• เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
    กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานลอยกระทง ประจำปี 2567
    ในชื่องานว่า "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ"

    โดยมีแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    ซึ่งเริ่มจัดงานในพื้นที่สวนสารพัด ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

    ซึ่งงาน "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกันสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ได้แก่
    สำนักงานเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ที่ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆมาร่วมจัดงาน และดูแลความเรียบร้อยตลอดการจัดงาน
    ร่วมกับ สำนักงานวัดทองธรรมชาติ วรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง
    โรงเรียนวัดทองธรรมชาติ ได้นำนักเรียนตัวน้อยๆ มาร่วมกิจกรรม
    วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี นำบุคคลากรมาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
    โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฏรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป

    และที่สำคัญ คือทุกท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น #คนคลองสาน #คนพื้นที่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือ #คนต่างถิ่นต่างแดน ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนก็มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ประเพณีลอยกระทงอันดีงาม ให้คงอยู่ คู่กับเมืองไทยของเราต่อไป

    ซึ่งทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน โดย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และองค์ความรู้พื้นบ้านที่สืบต่อกันมาของชาวคลองสาน ให้คงอยู่ และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามในแบบชาวคลองสาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
    #ลอยกระทง #คลองสาน #สยามโสภา
    เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานลอยกระทง ประจำปี 2567 ในชื่องานว่า "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" โดยมีแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเริ่มจัดงานในพื้นที่สวนสารพัด ถนนเชียงใหม่ เขตคลองสาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งงาน "ลอยกระทงคลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกันสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ได้แก่ สำนักงานเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ที่ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆมาร่วมจัดงาน และดูแลความเรียบร้อยตลอดการจัดงาน ร่วมกับ สำนักงานวัดทองธรรมชาติ วรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง โรงเรียนวัดทองธรรมชาติ ได้นำนักเรียนตัวน้อยๆ มาร่วมกิจกรรม วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี นำบุคคลากรมาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฏรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป และที่สำคัญ คือทุกท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น #คนคลองสาน #คนพื้นที่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือ #คนต่างถิ่นต่างแดน ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนก็มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ประเพณีลอยกระทงอันดีงาม ให้คงอยู่ คู่กับเมืองไทยของเราต่อไป ซึ่งทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน โดย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #กระทรวงวัฒนธรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และองค์ความรู้พื้นบ้านที่สืบต่อกันมาของชาวคลองสาน ให้คงอยู่ และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามในแบบชาวคลองสาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น #ลอยกระทง #คลองสาน #สยามโสภา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • กิจกรรม "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ"
    ในแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนุบสนุนให้ทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานขึ้น เพื่อให้ชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่มีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของประเพณีลอยกระทง อีกทั้งเสริมสร้างให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
    ซึ่งงาน "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกับสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ตั้งแต่
    กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้มอบหมายให้ทางสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน ประสานการจัดงานร่วมกับ
    #สำนักงานเขตคลองสาน ร่วมกับ #วัดทองธรรมชาติวรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง
    ทาง โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฎรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป ก็ขอทุกท่านเป็นแรงใจและสนับสนุนให้ลูกหลานชาวมัธยมวัดสุทธาราม ได้มีพื้นที่การแสดงความสามารถแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆ
    แล้วยังมี วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ที่มาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ ร่วมกับพี่ๆชาวชุมชนในเขตคลองสาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งช่วงนี้ก็ได้เปิดรับสมัครหลากหลายวิชา สามารถไปติดต่อเรียนฝึกอาชีพเพิ่มเติมกันได้
    #สยามโสภา #ลอยกระทง #Thaitimes
    กิจกรรม "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในแนวคิด สืบสานความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนุบสนุนให้ทาง #สภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน จัดงานขึ้น เพื่อให้ชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่มีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของประเพณีลอยกระทง อีกทั้งเสริมสร้างให้สมาชิกในชุมชนเขตคลองสานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธ์ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งงาน "ลอยกระทง คลองสาน สำราญใจ" ในปีนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงานที่ได้ร่วมกับสนับสนุนให้เกิดงานในครั้งนี้ขึ้น ตั้งแต่ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้มอบหมายให้ทางสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน ประสานการจัดงานร่วมกับ #สำนักงานเขตคลองสาน ร่วมกับ #วัดทองธรรมชาติวรวิหาร ที่อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณทางเดินท่าเรือให้เราได้ร่วมกันลอยกระทง ทาง โรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ก็ได้มาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความคึกครื้นแบบไทยผ่านการแสดงพื้นบ้าน และการแสดงนาฎรศิลป์ โดยเด็กๆนักเรียน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานและต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่ต่อไป ก็ขอทุกท่านเป็นแรงใจและสนับสนุนให้ลูกหลานชาวมัธยมวัดสุทธาราม ได้มีพื้นที่การแสดงความสามารถแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆ แล้วยังมี วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ที่มาร่วมจัดกิจรรมสาธิตงานฝีมือ ร่วมกับพี่ๆชาวชุมชนในเขตคลองสาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจเรียนฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งช่วงนี้ก็ได้เปิดรับสมัครหลากหลายวิชา สามารถไปติดต่อเรียนฝึกอาชีพเพิ่มเติมกันได้ #สยามโสภา #ลอยกระทง #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิงส์โพธิ์แดง Speciall Ep.7
    พรรคคนรุ่นใหม่ กับพฤติกรรม..จังไ...ร!!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงspecial
    คิงส์โพธิ์แดง Speciall Ep.7 พรรคคนรุ่นใหม่ กับพฤติกรรม..จังไ...ร!! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงspecial
    Like
    Love
    Haha
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1212 มุมมอง 195 0 รีวิว
  • ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ##
    ..
    ..
    คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"
    ..
    ..
    เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า...
    .
    สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น...
    .
    .
    “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)”
    .
    .
    นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!!
    .
    "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา
    .
    พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ
    .
    แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!!
    .
    และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร...
    ...
    ...
    นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า...
    .
    "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...."
    .
    ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง...
    .
    นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ...
    .
    วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู...
    .
    พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...???
    .
    เป็นไปได้มั้ย...???
    .
    ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน...
    .
    ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง
    .
    สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!!
    .
    หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น"
    .
    ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ
    .
    เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan
    เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ
    .
    คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน...
    .
    แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ
    .
    เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ...
    .
    เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!!
    .
    (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ)
    .
    ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม"
    .
    เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ
    .
    ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...???
    .
    แล้วมีใครสนมั่ง...???
    .
    😔😔😔😔😔😔
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    ## ผมลอกมาจาก ณัฐพล...!!! ## .. .. คลิปส่วนหนึ่งจาก งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" .. .. เมื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สารภาพให้ อาจารย์ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ฟังว่า... . สิ่งที่ได้กล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องรัฐประหารปี 2500 ของจอมพล สฤษดิ์ นั่น... . . “ ผมลอกมาจาก ณัฐพล(ใจจริง)” . . นั่นหล่ะฮะท่านผู้ชม...!!! . "นักวิชาการล้มเจ้า" ฝั่งนั้น เขาก็ลอกกันไปลอกกันมา Fake News ว่อน โซเชีล ทุกวัน วันละหลายเวลา . พอมีคนมาจับโป๊ะได้ ก็โดนแหก กะลาระเบิด กันไปเป็นแถวๆ . แต่...คนที่เขารับข้อมูลผิดๆไป เขาเชื่อไปแล้ว เอาข้อมูลไปส่งต่อเรียบร้อยแล้ว...!!! . และ เขาไม่ได้มารับรู้ความจริงสุดท้ายด้วยว่า เวลาที่ "นักวิชาการล้มเจ้า" โดนตอกด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงอีกฝั่ง โดนแหกจนกะลาแตก หน้าบู้หมอไม่รับเย็บ เขามีสถาพน่าอนาถอย่างไร... ... ... นี่ล่าสุด ประเด็นที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" ลุกขึ้นมาตีกัน มีปากเสียงกันเอง ก็เนื่องมาจาก นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว ออกมาปล่อยข่าวว่า... . "......ไฟเขียวแล้ว ไม่งั้นจะกลับเข้ามาในประเทศได้ยังไง และ มีคนจาก....มาคอยดูแล...." . ผมว่า "ชาวอนุรักษ์นิยม" ควรใจร่มๆ นั่งนิ่งๆ คิดให้ดีซักนิดนึง... . นักวิชาการสีส้มนอกประเทศ ณ กรุงโตเกียว เป็นคนตั้งกลุ่ม royalist marketplace ด่าเจ้า ปล่อย Fake News โจมตีเจ้าตลอด แทบจะทุกลมหายใจ... . วันดีคืนดีก็ ไปพบปะพูดคุย ไปยืนกุมเป้า ไม่ด่าทอ อีกทั้งยังชื่นชมเชิดชู... . พฤติกรรม นี้ผิดปกติหรือไม่...??? . เป็นไปได้มั้ย...??? . ...ว่านี่เป็นแผนที่ โยนประเด็นออกมา เพื่อ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย "ชาวอนุรักษ์นิยม" ออกจากกัน... . ในเมื่อ เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในหมูชน แตกเป็นกลุ่มก้อน ไม่เข้มแข็ง ไม่รวมใจ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้ว ไม่สามัคคีกันแล้ว ก็หมดแรง หมดพลัง . สนิมก่อเกิดแต่เนื้อใน...!!! . หรือมี สำนวนหนึ่งของ จีน เขาเรียก "จับปลาตอนน้ำขุ่น" . ข้อมูลจากหลายฝั่งหาอ่านได้ไม่ยากครับ . เช่น Face Book ของ ดร. Suphanat Aphinyan เอาชื่อ Suphanat Aphinyan เซิร์ช ก็เจอแล้วครับ . คนไทยด้วยกัน ใจร่มๆ รักกันไว้เถอะครับ นับวัน "ชาวอนุรักษ์นิยม" มีแต่จะยิ่งมีจำนวนลดน้อยถอยลง ด้วยอายุขัย ถ้าเราไม่สามารถ ส่งต่อ ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องชอบธรรม ให้ลูกหลานได้ รับรองได้เลยครับ ว่าวันนึง พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของ "นักวิชากการล้มเจ้า" และ แนวร่วม แน่นอน... . แล้วรอบนี้ ที่ "ชาวอนุรักษ์นิยม" พ่ายแพ้ต่อ แนวรุกของพวก สีส้ม ส่วนหนึ่ง ก็มาจากพวกเรากันเองด้วยแหล่ะครับ ถ้าไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ เราจะหาแนวร่วมเพิ่มเติมไม่ได้ครับ . เราจะชนะเขา ไม่ใช่แค่เรา มีความรู้ และ พูดความจริง นะครับ ต้องเข้าถึง คนรุ่นใหม่ หรือ คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ด้วยครับ... . เพราะทุกวันนี้ ประเทศเราอยู่ในระบอบที่ เสียงส่วนมาก คือ Winner หรือ ความถูกต้อง...!!! . (ซึ่งพูดแบบนี้คงจะไม่ถูกต้องนักตามทฤษฎี แต่ ในชีวิตจริงก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ) . ที่พวกเขาชนะรอบนี้ ก็เป็นเพราะ เขา ใช้ยุทธวิธี "แทรกซึม" . เขา "แทรกซึม" มา 20 กว่าปีแล้ว เพราะการแทรกซึม นั้น ไร้แรงต้าน เหมือนกับ คำที่เขาว่า "พูดความจริงฟังแล้วไม่รื่นหู" นั่นแหล่ะครับ . ลุงสนธิ ออกมาเปิดโปง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีแต่คนออกมาด่า แล้ววันนี้หล่ะครับ ชัดเจนรึยัง...??? . แล้วมีใครสนมั่ง...??? . 😔😔😔😔😔😔 . https://www.youtube.com/watch?v=dxNES9dw_Bk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • โออาร์สเปซ ปั๊มไม่มีน้ำมัน

    จากเดิมที่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เป็นผู้บริหารสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และธุรกิจนอยออยล์แขนงต่างๆ ล่าสุดหันมาเอาดีกับการทำคอมมูนิตีมอลล์ที่ชื่อว่า "โออาร์สเปซ" (OR Space) สาขาแรกเปิดเมื่อเดือน ต.ค. ที่ถนนเณรแก้ว จ.สุพรรณบุรี ต่อด้วย รามคำแหง 129 กรุงเทพฯ โดยมีผู้เช่าหลักอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ยูนิโคล่ โรดไซด์สโตร์ มีร้านอาหาร ร้านค้า และร้านในเครือโออาร์ ได้แก่ คาเฟ่อเมซอน พาคามาร่า ฟาวด์แอนด์ฟาวด์ อ๊อตเทริ

    โดยสาขารามคำแหง 129 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ ใช้งบลงทุน 39 ล้านบาท มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ ขนาด 6 ช่องจอด ซึ่ง นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า เป็นการต่อยอดเครือข่ายพาร์ตเนอร์ที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน นำมาสู่ศูนย์การค้าแนวใหม่ รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกความต้องการ ร่วมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าออกสะดวก ใกล้บ้าน ปลอดภัย ถือเป็น New S-Curve และมั่นใจว่าที่นี่จะเป็นต้นแบบของแพลตฟอร์มค้าปลีกในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม นายดิษทัต กล่าวว่า อาจจะมีคอมมูนิตีมอลล์แบรนด์คล้ายกันออกมาอีก แต่ด้วยโออาร์ทำเร็วกว่า มีความเข้มแข็ง มีการกระจายความหลากหลาย (Diversify) มีอีโคซิสเตม (Ecosystem) ที่ดี และมีแบรนด์อื่นๆ เดินควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการมีต้นแบบถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการแข่งขัน โดยในปีนี้จะเปิด OR Space เพิ่มอีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นได้แก่ สาขาธรรมศาสตร์ รังสิต และในปี 2568 จะขยายสาขาอีก 10 สาขา โดยใช้ที่ดินขนาดตั้งแต่ 3-5 ไร่ขึ้นไป

    ส่วนการปิดตัวแบรนด์เท็กซัส ชิคเก้น หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ก่อนหน้านี้ นายดิษทัต เปิดเผยว่า ตอนนี้มีแผนสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทดแทน อีกไม่เกิน 3 ถึง 4 เดือน คงได้เห็นแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่แน่นอน

    อย่างไรก็ตาม โออาร์รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าขาดทุนสุทธิ 1,609 ล้านบาท มีรายได้ขายและบริการ 176,131 ล้านบาท ลดลง 7,858 ล้านบาทในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่ราคาหุ้นเหลือ 14.50 บาท ต่ำกว่าราคาไอพีโอ 18 บาท เมื่อปี 2564 โดยนอกจากปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ 442 ล้านบาทแล้ว ยังถอนการลงทุนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น Kouen, Ono Sushi และแบรนด์อื่นๆ ที่ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย 25% คิดเป็น 110 ล้านบาท

    อนึ่ง การลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ โดยขนาดพื้นที่ 2 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท 3 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และ 5 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

    #Newskit #OR #ORSpace
    โออาร์สเปซ ปั๊มไม่มีน้ำมัน จากเดิมที่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เป็นผู้บริหารสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และธุรกิจนอยออยล์แขนงต่างๆ ล่าสุดหันมาเอาดีกับการทำคอมมูนิตีมอลล์ที่ชื่อว่า "โออาร์สเปซ" (OR Space) สาขาแรกเปิดเมื่อเดือน ต.ค. ที่ถนนเณรแก้ว จ.สุพรรณบุรี ต่อด้วย รามคำแหง 129 กรุงเทพฯ โดยมีผู้เช่าหลักอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ยูนิโคล่ โรดไซด์สโตร์ มีร้านอาหาร ร้านค้า และร้านในเครือโออาร์ ได้แก่ คาเฟ่อเมซอน พาคามาร่า ฟาวด์แอนด์ฟาวด์ อ๊อตเทริ โดยสาขารามคำแหง 129 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ ใช้งบลงทุน 39 ล้านบาท มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ ขนาด 6 ช่องจอด ซึ่ง นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า เป็นการต่อยอดเครือข่ายพาร์ตเนอร์ที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน นำมาสู่ศูนย์การค้าแนวใหม่ รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกความต้องการ ร่วมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าออกสะดวก ใกล้บ้าน ปลอดภัย ถือเป็น New S-Curve และมั่นใจว่าที่นี่จะเป็นต้นแบบของแพลตฟอร์มค้าปลีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม นายดิษทัต กล่าวว่า อาจจะมีคอมมูนิตีมอลล์แบรนด์คล้ายกันออกมาอีก แต่ด้วยโออาร์ทำเร็วกว่า มีความเข้มแข็ง มีการกระจายความหลากหลาย (Diversify) มีอีโคซิสเตม (Ecosystem) ที่ดี และมีแบรนด์อื่นๆ เดินควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการมีต้นแบบถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการแข่งขัน โดยในปีนี้จะเปิด OR Space เพิ่มอีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นได้แก่ สาขาธรรมศาสตร์ รังสิต และในปี 2568 จะขยายสาขาอีก 10 สาขา โดยใช้ที่ดินขนาดตั้งแต่ 3-5 ไร่ขึ้นไป ส่วนการปิดตัวแบรนด์เท็กซัส ชิคเก้น หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ก่อนหน้านี้ นายดิษทัต เปิดเผยว่า ตอนนี้มีแผนสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทดแทน อีกไม่เกิน 3 ถึง 4 เดือน คงได้เห็นแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม โออาร์รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าขาดทุนสุทธิ 1,609 ล้านบาท มีรายได้ขายและบริการ 176,131 ล้านบาท ลดลง 7,858 ล้านบาทในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่ราคาหุ้นเหลือ 14.50 บาท ต่ำกว่าราคาไอพีโอ 18 บาท เมื่อปี 2564 โดยนอกจากปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ 442 ล้านบาทแล้ว ยังถอนการลงทุนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น Kouen, Ono Sushi และแบรนด์อื่นๆ ที่ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย 25% คิดเป็น 110 ล้านบาท อนึ่ง การลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ โดยขนาดพื้นที่ 2 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท 3 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และ 5 ไร่ขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท #Newskit #OR #ORSpace
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## พฤติกรรมของ "ประชาชน" คนรุ่นใหม่...??? ##
    ..
    ..
    โอ้โห...!!!
    .
    "พลพรรคสีส้ม" นี่ เขาไม่หยุดไม่หย่อนเลยกัยเลยจริงๆนะ...!!!
    .
    ผมนี่ ถึงกับอึ้งไปเลย...!!!
    .
    พฤติกรรมใหม่...!!!
    .
    ของคนรุ่นใหม่...???
    ของนักการเมืองรุ่นใหม่...???
    ของพรรคการเมืองใหม่...???
    .
    พฤติกรรมของ "ประชาชน" รุ่นใหม่ ควรจะเป็นแบบนี้จริงๆหรือ...???
    .
    ประชาชนจำนวนมาก ชอบพฤติกรรม เช่นนี้หรือ...???
    ...
    ...
    ประชาชน ต้องเรียนรู้ที่จะเท่าทัน "นักการเมือง"...
    .
    ผิดเป็นครู เรียนรู้ แล้ว จำ....
    .
    เป็นกำลังให้ "คะแนนเสียงส่วนมาก" ได้ตื่นรู้ครับ...!!!
    .
    😁😁😁😁😁😁

    https://youtu.be/sFFFecc4zzg?si=JMnPtb99b1x14DVi
    ## พฤติกรรมของ "ประชาชน" คนรุ่นใหม่...??? ## .. .. โอ้โห...!!! . "พลพรรคสีส้ม" นี่ เขาไม่หยุดไม่หย่อนเลยกัยเลยจริงๆนะ...!!! . ผมนี่ ถึงกับอึ้งไปเลย...!!! . พฤติกรรมใหม่...!!! . ของคนรุ่นใหม่...??? ของนักการเมืองรุ่นใหม่...??? ของพรรคการเมืองใหม่...??? . พฤติกรรมของ "ประชาชน" รุ่นใหม่ ควรจะเป็นแบบนี้จริงๆหรือ...??? . ประชาชนจำนวนมาก ชอบพฤติกรรม เช่นนี้หรือ...??? ... ... ประชาชน ต้องเรียนรู้ที่จะเท่าทัน "นักการเมือง"... . ผิดเป็นครู เรียนรู้ แล้ว จำ.... . เป็นกำลังให้ "คะแนนเสียงส่วนมาก" ได้ตื่นรู้ครับ...!!! . 😁😁😁😁😁😁 https://youtu.be/sFFFecc4zzg?si=JMnPtb99b1x14DVi
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • CIA เปิดรับสมัครสายลับ GenZ ฟาดจีน-รัสเซีย ระวังดาบสองคมนี้คืนสนองอเมริกา
    .
    การออกมารับสมัครสายลับอย่างโจ๋งครึ่ม เปิดหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ยิ่งตอกย้ำว่าบทบาทของปฏิบัติการข่าวกรองสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตัวจุดประเด็นความขัดแย้งในกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะปฏิบัติการของ CIA นั้นคือต้นตอของความชั่วร้ายของสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ที่น่ากลัวคือ พวกนี้กำลังดำเนินปฏิบัติการชักจูง ดึงเอาเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ Gen Y, Gen Z ในประเทศต่างๆ เข้าไปเป็นพวก เข้ามาแทรกซึมให้เป็นสปาย ดำเนินการต่างๆ เพื่อเอื้อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อประโยชน์ของอเมริกา
    .
    ความพยายามสรรหาสายลับในจีน และรัสเซีย ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจภายใต้ระบอบอำนาจนิยมเพื่อรวบรวมข่าวกรองโดยใช้จีน โดยในจีน สหรัฐฯ ต้องการอาศัยการใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชนชั้นสูงเกี่ยวกับนโยบายที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สิ่งนี้คล้ายคลึงกับที่ CIA ทำกับรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียในปี 2545 โดย CIA ได้เดินแผนลับปฏิบัติการขอข้อมูลชาวรัสเซียที่ผิดหวังกับระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
    .
    จะเห็นได้ชัดว่า CIA คือองค์กรที่ชั่วร้าย หาข้อมูลข่าวสารเพื่อทำลายประเทศที่ไม่ยอมทำตามนโยบายของอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือแขนขาข้างหนึ่งของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ต้องการจะครอบครองทั่วโลก ตอนนี้ลงมาถึงระดับ Gen Y และ Gen Z แล้ว
    .
    ผมเชื่อว่าต้องมีไม่ต่ำกว่า 10 หรือ 20% ของคนที่ติดต่อไปเพื่อขอเป็นสายลับนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นคนของรัฐบาลนั่นเอง ก็คือว่าไปเป็นสายลับ มึงอยากให้กูไปเป็นสายลับ กูไปเป็นให้ แต่กูก็จะเอาข้อมูลที่กูได้จากมึง ส่งมา ตรงนี้เป็นการตรวจสอบที่ยากเย็นมาก แล้วตรงนี้เป็นดาบสองคมของ CIA ในขณะที่ CIA ต้องการใช้คนพวกนี้สมัครเข้ามา ไม่เลือกแล้ว ที่ไหนก็ได้ จีน รัสเซีย ส่งเข้ามาเลย ถ้าผ่าน ซึ่งการผ่านการตรวจสอบความมั่นคงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องยาก สามารถตกแต่งได้ จะกลายเป็นว่าหอกอันนี้ ที่ CIA ต้องการเอามาใช้ทิ่มแทงประเทศต่างๆ มันจะย้อนกลับไปทิ่มแทงประเทศสหรัฐอเมริกาเอง

    ที่มา : Sondhitalk

    #Thaitimes
    CIA เปิดรับสมัครสายลับ GenZ ฟาดจีน-รัสเซีย ระวังดาบสองคมนี้คืนสนองอเมริกา . การออกมารับสมัครสายลับอย่างโจ๋งครึ่ม เปิดหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ยิ่งตอกย้ำว่าบทบาทของปฏิบัติการข่าวกรองสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตัวจุดประเด็นความขัดแย้งในกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะปฏิบัติการของ CIA นั้นคือต้นตอของความชั่วร้ายของสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ที่น่ากลัวคือ พวกนี้กำลังดำเนินปฏิบัติการชักจูง ดึงเอาเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ Gen Y, Gen Z ในประเทศต่างๆ เข้าไปเป็นพวก เข้ามาแทรกซึมให้เป็นสปาย ดำเนินการต่างๆ เพื่อเอื้อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อประโยชน์ของอเมริกา . ความพยายามสรรหาสายลับในจีน และรัสเซีย ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจภายใต้ระบอบอำนาจนิยมเพื่อรวบรวมข่าวกรองโดยใช้จีน โดยในจีน สหรัฐฯ ต้องการอาศัยการใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชนชั้นสูงเกี่ยวกับนโยบายที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สิ่งนี้คล้ายคลึงกับที่ CIA ทำกับรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียในปี 2545 โดย CIA ได้เดินแผนลับปฏิบัติการขอข้อมูลชาวรัสเซียที่ผิดหวังกับระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน . จะเห็นได้ชัดว่า CIA คือองค์กรที่ชั่วร้าย หาข้อมูลข่าวสารเพื่อทำลายประเทศที่ไม่ยอมทำตามนโยบายของอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือแขนขาข้างหนึ่งของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ต้องการจะครอบครองทั่วโลก ตอนนี้ลงมาถึงระดับ Gen Y และ Gen Z แล้ว . ผมเชื่อว่าต้องมีไม่ต่ำกว่า 10 หรือ 20% ของคนที่ติดต่อไปเพื่อขอเป็นสายลับนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นคนของรัฐบาลนั่นเอง ก็คือว่าไปเป็นสายลับ มึงอยากให้กูไปเป็นสายลับ กูไปเป็นให้ แต่กูก็จะเอาข้อมูลที่กูได้จากมึง ส่งมา ตรงนี้เป็นการตรวจสอบที่ยากเย็นมาก แล้วตรงนี้เป็นดาบสองคมของ CIA ในขณะที่ CIA ต้องการใช้คนพวกนี้สมัครเข้ามา ไม่เลือกแล้ว ที่ไหนก็ได้ จีน รัสเซีย ส่งเข้ามาเลย ถ้าผ่าน ซึ่งการผ่านการตรวจสอบความมั่นคงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องยาก สามารถตกแต่งได้ จะกลายเป็นว่าหอกอันนี้ ที่ CIA ต้องการเอามาใช้ทิ่มแทงประเทศต่างๆ มันจะย้อนกลับไปทิ่มแทงประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ที่มา : Sondhitalk #Thaitimes
    Like
    Sad
    Yay
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1111 มุมมอง 1 รีวิว
  • Infographic จาก TNNOnline
    คนไทยโดนหลอก (ออนไลน์) ง่ายอันดับ 4 ของโลก
    สถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่าในปี 2566 มีคนไทยกว่า 36 ล้านคนตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 49,845 ล้านบาท

    นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีผู้เสียหายจากการหลอกลวงทางออนไลน์มากเป็นอันดับ 4 ของโลกอีกด้วย

    ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Gen Y ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มที่มีจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายมากที่สุด ซึ่งอาจขัดกับความเชื่อทั่วไปที่มองว่าคนรุ่นใหม่จะรู้เท่าทันเทคโนโลยีมากกว่า แต่ในความเป็นจริง กลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีกำลังซื้อ ใช้งานออนไลน์บ่อย และอาจมีความมั่นใจมากเกินไปจนประมาท

    นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่ม Gen Z แม้จะมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงออนไลน์มากกว่ากลุ่มอื่น แต่กลับมีอัตราการตกเป็นเหยื่อสูง สะท้อนให้เห็นว่าความรู้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันการถูกหลอกลวง

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02bJAAbxF6TrmZGzMVn2Qppbp2MdiDD8KdrtvUuraTUeP5xE4yrhLSTrMDKjPVNrxwl&id=100064473528540

    #Thaitimes
    Infographic จาก TNNOnline คนไทยโดนหลอก (ออนไลน์) ง่ายอันดับ 4 ของโลก สถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่าในปี 2566 มีคนไทยกว่า 36 ล้านคนตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 49,845 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีผู้เสียหายจากการหลอกลวงทางออนไลน์มากเป็นอันดับ 4 ของโลกอีกด้วย ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Gen Y ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มที่มีจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายมากที่สุด ซึ่งอาจขัดกับความเชื่อทั่วไปที่มองว่าคนรุ่นใหม่จะรู้เท่าทันเทคโนโลยีมากกว่า แต่ในความเป็นจริง กลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีกำลังซื้อ ใช้งานออนไลน์บ่อย และอาจมีความมั่นใจมากเกินไปจนประมาท นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่ม Gen Z แม้จะมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงออนไลน์มากกว่ากลุ่มอื่น แต่กลับมีอัตราการตกเป็นเหยื่อสูง สะท้อนให้เห็นว่าความรู้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกันการถูกหลอกลวง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02bJAAbxF6TrmZGzMVn2Qppbp2MdiDD8KdrtvUuraTUeP5xE4yrhLSTrMDKjPVNrxwl&id=100064473528540 #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15/1/67

    ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน

    ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ


    ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท)

    และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ

    คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ
    พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน 

    แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น


    “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้”

    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร
    พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ


    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 

    เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้

    พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน
    สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน

    ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์
    พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้

    วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ
    ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน


    ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่  


    การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้

    ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ”
    พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง

    สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน  

    วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้

    ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน

    สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
    cr:web.codi.co.th
    15/1/67 ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท) และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน  แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้” นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม  เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้ พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์ พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้ วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่   การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน   วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้ ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน cr:web.codi.co.th
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • CIA เปิดรับสมัครสายลับ GenZ ฟาดจีน-รัสเซีย ระวังดาบสองคมนี้คืนสนองอเมริกา
    .
    การออกมารับสมัครสายลับอย่างโจ๋งครึ่ม เปิดหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ยิ่งตอกย้ำว่าบทบาทของปฏิบัติการข่าวกรองสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตัวจุดประเด็นความขัดแย้งในกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะปฏิบัติการของ CIA นั้นคือต้นตอของความชั่วร้ายของสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ที่น่ากลัวคือ พวกนี้กำลังดำเนินปฏิบัติการชักจูง ดึงเอาเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ Gen Y, Gen Z ในประเทศต่างๆ เข้าไปเป็นพวก เข้ามาแทรกซึมให้เป็นสปาย ดำเนินการต่างๆ เพื่อเอื้อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อประโยชน์ของอเมริกา
    .
    ความพยายามสรรหาสายลับในจีน และรัสเซีย ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจภายใต้ระบอบอำนาจนิยมเพื่อรวบรวมข่าวกรองโดยใช้จีน โดยในจีน สหรัฐฯ ต้องการอาศัยการใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชนชั้นสูงเกี่ยวกับนโยบายที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สิ่งนี้คล้ายคลึงกับที่ CIA ทำกับรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียในปี 2545 โดย CIA ได้เดินแผนลับปฏิบัติการขอข้อมูลชาวรัสเซียที่ผิดหวังกับระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
    .
    จะเห็นได้ชัดว่า CIA คือองค์กรที่ชั่วร้าย หาข้อมูลข่าวสารเพื่อทำลายประเทศที่ไม่ยอมทำตามนโยบายของอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือแขนขาข้างหนึ่งของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ต้องการจะครอบครองทั่วโลก ตอนนี้ลงมาถึงระดับ Gen Y และ Gen Z แล้ว
    .
    ผมเชื่อว่าต้องมีไม่ต่ำกว่า 10 หรือ 20% ของคนที่ติดต่อไปเพื่อขอเป็นสายลับนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นคนของรัฐบาลนั่นเอง ก็คือว่าไปเป็นสายลับ มึงอยากให้กูไปเป็นสายลับ กูไปเป็นให้ แต่กูก็จะเอาข้อมูลที่กูได้จากมึง ส่งมา ตรงนี้เป็นการตรวจสอบที่ยากเย็นมาก แล้วตรงนี้เป็นดาบสองคมของ CIA ในขณะที่ CIA ต้องการใช้คนพวกนี้สมัครเข้ามา ไม่เลือกแล้ว ที่ไหนก็ได้ จีน รัสเซีย ส่งเข้ามาเลย ถ้าผ่าน ซึ่งการผ่านการตรวจสอบความมั่นคงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องยาก สามารถตกแต่งได้ จะกลายเป็นว่าหอกอันนี้ ที่ CIA ต้องการเอามาใช้ทิ่มแทงประเทศต่างๆ มันจะย้อนกลับไปทิ่มแทงประเทศสหรัฐอเมริกาเอง
    CIA เปิดรับสมัครสายลับ GenZ ฟาดจีน-รัสเซีย ระวังดาบสองคมนี้คืนสนองอเมริกา . การออกมารับสมัครสายลับอย่างโจ๋งครึ่ม เปิดหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ยิ่งตอกย้ำว่าบทบาทของปฏิบัติการข่าวกรองสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตัวจุดประเด็นความขัดแย้งในกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาอย่างไม่จบไม่สิ้น เพราะปฏิบัติการของ CIA นั้นคือต้นตอของความชั่วร้ายของสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ที่น่ากลัวคือ พวกนี้กำลังดำเนินปฏิบัติการชักจูง ดึงเอาเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ Gen Y, Gen Z ในประเทศต่างๆ เข้าไปเป็นพวก เข้ามาแทรกซึมให้เป็นสปาย ดำเนินการต่างๆ เพื่อเอื้อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อประโยชน์ของอเมริกา . ความพยายามสรรหาสายลับในจีน และรัสเซีย ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเปิดเผยครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจภายใต้ระบอบอำนาจนิยมเพื่อรวบรวมข่าวกรองโดยใช้จีน โดยในจีน สหรัฐฯ ต้องการอาศัยการใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชนชั้นสูงเกี่ยวกับนโยบายที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สิ่งนี้คล้ายคลึงกับที่ CIA ทำกับรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียในปี 2545 โดย CIA ได้เดินแผนลับปฏิบัติการขอข้อมูลชาวรัสเซียที่ผิดหวังกับระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน . จะเห็นได้ชัดว่า CIA คือองค์กรที่ชั่วร้าย หาข้อมูลข่าวสารเพื่อทำลายประเทศที่ไม่ยอมทำตามนโยบายของอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือแขนขาข้างหนึ่งของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ต้องการจะครอบครองทั่วโลก ตอนนี้ลงมาถึงระดับ Gen Y และ Gen Z แล้ว . ผมเชื่อว่าต้องมีไม่ต่ำกว่า 10 หรือ 20% ของคนที่ติดต่อไปเพื่อขอเป็นสายลับนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นคนของรัฐบาลนั่นเอง ก็คือว่าไปเป็นสายลับ มึงอยากให้กูไปเป็นสายลับ กูไปเป็นให้ แต่กูก็จะเอาข้อมูลที่กูได้จากมึง ส่งมา ตรงนี้เป็นการตรวจสอบที่ยากเย็นมาก แล้วตรงนี้เป็นดาบสองคมของ CIA ในขณะที่ CIA ต้องการใช้คนพวกนี้สมัครเข้ามา ไม่เลือกแล้ว ที่ไหนก็ได้ จีน รัสเซีย ส่งเข้ามาเลย ถ้าผ่าน ซึ่งการผ่านการตรวจสอบความมั่นคงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องยาก สามารถตกแต่งได้ จะกลายเป็นว่าหอกอันนี้ ที่ CIA ต้องการเอามาใช้ทิ่มแทงประเทศต่างๆ มันจะย้อนกลับไปทิ่มแทงประเทศสหรัฐอเมริกาเอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ

    ตอนแรก
    👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe

    ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด

    เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ

    ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด

    ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน

    ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก

    ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่

    ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ

    และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย

    ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค

    ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว

    โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั

    พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ

    ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ

    เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ
    ----------

    ปัจจุบัน..

    เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ

    แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม

    BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม

    ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น

    และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ

    ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น

    นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น

    ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ )

    คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ

    เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย

    วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ

    เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด

    มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท

    ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน
    👉 https://www.instagram.com/themikebhip/

    คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ ตอนแรก 👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่ ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ ---------- ปัจจุบัน.. เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ ) คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน 👉 https://www.instagram.com/themikebhip/ คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 ตุลาคม 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep263 - 111067(live)
    -โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ บทเรียนราคาแพงที่เกิดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ใครต้องรับผิดชอบ?
    -มลภาวะจากนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางที่ไร้การจัดการจริงจังจากรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เอกรัฐ
    -เรื่องของ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบัน ที่ชื่อ คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หรือ ดร.นกและความจริงบางอย่าง ที่ผู้ชมอาจไม่เคยรับรู้รับทราบมาก่อน รวมไปถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็ง แบงก์ชาติจะว่าอย่างไร
    -งานสายลับที่ประกาศผ่านโซเชียลแบบไม่ลับ!!!
    CIA เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ คุณสมบัติง่ายนิดเดียว เพียงแค่เป็นคน “ชังชาติ” และเลวพอที่จะขายขอมูลของบ้านเกิดเมืองนอน

    ที่มา https://www.youtube.com/live/uWARG-mskhA?si=ZvyDf51hI54pgQUW

    #Thaitimes
    11 ตุลาคม 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep263 - 111067(live) -โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ บทเรียนราคาแพงที่เกิดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ใครต้องรับผิดชอบ? -มลภาวะจากนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางที่ไร้การจัดการจริงจังจากรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เอกรัฐ -เรื่องของ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบัน ที่ชื่อ คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หรือ ดร.นกและความจริงบางอย่าง ที่ผู้ชมอาจไม่เคยรับรู้รับทราบมาก่อน รวมไปถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็ง แบงก์ชาติจะว่าอย่างไร -งานสายลับที่ประกาศผ่านโซเชียลแบบไม่ลับ!!! CIA เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ คุณสมบัติง่ายนิดเดียว เพียงแค่เป็นคน “ชังชาติ” และเลวพอที่จะขายขอมูลของบ้านเกิดเมืองนอน ที่มา https://www.youtube.com/live/uWARG-mskhA?si=ZvyDf51hI54pgQUW #Thaitimes
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep263 - 111067(live)
    โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ บทเรียนราคาแพงที่เกิดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ใครต้องรับผิดชอบ?


    #sondhitalk #sondhix #thaitimes #สนธิเล่าเรื่อง #สนธิทอล์ค #รถบัสมรณะ #ผู้ว่าแบงก์ชาติ #CIA
    Like
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1417 มุมมอง 1 รีวิว
  • "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 978 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!!

    ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!!

    ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009)
    ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว….
    แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ
    ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์)
    เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ
    การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!!

    ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง
    คราวนี้จะมาทำโลกสวย….
    เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ……

    แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า…
    “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …”

    ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา…

    แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ
    เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด
    กัดดาฟี
    เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น

    ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม……
    เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง
    เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า…
    “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน
    ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส
    รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ
    ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้”
    ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ
    เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น
    แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……”

    (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…)

    ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!!

    แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง
    เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California
    และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน
    เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ
    แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times
    ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่?
    เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…”
    คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!!

    ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์
    ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ …
    ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว…

    เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats
    ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย
    หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น
    และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน

    การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์
    เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป)
    และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่
    ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน
    แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย

    ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
    ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir
    มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท
    ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา
    เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
    หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน
    ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!!
    เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม
    และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “***** Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR)

    กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์
    เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง

    ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน
    ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้…
    ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป
    กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย

    จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่
    จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63%
    นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน ……
    ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง
    ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004)
    ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า
    “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ
    เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……”

    ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ
    ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!! ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!! ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009) ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว…. แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์) เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!! ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง คราวนี้จะมาทำโลกสวย…. เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ…… แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า… “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …” ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา… แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด กัดดาฟี เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม…… เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า… “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้” ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……” (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…) ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!! แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่? เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…” คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!! ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์ ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ … ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว… เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์ เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป) และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่ ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!! เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Pussy Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR) กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์ เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้… ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่ จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63% นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน …… ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004) ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……” ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣สหรัฐอเมริกาเป็นอาณาจักรของคนโรคจิตที่มีอำนาจมหาศาลในการล้างสมองคนโง่ๆ🤣

    ฮ่องกงในปี ๒๐๑๙ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการปฏิวัติสีและโรคจิตของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงเชียร์จากสื่อตะวันตก, นักการเมือง และกลุ่มรัฐลึก

    📌แต่เรื่องราวก็จบลงอย่างสวยงาม📌
    .
    US is a psychopathic empire with amazing power to brainwash the stupid masses.

    Hong Kong in 2019 was gripped by color revolution and mass psychosis of young people who were cheered on by Western media, politicians and deep state.

    But the story had a good ending.
    .
    2:42 PM · Oct 1, 2024 · 7,926 Views
    https://x.com/Kanthan2030/status/1841020728369397959
    🤣สหรัฐอเมริกาเป็นอาณาจักรของคนโรคจิตที่มีอำนาจมหาศาลในการล้างสมองคนโง่ๆ🤣 ฮ่องกงในปี ๒๐๑๙ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการปฏิวัติสีและโรคจิตของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงเชียร์จากสื่อตะวันตก, นักการเมือง และกลุ่มรัฐลึก 📌แต่เรื่องราวก็จบลงอย่างสวยงาม📌 . US is a psychopathic empire with amazing power to brainwash the stupid masses. Hong Kong in 2019 was gripped by color revolution and mass psychosis of young people who were cheered on by Western media, politicians and deep state. But the story had a good ending. . 2:42 PM · Oct 1, 2024 · 7,926 Views https://x.com/Kanthan2030/status/1841020728369397959
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ตอนเป็นรัฐบาล งานการก็ไม่ทำ มาเป็นฝ่ายค้าน ก็จ้องแต่สางแค้น คนรุ่นใหม่ในพรรคจึงหมดรัก หมดศรัทธา โบกมือลาพอกันที เหลือแต่พวกพลังชราภาพ
    #7ดอกจิก
    ♣ ตอนเป็นรัฐบาล งานการก็ไม่ทำ มาเป็นฝ่ายค้าน ก็จ้องแต่สางแค้น คนรุ่นใหม่ในพรรคจึงหมดรัก หมดศรัทธา โบกมือลาพอกันที เหลือแต่พวกพลังชราภาพ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน

    เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น.

    เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์

    ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ

    การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App

    ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

    #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น. เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 894 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ถูกมอมเมาโดยธนาธร-ปิยบุตร

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000088174
    พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ถูกมอมเมาโดยธนาธร-ปิยบุตร บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000088174
    MGRONLINE.COM
    พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ถูกมอมเมาโดยธนาธร-ปิยบุตร
    ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค ออกมาเตือนพรรคประชาชนว่า ถ้าเล่นการเมืองแบบโดดเดี่ยวตัวเองก็ยากที่จะได้เป็นรัฐบาล
    Like
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ปี ไทยสมายล์บัส น้อมรับความไม่สะดวก

    ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ของไทย สมายล์ บัส ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล นับตั้งแต่แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สาขาเอกชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 ปัจจุบันมีรถบัสพลังงานไฟฟ้า 2,350 คัน ให้บริการ 123 เส้นทาง พร้อมกัปตันเมล์ (พนักงานขับรถ) 2,500 คน บัสโฮสเตส (พนักงานเก็บค่าโดยสาร) 2,300 คน อู่สาขากว่า 24 สาขา เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้ากว่า 40 ลำ ให้บริการ 3 เส้นทาง กัปตันและลูกเรือกว่า 200 คน อาจเรียกได้ว่าเป็น 3 ปีแบบก้าวกระโดด พร้อมกับการปฎิรูปรถเมล์ที่กรมการขนส่งทางบกเป็นเจ้าภาพหลัก

    น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ บัส เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำให้ระบบขนส่งมวลชนที่ถูกละเลย มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าให้บริการกว่า 2,000 คัน และมีเทคโนโลยีทันสมัย มีโรงเรียนฝึกอบรมบุคลากร ปัจจุบันบริษัทฯ ลงทุนพัฒนาจุดชาร์จ อู่สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนา เติบโตไปพร้อมกับสังคม สิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG ในทุกมิติ เช่น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างการจ้างงาน ดูแลผู้โดยสาร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ บริหารด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีธรรมาภิบาล

    "ตนได้ลงพื้นที่ไปรอรถเมล์อยู่ข้างๆ ผู้โดยสารทุกคนตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ เพื่อให้เข้าใจปัญหา ไปอยู่กับหน้างานจริง ซึ่งยอมรับว่า ยังได้เห็นความไม่สะดวกในหลายจุด ในฐานะผู้บริหารขอน้อมรับฟังทุกคำติชม และจะนำไปปรับปรุง พัฒนาต่อไปเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้มีรถเมล์คุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ"

    ที่ผ่านมาได้พัฒนาระบบ Fleet Management งานบริหารจัดการหลังบ้าน กล้อง CCTV เพื่อตรวจสอบคุณภาพการให้บริการ พัฒนาการปล่อยรถ รวมถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับปรุงข้อติดขัดต่างๆ พร้อมกับพัฒนาบุคลากร อาทิ โครงการสมาร์ทกัปตัน คัดเลือกพนักงานที่อยู่ในสายรถ ให้เข้ามาเป็นผู้ดูแลสายรถนั้นๆ เพื่อต่อยอดอาชีพ สร้างคุณค่า เพิ่มรายได้ให้กับพนักงานอีก 100 คน รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน TSB Go Plus+ สามารถเติมเงินและอัปเดตยอดบัตร HOP CARD ผ่านระบบ NFC ได้ทันที

    ในอนาคต ไทยสมายล์บัสจะจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบแทนลูกค้า มีสิทธิประโยชน์เฉพาะผู้ถือบัตร HOP CARD ให้ร่วมสนุก มีฟังก์ชันใหม่ๆ ให้ได้ทดลองใช้ และมีพันธมิตรอีกหลายรายที่จะเข้าร่วม ควบคู่กับการแก้ไขปัญหา ยกระดับการให้บริการ หวังคนรุ่นใหม่หันมาใช้รถสาธารณะกันมากขึ้น

    #Newskit #ThaiSmileBus #รถเมล์ไฟฟ้า
    3 ปี ไทยสมายล์บัส น้อมรับความไม่สะดวก ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ของไทย สมายล์ บัส ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล นับตั้งแต่แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สาขาเอกชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 ปัจจุบันมีรถบัสพลังงานไฟฟ้า 2,350 คัน ให้บริการ 123 เส้นทาง พร้อมกัปตันเมล์ (พนักงานขับรถ) 2,500 คน บัสโฮสเตส (พนักงานเก็บค่าโดยสาร) 2,300 คน อู่สาขากว่า 24 สาขา เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้ากว่า 40 ลำ ให้บริการ 3 เส้นทาง กัปตันและลูกเรือกว่า 200 คน อาจเรียกได้ว่าเป็น 3 ปีแบบก้าวกระโดด พร้อมกับการปฎิรูปรถเมล์ที่กรมการขนส่งทางบกเป็นเจ้าภาพหลัก น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ บัส เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำให้ระบบขนส่งมวลชนที่ถูกละเลย มีรถเมล์พลังงานไฟฟ้าให้บริการกว่า 2,000 คัน และมีเทคโนโลยีทันสมัย มีโรงเรียนฝึกอบรมบุคลากร ปัจจุบันบริษัทฯ ลงทุนพัฒนาจุดชาร์จ อู่สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนา เติบโตไปพร้อมกับสังคม สิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG ในทุกมิติ เช่น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างการจ้างงาน ดูแลผู้โดยสาร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ บริหารด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีธรรมาภิบาล "ตนได้ลงพื้นที่ไปรอรถเมล์อยู่ข้างๆ ผู้โดยสารทุกคนตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ เพื่อให้เข้าใจปัญหา ไปอยู่กับหน้างานจริง ซึ่งยอมรับว่า ยังได้เห็นความไม่สะดวกในหลายจุด ในฐานะผู้บริหารขอน้อมรับฟังทุกคำติชม และจะนำไปปรับปรุง พัฒนาต่อไปเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้มีรถเมล์คุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ" ที่ผ่านมาได้พัฒนาระบบ Fleet Management งานบริหารจัดการหลังบ้าน กล้อง CCTV เพื่อตรวจสอบคุณภาพการให้บริการ พัฒนาการปล่อยรถ รวมถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับปรุงข้อติดขัดต่างๆ พร้อมกับพัฒนาบุคลากร อาทิ โครงการสมาร์ทกัปตัน คัดเลือกพนักงานที่อยู่ในสายรถ ให้เข้ามาเป็นผู้ดูแลสายรถนั้นๆ เพื่อต่อยอดอาชีพ สร้างคุณค่า เพิ่มรายได้ให้กับพนักงานอีก 100 คน รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน TSB Go Plus+ สามารถเติมเงินและอัปเดตยอดบัตร HOP CARD ผ่านระบบ NFC ได้ทันที ในอนาคต ไทยสมายล์บัสจะจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบแทนลูกค้า มีสิทธิประโยชน์เฉพาะผู้ถือบัตร HOP CARD ให้ร่วมสนุก มีฟังก์ชันใหม่ๆ ให้ได้ทดลองใช้ และมีพันธมิตรอีกหลายรายที่จะเข้าร่วม ควบคู่กับการแก้ไขปัญหา ยกระดับการให้บริการ หวังคนรุ่นใหม่หันมาใช้รถสาธารณะกันมากขึ้น #Newskit #ThaiSmileBus #รถเมล์ไฟฟ้า
    Like
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1154 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณ ชานน สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ
    บริษัท ไฮ ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด
    มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี
    ให้กับคุณสุนันทา สิ่งสรรเสริญ
    ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
    บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)
    หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
    เนื่องในโอกาสที่จัดงานแถลงข่าว
    THE SUSTAINOVATIVE LIVING by Siamese asset
    เพื่อเปิดตัวพรีเซนเตอร์ อาโป-ณัฐวิญญ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่
    ที่มาทำหน้าที่ส่งต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตนเอง
    พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย
    ภายใต้แนวคิด Siamese Asset Asset of Life
    สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต
    ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    คุณ ชานน สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี ให้กับคุณสุนันทา สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เนื่องในโอกาสที่จัดงานแถลงข่าว THE SUSTAINOVATIVE LIVING by Siamese asset เพื่อเปิดตัวพรีเซนเตอร์ อาโป-ณัฐวิญญ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มาทำหน้าที่ส่งต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตนเอง พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด Siamese Asset Asset of Life สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 622 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอยคำเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเจลลี่
    Doikham Jelly Strip ทานง่าย สะดวก ได้สุขภาพดี
    ปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    ดอยคำเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเจลลี่ Doikham Jelly Strip ทานง่าย สะดวก ได้สุขภาพดี ปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง

    Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ

    ** รายละเอียด **

    คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน

    ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge
    ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง
    ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน
    ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ
    ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม.

    ** สิ่งอำนวยความสะดวก **

    ‣ Outdoor Pool
    ‣ Gym & Boxing Studio
    ‣ Creative Space
    ‣ Lobby Lounge
    ‣ Workspace
    ‣ Theatre
    ‣ Fitness
    ‣ Social Club
    ‣ Outdoor Dining
    ‣ Garden
    ‣ Sky Pool
    ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access
    ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ

    ‣ Family Mart : 40 เมตร
    ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร
    ‣ 7-Eleven : 60 เมตร
    ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร
    ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร
    ‣ JC Park : 220 เมตร
    ‣ Golden Place : 800 เมตร
    ‣ Town in Town : 2.5 กม.
    ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม.
    ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม.
    ‣ Show DC : 4.2 กม.
    ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม.
    ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม.
    ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม.
    ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม.
    ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม.
    ‣ Fortune Town : 5 กม.
    ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม.
    ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม.

    สถานศึกษา

    ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร
    ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร
    ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม.
    ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม.
    ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม.
    ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม.
    ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม.
    ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม.

    โรงพยาบาล

    ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม.
    ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม.
    ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม.
    ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ ** รายละเอียด ** คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม. ** สิ่งอำนวยความสะดวก ** ‣ Outdoor Pool ‣ Gym & Boxing Studio ‣ Creative Space ‣ Lobby Lounge ‣ Workspace ‣ Theatre ‣ Fitness ‣ Social Club ‣ Outdoor Dining ‣ Garden ‣ Sky Pool ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. **สถานที่ใกล้เคียง** ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ‣ Family Mart : 40 เมตร ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร ‣ 7-Eleven : 60 เมตร ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร ‣ JC Park : 220 เมตร ‣ Golden Place : 800 เมตร ‣ Town in Town : 2.5 กม. ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม. ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม. ‣ Show DC : 4.2 กม. ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม. ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม. ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม. ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม. ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม. ‣ Fortune Town : 5 กม. ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม. ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม. สถานศึกษา ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม. ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม. ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม. ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม. ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม. ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม. โรงพยาบาล ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม. ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม. ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม. ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง

    Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ

    ** รายละเอียด **

    คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน

    ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge
    ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง
    ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน
    ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ
    ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม.

    ** สิ่งอำนวยความสะดวก **

    ‣ Outdoor Pool
    ‣ Gym & Boxing Studio
    ‣ Creative Space
    ‣ Lobby Lounge
    ‣ Workspace
    ‣ Theatre
    ‣ Fitness
    ‣ Social Club
    ‣ Outdoor Dining
    ‣ Garden
    ‣ Sky Pool
    ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access
    ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ

    ‣ Family Mart : 40 เมตร
    ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร
    ‣ 7-Eleven : 60 เมตร
    ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร
    ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร
    ‣ JC Park : 220 เมตร
    ‣ Golden Place : 800 เมตร
    ‣ Town in Town : 2.5 กม.
    ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม.
    ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม.
    ‣ Show DC : 4.2 กม.
    ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม.
    ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม.
    ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม.
    ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม.
    ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม.
    ‣ Fortune Town : 5 กม.
    ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม.
    ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม.

    สถานศึกษา

    ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร
    ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร
    ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม.
    ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม.
    ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม.
    ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม.
    ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม.
    ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม.

    โรงพยาบาล

    ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม.
    ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม.
    ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม.
    ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ ** รายละเอียด ** คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม. ** สิ่งอำนวยความสะดวก ** ‣ Outdoor Pool ‣ Gym & Boxing Studio ‣ Creative Space ‣ Lobby Lounge ‣ Workspace ‣ Theatre ‣ Fitness ‣ Social Club ‣ Outdoor Dining ‣ Garden ‣ Sky Pool ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. **สถานที่ใกล้เคียง** ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ‣ Family Mart : 40 เมตร ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร ‣ 7-Eleven : 60 เมตร ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร ‣ JC Park : 220 เมตร ‣ Golden Place : 800 เมตร ‣ Town in Town : 2.5 กม. ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม. ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม. ‣ Show DC : 4.2 กม. ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม. ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม. ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม. ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม. ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม. ‣ Fortune Town : 5 กม. ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม. ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม. สถานศึกษา ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม. ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม. ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม. ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม. ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม. ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม. โรงพยาบาล ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม. ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม. ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม. ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง

    งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล

    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์
    #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1404 มุมมอง 402 0 รีวิว
Pages Boosts