• ธนาธรและแม่ธนาธรตลอดเครือญาติ,ไปถึงไหนแล้ว,สนิทสนมคนชนชั้นผู้ดีนี้รอดหมดนะ,ปวีณา เคสตย.แล้ว นักการเมืองและเจ้าสัวอื่นๆควรโดนด้วย,
    ..กฎหมายที่ดินสมควรปฏิรูปเถอะทัังระบบ,เช่น ยกเลิกกฎหมายที่ดินที่นักลงทุนต่างชาติถือครองได้หรือเช่าได้หลายปีหรือซื้อได้แบบยุคลุงออกไป แบบขายไร่ละ40ล้านบาทนั้น,เชิงลักษณะนี้ต้องยกเลิกทั้งหมด,ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินประเทศไทยทั่วราชอาณาจักรไทย สงวนสิทธิ์เฉพาะคนไทยสัญชาติไทยเท่านั้นทุกๆกรณี,
    ..ประชาชนธรรมดาถือครองไม่เกินคนละ50ไร่อย่างมากสุด, กิจการบริษัทรวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ รวมกันถือครองไม่เกิน100ไร่,บริษัทมหาชน ถือครองไม่เกิน200ไร่รวมทุกๆแปลงทั่วประเทศไทย,เราจะตัดตอนการเก็งกำไรทันทีและถือครองคนเดียวมากมายเกินผืดปกติ,จะเสมือนประเทศไทยนี้แผ่นดินไทยนี้ซื้อได้ด้วยเงิน,เอกชนใดๆซื้อแผ่นดินไทยนี้แย่งชิงแผ่นดินไทยนี้ ที่ดินทำกินจากชาวบ้านได้ง่ายดายสาระพัดรูปแบบ เช่นจำนองจำนำในร้านทองคำ,เจ้าสัวกวาดซื้อเป็นแสนเป็นล้านไร่กระจายทั่วประเทศได้โดยบีบบังคับทางอ้อมจากสถานะความยากจนขัดสนด้านทรัพย์สินเงินทองหรือหลอกล่อด้วยบ่อนด้วยการพนันต่างๆ คดีความต่างๆ สร้างเหตุปัจจัยเล่นงานชาวบ้านเป้าหมายที่ตนต้องการจะได้ที่ดินของชาวบ้านประชาชนตรงทำเลทองนั้นๆ,บริบทการปฏิวัติกฎหมายที่ดินจึงสมควรทำความสะอาดใหม่,อำมาตย์ศักดินาเก่า เจ้าขุนมูลนายเดิม ลูกท่านหลานเธอคงรับไม่ได้ ลูกหลานสนมเชื้อพระวงศ์ในอดีตก็ด้วยที่มีที่ดินถือครองมากมายทั้งในนามกิจการธุรกิจต่างๆที่เครือญาติวงศ์ตระกูลตนกระทำการประเด็นนี้มาโดยตลอด,หากไร้รายละเอียดกันจริงๆ ที่ดินที่คนพวกนี้ถือครองเกิน200ไร่มีใครบ้างในประเทศไทย เราจะลงลึกในรายละเอียดต่างๆในนัยยะที่แอบซ่อนอีกมากมาย,ชาวบ้านมีที่ดินคนละ5-10ไร่ในปัจจุบันก็บุญหัวแล้ว แบ่งมูลมรดกอีก,มากสุดไม่เกินคนละ40-50ไร่ต่อคน.,
    ..กฎหมายที่ดินต้องปฏิวัติมิใช่ปฏิรูป.

    https://youtube.com/live/6mGupix5Sw4?si=jNQadG20nnMPXBHA
    ธนาธรและแม่ธนาธรตลอดเครือญาติ,ไปถึงไหนแล้ว,สนิทสนมคนชนชั้นผู้ดีนี้รอดหมดนะ,ปวีณา เคสตย.แล้ว นักการเมืองและเจ้าสัวอื่นๆควรโดนด้วย, ..กฎหมายที่ดินสมควรปฏิรูปเถอะทัังระบบ,เช่น ยกเลิกกฎหมายที่ดินที่นักลงทุนต่างชาติถือครองได้หรือเช่าได้หลายปีหรือซื้อได้แบบยุคลุงออกไป แบบขายไร่ละ40ล้านบาทนั้น,เชิงลักษณะนี้ต้องยกเลิกทั้งหมด,ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินประเทศไทยทั่วราชอาณาจักรไทย สงวนสิทธิ์เฉพาะคนไทยสัญชาติไทยเท่านั้นทุกๆกรณี, ..ประชาชนธรรมดาถือครองไม่เกินคนละ50ไร่อย่างมากสุด, กิจการบริษัทรวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ รวมกันถือครองไม่เกิน100ไร่,บริษัทมหาชน ถือครองไม่เกิน200ไร่รวมทุกๆแปลงทั่วประเทศไทย,เราจะตัดตอนการเก็งกำไรทันทีและถือครองคนเดียวมากมายเกินผืดปกติ,จะเสมือนประเทศไทยนี้แผ่นดินไทยนี้ซื้อได้ด้วยเงิน,เอกชนใดๆซื้อแผ่นดินไทยนี้แย่งชิงแผ่นดินไทยนี้ ที่ดินทำกินจากชาวบ้านได้ง่ายดายสาระพัดรูปแบบ เช่นจำนองจำนำในร้านทองคำ,เจ้าสัวกวาดซื้อเป็นแสนเป็นล้านไร่กระจายทั่วประเทศได้โดยบีบบังคับทางอ้อมจากสถานะความยากจนขัดสนด้านทรัพย์สินเงินทองหรือหลอกล่อด้วยบ่อนด้วยการพนันต่างๆ คดีความต่างๆ สร้างเหตุปัจจัยเล่นงานชาวบ้านเป้าหมายที่ตนต้องการจะได้ที่ดินของชาวบ้านประชาชนตรงทำเลทองนั้นๆ,บริบทการปฏิวัติกฎหมายที่ดินจึงสมควรทำความสะอาดใหม่,อำมาตย์ศักดินาเก่า เจ้าขุนมูลนายเดิม ลูกท่านหลานเธอคงรับไม่ได้ ลูกหลานสนมเชื้อพระวงศ์ในอดีตก็ด้วยที่มีที่ดินถือครองมากมายทั้งในนามกิจการธุรกิจต่างๆที่เครือญาติวงศ์ตระกูลตนกระทำการประเด็นนี้มาโดยตลอด,หากไร้รายละเอียดกันจริงๆ ที่ดินที่คนพวกนี้ถือครองเกิน200ไร่มีใครบ้างในประเทศไทย เราจะลงลึกในรายละเอียดต่างๆในนัยยะที่แอบซ่อนอีกมากมาย,ชาวบ้านมีที่ดินคนละ5-10ไร่ในปัจจุบันก็บุญหัวแล้ว แบ่งมูลมรดกอีก,มากสุดไม่เกินคนละ40-50ไร่ต่อคน., ..กฎหมายที่ดินต้องปฏิวัติมิใช่ปฏิรูป. https://youtube.com/live/6mGupix5Sw4?si=jNQadG20nnMPXBHA
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา”

    ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น

    แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย

    ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย

    ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต

    ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์

    คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่?

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง
    ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย
    ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง
    ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์
    แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ
    ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน
    คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่
    ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ
    ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon
    Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง
    การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ
    บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน

    https://www.socialcooling.com/
    🧊 “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา” ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์ คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่? ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง ➡️ ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย ➡️ ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง ➡️ ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์ ➡️ แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ ➡️ ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน ➡️ คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่ ➡️ ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ ➡️ ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon ➡️ Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง ➡️ การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน https://www.socialcooling.com/
    WWW.SOCIALCOOLING.COM
    Social Cooling - big data's unintended side effect
    Thousands of hidden scores influence your chance to get a job, a loan, insurance or even a date. Social Cooling describes how this increases pressure to conform, and asks how this will change society.
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น”

    ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

    1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน

    2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย

    3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด

    4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด

    5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้

    https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    🛏️ “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น” ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น 1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน 2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย 3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด 4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด 5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้ https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 More Smart Gadgets User Reviews Say Can Instantly Upgrade Any Bedroom - SlashGear
    Smart gadgets with thousands of reviews that users say improve comfort, lighting, and convenience in the bedroom while staying budget-friendly.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • “เจาะลึก at:// — โปรโตคอลใหม่ที่เปลี่ยนโฉมการเชื่อมโยงข้อมูลบนเว็บให้เป็นของผู้ใช้จริง”

    ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวถูกผูกติดกับแพลตฟอร์มกลางอย่าง Facebook หรือ Twitter โปรโตคอลใหม่ชื่อว่า AT Protocol กำลังเสนอแนวทางที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอย่างแท้จริง ผ่านระบบ URI แบบใหม่ที่เรียกว่า at://

    บทความจาก Overreacted ได้อธิบายการทำงานของ at:// อย่างละเอียด โดยเปรียบเทียบกับ https:// ที่เราใช้กันทั่วไป ซึ่งในระบบเดิม “authority” หรือเจ้าของข้อมูลคือเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูลนั้น แต่ใน at:// ผู้ใช้คือ authority — หมายความว่า URI จะระบุว่าใครเป็นเจ้าของข้อมูล ไม่ใช่ใครเป็นผู้โฮสต์

    ตัวอย่างเช่น at://ruuuuu.de/app.bsky.feed.post/3lzy2ji4nms2z เป็น URI ที่ชี้ไปยังโพสต์หนึ่งในระบบ Bluesky ซึ่งข้อมูลจริงจะถูกโฮสต์อยู่ที่เซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้เลือกเอง และสามารถเปลี่ยนได้โดยไม่กระทบกับ URI เดิม หากต้องการเข้าถึง JSON ที่อยู่เบื้องหลัง URI นี้ จะต้องผ่าน 3 ขั้นตอน:

    1️⃣ แปลง handle (เช่น ruuuuu.de) เป็น identity ที่ไม่เปลี่ยนแปลง (DID)
    2️⃣ ใช้ DID เพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล
    3️⃣ ดึง JSON จากเซิร์ฟเวอร์นั้นผ่าน API

    DID มีสองแบบหลักคือ did:web และ did:plc โดยแบบแรกผูกกับโดเมนเว็บ เช่น iam.ruuuuu.de ส่วนแบบหลังเป็นระบบ ledger กลางที่ไม่ขึ้นกับโดเมนใด ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการหมดอายุโดเมนหรือการเปลี่ยนแปลง DNS

    เมื่อได้ DID แล้ว จะสามารถดึง “DID Document” ซึ่งเป็นเหมือนพาสปอร์ตดิจิทัลของผู้ใช้ โดยระบุว่า handle ไหนที่ใช้, public key ที่ใช้เซ็นข้อมูล, และเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล เช่น blacksky.app หรือ morel.us-east.host.bsky.network

    การออกแบบนี้ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องเปลี่ยน URI หรือสูญเสียลิงก์ระหว่างข้อมูล และช่วยให้แอปต่าง ๆ สามารถแสดงข้อมูลเดียวกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มกลาง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AT Protocol ใช้ URI แบบ at:// ที่ให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล
    URI เช่น at://ruuuuu.de/app.bsky.feed.post/3lzy2ji4nms2z ชี้ไปยัง JSON ที่โฮสต์โดยผู้ใช้
    การเข้าถึงข้อมูลต้องผ่าน 3 ขั้นตอน: handle → DID → hosting → JSON
    DID มีสองแบบหลักคือ did:web และ did:plc
    DID Document ระบุ handle, public key และเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล
    ระบบนี้ช่วยให้ข้อมูลเคลื่อนย้ายได้โดยไม่สูญเสียลิงก์
    แอปต่าง ๆ สามารถใช้ข้อมูลเดียวกันได้โดยไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มกลาง
    at:// ที่ใช้ DID เป็น “permalink” ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DID (Decentralized Identifier) เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย W3C สำหรับการระบุตัวตนแบบไม่รวมศูนย์
    did:web ใช้โดเมนเว็บในการระบุตัวตน แต่เสี่ยงต่อการหมดอายุหรือโดเมนถูกยึด
    did:plc ใช้ระบบ ledger กลางที่ไม่ขึ้นกับโดเมนใด
    JSON ที่ถูกเรียกใช้ผ่าน at:// เป็นข้อมูลดิบ ไม่ใช่ UI หรือหน้าเว็บ
    SDK และ cache เช่น QuickDID ช่วยให้การ resolve URI เร็วขึ้นในแอปจริง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    URI ที่ใช้ handle อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากผู้ใช้เปลี่ยนชื่อหรือโดเมน
    หากใช้ did:web แล้วโดเมนหมดอายุ ผู้ใช้จะสูญเสียการควบคุมข้อมูล
    การ resolve URI ต้องใช้ DNS และ HTTPS ซึ่งอาจช้าในระบบขนาดใหญ่
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจโครงสร้าง URI และ DID เพื่อใช้งานอย่างถูกต้อง
    การเปลี่ยน hosting ต้องอัปเดต DID Document ให้ตรงกัน ไม่เช่นนั้นข้อมูลจะไม่ถูกเรียกได้

    https://overreacted.io/where-its-at/
    🔗 “เจาะลึก at:// — โปรโตคอลใหม่ที่เปลี่ยนโฉมการเชื่อมโยงข้อมูลบนเว็บให้เป็นของผู้ใช้จริง” ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวถูกผูกติดกับแพลตฟอร์มกลางอย่าง Facebook หรือ Twitter โปรโตคอลใหม่ชื่อว่า AT Protocol กำลังเสนอแนวทางที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอย่างแท้จริง ผ่านระบบ URI แบบใหม่ที่เรียกว่า at:// บทความจาก Overreacted ได้อธิบายการทำงานของ at:// อย่างละเอียด โดยเปรียบเทียบกับ https:// ที่เราใช้กันทั่วไป ซึ่งในระบบเดิม “authority” หรือเจ้าของข้อมูลคือเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูลนั้น แต่ใน at:// ผู้ใช้คือ authority — หมายความว่า URI จะระบุว่าใครเป็นเจ้าของข้อมูล ไม่ใช่ใครเป็นผู้โฮสต์ ตัวอย่างเช่น at://ruuuuu.de/app.bsky.feed.post/3lzy2ji4nms2z เป็น URI ที่ชี้ไปยังโพสต์หนึ่งในระบบ Bluesky ซึ่งข้อมูลจริงจะถูกโฮสต์อยู่ที่เซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้เลือกเอง และสามารถเปลี่ยนได้โดยไม่กระทบกับ URI เดิม หากต้องการเข้าถึง JSON ที่อยู่เบื้องหลัง URI นี้ จะต้องผ่าน 3 ขั้นตอน: 1️⃣ แปลง handle (เช่น ruuuuu.de) เป็น identity ที่ไม่เปลี่ยนแปลง (DID) 2️⃣ ใช้ DID เพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล 3️⃣ ดึง JSON จากเซิร์ฟเวอร์นั้นผ่าน API DID มีสองแบบหลักคือ did:web และ did:plc โดยแบบแรกผูกกับโดเมนเว็บ เช่น iam.ruuuuu.de ส่วนแบบหลังเป็นระบบ ledger กลางที่ไม่ขึ้นกับโดเมนใด ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการหมดอายุโดเมนหรือการเปลี่ยนแปลง DNS เมื่อได้ DID แล้ว จะสามารถดึง “DID Document” ซึ่งเป็นเหมือนพาสปอร์ตดิจิทัลของผู้ใช้ โดยระบุว่า handle ไหนที่ใช้, public key ที่ใช้เซ็นข้อมูล, และเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล เช่น blacksky.app หรือ morel.us-east.host.bsky.network การออกแบบนี้ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องเปลี่ยน URI หรือสูญเสียลิงก์ระหว่างข้อมูล และช่วยให้แอปต่าง ๆ สามารถแสดงข้อมูลเดียวกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มกลาง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AT Protocol ใช้ URI แบบ at:// ที่ให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล ➡️ URI เช่น at://ruuuuu.de/app.bsky.feed.post/3lzy2ji4nms2z ชี้ไปยัง JSON ที่โฮสต์โดยผู้ใช้ ➡️ การเข้าถึงข้อมูลต้องผ่าน 3 ขั้นตอน: handle → DID → hosting → JSON ➡️ DID มีสองแบบหลักคือ did:web และ did:plc ➡️ DID Document ระบุ handle, public key และเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูล ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ข้อมูลเคลื่อนย้ายได้โดยไม่สูญเสียลิงก์ ➡️ แอปต่าง ๆ สามารถใช้ข้อมูลเดียวกันได้โดยไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มกลาง ➡️ at:// ที่ใช้ DID เป็น “permalink” ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DID (Decentralized Identifier) เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย W3C สำหรับการระบุตัวตนแบบไม่รวมศูนย์ ➡️ did:web ใช้โดเมนเว็บในการระบุตัวตน แต่เสี่ยงต่อการหมดอายุหรือโดเมนถูกยึด ➡️ did:plc ใช้ระบบ ledger กลางที่ไม่ขึ้นกับโดเมนใด ➡️ JSON ที่ถูกเรียกใช้ผ่าน at:// เป็นข้อมูลดิบ ไม่ใช่ UI หรือหน้าเว็บ ➡️ SDK และ cache เช่น QuickDID ช่วยให้การ resolve URI เร็วขึ้นในแอปจริง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ URI ที่ใช้ handle อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากผู้ใช้เปลี่ยนชื่อหรือโดเมน ⛔ หากใช้ did:web แล้วโดเมนหมดอายุ ผู้ใช้จะสูญเสียการควบคุมข้อมูล ⛔ การ resolve URI ต้องใช้ DNS และ HTTPS ซึ่งอาจช้าในระบบขนาดใหญ่ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจโครงสร้าง URI และ DID เพื่อใช้งานอย่างถูกต้อง ⛔ การเปลี่ยน hosting ต้องอัปเดต DID Document ให้ตรงกัน ไม่เช่นนั้นข้อมูลจะไม่ถูกเรียกได้ https://overreacted.io/where-its-at/
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • “IBM เปิดตัว Granite 4.0 — โมเดล AI ไฮบริดที่เล็กแต่แรง ท้าชนคู่แข่งที่ใหญ่กว่าถึง 12 เท่า”

    IBM เดินหน้าสร้างจุดยืนในโลก AI ด้วยการเปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Granite 4.0 คือสถาปัตยกรรมแบบ “ไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความแม่นยำ โดยลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป

    Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ประมวลผลข้อมูลแบบเชิงเส้น ทำให้เหมาะกับงานที่มีบริบทยาว เช่น เอกสารหรือโค้ดขนาดใหญ่ ขณะที่ Transformer ยังคงทำหน้าที่ในส่วนที่ต้องการความละเอียดของบริบท เช่น การตอบคำถามหรือการสื่อสารแบบละเอียด

    Granite 4.0 เปิดตัวพร้อมกันหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small โดยรุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติหรือ multi-agent workflows ส่วนรุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว เช่น edge computing และแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำ

    ผลการทดสอบบน IFEval พบว่า Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 ซึ่งสูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 12 เท่า IBM ยังร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงโมเดลให้เหมาะกับงานระดับองค์กร

    โมเดลทั้งหมดเปิดให้ใช้งานผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM, Replicate และ Dell Technologies โดยมีแผนจะขยายไปยัง Amazon SageMaker และ Microsoft Azure ในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IBM เปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ Apache 2.0 License
    ใช้สถาปัตยกรรมไฮบริดระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10
    ลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป
    Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 บน IFEval สูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick
    เปิดตัวหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small พร้อมรุ่น Instruct
    รุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น multi-tool agents และ customer support
    รุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับ edge devices และงานที่ต้องการ latency ต่ำ
    เปิดให้ใช้งานผ่าน watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM ฯลฯ
    IBM ร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ใช้หน่วยความจำคงที่ ไม่เพิ่มตามความยาวบริบท
    Transformer มีจุดแข็งด้าน self-attention แต่ใช้ RAM สูงเมื่อบริบทยาว
    การผสม Mamba กับ Transformer ช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์และเพิ่มความเร็วในการ inference
    Granite 4.0 ได้รับการรับรอง ISO 42001 และมีการเซ็นดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส
    โมเดลถูกฝึกด้วยข้อมูลกว่า 22 ล้านล้าน token และรองรับ sequence ยาวถึง 512K token

    https://news.itsfoss.com/ibm-unveils-granite-4/
    🧠 “IBM เปิดตัว Granite 4.0 — โมเดล AI ไฮบริดที่เล็กแต่แรง ท้าชนคู่แข่งที่ใหญ่กว่าถึง 12 เท่า” IBM เดินหน้าสร้างจุดยืนในโลก AI ด้วยการเปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Granite 4.0 คือสถาปัตยกรรมแบบ “ไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความแม่นยำ โดยลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ประมวลผลข้อมูลแบบเชิงเส้น ทำให้เหมาะกับงานที่มีบริบทยาว เช่น เอกสารหรือโค้ดขนาดใหญ่ ขณะที่ Transformer ยังคงทำหน้าที่ในส่วนที่ต้องการความละเอียดของบริบท เช่น การตอบคำถามหรือการสื่อสารแบบละเอียด Granite 4.0 เปิดตัวพร้อมกันหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small โดยรุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติหรือ multi-agent workflows ส่วนรุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว เช่น edge computing และแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำ ผลการทดสอบบน IFEval พบว่า Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 ซึ่งสูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 12 เท่า IBM ยังร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงโมเดลให้เหมาะกับงานระดับองค์กร โมเดลทั้งหมดเปิดให้ใช้งานผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM, Replicate และ Dell Technologies โดยมีแผนจะขยายไปยัง Amazon SageMaker และ Microsoft Azure ในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IBM เปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ Apache 2.0 License ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมไฮบริดระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 ➡️ ลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป ➡️ Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 บน IFEval สูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ➡️ เปิดตัวหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small พร้อมรุ่น Instruct ➡️ รุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น multi-tool agents และ customer support ➡️ รุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับ edge devices และงานที่ต้องการ latency ต่ำ ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM ฯลฯ ➡️ IBM ร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ใช้หน่วยความจำคงที่ ไม่เพิ่มตามความยาวบริบท ➡️ Transformer มีจุดแข็งด้าน self-attention แต่ใช้ RAM สูงเมื่อบริบทยาว ➡️ การผสม Mamba กับ Transformer ช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์และเพิ่มความเร็วในการ inference ➡️ Granite 4.0 ได้รับการรับรอง ISO 42001 และมีการเซ็นดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส ➡️ โมเดลถูกฝึกด้วยข้อมูลกว่า 22 ล้านล้าน token และรองรับ sequence ยาวถึง 512K token https://news.itsfoss.com/ibm-unveils-granite-4/
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์

    Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ

    ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank

    การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI

    แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน
    Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW
    ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda
    Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้
    MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก
    MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน
    GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021
    GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI
    ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI
    การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว
    ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030
    BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    🏢 “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์ Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน ➡️ Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW ➡️ ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda ➡️ Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้ ➡️ MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก ➡️ MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 ➡️ GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI ➡️ ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI ➡️ การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว ➡️ ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030 ➡️ BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ”

    แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030

    Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

    6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้

    Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย

    แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028
    6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent
    อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์
    6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่
    Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia
    3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21
    Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่
    AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware
    Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI
    Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G
    ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    📡 “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ” แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030 Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ 6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้ Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028 ➡️ 6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent ➡️ อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์ ➡️ 6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่ ➡️ Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia ➡️ 3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21 ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่ ➡️ AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware ➡️ Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI ➡️ Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ➡️ แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G ➡️ ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    WWW.THESTAR.COM.MY
    5G hasn’t yet hit its stride, but 6G is already on the horizon
    The companies that power telecom providers are already laying the groundwork for 6G communications.
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • “ศาลเนเธอร์แลนด์สั่ง Meta เคารพสิทธิผู้ใช้ — ต้องให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ตามกฎหมาย DSA”

    ในวันที่โลกออนไลน์ถูกควบคุมด้วยอัลกอริทึมและโฆษณาแบบเจาะจง กลุ่มสิทธิดิจิทัล Bits of Freedom จากเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นฟ้อง Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่ตนเห็นได้อย่างแท้จริง

    ศาลอัมสเตอร์ดัมตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมาย DSA โดยไม่ให้ผู้ใช้เลือกฟีดแบบไม่ใช้การวิเคราะห์โปรไฟล์อย่างชัดเจน และแม้ผู้ใช้จะเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ไว้แล้ว แอปก็ยังกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ซึ่งขัดต่อหลักการ “อำนาจในการเลือก” ที่ DSA กำหนดไว้

    ศาลสั่งให้ Meta ปรับปรุงแอปภายในสองสัปดาห์ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ “โดยตรงและง่าย” และต้องจำค่าการเลือกของผู้ใช้ไว้ ไม่เปลี่ยนกลับโดยอัตโนมัติ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน

    Bits of Freedom ระบุว่า การที่ผู้ใช้ต้องค้นหาฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ และยังถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ถือเป็นการบิดเบือนสิทธิในการเลือก และเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ปลายเดือนนี้

    แม้ Meta จะประกาศว่าจะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่าได้ปรับระบบตาม DSA แล้ว และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ไม่ใช่ศาลแต่ละประเทศ แต่คำตัดสินนี้ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงว่า “แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ไม่ใช่ผู้แตะต้องไม่ได้”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Bits of Freedom ฟ้อง Meta ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA)
    DSA กำหนดให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่เห็นได้อย่างแท้จริง
    ศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดสิทธิผู้ใช้โดยไม่ให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อย่างถาวร
    แอปของ Meta จะกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า
    ศาลสั่งให้ Meta ปรับแอปภายใน 2 สัปดาห์ ให้เข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ง่ายและจำค่าการเลือก
    หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน
    ผู้ใช้ที่เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์จะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message
    Meta ระบุว่าจะอุทธรณ์ และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DSA มีผลบังคับใช้ในปี 2024 เพื่อควบคุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในยุโรป
    ฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์มักเรียกว่า “chronological feed” หรือ “non-personalized feed”
    การใช้อัลกอริทึมเพื่อแสดงเนื้อหาอาจส่งผลต่อการรับรู้และการมีส่วนร่วมทางสังคม
    การซ่อนตัวเลือกฟีดที่ไม่ใช้โปรไฟล์เป็นเทคนิคที่เรียกว่า “dark pattern”
    การตัดฟีเจอร์เมื่อเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อาจละเมิดหลักการ “fair access”

    https://www.bitsoffreedom.nl/2025/10/02/judge-in-the-bits-of-freedom-vs-meta-lawsuit-meta-must-respect-users-choice/
    ⚖️ “ศาลเนเธอร์แลนด์สั่ง Meta เคารพสิทธิผู้ใช้ — ต้องให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ตามกฎหมาย DSA” ในวันที่โลกออนไลน์ถูกควบคุมด้วยอัลกอริทึมและโฆษณาแบบเจาะจง กลุ่มสิทธิดิจิทัล Bits of Freedom จากเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นฟ้อง Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่ตนเห็นได้อย่างแท้จริง ศาลอัมสเตอร์ดัมตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมาย DSA โดยไม่ให้ผู้ใช้เลือกฟีดแบบไม่ใช้การวิเคราะห์โปรไฟล์อย่างชัดเจน และแม้ผู้ใช้จะเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ไว้แล้ว แอปก็ยังกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ซึ่งขัดต่อหลักการ “อำนาจในการเลือก” ที่ DSA กำหนดไว้ ศาลสั่งให้ Meta ปรับปรุงแอปภายในสองสัปดาห์ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ “โดยตรงและง่าย” และต้องจำค่าการเลือกของผู้ใช้ไว้ ไม่เปลี่ยนกลับโดยอัตโนมัติ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน Bits of Freedom ระบุว่า การที่ผู้ใช้ต้องค้นหาฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ และยังถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ถือเป็นการบิดเบือนสิทธิในการเลือก และเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ปลายเดือนนี้ แม้ Meta จะประกาศว่าจะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่าได้ปรับระบบตาม DSA แล้ว และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ไม่ใช่ศาลแต่ละประเทศ แต่คำตัดสินนี้ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงว่า “แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ไม่ใช่ผู้แตะต้องไม่ได้” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Bits of Freedom ฟ้อง Meta ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ➡️ DSA กำหนดให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่เห็นได้อย่างแท้จริง ➡️ ศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดสิทธิผู้ใช้โดยไม่ให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อย่างถาวร ➡️ แอปของ Meta จะกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ➡️ ศาลสั่งให้ Meta ปรับแอปภายใน 2 สัปดาห์ ให้เข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ง่ายและจำค่าการเลือก ➡️ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน ➡️ ผู้ใช้ที่เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์จะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ➡️ Meta ระบุว่าจะอุทธรณ์ และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DSA มีผลบังคับใช้ในปี 2024 เพื่อควบคุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในยุโรป ➡️ ฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์มักเรียกว่า “chronological feed” หรือ “non-personalized feed” ➡️ การใช้อัลกอริทึมเพื่อแสดงเนื้อหาอาจส่งผลต่อการรับรู้และการมีส่วนร่วมทางสังคม ➡️ การซ่อนตัวเลือกฟีดที่ไม่ใช้โปรไฟล์เป็นเทคนิคที่เรียกว่า “dark pattern” ➡️ การตัดฟีเจอร์เมื่อเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อาจละเมิดหลักการ “fair access” https://www.bitsoffreedom.nl/2025/10/02/judge-in-the-bits-of-freedom-vs-meta-lawsuit-meta-must-respect-users-choice/
    WWW.BITSOFFREEDOM.NL
    Judge in the Bits of Freedom vs. Meta lawsuit: Meta must respect users’ choice
    Bits of Freedom komt op voor internetvrijheid door de online grondrechten op communicatievrijheid en privacy te beschermen.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/DGp9dKm2sEQ?si=cxkaRv8W90ZAM17V
    https://youtu.be/DGp9dKm2sEQ?si=cxkaRv8W90ZAM17V
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027”

    ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป

    Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี

    แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว

    การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์
    พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER
    รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ
    ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง
    มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC
    ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน
    วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing
    Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป
    HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม
    การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    🛡️ “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027” ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ➡️ พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER ➡️ รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ ➡️ ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง ➡️ มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC ➡️ ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน ➡️ วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing ➡️ Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป ➡️ HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม ➡️ การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ➡️ การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง”

    Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V

    แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร

    Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง

    Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้

    ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต
    Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm
    Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm
    Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet
    Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027
    Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป
    Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET
    PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing
    Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก
    TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน
    การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต”

    https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    🔧 “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง” Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้ ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ➡️ Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm ➡️ Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ➡️ Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm ➡️ Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet ➡️ Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027 ➡️ Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป ➡️ Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET ➡️ PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing ➡️ Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก ➡️ TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน ➡️ การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต” https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    WCCFTECH.COM
    ‘Iconic’ Chip Expert Jim Keller Says Intel Is Being Considered For Cutting-Edge Chips, But They Have a Lot to Do to Deliver a Solid Product
    The legendary chip architect Jim Keller has shared his thoughts on Intel's processes, claiming that they need to refine the 'foundry game'.
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • “Ampinel: อุปกรณ์ $95 ที่อาจช่วยชีวิตการ์ดจอ RTX ของคุณ — แก้ปัญหา 16-pin ละลายด้วยระบบบาลานซ์ไฟที่ Nvidia ลืมใส่”

    ตั้งแต่การ์ดจอซีรีส์ RTX 40 ของ Nvidia เปิดตัวพร้อมหัวต่อไฟแบบ 16-pin (12VHPWR) ก็มีรายงานปัญหาหัวละลายและสายไหม้ตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่น RTX 4090 และ 5090 ซึ่งดึงไฟสูงถึง 600W แต่ไม่มีระบบกระจายโหลดไฟฟ้าในตัว ต่างจาก RTX 3090 Ti ที่ยังมีวงจรบาลานซ์ไฟอยู่

    ล่าสุด Aqua Computer จากเยอรมนีเปิดตัวอุปกรณ์ชื่อว่า Ampinel ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยการใส่ระบบ active load balancing ที่สามารถตรวจสอบและกระจายกระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ผ่านสาย 12V ทั้ง 6 เส้นในหัวต่อ 16-pin หากพบว่ามีสายใดเกิน 7.5A ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยต่อคอนแทค Ampinel จะปรับโหลดทันทีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม

    Ampinel ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่แสดงค่ากระแสไฟแต่ละเส้น, ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง 85 dB และไฟ RGB ที่เปลี่ยนสีตามสถานะการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์ Aquasuite เพื่อกำหนดพฤติกรรมเมื่อเกิดเหตุ เช่น ปิดแอปที่ใช้ GPU หนัก, สั่ง shutdown เครื่อง หรือแม้แต่ตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอเพื่อหยุดจ่ายไฟทันที

    อุปกรณ์นี้ใช้แผงวงจร 6 ชั้นที่ทำจากทองแดงหนา 70 ไมครอน พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมที่ช่วยระบายความร้อน และระบบ MCU ที่ควบคุม MOSFET แบบ low-resistance เพื่อให้การกระจายโหลดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อ USB หรือซอฟต์แวร์ตลอดเวลา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ampinel เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับหัวต่อ 16-pin ที่มีระบบ active load balancing
    ตรวจสอบสายไฟ 6 เส้นแบบเรียลไทม์ และปรับโหลดทันทีเมื่อเกิน 7.5A
    มีหน้าจอ OLED แสดงค่ากระแสไฟ, ไฟ RGB แจ้งเตือน และเสียงเตือน 85 dB
    ใช้แผงวงจร 6 ชั้นทองแดงหนา พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมช่วยระบายความร้อน
    สามารถตั้งค่าผ่าน Aquasuite ให้สั่งปิดแอป, shutdown หรือหยุดจ่ายไฟ
    ระบบแจ้งเตือนแบ่งเป็น 8 ระดับ ตั้งค่าได้ทั้งภาพ เสียง และการตอบสนอง
    ไม่ต้องพึ่งพา USB หรือซอฟต์แวร์ในการทำงานหลัก
    ราคาประมาณ $95 หรือ €79.90 เริ่มส่งกลางเดือนพฤศจิกายน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หัวต่อ 16-pin มี safety margin ต่ำกว่าหัว 8-pin PCIe เดิมถึง 40%
    ปัญหาหัวละลายเกิดจากการกระจายโหลดไม่เท่ากันในสายไฟ
    RTX 3090 Ti ไม่มีปัญหาเพราะยังมีวงจรบาลานซ์ไฟในตัว
    MOSFET แบบ low-RDS(on) ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม
    การตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอคือวิธีหยุดจ่ายไฟแบบฉุกเฉินที่ปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-16-pin-time-bomb-could-be-defused-by-this-usd95-gadget-ampinel-offers-load-balancing-that-nvidia-forgot-to-include
    🔥 “Ampinel: อุปกรณ์ $95 ที่อาจช่วยชีวิตการ์ดจอ RTX ของคุณ — แก้ปัญหา 16-pin ละลายด้วยระบบบาลานซ์ไฟที่ Nvidia ลืมใส่” ตั้งแต่การ์ดจอซีรีส์ RTX 40 ของ Nvidia เปิดตัวพร้อมหัวต่อไฟแบบ 16-pin (12VHPWR) ก็มีรายงานปัญหาหัวละลายและสายไหม้ตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่น RTX 4090 และ 5090 ซึ่งดึงไฟสูงถึง 600W แต่ไม่มีระบบกระจายโหลดไฟฟ้าในตัว ต่างจาก RTX 3090 Ti ที่ยังมีวงจรบาลานซ์ไฟอยู่ ล่าสุด Aqua Computer จากเยอรมนีเปิดตัวอุปกรณ์ชื่อว่า Ampinel ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยการใส่ระบบ active load balancing ที่สามารถตรวจสอบและกระจายกระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ผ่านสาย 12V ทั้ง 6 เส้นในหัวต่อ 16-pin หากพบว่ามีสายใดเกิน 7.5A ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยต่อคอนแทค Ampinel จะปรับโหลดทันทีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม Ampinel ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่แสดงค่ากระแสไฟแต่ละเส้น, ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง 85 dB และไฟ RGB ที่เปลี่ยนสีตามสถานะการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์ Aquasuite เพื่อกำหนดพฤติกรรมเมื่อเกิดเหตุ เช่น ปิดแอปที่ใช้ GPU หนัก, สั่ง shutdown เครื่อง หรือแม้แต่ตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอเพื่อหยุดจ่ายไฟทันที อุปกรณ์นี้ใช้แผงวงจร 6 ชั้นที่ทำจากทองแดงหนา 70 ไมครอน พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมที่ช่วยระบายความร้อน และระบบ MCU ที่ควบคุม MOSFET แบบ low-resistance เพื่อให้การกระจายโหลดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อ USB หรือซอฟต์แวร์ตลอดเวลา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ampinel เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับหัวต่อ 16-pin ที่มีระบบ active load balancing ➡️ ตรวจสอบสายไฟ 6 เส้นแบบเรียลไทม์ และปรับโหลดทันทีเมื่อเกิน 7.5A ➡️ มีหน้าจอ OLED แสดงค่ากระแสไฟ, ไฟ RGB แจ้งเตือน และเสียงเตือน 85 dB ➡️ ใช้แผงวงจร 6 ชั้นทองแดงหนา พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมช่วยระบายความร้อน ➡️ สามารถตั้งค่าผ่าน Aquasuite ให้สั่งปิดแอป, shutdown หรือหยุดจ่ายไฟ ➡️ ระบบแจ้งเตือนแบ่งเป็น 8 ระดับ ตั้งค่าได้ทั้งภาพ เสียง และการตอบสนอง ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา USB หรือซอฟต์แวร์ในการทำงานหลัก ➡️ ราคาประมาณ $95 หรือ €79.90 เริ่มส่งกลางเดือนพฤศจิกายน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หัวต่อ 16-pin มี safety margin ต่ำกว่าหัว 8-pin PCIe เดิมถึง 40% ➡️ ปัญหาหัวละลายเกิดจากการกระจายโหลดไม่เท่ากันในสายไฟ ➡️ RTX 3090 Ti ไม่มีปัญหาเพราะยังมีวงจรบาลานซ์ไฟในตัว ➡️ MOSFET แบบ low-RDS(on) ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม ➡️ การตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอคือวิธีหยุดจ่ายไฟแบบฉุกเฉินที่ปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-16-pin-time-bomb-could-be-defused-by-this-usd95-gadget-ampinel-offers-load-balancing-that-nvidia-forgot-to-include
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!”

    เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้

    จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม

    เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต

    ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง
    ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่
    PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง
    ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego
    เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed
    ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB
    สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว
    Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน
    มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก
    Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง
    การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego
    PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง
    โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    🎮 “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!” เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้ จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง ➡️ ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่ ➡️ PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง ➡️ ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego ➡️ เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ➡️ ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ➡️ สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว ➡️ Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน ➡️ มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก ➡️ Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง ➡️ การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego ➡️ PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง ➡️ โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • “5 สุดยอดแกดเจ็ตแห่งปี 2025 — บางชิ้นไม่ใหม่ แต่ ‘สมบูรณ์แบบ’ จนต้องยกนิ้วให้”

    ปี 2025 เป็นปีที่เทคโนโลยีไม่ได้แค่ “ใหม่” แต่หลายแบรนด์เลือกที่จะ “ปรับปรุงของเดิมให้ดีที่สุด” และผลลัพธ์คือแกดเจ็ตที่ทั้งคุ้นเคยและน่าทึ่ง SlashGear ได้คัดเลือก 5 แกดเจ็ตที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่คือการออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้จริง ๆ

    เริ่มจาก Nintendo Switch 2 ที่แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากรุ่นแรก แต่กลับขายได้ถึง 6 ล้านเครื่องภายในไม่กี่เดือน เพราะมันแก้ปัญหาเดิมได้หมด — เล่นเกม AAA ได้ลื่นขึ้น, Joy-Con แน่นขึ้นและใช้เป็นเมาส์ได้, แม้จะยังมี Joy-Con drift และต้องซื้อ microSD Express เพิ่ม แต่ก็ถือว่า “สมบูรณ์แบบในสิ่งที่มันเป็น”

    ต่อมา iPhone Air ที่บางเฉียบจนหลายคนคิดว่าเป็นแค่โชว์ดีไซน์ แต่กลับทนทานเกินคาด — ทดสอบแรงกดถึง 215 ปอนด์ถึงจะแตก และรอดจากการตก 200 ฟุตได้แบบหน้าจอไม่พัง แม้จะมีข้อเสียเรื่องกล้องเดียว, ลำโพงเดียว, USB ช้า และ GPU อ่อน แต่ก็เป็นต้นแบบของมือถือยุคใหม่ที่เบาและใช้งานได้นาน

    Sony WH-1000XM6 คือการแก้ไขข้อผิดพลาดจากรุ่น XM5 — กลับมาใช้ดีไซน์พับได้, ปรับคุณภาพเสียงและไมค์ให้ดีขึ้น, เพิ่มปุ่มที่ใช้งานง่ายขึ้น และเปลี่ยนเคสให้ใช้แม่เหล็กแทนซิป แม้แบตยังอยู่ที่ 30 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คุณภาพโดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานยาว ๆ อีก 10 ปี”

    Legion Go S (SteamOS Edition) คือเครื่องเกมพกพาที่ไม่ใช้ Windows แต่ใช้ SteamOS โดยตรง — ทำให้เล่นเกมลื่นกว่า, ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า และเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ใหญ่อย่าง Lenovo ส่งเครื่อง Linux ออกสู่ตลาดโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ handheld gaming

    สุดท้าย 8BitDo Ultimate 2 Wireless Controller ที่แม้จะเป็นรุ่นอัปเกรดเล็ก ๆ แต่กลับใส่ฟีเจอร์มาเต็ม — ปุ่มเสริม, trigger lock, dock ชาร์จแบบ low-latency, joystick แบบ TMR และ Hall-effect ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม และราคาลดเหลือเพียง $30 ในบางช่วง

    https://www.slashgear.com/1982586/coolest-gadgets-released-2025/
    🧩 “5 สุดยอดแกดเจ็ตแห่งปี 2025 — บางชิ้นไม่ใหม่ แต่ ‘สมบูรณ์แบบ’ จนต้องยกนิ้วให้” ปี 2025 เป็นปีที่เทคโนโลยีไม่ได้แค่ “ใหม่” แต่หลายแบรนด์เลือกที่จะ “ปรับปรุงของเดิมให้ดีที่สุด” และผลลัพธ์คือแกดเจ็ตที่ทั้งคุ้นเคยและน่าทึ่ง SlashGear ได้คัดเลือก 5 แกดเจ็ตที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่คือการออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้จริง ๆ 🔰 เริ่มจาก Nintendo Switch 2 ที่แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากรุ่นแรก แต่กลับขายได้ถึง 6 ล้านเครื่องภายในไม่กี่เดือน เพราะมันแก้ปัญหาเดิมได้หมด — เล่นเกม AAA ได้ลื่นขึ้น, Joy-Con แน่นขึ้นและใช้เป็นเมาส์ได้, แม้จะยังมี Joy-Con drift และต้องซื้อ microSD Express เพิ่ม แต่ก็ถือว่า “สมบูรณ์แบบในสิ่งที่มันเป็น” 🔰 ต่อมา iPhone Air ที่บางเฉียบจนหลายคนคิดว่าเป็นแค่โชว์ดีไซน์ แต่กลับทนทานเกินคาด — ทดสอบแรงกดถึง 215 ปอนด์ถึงจะแตก และรอดจากการตก 200 ฟุตได้แบบหน้าจอไม่พัง แม้จะมีข้อเสียเรื่องกล้องเดียว, ลำโพงเดียว, USB ช้า และ GPU อ่อน แต่ก็เป็นต้นแบบของมือถือยุคใหม่ที่เบาและใช้งานได้นาน 🔰 Sony WH-1000XM6 คือการแก้ไขข้อผิดพลาดจากรุ่น XM5 — กลับมาใช้ดีไซน์พับได้, ปรับคุณภาพเสียงและไมค์ให้ดีขึ้น, เพิ่มปุ่มที่ใช้งานง่ายขึ้น และเปลี่ยนเคสให้ใช้แม่เหล็กแทนซิป แม้แบตยังอยู่ที่ 30 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คุณภาพโดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานยาว ๆ อีก 10 ปี” 🔰 Legion Go S (SteamOS Edition) คือเครื่องเกมพกพาที่ไม่ใช้ Windows แต่ใช้ SteamOS โดยตรง — ทำให้เล่นเกมลื่นกว่า, ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า และเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ใหญ่อย่าง Lenovo ส่งเครื่อง Linux ออกสู่ตลาดโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ handheld gaming 🔰 สุดท้าย 8BitDo Ultimate 2 Wireless Controller ที่แม้จะเป็นรุ่นอัปเกรดเล็ก ๆ แต่กลับใส่ฟีเจอร์มาเต็ม — ปุ่มเสริม, trigger lock, dock ชาร์จแบบ low-latency, joystick แบบ TMR และ Hall-effect ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม และราคาลดเหลือเพียง $30 ในบางช่วง https://www.slashgear.com/1982586/coolest-gadgets-released-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Of The Coolest Gadgets Released In 2025 - SlashGear
    A look at five standout gadgets released in 2025, from powerful handhelds to next-gen audio and ultra-thin phones that push design limits.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์ — เพราะมันอาจไม่ใช่แค่ชาร์จแบต แต่เปิดประตูให้ภัยไซเบอร์”

    หลายคนอาจคิดว่าพอร์ต USB บนโทรศัพท์มือถือมีไว้แค่ชาร์จแบตหรือโอนข้อมูล แต่ในความเป็นจริง มันคือจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งของอุปกรณ์ — ทั้งในแง่พลังงาน การสื่อสารข้อมูล และความปลอดภัยของระบบ หากเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทเข้าไป อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ชิ้นส่วนภายในพัง หรือที่ร้ายที่สุดคือข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์” พร้อมเหตุผลที่ฟังแล้วอาจทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมทันที:

    1️⃣ สายชาร์จปลอม หรือไม่ได้รับการรับรอง — สายราคาถูกอาจไม่มีระบบป้องกันไฟกระชากหรือการควบคุมแรงดันไฟฟ้าอย่างเหมาะสม บางสายยังมีชิปซ่อนอยู่เพื่อดักข้อมูลหรือฝังมัลแวร์ เช่น “O.MG Cable” ที่เคยถูกใช้ในการแฮกอุปกรณ์โดยตรง

    2️⃣ สถานีชาร์จสาธารณะ — ที่สนามบินหรือห้างสรรพสินค้าอาจมีพอร์ต USB ให้เสียบชาร์จฟรี แต่หลายแห่งถูกแฮกเกอร์ดัดแปลงให้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ “Juice Jacking” ซึ่งสามารถติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านสาย USB ได้ทันที

    3️⃣ แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์ USB ที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์ หรือแม้แต่ “USB Killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำลายวงจรภายในโทรศัพท์

    4️⃣ ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก — แม้จะสามารถเชื่อมต่อได้ แต่ฮาร์ดไดรฟ์บางรุ่นใช้พลังงานมากเกินกว่าที่โทรศัพท์จะรองรับ ทำให้เกิดความร้อนสูงและอาจทำให้พอร์ต USB เสียหาย

    5️⃣ หัวชาร์จที่มีวัตต์สูงเกินไป — การใช้หัวชาร์จที่ไม่ตรงกับสเปกของโทรศัพท์อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป หรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วโดยไม่รู้ตัว

    https://www.slashgear.com/1982162/gadgets-to-never-plug-into-phone-usb-ports/
    🔌 “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์ — เพราะมันอาจไม่ใช่แค่ชาร์จแบต แต่เปิดประตูให้ภัยไซเบอร์” หลายคนอาจคิดว่าพอร์ต USB บนโทรศัพท์มือถือมีไว้แค่ชาร์จแบตหรือโอนข้อมูล แต่ในความเป็นจริง มันคือจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งของอุปกรณ์ — ทั้งในแง่พลังงาน การสื่อสารข้อมูล และความปลอดภัยของระบบ หากเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทเข้าไป อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ชิ้นส่วนภายในพัง หรือที่ร้ายที่สุดคือข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์” พร้อมเหตุผลที่ฟังแล้วอาจทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมทันที: 1️⃣ สายชาร์จปลอม หรือไม่ได้รับการรับรอง — สายราคาถูกอาจไม่มีระบบป้องกันไฟกระชากหรือการควบคุมแรงดันไฟฟ้าอย่างเหมาะสม บางสายยังมีชิปซ่อนอยู่เพื่อดักข้อมูลหรือฝังมัลแวร์ เช่น “O.MG Cable” ที่เคยถูกใช้ในการแฮกอุปกรณ์โดยตรง 2️⃣ สถานีชาร์จสาธารณะ — ที่สนามบินหรือห้างสรรพสินค้าอาจมีพอร์ต USB ให้เสียบชาร์จฟรี แต่หลายแห่งถูกแฮกเกอร์ดัดแปลงให้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ “Juice Jacking” ซึ่งสามารถติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านสาย USB ได้ทันที 3️⃣ แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์ USB ที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์ หรือแม้แต่ “USB Killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำลายวงจรภายในโทรศัพท์ 4️⃣ ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก — แม้จะสามารถเชื่อมต่อได้ แต่ฮาร์ดไดรฟ์บางรุ่นใช้พลังงานมากเกินกว่าที่โทรศัพท์จะรองรับ ทำให้เกิดความร้อนสูงและอาจทำให้พอร์ต USB เสียหาย 5️⃣ หัวชาร์จที่มีวัตต์สูงเกินไป — การใช้หัวชาร์จที่ไม่ตรงกับสเปกของโทรศัพท์อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป หรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วโดยไม่รู้ตัว https://www.slashgear.com/1982162/gadgets-to-never-plug-into-phone-usb-ports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Plug Into Your Phone's USB Ports (And Why) - SlashGear
    Your smartphone's USB port means it's compatible with a wide range of USB-powered accessories, but you'll want to avoid connecting it to just anything.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Highlight Words In Action : September 2025

    acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc.

    From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties.

    adamant
    adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc.

    From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors.

    aerial
    adjective: existing, living, growing, or operating in the air

    From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure.

    autonomous
    adjective: existing as an independent entity

    From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round.

    bioluminescent
    adjective: pertaining to the production of light by living organisms

    From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn.

    bodega
    noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment

    From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars.

    contretemps
    noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance

    From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!”

    decorum
    noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc.

    From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy.

    driftwood
    noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore

    From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs.

    eavesdrop
    verb: to listen secretly to a private conversation

    From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed.

    emulate
    verb: to imitate with effort to equal or surpass

    From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again.

    estuary
    noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide

    From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it.

    Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary.

    gentrification
    noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses

    From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents.

    hedonism
    noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good

    From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.”

    kayak
    verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this

    From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle.

    larceny
    noun: the wrongful taking of someone’s property or goods

    From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour.

    linchpin
    noun: something that holds the various elements of a complicated structure together

    From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate.

    matcha
    noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it

    From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand.

    meteorite
    noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space

    From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space.

    monastery
    noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows

    From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude.

    nuptials
    noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one

    From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility.

    offering
    noun: something presented to a deity as a symbol of devotion

    From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings.

    parody
    noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art

    From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.”

    perennial
    adjective: arising repeatedly or always existing

    From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021.

    philanthropist
    noun: someone who makes charitable donations

    From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically.

    plunder
    verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud

    From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition.

    risotto
    noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients

    From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops.

    skittish
    adjective: easily frightened or extremely cautious

    From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more.

    synthetic
    adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin

    From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027.

    tandem
    adverb: one following or behind the other

    From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : September 2025 acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc. From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties. adamant adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc. From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors. aerial adjective: existing, living, growing, or operating in the air From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure. autonomous adjective: existing as an independent entity From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round. bioluminescent adjective: pertaining to the production of light by living organisms From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn. bodega noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars. contretemps noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!” decorum noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc. From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy. driftwood noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs. eavesdrop verb: to listen secretly to a private conversation From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed. emulate verb: to imitate with effort to equal or surpass From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again. estuary noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it. Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary. gentrification noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents. hedonism noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.” kayak verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle. larceny noun: the wrongful taking of someone’s property or goods From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour. linchpin noun: something that holds the various elements of a complicated structure together From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate. matcha noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand. meteorite noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space. monastery noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude. nuptials noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility. offering noun: something presented to a deity as a symbol of devotion From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings. parody noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.” perennial adjective: arising repeatedly or always existing From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021. philanthropist noun: someone who makes charitable donations From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically. plunder verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition. risotto noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops. skittish adjective: easily frightened or extremely cautious From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more. synthetic adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027. tandem adverb: one following or behind the other From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • “MSI ยืนยันเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับ Ryzen Zen 6 — อัปเกรดได้ยาวถึงปี 2027 โดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ด”

    MSI ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันจะรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้สาย DIY ที่ลงทุนกับแพลตฟอร์ม AM5 เพราะหมายความว่าเมนบอร์ดที่มีอยู่จะยังใช้งานได้กับซีพียูรุ่นใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่

    AM5 เปิดตัวครั้งแรกพร้อม Ryzen 7000 (Zen 4) และปัจจุบันรองรับ Ryzen 9000 (Zen 5) รวมถึง Ryzen 8000G APU ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้รองรับซีพียูถึง 3 เจเนอเรชันแล้ว และจะขยายไปถึง Zen 6 ในอนาคต

    MSI ยังเตรียมเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่น “MAX” ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น external BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB เพื่อรองรับเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มการรองรับ Zen 6 และไมโครโค้ดใหม่ ๆ

    นอกจากนี้ยังมีการพบดีไซน์ใหม่ในเมนบอร์ดรุ่น B850I EDGE TI EVO WIFI ที่แสดงให้เห็นว่า MSI กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับ Zen 6 อย่างจริงจัง และมีรายงานว่า AMD ได้ส่งตัวอย่างซีพียู Zen 6 ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบความเข้ากันได้แล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    MSI ยืนยันว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับซีพียู Ryzen Zen 6
    Zen 6 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2026
    AM5 รองรับ Ryzen 7000 (Zen 4), Ryzen 9000 (Zen 5) และ Ryzen 8000G
    เมนบอร์ดรุ่น “MAX” จะมี BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB
    MSI เตรียมเปิดตัวเมนบอร์ด B850I EDGE TI EVO WIFI ที่รองรับ Zen 6
    AMD ได้ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบแล้ว
    การรองรับ Zen 6 สะท้อนความมุ่งมั่นของ AMD ต่อแพลตฟอร์ม AM5
    ผู้ใช้สามารถอัปเกรดซีพียูในอนาคตโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zen 6 ใช้โค้ดเนม “Morpheus” และผลิตบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC
    Zen 6 เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ และมี L3 cache สูงสุด 48MB
    AMD ยืนยันว่าจะสนับสนุน AM5 ไปจนถึงปี 2027 และอาจต่อเนื่องกว่านั้น
    การมี BIOS ขนาดใหญ่ช่วยให้รองรับเฟิร์มแวร์ใหม่ได้โดยไม่ต้องลดฟีเจอร์
    การใช้ BCLK generator ช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้แม่นยำและเสถียรมากขึ้น

    https://wccftech.com/msi-confirms-future-amd-ryzen-zen-6-cpu-support-on-am5-800-motherboards/
    🧩 “MSI ยืนยันเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับ Ryzen Zen 6 — อัปเกรดได้ยาวถึงปี 2027 โดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ด” MSI ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันจะรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้สาย DIY ที่ลงทุนกับแพลตฟอร์ม AM5 เพราะหมายความว่าเมนบอร์ดที่มีอยู่จะยังใช้งานได้กับซีพียูรุ่นใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ AM5 เปิดตัวครั้งแรกพร้อม Ryzen 7000 (Zen 4) และปัจจุบันรองรับ Ryzen 9000 (Zen 5) รวมถึง Ryzen 8000G APU ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้รองรับซีพียูถึง 3 เจเนอเรชันแล้ว และจะขยายไปถึง Zen 6 ในอนาคต MSI ยังเตรียมเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่น “MAX” ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น external BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB เพื่อรองรับเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มการรองรับ Zen 6 และไมโครโค้ดใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังมีการพบดีไซน์ใหม่ในเมนบอร์ดรุ่น B850I EDGE TI EVO WIFI ที่แสดงให้เห็นว่า MSI กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับ Zen 6 อย่างจริงจัง และมีรายงานว่า AMD ได้ส่งตัวอย่างซีพียู Zen 6 ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบความเข้ากันได้แล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ MSI ยืนยันว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับซีพียู Ryzen Zen 6 ➡️ Zen 6 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ AM5 รองรับ Ryzen 7000 (Zen 4), Ryzen 9000 (Zen 5) และ Ryzen 8000G ➡️ เมนบอร์ดรุ่น “MAX” จะมี BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB ➡️ MSI เตรียมเปิดตัวเมนบอร์ด B850I EDGE TI EVO WIFI ที่รองรับ Zen 6 ➡️ AMD ได้ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบแล้ว ➡️ การรองรับ Zen 6 สะท้อนความมุ่งมั่นของ AMD ต่อแพลตฟอร์ม AM5 ➡️ ผู้ใช้สามารถอัปเกรดซีพียูในอนาคตโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zen 6 ใช้โค้ดเนม “Morpheus” และผลิตบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ➡️ Zen 6 เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ และมี L3 cache สูงสุด 48MB ➡️ AMD ยืนยันว่าจะสนับสนุน AM5 ไปจนถึงปี 2027 และอาจต่อเนื่องกว่านั้น ➡️ การมี BIOS ขนาดใหญ่ช่วยให้รองรับเฟิร์มแวร์ใหม่ได้โดยไม่ต้องลดฟีเจอร์ ➡️ การใช้ BCLK generator ช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้แม่นยำและเสถียรมากขึ้น https://wccftech.com/msi-confirms-future-amd-ryzen-zen-6-cpu-support-on-am5-800-motherboards/
    WCCFTECH.COM
    MSI Confirms "Future CPU" Support On Its AM5 800-Series Motherboards, Pointing Towards Zen 6 Ryzen
    MSI has confirmed that its current AM5 800-series motherboards will support AMD's next-gen Ryzen CPUs based on Zen 6 architecture.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • “Alphawave Semi ผนึกกำลัง TSMC เปิดตัว UCIe 3D IP — ปลดล็อกขีดจำกัดการเชื่อมต่อชิปในยุค AI”

    Alphawave Semi บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูง ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC โดยใช้เทคโนโลยี SoIC-X ซึ่งเป็นการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

    ชิปใหม่นี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) และให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบ 2.5D เดิม พร้อมเพิ่มความหนาแน่นของสัญญาณได้ถึง 5 เท่า ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์โดยตรงต่อความต้องการของระบบ AI และ HPC ที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

    ในยุคที่ Moore’s Law เริ่มไม่สามารถรองรับความซับซ้อนของโมเดล AI ได้อีกต่อไป การออกแบบชิปแบบเดิมที่สื่อสารกันผ่านขอบของแพ็กเกจเริ่มกลายเป็นข้อจำกัด Alphawave จึงเลือกแนวทางใหม่ด้วยการออกแบบชิปแบบ disaggregated architecture โดยใช้การวางชิปหลายตัวในแนวนอน หรือซ้อนกันในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์และลดการใช้พลังงาน

    ชิป UCIe-3D รุ่นใหม่นี้ใช้ bottom die ขนาด 5nm ที่รองรับ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อส่งพลังงานและกราวด์ไปยัง top die ขนาด 3nm ซึ่งช่วยให้การจัดการพลังงานภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Alphawave ยังมีชุดเครื่องมือ 3DIO ที่ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

    ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึง Siemens ซึ่งนำแพลตฟอร์ม Calibre เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พารามิเตอร์ไฟฟ้าและความร้อนในระยะเริ่มต้น เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alphawave Semi ประสบความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP บนแพลตฟอร์ม TSMC 3DFabric
    ใช้เทคโนโลยี SoIC-X สำหรับการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูง
    รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F)
    ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้น 10 เท่า และความหนาแน่นของสัญญาณเพิ่มขึ้น 5 เท่า
    ใช้ bottom die ขนาด 5nm และ top die ขนาด 3nm โดยเชื่อมผ่าน TSVs
    ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านแบนด์วิดธ์และพลังงานในระบบ AI และ HPC
    Siemens ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการออกแบบและตรวจสอบร่วมกับ Alphawave
    ชุดเครื่องมือ 3DIO ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D มีประสิทธิภาพ
    การออกแบบแบบ disaggregated architecture เป็นแนวทางใหม่แทน SoC แบบเดิม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการเชื่อมต่อชิปแบบ chiplet
    SoIC-X ของ TSMC เป็นเทคโนโลยีการบรรจุชิปแบบ 3D ที่ใช้ในระดับองค์กรและ hyperscaler
    TSVs ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลระหว่างชิปมีความเร็วและประสิทธิภาพสูง
    การออกแบบแบบ chiplet ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนของชิปได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด
    Siemens Calibre เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ความถูกต้องของวงจรในระดับนาโนเมตร

    https://www.techpowerup.com/341533/alphawave-semi-delivers-cutting-edge-ucie-chiplet-ip-on-tsmc-3dfabric-platform
    🔗 “Alphawave Semi ผนึกกำลัง TSMC เปิดตัว UCIe 3D IP — ปลดล็อกขีดจำกัดการเชื่อมต่อชิปในยุค AI” Alphawave Semi บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูง ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC โดยใช้เทคโนโลยี SoIC-X ซึ่งเป็นการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ชิปใหม่นี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) และให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบ 2.5D เดิม พร้อมเพิ่มความหนาแน่นของสัญญาณได้ถึง 5 เท่า ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์โดยตรงต่อความต้องการของระบบ AI และ HPC ที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ในยุคที่ Moore’s Law เริ่มไม่สามารถรองรับความซับซ้อนของโมเดล AI ได้อีกต่อไป การออกแบบชิปแบบเดิมที่สื่อสารกันผ่านขอบของแพ็กเกจเริ่มกลายเป็นข้อจำกัด Alphawave จึงเลือกแนวทางใหม่ด้วยการออกแบบชิปแบบ disaggregated architecture โดยใช้การวางชิปหลายตัวในแนวนอน หรือซ้อนกันในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์และลดการใช้พลังงาน ชิป UCIe-3D รุ่นใหม่นี้ใช้ bottom die ขนาด 5nm ที่รองรับ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อส่งพลังงานและกราวด์ไปยัง top die ขนาด 3nm ซึ่งช่วยให้การจัดการพลังงานภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Alphawave ยังมีชุดเครื่องมือ 3DIO ที่ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึง Siemens ซึ่งนำแพลตฟอร์ม Calibre เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พารามิเตอร์ไฟฟ้าและความร้อนในระยะเริ่มต้น เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alphawave Semi ประสบความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP บนแพลตฟอร์ม TSMC 3DFabric ➡️ ใช้เทคโนโลยี SoIC-X สำหรับการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูง ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) ➡️ ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้น 10 เท่า และความหนาแน่นของสัญญาณเพิ่มขึ้น 5 เท่า ➡️ ใช้ bottom die ขนาด 5nm และ top die ขนาด 3nm โดยเชื่อมผ่าน TSVs ➡️ ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านแบนด์วิดธ์และพลังงานในระบบ AI และ HPC ➡️ Siemens ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการออกแบบและตรวจสอบร่วมกับ Alphawave ➡️ ชุดเครื่องมือ 3DIO ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D มีประสิทธิภาพ ➡️ การออกแบบแบบ disaggregated architecture เป็นแนวทางใหม่แทน SoC แบบเดิม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการเชื่อมต่อชิปแบบ chiplet ➡️ SoIC-X ของ TSMC เป็นเทคโนโลยีการบรรจุชิปแบบ 3D ที่ใช้ในระดับองค์กรและ hyperscaler ➡️ TSVs ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลระหว่างชิปมีความเร็วและประสิทธิภาพสูง ➡️ การออกแบบแบบ chiplet ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนของชิปได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ➡️ Siemens Calibre เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ความถูกต้องของวงจรในระดับนาโนเมตร https://www.techpowerup.com/341533/alphawave-semi-delivers-cutting-edge-ucie-chiplet-ip-on-tsmc-3dfabric-platform
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Alphawave Semi Delivers Cutting-Edge UCIe Chiplet IP on TSMC 3DFabric Platform
    Alphawave Semi (LSE: AWE), a global leader in high-speed connectivity and compute silicon for the world's technology infrastructure, has announced the successful tape-out of its cutting edge UCIe 3D IP on the advanced TSMC SoIC (SoIC-X) technology in the 3DFabric platform. This achievement builds on...
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • “Rhadamanthys v0.9.2 กลับมาอีกครั้ง — มัลแวร์ขโมยข้อมูลที่ฉลาดขึ้น ซ่อนตัวในไฟล์ PNG พร้อมหลบการวิเคราะห์แบบมืออาชีพ”

    มัลแวร์ Rhadamanthys Stealer ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันใหม่ v0.9.2 พร้อมความสามารถที่อันตรายและซับซ้อนมากขึ้น โดยเวอร์ชันล่าสุดนี้ถูกใช้ในแคมเปญ ClickFix และมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อให้หลบเลี่ยงการตรวจจับและการวิเคราะห์จากนักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ดีขึ้น

    หนึ่งในเทคนิคใหม่ที่โดดเด่นคือการซ่อน payload ในไฟล์ภาพ PNG ที่ดู “มีสัญญาณรบกวน” ซึ่งต่างจากเวอร์ชันก่อนที่ใช้ไฟล์ WAV หรือ JPG เป็นตัวบรรจุโค้ด โดยไฟล์ PNG เหล่านี้จะบรรจุโมดูลขั้นถัดไปของมัลแวร์ไว้ภายใน ทำให้การตรวจจับด้วยเครื่องมือทั่วไปยากขึ้น

    นอกจากนี้ Rhadamanthys ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น

    การตรวจสอบ sandbox ผ่าน wallpaper hash และ hardware ID
    การ inject โค้ดเข้าโปรเซสที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    การขยาย Lua plugin ให้รองรับการขโมยข้อมูลจากแอปกระเป๋าเงินคริปโต เช่น Ledger Live
    การเก็บข้อมูล fingerprint ของเบราว์เซอร์ผ่านโมดูล fingerprint.js เช่น WebGL, ฟอนต์ที่ติดตั้ง, และข้อมูลระบบ

    ผู้พัฒนา Rhadamanthys ยังเปิดตัวเว็บไซต์บน Tor ที่มีการรีแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “RHAD Security” และ “Mythical Origin Labs” พร้อมขายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Elysium Proxy Bot และบริการเข้ารหัสข้อมูล โดยมีแพ็กเกจเริ่มต้นที่ $299 ต่อเดือน และแบบองค์กรที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ

    นักวิจัยจาก Check Point Research ระบุว่า Rhadamanthys กำลังกลายเป็น “ธุรกิจไซเบอร์เต็มรูปแบบ” มากกว่าการเป็นโปรเจกต์ของแฮกเกอร์ทั่วไป และหากพัฒนาต่อไปในทิศทางนี้ เวอร์ชัน 1.0 อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มมัลแวร์ที่เสถียรและทรงพลังที่สุดในกลุ่ม stealer

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Rhadamanthys Stealer v0.9.2 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ซับซ้อนและหลบการวิเคราะห์ได้ดีขึ้น
    ใช้ไฟล์ PNG ที่มีสัญญาณรบกวนเป็นตัวบรรจุ payload แทน WAV/JPG
    เพิ่มการตรวจสอบ sandbox ผ่าน wallpaper hash, username และ hardware ID
    รองรับ targeted process injection เพื่อหลบการป้องกันของระบบ
    ขยาย Lua plugin ให้รองรับการขโมยข้อมูลจากแอปคริปโต เช่น Ledger Live
    ใช้ fingerprint.js เพื่อเก็บข้อมูลเบราว์เซอร์และระบบ เช่น WebGL และฟอนต์
    เปิดตัวเว็บไซต์ Tor ภายใต้ชื่อ RHAD Security และ Mythical Origin Labs
    ขายผลิตภัณฑ์มัลแวร์แบบ subscription เริ่มต้นที่ $299 ต่อเดือน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rhadamanthys เป็นมัลแวร์แบบ multi-modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจาก VPN, 2FA, messenger และ crypto wallets
    ใช้เทคนิค anti-analysis เช่นการแสดงกล่องข้อความ “Do you want to run a malware?” หากรันในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย
    ใช้ executable format แบบ XS ที่ออกแบบมาให้หลบเครื่องมือวิเคราะห์รุ่นเก่า
    config blob ถูกปรับใหม่ให้เริ่มต้นด้วย 0xBEEF แทน !RHY และรองรับหลาย C2 address
    มีการลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างมัลแวร์เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานและมีเสถียรภาพ

    https://securityonline.info/rhadamanthys-stealer-v0-9-2-drops-new-png-payloads-and-anti-analysis-tricks-make-malware-deadlier/
    🕷️ “Rhadamanthys v0.9.2 กลับมาอีกครั้ง — มัลแวร์ขโมยข้อมูลที่ฉลาดขึ้น ซ่อนตัวในไฟล์ PNG พร้อมหลบการวิเคราะห์แบบมืออาชีพ” มัลแวร์ Rhadamanthys Stealer ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันใหม่ v0.9.2 พร้อมความสามารถที่อันตรายและซับซ้อนมากขึ้น โดยเวอร์ชันล่าสุดนี้ถูกใช้ในแคมเปญ ClickFix และมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อให้หลบเลี่ยงการตรวจจับและการวิเคราะห์จากนักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ดีขึ้น หนึ่งในเทคนิคใหม่ที่โดดเด่นคือการซ่อน payload ในไฟล์ภาพ PNG ที่ดู “มีสัญญาณรบกวน” ซึ่งต่างจากเวอร์ชันก่อนที่ใช้ไฟล์ WAV หรือ JPG เป็นตัวบรรจุโค้ด โดยไฟล์ PNG เหล่านี้จะบรรจุโมดูลขั้นถัดไปของมัลแวร์ไว้ภายใน ทำให้การตรวจจับด้วยเครื่องมือทั่วไปยากขึ้น นอกจากนี้ Rhadamanthys ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น ⚠️ การตรวจสอบ sandbox ผ่าน wallpaper hash และ hardware ID ⚠️ การ inject โค้ดเข้าโปรเซสที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ⚠️ การขยาย Lua plugin ให้รองรับการขโมยข้อมูลจากแอปกระเป๋าเงินคริปโต เช่น Ledger Live ⚠️ การเก็บข้อมูล fingerprint ของเบราว์เซอร์ผ่านโมดูล fingerprint.js เช่น WebGL, ฟอนต์ที่ติดตั้ง, และข้อมูลระบบ ผู้พัฒนา Rhadamanthys ยังเปิดตัวเว็บไซต์บน Tor ที่มีการรีแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “RHAD Security” และ “Mythical Origin Labs” พร้อมขายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Elysium Proxy Bot และบริการเข้ารหัสข้อมูล โดยมีแพ็กเกจเริ่มต้นที่ $299 ต่อเดือน และแบบองค์กรที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ นักวิจัยจาก Check Point Research ระบุว่า Rhadamanthys กำลังกลายเป็น “ธุรกิจไซเบอร์เต็มรูปแบบ” มากกว่าการเป็นโปรเจกต์ของแฮกเกอร์ทั่วไป และหากพัฒนาต่อไปในทิศทางนี้ เวอร์ชัน 1.0 อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มมัลแวร์ที่เสถียรและทรงพลังที่สุดในกลุ่ม stealer ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Rhadamanthys Stealer v0.9.2 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ซับซ้อนและหลบการวิเคราะห์ได้ดีขึ้น ➡️ ใช้ไฟล์ PNG ที่มีสัญญาณรบกวนเป็นตัวบรรจุ payload แทน WAV/JPG ➡️ เพิ่มการตรวจสอบ sandbox ผ่าน wallpaper hash, username และ hardware ID ➡️ รองรับ targeted process injection เพื่อหลบการป้องกันของระบบ ➡️ ขยาย Lua plugin ให้รองรับการขโมยข้อมูลจากแอปคริปโต เช่น Ledger Live ➡️ ใช้ fingerprint.js เพื่อเก็บข้อมูลเบราว์เซอร์และระบบ เช่น WebGL และฟอนต์ ➡️ เปิดตัวเว็บไซต์ Tor ภายใต้ชื่อ RHAD Security และ Mythical Origin Labs ➡️ ขายผลิตภัณฑ์มัลแวร์แบบ subscription เริ่มต้นที่ $299 ต่อเดือน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rhadamanthys เป็นมัลแวร์แบบ multi-modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจาก VPN, 2FA, messenger และ crypto wallets ➡️ ใช้เทคนิค anti-analysis เช่นการแสดงกล่องข้อความ “Do you want to run a malware?” หากรันในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ➡️ ใช้ executable format แบบ XS ที่ออกแบบมาให้หลบเครื่องมือวิเคราะห์รุ่นเก่า ➡️ config blob ถูกปรับใหม่ให้เริ่มต้นด้วย 0xBEEF แทน !RHY และรองรับหลาย C2 address ➡️ มีการลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างมัลแวร์เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานและมีเสถียรภาพ https://securityonline.info/rhadamanthys-stealer-v0-9-2-drops-new-png-payloads-and-anti-analysis-tricks-make-malware-deadlier/
    SECURITYONLINE.INFO
    Rhadamanthys Stealer v0.9.2 Drops: New PNG Payloads and Anti-Analysis Tricks Make Malware Deadlier
    Rhadamanthys stealer's v0.9.2 update adds new anti-analysis checks, a custom executable format, and uses noisy PNG files for payload delivery to bypass security tools.
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • “5 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Windows 11 ไปใช้ Linux — เมื่อเสรีภาพ ความเร็ว และความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งจำเป็น”

    Jorge Aguilar นักเขียนสายเทคโนโลยีจาก SlashGear ได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเปลี่ยนจาก Windows 11 ไปใช้ Linux หลังจากพบว่าระบบปฏิบัติการของ Microsoft นั้นเต็มไปด้วยปัญหา เช่น การอัปเดตที่ไม่สิ้นสุด, การทำงานช้า, และการเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่โปร่งใส

    เขาเริ่มต้นจากความต้องการระบบที่เบา ไม่กินทรัพยากร และไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อน จนพบว่า Linux ตอบโจทย์ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนเครื่องเก่า, การควบคุมความเป็นส่วนตัว, หรือการปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันได้อย่างอิสระ

    Linux ไม่ติดตั้งแอปขยะหรือโฆษณาแบบที่ Windows มักแถมมา เช่น McAfee, Xbox, หรือ Edge และไม่มีการย้อนกลับการตั้งค่าด้วยการอัปเดตบังคับเหมือนที่ Microsoft ทำกับผู้ใช้ทั่วไป

    นอกจากนี้ Linux ยังสามารถทำให้เครื่องเก่ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยดิสโทรเบา ๆ อย่าง Lubuntu, MX Linux หรือ Linux Mint ที่สามารถรันได้ลื่นแม้มี RAM เพียง 4 GB

    ในด้านความเป็นส่วนตัว Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ที่ถ่ายภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติ และเนื่องจากเป็นโอเพ่นซอร์ส ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดได้เองว่าไม่มีการฝัง backdoor หรือระบบติดตามใด ๆ

    สุดท้ายคือเรื่องการปรับแต่ง — Linux เปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่ธีม, ฟอนต์, dock, ไปจนถึงการแก้ไข CSS หรือ source code ของเคอร์เนลเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Windows ไม่เคยเปิดให้ทำอย่างเต็มที่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Linux ไม่มี bloatware หรือแอปขยะที่ติดมากับระบบ
    Windows ใช้ RAM มากกว่า 3 GB แม้ไม่ได้เปิดแอปใด ๆ
    การลบแอปหรือ telemetry ใน Windows มักถูกย้อนกลับด้วยอัปเดตบังคับ
    Linux เหมาะกับเครื่องเก่า เช่น เครื่องที่ไม่รองรับ Windows 11
    ดิสโทรเบา ๆ เช่น Lubuntu, MX Linux, Linux Mint รันได้ดีแม้มี RAM ต่ำ
    Linux ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และไม่มี watermark หากไม่ได้ใส่ key
    Windows 11 Home ราคา $139 ส่วน Pro ราคา $199
    Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันของ Linux ได้อย่างเต็มที่
    Desktop environment ของ Linux เช่น KDE, GNOME, XFCE สามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Linux ถูกใช้ในเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพราะมีประสิทธิภาพสูงและเสถียร
    Windows Recall ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว
    Linux มีระบบเข้ารหัสดิสก์ที่ผู้ใช้ควบคุมได้เอง
    ดิสโทรอย่าง Tails และ Qubes ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยระดับสูง
    Linux มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    https://www.slashgear.com/1979066/reasons-why-should-use-linux-instead-of-windows/
    🧠 “5 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Windows 11 ไปใช้ Linux — เมื่อเสรีภาพ ความเร็ว และความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งจำเป็น” Jorge Aguilar นักเขียนสายเทคโนโลยีจาก SlashGear ได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเปลี่ยนจาก Windows 11 ไปใช้ Linux หลังจากพบว่าระบบปฏิบัติการของ Microsoft นั้นเต็มไปด้วยปัญหา เช่น การอัปเดตที่ไม่สิ้นสุด, การทำงานช้า, และการเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่โปร่งใส เขาเริ่มต้นจากความต้องการระบบที่เบา ไม่กินทรัพยากร และไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อน จนพบว่า Linux ตอบโจทย์ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนเครื่องเก่า, การควบคุมความเป็นส่วนตัว, หรือการปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันได้อย่างอิสระ Linux ไม่ติดตั้งแอปขยะหรือโฆษณาแบบที่ Windows มักแถมมา เช่น McAfee, Xbox, หรือ Edge และไม่มีการย้อนกลับการตั้งค่าด้วยการอัปเดตบังคับเหมือนที่ Microsoft ทำกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ Linux ยังสามารถทำให้เครื่องเก่ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยดิสโทรเบา ๆ อย่าง Lubuntu, MX Linux หรือ Linux Mint ที่สามารถรันได้ลื่นแม้มี RAM เพียง 4 GB ในด้านความเป็นส่วนตัว Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ที่ถ่ายภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติ และเนื่องจากเป็นโอเพ่นซอร์ส ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดได้เองว่าไม่มีการฝัง backdoor หรือระบบติดตามใด ๆ สุดท้ายคือเรื่องการปรับแต่ง — Linux เปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่ธีม, ฟอนต์, dock, ไปจนถึงการแก้ไข CSS หรือ source code ของเคอร์เนลเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Windows ไม่เคยเปิดให้ทำอย่างเต็มที่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Linux ไม่มี bloatware หรือแอปขยะที่ติดมากับระบบ ➡️ Windows ใช้ RAM มากกว่า 3 GB แม้ไม่ได้เปิดแอปใด ๆ ➡️ การลบแอปหรือ telemetry ใน Windows มักถูกย้อนกลับด้วยอัปเดตบังคับ ➡️ Linux เหมาะกับเครื่องเก่า เช่น เครื่องที่ไม่รองรับ Windows 11 ➡️ ดิสโทรเบา ๆ เช่น Lubuntu, MX Linux, Linux Mint รันได้ดีแม้มี RAM ต่ำ ➡️ Linux ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และไม่มี watermark หากไม่ได้ใส่ key ➡️ Windows 11 Home ราคา $139 ส่วน Pro ราคา $199 ➡️ Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันของ Linux ได้อย่างเต็มที่ ➡️ Desktop environment ของ Linux เช่น KDE, GNOME, XFCE สามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Linux ถูกใช้ในเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพราะมีประสิทธิภาพสูงและเสถียร ➡️ Windows Recall ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว ➡️ Linux มีระบบเข้ารหัสดิสก์ที่ผู้ใช้ควบคุมได้เอง ➡️ ดิสโทรอย่าง Tails และ Qubes ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยระดับสูง ➡️ Linux มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง https://www.slashgear.com/1979066/reasons-why-should-use-linux-instead-of-windows/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Reasons You Should Move To Linux Instead Of Windows 11 - SlashGear
    With support for Windows 10 ending in late 2025, you might be thinking of updating to Windows 11, but you'd be missing on all that Linux has to offer.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “GNU Linux-Libre 6.17 มาแล้ว — เคอร์เนลสายอิสระที่ล้างโค้ดปิดจากไดรเวอร์รุ่นใหม่ พร้อมรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลงแต่เสรีภาพมากขึ้น”

    เคอร์เนล GNU Linux-Libre เวอร์ชัน 6.17 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 แต่มีการ “deblob” หรือการลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สออกทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างระบบ GNU/Linux ที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดได้อย่างแท้จริง

    ในเวอร์ชันนี้ ทีมพัฒนาได้ล้างโค้ดที่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์ใหม่ ๆ เช่น Intel IPU7 ซึ่งใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่อย่าง Lunar Lake และ Panther Lake รวมถึงไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่มีการฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการปรับการล้างโค้ดในไดรเวอร์ยอดนิยม เช่น AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core (สำหรับ NVIDIA), Intel AVS, iwlwifi, btusb และ pci mhi host

    การเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างคือการหยุดล้างโค้ดของ QLogic InfiniBand เนื่องจากไดรเวอร์นี้ถูกลบออกจากเคอร์เนลต้นทางแล้ว และมีการปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream

    แม้ GNU Linux-Libre จะรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลง แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบที่ “เสรี 100%” โดยไม่มีการโหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้แต่บิตเดียว สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งแบบ tarball และแพ็กเกจ DEB/RPM ผ่านโครงการ Freesh และ RPM Freedom

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GNU Linux-Libre 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
    พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 โดยลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด
    ล้างโค้ดของไดรเวอร์ Intel IPU7 ที่ใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่
    ปรับการล้างโค้ดในไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิด
    ปรับ deblob ในไดรเวอร์ AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core, Intel AVS, iwlwifi, btusb, pci mhi host
    หยุด deblob ไดรเวอร์ QLogic InfiniBand ที่ถูกลบออกจาก upstream แล้ว
    ปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream
    รองรับการติดตั้งในทุกดิสโทร GNU/Linux ทั้งแบบแทนเคอร์เนลหลักหรือเสริม
    มีแพ็กเกจพร้อมใช้งานสำหรับระบบ DEB และ RPM ผ่าน Freesh และ RPM Freedom

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GNU Linux-Libre เป็นโครงการที่เริ่มจาก gNewSense และดูแลโดย FSF Latin America
    เคอร์เนลนี้ลบทั้งโค้ดปิดและคำสั่งที่เรียกใช้เฟิร์มแวร์ปิดใน runtime
    Nova-core เป็นไดรเวอร์ Rust สำหรับ GPU NVIDIA ที่กำลังพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส
    Adreno a6xx เป็น GPU ของ Qualcomm ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ในหลายรุ่น
    การใช้เคอร์เนล GNU Linux-Libre อาจเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการระบบปลอดจากการติดตามหรือโค้ดลับ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การลบโค้ดปิดออกจากเคอร์เนลทำให้รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้น้อยลง
    ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งาน GPU, Wi-Fi หรืออุปกรณ์เสียงบางรุ่นอาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
    เคอร์เนลนี้ไม่โหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้ใน runtime ทำให้บางอุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้เลย
    การใช้ GNU Linux-Libre ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตั้งค่าระบบ
    ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกหรือรองรับฮาร์ดแวร์ทันสมัยแบบครบถ้วน

    https://9to5linux.com/gnu-linux-libre-6-17-kernel-is-now-available-for-software-freedom-lovers
    🐧 “GNU Linux-Libre 6.17 มาแล้ว — เคอร์เนลสายอิสระที่ล้างโค้ดปิดจากไดรเวอร์รุ่นใหม่ พร้อมรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลงแต่เสรีภาพมากขึ้น” เคอร์เนล GNU Linux-Libre เวอร์ชัน 6.17 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 แต่มีการ “deblob” หรือการลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สออกทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างระบบ GNU/Linux ที่ปลอดจากซอฟต์แวร์ปิดได้อย่างแท้จริง ในเวอร์ชันนี้ ทีมพัฒนาได้ล้างโค้ดที่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์ใหม่ ๆ เช่น Intel IPU7 ซึ่งใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่อย่าง Lunar Lake และ Panther Lake รวมถึงไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่มีการฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการปรับการล้างโค้ดในไดรเวอร์ยอดนิยม เช่น AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core (สำหรับ NVIDIA), Intel AVS, iwlwifi, btusb และ pci mhi host การเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างคือการหยุดล้างโค้ดของ QLogic InfiniBand เนื่องจากไดรเวอร์นี้ถูกลบออกจากเคอร์เนลต้นทางแล้ว และมีการปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream แม้ GNU Linux-Libre จะรองรับฮาร์ดแวร์น้อยลง แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบที่ “เสรี 100%” โดยไม่มีการโหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้แต่บิตเดียว สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งแบบ tarball และแพ็กเกจ DEB/RPM ผ่านโครงการ Freesh และ RPM Freedom ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GNU Linux-Libre 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 ➡️ พัฒนาต่อจาก Linux 6.17 โดยลบโค้ดที่ไม่เป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด ➡️ ล้างโค้ดของไดรเวอร์ Intel IPU7 ที่ใช้ในเว็บแคมของโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ➡️ ปรับการล้างโค้ดในไฟล์ devicetree ของ AArch64 ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิด ➡️ ปรับ deblob ในไดรเวอร์ AMDGPU, Adreno a6xx, Nova-core, Intel AVS, iwlwifi, btusb, pci mhi host ➡️ หยุด deblob ไดรเวอร์ QLogic InfiniBand ที่ถูกลบออกจาก upstream แล้ว ➡️ ปรับการล้างโค้ดของ PCI HDA drivers ที่ถูกย้ายตำแหน่งใน upstream ➡️ รองรับการติดตั้งในทุกดิสโทร GNU/Linux ทั้งแบบแทนเคอร์เนลหลักหรือเสริม ➡️ มีแพ็กเกจพร้อมใช้งานสำหรับระบบ DEB และ RPM ผ่าน Freesh และ RPM Freedom ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GNU Linux-Libre เป็นโครงการที่เริ่มจาก gNewSense และดูแลโดย FSF Latin America ➡️ เคอร์เนลนี้ลบทั้งโค้ดปิดและคำสั่งที่เรียกใช้เฟิร์มแวร์ปิดใน runtime ➡️ Nova-core เป็นไดรเวอร์ Rust สำหรับ GPU NVIDIA ที่กำลังพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส ➡️ Adreno a6xx เป็น GPU ของ Qualcomm ที่ฝังเฟิร์มแวร์ปิดไว้ในหลายรุ่น ➡️ การใช้เคอร์เนล GNU Linux-Libre อาจเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการระบบปลอดจากการติดตามหรือโค้ดลับ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การลบโค้ดปิดออกจากเคอร์เนลทำให้รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้น้อยลง ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งาน GPU, Wi-Fi หรืออุปกรณ์เสียงบางรุ่นอาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ⛔ เคอร์เนลนี้ไม่โหลดเฟิร์มแวร์ปิดแม้ใน runtime ทำให้บางอุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้เลย ⛔ การใช้ GNU Linux-Libre ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตั้งค่าระบบ ⛔ ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกหรือรองรับฮาร์ดแวร์ทันสมัยแบบครบถ้วน https://9to5linux.com/gnu-linux-libre-6-17-kernel-is-now-available-for-software-freedom-lovers
    9TO5LINUX.COM
    GNU Linux-Libre 6.17 Kernel Is Now Available for Software Freedom Lovers - 9to5Linux
    GNU Linux-libre 6.17 kernel is now available for download based on Linux 6.17 and targeted at those who seek 100% freedom for their PCs.
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’”

    Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี

    เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต

    Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน

    เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา

    แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

    เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP

    Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี
    เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar
    ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน
    เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank
    เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal
    เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund
    เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ
    พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง
    เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย
    ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก
    หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา
    เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน
    HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง
    เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ

    https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    🕊️ “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’” Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี ➡️ เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar ➡️ ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ➡️ เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank ➡️ เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal ➡️ เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund ➡️ เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ ➡️ พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง ➡️ เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย ➡️ ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก ➡️ หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา ➡️ เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน ➡️ HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง ➡️ เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    HUMBLEDOLLAR.COM
    Farewell Friends - HumbleDollar
    If this post is appearing, it means I’ve succumbed to cancer or one of its side effects. Please don’t feel sad for me. I’ve had a life filled with love, great experiences and wonderful career opportunities. Despite my demise at a relatively young age, I consider myself beyond fortunate. I’m hoping that, under the tree in front of our little Philadelphia rowhome, my wife Elaine will place a stone tablet inscribed with my name, and the year I was born and died.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • “Windows Search อาจเปิดเว็บใน Chrome ได้แล้ว — Microsoft เริ่มทบทวนการบังคับใช้ Edge และ Bing”

    ใครที่ใช้ Windows 11 และรู้สึกหงุดหงิดกับการที่ทุกการค้นหาบน taskbar หรือ Start menu ถูกบังคับให้เปิดใน Microsoft Edge และใช้ Bing โดยไม่สนใจว่าตั้ง Chrome หรือ Firefox เป็นเบราว์เซอร์หลัก — ข่าวดีคือ Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนใจ

    ล่าสุดมีการค้นพบ “experimental flags” ใน Edge Canary ซึ่งเป็นเวอร์ชันทดลองของ Microsoft Edge ที่บ่งชี้ว่า Microsoft กำลังทดสอบการเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์และ search engine เองได้ โดยไม่ต้องถูกผูกกับ Edge และ Bing อีกต่อไป

    ชื่อของ flags ที่พบ เช่น msWSBLaunchNonBingDSEAndNonEdgeDB บ่งบอกว่า Windows Search Bar (WSB) อาจสามารถเปิดผลการค้นหาโดยใช้ Default Search Engine (DSE) ที่ไม่ใช่ Bing และ Default Browser (DB) ที่ไม่ใช่ Edge ได้ เช่น Chrome + Google หรือ Firefox + DuckDuckGo

    หากฟีเจอร์นี้ถูกนำมาใช้จริง ผู้ใช้จะสามารถค้นหาจาก taskbar แล้วเปิดผลลัพธ์ในเบราว์เซอร์ที่ตั้งไว้ เช่น Chrome โดยใช้ Google Search โดยตรง ซึ่งจะเป็นการเคารพการตั้งค่าของผู้ใช้มากขึ้น และลดความรู้สึก “ถูกบังคับ” ที่หลายคนไม่พอใจมานาน

    แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า Microsoft จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ แต่การที่มีการทดลองใน Edge Canary ก็สะท้อนถึงแนวโน้มที่ Microsoft อาจกำลังปรับตัวตามเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ และแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft กำลังทดสอบ flags ใหม่ใน Edge Canary ที่อาจเปิดให้ Windows Search ใช้เบราว์เซอร์และ search engine ที่ผู้ใช้ตั้งไว้
    ตัวอย่าง flags ที่พบ ได้แก่ msWSBLaunchNonBingDSE, msWSBLaunchNonEdgeDB, และ msWSBLaunchNonBingDSEAndNonEdgeDB
    หากเปิดใช้งาน ผู้ใช้จะสามารถค้นหาจาก taskbar แล้วเปิดผลลัพธ์ใน Chrome หรือ Firefox ได้
    Search engine ที่ใช้จะเป็น Google, DuckDuckGo หรืออื่น ๆ ตามที่ผู้ใช้ตั้งไว้
    ฟีเจอร์นี้เคยเปิดให้ใช้เฉพาะในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) แต่ตอนนี้อาจขยายสู่ผู้ใช้ทั่วไป
    การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ Windows เคารพการตั้งค่าของผู้ใช้มากขึ้น
    Microsoft ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เมื่อใด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้ใช้ Windows 11 จำนวนมากหลีกเลี่ยงการใช้ Windows Search เพราะไม่ต้องการใช้ Edge และ Bing
    การบังคับใช้ Edge และ Bing ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการผูกขาดและละเมิดสิทธิ์ผู้ใช้
    ในยุโรป Microsoft ถูกกดดันให้แยกฟีเจอร์บางอย่างออกจาก Edge ตามกฎหมาย DMA
    การเปิดให้ใช้เบราว์เซอร์และ search engine ที่ตั้งไว้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    หากฟีเจอร์นี้ถูกเปิดใช้งานจริง อาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดของ Bing และ Edge

    https://securityonline.info/microsoft-may-finally-let-windows-search-results-open-in-your-default-browser/
    🌐 “Windows Search อาจเปิดเว็บใน Chrome ได้แล้ว — Microsoft เริ่มทบทวนการบังคับใช้ Edge และ Bing” ใครที่ใช้ Windows 11 และรู้สึกหงุดหงิดกับการที่ทุกการค้นหาบน taskbar หรือ Start menu ถูกบังคับให้เปิดใน Microsoft Edge และใช้ Bing โดยไม่สนใจว่าตั้ง Chrome หรือ Firefox เป็นเบราว์เซอร์หลัก — ข่าวดีคือ Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนใจ ล่าสุดมีการค้นพบ “experimental flags” ใน Edge Canary ซึ่งเป็นเวอร์ชันทดลองของ Microsoft Edge ที่บ่งชี้ว่า Microsoft กำลังทดสอบการเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์และ search engine เองได้ โดยไม่ต้องถูกผูกกับ Edge และ Bing อีกต่อไป ชื่อของ flags ที่พบ เช่น msWSBLaunchNonBingDSEAndNonEdgeDB บ่งบอกว่า Windows Search Bar (WSB) อาจสามารถเปิดผลการค้นหาโดยใช้ Default Search Engine (DSE) ที่ไม่ใช่ Bing และ Default Browser (DB) ที่ไม่ใช่ Edge ได้ เช่น Chrome + Google หรือ Firefox + DuckDuckGo หากฟีเจอร์นี้ถูกนำมาใช้จริง ผู้ใช้จะสามารถค้นหาจาก taskbar แล้วเปิดผลลัพธ์ในเบราว์เซอร์ที่ตั้งไว้ เช่น Chrome โดยใช้ Google Search โดยตรง ซึ่งจะเป็นการเคารพการตั้งค่าของผู้ใช้มากขึ้น และลดความรู้สึก “ถูกบังคับ” ที่หลายคนไม่พอใจมานาน แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า Microsoft จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ แต่การที่มีการทดลองใน Edge Canary ก็สะท้อนถึงแนวโน้มที่ Microsoft อาจกำลังปรับตัวตามเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ และแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft กำลังทดสอบ flags ใหม่ใน Edge Canary ที่อาจเปิดให้ Windows Search ใช้เบราว์เซอร์และ search engine ที่ผู้ใช้ตั้งไว้ ➡️ ตัวอย่าง flags ที่พบ ได้แก่ msWSBLaunchNonBingDSE, msWSBLaunchNonEdgeDB, และ msWSBLaunchNonBingDSEAndNonEdgeDB ➡️ หากเปิดใช้งาน ผู้ใช้จะสามารถค้นหาจาก taskbar แล้วเปิดผลลัพธ์ใน Chrome หรือ Firefox ได้ ➡️ Search engine ที่ใช้จะเป็น Google, DuckDuckGo หรืออื่น ๆ ตามที่ผู้ใช้ตั้งไว้ ➡️ ฟีเจอร์นี้เคยเปิดให้ใช้เฉพาะในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) แต่ตอนนี้อาจขยายสู่ผู้ใช้ทั่วไป ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ Windows เคารพการตั้งค่าของผู้ใช้มากขึ้น ➡️ Microsoft ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เมื่อใด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้ใช้ Windows 11 จำนวนมากหลีกเลี่ยงการใช้ Windows Search เพราะไม่ต้องการใช้ Edge และ Bing ➡️ การบังคับใช้ Edge และ Bing ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการผูกขาดและละเมิดสิทธิ์ผู้ใช้ ➡️ ในยุโรป Microsoft ถูกกดดันให้แยกฟีเจอร์บางอย่างออกจาก Edge ตามกฎหมาย DMA ➡️ การเปิดให้ใช้เบราว์เซอร์และ search engine ที่ตั้งไว้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ➡️ หากฟีเจอร์นี้ถูกเปิดใช้งานจริง อาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดของ Bing และ Edge https://securityonline.info/microsoft-may-finally-let-windows-search-results-open-in-your-default-browser/
    SECURITYONLINE.INFO
    Microsoft May Finally Let Windows Search Results Open in Your Default Browser
    New experimental flags in Microsoft Edge suggest that Microsoft may soon allow Windows Search results to open in your default browser and search engine.
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • “DJI ถูกตัดสินว่าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกลาโหมจีน — ศาลสหรัฐฯ ยืนยันรายชื่อในบัญชีบริษัททหาร แม้หลักฐานส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน”

    DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งแพ้คดีต่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากศาลแขวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยผู้พิพากษา Paul Friedman มีคำตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ2 แม้ศาลจะปฏิเสธเหตุผลส่วนใหญ่ที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แต่กลับยอมรับเพียงเหตุผลเดียวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ซึ่งเพียงพอให้คงสถานะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนไว้ได้

    DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน และการถูกจัดอยู่ในบัญชีนี้ส่งผลให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และถูกห้ามทำสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งในสหรัฐฯ

    แม้การอยู่ในบัญชีนี้จะไม่ใช่การแบนโดยตรง แต่ก็ทำให้การดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ยากขึ้น และอาจนำไปสู่การแบนเต็มรูปแบบในอนาคต โดย DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

    คำตัดสินนี้ยังสะท้อนถึงอำนาจของกระทรวงกลาโหมในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนในหลายข้อกล่าวหา โดยศาลให้เหตุผลว่า “ต้องให้ความเคารพต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H
    กระทรวงกลาโหมเสนอหลายเหตุผล แต่ศาลยอมรับเพียงข้อเดียวคือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน
    DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน
    การอยู่ในบัญชีนี้ทำให้ DJI สูญเสียสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางและถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคง
    DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025
    คำตัดสินนี้อาจนำไปสู่การแบนผลิตภัณฑ์ DJI ในสหรัฐฯ ในอนาคต
    DJI ยังคงดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และกำลังพิจารณาทางเลือกทางกฎหมายเพิ่มเติม
    บริษัท Hesai Group ซึ่งผลิตเซ็นเซอร์ Lidar ก็แพ้คดีคล้ายกันในเดือนกรกฎาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DJI ครองตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 50%
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีอำนาจกว้างในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพต่างชาติ
    การได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน เช่น เงินทุนหรือสิทธิพิเศษ อาจเพียงพอให้ถูกจัดเป็น “military-civil fusion contributor”
    การใช้โดรน DJI ในหน่วยงานพลเรือนของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเรื่อง backdoor และการเข้าถึงข้อมูลโดยจีน
    การตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติในเดือนธันวาคมจะเป็นจุดชี้ขาดอนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/judge-rules-that-drone-maker-dji-is-affiliated-with-chinas-defense-industry-company-to-stay-on-pentagons-list-of-chinese-military-companies
    🚁 “DJI ถูกตัดสินว่าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกลาโหมจีน — ศาลสหรัฐฯ ยืนยันรายชื่อในบัญชีบริษัททหาร แม้หลักฐานส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน” DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งแพ้คดีต่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากศาลแขวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยผู้พิพากษา Paul Friedman มีคำตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ2 แม้ศาลจะปฏิเสธเหตุผลส่วนใหญ่ที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แต่กลับยอมรับเพียงเหตุผลเดียวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ซึ่งเพียงพอให้คงสถานะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนไว้ได้ DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน และการถูกจัดอยู่ในบัญชีนี้ส่งผลให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และถูกห้ามทำสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งในสหรัฐฯ แม้การอยู่ในบัญชีนี้จะไม่ใช่การแบนโดยตรง แต่ก็ทำให้การดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ยากขึ้น และอาจนำไปสู่การแบนเต็มรูปแบบในอนาคต โดย DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ คำตัดสินนี้ยังสะท้อนถึงอำนาจของกระทรวงกลาโหมในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนในหลายข้อกล่าวหา โดยศาลให้เหตุผลว่า “ต้องให้ความเคารพต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ➡️ กระทรวงกลาโหมเสนอหลายเหตุผล แต่ศาลยอมรับเพียงข้อเดียวคือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ➡️ DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน ➡️ การอยู่ในบัญชีนี้ทำให้ DJI สูญเสียสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางและถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคง ➡️ DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 ➡️ คำตัดสินนี้อาจนำไปสู่การแบนผลิตภัณฑ์ DJI ในสหรัฐฯ ในอนาคต ➡️ DJI ยังคงดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และกำลังพิจารณาทางเลือกทางกฎหมายเพิ่มเติม ➡️ บริษัท Hesai Group ซึ่งผลิตเซ็นเซอร์ Lidar ก็แพ้คดีคล้ายกันในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DJI ครองตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 50% ➡️ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีอำนาจกว้างในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพต่างชาติ ➡️ การได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน เช่น เงินทุนหรือสิทธิพิเศษ อาจเพียงพอให้ถูกจัดเป็น “military-civil fusion contributor” ➡️ การใช้โดรน DJI ในหน่วยงานพลเรือนของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเรื่อง backdoor และการเข้าถึงข้อมูลโดยจีน ➡️ การตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติในเดือนธันวาคมจะเป็นจุดชี้ขาดอนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/judge-rules-that-drone-maker-dji-is-affiliated-with-chinas-defense-industry-company-to-stay-on-pentagons-list-of-chinese-military-companies
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • “Privacy Badger: ตัวช่วยบล็อกการติดตามที่เรียนรู้เองได้ — เมื่อการปกป้องความเป็นส่วนตัวไม่ต้องพึ่งรายการบล็อกแบบเดิม”

    Privacy Badger คือส่วนขยายเบราว์เซอร์ฟรีจาก Electronic Frontier Foundation (EFF) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกติดตามโดยบริษัทโฆษณาและ third-party trackers บนเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งรายการบล็อกที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ใช้การเรียนรู้เชิงพฤติกรรมแบบอัตโนมัติแทน

    เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ Privacy Badger จะตรวจสอบว่าเนื้อหาบางส่วนมาจากโดเมนอื่นหรือไม่ เช่น โฆษณา, ปุ่มแชร์, หรือวิดเจ็ตคอมเมนต์ หากพบว่าโดเมนนั้นติดตามผู้ใช้ข้ามเว็บไซต์หลายแห่งโดยไม่ได้รับความยินยอม Privacy Badger จะบล็อกเนื้อหาจากโดเมนนั้นทันที

    Privacy Badger ยังส่งสัญญาณ “Do Not Track” และ “Global Privacy Control” ไปยังทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม เพื่อแจ้งว่าผู้ใช้ไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกแชร์หรือขาย หากเว็บไซต์ไม่เคารพสัญญาณเหล่านี้ Privacy Badger จะเรียนรู้และบล็อกโดยอัตโนมัติ

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบล็อกคุกกี้แบบเลือกได้, การแทนวิดเจ็ตด้วยปุ่ม “คลิกเพื่อเปิดใช้งาน”, และการลบการติดตามลิงก์ออกจาก Facebook และ Google โดยไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Privacy Badger เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่บล็อก third-party trackers โดยอัตโนมัติ
    ใช้การเรียนรู้พฤติกรรมของโดเมน ไม่พึ่งรายการบล็อกที่มนุษย์สร้าง
    ส่งสัญญาณ Do Not Track และ Global Privacy Control ไปยังทุกเว็บไซต์
    หากโดเมนไม่เคารพสัญญาณเหล่านี้ จะถูกบล็อกโดยอัตโนมัติ
    มีระบบบล็อกคุกกี้แบบเลือกได้ผ่าน “yellowlist”
    แสดงวิดเจ็ตแบบ “คลิกเพื่อเปิดใช้งาน” เพื่อป้องกันการติดตาม
    ลบการติดตามลิงก์ออกจาก Facebook และ Google
    ไม่บล็อกโฆษณาทั้งหมด แต่บล็อกเฉพาะที่มีพฤติกรรมติดตาม
    พัฒนาโดย EFF องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิทธิ์ดิจิทัล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Global Privacy Control (GPC) เป็นสัญญาณที่มีผลทางกฎหมายในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ
    การบล็อกแบบพฤติกรรมช่วยป้องกัน trackers ใหม่ที่ยังไม่อยู่ในรายการบล็อก
    Canvas fingerprinting เป็นเทคนิคติดตามที่ Privacy Badger สามารถตรวจจับและบล็อกได้
    ส่วนขยายนี้ทำงานร่วมกับ Firefox’s Enhanced Tracking Protection ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ผู้ใช้สามารถรายงานเว็บไซต์ที่บล็อกผิดพลาดผ่าน GitHub หรืออีเมลทีมพัฒนา

    https://privacybadger.org/
    🦡 “Privacy Badger: ตัวช่วยบล็อกการติดตามที่เรียนรู้เองได้ — เมื่อการปกป้องความเป็นส่วนตัวไม่ต้องพึ่งรายการบล็อกแบบเดิม” Privacy Badger คือส่วนขยายเบราว์เซอร์ฟรีจาก Electronic Frontier Foundation (EFF) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกติดตามโดยบริษัทโฆษณาและ third-party trackers บนเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งรายการบล็อกที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ใช้การเรียนรู้เชิงพฤติกรรมแบบอัตโนมัติแทน เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ Privacy Badger จะตรวจสอบว่าเนื้อหาบางส่วนมาจากโดเมนอื่นหรือไม่ เช่น โฆษณา, ปุ่มแชร์, หรือวิดเจ็ตคอมเมนต์ หากพบว่าโดเมนนั้นติดตามผู้ใช้ข้ามเว็บไซต์หลายแห่งโดยไม่ได้รับความยินยอม Privacy Badger จะบล็อกเนื้อหาจากโดเมนนั้นทันที Privacy Badger ยังส่งสัญญาณ “Do Not Track” และ “Global Privacy Control” ไปยังทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม เพื่อแจ้งว่าผู้ใช้ไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกแชร์หรือขาย หากเว็บไซต์ไม่เคารพสัญญาณเหล่านี้ Privacy Badger จะเรียนรู้และบล็อกโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น การบล็อกคุกกี้แบบเลือกได้, การแทนวิดเจ็ตด้วยปุ่ม “คลิกเพื่อเปิดใช้งาน”, และการลบการติดตามลิงก์ออกจาก Facebook และ Google โดยไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Privacy Badger เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่บล็อก third-party trackers โดยอัตโนมัติ ➡️ ใช้การเรียนรู้พฤติกรรมของโดเมน ไม่พึ่งรายการบล็อกที่มนุษย์สร้าง ➡️ ส่งสัญญาณ Do Not Track และ Global Privacy Control ไปยังทุกเว็บไซต์ ➡️ หากโดเมนไม่เคารพสัญญาณเหล่านี้ จะถูกบล็อกโดยอัตโนมัติ ➡️ มีระบบบล็อกคุกกี้แบบเลือกได้ผ่าน “yellowlist” ➡️ แสดงวิดเจ็ตแบบ “คลิกเพื่อเปิดใช้งาน” เพื่อป้องกันการติดตาม ➡️ ลบการติดตามลิงก์ออกจาก Facebook และ Google ➡️ ไม่บล็อกโฆษณาทั้งหมด แต่บล็อกเฉพาะที่มีพฤติกรรมติดตาม ➡️ พัฒนาโดย EFF องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิทธิ์ดิจิทัล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Global Privacy Control (GPC) เป็นสัญญาณที่มีผลทางกฎหมายในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ➡️ การบล็อกแบบพฤติกรรมช่วยป้องกัน trackers ใหม่ที่ยังไม่อยู่ในรายการบล็อก ➡️ Canvas fingerprinting เป็นเทคนิคติดตามที่ Privacy Badger สามารถตรวจจับและบล็อกได้ ➡️ ส่วนขยายนี้ทำงานร่วมกับ Firefox’s Enhanced Tracking Protection ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ ผู้ใช้สามารถรายงานเว็บไซต์ที่บล็อกผิดพลาดผ่าน GitHub หรืออีเมลทีมพัฒนา https://privacybadger.org/
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
More Results