• เสวนา ปชช. เกี่ยวกับ ต่างด้าวเถื่อน แย่งอาชีพคนไทย ภัยความมั่นคง ครั้งที่ 3 ผมไม่ว่างนะครับ เพราะต้องช่วยงานในจ็อบใหม่ที่ผมรับไว้ หลังปิดจ๊อบค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้จ็อบยังไม่แล้วเสร็จ และคือไม่ได้ตามเพจ 8bit นานละ เพจนั้นแดง+ส้ม+กีบนานละ แต่ที่แน่ๆผู้ติดตามเพจแม่งกีบ+ขี้ข้าไซออนิสต์ออกมาด่าทหารทั้งนั้น ไม่เคยวิจารณ์ทักษิณ พรรค พท. และพรรคส้ม หัวหน้าพรรคส้มคนล่าสุดมีแววว่าจะว่าวสมัยหน้า ถ้าว่าวนักก็ไปชักไป ล่าสุดก็โพสต์เพจ 8bitกีบ มาโผล่หน้าฟีด FB ผมอ่านคอมเมนต์แต่ละตัว ขี้ข้าไซออนิสต์ทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งเครียด ยิ่งความดันขึ้น ยิ่ง Toxic เข้าตัวมากขึ้น เลยพยายามไม่สนใจดีกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พวกกีบขี้ข้าไซออนิสต์ก็พากันโทษ กอ.รมน. โทษ ศอ.บต โทษทหาร ว่าเป็นพวกเลี้ยงโจร สร้างโจร สร้างสถานการณ์ ทำไอโอ แม่งแต่ละตัว แนวคิดเดียวกันทั้งนั้นเลยว่ะ โจรทุน USAID ก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าตัดต่อ พักหลังมานี้กูละขำ มันมีบางตัวเป็นสาวกจานผีคลอง III ด้วย ด่าและให้ร้ายศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมทั่วโลก โดยเหมารวม ป้ายสี ใส่ร้าย ใส่สีตีไข่ ว่า ศาสนานี้ส่งเสริมการขูดรีด คอรัปชั่น ฆ่าแบบไร้เหตุผล พวกอิสลาโมโฟเบียก็ได้ล้วนรับชุดความคิดจากพวกยิวไซออนิสต์อิสราเอลในรูปของซีไอเอทั้งสิ้น เลวร้ายที่สุดในโลกคือ อิสราเอล และ CIA ไม่ใช่ชาวมุสลิมทั่วโลก ก็แค่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงสายวะฮาบีย์-ซุฟยานีแค่ไม่กี่กลุ่มเองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับอามิสสินจ้างแบบรางวัลใหญ่ๆจากไซออนิสต์และรัฐพันลึกโดยยิว ของยิว เพื่อยิว หลอกประชาชนอเมริกันมาเนิ่นนาน
    เสวนา ปชช. เกี่ยวกับ ต่างด้าวเถื่อน แย่งอาชีพคนไทย ภัยความมั่นคง ครั้งที่ 3 ผมไม่ว่างนะครับ เพราะต้องช่วยงานในจ็อบใหม่ที่ผมรับไว้ หลังปิดจ๊อบค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้จ็อบยังไม่แล้วเสร็จ และคือไม่ได้ตามเพจ 8bit นานละ เพจนั้นแดง+ส้ม+กีบนานละ แต่ที่แน่ๆผู้ติดตามเพจแม่งกีบ+ขี้ข้าไซออนิสต์ออกมาด่าทหารทั้งนั้น ไม่เคยวิจารณ์ทักษิณ พรรค พท. และพรรคส้ม หัวหน้าพรรคส้มคนล่าสุดมีแววว่าจะว่าวสมัยหน้า ถ้าว่าวนักก็ไปชักไป ล่าสุดก็โพสต์เพจ 8bitกีบ มาโผล่หน้าฟีด FB ผมอ่านคอมเมนต์แต่ละตัว ขี้ข้าไซออนิสต์ทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งเครียด ยิ่งความดันขึ้น ยิ่ง Toxic เข้าตัวมากขึ้น เลยพยายามไม่สนใจดีกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พวกกีบขี้ข้าไซออนิสต์ก็พากันโทษ กอ.รมน. โทษ ศอ.บต โทษทหาร ว่าเป็นพวกเลี้ยงโจร สร้างโจร สร้างสถานการณ์ ทำไอโอ แม่งแต่ละตัว แนวคิดเดียวกันทั้งนั้นเลยว่ะ โจรทุน USAID ก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าตัดต่อ พักหลังมานี้กูละขำ มันมีบางตัวเป็นสาวกจานผีคลอง III ด้วย ด่าและให้ร้ายศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมทั่วโลก โดยเหมารวม ป้ายสี ใส่ร้าย ใส่สีตีไข่ ว่า ศาสนานี้ส่งเสริมการขูดรีด คอรัปชั่น ฆ่าแบบไร้เหตุผล พวกอิสลาโมโฟเบียก็ได้ล้วนรับชุดความคิดจากพวกยิวไซออนิสต์อิสราเอลในรูปของซีไอเอทั้งสิ้น เลวร้ายที่สุดในโลกคือ อิสราเอล และ CIA ไม่ใช่ชาวมุสลิมทั่วโลก ก็แค่ชาวมุสลิมหัวรุนแรงสายวะฮาบีย์-ซุฟยานีแค่ไม่กี่กลุ่มเองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับอามิสสินจ้างแบบรางวัลใหญ่ๆจากไซออนิสต์และรัฐพันลึกโดยยิว ของยิว เพื่อยิว หลอกประชาชนอเมริกันมาเนิ่นนาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดป่าเจริญธรรม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้
    บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤
    👉 ข้าว น้ำพริกปลาทู ผักสด ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่อง 1 ชุด
    👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน
    🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดป่าเจริญธรรม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้ บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤 👉 ข้าว น้ำพริกปลาทู ผักสด ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่อง 1 ชุด 👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน 🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังพัฒนา Ryzen 9000G "Gorgon Point" สำหรับ AM5 socket และ Medusa Point ซึ่งเป็นซีพียู Zen 6 สำหรับ FP10 socket โดยข้อมูลนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ซึ่งพบรายละเอียดใน repository ของ AMD

    ซีพียู Gorgon Point จะมีทั้งเวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป โดยรุ่นเดสก์ท็อปจะใช้ AM5 socket และเป็นรุ่นต่อจาก Ryzen 8000G ส่วนรุ่นแล็ปท็อปจะใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ได้แก่ Gorgon Point 1, Gorgon Point 2 และ Gorgon Point 3

    นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Threadripper 9000 series "Shimada Peak" ซึ่งจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 หรือในงาน Advancing AI ในเดือนมิถุนายน

    ✅ Ryzen 9000G "Gorgon Point"
    - ใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 graphics
    - รุ่นเดสก์ท็อปใช้ AM5 socket
    - รุ่นแล็ปท็อปใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน

    ✅ Medusa Point และ Zen 6
    - ใช้ FP10 socket ซึ่งไม่สามารถใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มปัจจุบันได้
    - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า

    ✅ Threadripper 9000 "Shimada Peak"
    - คาดว่าจะเปิดตัวใน Computex 2025 หรือ Advancing AI
    - มีรุ่น 900WX สำหรับตลาดระดับสูง

    ✅ แผนการพัฒนาของ AMD
    - มีการพัฒนา Kraken Point 2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Kraken Point
    - กำลังพัฒนา Soundwave series ซึ่งเป็นซีพียู Arm-based สำหรับ FF5 socket

    https://www.techspot.com/news/107758-amd-working-ryzen-9000g-gorgon-point-am5-socket.html
    AMD กำลังพัฒนา Ryzen 9000G "Gorgon Point" สำหรับ AM5 socket และ Medusa Point ซึ่งเป็นซีพียู Zen 6 สำหรับ FP10 socket โดยข้อมูลนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ซึ่งพบรายละเอียดใน repository ของ AMD ซีพียู Gorgon Point จะมีทั้งเวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป โดยรุ่นเดสก์ท็อปจะใช้ AM5 socket และเป็นรุ่นต่อจาก Ryzen 8000G ส่วนรุ่นแล็ปท็อปจะใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ได้แก่ Gorgon Point 1, Gorgon Point 2 และ Gorgon Point 3 นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Threadripper 9000 series "Shimada Peak" ซึ่งจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 หรือในงาน Advancing AI ในเดือนมิถุนายน ✅ Ryzen 9000G "Gorgon Point" - ใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 graphics - รุ่นเดสก์ท็อปใช้ AM5 socket - รุ่นแล็ปท็อปใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ✅ Medusa Point และ Zen 6 - ใช้ FP10 socket ซึ่งไม่สามารถใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มปัจจุบันได้ - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า ✅ Threadripper 9000 "Shimada Peak" - คาดว่าจะเปิดตัวใน Computex 2025 หรือ Advancing AI - มีรุ่น 900WX สำหรับตลาดระดับสูง ✅ แผนการพัฒนาของ AMD - มีการพัฒนา Kraken Point 2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Kraken Point - กำลังพัฒนา Soundwave series ซึ่งเป็นซีพียู Arm-based สำหรับ FF5 socket https://www.techspot.com/news/107758-amd-working-ryzen-9000g-gorgon-point-am5-socket.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD working on Ryzen 9000G "Gorgon Point" for AM5 socket, "Medusa Point" Zen 6 CPUs for FP10
    Noted tipster Olrak29 first identified the next-gen Threadripper 9000 series, codenamed Shimada Peak, in a now-deleted X post. Some details surfaced earlier when Gigabyte and Asus added...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำหน้าที่ "ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ" ชั่วคราว หลังจาก ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) ลาออกไป

    ตำแหน่งหน้าที่ของรูบิโอตอนนี้:
    👉รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Secretary of State)
    👉รักษาการที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (Acting U.S. National Security Advisor)
    👉รักษาการเจ้าหน้าที่เก็บเอกสารแห่งสหรัฐอเมริกา (Acting Archivist of the U.S.)
    👉รักษาการผู้อำนวยการ USAID (Acting Administrator of USAID)

    สำหรับ ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) ทรัมป์จะให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติแทน (ทูต UN)
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำหน้าที่ "ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ" ชั่วคราว หลังจาก ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) ลาออกไป ตำแหน่งหน้าที่ของรูบิโอตอนนี้: 👉รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Secretary of State) 👉รักษาการที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (Acting U.S. National Security Advisor) 👉รักษาการเจ้าหน้าที่เก็บเอกสารแห่งสหรัฐอเมริกา (Acting Archivist of the U.S.) 👉รักษาการผู้อำนวยการ USAID (Acting Administrator of USAID) สำหรับ ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) ทรัมป์จะให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติแทน (ทูต UN)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน

    ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่
    - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์
    - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก
    - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram
    - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections

    ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie
    - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่
    - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กร
    - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้
    - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่ - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์ - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง ✅ ผลกระทบต่อองค์กร - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้ - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Enterprise browser could become the next battleground for hackers looking to exfiltrate data
    Browser vulnerabilities render DLP tools ineffective as new data exfiltration attacks emerge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP-Link ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์เราเตอร์ยอดนิยมในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการสอบสวนด้านการผูกขาดและความมั่นคงแห่งชาติจากกระทรวงยุติธรรม (DoJ) และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยการสอบสวนนี้มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การตั้งราคาของ TP-Link และความเชื่อมโยงกับจีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคง

    TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่กดดันคู่แข่งเพื่อครองตลาดเราเตอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน TP-Link มีส่วนแบ่งตลาดถึง 65% และ 12 ใน 20 รุ่นที่ขายดีที่สุดบน Amazon เป็นของ TP-Link นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเราเตอร์ TP-Link ที่เคยถูกใช้ในเครือข่ายบอตเน็ตและการโจมตีทางไซเบอร์

    ในปี 2024 TP-Link USA ได้ควบรวมกิจการกับหน่วยงานที่ไม่ใช่ของจีนเพื่อสร้าง TP-Link Systems Inc. ซึ่งตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย โดยมีเป้าหมายเพื่อแยกโครงสร้างการบริหารออกจากบริษัทแม่ในจีน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลยังคงตรวจสอบว่าโครงสร้างใหม่นี้สามารถป้องกันการแทรกแซงจากจีนได้จริงหรือไม่

    ✅ การสอบสวนด้านการผูกขาด
    - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนกลยุทธ์การตั้งราคาของ TP-Link
    - TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่กดดันคู่แข่ง

    ✅ ความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สอบสวนความเชื่อมโยงของ TP-Link กับจีน
    - เราเตอร์ TP-Link เคยถูกใช้ในเครือข่ายบอตเน็ตและการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ การปรับโครงสร้างองค์กร
    - TP-Link USA ควบรวมกิจการกับหน่วยงานที่ไม่ใช่ของจีนในปี 2024
    - โครงสร้างใหม่มีเป้าหมายเพื่อแยกการบริหารออกจากบริษัทแม่ในจีน

    ✅ ผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาด
    - TP-Link มีส่วนแบ่งตลาดเราเตอร์ในสหรัฐฯ ถึง 65%

    https://www.techspot.com/news/107682-tp-link-router-pricing-china-ties-under-us.html
    TP-Link ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์เราเตอร์ยอดนิยมในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการสอบสวนด้านการผูกขาดและความมั่นคงแห่งชาติจากกระทรวงยุติธรรม (DoJ) และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยการสอบสวนนี้มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การตั้งราคาของ TP-Link และความเชื่อมโยงกับจีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคง TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่กดดันคู่แข่งเพื่อครองตลาดเราเตอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน TP-Link มีส่วนแบ่งตลาดถึง 65% และ 12 ใน 20 รุ่นที่ขายดีที่สุดบน Amazon เป็นของ TP-Link นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเราเตอร์ TP-Link ที่เคยถูกใช้ในเครือข่ายบอตเน็ตและการโจมตีทางไซเบอร์ ในปี 2024 TP-Link USA ได้ควบรวมกิจการกับหน่วยงานที่ไม่ใช่ของจีนเพื่อสร้าง TP-Link Systems Inc. ซึ่งตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย โดยมีเป้าหมายเพื่อแยกโครงสร้างการบริหารออกจากบริษัทแม่ในจีน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลยังคงตรวจสอบว่าโครงสร้างใหม่นี้สามารถป้องกันการแทรกแซงจากจีนได้จริงหรือไม่ ✅ การสอบสวนด้านการผูกขาด - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนกลยุทธ์การตั้งราคาของ TP-Link - TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่กดดันคู่แข่ง ✅ ความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สอบสวนความเชื่อมโยงของ TP-Link กับจีน - เราเตอร์ TP-Link เคยถูกใช้ในเครือข่ายบอตเน็ตและการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ การปรับโครงสร้างองค์กร - TP-Link USA ควบรวมกิจการกับหน่วยงานที่ไม่ใช่ของจีนในปี 2024 - โครงสร้างใหม่มีเป้าหมายเพื่อแยกการบริหารออกจากบริษัทแม่ในจีน ✅ ผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาด - TP-Link มีส่วนแบ่งตลาดเราเตอร์ในสหรัฐฯ ถึง 65% https://www.techspot.com/news/107682-tp-link-router-pricing-china-ties-under-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    TP-Link's router pricing and China ties under US government investigation
    The affordability of TP-Link's routers is part of what makes them so popular. Prosecutors at the DoJ are examining whether the company engaged in predatory pricing to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

    ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก

    ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ
    - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด
    - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา

    ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน
    - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน
    - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง

    ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย
    - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WWW.TECHRADAR.COM
    Top employee monitoring app leaks 21 million screenshots on thousands of users
    WorkComposer leaking screenshots of user activity on the clear web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลปากีสถานได้เริ่มออกใบอนุญาตให้กับผู้ให้บริการ VPN เป็นครั้งแรก เพื่อควบคุมการใช้งาน VPN ในประเทศ โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบการใช้งาน VPN และลดการใช้ VPN ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนที่ต้องการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกบล็อก เช่น X, Facebook และ Instagram

    ✅ ปากีสถานออกใบอนุญาต VPN เป็นครั้งแรก
    - ใบอนุญาตถูกออกให้กับบริษัท 3 แห่งภายใต้กรอบการให้บริการข้อมูล
    - ผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตอาจเผชิญกับการหยุดชะงักของบริการ

    ✅ การใช้งาน VPN ในปากีสถานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    - VPN ถูกใช้เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกบล็อกตั้งแต่ปี 2024
    - การบล็อกแพลตฟอร์มเหล่านี้เกิดจากเหตุผลทางการเมืองและศาสนา

    ✅ การควบคุม VPN อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - ใบอนุญาตใหม่อาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามการใช้งาน VPN ได้ง่ายขึ้น

    ✅ แผนการควบคุม VPN เริ่มต้นในปี 2024
    - การควบคุมนี้มีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทในประเทศเป็นผู้ให้บริการ VPN แทนบริษัทต่างชาติ

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/pakistan-grants-first-vpn-licenses-in-a-bid-to-regulate-vpn-usage-in-the-country
    รัฐบาลปากีสถานได้เริ่มออกใบอนุญาตให้กับผู้ให้บริการ VPN เป็นครั้งแรก เพื่อควบคุมการใช้งาน VPN ในประเทศ โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบการใช้งาน VPN และลดการใช้ VPN ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนที่ต้องการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกบล็อก เช่น X, Facebook และ Instagram ✅ ปากีสถานออกใบอนุญาต VPN เป็นครั้งแรก - ใบอนุญาตถูกออกให้กับบริษัท 3 แห่งภายใต้กรอบการให้บริการข้อมูล - ผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตอาจเผชิญกับการหยุดชะงักของบริการ ✅ การใช้งาน VPN ในปากีสถานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - VPN ถูกใช้เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกบล็อกตั้งแต่ปี 2024 - การบล็อกแพลตฟอร์มเหล่านี้เกิดจากเหตุผลทางการเมืองและศาสนา ✅ การควบคุม VPN อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - ใบอนุญาตใหม่อาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามการใช้งาน VPN ได้ง่ายขึ้น ✅ แผนการควบคุม VPN เริ่มต้นในปี 2024 - การควบคุมนี้มีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทในประเทศเป็นผู้ให้บริการ VPN แทนบริษัทต่างชาติ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/pakistan-grants-first-vpn-licenses-in-a-bid-to-regulate-vpn-usage-in-the-country
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit กลับมาออนไลน์อีกครั้งหลังจากเกิดเหตุขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีผู้ใช้กว่า 112,400 ราย รายงานว่าแพลตฟอร์มไม่สามารถใช้งานได้ ตามข้อมูลจาก Downdetector ซึ่งติดตามสถานะของเว็บไซต์ต่างๆ

    ✅ Reddit ประสบปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก
    - เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีผู้ใช้กว่า 112,400 ราย รายงานว่าแพลตฟอร์มไม่สามารถใช้งานได้
    - จำนวนรายงานลดลงเหลือ 2,200 ราย ภายในเวลา 12:01 p.m. ET

    ✅ Reddit ระบุว่าเหตุการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว
    - ทีมงานของ Reddit ได้ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
    - แพลตฟอร์มกลับมาออนไลน์และสามารถใช้งานได้ตามปกติ

    ✅ Downdetector เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการติดตามเหตุขัดข้องของเว็บไซต์
    - Downdetector รวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่อรายงานสถานะของแพลตฟอร์มต่างๆ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/22/reddit-down-for-thousands-of-users-worldwide
    Reddit กลับมาออนไลน์อีกครั้งหลังจากเกิดเหตุขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีผู้ใช้กว่า 112,400 ราย รายงานว่าแพลตฟอร์มไม่สามารถใช้งานได้ ตามข้อมูลจาก Downdetector ซึ่งติดตามสถานะของเว็บไซต์ต่างๆ ✅ Reddit ประสบปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก - เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีผู้ใช้กว่า 112,400 ราย รายงานว่าแพลตฟอร์มไม่สามารถใช้งานได้ - จำนวนรายงานลดลงเหลือ 2,200 ราย ภายในเวลา 12:01 p.m. ET ✅ Reddit ระบุว่าเหตุการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว - ทีมงานของ Reddit ได้ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน - แพลตฟอร์มกลับมาออนไลน์และสามารถใช้งานได้ตามปกติ ✅ Downdetector เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการติดตามเหตุขัดข้องของเว็บไซต์ - Downdetector รวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่อรายงานสถานะของแพลตฟอร์มต่างๆ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/22/reddit-down-for-thousands-of-users-worldwide
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Reddit back up after outage affecting thousands of users worldwide
    (Reuters) -Social media platform Reddit was restored after thousands of users worldwide experienced outages on Monday, according to Downdetector.com.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • Klaus Schwab ลาออกจากตำแหน่งประธาน World Economic Forum (WEF) มีผลทันที!

    WEF คือองค์กรที่เขาก่อตั้งเมื่อ 50 ปีที่แล้ว กลายเป็นงานประชุมสำคัญซึ่งผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกต้องเข้าร่วมประชุมทุกปีในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

    “หลังจากการประกาศเมื่อไม่นานนี้ และในขณะที่ผมก้าวเข้าสู่ปีที่ 88 ผมได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร โดยมีผลทันที” Schwab กล่าว

    เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน NY Post รายงานว่า Schwab จะลาออกทันทีหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยุบองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID)
    Klaus Schwab ลาออกจากตำแหน่งประธาน World Economic Forum (WEF) มีผลทันที! WEF คือองค์กรที่เขาก่อตั้งเมื่อ 50 ปีที่แล้ว กลายเป็นงานประชุมสำคัญซึ่งผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกต้องเข้าร่วมประชุมทุกปีในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “หลังจากการประกาศเมื่อไม่นานนี้ และในขณะที่ผมก้าวเข้าสู่ปีที่ 88 ผมได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร โดยมีผลทันที” Schwab กล่าว เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน NY Post รายงานว่า Schwab จะลาออกทันทีหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยุบองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดป่าเจริญธรรม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ
    ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้
    บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤
    👉 ข้าว แกงป่าไก่ มะละกอสุก 1 ชุด
    👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน
    🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดป่าเจริญธรรม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้ บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤 👉 ข้าว แกงป่าไก่ มะละกอสุก 1 ชุด 👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน 🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/CusAoaSG6uY?si=_UPYnIQtn3LCYNU4
    https://youtube.com/shorts/CusAoaSG6uY?si=_UPYnIQtn3LCYNU4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก**

    สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน
    เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่?

    การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ

    แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู

    การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง

    ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย

    วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ

    จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด

    ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.yicai.com/news/102418541.html
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174
    https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5
    https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก** สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่? การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.yicai.com/news/102418541.html https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174 https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5 https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    从《蜀锦人家》看非遗生意经,这些诀窍可借鉴|乐言商业
    《蜀锦人家》通过女主角季英英的故事,展示了核心技术、创新、产业链合作、资本运作和渠道拓展等商业策略,为现代消费企业提供了宝贵的启示。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว

    ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว
    - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน
    - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด

    ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก
    - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว

    ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง
    - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ
    - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์

    ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง
    - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา
    - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zoom restored after outage affects thousands of users globally
    (Reuters) - Video-conferencing platform Zoom Communications said on Wednesday it had resolved a global outage that disrupted its services, including its website, video calls and application, affecting thousands of users worldwide.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android

    ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android
    - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด

    ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป
    - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google
    - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android

    ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023
    - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้
    - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น
    - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android

    ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ
    - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้

    ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง
    - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้

    https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023 - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้ - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้ ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    WWW.NEOWIN.NET
    Japan hits Google with anti-monopoly accusations over Android phones
    Japan has slapped Google with an antitrust order over Android phones, accusing it of shutting out rivals in the search market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) ได้ลงนามในสัญญามูลค่า 10.8 ล้านดอลลาร์ กับ PsiQuantum เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี Quantum Computing โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ USAF สามารถเข้าถึง ชิปควอนตัมขั้นสูง และอุปกรณ์ที่ใช้ Barium Titanate Electro-Optic phase shifters ซึ่งเป็นวัสดุระดับโลกในการประมวลผลควอนตัม

    ✅ USAF ลงนามสัญญา 10.8 ล้านดอลลาร์กับ PsiQuantum
    - สัญญานี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มต้นในปี 2022
    - PsiQuantum จะออกแบบและจัดหาฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้กับ USAF

    ✅ เทคโนโลยีที่ PsiQuantum นำเสนอ
    - ใช้ Photonic Quantum Computing ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของ Microsoft ที่ใช้ Topological Qubits
    - ข้อดีของ Photon Qubits คือสามารถทำงานที่ อุณหภูมิห้อง และมีความเสถียรสูง

    ✅ เป้าหมายของโครงการ
    - PsiQuantum จะพัฒนา ชิปควอนตัม Omega ซึ่งมีองค์ประกอบครบถ้วนสำหรับการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits
    - USAF จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในด้าน ความมั่นคงแห่งชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านควอนตัม

    ✅ บทบาทของนักการเมืองในการสนับสนุนโครงการ
    - สัญญานี้เกิดขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจาก Senator Chuck Schumer และ Representative Elise Stefanik
    - ทั้งสองคนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมควอนตัมในรัฐนิวยอร์ก

    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันด้าน Quantum Computing
    - Microsoft กำลังพัฒนา Majorana 1 chip ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ PsiQuantum
    - ต้องติดตามว่า Photonic Quantum Computing จะสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีอื่นได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายในการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits
    - แม้ PsiQuantum จะมีแผนพัฒนา ชิป Omega แต่การขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - ต้องจับตาว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ Quantum Computing ในอนาคต
    - Quantum Computing อาจมีบทบาทสำคัญในด้าน การเข้ารหัสข้อมูล, การจำลองโมเลกุล และการพัฒนา AI
    - อาจมีการลงทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีนี้

    https://www.neowin.net/news/usaf-bolsters-quantum-advantage-with-108-million-
    psiquantum-contract/
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) ได้ลงนามในสัญญามูลค่า 10.8 ล้านดอลลาร์ กับ PsiQuantum เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี Quantum Computing โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ USAF สามารถเข้าถึง ชิปควอนตัมขั้นสูง และอุปกรณ์ที่ใช้ Barium Titanate Electro-Optic phase shifters ซึ่งเป็นวัสดุระดับโลกในการประมวลผลควอนตัม ✅ USAF ลงนามสัญญา 10.8 ล้านดอลลาร์กับ PsiQuantum - สัญญานี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มต้นในปี 2022 - PsiQuantum จะออกแบบและจัดหาฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้กับ USAF ✅ เทคโนโลยีที่ PsiQuantum นำเสนอ - ใช้ Photonic Quantum Computing ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของ Microsoft ที่ใช้ Topological Qubits - ข้อดีของ Photon Qubits คือสามารถทำงานที่ อุณหภูมิห้อง และมีความเสถียรสูง ✅ เป้าหมายของโครงการ - PsiQuantum จะพัฒนา ชิปควอนตัม Omega ซึ่งมีองค์ประกอบครบถ้วนสำหรับการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits - USAF จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในด้าน ความมั่นคงแห่งชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านควอนตัม ✅ บทบาทของนักการเมืองในการสนับสนุนโครงการ - สัญญานี้เกิดขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจาก Senator Chuck Schumer และ Representative Elise Stefanik - ทั้งสองคนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมควอนตัมในรัฐนิวยอร์ก ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันด้าน Quantum Computing - Microsoft กำลังพัฒนา Majorana 1 chip ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ PsiQuantum - ต้องติดตามว่า Photonic Quantum Computing จะสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีอื่นได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายในการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits - แม้ PsiQuantum จะมีแผนพัฒนา ชิป Omega แต่การขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - ต้องจับตาว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ Quantum Computing ในอนาคต - Quantum Computing อาจมีบทบาทสำคัญในด้าน การเข้ารหัสข้อมูล, การจำลองโมเลกุล และการพัฒนา AI - อาจมีการลงทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ https://www.neowin.net/news/usaf-bolsters-quantum-advantage-with-108-million- psiquantum-contract/
    WWW.NEOWIN.NET
    USAF bolsters quantum advantage with $10.8 million PsiQuantum contract
    PsiQuantum has expanded its partnership with the Air Force Research Laboratory (AFRL) after being awarded a $10.8 million contract to provide the USAF with photonic quantum chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ยืนยันว่ามี ปัญหาการใช้ CPU สูงผิดปกติ ใน Classic Outlook หลังจากอัปเดตเป็น Version 2406 Build 17726.20126+ โดยพบว่าเมื่อพิมพ์ข้อความ CPU อาจพุ่งสูงถึง 30-50% ส่งผลให้ระบบทำงานช้าลง

    ✅ ปัญหาการใช้ CPU สูงผิดปกติเมื่อพิมพ์ข้อความ
    - พบว่า CPU อาจพุ่งสูงถึง 30-50% เมื่อพิมพ์อีเมลใน Classic Outlook
    - ส่งผลให้เครื่องทำงานช้าลงและใช้พลังงานมากขึ้น

    ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังอัปเดตเป็น Version 2406 Build 17726.20126+
    - พบใน Current Channel, Monthly Enterprise Channel และ Insider Channels

    ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    - Microsoft แนะนำให้ เปลี่ยนไปใช้ Semi-Annual Channel ซึ่งไม่มีปัญหานี้
    - สามารถทำได้ผ่าน Office Deployment Tool หรือ แก้ไข Registry

    ✅ Microsoft กำลังตรวจสอบปัญหา
    - ทีม Outlook กำลังสืบสวนและจะอัปเดตข้อมูลเมื่อมีความคืบหน้า

    ℹ️ ความท้าทายในการเปลี่ยนไปใช้ Semi-Annual Channel
    - แม้ Semi-Annual Channel จะไม่มีปัญหานี้ แต่ผู้ใช้บางรายอาจพบ ข้อบกพร่องอื่นๆ

    ℹ️ แนวโน้มของการอัปเดต Outlook ในอนาคต
    - Microsoft อาจต้องปรับปรุงกระบวนการอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ

    https://www.neowin.net/news/typing-on-classic-outlook-is-hogging-pcs-with-high-cpu-usage-microsoft-shares-workaround/
    Microsoft ได้ยืนยันว่ามี ปัญหาการใช้ CPU สูงผิดปกติ ใน Classic Outlook หลังจากอัปเดตเป็น Version 2406 Build 17726.20126+ โดยพบว่าเมื่อพิมพ์ข้อความ CPU อาจพุ่งสูงถึง 30-50% ส่งผลให้ระบบทำงานช้าลง ✅ ปัญหาการใช้ CPU สูงผิดปกติเมื่อพิมพ์ข้อความ - พบว่า CPU อาจพุ่งสูงถึง 30-50% เมื่อพิมพ์อีเมลใน Classic Outlook - ส่งผลให้เครื่องทำงานช้าลงและใช้พลังงานมากขึ้น ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังอัปเดตเป็น Version 2406 Build 17726.20126+ - พบใน Current Channel, Monthly Enterprise Channel และ Insider Channels ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น - Microsoft แนะนำให้ เปลี่ยนไปใช้ Semi-Annual Channel ซึ่งไม่มีปัญหานี้ - สามารถทำได้ผ่าน Office Deployment Tool หรือ แก้ไข Registry ✅ Microsoft กำลังตรวจสอบปัญหา - ทีม Outlook กำลังสืบสวนและจะอัปเดตข้อมูลเมื่อมีความคืบหน้า ℹ️ ความท้าทายในการเปลี่ยนไปใช้ Semi-Annual Channel - แม้ Semi-Annual Channel จะไม่มีปัญหานี้ แต่ผู้ใช้บางรายอาจพบ ข้อบกพร่องอื่นๆ ℹ️ แนวโน้มของการอัปเดต Outlook ในอนาคต - Microsoft อาจต้องปรับปรุงกระบวนการอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ https://www.neowin.net/news/typing-on-classic-outlook-is-hogging-pcs-with-high-cpu-usage-microsoft-shares-workaround/
    WWW.NEOWIN.NET
    Typing on Classic Outlook is hogging PCs with high CPU usage, Microsoft shares workaround
    Microsoft has confirmed that a new bug in Classic Outlook is making even typing difficult as it is leading to high CPU usage and system hogging. A workaround has been shared.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน

    MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย

    เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น

    การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง

    ✅ การเปิดตัว MUSA SDK
    - พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA
    - รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT

    ✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK
    - Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย
    - รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
    - สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน

    ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK
    - ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ
    - การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI
    - ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก

    https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/
    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง ✅ การเปิดตัว MUSA SDK - พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA - รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT ✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK - Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย - รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ - สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK - ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ - การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI - ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/
    WCCFTECH.COM
    China's First "In-House" Alternative To NVIDIA's CUDA Emerges Online; The MUSA SDK From Moore Threads
    It appears that the Chinese firm Moore Threads wants its share of the AI market, as the firm has released a new upgrade to its MUSA SDK.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

    Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง

    นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    ✅ ผลกระทบจากการผลิตชิป AI
    - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024
    - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน

    ✅ ความต้องการพลังงานในอนาคต
    - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030
    - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    ✅ บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี
    - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน
    - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
    - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ℹ️ คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน
    - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน
    - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ ผลกระทบจากการผลิตชิป AI - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน ✅ ความต้องการพลังงานในอนาคต - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า ℹ️ ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ℹ️ คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Report: Soaring demand for AI chips fuels power usage
    Growing demand for the semiconductor chips that power artificial intelligence is driving soaring electricity use, particularly in countries that rely on fossil fuels for power, environmental group Greenpeace warned.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดกำแพมประชาราม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้
    บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤
    👉 ข้าว แกงส้มมะละกอ ปลาซิวทอด 1 ชุด
    👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน
    🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดกำแพมประชาราม ( 2 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ Ca, USA. 🖤 เพื่ออุทิศให้ บิดานายหยู เทพอารักษ์ 🖤 👉 ข้าว แกงส้มมะละกอ ปลาซิวทอด 1 ชุด 👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน 🙏 ขอเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ#padthaiinter#รับถวายสังฆทานออนไลน์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เอสโตเนียยึดเรือบรรทุกน้ำมัน "เงา" KIWALA ของรัสเซียในทะเลบอลติกเป็นครั้งแรก ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ Ust-Luga ของรัสเซีย โดยแล่นไปใกล้เขตน่านน้ำอาณาเขตของเอสโตเนีย

    ในขณะที่ถูกยึด มีพลเมืองของประเทศที่สามอยู่บนเรือ 24 คน กัปตันเป็นพลเมืองจีน ส่วนที่เหลือน่าจะมาจากมอริเตเนีย ตามรายงานของ Postimees

    หัวหน้าคณะกรรมการตำรวจและป้องกันชายแดน Veiko Kommusaar ยืนยันว่าเรือลำนี้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร ทำให้เอสโตเนียใช้สิทธิ์ควบคุมเรือลำดังกล่าว
    เอสโตเนียยึดเรือบรรทุกน้ำมัน "เงา" KIWALA ของรัสเซียในทะเลบอลติกเป็นครั้งแรก ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ Ust-Luga ของรัสเซีย โดยแล่นไปใกล้เขตน่านน้ำอาณาเขตของเอสโตเนีย ในขณะที่ถูกยึด มีพลเมืองของประเทศที่สามอยู่บนเรือ 24 คน กัปตันเป็นพลเมืองจีน ส่วนที่เหลือน่าจะมาจากมอริเตเนีย ตามรายงานของ Postimees หัวหน้าคณะกรรมการตำรวจและป้องกันชายแดน Veiko Kommusaar ยืนยันว่าเรือลำนี้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร ทำให้เอสโตเนียใช้สิทธิ์ควบคุมเรือลำดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ

    -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน

    นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้

    ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih

    “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X


    การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • K9 ภารกิจ4ขา ค้นหาผู้ประสบภัย : คนเคาะข่าว 09-04-68

    ร่วมสนทนา
    ดร.อลงกต ชูแก้ว รองผู้อำนวยการองค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ K-9 USAR และ ธนวรรณ ลีหัวสระ ผู้บังคับสุนัข K9 นารี
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #คนเคาะข่าว #news1
    #ตึกถล่ม #สุนัขK9 #K9USAR #K9USARThailand

    *บันทึกรายการเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568*
    K9 ภารกิจ4ขา ค้นหาผู้ประสบภัย : คนเคาะข่าว 09-04-68 ร่วมสนทนา ดร.อลงกต ชูแก้ว รองผู้อำนวยการองค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ K-9 USAR และ ธนวรรณ ลีหัวสระ ผู้บังคับสุนัข K9 นารี ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #คนเคาะข่าว #news1 #ตึกถล่ม #สุนัขK9 #K9USAR #K9USARThailand *บันทึกรายการเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568*
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส

    ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์:
    - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง
    - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา

    ✅ กระบวนการโจมตี:
    - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ
    - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด

    ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส:
    - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม

    ✅ การรับมือจากชุมชน:
    - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว

    ✅ ความท้าทายในการป้องกัน:
    - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์: - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา ✅ กระบวนการโจมตี: - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส: - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม ✅ การรับมือจากชุมชน: - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว ✅ ความท้าทายในการป้องกัน: - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts