• กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

    วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัดโดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ,นายธนาตรัยฉัตร หรือเชน ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี น.ส.กาลกัลยา ภูโชคอนันต์ อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง

    คำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2567 เวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองบังคับการปราบปราม ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะ กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341

    พฤติการณ์ของคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ บริษัทไทยยินต้น จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย และได้แจ้งจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรโบโอติก ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" จากคณะกรรมการอาหารและยาตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111751

    #MGROnline #กองปราบ #เชนธนา #อมาโด้
    กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี • วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัดโดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ,นายธนาตรัยฉัตร หรือเชน ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี น.ส.กาลกัลยา ภูโชคอนันต์ อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง • คำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2567 เวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองบังคับการปราบปราม ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะ กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 • พฤติการณ์ของคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ บริษัทไทยยินต้น จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย และได้แจ้งจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรโบโอติก ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" จากคณะกรรมการอาหารและยาตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111751 • #MGROnline #กองปราบ #เชนธนา #อมาโด้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111751

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111751 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง
    ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม
    อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย
    ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน
    สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน
    เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ
    ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว
    สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พี่อ้อย" โร่ให้ให้ปากคำกองปราบคดีถูก "ทนายตั้ม"โกงเพิ่มเติม ตำรวจเตรียมสอบประเด็นพินัยกรรมสอดไส้ ด้าน รอง ผบช.ก.เผยสอบครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนของคดี

    วันนี้ ( 20 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือ "พี่อ้อย" มาให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกง โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์และสำหรับประเด็นเรื่องพินัยกรรมที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่าพินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงพี่อ้อยที่ตำรวจนัดหมายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น การให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

    ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. พี่อ้อย พร้อมผู้ติดตาม อีก 3 คน เดินทางมาถึงยัง บก.ป. โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวของพี่อ้อยปรากฏตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู โดยผู้ติดตาม 3 คน ยังถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง

    #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม #พินัยกรรม
    "พี่อ้อย" โร่ให้ให้ปากคำกองปราบคดีถูก "ทนายตั้ม"โกงเพิ่มเติม ตำรวจเตรียมสอบประเด็นพินัยกรรมสอดไส้ ด้าน รอง ผบช.ก.เผยสอบครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนของคดี • วันนี้ ( 20 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือ "พี่อ้อย" มาให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกง โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์และสำหรับประเด็นเรื่องพินัยกรรมที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่าพินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงพี่อ้อยที่ตำรวจนัดหมายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น การให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ • ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. พี่อ้อย พร้อมผู้ติดตาม อีก 3 คน เดินทางมาถึงยัง บก.ป. โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวของพี่อ้อยปรากฏตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู โดยผู้ติดตาม 3 คน ยังถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง • #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม #พินัยกรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบเตรียมประสาน"พี่อ้อย" ให้ปากคำเพิ่มปม"ทนายตั้ม"วางแผนแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 ราย

    วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และพวกร่วมกันฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ด้วยคดีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่จับตาของสังคม การดำเนินการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องรอบคอบ ยึดข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นหลัก และอาจจะต้องมีการเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีกหลายปาก เพื่อให้กระจ่างชัด

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับพนักงานสอบสวนกองปราบ เมื่อวานที่ผ่านมานั้น พบว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร และ เรื่องขบวนการวางแผนตั้งทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีกองปราบกำลังให้ความสนใจตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเตรียมประสานไปยัง น.ส.จตุพร มาเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้อีกครั้ง

    อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้ เชื่อว่า การหลอกลวงเงินพี่อ้อย ของ นายษิทรา ทำกันเป็นขบวนการ และ น่าจะมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย ซึ่งชุดคลี่คลายคดีของกองปราบเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดทนายตั้ม กับพวก ได้อย่างแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด โดยในวันที่ 21 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว จะมีการเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น

    #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม
    กองปราบเตรียมประสาน"พี่อ้อย" ให้ปากคำเพิ่มปม"ทนายตั้ม"วางแผนแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 ราย • วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และพวกร่วมกันฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ด้วยคดีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่จับตาของสังคม การดำเนินการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องรอบคอบ ยึดข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นหลัก และอาจจะต้องมีการเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีกหลายปาก เพื่อให้กระจ่างชัด • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับพนักงานสอบสวนกองปราบ เมื่อวานที่ผ่านมานั้น พบว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร และ เรื่องขบวนการวางแผนตั้งทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีกองปราบกำลังให้ความสนใจตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเตรียมประสานไปยัง น.ส.จตุพร มาเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้อีกครั้ง • อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้ เชื่อว่า การหลอกลวงเงินพี่อ้อย ของ นายษิทรา ทำกันเป็นขบวนการ และ น่าจะมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย ซึ่งชุดคลี่คลายคดีของกองปราบเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดทนายตั้ม กับพวก ได้อย่างแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด โดยในวันที่ 21 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว จะมีการเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น • #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบเตรียมประสาน "พี่อ้อย" ให้ปากคำเพิ่มปม "ทนายตั้ม" วางแผนแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 ราย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111335

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบเตรียมประสาน "พี่อ้อย" ให้ปากคำเพิ่มปม "ทนายตั้ม" วางแผนแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการอีก 1-2 ราย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111335 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 973 มุมมอง 2 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบนัดหมาย"เชน ธนา-ภรรยา"ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการ 26 พ.ย. นี้

    วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่กองปราบปรามพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีกับ นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนาอดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วง Nice 2 Meet U และ นางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา ในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตจำนวน 79 ล้านบาทว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา กับ นายธนาตรัยฉัตร กับ นางกณิการ์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อยู่ระหว่างรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือกองทะเบียนประวัติอาชญากร จากนั้นจะนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสองมาพบอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย. เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งอัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว

    #MGROnline #เชนธนา
    ตำรวจกองปราบนัดหมาย"เชน ธนา-ภรรยา"ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการ 26 พ.ย. นี้ • วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่กองปราบปรามพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีกับ นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนาอดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วง Nice 2 Meet U และ นางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา ในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตจำนวน 79 ล้านบาทว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา กับ นายธนาตรัยฉัตร กับ นางกณิการ์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อยู่ระหว่างรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือกองทะเบียนประวัติอาชญากร จากนั้นจะนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสองมาพบอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย. เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งอัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว • #MGROnline #เชนธนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบนัดหมาย "เชน ธนา-ภรรยา" ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการในวันที่ 26 พ.ย. นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111293

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบนัดหมาย "เชน ธนา-ภรรยา" ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการในวันที่ 26 พ.ย. นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111293 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 1 รีวิว
  • "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เชน ธนา" อดีตนักร้องดังโร่พบกองปราบรับทราบข้อหาฉ้อโกง 79 ล้าน ร่ำไห้ยอมรับเครียด มองเป็นคดีแพ่ง แต่กลับถูกดำเนินคดีอาญา เผยสินค้าทุกชิ้นยังอยู่ในโกดัง ที่ไม่นำมาขายเพราะบริษัทคู่กรณีผลิตไม่ตรงปกจนถูก อย.สั่งห้ามโฆษณา•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนา อดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วงNice 2 Meet U พร้อมด้วยนางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา "ฉ้อโกง" หลังถูกบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าอาหารเสริมจำนวน 79 ล้านบาท•นายธนาตรัยฉัตร กล่าวว่า วันนี้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก กรณีที่ก่อนหน้านี้มีบริษัท ท. แจ้งความดำเนินคดีกับตนและภรรยาในเรื่องการฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากสินค้าทั้งหมดยังอยู่ และไม่ได้นำไปขาย เดิมทีคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมองว่าเป็นคดีแพ่งตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 65 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจ หากศาลแพ่งมองว่าตนเป็นหนี้ก็ยินดีที่จะจ่าย แต่ต่อมาทางอัยการกลับมีความเห็นสั่งให้ฟ้องในข้อหาฉ้อโกง พร้อมทำหนังสือให้ทางพนักงานสอบสวนเรียกให้มาเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา•คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000110972•#MGROnline #เชนธนา
    "เชน ธนา" อดีตนักร้องดังโร่พบกองปราบรับทราบข้อหาฉ้อโกง 79 ล้าน ร่ำไห้ยอมรับเครียด มองเป็นคดีแพ่ง แต่กลับถูกดำเนินคดีอาญา เผยสินค้าทุกชิ้นยังอยู่ในโกดัง ที่ไม่นำมาขายเพราะบริษัทคู่กรณีผลิตไม่ตรงปกจนถูก อย.สั่งห้ามโฆษณา•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนา อดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วงNice 2 Meet U พร้อมด้วยนางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา "ฉ้อโกง" หลังถูกบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าอาหารเสริมจำนวน 79 ล้านบาท•นายธนาตรัยฉัตร กล่าวว่า วันนี้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก กรณีที่ก่อนหน้านี้มีบริษัท ท. แจ้งความดำเนินคดีกับตนและภรรยาในเรื่องการฉ้อโกงเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากสินค้าทั้งหมดยังอยู่ และไม่ได้นำไปขาย เดิมทีคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมองว่าเป็นคดีแพ่งตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 65 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจ หากศาลแพ่งมองว่าตนเป็นหนี้ก็ยินดีที่จะจ่าย แต่ต่อมาทางอัยการกลับมีความเห็นสั่งให้ฟ้องในข้อหาฉ้อโกง พร้อมทำหนังสือให้ทางพนักงานสอบสวนเรียกให้มาเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา•คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000110972•#MGROnline #เชนธนา
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110885

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110885 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    20
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "เจ๊พัช" ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว ด้านเจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ปัดตอบคำถามสื่อ•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาคดี “กรรโชกทรัพย์” และ “ตัวการเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 7.5 แสนบาท ขึ้นรถตู้ของ บก.ป. เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน•ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์ มีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามในทุกประเด็น•#MGROnline #เจ๊พัช
    ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "เจ๊พัช" ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว ด้านเจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ปัดตอบคำถามสื่อ•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาคดี “กรรโชกทรัพย์” และ “ตัวการเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 7.5 แสนบาท ขึ้นรถตู้ของ บก.ป. เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน•ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์ มีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามในทุกประเด็น•#MGROnline #เจ๊พัช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายรณรงค์" โร่ให้ปากคำกองปราบคดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" เผยสงสัยเรื่องเงินซื้อบ้านแต่ก็ไม่เคยถาม เพราะทนายตั้มเรียกค่าว่าความแพง ยันไม่ได้สนิทสนมและไม่เคยรู้จัก "พี่อ้อย" ยอมรับทำวงการทนายเสื่อมเสีย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110455

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทนายรณรงค์" โร่ให้ปากคำกองปราบคดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" เผยสงสัยเรื่องเงินซื้อบ้านแต่ก็ไม่เคยถาม เพราะทนายตั้มเรียกค่าว่าความแพง ยันไม่ได้สนิทสนมและไม่เคยรู้จัก "พี่อ้อย" ยอมรับทำวงการทนายเสื่อมเสีย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110455 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊พัช" คาบ้านพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นำตัวตรวจค้นบ้านหาหลักฐานคดีตบทรัพย์ "บอสพอล" 7.5 แสนบาท ก่อนนำมาสอบปากคำที่ บก.ป.ต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110375

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊พัช" คาบ้านพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นำตัวตรวจค้นบ้านหาหลักฐานคดีตบทรัพย์ "บอสพอล" 7.5 แสนบาท ก่อนนำมาสอบปากคำที่ บก.ป.ต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110375 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1364 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบออกหมายเรียก "เชน ธนา-ภรรยา " เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อดัง เข้ารับทราบข้อหาครั้งที่ 2 หลังถูกบริษัทดังแจ้งความฉ้อโกงค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110141

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบออกหมายเรียก "เชน ธนา-ภรรยา " เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อดัง เข้ารับทราบข้อหาครั้งที่ 2 หลังถูกบริษัทดังแจ้งความฉ้อโกงค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110141 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    20
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1651 มุมมอง 1 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบเค้นสอบมาราธอน "พี่เมียทนายตั้ม" ปมร่วมรับเงิน 1 ล้านบาท โกงค่าเขียนแบบโรงแรม "พี่อ้อย"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109793

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ตำรวจกองปราบเค้นสอบมาราธอน "พี่เมียทนายตั้ม" ปมร่วมรับเงิน 1 ล้านบาท โกงค่าเขียนแบบโรงแรม "พี่อ้อย" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109793 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    32
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1707 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หนุ่มกรรชัย"โร่ให้ปากคำกองปราบ คดี "เจ๊พัช- ฟิล์ม รัฐภูมิ" อ้างชื่อรายการไปรีดเงินบอสดิไอคอนกรุ๊ป - ด้านบอสพอล พลิกลิ้นไม่ดำเนินคดี"นักการเมือง ส." อ้างเป็นเพื่อนสนิท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109803

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "หนุ่มกรรชัย"โร่ให้ปากคำกองปราบ คดี "เจ๊พัช- ฟิล์ม รัฐภูมิ" อ้างชื่อรายการไปรีดเงินบอสดิไอคอนกรุ๊ป - ด้านบอสพอล พลิกลิ้นไม่ดำเนินคดี"นักการเมือง ส." อ้างเป็นเพื่อนสนิท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109803 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    22
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1759 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว"
    เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล.
    ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์
    .
    "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด
    .
    วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน
    .
    เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว
    .
    เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย
    .
    ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์
    .
    แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
    .
    "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง
    .
    หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา
    .
    ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา
    .
    พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้
    .
    Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด

    https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0

    #Thaitimes
    "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว" เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล. ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์ . "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด . วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน . เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว . เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่ . ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย . ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์ . แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น . "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง . หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา . ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง . นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา . พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่ . นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้ . Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    25
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2043 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบสอบปากคำเข้ม "นุ-สา" สองผัวเมียคนสนิท "ทนายตั้ม" ร่วมโกง "พี่อ้อย" 39 ล้าน หาหลักฐานเชื่อม "ษิทธา" เบื้องต้นทั้งสองยังปากแข็ง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108818

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบสอบปากคำเข้ม "นุ-สา" สองผัวเมียคนสนิท "ทนายตั้ม" ร่วมโกง "พี่อ้อย" 39 ล้าน หาหลักฐานเชื่อม "ษิทธา" เบื้องต้นทั้งสองยังปากแข็ง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108818 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    26
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "นุ - สาริณี" 2 ผัวเมียคนสนิท“ทนายตั้ม” ร่วมกันกุเรื่องคริปโตฯ ทิพย์ ฉ้อโกงเงิน “พี่อ้อย” 39 ล้านบาท พร้อมยึดรถหรู 2 คัน ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108722

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "นุ - สาริณี" 2 ผัวเมียคนสนิท“ทนายตั้ม” ร่วมกันกุเรื่องคริปโตฯ ทิพย์ ฉ้อโกงเงิน “พี่อ้อย” 39 ล้านบาท พร้อมยึดรถหรู 2 คัน ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108722 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1393 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบ “นุ-สา” คนสนิทตั้ม : [News story]

    ตำรวจกองปราบจับ 2 คนสนิท "ทนายตั้ม" ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง จากกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท
    รวบ “นุ-สา” คนสนิทตั้ม : [News story] ตำรวจกองปราบจับ 2 คนสนิท "ทนายตั้ม" ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง จากกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 289 0 รีวิว
  • จับแล้ว ! นุ-สารินี 2 คนสนิททนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน 12/11/67 #ทนายตั้ม #คนสนิททนายตั้ม #ตำรวจกองปราบ #ปมเงิน 39 ล้าน #นุ-สา
    จับแล้ว ! นุ-สารินี 2 คนสนิททนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน 12/11/67 #ทนายตั้ม #คนสนิททนายตั้ม #ตำรวจกองปราบ #ปมเงิน 39 ล้าน #นุ-สา
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 280 0 รีวิว
  • นาทีนี้คดีสแกมเมอร์ทิพย์ สามสิบเก้าล้าน กําลังเป็นที่สนใจของประชาชนมากที่สุด มีแต่คนอยากรู้ว่า เมื่อไหร่กองปราบปรามจะออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่แบ่งหน้าที่กันหลอกลวงพี่อ้อย จตุพร
    คนที่อยู่ในข่ายแน่นอนแล้วก็คือนางสาวสาริณี นุชฌนาถ แล้วก็นายนุ สามีของ สาริณีซึ่งเป็นเพื่อนกับทนายตั้ม ตอนแรกพี่อ้อยเองก็สงสัยแค่สองสามีภรรยานี้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับทนายตั้ม ส่งผลให้ทนายตั้มรอดคดีนี้มาได้ในการออกหมายจับครั้งที่ผ่านมา โดนเพียงแค่สามคดีคือฉ้อโกงแพลตฟอร์มหวยเจ็ดสิบเอ็ดล้าน คดีรถเบนซ์สิบสามล้านและคดีออกแบบโรงแรมเก้าล้าน
    แต่ตอนนี้กองปราบปรามได้หลักฐานแน่นอนแล้วว่าทนายตั้มรับเงินส่วนแบ่งจากแผนการครั้งนี้อีกทั้งคําให้การของพันตํารวจเอกภูวดล อุ่นโภช เพื่อนรักของบิ๊กโจ๊ก ก็ระบุว่าทนายตั้มเป็นคนโทรมาแจ้งเองเลยว่าจะส่งคนมาแจ้งความที่สน บางซื่อในวันดังกล่าวเป็นเบาะแสสําคัญมากที่ยืนยันถ้านายตั้มรู้เห็นกับขบวนการแจ้งความทิพย์เพื่อสร้างเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ไปหลอกลวงพี่อ้อย
    โดยน่าจะเป็นคนวางแผนและบงการเองเพราะฉะนั้นหมายจับระลอกสองจะออกมาอย่างแน่นอนในไม่กี่วันนี้ โดยทนายตั้มจะโดนอีกข้อหาพร้อมกับสาริณีและนุ อย่างต่ํา3 คน อาจมีมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับเส้นเงินจะโยงไปถึงใครมาว่ากันถึงคดีโกงดื้อดื้อเจ็ดสิบเอ็ดล้าน ตอนนี้แนวทางการต่อสู้คดีของทนายตั้มซึ่งพูดผ่านทนายลูกน้องของเขาเองอย่างทนายสายหยุด แล้วก็เพื่อนรักที่ช่วยเป็นโฆษกประโคมข่าวให้อย่างทนายเดชาจะเป็นแนวพลิกลิ้นกลับคําไม่เอาแล้วได้เงิน 71ล้านโดยเสน่หา คงประเมินแล้วมีแต่แพ้กับแพ้เปลี่ยนมาเป็นพี่อ้อยให้เงินทนายตั้มไปลงทุนโดยไม่ได้เสน่หา ส่วนที่ทนายตั้มเคยเที่ยวไปพูดออกสื่อหลายครั้งว่าได้มาโดยเสน่หานั้นโทรโข่งเดชา โม้ว่าทนายตั้มพูดเพื่อสับขาหลอกเท่านั้นจริงจริงวางแผนมาแต่แรกแล้วจะสู้คดีว่าเป็นเงินลงทุน แหม ช่างกล้าพูดราวคนฟังเค้ากินหญ้ามั้ง จุกกรู้ ถามว่าการพลิกเกมสู้คดีจากเงินเสน่หาเป็นเงินลงทุนจะช่วยให้คดีนี้หลุดจากคดีอาญาไปเป็นคดีแพ่งอย่างที่ทนายตั้มต้องการหรือไม่ คําตอบก็คือไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะการฉ้อโกงในลักษณะหลอกลงทุน ทนายตั้มมาขายฝันให้พี่อ้อยอ้างว่าตัวเองจะได้โควตาหวยรัฐมา มันเป็นเรื่องโกหกล้วนๆเป็นแค่โควตาหวยทิพย์ซึ่งไม่เคยมีจริงแม้แต่การไปติดต่อบริษัทโปรแกรมเมอร์ ทนายสายหยุดยังแก้ต่างคดีซื้อรถเบนซ์ด้วยว่าส่วนต่าง 1,500,000 ที่ทนายตั้มได้ไปนั้นเป็นค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายรถ ต้องบอกว่าเป็นแนวทางสู้คดีที่ปัญญาอ่อนฟังไม่ขึ้นเพราะปกติแล้วคนที่จ่ายค่าคอมมิชชั่น คือผู้ขายซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นบริษัทขายรถนั่นเองแต่นี่ ทนายตั้มอ้างว่าได้ค่าคอมมิชชั่นจากผู้ซื้อหน้าตาเฉย
    ทนายตั้มเองก็เป็นที่ปรึกษากฎหมายของพี่อ้อยต้องคอยรักษาผลประโยชน์ของพี่อ้อยไม่ใช่มาฉกเงินไปโดยพลการ ไม่ได้แจ้งให้เจ้าของเงินรับทราบแล้วมาแก้ตัวทีหลังว่าเป็นค่าคอมมิชชั่น การแถสีข้างถลอกว่าได้รับค่าคอมมิชชั่นจากผู้ซื้อนั้นเหมือนใครกันน้า ติดตามข่าวซีฟแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    นาทีนี้คดีสแกมเมอร์ทิพย์ สามสิบเก้าล้าน กําลังเป็นที่สนใจของประชาชนมากที่สุด มีแต่คนอยากรู้ว่า เมื่อไหร่กองปราบปรามจะออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่แบ่งหน้าที่กันหลอกลวงพี่อ้อย จตุพร คนที่อยู่ในข่ายแน่นอนแล้วก็คือนางสาวสาริณี นุชฌนาถ แล้วก็นายนุ สามีของ สาริณีซึ่งเป็นเพื่อนกับทนายตั้ม ตอนแรกพี่อ้อยเองก็สงสัยแค่สองสามีภรรยานี้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับทนายตั้ม ส่งผลให้ทนายตั้มรอดคดีนี้มาได้ในการออกหมายจับครั้งที่ผ่านมา โดนเพียงแค่สามคดีคือฉ้อโกงแพลตฟอร์มหวยเจ็ดสิบเอ็ดล้าน คดีรถเบนซ์สิบสามล้านและคดีออกแบบโรงแรมเก้าล้าน แต่ตอนนี้กองปราบปรามได้หลักฐานแน่นอนแล้วว่าทนายตั้มรับเงินส่วนแบ่งจากแผนการครั้งนี้อีกทั้งคําให้การของพันตํารวจเอกภูวดล อุ่นโภช เพื่อนรักของบิ๊กโจ๊ก ก็ระบุว่าทนายตั้มเป็นคนโทรมาแจ้งเองเลยว่าจะส่งคนมาแจ้งความที่สน บางซื่อในวันดังกล่าวเป็นเบาะแสสําคัญมากที่ยืนยันถ้านายตั้มรู้เห็นกับขบวนการแจ้งความทิพย์เพื่อสร้างเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ไปหลอกลวงพี่อ้อย โดยน่าจะเป็นคนวางแผนและบงการเองเพราะฉะนั้นหมายจับระลอกสองจะออกมาอย่างแน่นอนในไม่กี่วันนี้ โดยทนายตั้มจะโดนอีกข้อหาพร้อมกับสาริณีและนุ อย่างต่ํา3 คน อาจมีมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับเส้นเงินจะโยงไปถึงใครมาว่ากันถึงคดีโกงดื้อดื้อเจ็ดสิบเอ็ดล้าน ตอนนี้แนวทางการต่อสู้คดีของทนายตั้มซึ่งพูดผ่านทนายลูกน้องของเขาเองอย่างทนายสายหยุด แล้วก็เพื่อนรักที่ช่วยเป็นโฆษกประโคมข่าวให้อย่างทนายเดชาจะเป็นแนวพลิกลิ้นกลับคําไม่เอาแล้วได้เงิน 71ล้านโดยเสน่หา คงประเมินแล้วมีแต่แพ้กับแพ้เปลี่ยนมาเป็นพี่อ้อยให้เงินทนายตั้มไปลงทุนโดยไม่ได้เสน่หา ส่วนที่ทนายตั้มเคยเที่ยวไปพูดออกสื่อหลายครั้งว่าได้มาโดยเสน่หานั้นโทรโข่งเดชา โม้ว่าทนายตั้มพูดเพื่อสับขาหลอกเท่านั้นจริงจริงวางแผนมาแต่แรกแล้วจะสู้คดีว่าเป็นเงินลงทุน แหม ช่างกล้าพูดราวคนฟังเค้ากินหญ้ามั้ง จุกกรู้ ถามว่าการพลิกเกมสู้คดีจากเงินเสน่หาเป็นเงินลงทุนจะช่วยให้คดีนี้หลุดจากคดีอาญาไปเป็นคดีแพ่งอย่างที่ทนายตั้มต้องการหรือไม่ คําตอบก็คือไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะการฉ้อโกงในลักษณะหลอกลงทุน ทนายตั้มมาขายฝันให้พี่อ้อยอ้างว่าตัวเองจะได้โควตาหวยรัฐมา มันเป็นเรื่องโกหกล้วนๆเป็นแค่โควตาหวยทิพย์ซึ่งไม่เคยมีจริงแม้แต่การไปติดต่อบริษัทโปรแกรมเมอร์ ทนายสายหยุดยังแก้ต่างคดีซื้อรถเบนซ์ด้วยว่าส่วนต่าง 1,500,000 ที่ทนายตั้มได้ไปนั้นเป็นค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายรถ ต้องบอกว่าเป็นแนวทางสู้คดีที่ปัญญาอ่อนฟังไม่ขึ้นเพราะปกติแล้วคนที่จ่ายค่าคอมมิชชั่น คือผู้ขายซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นบริษัทขายรถนั่นเองแต่นี่ ทนายตั้มอ้างว่าได้ค่าคอมมิชชั่นจากผู้ซื้อหน้าตาเฉย ทนายตั้มเองก็เป็นที่ปรึกษากฎหมายของพี่อ้อยต้องคอยรักษาผลประโยชน์ของพี่อ้อยไม่ใช่มาฉกเงินไปโดยพลการ ไม่ได้แจ้งให้เจ้าของเงินรับทราบแล้วมาแก้ตัวทีหลังว่าเป็นค่าคอมมิชชั่น การแถสีข้างถลอกว่าได้รับค่าคอมมิชชั่นจากผู้ซื้อนั้นเหมือนใครกันน้า ติดตามข่าวซีฟแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts