• เรื่องเล่าจากข่าว: “ช่องว่างแห่งความมั่นใจ” ที่อาจทำให้องค์กรพังโดยไม่รู้ตัว

    รายงานจาก Bitdefender และ Darktrace ในปี 2025 เผยให้เห็นช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กับทีมปฏิบัติการด้านไซเบอร์ (security practitioners) อย่างชัดเจน

    - 45% ของ CISO เชื่อว่าระบบขององค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดี
    - แต่มีเพียง 19% ของผู้จัดการระดับกลางที่เห็นด้วย
    - และเมื่อพูดถึงภัยจาก AI มีถึง 62% ของผู้บริหารที่มั่นใจว่าจะรับมือได้ แต่ทีมปฏิบัติการกลับมั่นใจแค่ 49%

    เหตุผลหลักคือ ผู้บริหารมักดูข้อมูลจาก dashboard และรายงานสรุป ในขณะที่ทีมปฏิบัติการต้องรับมือกับความจริงที่ซับซ้อน เช่น ระบบเก่า, การแจ้งเตือนล้นระบบ, และการขาดทรัพยากร

    ผลที่ตามมาคือการลงทุนผิดจุด เช่น เน้น compliance มากกว่าการพัฒนาเครื่องมือรับมือภัยจริง และการประเมินความเสี่ยงที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

    CISO มั่นใจในความปลอดภัยขององค์กรมากกว่าทีมปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ
    45% ของผู้บริหารมั่นใจเทียบกับ 19% ของผู้จัดการระดับกลาง
    ช่องว่างนี้ส่งผลต่อการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน

    ภัยคุกคามจาก AI ถูกประเมินต่ำเกินไปโดยผู้บริหาร
    62% ของผู้บริหารมั่นใจว่าจะรับมือได้
    แต่ทีมปฏิบัติการเห็นว่าระบบยังไม่พร้อม และขาดความเข้าใจใน AI

    ทีมปฏิบัติการเผชิญกับความเครียดจากการแจ้งเตือนล้นระบบและเครื่องมือที่ไม่เชื่อมโยงกัน
    ทำให้มองเห็นปัญหาที่ผู้บริหารไม่เคยสัมผัส
    เช่น legacy systems, alert fatigue, และ policy ที่ไม่สอดคล้องกัน

    การลงทุนมักเน้น compliance และ visibility มากกว่าการพัฒนา core capabilities
    เช่น detection engineering, incident response, threat containment
    ส่งผลให้ระบบไม่พร้อมรับมือภัยจริง

    Darktrace พบว่า 78% ของ CISO เห็นว่า AI มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างมาก
    แต่มีเพียง 42% ของผู้ปฏิบัติการที่เข้าใจว่า AI ในระบบคืออะไร
    ช่องว่างความรู้ทำให้การใช้ AI เพื่อป้องกันภัยยังไม่เต็มประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/4031648/mind-the-overconfidence-gap-cisos-and-staff-dont-see-eye-to-eye-on-security-posture.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “ช่องว่างแห่งความมั่นใจ” ที่อาจทำให้องค์กรพังโดยไม่รู้ตัว รายงานจาก Bitdefender และ Darktrace ในปี 2025 เผยให้เห็นช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กับทีมปฏิบัติการด้านไซเบอร์ (security practitioners) อย่างชัดเจน - 45% ของ CISO เชื่อว่าระบบขององค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดี - แต่มีเพียง 19% ของผู้จัดการระดับกลางที่เห็นด้วย - และเมื่อพูดถึงภัยจาก AI มีถึง 62% ของผู้บริหารที่มั่นใจว่าจะรับมือได้ แต่ทีมปฏิบัติการกลับมั่นใจแค่ 49% เหตุผลหลักคือ ผู้บริหารมักดูข้อมูลจาก dashboard และรายงานสรุป ในขณะที่ทีมปฏิบัติการต้องรับมือกับความจริงที่ซับซ้อน เช่น ระบบเก่า, การแจ้งเตือนล้นระบบ, และการขาดทรัพยากร ผลที่ตามมาคือการลงทุนผิดจุด เช่น เน้น compliance มากกว่าการพัฒนาเครื่องมือรับมือภัยจริง และการประเมินความเสี่ยงที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ✅ CISO มั่นใจในความปลอดภัยขององค์กรมากกว่าทีมปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ 45% ของผู้บริหารมั่นใจเทียบกับ 19% ของผู้จัดการระดับกลาง ➡️ ช่องว่างนี้ส่งผลต่อการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน ✅ ภัยคุกคามจาก AI ถูกประเมินต่ำเกินไปโดยผู้บริหาร ➡️ 62% ของผู้บริหารมั่นใจว่าจะรับมือได้ ➡️ แต่ทีมปฏิบัติการเห็นว่าระบบยังไม่พร้อม และขาดความเข้าใจใน AI ✅ ทีมปฏิบัติการเผชิญกับความเครียดจากการแจ้งเตือนล้นระบบและเครื่องมือที่ไม่เชื่อมโยงกัน ➡️ ทำให้มองเห็นปัญหาที่ผู้บริหารไม่เคยสัมผัส ➡️ เช่น legacy systems, alert fatigue, และ policy ที่ไม่สอดคล้องกัน ✅ การลงทุนมักเน้น compliance และ visibility มากกว่าการพัฒนา core capabilities ➡️ เช่น detection engineering, incident response, threat containment ➡️ ส่งผลให้ระบบไม่พร้อมรับมือภัยจริง ✅ Darktrace พบว่า 78% ของ CISO เห็นว่า AI มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างมาก ➡️ แต่มีเพียง 42% ของผู้ปฏิบัติการที่เข้าใจว่า AI ในระบบคืออะไร ➡️ ช่องว่างความรู้ทำให้การใช้ AI เพื่อป้องกันภัยยังไม่เต็มประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/4031648/mind-the-overconfidence-gap-cisos-and-staff-dont-see-eye-to-eye-on-security-posture.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Mind the overconfidence gap: CISOs and staff don’t see eye to eye on security posture
    Security executives may be prone to believing cyber defenses are stronger than front-line staff see them to be, thereby distorting spending priorities and creating a false sense of security.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากคลัสเตอร์แห่งอนาคต: xAI กับภารกิจสร้างสมองกลระดับ ExaFLOPS

    Elon Musk เผยว่า xAI ตั้งเป้าจะมีพลังประมวลผลเทียบเท่า 50 ล้านหน่วยของ Nvidia H100 ภายในปี 2030 ซึ่งหมายถึงการสร้างระบบที่สามารถประมวลผลได้ถึง 50 ExaFLOPS สำหรับการฝึก AI โดยไม่จำเป็นต้องใช้ GPU จริงจำนวน 50 ล้านตัว แต่ใช้เป็นหน่วยวัดเทียบเคียง

    แม้จะมีการพัฒนา GPU รุ่นใหม่ เช่น Blackwell และ Feynman Ultra ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า H100 หลายเท่า แต่เป้าหมายนี้ยังต้องใช้ GPU ระดับสูงกว่า 650,000 ตัว และพลังงานมากถึง 4.7–35 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4–35 แห่ง

    ปัจจุบัน xAI มีคลัสเตอร์ชื่อ Colossus 1 ที่ใช้ GPU กว่า 230,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus 2 ที่จะมีมากกว่า 1 ล้าน GPU พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว และพลังงานจาก Tesla Megapack รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่นำเข้าจากต่างประเทศ

    Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI มีพลังประมวลผลเทียบเท่า 50 ล้าน H100 GPUs ภายในปี 2030
    เทียบเท่ากับ 50 ExaFLOPS สำหรับการฝึก AI
    ใช้เป็นหน่วยวัด ไม่ใช่จำนวน GPU จริง

    GPU รุ่นใหม่ เช่น Feynman Ultra อาจลดจำนวนที่ต้องใช้เหลือเพียง 650,000 ตัว
    ประสิทธิภาพต่อชิปสูงขึ้นหลายเท่า
    ลดต้นทุนและพลังงานต่อหน่วย

    Colossus 1 ใช้ GPU กว่า 230,000 ตัว และ Colossus 2 จะมีมากกว่า 1 ล้านตัว
    ใช้ GB200 และ GB300 จาก Nvidia
    ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและพลังงานสำรองจาก Tesla

    พลังงานที่ต้องใช้สูงถึง 4.7–35 GW ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ GPU ที่ใช้
    เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4–35 แห่ง
    Colossus 2 อาจใช้พลังงานถึง 1.4–1.96 GW

    xAI นำเข้าโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศเพื่อใช้กับ Colossus 2
    ใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแบบ CCGT
    เป็นทางเลือกที่เร็วและปรับขนาดได้ง่ายกว่านิวเคลียร์

    ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์อาจสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์
    H100 ตัวเดียวมีราคาสูงกว่า $25,000
    ยังไม่รวมค่าโครงสร้างพื้นฐาน, ระบบระบายความร้อน, และพลังงาน

    https://www.techradar.com/pro/musk-says-xai-will-have-50-million-h100-equivalent-nvidia-gpus-by-2030-but-at-what-cost
    🧠 เรื่องเล่าจากคลัสเตอร์แห่งอนาคต: xAI กับภารกิจสร้างสมองกลระดับ ExaFLOPS Elon Musk เผยว่า xAI ตั้งเป้าจะมีพลังประมวลผลเทียบเท่า 50 ล้านหน่วยของ Nvidia H100 ภายในปี 2030 ซึ่งหมายถึงการสร้างระบบที่สามารถประมวลผลได้ถึง 50 ExaFLOPS สำหรับการฝึก AI โดยไม่จำเป็นต้องใช้ GPU จริงจำนวน 50 ล้านตัว แต่ใช้เป็นหน่วยวัดเทียบเคียง แม้จะมีการพัฒนา GPU รุ่นใหม่ เช่น Blackwell และ Feynman Ultra ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า H100 หลายเท่า แต่เป้าหมายนี้ยังต้องใช้ GPU ระดับสูงกว่า 650,000 ตัว และพลังงานมากถึง 4.7–35 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4–35 แห่ง ปัจจุบัน xAI มีคลัสเตอร์ชื่อ Colossus 1 ที่ใช้ GPU กว่า 230,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus 2 ที่จะมีมากกว่า 1 ล้าน GPU พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว และพลังงานจาก Tesla Megapack รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่นำเข้าจากต่างประเทศ ✅ Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI มีพลังประมวลผลเทียบเท่า 50 ล้าน H100 GPUs ภายในปี 2030 ➡️ เทียบเท่ากับ 50 ExaFLOPS สำหรับการฝึก AI ➡️ ใช้เป็นหน่วยวัด ไม่ใช่จำนวน GPU จริง ✅ GPU รุ่นใหม่ เช่น Feynman Ultra อาจลดจำนวนที่ต้องใช้เหลือเพียง 650,000 ตัว ➡️ ประสิทธิภาพต่อชิปสูงขึ้นหลายเท่า ➡️ ลดต้นทุนและพลังงานต่อหน่วย ✅ Colossus 1 ใช้ GPU กว่า 230,000 ตัว และ Colossus 2 จะมีมากกว่า 1 ล้านตัว ➡️ ใช้ GB200 และ GB300 จาก Nvidia ➡️ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและพลังงานสำรองจาก Tesla ✅ พลังงานที่ต้องใช้สูงถึง 4.7–35 GW ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ GPU ที่ใช้ ➡️ เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4–35 แห่ง ➡️ Colossus 2 อาจใช้พลังงานถึง 1.4–1.96 GW ✅ xAI นำเข้าโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศเพื่อใช้กับ Colossus 2 ➡️ ใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแบบ CCGT ➡️ เป็นทางเลือกที่เร็วและปรับขนาดได้ง่ายกว่านิวเคลียร์ ✅ ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์อาจสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ➡️ H100 ตัวเดียวมีราคาสูงกว่า $25,000 ➡️ ยังไม่รวมค่าโครงสร้างพื้นฐาน, ระบบระบายความร้อน, และพลังงาน https://www.techradar.com/pro/musk-says-xai-will-have-50-million-h100-equivalent-nvidia-gpus-by-2030-but-at-what-cost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บจีน: Zhaoxin กับภารกิจไล่ตาม AMD ด้วย KH-50000 และ KX-7000N

    Zhaoxin เปิดตัวสองโปรเซสเซอร์ใหม่ในงาน WAIC 2025 ได้แก่:
    - Kaisheng KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ระดับสูง
    - KaiXian KX-7000N สำหรับ AI PC ที่มี NPU ในตัว

    KH-50000 เป็นรุ่นต่อยอดจาก KH-40000 โดยเพิ่มจำนวนคอร์จาก 32 เป็น 96 คอร์ พร้อม L3 cache ขนาด 384MB เทียบเท่ากับ AMD EPYC Genoa และรองรับ 128 PCIe 5.0 lanes กับหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12-channel ECC

    แม้ Zhaoxin ยังไม่เปิดเผยสถาปัตยกรรมใหม่ที่ใช้ แต่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสเปกและฟีเจอร์ คาดว่า KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่แทน Yongfeng เดิม และรองรับการเชื่อมต่อหลายซ็อกเก็ตผ่าน ZPI 5.0 ทำให้สามารถสร้างระบบที่มีสูงสุด 384 คอร์ได้

    ในฝั่งผู้บริโภค KX-7000N ถือเป็นชิปแรกของ Zhaoxin ที่มี NPU สำหรับงาน AI โดยอัปเกรดจาก PCIe 4.0 เป็น 5.0 และเพิ่มจำนวนคอร์จากรุ่นเดิม แม้ยังไม่เปิดเผยตัวเลขแน่ชัด

    Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ KX-7000N สำหรับ AI PC
    เปิดตัวในงาน WAIC 2025
    เป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก

    KH-50000 มี 96 คอร์, L3 cache 384MB, รองรับ 128 PCIe 5.0 lanes และ DDR5 แบบ 12-channel
    เทียบเท่า AMD EPYC Genoa ในหลายด้าน
    รองรับ Compute Express Link (CXL) และ ZPI 5.0 สำหรับ multi-socket

    KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังไม่เปิดเผย
    ไม่ใช่ Yongfeng แบบรุ่นก่อน
    คาดว่าออกแบบใหม่เพื่อรองรับงาน HPC และ AI

    KX-7000N เป็นชิปแรกของ Zhaoxin ที่มี NPU สำหรับงาน AI
    อัปเกรดจาก PCIe 4.0 เป็น 5.0
    เพิ่มจำนวนคอร์จากรุ่น KX-7000 เดิม

    Zhaoxin ตั้งเป้าแข่งขันกับ AMD, Intel และ Nvidia ในอนาคต
    ยังไม่เทียบเท่าในด้านประสิทธิภาพ แต่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    มุ่งสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยีของจีน

    KH-50000 ยังไม่ยืนยันว่ารองรับ simultaneous multithreading (SMT)
    อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพต่อคอร์
    ยังไม่ชัดเจนว่ารองรับ workload แบบ multi-thread ได้ดีแค่ไหน

    ยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพจริงหรือ benchmark จาก Zhaoxin
    ไม่สามารถเปรียบเทียบกับ AMD หรือ Intel ได้อย่างแม่นยำ
    ต้องรอผลการทดสอบจากผู้ใช้งานจริง

    การพัฒนา NPU ใน KX-7000N ยังไม่มีข้อมูลด้านซอฟต์แวร์หรือ ecosystem รองรับ
    อาจมีข้อจำกัดในการใช้งาน AI บนเดสก์ท็อป
    ต้องพึ่งพาการพัฒนา framework และ driver เพิ่มเติม

    การผลิตและวางจำหน่ายยังไม่มีกำหนดแน่ชัด
    อาจล่าช้าหรือไม่สามารถผลิตได้ตามเป้า
    ส่งผลต่อการนำไปใช้งานในระดับองค์กรหรือผู้บริโภค

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-cpus-are-closing-the-gap-on-amd-next-gen-zhaoxin-chips-feature-96-cores-12-channel-ddr5-memory-and-128-pcie-5-0-lanes
    🧠 เรื่องเล่าจากห้องแล็บจีน: Zhaoxin กับภารกิจไล่ตาม AMD ด้วย KH-50000 และ KX-7000N Zhaoxin เปิดตัวสองโปรเซสเซอร์ใหม่ในงาน WAIC 2025 ได้แก่: - Kaisheng KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ระดับสูง - KaiXian KX-7000N สำหรับ AI PC ที่มี NPU ในตัว KH-50000 เป็นรุ่นต่อยอดจาก KH-40000 โดยเพิ่มจำนวนคอร์จาก 32 เป็น 96 คอร์ พร้อม L3 cache ขนาด 384MB เทียบเท่ากับ AMD EPYC Genoa และรองรับ 128 PCIe 5.0 lanes กับหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12-channel ECC แม้ Zhaoxin ยังไม่เปิดเผยสถาปัตยกรรมใหม่ที่ใช้ แต่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสเปกและฟีเจอร์ คาดว่า KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่แทน Yongfeng เดิม และรองรับการเชื่อมต่อหลายซ็อกเก็ตผ่าน ZPI 5.0 ทำให้สามารถสร้างระบบที่มีสูงสุด 384 คอร์ได้ ในฝั่งผู้บริโภค KX-7000N ถือเป็นชิปแรกของ Zhaoxin ที่มี NPU สำหรับงาน AI โดยอัปเกรดจาก PCIe 4.0 เป็น 5.0 และเพิ่มจำนวนคอร์จากรุ่นเดิม แม้ยังไม่เปิดเผยตัวเลขแน่ชัด ✅ Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ KX-7000N สำหรับ AI PC ➡️ เปิดตัวในงาน WAIC 2025 ➡️ เป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก ✅ KH-50000 มี 96 คอร์, L3 cache 384MB, รองรับ 128 PCIe 5.0 lanes และ DDR5 แบบ 12-channel ➡️ เทียบเท่า AMD EPYC Genoa ในหลายด้าน ➡️ รองรับ Compute Express Link (CXL) และ ZPI 5.0 สำหรับ multi-socket ✅ KH-50000 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังไม่เปิดเผย ➡️ ไม่ใช่ Yongfeng แบบรุ่นก่อน ➡️ คาดว่าออกแบบใหม่เพื่อรองรับงาน HPC และ AI ✅ KX-7000N เป็นชิปแรกของ Zhaoxin ที่มี NPU สำหรับงาน AI ➡️ อัปเกรดจาก PCIe 4.0 เป็น 5.0 ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์จากรุ่น KX-7000 เดิม ✅ Zhaoxin ตั้งเป้าแข่งขันกับ AMD, Intel และ Nvidia ในอนาคต ➡️ ยังไม่เทียบเท่าในด้านประสิทธิภาพ แต่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ➡️ มุ่งสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยีของจีน ‼️ KH-50000 ยังไม่ยืนยันว่ารองรับ simultaneous multithreading (SMT) ⛔ อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพต่อคอร์ ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่ารองรับ workload แบบ multi-thread ได้ดีแค่ไหน ‼️ ยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพจริงหรือ benchmark จาก Zhaoxin ⛔ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับ AMD หรือ Intel ได้อย่างแม่นยำ ⛔ ต้องรอผลการทดสอบจากผู้ใช้งานจริง ‼️ การพัฒนา NPU ใน KX-7000N ยังไม่มีข้อมูลด้านซอฟต์แวร์หรือ ecosystem รองรับ ⛔ อาจมีข้อจำกัดในการใช้งาน AI บนเดสก์ท็อป ⛔ ต้องพึ่งพาการพัฒนา framework และ driver เพิ่มเติม ‼️ การผลิตและวางจำหน่ายยังไม่มีกำหนดแน่ชัด ⛔ อาจล่าช้าหรือไม่สามารถผลิตได้ตามเป้า ⛔ ส่งผลต่อการนำไปใช้งานในระดับองค์กรหรือผู้บริโภค https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-cpus-are-closing-the-gap-on-amd-next-gen-zhaoxin-chips-feature-96-cores-12-channel-ddr5-memory-and-128-pcie-5-0-lanes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากระดับนาโน: เมื่อความสุ่มกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการผลิตชิป

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Fractilia ผู้นำด้านการวัดความแปรปรวนแบบสุ่ม (stochastics metrology) ได้เผยแพร่เอกสารวิชาการที่ชี้ให้เห็นว่า “ความแปรปรวนแบบสุ่ม” ในกระบวนการสร้างลวดลายบนชิป (โดยเฉพาะในเทคโนโลยี EUV และ High-NA EUV) กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่านั้นไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย

    แม้ในห้องวิจัยจะสามารถสร้างลวดลายขนาดเล็กถึง 12nm ได้ แต่เมื่อเข้าสู่การผลิตจริง กลับเกิดข้อผิดพลาดแบบสุ่ม เช่น ความหยาบของขอบลวดลาย (LER), ความแปรปรวนของขนาด (LCDU), และการเชื่อมหรือขาดของเส้นลวดลาย ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีเดิม

    Fractilia เรียกช่องว่างนี้ว่า “Stochastics Gap” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถทำได้ในห้องวิจัย กับสิ่งที่สามารถผลิตได้จริงในโรงงาน โดยเสนอแนวทางใหม่ในการวัดและควบคุมความสุ่มด้วยเทคนิคเชิงสถิติและการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่ต้น

    Fractilia เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีจากความแปรปรวนแบบสุ่ม
    ความแปรปรวนนี้เกิดจากพฤติกรรมของโมเลกุล, แหล่งกำเนิดแสง, และอะตอมในกระบวนการสร้างลวดลาย
    ส่งผลให้ yield ต่ำ, ผลิตล่าช้า, และประสิทธิภาพชิปลดลง

    “Stochastics Gap” คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถพิมพ์ในห้องวิจัย กับสิ่งที่ผลิตได้จริงในโรงงาน
    แม้จะพิมพ์ลวดลายขนาด 12nm ได้ใน R&D แต่ในโรงงานกลับติดที่ 16–18nm
    ช่องว่างนี้ส่งผลต่อจำนวน die ต่อ wafer และรายได้ที่หายไป

    Fractilia เสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการวัดความสุ่มอย่างแม่นยำและออกแบบกระบวนการที่รองรับความสุ่ม
    ใช้เทคโนโลยี FILM™ และ FAME™ เพื่อวัดความแปรปรวนแบบสุ่มในระดับนาโน
    เสนอการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่ม เช่น OPC แบบ local-aware และการเลือกวัสดุที่ลด noise

    ความแปรปรวนแบบสุ่มไม่สามารถแก้ด้วยการควบคุมแบบเดิม
    ไม่ใช่ปัญหาเครื่องมือหรือการปรับพารามิเตอร์
    ต้องใช้การวิเคราะห์เชิงความน่าจะเป็นแทนการเฉลี่ยแบบเดิม

    การวัดความสุ่มอย่างแม่นยำช่วยให้ทีมออกแบบ, วิศวกร, และซัพพลายเออร์สื่อสารกันได้ดีขึ้น
    สร้าง “ภาษากลาง” ในการวิเคราะห์ yield และ defect
    ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

    หากไม่แก้ปัญหา Stochastics Gap จะทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่าติดขัด
    Yield ต่ำลง, ต้องใช้ mask หลายรอบ, และออกแบบชิปแบบประนีประนอม
    สูญเสียรายได้จาก die ที่ผลิตได้น้อยลงต่อ wafer

    โรงงานส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องมือวัดความสุ่มอย่างแม่นยำในสายการผลิตจริง
    แม้จะรู้ว่าปัญหามีอยู่ แต่ขาดเทคโนโลยีในการวัดและควบคุม
    ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การใช้ EUV และ High-NA EUV ทำให้ความสุ่มมีผลมากขึ้นในงบประมาณข้อผิดพลาด
    ความสามารถในการพิมพ์ลวดลายเล็กลง แต่ความสุ่มกลับเพิ่มขึ้น
    ทำให้ข้อผิดพลาดแบบสุ่มกลายเป็นปัจจัยหลักที่จำกัด yield

    การไม่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่การออกแบบอาจทำให้ชิปไม่สามารถผลิตได้จริง
    ออกแบบลวดลายที่สวยงามใน CAD แต่ไม่สามารถพิมพ์ได้ในโรงงาน
    ต้องกลับไปแก้แบบใหม่ เสียเวลาและต้นทุน

    https://www.techradar.com/pro/the-semiconductor-industry-is-losing-billions-of-dollars-annually-because-of-this-little-obscure-quirk
    ⚠️ เรื่องเล่าจากระดับนาโน: เมื่อความสุ่มกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการผลิตชิป ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Fractilia ผู้นำด้านการวัดความแปรปรวนแบบสุ่ม (stochastics metrology) ได้เผยแพร่เอกสารวิชาการที่ชี้ให้เห็นว่า “ความแปรปรวนแบบสุ่ม” ในกระบวนการสร้างลวดลายบนชิป (โดยเฉพาะในเทคโนโลยี EUV และ High-NA EUV) กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่านั้นไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ในห้องวิจัยจะสามารถสร้างลวดลายขนาดเล็กถึง 12nm ได้ แต่เมื่อเข้าสู่การผลิตจริง กลับเกิดข้อผิดพลาดแบบสุ่ม เช่น ความหยาบของขอบลวดลาย (LER), ความแปรปรวนของขนาด (LCDU), และการเชื่อมหรือขาดของเส้นลวดลาย ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีเดิม Fractilia เรียกช่องว่างนี้ว่า “Stochastics Gap” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถทำได้ในห้องวิจัย กับสิ่งที่สามารถผลิตได้จริงในโรงงาน โดยเสนอแนวทางใหม่ในการวัดและควบคุมความสุ่มด้วยเทคนิคเชิงสถิติและการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่ต้น ✅ Fractilia เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีจากความแปรปรวนแบบสุ่ม ➡️ ความแปรปรวนนี้เกิดจากพฤติกรรมของโมเลกุล, แหล่งกำเนิดแสง, และอะตอมในกระบวนการสร้างลวดลาย ➡️ ส่งผลให้ yield ต่ำ, ผลิตล่าช้า, และประสิทธิภาพชิปลดลง ✅ “Stochastics Gap” คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถพิมพ์ในห้องวิจัย กับสิ่งที่ผลิตได้จริงในโรงงาน ➡️ แม้จะพิมพ์ลวดลายขนาด 12nm ได้ใน R&D แต่ในโรงงานกลับติดที่ 16–18nm ➡️ ช่องว่างนี้ส่งผลต่อจำนวน die ต่อ wafer และรายได้ที่หายไป ✅ Fractilia เสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการวัดความสุ่มอย่างแม่นยำและออกแบบกระบวนการที่รองรับความสุ่ม ➡️ ใช้เทคโนโลยี FILM™ และ FAME™ เพื่อวัดความแปรปรวนแบบสุ่มในระดับนาโน ➡️ เสนอการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่ม เช่น OPC แบบ local-aware และการเลือกวัสดุที่ลด noise ✅ ความแปรปรวนแบบสุ่มไม่สามารถแก้ด้วยการควบคุมแบบเดิม ➡️ ไม่ใช่ปัญหาเครื่องมือหรือการปรับพารามิเตอร์ ➡️ ต้องใช้การวิเคราะห์เชิงความน่าจะเป็นแทนการเฉลี่ยแบบเดิม ✅ การวัดความสุ่มอย่างแม่นยำช่วยให้ทีมออกแบบ, วิศวกร, และซัพพลายเออร์สื่อสารกันได้ดีขึ้น ➡️ สร้าง “ภาษากลาง” ในการวิเคราะห์ yield และ defect ➡️ ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ‼️ หากไม่แก้ปัญหา Stochastics Gap จะทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่าติดขัด ⛔ Yield ต่ำลง, ต้องใช้ mask หลายรอบ, และออกแบบชิปแบบประนีประนอม ⛔ สูญเสียรายได้จาก die ที่ผลิตได้น้อยลงต่อ wafer ‼️ โรงงานส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องมือวัดความสุ่มอย่างแม่นยำในสายการผลิตจริง ⛔ แม้จะรู้ว่าปัญหามีอยู่ แต่ขาดเทคโนโลยีในการวัดและควบคุม ⛔ ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‼️ การใช้ EUV และ High-NA EUV ทำให้ความสุ่มมีผลมากขึ้นในงบประมาณข้อผิดพลาด ⛔ ความสามารถในการพิมพ์ลวดลายเล็กลง แต่ความสุ่มกลับเพิ่มขึ้น ⛔ ทำให้ข้อผิดพลาดแบบสุ่มกลายเป็นปัจจัยหลักที่จำกัด yield ‼️ การไม่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่การออกแบบอาจทำให้ชิปไม่สามารถผลิตได้จริง ⛔ ออกแบบลวดลายที่สวยงามใน CAD แต่ไม่สามารถพิมพ์ได้ในโรงงาน ⛔ ต้องกลับไปแก้แบบใหม่ เสียเวลาและต้นทุน https://www.techradar.com/pro/the-semiconductor-industry-is-losing-billions-of-dollars-annually-because-of-this-little-obscure-quirk
    WWW.TECHRADAR.COM
    Tiny random manufacturing defects now costing chipmakers billions
    Randomness at the nanoscale is limiting semiconductor yields
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records **

    In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services.

    What's Apna Khata Bhulekh?

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation.

    These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection.

    ---

    crucial Features of Apna Khata Bhulekh

    1. ** Ease of Access **
    druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details.

    2. ** translucency **
    With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced.

    3. ** Time- Saving **
    before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles.

    4. ** Legal mileage **
    These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases.

    5. ** Map Access **
    druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots.

    ---

    How to Access Apna Khata Bhulekh Online

    Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same

    1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state.
    2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **.
    3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **.
    4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record.

    For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in).

    ---

    Benefits to Farmers and Coproprietors

    * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents.
    * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button.
    * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals.

    ---

    Challenges and the Way Forward

    While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity.

    To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated.

    ---

    Conclusion

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com

    ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records ** In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services. What's Apna Khata Bhulekh? “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation. These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection. --- crucial Features of Apna Khata Bhulekh 1. ** Ease of Access ** druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details. 2. ** translucency ** With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced. 3. ** Time- Saving ** before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles. 4. ** Legal mileage ** These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases. 5. ** Map Access ** druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots. --- How to Access Apna Khata Bhulekh Online Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same 1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state. 2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **. 3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **. 4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record. For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in). --- Benefits to Farmers and Coproprietors * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents. * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button. * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals. --- Challenges and the Way Forward While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity. To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated. --- Conclusion “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือสุดฮิต Genting Dream เที่ยว 3 เมืองไฮไลต์ ในราคาสุดพิเศษ!

    เส้นทาง: สิงคโปร์ – มะละกา – ปีนัง – สิงคโปร์

    🗓 เดินทางสะดวกทุกวันอังคาร | ตั้งแต่ ก.ค. 68 – เม.ย. 69

    โปรโมชั่นพิเศษ!
    จองภายใน 30 ส.ค. 2568 เริ่มต้นเพียง 24,840 บาท/ห้อง
    (เฉลี่ยเพียง 12,420 บาท/ท่าน สำหรับห้องไม่มีหน้าต่าง)

    ห้องพักสุดหรู 3 คืน บนเรือ Genting Dream
    อาหารบุฟเฟต์หลากหลาย สไตล์อินเตอร์
    สิทธิ์ใช้เครื่องเล่น Zipline, สวนน้ำ, Rope Course และชมโชว์บนเรือฟรี
    สำรวจเมืองมะละกาและปีนังตามสไตล์ของคุณ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : DREP-4D3N-SIN-SIN-2602101
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e6dba5

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #GentingDream #DreamCruises #Singapore #Malaysia #Penang #เที่ยวสิงคโปร์ #เที่ยวมาเลเซีย #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 ล่องเรือสุดฮิต Genting Dream เที่ยว 3 เมืองไฮไลต์ ในราคาสุดพิเศษ! 📍 เส้นทาง: สิงคโปร์ – มะละกา – ปีนัง – สิงคโปร์ 🗓 เดินทางสะดวกทุกวันอังคาร | ตั้งแต่ ก.ค. 68 – เม.ย. 69 💥 โปรโมชั่นพิเศษ! 📌 จองภายใน 30 ส.ค. 2568 💸 เริ่มต้นเพียง 24,840 บาท/ห้อง (เฉลี่ยเพียง 12,420 บาท/ท่าน สำหรับห้องไม่มีหน้าต่าง) ✅ ห้องพักสุดหรู 3 คืน บนเรือ Genting Dream ✅ อาหารบุฟเฟต์หลากหลาย สไตล์อินเตอร์ ✅ สิทธิ์ใช้เครื่องเล่น Zipline, สวนน้ำ, Rope Course และชมโชว์บนเรือฟรี ✅ สำรวจเมืองมะละกาและปีนังตามสไตล์ของคุณ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : DREP-4D3N-SIN-SIN-2602101 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e6dba5 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #GentingDream #DreamCruises #Singapore #Malaysia #Penang #เที่ยวสิงคโปร์ #เที่ยวมาเลเซีย #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดสายการบินประจำชาติในเอเชีย แต่ละประเทศคือมีเอกลักษณ์สุดๆ

    Thai Airways - ชุดผ้าไหมไทย สีม่วง-ทอง เรียบหรูดูแพง สะท้อนความเป็นไทยทุกองศา
    Singapore Airlines - ชุดสาหรี่นิดๆ แบบ Kebaya เรียบร้อยแต่แอบแซ่บ
    Korean Air - โทนพาสเทลฟ้าอ่อน สะอาด สบายตา ดูสุภาพแบบเกาหลีแท้
    Japan Airlines - เรียบเท่ ทรงโมเดิร์น สีขาว-เทา เน้นความคล่องตัว
    Air China - ชุดสูทเข้ารูป สไตล์เรียบร้อยแบบราชการจีน
    Vietnam Airlines - อ๋าวหญ่าย (Áo dài) สีฟ้าอมเขียว ใส่แล้วดูละมุนสุดๆ

    ชุดเหล่านี้ไม่ได้แค่สวย แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรมของแต่ละชาติแบบลึกซึ้ง
    ใครเป็นสายแฟ สายเที่ยว เจอแอร์ที่ไหน ลองเดาดูสิว่ามาจากชาติไหนบ้าง

    #สายการบินเอเชีย #ยูนิฟอร์มบนฟ้า #ชุดแอร์โฮสเตส #แฟชั่นการบิน #เที่ยวไปดูไป #AsianAirlinesFashion #ใส่ใจทุกดีเทลบนเครื่อง
    🛫 ชุดสายการบินประจำชาติในเอเชีย แต่ละประเทศคือมีเอกลักษณ์สุดๆ 🇹🇭 Thai Airways - ชุดผ้าไหมไทย สีม่วง-ทอง เรียบหรูดูแพง สะท้อนความเป็นไทยทุกองศา 🇸🇬 Singapore Airlines - ชุดสาหรี่นิดๆ แบบ Kebaya เรียบร้อยแต่แอบแซ่บ 🇰🇷 Korean Air - โทนพาสเทลฟ้าอ่อน สะอาด สบายตา ดูสุภาพแบบเกาหลีแท้ 🇯🇵 Japan Airlines - เรียบเท่ ทรงโมเดิร์น สีขาว-เทา เน้นความคล่องตัว 🇨🇳 Air China - ชุดสูทเข้ารูป สไตล์เรียบร้อยแบบราชการจีน 🇻🇳 Vietnam Airlines - อ๋าวหญ่าย (Áo dài) สีฟ้าอมเขียว ใส่แล้วดูละมุนสุดๆ 👗 ชุดเหล่านี้ไม่ได้แค่สวย แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรมของแต่ละชาติแบบลึกซึ้ง ใครเป็นสายแฟ สายเที่ยว เจอแอร์ที่ไหน ลองเดาดูสิว่ามาจากชาติไหนบ้าง ✨ #สายการบินเอเชีย #ยูนิฟอร์มบนฟ้า #ชุดแอร์โฮสเตส #แฟชั่นการบิน #เที่ยวไปดูไป #AsianAirlinesFashion #ใส่ใจทุกดีเทลบนเครื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี

    Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens

    กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่
    เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

    ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP
    พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด

    มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens
    ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม

    ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
    เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise

    ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา
    ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์
    ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด

    ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ
    เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098
    พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood

    https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ✅ Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ ➡️ เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ✅ ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP ➡️ พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด ✅ มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens ➡️ ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม ✅ ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ➡️ เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise ✅ ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา ➡️ ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น ✅ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ ➡️ ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด ✅ ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ ➡️ เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง ✅ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 ➡️ พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony revives RX1R series with 61-megapixel compact camera, and it only took 10 years
    Sony says the combination of sensor and image processing engine delivers high resolution and sensitivity, with low noise and a wide dynamic range. An anti-reflection coating on...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง!

    เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering

    ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ
    - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท
    - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา

    ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M
    • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน  
    • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”  
    • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน

    ผู้ต้องหา:  
    • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro  
    • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา

    กลยุทธ์ลวงตา:  
    • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  
    • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล  
    • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก

    ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้  
    • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider

    ข้อหาที่ได้รับ:  
    • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)  
    • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา

    ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง

    https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง! เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน   • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”   • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน ✅ ผู้ต้องหา:   • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro   • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา ✅ กลยุทธ์ลวงตา:   • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ   • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล   • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก ✅ ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้   • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider ✅ ข้อหาที่ได้รับ:   • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)   • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา ✅ ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ charges two men over $650 million crypto Ponzi scheme that promised 300% returns
    The DoJ writes that an indictment was unsealed yesterday in the District of Puerto Rico charging two men for their alleged roles in operating and promoting OmegaPro.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากพูดถึงบริษัทแม่ที่อยู่เบื้องหลัง NTT DC REIT ก็คือ NTT Ltd. ซึ่งเป็นเครือในกลุ่มโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง Nippon Telegraph and Telephone Corp. (NTT) จากญี่ปุ่น → ตอนนี้ NTT DC REIT เป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ 6 แห่งใน ออสเตรีย, สิงคโปร์ และสหรัฐฯ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.57 พันล้านดอลลาร์

    บริษัทจะเริ่ม IPO วันที่ 14 กรกฎาคม 2025 → เสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวน เกือบ 600 ล้านหน่วย ในราคาประมาณ 1 ดอลลาร์/หน่วย (หรือ 1.276 ดอลลาร์สิงคโปร์) → มี GIC (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์) ถือหุ้นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่รองจาก NTT Ltd. โดย GIC ถือ 9.8% และ NTT Ltd. ถือ 25%

    แม้การลงทุนครั้งนี้จะเน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับคลาวด์, AI และความต้องการ data ที่พุ่งสูงขึ้นในภูมิภาค → แต่ก็ยังต้องจับตาว่าการเปิด IPO ครั้งนี้จะสำเร็จแค่ไหน ในยุคที่ตลาดทุนผันผวน และการเติบโตของ edge computing กำลังเปลี่ยนบทบาทของดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม

    NTT DC REIT เตรียมระดมทุน ~773 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน IPO บนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์  
    • วันเริ่มเสนอขาย: 14 กรกฎาคม 2025  
    • ราคาต่อหน่วย: ~US$1.00 หรือ S$1.276

    ถือครองดาต้าเซ็นเตอร์รวม 6 แห่งใน 3 ประเทศ (ออสเตรีย, สิงคโปร์, สหรัฐฯ)  
    • มูลค่าทรัพย์สินรวม: 1.57 พันล้านดอลลาร์

    NTT Ltd. เป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทรัสต์ (ถือ 25%)  
    • เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม NTT จากญี่ปุ่น

    GIC (Singapore Sovereign Fund) ถือหุ้น 9.8% เป็นผู้ลงทุนหลักรองจาก NTT  
    • บ่งชี้ถึงความมั่นใจจากนักลงทุนเชิงสถาบัน

    วัตถุประสงค์: ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล รองรับความต้องการ AI/Cloud ที่ขยายตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/singapore-data-centre-ntt-dc-reit-to-raise-around-773-million-from-ipo
    หากพูดถึงบริษัทแม่ที่อยู่เบื้องหลัง NTT DC REIT ก็คือ NTT Ltd. ซึ่งเป็นเครือในกลุ่มโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง Nippon Telegraph and Telephone Corp. (NTT) จากญี่ปุ่น → ตอนนี้ NTT DC REIT เป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ 6 แห่งใน ออสเตรีย, สิงคโปร์ และสหรัฐฯ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.57 พันล้านดอลลาร์ บริษัทจะเริ่ม IPO วันที่ 14 กรกฎาคม 2025 → เสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวน เกือบ 600 ล้านหน่วย ในราคาประมาณ 1 ดอลลาร์/หน่วย (หรือ 1.276 ดอลลาร์สิงคโปร์) → มี GIC (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์) ถือหุ้นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่รองจาก NTT Ltd. โดย GIC ถือ 9.8% และ NTT Ltd. ถือ 25% แม้การลงทุนครั้งนี้จะเน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับคลาวด์, AI และความต้องการ data ที่พุ่งสูงขึ้นในภูมิภาค → แต่ก็ยังต้องจับตาว่าการเปิด IPO ครั้งนี้จะสำเร็จแค่ไหน ในยุคที่ตลาดทุนผันผวน และการเติบโตของ edge computing กำลังเปลี่ยนบทบาทของดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม ✅ NTT DC REIT เตรียมระดมทุน ~773 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน IPO บนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์   • วันเริ่มเสนอขาย: 14 กรกฎาคม 2025   • ราคาต่อหน่วย: ~US$1.00 หรือ S$1.276 ✅ ถือครองดาต้าเซ็นเตอร์รวม 6 แห่งใน 3 ประเทศ (ออสเตรีย, สิงคโปร์, สหรัฐฯ)   • มูลค่าทรัพย์สินรวม: 1.57 พันล้านดอลลาร์ ✅ NTT Ltd. เป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทรัสต์ (ถือ 25%)   • เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม NTT จากญี่ปุ่น ✅ GIC (Singapore Sovereign Fund) ถือหุ้น 9.8% เป็นผู้ลงทุนหลักรองจาก NTT   • บ่งชี้ถึงความมั่นใจจากนักลงทุนเชิงสถาบัน ✅ วัตถุประสงค์: ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล รองรับความต้องการ AI/Cloud ที่ขยายตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/singapore-data-centre-ntt-dc-reit-to-raise-around-773-million-from-ipo
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore data centre NTT DC REIT to raise around $773 million from IPO
    SINGAPORE (Reuters) -Singapore data centre real estate investment trust NTT DC REIT intends to raise gross proceeds of around $773 million from its initial public offering on the domestic bourse, it said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้ไหมครับว่าตอนนี้ xAI ของ Elon Musk ใช้ GPU ไปแล้วกว่า 200,000 ตัว ในศูนย์ข้อมูลชื่อ Colossus ที่เมืองเมมฟิส กินไฟถึง 300 เมกะวัตต์ → บริษัทต้องติดตั้งกังหันก๊าซ 35 ตัว + Tesla Megapack สำหรับจ่ายไฟให้ทัน → และตอนนี้จะสร้าง ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ Blackwell GPUs กว่า 1 ล้านตัว! → GPU แค่นั้นก็ใช้ไฟราว 1,000–1,400 เมกะวัตต์ ยังไม่รวม CPU, RAM, สตอเรจ และระบบทำความเย็น → ถ้ารวมทั้งหมด คาดว่าโหลดไฟฟ้าจะสูงถึง 1,960 เมกะวัตต์ หรือประมาณเท่าบ้าน 1.9 ล้านหลังใช้พร้อมกัน!

    ปัญหาคือ... สร้างโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ใช้เวลานานเกิน → ทางออกของ Elon คือ “ซื้อโรงไฟฟ้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศแล้วขนมาทั้งโรง” → เพื่อใช้งานกับศูนย์ข้อมูลใหม่ที่แปลงมาจากโรงงานเก่าในเมมฟิส ที่รองรับเซิร์ฟเวอร์ GPU 125,000 ตัว

    นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะบริษัท AI รายอื่น ๆ อย่าง OpenAI หรือ Google DeepMind ก็เดินหน้าแบบเดียวกัน → สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ → ใช้ระบบจ่ายไฟเฉพาะตัวเอง → กำลังเปลี่ยนจาก “ผู้ใช้พลังงาน” เป็น “เจ้าของแหล่งพลังงาน” กันหมดแล้วครับ

    Elon Musk ยืนยันว่า xAI ซื้อโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศมาสหรัฐฯ เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลใหม่  
    • เพราะสร้างโรงไฟฟ้าในอเมริกาใช้เวลานาน  
    • ต้องการใช้ทันทีสำหรับระบบ GPU ระดับล้านตัว

    ศูนย์ข้อมูล Colossus ปัจจุบันของ xAI ใช้ GPU 200K ตัว กินไฟ ~300 เมกะวัตต์  
    • ติดกังหันก๊าซ 35 ตัว และ Tesla Megapack เพื่อจ่ายไฟ

    ศูนย์ข้อมูลใหม่จะใช้ GPU มากกว่า 1 ล้านตัว (Blackwell B200/GB200/B300/GB300)  
    • แค่ GPU กินไฟ ~1,000–1,400 เมกะวัตต์  
    • ถ้านับรวมทั้งหมด (PUE 1.4) → โหลดรวม 1,960 เมกะวัตต์

    xAI ซื้อโรงงานในเมมฟิสเพื่อแปลงเป็นศูนย์ข้อมูล ขนาดรองรับ GPU 125,000 เครื่อง (แบบ 8 GPU ต่อเครื่อง)  
    • พร้อมระบบเครือข่าย, สตอเรจ, และระบายความร้อน

    โครงสร้างพลังงานใช้ระบบ onsite + ซื้อไฟจากระบบ grid เหมือนศูนย์ Colossus เดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musk-xai-power-plant-overseas-to-power-1-million-gpus
    รู้ไหมครับว่าตอนนี้ xAI ของ Elon Musk ใช้ GPU ไปแล้วกว่า 200,000 ตัว ในศูนย์ข้อมูลชื่อ Colossus ที่เมืองเมมฟิส กินไฟถึง 300 เมกะวัตต์ → บริษัทต้องติดตั้งกังหันก๊าซ 35 ตัว + Tesla Megapack สำหรับจ่ายไฟให้ทัน → และตอนนี้จะสร้าง ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ Blackwell GPUs กว่า 1 ล้านตัว! → GPU แค่นั้นก็ใช้ไฟราว 1,000–1,400 เมกะวัตต์ ยังไม่รวม CPU, RAM, สตอเรจ และระบบทำความเย็น → ถ้ารวมทั้งหมด คาดว่าโหลดไฟฟ้าจะสูงถึง 1,960 เมกะวัตต์ หรือประมาณเท่าบ้าน 1.9 ล้านหลังใช้พร้อมกัน! ปัญหาคือ... สร้างโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ใช้เวลานานเกิน → ทางออกของ Elon คือ “ซื้อโรงไฟฟ้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศแล้วขนมาทั้งโรง” → เพื่อใช้งานกับศูนย์ข้อมูลใหม่ที่แปลงมาจากโรงงานเก่าในเมมฟิส ที่รองรับเซิร์ฟเวอร์ GPU 125,000 ตัว นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะบริษัท AI รายอื่น ๆ อย่าง OpenAI หรือ Google DeepMind ก็เดินหน้าแบบเดียวกัน → สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ → ใช้ระบบจ่ายไฟเฉพาะตัวเอง → กำลังเปลี่ยนจาก “ผู้ใช้พลังงาน” เป็น “เจ้าของแหล่งพลังงาน” กันหมดแล้วครับ ✅ Elon Musk ยืนยันว่า xAI ซื้อโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศมาสหรัฐฯ เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลใหม่   • เพราะสร้างโรงไฟฟ้าในอเมริกาใช้เวลานาน   • ต้องการใช้ทันทีสำหรับระบบ GPU ระดับล้านตัว ✅ ศูนย์ข้อมูล Colossus ปัจจุบันของ xAI ใช้ GPU 200K ตัว กินไฟ ~300 เมกะวัตต์   • ติดกังหันก๊าซ 35 ตัว และ Tesla Megapack เพื่อจ่ายไฟ ✅ ศูนย์ข้อมูลใหม่จะใช้ GPU มากกว่า 1 ล้านตัว (Blackwell B200/GB200/B300/GB300)   • แค่ GPU กินไฟ ~1,000–1,400 เมกะวัตต์   • ถ้านับรวมทั้งหมด (PUE 1.4) → โหลดรวม 1,960 เมกะวัตต์ ✅ xAI ซื้อโรงงานในเมมฟิสเพื่อแปลงเป็นศูนย์ข้อมูล ขนาดรองรับ GPU 125,000 เครื่อง (แบบ 8 GPU ต่อเครื่อง)   • พร้อมระบบเครือข่าย, สตอเรจ, และระบายความร้อน ✅ โครงสร้างพลังงานใช้ระบบ onsite + ซื้อไฟจากระบบ grid เหมือนศูนย์ Colossus เดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musk-xai-power-plant-overseas-to-power-1-million-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉลองปีใหม่ 2026 ที่ “นิวซีแลนด์ เกาะใต้”
    ทริปแห่งความทรงจำ พร้อมกิจกรรมสุดฟินตลอด 9 วัน 7 คืน

    เดินทาง 25 ธ.ค. 68 - 2 ม.ค. 69
    บินหรู! สายการบิน Singapore Airlines (SQ)
    รวมค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว
    ไฮไลต์ฉลองปีใหม่สุดพิเศษ

    โปรแกรมสุด FANTASTIC
    เที่ยวทะเลสาบเทคาโป – สวยจนต้องหยุดหายใจ
    แวะสวนผลไม้ Jackson Fruit Orchard
    ชิมไวน์ที่ Kinross Winery
    ล่องเรือชม “Milford Sound” สุดอลังการ
    นั่งเรือกลไฟโบราณ & เยือน Walter Peak Farm
    ชมโชว์ตัดขนแกะจากฟาร์มแท้ ๆ
    ขึ้นกระเช้า Gondola สู่ยอดเขา Bob’s Peak
    มันส์กับลูจ 2 รอบเต็ม!
    ตะลุยโลกหลอนที่ Puzzling World
    เที่ยวธารน้ำแข็ง Fox Glacier
    สัมผัสรถไฟสายธรรมชาติ TransAlpine
    ใกล้ชิดน้องอัลปาก้าที่ Alpaca Farm

    ปีใหม่นี้ให้ธรรมชาตินิวซีแลนด์เติมเต็มความสุข

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eae45f

    ดูทัวร์นิวซีแลนด์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/f7b04d

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์นิวซีแลนด์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #NewZealandTrip #ฉลองปีใหม่2026 #เที่ยวปีใหม่ #นิวซีแลนด์เกาะใต้ #MilfordSound #BobPeak #AlpacaFarm #FoxGlacier #SingaporeAirlines #ทัวร์นิวซีแลนด์ปีใหม่
    🎉 ฉลองปีใหม่ 2026 ที่ “นิวซีแลนด์ เกาะใต้” 🇳🇿✨ ทริปแห่งความทรงจำ พร้อมกิจกรรมสุดฟินตลอด 9 วัน 7 คืน 📆 เดินทาง 25 ธ.ค. 68 - 2 ม.ค. 69 ✈️ บินหรู! สายการบิน Singapore Airlines (SQ) 📄 รวมค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว 💥 ไฮไลต์ฉลองปีใหม่สุดพิเศษ 🌟 โปรแกรมสุด FANTASTIC 🏞️ เที่ยวทะเลสาบเทคาโป – สวยจนต้องหยุดหายใจ 🍓 แวะสวนผลไม้ Jackson Fruit Orchard 🍷 ชิมไวน์ที่ Kinross Winery ⛰️ ล่องเรือชม “Milford Sound” สุดอลังการ 🚂 นั่งเรือกลไฟโบราณ & เยือน Walter Peak Farm 🐑 ชมโชว์ตัดขนแกะจากฟาร์มแท้ ๆ 🚡 ขึ้นกระเช้า Gondola สู่ยอดเขา Bob’s Peak 🛷 มันส์กับลูจ 2 รอบเต็ม! 🌀 ตะลุยโลกหลอนที่ Puzzling World ❄️ เที่ยวธารน้ำแข็ง Fox Glacier 🚆 สัมผัสรถไฟสายธรรมชาติ TransAlpine 🦙 ใกล้ชิดน้องอัลปาก้าที่ Alpaca Farm 🎆 ปีใหม่นี้ให้ธรรมชาตินิวซีแลนด์เติมเต็มความสุข ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eae45f ดูทัวร์นิวซีแลนด์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/f7b04d LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์นิวซีแลนด์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #NewZealandTrip #ฉลองปีใหม่2026 #เที่ยวปีใหม่ #นิวซีแลนด์เกาะใต้ #MilfordSound #BobPeak #AlpacaFarm #FoxGlacier #SingaporeAirlines #ทัวร์นิวซีแลนด์ปีใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?”

    คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์:
    - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี)
    - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี)
    - Li Ming (จีน, 51 ปี)

    พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง

    การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด”

    ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง

    สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024  
    • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ  
    • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง

    DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024  
    • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude  
    • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3

    NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%  
    • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ

    NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ  
    • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek”

    สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก  
    • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม

    สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?” คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์: - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี) - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี) - Li Ming (จีน, 51 ปี) พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด” ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง ✅ สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024   • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ   • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง ✅ DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024   • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude   • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3 ✅ NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%   • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ ✅ NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ   • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek” ✅ สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก   • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม ✅ สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bloomberg เผยรายงานว่า xAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของ Elon Musk เตรียมเผาเงินกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 พันล้าน! ยิ่งไปกว่านั้น — จากเงินที่ระดมทุนมาตั้งแต่ปี 2023 รวม 14 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 4 พันล้านในไตรมาสแรกปีนี้ และน่าจะร่อยหรอในไตรมาสสอง

    แน่นอนว่า Musk ไม่อยู่เฉย เขาโพสต์ใน X ว่า “Bloomberg พูดไร้สาระ” และ “ผู้คนไม่รู้เลยว่ากำลังเดิมพันอะไรกันอยู่” — นี่คือการยืนยันว่าเดิมพันนี้ใหญ่มาก (แม้จะไม่ยอมรับตัวเลขตรง ๆ)

    รายจ่ายส่วนใหญ่ของ xAI คือโครงการ Colossus และ Memphis Supercluster ที่เน้นซื้อ GPU Hopper จาก Nvidia จำนวน 200,000 ตัว พร้อมสำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW เพื่อให้ระบบไม่ดับระหว่างฝึก AI ขนาดยักษ์

    และพีคสุดคือ Musk เคยพูดไว้ว่า จะเพิ่ม GPU เป็น 1 ล้านตัวใน Colossus ซึ่งตีเป็นเงินน่าจะอยู่ระหว่าง $50 – $62.5 พันล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว

    เพื่อไปต่อ xAI จึงกำลังปิดดีล ระดมทุนเพิ่มอีก 4.3 พันล้านดอลลาร์ (รอบใหม่) และวางแผนระดมอีก 6.4 พันล้านปีหน้า — ยังไม่รวม “หนี้ก้อนโต” ที่ Morgan Stanley กำลังช่วยระดมเพิ่มอีก 5 พันล้าน เพื่อใช้สร้างศูนย์ข้อมูลต่อ

    xAI คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า $13B ในปี 2025 หรือเฉลี่ย $1B/เดือน  
    • รายได้ปีนี้ประมาณ $500M เท่านั้น  
    • บริษัทคาดว่าจะได้เงินคืน $650M จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์

    เงินสดเหลือใน Q1/2025 เหลือเพียง $4B จากที่ระดมมา $14B  
    • Bloomberg คาดว่าจะใกล้หมดภายในไตรมาส 2

    xAI อยู่ระหว่างปิดดีลระดมทุนเพิ่ม $4.3B (equity)  
    • พร้อมเตรียมระดมทุนอีก $6.4B ในปีหน้า  
    • Morgan Stanley ช่วยจัดหาหนี้อีก $5B

    โครงการหลัก Colossus ใช้ GPU H100/Hopper จำนวน 200K ตัวใน Memphis Supercluster  
    • สำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW  
    • วางแผนเพิ่มเป็น 1 ล้าน GPU → มูลค่าการลงทุน $50B – $62.5B

    Elon Musk โต้ว่า Bloomberg รายงาน “ไร้สาระ”  
    • แต่ยอมรับว่าผู้คนไม่เข้าใจขอบเขตของความเสี่ยงและเดิมพัน

    บริษัทมีมูลค่าสูงถึง $80B เมื่อต้นปี 2025 (จาก $51B ในปลายปี 2024)  
    • ได้รับเงินลงทุนจาก Andreessen Horowitz, Sequoia Capital, VY Capital

    บางแหล่งคาด xAI จะเริ่มทำกำไรในปี 2027 — เร็วกว่า OpenAI ที่ตั้งเป้าไว้ปี 2029

    การเผาเงินระดับ $1B/เดือน แบบยังไม่มีรายได้ที่ใกล้เคียง อาจเป็นความเสี่ยงทางการเงินสูงมาก  
    • นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามหากไม่มีแผน monetization ที่ชัด

    การพึ่งพา GPU ของ Nvidia ทำให้ xAI มีต้นทุนสูงและยากจะควบคุมราคาฮาร์ดแวร์  
    • หากตลาดชิป AI ผันผวน อาจกระทบงบประมาณอย่างแรง

    แม้ Musk จะโต้ข่าว แต่ไม่ยอมเปิดตัวเลขจริง จึงยากต่อการประเมินความมั่นคงทางการเงิน

    หากการลงทุนไม่ออกดอกออกผลเร็วพอ การประเมินมูลค่าบริษัทอาจถูกปรับลดในรอบต่อไป  
    • อาจกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนรายใหญ่

    https://www.techspot.com/news/108377-elon-musk-responds-report-xai-burning-through-1.html
    Bloomberg เผยรายงานว่า xAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของ Elon Musk เตรียมเผาเงินกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 พันล้าน! ยิ่งไปกว่านั้น — จากเงินที่ระดมทุนมาตั้งแต่ปี 2023 รวม 14 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 4 พันล้านในไตรมาสแรกปีนี้ และน่าจะร่อยหรอในไตรมาสสอง แน่นอนว่า Musk ไม่อยู่เฉย เขาโพสต์ใน X ว่า “Bloomberg พูดไร้สาระ” และ “ผู้คนไม่รู้เลยว่ากำลังเดิมพันอะไรกันอยู่” — นี่คือการยืนยันว่าเดิมพันนี้ใหญ่มาก (แม้จะไม่ยอมรับตัวเลขตรง ๆ) รายจ่ายส่วนใหญ่ของ xAI คือโครงการ Colossus และ Memphis Supercluster ที่เน้นซื้อ GPU Hopper จาก Nvidia จำนวน 200,000 ตัว พร้อมสำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW เพื่อให้ระบบไม่ดับระหว่างฝึก AI ขนาดยักษ์ และพีคสุดคือ Musk เคยพูดไว้ว่า จะเพิ่ม GPU เป็น 1 ล้านตัวใน Colossus ซึ่งตีเป็นเงินน่าจะอยู่ระหว่าง $50 – $62.5 พันล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว เพื่อไปต่อ xAI จึงกำลังปิดดีล ระดมทุนเพิ่มอีก 4.3 พันล้านดอลลาร์ (รอบใหม่) และวางแผนระดมอีก 6.4 พันล้านปีหน้า — ยังไม่รวม “หนี้ก้อนโต” ที่ Morgan Stanley กำลังช่วยระดมเพิ่มอีก 5 พันล้าน เพื่อใช้สร้างศูนย์ข้อมูลต่อ ✅ xAI คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า $13B ในปี 2025 หรือเฉลี่ย $1B/เดือน   • รายได้ปีนี้ประมาณ $500M เท่านั้น   • บริษัทคาดว่าจะได้เงินคืน $650M จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ✅ เงินสดเหลือใน Q1/2025 เหลือเพียง $4B จากที่ระดมมา $14B   • Bloomberg คาดว่าจะใกล้หมดภายในไตรมาส 2 ✅ xAI อยู่ระหว่างปิดดีลระดมทุนเพิ่ม $4.3B (equity)   • พร้อมเตรียมระดมทุนอีก $6.4B ในปีหน้า   • Morgan Stanley ช่วยจัดหาหนี้อีก $5B ✅ โครงการหลัก Colossus ใช้ GPU H100/Hopper จำนวน 200K ตัวใน Memphis Supercluster   • สำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW   • วางแผนเพิ่มเป็น 1 ล้าน GPU → มูลค่าการลงทุน $50B – $62.5B ✅ Elon Musk โต้ว่า Bloomberg รายงาน “ไร้สาระ”   • แต่ยอมรับว่าผู้คนไม่เข้าใจขอบเขตของความเสี่ยงและเดิมพัน ✅ บริษัทมีมูลค่าสูงถึง $80B เมื่อต้นปี 2025 (จาก $51B ในปลายปี 2024)   • ได้รับเงินลงทุนจาก Andreessen Horowitz, Sequoia Capital, VY Capital ✅ บางแหล่งคาด xAI จะเริ่มทำกำไรในปี 2027 — เร็วกว่า OpenAI ที่ตั้งเป้าไว้ปี 2029 ‼️ การเผาเงินระดับ $1B/เดือน แบบยังไม่มีรายได้ที่ใกล้เคียง อาจเป็นความเสี่ยงทางการเงินสูงมาก   • นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามหากไม่มีแผน monetization ที่ชัด ‼️ การพึ่งพา GPU ของ Nvidia ทำให้ xAI มีต้นทุนสูงและยากจะควบคุมราคาฮาร์ดแวร์   • หากตลาดชิป AI ผันผวน อาจกระทบงบประมาณอย่างแรง ‼️ แม้ Musk จะโต้ข่าว แต่ไม่ยอมเปิดตัวเลขจริง จึงยากต่อการประเมินความมั่นคงทางการเงิน ‼️ หากการลงทุนไม่ออกดอกออกผลเร็วพอ การประเมินมูลค่าบริษัทอาจถูกปรับลดในรอบต่อไป   • อาจกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนรายใหญ่ https://www.techspot.com/news/108377-elon-musk-responds-report-xai-burning-through-1.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Elon Musk responds to report that xAI is burning through $1 billion a month
    Citing the usual anonymous people familiar with the matter, Bloomberg writes that the $500 million that xAI will earn this year looks positively tiny next to the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • SWITZERLAND CHRISTMAS VIBES 7 วัน 4 คืน
    🏔 พิชิต 3 เขาไฮไลต์แห่งสวิต!
    พิลาตุส – ทิตลิส – จุงเฟรา
    ตะลุยตลาดคริสต์มาส Zurich Christmas Market
    ราคาเพียง 77,990.-
    เดินทาง: 20-26 พ.ย. 68
    โดยสายการบิน Singapore Airlines (SQ)

    โปรแกรมสุดพิเศษ:
    ชมน้ำตกไรน์ – ใหญ่ที่สุดในยุโรป
    ลูเซิร์น – สะพานไม้ชาเปล – สิงโตหิน
    ขึ้นกระเช้า Eiger Express สู่ยอดจุงเฟรา
    เล่นหิมะ – ถ้ำน้ำแข็ง – สะพานแขวน
    เที่ยว Zurich Christmas Market ส่งท้าย

    รวมครบทุกไฮไลต์ เที่ยวฟินแบบพรีเมียม
    จองด่วนก่อนเต็ม!

    #ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ #จุงเฟรา #ทิตลิส #พิลาตุส #น้ำตกไรน์ #ตลาดคริสต์มาส #เที่ยวต่างประเทศ #ทัวร์ยุโรป #SWISSเที่ยวฟิน #คริสต์มาส68 #เที่ยวปลายปี #หิมะขาวๆ #SnowTrip #เที่ยวกับเราไปได้ทุกที่

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eb95d7

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    🇨🇭 SWITZERLAND CHRISTMAS VIBES 7 วัน 4 คืน 🎅 🏔 พิชิต 3 เขาไฮไลต์แห่งสวิต! 📍 พิลาตุส – ทิตลิส – จุงเฟรา ✨ ตะลุยตลาดคริสต์มาส Zurich Christmas Market 💸 ราคาเพียง 77,990.- 📆 เดินทาง: 20-26 พ.ย. 68 ✈️ โดยสายการบิน Singapore Airlines (SQ) 📌 โปรแกรมสุดพิเศษ: 🌊 ชมน้ำตกไรน์ – ใหญ่ที่สุดในยุโรป 🌉 ลูเซิร์น – สะพานไม้ชาเปล – สิงโตหิน 🚠 ขึ้นกระเช้า Eiger Express สู่ยอดจุงเฟรา ❄️ เล่นหิมะ – ถ้ำน้ำแข็ง – สะพานแขวน 🎄 เที่ยว Zurich Christmas Market ส่งท้าย 📍 รวมครบทุกไฮไลต์ ✨ เที่ยวฟินแบบพรีเมียม 📲 จองด่วนก่อนเต็ม! #ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ #จุงเฟรา #ทิตลิส #พิลาตุส #น้ำตกไรน์ #ตลาดคริสต์มาส #เที่ยวต่างประเทศ #ทัวร์ยุโรป #SWISSเที่ยวฟิน #คริสต์มาส68 #เที่ยวปลายปี #หิมะขาวๆ #SnowTrip #เที่ยวกับเราไปได้ทุกที่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eb95d7 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/VqV2CzJ-50I?si=2eFyNjk3UJGAPlRm
    https://youtube.com/shorts/VqV2CzJ-50I?si=2eFyNjk3UJGAPlRm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแสดงความยินดีกับ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าแชมป์ Singapore Open 2025 และขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก แบดมินตันชายเดียวไทยคนแรก
    ขอแสดงความยินดีกับ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าแชมป์ 🏆Singapore Open 2025 🏸 และขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก แบดมินตันชายเดียวไทยคนแรก 🎉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia กำลังพัฒนา 800V HVDC architecture เพื่อรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานระดับ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าระบบปัจจุบันถึง 5 เท่า โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานภายในปี 2027

    การใช้ 800V HVDC จะช่วยลดความต้องการ ทองแดง ในการส่งพลังงานลงถึง 45% และช่วยให้ ศูนย์ข้อมูล AI สามารถขยายขนาดได้โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดตัวนำไฟฟ้า นอกจากนี้ Nvidia ยังร่วมมือกับ Infineon, Texas Instruments และ Navitas เพื่อพัฒนา wide-bandgap semiconductors เช่น GaN และ SiC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia พัฒนา 800V HVDC เพื่อรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานสูง
    - ระบบปัจจุบัน 54V DC กำลังถึงขีดจำกัดเมื่อเซิร์ฟเวอร์ใช้พลังงานเกิน 200 กิโลวัตต์
    - 800V HVDC จะช่วยลดความต้องการทองแดงลง 45%
    - Nvidia ร่วมมือกับ Infineon, Texas Instruments และ Navitas เพื่อพัฒนา wide-bandgap semiconductors
    - คาดว่า 800V HVDC จะเริ่มใช้งานใน 2027

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนไปใช้ 800V HVDC ต้องใช้การปรับโครงสร้างระบบไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูล
    - การใช้พลังงานระดับเมกะวัตต์ อาจเพิ่มความท้าทายด้าน ความร้อนและการระบายอากาศ
    - การพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ เช่น GaN และ SiC อาจต้องใช้เวลาพัฒนาให้เสถียร
    - ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบ อาจสูง และต้องรอดูว่าศูนย์ข้อมูลจะปรับตัวได้เร็วแค่ไหน

    การพัฒนา 800V HVDC ของ Nvidia เป็นก้าวสำคัญในการรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องจับตาดูว่าศูนย์ข้อมูลจะสามารถปรับตัวได้เร็วแค่ไหน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-to-boost-ai-server-racks-to-megawatt-scale-increasing-power-delivery-by-five-times-or-more
    Nvidia กำลังพัฒนา 800V HVDC architecture เพื่อรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานระดับ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าระบบปัจจุบันถึง 5 เท่า โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานภายในปี 2027 การใช้ 800V HVDC จะช่วยลดความต้องการ ทองแดง ในการส่งพลังงานลงถึง 45% และช่วยให้ ศูนย์ข้อมูล AI สามารถขยายขนาดได้โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดตัวนำไฟฟ้า นอกจากนี้ Nvidia ยังร่วมมือกับ Infineon, Texas Instruments และ Navitas เพื่อพัฒนา wide-bandgap semiconductors เช่น GaN และ SiC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia พัฒนา 800V HVDC เพื่อรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานสูง - ระบบปัจจุบัน 54V DC กำลังถึงขีดจำกัดเมื่อเซิร์ฟเวอร์ใช้พลังงานเกิน 200 กิโลวัตต์ - 800V HVDC จะช่วยลดความต้องการทองแดงลง 45% - Nvidia ร่วมมือกับ Infineon, Texas Instruments และ Navitas เพื่อพัฒนา wide-bandgap semiconductors - คาดว่า 800V HVDC จะเริ่มใช้งานใน 2027 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนไปใช้ 800V HVDC ต้องใช้การปรับโครงสร้างระบบไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูล - การใช้พลังงานระดับเมกะวัตต์ อาจเพิ่มความท้าทายด้าน ความร้อนและการระบายอากาศ - การพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ เช่น GaN และ SiC อาจต้องใช้เวลาพัฒนาให้เสถียร - ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบ อาจสูง และต้องรอดูว่าศูนย์ข้อมูลจะปรับตัวได้เร็วแค่ไหน การพัฒนา 800V HVDC ของ Nvidia เป็นก้าวสำคัญในการรองรับ AI server racks ที่ต้องการพลังงานสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องจับตาดูว่าศูนย์ข้อมูลจะสามารถปรับตัวได้เร็วแค่ไหน https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-to-boost-ai-server-racks-to-megawatt-scale-increasing-power-delivery-by-five-times-or-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง

    ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล

    ChatGPT in the ASEAN Market

    Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent.

    In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users.

    Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics.

    To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups.

    Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment.

    Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล ChatGPT in the ASEAN Market Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent. In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users. Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics. To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups. Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment. Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 649 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน:

    1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA
    • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.
    • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI.
    • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI.
    • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม.

    2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel
    • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท.
    • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น.
    • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ.

    3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD
    • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์.
    • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz.
    • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่.

    4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI
    • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า.
    • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า.
    • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU.

    5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS
    • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์.
    • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม.
    • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1.

    6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek
    • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร.
    • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud.

    7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston
    • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก.
    • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย.
    • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน.

    8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE
    • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI.
    • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล.
    • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing.

    9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro
    • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC.
    • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล.

     ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
    • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ.
    • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่.
    • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน.
    • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน.
    • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ.
    • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft.

    สรุป
    งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน: 1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด. • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI. • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI. • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม. 2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท. • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น. • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ. 3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์. • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz. • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่. 4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า. • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า. • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU. 5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์. • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม. • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1. 6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร. • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud. 7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก. • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย. • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน. 8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI. • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล. • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing. 9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC. • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล. 🔟 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ. • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่. • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน. • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน. • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ. • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft. 💯 สรุป 💯 งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • Avaya เปิดตัวแพลตฟอร์ม Infinity เพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีสื่อสารองค์กรแบบไฮบริด

    Avaya เปิดตัวแพลตฟอร์ม Infinity ซึ่งเป็นโซลูชันไฮบริดที่ช่วยให้องค์กรสามารถผสานรวมเทคโนโลยีสื่อสารแบบเดิมเข้ากับระบบคลาวด์ได้อย่างราบรื่น โดยมีเป้าหมาย ลดความซับซ้อนของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Avaya Infinity
    Infinity เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับทั้งระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม
    - ช่วยให้องค์กร สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องทิ้งระบบที่มีอยู่

    ใช้สถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์เฉพาะได้
    - ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนผ่าน และช่วยให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีตามความต้องการขององค์กร

    รองรับ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
    - สามารถ ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตอบสนองของศูนย์บริการลูกค้าและเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูล

    ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง
    - ใช้ข้อมูลเชิงลึก เพื่อสร้างการสื่อสารที่เป็นส่วนตัวและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

    ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน
    - ลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนระบบสื่อสารองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/enterprise-communication-evolution-avayas-infinity-platform-bridges-the-gap-between-whats-needed-today-and-expected-tomorrow
    Avaya เปิดตัวแพลตฟอร์ม Infinity เพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีสื่อสารองค์กรแบบไฮบริด Avaya เปิดตัวแพลตฟอร์ม Infinity ซึ่งเป็นโซลูชันไฮบริดที่ช่วยให้องค์กรสามารถผสานรวมเทคโนโลยีสื่อสารแบบเดิมเข้ากับระบบคลาวด์ได้อย่างราบรื่น โดยมีเป้าหมาย ลดความซับซ้อนของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Avaya Infinity ✅ Infinity เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับทั้งระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม - ช่วยให้องค์กร สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องทิ้งระบบที่มีอยู่ ✅ ใช้สถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์เฉพาะได้ - ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนผ่าน และช่วยให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีตามความต้องการขององค์กร ✅ รองรับ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร - สามารถ ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตอบสนองของศูนย์บริการลูกค้าและเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูล ✅ ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง - ใช้ข้อมูลเชิงลึก เพื่อสร้างการสื่อสารที่เป็นส่วนตัวและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ✅ ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน - ลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนระบบสื่อสารองค์กร https://www.techradar.com/pro/enterprise-communication-evolution-avayas-infinity-platform-bridges-the-gap-between-whats-needed-today-and-expected-tomorrow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • Surfshark ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่ม 7 แห่งทั่วโลก

    Surfshark ผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำ ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่มอีก 7 แห่งทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือก IP ส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง จาก 20 ตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น

    Surfshark เพิ่มตำแหน่ง Dedicated IP อีก 7 แห่ง
    - ได้แก่ Denver, New York, Las Vegas (สหรัฐฯ), São Paulo (บราซิล), Warsaw (โปแลนด์), Singapore (สิงคโปร์) และ Istanbul (ตุรกี)

    รวมกับตำแหน่งเดิม ทำให้มี Dedicated IP ให้เลือกทั้งหมด 20 แห่ง
    - เช่น London, Amsterdam, Tokyo, Sydney และ Johannesburg

    Dedicated IP ช่วยลด CAPTCHA และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ต้องการการยืนยันตัวตน
    - เช่น เซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและบริการธนาคารออนไลน์

    Surfshark มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับ Dedicated IP
    - ช่วยให้ IP ไม่ถูกเชื่อมโยงกับอีเมลของผู้ใช้

    Dedicated IP เป็นฟีเจอร์เสริมที่ต้องสมัครเพิ่มในแพ็กเกจ VPN
    - มีค่าใช้จ่าย $3.75 ต่อเดือน

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfsharks-dedicated-ip-service-now-has-7-new-locations-heres-what-you-need-to-know
    Surfshark ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่ม 7 แห่งทั่วโลก Surfshark ผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำ ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่มอีก 7 แห่งทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือก IP ส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง จาก 20 ตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น ✅ Surfshark เพิ่มตำแหน่ง Dedicated IP อีก 7 แห่ง - ได้แก่ Denver, New York, Las Vegas (สหรัฐฯ), São Paulo (บราซิล), Warsaw (โปแลนด์), Singapore (สิงคโปร์) และ Istanbul (ตุรกี) ✅ รวมกับตำแหน่งเดิม ทำให้มี Dedicated IP ให้เลือกทั้งหมด 20 แห่ง - เช่น London, Amsterdam, Tokyo, Sydney และ Johannesburg ✅ Dedicated IP ช่วยลด CAPTCHA และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ต้องการการยืนยันตัวตน - เช่น เซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและบริการธนาคารออนไลน์ ✅ Surfshark มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับ Dedicated IP - ช่วยให้ IP ไม่ถูกเชื่อมโยงกับอีเมลของผู้ใช้ ✅ Dedicated IP เป็นฟีเจอร์เสริมที่ต้องสมัครเพิ่มในแพ็กเกจ VPN - มีค่าใช้จ่าย $3.75 ต่อเดือน https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfsharks-dedicated-ip-service-now-has-7-new-locations-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Surfshark's Dedicated IP service now has 7 new locations – here's what you need to know
    You can now choose your unique, static IP address among 20 locations worldwide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องน้ำอัจฉริยะพร้อมระบบจำกัดเวลาเปิดใช้งานในเมือง Long Beach เมือง Long Beach ได้เปิดตัว โครงการนำร่องห้องน้ำอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Throne Labs ซึ่งเป็นบริษัทจาก Washington DC ห้องน้ำเหล่านี้ถูกเรียกว่า "Thrones" และมีระบบ QR Code สำหรับการเข้าใช้งาน

    ผู้ใช้สามารถ สแกน QR Code เพื่อรับข้อความเปิดประตู หรือใช้ รหัสที่พิมพ์ได้สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมี บัตรเข้าถึงแบบกายภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแบบไม่ต้องใช้เทคโนโลยี

    ห้องน้ำอัจฉริยะใช้ QR Code และรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู
    - ช่วยให้ สามารถควบคุมการเข้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    มีระบบแจ้งสถานะห้องน้ำแบบดิจิทัล
    - แสดงว่า ห้องน้ำว่าง, กำลังใช้งาน, กำลังทำความสะอาด หรือปิดให้บริการ

    จำกัดเวลาใช้งาน 10 นาทีต่อครั้ง
    - หลังจากครบเวลา ประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติ

    ติดตั้งที่ Belmont Pier, Shoreline Marina, Harvey Milk Promenade Park และ DeForest Park
    - เลือกพื้นที่ที่มี ความต้องการห้องน้ำสูงแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ

    ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,200 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อห้องน้ำ
    - รวมเป็น 100,000 ดอลลาร์สำหรับโครงการนำร่อง 4 เดือน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/10/time-restricted-039smart039-toilets-arrive-as-us-city-looks-to-plug-restroom-gaps
    ห้องน้ำอัจฉริยะพร้อมระบบจำกัดเวลาเปิดใช้งานในเมือง Long Beach เมือง Long Beach ได้เปิดตัว โครงการนำร่องห้องน้ำอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Throne Labs ซึ่งเป็นบริษัทจาก Washington DC ห้องน้ำเหล่านี้ถูกเรียกว่า "Thrones" และมีระบบ QR Code สำหรับการเข้าใช้งาน ผู้ใช้สามารถ สแกน QR Code เพื่อรับข้อความเปิดประตู หรือใช้ รหัสที่พิมพ์ได้สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมี บัตรเข้าถึงแบบกายภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแบบไม่ต้องใช้เทคโนโลยี ✅ ห้องน้ำอัจฉริยะใช้ QR Code และรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู - ช่วยให้ สามารถควบคุมการเข้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ มีระบบแจ้งสถานะห้องน้ำแบบดิจิทัล - แสดงว่า ห้องน้ำว่าง, กำลังใช้งาน, กำลังทำความสะอาด หรือปิดให้บริการ ✅ จำกัดเวลาใช้งาน 10 นาทีต่อครั้ง - หลังจากครบเวลา ประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติ ✅ ติดตั้งที่ Belmont Pier, Shoreline Marina, Harvey Milk Promenade Park และ DeForest Park - เลือกพื้นที่ที่มี ความต้องการห้องน้ำสูงแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ ✅ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,200 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อห้องน้ำ - รวมเป็น 100,000 ดอลลาร์สำหรับโครงการนำร่อง 4 เดือน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/10/time-restricted-039smart039-toilets-arrive-as-us-city-looks-to-plug-restroom-gaps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • Colossus ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Elon Musk พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบแล้ว Elon Musk ได้เปิดตัว Colossus ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ xAI ซึ่งตอนนี้ ทำงานเต็มรูปแบบด้วย 200,000 Nvidia H100 GPUs และใช้ แบตเตอรี่ Tesla Megapack เพื่อสำรองพลังงาน

    Colossus ตั้งอยู่ที่ Memphis Supercluster และได้รับพลังงาน 150 MW จาก Memphis Light, Gas, and Water (MLGW) และ Tennessee Valley Authority (TVA) พร้อมแบตเตอรี่สำรองอีก 150 MW ทำให้สามารถ ทำงานต่อเนื่องแม้เกิดไฟฟ้าดับ

    Colossus ใช้ 200,000 Nvidia H100 GPUs และแบตเตอรี่ Tesla Megapack
    - ช่วยให้ สามารถประมวลผล AI ได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ

    ได้รับพลังงาน 150 MW จาก MLGW และ TVA พร้อมแบตเตอรี่สำรองอีก 150 MW
    - ทำให้ สามารถทำงานต่อเนื่องแม้เกิดไฟฟ้าดับ

    Musk ต้องการขยายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้มี 1 ล้าน GPUs
    - กำลังระดมทุนเพื่อ เพิ่มขนาดของ Memphis Supercluster

    TVA ใช้พลังงานหมุนเวียน 60% รวมถึงพลังงานน้ำ, แสงอาทิตย์, ลม และนิวเคลียร์
    - ทำให้ Colossus มีความยั่งยืนด้านพลังงานมากขึ้น

    การติดตั้ง Colossus ใช้เวลาเพียง 19 วัน ซึ่งเร็วกว่าปกติที่ใช้เวลาถึง 4 ปี
    - Nvidia CEO Jensen Huang กล่าวว่านี่เป็น ความเร็วที่น่าทึ่งในการตั้งค่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/musks-colossus-is-fully-operational-with-200-000-gpus-backed-by-tesla-batteries-phase-2-to-consume-300-mw-enough-to-power-300-000-homes
    Colossus ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Elon Musk พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบแล้ว Elon Musk ได้เปิดตัว Colossus ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ xAI ซึ่งตอนนี้ ทำงานเต็มรูปแบบด้วย 200,000 Nvidia H100 GPUs และใช้ แบตเตอรี่ Tesla Megapack เพื่อสำรองพลังงาน Colossus ตั้งอยู่ที่ Memphis Supercluster และได้รับพลังงาน 150 MW จาก Memphis Light, Gas, and Water (MLGW) และ Tennessee Valley Authority (TVA) พร้อมแบตเตอรี่สำรองอีก 150 MW ทำให้สามารถ ทำงานต่อเนื่องแม้เกิดไฟฟ้าดับ ✅ Colossus ใช้ 200,000 Nvidia H100 GPUs และแบตเตอรี่ Tesla Megapack - ช่วยให้ สามารถประมวลผล AI ได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ ✅ ได้รับพลังงาน 150 MW จาก MLGW และ TVA พร้อมแบตเตอรี่สำรองอีก 150 MW - ทำให้ สามารถทำงานต่อเนื่องแม้เกิดไฟฟ้าดับ ✅ Musk ต้องการขยายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้มี 1 ล้าน GPUs - กำลังระดมทุนเพื่อ เพิ่มขนาดของ Memphis Supercluster ✅ TVA ใช้พลังงานหมุนเวียน 60% รวมถึงพลังงานน้ำ, แสงอาทิตย์, ลม และนิวเคลียร์ - ทำให้ Colossus มีความยั่งยืนด้านพลังงานมากขึ้น ✅ การติดตั้ง Colossus ใช้เวลาเพียง 19 วัน ซึ่งเร็วกว่าปกติที่ใช้เวลาถึง 4 ปี - Nvidia CEO Jensen Huang กล่าวว่านี่เป็น ความเร็วที่น่าทึ่งในการตั้งค่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/musks-colossus-is-fully-operational-with-200-000-gpus-backed-by-tesla-batteries-phase-2-to-consume-300-mw-enough-to-power-300-000-homes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts