• Press Release
    งานแถลงข่าวการแข่งขัน “KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY THE BYD”
    วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00-15.30 น.
    ณ EVENT HALL 2 , 2F , THE MALL KORAT

    …ข่าวประชาสัมพันธ์ ( 1 ก.ค.68 )

    เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน

    โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน

    “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9

    พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง

    การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

    พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

    นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง

    นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช”

    ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก

    สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน

    นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025

    ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    Press Release งานแถลงข่าวการแข่งขัน “KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY THE BYD” วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00-15.30 น. ณ EVENT HALL 2 , 2F , THE MALL KORAT …ข่าวประชาสัมพันธ์ ( 1 ก.ค.68 ) เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช” ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    Checkrace.com
    ค้นหางานวิ่งทั่วไทย , ระบบรับสมัครงานวิ่งอันดับ 1 ของไทย, Virtual Run, เลือกการแข่งขันที่ใช่ ท้าทายไปกับงานวิ่งถนน วิ่งเทรล ไตรกีฬา จักรยาน พร้อมระเบิดพลังในตัวคุณ
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล
    แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์

    ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น
    Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่
    แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก

    📭📭 การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว 🪦🪦
    ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    🔝 จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก
    การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส"

    อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด

    🧱🧱 เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม
    1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง
    อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย

    2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล
    การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร

    3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว
    ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง

    📶🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่
    การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่:

    ✅ Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม

    ✅ WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ

    ✅ AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง

    🎯🎯 อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง
    แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น:

    - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ
    - เอกสารทางกฎหมาย
    - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน

    🔮 ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน
    1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง

    2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง

    3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่

    🏁🏁 บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง 🏁🏁
    การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ

    เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น

    📌 โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น

    แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า❓❓

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์ ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่ แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก 📭📭 การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว 🪦🪦 ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 🔝 จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส" อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด 🧱🧱 เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม 1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย 2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร 3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง 📶🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่ การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่: ✅ Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ✅ WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ ✅ AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง 🎯🎯 อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น: - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ - เอกสารทางกฎหมาย - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน 🔮 ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน 1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง 2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง 3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ 🏁🏁 บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง 🏁🏁 การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น 📌 โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า❓❓ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • PEPSI Presents T-POP Campus Tour 2025

    ขนทัพศิลปิน T-POP บุกถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    มาโยกให้สุด ซ่าให้เต็มที่ และมันส์ไปด้วยกันแบบไม่มียั้ง!

    เจอกันวันที่ 9 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
    ที่ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

    *เฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาเท่านั้น
    เงื่อนไขเป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด

    #PEPSIpresentsTpopCampusTour2025
    #PEPSIpresentsTpopCampusTour
    #เป๊ปซี่ซ่าหน่อยมั้ย
    #Tpop ดูน้อยลง
    PEPSI Presents T-POP Campus Tour 2025 ขนทัพศิลปิน T-POP บุกถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มาโยกให้สุด ซ่าให้เต็มที่ และมันส์ไปด้วยกันแบบไม่มียั้ง! เจอกันวันที่ 9 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา *เฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาเท่านั้น เงื่อนไขเป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด #PEPSIpresentsTpopCampusTour2025 #PEPSIpresentsTpopCampusTour #เป๊ปซี่ซ่าหน่อยมั้ย #Tpop ดูน้อยลง
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • “กรกฎา ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ขอเชิญแวะมาเที่ยวโคราช ทำบุญร่วมงานเข้าพรรษาไปด้วยกันนะ 🥰” 9-11 กรกฎาคม 2568 “#แห่เทียนโคราช #ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม” 🕯️✨
    🛏️ 12 ที่พัก ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สะดวก เดินทางง่าย ราคาประหยัด เช้าชมแห่เทียน เย็นนอนพัก ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ต้องที่นี่เลย 🫶💛
    นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP อาหารดีมีชื่อของโคราช กิจกรรม Workshop สืบสานวัฒนธรรม ทำเทียนพรรษาโคราช กิจกรรมสาธิตการแกะเทียนพรรษาและการพิมพ์เทียน การแสดงแสง สี เสียง และโขนประกอบต้นเทียนพรรษา การแสดงวงดนตรี กิจกรรมอื่น ๆ อีกเยอะม๊ากเด้อพี่น้อง !🤩
    📍 ณ บริเวณรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และสวนอนุสรณ์สถาน
    .
    ติดตามข่าวสารจากเทศบาลนครนครราชสีมาได้ที่
    🌐 เว็บไซต์ : www.koratcity.go.th
    📘 Facebook : ประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครนครราชสีมา
    📸 Instagram : www.instagram.com/koratcity.1
    📹 Youtube : www.youtube.com/channel/UCfA8JqPeQpZkPobvlR3UrNQ
    🎵 Tiktok : www.tiktok.com/@pr.koratcity
    📱 Line Official Account : https://lin.ee/tEoZH6e

    #แห่เทียนโคราช68 #แห่เทียนโคราช #แห่เทียนพรรษา #ประเพณีแห่เทียนพรรษาโคราช #เทศบาลนครนครราชสีมา #งานประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา #คนเมืองโคราช #เที่ยวโคราช #โคราชบ้านเอ็ง #นครราชสีมา
    “กรกฎา ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ขอเชิญแวะมาเที่ยวโคราช ทำบุญร่วมงานเข้าพรรษาไปด้วยกันนะ 🥰” 9-11 กรกฎาคม 2568 “#แห่เทียนโคราช #ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม” 🕯️✨ 🛏️ 12 ที่พัก ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สะดวก เดินทางง่าย ราคาประหยัด เช้าชมแห่เทียน เย็นนอนพัก ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ต้องที่นี่เลย 🫶💛 นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP อาหารดีมีชื่อของโคราช กิจกรรม Workshop สืบสานวัฒนธรรม ทำเทียนพรรษาโคราช กิจกรรมสาธิตการแกะเทียนพรรษาและการพิมพ์เทียน การแสดงแสง สี เสียง และโขนประกอบต้นเทียนพรรษา การแสดงวงดนตรี กิจกรรมอื่น ๆ อีกเยอะม๊ากเด้อพี่น้อง !🤩 📍 ณ บริเวณรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และสวนอนุสรณ์สถาน . ติดตามข่าวสารจากเทศบาลนครนครราชสีมาได้ที่ 🌐 เว็บไซต์ : www.koratcity.go.th 📘 Facebook : ประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครนครราชสีมา 📸 Instagram : www.instagram.com/koratcity.1 📹 Youtube : www.youtube.com/channel/UCfA8JqPeQpZkPobvlR3UrNQ 🎵 Tiktok : www.tiktok.com/@pr.koratcity 📱 Line Official Account : https://lin.ee/tEoZH6e #แห่เทียนโคราช68 #แห่เทียนโคราช #แห่เทียนพรรษา #ประเพณีแห่เทียนพรรษาโคราช #เทศบาลนครนครราชสีมา #งานประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา #คนเมืองโคราช #เที่ยวโคราช #โคราชบ้านเอ็ง #นครราชสีมา
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • องค์กรยุคใหม่เริ่มใช้ Browser AI Agent เพื่อให้มัน “ทำงานแทนคน” เช่น จองตั๋วเครื่องบิน, นัดประชุม, เขียนอีเมล, หรือ login เข้าระบบภายในแบบอัตโนมัติ — แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่ทันรู้คือ...

    AI ตัวนี้ “ไม่มีสัญชาตญาณ” — มันไม่รู้ว่าอีเมลไหนดูแปลก, เว็บไซต์ไหนหลอก, ป๊อปอัปขอสิทธิ์อะไรเกินจำเป็น

    ผลคือ:
    - มี AI Agent ที่สมัครใช้เว็บแชร์ไฟล์ แล้วกด “อนุญาต” ให้เว็บแปลก ๆ เข้าถึง Google Drive ทั้งบัญชี
    - อีกกรณี Agent ถูก phishing ให้ใส่รหัสผ่าน Salesforce โดยไม่มีข้อสงสัย
    - เหตุผลเพราะมันใช้สิทธิ์ระดับเดียวกับพนักงานจริง — เปิดช่องให้คนร้ายใช้เป็น “ตัวแทน” เข้าระบบองค์กรได้เนียน ๆ

    งานวิจัยโดย SquareX ชี้ว่า “AI พวกนี้มีสติปัญญาด้านความปลอดภัย แย่กว่าพนักงานใหม่ในองค์กรเสียอีก” และปัจจุบันเครื่องมือตรวจจับภัยไซเบอร์ก็ยังมองไม่ออกว่า “พฤติกรรมแปลก ๆ” เหล่านี้เกิดจาก AI ที่ถูกโจมตีอยู่

    ✅ Browser AI Agent คือผู้ช่วยอัตโนมัติที่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์แทนผู้ใช้ เช่น login, กรอกฟอร์ม, ส่งอีเมล  
    • เริ่มนิยมใช้ในองค์กรเพื่อประหยัดเวลาและลดงานซ้ำซ้อน

    ✅ SquareX พบว่า AI Agent เหล่านี้ตกเป็นเหยื่อ phishing และเว็บอันตรายได้ง่ายกว่ามนุษย์  
    • ไม่รู้จักแยกแยะ URL ปลอม, สิทธิ์การเข้าถึงเกินจริง, หรือแบรนด์ที่ไม่น่าไว้ใจ

    ✅ AI Agent ใช้สิทธิ์ระบบเดียวกับผู้ใช้จริง → หากถูกหลอกจะมีสิทธิ์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง  
    • เช่น ข้อมูลในคลาวด์, อีเมล, Salesforce, เครื่องมือทางธุรกิจต่าง ๆ

    ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น Firewall, ZTNA หรือ Endpoint Protection ยังตรวจไม่เจอภัยจาก AI Agent  
    • เพราะทุกการกระทำดูเหมือนพนักงานปกติไม่ได้ทำอะไรผิด

    ✅ SquareX แนะนำให้ใช้งาน “Browser Detection and Response” แบบเฉพาะเพื่อดูแล AI Agent เหล่านี้โดยตรง

    https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-organizations-have-a-new-unexpected-employee-onboard-and-it-could-be-their-single-biggest-security-risk
    องค์กรยุคใหม่เริ่มใช้ Browser AI Agent เพื่อให้มัน “ทำงานแทนคน” เช่น จองตั๋วเครื่องบิน, นัดประชุม, เขียนอีเมล, หรือ login เข้าระบบภายในแบบอัตโนมัติ — แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่ทันรู้คือ... AI ตัวนี้ “ไม่มีสัญชาตญาณ” — มันไม่รู้ว่าอีเมลไหนดูแปลก, เว็บไซต์ไหนหลอก, ป๊อปอัปขอสิทธิ์อะไรเกินจำเป็น ผลคือ: - มี AI Agent ที่สมัครใช้เว็บแชร์ไฟล์ แล้วกด “อนุญาต” ให้เว็บแปลก ๆ เข้าถึง Google Drive ทั้งบัญชี - อีกกรณี Agent ถูก phishing ให้ใส่รหัสผ่าน Salesforce โดยไม่มีข้อสงสัย - เหตุผลเพราะมันใช้สิทธิ์ระดับเดียวกับพนักงานจริง — เปิดช่องให้คนร้ายใช้เป็น “ตัวแทน” เข้าระบบองค์กรได้เนียน ๆ งานวิจัยโดย SquareX ชี้ว่า “AI พวกนี้มีสติปัญญาด้านความปลอดภัย แย่กว่าพนักงานใหม่ในองค์กรเสียอีก” และปัจจุบันเครื่องมือตรวจจับภัยไซเบอร์ก็ยังมองไม่ออกว่า “พฤติกรรมแปลก ๆ” เหล่านี้เกิดจาก AI ที่ถูกโจมตีอยู่ ✅ Browser AI Agent คือผู้ช่วยอัตโนมัติที่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์แทนผู้ใช้ เช่น login, กรอกฟอร์ม, ส่งอีเมล   • เริ่มนิยมใช้ในองค์กรเพื่อประหยัดเวลาและลดงานซ้ำซ้อน ✅ SquareX พบว่า AI Agent เหล่านี้ตกเป็นเหยื่อ phishing และเว็บอันตรายได้ง่ายกว่ามนุษย์   • ไม่รู้จักแยกแยะ URL ปลอม, สิทธิ์การเข้าถึงเกินจริง, หรือแบรนด์ที่ไม่น่าไว้ใจ ✅ AI Agent ใช้สิทธิ์ระบบเดียวกับผู้ใช้จริง → หากถูกหลอกจะมีสิทธิ์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง   • เช่น ข้อมูลในคลาวด์, อีเมล, Salesforce, เครื่องมือทางธุรกิจต่าง ๆ ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น Firewall, ZTNA หรือ Endpoint Protection ยังตรวจไม่เจอภัยจาก AI Agent   • เพราะทุกการกระทำดูเหมือนพนักงานปกติไม่ได้ทำอะไรผิด ✅ SquareX แนะนำให้ใช้งาน “Browser Detection and Response” แบบเฉพาะเพื่อดูแล AI Agent เหล่านี้โดยตรง https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-organizations-have-a-new-unexpected-employee-onboard-and-it-could-be-their-single-biggest-security-risk
    WWW.TECHRADAR.COM
    The bots in your browser are working hard… and giving attackers everything they need to get in
    AI agents are now falling for scams that your intern would immediately know to avoid
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • AMD ผลิตการ์ด Instinct ซึ่งเป็น GPU สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์และงานเทรน AI โดยเฉพาะ ด้วย VRAM สูงถึง 192GB ต่อการ์ด และในบางเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งถึง 8 ใบ รวมเป็น VRAM มากถึง 1.5 TB — เยอะกว่าคอมทั่วไปหลายสิบเท่า!

    แต่เมื่อมีคนพยายามทำให้ระบบ Linux “จำศีล” เพื่อประหยัดไฟตอนไม่ได้ใช้งาน เช่น ช่วงเวลากลางคืน หรือเพื่อรองรับภาวะไฟฟ้าล้นกริด กลับพบว่า...ระบบแครช!

    สาเหตุมาจากว่า Linux ต้อง “ย้าย VRAM ทั้งหมดมาเก็บใน RAM ก่อน” แล้วจึง snapshot memory ไปเขียนลงดิสก์เพื่อเรียกกลับเมื่อเปิดเครื่อง — ปรากฏว่า VRAM 1.5TB + RAM อีกมากมาย ทำให้ระบบต้องใช้พื้นที่ snapshot เกิน 3TB ในบางกรณี → เกินขนาดของ RAM/Storage → ฮิเบอร์เนตล้มเหลว

    ทีมวิศวกรของ AMD จึงเสนอ patch สำหรับ Linux ที่จะ:
    - ลดปริมาณข้อมูลที่ต้อง snapshot
    - ข้ามการ restore VRAM บางส่วนเมื่อปลุกระบบขึ้น (thaw) เพื่อให้กลับมาใช้งานเร็วขึ้น

    สาเหตุที่มีคนพยายาม hibernate เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ เพราะถ้าไม่ปิด ก็เปลืองไฟระดับโรงไฟฟ้าย่อม ๆ แถมยังเสี่ยงต่อเหตุการณ์แบบ blackout แบบที่เกิดในสเปนเมื่อไม่นานมานี้

    ✅ AMD Instinct เป็น GPU สำหรับ AI ที่มี VRAM สูงถึง 192GB/ใบ  
    • ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์, data center, และงานเทรนโมเดล LLM ขนาดใหญ่

    ✅ เซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้ง Instinct GPU 8 ใบ จะมี VRAM รวม ~1.5TB ต่อเครื่อง  
    • ทำให้ระบบต้องจัดการ memory ขนาดใหญ่มากระหว่างฮิเบอร์เนต

    ✅ Linux ต้องย้าย VRAM เข้าสู่ RAM เพื่อ snapshot ลงดิสก์ในการจำศีล  
    • ส่งผลให้ต้องใช้ RAM/disk เกินกว่าที่เครื่องมีจริง → ฮิเบอร์เนตล้มเหลว

    ✅ AMD ออก patch แก้ปัญหาด้วยวิธี:  
    • ลดพื้นที่ที่ต้อง snapshot  
    • ข้ามการโหลด buffer VRAM บางส่วนกลับมาระหว่าง resume  
    • ช่วยลดเวลา thaw (resume) เหลือไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากเดิมที่อาจต้องรอนานมาก

    ✅ เหตุผลที่ต้อง hibernate เซิร์ฟเวอร์แม้จะเป็น AI server:  
    • ลดพลังงานในช่วง downtime  
    • ช่วยรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า (power grid)  
    • เคยมี blackout ในสเปนซึ่งเชื่อมโยงกับโหลดของ data center

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/massive-vram-pools-on-amd-instinct-accelerators-drown-linuxs-hibernation-process-1-5-tb-of-memory-per-server-creates-headaches
    AMD ผลิตการ์ด Instinct ซึ่งเป็น GPU สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์และงานเทรน AI โดยเฉพาะ ด้วย VRAM สูงถึง 192GB ต่อการ์ด และในบางเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งถึง 8 ใบ รวมเป็น VRAM มากถึง 1.5 TB — เยอะกว่าคอมทั่วไปหลายสิบเท่า! แต่เมื่อมีคนพยายามทำให้ระบบ Linux “จำศีล” เพื่อประหยัดไฟตอนไม่ได้ใช้งาน เช่น ช่วงเวลากลางคืน หรือเพื่อรองรับภาวะไฟฟ้าล้นกริด กลับพบว่า...ระบบแครช! สาเหตุมาจากว่า Linux ต้อง “ย้าย VRAM ทั้งหมดมาเก็บใน RAM ก่อน” แล้วจึง snapshot memory ไปเขียนลงดิสก์เพื่อเรียกกลับเมื่อเปิดเครื่อง — ปรากฏว่า VRAM 1.5TB + RAM อีกมากมาย ทำให้ระบบต้องใช้พื้นที่ snapshot เกิน 3TB ในบางกรณี → เกินขนาดของ RAM/Storage → ฮิเบอร์เนตล้มเหลว ทีมวิศวกรของ AMD จึงเสนอ patch สำหรับ Linux ที่จะ: - ลดปริมาณข้อมูลที่ต้อง snapshot - ข้ามการ restore VRAM บางส่วนเมื่อปลุกระบบขึ้น (thaw) เพื่อให้กลับมาใช้งานเร็วขึ้น สาเหตุที่มีคนพยายาม hibernate เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ เพราะถ้าไม่ปิด ก็เปลืองไฟระดับโรงไฟฟ้าย่อม ๆ แถมยังเสี่ยงต่อเหตุการณ์แบบ blackout แบบที่เกิดในสเปนเมื่อไม่นานมานี้ ✅ AMD Instinct เป็น GPU สำหรับ AI ที่มี VRAM สูงถึง 192GB/ใบ   • ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์, data center, และงานเทรนโมเดล LLM ขนาดใหญ่ ✅ เซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้ง Instinct GPU 8 ใบ จะมี VRAM รวม ~1.5TB ต่อเครื่อง   • ทำให้ระบบต้องจัดการ memory ขนาดใหญ่มากระหว่างฮิเบอร์เนต ✅ Linux ต้องย้าย VRAM เข้าสู่ RAM เพื่อ snapshot ลงดิสก์ในการจำศีล   • ส่งผลให้ต้องใช้ RAM/disk เกินกว่าที่เครื่องมีจริง → ฮิเบอร์เนตล้มเหลว ✅ AMD ออก patch แก้ปัญหาด้วยวิธี:   • ลดพื้นที่ที่ต้อง snapshot   • ข้ามการโหลด buffer VRAM บางส่วนกลับมาระหว่าง resume   • ช่วยลดเวลา thaw (resume) เหลือไม่ถึง 1 ชั่วโมง จากเดิมที่อาจต้องรอนานมาก ✅ เหตุผลที่ต้อง hibernate เซิร์ฟเวอร์แม้จะเป็น AI server:   • ลดพลังงานในช่วง downtime   • ช่วยรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า (power grid)   • เคยมี blackout ในสเปนซึ่งเชื่อมโยงกับโหลดของ data center https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/massive-vram-pools-on-amd-instinct-accelerators-drown-linuxs-hibernation-process-1-5-tb-of-memory-per-server-creates-headaches
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • Carnegie Mellon (CMU) เป็นสถาบันระดับโลกด้าน Computer Science ที่ผลิตยอดฝีมือเข้าสู่วงการมาตลอด แต่ปีนี้อาจารย์ต้องนัด retreat กันกลางซัมเมอร์ — เพื่อ “ทบทวนหลักสูตรทั้งระบบ” หลัง Generative AI เข้ามาเขย่าทุกวิชา

    เพราะเดี๋ยวนี้ AI อย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini สามารถ:
    - เขียนโค้ดแทนเด็กปี 1 ได้ทั้งยวง
    - ทำ code review, debug, อธิบาย flow ได้ในไม่กี่วินาที
    - ใช้ prompt ภาษาอังกฤษแทนภาษาคอมพิวเตอร์

    แต่ปัญหาคือ — “เด็กไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไง” → พอถึงเวลาที่โค้ดพัง หรือต้องทำของใหม่จากศูนย์ กลับไม่มีใครซ่อมเองได้!

    ดังนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่มหาทางออก เช่น:
    - ลดการสอน syntax ภาษาโปรแกรม → ไปเน้น “ความคิดเชิงคอมพิวเตอร์” (computational thinking)
    - ปรับวิชาให้ข้ามศาสตร์ เช่น สร้างวิชาร่วมระหว่าง AI กับการตลาด, การแพทย์, การออกแบบ
    - สร้างความรู้ด้าน “AI literacy” — เพื่อให้เด็กรู้ว่าใช้ AI อย่างไรให้ถูกจรรยาบรรณ
    - เปิดโครงการระดับชาติ เช่น “Level Up AI” ของ US ที่เชิญวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาสร้างมาตรฐานร่วมกัน

    ข้อเท็จจริงที่น่าเจ็บปวดกว่าคือ... ตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่า:
    - งานเขียนโค้ดระดับพื้นฐานเริ่มถูก AI แย่ง → คนจบใหม่ถูกปัดตกบ่อย
    - ต้องส่งใบสมัครมากกว่า 100–200 แห่งกว่าจะได้สัมภาษณ์
    - บริษัทเทคส่วนใหญ่หดการจ้างงานตั้งแต่ช่วง post-pandemic แล้ว

    นักศึกษาบางคนปรับตัวโดยต่อยอดตนเองให้เก่งข้ามศาสตร์ เช่น เรียน Political Science ควบกับ Cybersecurity เพื่อทำงานด้านความมั่นคง/ข่าวกรองได้ในอนาคต

    สุดท้ายอาจไม่ใช่ว่า “งานโปรแกรมเมอร์หายไป” แต่โลกต้องการ “คนที่ใช้ AI สร้างโค้ดได้โดยเข้าใจมันจริง ๆ” มากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/how-do-you-teach-computer-science-in-the-ai-era
    Carnegie Mellon (CMU) เป็นสถาบันระดับโลกด้าน Computer Science ที่ผลิตยอดฝีมือเข้าสู่วงการมาตลอด แต่ปีนี้อาจารย์ต้องนัด retreat กันกลางซัมเมอร์ — เพื่อ “ทบทวนหลักสูตรทั้งระบบ” หลัง Generative AI เข้ามาเขย่าทุกวิชา เพราะเดี๋ยวนี้ AI อย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini สามารถ: - เขียนโค้ดแทนเด็กปี 1 ได้ทั้งยวง - ทำ code review, debug, อธิบาย flow ได้ในไม่กี่วินาที - ใช้ prompt ภาษาอังกฤษแทนภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ปัญหาคือ — “เด็กไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไง” → พอถึงเวลาที่โค้ดพัง หรือต้องทำของใหม่จากศูนย์ กลับไม่มีใครซ่อมเองได้! ดังนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่มหาทางออก เช่น: - ลดการสอน syntax ภาษาโปรแกรม → ไปเน้น “ความคิดเชิงคอมพิวเตอร์” (computational thinking) - ปรับวิชาให้ข้ามศาสตร์ เช่น สร้างวิชาร่วมระหว่าง AI กับการตลาด, การแพทย์, การออกแบบ - สร้างความรู้ด้าน “AI literacy” — เพื่อให้เด็กรู้ว่าใช้ AI อย่างไรให้ถูกจรรยาบรรณ - เปิดโครงการระดับชาติ เช่น “Level Up AI” ของ US ที่เชิญวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาสร้างมาตรฐานร่วมกัน ข้อเท็จจริงที่น่าเจ็บปวดกว่าคือ... ตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่า: - งานเขียนโค้ดระดับพื้นฐานเริ่มถูก AI แย่ง → คนจบใหม่ถูกปัดตกบ่อย - ต้องส่งใบสมัครมากกว่า 100–200 แห่งกว่าจะได้สัมภาษณ์ - บริษัทเทคส่วนใหญ่หดการจ้างงานตั้งแต่ช่วง post-pandemic แล้ว นักศึกษาบางคนปรับตัวโดยต่อยอดตนเองให้เก่งข้ามศาสตร์ เช่น เรียน Political Science ควบกับ Cybersecurity เพื่อทำงานด้านความมั่นคง/ข่าวกรองได้ในอนาคต สุดท้ายอาจไม่ใช่ว่า “งานโปรแกรมเมอร์หายไป” แต่โลกต้องการ “คนที่ใช้ AI สร้างโค้ดได้โดยเข้าใจมันจริง ๆ” มากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/how-do-you-teach-computer-science-in-the-ai-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How do you teach computer science in the AI era?
    Universities across the United States are scrambling to understand the implications of generative AI's transformation of technology.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ

    WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม

    นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา

    บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ:
    - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple
    - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี
    - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

    ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat

    ✅ Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:  
    • Facebook phone → ล้มเหลว  
    • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย  
    • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล  
    • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน

    ✅ AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)  
    • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม  
    • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร

    ✅ ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:  
    • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม  
    • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)  
    • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม

    ✅ โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:  
    • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%  
    • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร

    ✅ เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:  
    • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple  
    • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้  
    • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป

    ✅ Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ: - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat ✅ Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:   • Facebook phone → ล้มเหลว   • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย   • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล   • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน ✅ AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)   • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม   • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร ✅ ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:   • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม   • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)   • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม ✅ โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:   • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%   • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร ✅ เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:   • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple   • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้   • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป ✅ Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why Mark Zuckerberg and Meta can't build the future
    Here's how absolute power trapped Facebook's parent company — and how Steve Jobs broke free.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • ใครเคยเหนื่อยกับการตามแผนโปรเจกต์ในทีม หรืออัปเดตสถานะหลายงานใน Planner วันละหลายรอบ...ข่าวนี้คือข่าวดีเลยครับ

    Microsoft เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์เด็ด 4 รายการให้ Planner ซึ่งมี 3 อย่างเป็นของ Project Manager Agent — ผู้ช่วยจัดการแผนงานที่ใช้ AI ช่วยคุณตั้งเป้าหมาย, แตกงานย่อย, และส่งการแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ real-time

    📨 จากเดิม Project Manager Agent แจ้งเตือนแค่ใน Teams — ตอนนี้ขยายมาสู่ อีเมลแล้วด้วย 📊 เพิ่มฟีเจอร์ สรุปรายงานสถานะงานอัตโนมัติ (status report) — บอก progress, risk, next step ให้พร้อม 🌍 รองรับ มากกว่า 40 ภาษา เทียบเท่า Copilot 365 แล้ว (ยกเว้นอาหรับ/ฮิบรูซึ่งกำลังจะตามมา)

    และที่หลายคนรอคอยคือ… Planner แบบพื้นฐานตอนนี้สามารถ แก้ไขหลาย Task พร้อมกันได้แล้ว! แค่ไปที่ Grid view แล้วลากเลือกงานที่ต้องการ กด Ctrl + ลูกศรขึ้น/ลง เพื่อปรับข้อมูลได้ในครั้งเดียว — จะเปลี่ยนชื่อ, วันเริ่มต้น, วันสิ้นสุด, ความสำคัญ, ผู้รับผิดชอบ ก็ทำพร้อมกันได้เลย!

    ✅ Project Manager Agent แจ้งเตือนผ่านอีเมล  
    • จากเดิมแจ้งใน Teams อย่างเดียว → ขยายสู่ email  
    • สะดวกสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ใน Teams ตลอดเวลา

    ✅ สามารถสรุปรายงานสถานะแผนอัตโนมัติ (Status Report)  
    • รายงาน progress, milestones, risk, next step  
    • ตอนนี้เปิดใช้งานใน Public Preview สำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษก่อน

    ✅ รองรับการใช้งานมากกว่า 40 ภาษา  
    • เหมือนกับ Copilot 365  
    • ยกเว้นภาษาอาหรับและฮิบรูที่จะตามมาในสัปดาห์นี้

    ✅ สามารถแก้ไขหลาย Task พร้อมกัน (Bulk Editing)  
    • ทำใน Grid View ได้  
    • เลือกหลายแถวแล้วใช้ Ctrl + Up/Down แก้ไขแบบกลุ่ม  
    • ปรับ status, priority, due/start date, assignee ได้รวดเร็ว

    ✅ Microsoft เตรียมย้ายผู้ใช้งานทั้งหมดจาก Project for the web ไปยัง Planner เริ่ม 1 ส.ค. นี้

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-gets-bulk-editing-feature-and-three-improvements-for-project-manager-agent/
    ใครเคยเหนื่อยกับการตามแผนโปรเจกต์ในทีม หรืออัปเดตสถานะหลายงานใน Planner วันละหลายรอบ...ข่าวนี้คือข่าวดีเลยครับ Microsoft เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์เด็ด 4 รายการให้ Planner ซึ่งมี 3 อย่างเป็นของ Project Manager Agent — ผู้ช่วยจัดการแผนงานที่ใช้ AI ช่วยคุณตั้งเป้าหมาย, แตกงานย่อย, และส่งการแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ real-time 📨 จากเดิม Project Manager Agent แจ้งเตือนแค่ใน Teams — ตอนนี้ขยายมาสู่ อีเมลแล้วด้วย 📊 เพิ่มฟีเจอร์ สรุปรายงานสถานะงานอัตโนมัติ (status report) — บอก progress, risk, next step ให้พร้อม 🌍 รองรับ มากกว่า 40 ภาษา เทียบเท่า Copilot 365 แล้ว (ยกเว้นอาหรับ/ฮิบรูซึ่งกำลังจะตามมา) และที่หลายคนรอคอยคือ… Planner แบบพื้นฐานตอนนี้สามารถ แก้ไขหลาย Task พร้อมกันได้แล้ว! แค่ไปที่ Grid view แล้วลากเลือกงานที่ต้องการ กด Ctrl + ลูกศรขึ้น/ลง เพื่อปรับข้อมูลได้ในครั้งเดียว — จะเปลี่ยนชื่อ, วันเริ่มต้น, วันสิ้นสุด, ความสำคัญ, ผู้รับผิดชอบ ก็ทำพร้อมกันได้เลย! ✅ Project Manager Agent แจ้งเตือนผ่านอีเมล   • จากเดิมแจ้งใน Teams อย่างเดียว → ขยายสู่ email   • สะดวกสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ใน Teams ตลอดเวลา ✅ สามารถสรุปรายงานสถานะแผนอัตโนมัติ (Status Report)   • รายงาน progress, milestones, risk, next step   • ตอนนี้เปิดใช้งานใน Public Preview สำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษก่อน ✅ รองรับการใช้งานมากกว่า 40 ภาษา   • เหมือนกับ Copilot 365   • ยกเว้นภาษาอาหรับและฮิบรูที่จะตามมาในสัปดาห์นี้ ✅ สามารถแก้ไขหลาย Task พร้อมกัน (Bulk Editing)   • ทำใน Grid View ได้   • เลือกหลายแถวแล้วใช้ Ctrl + Up/Down แก้ไขแบบกลุ่ม   • ปรับ status, priority, due/start date, assignee ได้รวดเร็ว ✅ Microsoft เตรียมย้ายผู้ใช้งานทั้งหมดจาก Project for the web ไปยัง Planner เริ่ม 1 ส.ค. นี้ https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-gets-bulk-editing-feature-and-three-improvements-for-project-manager-agent/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Planner gets bulk editing feature and three improvements for Project Manager agent
    Microsoft has announced four new updates for Microsoft Planner. One of the changes is a bulk editing feature while the rest improve the Project Manager agent.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจไม่รู้ว่า Microsoft Edge มีเวอร์ชัน “for Business” ด้วย — มันไม่ใช่แค่ Edge ธรรมดา แต่เป็น เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย, การจัดการ, และ AI เสริมมาสำหรับองค์กร โดยเฉพาะ

    ล่าสุด Microsoft ออกบล็อกโพสต์ชื่อว่า “Better browser security starts with Edge for Business – and you” พร้อมเปิดเผยว่า:

    📣 “เราขอให้พาร์ตเนอร์ด้านไอทีและความปลอดภัยทั่วโลก ช่วยโปรโมต Edge for Business โดยใส่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจโซลูชันองค์กรที่ขายให้ลูกค้า”

    พูดง่าย ๆ คือ เขาอยากให้ทุกบริษัทที่ขายบริการความปลอดภัย, MSP, MSSP หรือ ISV ใส่ Edge for Business ไปในแพ็กเกจด้วย เหมือนกับเป็น one-stop solution

    Microsoft เลยจัดแพ็กของพร้อมใช้แบบครบเครื่อง:
    - วิดีโออธิบายความเสี่ยงการโจมตีผ่านเบราว์เซอร์
    - เดโมของ Edge Management Services และ Microsoft 365 Lighthouse
    - Whitepaper ความปลอดภัย
    - Pitch deck พร้อม landing page สวย ๆ เหมือนของ Apple เลย

    ไอเดียคือ "ไม่ได้บังคับพาร์ตเนอร์ให้ใช้" — แค่ส่งสัญญาณว่า “โปรโมตสิ แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ตเต็มที่” เพื่อชิงตลาดจาก Chrome และเบราว์เซอร์อื่นในภาคองค์กร

    https://www.neowin.net/news/microsoft-wants-partners-to-promote-edge-for-business/
    หลายคนอาจไม่รู้ว่า Microsoft Edge มีเวอร์ชัน “for Business” ด้วย — มันไม่ใช่แค่ Edge ธรรมดา แต่เป็น เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย, การจัดการ, และ AI เสริมมาสำหรับองค์กร โดยเฉพาะ ล่าสุด Microsoft ออกบล็อกโพสต์ชื่อว่า “Better browser security starts with Edge for Business – and you” พร้อมเปิดเผยว่า: 📣 “เราขอให้พาร์ตเนอร์ด้านไอทีและความปลอดภัยทั่วโลก ช่วยโปรโมต Edge for Business โดยใส่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจโซลูชันองค์กรที่ขายให้ลูกค้า” พูดง่าย ๆ คือ เขาอยากให้ทุกบริษัทที่ขายบริการความปลอดภัย, MSP, MSSP หรือ ISV ใส่ Edge for Business ไปในแพ็กเกจด้วย เหมือนกับเป็น one-stop solution Microsoft เลยจัดแพ็กของพร้อมใช้แบบครบเครื่อง: - วิดีโออธิบายความเสี่ยงการโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ - เดโมของ Edge Management Services และ Microsoft 365 Lighthouse - Whitepaper ความปลอดภัย - Pitch deck พร้อม landing page สวย ๆ เหมือนของ Apple เลย ไอเดียคือ "ไม่ได้บังคับพาร์ตเนอร์ให้ใช้" — แค่ส่งสัญญาณว่า “โปรโมตสิ แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ตเต็มที่” เพื่อชิงตลาดจาก Chrome และเบราว์เซอร์อื่นในภาคองค์กร https://www.neowin.net/news/microsoft-wants-partners-to-promote-edge-for-business/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft wants partners to promote Edge for Business
    Microsoft has encouraged its partners and independent solution vendors (ISVs) to bundle Edge for Business in their security offerings.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติระเบิด JDAM หรือ ชุดนำวิถี Joint Direct Attack Munition กว่า 7,125 ชุด เพื่อเติมคลังแสงของอิสราเอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สหรัฐอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์

    👉การขายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลได้ใช้อาวุธจำนวนมากในการทำสงครามกับอิหร่านเป็นเวลา 12 วัน และโจมตีโรงงานนิวเคลียร์

    👉ชุดนำวิถี JDAM กว่า 7,125 ชุด แบ่งเป็น:
    • 3,845 ชุด สำหรับระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ BLU-109 ขนาด 2,000 ปอนด์
    • 3,280 ชุด สำหรับระเบิดเอนกประสงค์ MK-82 ขนาด 500 ปอนด์

    👉ชุด JDAM จะแปลงระเบิดที่ไม่ใช้ระบบนำวิถีให้เป็นอาวุธนำวิถีด้วยความแม่นยำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล

    👉การอนุมัติดังกล่าวเป็นสัญญาณที่แสดงว่า อิสราเอลพร้อมแล้วที่จะกลับมาทำสงครามรอบใหม่กับอิหร่าน และถล่มกาซาต่อไป ซึ่งเป็นไปตามที่หลานฝ่ายคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า การหยุดยิงของอิสราเอล เป็นเพียงการพักเติมอาวุธเท่านั้น

    👉ช่วงเวลานั้น ฝ่ายกองทัพของอิหร่านซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมรุ่นเก่า ได้คัดค้านอย่างหนักเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง และต้องการให้ถล่มอิสราเอลต่อไป แต่ไม่อาจต้านทานอำนาจของฝ่ายประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ซึ่งมีอิทธิพลในรัฐสภาอิหร่านที่ต้องการทำข้อตกลงหยุดยิงกับสหรัฐ โดยหวังให้โครงการนิวเคลียร์ "เพื่อสันติ" เดินหน้าต่อไปได้

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติระเบิด JDAM หรือ ชุดนำวิถี Joint Direct Attack Munition กว่า 7,125 ชุด เพื่อเติมคลังแสงของอิสราเอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สหรัฐอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์ 👉การขายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลได้ใช้อาวุธจำนวนมากในการทำสงครามกับอิหร่านเป็นเวลา 12 วัน และโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 👉ชุดนำวิถี JDAM กว่า 7,125 ชุด แบ่งเป็น: • 3,845 ชุด สำหรับระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ BLU-109 ขนาด 2,000 ปอนด์ • 3,280 ชุด สำหรับระเบิดเอนกประสงค์ MK-82 ขนาด 500 ปอนด์ 👉ชุด JDAM จะแปลงระเบิดที่ไม่ใช้ระบบนำวิถีให้เป็นอาวุธนำวิถีด้วยความแม่นยำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล 👉การอนุมัติดังกล่าวเป็นสัญญาณที่แสดงว่า อิสราเอลพร้อมแล้วที่จะกลับมาทำสงครามรอบใหม่กับอิหร่าน และถล่มกาซาต่อไป ซึ่งเป็นไปตามที่หลานฝ่ายคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า การหยุดยิงของอิสราเอล เป็นเพียงการพักเติมอาวุธเท่านั้น 👉ช่วงเวลานั้น ฝ่ายกองทัพของอิหร่านซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมรุ่นเก่า ได้คัดค้านอย่างหนักเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง และต้องการให้ถล่มอิสราเอลต่อไป แต่ไม่อาจต้านทานอำนาจของฝ่ายประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ซึ่งมีอิทธิพลในรัฐสภาอิหร่านที่ต้องการทำข้อตกลงหยุดยิงกับสหรัฐ โดยหวังให้โครงการนิวเคลียร์ "เพื่อสันติ" เดินหน้าต่อไปได้
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • ในขณะที่หลายคนเพิ่งเริ่มได้ยินชื่อ DeepSeek (อีกหนึ่งสตาร์ทอัพจีนที่โตเร็วมาก) — แต่เบื้องหลังกลับมีผู้เล่นที่น่ากลัวกว่าคือ Zhipu AI

    Zhipu ไม่ได้เน้นทำโมเดลมาโชว์เหมือน OpenAI หรือ Baidu แต่ “ลงลึกกับรัฐบาล” โดยร่วมมือกับประเทศอย่างซาอุฯ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อ:
    - สร้าง ระบบโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่เป็นของรัฐ (sovereign LLM infrastructure)
    - วางขายโมเดลที่รันในคลาวด์ปิด ใช้ได้เฉพาะในประเทศ
    - ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei เป็นเบื้องหลัง

    หนึ่งในผลงานเด่นคือ AutoGLM Rumination Agent ซึ่งเก่งเรื่องการวิเคราะห์บริบทซับซ้อนและควบคุมเบราว์เซอร์จากคำสั่งได้

    นอกจากนี้ Zhipu ยังได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐจีนกว่า $1.4 พันล้าน และทุนเอกชนจากซาอุฯ อีกราว $400 ล้าน → สะท้อนว่าโมเดลธุรกิจของเขาไม่ได้แค่ขายโมเดล แต่ขาย “เอกราชทางดิจิทัล” ให้ประเทศพันธมิตรเลยทีเดียว

    ✅ Zhipu AI คือสตาร์ทอัพจากจีนที่เน้นพัฒนา ‘sovereign AI infrastructure’ สำหรับรัฐบาลต่างประเทศ  
    • สร้างคลาวด์และโมเดล LLM ที่รันภายในประเทศลูกค้าโดยเฉพาะ  
    • แตกต่างจาก DeepSeek ที่เน้นแข่งขันเชิงโมเดล LLM โดยตรง

    ✅ ได้รับเงินลงทุนกว่า $1.8 พันล้าน จากทั้งรัฐจีนและนักลงทุนในตะวันออกกลาง (เช่น Prosperity7 จากซาอุฯ)  
    • สะท้อนความเชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจลึกเชิงโครงสร้างมากกว่าบริการแอปพลิเคชันทั่วไป

    ✅ มีพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับ Huawei  
    • นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับประเทศที่ไม่ต้องการพึ่งพา OpenAI หรือ Nvidia

    ✅ โมเดล AutoGLM มีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลระดับบนในเรื่องการสั่งงานอัตโนมัติและ long-context reasoning

    ✅ กลุ่มเป้าหมายหลักของ Zhipu ได้แก่ประเทศในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์  
    • ชี้ว่าจีนพยายามขยายอิทธิพลทางดิจิทัลนอกประเทศอย่างชัดเจน

    https://wccftech.com/chinese-startup-zhipu-ai-seen-as-a-much-greater-threat-than-deepseek-to-us-ai-dominance/
    ในขณะที่หลายคนเพิ่งเริ่มได้ยินชื่อ DeepSeek (อีกหนึ่งสตาร์ทอัพจีนที่โตเร็วมาก) — แต่เบื้องหลังกลับมีผู้เล่นที่น่ากลัวกว่าคือ Zhipu AI Zhipu ไม่ได้เน้นทำโมเดลมาโชว์เหมือน OpenAI หรือ Baidu แต่ “ลงลึกกับรัฐบาล” โดยร่วมมือกับประเทศอย่างซาอุฯ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อ: - สร้าง ระบบโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่เป็นของรัฐ (sovereign LLM infrastructure) - วางขายโมเดลที่รันในคลาวด์ปิด ใช้ได้เฉพาะในประเทศ - ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei เป็นเบื้องหลัง หนึ่งในผลงานเด่นคือ AutoGLM Rumination Agent ซึ่งเก่งเรื่องการวิเคราะห์บริบทซับซ้อนและควบคุมเบราว์เซอร์จากคำสั่งได้ นอกจากนี้ Zhipu ยังได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐจีนกว่า $1.4 พันล้าน และทุนเอกชนจากซาอุฯ อีกราว $400 ล้าน → สะท้อนว่าโมเดลธุรกิจของเขาไม่ได้แค่ขายโมเดล แต่ขาย “เอกราชทางดิจิทัล” ให้ประเทศพันธมิตรเลยทีเดียว ✅ Zhipu AI คือสตาร์ทอัพจากจีนที่เน้นพัฒนา ‘sovereign AI infrastructure’ สำหรับรัฐบาลต่างประเทศ   • สร้างคลาวด์และโมเดล LLM ที่รันภายในประเทศลูกค้าโดยเฉพาะ   • แตกต่างจาก DeepSeek ที่เน้นแข่งขันเชิงโมเดล LLM โดยตรง ✅ ได้รับเงินลงทุนกว่า $1.8 พันล้าน จากทั้งรัฐจีนและนักลงทุนในตะวันออกกลาง (เช่น Prosperity7 จากซาอุฯ)   • สะท้อนความเชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจลึกเชิงโครงสร้างมากกว่าบริการแอปพลิเคชันทั่วไป ✅ มีพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับ Huawei   • นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับประเทศที่ไม่ต้องการพึ่งพา OpenAI หรือ Nvidia ✅ โมเดล AutoGLM มีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลระดับบนในเรื่องการสั่งงานอัตโนมัติและ long-context reasoning ✅ กลุ่มเป้าหมายหลักของ Zhipu ได้แก่ประเทศในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์   • ชี้ว่าจีนพยายามขยายอิทธิพลทางดิจิทัลนอกประเทศอย่างชัดเจน https://wccftech.com/chinese-startup-zhipu-ai-seen-as-a-much-greater-threat-than-deepseek-to-us-ai-dominance/
    WCCFTECH.COM
    Chinese Startup Zhipu AI Seen as a Much Greater Threat Than DeepSeek to U.S. AI Dominance, Making Massive Moves in the Realm of Sovereign AI
    DeepSeek has just got a new competitor, and the Chinese startup Zhipu AI is on a broader and impactful mission.
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ Wi-Fi บนเครื่องบินที่ช้า ใช้งานไม่ได้จริง หรือโหลดแค่เว็บยังต้องรอเป็นนาที แต่ตอนนี้ยุคใหม่มาถึงแล้วครับ

    จากข้อมูลของ Ookla พบว่า Hawaiian Airlines และ Qatar Airways ซึ่งใช้บริการอินเทอร์เน็ตจาก Starlink ได้ความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 161 Mbps และ 120 Mbps ตามลำดับ ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นทะลุไปถึง 276 Mbps และ 236 Mbps เลยทีเดียว — เร็วกว่าสายการบินที่ใช้ผู้ให้บริการรายอื่นเกือบ “2 เท่า”

    ประเด็นสำคัญคือ Starlink ใช้ ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ทำให้ค่า latency ต่ำมาก (แค่ 44 มิลลิวินาที) เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นที่ใช้ดาวเทียมกลางวงโคจร (MEO) หรือวงโคจรสูง (GEO) ที่มี latency สูงเป็นสิบเท่า!

    นอกจากเครื่องบินแล้ว Starlink ยังขยายสู่ภาคเรือสำราญ เช่น Royal Caribbean และกำลังจะติดตั้งในสายการบิน United เร็ว ๆ นี้

    ✅ Starlink ของ SpaceX เป็นอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินที่เร็วที่สุด ณ Q1 ปี 2025 ตามข้อมูลจาก Ookla  
    • ความเร็วเฉลี่ยสูงสุดพบที่ Hawaiian Airlines (161 Mbps) และ Qatar Airways (120 Mbps)
    • ความเร็วสูงสุดแตะ 276 Mbps และ 236 Mbps ตามลำดับ

    ✅ สายการบินที่ใช้ Starlink นำคู่แข่งเรื่องความเร็วชัดเจน  
    • Spirit Airlines ที่ไม่ได้ใช้ Starlink ได้ความเร็วเฉลี่ยเพียง ~80 Mbps เท่านั้น  
    • ค่า latency ของ Starlink อยู่ที่ 44 ms เทียบกับ 667 ms ของผู้ให้บริการอันดับสอง

    ✅ Starlink ใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) → ส่งผลให้ความหน่วงต่ำและความเร็วสูง  
    • ตอบสนองได้เร็วกว่า MEO หรือ GEO แบบเดิม  
    • เหมาะกับการใช้งานแบบสตรีมหรือวิดีโอคอล

    ✅ นอกจากสายการบินแล้ว Starlink ยังขยายไปยังเรือท่องเที่ยว (Royal Caribbean) และรอเปิดใช้งานใน United Airlines

    ✅ Starlink กลายเป็นผู้ให้บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินเจ้าแรกที่ความเร็วสูงสุดทะลุ 200 Mbps ในหลายเที่ยวบิน

    https://wccftech.com/spacexs-starlink-is-the-fastest-inflight-internet-in-the-world-shows-data/
    ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ Wi-Fi บนเครื่องบินที่ช้า ใช้งานไม่ได้จริง หรือโหลดแค่เว็บยังต้องรอเป็นนาที แต่ตอนนี้ยุคใหม่มาถึงแล้วครับ จากข้อมูลของ Ookla พบว่า Hawaiian Airlines และ Qatar Airways ซึ่งใช้บริการอินเทอร์เน็ตจาก Starlink ได้ความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 161 Mbps และ 120 Mbps ตามลำดับ ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นทะลุไปถึง 276 Mbps และ 236 Mbps เลยทีเดียว — เร็วกว่าสายการบินที่ใช้ผู้ให้บริการรายอื่นเกือบ “2 เท่า” ประเด็นสำคัญคือ Starlink ใช้ ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ทำให้ค่า latency ต่ำมาก (แค่ 44 มิลลิวินาที) เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นที่ใช้ดาวเทียมกลางวงโคจร (MEO) หรือวงโคจรสูง (GEO) ที่มี latency สูงเป็นสิบเท่า! นอกจากเครื่องบินแล้ว Starlink ยังขยายสู่ภาคเรือสำราญ เช่น Royal Caribbean และกำลังจะติดตั้งในสายการบิน United เร็ว ๆ นี้ ✅ Starlink ของ SpaceX เป็นอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินที่เร็วที่สุด ณ Q1 ปี 2025 ตามข้อมูลจาก Ookla   • ความเร็วเฉลี่ยสูงสุดพบที่ Hawaiian Airlines (161 Mbps) และ Qatar Airways (120 Mbps) • ความเร็วสูงสุดแตะ 276 Mbps และ 236 Mbps ตามลำดับ ✅ สายการบินที่ใช้ Starlink นำคู่แข่งเรื่องความเร็วชัดเจน   • Spirit Airlines ที่ไม่ได้ใช้ Starlink ได้ความเร็วเฉลี่ยเพียง ~80 Mbps เท่านั้น   • ค่า latency ของ Starlink อยู่ที่ 44 ms เทียบกับ 667 ms ของผู้ให้บริการอันดับสอง ✅ Starlink ใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) → ส่งผลให้ความหน่วงต่ำและความเร็วสูง   • ตอบสนองได้เร็วกว่า MEO หรือ GEO แบบเดิม   • เหมาะกับการใช้งานแบบสตรีมหรือวิดีโอคอล ✅ นอกจากสายการบินแล้ว Starlink ยังขยายไปยังเรือท่องเที่ยว (Royal Caribbean) และรอเปิดใช้งานใน United Airlines ✅ Starlink กลายเป็นผู้ให้บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินเจ้าแรกที่ความเร็วสูงสุดทะลุ 200 Mbps ในหลายเที่ยวบิน https://wccftech.com/spacexs-starlink-is-the-fastest-inflight-internet-in-the-world-shows-data/
    WCCFTECH.COM
    SpaceX's Starlink Is The Fastest Inflight Internet In The World, Shows Data
    SpaceX's Starlink satellite internet is the market leader in inflight internet connectivity, shows data. Take a look!
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว

    ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น

    ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย:
    - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย
    - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN)
    - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ

    ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password  
    • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง  
    • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน

    ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)  
    • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin  
    • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello

    ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต

    ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”  
    • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025  
    • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน

    https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย: - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN) - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password   • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง   • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)   • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin   • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”   • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025   • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • ถึงแม้สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน ห้ามส่งออกเครื่องจักรลิธอกราฟีรุ่นใหม่ หรือซอฟต์แวร์ออกแบบชิป แต่จีนกลับใช้วิธี “ลงทุนสร้างโรงงานมากขึ้น” เพื่อเร่งความพึ่งพาตนเอง

    ตอนนี้จีนมีโรงงานผลิตเวเฟอร์ (fab) จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huahong Semiconductor ที่เพิ่งเปิดโรงงานขนาด 12 นิ้วที่เมือง Wuxi และแค่ในปี 2024 ปีเดียว จีนผลิตเวเฟอร์ได้ถึง 8.85 ล้านแผ่นต่อเดือน เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะทะลุ 10.1 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2025

    บริษัทวิจัย Yole Group คาดว่าภายในปี 2030 จีนจะถือกำลังการผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%) ซึ่งหมายความว่า จีนจะกลายเป็น hub การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก

    แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องการผลิต “ชิประดับแนวหน้า” (เพราะถูกจำกัดเทคโนโลยี) แต่การที่จีนควบคุมการผลิต “จำนวนมาก” ได้ ย่อมสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลกอย่างมหาศาล

    ✅ จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำลังผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% ภายในปี 2030  
    • แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%)  
    • ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ Yole Group

    ✅ ปัจจุบันจีนมีส่วนแบ่งการผลิตเวเฟอร์อยู่ที่ 21% (ไต้หวันนำที่ 23%)  
    • ญี่ปุ่น 13%, สหรัฐ 10%, ยุโรป 8%

    ✅ จีนผลิตเวเฟอร์ได้ 8.85 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2024 → คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10.1 ล้านในปี 2025  
    • เติบโต ~15% ต่อปี แม้เผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร

    ✅ มีการเปิดโรงงานใหม่อย่างน้อย 18 แห่งในปีที่ผ่านมา  
    • รวมถึงโรงงานใหม่ของ Huahong Semiconductor ในเมือง Wuxi

    ✅ สหรัฐใช้เซมิคอนดักเตอร์มากที่สุด (57% ของความต้องการโลก) แต่ผลิตได้แค่ 10% ของโลก  
    • ต้องนำเข้าจากจีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ เป็นหลัก

    ✅ ยุโรปและญี่ปุ่นผลิตพอใช้ภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่  
    • ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียมีส่วนแบ่ง ~6% โดยส่วนใหญ่ผลิตให้ตลาดต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-could-be-the-worlds-top-semiconductor-foundry-hub-by-2030-despite-us-curbs-nation-to-hold-30-percent-of-global-installed-capacity-surpassing-taiwan
    ถึงแม้สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน ห้ามส่งออกเครื่องจักรลิธอกราฟีรุ่นใหม่ หรือซอฟต์แวร์ออกแบบชิป แต่จีนกลับใช้วิธี “ลงทุนสร้างโรงงานมากขึ้น” เพื่อเร่งความพึ่งพาตนเอง ตอนนี้จีนมีโรงงานผลิตเวเฟอร์ (fab) จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huahong Semiconductor ที่เพิ่งเปิดโรงงานขนาด 12 นิ้วที่เมือง Wuxi และแค่ในปี 2024 ปีเดียว จีนผลิตเวเฟอร์ได้ถึง 8.85 ล้านแผ่นต่อเดือน เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะทะลุ 10.1 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2025 บริษัทวิจัย Yole Group คาดว่าภายในปี 2030 จีนจะถือกำลังการผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%) ซึ่งหมายความว่า จีนจะกลายเป็น hub การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องการผลิต “ชิประดับแนวหน้า” (เพราะถูกจำกัดเทคโนโลยี) แต่การที่จีนควบคุมการผลิต “จำนวนมาก” ได้ ย่อมสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลกอย่างมหาศาล ✅ จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำลังผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% ภายในปี 2030   • แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%)   • ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ Yole Group ✅ ปัจจุบันจีนมีส่วนแบ่งการผลิตเวเฟอร์อยู่ที่ 21% (ไต้หวันนำที่ 23%)   • ญี่ปุ่น 13%, สหรัฐ 10%, ยุโรป 8% ✅ จีนผลิตเวเฟอร์ได้ 8.85 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2024 → คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10.1 ล้านในปี 2025   • เติบโต ~15% ต่อปี แม้เผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร ✅ มีการเปิดโรงงานใหม่อย่างน้อย 18 แห่งในปีที่ผ่านมา   • รวมถึงโรงงานใหม่ของ Huahong Semiconductor ในเมือง Wuxi ✅ สหรัฐใช้เซมิคอนดักเตอร์มากที่สุด (57% ของความต้องการโลก) แต่ผลิตได้แค่ 10% ของโลก   • ต้องนำเข้าจากจีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ เป็นหลัก ✅ ยุโรปและญี่ปุ่นผลิตพอใช้ภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่   • ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียมีส่วนแบ่ง ~6% โดยส่วนใหญ่ผลิตให้ตลาดต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-could-be-the-worlds-top-semiconductor-foundry-hub-by-2030-despite-us-curbs-nation-to-hold-30-percent-of-global-installed-capacity-surpassing-taiwan
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • ท่ามกลางคลื่น AI ที่ไหลแรงแบบไม่หยุด Siemens ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ล่าสุดประกาศแต่งตั้ง Vasi Philomin — อดีตรองประธาน AI แห่ง Amazon มาเป็น “หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์” (Head of Data and AI)

    คนนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังบริการ ML ระดับใหญ่ เช่น Amazon Lex, Amazon Transcribe, และแพลตฟอร์ม AI-as-a-Service ของ AWS มานานหลายปี

    Siemens ต้องการใช้ AI เพื่อพัฒนา “AI Copilot” สำหรับอุตสาหกรรม เช่น การผลิต, ขนส่ง, ไปจนถึงการแพทย์ — โดยมีเป้าหมายคือให้ AI มาช่วยพนักงาน “ร่วมออกแบบสินค้า, วางแผนการผลิต, และดูแลบำรุงรักษา” ได้ทันที

    Philomin จะรายงานตรงต่อ Peter Koerte (CTO และ Chief Strategy Officer ของ Siemens) ซึ่งหมายความว่าบทบาทนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของการขับเคลื่อนองค์กร

    ✅ Siemens แต่งตั้ง Vasi Philomin อดีตผู้บริหารสาย AI จาก Amazon เป็นหัวหน้าฝ่าย Data & AI  
    • เน้นพัฒนาโซลูชัน AI เชิงอุตสาหกรรม เช่น AI Copilot  
    • รายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง Peter Koerte

    ✅ Philomin มีประสบการณ์สร้าง AI ขนาดใหญ่ที่ Amazon AWS เช่น Lex, Transcribe, Comprehend  
    • เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning และ AI เชิงพาณิชย์

    ✅ Siemens มองว่า AI คือเสาหลักร่วมกับซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม (Industrial Software)  
    • ต้องการเร่ง digital transformation ระดับองค์กร

    ✅ เคยประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ตั้งแต่ปี 2023  
    • สร้าง “AI Copilot” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมมนุษย์ในสายการผลิต, โลจิสติกส์ และสุขภาพ

    ✅ เป้าหมายคือการให้ AI เข้ามาช่วยพนักงานบริษัทลูกค้าออกแบบสินค้า–วางแผน–บำรุงรักษาได้อัตโนมัติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/30/siemens-recruits-artificial-intelligence-expert-from-amazon
    ท่ามกลางคลื่น AI ที่ไหลแรงแบบไม่หยุด Siemens ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ล่าสุดประกาศแต่งตั้ง Vasi Philomin — อดีตรองประธาน AI แห่ง Amazon มาเป็น “หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์” (Head of Data and AI) คนนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังบริการ ML ระดับใหญ่ เช่น Amazon Lex, Amazon Transcribe, และแพลตฟอร์ม AI-as-a-Service ของ AWS มานานหลายปี Siemens ต้องการใช้ AI เพื่อพัฒนา “AI Copilot” สำหรับอุตสาหกรรม เช่น การผลิต, ขนส่ง, ไปจนถึงการแพทย์ — โดยมีเป้าหมายคือให้ AI มาช่วยพนักงาน “ร่วมออกแบบสินค้า, วางแผนการผลิต, และดูแลบำรุงรักษา” ได้ทันที Philomin จะรายงานตรงต่อ Peter Koerte (CTO และ Chief Strategy Officer ของ Siemens) ซึ่งหมายความว่าบทบาทนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของการขับเคลื่อนองค์กร ✅ Siemens แต่งตั้ง Vasi Philomin อดีตผู้บริหารสาย AI จาก Amazon เป็นหัวหน้าฝ่าย Data & AI   • เน้นพัฒนาโซลูชัน AI เชิงอุตสาหกรรม เช่น AI Copilot   • รายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง Peter Koerte ✅ Philomin มีประสบการณ์สร้าง AI ขนาดใหญ่ที่ Amazon AWS เช่น Lex, Transcribe, Comprehend   • เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning และ AI เชิงพาณิชย์ ✅ Siemens มองว่า AI คือเสาหลักร่วมกับซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม (Industrial Software)   • ต้องการเร่ง digital transformation ระดับองค์กร ✅ เคยประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ตั้งแต่ปี 2023   • สร้าง “AI Copilot” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมมนุษย์ในสายการผลิต, โลจิสติกส์ และสุขภาพ ✅ เป้าหมายคือการให้ AI เข้ามาช่วยพนักงานบริษัทลูกค้าออกแบบสินค้า–วางแผน–บำรุงรักษาได้อัตโนมัติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/30/siemens-recruits-artificial-intelligence-expert-from-amazon
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Siemens recruits artificial intelligence expert from Amazon
    ZURICH (Reuters) -Siemens has recruited Amazon executive Vasi Philomin to its new position of head of data and artificial intelligence, the German technology company said on Monday.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน

    แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ:
    - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส)
    - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE
    - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก

    ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น

    ✅ CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก  
    • เช่น CVE-2024-12345  
    • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน

    ✅ เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา
    • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป”

    ✅ ปัญหาที่ CVE เจอ:  
    • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก  
    • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE  
    • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID

    ✅ ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024  
    • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE

    ✅ ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025  
    • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง  
    • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU  
    • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค

    ✅ ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:  
    • GitHub Advisory Database  
    • Flashpoint, VulnCheck, BitSight  
    • HackerOne / Bugcrowd  
    • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT  
    • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities)

    ✅ แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว  
    • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch

    https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ: - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส) - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น ✅ CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก   • เช่น CVE-2024-12345   • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน ✅ เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป” ✅ ปัญหาที่ CVE เจอ:   • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก   • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE   • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID ✅ ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024   • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE ✅ ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025   • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง   • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU   • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค ✅ ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:   • GitHub Advisory Database   • Flashpoint, VulnCheck, BitSight   • HackerOne / Bugcrowd   • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT   • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities) ✅ แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว   • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Beyond CVE: The hunt for other sources of vulnerability intel
    Were the CVE program to be discontinued, security teams would have a hard time finding one resource that would function with the same impact across the board. Here are current issues of relying on CVE and some existing options to look into.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน

    ความมีอยู่ว่า
    ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา...
    - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย

    วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี

    สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml
    https://www.bilibili.com/read/cv8965867/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819

    #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน ความมีอยู่ว่า ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา... - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml https://www.bilibili.com/read/cv8965867/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819 #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    1 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • Gently harvests in the backyard
    Gently harvests in the backyard
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • TOR46 ที่อาจารย์ปานเทพตามหา
    ฝากทุกคนช่วยกันส่งให้งมืออาจารย์ปานเทพ🙏

    Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003)
    TOR46 ที่อาจารย์ปานเทพตามหา ฝากทุกคนช่วยกันส่งให้งมืออาจารย์ปานเทพ🙏 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003)
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีเริ่มขั้นตอนถอนตัวออกจากสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ปี 1997 ที่ห้ามมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยที่คำสั่งของเซเลนสกีปรากฏบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าจะมีผลบังคับใช้ทันที แต่การถอนตัวจะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการภายในหกเดือนหลังจากที่สหประชาชาติได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ


    สื่อยูเครนรายงานว่า การถอนตัวออกจากอนุสัญญานี้ได้มีการหารือกันแบบลับๆ ตั้งแต่ปี 2023 ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งได้มีการอนุญาตให้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของตนเองได้ และในที่สุดเซเลนสกีต้องการมากกว่านั้น จึงได้มีการลงนามในกฎหมายเพื่อทำให้เป็นทางการต่อไป

    ความมุ่งหวังของเซเลนสกีคือ ต้องการให้ยูเครนสามารถกลับมาผลิตทุ่นระเบิดดังกล่าวในประเทศได้อีกครั้งเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตทุ่นระเบิดดังกล่าว

    ขณะเซเลนสกี ให้ข้ออ้างต่อชาวยูเครนว่า รัสเซียก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาฉบับดังกล่าวเช่นกัน

    .
    👉อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ได้รับการรับรองในปี 1997 โดยมีจุดมุ่งหมายคือการรณรงค์ให้ทั่วโลกห้ามใช้ สะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Landmines: APLs) ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ไอซีอาร์ซี (International Committee of the Red Cross – ICRC) 


    👉ทุ่นระเบิดดังกล่าวมักจะทำให้เหยื่อนผู้เคราะห์มีความพิการ หรือคร่าชีวิตได้ทันที นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ยังถือเป็นอันตรายระยะยาวต่อชีวิตพลเรือนอรีกด้วย

    👉มี 160 ประเทศ ที่เข้าร่วมภาคีของอนุสัญญาออตตาวา แต่ทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซียไม่ได้เข้าร่วม ส่วนยูเครนให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2005

    เซเลนสกีเริ่มขั้นตอนถอนตัวออกจากสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ปี 1997 ที่ห้ามมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยที่คำสั่งของเซเลนสกีปรากฏบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าจะมีผลบังคับใช้ทันที แต่การถอนตัวจะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการภายในหกเดือนหลังจากที่สหประชาชาติได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ สื่อยูเครนรายงานว่า การถอนตัวออกจากอนุสัญญานี้ได้มีการหารือกันแบบลับๆ ตั้งแต่ปี 2023 ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งได้มีการอนุญาตให้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของตนเองได้ และในที่สุดเซเลนสกีต้องการมากกว่านั้น จึงได้มีการลงนามในกฎหมายเพื่อทำให้เป็นทางการต่อไป ความมุ่งหวังของเซเลนสกีคือ ต้องการให้ยูเครนสามารถกลับมาผลิตทุ่นระเบิดดังกล่าวในประเทศได้อีกครั้งเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตทุ่นระเบิดดังกล่าว ขณะเซเลนสกี ให้ข้ออ้างต่อชาวยูเครนว่า รัสเซียก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสัญญาฉบับดังกล่าวเช่นกัน . 👉อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ได้รับการรับรองในปี 1997 โดยมีจุดมุ่งหมายคือการรณรงค์ให้ทั่วโลกห้ามใช้ สะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Landmines: APLs) ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ไอซีอาร์ซี (International Committee of the Red Cross – ICRC)  👉ทุ่นระเบิดดังกล่าวมักจะทำให้เหยื่อนผู้เคราะห์มีความพิการ หรือคร่าชีวิตได้ทันที นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ยังถือเป็นอันตรายระยะยาวต่อชีวิตพลเรือนอรีกด้วย 👉มี 160 ประเทศ ที่เข้าร่วมภาคีของอนุสัญญาออตตาวา แต่ทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซียไม่ได้เข้าร่วม ส่วนยูเครนให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2005
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • พอเราพูดถึงพัดลม CPU ในคอม หลายคนอาจมองเป็นแค่ก้อนเหล็ก–พัดลมหมุน ๆ ที่เอาไว้ระบายความร้อนให้ชิปไม่ร้อนเกินไป แต่จริง ๆ แล้วทุกชิ้นที่เห็นในนั้นผ่านกระบวนการผลิตกว่า 15 ขั้นตอน ตั้งแต่การดัดท่อทองแดง, เชื่อมฐานสัมผัส, เคลือบป้องกันสนิม, ประกอบซี่ฟินอลูมิเนียม, จนถึงทดสอบแรงลมและแพ็กใส่กล่อง

    สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือ “หลายขั้นตอนยังต้องใช้ฝีมือแรงงานมนุษย์อยู่มาก” เช่น การเชื่อมแผ่นฐาน vapor chamber กับ heatpipe ต้องทำด้วยมือ เพราะแค่พลาด 0.1 มม. ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพได้

    YouTube ช่อง SatisFactory Process ที่พาไปถ่ายทำถึงโรงงานในปักกิ่งบอกว่า ดูเพลินอย่างกับสารคดี — เพราะมันแสดงให้เห็นว่าวงการคอมพิวเตอร์ยังไม่ใช่แค่ AI หรือ cloud อย่างเดียว แต่ "ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์" ที่เราจับต้องได้ก็เต็มไปด้วยศิลปะการผลิตไม่แพ้กัน

    ✅ DeepCool เปิดโรงงานในปักกิ่งให้ชมการผลิตชุดระบายความร้อน CPU ตั้งแต่ต้นจนจบ  
    • วิดีโอยาว ~30 นาที จากช่อง SatisFactory Process  
    • เห็นตั้งแต่การสร้าง heatpipe → เชื่อมฐาน → ประกอบพัดลม → ทดสอบ

    ✅ กระบวนการผลิตมีมากกว่า 15 ขั้นตอน เช่น:  
    • ตัด-ขึ้นรูปทองแดง, เติมสารภายใน, ทำความสะอาด, ทดสอบ leak  
    • ประกอบ fin, เจาะรูติด heatpipe, ติดพัดลม  
    • แพ็กกิ้งพร้อมส่ง

    ✅ บางขั้นตอนต้องอาศัยแรงงานมนุษย์ เช่น:  
    • การติดแผ่นฐาน vapor chamber → ถ้าเยื้องนิดเดียวประสิทธิภาพลด  
    • การเดินสายไฟพัดลม, ตรวจ QC ก่อนบรรจุ

    ✅ เครื่องมือชั้นสูงผสมกับเทคนิคดั้งเดิม เช่น automated filling + soldering manual  
    • โรงงานใช้ทั้งระบบ automation และพนักงานตรวจสอบสภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/heres-a-behind-the-scenes-look-at-how-a-cpu-air-cooler-is-made-deepcool-gives-a-start-to-finish-tour-of-its-main-production-facility
    พอเราพูดถึงพัดลม CPU ในคอม หลายคนอาจมองเป็นแค่ก้อนเหล็ก–พัดลมหมุน ๆ ที่เอาไว้ระบายความร้อนให้ชิปไม่ร้อนเกินไป แต่จริง ๆ แล้วทุกชิ้นที่เห็นในนั้นผ่านกระบวนการผลิตกว่า 15 ขั้นตอน ตั้งแต่การดัดท่อทองแดง, เชื่อมฐานสัมผัส, เคลือบป้องกันสนิม, ประกอบซี่ฟินอลูมิเนียม, จนถึงทดสอบแรงลมและแพ็กใส่กล่อง สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือ “หลายขั้นตอนยังต้องใช้ฝีมือแรงงานมนุษย์อยู่มาก” เช่น การเชื่อมแผ่นฐาน vapor chamber กับ heatpipe ต้องทำด้วยมือ เพราะแค่พลาด 0.1 มม. ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพได้ YouTube ช่อง SatisFactory Process ที่พาไปถ่ายทำถึงโรงงานในปักกิ่งบอกว่า ดูเพลินอย่างกับสารคดี — เพราะมันแสดงให้เห็นว่าวงการคอมพิวเตอร์ยังไม่ใช่แค่ AI หรือ cloud อย่างเดียว แต่ "ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์" ที่เราจับต้องได้ก็เต็มไปด้วยศิลปะการผลิตไม่แพ้กัน ✅ DeepCool เปิดโรงงานในปักกิ่งให้ชมการผลิตชุดระบายความร้อน CPU ตั้งแต่ต้นจนจบ   • วิดีโอยาว ~30 นาที จากช่อง SatisFactory Process   • เห็นตั้งแต่การสร้าง heatpipe → เชื่อมฐาน → ประกอบพัดลม → ทดสอบ ✅ กระบวนการผลิตมีมากกว่า 15 ขั้นตอน เช่น:   • ตัด-ขึ้นรูปทองแดง, เติมสารภายใน, ทำความสะอาด, ทดสอบ leak   • ประกอบ fin, เจาะรูติด heatpipe, ติดพัดลม   • แพ็กกิ้งพร้อมส่ง ✅ บางขั้นตอนต้องอาศัยแรงงานมนุษย์ เช่น:   • การติดแผ่นฐาน vapor chamber → ถ้าเยื้องนิดเดียวประสิทธิภาพลด   • การเดินสายไฟพัดลม, ตรวจ QC ก่อนบรรจุ ✅ เครื่องมือชั้นสูงผสมกับเทคนิคดั้งเดิม เช่น automated filling + soldering manual   • โรงงานใช้ทั้งระบบ automation และพนักงานตรวจสอบสภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/heres-a-behind-the-scenes-look-at-how-a-cpu-air-cooler-is-made-deepcool-gives-a-start-to-finish-tour-of-its-main-production-facility
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • ในบล็อกล่าสุดของ Microsoft คุณ Yusuf Mehdi รองประธานฝ่าย Windows กล่าวว่า “Windows มีผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านเครื่องทั่วโลก” — ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่ถ้าเราไล่กลับไปดูรายงานประจำปี 2022 ของ Microsoft จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 เคยอยู่ที่ 1.4 พันล้านเครื่อง…แปลว่าภายในเวลาแค่ 3 ปี หายไปถึง 400 ล้านเครื่อง!

    เกิดอะไรขึ้น?
    - ไม่ใช่เพราะคนแห่ไปใช้ MacBook เพราะแม้แต่ Apple เองยอดขาย Mac ก็ลดลง
    - แต่คนจำนวนมาก “เลิกใช้พีซีไปเลย” แล้วหันไปใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตแทน
    - เด็ก ๆ ที่โตมากับระบบอย่าง Chromebook ก็อาจเลือก Google แทน Microsoft ในอนาคต
    - แอปอย่าง Google Docs แทนที่ MS Office ได้ฟรี → ไม่จำเป็นต้องใช้ Windows อีกต่อไป

    ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เร่งให้คนอัปเกรดจาก Windows 10 ไป 11 ก่อนที่ Win10 จะหมดการสนับสนุน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังยึดติดกับ PC เก่า ซึ่งอัปเกรดไม่ได้

    ✅ Windows เคยมีผู้ใช้ 1.4 พันล้านเครื่องในปี 2022 → ล่าสุดเหลือราว 1 พันล้านเครื่อง  
    • ลดลงราว 400 ล้านเครื่องในช่วง 3 ปี  
    • ข้อมูลจาก Microsoft เองในบล็อกและรายงานทางการ

    ✅ Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 เพราะ Windows 10 จะหมดการซัพพอร์ตในปี 2025

    ✅ แม้ macOS ของ Apple จะเป็นคู่แข่ง แต่ยอดขาย Mac ลดลงเช่นกัน (เหลือแค่ 7.7% ของรายได้บริษัทในปี 2023)
    • แสดงว่าคน “ไม่ได้ย้าย” ไป Mac แต่เลือกเลิกใช้พีซีแทน

    ✅ สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตทำให้ความจำเป็นในการใช้ Windows ลดลง  
    • Chromebook เติบโตในภาคการศึกษา และเป็นระบบที่เด็กยุคใหม่คุ้นเคย  
    • Google Docs และเว็บแอปต่าง ๆ ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ Windows หรือ Office

    ✅ ตลาดที่ยังแข็งแรงของ Windows คือ “เกมเมอร์” และ “มืออาชีพเฉพาะทาง” ที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ


    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-seemingly-lost-400-million-users-in-the-past-three-years-official-microsoft-statements-show-hints-of-a-shrinking-user-base
    ในบล็อกล่าสุดของ Microsoft คุณ Yusuf Mehdi รองประธานฝ่าย Windows กล่าวว่า “Windows มีผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านเครื่องทั่วโลก” — ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ถ้าเราไล่กลับไปดูรายงานประจำปี 2022 ของ Microsoft จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 เคยอยู่ที่ 1.4 พันล้านเครื่อง…แปลว่าภายในเวลาแค่ 3 ปี หายไปถึง 400 ล้านเครื่อง! เกิดอะไรขึ้น? - ไม่ใช่เพราะคนแห่ไปใช้ MacBook เพราะแม้แต่ Apple เองยอดขาย Mac ก็ลดลง - แต่คนจำนวนมาก “เลิกใช้พีซีไปเลย” แล้วหันไปใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตแทน - เด็ก ๆ ที่โตมากับระบบอย่าง Chromebook ก็อาจเลือก Google แทน Microsoft ในอนาคต - แอปอย่าง Google Docs แทนที่ MS Office ได้ฟรี → ไม่จำเป็นต้องใช้ Windows อีกต่อไป ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เร่งให้คนอัปเกรดจาก Windows 10 ไป 11 ก่อนที่ Win10 จะหมดการสนับสนุน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังยึดติดกับ PC เก่า ซึ่งอัปเกรดไม่ได้ ✅ Windows เคยมีผู้ใช้ 1.4 พันล้านเครื่องในปี 2022 → ล่าสุดเหลือราว 1 พันล้านเครื่อง   • ลดลงราว 400 ล้านเครื่องในช่วง 3 ปี   • ข้อมูลจาก Microsoft เองในบล็อกและรายงานทางการ ✅ Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 เพราะ Windows 10 จะหมดการซัพพอร์ตในปี 2025 ✅ แม้ macOS ของ Apple จะเป็นคู่แข่ง แต่ยอดขาย Mac ลดลงเช่นกัน (เหลือแค่ 7.7% ของรายได้บริษัทในปี 2023) • แสดงว่าคน “ไม่ได้ย้าย” ไป Mac แต่เลือกเลิกใช้พีซีแทน ✅ สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตทำให้ความจำเป็นในการใช้ Windows ลดลง   • Chromebook เติบโตในภาคการศึกษา และเป็นระบบที่เด็กยุคใหม่คุ้นเคย   • Google Docs และเว็บแอปต่าง ๆ ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ Windows หรือ Office ✅ ตลาดที่ยังแข็งแรงของ Windows คือ “เกมเมอร์” และ “มืออาชีพเฉพาะทาง” ที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-seemingly-lost-400-million-users-in-the-past-three-years-official-microsoft-statements-show-hints-of-a-shrinking-user-base
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจไม่รู้ว่า Bitcoin ATM ไม่ได้เหมือน ATM ธนาคารนะครับ มันคือ “ตู้แลกเงิน” ที่คุณเอาเงินสดเข้าไป แล้วระบบจะโอน Bitcoin เข้า wallet ของคุณ — เงินสดที่ใส่เข้าไปก็จะเป็นของบริษัทเจ้าของเครื่องทันที เพราะเค้าได้โอนคริปโตให้เราไปแล้ว

    แต่ที่ Jasper County, รัฐเท็กซัส ตำรวจกลับใช้เลื่อยเปิดตู้ของบริษัท Bitcoin Depot เพื่อ “เอาเงิน $25,000 คืนให้เหยื่อ” ที่ถูกหลอกให้ฝากเงินสดเข้าไปส่งไปยัง wallet ของมิจฉาชีพ

    บริษัท Bitcoin Depot โวยว่าการกระทำแบบนี้คือ “สร้างเหยื่อเพิ่ม” เพราะ:
    - เงินสดข้างในเป็นของบริษัทแล้วตามกฎหมาย
    - ทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้วหากมีหมายค้น
    - แต่แทนที่จะให้บริษัทเปิดให้ กลับเลื่อยเครื่องที่ราคาตั้ง $14,000 ทิ้งไปเลย

    พวกเขาเตรียมเรียกค่าเสียหายและดำเนินคดีทางกฎหมายกับหน่วยงานท้องถิ่นดังกล่าว โดยระบุว่าเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดถึง 20 ครั้ง/ปีจากทั่วสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-firm-says-police-shouldnt-saw-open-bitcoin-atms-to-seize-cash-for-scammed-customers-will-seek-damages-for-destroyed-machines-firm-claims-seizures-are-criminal-and-victimize-the-company
    หลายคนอาจไม่รู้ว่า Bitcoin ATM ไม่ได้เหมือน ATM ธนาคารนะครับ มันคือ “ตู้แลกเงิน” ที่คุณเอาเงินสดเข้าไป แล้วระบบจะโอน Bitcoin เข้า wallet ของคุณ — เงินสดที่ใส่เข้าไปก็จะเป็นของบริษัทเจ้าของเครื่องทันที เพราะเค้าได้โอนคริปโตให้เราไปแล้ว แต่ที่ Jasper County, รัฐเท็กซัส ตำรวจกลับใช้เลื่อยเปิดตู้ของบริษัท Bitcoin Depot เพื่อ “เอาเงิน $25,000 คืนให้เหยื่อ” ที่ถูกหลอกให้ฝากเงินสดเข้าไปส่งไปยัง wallet ของมิจฉาชีพ บริษัท Bitcoin Depot โวยว่าการกระทำแบบนี้คือ “สร้างเหยื่อเพิ่ม” เพราะ: - เงินสดข้างในเป็นของบริษัทแล้วตามกฎหมาย - ทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้วหากมีหมายค้น - แต่แทนที่จะให้บริษัทเปิดให้ กลับเลื่อยเครื่องที่ราคาตั้ง $14,000 ทิ้งไปเลย พวกเขาเตรียมเรียกค่าเสียหายและดำเนินคดีทางกฎหมายกับหน่วยงานท้องถิ่นดังกล่าว โดยระบุว่าเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดถึง 20 ครั้ง/ปีจากทั่วสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-firm-says-police-shouldnt-saw-open-bitcoin-atms-to-seize-cash-for-scammed-customers-will-seek-damages-for-destroyed-machines-firm-claims-seizures-are-criminal-and-victimize-the-company
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ

    ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์

    แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%!

    ไฮไลต์อยู่ตรงนี้:
    - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ
    - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ
    - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม
    - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ”

    ✅ ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง  
    • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป  
    • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย  
    • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย  
    • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99%

    ✅ โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ  
    • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง
    • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย

    ✅ กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์  
    • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม  
    • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining

    ✅ ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa  
    • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ  
    • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ”

    ✅ ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ  
    • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%! ไฮไลต์อยู่ตรงนี้: - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ” ✅ ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง   • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป   • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย   • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย   • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99% ✅ โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ   • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย ✅ กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์   • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม   • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining ✅ ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa   • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ   • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ” ✅ ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ   • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
More Results