• “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. – 5 มิ.ย.2568 และมีการขยายการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.2568 รวมระยะเวลา 25 วัน โดยร้อยละ 59 เห็นด้วยกับร่างประกาศดังกล่าว และได้เสนอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม ซึ่งนายสมศักดิ์ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป้นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000059522

    #Thaitimes #MGROnline #ประกาศกระทรวงสาธารณสุข #สมุนไพรควบคุม #กัญชา
    “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา • กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. – 5 มิ.ย.2568 และมีการขยายการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.2568 รวมระยะเวลา 25 วัน โดยร้อยละ 59 เห็นด้วยกับร่างประกาศดังกล่าว และได้เสนอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม ซึ่งนายสมศักดิ์ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา • ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป้นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000059522 • #Thaitimes #MGROnline #ประกาศกระทรวงสาธารณสุข #สมุนไพรควบคุม #กัญชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    เซเลนสกีเผยพร้อมพบปูติน แต่ยังไม่เลิกปากดีแซะปูติน โดยกล่าวว่า 'ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เกินกำหนดวาระก็ตาม'

    👉ในความเป็นจริง รัฐธรรมนูญของรัสเซียได้รับการปรับปรุงใหม่ เกี่ยวกับเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ขณะนี้ปูตินไม่ได้อยู่เกินกำหนดวาระแต่อย่างใด แต่ต่างโดยสิ้นเชิงกับเซเลนสกีที่หมดวาระตามรัฐธรรมนูญยูเครนไปแล้วกว่าหนึ่งปี

    👉การยอกย้อนของเซเลนสกีเกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินเพิ่งเสร็จสิ้นกาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศว่าเขายินดีที่จะพบกับเซเลนสกีเพื่อเจรจาสันติภาพ แต่ 'สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใครจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลง' เพราะรัฐธรรมนูญของยูเครนขณะนี้ไม่ได้กำหนดให้เซเลนสกีขยายวาระการดำรงตำแหน่งต่อไปได้ "วาระการดำรงตำแหน่งของเซเลนสกีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024"
    2/ เซเลนสกีเผยพร้อมพบปูติน แต่ยังไม่เลิกปากดีแซะปูติน โดยกล่าวว่า 'ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เกินกำหนดวาระก็ตาม' 👉ในความเป็นจริง รัฐธรรมนูญของรัสเซียได้รับการปรับปรุงใหม่ เกี่ยวกับเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ขณะนี้ปูตินไม่ได้อยู่เกินกำหนดวาระแต่อย่างใด แต่ต่างโดยสิ้นเชิงกับเซเลนสกีที่หมดวาระตามรัฐธรรมนูญยูเครนไปแล้วกว่าหนึ่งปี 👉การยอกย้อนของเซเลนสกีเกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินเพิ่งเสร็จสิ้นกาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศว่าเขายินดีที่จะพบกับเซเลนสกีเพื่อเจรจาสันติภาพ แต่ 'สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใครจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลง' เพราะรัฐธรรมนูญของยูเครนขณะนี้ไม่ได้กำหนดให้เซเลนสกีขยายวาระการดำรงตำแหน่งต่อไปได้ "วาระการดำรงตำแหน่งของเซเลนสกีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 1/
    เซเลนสกีเผยพร้อมพบปูติน แต่ยังไม่เลิกปากดีแซะปูติน โดยกล่าวว่า 'ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เกินกำหนดวาระก็ตาม'

    👉ในความเป็นจริง รัฐธรรมนูญของรัสเซียได้รับการปรับปรุงใหม่ เกี่ยวกับเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ขณะนี้ปูตินไม่ได้อยู่เกินกำหนดวาระแต่อย่างใด แต่ต่างโดยสิ้นเชิงกับเซเลนสกีที่หมดวาระตามรัฐธรรมนูญยูเครนไปแล้วกว่าหนึ่งปี

    👉การยอกย้อนของเซเลนสกีเกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินเพิ่งเสร็จสิ้นกาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศว่าเขายินดีที่จะพบกับเซเลนสกีเพื่อเจรจาสันติภาพ แต่ 'สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใครจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลง' เพราะรัฐธรรมนูญของยูเครนขณะนี้ไม่ได้กำหนดให้เซเลนสกีขยายวาระการดำรงตำแหน่งต่อไปได้ "วาระการดำรงตำแหน่งของเซเลนสกีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024"
    1/ เซเลนสกีเผยพร้อมพบปูติน แต่ยังไม่เลิกปากดีแซะปูติน โดยกล่าวว่า 'ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่เกินกำหนดวาระก็ตาม' 👉ในความเป็นจริง รัฐธรรมนูญของรัสเซียได้รับการปรับปรุงใหม่ เกี่ยวกับเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ขณะนี้ปูตินไม่ได้อยู่เกินกำหนดวาระแต่อย่างใด แต่ต่างโดยสิ้นเชิงกับเซเลนสกีที่หมดวาระตามรัฐธรรมนูญยูเครนไปแล้วกว่าหนึ่งปี 👉การยอกย้อนของเซเลนสกีเกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินเพิ่งเสร็จสิ้นกาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศว่าเขายินดีที่จะพบกับเซเลนสกีเพื่อเจรจาสันติภาพ แต่ 'สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใครจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลง' เพราะรัฐธรรมนูญของยูเครนขณะนี้ไม่ได้กำหนดให้เซเลนสกีขยายวาระการดำรงตำแหน่งต่อไปได้ "วาระการดำรงตำแหน่งของเซเลนสกีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม

    เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้
    ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”...

    เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ?

    ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน

    ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต

    การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน

    ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง)

    Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748
    http://www.naradafoundation.org/content/6526
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html

    #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้ ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”... เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ? ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง) Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748 http://www.naradafoundation.org/content/6526 https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท ไทยเสียดินแดน?

    7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป

    ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว

    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด

    พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์

    ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร

    #Newskit
    ปฐมบท ไทยเสียดินแดน? 7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดเผยว่า มีแอป VPN ฟรีกว่า 17 รายการใน App Store ของ Apple และ Google Play Store ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน โดยบางแอปอาจมีความเชื่อมโยงกับบริษัท Qihoo 360 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีสายสัมพันธ์กับกองทัพจีน เรื่องนี้ถูกค้นพบโดย Tech Transparency Project (TTP) ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า Apple และ Google อาจได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากแอปเหล่านี้ ด้วย

    ✅ VPN ฟรีที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน
    - แอป VPN ฟรีอย่าง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Thunder VPN, Snap VPN และ Signal Secure VPN มีสายสัมพันธ์กับ Qihoo 360 ซึ่งถูกลงโทษโดยสหรัฐฯ ในปี 2020
    - ยังพบว่า อีก 11 แอป VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนยังคงมีอยู่ใน App Store ของสหรัฐฯ ได้แก่ X-VPN, Ostrich VPN, VPNIFY, VPN Proxy OvpnSpider และอื่นๆ
    - Google Play Store ก็มีแอปที่เกี่ยวข้องกับจีนเช่นกัน รวมถึง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Snap VPN และ Signal Secure VPN

    ✅ Apple และ Google อาจได้รับรายได้จากแอปเหล่านี้
    - แอป VPN บางตัวใน App Store มีการขาย การสมัครสมาชิกและบริการเพิ่มเติมในแอป ซึ่งหมายความว่า Apple และ Google อาจได้รับส่วนแบ่งรายได้
    - แอปบางตัวใน Google Play Store มีโฆษณา เช่น Turbo VPN

    ✅ ไม่มีการตอบกลับจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง
    - Apple ระบุว่ามีแนวทางเข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในแอป VPN
    - อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้จำกัดการแจกจ่ายแอปตามประเทศของผู้ให้บริการ
    - Qihoo 360 และนักพัฒนาแอป VPN ที่ถูกกล่าวถึงไม่ได้ตอบกลับข้อเรียกร้องของ TTP

    🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน
    ‼️ ความเสี่ยงของผู้ใช้ VPN ฟรี
    - VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดให้เก็บข้อมูล และอาจต้องแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน
    - แม้ว่า VPN จะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่หากมีเจ้าของที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างประเทศ อาจเกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคล
    - VPN ฟรีบางตัวอาจมีโฆษณาหรือฟีเจอร์ที่ซ่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    ‼️ แนวทางในการเลือกใช้ VPN ที่ปลอดภัย
    - ควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบาย "ไม่บันทึกข้อมูล" (No-Log Policy) และมีบริษัทที่สามารถตรวจสอบประวัติความน่าเชื่อถือได้
    - VPN ที่ได้รับการแนะนำว่าปลอดภัย ได้แก่ Privado VPN และ Proton VPN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีความโปร่งใส
    - หลีกเลี่ยงแอป VPN ฟรีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลบริษัทผู้ให้บริการ

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/these-free-vpns-may-have-ties-to-chinas-military-and-they-are-still-hidden-in-apple-and-google-app-stores
    ข่าวล่าสุดเผยว่า มีแอป VPN ฟรีกว่า 17 รายการใน App Store ของ Apple และ Google Play Store ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน โดยบางแอปอาจมีความเชื่อมโยงกับบริษัท Qihoo 360 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีสายสัมพันธ์กับกองทัพจีน เรื่องนี้ถูกค้นพบโดย Tech Transparency Project (TTP) ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า Apple และ Google อาจได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากแอปเหล่านี้ ด้วย ✅ VPN ฟรีที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน - แอป VPN ฟรีอย่าง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Thunder VPN, Snap VPN และ Signal Secure VPN มีสายสัมพันธ์กับ Qihoo 360 ซึ่งถูกลงโทษโดยสหรัฐฯ ในปี 2020 - ยังพบว่า อีก 11 แอป VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนยังคงมีอยู่ใน App Store ของสหรัฐฯ ได้แก่ X-VPN, Ostrich VPN, VPNIFY, VPN Proxy OvpnSpider และอื่นๆ - Google Play Store ก็มีแอปที่เกี่ยวข้องกับจีนเช่นกัน รวมถึง Turbo VPN, VPN Proxy Master, Snap VPN และ Signal Secure VPN ✅ Apple และ Google อาจได้รับรายได้จากแอปเหล่านี้ - แอป VPN บางตัวใน App Store มีการขาย การสมัครสมาชิกและบริการเพิ่มเติมในแอป ซึ่งหมายความว่า Apple และ Google อาจได้รับส่วนแบ่งรายได้ - แอปบางตัวใน Google Play Store มีโฆษณา เช่น Turbo VPN ✅ ไม่มีการตอบกลับจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง - Apple ระบุว่ามีแนวทางเข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในแอป VPN - อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้จำกัดการแจกจ่ายแอปตามประเทศของผู้ให้บริการ - Qihoo 360 และนักพัฒนาแอป VPN ที่ถูกกล่าวถึงไม่ได้ตอบกลับข้อเรียกร้องของ TTP 🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน ‼️ ความเสี่ยงของผู้ใช้ VPN ฟรี - VPN ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดให้เก็บข้อมูล และอาจต้องแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน - แม้ว่า VPN จะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่หากมีเจ้าของที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างประเทศ อาจเกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคล - VPN ฟรีบางตัวอาจมีโฆษณาหรือฟีเจอร์ที่ซ่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ‼️ แนวทางในการเลือกใช้ VPN ที่ปลอดภัย - ควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบาย "ไม่บันทึกข้อมูล" (No-Log Policy) และมีบริษัทที่สามารถตรวจสอบประวัติความน่าเชื่อถือได้ - VPN ที่ได้รับการแนะนำว่าปลอดภัย ได้แก่ Privado VPN และ Proton VPN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีความโปร่งใส - หลีกเลี่ยงแอป VPN ฟรีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลบริษัทผู้ให้บริการ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/these-free-vpns-may-have-ties-to-chinas-military-and-they-are-still-hidden-in-apple-and-google-app-stores
    WWW.TECHRADAR.COM
    These free VPNs may have ties to China’s military – and they are still hidden in Apple and Google app stores
    New research reveals 17 VPN apps with undisclosed Chinese ownership, and big tech may be making a profit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 1020
    ชื่อบทธรรม :- อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค-รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1020
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ช. ว่าด้วย อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค
    --รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา
    --จุนทะ ! สัลเลขธรรม (ความขูดเกลา) เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายพึงกระทำ
    ในธรรมทั้งหลายเหล่านี้ กล่าวคือ : -
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น เป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำปาณาติบาต เราจัก เว้นขาดจากปาณาติบาต;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำอทินนาทาน เราจัก เว้นขาดจากอทินนาทาน;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เราจักเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเท็จ เราจัก เว้นขาดจากการพูดท็จ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดส่อเสียด เราจัก เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดคำหยาบ เราจัก เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเพ้อเจ้อ เราจัก เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มากด้วยอภิชฌา เราจักเป็นผู้ ไม่มากด้วยอภิชฌา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีจิตพยาบาท เราจักเป็นผู้ ไม่มีจิตพยาบาท;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาทิฏิฐิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาทิฏิฐิ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสังกัปปะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสังกัปปะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวาจา เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวาจา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉากัมมันตะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมากัมมันตะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาอาชีวะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาอาชีวะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวายามะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวายามะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสติ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสมาธิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสมาธิ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาญาณะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาญาณะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวิมุตติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวิมุตติ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีถีนมิทธะกลุ้มรุม เราจักเป็นผู้ ปราศจากถีนมิทธะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น เป็นผู้ฟุ้งซ่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ฟุ้งซ่าน;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีวิจิกิจฉา เราจักเป็นผู้ ข้ามพ้นวิจิกิจฉา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มักโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่มักโกรธ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ผูกโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่ผูกโกรธ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลบหลู่คุณ เราจักเป็นผู้ ไม่ลบหลู่คุณ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ แข่งดี เราจักเป็นผู้ ไม่แข่งดี;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ริษยา เราจักเป็นผู้ ไม่ริษยา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ตระหนี่ เราจักเป็นผู้ ไม่ตระหนี่;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ โอ้อวด เราจักเป็นผู้ ไม่โอ้อวด;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมารยา เราจักเป็นผู้ ไม่มีมารยา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ กระด้าง เราจักเป็นผู้ ไม่กระด้าง;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ดูหมิ่นท่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ดูหมิ่นท่าน;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ว่ายาก เราจักเป็นผู้ ว่าง่าย;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมิตรชั่ว เราจักเป็นผู้ มีมิตรดี;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ประมาท เราจักเป็นผู้ ไม่ประมาท;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีสัทธา เราจักเป็นผู้ มีสัทธา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีหิริ เราจักเป็นผู้ มีหิริ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีโอตตัปปะ เราจักเป็นผู้ มีโอตตัปปะ;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสุตะน้อย เราจักเป็นผู้ มีสุตะมาก;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ขี้เกียจ เราจักเป็นผู้ ปรารภความเพียร;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสติหลงลืม เราจักเป็นผู้ มีสติตั้งมั่น;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีปัญญาทราม เราจักเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยปัญญา;
    +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี)
    เป็น ผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และ
    เป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี)
    http://etipitaka.com/read/pali/12/78/?keywords=ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี

    ++--เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี)
    เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และ
    เป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี).
    http://etipitaka.com/read/pali/12/78/?keywords=สุปฏินิสฺสคฺคี

    (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ธรรมที่ทรงแสดงไว้ในบาลีเกี่ยวกับการขูดเกลานี้
    มีอยู่ ๔๔ คู่ เป็นคู่แห่งความตรงกันข้าม คือ
    ฝ่ายหนึ่งเป็นอกุศลไม่ควรกระทำ ฝ่ายหนึ่งเป็นกุศลที่ควรกระทำ
    ดังนั้นจึงเป็นการขูดเกลากันอยู่ในตัว เพราะความเป็นของตรงกันข้าม
    เรียกว่าธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ อย่าง
    กับธรรมที่ควรขูดเกลา ๔๔ อย่างเป็นคู่กันไป.
    โดยอาศัยหลักที่มีอยู่ ๔๔ คู่นี้
    พระองค์ได้ตรัสถึงธรรมปริยายอื่นๆ ต่อไปอีกคือ : -)

    ก. จิตตุปปาทปริยาย
    +--การกระทำจิตให้เกิดขึ้นโดยนัยยะ ๔๔ คู่ เป็นต้นว่า
    “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน” ...
    เรื่อยไปจนกระทั่งถึงคู่สุดท้าย ว่า
    “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี)
    เป็นผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และ
    เป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี)
    เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี)
    เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และ
    เป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี)”
    ดังนี้นั้น
    ยังได้ตรัสอีกว่า เพียงแต่ ตั้งจิตตุปบาทไว้ดังนี้ ก็เป็นการทำที่มีอุปการะมาก เสียแล้ว
    ไม่ต้องกล่าวถึง การที่ได้ทำสำเร็จลงไปตามนั้นด้วยกายและด้วยวาจา.
    การเอาธรรม ๔๔ คู่นั้นมาทำไว้ในความคิดใคร่ครวญ เรียกว่า #จิตตุปปาทธัมมปริยาย.

    ข. ปริกกมนปริยาย
    +--การทำจิตให้หลีกออกมาเสียจากธรรมฝ่ายอกุศล มาอยู่ในธรรมฝ่ายกุศล
    เช่นคนหลีกทางผิดมาเดินอยู่ในทางถูก ดังนี้เรียกว่า ปริกกมนา.
    ธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั่นเอง
    ฝ่ายแรกเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายหลังเป็นฝ่ายถูก จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า
    “ความไม่เบียดเบียน เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน”
    เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายที่ว่า ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน
    ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน
    เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้ลูบคลำ
    ด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปทาน”
    การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #ปริกกมนธัมปริยาย.

    ค. อุปริภาวังคมนปริยาย
    +--ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
    ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิด เป็น อโธภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายต่ำ)
    ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูก เป็น อุปริภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายสูง)
    จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรกว่า
    “ความไม่เบียดเบียน เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูง ของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน”
    ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายว่า
    “ความไม่เป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น
    และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน
    เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูงของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน
    ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน”.
    การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #อุปริภาวังคมนธัมมปริยาย.

    ง. ปรินิพพานปริยาย
    +--ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น
    ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิดเป็นฝ่ายไม่ดับเย็น
    ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูกเป็นฝ่ายดับเย็น (ปรินิพพาน)
    ดังนั้นจึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า
    “ความไม่เบียดเบียน เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน”
    ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้าย ว่า
    “ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น
    และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน
    เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน
    ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปาทาน”
    การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #ปรินิพพานปริยาย.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/82/?keywords=ปรินิพฺพาน
    ข้อความตอนนี้ มีตรัสไว้พิเศษ ว่า
    ผู้ไม่ดับเย็นจะช่วยให้ผู้อื่นดับเย็นนั้นเป็นไปไม่ได้
    เช่นเดียวกับผู้ติดหล่ม จะยกผู้อื่นขึ้นจากหล่มไม่ได้
    ฉันใดก็ฉันนั้น.-

    (รายชื่อแห่งธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ คู่นี้
    ไม่ได้ใช้เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการขูดเกลาอย่างเดียว
    แต่ใช้เพื่ออธิบายในการประพฤติกระทำอย่างอื่นด้วย
    ดังที่ได้แยกไว้เป็น ข้อ ก. ข. ค. ง. ในตอนท้าย;
    ผู้ที่ตั้งใจจะศึกษาจริงๆ พึงกำหนดให้ชัดเจนว่ามีลำดับอย่างไร
    เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกอย่างไร ก็จะสามารถเข้าใจข้อความที่ละไว้
    โดยไม่นำมาใส่ไว้ให้เต็ม เช่น อ้างถึงแต่ข้อต้น และ ข้อสุดท้าย เป็นต้น,
    ก็จะสำเร็จประโยชน์ได้ตามปรารถนา).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/54 - 62/104 - 108.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/54/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๗๕ - ๘๓/๑๐๔ - ๑๐๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/75/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1020
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1020
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88
    ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค สัทธรรมลำดับที่ : 1020 ชื่อบทธรรม :- อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค-รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1020 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ช. ว่าด้วย อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค --รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา --จุนทะ ! สัลเลขธรรม (ความขูดเกลา) เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายพึงกระทำ ในธรรมทั้งหลายเหล่านี้ กล่าวคือ : - +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น เป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำปาณาติบาต เราจัก เว้นขาดจากปาณาติบาต; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำอทินนาทาน เราจัก เว้นขาดจากอทินนาทาน; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เราจักเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเท็จ เราจัก เว้นขาดจากการพูดท็จ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดส่อเสียด เราจัก เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดคำหยาบ เราจัก เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเพ้อเจ้อ เราจัก เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มากด้วยอภิชฌา เราจักเป็นผู้ ไม่มากด้วยอภิชฌา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีจิตพยาบาท เราจักเป็นผู้ ไม่มีจิตพยาบาท; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาทิฏิฐิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาทิฏิฐิ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสังกัปปะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสังกัปปะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวาจา เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวาจา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉากัมมันตะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมากัมมันตะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาอาชีวะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาอาชีวะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวายามะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวายามะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสติ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสมาธิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสมาธิ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาญาณะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาญาณะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวิมุตติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวิมุตติ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีถีนมิทธะกลุ้มรุม เราจักเป็นผู้ ปราศจากถีนมิทธะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น เป็นผู้ฟุ้งซ่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ฟุ้งซ่าน; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีวิจิกิจฉา เราจักเป็นผู้ ข้ามพ้นวิจิกิจฉา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มักโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่มักโกรธ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ผูกโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่ผูกโกรธ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลบหลู่คุณ เราจักเป็นผู้ ไม่ลบหลู่คุณ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ แข่งดี เราจักเป็นผู้ ไม่แข่งดี; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ริษยา เราจักเป็นผู้ ไม่ริษยา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ตระหนี่ เราจักเป็นผู้ ไม่ตระหนี่; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ โอ้อวด เราจักเป็นผู้ ไม่โอ้อวด; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมารยา เราจักเป็นผู้ ไม่มีมารยา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ กระด้าง เราจักเป็นผู้ ไม่กระด้าง; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ดูหมิ่นท่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ดูหมิ่นท่าน; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ว่ายาก เราจักเป็นผู้ ว่าง่าย; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมิตรชั่ว เราจักเป็นผู้ มีมิตรดี; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ประมาท เราจักเป็นผู้ ไม่ประมาท; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีสัทธา เราจักเป็นผู้ มีสัทธา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีหิริ เราจักเป็นผู้ มีหิริ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีโอตตัปปะ เราจักเป็นผู้ มีโอตตัปปะ; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสุตะน้อย เราจักเป็นผู้ มีสุตะมาก; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ขี้เกียจ เราจักเป็นผู้ ปรารภความเพียร; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสติหลงลืม เราจักเป็นผู้ มีสติตั้งมั่น; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีปัญญาทราม เราจักเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยปัญญา; +--ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็น ผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และ เป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี) http://etipitaka.com/read/pali/12/78/?keywords=ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี ++--เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และ เป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี). http://etipitaka.com/read/pali/12/78/?keywords=สุปฏินิสฺสคฺคี (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ธรรมที่ทรงแสดงไว้ในบาลีเกี่ยวกับการขูดเกลานี้ มีอยู่ ๔๔ คู่ เป็นคู่แห่งความตรงกันข้าม คือ ฝ่ายหนึ่งเป็นอกุศลไม่ควรกระทำ ฝ่ายหนึ่งเป็นกุศลที่ควรกระทำ ดังนั้นจึงเป็นการขูดเกลากันอยู่ในตัว เพราะความเป็นของตรงกันข้าม เรียกว่าธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ อย่าง กับธรรมที่ควรขูดเกลา ๔๔ อย่างเป็นคู่กันไป. โดยอาศัยหลักที่มีอยู่ ๔๔ คู่นี้ พระองค์ได้ตรัสถึงธรรมปริยายอื่นๆ ต่อไปอีกคือ : -) ก. จิตตุปปาทปริยาย +--การกระทำจิตให้เกิดขึ้นโดยนัยยะ ๔๔ คู่ เป็นต้นว่า “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน” ... เรื่อยไปจนกระทั่งถึงคู่สุดท้าย ว่า “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และ เป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี) เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และ เป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี)” ดังนี้นั้น ยังได้ตรัสอีกว่า เพียงแต่ ตั้งจิตตุปบาทไว้ดังนี้ ก็เป็นการทำที่มีอุปการะมาก เสียแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึง การที่ได้ทำสำเร็จลงไปตามนั้นด้วยกายและด้วยวาจา. การเอาธรรม ๔๔ คู่นั้นมาทำไว้ในความคิดใคร่ครวญ เรียกว่า #จิตตุปปาทธัมมปริยาย. ข. ปริกกมนปริยาย +--การทำจิตให้หลีกออกมาเสียจากธรรมฝ่ายอกุศล มาอยู่ในธรรมฝ่ายกุศล เช่นคนหลีกทางผิดมาเดินอยู่ในทางถูก ดังนี้เรียกว่า ปริกกมนา. ธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั่นเอง ฝ่ายแรกเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายหลังเป็นฝ่ายถูก จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายที่ว่า ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้ลูบคลำ ด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปทาน” การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #ปริกกมนธัมปริยาย. ค. อุปริภาวังคมนปริยาย +--ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิด เป็น อโธภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายต่ำ) ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูก เป็น อุปริภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายสูง) จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรกว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูง ของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายว่า “ความไม่เป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูงของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน”. การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #อุปริภาวังคมนธัมมปริยาย. ง. ปรินิพพานปริยาย +--ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิดเป็นฝ่ายไม่ดับเย็น ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูกเป็นฝ่ายดับเย็น (ปรินิพพาน) ดังนั้นจึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้าย ว่า “ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปาทาน” การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า #ปรินิพพานปริยาย. http://etipitaka.com/read/pali/12/82/?keywords=ปรินิพฺพาน ข้อความตอนนี้ มีตรัสไว้พิเศษ ว่า ผู้ไม่ดับเย็นจะช่วยให้ผู้อื่นดับเย็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับผู้ติดหล่ม จะยกผู้อื่นขึ้นจากหล่มไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น.- (รายชื่อแห่งธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ คู่นี้ ไม่ได้ใช้เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการขูดเกลาอย่างเดียว แต่ใช้เพื่ออธิบายในการประพฤติกระทำอย่างอื่นด้วย ดังที่ได้แยกไว้เป็น ข้อ ก. ข. ค. ง. ในตอนท้าย; ผู้ที่ตั้งใจจะศึกษาจริงๆ พึงกำหนดให้ชัดเจนว่ามีลำดับอย่างไร เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกอย่างไร ก็จะสามารถเข้าใจข้อความที่ละไว้ โดยไม่นำมาใส่ไว้ให้เต็ม เช่น อ้างถึงแต่ข้อต้น และ ข้อสุดท้าย เป็นต้น, ก็จะสำเร็จประโยชน์ได้ตามปรารถนา). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/54 - 62/104 - 108. http://etipitaka.com/read/thai/12/54/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๗๕ - ๘๓/๑๐๔ - ๑๐๘. http://etipitaka.com/read/pali/12/75/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1020 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1020 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88 ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ช. ว่าด้วย อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค--รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา
    -[ในสูตรนี้ตรัสเรียกพิธีกรรมนี้ว่า “ปัจโจโรหณีในอริยวินัย”; ส่วนในสูตรอื่นๆ (๒๔/๒๕๓,๒๖๙/๑๒๐ ,๑๕๗) ตรัสเรียกว่า “ปัจโจโรหณีอันเป็นอริยะ” ก็มี. ในสูตรอื่นทรงยกเอากุศลกรรมบถสิบ มาเป็นธรรมเครื่องปลงบาปแทนสัมมัตตะสิบ ก็มี ( ๒๔/๒๖๗ - ๒๖๙/๑๕๖) ]. หมวด ช. ว่าด้วย อุปกรณ์การปฏิบัติมรรค รายชื่อแห่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งการขูดเกลา (เรื่องควรดูประกอบในหน้า ๙๑๑, ๙๒๖, ๑๓๐๐, ๑๓๔๑, ๑๓๖๔, ๑๔๑๒, ๑๔๑๔ และในขุม.โอ.หน้า ๓๒๒) จุนทะ ! สัลเลขธรรม (ความขูดเกลา) เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายพึงกระทำ ในธรรมทั้งหลายเหล่านี้ กล่าวคือ : ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำปาณาติบาต เราจัก เว้นขาดจากปาณาติบาต; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น กระทำอทินนาทาน เราจัก เว้นขาดจากอทินนาทาน; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เราจักเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเท็จ เราจัก เว้นขาดจากการพูดท็จ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดส่อเสียด เราจัก เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดคำหยาบ เราจัก เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น พูดเพ้อเจ้อ เราจัก เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มากด้วยอภิชฌา เราจักเป็นผู้ ไม่มากด้วยอภิชฌา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีจิตพยาบาท เราจักเป็นผู้ ไม่มีจิตพยาบาท; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาทิฏิฐิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาทิฏิฐิ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสังกัปปะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสังกัปปะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวาจา เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวาจา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉากัมมันตะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมากัมมันตะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาอาชีวะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาอาชีวะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวายามะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวายามะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสติ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาสมาธิ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาสมาธิ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาญาณะ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาญาณะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีมิจฉาวิมุตติ เราจักเป็นผู้ มีสัมมาวิมุตติ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีถีนมิทธะกลุ้มรุม เราจักเป็นผู้ ปราศจากถีนมิทธะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ฟุ้งซ่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ฟุ้งซ่าน; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่น มีวิจิกิจฉา เราจักเป็นผู้ ข้ามพ้นวิจิกิจฉา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มักโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่มักโกรธ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ผูกโกรธ เราจักเป็นผู้ ไม่ผูกโกรธ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลบหลู่คุณ เราจักเป็นผู้ ไม่ลบหลู่คุณ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ แข่งดี เราจักเป็นผู้ ไม่แข่งดี; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ริษยา เราจักเป็นผู้ ไม่ริษยา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ตระหนี่ เราจักเป็นผู้ ไม่ตระหนี่; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ โอ้อวด เราจักเป็นผู้ ไม่โอ้อวด; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมารยา เราจักเป็นผู้ ไม่มีมารยา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ กระด้าง เราจักเป็นผู้ ไม่กระด้าง; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ดูหมิ่นท่าน เราจักเป็นผู้ ไม่ดูหมิ่นท่าน; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ว่ายาก เราจักเป็นผู้ ว่าง่าย; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีมิตรชั่ว เราจักเป็นผู้ มีมิตรดี; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ประมาท เราจักเป็นผู้ ไม่ประมาท; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีสัทธา เราจักเป็นผู้ มีสัทธา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีหิริ เราจักเป็นผู้ มีหิริ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ไม่มีโอตตัปปะ เราจักเป็นผู้ มีโอตตัปปะ; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสุตะน้อย เราจักเป็นผู้ มีสุตะมาก; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ขี้เกียจ เราจักเป็นผู้ ปรารภความเพียร; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีสติหลงลืม เราจักเป็นผู้ มีสติตั้งมั่น; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ มีปัญญาทราม เราจักเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยปัญญา; ทำสัลเลขะว่า เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็น ผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และเป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี) เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และเป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี). (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ธรรมที่ทรงแสดงไว้ในบาลีเกี่ยวกับการขูดเกลานี้ มีอยู่ ๔๔ คู่ เป็นคู่แห่งความตรงกันข้าม คือฝ่ายหนึ่งเป็นอกุศลไม่ควรกระทำ ฝ่ายหนึ่งเป็นกุศลที่ควรกระทำ ดังนั้นจึงเป็นการขูดเกลากันอยู่ในตัว เพราะความเป็นของตรงกันข้าม เรียกว่าธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ อย่าง กับธรรมที่ควรขูดเกลา ๔๔ อย่างเป็นคู่กันไป. โดยอาศัยหลักที่มีอยู่ ๔๔ คู่นี้ พระองค์ได้ตรัสถึงธรรมปริยายอื่นๆ ต่อไปอีกคือ : -) ก. จิตตุปปาทปริยาย การกระทำจิตให้เกิดขึ้นโดยนัยยะ ๔๔ คู่ เป็นต้นว่า “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ เบียดเบียน เราจักเป็นผู้ ไม่เบียดเบียน” เรื่อยไปจนกระทั่งถึงคู่สุดท้าย ว่า “เมื่อผู้อื่นเป็นผู้ ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน (สนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อาธานคาหี) และเป็นผู้ยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี) เราจักเป็นผู้ ไม่ลูบคลำ ด้วยทิฏฐิของตน (อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี) เป็นผู้ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น (อนาธานคาหี) และเป็นผู้ง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน (สุปฺปฏินิสฺสคฺคี)” ดังนี้นั้น ยังได้ตรัสอีกว่า เพียงแต่ ตั้งจิตตุปบาทไว้ดังนี้ ก็เป็นการทำที่มีอุปการะมาก เสียแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึง การที่ได้ทำสำเร็จลงไปตามนั้นด้วยกายและด้วยวาจา. การเอาธรรม ๔๔ คู่นั้นมาทำไว้ในความคิด เรียกว่า จิตตุปปาทธัมมปริยาย. ข. ปริกกมนปริยาย การทำจิตให้หลีกออกมาเสียจากธรรมฝ่ายอกุศล มาอยู่ในธรรมฝ่ายกุศล เช่นคนหลีกทางผิดมาเดินอยู่ในทางถูก ดังนี้เรียกว่า ปริกกมนา. ธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั่นเอง ฝ่ายแรกเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายหลังเป็นฝ่ายถูก จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายที่ว่า ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นการหลีกออกจากทางผิดของบุคคลผู้ลูบคลำ ด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปทาน” การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า ปริกกมนธัมปริยาย. ค. อุปริภาวังคมนปริยาย ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิด เป็น อโธภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายต่ำ) ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูก เป็น อุปริภาวังคมนียธรรม (นำไปสู่ฝ่ายสูง) จึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรกว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูง ของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายว่า “ความไม่เป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นธรรมนำไปสู่ภาวะฝ่ายสูงของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่าง เหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน”. การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า อุปริภาวังคมนธัมมปริยาย. ง. ปรินิพพานปริยาย ในธรรม ๔๔ คู่ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ฝ่ายแรกหรือฝ่ายผิดเป็นฝ่ายไม่ดับเย็น ฝ่ายหลังหรือฝ่ายถูกเป็นฝ่ายดับเย็น (ปรินิพพาน) ดังนั้นจึงมีพระบาลีวางไว้เป็นคู่แรก ว่า “ความไม่เบียดเบียน เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้มีการเบียดเบียน” ดังนี้เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้าย ว่า “ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ไม่ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และง่ายที่จะสลัดคืนซึ่งอุปาทาน เป็นไปเพื่อความดับเย็นของบุคคลผู้ลูบคลำด้วยทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างเหนียวแน่น และยากที่จะสลัดคืนซึ่ง อุปาทาน” การกระทำอย่างนี้ทั้ง ๔๔ คู่ เรียกว่า ปรินิพพานปริยาย. ข้อความตอนนี้ มีตรัสไว้พิเศษ ว่า ผู้ไม่ดับเย็นจะช่วยให้ผู้อื่นดับเย็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับผู้ติดหล่ม จะยกผู้อื่นขึ้นจากหล่มไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนถึงองครักษ์เสื้อแพรนอกเหนือจากที่มีในซีรีส์ ข้อมูลหาไม่ง่าย วันนี้เริ่มด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ยาวหน่อยนะคะ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องค่าเงิน

    ความมีอยู่ว่า
    ...เกาชิ่งมาเรียกหาจินเซี่ยแล้วถาม: “ใต้เท้าลู่มีคำถาม วันนี้เช่าเรือทั้งหมดสองเหลี่ยง รวมค่าชาและขนมบนเรืออีก คิดเป็นประมาณสามเฉียนแล้วกัน ท่านใต้เท้าออกเงินไปให้ก่อน แต่ถามว่าเมื่อใดพวกเจ้าจึงจะใช้คืน?”....
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ก่อนอื่นเทียบมูลค่าเงิน: 1 ตำลึงเงิน (เหลี่ยง) = 1,000 เฉียน (คือ เหวิน หรือ อีแปะ) = 1 ก้วน (พวงเหรียญเฉียน)

    ก่อนจะพูดถึงรายรับ เราดูค่าครองชีพกันหน่อย ราชวงศ์หมิงยาวนานเกือบ 300 ปี แต่ลู่ปิ่งและลู่อี้มีตัวตนจริงอยู่ในรัชสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) (Storyฯ เคยเขียนถึงมาหลายเดือนก่อน) ในยุคสมัยนั้น เนื้อหมูหนึ่งชั่งราคา 7-8 เฉียน เนื้อไก่หนึ่งชั่งราคา 3-4 เฉียน (เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบัน 595 กรัม) ดังนั้นราคาขนมและชาที่ยกข้อความมาจากในนิยายข้างต้นก็พอจะฟังดูสมเหตุสมผล

    คำถามต่อมาคือ องครักษ์เสื้อแพรมีรายรับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพตามข้างต้น?

    มีตารางข้อมูลจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงมาให้ดู (ดูรูปประกอบ) เป็นอัตราเงินเดือนของขุนนางที่กำหนดไว้โดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจาง จ่ายเป็นเดือน แต่กำหนดอัตราไว้เป็นรายปี วงให้ดูว่าเงินเดือนของใต้เท้าลู่อี้และพ่อของเขาคือ:
    ลู่ถิง (ในนิยายชื่อลู่ปิ่ง) เป็นผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร ยศขุนนางขั้นที่สามเต็ม ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 420 ตาน/ปี (เขียนหน่วยเป็นสือ ต่อมาเรียกเป็นตาน) ส่วนใต้เท้าลู่อี้ของเราในนิยายกล่าวไว้ว่าตอนที่แรกพบกับนางเอก เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นที่เจ็ดล่าง ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 84 ตาน/ปี หรือ 7 ตาน/เดือน

    ท่านอ่านไม่ผิดค่ะ เงินเดือนของข้าราชการสมัยนั้นปกติจ่ายเป็นข้าวสาร

    ข้าวสารหนึ่งตานสมัยนั้นหน้าตาเป็นกระบุงหาบ เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบันประมาณ 60 กก. เชื่อว่าขุนนางระดับสูงเวลารับเงินเดือนต้องใช้รถเข็นเลยทีเดียว

    แล้วถ้าคิดเป็นเงินล่ะ? อันนี้ผันแปรตามเงินเฟ้อ ข้าวสารหนึ่งตานในสมัยของใต้เท้าลู่นั้นราคา 0.584 ตำลึงเงิน ดังนั้นใต้เท้าลู่มีเงินเดือนเพียงประมาณ 4 ตำลึงเงิน/เดือน หรือ 4,000 เฉียนเท่านั้น! (ภาพการควักเงินหยวนเป่าออกมาวางให้เสี่ยวเอ้อตาโต หายแวบไปจากมโนของ Storyฯ ทันที)

    แล้วถ้าเปรียบเทียบวิชาชีพอื่น? สรุปโดยประมาณได้ดังนี้: ค่าจ้าง 600-1,700 เฉียน/เดือนขึ้นอยู่กับระดับงาน แผงขายอาหารในเมืองใหญ่ 1,300-1,600 เฉียน/เดือน ที่ดูจะรายได้ดีมากคือคนขับรถม้าที่ 3,000 เฉียน/เดือนเลยทีเดียว (หาไม่พบว่าเป็นเพราะอะไร) ส่วนเกษตรกรรายได้เฉลี่ย 750-1,200 เฉียน/เดือน

    แต่ขุนนางมี ‘สวัสดิการ’ อย่างอื่นด้วยคือผ้า เงินค่าน้ำชา ฟืน ชุดประจำตำแหน่ง จวนประจำตำแหน่ง เป็นต้น และยังไม่ต้องเสียภาษีเหมือนชาวนาหรือพ่อค้า แน่นอนว่าการต้องเลี้ยงบ่าวไพร่ทั้งเรือนก็มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ แต่เทียบกับวิชาชีพอื่นแล้ว หากได้เป็นขุนนางติดยศชีวิตความเป็นอยู่จะดีมาก

    สมัยนั้นตำแหน่งจอหงวนคือลำดับหกเต็ม Storyฯ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงขวนขวายเข้าเมืองหลวงสอบจอหงวนกัน ยศสูงกว่าใต้เท้าลู่อี้เสียอีก! (วันนี้คุยเรื่องเงินทอง ไม่คุยเรื่องอุดมการณ์ค่ะ)

    เขียนเพิ่มเติมหลังจากอัพเพจครั้งแรก:
    ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เช่นแล้ง หรือเกิดสงคราม ข้าวในคลังมีน้อย หรือในฤดูที่ไม่มีการเก็บเกี่ยว มีการแก้ไขการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ โดยกำหนดมูลค่าของข้าวเทียบเท่าของอย่างอื่น เช่น ผ้าผืน พริกไทย ใบชา เป็นต้น (อะไรก็ได้ที่มีมากในคลังหลวง) ต่อมาจึงมีแบ่งจ่ายเป็นตั๋วเงินด้วย ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์หมิงจึงเปลี่ยนมากำหนดให้จ่ายเป็นข้าว ตั๋วเงินและเงิน แต่ยังคงเทียบอัตราเงินเดือนเป็นข้าวสารอยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://www.sohu.com/a/360665261_162238
    https://www.bilibili.com/read/cv9844919
    https://www.zmkm8.com/artdata-94382.html
    https://www.sohu.com/a/273067566_559864
    http://www.gushizhuan.com/gdws/284082.html

    #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ราชวงศ์หมิง #วัฒนธรรมจีนโบราณ #เงินจีนโบราณ #เงินเดือนข้าราชการจีน
    มีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนถึงองครักษ์เสื้อแพรนอกเหนือจากที่มีในซีรีส์ ข้อมูลหาไม่ง่าย วันนี้เริ่มด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ยาวหน่อยนะคะ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องค่าเงิน ความมีอยู่ว่า ...เกาชิ่งมาเรียกหาจินเซี่ยแล้วถาม: “ใต้เท้าลู่มีคำถาม วันนี้เช่าเรือทั้งหมดสองเหลี่ยง รวมค่าชาและขนมบนเรืออีก คิดเป็นประมาณสามเฉียนแล้วกัน ท่านใต้เท้าออกเงินไปให้ก่อน แต่ถามว่าเมื่อใดพวกเจ้าจึงจะใช้คืน?”.... - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ก่อนอื่นเทียบมูลค่าเงิน: 1 ตำลึงเงิน (เหลี่ยง) = 1,000 เฉียน (คือ เหวิน หรือ อีแปะ) = 1 ก้วน (พวงเหรียญเฉียน) ก่อนจะพูดถึงรายรับ เราดูค่าครองชีพกันหน่อย ราชวงศ์หมิงยาวนานเกือบ 300 ปี แต่ลู่ปิ่งและลู่อี้มีตัวตนจริงอยู่ในรัชสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) (Storyฯ เคยเขียนถึงมาหลายเดือนก่อน) ในยุคสมัยนั้น เนื้อหมูหนึ่งชั่งราคา 7-8 เฉียน เนื้อไก่หนึ่งชั่งราคา 3-4 เฉียน (เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบัน 595 กรัม) ดังนั้นราคาขนมและชาที่ยกข้อความมาจากในนิยายข้างต้นก็พอจะฟังดูสมเหตุสมผล คำถามต่อมาคือ องครักษ์เสื้อแพรมีรายรับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพตามข้างต้น? มีตารางข้อมูลจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงมาให้ดู (ดูรูปประกอบ) เป็นอัตราเงินเดือนของขุนนางที่กำหนดไว้โดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจาง จ่ายเป็นเดือน แต่กำหนดอัตราไว้เป็นรายปี วงให้ดูว่าเงินเดือนของใต้เท้าลู่อี้และพ่อของเขาคือ: ลู่ถิง (ในนิยายชื่อลู่ปิ่ง) เป็นผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพร ยศขุนนางขั้นที่สามเต็ม ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 420 ตาน/ปี (เขียนหน่วยเป็นสือ ต่อมาเรียกเป็นตาน) ส่วนใต้เท้าลู่อี้ของเราในนิยายกล่าวไว้ว่าตอนที่แรกพบกับนางเอก เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นที่เจ็ดล่าง ได้เงินเดือนเป็นข้าวสาร 84 ตาน/ปี หรือ 7 ตาน/เดือน ท่านอ่านไม่ผิดค่ะ เงินเดือนของข้าราชการสมัยนั้นปกติจ่ายเป็นข้าวสาร ข้าวสารหนึ่งตานสมัยนั้นหน้าตาเป็นกระบุงหาบ เทียบเท่าน้ำหนักปัจจุบันประมาณ 60 กก. เชื่อว่าขุนนางระดับสูงเวลารับเงินเดือนต้องใช้รถเข็นเลยทีเดียว แล้วถ้าคิดเป็นเงินล่ะ? อันนี้ผันแปรตามเงินเฟ้อ ข้าวสารหนึ่งตานในสมัยของใต้เท้าลู่นั้นราคา 0.584 ตำลึงเงิน ดังนั้นใต้เท้าลู่มีเงินเดือนเพียงประมาณ 4 ตำลึงเงิน/เดือน หรือ 4,000 เฉียนเท่านั้น! (ภาพการควักเงินหยวนเป่าออกมาวางให้เสี่ยวเอ้อตาโต หายแวบไปจากมโนของ Storyฯ ทันที) แล้วถ้าเปรียบเทียบวิชาชีพอื่น? สรุปโดยประมาณได้ดังนี้: ค่าจ้าง 600-1,700 เฉียน/เดือนขึ้นอยู่กับระดับงาน แผงขายอาหารในเมืองใหญ่ 1,300-1,600 เฉียน/เดือน ที่ดูจะรายได้ดีมากคือคนขับรถม้าที่ 3,000 เฉียน/เดือนเลยทีเดียว (หาไม่พบว่าเป็นเพราะอะไร) ส่วนเกษตรกรรายได้เฉลี่ย 750-1,200 เฉียน/เดือน แต่ขุนนางมี ‘สวัสดิการ’ อย่างอื่นด้วยคือผ้า เงินค่าน้ำชา ฟืน ชุดประจำตำแหน่ง จวนประจำตำแหน่ง เป็นต้น และยังไม่ต้องเสียภาษีเหมือนชาวนาหรือพ่อค้า แน่นอนว่าการต้องเลี้ยงบ่าวไพร่ทั้งเรือนก็มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ แต่เทียบกับวิชาชีพอื่นแล้ว หากได้เป็นขุนนางติดยศชีวิตความเป็นอยู่จะดีมาก สมัยนั้นตำแหน่งจอหงวนคือลำดับหกเต็ม Storyฯ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงขวนขวายเข้าเมืองหลวงสอบจอหงวนกัน ยศสูงกว่าใต้เท้าลู่อี้เสียอีก! (วันนี้คุยเรื่องเงินทอง ไม่คุยเรื่องอุดมการณ์ค่ะ) เขียนเพิ่มเติมหลังจากอัพเพจครั้งแรก: ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เช่นแล้ง หรือเกิดสงคราม ข้าวในคลังมีน้อย หรือในฤดูที่ไม่มีการเก็บเกี่ยว มีการแก้ไขการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ โดยกำหนดมูลค่าของข้าวเทียบเท่าของอย่างอื่น เช่น ผ้าผืน พริกไทย ใบชา เป็นต้น (อะไรก็ได้ที่มีมากในคลังหลวง) ต่อมาจึงมีแบ่งจ่ายเป็นตั๋วเงินด้วย ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์หมิงจึงเปลี่ยนมากำหนดให้จ่ายเป็นข้าว ตั๋วเงินและเงิน แต่ยังคงเทียบอัตราเงินเดือนเป็นข้าวสารอยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://www.sohu.com/a/360665261_162238 https://www.bilibili.com/read/cv9844919 https://www.zmkm8.com/artdata-94382.html https://www.sohu.com/a/273067566_559864 http://www.gushizhuan.com/gdws/284082.html #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ราชวงศ์หมิง #วัฒนธรรมจีนโบราณ #เงินจีนโบราณ #เงินเดือนข้าราชการจีน
    《锦衣之下》即将上线 任嘉伦谭松韵“猫鼠游戏“甜酥来袭_悬疑
    此次曝光的海报中,锦衣卫经历陆绎(任嘉伦饰)一身大红炽金飞鱼服,手握绣春刀伫立,眼神凌厉气势十足;六扇门小捕快袁今夏(谭松韵饰)侧抱花猫,明眸善睐、笑容明媚极具少女感;严世蕃(韩栋饰)执扇侧立,神思沉稳…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏛️ Micron ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล หวั่นข้อมูล 3D NAND รั่วไหลไปยัง YMTC
    Micron กำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อ ยกเลิกคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิดเผยเอกสาร 73 หน้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3D NAND ให้กับ Yangtze Memory Technologies Company (YMTC) ซึ่งเป็นบริษัทจีนที่อยู่ใน Entity List ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

    🔍 เหตุผลที่ Micron คัดค้านคำสั่งศาล
    Micron อ้างว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก YMTC มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน และอาจนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของจีน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Micron ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่บังคับให้เปิดเผยเอกสาร 73 หน้าเกี่ยวกับ 3D NAND
    - YMTC เป็นบริษัทจีนที่อยู่ใน Entity List ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
    - Micron อ้างว่าการเปิดเผยข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
    - YMTC กล่าวหาว่า Micron ละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ 3D NAND ในปี 2023
    - ศาลอนุญาตให้ YMTC เข้าถึงเอกสารภายใต้คำสั่งคุ้มครองข้อมูล

    🔥 ความกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล
    แม้ว่าคำสั่งศาลจะกำหนดให้ YMTC สามารถเข้าถึงเอกสารได้เฉพาะที่ปรึกษาภายนอกและผู้เชี่ยวชาญ แต่ Micron ยังคงกังวลว่า ข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Micron อ้างว่า YMTC ขอเอกสารมากกว่าที่จำเป็น และอาจใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของจีน
    - แม้จะมีคำสั่งคุ้มครองข้อมูล แต่ Micron กังวลว่าอาจมีการละเมิดข้อกำหนด
    - การเปิดเผยข้อมูลอาจส่งผลต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - ต้องติดตามว่าศาลจะพิจารณาคำอุทธรณ์ของ Micron อย่างไร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/micron-seeks-reversal-of-court-order-to-share-73-pages-of-sensitive-data-with-chinas-banned-ymtc-chipmaker-micron-strives-to-protect-ip-from-chinese-chip-firm-on-the-entity-list
    🏛️ Micron ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล หวั่นข้อมูล 3D NAND รั่วไหลไปยัง YMTC Micron กำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อ ยกเลิกคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิดเผยเอกสาร 73 หน้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3D NAND ให้กับ Yangtze Memory Technologies Company (YMTC) ซึ่งเป็นบริษัทจีนที่อยู่ใน Entity List ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ 🔍 เหตุผลที่ Micron คัดค้านคำสั่งศาล Micron อ้างว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก YMTC มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน และอาจนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของจีน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Micron ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่บังคับให้เปิดเผยเอกสาร 73 หน้าเกี่ยวกับ 3D NAND - YMTC เป็นบริษัทจีนที่อยู่ใน Entity List ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ - Micron อ้างว่าการเปิดเผยข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ - YMTC กล่าวหาว่า Micron ละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ 3D NAND ในปี 2023 - ศาลอนุญาตให้ YMTC เข้าถึงเอกสารภายใต้คำสั่งคุ้มครองข้อมูล 🔥 ความกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล แม้ว่าคำสั่งศาลจะกำหนดให้ YMTC สามารถเข้าถึงเอกสารได้เฉพาะที่ปรึกษาภายนอกและผู้เชี่ยวชาญ แต่ Micron ยังคงกังวลว่า ข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Micron อ้างว่า YMTC ขอเอกสารมากกว่าที่จำเป็น และอาจใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของจีน - แม้จะมีคำสั่งคุ้มครองข้อมูล แต่ Micron กังวลว่าอาจมีการละเมิดข้อกำหนด - การเปิดเผยข้อมูลอาจส่งผลต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - ต้องติดตามว่าศาลจะพิจารณาคำอุทธรณ์ของ Micron อย่างไร https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/micron-seeks-reversal-of-court-order-to-share-73-pages-of-sensitive-data-with-chinas-banned-ymtc-chipmaker-micron-strives-to-protect-ip-from-chinese-chip-firm-on-the-entity-list
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลดเวลาพำนักไทย-เขมร จาก 60 เหลือ 7 วัน

    ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก่อให้เกิดมาตรการตอบโต้ระหว่างสองประเทศ จากการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน และการให้ผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ล่าสุดกัมพูชาจำกัดระยะเวลาพำนักของชาวไทยที่เดินทางเข้ากัมพูชา จากเดิม 60 วัน เหลือเพียง 7 วัน ตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชา เมื่อครบกำหนดต้องเดินทางออกนอกประเทศและประทับตราหนังสือเดินทางใหม่ ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศว่า ฝ่ายไทยได้ปรับลดระยะเวลาพำนักของชาวกัมพูชาเหลือเพียง 7 วันเช่นกัน

    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ระบุว่า ได้รับทราบเหมือนกันว่ากัมพูชาลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาเหลือ 7 วัน ส่วนฝ่ายไทยได้ปรับลดเป็น 7 วันเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีไปถึงเมื่อใดนั้น ทั้งสองฝ่ายยังไม่กำหนดจึงยังตอบไม่ได้ รอให้สถานการณ์ดีขึ้นคงจะหันมาคุยกันเรื่องการเพิ่มวันเป็นลำดับต่อไป แต่ยังไม่ใช่ความสำคัญอันดับต้นในขณะนี้

    นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) เตรียมเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ อีกด้วย

    สำหรับกัมพูชา เคยเป็น 1 ใน 93 ประเทศที่ทางการไทยมีมาตรการฟรีวีซ่า กำหนดให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ แต่ที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเคยเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนปรับมาตรการฟรีวีซ่าจาก 60 วัน เหลือ 30 วัน หลังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ไทยนานเกินไป ทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย แย่งงานแย่งอาชีพคนไทย อีกทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริงๆ ในไทยส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 15 วัน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเผชิญปัญหาความมั่นคง กระทบความเชื่อมั่นต่อการเดินทาง

    ถึงกระนั้น การปรับลดเวลาพำนักชาวกัมพูชาเหลือ 7 วันครั้งนี้ อาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไทยจึงต้องออกมาตรการตอบโต้ตามมา

    #Newskit
    ลดเวลาพำนักไทย-เขมร จาก 60 เหลือ 7 วัน ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก่อให้เกิดมาตรการตอบโต้ระหว่างสองประเทศ จากการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน และการให้ผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ล่าสุดกัมพูชาจำกัดระยะเวลาพำนักของชาวไทยที่เดินทางเข้ากัมพูชา จากเดิม 60 วัน เหลือเพียง 7 วัน ตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชา เมื่อครบกำหนดต้องเดินทางออกนอกประเทศและประทับตราหนังสือเดินทางใหม่ ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศว่า ฝ่ายไทยได้ปรับลดระยะเวลาพำนักของชาวกัมพูชาเหลือเพียง 7 วันเช่นกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ระบุว่า ได้รับทราบเหมือนกันว่ากัมพูชาลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาเหลือ 7 วัน ส่วนฝ่ายไทยได้ปรับลดเป็น 7 วันเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีไปถึงเมื่อใดนั้น ทั้งสองฝ่ายยังไม่กำหนดจึงยังตอบไม่ได้ รอให้สถานการณ์ดีขึ้นคงจะหันมาคุยกันเรื่องการเพิ่มวันเป็นลำดับต่อไป แต่ยังไม่ใช่ความสำคัญอันดับต้นในขณะนี้ นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) เตรียมเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ อีกด้วย สำหรับกัมพูชา เคยเป็น 1 ใน 93 ประเทศที่ทางการไทยมีมาตรการฟรีวีซ่า กำหนดให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ แต่ที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเคยเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนปรับมาตรการฟรีวีซ่าจาก 60 วัน เหลือ 30 วัน หลังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ไทยนานเกินไป ทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย แย่งงานแย่งอาชีพคนไทย อีกทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริงๆ ในไทยส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 15 วัน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเผชิญปัญหาความมั่นคง กระทบความเชื่อมั่นต่อการเดินทาง ถึงกระนั้น การปรับลดเวลาพำนักชาวกัมพูชาเหลือ 7 วันครั้งนี้ อาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไทยจึงต้องออกมาตรการตอบโต้ตามมา #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton
    บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้

    🔥 จุดยืนของแต่ละฝ่าย
    Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง

    Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้
    - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน
    - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
    - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน
    - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง
    - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้
    - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
    - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่

    หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    🔍 ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ 🔥 จุดยืนของแต่ละฝ่าย Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้ - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    Cloud service Infomaniak steps up fight with Proton over controversial Swiss surveillance law
    Infomaniak's comments have caused a stir across the Swiss privacy tech sector
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย
    Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้

    Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้

    นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย
    - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio
    - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย
    - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน
    - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน
    - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย
    - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ
    - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่

    การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    🚀 Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้ Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้ นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่ การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's Starlink gets India licence to offer satcom services, sources say
    NEW DELHI (Reuters) -Elon Musk's Starlink has received a licence to launch commercial operations in India from the telecoms ministry, two sources told Reuters on Friday, clearing a major hurdle for the satellite provider that has long wanted to enter the South Asian country.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน
    ความมีอยู่ว่า
    ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ

    เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา

    แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ

    คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง

    ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ

    เพราะอะไร?

    ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม

    จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน

    ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป

    นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย

    หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์
    หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html
    https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973
    https://www.thehour.cn/news/363118.html
    https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html
    https://kknews.cc/history/g48mr58.html

    #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน ความมีอยู่ว่า ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ เพราะอะไร? ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง) เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์ หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973 https://www.thehour.cn/news/363118.html https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html https://kknews.cc/history/g48mr58.html #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 AI อาจช่วยค้นพบความรู้ใหม่ในอนาคต
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงาน Snowflake Summit 2025 ว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อน เช่น การแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ

    แม้ว่าการใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย แต่ก็มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการวิจัย เช่น

    Microsoft Discovery Platform ซึ่งใช้ AI ในการเร่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สามารถค้นพบ สารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล ภายใน 200 ชั่วโมง ซึ่งปกติใช้เวลาหลายปี

    OpenAI Codex ซึ่งช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด โดย OpenAI ระบุว่า วิศวกรของบริษัทใช้ Codex เป็นประจำ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Sam Altman ระบุว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ในบางกรณี
    - AI สามารถช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อน
    - Microsoft Discovery Platform ใช้ AI ค้นพบสารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล
    - OpenAI Codex ช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด
    - บริษัทต่าง ๆ กำลังพัฒนา AI agents ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย
    - AI อาจทำให้บางตำแหน่งงานถูกแทนที่ เช่น Duolingo ที่ใช้ AI แทนพนักงานสัญญาจ้าง
    - Shopify กำหนดให้ผู้จัดการต้องให้เหตุผลว่าทำไม AI ไม่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ก่อนอนุมัติการจ้างงานใหม่
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนา AI agents จะส่งผลต่อโครงสร้างการทำงานขององค์กรอย่างไร

    AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น เครื่องมือที่ช่วยค้นพบความรู้ใหม่ และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและตลาดแรงงานอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/sam-altman-says-ai-could-soon-help-with-discovering-new-knowledge/
    🤖 AI อาจช่วยค้นพบความรู้ใหม่ในอนาคต Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงาน Snowflake Summit 2025 ว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อน เช่น การแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แม้ว่าการใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย แต่ก็มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการวิจัย เช่น Microsoft Discovery Platform ซึ่งใช้ AI ในการเร่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สามารถค้นพบ สารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล ภายใน 200 ชั่วโมง ซึ่งปกติใช้เวลาหลายปี OpenAI Codex ซึ่งช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด โดย OpenAI ระบุว่า วิศวกรของบริษัทใช้ Codex เป็นประจำ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Sam Altman ระบุว่า AI อาจช่วยมนุษย์ค้นพบความรู้ใหม่ในบางกรณี - AI สามารถช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อน - Microsoft Discovery Platform ใช้ AI ค้นพบสารเคมีใหม่สำหรับการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูล - OpenAI Codex ช่วยนักพัฒนาเขียนและแก้ไขโค้ด - บริษัทต่าง ๆ กำลังพัฒนา AI agents ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยังคงถูกมองด้วยความสงสัย - AI อาจทำให้บางตำแหน่งงานถูกแทนที่ เช่น Duolingo ที่ใช้ AI แทนพนักงานสัญญาจ้าง - Shopify กำหนดให้ผู้จัดการต้องให้เหตุผลว่าทำไม AI ไม่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ก่อนอนุมัติการจ้างงานใหม่ - ต้องติดตามว่าการพัฒนา AI agents จะส่งผลต่อโครงสร้างการทำงานขององค์กรอย่างไร AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น เครื่องมือที่ช่วยค้นพบความรู้ใหม่ และอาจเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างองค์กรและตลาดแรงงานอย่างไร https://www.neowin.net/news/sam-altman-says-ai-could-soon-help-with-discovering-new-knowledge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Sam Altman says AI could soon help with discovering new knowledge
    OpenAI CEO Sam Altman looks pretty optimistic about AI's capability to help humans discover new knowledge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มีกฎหมายกระทรวงทบวงกรมของไทยข้อไหนบ้างว่าห้ามปตท.ขายน้ำมันเกินลิตรละ10บาท,หรือห้ามขายเกินราคาก่อนสมัยเข้าตลาดหลักทรัพย์คือต้องบริหารจัดการควบคุมองค์รวมราคาน้ำมันทั้งประเทศให้ได้,แล้วใครทำไม่ได้ ปั้มไหนหรือปตท.ทำไม่ได้ จะมีโทษปรับลิตรละ2,000บาททุกๆการขายออกไปของยอดวันนั้นๆทันที,มิใช่กระทรวงทบวงกรมเขียนแต่กฎหมายลักษณะดูดตังออกจากกระเป๋าประชาชนคนไทยแบบกฎหมายปรับ2,000บาทหากคนขี่มอไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อคและคนนั่งมาด้วยก็ว่าไม่สวมอีกเสือกปรับเอาตังชาวบ้านชาวบ้านประชาขนคนธรรมดาอีก2เท่า,เก่งกาจกล้าหาญมากในการออกกฎหมายห่วงใยประชาชน,ไม่ออกกฎหมายห่วงใยเอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยบ้างอาทิห่วงใยในกำไรมากพอแล้ว เขียนกฎหมายให้ขายในประเทศลิตรละไม่เกิน10บาท,ห้ามส่งออกน้ำมันที่ดูดบนอ่าวไทยบนแผ่นดินไทยในราชอาณาจักรไทยไปต่างประเทศทุกๆกรณีทุกๆบริษัทสัมปทานหากไม่สามารถขายน้ำมันในราคาที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ขายไม่ได้ในราคาต่ำกว่าลิตรละ10บาทยิ่งดี เป็นต้น

    ..https://youtube.com/shorts/7QPouq_qJDo?si=CnYh0SMf4zAap9zH
    ..มีกฎหมายกระทรวงทบวงกรมของไทยข้อไหนบ้างว่าห้ามปตท.ขายน้ำมันเกินลิตรละ10บาท,หรือห้ามขายเกินราคาก่อนสมัยเข้าตลาดหลักทรัพย์คือต้องบริหารจัดการควบคุมองค์รวมราคาน้ำมันทั้งประเทศให้ได้,แล้วใครทำไม่ได้ ปั้มไหนหรือปตท.ทำไม่ได้ จะมีโทษปรับลิตรละ2,000บาททุกๆการขายออกไปของยอดวันนั้นๆทันที,มิใช่กระทรวงทบวงกรมเขียนแต่กฎหมายลักษณะดูดตังออกจากกระเป๋าประชาชนคนไทยแบบกฎหมายปรับ2,000บาทหากคนขี่มอไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อคและคนนั่งมาด้วยก็ว่าไม่สวมอีกเสือกปรับเอาตังชาวบ้านชาวบ้านประชาขนคนธรรมดาอีก2เท่า,เก่งกาจกล้าหาญมากในการออกกฎหมายห่วงใยประชาชน,ไม่ออกกฎหมายห่วงใยเอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยบ้างอาทิห่วงใยในกำไรมากพอแล้ว เขียนกฎหมายให้ขายในประเทศลิตรละไม่เกิน10บาท,ห้ามส่งออกน้ำมันที่ดูดบนอ่าวไทยบนแผ่นดินไทยในราชอาณาจักรไทยไปต่างประเทศทุกๆกรณีทุกๆบริษัทสัมปทานหากไม่สามารถขายน้ำมันในราคาที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ขายไม่ได้ในราคาต่ำกว่าลิตรละ10บาทยิ่งดี เป็นต้น ..https://youtube.com/shorts/7QPouq_qJDo?si=CnYh0SMf4zAap9zH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • จนถึงขณะนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95 จำนวน 5 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22M3 อีก 4 ลำ และเครื่องบินขนส่งอีก 1 ลำถูกทำลายตามวิดีโอและหลักฐานที่เผยแพร่ทางโซเลียล ซึ่งเกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศ Belaya ในเมือง Irkutsk และ ฐานทัพอากาศ Olenya ในภูมิภาคมูร์มันสค์ (Murmansk)

    ดูเหมือนการโจมตีฐานทัพเพียงสองแห่งเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ส่วนที่เหลือได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย

    👉หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดรัสเซียจึงปล่อยให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านั้นไม่ได้รับการป้องกัน

    เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อกำหนดของสนธิสัญญานิว สตาร์ท (New START treaty) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ทำไว้ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย โดยมีเป้าหมายควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสองประเทศ

    "สนธิสัญญา NEW START ฉบับใหม่ซึ่งลงนามในปี 2010 และขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2026 มีบทบัญญัติสำหรับการตรวจสอบอาวุธโจมตีเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้

    โดยสนธิสัญญากำหนดให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้ต้องประจำการในสถานที่ที่ถูกจัดไว้ในเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติ (National Technical Means - NTM) เช่นฐานทัพอากาศ เพื่อให้ฝ่ายอื่นสามารถตรวจสอบได้ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม


    นั่นหมายความว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ จะต้องจอดประจำการในลักษณะที่สามารถมองเห็นได้โดยทั่วไป และถูกกำหนดให้ประจำการที่ฐานทัพอากาศที่ถูกแจ้งไว้ เพื่อยืนยันสถานะของเครื่องบิน"

    👉เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ปูตินเคยประกาศเตือนสหรัฐว่าจะระงับการเข้าร่วมในสนธิสัญญา New START ซึ่งเป็นข้อตกลงจำกัดหัวรบนิวเคลียร์หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ หลังจากอดีตประธานาธิบดีไบเดน เดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก เพื่อแสดงการสนับสนุนเซเลนสกีอย่างเป็นทางการ ซึ่งปูตินมองว่าในครั้งนั้นสหรัฐฯ ต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งยกระดับรุนแรงขึ้น
    จนถึงขณะนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95 จำนวน 5 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22M3 อีก 4 ลำ และเครื่องบินขนส่งอีก 1 ลำถูกทำลายตามวิดีโอและหลักฐานที่เผยแพร่ทางโซเลียล ซึ่งเกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศ Belaya ในเมือง Irkutsk และ ฐานทัพอากาศ Olenya ในภูมิภาคมูร์มันสค์ (Murmansk) ดูเหมือนการโจมตีฐานทัพเพียงสองแห่งเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ส่วนที่เหลือได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย 👉หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดรัสเซียจึงปล่อยให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านั้นไม่ได้รับการป้องกัน เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อกำหนดของสนธิสัญญานิว สตาร์ท (New START treaty) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ทำไว้ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย โดยมีเป้าหมายควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสองประเทศ "สนธิสัญญา NEW START ฉบับใหม่ซึ่งลงนามในปี 2010 และขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2026 มีบทบัญญัติสำหรับการตรวจสอบอาวุธโจมตีเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้ โดยสนธิสัญญากำหนดให้เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้ต้องประจำการในสถานที่ที่ถูกจัดไว้ในเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติ (National Technical Means - NTM) เช่นฐานทัพอากาศ เพื่อให้ฝ่ายอื่นสามารถตรวจสอบได้ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม นั่นหมายความว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ จะต้องจอดประจำการในลักษณะที่สามารถมองเห็นได้โดยทั่วไป และถูกกำหนดให้ประจำการที่ฐานทัพอากาศที่ถูกแจ้งไว้ เพื่อยืนยันสถานะของเครื่องบิน" 👉เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ปูตินเคยประกาศเตือนสหรัฐว่าจะระงับการเข้าร่วมในสนธิสัญญา New START ซึ่งเป็นข้อตกลงจำกัดหัวรบนิวเคลียร์หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ หลังจากอดีตประธานาธิบดีไบเดน เดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก เพื่อแสดงการสนับสนุนเซเลนสกีอย่างเป็นทางการ ซึ่งปูตินมองว่าในครั้งนั้นสหรัฐฯ ต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งยกระดับรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔌 Microsoft ปรับปรุงมาตรฐาน USB-C บน Windows 11 เพื่อแก้ปัญหาความสับสน

    Microsoft ได้ประกาศปรับปรุง Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล โดยไม่มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์

    ปัญหาหลักของ USB-C คือ การใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละอุปกรณ์ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการชาร์จ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการส่งข้อมูล หรือบางพอร์ตรองรับการแสดงผลเท่านั้น

    WHCP ใหม่จะกำหนดให้ ทุกพอร์ต USB-C บนแล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ได้รับการรับรองจาก Windows 11 ต้องรองรับทั้งสามฟังก์ชัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เสียบสายชาร์จหรือจอแสดงผลที่พอร์ตใดก็ได้โดยไม่ต้องเดา

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่มข้อกำหนดให้ พอร์ต USB 40Gbps รองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - WHCP ใหม่กำหนดให้ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล
    - ช่วยลดความสับสนของผู้ใช้เกี่ยวกับพอร์ต USB-C ที่มีฟังก์ชันแตกต่างกัน
    - พอร์ต USB 40Gbps ต้องรองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3
    - WHCP ใช้ Microsoft driver stack เพื่อให้แน่ใจว่าการอัปเดตด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์จะมาผ่าน Windows Update
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Windows 11 24H2

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีมาตรฐานใหม่ แต่ระดับการรองรับของแต่ละพอร์ต USB-C อาจยังแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์
    - ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของตนได้รับการรับรอง WHCP หรือไม่
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้ผลิตต้องปรับปรุงฮาร์ดแวร์และไดรเวอร์เพิ่มเติม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่

    การปรับปรุง WHCP นี้ช่วยให้ การใช้งานพอร์ต USB-C บน Windows 11 มีความสม่ำเสมอมากขึ้น และลดปัญหาความสับสน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-promises-it-is-ending-usb-c-port-confusion-with-updated-windows-11-certified-program
    🔌 Microsoft ปรับปรุงมาตรฐาน USB-C บน Windows 11 เพื่อแก้ปัญหาความสับสน Microsoft ได้ประกาศปรับปรุง Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล โดยไม่มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์ ปัญหาหลักของ USB-C คือ การใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละอุปกรณ์ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการชาร์จ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการส่งข้อมูล หรือบางพอร์ตรองรับการแสดงผลเท่านั้น WHCP ใหม่จะกำหนดให้ ทุกพอร์ต USB-C บนแล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ได้รับการรับรองจาก Windows 11 ต้องรองรับทั้งสามฟังก์ชัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เสียบสายชาร์จหรือจอแสดงผลที่พอร์ตใดก็ได้โดยไม่ต้องเดา นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่มข้อกำหนดให้ พอร์ต USB 40Gbps รองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ✅ ข้อมูลจากข่าว - WHCP ใหม่กำหนดให้ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล - ช่วยลดความสับสนของผู้ใช้เกี่ยวกับพอร์ต USB-C ที่มีฟังก์ชันแตกต่างกัน - พอร์ต USB 40Gbps ต้องรองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 - WHCP ใช้ Microsoft driver stack เพื่อให้แน่ใจว่าการอัปเดตด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์จะมาผ่าน Windows Update - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Windows 11 24H2 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีมาตรฐานใหม่ แต่ระดับการรองรับของแต่ละพอร์ต USB-C อาจยังแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ - ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของตนได้รับการรับรอง WHCP หรือไม่ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้ผลิตต้องปรับปรุงฮาร์ดแวร์และไดรเวอร์เพิ่มเติม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่ การปรับปรุง WHCP นี้ช่วยให้ การใช้งานพอร์ต USB-C บน Windows 11 มีความสม่ำเสมอมากขึ้น และลดปัญหาความสับสน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-promises-it-is-ending-usb-c-port-confusion-with-updated-windows-11-certified-program
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก

    หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault
    ✅ Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล
    - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล

    ✅ CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day
    - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server

    ✅ Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ
    - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้

    ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์
    - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux

    ✅ CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง
    - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง

    ✅ CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations
    - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ✅ Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล ✅ CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server ✅ Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้ ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์ - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux ✅ CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง ✅ CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้

    ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน
    ✅ ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้
    - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony
    - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน

    ✅ ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ
    - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด"

    ✅ คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี
    - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้
    - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

    https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน ✅ ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้ - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน ✅ ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด" ✅ คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้ - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German court rules cookie banners must offer "reject all" button
    Lower Saxony Data Protection Officer Denis Lehmkemper has won a legal battle in his push for fairer digital privacy practices in Germany. The Hanover Administrative Court ruled...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามสั่งบล็อก Telegram อ้างเหตุไม่ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม

    รัฐบาลเวียดนาม ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบล็อกแอปพลิเคชัน Telegram โดยให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นผ่านแอป ซึ่ง Telegram แสดงความประหลาดใจต่อคำสั่งดังกล่าว

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการบล็อก Telegram ในเวียดนาม
    ✅ กระทรวงเทคโนโลยีของเวียดนามออกคำสั่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025
    - ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ต้องดำเนินมาตรการบล็อก Telegram และรายงานผลภายในวันที่ 2 มิถุนายน

    ✅ ตำรวจเวียดนามรายงานว่า 68% ของ 9,600 ช่องและกลุ่มบน Telegram มีเนื้อหาผิดกฎหมาย
    - รวมถึง การฉ้อโกง, ค้ายาเสพติด และกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

    ✅ รัฐบาลเวียดนามยืนยันคำสั่งบล็อก Telegram ผ่านเว็บไซต์ทางการ
    - ระบุว่า Telegram ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย

    ✅ Telegram แสดงความประหลาดใจและยืนยันว่าได้ตอบสนองต่อคำร้องขอทางกฎหมายของเวียดนาม
    - บริษัทได้รับ หนังสือแจ้งจากหน่วยงานสื่อสารของเวียดนาม และกำลังดำเนินการตอบกลับภายในวันที่ 27 พฤษภาคม

    ✅ เวียดนามเคยขอให้แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook, YouTube และ TikTok ลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าเป็น "ข้อมูลที่เป็นพิษ"
    - รวมถึง เนื้อหาที่มีลักษณะต่อต้านรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/vietnam-acts-to-block-messaging-app-telegram--government-document-seen-by-reuters-shows
    เวียดนามสั่งบล็อก Telegram อ้างเหตุไม่ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม รัฐบาลเวียดนาม ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบล็อกแอปพลิเคชัน Telegram โดยให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นผ่านแอป ซึ่ง Telegram แสดงความประหลาดใจต่อคำสั่งดังกล่าว 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการบล็อก Telegram ในเวียดนาม ✅ กระทรวงเทคโนโลยีของเวียดนามออกคำสั่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 - ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ต้องดำเนินมาตรการบล็อก Telegram และรายงานผลภายในวันที่ 2 มิถุนายน ✅ ตำรวจเวียดนามรายงานว่า 68% ของ 9,600 ช่องและกลุ่มบน Telegram มีเนื้อหาผิดกฎหมาย - รวมถึง การฉ้อโกง, ค้ายาเสพติด และกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ✅ รัฐบาลเวียดนามยืนยันคำสั่งบล็อก Telegram ผ่านเว็บไซต์ทางการ - ระบุว่า Telegram ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ✅ Telegram แสดงความประหลาดใจและยืนยันว่าได้ตอบสนองต่อคำร้องขอทางกฎหมายของเวียดนาม - บริษัทได้รับ หนังสือแจ้งจากหน่วยงานสื่อสารของเวียดนาม และกำลังดำเนินการตอบกลับภายในวันที่ 27 พฤษภาคม ✅ เวียดนามเคยขอให้แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook, YouTube และ TikTok ลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าเป็น "ข้อมูลที่เป็นพิษ" - รวมถึง เนื้อหาที่มีลักษณะต่อต้านรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/vietnam-acts-to-block-messaging-app-telegram--government-document-seen-by-reuters-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram 'surprised' as Vietnam orders messaging app to be blocked
    HANOI (Reuters) -Vietnam's technology ministry has ordered telecommunication service providers to block the messaging app Telegram for not cooperating in combating alleged crimes committed by its users, in a move that Telegram said was surprising.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอย่างน่าตกตะลึงหวังยกเครื่องสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) มีรายงานว่ากำหนดให้เจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คน ลาพักโดยได้รับค่าจ้างและปรับลดเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและประสานงานที่ทรงอิทธิพลขององค์กรแห่งนี้ ในความเคลื่อนไหวที่แหล่งข่าวทำเนียบขาวรายหนึ่งให้คำจำกัดความว่าเป็นความพยายาม "คว้านไส้รัฐพันลึก (Deep State)"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000048742

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอย่างน่าตกตะลึงหวังยกเครื่องสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) มีรายงานว่ากำหนดให้เจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คน ลาพักโดยได้รับค่าจ้างและปรับลดเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและประสานงานที่ทรงอิทธิพลขององค์กรแห่งนี้ ในความเคลื่อนไหวที่แหล่งข่าวทำเนียบขาวรายหนึ่งให้คำจำกัดความว่าเป็นความพยายาม "คว้านไส้รัฐพันลึก (Deep State)" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000048742 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลเยอรมนีตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้

    ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้ เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" ที่เห็นได้ชัดเจนบนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีตัวเลือก "ยอมรับทั้งหมด"

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมนี
    ✅ เว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนและเป็นธรรมในการยอมรับหรือปฏิเสธคุกกี้
    - ห้ามใช้ แบนเนอร์ที่บีบให้ผู้ใช้ต้องยอมรับคุกกี้โดยไม่มีทางเลือกที่เท่าเทียมกัน

    ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี
    - หน่วยงานพบว่า เว็บไซต์ของสื่อ NOZ ใช้แบนเนอร์ที่ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ

    ✅ ศาลระบุว่าแบนเนอร์คุกกี้ที่บิดเบือนข้อมูลถือเป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR
    - เช่น การใช้ข้อความที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อกระตุ้นให้กด "ยอมรับและปิด"

    ✅ คำตัดสินนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์อื่น ๆ ต้องปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ให้สอดคล้องกับกฎหมาย
    - คาดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการขอความยินยอมจากผู้ใช้ในยุโรป

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวสนับสนุนคำตัดสินนี้
    - มองว่า เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของผู้ใช้บนโลกออนไลน์

    https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    ศาลเยอรมนีตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้ เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" ที่เห็นได้ชัดเจนบนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีตัวเลือก "ยอมรับทั้งหมด" 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมนี ✅ เว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนและเป็นธรรมในการยอมรับหรือปฏิเสธคุกกี้ - ห้ามใช้ แบนเนอร์ที่บีบให้ผู้ใช้ต้องยอมรับคุกกี้โดยไม่มีทางเลือกที่เท่าเทียมกัน ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี - หน่วยงานพบว่า เว็บไซต์ของสื่อ NOZ ใช้แบนเนอร์ที่ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ ✅ ศาลระบุว่าแบนเนอร์คุกกี้ที่บิดเบือนข้อมูลถือเป็นการละเมิดกฎหมาย GDPR - เช่น การใช้ข้อความที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อกระตุ้นให้กด "ยอมรับและปิด" ✅ คำตัดสินนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์อื่น ๆ ต้องปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ให้สอดคล้องกับกฎหมาย - คาดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการขอความยินยอมจากผู้ใช้ในยุโรป ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวสนับสนุนคำตัดสินนี้ - มองว่า เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของผู้ใช้บนโลกออนไลน์ https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German court takes a stand against manipulative cookie banners
    Lower Saxony Data Protection Officer Denis Lehmkemper has won a legal battle in his push for fairer digital privacy practices in Germany. The Hanover Administrative Court ruled...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    WWW.CBSNEWS.COM
    What's in Trump's House-passed "one big, beautiful bill"
    Republicans made a number of last-minute changes to the legislation that passed in the lower chamber early Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 656 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts