"ภัยลวงตาแห่งยุคดิจิทัล – Deepfake กำลังท้าทายความเชื่อมั่นของสังคม"
เทคโนโลยี Deepfake กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้วิดีโอปลอมมีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น คลิปที่แสดงภาพรถไฟ LRT ไฟไหม้ หรือคลิปนักการเมืองและคนดังโปรโมตการลงทุนที่ไม่จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนและหลอกลวงผู้ชมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้กันทุกวันอย่าง WhatsApp และ TikTok
รายงานจากหน่วยงานในมาเลเซียระบุว่า มีการลบวิดีโอหลอกลวงที่ใช้ Deepfake ไปแล้วกว่าพันกรณีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะหลายคนที่ถูกหลอกมักไม่ยอมเปิดเผย ทำให้จำนวนจริงอาจสูงกว่าที่เห็นในข่าวมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชี้ว่า Deepfake ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถใช้เพื่อสร้างข่าวปลอม ปั่นกระแสทางการเมือง หรือทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Liar’s Dividend” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อข้อมูลที่ได้รับ
ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มพัฒนาเครื่องมือเพื่อตรวจสอบและติดตาม Deepfake เช่น การฝัง Watermark ดิจิทัล หรือการใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติในภาพและเสียง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีทักษะด้าน "Digital Literacy" ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่ต้องรู้จักตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ
สรุปสาระสำคัญ
การแพร่ระบาดของ Deepfake
คลิปปลอมที่สมจริง เช่น รถไฟไฟไหม้ และนักการเมืองโปรโมตการลงทุน
มีการลบวิดีโอหลอกลวงกว่า 1,000 กรณีในมาเลเซีย
ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
ใช้สร้างข่าวปลอม ปั่นการเมือง และหลอกลวงทางการเงิน
เกิด “Liar’s Dividend” ทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม
แนวทางรับมือ
การใช้ Watermark ดิจิทัล และ AI ตรวจจับความผิดปกติ
การสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชนรู้จักตรวจสอบข้อมูล
คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
Deepfake กำลังพัฒนาเร็วขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยตาเปล่า
ผู้ใช้ที่มีทักษะดิจิทัลต่ำเสี่ยงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวหรือวงสนทนาส่วนตัว
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/08/artificially-intelligent-the-evolving-threat-of-deepfakes
เทคโนโลยี Deepfake กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้วิดีโอปลอมมีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น คลิปที่แสดงภาพรถไฟ LRT ไฟไหม้ หรือคลิปนักการเมืองและคนดังโปรโมตการลงทุนที่ไม่จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนและหลอกลวงผู้ชมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้กันทุกวันอย่าง WhatsApp และ TikTok
รายงานจากหน่วยงานในมาเลเซียระบุว่า มีการลบวิดีโอหลอกลวงที่ใช้ Deepfake ไปแล้วกว่าพันกรณีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะหลายคนที่ถูกหลอกมักไม่ยอมเปิดเผย ทำให้จำนวนจริงอาจสูงกว่าที่เห็นในข่าวมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชี้ว่า Deepfake ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถใช้เพื่อสร้างข่าวปลอม ปั่นกระแสทางการเมือง หรือทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Liar’s Dividend” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อข้อมูลที่ได้รับ
ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มพัฒนาเครื่องมือเพื่อตรวจสอบและติดตาม Deepfake เช่น การฝัง Watermark ดิจิทัล หรือการใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติในภาพและเสียง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีทักษะด้าน "Digital Literacy" ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่ต้องรู้จักตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ
สรุปสาระสำคัญ
การแพร่ระบาดของ Deepfake
คลิปปลอมที่สมจริง เช่น รถไฟไฟไหม้ และนักการเมืองโปรโมตการลงทุน
มีการลบวิดีโอหลอกลวงกว่า 1,000 กรณีในมาเลเซีย
ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
ใช้สร้างข่าวปลอม ปั่นการเมือง และหลอกลวงทางการเงิน
เกิด “Liar’s Dividend” ทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม
แนวทางรับมือ
การใช้ Watermark ดิจิทัล และ AI ตรวจจับความผิดปกติ
การสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชนรู้จักตรวจสอบข้อมูล
คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
Deepfake กำลังพัฒนาเร็วขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยตาเปล่า
ผู้ใช้ที่มีทักษะดิจิทัลต่ำเสี่ยงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวหรือวงสนทนาส่วนตัว
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/08/artificially-intelligent-the-evolving-threat-of-deepfakes
📰 "ภัยลวงตาแห่งยุคดิจิทัล – Deepfake กำลังท้าทายความเชื่อมั่นของสังคม"
🤖 เทคโนโลยี Deepfake กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้วิดีโอปลอมมีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น คลิปที่แสดงภาพรถไฟ LRT ไฟไหม้ หรือคลิปนักการเมืองและคนดังโปรโมตการลงทุนที่ไม่จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนและหลอกลวงผู้ชมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้กันทุกวันอย่าง WhatsApp และ TikTok
📈 รายงานจากหน่วยงานในมาเลเซียระบุว่า มีการลบวิดีโอหลอกลวงที่ใช้ Deepfake ไปแล้วกว่าพันกรณีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะหลายคนที่ถูกหลอกมักไม่ยอมเปิดเผย ทำให้จำนวนจริงอาจสูงกว่าที่เห็นในข่าวมาก
⚠️ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชี้ว่า Deepfake ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถใช้เพื่อสร้างข่าวปลอม ปั่นกระแสทางการเมือง หรือทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Liar’s Dividend” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อข้อมูลที่ได้รับ
🌐 ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มพัฒนาเครื่องมือเพื่อตรวจสอบและติดตาม Deepfake เช่น การฝัง Watermark ดิจิทัล หรือการใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติในภาพและเสียง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีทักษะด้าน "Digital Literacy" ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่ต้องรู้จักตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ
📌 สรุปสาระสำคัญ
✅ การแพร่ระบาดของ Deepfake
➡️ คลิปปลอมที่สมจริง เช่น รถไฟไฟไหม้ และนักการเมืองโปรโมตการลงทุน
➡️ มีการลบวิดีโอหลอกลวงกว่า 1,000 กรณีในมาเลเซีย
✅ ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
➡️ ใช้สร้างข่าวปลอม ปั่นการเมือง และหลอกลวงทางการเงิน
➡️ เกิด “Liar’s Dividend” ทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม
✅ แนวทางรับมือ
➡️ การใช้ Watermark ดิจิทัล และ AI ตรวจจับความผิดปกติ
➡️ การสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชนรู้จักตรวจสอบข้อมูล
‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
⛔ Deepfake กำลังพัฒนาเร็วขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยตาเปล่า
⛔ ผู้ใช้ที่มีทักษะดิจิทัลต่ำเสี่ยงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวหรือวงสนทนาส่วนตัว
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/08/artificially-intelligent-the-evolving-threat-of-deepfakes
0 Comments
0 Shares
22 Views
0 Reviews