• ชวนทานมื้อเที่ยงสุดอร่อย พร้อมวิวสุดพิเศษที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲

    𝐄𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐨𝐮𝐫 𝐜𝐚𝐟𝐞'𝐬 𝐛𝐫𝐞𝐚𝐭𝐡𝐭𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐬𝐞𝐚 𝐯𝐢𝐞𝐰𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐝𝐞𝐥𝐢𝐜𝐢𝐨𝐮𝐬 𝐦𝐞𝐧𝐮

    ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    ชวนทานมื้อเที่ยงสุดอร่อย พร้อมวิวสุดพิเศษที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ 𝐄𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 𝐨𝐮𝐫 𝐜𝐚𝐟𝐞'𝐬 𝐛𝐫𝐞𝐚𝐭𝐡𝐭𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐬𝐞𝐚 𝐯𝐢𝐞𝐰𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐝𝐞𝐥𝐢𝐜𝐢𝐨𝐮𝐬 𝐦𝐞𝐧𝐮 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • กำแพงรั้วลวดหนามสำคัญมากกับการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยเราเพื่อตัดตอนเหตุร้า,ยทั้งหมดที่คนเขมรจะก่อขึ้นกับคนไทยเราหรือทางผ่านในการก่ออาชญากรรมทั้งหมดก็ด้วย,กับพวกนี้ คนเขมรนี้ ในหมู่เผ่าพันธุ์สันดานคนทรยศเนรคุณหักหลังไม่ซื่อสัตย์ของจริงคนเขมรพวกนี้ต้องถูกจัดการแบบนีันั้นถูกต้องแล้ว,เวียดนามสร้างรั้วลวดหนามกับมันคนเขมรถือว่าถูกต้องเช่นกัน.

    ทหารอย่าตีเนียนไม่พยายามสร้างรั้วลวดหนามกำแพงนี้ตลอดแนวเลย, ต้องชัดเจนเหมือนในอดีตในการจะสร้างกำแพงรั้วลวดหนามถาวรจริงตลอดแนวพรมแดน ไม่เว้นช่วงใดๆหรือเฉพาะจุด, ตลอดแนวพรมแดนต้องเห็นกำแพงรั้วลวดหนามกีดกั้นคนเขมรทุกๆตารางนิ้ว,มันสามารถป้องกันภัยต่างๆได้หมดเกือบทุกๆมิติที่ติดเขมรชาติคนเถื่อนนี้,รัฐบาลหรือทหารสร้างไม่ได้ก็ออกไปสะ,เรา..ประชาชนทั่วประเทศจะลงมือสร้างเอง,ทหารมีไว้ทำไมก็อาจจริงล่ะงานนี้,กลับลิ้นไปมาถือว่าใช้ไม่ได้ ตลอดรัฐบาลนี้ด้วย,หากทำไม่จบ,ก็ออกไปตั้งแต่เดือนนี้เสีย.,นี้คือความมั่นคงอธิปไตยด้านความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเบื้องต้นชัดเจน,จะหวาดกลัวว่าขนของหนีภาษีหรือค้าของเถื่อนในหมู่พวกคนชั่วไม่สามารถที่จะทำการขนของเถื่อนได้ใช่หรือไม่,เกรงใจมันเหรอ เว้นบางจุดให้พอทำมาหากินในหมู่คนชั่วบ้างเช่นนั้นเหรอ,ใครชั่วหนีเข้าออกไทย ไปเขมรก็จะพอรอดพ้นคดีนั้นเหรอ,ในจุดที่ไม่สร้างรั้วลวดหนามนั้น,ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด ต้องมีรั้วลวดหนามทั้งหมด,ใครจะมาใช้ช่องทางธรรมชาติแบบอดีตฝันไปเลย.,ทหารไทย กองทัพไทยอย่าทำลายความเชื่อใจในกองทหารไทย,เพราะก่อนหน้านี้เรา..คนไทยก็เห็นด้วยว่ามีทหารไว้ทำไม ที่หนองจานถูกยึดครองโดยเขมรตั้งแต่ อ.วีระถูกจับ,ตลอดพรมแดนเขมรกับไทย เขมรมันยึดครองด้วยหลายจุดแน่นอนมิใช่แค่11จุดในปัจจุบันที่แฉหรอกเพราะระยะทางมันกว่า800กม.นะ,11จุดแค่จุดเด่นดังเป็นข่าวแค่นั้น,
    ..ทหารไทยอย่าทรยศประชาชนในการสร้างรั้วลวดหนาม,เจตจำนงเดิม จุดยืนต้องชัดเจน ทหารการเมือง นายพลการเมืองสมควรถูกกำจัดออกจากกองทัพไทยได้แล้ว,แบบกะแต่จะเรียกร้องเปิดด่านนั้นล่ะ,การทุจริต คตโกงในกองทัพมันก็มากมายยิ่งในอดีต,แต่เรา..ประชาชนเพียงมองข้ามแค่นั้น, สุดๆอาจยุบกำลังพลทหารทิ้งเลยหากไม่เกิดเหตุบิ๊กกุ้งเอาสถานะศักดิ์ทหารไทยกลับคืนมา,แม่ทัพภาค1,มาด้อยค่าทหารเหยียบซ้ำอีกที่ละเว้นไม่ปฏิบัติการยึดคืนแบบแม่ทัพภาคที่2,บัดสบมาก,เรา..ประชาชนถ้าลงมติได้จะร่วมกันยุบกองทัพภาค1ทิ้งทั้งหมดเลย,ให้กองทัพภาคที่2เข้าควบคุมพื้นที่หน่วยทัพทั้งหมดนี้แท้,อุบาทก์สุดๆคือบ่อนคาสิโนจังหวัดตราด,อยู่บนดินแท้ๆกลับไม่มีตา ไม่รับรู้อะไรถูกอะไรผิด สั่งการในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดพื้นที่1:50,000 ตาม ร.9 เราที่ใช้อัตรานี้ร่วมกับทหารไทยเราทั่วประเทศ.
    ..รัฐบาลอนุทินหากปาหี่ก็สมควรไปก่อนสิ้นเดือนตุลา.นี้เถอะ,แผ่นดินไทยและอธิปไตยไทยตลอดความปลอดถัยของประชาชนไทยเราต้องมาก่อน.
    กำแพงรั้วลวดหนามสำคัญมากกับการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยเราเพื่อตัดตอนเหตุร้า,ยทั้งหมดที่คนเขมรจะก่อขึ้นกับคนไทยเราหรือทางผ่านในการก่ออาชญากรรมทั้งหมดก็ด้วย,กับพวกนี้ คนเขมรนี้ ในหมู่เผ่าพันธุ์สันดานคนทรยศเนรคุณหักหลังไม่ซื่อสัตย์ของจริงคนเขมรพวกนี้ต้องถูกจัดการแบบนีันั้นถูกต้องแล้ว,เวียดนามสร้างรั้วลวดหนามกับมันคนเขมรถือว่าถูกต้องเช่นกัน. ทหารอย่าตีเนียนไม่พยายามสร้างรั้วลวดหนามกำแพงนี้ตลอดแนวเลย, ต้องชัดเจนเหมือนในอดีตในการจะสร้างกำแพงรั้วลวดหนามถาวรจริงตลอดแนวพรมแดน ไม่เว้นช่วงใดๆหรือเฉพาะจุด, ตลอดแนวพรมแดนต้องเห็นกำแพงรั้วลวดหนามกีดกั้นคนเขมรทุกๆตารางนิ้ว,มันสามารถป้องกันภัยต่างๆได้หมดเกือบทุกๆมิติที่ติดเขมรชาติคนเถื่อนนี้,รัฐบาลหรือทหารสร้างไม่ได้ก็ออกไปสะ,เรา..ประชาชนทั่วประเทศจะลงมือสร้างเอง,ทหารมีไว้ทำไมก็อาจจริงล่ะงานนี้,กลับลิ้นไปมาถือว่าใช้ไม่ได้ ตลอดรัฐบาลนี้ด้วย,หากทำไม่จบ,ก็ออกไปตั้งแต่เดือนนี้เสีย.,นี้คือความมั่นคงอธิปไตยด้านความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเบื้องต้นชัดเจน,จะหวาดกลัวว่าขนของหนีภาษีหรือค้าของเถื่อนในหมู่พวกคนชั่วไม่สามารถที่จะทำการขนของเถื่อนได้ใช่หรือไม่,เกรงใจมันเหรอ เว้นบางจุดให้พอทำมาหากินในหมู่คนชั่วบ้างเช่นนั้นเหรอ,ใครชั่วหนีเข้าออกไทย ไปเขมรก็จะพอรอดพ้นคดีนั้นเหรอ,ในจุดที่ไม่สร้างรั้วลวดหนามนั้น,ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด ต้องมีรั้วลวดหนามทั้งหมด,ใครจะมาใช้ช่องทางธรรมชาติแบบอดีตฝันไปเลย.,ทหารไทย กองทัพไทยอย่าทำลายความเชื่อใจในกองทหารไทย,เพราะก่อนหน้านี้เรา..คนไทยก็เห็นด้วยว่ามีทหารไว้ทำไม ที่หนองจานถูกยึดครองโดยเขมรตั้งแต่ อ.วีระถูกจับ,ตลอดพรมแดนเขมรกับไทย เขมรมันยึดครองด้วยหลายจุดแน่นอนมิใช่แค่11จุดในปัจจุบันที่แฉหรอกเพราะระยะทางมันกว่า800กม.นะ,11จุดแค่จุดเด่นดังเป็นข่าวแค่นั้น, ..ทหารไทยอย่าทรยศประชาชนในการสร้างรั้วลวดหนาม,เจตจำนงเดิม จุดยืนต้องชัดเจน ทหารการเมือง นายพลการเมืองสมควรถูกกำจัดออกจากกองทัพไทยได้แล้ว,แบบกะแต่จะเรียกร้องเปิดด่านนั้นล่ะ,การทุจริต คตโกงในกองทัพมันก็มากมายยิ่งในอดีต,แต่เรา..ประชาชนเพียงมองข้ามแค่นั้น, สุดๆอาจยุบกำลังพลทหารทิ้งเลยหากไม่เกิดเหตุบิ๊กกุ้งเอาสถานะศักดิ์ทหารไทยกลับคืนมา,แม่ทัพภาค1,มาด้อยค่าทหารเหยียบซ้ำอีกที่ละเว้นไม่ปฏิบัติการยึดคืนแบบแม่ทัพภาคที่2,บัดสบมาก,เรา..ประชาชนถ้าลงมติได้จะร่วมกันยุบกองทัพภาค1ทิ้งทั้งหมดเลย,ให้กองทัพภาคที่2เข้าควบคุมพื้นที่หน่วยทัพทั้งหมดนี้แท้,อุบาทก์สุดๆคือบ่อนคาสิโนจังหวัดตราด,อยู่บนดินแท้ๆกลับไม่มีตา ไม่รับรู้อะไรถูกอะไรผิด สั่งการในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดพื้นที่1:50,000 ตาม ร.9 เราที่ใช้อัตรานี้ร่วมกับทหารไทยเราทั่วประเทศ. ..รัฐบาลอนุทินหากปาหี่ก็สมควรไปก่อนสิ้นเดือนตุลา.นี้เถอะ,แผ่นดินไทยและอธิปไตยไทยตลอดความปลอดถัยของประชาชนไทยเราต้องมาก่อน.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • ผบ.ทร. ลุยตรวจพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ตั้งแต่หลักเขตที่ 52–59 อ.โป่งน้ำร้อน เตรียมความพร้อมสร้างกำแพงรั้วความมั่นคงถาวร ตามมติ สมช. ชื่นชมโครงการ "คนจันท์ไม่ทิ้งใคร คนไทยไม่ทิ้งกัน"ร่วมสร้างถนนเลียบแนวชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094964

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ผบ.ทร. ลุยตรวจพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ตั้งแต่หลักเขตที่ 52–59 อ.โป่งน้ำร้อน เตรียมความพร้อมสร้างกำแพงรั้วความมั่นคงถาวร ตามมติ สมช. ชื่นชมโครงการ "คนจันท์ไม่ทิ้งใคร คนไทยไม่ทิ้งกัน"ร่วมสร้างถนนเลียบแนวชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094964 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >>

    ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >> ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514
    เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >>

    ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >> ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //


    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >>

    ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >> ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >>

    ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >> ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/65cj7x9n4gM?si=lDvAKEMG1royfSF-
    https://youtu.be/65cj7x9n4gM?si=lDvAKEMG1royfSF-
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568

    ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568 ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    Newsstory : สนธิฝากถึงบวรศักดิ์ กฎหมายกะล่อนใช้เก่ง กฎหมายเพื่อชาติเงียบกริบ

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #บวรศักดิ์
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 0 Reviews
  • เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว!

    เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น:

    เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน

    เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต

    สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ:
    สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต
    ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.)

    หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    ✨ เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว! เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น: เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต ⚙️ สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ: 📌สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต 📌ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.) 🔥 หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • นักการเมืองหลายคน ต้องการตำแหน่ง แต่ถ้าคุณไม่กล้าตัดสินใจ คุณก็คือจระเข้ ขวางคลอง ถ่วงเวลาเปล่าๆ กล้าๆ หน่อยครับ

    https://www.youtube.com/live/PHY35If5p5Q?si=gF0TXh6cFszuY_fi
    นักการเมืองหลายคน ต้องการตำแหน่ง แต่ถ้าคุณไม่กล้าตัดสินใจ คุณก็คือจระเข้ ขวางคลอง ถ่วงเวลาเปล่าๆ กล้าๆ หน่อยครับ https://www.youtube.com/live/PHY35If5p5Q?si=gF0TXh6cFszuY_fi
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน”

    ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่

    เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz

    ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000)

    แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS
    ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ
    GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม
    ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17%
    ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal
    TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก
    แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ
    การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป
    Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่
    Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก
    การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน

    https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    ⚙️ “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน” ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000) แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS ➡️ ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ ➡️ GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม ➡️ ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17% ➡️ ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal ➡️ TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก ➡️ แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ ➡️ การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป ➡️ Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่ ➡️ Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก ➡️ การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    WCCFTECH.COM
    User Upgrades GeForce RTX 5050 To RTX 5050 "Ti"; Breaks Multiple World Records
    A user modded his GeForce RTX 5050 by replacing its cooler and flashing its BIOS, closing the gap between RTX 5050 and RTX 5060.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ”

    หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025

    ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ

    Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

    AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป

    รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข
    ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน
    หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย
    มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ
    AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่
    การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล
    รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย
    ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่
    FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง
    ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    🌐 “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ” หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข ➡️ ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน ➡️ หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย ➡️ มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ ➡️ AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่ ➡️ การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล ➡️ รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย ➡️ ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ ➡️ FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง ➡️ ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face”

    ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน

    TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง

    สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง

    TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง
    ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา
    อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง
    ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน
    หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน
    เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล
    เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ
    TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI
    MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training
    การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง
    การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล
    การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน

    https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    📊 “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face” ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง ➡️ ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา ➡️ อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง ➡️ ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน ➡️ หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน ➡️ เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล ➡️ เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ ➡️ TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI ➡️ MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training ➡️ การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง ➡️ การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล ➡️ การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • “ศึก GPU สำหรับสายครีเอทีฟ: Nvidia นำโด่งทุกสนาม ขณะที่ Intel แอบแจ้งเกิดในงาน AI และ AMD ยืนหยัดในตลาดกลาง”

    ในยุคที่งานสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่เรื่องของศิลปะ แต่เป็นการประมวลผลระดับสูง ทั้งการตัดต่อวิดีโอแบบเรียลไทม์ การเรนเดอร์ 3D และการใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหา GPU จึงกลายเป็นหัวใจของเวิร์กโฟลว์สายครีเอทีฟ ล่าสุด TechRadar ได้เผยผลการทดสอบจาก PugetSystem ที่เปรียบเทียบ GPU รุ่นใหม่จาก Nvidia, AMD และ Intel ในงาน content creation และ AI

    ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า Nvidia ยังคงครองบัลลังก์ โดยเฉพาะ RTX 5090 ที่ทำคะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ เช่น Blender, V-Ray และ Octane แม้รุ่นอื่นในซีรีส์ 50 จะยังไม่ทิ้งห่างจากซีรีส์ 40 มากนัก แต่ RTX 5090 กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับสายงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    AMD เข้ามาในตลาดด้วย RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ซึ่งมีผลลัพธ์ผสมผสาน บางงานเช่น LongGOP codec กลับทำได้ดีกว่า Nvidia แต่ในงาน 3D และ ray tracing ยังตามหลังอยู่ โดย RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านการใช้พลังงานต่ำและราคาที่เข้าถึงได้

    Intel กลายเป็นม้ามืดที่น่าสนใจ โดย Arc GPU แม้ยังไม่เหมาะกับงานตัดต่อระดับมืออาชีพ แต่กลับทำผลงานได้ดีในงาน AI inference เช่น MLPerf Client โดยเฉพาะการสร้าง token แรกที่เร็วที่สุดในกลุ่ม และมีราคาต่อประสิทธิภาพที่คุ้มค่า เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง

    ในภาพรวม Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ AMD และ Intel เสนอทางเลือกที่น่าสนใจในบางเวิร์กโหลดหรือระดับราคาที่ต่างกัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia RTX 5090 ทำคะแนนสูงสุดในงานเรนเดอร์ เช่น Blender, V-Ray, Octane
    RTX 5090 แรงกว่ารุ่น RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ
    GPU ซีรีส์ 50 รุ่นอื่นยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับซีรีส์ 40
    AMD RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ทำผลงานดีในบาง codec แต่ยังตามหลังในงาน 3D
    RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านพลังงานต่ำและราคาคุ้มค่า
    Intel Arc GPU ทำผลงานดีในงาน AI inference โดยเฉพาะ MLPerf Client
    Intel มีราคาต่อประสิทธิภาพที่ดี เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง
    Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความเสถียร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RTX 5090 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core รุ่นที่ 5 และ GDDR7
    RX 9070 XT ใช้ RDNA4 พร้อม Ray Accelerator รุ่นที่ 3 และ AI Engine รุ่นที่ 2
    Intel Arc Battlemage A980 รองรับ OpenVINO และ oneAPI สำหรับงาน AI
    MLPerf เป็นมาตรฐานการทดสอบ AI ที่วัดความเร็วในการประมวลผลโมเดล
    CUDA และ RTX ยังคงเป็นพื้นฐานของซอฟต์แวร์เรนเดอร์ส่วนใหญ่ ทำให้ Nvidia ได้เปรียบ

    https://www.techradar.com/pro/which-gpu-is-best-for-content-creation-well-nvidia-seems-to-have-all-the-answers-to-that-question-but-intel-is-the-dark-horse
    🎨 “ศึก GPU สำหรับสายครีเอทีฟ: Nvidia นำโด่งทุกสนาม ขณะที่ Intel แอบแจ้งเกิดในงาน AI และ AMD ยืนหยัดในตลาดกลาง” ในยุคที่งานสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่เรื่องของศิลปะ แต่เป็นการประมวลผลระดับสูง ทั้งการตัดต่อวิดีโอแบบเรียลไทม์ การเรนเดอร์ 3D และการใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหา GPU จึงกลายเป็นหัวใจของเวิร์กโฟลว์สายครีเอทีฟ ล่าสุด TechRadar ได้เผยผลการทดสอบจาก PugetSystem ที่เปรียบเทียบ GPU รุ่นใหม่จาก Nvidia, AMD และ Intel ในงาน content creation และ AI ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า Nvidia ยังคงครองบัลลังก์ โดยเฉพาะ RTX 5090 ที่ทำคะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ เช่น Blender, V-Ray และ Octane แม้รุ่นอื่นในซีรีส์ 50 จะยังไม่ทิ้งห่างจากซีรีส์ 40 มากนัก แต่ RTX 5090 กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับสายงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด AMD เข้ามาในตลาดด้วย RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ซึ่งมีผลลัพธ์ผสมผสาน บางงานเช่น LongGOP codec กลับทำได้ดีกว่า Nvidia แต่ในงาน 3D และ ray tracing ยังตามหลังอยู่ โดย RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านการใช้พลังงานต่ำและราคาที่เข้าถึงได้ Intel กลายเป็นม้ามืดที่น่าสนใจ โดย Arc GPU แม้ยังไม่เหมาะกับงานตัดต่อระดับมืออาชีพ แต่กลับทำผลงานได้ดีในงาน AI inference เช่น MLPerf Client โดยเฉพาะการสร้าง token แรกที่เร็วที่สุดในกลุ่ม และมีราคาต่อประสิทธิภาพที่คุ้มค่า เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง ในภาพรวม Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ AMD และ Intel เสนอทางเลือกที่น่าสนใจในบางเวิร์กโหลดหรือระดับราคาที่ต่างกัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia RTX 5090 ทำคะแนนสูงสุดในงานเรนเดอร์ เช่น Blender, V-Ray, Octane ➡️ RTX 5090 แรงกว่ารุ่น RTX 4090 ถึง 20–30% ในหลายการทดสอบ ➡️ GPU ซีรีส์ 50 รุ่นอื่นยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับซีรีส์ 40 ➡️ AMD RX 7900 XTX และ RX 9070 XT ทำผลงานดีในบาง codec แต่ยังตามหลังในงาน 3D ➡️ RX 9070 XT มีจุดเด่นด้านพลังงานต่ำและราคาคุ้มค่า ➡️ Intel Arc GPU ทำผลงานดีในงาน AI inference โดยเฉพาะ MLPerf Client ➡️ Intel มีราคาต่อประสิทธิภาพที่ดี เหมาะกับงานทดลองหรือระบบรอง ➡️ Nvidia ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความเสถียร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RTX 5090 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core รุ่นที่ 5 และ GDDR7 ➡️ RX 9070 XT ใช้ RDNA4 พร้อม Ray Accelerator รุ่นที่ 3 และ AI Engine รุ่นที่ 2 ➡️ Intel Arc Battlemage A980 รองรับ OpenVINO และ oneAPI สำหรับงาน AI ➡️ MLPerf เป็นมาตรฐานการทดสอบ AI ที่วัดความเร็วในการประมวลผลโมเดล ➡️ CUDA และ RTX ยังคงเป็นพื้นฐานของซอฟต์แวร์เรนเดอร์ส่วนใหญ่ ทำให้ Nvidia ได้เปรียบ https://www.techradar.com/pro/which-gpu-is-best-for-content-creation-well-nvidia-seems-to-have-all-the-answers-to-that-question-but-intel-is-the-dark-horse
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA รองรับฮาร์ดดิสก์ 70 ลูก — จุข้อมูลได้เกือบ 3PB พร้อมฟีเจอร์ระดับศูนย์ข้อมูลยุค AI”

    AIC ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรเปิดตัว SB407-VA เซิร์ฟเวอร์แบบ 4U ความหนาแน่นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI, การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ โดยจุดเด่นคือสามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์และ SSD ได้รวมถึง 70 ลูก รองรับความจุรวมเกือบ 3PB (เปตะไบต์) แบบ raw storage

    ตัวเครื่องรองรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบ hot-swappable ได้ถึง 60 ช่อง, SSD ขนาด 2.5 นิ้วอีก 8 ช่อง และ M.2 อีก 2 ช่อง พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow, พัดลมสำรองแบบ hot-swap และแหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง

    ภายในใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 รองรับ DDR5 และ PCIe Gen5 ทำให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ได้หลากหลาย พร้อมช่อง PCIe Gen5 หลายช่องสำหรับการขยายระบบ

    แม้จะมีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วจำนวนมาก แต่ผู้เขียนบทความตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมไม่มี SSD ขนาด 3.5 นิ้วเลย?” ซึ่งคำตอบคือ SSD ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพราะชิปแฟลชและคอนโทรลเลอร์มีขนาดเล็กมาก การเพิ่มขนาดจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ก็หันมาใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้วเพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความจุต่อแร็ค

    ด้วยขนาด 434 x 853 x 176 มม. และน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม SB407-VA จึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อัดแน่นทั้งพลังประมวลผลและความจุในพื้นที่เดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่พร้อมความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อและการจัดการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA แบบ 4U รองรับฮาร์ดดิสก์และ SSD รวม 70 ลูก
    รองรับ 60 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว, 8 ช่อง SSD 2.5 นิ้ว และ 2 ช่อง M.2
    ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 พร้อม DDR5 และ PCIe Gen5
    รองรับการเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA
    ระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow และพัดลมสำรอง hot-swap
    แหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียร
    ความจุรวมเกือบ 3PB แบบ raw storage
    ขนาดเครื่อง 434 x 853 x 176 มม. น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม
    เหมาะสำหรับงานด้าน AI, data analytics และ data lake ขนาดใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SSD ขนาด 3.5 นิ้วไม่เป็นที่นิยม เพราะชิปแฟลชใช้พื้นที่น้อยและต้นทุนสูงหากขยายขนาด
    SSD ขนาด 2.5 นิ้วช่วยให้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มความจุในพื้นที่จำกัดได้ดีกว่า
    PCIe Gen5 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64GB/s เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง
    Xeon Scalable Gen 5 รองรับการประมวลผลแบบ multi-socket และ AI acceleration
    ระบบ hot-swap ช่วยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ลด downtime

    https://www.techradar.com/pro/you-can-put-70-ssds-and-hdds-in-this-case-to-deliver-almost-3pb-capacity-and-it-got-me-thinking-why-arent-there-any-3-5-inch-ssds
    🧮 “AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA รองรับฮาร์ดดิสก์ 70 ลูก — จุข้อมูลได้เกือบ 3PB พร้อมฟีเจอร์ระดับศูนย์ข้อมูลยุค AI” AIC ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรเปิดตัว SB407-VA เซิร์ฟเวอร์แบบ 4U ความหนาแน่นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI, การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ โดยจุดเด่นคือสามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์และ SSD ได้รวมถึง 70 ลูก รองรับความจุรวมเกือบ 3PB (เปตะไบต์) แบบ raw storage ตัวเครื่องรองรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบ hot-swappable ได้ถึง 60 ช่อง, SSD ขนาด 2.5 นิ้วอีก 8 ช่อง และ M.2 อีก 2 ช่อง พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow, พัดลมสำรองแบบ hot-swap และแหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง ภายในใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 รองรับ DDR5 และ PCIe Gen5 ทำให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ได้หลากหลาย พร้อมช่อง PCIe Gen5 หลายช่องสำหรับการขยายระบบ แม้จะมีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วจำนวนมาก แต่ผู้เขียนบทความตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมไม่มี SSD ขนาด 3.5 นิ้วเลย?” ซึ่งคำตอบคือ SSD ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพราะชิปแฟลชและคอนโทรลเลอร์มีขนาดเล็กมาก การเพิ่มขนาดจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ก็หันมาใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้วเพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความจุต่อแร็ค ด้วยขนาด 434 x 853 x 176 มม. และน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม SB407-VA จึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อัดแน่นทั้งพลังประมวลผลและความจุในพื้นที่เดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่พร้อมความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อและการจัดการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA แบบ 4U รองรับฮาร์ดดิสก์และ SSD รวม 70 ลูก ➡️ รองรับ 60 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว, 8 ช่อง SSD 2.5 นิ้ว และ 2 ช่อง M.2 ➡️ ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 พร้อม DDR5 และ PCIe Gen5 ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ➡️ ระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow และพัดลมสำรอง hot-swap ➡️ แหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียร ➡️ ความจุรวมเกือบ 3PB แบบ raw storage ➡️ ขนาดเครื่อง 434 x 853 x 176 มม. น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม ➡️ เหมาะสำหรับงานด้าน AI, data analytics และ data lake ขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SSD ขนาด 3.5 นิ้วไม่เป็นที่นิยม เพราะชิปแฟลชใช้พื้นที่น้อยและต้นทุนสูงหากขยายขนาด ➡️ SSD ขนาด 2.5 นิ้วช่วยให้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มความจุในพื้นที่จำกัดได้ดีกว่า ➡️ PCIe Gen5 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64GB/s เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ Xeon Scalable Gen 5 รองรับการประมวลผลแบบ multi-socket และ AI acceleration ➡️ ระบบ hot-swap ช่วยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ลด downtime https://www.techradar.com/pro/you-can-put-70-ssds-and-hdds-in-this-case-to-deliver-almost-3pb-capacity-and-it-got-me-thinking-why-arent-there-any-3-5-inch-ssds
    WWW.TECHRADAR.COM
    With 60 HDD bays and 8 SSD slots, AIC's SB407-VA delivers almost 3PB capacity
    AIC's SB407-VA server supports NVMe, SAS, SATA connectivity with scalable drive options
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด”

    กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical

    แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค

    เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน

    DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย
    มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด
    Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง
    DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้
    DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
    ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ
    หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต
    CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์
    การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่
    J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025
    กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    🧨 “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด” กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย ➡️ มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด ➡️ Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง ➡️ DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้ ➡️ DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ➡️ ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ ➡️ หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต ➡️ CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์ ➡️ การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ➡️ J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025 ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว

    Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง

    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่

    ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์

    นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย
    สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่
    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521
    Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง
    ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert
    ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint
    ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft
    ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT
    Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ
    การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ
    Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย
    Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย
    การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    🛠️ “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่ ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย ➡️ สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่ ➡️ ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 ➡️ Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง ➡️ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert ➡️ ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint ➡️ ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft ➡️ ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT ➡️ Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ➡️ การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ ➡️ Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย ➡️ Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย ➡️ การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI)

    รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร

    แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023

    ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล
    ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI
    ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม
    เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ
    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน
    โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023
    ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด
    การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม
    Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น
    ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด
    การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน

    https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    🛡️ “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI) รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล ➡️ ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI ➡️ ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม ➡️ เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ ➡️ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น ➡️ กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน ➡️ โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ➡️ ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด ➡️ การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม ➡️ Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น ➡️ ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด ➡️ การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    WWW.TECHRADAR.COM
    US Department of War reduces cybersecurity training, tells soldiers to focus on their mission
    Cybersecurity training is apparently no longer a priority for the US armed forces
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • “DrayTek เตือนช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Vigor — เสี่ยงถูกแฮกผ่าน WebUI หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์”

    DrayTek ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายชื่อดังจากไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงในเราเตอร์รุ่น Vigor ซึ่งนิยมใช้ในธุรกิจขนาดเล็กและระดับ prosumer โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-10547 และเกิดจาก “ค่าตัวแปรที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าเริ่มต้น” ในเฟิร์มแวร์ DrayOS ที่ใช้ในอุปกรณ์เหล่านี้

    ช่องโหว่นี้สามารถถูกโจมตีได้ผ่าน WebUI (Web User Interface) โดยผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถส่งคำสั่ง HTTP หรือ HTTPS ที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อทำให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำ หรือแม้แต่การรันโค้ดจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ซึ่งอาจนำไปสู่การควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด

    แม้ DrayTek จะระบุว่าช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และมีการตั้งค่า ACL ที่ผิดพลาด แต่ก็เตือนว่าผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้เช่นกัน หาก WebUI ยังเปิดใช้งานอยู่

    นักวิจัย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ อธิบายว่าเป็นการใช้ค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าใน stack ซึ่งสามารถนำไปสู่การเรียกใช้ฟังก์ชัน free() บนหน่วยความจำที่ไม่ได้รับอนุญาต — เทคนิคที่เรียกว่า “arbitrary free” ซึ่งสามารถนำไปสู่การรันโค้ดแปลกปลอมได้

    DrayTek ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เปิดใช้งาน WebUI หรือ VPN จากภายนอก ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในขณะนี้ แต่ด้วยความนิยมของ Vigor ในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูงหากไม่รีบดำเนินการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-10547 เกิดจากค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าในเฟิร์มแวร์ DrayOS
    ส่งผลให้เกิด memory corruption, system crash และอาจนำไปสู่ remote code execution
    ช่องโหว่ถูกค้นพบโดย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision
    การโจมตีสามารถทำได้ผ่าน WebUI ด้วยคำสั่ง HTTP/HTTPS ที่ปรับแต่ง
    ส่งผลเฉพาะเมื่อเปิด WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และ ACL ตั้งค่าผิด
    ผู้โจมตีในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้ หาก WebUI ยังเปิดอยู่
    DrayTek ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที
    Vigor เป็นเราเตอร์ที่นิยมในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูง
    ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ควรดำเนินการเชิงป้องกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Remote Code Execution (RCE) เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุด เพราะเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล
    ACL (Access Control List) คือระบบควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งหากตั้งค่าผิดอาจเปิดช่องให้โจมตีได้
    WebUI เป็นอินเทอร์เฟซที่ใช้จัดการเราเตอร์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
    การโจมตีผ่าน WebUI มักใช้ในแคมเปญ botnet หรือการขโมยข้อมูล
    SMB มักไม่มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายบ่อย

    https://www.techradar.com/pro/security/draytek-warns-vigor-routers-may-have-serious-security-flaws-heres-what-we-know
    🔐 “DrayTek เตือนช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Vigor — เสี่ยงถูกแฮกผ่าน WebUI หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์” DrayTek ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายชื่อดังจากไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงในเราเตอร์รุ่น Vigor ซึ่งนิยมใช้ในธุรกิจขนาดเล็กและระดับ prosumer โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-10547 และเกิดจาก “ค่าตัวแปรที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าเริ่มต้น” ในเฟิร์มแวร์ DrayOS ที่ใช้ในอุปกรณ์เหล่านี้ ช่องโหว่นี้สามารถถูกโจมตีได้ผ่าน WebUI (Web User Interface) โดยผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถส่งคำสั่ง HTTP หรือ HTTPS ที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อทำให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำ หรือแม้แต่การรันโค้ดจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ซึ่งอาจนำไปสู่การควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด แม้ DrayTek จะระบุว่าช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และมีการตั้งค่า ACL ที่ผิดพลาด แต่ก็เตือนว่าผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้เช่นกัน หาก WebUI ยังเปิดใช้งานอยู่ นักวิจัย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ อธิบายว่าเป็นการใช้ค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าใน stack ซึ่งสามารถนำไปสู่การเรียกใช้ฟังก์ชัน free() บนหน่วยความจำที่ไม่ได้รับอนุญาต — เทคนิคที่เรียกว่า “arbitrary free” ซึ่งสามารถนำไปสู่การรันโค้ดแปลกปลอมได้ DrayTek ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เปิดใช้งาน WebUI หรือ VPN จากภายนอก ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในขณะนี้ แต่ด้วยความนิยมของ Vigor ในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูงหากไม่รีบดำเนินการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-10547 เกิดจากค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าในเฟิร์มแวร์ DrayOS ➡️ ส่งผลให้เกิด memory corruption, system crash และอาจนำไปสู่ remote code execution ➡️ ช่องโหว่ถูกค้นพบโดย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ➡️ การโจมตีสามารถทำได้ผ่าน WebUI ด้วยคำสั่ง HTTP/HTTPS ที่ปรับแต่ง ➡️ ส่งผลเฉพาะเมื่อเปิด WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และ ACL ตั้งค่าผิด ➡️ ผู้โจมตีในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้ หาก WebUI ยังเปิดอยู่ ➡️ DrayTek ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที ➡️ Vigor เป็นเราเตอร์ที่นิยมในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูง ➡️ ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ควรดำเนินการเชิงป้องกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Remote Code Execution (RCE) เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุด เพราะเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ➡️ ACL (Access Control List) คือระบบควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งหากตั้งค่าผิดอาจเปิดช่องให้โจมตีได้ ➡️ WebUI เป็นอินเทอร์เฟซที่ใช้จัดการเราเตอร์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ➡️ การโจมตีผ่าน WebUI มักใช้ในแคมเปญ botnet หรือการขโมยข้อมูล ➡️ SMB มักไม่มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายบ่อย https://www.techradar.com/pro/security/draytek-warns-vigor-routers-may-have-serious-security-flaws-heres-what-we-know
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • “Jules Tools: Google เปิดตัว CLI และ API สำหรับ AI Coding Agent — เชื่อมต่อเวิร์กโฟลว์นักพัฒนาแบบไร้รอยต่อ”

    หลังจากเปิดตัว “Jules” ไปเมื่อสองเดือนก่อน Google ก็เดินหน้าขยายความสามารถของ AI coding agent ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว “Jules Tools” ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือใหม่ที่ประกอบด้วย CLI (Command-Line Interface) และ API สาธารณะ เพื่อให้ Jules เข้าไปอยู่ในเวิร์กโฟลว์ของนักพัฒนาได้อย่างลื่นไหล

    Jules Tools ถูกออกแบบมาให้ “เบาและเร็ว” โดยสามารถเรียกใช้งาน Jules ได้จากเทอร์มินัลโดยตรง ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเว็บหรือ GitHub อีกต่อไป นักพัฒนาสามารถใช้คำสั่งเพื่อให้ Jules แก้บั๊ก, สร้างโค้ดใหม่, หรือปรับปรุงโมดูลต่าง ๆ ได้แบบ asynchronous — ทำงานเบื้องหลังโดยไม่รบกวนการเขียนโค้ดหลัก

    นอกจากนี้ Google ยังเปิด API ของ Jules ให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เฉพาะภายในบริษัทเท่านั้น นักพัฒนาสามารถนำ API ไปเชื่อมกับระบบ CI/CD, IDE หรือแม้แต่ Slack เพื่อให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมี pull request หรือการเปลี่ยนแปลงใน repository

    Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจบริบทของโปรเจกต์ได้ดีขึ้น และสามารถจดจำประวัติการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับคำแนะนำให้เหมาะสมมากขึ้น ทำให้ Jules กลายเป็นเหมือน “คู่หูโปรแกรมเมอร์” ที่รู้จักสไตล์การเขียนโค้ดของคุณ

    แม้จะมีคู่แข่งในตลาด AI coding agent มากมาย เช่น GitHub Copilot หรือ Claude Code แต่ Jules แตกต่างตรงที่เน้นการทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์ของทีมได้อย่างยืดหยุ่น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Google เปิดตัว Jules Tools ซึ่งประกอบด้วย CLI และ API สำหรับ AI coding agent Jules
    CLI ช่วยให้เรียกใช้งาน Jules จากเทอร์มินัลได้โดยตรงแบบ asynchronous
    API เปิดให้ใช้งานสาธารณะแล้ว สามารถเชื่อมกับ CI/CD, IDE, Slack ฯลฯ
    Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ที่เข้าใจบริบทโปรเจกต์และจดจำประวัติผู้ใช้
    นักพัฒนาสามารถใช้ Jules เพื่อแก้บั๊ก, สร้างโค้ด, ปรับปรุงโมดูล ได้แบบไม่ต้องออกจากเทอร์มินัล
    Jules Tools รองรับการติดตั้งผ่าน Python หรือ Node.js และใช้ GitHub token หรือ API key
    สามารถใช้ Jules เพื่อ enforce coding style และลดเวลาในการ review โค้ด
    Jules ทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก เหมาะกับงานที่มีขอบเขตชัดเจน
    Google มีแผนสร้าง plugin สำหรับ IDE เพิ่มเติมในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini 2.5 เป็นโมเดล AI ที่มีความสามารถด้าน memory และ context tracking สูง
    การทำงานแบบ asynchronous ช่วยลด context switching และเพิ่ม productivity
    การเชื่อมต่อกับ CI/CD pipeline ช่วยให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโค้ด
    การใช้ CLI ทำให้ไม่ต้องพึ่งพา IDE ใด IDE หนึ่ง — ใช้งานได้ทุกที่ที่มีเทอร์มินัล
    API ของ Jules สามารถใช้สร้างระบบ automation สำหรับทีม devops ได้

    https://www.techradar.com/pro/googles-ai-coding-agent-jules-is-getting-new-command-line-tools
    🧑‍💻 “Jules Tools: Google เปิดตัว CLI และ API สำหรับ AI Coding Agent — เชื่อมต่อเวิร์กโฟลว์นักพัฒนาแบบไร้รอยต่อ” หลังจากเปิดตัว “Jules” ไปเมื่อสองเดือนก่อน Google ก็เดินหน้าขยายความสามารถของ AI coding agent ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว “Jules Tools” ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือใหม่ที่ประกอบด้วย CLI (Command-Line Interface) และ API สาธารณะ เพื่อให้ Jules เข้าไปอยู่ในเวิร์กโฟลว์ของนักพัฒนาได้อย่างลื่นไหล Jules Tools ถูกออกแบบมาให้ “เบาและเร็ว” โดยสามารถเรียกใช้งาน Jules ได้จากเทอร์มินัลโดยตรง ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเว็บหรือ GitHub อีกต่อไป นักพัฒนาสามารถใช้คำสั่งเพื่อให้ Jules แก้บั๊ก, สร้างโค้ดใหม่, หรือปรับปรุงโมดูลต่าง ๆ ได้แบบ asynchronous — ทำงานเบื้องหลังโดยไม่รบกวนการเขียนโค้ดหลัก นอกจากนี้ Google ยังเปิด API ของ Jules ให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เฉพาะภายในบริษัทเท่านั้น นักพัฒนาสามารถนำ API ไปเชื่อมกับระบบ CI/CD, IDE หรือแม้แต่ Slack เพื่อให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมี pull request หรือการเปลี่ยนแปลงใน repository Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจบริบทของโปรเจกต์ได้ดีขึ้น และสามารถจดจำประวัติการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับคำแนะนำให้เหมาะสมมากขึ้น ทำให้ Jules กลายเป็นเหมือน “คู่หูโปรแกรมเมอร์” ที่รู้จักสไตล์การเขียนโค้ดของคุณ แม้จะมีคู่แข่งในตลาด AI coding agent มากมาย เช่น GitHub Copilot หรือ Claude Code แต่ Jules แตกต่างตรงที่เน้นการทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์ของทีมได้อย่างยืดหยุ่น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Google เปิดตัว Jules Tools ซึ่งประกอบด้วย CLI และ API สำหรับ AI coding agent Jules ➡️ CLI ช่วยให้เรียกใช้งาน Jules จากเทอร์มินัลได้โดยตรงแบบ asynchronous ➡️ API เปิดให้ใช้งานสาธารณะแล้ว สามารถเชื่อมกับ CI/CD, IDE, Slack ฯลฯ ➡️ Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ที่เข้าใจบริบทโปรเจกต์และจดจำประวัติผู้ใช้ ➡️ นักพัฒนาสามารถใช้ Jules เพื่อแก้บั๊ก, สร้างโค้ด, ปรับปรุงโมดูล ได้แบบไม่ต้องออกจากเทอร์มินัล ➡️ Jules Tools รองรับการติดตั้งผ่าน Python หรือ Node.js และใช้ GitHub token หรือ API key ➡️ สามารถใช้ Jules เพื่อ enforce coding style และลดเวลาในการ review โค้ด ➡️ Jules ทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก เหมาะกับงานที่มีขอบเขตชัดเจน ➡️ Google มีแผนสร้าง plugin สำหรับ IDE เพิ่มเติมในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini 2.5 เป็นโมเดล AI ที่มีความสามารถด้าน memory และ context tracking สูง ➡️ การทำงานแบบ asynchronous ช่วยลด context switching และเพิ่ม productivity ➡️ การเชื่อมต่อกับ CI/CD pipeline ช่วยให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโค้ด ➡️ การใช้ CLI ทำให้ไม่ต้องพึ่งพา IDE ใด IDE หนึ่ง — ใช้งานได้ทุกที่ที่มีเทอร์มินัล ➡️ API ของ Jules สามารถใช้สร้างระบบ automation สำหรับทีม devops ได้ https://www.techradar.com/pro/googles-ai-coding-agent-jules-is-getting-new-command-line-tools
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google's AI coding agent Jules is getting new command line tools
    Google says Jules Tools is a new “lightweight” CLI
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ”

    ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก

    เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์

    นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก

    อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน

    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน
    อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก
    เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน
    ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร
    ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน
    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้
    เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก
    การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน
    การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้
    บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    🚀 “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ” ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์ นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน ➡️ อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน ➡️ ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร ➡️ ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ➡️ เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก ➡️ การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน ➡️ การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้ ➡️ บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ➡️ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%”

    ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน

    ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ

    ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้
    ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล
    เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา
    ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน
    ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90%
    ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ
    โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing”
    Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ
    การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล
    การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ
    Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก
    การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    🌊 “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%” ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025 แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล ➡️ เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา ➡️ ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน ➡️ ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% ➡️ ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ ➡️ โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” ➡️ Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล ➡️ การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ ➡️ Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก ➡️ การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
More Results