• ใครที่ใช้ Firefox แล้วเปิดแท็บเป็นสิบ ๆ จนเครื่องอืด ตอนนี้หายใจได้โล่งขึ้น! เพราะ Firefox 140 มีฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Tab Unload ให้คุณกดขวาที่แท็บแล้วเลือก "Unload Tab" เพื่อ “ถอดแท็บนั้นออกจาก RAM” โดยที่ยังอยู่ในแถบเหมือนเดิม — คล้ายกับฟีเจอร์ใน Chrome หรือ Edge ที่ช่วยประหยัดแรมได้ดีมาก ๆ

    นอกจากนี้ Firefox ยังเปิดให้เราตั้ง custom search engine ได้เองแล้ว (ก่อนหน้านี้ต้องแฮกหรือใช้ extension) แค่คลิกขวาที่ช่องค้นหาบนเว็บแล้วเพิ่มเข้าไป หรือใส่เองใน Settings ก็ได้เลย

    ส่วนสาย vertical tabs ก็ถูกใจแน่นอน เพราะ ลากปรับความกว้างของ pinned tab ได้แล้ว ไม่ต้องทนกับความแคบแบบเดิม

    ฝั่ง ESR ก็เปลี่ยนฐานเวอร์ชันไปเป็น Firefox 140 เช่นกัน โดยมัดรวมฟีเจอร์ที่สะสมมาตั้งแต่รุ่น 115 ทั้ง tab group, sidebar ใหม่, และการป้องกัน bounce tracking — เรียกได้ว่าองค์กรที่รอความเสถียร...ได้ของครบทีเดียว

    สุดท้าย Mozilla ยัง ตัด Pocket ออกอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งไอคอนและหน้า New Tab ก็ไม่มีอีกต่อไป เป็นสัญญาณว่ากำลังปรับอินเทอร์เฟซให้เบาขึ้น และไม่พึ่งพาบริการที่เลิกพัฒนา

    ☀️☀️ ไฮไลต์ฟีเจอร์ใหม่ของ Firefox 140:
    ✅ Tab Unload  
    • คลิกขวา > “Unload Tab” เพื่อถอดแท็บออกจาก RAM โดยไม่ต้องปิด  
    • ช่วยให้เบราว์เซอร์เร็วขึ้นหากเปิดแท็บเยอะ

    ✅ เพิ่ม custom search engine ด้วยตัวเองได้แล้ว  
    • คลิกขวาที่ช่องค้นหาบนเว็บ > Add to Firefox  
    • หรือเพิ่มเองใน Settings

    ✅ ปรับขนาดโซน pinned tabs ได้ (สำหรับผู้ใช้ vertical tab)  
    • ลาก divider เพื่อปรับความกว้างตามใจ

    ✅ ลบ Pocket ออกไปอย่างถาวร  
    • ไม่มีใน New Tab และไม่มีไอคอนบน toolbar อีกแล้ว

    ✅ Firefox ESR ใหม่ใช้ฐานเวอร์ชัน 140 แล้ว  
    • ได้ฟีเจอร์สะสมจากรุ่นก่อนหน้า เช่น vertical tabs, tab grouping, sidebar ใหม่, bounce tracking protection

    ✅ การแปลภาษาแบบเต็มหน้าจอฉลาดขึ้น  
    • จะแปลเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังมองอยู่ก่อน เพิ่มความเร็ว

    ✅ Address autofill รองรับประเทศใหม่: อิตาลี, โปแลนด์, ออสเตรีย

    ✅ Firefox ภาษาอาหรับมี dictionary สำหรับ spell checker แล้ว

    ✅ นักพัฒนาได้ API ใหม่ เช่น CookieStore API และ Service Worker ในโหมด Private

    ✅ ลบปุ่ม Extensions ออกจาก toolbar ได้แล้ว (บางคนไม่ได้ใช้อยู่ดี)

    https://www.neowin.net/news/firefox-140-released-bringing-custom-search-engine-new-esr-and-more/
    ใครที่ใช้ Firefox แล้วเปิดแท็บเป็นสิบ ๆ จนเครื่องอืด ตอนนี้หายใจได้โล่งขึ้น! เพราะ Firefox 140 มีฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Tab Unload ให้คุณกดขวาที่แท็บแล้วเลือก "Unload Tab" เพื่อ “ถอดแท็บนั้นออกจาก RAM” โดยที่ยังอยู่ในแถบเหมือนเดิม — คล้ายกับฟีเจอร์ใน Chrome หรือ Edge ที่ช่วยประหยัดแรมได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้ Firefox ยังเปิดให้เราตั้ง custom search engine ได้เองแล้ว (ก่อนหน้านี้ต้องแฮกหรือใช้ extension) แค่คลิกขวาที่ช่องค้นหาบนเว็บแล้วเพิ่มเข้าไป หรือใส่เองใน Settings ก็ได้เลย ส่วนสาย vertical tabs ก็ถูกใจแน่นอน เพราะ ลากปรับความกว้างของ pinned tab ได้แล้ว ไม่ต้องทนกับความแคบแบบเดิม ฝั่ง ESR ก็เปลี่ยนฐานเวอร์ชันไปเป็น Firefox 140 เช่นกัน โดยมัดรวมฟีเจอร์ที่สะสมมาตั้งแต่รุ่น 115 ทั้ง tab group, sidebar ใหม่, และการป้องกัน bounce tracking — เรียกได้ว่าองค์กรที่รอความเสถียร...ได้ของครบทีเดียว สุดท้าย Mozilla ยัง ตัด Pocket ออกอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งไอคอนและหน้า New Tab ก็ไม่มีอีกต่อไป เป็นสัญญาณว่ากำลังปรับอินเทอร์เฟซให้เบาขึ้น และไม่พึ่งพาบริการที่เลิกพัฒนา ☀️☀️ ไฮไลต์ฟีเจอร์ใหม่ของ Firefox 140: ✅ Tab Unload   • คลิกขวา > “Unload Tab” เพื่อถอดแท็บออกจาก RAM โดยไม่ต้องปิด   • ช่วยให้เบราว์เซอร์เร็วขึ้นหากเปิดแท็บเยอะ ✅ เพิ่ม custom search engine ด้วยตัวเองได้แล้ว   • คลิกขวาที่ช่องค้นหาบนเว็บ > Add to Firefox   • หรือเพิ่มเองใน Settings ✅ ปรับขนาดโซน pinned tabs ได้ (สำหรับผู้ใช้ vertical tab)   • ลาก divider เพื่อปรับความกว้างตามใจ ✅ ลบ Pocket ออกไปอย่างถาวร   • ไม่มีใน New Tab และไม่มีไอคอนบน toolbar อีกแล้ว ✅ Firefox ESR ใหม่ใช้ฐานเวอร์ชัน 140 แล้ว   • ได้ฟีเจอร์สะสมจากรุ่นก่อนหน้า เช่น vertical tabs, tab grouping, sidebar ใหม่, bounce tracking protection ✅ การแปลภาษาแบบเต็มหน้าจอฉลาดขึ้น   • จะแปลเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังมองอยู่ก่อน เพิ่มความเร็ว ✅ Address autofill รองรับประเทศใหม่: อิตาลี, โปแลนด์, ออสเตรีย ✅ Firefox ภาษาอาหรับมี dictionary สำหรับ spell checker แล้ว ✅ นักพัฒนาได้ API ใหม่ เช่น CookieStore API และ Service Worker ในโหมด Private ✅ ลบปุ่ม Extensions ออกจาก toolbar ได้แล้ว (บางคนไม่ได้ใช้อยู่ดี) https://www.neowin.net/news/firefox-140-released-bringing-custom-search-engine-new-esr-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox 140 released bringing custom search engine, new ESR, and more
    Firefox 140 has been released with several new features, including tab unloading, custom search engines, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรามักมองว่าเครื่องใหม่ = ต้องติดตั้งเบราว์เซอร์กับ Office ก็จบแล้ว...แต่ถ้าเลือกให้ดีตั้งแต่เริ่ม มันจะเปลี่ยนเครื่องของคุณให้ “พร้อมลุย” ไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหน

    TechSpot จึงจัดลิสต์โปรแกรมจำเป็นแบ่งตามหมวด เช่น:
    - เบราว์เซอร์ → Chrome, Firefox, Edge, Brave, Tor
    - จัดการรหัสผ่าน → Bitwarden, 1Password
    - ยูทิลิตี้ในเครื่อง → PowerToys, Alfred, WinGet, Everything
    - จดโน้ต/ทำงาน → Notion, OneNote, Obsidian
    - แก้ไฟล์ PDF → PDFsam
    - แต่งภาพ/ตัดวิดีโอ → GIMP, CapCut, DaVinci Resolve
    - นักพัฒนา → VS Code, Cursor, Docker
    - ใช้งานในองค์กร → Zoom, Slack, Teams
    - เล่นเกม → Steam, Epic, HandBrake
    - ดูหนัง/ฟังเพลง → VLC, Spotify
    - ดูสเปก/ปรับแต่งเครื่อง → CPU-Z, HWiNFO, Afterburner

    จุดเด่นคือแต่ละโปรแกรมมีคำอธิบายว่าเหมาะกับใคร ฟรีหรือไม่ และควรใช้งานคู่กับอะไรเพื่อได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น PowerToys บน Windows ใช้กับ FancyZones เพื่อจัดหน้าจอแบบโปร ก็ยิ่งเจ๋ง

    นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำโปรแกรมเฉพาะกลุ่มที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เช่น:
    - Ollama → ใช้รัน LLM บนเครื่องเอง (ไม่ต้องต่อเน็ต)
    - SignalRGB → ซิงก์ไฟ RGB บน PC หลายแบรนด์เข้าด้วยกัน
    - Remote Mouse → ใช้มือถือควบคุมคอมได้จากไกล ๆ

    https://www.techspot.com/article/2974-desktop-software-essentials/
    เรามักมองว่าเครื่องใหม่ = ต้องติดตั้งเบราว์เซอร์กับ Office ก็จบแล้ว...แต่ถ้าเลือกให้ดีตั้งแต่เริ่ม มันจะเปลี่ยนเครื่องของคุณให้ “พร้อมลุย” ไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหน TechSpot จึงจัดลิสต์โปรแกรมจำเป็นแบ่งตามหมวด เช่น: - เบราว์เซอร์ → Chrome, Firefox, Edge, Brave, Tor - จัดการรหัสผ่าน → Bitwarden, 1Password - ยูทิลิตี้ในเครื่อง → PowerToys, Alfred, WinGet, Everything - จดโน้ต/ทำงาน → Notion, OneNote, Obsidian - แก้ไฟล์ PDF → PDFsam - แต่งภาพ/ตัดวิดีโอ → GIMP, CapCut, DaVinci Resolve - นักพัฒนา → VS Code, Cursor, Docker - ใช้งานในองค์กร → Zoom, Slack, Teams - เล่นเกม → Steam, Epic, HandBrake - ดูหนัง/ฟังเพลง → VLC, Spotify - ดูสเปก/ปรับแต่งเครื่อง → CPU-Z, HWiNFO, Afterburner จุดเด่นคือแต่ละโปรแกรมมีคำอธิบายว่าเหมาะกับใคร ฟรีหรือไม่ และควรใช้งานคู่กับอะไรเพื่อได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น PowerToys บน Windows ใช้กับ FancyZones เพื่อจัดหน้าจอแบบโปร ก็ยิ่งเจ๋ง นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำโปรแกรมเฉพาะกลุ่มที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เช่น: - Ollama → ใช้รัน LLM บนเครื่องเอง (ไม่ต้องต่อเน็ต) - SignalRGB → ซิงก์ไฟ RGB บน PC หลายแบรนด์เข้าด้วยกัน - Remote Mouse → ใช้มือถือควบคุมคอมได้จากไกล ๆ https://www.techspot.com/article/2974-desktop-software-essentials/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Essential Apps to Install on Windows and macOS
    Just unboxed your new computer? Here's our curated list of essential desktop apps for Windows and macOS to kickstart your productivity and set up the perfect workspace.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..งานฉลองการยึดครองโลกและยึดอำนาจผู้นำผู้ปกครองของทุกๆประเทศบนโลกนี้ไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จและอยู่ใต้การปกครองครอบงำควบคุมมันทั้งสิ้น.

    ..โครงการฉลองครบรอบ 300 ปีของ United Freemason Grand Lodge of England จัดขึ้นที่ Royal Albert Hall ในเดือนตุลาคม 2017 งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 300 ปีของการก่อตั้ง Premiere Grand Lodge ในลอนดอนเมื่อปี 1717

    ..งานฉลองการยึดครองโลกและยึดอำนาจผู้นำผู้ปกครองของทุกๆประเทศบนโลกนี้ไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จและอยู่ใต้การปกครองครอบงำควบคุมมันทั้งสิ้น. ..โครงการฉลองครบรอบ 300 ปีของ United Freemason Grand Lodge of England จัดขึ้นที่ Royal Albert Hall ในเดือนตุลาคม 2017 งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 300 ปีของการก่อตั้ง Premiere Grand Lodge ในลอนดอนเมื่อปี 1717
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68

    คลิกรับชม https://m.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY&pp=ygUKc29uZGhpdGFsaw%3D%3D

    #สนธิเล่าเรื่อง #Live
    สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68 • คลิกรับชม https://m.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY&pp=ygUKc29uZGhpdGFsaw%3D%3D • #สนธิเล่าเรื่อง #Live
    Like
    Love
    21
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในอดีต NASCAR คือเกมของทักษะและช่างฝีมือ แต่วันนี้ทีมแข่งระดับท็อปใช้ AI มาวิเคราะห์ทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงแชทระหว่างนักขับกับวิศวกร จนถึงการปรับแต่งรถ และวางกลยุทธ์การแข่งขันแบบเรียลไทม์

    Tom Gray จากทีม Hendrick Motorsports พูดไว้ชัดเจนว่า: “Information is speed…ใครรวบรวม วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เร็วกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ”

    ทีมนำ AI มาช่วยทำสิ่งที่คนเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เช่น นั่งไล่ดูวิดีโอหรือภาพนิ่ง กลายเป็นงานที่ทำได้ในเวลาไม่กี่นาที เพราะซอฟต์แวร์จะ “หาสิ่งสำคัญให้เอง” อย่างเช่นจุดที่รถคู่แข่งเปลี่ยนไลน์ หรือปัญหาในช่วงพิทสต็อป

    นอกจากนี้ AI ยังถูกใช้ฝึกทีมงาน — ถ้าใครไม่ถนัดเรื่องใด ก็ให้ AI อธิบายวิธีทำงาน หรือให้โค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือได้เลย เหมือนมีที่ปรึกษาด้านเทคนิคส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา

    Hendrick Motorsports ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะมี AWS เป็นพาร์ทเนอร์ เลยใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจากอดีต 40 ปี ทั้งหมด เอามา “ทดสอบย้อนหลัง” ว่าอะไรเคยได้ผล แล้วใช้ข้อมูลนั้นวางแผนการแข่งในอนาคต

    ✅ ทีม NASCAR ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์, ตัดสินใจเร็ว และออกแบบกลยุทธ์การแข่งขันแบบแม่นยำขึ้น  
    • เช่น ตรวจจับคำสั่งที่ดี/พลาดจากวิทยุทีม  
    • วิเคราะห์ tone/urgency แบบเรียลไทม์

    ✅ AI ช่วยลดเวลางานซ้ำ เช่น การดูภาพและวิดีโอจำนวนมากเพื่อหา key moment  
    • ทีมอย่าง RFK Racing ใช้ลดเวลาทำงานจาก 3 ชม. เหลือ 1 ชม.

    ✅ AI ถูกนำมาใช้ฝึกคนในทีม ให้เรียนรู้ทักษะที่ไม่เชี่ยวชาญผ่านการโต้ตอบกับโมเดล LLM เช่น ChatGPT  
    • ช่วยเร่งความเร็วในการเขียนซอฟต์แวร์หรือแก้โค้ด

    ✅ ทีม Hendrick ใช้ AI จาก AWS เพื่อสร้าง visualisation สื่อสารแนวคิดระหว่างทีมได้ดียิ่งขึ้น  
    • ใช้ภาพจำลองช่วยสื่อสารแผนเทคนิคและชิ้นส่วน

    ✅ ข้อมูลจากอดีตกว่า 40 ปีถูกนำมา “ทดสอบย้อนหลัง” ด้วย AI เพื่อตรวจสอบกลยุทธ์ในอนาคต  
    • เปิดโอกาสสร้างโมเดลวิเคราะห์ความสำเร็จจากอดีต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/21/information-is-speed-nascar-teams-use-ai-to-find-winning-edges
    ในอดีต NASCAR คือเกมของทักษะและช่างฝีมือ แต่วันนี้ทีมแข่งระดับท็อปใช้ AI มาวิเคราะห์ทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงแชทระหว่างนักขับกับวิศวกร จนถึงการปรับแต่งรถ และวางกลยุทธ์การแข่งขันแบบเรียลไทม์ Tom Gray จากทีม Hendrick Motorsports พูดไว้ชัดเจนว่า: “Information is speed…ใครรวบรวม วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เร็วกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ” ทีมนำ AI มาช่วยทำสิ่งที่คนเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เช่น นั่งไล่ดูวิดีโอหรือภาพนิ่ง กลายเป็นงานที่ทำได้ในเวลาไม่กี่นาที เพราะซอฟต์แวร์จะ “หาสิ่งสำคัญให้เอง” อย่างเช่นจุดที่รถคู่แข่งเปลี่ยนไลน์ หรือปัญหาในช่วงพิทสต็อป นอกจากนี้ AI ยังถูกใช้ฝึกทีมงาน — ถ้าใครไม่ถนัดเรื่องใด ก็ให้ AI อธิบายวิธีทำงาน หรือให้โค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือได้เลย เหมือนมีที่ปรึกษาด้านเทคนิคส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา Hendrick Motorsports ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะมี AWS เป็นพาร์ทเนอร์ เลยใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจากอดีต 40 ปี ทั้งหมด เอามา “ทดสอบย้อนหลัง” ว่าอะไรเคยได้ผล แล้วใช้ข้อมูลนั้นวางแผนการแข่งในอนาคต ✅ ทีม NASCAR ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์, ตัดสินใจเร็ว และออกแบบกลยุทธ์การแข่งขันแบบแม่นยำขึ้น   • เช่น ตรวจจับคำสั่งที่ดี/พลาดจากวิทยุทีม   • วิเคราะห์ tone/urgency แบบเรียลไทม์ ✅ AI ช่วยลดเวลางานซ้ำ เช่น การดูภาพและวิดีโอจำนวนมากเพื่อหา key moment   • ทีมอย่าง RFK Racing ใช้ลดเวลาทำงานจาก 3 ชม. เหลือ 1 ชม. ✅ AI ถูกนำมาใช้ฝึกคนในทีม ให้เรียนรู้ทักษะที่ไม่เชี่ยวชาญผ่านการโต้ตอบกับโมเดล LLM เช่น ChatGPT   • ช่วยเร่งความเร็วในการเขียนซอฟต์แวร์หรือแก้โค้ด ✅ ทีม Hendrick ใช้ AI จาก AWS เพื่อสร้าง visualisation สื่อสารแนวคิดระหว่างทีมได้ดียิ่งขึ้น   • ใช้ภาพจำลองช่วยสื่อสารแผนเทคนิคและชิ้นส่วน ✅ ข้อมูลจากอดีตกว่า 40 ปีถูกนำมา “ทดสอบย้อนหลัง” ด้วย AI เพื่อตรวจสอบกลยุทธ์ในอนาคต   • เปิดโอกาสสร้างโมเดลวิเคราะห์ความสำเร็จจากอดีต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/21/information-is-speed-nascar-teams-use-ai-to-find-winning-edges
    WWW.THESTAR.COM.MY
    ‘Information is speed’: Nascar teams use AI to find winning edges
    From performance analysis to data visualisations, AI is playing an increasingly pivotal role in how race teams operate across the Nascar garage.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่ใช้ลินุกซ์นาน ๆ คงรู้จัก X11 กันดี — ระบบแสดงผลกราฟิกที่อยู่คู่ลินุกซ์มานานนับหลายสิบปี แต่โลกหมุนไป Wayland กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลักในดิสโทรรุ่นใหม่ เพราะ ปลอดภัยกว่า, เสถียรกว่า และรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ดีกว่า

    ทีม Kubuntu เลยตัดสินใจว่า... “ไม่อยากลากต่ออีกแล้ว” และขอ “ดึงปลาสเตอร์ออกตอนนี้ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในรุ่น LTS ปีหน้า (26.04)” — นั่นคือเหตุผลที่ X11 จะไม่ถูกติดตั้งใน Kubuntu 25.10 ตั้งแต่ต้น

    แต่ข่าวดีคือ ใครที่ยังจำเป็นต้องใช้ X11 เช่น การ์ด NVIDIA รุ่นเก่า หรือแอปเก่า ๆ ที่ยังไม่รองรับ Wayland ก็สามารถติดตั้ง X11 เพิ่มทีหลังได้เองง่าย ๆ แค่สั่ง:

    ====================================
    sudo apt install plasma-session-x11
    ====================================

    จากนั้นจะมีตัวเลือก X11 ปรากฏในหน้าจอ login ทันที

    ดิสโทรลูกหลานในตระกูล Ubuntu ยังไม่เปลี่ยนตามทั้งหมดนะ เช่น Xubuntu, Ubuntu Budgie, Ubuntu Cinnamon ยังติดตั้ง X11 มาในดีฟอลต์อยู่ในรอบนี้

    ✅ Kubuntu 25.10 จะใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลค่าเริ่มต้น และไม่ติดตั้ง X11 มาด้วยอีกต่อไป  
    • เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ “การติดตั้งใหม่” ไม่กระทบผู้ใช้ที่อัปเกรดจากรุ่นเก่า

    ✅ เหตุผลหลักคือเพื่อลดภาระดูแลโค้ด X11 และเร่งพัฒนา Wayland ให้เร็วขึ้น  
    • X11 ทำให้ยากในการใส่ฟีเจอร์ใหม่และมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    ✅ ยังสามารถติดตั้ง X11 เพิ่มได้เองภายหลังด้วยคำสั่ง sudo apt install plasma-session-x11  
    • มีตัวเลือกให้สลับได้ใน login screen

    ✅ ดิสโทรอื่นในตระกูล Ubuntu เช่น Xubuntu และ Budgie ยังไม่ตัด X11 ในรุ่นปัจจุบัน  
    • ทำให้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมย้าย

    ✅ KDE Plasma 6.5 จะมาพร้อม Wayland PiP และฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ได้เฉพาะ Wayland เท่านั้น  
    • ช่วยผลักดันให้ผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนได้ราบรื่น

    https://www.neowin.net/news/end-of-an-era-kubuntu-is-removing-default-support-for-x11-in-new-installs/
    ใครที่ใช้ลินุกซ์นาน ๆ คงรู้จัก X11 กันดี — ระบบแสดงผลกราฟิกที่อยู่คู่ลินุกซ์มานานนับหลายสิบปี แต่โลกหมุนไป Wayland กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลักในดิสโทรรุ่นใหม่ เพราะ ปลอดภัยกว่า, เสถียรกว่า และรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ดีกว่า ทีม Kubuntu เลยตัดสินใจว่า... “ไม่อยากลากต่ออีกแล้ว” และขอ “ดึงปลาสเตอร์ออกตอนนี้ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในรุ่น LTS ปีหน้า (26.04)” — นั่นคือเหตุผลที่ X11 จะไม่ถูกติดตั้งใน Kubuntu 25.10 ตั้งแต่ต้น แต่ข่าวดีคือ ใครที่ยังจำเป็นต้องใช้ X11 เช่น การ์ด NVIDIA รุ่นเก่า หรือแอปเก่า ๆ ที่ยังไม่รองรับ Wayland ก็สามารถติดตั้ง X11 เพิ่มทีหลังได้เองง่าย ๆ แค่สั่ง: ==================================== sudo apt install plasma-session-x11 ==================================== จากนั้นจะมีตัวเลือก X11 ปรากฏในหน้าจอ login ทันที ดิสโทรลูกหลานในตระกูล Ubuntu ยังไม่เปลี่ยนตามทั้งหมดนะ เช่น Xubuntu, Ubuntu Budgie, Ubuntu Cinnamon ยังติดตั้ง X11 มาในดีฟอลต์อยู่ในรอบนี้ ✅ Kubuntu 25.10 จะใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลค่าเริ่มต้น และไม่ติดตั้ง X11 มาด้วยอีกต่อไป   • เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ “การติดตั้งใหม่” ไม่กระทบผู้ใช้ที่อัปเกรดจากรุ่นเก่า ✅ เหตุผลหลักคือเพื่อลดภาระดูแลโค้ด X11 และเร่งพัฒนา Wayland ให้เร็วขึ้น   • X11 ทำให้ยากในการใส่ฟีเจอร์ใหม่และมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ✅ ยังสามารถติดตั้ง X11 เพิ่มได้เองภายหลังด้วยคำสั่ง sudo apt install plasma-session-x11   • มีตัวเลือกให้สลับได้ใน login screen ✅ ดิสโทรอื่นในตระกูล Ubuntu เช่น Xubuntu และ Budgie ยังไม่ตัด X11 ในรุ่นปัจจุบัน   • ทำให้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมย้าย ✅ KDE Plasma 6.5 จะมาพร้อม Wayland PiP และฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ได้เฉพาะ Wayland เท่านั้น   • ช่วยผลักดันให้ผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนได้ราบรื่น https://www.neowin.net/news/end-of-an-era-kubuntu-is-removing-default-support-for-x11-in-new-installs/
    WWW.NEOWIN.NET
    End of an era? Kubuntu is removing default support for X11 in new installs
    The Linux world is slowly moving away from X11 and leaning into Wayland. Kubuntu is now the latest distro to drop default support for X11 in new installs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/juzrghOp_zk?si=xdgKrRoaai_ak31q
    https://youtube.com/shorts/juzrghOp_zk?si=xdgKrRoaai_ak31q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Terminator 2 Judgment Day ฅนเหล็ก 2 วันพิพากษา (1991)
    The Terminator 2 Judgment Day ฅนเหล็ก 2 วันพิพากษา (1991)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • Microsoft Family Safety เป็นระบบ parental control ที่ให้ผู้ปกครองควบคุมสิ่งที่ลูกดูบน Windows ได้ เช่น บล็อกเว็บไม่เหมาะสม จำกัดแอปและเวลาเล่นเกม ฯลฯ ซึ่งปกติก็ทำงานโอเคนะครับ...แต่ล่าสุดกลับไป “ปิดกั้น Chrome แบบเหมารวม” ซะอย่างนั้น 😵

    หลัง Chrome อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 137.0.7151.68/69 ผู้ใช้เริ่มเจอปัญหา Chrome ปิดตัวเองทันที หรือเปิดไม่ติดเลย แต่ Edge กลับรันได้ปกติ สร้างความงุนงงจนมีคนตั้งกระทู้ถามในฟอรั่ม Microsoft กันมากมาย — บางคนถึงขั้นลองลบ cache, รีเฟรชเครื่อง ฯลฯ ก็ไม่หาย

    จนกระทั่ง Google และผู้ดูแลชุมชน Chrome ออกมายืนยันว่า ตัวบล็อกมาจาก Microsoft Family Safety จริง ๆ และแนะนำให้ไป “ปลดล็อก Chrome” ด้วยตัวเองในหน้า Family Safety

    ✅ Microsoft Family Safety บล็อก Google Chrome โดยไม่ได้ตั้งใจบน Windows 11  
    • หลังอัปเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุด (137.0.7151.68/69)  
    • อาการ: Chrome เปิดไม่ได้, ปิดทันที, รันแล้ว crash

    ✅ Edge ไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า Microsoft เลือกปฏิบัติหรือไม่  
    • แต่ Microsoft ยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ

    ✅ Google ชี้แจงและแนะนำวิธีแก้เบื้องต้นให้ผู้ปกครองปลดล็อก Chrome ด้วยตนเอง  
    • เข้าไปที่ Family Safety หรือแอป Family Safety  
    • ไปที่โปรไฟล์ลูก → ปิด “Filter inappropriate websites” หรือ  
    • ไปที่แท็บ Windows → Apps & Games → เลือก “unblock Chrome”

    ✅ ชุมชนผู้ใช้พบว่า rename chrome.exe เป็นชื่ออื่น เช่น chrome1.exe ก็ช่วยให้ใช้งานได้ชั่วคราว  
    • เป็นวิธี workaround ชั่วคราวก่อน Microsoft ออกแพตช์แก้

    https://www.neowin.net/news/windows-11-blocks-google-chrome-due-to-a-microsoft-safety-feature-fix-out/
    Microsoft Family Safety เป็นระบบ parental control ที่ให้ผู้ปกครองควบคุมสิ่งที่ลูกดูบน Windows ได้ เช่น บล็อกเว็บไม่เหมาะสม จำกัดแอปและเวลาเล่นเกม ฯลฯ ซึ่งปกติก็ทำงานโอเคนะครับ...แต่ล่าสุดกลับไป “ปิดกั้น Chrome แบบเหมารวม” ซะอย่างนั้น 😵 หลัง Chrome อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 137.0.7151.68/69 ผู้ใช้เริ่มเจอปัญหา Chrome ปิดตัวเองทันที หรือเปิดไม่ติดเลย แต่ Edge กลับรันได้ปกติ สร้างความงุนงงจนมีคนตั้งกระทู้ถามในฟอรั่ม Microsoft กันมากมาย — บางคนถึงขั้นลองลบ cache, รีเฟรชเครื่อง ฯลฯ ก็ไม่หาย จนกระทั่ง Google และผู้ดูแลชุมชน Chrome ออกมายืนยันว่า ตัวบล็อกมาจาก Microsoft Family Safety จริง ๆ และแนะนำให้ไป “ปลดล็อก Chrome” ด้วยตัวเองในหน้า Family Safety ✅ Microsoft Family Safety บล็อก Google Chrome โดยไม่ได้ตั้งใจบน Windows 11   • หลังอัปเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุด (137.0.7151.68/69)   • อาการ: Chrome เปิดไม่ได้, ปิดทันที, รันแล้ว crash ✅ Edge ไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า Microsoft เลือกปฏิบัติหรือไม่   • แต่ Microsoft ยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ✅ Google ชี้แจงและแนะนำวิธีแก้เบื้องต้นให้ผู้ปกครองปลดล็อก Chrome ด้วยตนเอง   • เข้าไปที่ Family Safety หรือแอป Family Safety   • ไปที่โปรไฟล์ลูก → ปิด “Filter inappropriate websites” หรือ   • ไปที่แท็บ Windows → Apps & Games → เลือก “unblock Chrome” ✅ ชุมชนผู้ใช้พบว่า rename chrome.exe เป็นชื่ออื่น เช่น chrome1.exe ก็ช่วยให้ใช้งานได้ชั่วคราว   • เป็นวิธี workaround ชั่วคราวก่อน Microsoft ออกแพตช์แก้ https://www.neowin.net/news/windows-11-blocks-google-chrome-due-to-a-microsoft-safety-feature-fix-out/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 blocks Google Chrome due to a Microsoft safety feature, fix out
    Windows 11 systems are automatically breaking and blocking Google Chrome as it is triggering a Microsoft safety feature.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • Avengers 4 Endgame อเวนเจอร์ส เผด็จศึก (2019)
    Avengers 4 Endgame อเวนเจอร์ส เผด็จศึก (2019)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/N4Z8YEkCpkM?si=qYn-hs3nDGgL2mrG
    https://www.youtube.com/live/N4Z8YEkCpkM?si=qYn-hs3nDGgL2mrG
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/e4t7tK7P6n0?si=3SasMwFvxZ4tdgVm
    https://youtube.com/shorts/e4t7tK7P6n0?si=3SasMwFvxZ4tdgVm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/-KYFkrhjno0?si=5CP-5ndGio6t7Dnf
    https://youtu.be/-KYFkrhjno0?si=5CP-5ndGio6t7Dnf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ เพิ่งดูละครเรื่อง <สตรีหาญ ฉางเกอ> ตอนที่หนึ่งเปิดตัวพระนางด้วยการแข่งขันอันเร้าใจของเกมกีฬาที่เรียกว่า ‘ชู่จวี’ (蹴鞠 หรือที่ BBC เขาเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Kickball) เป็นศัพท์จีนที่จำตัวเขียนได้ยากมาก ไปทำการบ้านมาจึงพบว่าในเว็บจีนต่างพูดถึงเกมชู่จวีนี้ว่าเป็นต้นกำเนิดของฟุตบอล

    แต่เนื่องจากเพื่อนชาวอังกฤษของ Storyฯ พูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าฟุตบอลเป็นกีฬาของอังกฤษ Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม ปรากฏว่านาย Kevin Moore ผู้อำนวยการของ National Football Museum แห่งอังกฤษกล่าวไว้หลายปีแล้วดังนี้ค่ะ “While England is the birthplace of the modern game as we know it, we have always acknowledged that the origins of the game lie in China” ซึ่งหมายความว่า วิธีการเล่น/แข่งฟุตบอลในรูปแบบปัจจุบันนั้นถือกำเนิดจากอังกฤษก็จริง แต่ฟุตบอลมีรากฐานมาจากจีน

    กลับมาที่ชู่จวีกันดีกว่า

    ความ ‘เอ๊ะ’ เกิดขึ้นเมื่อเห็นในละครเรื่อง <สตรีหาญ ฉางเกอ> ที่รูปร่างหน้าตาของ ‘บอล’ มันเหมือนตะกร้อมากเลย คือดูจะเป็นหวายสาน (ตามรูปขวาบนจากในละคร) แต่ Storyฯ เคยเห็นในละครเรื่องอื่นดูวัสดุคล้ายผ้าก็มี ก็เลยต้องไปทำการบ้านอีก

    เลยมีรูปจากพิพิธภัณฑ์กีฬาส่านซีมาฝาก (รูปขวาล่าง) เป็นรูปของลูกบอลที่ใช้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล – ปีค.ศ. 220, คือลูกซ้าย) และราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907, คือลูกขวา) สังเกตได้ว่าการตัดเย็บไม่เหมือนกัน แต่สรุปว่าทั้งคู่ทำมาจากหนังนะจ๊ะ ส่วนไส้ในนั้นจะเป็นขนเป็ดขนไก่

    ในสมัยราชวงศ์ฮั่น การเล่นชู่จวีสามารถเล่นแบบโชว์เดี่ยว เป็นการแสดงทักษะและลีลาของผู้เล่น ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถังจึงมีการเล่นแข่งเป็นทีม ซึ่งวิธีเล่นโดยหลักคือแข่งกันเตะลูกเข้าโกล โกลเป็นห่วงทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุต ตั้งอยู่ตรงกลางสนาม เรียกว่า เฟิงหลิวเหยี่ยน (Eye of the Flowing Wind) สูงเหนือพื้นประมาณสิบเมตร มีเอกสารทางประวัติศาสตร์จากสมัยราชวงศ์ซ่งไม่น้อยที่บรรยายถึงกฎกติกาการเล่นชู่จวีอย่างชัดเจน

    ชู่จวีเป็นกิจกรรมกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น แต่ว่ากันว่ายุคเฟื่องฟูของมันจริงๆ คือสมัยราชวงศ์ถัง-ซ่ง เพราะงานเลี้ยงในวังหรืองานเลี้ยงฉลองต้อนรับทูตสัมพันธไมตรีจากแคว้นต่างๆ มักจัดให้มีการเล่นชู่จวี นอกจากนี้ยังมีการเล่นกันอย่างแพร่หลายในสังคมเมืองใหญ่อีกด้วย ผู้เล่นเดิมเป็นลูกหลานตระกูลผู้ดี เป็นผู้หญิงก็เล่นได้ (ในสมัยราชวงศ์ถัง) ต่อมาจึงมีนักเล่นมืออาชีพมาร่วมทีมด้วย แต่เมื่อผ่านยุคสมัยราชวงศ์ซ่งก็ค่อยๆ คลายความนิยมลง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://mydramalist.com/photos/eN5EY_3
    https://14th.xiancn.com/2021-04/22/content_6220692.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.bbc.com/news/magazine-35409594
    https://14th.xiancn.com/2021-04/22/content_6220692.html
    https://www.epochtimes.com/gb/16/6/18/n8010456.htm
    http://view.inews.qq.com/a/20200915A0HSBN00?tbkt=B3&uid=

    #สตรีหาญฉางเกอ #ชู่จวี #ราชวงศ์ถัง #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    Storyฯ เพิ่งดูละครเรื่อง <สตรีหาญ ฉางเกอ> ตอนที่หนึ่งเปิดตัวพระนางด้วยการแข่งขันอันเร้าใจของเกมกีฬาที่เรียกว่า ‘ชู่จวี’ (蹴鞠 หรือที่ BBC เขาเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Kickball) เป็นศัพท์จีนที่จำตัวเขียนได้ยากมาก ไปทำการบ้านมาจึงพบว่าในเว็บจีนต่างพูดถึงเกมชู่จวีนี้ว่าเป็นต้นกำเนิดของฟุตบอล แต่เนื่องจากเพื่อนชาวอังกฤษของ Storyฯ พูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าฟุตบอลเป็นกีฬาของอังกฤษ Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม ปรากฏว่านาย Kevin Moore ผู้อำนวยการของ National Football Museum แห่งอังกฤษกล่าวไว้หลายปีแล้วดังนี้ค่ะ “While England is the birthplace of the modern game as we know it, we have always acknowledged that the origins of the game lie in China” ซึ่งหมายความว่า วิธีการเล่น/แข่งฟุตบอลในรูปแบบปัจจุบันนั้นถือกำเนิดจากอังกฤษก็จริง แต่ฟุตบอลมีรากฐานมาจากจีน กลับมาที่ชู่จวีกันดีกว่า ความ ‘เอ๊ะ’ เกิดขึ้นเมื่อเห็นในละครเรื่อง <สตรีหาญ ฉางเกอ> ที่รูปร่างหน้าตาของ ‘บอล’ มันเหมือนตะกร้อมากเลย คือดูจะเป็นหวายสาน (ตามรูปขวาบนจากในละคร) แต่ Storyฯ เคยเห็นในละครเรื่องอื่นดูวัสดุคล้ายผ้าก็มี ก็เลยต้องไปทำการบ้านอีก เลยมีรูปจากพิพิธภัณฑ์กีฬาส่านซีมาฝาก (รูปขวาล่าง) เป็นรูปของลูกบอลที่ใช้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล – ปีค.ศ. 220, คือลูกซ้าย) และราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907, คือลูกขวา) สังเกตได้ว่าการตัดเย็บไม่เหมือนกัน แต่สรุปว่าทั้งคู่ทำมาจากหนังนะจ๊ะ ส่วนไส้ในนั้นจะเป็นขนเป็ดขนไก่ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น การเล่นชู่จวีสามารถเล่นแบบโชว์เดี่ยว เป็นการแสดงทักษะและลีลาของผู้เล่น ต่อมาในสมัยราชวงศ์ถังจึงมีการเล่นแข่งเป็นทีม ซึ่งวิธีเล่นโดยหลักคือแข่งกันเตะลูกเข้าโกล โกลเป็นห่วงทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุต ตั้งอยู่ตรงกลางสนาม เรียกว่า เฟิงหลิวเหยี่ยน (Eye of the Flowing Wind) สูงเหนือพื้นประมาณสิบเมตร มีเอกสารทางประวัติศาสตร์จากสมัยราชวงศ์ซ่งไม่น้อยที่บรรยายถึงกฎกติกาการเล่นชู่จวีอย่างชัดเจน ชู่จวีเป็นกิจกรรมกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น แต่ว่ากันว่ายุคเฟื่องฟูของมันจริงๆ คือสมัยราชวงศ์ถัง-ซ่ง เพราะงานเลี้ยงในวังหรืองานเลี้ยงฉลองต้อนรับทูตสัมพันธไมตรีจากแคว้นต่างๆ มักจัดให้มีการเล่นชู่จวี นอกจากนี้ยังมีการเล่นกันอย่างแพร่หลายในสังคมเมืองใหญ่อีกด้วย ผู้เล่นเดิมเป็นลูกหลานตระกูลผู้ดี เป็นผู้หญิงก็เล่นได้ (ในสมัยราชวงศ์ถัง) ต่อมาจึงมีนักเล่นมืออาชีพมาร่วมทีมด้วย แต่เมื่อผ่านยุคสมัยราชวงศ์ซ่งก็ค่อยๆ คลายความนิยมลง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://mydramalist.com/photos/eN5EY_3 https://14th.xiancn.com/2021-04/22/content_6220692.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.bbc.com/news/magazine-35409594 https://14th.xiancn.com/2021-04/22/content_6220692.html https://www.epochtimes.com/gb/16/6/18/n8010456.htm http://view.inews.qq.com/a/20200915A0HSBN00?tbkt=B3&uid= #สตรีหาญฉางเกอ #ชู่จวี #ราชวงศ์ถัง #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • Path Tracing คือเทคนิคเรนเดอร์ขั้นเทพของโลกเกม ที่ให้ผลลัพธ์แสง–เงาสมจริงขั้นสุด แต่มัน กินแรงเครื่องมหาศาล ทำให้แม้แต่ AAA เกมก็ยังใช้ได้แบบจำกัด

    Intel เลยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ iGPU และ dGPU ราคาจับต้องได้สามารถรัน Path Tracing ได้จริง โดยใช้เทคนิคหลายด้าน ทั้ง:

    - Resampled Importance Sampling (RIS) แบบใหม่
    - Open Image Denoise 2 รุ่นล่าสุดที่ใช้ Neural Denoising
    - และ Neural Texture Compression (TSNC) ที่ช่วยลดภาระหน่วยความจำได้สูงสุด 47 เท่า

    พวกเขาทดสอบบนฉาก Jungle Ruins ขนาดใหญ่ แอนิเมชันซับซ้อน มีทุกอย่างทั้งต้นไม้, เงานุ่ม, พื้นผิวมัน และแสงสะท้อน — แถมใช้เพียง 1 Ray/Pixel และ 1 Sample/Pixel เท่านั้น! แล้วค่อย “ฟื้นคืนภาพ” ด้วยเทคนิค AI Denoising ที่ใกล้เคียงกับ NVIDIA Ray Reconstruction (DLSS 3.5/4) และ AMD Ray Regeneration (FSR 4 Redstone)

    Intel ยังเผยผลลัพธ์แบบตรง ๆ ว่า GPU Arc B580 รันได้ 30FPS ที่ 1440p พร้อมระบบ AI Denoising ที่จัดการกับปัญหายาก ๆ อย่าง เงา, แสงสะท้อน, Moiré pattern, และ ghosting ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Intel โชว์เดโม Path Tracing “1 ล้านล้านสามเหลี่ยม” บน Arc B580 ที่ 1440p/30FPS  
    • ใช้การเรนเดอร์ 1 sample/pixel พร้อม AI denoising

    ✅ เทคนิคใหม่ Resampled Importance Sampling (RIS) ช่วยลด noise 10 เท่า  
    • จัด sample เป็น histogram + ใช้ quasi Monte Carlo + blue noise  
    • ลดภาระเรนเดอร์แต่ได้คุณภาพใกล้ภาพจริง

    ✅ Intel เปิดตัว Open Image Denoise 2 แบบ cross-vendor  
    • รองรับการ์ด Intel/NVIDIA/AMD ได้ทั้งหมด  
    • เตรียมใช้ neural network รุ่นใหม่ในเวอร์ชันถัดไป

    ✅ Denoiser รองรับหลายอาการยาก ๆ เช่น:  
    • เงา, แสงสะท้อน, flickering, moiré, ghosting, และ disocclusion  
    • ใช้ spatiotemporal joint neural model ที่ทั้ง denoise + supersample พร้อมกัน

    ✅ Intel ใช้ Neural Texture Compression (TSNC) + DirectX Cooperative Vectors  
    • ลดภาระการโหลด texture ได้ 47 เท่าเมื่อเทียบกับ FMA  
    • ความเร็วสูงกว่า BC6 baseline แบบเดิม

    ✅ Arc B580 และ Arc 140V ใช้ TSNC ได้แล้วในไดรเวอร์ล่าสุด  
    • ลดการใช้ VRAM และเพิ่มประสิทธิภาพชัดเจน

    ✅ เทคนิคนี้จะถูกนำไปใช้ใน iGPU รุ่นถัดไปด้วย (Lunar Lake และ Battlemage)  
    • ช่วยให้ iGPU ทำ Path Tracing ได้จริงจังขึ้น

    ‼️ เทคนิค denoising แบบ neural ต้องใช้ training ที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลดี  
    • หากข้อมูลเทรนไม่ครอบคลุม จะทำให้เกิด ghosting, flicker หรือเบลอผิดจุด

    ‼️ การรัน path tracing ด้วย 1 spp มี noise สูงมาก ก่อน denoising  
    • หากไม่ได้ใช้ AI ช่วยจะมองแทบไม่รู้เรื่อง

    ‼️ คุณภาพที่ได้ยังไม่เท่า real-time Path Tracing เต็มรูปแบบ เช่นของ DLSS 4 หรือ RTX GI แบบสมบูรณ์  
    • เหมาะกับผู้ที่ยอม trade-off บางอย่างเพื่อให้รันบนเครื่องเบาได้

    ‼️ ยังไม่มี roadmap ชัดเจนว่าความสามารถนี้จะถูกใส่ในเกมจริงเมื่อใด  
    • ต้องรอติดตามว่าจะมี Engine ใดนำไปใช้จริงบ้าง

    https://wccftech.com/intel-enabling-high-fidelity-visuals-faster-performance-on-built-in-gpus-demos-ray-reconstruction-path-tracing-arc-b580/
    Path Tracing คือเทคนิคเรนเดอร์ขั้นเทพของโลกเกม ที่ให้ผลลัพธ์แสง–เงาสมจริงขั้นสุด แต่มัน กินแรงเครื่องมหาศาล ทำให้แม้แต่ AAA เกมก็ยังใช้ได้แบบจำกัด Intel เลยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ iGPU และ dGPU ราคาจับต้องได้สามารถรัน Path Tracing ได้จริง โดยใช้เทคนิคหลายด้าน ทั้ง: - Resampled Importance Sampling (RIS) แบบใหม่ - Open Image Denoise 2 รุ่นล่าสุดที่ใช้ Neural Denoising - และ Neural Texture Compression (TSNC) ที่ช่วยลดภาระหน่วยความจำได้สูงสุด 47 เท่า พวกเขาทดสอบบนฉาก Jungle Ruins ขนาดใหญ่ แอนิเมชันซับซ้อน มีทุกอย่างทั้งต้นไม้, เงานุ่ม, พื้นผิวมัน และแสงสะท้อน — แถมใช้เพียง 1 Ray/Pixel และ 1 Sample/Pixel เท่านั้น! แล้วค่อย “ฟื้นคืนภาพ” ด้วยเทคนิค AI Denoising ที่ใกล้เคียงกับ NVIDIA Ray Reconstruction (DLSS 3.5/4) และ AMD Ray Regeneration (FSR 4 Redstone) Intel ยังเผยผลลัพธ์แบบตรง ๆ ว่า GPU Arc B580 รันได้ 30FPS ที่ 1440p พร้อมระบบ AI Denoising ที่จัดการกับปัญหายาก ๆ อย่าง เงา, แสงสะท้อน, Moiré pattern, และ ghosting ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Intel โชว์เดโม Path Tracing “1 ล้านล้านสามเหลี่ยม” บน Arc B580 ที่ 1440p/30FPS   • ใช้การเรนเดอร์ 1 sample/pixel พร้อม AI denoising ✅ เทคนิคใหม่ Resampled Importance Sampling (RIS) ช่วยลด noise 10 เท่า   • จัด sample เป็น histogram + ใช้ quasi Monte Carlo + blue noise   • ลดภาระเรนเดอร์แต่ได้คุณภาพใกล้ภาพจริง ✅ Intel เปิดตัว Open Image Denoise 2 แบบ cross-vendor   • รองรับการ์ด Intel/NVIDIA/AMD ได้ทั้งหมด   • เตรียมใช้ neural network รุ่นใหม่ในเวอร์ชันถัดไป ✅ Denoiser รองรับหลายอาการยาก ๆ เช่น:   • เงา, แสงสะท้อน, flickering, moiré, ghosting, และ disocclusion   • ใช้ spatiotemporal joint neural model ที่ทั้ง denoise + supersample พร้อมกัน ✅ Intel ใช้ Neural Texture Compression (TSNC) + DirectX Cooperative Vectors   • ลดภาระการโหลด texture ได้ 47 เท่าเมื่อเทียบกับ FMA   • ความเร็วสูงกว่า BC6 baseline แบบเดิม ✅ Arc B580 และ Arc 140V ใช้ TSNC ได้แล้วในไดรเวอร์ล่าสุด   • ลดการใช้ VRAM และเพิ่มประสิทธิภาพชัดเจน ✅ เทคนิคนี้จะถูกนำไปใช้ใน iGPU รุ่นถัดไปด้วย (Lunar Lake และ Battlemage)   • ช่วยให้ iGPU ทำ Path Tracing ได้จริงจังขึ้น ‼️ เทคนิค denoising แบบ neural ต้องใช้ training ที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลดี   • หากข้อมูลเทรนไม่ครอบคลุม จะทำให้เกิด ghosting, flicker หรือเบลอผิดจุด ‼️ การรัน path tracing ด้วย 1 spp มี noise สูงมาก ก่อน denoising   • หากไม่ได้ใช้ AI ช่วยจะมองแทบไม่รู้เรื่อง ‼️ คุณภาพที่ได้ยังไม่เท่า real-time Path Tracing เต็มรูปแบบ เช่นของ DLSS 4 หรือ RTX GI แบบสมบูรณ์   • เหมาะกับผู้ที่ยอม trade-off บางอย่างเพื่อให้รันบนเครื่องเบาได้ ‼️ ยังไม่มี roadmap ชัดเจนว่าความสามารถนี้จะถูกใส่ในเกมจริงเมื่อใด   • ต้องรอติดตามว่าจะมี Engine ใดนำไปใช้จริงบ้าง https://wccftech.com/intel-enabling-high-fidelity-visuals-faster-performance-on-built-in-gpus-demos-ray-reconstruction-path-tracing-arc-b580/
    WCCFTECH.COM
    Intel Talks How It Is Enabling High-Fidelity Visuals & Faster Performance on Built-in GPUs, Demos Ray Reconstruction-Like Denoiser For Path Tracing On Arc B580
    At SIGGRAPH & HPG 2025, Intel talked about its improvements to visual fidelity & performance for built-in and discrete GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนรู้จัก Mailchimp ในฐานะ “เครื่องมือส่งอีเมลเป็นกลุ่ม” แต่ใครจะคิดว่า…ตอนนี้มันเริ่ม “กลายร่าง” ไปเป็น CRM เต็มตัวสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) แล้ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรือหน้าตา

    ในงาน FWD: London 2025 ล่าสุด Mailchimp (ภายใต้บริษัทแม่ Intuit) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ชี้ชัดว่า “กำลังจะเป็นแพลตฟอร์มด้านลูกค้าครบวงจร” เช่น:

    - ดึง leads เข้าจาก TikTok, Meta, LinkedIn, Google และ Snapchat ได้ตรง ๆ
    - เชื่อมโยงแคมเปญโฆษณาเข้า automation flow ได้เลย
    - มี Metrics Visualizer ใหม่ แสดงข้อมูลกว่า 40 ประเภทในอีเมล+SMS
    - เพิ่ม Pop-up template กว่า 100 แบบ

    พูดง่าย ๆ คือ จากที่เคยแค่ส่งจดหมายข่าว ตอนนี้ Mailchimp เริ่ม “ดูแลตั้งแต่หาลูกค้า → สื่อสาร → ปิดการขาย → ดูพฤติกรรม” แล้ว

    Ken Chestnut จาก Intuit บอกว่า Mailchimp กำลังกลายเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมการโฆษณากับ CRM ให้กลมกลืน ทั้งหา lead, ส่งข้อความอัตโนมัติ, วิเคราะห์พฤติกรรม และส่งเสริมความภักดีของลูกค้า

    แต่ในมุมหนึ่งก็ยังดูเหมือน “ของแปะเพิ่ม” มากกว่าจะเป็น CRM สมบูรณ์แบบแบบ HubSpot หรือ Salesforce เพราะยังขาดความเป็น unified system และยังต้องพึ่ง plugin หรือ integration พอสมควร

    ✅ Mailchimp อัปเดตไปแล้วกว่า 2,000 รายการในช่วงปีที่ผ่านมา  
    • มุ่งเป้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์ม CRM สำหรับ SMB  
    • เน้น workflow automation และการใช้ข้อมูลลูกค้า

    ✅ เพิ่มการเชื่อมต่อ lead จากหลายแพลตฟอร์ม (TikTok, Meta, Google, ฯลฯ)  
    • นำ lead เข้าสู่ระบบอัตโนมัติทันที  
    • ลดขั้นตอน manual และเสริม personalisation

    ✅ มี Metrics Visualizer ใหม่  
    • วิเคราะห์ email/SMS campaign ได้ละเอียดกว่าเดิม  
    • ผู้ใช้สามารถสร้าง custom report จากตัวแปรกว่า 40 แบบ

    ✅ เพิ่ม pop-up template กว่า 100 แบบ  
    • ช่วยให้เก็บ leads หรือเสนอโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น

    ✅ Mailchimp พยายามจะเป็น “สะพาน” เชื่อม ad → automation → loyalty  
    • มีการผสานระหว่างแคมเปญโฆษณาและ CRM เข้าใกล้ real-time marketing

    ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างยังดูเหมือน "ต่อเติม" มากกว่าระบบ CRM ที่ออกแบบมาจากศูนย์  
    • อาจเกิดปัญหาเรื่องความลื่นไหลและการตั้งค่าที่ซับซ้อน

    ‼️ ผู้ใช้ใหม่อาจยังต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีเชื่อมโยงทุกระบบเข้าหากัน  
    • แม้ระบบจะง่ายขึ้น แต่หลายฟีเจอร์ต้องอาศัยความเข้าใจทางเทคนิค

    ‼️ การวิเคราะห์แบบ cross-channel ต้องใช้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตั้งค่าถูกต้อง  
    • ไม่เช่นนั้นผลวิเคราะห์อาจนำไปใช้ผิดหรือให้ insight ไม่แม่นยำ

    ‼️ ยังไม่มีฟีเจอร์ core CRM หลายอย่าง เช่น การจัดการ sales pipeline แบบเต็มรูปแบบ  
    • อาจยังไม่ตอบโจทย์ทีมขายที่ต้องการระบบติดตามดีลละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/intuits-mailchimp-is-gradually-growing-into-a-fully-fledged-crm-suite-for-smb-thanks-to-a-raft-of-new-additions-and-i-cant-wait-to-try-them
    หลายคนรู้จัก Mailchimp ในฐานะ “เครื่องมือส่งอีเมลเป็นกลุ่ม” แต่ใครจะคิดว่า…ตอนนี้มันเริ่ม “กลายร่าง” ไปเป็น CRM เต็มตัวสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) แล้ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรือหน้าตา ในงาน FWD: London 2025 ล่าสุด Mailchimp (ภายใต้บริษัทแม่ Intuit) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ชี้ชัดว่า “กำลังจะเป็นแพลตฟอร์มด้านลูกค้าครบวงจร” เช่น: - ดึง leads เข้าจาก TikTok, Meta, LinkedIn, Google และ Snapchat ได้ตรง ๆ - เชื่อมโยงแคมเปญโฆษณาเข้า automation flow ได้เลย - มี Metrics Visualizer ใหม่ แสดงข้อมูลกว่า 40 ประเภทในอีเมล+SMS - เพิ่ม Pop-up template กว่า 100 แบบ พูดง่าย ๆ คือ จากที่เคยแค่ส่งจดหมายข่าว ตอนนี้ Mailchimp เริ่ม “ดูแลตั้งแต่หาลูกค้า → สื่อสาร → ปิดการขาย → ดูพฤติกรรม” แล้ว Ken Chestnut จาก Intuit บอกว่า Mailchimp กำลังกลายเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมการโฆษณากับ CRM ให้กลมกลืน ทั้งหา lead, ส่งข้อความอัตโนมัติ, วิเคราะห์พฤติกรรม และส่งเสริมความภักดีของลูกค้า แต่ในมุมหนึ่งก็ยังดูเหมือน “ของแปะเพิ่ม” มากกว่าจะเป็น CRM สมบูรณ์แบบแบบ HubSpot หรือ Salesforce เพราะยังขาดความเป็น unified system และยังต้องพึ่ง plugin หรือ integration พอสมควร ✅ Mailchimp อัปเดตไปแล้วกว่า 2,000 รายการในช่วงปีที่ผ่านมา   • มุ่งเป้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์ม CRM สำหรับ SMB   • เน้น workflow automation และการใช้ข้อมูลลูกค้า ✅ เพิ่มการเชื่อมต่อ lead จากหลายแพลตฟอร์ม (TikTok, Meta, Google, ฯลฯ)   • นำ lead เข้าสู่ระบบอัตโนมัติทันที   • ลดขั้นตอน manual และเสริม personalisation ✅ มี Metrics Visualizer ใหม่   • วิเคราะห์ email/SMS campaign ได้ละเอียดกว่าเดิม   • ผู้ใช้สามารถสร้าง custom report จากตัวแปรกว่า 40 แบบ ✅ เพิ่ม pop-up template กว่า 100 แบบ   • ช่วยให้เก็บ leads หรือเสนอโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น ✅ Mailchimp พยายามจะเป็น “สะพาน” เชื่อม ad → automation → loyalty   • มีการผสานระหว่างแคมเปญโฆษณาและ CRM เข้าใกล้ real-time marketing ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างยังดูเหมือน "ต่อเติม" มากกว่าระบบ CRM ที่ออกแบบมาจากศูนย์   • อาจเกิดปัญหาเรื่องความลื่นไหลและการตั้งค่าที่ซับซ้อน ‼️ ผู้ใช้ใหม่อาจยังต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีเชื่อมโยงทุกระบบเข้าหากัน   • แม้ระบบจะง่ายขึ้น แต่หลายฟีเจอร์ต้องอาศัยความเข้าใจทางเทคนิค ‼️ การวิเคราะห์แบบ cross-channel ต้องใช้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตั้งค่าถูกต้อง   • ไม่เช่นนั้นผลวิเคราะห์อาจนำไปใช้ผิดหรือให้ insight ไม่แม่นยำ ‼️ ยังไม่มีฟีเจอร์ core CRM หลายอย่าง เช่น การจัดการ sales pipeline แบบเต็มรูปแบบ   • อาจยังไม่ตอบโจทย์ทีมขายที่ต้องการระบบติดตามดีลละเอียด https://www.techradar.com/pro/intuits-mailchimp-is-gradually-growing-into-a-fully-fledged-crm-suite-for-smb-thanks-to-a-raft-of-new-additions-and-i-cant-wait-to-try-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำ MI300A ได้ไหมครับ? มันคือ APU (CPU+GPU รวมกัน) สำหรับ AI และ HPC ที่ AMD เคยเปิดตัวแรง ๆ ไปเมื่อปีก่อน แต่ปีนี้ AMD กลับมาบอกว่า “พอแล้ว!” เพราะการรวมทุกอย่างไว้ชิปเดียวอาจจะดูสะดวก แต่มัน ไม่เหมาะกับการขยายขนาดระบบขนาดใหญ่แบบศูนย์ข้อมูล

    เลยกลายเป็นว่า MI355X ซึ่งเป็น GPU ตัวท็อปรุ่นใหม่ของ AMD จะใช้แนวคิดแบบ “แยกส่วน (modular)” เต็มตัว คือไม่มี CPU มาปะปน ทำให้การจัดวางใน rack data center, การระบายความร้อน และการเชื่อมต่อแบบ rack-scale มีความยืดหยุ่นสูงกว่ามาก

    และ MI355X ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 ใหม่, ผลิตด้วยชิป TSMC N3P (3nm class), มี 8 die ย่อย เชื่อมกันผ่านระบบ interconnect ใหม่, มีแรม HBM3E ถึง 288GB, แบนด์วิธรวม 8TB/s (เหนือกว่ Nvidia B200 และ GB200), รองรับ FP4/FP6 สำหรับ inference และใช้ไฟสูงสุด 1,400W แบบ liquid-cooled!

    เป้าหมายคือให้ลูกค้าสามารถวาง GPU ได้สูงสุด 128 ตัวต่อ rack เพื่อรันงาน AI training/inference ขนาดยักษ์ได้แบบคุ้มต้นทุนต่อวัตต์ โดย AMD เคลมว่า inference performance ดีกว่า Nvidia GB200 ประมาณ 20–30% เลยทีเดียว

    https://www.techradar.com/pro/amd-unveils-puzzling-new-mi355x-ai-gpu-as-it-acknowledges-there-wont-be-any-ai-apu-for-now
    จำ MI300A ได้ไหมครับ? มันคือ APU (CPU+GPU รวมกัน) สำหรับ AI และ HPC ที่ AMD เคยเปิดตัวแรง ๆ ไปเมื่อปีก่อน แต่ปีนี้ AMD กลับมาบอกว่า “พอแล้ว!” เพราะการรวมทุกอย่างไว้ชิปเดียวอาจจะดูสะดวก แต่มัน ไม่เหมาะกับการขยายขนาดระบบขนาดใหญ่แบบศูนย์ข้อมูล เลยกลายเป็นว่า MI355X ซึ่งเป็น GPU ตัวท็อปรุ่นใหม่ของ AMD จะใช้แนวคิดแบบ “แยกส่วน (modular)” เต็มตัว คือไม่มี CPU มาปะปน ทำให้การจัดวางใน rack data center, การระบายความร้อน และการเชื่อมต่อแบบ rack-scale มีความยืดหยุ่นสูงกว่ามาก และ MI355X ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 ใหม่, ผลิตด้วยชิป TSMC N3P (3nm class), มี 8 die ย่อย เชื่อมกันผ่านระบบ interconnect ใหม่, มีแรม HBM3E ถึง 288GB, แบนด์วิธรวม 8TB/s (เหนือกว่ Nvidia B200 และ GB200), รองรับ FP4/FP6 สำหรับ inference และใช้ไฟสูงสุด 1,400W แบบ liquid-cooled! เป้าหมายคือให้ลูกค้าสามารถวาง GPU ได้สูงสุด 128 ตัวต่อ rack เพื่อรันงาน AI training/inference ขนาดยักษ์ได้แบบคุ้มต้นทุนต่อวัตต์ โดย AMD เคลมว่า inference performance ดีกว่า Nvidia GB200 ประมาณ 20–30% เลยทีเดียว https://www.techradar.com/pro/amd-unveils-puzzling-new-mi355x-ai-gpu-as-it-acknowledges-there-wont-be-any-ai-apu-for-now
    WWW.TECHRADAR.COM
    AMD drops APU design in favor of GPU-only MI355X for advanced AI infrastructure
    AMD claims 1.2X-1.3X inference lead over Nvidia's B200 and GB200 offerings
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายองค์กรและระบบฝังตัว (embedded system) มักเจอกับปัญหา "ไฟดับที = ข้อมูลพัง" โดยเฉพาะในเครื่องจักรอุตสาหกรรม, ระบบควบคุม, หรือสถานีขอบเครือข่าย (edge server) ที่ต้องทำงานตลอดเวลา Transcend ก็เลยออก SSD475P มาแก้ปัญหานี้โดยตรง

    หัวใจของ SSD รุ่นนี้คือฟีเจอร์ Power Loss Protection (PLP) ที่ใช้ตัวเก็บประจุภายใน (capacitors) คอยจ่ายไฟสำรองให้ SSD เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ ทำให้ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเขียน (in-flight data) จะถูกบันทึกจนจบอย่างปลอดภัย

    SSD ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 112-layer 3D NAND มี DRAM cache ในตัว และใช้เฟิร์มแวร์แบบ “Direct Write” ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลเสถียรแม้โหลดสูง เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทาน เช่น การบันทึกเซนเซอร์, ระบบ surveillance หรือการบิน–กลาโหม

    แม้จะยังใช้ อินเทอร์เฟซ SATA III 6 Gb/s (ไม่เร็วเท่า PCIe) แต่ก็ตอบโจทย์ในแง่ความเสถียร และการรองรับอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C พร้อมการเข้ารหัส AES และฟีเจอร์ป้องกันความร้อน, การตรวจสอบสุขภาพ (S.M.A.R.T.) และ ECC ในระดับ LDPC

    ✅ Transcend เปิดตัว SSD475P: SSD 2.5” สำหรับงานอุตสาหกรรมและระบบฝังตัว  
    • ใช้อินเทอร์เฟซ SATA III ความเร็วสูงสุด 560/530 MB/s  
    • ใช้ NAND แบบ 112-layer 3D พร้อม DRAM cache

    ✅ มีระบบ Power Loss Protection (PLP)  
    • ใช้ตัวเก็บประจุเก็บไฟเพื่อเขียนข้อมูลที่ค้างระหว่างไฟดับให้เสร็จ  
    • ลดโอกาส corruption และสูญหายของข้อมูลอย่างมาก

    ✅ รองรับการใช้งานต่อเนื่องในอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C  
    • ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม 100% ของ Transcend

    ✅ มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเสถียรครบถ้วน  
    • ECC แบบ LDPC, Dynamic Thermal Throttling, S.M.A.R.T.  
    • รองรับ AES encryption และ TCG Opal

    ✅ เหมาะกับงาน: automation, embedded, military, surveillance, edge computing  
    • จุดขายคือ “เสถียร–ปลอดภัย” มากกว่า “เร็วสุดขั้ว”

    ✅ ผลิตในไต้หวัน พร้อมรับประกัน 3 ปีแบบจำกัด  
    • ตอกย้ำคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ‼️ ใช้ SATA III ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเร็วเมื่อเทียบกับ SSD PCIe NVMe  
    • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ throughput ระดับสูงมาก เช่น video editing 8K

    ‼️ ราคาน่าจะสูงกว่าปกติ เนื่องจากใช้ PLP และ NAND คุณภาพสูง  
    • ยังไม่มีการเปิดเผยราคา ณ ตอนเผยแพร่ข่าว

    ‼️ ไม่ใช่ SSD สำหรับใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม  
    • จุดเด่นอยู่ที่ “ความเสถียรและความทน” มากกว่าประสิทธิภาพด้านกราฟิก

    ‼️ ต้องการอุปกรณ์รองรับ SATA 2.5” เท่านั้น  
    • ไม่สามารถใช้บนโน้ตบุ๊กบางรุ่นหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีช่อง SATA

    https://www.techpowerup.com/338131/transcend-introduces-8-tb-industrial-ssd-with-power-loss-protection
    หลายองค์กรและระบบฝังตัว (embedded system) มักเจอกับปัญหา "ไฟดับที = ข้อมูลพัง" โดยเฉพาะในเครื่องจักรอุตสาหกรรม, ระบบควบคุม, หรือสถานีขอบเครือข่าย (edge server) ที่ต้องทำงานตลอดเวลา Transcend ก็เลยออก SSD475P มาแก้ปัญหานี้โดยตรง หัวใจของ SSD รุ่นนี้คือฟีเจอร์ Power Loss Protection (PLP) ที่ใช้ตัวเก็บประจุภายใน (capacitors) คอยจ่ายไฟสำรองให้ SSD เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ ทำให้ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเขียน (in-flight data) จะถูกบันทึกจนจบอย่างปลอดภัย SSD ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 112-layer 3D NAND มี DRAM cache ในตัว และใช้เฟิร์มแวร์แบบ “Direct Write” ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลเสถียรแม้โหลดสูง เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทาน เช่น การบันทึกเซนเซอร์, ระบบ surveillance หรือการบิน–กลาโหม แม้จะยังใช้ อินเทอร์เฟซ SATA III 6 Gb/s (ไม่เร็วเท่า PCIe) แต่ก็ตอบโจทย์ในแง่ความเสถียร และการรองรับอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C พร้อมการเข้ารหัส AES และฟีเจอร์ป้องกันความร้อน, การตรวจสอบสุขภาพ (S.M.A.R.T.) และ ECC ในระดับ LDPC ✅ Transcend เปิดตัว SSD475P: SSD 2.5” สำหรับงานอุตสาหกรรมและระบบฝังตัว   • ใช้อินเทอร์เฟซ SATA III ความเร็วสูงสุด 560/530 MB/s   • ใช้ NAND แบบ 112-layer 3D พร้อม DRAM cache ✅ มีระบบ Power Loss Protection (PLP)   • ใช้ตัวเก็บประจุเก็บไฟเพื่อเขียนข้อมูลที่ค้างระหว่างไฟดับให้เสร็จ   • ลดโอกาส corruption และสูญหายของข้อมูลอย่างมาก ✅ รองรับการใช้งานต่อเนื่องในอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C   • ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม 100% ของ Transcend ✅ มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเสถียรครบถ้วน   • ECC แบบ LDPC, Dynamic Thermal Throttling, S.M.A.R.T.   • รองรับ AES encryption และ TCG Opal ✅ เหมาะกับงาน: automation, embedded, military, surveillance, edge computing   • จุดขายคือ “เสถียร–ปลอดภัย” มากกว่า “เร็วสุดขั้ว” ✅ ผลิตในไต้หวัน พร้อมรับประกัน 3 ปีแบบจำกัด   • ตอกย้ำคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ‼️ ใช้ SATA III ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเร็วเมื่อเทียบกับ SSD PCIe NVMe   • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ throughput ระดับสูงมาก เช่น video editing 8K ‼️ ราคาน่าจะสูงกว่าปกติ เนื่องจากใช้ PLP และ NAND คุณภาพสูง   • ยังไม่มีการเปิดเผยราคา ณ ตอนเผยแพร่ข่าว ‼️ ไม่ใช่ SSD สำหรับใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม   • จุดเด่นอยู่ที่ “ความเสถียรและความทน” มากกว่าประสิทธิภาพด้านกราฟิก ‼️ ต้องการอุปกรณ์รองรับ SATA 2.5” เท่านั้น   • ไม่สามารถใช้บนโน้ตบุ๊กบางรุ่นหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีช่อง SATA https://www.techpowerup.com/338131/transcend-introduces-8-tb-industrial-ssd-with-power-loss-protection
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Transcend Introduces 8 TB Industrial SSD with Power Loss Protection
    Transcend Information, Inc. (Transcend), a global leader in storage and multimedia solutions, proudly announces the launch of its new SSD475P 2.5" solid-state drive, purpose-built for industrial applications and high-performance environments. Featuring Power Loss Protection (PLP) technology, the SSD...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ)

    ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta

    ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่

    เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย

    Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต

    ✅ Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI  
    • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI  
    • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้

    ✅ มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI  
    • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่

    ✅ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI  
    • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit

    ✅ เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้  
    • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง

    ‼️ หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”  
    • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด  
    • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    ‼️ แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3  
    • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป

    ‼️ การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร  
    • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ

    ‼️ ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง  
    • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ) ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต ✅ Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI   • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI   • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้ ✅ มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI   • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่ ✅ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI   • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit ✅ เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้   • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง ‼️ หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”   • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด   • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส ‼️ แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3   • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป ‼️ การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร   • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ ‼️ ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง   • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join AI efforts, The Information reports
    (Reuters) -Meta Platforms is in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join the Facebook parent's AI efforts, The Information reported on Wednesday, citing a person familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนคลับละครจีนย้อนยุคกำลังภายในจะเห็นว่ามียาผงชนิดหนึ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่มีพกติดตัวไว้โรยแผล เพื่อนเพจสงสัยกันบ้างหรือไม่ มันคือยาอะไร? ทำไมมีแผลอะไรก็เอาออกมาโรย? ไม่แน่ใจว่านิยายจีนฉบับแปลไทยมีชื่อเรียกยานี้หรือไม่ แต่ฉบับภาษาจีนจะเรียกยานี้ว่า จินชวงเย่า (金疮药)

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ท่านหัวหน้ากองเฉิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” จินเซี่ยถาม
    “ไม่เป็นไร ได้ยินมาว่าท่านมือปราบหยวนได้รับบาดเจ็บ นี้คือยาจินชวงเย่าที่ในวังทำขึ้นเพื่อหน่วยองครักษ์โดยเฉพาะ ดีกว่าข้างนอก ทาแล้วแผลจะสมานได้สมบูรณ์” เฉิงฝูกล่าวพลางวางขวดยาไว้บนโต๊ะ....

    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร>

    จินชวงเย่าเป็นผงยาที่ใช้สำหรับบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือด แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า และจินชวงเย่าที่มีชื่อที่สุดในสมัยราชวงศ์ชิง เพราะว่ากันว่าระงับเลือดได้ชะงัดทันใจที่สุด มีชื่อเรียกว่า “เตาเจียนเย่า” (刀尖药)

    จินชวงเย่ามีตัวยาที่สำคัญมากคือ “หลงกู่” (龙骨 แปลว่ากระดูกมังกร) แต่มันไม่ใช่กระดูกของมังกรจริงๆ “หลงกู่” เป็นการเรียกรวมซากกระดูกโบราณที่ขุดพบ เช่นกระดองเต่า กระดูกวัว เป็นต้น (ดูภาพประกอบขวาล่าง) ว่ากันว่า ตอนที่ค้นพบซากกระดูกโบราณเหล่านี้ คนที่ค้นพบพยายามใช้มีดขูดลวดลายบนกระดูกออกด้วยความสงสัย แต่โดนมีดบาดมือ แต่ผงที่ขูดออกจากซากกระดูกกลับทำให้เลือดหยุดไหลได้ทันที จึงเอากระดูกเหล่านี้ไปขายให้ร้านยา จึงเป็นที่มาของการค้นพบว่าผงของหลงกู่บดละเอียดคือตัวยาสำคัญที่มีสรรพคุณห้ามเลือดและลดการอักเสบของจินชวงเย่านั่นเอง

    ประวัติของจินชวงเย่ามีมานานตั้งแต่เมื่อใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ที่แน่ๆ คือมีบันทึกถึงจินชวงเย่าไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) และใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636-1912) สาเหตุที่ใช้กันมากในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น เป็นเพราะในสมัยชิงต้องมีการโกนหัวจึงมักมีบาดแผลจากมีดโกน จินชวงเย่าจึงกลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน

    และในยุคสมัยราชวงศ์ชิงนั้นเองที่จินชวงเย่าสาบสูญไป เหตุเพราะมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้ดูแลงานอักษรนามว่า หวางอี้หรง สังเกตเห็นว่าเทียบยาของตนนั้นมียาหลงกู่ แต่เขาไม่รู้จักมัน จึงเรียกเอามาดู และสังเกตเห็นว่าลวดลายบนหลงกู่ที่แท้เป็นอักขระโบราณ แม้เขาอ่านไม่ออกแต่เชื่อว่ามันเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า จึงออกกว้านซื้อเพื่อเก็บรักษาและใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ ต่อมาในราชสำนักมีการทำอย่างนี้อย่างเป็นทางการ หลงกู่จึงมีราคาสูงมากและขาดตลาดไป ไม่สามารถนำมาใช้ทำจินชวงเย่าอีกต่อไป และด้วยตอนนั้นมีวิวัฒนาการด้านการแพทย์มากขึ้น จึงมีการคิดค้นตัวยาอื่นๆ มาทดแทน จึงเลิกใช้ผงยาจินชวงเย่าที่มีแก่นยามาจากหลงกู่จนมันสาบสูญไป (Storyฯ สงสัยว่าแล้วใช้กระดูกทั่วไปแทนไม่ได้หรืออย่างไร แต่หาคำตอบไม่ได้)

    ปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าอักขระบนหลงกู่ ก็คืออักษรโบราณสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี1200–1050 ก่อนคริสตกาล) กระดูกเหล่านี้ถูกใช้บันทึกพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญในยุคสมัยนั้น รวมถึงผลของพิธีทำนายต่างๆ และเหตุการณ์ทางด้านดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ฝรั่งเรียกกระดูกเหล่านี้ว่า Oracle Bones

    ที่บ้าน Storyฯ มีผงยาห้ามเลือดของจีน แต่ไม่รู้ชื่อและส่วนผสม แต่หน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนจินชวงเย่ามาก เวลาดูหนังจีนมักมโนว่ามันคือยาเดียวกัน แต่วันนี้รู้แล้วว่ามันคงทำมาจากส่วนผสมอื่น เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายๆ คนคงมียาที่ว่านี้ที่บ้านเหมือนกัน ใครมีข้อมูลว่ามันคืออะไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://siaoyin.com/Info/8157030203451210773
    https://www.sohu.com/a/458843590_120172967
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.youtube.com/watch?v=U5NtRnOis9Y
    https://www.163.com/dy/article/G6S7ODGT05439D1U.html
    https://www.bilibili.com/read/cv10911896
    https://www.nms.ac.uk/explore-our-collections/stories/world-cultures/oracle-bones/

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ยาจีนโบราณ #ยาห้ามเลือดจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ #หลงกู่ #ราชวงศ์ชิง #จินเซี่ย #ใต้เท้าลู่ #จินชวงเย่า
    แฟนคลับละครจีนย้อนยุคกำลังภายในจะเห็นว่ามียาผงชนิดหนึ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่มีพกติดตัวไว้โรยแผล เพื่อนเพจสงสัยกันบ้างหรือไม่ มันคือยาอะไร? ทำไมมีแผลอะไรก็เอาออกมาโรย? ไม่แน่ใจว่านิยายจีนฉบับแปลไทยมีชื่อเรียกยานี้หรือไม่ แต่ฉบับภาษาจีนจะเรียกยานี้ว่า จินชวงเย่า (金疮药) ความมีอยู่ว่า ... “ท่านหัวหน้ากองเฉิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” จินเซี่ยถาม “ไม่เป็นไร ได้ยินมาว่าท่านมือปราบหยวนได้รับบาดเจ็บ นี้คือยาจินชวงเย่าที่ในวังทำขึ้นเพื่อหน่วยองครักษ์โดยเฉพาะ ดีกว่าข้างนอก ทาแล้วแผลจะสมานได้สมบูรณ์” เฉิงฝูกล่าวพลางวางขวดยาไว้บนโต๊ะ.... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> จินชวงเย่าเป็นผงยาที่ใช้สำหรับบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือด แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า และจินชวงเย่าที่มีชื่อที่สุดในสมัยราชวงศ์ชิง เพราะว่ากันว่าระงับเลือดได้ชะงัดทันใจที่สุด มีชื่อเรียกว่า “เตาเจียนเย่า” (刀尖药) จินชวงเย่ามีตัวยาที่สำคัญมากคือ “หลงกู่” (龙骨 แปลว่ากระดูกมังกร) แต่มันไม่ใช่กระดูกของมังกรจริงๆ “หลงกู่” เป็นการเรียกรวมซากกระดูกโบราณที่ขุดพบ เช่นกระดองเต่า กระดูกวัว เป็นต้น (ดูภาพประกอบขวาล่าง) ว่ากันว่า ตอนที่ค้นพบซากกระดูกโบราณเหล่านี้ คนที่ค้นพบพยายามใช้มีดขูดลวดลายบนกระดูกออกด้วยความสงสัย แต่โดนมีดบาดมือ แต่ผงที่ขูดออกจากซากกระดูกกลับทำให้เลือดหยุดไหลได้ทันที จึงเอากระดูกเหล่านี้ไปขายให้ร้านยา จึงเป็นที่มาของการค้นพบว่าผงของหลงกู่บดละเอียดคือตัวยาสำคัญที่มีสรรพคุณห้ามเลือดและลดการอักเสบของจินชวงเย่านั่นเอง ประวัติของจินชวงเย่ามีมานานตั้งแต่เมื่อใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ที่แน่ๆ คือมีบันทึกถึงจินชวงเย่าไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) และใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636-1912) สาเหตุที่ใช้กันมากในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น เป็นเพราะในสมัยชิงต้องมีการโกนหัวจึงมักมีบาดแผลจากมีดโกน จินชวงเย่าจึงกลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน และในยุคสมัยราชวงศ์ชิงนั้นเองที่จินชวงเย่าสาบสูญไป เหตุเพราะมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้ดูแลงานอักษรนามว่า หวางอี้หรง สังเกตเห็นว่าเทียบยาของตนนั้นมียาหลงกู่ แต่เขาไม่รู้จักมัน จึงเรียกเอามาดู และสังเกตเห็นว่าลวดลายบนหลงกู่ที่แท้เป็นอักขระโบราณ แม้เขาอ่านไม่ออกแต่เชื่อว่ามันเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า จึงออกกว้านซื้อเพื่อเก็บรักษาและใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ ต่อมาในราชสำนักมีการทำอย่างนี้อย่างเป็นทางการ หลงกู่จึงมีราคาสูงมากและขาดตลาดไป ไม่สามารถนำมาใช้ทำจินชวงเย่าอีกต่อไป และด้วยตอนนั้นมีวิวัฒนาการด้านการแพทย์มากขึ้น จึงมีการคิดค้นตัวยาอื่นๆ มาทดแทน จึงเลิกใช้ผงยาจินชวงเย่าที่มีแก่นยามาจากหลงกู่จนมันสาบสูญไป (Storyฯ สงสัยว่าแล้วใช้กระดูกทั่วไปแทนไม่ได้หรืออย่างไร แต่หาคำตอบไม่ได้) ปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าอักขระบนหลงกู่ ก็คืออักษรโบราณสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี1200–1050 ก่อนคริสตกาล) กระดูกเหล่านี้ถูกใช้บันทึกพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญในยุคสมัยนั้น รวมถึงผลของพิธีทำนายต่างๆ และเหตุการณ์ทางด้านดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ฝรั่งเรียกกระดูกเหล่านี้ว่า Oracle Bones ที่บ้าน Storyฯ มีผงยาห้ามเลือดของจีน แต่ไม่รู้ชื่อและส่วนผสม แต่หน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนจินชวงเย่ามาก เวลาดูหนังจีนมักมโนว่ามันคือยาเดียวกัน แต่วันนี้รู้แล้วว่ามันคงทำมาจากส่วนผสมอื่น เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายๆ คนคงมียาที่ว่านี้ที่บ้านเหมือนกัน ใครมีข้อมูลว่ามันคืออะไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://siaoyin.com/Info/8157030203451210773 https://www.sohu.com/a/458843590_120172967 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.youtube.com/watch?v=U5NtRnOis9Y https://www.163.com/dy/article/G6S7ODGT05439D1U.html https://www.bilibili.com/read/cv10911896 https://www.nms.ac.uk/explore-our-collections/stories/world-cultures/oracle-bones/ #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ยาจีนโบราณ #ยาห้ามเลือดจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ #หลงกู่ #ราชวงศ์ชิง #จินเซี่ย #ใต้เท้าลู่ #จินชวงเย่า
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมการบินพลเรือน (DGCA) เปิดเผยว่าแอร์อินเดียยกเลิกเที่ยวบิน 83 เที่ยวบิน เฉพาะที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ 66 เที่ยวบิน ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน ตามคำแถลงของ DGCA
    กรมการบินพลเรือน (DGCA) เปิดเผยว่าแอร์อินเดียยกเลิกเที่ยวบิน 83 เที่ยวบิน เฉพาะที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ 66 เที่ยวบิน ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน ตามคำแถลงของ DGCA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/lX_zpIQTqKI?si=dgnO0b4qshKUDLLQ
    https://www.youtube.com/live/lX_zpIQTqKI?si=dgnO0b4qshKUDLLQ
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/G8GehrSkFgo?si=HvBPdpXD7GdGl_r0
    https://www.youtube.com/live/G8GehrSkFgo?si=HvBPdpXD7GdGl_r0
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025

    สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม”

    กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568
    ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ

    ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที”

    “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว

    อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง
    ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้”

    “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว

    สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที” “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้” “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 SSD MonTitan: ประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI และ HPC
    Silicon Motion ได้เปิดตัว SSD MonTitan ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, Edge Computing และ HPC โดยใช้ คอนโทรลเลอร์ SM8366 PCIe Gen5 ที่มีประสิทธิภาพสูง

    ✅ คุณสมบัติเด่นของ MonTitan SSD
    - ความจุ 7.68TB รองรับ TLC และ QLC
    - ความเร็ว 3.4 ล้าน IOPS และ 14.2GB/s
    - ใช้ NVMe 2.0b และรองรับ OCP Data Center specs
    - มี PerformaShape Algorithm ที่ช่วยปรับแต่ง QoS ตามการใช้งาน
    - ใช้พลังงานต่ำ ต่ำกว่า 5W ขณะ idle
    - รองรับ 1 DWPD ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลใหม่ได้เกือบ 2,000 ครั้ง ตลอดอายุการใช้งาน

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - การแข่งขันกับผู้ผลิต NAND รายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix อาจทำให้ MonTitan ต้องดิ้นรนเพื่อหาตลาด
    - การเปิดตัวล่าช้าอาจทำให้เสียโอกาสในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    - ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อดูว่าประสิทธิภาพจริงตรงกับที่โฆษณาหรือไม่

    🔍 แนวโน้มตลาด SSD และการแข่งขัน
    ✅ การพัฒนา SSD ในตลาด
    - Western Digital และ Teamgroup กำลังเปิดตัว PCIe Gen5 SSD ความจุ 64TB
    - Intel SSD รุ่นเก่า 4 ปี ยังคงเป็นหนึ่งใน SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด
    - Kioxia เปิดตัว SSD 61.44TB ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาด SSD
    - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพราะอาจส่งผลต่อราคาของ SSD รุ่นใหม่
    - การเปลี่ยนไปใช้ PCIe Gen5 อาจต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เพื่อให้รองรับมาตรฐานใหม่
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของ SSD กับระบบที่ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    🌍 อนาคตของ SSD และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล
    ✅ แนวโน้มการพัฒนา
    - SSD ความจุสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการพัฒนา 128TB SSD ที่กำลังเข้าสู่ตลาด
    - AI และ HPC กำลังผลักดันให้ SSD มีความเร็วสูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน
    - เทคโนโลยีใหม่ เช่น Computational Storage อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ในอนาคต

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
    - ต้องมีการทดสอบความเสถียรของ SSD รุ่นใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้
    - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจาก SSD รุ่นใหม่อาจมีราคาสูง
    - ต้องติดตามการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพื่อให้แน่ใจว่า SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง

    https://www.techradar.com/pro/silicon-motion-montitan-ssd-can-be-rewritten-over-almost-2000-times-but-i-fear-that-in-the-battle-against-nand-vendors-like-samsung-its-just-too-little-too-late
    🚀 SSD MonTitan: ประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI และ HPC Silicon Motion ได้เปิดตัว SSD MonTitan ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, Edge Computing และ HPC โดยใช้ คอนโทรลเลอร์ SM8366 PCIe Gen5 ที่มีประสิทธิภาพสูง ✅ คุณสมบัติเด่นของ MonTitan SSD - ความจุ 7.68TB รองรับ TLC และ QLC - ความเร็ว 3.4 ล้าน IOPS และ 14.2GB/s - ใช้ NVMe 2.0b และรองรับ OCP Data Center specs - มี PerformaShape Algorithm ที่ช่วยปรับแต่ง QoS ตามการใช้งาน - ใช้พลังงานต่ำ ต่ำกว่า 5W ขณะ idle - รองรับ 1 DWPD ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลใหม่ได้เกือบ 2,000 ครั้ง ตลอดอายุการใช้งาน ‼️ ข้อควรระวัง - การแข่งขันกับผู้ผลิต NAND รายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix อาจทำให้ MonTitan ต้องดิ้นรนเพื่อหาตลาด - การเปิดตัวล่าช้าอาจทำให้เสียโอกาสในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว - ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อดูว่าประสิทธิภาพจริงตรงกับที่โฆษณาหรือไม่ 🔍 แนวโน้มตลาด SSD และการแข่งขัน ✅ การพัฒนา SSD ในตลาด - Western Digital และ Teamgroup กำลังเปิดตัว PCIe Gen5 SSD ความจุ 64TB - Intel SSD รุ่นเก่า 4 ปี ยังคงเป็นหนึ่งใน SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด - Kioxia เปิดตัว SSD 61.44TB ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาด SSD - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพราะอาจส่งผลต่อราคาของ SSD รุ่นใหม่ - การเปลี่ยนไปใช้ PCIe Gen5 อาจต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เพื่อให้รองรับมาตรฐานใหม่ - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของ SSD กับระบบที่ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาด้านประสิทธิภาพ 🌍 อนาคตของ SSD และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล ✅ แนวโน้มการพัฒนา - SSD ความจุสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการพัฒนา 128TB SSD ที่กำลังเข้าสู่ตลาด - AI และ HPC กำลังผลักดันให้ SSD มีความเร็วสูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน - เทคโนโลยีใหม่ เช่น Computational Storage อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ในอนาคต ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ - ต้องมีการทดสอบความเสถียรของ SSD รุ่นใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้ - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจาก SSD รุ่นใหม่อาจมีราคาสูง - ต้องติดตามการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพื่อให้แน่ใจว่า SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง https://www.techradar.com/pro/silicon-motion-montitan-ssd-can-be-rewritten-over-almost-2000-times-but-i-fear-that-in-the-battle-against-nand-vendors-like-samsung-its-just-too-little-too-late
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts