅ Kath Marston เตือนว่า หากองค์กรไม่ฝึกคนเก่ง → จะเสียคนเหล่านั้นให้กับองค์กรอื่นแน่นอน https://www.csoonline.com/article/4015173/how-cisos-are-training-the-next-generation-of-cyber-leaders.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs are training the next generation of cyber leaders
    With cyber risk now a boardroom issue, CISOs are training their teams through personalized coaching for company-wide programs not just to defend, but to become leaders.
    0 Comments 0 Shares 361 Views 0 Reviews
  • อดีตตำรวจอินฟลูฯ คนดัง "จอนนี่ มือปราบ" โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถูกนักการเมืองบางรายสกัดกั้น เผยยังไม่คิดลงสนามเลือกตั้ง แต่เตือนแรง หากถูกรังแกเกินไป จะลุกขึ้นสู้แทนชาวบ้าน พร้อมเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสภา

    วันนี้ (9 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนไม่เคยคิดจะเล่นการเมือง หรือลง ส.ส. แต่อย่างใด ลาออกจากตำรวจมา ก็จะมาหากินทำธุรกิจโดยสุจริต เพื่อเลี้ยงครอบครัว และมาเป็นสื่อกระบอกเสียงช่วยชาวบ้าน ในรูปแบบของตน

    “และจะมาลุยปราบยานรก เอาแบบให้ชัดเจน เด็ดขาด!!!”

    ทราบข้อมูลมา ว่ามีนักการเมืองกลั่นแกล้งเวลานี้ สกัด เกรงกลัวผมจะลง ส.ส.แข่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064703

    #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    อดีตตำรวจอินฟลูฯ คนดัง "จอนนี่ มือปราบ" โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถูกนักการเมืองบางรายสกัดกั้น เผยยังไม่คิดลงสนามเลือกตั้ง แต่เตือนแรง หากถูกรังแกเกินไป จะลุกขึ้นสู้แทนชาวบ้าน พร้อมเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสภา • วันนี้ (9 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนไม่เคยคิดจะเล่นการเมือง หรือลง ส.ส. แต่อย่างใด ลาออกจากตำรวจมา ก็จะมาหากินทำธุรกิจโดยสุจริต เพื่อเลี้ยงครอบครัว และมาเป็นสื่อกระบอกเสียงช่วยชาวบ้าน ในรูปแบบของตน • “และจะมาลุยปราบยานรก เอาแบบให้ชัดเจน เด็ดขาด!!!” • ทราบข้อมูลมา ว่ามีนักการเมืองกลั่นแกล้งเวลานี้ สกัด เกรงกลัวผมจะลง ส.ส.แข่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064703 • #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • ทำดีต้องชม'สะพานบีบแตร'พลังคนรุ่นใหม่เพื่อชุมชน : ถอนหมุดข่าว 08/07/68
    ทำดีต้องชม'สะพานบีบแตร'พลังคนรุ่นใหม่เพื่อชุมชน : ถอนหมุดข่าว 08/07/68
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ”

    ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน

    ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ

    ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน

    34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ  
    • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี  
    • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้

    21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต  
    • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ

    77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง

    บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม  
    • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting  
    • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite

    Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย

    https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ” ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน ✅ 34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ   • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี   • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้ ✅ 21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต   • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ ✅ 77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง ✅ บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม   • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting   • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite ✅ Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Some workers are quitting over their depressing office designs, but AV tech is helping
    Most offices are bland, dull, miserable boxes, with migraine-inducing lighting and drab colors. They certainly don't make occupants happy to come into work, and can even affect...
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • เมื่อพรรคประชาชน ที่พยายามสร้างภาพมาตลอดว่าเป็นนักการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ทำอะไรเปิดเผย โปร่งใส และเป็นการเมืองแนวใหม่!!

    หลังจาก "โรม" ถูกแฉว่าแอบนัดทานข้าวกับ "อนุทิน" ท่ามกลางกระแสเปิดดีล นายกฯ ชั่วคราว เพื่อผ่าทางตันการเมือง

    ทางด้าน "ทอม เครือโสภณ" ได้กล่าวว่า รังสิมันต์ โรม เป็นฝ่ายบอกให้โทรนัด อนุทิน มาพูดคุยกัน ทำให้ "โรม" ถึงทางตันจนต้องยอมรับว่ามีการนัดจริง แต่เป็นการไปพูดคุยเรื่องการการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เท่านั้นไม่ใช่ดีลลับอย่างที่ใครคิดกัน

    ส่วนตัว "ช่อ" พยายามแก้ตัวแทน "โรม" ว่า เป็นเพียงกระแสข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่โดน "ทอม เครือโสภณ" ตอกกลับว่ายืนยันแน่นอน เพราะเป็นคนจัดการนัดให้ "โรม" และ "อนุทิน" เอง
    เมื่อพรรคประชาชน ที่พยายามสร้างภาพมาตลอดว่าเป็นนักการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ทำอะไรเปิดเผย โปร่งใส และเป็นการเมืองแนวใหม่!! 👉หลังจาก "โรม" ถูกแฉว่าแอบนัดทานข้าวกับ "อนุทิน" ท่ามกลางกระแสเปิดดีล นายกฯ ชั่วคราว เพื่อผ่าทางตันการเมือง 👉ทางด้าน "ทอม เครือโสภณ" ได้กล่าวว่า รังสิมันต์ โรม เป็นฝ่ายบอกให้โทรนัด อนุทิน มาพูดคุยกัน ทำให้ "โรม" ถึงทางตันจนต้องยอมรับว่ามีการนัดจริง แต่เป็นการไปพูดคุยเรื่องการการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เท่านั้นไม่ใช่ดีลลับอย่างที่ใครคิดกัน 👉ส่วนตัว "ช่อ" พยายามแก้ตัวแทน "โรม" ว่า เป็นเพียงกระแสข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่โดน "ทอม เครือโสภณ" ตอกกลับว่ายืนยันแน่นอน เพราะเป็นคนจัดการนัดให้ "โรม" และ "อนุทิน" เอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • โมร็อกโกจัดงาน Morocco Gaming Expo ปีที่ 2 ที่เมืองราบัต โดยเชิญทั้งนักพัฒนา นักศึกษา และบริษัทจากทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งในงานก็มีทั้งบูธเกมใหม่ ๆ, VR โลกเสมือนจริง, การแข่ง e-sport, และเวทีหารือระหว่างภาครัฐและอุตสาหกรรม

    เบื้องหลังงานนี้คือยุทธศาสตร์ระดับประเทศ: → รัฐบาลมองว่าอุตสาหกรรมเกมที่มีมูลค่ากว่า $200,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ควรเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเยาวชนที่กำลังเผชิญอัตราว่างงานสูงเกือบ 30% → จึงลงทุนสร้าง Rabat Gaming City มูลค่ากว่า $26 ล้านดอลลาร์ → มีทั้งพื้นที่ฝึกงาน, co-working space, สตูดิโอผลิตเกม และการฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR และการเขียนโปรแกรม

    รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนของโมร็อกโกยังบอกเลยว่า:

    “เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่คือการเปิดโอกาสชีวิตให้กับเยาวชน” “เราต้องเปลี่ยนความหลงใหลของพวกเขาให้กลายเป็นอาชีพ”

    ปัจจุบัน โมร็อกโกสร้างรายได้จากเกมราว $500 ล้านดอลลาร์/ปี และตั้งเป้าเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 โดยหวังจะเป็นประเทศแอฟริกาต้นแบบด้านเกม เหมือนที่เกาหลีใต้เป็นผู้นำด้าน e-sport

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว:
    รัฐบาลโมร็อกโกลงทุน $26 ล้านสร้าง “Rabat Gaming City” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกม  
    • มี training center, co-working space, production studio  
    • สร้างพื้นที่ฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR, coding สำหรับเยาวชน

    จัดงาน Morocco Gaming Expo เพื่อดึงบริษัทเกมระดับโลกเข้ามาในประเทศ  
    • มีการแข่ง e-sport, โชว์เกม, เจรจาธุรกิจ, ทดลอง VR

    รัฐบาลหวังให้อุตสาหกรรมเกมเป็นทางออกสำหรับปัญหาว่างงานเยาวชน (เกือบ 30%)  
    • เน้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพดิจิทัล  
    • สนับสนุนให้คนท้องถิ่นพัฒนาเกมของตัวเอง (ไม่ใช่แค่เล่น)

    อุตสาหกรรมเกมของโมร็อกโกสร้างรายได้ $500 ล้าน/ปี และมีแผนเพิ่มเป็น $1,000 ล้านภายในปี 2030

    แนวทางนี้ถือเป็นแบบอย่างการ “กระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ” ของแอฟริกาโดยไม่พึ่งแค่การเกษตรหรือพลังงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/morocco-bets-on-video-game-industry-to-provide-jobs-and-diversify-economy
    โมร็อกโกจัดงาน Morocco Gaming Expo ปีที่ 2 ที่เมืองราบัต โดยเชิญทั้งนักพัฒนา นักศึกษา และบริษัทจากทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งในงานก็มีทั้งบูธเกมใหม่ ๆ, VR โลกเสมือนจริง, การแข่ง e-sport, และเวทีหารือระหว่างภาครัฐและอุตสาหกรรม เบื้องหลังงานนี้คือยุทธศาสตร์ระดับประเทศ: → รัฐบาลมองว่าอุตสาหกรรมเกมที่มีมูลค่ากว่า $200,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ควรเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเยาวชนที่กำลังเผชิญอัตราว่างงานสูงเกือบ 30% → จึงลงทุนสร้าง Rabat Gaming City มูลค่ากว่า $26 ล้านดอลลาร์ → มีทั้งพื้นที่ฝึกงาน, co-working space, สตูดิโอผลิตเกม และการฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR และการเขียนโปรแกรม รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนของโมร็อกโกยังบอกเลยว่า: “เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่คือการเปิดโอกาสชีวิตให้กับเยาวชน” “เราต้องเปลี่ยนความหลงใหลของพวกเขาให้กลายเป็นอาชีพ” ปัจจุบัน โมร็อกโกสร้างรายได้จากเกมราว $500 ล้านดอลลาร์/ปี และตั้งเป้าเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 โดยหวังจะเป็นประเทศแอฟริกาต้นแบบด้านเกม เหมือนที่เกาหลีใต้เป็นผู้นำด้าน e-sport ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว: ✅ รัฐบาลโมร็อกโกลงทุน $26 ล้านสร้าง “Rabat Gaming City” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกม   • มี training center, co-working space, production studio   • สร้างพื้นที่ฝึกอบรมด้านเกมดีไซน์, VR, coding สำหรับเยาวชน ✅ จัดงาน Morocco Gaming Expo เพื่อดึงบริษัทเกมระดับโลกเข้ามาในประเทศ   • มีการแข่ง e-sport, โชว์เกม, เจรจาธุรกิจ, ทดลอง VR ✅ รัฐบาลหวังให้อุตสาหกรรมเกมเป็นทางออกสำหรับปัญหาว่างงานเยาวชน (เกือบ 30%)   • เน้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพดิจิทัล   • สนับสนุนให้คนท้องถิ่นพัฒนาเกมของตัวเอง (ไม่ใช่แค่เล่น) ✅ อุตสาหกรรมเกมของโมร็อกโกสร้างรายได้ $500 ล้าน/ปี และมีแผนเพิ่มเป็น $1,000 ล้านภายในปี 2030 ✅ แนวทางนี้ถือเป็นแบบอย่างการ “กระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ” ของแอฟริกาโดยไม่พึ่งแค่การเกษตรหรือพลังงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/morocco-bets-on-video-game-industry-to-provide-jobs-and-diversify-economy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Morocco bets on video game industry to provide jobs and diversify economy
    Morocco is laying down foundations to build a homegrown gaming industry by establishing a developer hub in the capital, training coders and launching programmes to draw tech-savvy youth into the sector.
    0 Comments 0 Shares 431 Views 0 Reviews
  • 'ดร.เอ้' รับตั้ง 'พรรคไทยก้าวใหม่' ดีล 'คุณหญิงกัลยา' ผนึกคนรุ่นใหม่โฟกัสการศึกษาเปลี่ยนแปลงปท.
    https://www.thai-tai.tv/news/20013/
    .
    #ดรเอ้ #สุชัชวีร์ #ลาออกปชป #พรรคไทยก้าวใหม่ #คุณหญิงกัลยา #ปฏิรูปการศึกษา #พัฒนาประเทศ #คนรุ่นใหม่ #การเมืองไทย #ประเทศไทยต้องเปลี่ยน
    'ดร.เอ้' รับตั้ง 'พรรคไทยก้าวใหม่' ดีล 'คุณหญิงกัลยา' ผนึกคนรุ่นใหม่โฟกัสการศึกษาเปลี่ยนแปลงปท. https://www.thai-tai.tv/news/20013/ . #ดรเอ้ #สุชัชวีร์ #ลาออกปชป #พรรคไทยก้าวใหม่ #คุณหญิงกัลยา #ปฏิรูปการศึกษา #พัฒนาประเทศ #คนรุ่นใหม่ #การเมืองไทย #ประเทศไทยต้องเปลี่ยน
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/20009/
    .
    #ดรเอ้ลาออก #พรรคประชาธิปัตย์ #พรรคไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #คุณหญิงกัลยา #การศึกษา #นวัตกรรม #สวัสดิการคนรุ่นใหม่ #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ https://www.thai-tai.tv/news/20009/ . #ดรเอ้ลาออก #พรรคประชาธิปัตย์ #พรรคไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #คุณหญิงกัลยา #การศึกษา #นวัตกรรม #สวัสดิการคนรุ่นใหม่ #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • น่าขยะแขยง! ทัวร์ลง 'จิรัฏฐ์' สส.ฉะเชิงเทรา ที่คนรุ่นใหม่เลือกมา ดูถูกความเป็นมนุษย์ เหยียดแม่บ้านทหารอากาศ
    https://www.thai-tai.tv/news/19980/
    .
    #จิรัฏฐ์ทองสุวรรณ์ #พรรคประชาชน #สสฉะเชิงเทรา #แม่บ้านทหาร #ทัศนคติ #ทัวร์ลง #ดราม่าโซเชียล #การเมืองไทย #เหยียดหยาม
    น่าขยะแขยง! ทัวร์ลง 'จิรัฏฐ์' สส.ฉะเชิงเทรา ที่คนรุ่นใหม่เลือกมา ดูถูกความเป็นมนุษย์ เหยียดแม่บ้านทหารอากาศ https://www.thai-tai.tv/news/19980/ . #จิรัฏฐ์ทองสุวรรณ์ #พรรคประชาชน #สสฉะเชิงเทรา #แม่บ้านทหาร #ทัศนคติ #ทัวร์ลง #ดราม่าโซเชียล #การเมืองไทย #เหยียดหยาม
    0 Comments 0 Shares 443 Views 0 Reviews
  • น่าขยะแขยง! ทัวร์ลง 'จิรัฏฐ์' สส.ฉะเชิงเทรา ที่คนรุ่นใหม่เลือกมา ดูถูกความเป็นมนุษย์ เหยียดแม่บ้านทหารอากาศ
    https://www.thai-tai.tv/news/19980/
    .
    #จิรัฏฐ์ทองสุวรรณ์ #พรรคประชาชน #สสฉะเชิงเทรา #แม่บ้านทหาร #ทัศนคติ #ทัวร์ลง #ดราม่าโซเชียล #การเมืองไทย #เหยียดหยาม
    น่าขยะแขยง! ทัวร์ลง 'จิรัฏฐ์' สส.ฉะเชิงเทรา ที่คนรุ่นใหม่เลือกมา ดูถูกความเป็นมนุษย์ เหยียดแม่บ้านทหารอากาศ https://www.thai-tai.tv/news/19980/ . #จิรัฏฐ์ทองสุวรรณ์ #พรรคประชาชน #สสฉะเชิงเทรา #แม่บ้านทหาร #ทัศนคติ #ทัวร์ลง #ดราม่าโซเชียล #การเมืองไทย #เหยียดหยาม
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
More Results