• สุชาติ กำชับจัดสรร 'งบกลางฉุกเฉิน' ต้องทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชนใน 8 จังหวัดภาคตะวันออก
    https://www.thai-tai.tv/news/21846/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #งบกลางฉุกเฉิน #เขตตรวจราชการ89 #KPI #ZeroFoodWaste #พัฒนาคุณภาพชีวิต

    สุชาติ กำชับจัดสรร 'งบกลางฉุกเฉิน' ต้องทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชนใน 8 จังหวัดภาคตะวันออก https://www.thai-tai.tv/news/21846/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #งบกลางฉุกเฉิน #เขตตรวจราชการ89 #KPI #ZeroFoodWaste #พัฒนาคุณภาพชีวิต
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • “openSUSE Leap 16 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ปรับโฉมใหม่หมด พร้อมซัพพอร์ตฟรี 24 เดือน และระบบติดตั้งแบบเว็บ”

    หลังจากการพัฒนาอย่างเข้มข้นและการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ openSUSE Leap 16 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งในระดับสถาปัตยกรรม ระบบติดตั้ง และแนวทางการสนับสนุนที่ยาวนานถึง 24 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของดิสโทรสายเสถียรที่ได้รับความนิยมในองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป

    Leap 16 ถูกสร้างขึ้นบนฐานของ SUSE Linux Enterprise 16 (SLES) และแพลตฟอร์มใหม่ SUSE Linux Framework One (SLFO) ซึ่งเคยรู้จักกันในชื่อ ALP ทำให้ Leap 16 ใช้ซอร์สโค้ดและไบนารีเดียวกันกับ SLES และสามารถย้ายไปใช้เวอร์ชันเชิงพาณิชย์ได้อย่างราบรื่น

    หนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการเปลี่ยนระบบติดตั้งจาก YaST ที่ใช้มานานกว่า 30 ปี ไปเป็น Agama ซึ่งเป็นระบบติดตั้งแบบเว็บที่สามารถเข้าถึงจากอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ช่วยให้การติดตั้งสะดวกและทันสมัยมากขึ้น

    Leap 16 ยังเปลี่ยนมาใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลหลักแทน X11 โดยมีเดสก์ท็อปให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ GNOME 48, KDE Plasma 6.4 และ Xfce 4.20 (แบบทดลอง) พร้อมรองรับ XWayland สำหรับแอปเก่า

    ด้านความปลอดภัย Leap 16 เปลี่ยนมาใช้ SELinux เป็นโมดูลหลักแทน AppArmor เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ SLES และเพิ่มการควบคุมสิทธิ์แบบบังคับที่แข็งแกร่งขึ้น

    Leap 16 ยังรองรับเฉพาะระบบ 64-bit โดยต้องใช้ CPU ที่รองรับ x86-64-v2 (ตั้งแต่ปี 2008 ขึ้นไป) และปิดการรองรับ 32-bit โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานได้ด้วย grub2-compat-ia32 และพารามิเตอร์ ia32_emulation=1 สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมผ่าน Steam

    การปรับปรุงอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ, การเปลี่ยน GUI สำหรับจัดการแพ็กเกจจาก YaST ไปเป็น Myrlyn, การเพิ่ม parallel downloads ใน Zypper และการรวม repository ระหว่าง community กับ enterprise ให้เป็น repo-oss เดียว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    openSUSE Leap 16 เปิดตัวพร้อมซัพพอร์ตฟรี 24 เดือน
    สร้างบนฐาน SUSE Linux Enterprise 16 และ SUSE Linux Framework One
    ใช้ซอร์สโค้ดและไบนารีเดียวกันกับ SLES สามารถย้ายไปใช้เชิงพาณิชย์ได้
    เปลี่ยนระบบติดตั้งจาก YaST ไปเป็น Agama แบบเว็บ
    รองรับการติดตั้งจากอุปกรณ์อื่นในเครือข่าย
    ใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลหลัก พร้อม GNOME 48, KDE Plasma 6.4 และ Xfce 4.20
    รองรับ XWayland สำหรับแอปที่ยังใช้ X11
    เปลี่ยนมาใช้ SELinux เป็นโมดูลความปลอดภัยหลัก
    รองรับเฉพาะ CPU ที่มี x86-64-v2 (ปี 2008 ขึ้นไป)
    ปิดการรองรับ 32-bit โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานได้
    เพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ
    เปลี่ยน GUI จัดการแพ็กเกจเป็น Myrlyn
    เพิ่ม parallel downloads ใน Zypper
    รวม repository เป็น repo-oss เดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Agama เป็นระบบติดตั้งที่สามารถควบคุมผ่านเว็บและมี CLI สำหรับผู้ดูแลระบบ
    Wayland ให้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยดีกว่า X11 โดยเฉพาะในระบบสมัยใหม่
    SELinux เป็นระบบควบคุมสิทธิ์แบบ MAC ที่ใช้ใน Red Hat และระบบองค์กรหลายแห่ง
    การรวม repository ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการแพ็กเกจ
    Leap 16 เป็นดิสโทรแรกที่ประกาศรองรับ Y2038 โดยไม่มีปัญหา timestamp overflow

    https://news.itsfoss.com/opensuse-leap-16-release/
    🐧 “openSUSE Leap 16 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ปรับโฉมใหม่หมด พร้อมซัพพอร์ตฟรี 24 เดือน และระบบติดตั้งแบบเว็บ” หลังจากการพัฒนาอย่างเข้มข้นและการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ openSUSE Leap 16 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งในระดับสถาปัตยกรรม ระบบติดตั้ง และแนวทางการสนับสนุนที่ยาวนานถึง 24 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของดิสโทรสายเสถียรที่ได้รับความนิยมในองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป Leap 16 ถูกสร้างขึ้นบนฐานของ SUSE Linux Enterprise 16 (SLES) และแพลตฟอร์มใหม่ SUSE Linux Framework One (SLFO) ซึ่งเคยรู้จักกันในชื่อ ALP ทำให้ Leap 16 ใช้ซอร์สโค้ดและไบนารีเดียวกันกับ SLES และสามารถย้ายไปใช้เวอร์ชันเชิงพาณิชย์ได้อย่างราบรื่น หนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการเปลี่ยนระบบติดตั้งจาก YaST ที่ใช้มานานกว่า 30 ปี ไปเป็น Agama ซึ่งเป็นระบบติดตั้งแบบเว็บที่สามารถเข้าถึงจากอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ช่วยให้การติดตั้งสะดวกและทันสมัยมากขึ้น Leap 16 ยังเปลี่ยนมาใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลหลักแทน X11 โดยมีเดสก์ท็อปให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ GNOME 48, KDE Plasma 6.4 และ Xfce 4.20 (แบบทดลอง) พร้อมรองรับ XWayland สำหรับแอปเก่า ด้านความปลอดภัย Leap 16 เปลี่ยนมาใช้ SELinux เป็นโมดูลหลักแทน AppArmor เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ SLES และเพิ่มการควบคุมสิทธิ์แบบบังคับที่แข็งแกร่งขึ้น Leap 16 ยังรองรับเฉพาะระบบ 64-bit โดยต้องใช้ CPU ที่รองรับ x86-64-v2 (ตั้งแต่ปี 2008 ขึ้นไป) และปิดการรองรับ 32-bit โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานได้ด้วย grub2-compat-ia32 และพารามิเตอร์ ia32_emulation=1 สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมผ่าน Steam การปรับปรุงอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ, การเปลี่ยน GUI สำหรับจัดการแพ็กเกจจาก YaST ไปเป็น Myrlyn, การเพิ่ม parallel downloads ใน Zypper และการรวม repository ระหว่าง community กับ enterprise ให้เป็น repo-oss เดียว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ openSUSE Leap 16 เปิดตัวพร้อมซัพพอร์ตฟรี 24 เดือน ➡️ สร้างบนฐาน SUSE Linux Enterprise 16 และ SUSE Linux Framework One ➡️ ใช้ซอร์สโค้ดและไบนารีเดียวกันกับ SLES สามารถย้ายไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ ➡️ เปลี่ยนระบบติดตั้งจาก YaST ไปเป็น Agama แบบเว็บ ➡️ รองรับการติดตั้งจากอุปกรณ์อื่นในเครือข่าย ➡️ ใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลหลัก พร้อม GNOME 48, KDE Plasma 6.4 และ Xfce 4.20 ➡️ รองรับ XWayland สำหรับแอปที่ยังใช้ X11 ➡️ เปลี่ยนมาใช้ SELinux เป็นโมดูลความปลอดภัยหลัก ➡️ รองรับเฉพาะ CPU ที่มี x86-64-v2 (ปี 2008 ขึ้นไป) ➡️ ปิดการรองรับ 32-bit โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถเปิดใช้งานได้ ➡️ เพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ ➡️ เปลี่ยน GUI จัดการแพ็กเกจเป็น Myrlyn ➡️ เพิ่ม parallel downloads ใน Zypper ➡️ รวม repository เป็น repo-oss เดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Agama เป็นระบบติดตั้งที่สามารถควบคุมผ่านเว็บและมี CLI สำหรับผู้ดูแลระบบ ➡️ Wayland ให้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยดีกว่า X11 โดยเฉพาะในระบบสมัยใหม่ ➡️ SELinux เป็นระบบควบคุมสิทธิ์แบบ MAC ที่ใช้ใน Red Hat และระบบองค์กรหลายแห่ง ➡️ การรวม repository ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการแพ็กเกจ ➡️ Leap 16 เป็นดิสโทรแรกที่ประกาศรองรับ Y2038 โดยไม่มีปัญหา timestamp overflow https://news.itsfoss.com/opensuse-leap-16-release/
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ”

    แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030

    Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

    6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้

    Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย

    แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028
    6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent
    อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์
    6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่
    Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia
    3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21
    Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่
    AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware
    Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI
    Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G
    ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    📡 “5G ยังไม่สุด แต่ 6G กำลังมา — Qualcomm, Verizon และ Meta ร่วมวางรากฐานสู่ยุค AI แบบไร้รอยต่อ” แม้ 5G จะยังไม่เข้าถึงศักยภาพเต็มที่ในหลายประเทศ แต่โลกเทคโนโลยีก็ไม่รอช้า ล่าสุด Qualcomm ได้ประกาศในงาน Snapdragon Summit 2025 ว่า “6G” กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจัง และจะเริ่มมีอุปกรณ์ “pre-commercial” ออกมาในปี 2028 ก่อนจะเข้าสู่การใช้งานจริงในช่วงปี 2030 Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ระบุว่า 6G จะไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น แต่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของยุค AI” โดยอุปกรณ์จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางของระบบที่ประกอบด้วยสมาร์ตวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ, รถยนต์ และอุปกรณ์ edge computing ที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ 6G จะต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลแบบ neural processing unit เพื่อรองรับการทำงานของ AI agent ที่จะมาแทนแอปพลิเคชันแบบเดิม เช่น การจัดการปฏิทิน, การจองร้านอาหาร, การส่งอีเมล — ทั้งหมดจะถูกจัดการโดย AI ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้ Verizon ก็ได้จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia เพื่อกำหนด use case ใหม่ ๆ เช่น การใช้แว่นตาเป็นอินเทอร์เฟซหลัก, การเชื่อมต่อ edge-cloud แบบไร้รอยต่อ และการใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อสร้างระบบที่ “เข้าใจ” ผู้ใช้มากกว่าที่เคย แม้จะยังไม่มีมาตรฐาน 6G อย่างเป็นทางการ แต่ 3GPP ได้เริ่มศึกษาแล้วใน Release 20 และคาดว่า Release 21 จะเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน 6G ที่แท้จริงในช่วงปลายทศวรรษนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm ประกาศว่าอุปกรณ์ 6G แบบ pre-commercial จะเริ่มออกในปี 2028 ➡️ 6G จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของยุค AI โดยเน้น edge computing และ AI agent ➡️ อุปกรณ์จะทำงานร่วมกัน เช่น สมาร์ตวอทช์, แว่นตา, รถยนต์ และโทรศัพท์ ➡️ 6G ต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น neural processing unit และ memory system แบบใหม่ ➡️ Verizon จัดงาน 6G Innovation Forum ร่วมกับ Meta, Samsung, Ericsson และ Nokia ➡️ 3GPP เริ่มศึกษา 6G แล้วใน Release 20 และจะมีมาตรฐานใน Release 21 ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Adobe, Asus, HP, Lenovo และ Razer เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่ ➡️ AI agent จะมาแทนแอปแบบเดิม โดยเข้าใจเจตนาและบริบทของผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 5G Advanced จะเป็นรากฐานของ 6G โดยเน้น latency ต่ำและการเชื่อมต่อแบบ context-aware ➡️ Snapdragon Cockpit Elite platform ของ Qualcomm ถูกใช้ในรถยนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ AI ➡️ Edge AI ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง cloud ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ➡️ แว่นตาอัจฉริยะ เช่น Meta Ray-Ban และ Xreal Project Aura จะเป็นอุปกรณ์หลักในยุค 6G ➡️ ตลาด edge AI และอุปกรณ์เชื่อมต่อคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $200 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/04/5g-hasnt-yet-hit-its-stride-but-6g-is-already-on-the-horizon
    WWW.THESTAR.COM.MY
    5G hasn’t yet hit its stride, but 6G is already on the horizon
    The companies that power telecom providers are already laying the groundwork for 6G communications.
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • “แนน หทัยรัตน์” สไตลิสต์คู่บุญ “ลิซ่า” : [News story]

    ตามไปเปิดวาร์ป “แนน” สไตลิสต์ “ลิซ่า BLACKPINK” หลายคนอยากรู้จักคนที่ครีเอตลุคเริด ๆ ให้เธอได้สุดปัง
    “แนน หทัยรัตน์” สไตลิสต์คู่บุญ “ลิซ่า” : [News story] ตามไปเปิดวาร์ป “แนน” สไตลิสต์ “ลิซ่า BLACKPINK” หลายคนอยากรู้จักคนที่ครีเอตลุคเริด ๆ ให้เธอได้สุดปัง
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 273 Views 0 0 Reviews
  • “openSUSE Leap 16 เปิดตัวแล้ว — ปรับโฉมด้วย Agama, SELinux และ Linux Kernel 6.12 LTS พร้อมรองรับอนาคตองค์กร”

    openSUSE ประกาศเปิดตัว Leap 16 อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของดิสโทรสายเสถียรที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว (LTS) รุ่นนี้ถูกพัฒนาบนพื้นฐาน SUSE Linux Enterprise Server (SLES) 16 และใช้โครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า SUSE Linux Framework One (ชื่อเดิมคือ Adaptable Linux Platform หรือ ALP) พร้อมขับเคลื่อนด้วย Linux Kernel 6.12 LTS ที่เน้นความเสถียรและความปลอดภัยสำหรับองค์กร

    หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเปลี่ยนตัวติดตั้งจาก YaST มาเป็น Agama ซึ่งพัฒนาโดยทีมเดียวกันกับ YaST แต่เน้นความยืดหยุ่นมากขึ้น รองรับการติดตั้งดิสโทรอื่น ๆ ของ openSUSE เช่น Tumbleweed, Slowroll และ MicroOS ได้ด้วย

    Leap 16 ยังเปลี่ยนระบบควบคุมสิทธิ์จาก AppArmor มาใช้ SELinux เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าในแวดวงความปลอดภัยระดับสูง และมีชุมชนพัฒนา upstream ที่แข็งแกร่งกว่า

    ด้านประสิทธิภาพ Leap 16 ปรับปรุงระบบจัดการ repository โดยใช้ RIS-based repository management ที่แยกตามสถาปัตยกรรม ทำให้ metadata มีขนาดเล็กลงและรีเฟรชได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Zypper ให้รองรับการดาวน์โหลดแพ็กเกจแบบขนาน (parallel downloads) เพื่อเร่งความเร็วในการติดตั้งและอัปเดต

    Leap 16 ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ เช่น Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ และ Myrlyn ซึ่งมาแทน YaST Qt GUI สำหรับการติดตั้งซอฟต์แวร์ โดย Leap 16 ได้ถอดการรองรับ SysV init ออกอย่างสมบูรณ์แล้ว

    ผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้ง Leap 16 ได้ทั้งแบบไม่มี GUI (Base) หรือใช้ GNOME 48, KDE Plasma 6.4 หรือ Xfce 4.20 เป็นเดสก์ท็อป โดยรองรับสถาปัตยกรรมหลากหลาย เช่น x86_64 v2, AArch64, ppc64le และ s390x รวมถึงมีภาพติดตั้งแบบ OEM เป็นครั้งแรก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    openSUSE Leap 16 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 ตุลาคม 2025
    พัฒนาบน SUSE Linux Framework One และใช้ Linux Kernel 6.12 LTS
    เปลี่ยนตัวติดตั้งจาก YaST มาเป็น Agama ที่ยืดหยุ่นและรองรับหลายดิสโทร
    เปลี่ยนระบบควบคุมสิทธิ์จาก AppArmor มาใช้ SELinux เป็นค่าเริ่มต้น
    ปรับปรุง repository ด้วย RIS-based management แยกตามสถาปัตยกรรม
    Zypper รองรับการดาวน์โหลดแพ็กเกจแบบขนาน เพิ่มความเร็วในการติดตั้ง
    เพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบ และ Myrlyn แทน YaST Qt GUI
    ถอดการรองรับ SysV init ออกอย่างสมบูรณ์
    รองรับ GNOME 48, KDE Plasma 6.4, Xfce 4.20 และมีภาพติดตั้งแบบ OEM
    รองรับสถาปัตยกรรม x86_64 v2, AArch64, ppc64le และ s390x
    สนับสนุนการอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยเป็นเวลา 24 เดือน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SELinux ถูกใช้เป็นมาตรฐานในหลายระบบองค์กร เช่น Red Hat และ Fedora
    Agama installer ถูกออกแบบให้รองรับการติดตั้งแบบอัตโนมัติและ third-party integration
    Cockpit เป็นเครื่องมือจัดการระบบผ่านเว็บที่ได้รับความนิยมในดิสโทรองค์กร
    Myrlyn เป็น GUI ใหม่ที่เน้นความเบาและการจัดการ repository ได้ดีขึ้น
    Leap 16 เป็นรุ่นแรกที่ไม่รองรับเครื่องที่ไม่ใช่ x86_64 v2 อีกต่อไป

    https://9to5linux.com/opensuse-leap-16-is-now-available-for-download-with-linux-kernel-6-12-lts
    🐧 “openSUSE Leap 16 เปิดตัวแล้ว — ปรับโฉมด้วย Agama, SELinux และ Linux Kernel 6.12 LTS พร้อมรองรับอนาคตองค์กร” openSUSE ประกาศเปิดตัว Leap 16 อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของดิสโทรสายเสถียรที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว (LTS) รุ่นนี้ถูกพัฒนาบนพื้นฐาน SUSE Linux Enterprise Server (SLES) 16 และใช้โครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า SUSE Linux Framework One (ชื่อเดิมคือ Adaptable Linux Platform หรือ ALP) พร้อมขับเคลื่อนด้วย Linux Kernel 6.12 LTS ที่เน้นความเสถียรและความปลอดภัยสำหรับองค์กร หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเปลี่ยนตัวติดตั้งจาก YaST มาเป็น Agama ซึ่งพัฒนาโดยทีมเดียวกันกับ YaST แต่เน้นความยืดหยุ่นมากขึ้น รองรับการติดตั้งดิสโทรอื่น ๆ ของ openSUSE เช่น Tumbleweed, Slowroll และ MicroOS ได้ด้วย Leap 16 ยังเปลี่ยนระบบควบคุมสิทธิ์จาก AppArmor มาใช้ SELinux เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าในแวดวงความปลอดภัยระดับสูง และมีชุมชนพัฒนา upstream ที่แข็งแกร่งกว่า ด้านประสิทธิภาพ Leap 16 ปรับปรุงระบบจัดการ repository โดยใช้ RIS-based repository management ที่แยกตามสถาปัตยกรรม ทำให้ metadata มีขนาดเล็กลงและรีเฟรชได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Zypper ให้รองรับการดาวน์โหลดแพ็กเกจแบบขนาน (parallel downloads) เพื่อเร่งความเร็วในการติดตั้งและอัปเดต Leap 16 ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ เช่น Cockpit สำหรับจัดการระบบผ่านเว็บ และ Myrlyn ซึ่งมาแทน YaST Qt GUI สำหรับการติดตั้งซอฟต์แวร์ โดย Leap 16 ได้ถอดการรองรับ SysV init ออกอย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้ง Leap 16 ได้ทั้งแบบไม่มี GUI (Base) หรือใช้ GNOME 48, KDE Plasma 6.4 หรือ Xfce 4.20 เป็นเดสก์ท็อป โดยรองรับสถาปัตยกรรมหลากหลาย เช่น x86_64 v2, AArch64, ppc64le และ s390x รวมถึงมีภาพติดตั้งแบบ OEM เป็นครั้งแรก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ openSUSE Leap 16 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 ตุลาคม 2025 ➡️ พัฒนาบน SUSE Linux Framework One และใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ เปลี่ยนตัวติดตั้งจาก YaST มาเป็น Agama ที่ยืดหยุ่นและรองรับหลายดิสโทร ➡️ เปลี่ยนระบบควบคุมสิทธิ์จาก AppArmor มาใช้ SELinux เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ปรับปรุง repository ด้วย RIS-based management แยกตามสถาปัตยกรรม ➡️ Zypper รองรับการดาวน์โหลดแพ็กเกจแบบขนาน เพิ่มความเร็วในการติดตั้ง ➡️ เพิ่ม Cockpit สำหรับจัดการระบบ และ Myrlyn แทน YaST Qt GUI ➡️ ถอดการรองรับ SysV init ออกอย่างสมบูรณ์ ➡️ รองรับ GNOME 48, KDE Plasma 6.4, Xfce 4.20 และมีภาพติดตั้งแบบ OEM ➡️ รองรับสถาปัตยกรรม x86_64 v2, AArch64, ppc64le และ s390x ➡️ สนับสนุนการอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยเป็นเวลา 24 เดือน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SELinux ถูกใช้เป็นมาตรฐานในหลายระบบองค์กร เช่น Red Hat และ Fedora ➡️ Agama installer ถูกออกแบบให้รองรับการติดตั้งแบบอัตโนมัติและ third-party integration ➡️ Cockpit เป็นเครื่องมือจัดการระบบผ่านเว็บที่ได้รับความนิยมในดิสโทรองค์กร ➡️ Myrlyn เป็น GUI ใหม่ที่เน้นความเบาและการจัดการ repository ได้ดีขึ้น ➡️ Leap 16 เป็นรุ่นแรกที่ไม่รองรับเครื่องที่ไม่ใช่ x86_64 v2 อีกต่อไป https://9to5linux.com/opensuse-leap-16-is-now-available-for-download-with-linux-kernel-6-12-lts
    9TO5LINUX.COM
    openSUSE Leap 16 Is Now Available for Download with Linux Kernel 6.12 LTS - 9to5Linux
    openSUSE Leap 16 operating system is now available for download as a major update based on SUSE Linux Enterprise 16 and Linux 6.12 LTS.
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • “พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมจาก Peugeot — เมื่อรถยนต์กลายเป็นเกม และการขับขี่กลายเป็นประสบการณ์ใหม่”

    Peugeot เตรียมเปิดตัวรถต้นแบบรุ่นใหม่ชื่อว่า “Polygon” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นการพรีวิวรถรุ่น 208 เจเนอเรชันที่สาม โดยจุดเด่นที่สุดของรถคันนี้คือพวงมาลัยแบบใหม่ที่เรียกว่า “Hypersquare” ซึ่งมีรูปทรงสี่เหลี่ยมและทำงานด้วยระบบ “steer-by-wire” หรือการควบคุมพวงมาลัยผ่านสัญญาณไฟฟ้าโดยไม่มีการเชื่อมต่อทางกลไกกับล้อหน้าอีกต่อไป

    Hypersquare ไม่ใช่แค่พวงมาลัยทรงแปลก — มันถูกออกแบบให้คล้ายกับจอยเกม โดยมีพื้นที่จับแบบ recessed และปุ่มควบคุมที่ใช้นิ้วโป้งกดได้ทันที Peugeot ระบุว่าการควบคุมจะใช้ “ท่าทางใหม่” ที่ทำให้การขับขี่เป็นเรื่องสนุกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    รถต้นแบบ Polygon จะมาพร้อมหน้าจอลอยขนาด 21 นิ้ว และใช้แพลตฟอร์ม STLA Small ของ Stellantis ซึ่งรองรับทั้งระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบและไฮบริด โดย CEO ของ Peugeot ยืนยันว่า Hypersquare จะถูกนำไปใช้ในรถผลิตจริงภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ระบบ steer-by-wire ถูกใช้ในรถของ Stellantis

    แม้แนวคิดนี้จะดูล้ำยุค แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจเป็น “นวัตกรรมที่มากเกินไป” เพราะพวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมเคยถูกทดลองมาแล้วในอดีต เช่น Austin Allegro ในปี 1972 ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องเปลี่ยนกลับเป็นทรงกลมในเวลาไม่นาน

    Peugeot หวังว่าการออกแบบนี้จะเป็นก้าวต่อไปของระบบ i-Cockpit ที่เน้นความล้ำสมัยและการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถ แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความรู้สึกในการขับขี่ และความปลอดภัยที่ผู้ใช้ยังไม่มั่นใจ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Peugeot เตรียมเปิดตัวรถต้นแบบ Polygon ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    รถจะพรีวิวรุ่น 208 เจเนอเรชันที่สาม และใช้แพลตฟอร์ม STLA Small
    จุดเด่นคือพวงมาลัย Hypersquare ทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้ระบบ steer-by-wire
    Hypersquare มีพื้นที่จับแบบ recessed และปุ่มควบคุมที่ใช้นิ้วโป้งกด
    ระบบควบคุมใช้ “ท่าทางใหม่” ที่คล้ายกับจอยเกม
    CEO Peugeot ยืนยันว่าจะนำ Hypersquare ไปใช้ในรถผลิตจริงภายในปี 2026
    Polygon จะมีหน้าจอลอยขนาด 21 นิ้ว และดีไซน์ภายในแบบล้ำยุค
    ระบบ i-Cockpit จะถูกพัฒนาให้ล้ำขึ้นอีกขั้นผ่าน Hypersquare

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมเคยถูกใช้ใน Austin Allegro ปี 1972 และถูกวิจารณ์อย่างหนัก
    BMW Z22 เคยทดลองระบบ steer-by-wire โดยใช้สัญญาณไฟฟ้าแทนกลไก
    Tesla เคยใช้พวงมาลัยแบบ yoke แต่ถูกถอดออกจากรุ่นพื้นฐานเพราะผู้ใช้ไม่ชอบ
    STLA Small เป็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Stellantis ที่รองรับทั้ง EV และ hybrid
    Hypersquare อาจช่วยให้การออกแบบภายในรถมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/yes-really-peugeots-next-concept-car-will-have-a-square-steering-wheel-that-works-like-a-video-game-controller
    🎮 “พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมจาก Peugeot — เมื่อรถยนต์กลายเป็นเกม และการขับขี่กลายเป็นประสบการณ์ใหม่” Peugeot เตรียมเปิดตัวรถต้นแบบรุ่นใหม่ชื่อว่า “Polygon” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นการพรีวิวรถรุ่น 208 เจเนอเรชันที่สาม โดยจุดเด่นที่สุดของรถคันนี้คือพวงมาลัยแบบใหม่ที่เรียกว่า “Hypersquare” ซึ่งมีรูปทรงสี่เหลี่ยมและทำงานด้วยระบบ “steer-by-wire” หรือการควบคุมพวงมาลัยผ่านสัญญาณไฟฟ้าโดยไม่มีการเชื่อมต่อทางกลไกกับล้อหน้าอีกต่อไป Hypersquare ไม่ใช่แค่พวงมาลัยทรงแปลก — มันถูกออกแบบให้คล้ายกับจอยเกม โดยมีพื้นที่จับแบบ recessed และปุ่มควบคุมที่ใช้นิ้วโป้งกดได้ทันที Peugeot ระบุว่าการควบคุมจะใช้ “ท่าทางใหม่” ที่ทำให้การขับขี่เป็นเรื่องสนุกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น รถต้นแบบ Polygon จะมาพร้อมหน้าจอลอยขนาด 21 นิ้ว และใช้แพลตฟอร์ม STLA Small ของ Stellantis ซึ่งรองรับทั้งระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบและไฮบริด โดย CEO ของ Peugeot ยืนยันว่า Hypersquare จะถูกนำไปใช้ในรถผลิตจริงภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ระบบ steer-by-wire ถูกใช้ในรถของ Stellantis แม้แนวคิดนี้จะดูล้ำยุค แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจเป็น “นวัตกรรมที่มากเกินไป” เพราะพวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมเคยถูกทดลองมาแล้วในอดีต เช่น Austin Allegro ในปี 1972 ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องเปลี่ยนกลับเป็นทรงกลมในเวลาไม่นาน Peugeot หวังว่าการออกแบบนี้จะเป็นก้าวต่อไปของระบบ i-Cockpit ที่เน้นความล้ำสมัยและการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถ แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความรู้สึกในการขับขี่ และความปลอดภัยที่ผู้ใช้ยังไม่มั่นใจ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Peugeot เตรียมเปิดตัวรถต้นแบบ Polygon ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ รถจะพรีวิวรุ่น 208 เจเนอเรชันที่สาม และใช้แพลตฟอร์ม STLA Small ➡️ จุดเด่นคือพวงมาลัย Hypersquare ทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้ระบบ steer-by-wire ➡️ Hypersquare มีพื้นที่จับแบบ recessed และปุ่มควบคุมที่ใช้นิ้วโป้งกด ➡️ ระบบควบคุมใช้ “ท่าทางใหม่” ที่คล้ายกับจอยเกม ➡️ CEO Peugeot ยืนยันว่าจะนำ Hypersquare ไปใช้ในรถผลิตจริงภายในปี 2026 ➡️ Polygon จะมีหน้าจอลอยขนาด 21 นิ้ว และดีไซน์ภายในแบบล้ำยุค ➡️ ระบบ i-Cockpit จะถูกพัฒนาให้ล้ำขึ้นอีกขั้นผ่าน Hypersquare ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมเคยถูกใช้ใน Austin Allegro ปี 1972 และถูกวิจารณ์อย่างหนัก ➡️ BMW Z22 เคยทดลองระบบ steer-by-wire โดยใช้สัญญาณไฟฟ้าแทนกลไก ➡️ Tesla เคยใช้พวงมาลัยแบบ yoke แต่ถูกถอดออกจากรุ่นพื้นฐานเพราะผู้ใช้ไม่ชอบ ➡️ STLA Small เป็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Stellantis ที่รองรับทั้ง EV และ hybrid ➡️ Hypersquare อาจช่วยให้การออกแบบภายในรถมีความยืดหยุ่นมากขึ้น https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/yes-really-peugeots-next-concept-car-will-have-a-square-steering-wheel-that-works-like-a-video-game-controller
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/WTvHxoRZQvY?si=h-I3JtLAuTEfKPiZ
    https://youtu.be/WTvHxoRZQvY?si=h-I3JtLAuTEfKPiZ
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • ผบ.ทบ.ทำไมไม่ย้าย มทภ.1นี้ออกจากพื้นที่ทันที,แปลกใจมาก,ทำไมยังมายืนคุมกำลังทหารภาค.1ปกติอีก,ประชาชนเขารับไม่ได้นานแล้ว,ไม่ไว้วางใจด้วย,อ.วีระฟ้อง ม.157อีก,โดยส่วนใหญ่คนแบบนีัจะทำงานไม่เต็มที่จริงแล้ว,ทั้งติดโผ.ขึ้นผบ.ทบ.อีก,บ้านเมืองเราจะอันตรายมากถ้าคนลักษณะนี้ขึ้นเป็นใหญ่ คนไทยไม่ได้กินแกลบนะ,ถ้ามีแพลตฟอร์มลงมติออรไลน์จากประชาชนว่า สมควรย้ายมทภ.1ออกจากพื้นที่ภาค1ทันทีหรือไม่ ประชาชนกว่า20ล้านคน ลงมติให้ย้ายทันทีแน่นอน.ผลงานเปรียบเทียบกับภาค2แล้ว แค่บ้านหนองจานกระจอกมาก กากด้วยแต่ไม่มีฝีมือจัดการปัญหาเด็ดขาดอะไรและปล่อยให้เนิ่นนานมาถึงเวลานี้ได้อย่างไร เสมือนกำจัดเพาะเลี้ยงไฟไว้ด้วย,เพาะเชื้อรออะไรบ้างอย่าง อย่างมีเป้าหมาย หรือรอ มทภ.2ลงจากตำแหน่งเกษียณอายุไปเหรอ,ฮุนเซนจะยึด11จุดคืน,
    ..ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ทบ.เราระบบบริหารจัดการมีปัญหาจริงๆ,เขมรบ้านหนองจานเข้ามายั่วยุบนแผ่นดินไทยภายใต้กฎอัยการศึกแท้ๆแต่ไม่มีปัญญาจัดการเขมรพวกนี้จริง,ตีโอบจัดการทหารเขมรที่ยืนคุมด้านหลังก็ได้ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ทหารเขมรด้านหลังก็ได้,
    ..สรุป ทำผลักดันคนเขมรออกจากหลัก46,47จริงอะไรเลย,เสียถึง ผบ.ทบ.และผบ.เหล่าทัพด้วย.กองทัพมีความไม่ปกติภายในด้วย.

    https://youtube.com/shorts/tQmKPICy8ok?si=BSzIuackLEUnL01J
    ผบ.ทบ.ทำไมไม่ย้าย มทภ.1นี้ออกจากพื้นที่ทันที,แปลกใจมาก,ทำไมยังมายืนคุมกำลังทหารภาค.1ปกติอีก,ประชาชนเขารับไม่ได้นานแล้ว,ไม่ไว้วางใจด้วย,อ.วีระฟ้อง ม.157อีก,โดยส่วนใหญ่คนแบบนีัจะทำงานไม่เต็มที่จริงแล้ว,ทั้งติดโผ.ขึ้นผบ.ทบ.อีก,บ้านเมืองเราจะอันตรายมากถ้าคนลักษณะนี้ขึ้นเป็นใหญ่ คนไทยไม่ได้กินแกลบนะ,ถ้ามีแพลตฟอร์มลงมติออรไลน์จากประชาชนว่า สมควรย้ายมทภ.1ออกจากพื้นที่ภาค1ทันทีหรือไม่ ประชาชนกว่า20ล้านคน ลงมติให้ย้ายทันทีแน่นอน.ผลงานเปรียบเทียบกับภาค2แล้ว แค่บ้านหนองจานกระจอกมาก กากด้วยแต่ไม่มีฝีมือจัดการปัญหาเด็ดขาดอะไรและปล่อยให้เนิ่นนานมาถึงเวลานี้ได้อย่างไร เสมือนกำจัดเพาะเลี้ยงไฟไว้ด้วย,เพาะเชื้อรออะไรบ้างอย่าง อย่างมีเป้าหมาย หรือรอ มทภ.2ลงจากตำแหน่งเกษียณอายุไปเหรอ,ฮุนเซนจะยึด11จุดคืน, ..ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ทบ.เราระบบบริหารจัดการมีปัญหาจริงๆ,เขมรบ้านหนองจานเข้ามายั่วยุบนแผ่นดินไทยภายใต้กฎอัยการศึกแท้ๆแต่ไม่มีปัญญาจัดการเขมรพวกนี้จริง,ตีโอบจัดการทหารเขมรที่ยืนคุมด้านหลังก็ได้ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ทหารเขมรด้านหลังก็ได้, ..สรุป ทำผลักดันคนเขมรออกจากหลัก46,47จริงอะไรเลย,เสียถึง ผบ.ทบ.และผบ.เหล่าทัพด้วย.กองทัพมีความไม่ปกติภายในด้วย. https://youtube.com/shorts/tQmKPICy8ok?si=BSzIuackLEUnL01J
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้น่าห่วง ทั่วโลกกำลัง “ตุนโดรน” สิ่งนี้อาจต้องเกิด [18/8/68]
    Worrying sign: The world is stockpiling drones — this might soon become inevitable.

    #TruthFromThailand
    #DroneWarfare
    #GlobalSecurity
    #ตุนโดรน
    #สงครามอนาคต
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    ข่าวนี้น่าห่วง ทั่วโลกกำลัง “ตุนโดรน” สิ่งนี้อาจต้องเกิด [18/8/68] Worrying sign: The world is stockpiling drones — this might soon become inevitable. #TruthFromThailand #DroneWarfare #GlobalSecurity #ตุนโดรน #สงครามอนาคต #ThaiTimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 0 Reviews
  • หลายองค์กรยังมอง CISO เป็น “ฝ่าย IT” ที่คอยกันภัยอยู่ท้ายขบวน แต่วันนี้ CISO ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น พาร์ตเนอร์ธุรกิจ ที่ตอบคำถาม CEO ได้ว่า “เราปลอดภัยพอจะเดินหน้าต่อหรือยัง?”

    ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป — คำถามสำคัญกลายเป็นเรื่องแบบนี้:
    - ทีมเราทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น หรือแค่เป็นตัวถ่วง?
    - ดาต้าอยู่ตรงไหนจริง ๆ กันแน่ (รวม shadow IT ด้วยไหม)?
    - สิ่งที่เราทำ ถูกมองว่า "ช่วย" หรือ "ขวาง" คนอื่น?
    - เราเล่าเรื่องความเสี่ยงให้ผู้บริหารเข้าใจได้ หรือยังพูดแบบเทคนิคจ๋าจนไม่มีใครฟัง?

    และที่น่าสนใจคือ… AI เองก็เปลี่ยนบทบาททีม Cyber แล้ว — จากคนทำ log analysis → กลายเป็นผู้ช่วยหาช่องโหว่แบบอัตโนมัติ ดังนั้นคำถามที่เพิ่มขึ้นคือ “เราจะใช้ AI เสริมทีม หรือโดนแทนที่?”

    คำถามสำคัญ:

    CISO ควรถามตัวเองว่าเป็น “ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ” หรือ “ตัวถ่วง”  
    • ถ้าทีมอื่นไม่อยากชวนเราเข้าประชุมช่วงวางแผน อาจมีปัญหาเรื่อง perception  
    • ควรเปลี่ยนบทบาทจาก “ตำรวจ” เป็น “ที่ปรึกษา”

    กลยุทธ์รักษาความปลอดภัยต้องสมดุลกับระดับความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้  
    • ปิดทุกอย่างไม่ได้ = ธุรกิจหยุด  
    • เปิดหมด = เสี่ยงเกินไป  
    • ต้อง “รู้จังหวะว่าเสี่ยงแค่ไหนถึงพอเหมาะ”

    ข้อมูลประเภทไหนอยู่ที่ไหน = หัวใจของแผน Cyber  
    • หลายองค์กรมี “ข้อมูลลับ” ที่หลุดอยู่นอกระบบหลัก เช่น shared drive, shadow IT  
    • รวมถึงดาต้าจากบริษัทที่ควบรวมมา

    วัดผลแบบไหนถึงจะสื่อสารกับบอร์ดได้ดี?  
    • อย่าวัดแค่ patch กี่เครื่อง หรือ alert เยอะแค่ไหน  
    • ควรวัดว่า “สิ่งที่ทำ” ส่งผลยังไงกับ KPI ธุรกิจ เช่น revenue loss prevented

    พูดแบบ technical จ๋าเกินไป = ผู้บริหารไม่เข้าใจความเสี่ยงจริง  
    • ต้องฝึกเล่าเรื่อง “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ไม่ใช่แค่ “config ผิด”

    วัฒนธรรมทีมก็สำคัญ: ทีมเรากล้าท้าทายความเห็น CISO ไหม?  
    • ถ้าไม่มี dissent = ผู้นำอาจมองไม่เห็น blind spot ตัวเอง

    ลูกค้าต้องการให้เราทำอะไรด้านความปลอดภัยบ้าง?  
    • วิเคราะห์จาก security questionnaire ที่ลูกค้าส่ง  
    • ใช้เป็น data สร้าง business case ได้ว่า “ถ้าไม่ทำ = เสียรายได้กลุ่มนี้”

    AI จะเปลี่ยนวิธีจัดทีม Cyber อย่างไร?  
    • ลดความต้องการคน entry-level (SOC Tier 1)  
    • ต้องเน้นฝึก analyst ที่เก่งขึ้น (Tier 2+) ที่รู้จัก “ทำงานร่วมกับ AI”

    ความเสี่ยงใหม่ไม่ได้มาจาก Zero-day เสมอไป — แต่มาจาก “สิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่”  
    • เช่น ระบบเก่า, S3 bucket ที่ลืมปิด, API ใหม่ที่ไม่มีคนดู

    CISO ควรถามว่า: “ศัตรูเราเป็นใคร และเขาจะมาโจมตีช่องไหน?”  
    • วางแผนจาก threat model และจัด stack ให้พร้อมต่ออนาคต เช่น Quantum-resistant crypto

    https://www.csoonline.com/article/4009212/10-tough-cybersecurity-questions-every-ciso-must-answer.html
    หลายองค์กรยังมอง CISO เป็น “ฝ่าย IT” ที่คอยกันภัยอยู่ท้ายขบวน แต่วันนี้ CISO ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น พาร์ตเนอร์ธุรกิจ ที่ตอบคำถาม CEO ได้ว่า “เราปลอดภัยพอจะเดินหน้าต่อหรือยัง?” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคอีกต่อไป — คำถามสำคัญกลายเป็นเรื่องแบบนี้: - ทีมเราทำให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น หรือแค่เป็นตัวถ่วง? - ดาต้าอยู่ตรงไหนจริง ๆ กันแน่ (รวม shadow IT ด้วยไหม)? - สิ่งที่เราทำ ถูกมองว่า "ช่วย" หรือ "ขวาง" คนอื่น? - เราเล่าเรื่องความเสี่ยงให้ผู้บริหารเข้าใจได้ หรือยังพูดแบบเทคนิคจ๋าจนไม่มีใครฟัง? และที่น่าสนใจคือ… AI เองก็เปลี่ยนบทบาททีม Cyber แล้ว — จากคนทำ log analysis → กลายเป็นผู้ช่วยหาช่องโหว่แบบอัตโนมัติ ดังนั้นคำถามที่เพิ่มขึ้นคือ “เราจะใช้ AI เสริมทีม หรือโดนแทนที่?” คำถามสำคัญ: ✅ CISO ควรถามตัวเองว่าเป็น “ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ” หรือ “ตัวถ่วง”   • ถ้าทีมอื่นไม่อยากชวนเราเข้าประชุมช่วงวางแผน อาจมีปัญหาเรื่อง perception   • ควรเปลี่ยนบทบาทจาก “ตำรวจ” เป็น “ที่ปรึกษา” ✅ กลยุทธ์รักษาความปลอดภัยต้องสมดุลกับระดับความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้   • ปิดทุกอย่างไม่ได้ = ธุรกิจหยุด   • เปิดหมด = เสี่ยงเกินไป   • ต้อง “รู้จังหวะว่าเสี่ยงแค่ไหนถึงพอเหมาะ” ✅ ข้อมูลประเภทไหนอยู่ที่ไหน = หัวใจของแผน Cyber   • หลายองค์กรมี “ข้อมูลลับ” ที่หลุดอยู่นอกระบบหลัก เช่น shared drive, shadow IT   • รวมถึงดาต้าจากบริษัทที่ควบรวมมา ✅ วัดผลแบบไหนถึงจะสื่อสารกับบอร์ดได้ดี?   • อย่าวัดแค่ patch กี่เครื่อง หรือ alert เยอะแค่ไหน   • ควรวัดว่า “สิ่งที่ทำ” ส่งผลยังไงกับ KPI ธุรกิจ เช่น revenue loss prevented ✅ พูดแบบ technical จ๋าเกินไป = ผู้บริหารไม่เข้าใจความเสี่ยงจริง   • ต้องฝึกเล่าเรื่อง “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ไม่ใช่แค่ “config ผิด” ✅ วัฒนธรรมทีมก็สำคัญ: ทีมเรากล้าท้าทายความเห็น CISO ไหม?   • ถ้าไม่มี dissent = ผู้นำอาจมองไม่เห็น blind spot ตัวเอง ✅ ลูกค้าต้องการให้เราทำอะไรด้านความปลอดภัยบ้าง?   • วิเคราะห์จาก security questionnaire ที่ลูกค้าส่ง   • ใช้เป็น data สร้าง business case ได้ว่า “ถ้าไม่ทำ = เสียรายได้กลุ่มนี้” ✅ AI จะเปลี่ยนวิธีจัดทีม Cyber อย่างไร?   • ลดความต้องการคน entry-level (SOC Tier 1)   • ต้องเน้นฝึก analyst ที่เก่งขึ้น (Tier 2+) ที่รู้จัก “ทำงานร่วมกับ AI” ✅ ความเสี่ยงใหม่ไม่ได้มาจาก Zero-day เสมอไป — แต่มาจาก “สิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่”   • เช่น ระบบเก่า, S3 bucket ที่ลืมปิด, API ใหม่ที่ไม่มีคนดู ✅ CISO ควรถามว่า: “ศัตรูเราเป็นใคร และเขาจะมาโจมตีช่องไหน?”   • วางแผนจาก threat model และจัด stack ให้พร้อมต่ออนาคต เช่น Quantum-resistant crypto https://www.csoonline.com/article/4009212/10-tough-cybersecurity-questions-every-ciso-must-answer.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 tough cybersecurity questions every CISO must answer
    From anticipating new threats to balancing risk management and business enablement, CISOs face a range of complex challenges that require continual reflection and strategic execution.
    0 Comments 0 Shares 333 Views 0 Reviews
  • From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know

    K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.)

    Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande.

    To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know.

    Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs.

    bias
    In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans.

    Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.)

    biaswrecker
    Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is.

    sasaeng
    One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s.

    comeback
    When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback.

    Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June?

    nugu
    This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would.

    visual
    In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more.

    aegyo
    Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population.

    Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game.

    maknae
    Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on.

    trainee
    When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today.

    subunit
    In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit).

    antis
    Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life.

    delulu
    This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng.

    Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu.

    solo stan
    When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups.

    photocard
    Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars.

    the Big 3
    In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.”

    netizen
    The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.) Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande. To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know. Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs. bias In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans. Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.) biaswrecker Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is. sasaeng One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s. comeback When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback. Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June? nugu This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would. visual In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more. aegyo Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population. Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game. maknae Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on. trainee When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today. subunit In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit). antis Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life. delulu This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng. Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu. solo stan When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups. photocard Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars. the Big 3 In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.” netizen The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 1172 Views 0 Reviews
  • ..เราอยู่ในโดม,แล้วมันต่างอะไรกับเขาในหนังเรื่องนี้,หรือกำแพงน้ำแข็งก็ด้วบ,บวกในแต่ละประเทศมากมายหลายๆชาติเสือกไปผีบ้าผีบอไปเซ็นต์mouร่วมกันห่าอะไรไม่รู้ว่าจะไม่หนีออกจากกำแพงน้ำแข็งนี้พะนะ,หรือจะไม่ออกไปสำรวจอีกด้านของกำแพงน้ำแข็งนี้,มันจึงสะท้อนข้อความภายในว่า ,ผู้นำและผู้ปกครองในแต่ละประเทศนั้นๆที่ไปทำข้อตกลงผีบ้าผีบ้อนี้สิ้นสถานะในผู้นำผู้ปกครองของแต่ละประเทศนั้นๆ,ชั่วเลวและเผด็จการ ลงนามในข้อตกลงตามอำเภอใจเอง,เหยียบย่ำเจตจำนงเสรีของปัจเจกชีวิตมนุษย์ในแต่ละบุคคลอย่างหน้าไม่อายในอิสระทางเลือกของเขา,ตนเองก็มีสิทธิ์1เจตจำนงเสรีเหมือนชีวิตมนุษย์คนอื่นๆ,ได้รับความยินยอมเป็นมติเสียงส่วนรวมของประชาชนเขาก็ไม่ใช่,การอ้างสิทธิ์ว่าตนปกครองประเทศนั้นๆก็ใช่ที่เพราะหลายๆประเทศมีอธิปไตยเป็นสิทธิ์เฉพาะคนของบุคคลต่างๆ,เขามิได้มีเจตนาทางตรงว่าอนุญาตให้ปิดตาปิดหูเขายินยอมให้ลงนามแทนเขาประชาชนนั้นๆห้ามออกนอกกำแพงน้ำแข็งหรือออกนอกโดมนั้นสามารถลงนามข้อตกลงแทนเขาได้พะนะ,และmouที่หลายๆชาติผีบ้าทำข้อตกลงนั้นต้องโมฆะทันทีเช่นกัน,ไม่มีผลบังคับ,ใครหรือคณะใครสามารถิแสดงฝีมือข้ามไปนอกกำแพงน้ำแข็งได้ก็อิสระเสรีกระทำได้ทันที,และรับรองชีวิตตนเองได้,เป็นหรือตายไปต้องยอมรับความเสี่ยงสูงสุดนี้ได้เสมอ,
    https://youtu.be/TdltWIvDyeg?si=ijkPIo-vDeJAxZQZ
    ..เราอยู่ในโดม,แล้วมันต่างอะไรกับเขาในหนังเรื่องนี้,หรือกำแพงน้ำแข็งก็ด้วบ,บวกในแต่ละประเทศมากมายหลายๆชาติเสือกไปผีบ้าผีบอไปเซ็นต์mouร่วมกันห่าอะไรไม่รู้ว่าจะไม่หนีออกจากกำแพงน้ำแข็งนี้พะนะ,หรือจะไม่ออกไปสำรวจอีกด้านของกำแพงน้ำแข็งนี้,มันจึงสะท้อนข้อความภายในว่า ,ผู้นำและผู้ปกครองในแต่ละประเทศนั้นๆที่ไปทำข้อตกลงผีบ้าผีบ้อนี้สิ้นสถานะในผู้นำผู้ปกครองของแต่ละประเทศนั้นๆ,ชั่วเลวและเผด็จการ ลงนามในข้อตกลงตามอำเภอใจเอง,เหยียบย่ำเจตจำนงเสรีของปัจเจกชีวิตมนุษย์ในแต่ละบุคคลอย่างหน้าไม่อายในอิสระทางเลือกของเขา,ตนเองก็มีสิทธิ์1เจตจำนงเสรีเหมือนชีวิตมนุษย์คนอื่นๆ,ได้รับความยินยอมเป็นมติเสียงส่วนรวมของประชาชนเขาก็ไม่ใช่,การอ้างสิทธิ์ว่าตนปกครองประเทศนั้นๆก็ใช่ที่เพราะหลายๆประเทศมีอธิปไตยเป็นสิทธิ์เฉพาะคนของบุคคลต่างๆ,เขามิได้มีเจตนาทางตรงว่าอนุญาตให้ปิดตาปิดหูเขายินยอมให้ลงนามแทนเขาประชาชนนั้นๆห้ามออกนอกกำแพงน้ำแข็งหรือออกนอกโดมนั้นสามารถลงนามข้อตกลงแทนเขาได้พะนะ,และmouที่หลายๆชาติผีบ้าทำข้อตกลงนั้นต้องโมฆะทันทีเช่นกัน,ไม่มีผลบังคับ,ใครหรือคณะใครสามารถิแสดงฝีมือข้ามไปนอกกำแพงน้ำแข็งได้ก็อิสระเสรีกระทำได้ทันที,และรับรองชีวิตตนเองได้,เป็นหรือตายไปต้องยอมรับความเสี่ยงสูงสุดนี้ได้เสมอ, https://youtu.be/TdltWIvDyeg?si=ijkPIo-vDeJAxZQZ
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/cwL0MPvrv7w?si=WUGKpI1lpdAM_dV-
    https://youtube.com/shorts/cwL0MPvrv7w?si=WUGKpI1lpdAM_dV-
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • หลังมีข่าวลือออกมาว่ามีการถ่ายทำสารคดีชีวิตของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” ออกมาให้แฟนๆได้ชม ล่าสุดทาง Sony MUsic Vision ได้ออกมายืนยันว่าเป็นความจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต

    Sony Music Vision เปิดเผยระหว่างการจัดแสดงเปิดทำการครั้งแรกในครึ่งปีหลังของบริษัท ที่ลอสแองเจลิสว่า บริษัทกำลังดำเนินการในโปรเจ็กต์นี้ร่วมกับ Lloud Co/ RCA Records และ Tremolo Productions

    สารคดีเรื่องนี้กำกับโดย ซู คิม ติดตามชีวิตของ ลิซ่าตลอดทั้งปีขณะที่เธอเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวแยกตัวจาก Blackpink

    ตามรายงานของ The Hollywood Reporter ซู คิม ได้กล่าวว่า "ฉันพยายามทำให้ ลิซ่า ประทับใจจริงๆ ว่าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่ฉันคิดว่าทั้งโลกอยากเห็น ลิซ่าเวลาอยู่นอกเวที เธอชอบบอกว่า 'ตัวเองเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งจากประเทศไทย' และเมื่อคุณได้พบกับเธอ เธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเป็นคนติดดินมาก มันน่าตกใจมาก เป็นธรรมชาติ และจริงใจมาก แต่เธอก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหลือเชื่อของการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง และแม้กระทั่งในโลกนั้น เธอก็พยายามขยายขอบเขตออกไปจากสิ่งนั้นอีก"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000051618

    #MGROnline #Lisa #ลิซ่า #BLACKPINK
    หลังมีข่าวลือออกมาว่ามีการถ่ายทำสารคดีชีวิตของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” ออกมาให้แฟนๆได้ชม ล่าสุดทาง Sony MUsic Vision ได้ออกมายืนยันว่าเป็นความจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต • Sony Music Vision เปิดเผยระหว่างการจัดแสดงเปิดทำการครั้งแรกในครึ่งปีหลังของบริษัท ที่ลอสแองเจลิสว่า บริษัทกำลังดำเนินการในโปรเจ็กต์นี้ร่วมกับ Lloud Co/ RCA Records และ Tremolo Productions • สารคดีเรื่องนี้กำกับโดย ซู คิม ติดตามชีวิตของ ลิซ่าตลอดทั้งปีขณะที่เธอเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวแยกตัวจาก Blackpink • ตามรายงานของ The Hollywood Reporter ซู คิม ได้กล่าวว่า "ฉันพยายามทำให้ ลิซ่า ประทับใจจริงๆ ว่าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่ฉันคิดว่าทั้งโลกอยากเห็น ลิซ่าเวลาอยู่นอกเวที เธอชอบบอกว่า 'ตัวเองเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งจากประเทศไทย' และเมื่อคุณได้พบกับเธอ เธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเป็นคนติดดินมาก มันน่าตกใจมาก เป็นธรรมชาติ และจริงใจมาก แต่เธอก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหลือเชื่อของการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง และแม้กระทั่งในโลกนั้น เธอก็พยายามขยายขอบเขตออกไปจากสิ่งนั้นอีก" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000051618 • #MGROnline #Lisa #ลิซ่า #BLACKPINK
    0 Comments 0 Shares 581 Views 0 Reviews
  • ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

    ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27%

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่

    ข้อมูลจากข่าว
    - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม
    - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้
    - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4
    - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่
    - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
    - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า
    - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน

    ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4 - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • ในขณะสหรัฐกดดันอิหร่านและทั่วโลกไม่ให้มีนิวเคลียร์ แต่กระทรวงพลังงานสหรัฐเพิ่งประกาศข่าวดี สามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นใหม่สำเร็จแล้ว

    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Pantex ซึ่งเป็นโรงงานถอดประกอบอาวุธนิวเคลียร์แห่งแรกของสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นใหม่ครั้งแรกเสร็จสิ้นเร็วกว่ากำหนดประมาณ 1 ปี

    ระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 ได้รับการพัฒนาจากระเบิดนิวเคลียร์ B61-12 รุ่นก่อนหน้า แต่ให้ผลการทำลายที่สูงกว่า จากแหล่งข่าวระบุว่า พลังระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์รุ่นใหม่ B61-13 มากกว่าระเบิดที่ฮิโรชิม่าถึง 24 เท่า และยังมีศักยภาพเพิ่มเติมที่สำคัญในการทำลายเป้าหมายที่แข็งแกร่ง เช่น ศูนย์บัญชาการและควบคุมที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน รวมทั้งเป้าหมายที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่

    ระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 ออกแบบมาสำหรับเครื่องบินเจ็ทขั้นสูงและเครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 นับเป็นการอัปเกรดครั้งที่หกของซีรีส์ B61 ตั้งแต่ปี 1968

    .

    รายละเอียดข่าว
    https://www.twz.com/air/far-more-powerful-b61-13-guided-nuclear-bomb-variant-joins-u-s-stockpile

    วิดีโอ1
    https://www.youtube.com/watch?v=tpN73mm6_RY
    ในขณะสหรัฐกดดันอิหร่านและทั่วโลกไม่ให้มีนิวเคลียร์ แต่กระทรวงพลังงานสหรัฐเพิ่งประกาศข่าวดี สามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นใหม่สำเร็จแล้ว กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Pantex ซึ่งเป็นโรงงานถอดประกอบอาวุธนิวเคลียร์แห่งแรกของสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นใหม่ครั้งแรกเสร็จสิ้นเร็วกว่ากำหนดประมาณ 1 ปี ระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 ได้รับการพัฒนาจากระเบิดนิวเคลียร์ B61-12 รุ่นก่อนหน้า แต่ให้ผลการทำลายที่สูงกว่า จากแหล่งข่าวระบุว่า พลังระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์รุ่นใหม่ B61-13 มากกว่าระเบิดที่ฮิโรชิม่าถึง 24 เท่า และยังมีศักยภาพเพิ่มเติมที่สำคัญในการทำลายเป้าหมายที่แข็งแกร่ง เช่น ศูนย์บัญชาการและควบคุมที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน รวมทั้งเป้าหมายที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่ ระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 ออกแบบมาสำหรับเครื่องบินเจ็ทขั้นสูงและเครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 นับเป็นการอัปเกรดครั้งที่หกของซีรีส์ B61 ตั้งแต่ปี 1968 . รายละเอียดข่าว https://www.twz.com/air/far-more-powerful-b61-13-guided-nuclear-bomb-variant-joins-u-s-stockpile วิดีโอ1 https://www.youtube.com/watch?v=tpN73mm6_RY
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของพลังงานฟิวชัน: NIF สร้างสถิติใหม่ 8.6 เมกะจูล

    ศูนย์ National Ignition Facility (NIF) ประสบความสำเร็จในการสร้างพลังงานฟิวชันสูงสุดถึง 8.6 เมกะจูล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า สองเท่าจากสถิติเดิม ที่เคยทำได้ในปี 2022 นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา พลังงานสะอาดที่อาจเป็นแหล่งพลังงานหลักในอนาคต

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของ NIF
    NIF ใช้เทคนิค Inertial Confinement Fusion (ICF) เพื่อสร้างพลังงานฟิวชัน
    - โดยใช้ 192 เลเซอร์พลังงานสูงยิงไปที่เม็ดเชื้อเพลิงขนาดเล็ก

    การทดลองล่าสุดสร้างพลังงานได้ถึง 8.6 เมกะจูล ซึ่งมากกว่าสถิติเดิมที่ 3.15 เมกะจูลในปี 2022
    - แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชันกำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว

    แม้ว่าพลังงานที่ผลิตได้ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เป็นหลักฐานว่าฟิวชันสามารถเกิดขึ้นได้ในห้องทดลอง
    - เป็น ก้าวสำคัญในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    NIF ใช้เม็ดเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วยดิวเทอเรียมและทริเทียม ซึ่งถูกบีบอัดจนเกิดปฏิกิริยาฟิวชัน
    - ทำให้ เกิดพลังงานมหาศาลจากการรวมตัวของอะตอม

    การทดลองนี้ช่วยสนับสนุนโครงการ Stockpile Stewardship Program ของสหรัฐฯ
    - ซึ่งเป็น โครงการที่ช่วยรักษาความมั่นคงด้านนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทำการทดลองใต้ดิน

    https://www.techspot.com/news/107971-fusion-breakthrough-nif-achieves-86-megajoules-shattering-previous.html
    ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของพลังงานฟิวชัน: NIF สร้างสถิติใหม่ 8.6 เมกะจูล ศูนย์ National Ignition Facility (NIF) ประสบความสำเร็จในการสร้างพลังงานฟิวชันสูงสุดถึง 8.6 เมกะจูล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า สองเท่าจากสถิติเดิม ที่เคยทำได้ในปี 2022 นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา พลังงานสะอาดที่อาจเป็นแหล่งพลังงานหลักในอนาคต 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของ NIF ✅ NIF ใช้เทคนิค Inertial Confinement Fusion (ICF) เพื่อสร้างพลังงานฟิวชัน - โดยใช้ 192 เลเซอร์พลังงานสูงยิงไปที่เม็ดเชื้อเพลิงขนาดเล็ก ✅ การทดลองล่าสุดสร้างพลังงานได้ถึง 8.6 เมกะจูล ซึ่งมากกว่าสถิติเดิมที่ 3.15 เมกะจูลในปี 2022 - แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชันกำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ✅ แม้ว่าพลังงานที่ผลิตได้ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เป็นหลักฐานว่าฟิวชันสามารถเกิดขึ้นได้ในห้องทดลอง - เป็น ก้าวสำคัญในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ✅ NIF ใช้เม็ดเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วยดิวเทอเรียมและทริเทียม ซึ่งถูกบีบอัดจนเกิดปฏิกิริยาฟิวชัน - ทำให้ เกิดพลังงานมหาศาลจากการรวมตัวของอะตอม ✅ การทดลองนี้ช่วยสนับสนุนโครงการ Stockpile Stewardship Program ของสหรัฐฯ - ซึ่งเป็น โครงการที่ช่วยรักษาความมั่นคงด้านนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทำการทดลองใต้ดิน https://www.techspot.com/news/107971-fusion-breakthrough-nif-achieves-86-megajoules-shattering-previous.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Fusion breakthrough: NIF achieves 8.6 megajoules, shattering previous record
    The National Ignition Facility (NIF), based at the US Department of Energy's Lawrence Livermore National Laboratory, has steadily increased the amount of energy produced in its fusion...
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • Tencent สะสมชิป AI จำนวนมาก พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีในประเทศ

    Martin Lau ประธานของ Tencent เปิดเผยว่าบริษัทมีการสะสมชิป AI ของ NVIDIA เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับกลยุทธ์ AI ในอนาคต โดยการสะสมนี้เกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ จะออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน

    Tencent สะสมชิป AI ของ NVIDIA เป็นจำนวนมากก่อนข้อจำกัดการส่งออก
    - คาดว่ามีการใช้เงินกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อชิป NVIDIA H20

    ชิปเหล่านี้จะถูกใช้ในธุรกิจโฆษณาและระบบแนะนำเนื้อหา
    - Tencent มองว่าการใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจ

    Tencent มีแผนใช้ชิป AI สำหรับการฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)
    - การฝึกโมเดลต้องใช้ ชิปประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    บริษัทเริ่มพิจารณาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีน เช่น Huawei Ascend 910C
    - เพื่อ ลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และปรับตัวตามข้อจำกัดใหม่

    Tencent มองว่าการพัฒนา AI สามารถทำได้แม้มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
    - บริษัท เริ่มให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันซอฟต์แวร์มากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/336823/tencent-president-discusses-significant-stockpiling-of-ai-gpus-open-to-future-adoption-of-native-designs
    Tencent สะสมชิป AI จำนวนมาก พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีในประเทศ Martin Lau ประธานของ Tencent เปิดเผยว่าบริษัทมีการสะสมชิป AI ของ NVIDIA เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับกลยุทธ์ AI ในอนาคต โดยการสะสมนี้เกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ จะออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ✅ Tencent สะสมชิป AI ของ NVIDIA เป็นจำนวนมากก่อนข้อจำกัดการส่งออก - คาดว่ามีการใช้เงินกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อชิป NVIDIA H20 ✅ ชิปเหล่านี้จะถูกใช้ในธุรกิจโฆษณาและระบบแนะนำเนื้อหา - Tencent มองว่าการใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจ ✅ Tencent มีแผนใช้ชิป AI สำหรับการฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) - การฝึกโมเดลต้องใช้ ชิปประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ✅ บริษัทเริ่มพิจารณาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีน เช่น Huawei Ascend 910C - เพื่อ ลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และปรับตัวตามข้อจำกัดใหม่ ✅ Tencent มองว่าการพัฒนา AI สามารถทำได้แม้มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ - บริษัท เริ่มให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันซอฟต์แวร์มากขึ้น https://www.techpowerup.com/336823/tencent-president-discusses-significant-stockpiling-of-ai-gpus-open-to-future-adoption-of-native-designs
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tencent President Discusses Significant Stockpiling of AI GPUs - Open to Future Adoption of Native Designs
    Martin Lau, President of Tencent, has divulged that his company has accumulated a "pretty strong stockpile" of NVIDIA AI chips. In a mid-week earnings call, the Chinese executive reckoned that this surplus will come in handy—upon the company unleashing its full-on upcoming "AI strategy." Lau was res...
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • Tencent ยืนยันมีสต็อก GPU AI จำนวนมาก พร้อมสำรวจทางเลือกใหม่สำหรับ AI Accelerators

    Martin Lau ประธานของ Tencent เปิดเผยว่า บริษัทมีสต็อกชิป AI ของ NVIDIA จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้ Tencent สามารถดำเนินกลยุทธ์ AI ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านการส่งออกชิป AI จากสหรัฐฯ นอกจากนี้ Tencent ยังเปิดรับแนวทางใหม่ในการใช้ AI Accelerators ที่ผลิตภายในประเทศจีน

    Tencent มีสต็อกชิป AI ของ NVIDIA จำนวนมากที่ซื้อไว้ก่อนมาตรการจำกัดของสหรัฐฯ
    - บริษัทระบุว่า ชิปเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น

    Tencent กำลังปรับกลยุทธ์จาก "Scaling Law" ของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปสู่คลัสเตอร์ขนาดเล็ก
    - ช่วยให้ สามารถลดการพึ่งพา GPU จำนวนมาก แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี

    บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ AI
    - เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของ inference ให้ดีขึ้นสองเท่า

    Tencent กำลังสำรวจ AI Accelerators ทางเลือก เช่น ASICs และ GPU ที่ผลิตในจีน
    - เพื่อลดการพึ่งพา เทคโนโลยีจากตะวันตก

    Tencent ใช้งบประมาณกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อ GPU และเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มศักยภาพ AI
    - เป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อ รองรับการเติบโตของ AI ในอนาคต

    https://www.techpowerup.com/336823/tencent-president-discusses-significant-stockpiling-of-ai-gpus-open-to-future-adoption-of-native-designs
    Tencent ยืนยันมีสต็อก GPU AI จำนวนมาก พร้อมสำรวจทางเลือกใหม่สำหรับ AI Accelerators Martin Lau ประธานของ Tencent เปิดเผยว่า บริษัทมีสต็อกชิป AI ของ NVIDIA จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้ Tencent สามารถดำเนินกลยุทธ์ AI ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านการส่งออกชิป AI จากสหรัฐฯ นอกจากนี้ Tencent ยังเปิดรับแนวทางใหม่ในการใช้ AI Accelerators ที่ผลิตภายในประเทศจีน ✅ Tencent มีสต็อกชิป AI ของ NVIDIA จำนวนมากที่ซื้อไว้ก่อนมาตรการจำกัดของสหรัฐฯ - บริษัทระบุว่า ชิปเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น ✅ Tencent กำลังปรับกลยุทธ์จาก "Scaling Law" ของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปสู่คลัสเตอร์ขนาดเล็ก - ช่วยให้ สามารถลดการพึ่งพา GPU จำนวนมาก แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี ✅ บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ AI - เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของ inference ให้ดีขึ้นสองเท่า ✅ Tencent กำลังสำรวจ AI Accelerators ทางเลือก เช่น ASICs และ GPU ที่ผลิตในจีน - เพื่อลดการพึ่งพา เทคโนโลยีจากตะวันตก ✅ Tencent ใช้งบประมาณกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อ GPU และเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มศักยภาพ AI - เป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อ รองรับการเติบโตของ AI ในอนาคต https://www.techpowerup.com/336823/tencent-president-discusses-significant-stockpiling-of-ai-gpus-open-to-future-adoption-of-native-designs
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tencent President Discusses Significant Stockpiling of AI GPUs - Open to Future Adoption of Native Designs
    Martin Lau, President of Tencent, has divulged that his company has accumulated a "pretty strong stockpile" of NVIDIA AI chips. In a mid-week earnings call, the Chinese executive reckoned that this surplus will come in handy—upon the company unleashing its full-on upcoming "AI strategy." Lau was res...
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • Tencent ยืนยันมีสต็อก GPU AI เพียงพอ พร้อมมองหา AI Accelerators ทางเลือก

    Tencent ได้ออกมายืนยันว่า บริษัทมีสต็อก GPU AI จำนวนมาก ที่สามารถรองรับการพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ก็ตาม นอกจากนี้ Tencent ยังมองหา AI Accelerators ทางเลือก ที่สามารถผลิตภายในจีนหรือยังสามารถนำเข้าได้

    Tencent มีสต็อก GPU AI จำนวนมากที่ซื้อไว้ก่อนมาตรการจำกัดของสหรัฐฯ
    - บริษัทระบุว่า ชิปเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น

    Tencent กำลังปรับกลยุทธ์จาก "Scaling Law" ของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปสู่คลัสเตอร์ขนาดเล็ก
    - ช่วยให้ สามารถลดการพึ่งพา GPU จำนวนมาก แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี

    บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ AI
    - เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของ inference ให้ดีขึ้นสองเท่า

    Tencent กำลังสำรวจ AI Accelerators ทางเลือก เช่น ASICs และ GPU ที่ผลิตในจีน
    - เพื่อลดการพึ่งพา เทคโนโลยีจากตะวันตก

    Tencent ใช้งบประมาณกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อ GPU และเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มศักยภาพ AI
    - เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปีที่แล้ว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-tencent-boasts-strong-stockpile-of-gpus-looking-at-alternative-ai-accelerators
    Tencent ยืนยันมีสต็อก GPU AI เพียงพอ พร้อมมองหา AI Accelerators ทางเลือก Tencent ได้ออกมายืนยันว่า บริษัทมีสต็อก GPU AI จำนวนมาก ที่สามารถรองรับการพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ก็ตาม นอกจากนี้ Tencent ยังมองหา AI Accelerators ทางเลือก ที่สามารถผลิตภายในจีนหรือยังสามารถนำเข้าได้ ✅ Tencent มีสต็อก GPU AI จำนวนมากที่ซื้อไว้ก่อนมาตรการจำกัดของสหรัฐฯ - บริษัทระบุว่า ชิปเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้อีกหลายรุ่น ✅ Tencent กำลังปรับกลยุทธ์จาก "Scaling Law" ของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปสู่คลัสเตอร์ขนาดเล็ก - ช่วยให้ สามารถลดการพึ่งพา GPU จำนวนมาก แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี ✅ บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ AI - เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของ inference ให้ดีขึ้นสองเท่า ✅ Tencent กำลังสำรวจ AI Accelerators ทางเลือก เช่น ASICs และ GPU ที่ผลิตในจีน - เพื่อลดการพึ่งพา เทคโนโลยีจากตะวันตก ✅ Tencent ใช้งบประมาณกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อ GPU และเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มศักยภาพ AI - เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปีที่แล้ว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-tencent-boasts-strong-stockpile-of-gpus-looking-at-alternative-ai-accelerators
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • สะกดรันเวย์ฮอลลีวูด!!! Met Gala ลุกเป็นไฟ “ลิซ่า BLACKPINK” สวยฟาด ลุคดำหรู โชว์เรียวขา
    https://www.thai-tai.tv/news/18527/
    สะกดรันเวย์ฮอลลีวูด!!! Met Gala ลุกเป็นไฟ “ลิซ่า BLACKPINK” สวยฟาด ลุคดำหรู โชว์เรียวขา https://www.thai-tai.tv/news/18527/
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • บินเล็กตกทะเลหัวหิน ตำรวจพลีชีพ 5 นาย เร่งยื้อชีวิตนักบิน "ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์" เครื่องใหม่ลำแรกของรุ่น เพิ่งประจำการ ตร. แค่ 4 ปี

    ความสูญเสียกลางภารกิจที่ไม่มีวันลืม วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568 ช่วงเช้า 08.15 น. ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดเหตุการณ์สลดใจ เครื่องบินเล็ก DHC-6 Twin Otter หมายเลข 36964 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสบอุบัติเหตุตกลงในทะเล ขณะกำลังทำภารกิจทดสอบการบิน

    โศกนาฏกรรมครั้งนี้ คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 5 นาย เหลือเพียง ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน ที่รอดชีวิตมาได้ แม้จะบาดเจ็บสาหัส และยังต้องเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด ในโรงพยาบาลหัวหิน

    ลำดับเหตุการณ์ เครื่องตกกลางภารกิจทดสอบการบิน เหตุเกิดเช้าวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 08.15 น. ที่ชายหาดเบบิ้แกรนด์ ใกล้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่บนเครื่องมีทั้งหมด 6 นาย ได้แก่...

    พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน เสียชีวิต
    พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร นักบิน เสียชีวิต
    ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข วิศวกร เสียชีวิต
    จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา ช่างเครื่อง เสียชีวิต
    ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ช่างเครื่อง เสียชีวิต

    ส่วน ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน รอดชีวิต บาดเจ็บสาหัส

    การช่วยเหลือเกิดขึ้นทันทีหลังเครื่องตก โดยมีการปฏิบัติการกู้ชีพ จากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และชาวบ้านในพื้นที่ อย่างทันท่วงที

    สภาพเครื่องบินก่อนเกิดเหตุ ซ่อมบำรุง-ทดสอบ-แต่ตกสู่โศกนาฏกรรม การซ่อมบำรุงก่อนบิน

    เครื่องบินลำนี้ เพิ่งได้รับการซ่อมบำรุงเพียง 2-3 วัน ก่อนเกิดเหตุ
    มีการทดสอบภาคพื้นดินอย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจสอบ ไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ

    ภารกิจในวันเกิดเหตุ ทดสอบการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมฝึกกระโดดร่ม ตรวจสอบสภาพอากาศ และสภาวะแวดล้อม ช่วงเวลาขึ้นบินประมาณ 1 นาที เครื่องเกิดเสียการทรงตัว ก่อนตกลงทะเล

    สภาพอากาศในวันนั้น มีลมอ่อนถึงปานกลาง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่

    ข้อมูลเครื่องบิน DHC-6-400 Twin Otter หมายเลข 36964 ผู้ผลิตคืออ Viking Air Ltd. เข้าประจำการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564 หมายเลขเครื่อง MSN 964 ทะเบียนเดิมในแคนาดาคือ C-FMVQ ก่อนที่จะถูกส่งมอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เครื่องบินลำนี้ไม่ได้ถูกใช้งาน โดยสายการบิน หรือหน่วยงานอื่นใด ถือเป็นเครื่องบินใหม่ ที่ยังไม่เคยประจำการที่ไหนมาก่อน

    ลักษณะการใช้งาน เครื่องลำเลียงทางยุทธวิธี เช่น ฝึกกระโดดร่ม ลาดตระเวนชายแดน ส่งกลับสายการแพทย์

    สเปกทางเทคนิค ความยาว 15.77 เมตร ช่วงปีก 19.81 เมตร ความสูง 5.94 เมตร น้ำหนักเปล่า 3,380 กก. น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 5,670 กก. ความเร็วเดินทาง 338 กม./ชม. พิสัยการบิน1,427 กม. เพดานบิน 25,000 ฟุต ระบบขับเคลื่อน 2 × Pratt & Whitney PT6A-34 (750 SHP/ข้าง)

    ด้วยคุณสมบัติการขึ้น-ลงระยะสั้น (STOL) ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้ เหมาะสมกับภารกิจ ในพื้นที่ทุรกันดารอย่างมาก

    จุดเด่น ข้อจำกัดของ DHC-6-400 Twin Otter

    จุดเด่น
    ขึ้นลงได้ในพื้นที่สั้น ดิน หญ้า หิมะ หรือน้ำ
    ทนทานสูง ซ่อมบำรุงง่าย
    ระบบ Glass Cockpit ทันสมัย
    รองรับภารกิจหลากหลาย ตั้งแต่พลเรือนไปจนถึงทหาร

    ข้อจำกัด
    ไม่มีระบบความดันภายในห้องโดยสาร
    เสียงเครื่องยนต์ดังมาก
    ระบบตรวจจับสภาพอากาศพื้นฐาน อาจไม่เพียงพอในสภาพอากาศเลวร้าย
    ไม่มีระบบ Fly-by-wire หรือ Auto-throttle ช่วยนักบิน
    โครงสร้างหลักพัฒนาจากแบบดั้งเดิม (1960s)

    แม้ว่าจะมีข้อจำกัด แต่ในแง่ความแข็งแกร่ง DHC-6-400 ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องบินลำเลียง ที่น่าเชื่อถือมากที่สุด

    การช่วยเหลือ ภารกิจหลังอุบัติเหตุ หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ดำเนินการค้นหาและกู้ชีพทันที ร.ต.อ.จตุรงค์ ถูกนำส่งโรงพยาบาลหัวหิน และยังอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต และจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ

    การสอบสวนหาสาเหตุอุบัติเหตุ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเน้นการเก็บข้อมูลจากกล่องดำ (Black Box) พยานแวดล้อม ข้อมูลสภาพเครื่องบิน และสภาพอากาศวันเกิดเหตุ

    โศกนาฏกรรมที่ต้องจดจำ บทเรียนเพื่ออนาคต เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำหน้าที่เพื่อประเทศอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกฝ่าย หันมาใส่ใจในมาตรฐานความปลอดภัย ในการบินอย่างจริงจังยิ่งขึ้น

    ขอร่วมไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตทุกนาย และขอให้ "ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์" ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252128 เม.ย. 2568

    #อุบัติเหตุเครื่องบิน #หัวหิน #ตำรวจไทย #เครื่องบินตก #DHC6TwinOtter #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #รำลึกผู้เสียชีวิต #ภารกิจตำรวจ #ข่าวด่วน #ข่าวประจวบคีรีขันธ์
    บินเล็กตกทะเลหัวหิน ตำรวจพลีชีพ 5 นาย เร่งยื้อชีวิตนักบิน "ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์" เครื่องใหม่ลำแรกของรุ่น เพิ่งประจำการ ตร. แค่ 4 ปี 🚨✈️ ความสูญเสียกลางภารกิจที่ไม่มีวันลืม วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568 ช่วงเช้า 08.15 น. 🌅 ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดเหตุการณ์สลดใจ เครื่องบินเล็ก DHC-6 Twin Otter หมายเลข 36964 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสบอุบัติเหตุตกลงในทะเล ขณะกำลังทำภารกิจทดสอบการบิน 🌊 โศกนาฏกรรมครั้งนี้ คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 5 นาย 😢 เหลือเพียง ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน ที่รอดชีวิตมาได้ แม้จะบาดเจ็บสาหัส และยังต้องเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด ในโรงพยาบาลหัวหิน ลำดับเหตุการณ์ เครื่องตกกลางภารกิจทดสอบการบิน 🚁 เหตุเกิดเช้าวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 08.15 น. ที่ชายหาดเบบิ้แกรนด์ ใกล้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่บนเครื่องมีทั้งหมด 6 นาย ได้แก่... พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน เสียชีวิต พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร นักบิน เสียชีวิต ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข วิศวกร เสียชีวิต จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา ช่างเครื่อง เสียชีวิต ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ช่างเครื่อง เสียชีวิต ส่วน ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน รอดชีวิต บาดเจ็บสาหัส 🆘 การช่วยเหลือเกิดขึ้นทันทีหลังเครื่องตก โดยมีการปฏิบัติการกู้ชีพ จากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และชาวบ้านในพื้นที่ อย่างทันท่วงที สภาพเครื่องบินก่อนเกิดเหตุ ซ่อมบำรุง-ทดสอบ-แต่ตกสู่โศกนาฏกรรม ⚙️ การซ่อมบำรุงก่อนบิน 🔧 เครื่องบินลำนี้ เพิ่งได้รับการซ่อมบำรุงเพียง 2-3 วัน ก่อนเกิดเหตุ 🔍 มีการทดสอบภาคพื้นดินอย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจสอบ ไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ภารกิจในวันเกิดเหตุ ทดสอบการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมฝึกกระโดดร่ม ตรวจสอบสภาพอากาศ และสภาวะแวดล้อม ช่วงเวลาขึ้นบินประมาณ 1 นาที เครื่องเกิดเสียการทรงตัว ก่อนตกลงทะเล ⛅ สภาพอากาศในวันนั้น มีลมอ่อนถึงปานกลาง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่ ข้อมูลเครื่องบิน DHC-6-400 Twin Otter หมายเลข 36964 📚✈️ ผู้ผลิตคืออ Viking Air Ltd. 🇨🇦 เข้าประจำการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564 หมายเลขเครื่อง MSN 964 ทะเบียนเดิมในแคนาดาคือ C-FMVQ ก่อนที่จะถูกส่งมอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เครื่องบินลำนี้ไม่ได้ถูกใช้งาน โดยสายการบิน หรือหน่วยงานอื่นใด ถือเป็นเครื่องบินใหม่ ที่ยังไม่เคยประจำการที่ไหนมาก่อน ลักษณะการใช้งาน เครื่องลำเลียงทางยุทธวิธี เช่น ฝึกกระโดดร่ม ลาดตระเวนชายแดน ส่งกลับสายการแพทย์ 🚑 สเปกทางเทคนิค ความยาว 15.77 เมตร ช่วงปีก 19.81 เมตร ความสูง 5.94 เมตร น้ำหนักเปล่า 3,380 กก. น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 5,670 กก. ความเร็วเดินทาง 338 กม./ชม. พิสัยการบิน1,427 กม. เพดานบิน 25,000 ฟุต ระบบขับเคลื่อน 2 × Pratt & Whitney PT6A-34 (750 SHP/ข้าง) 🛬 ด้วยคุณสมบัติการขึ้น-ลงระยะสั้น (STOL) ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้ เหมาะสมกับภารกิจ ในพื้นที่ทุรกันดารอย่างมาก จุดเด่น ข้อจำกัดของ DHC-6-400 Twin Otter 🔥 จุดเด่น 👍 ✅ ขึ้นลงได้ในพื้นที่สั้น ดิน หญ้า หิมะ หรือน้ำ ✅ ทนทานสูง ซ่อมบำรุงง่าย ✅ ระบบ Glass Cockpit ทันสมัย ✅ รองรับภารกิจหลากหลาย ตั้งแต่พลเรือนไปจนถึงทหาร ข้อจำกัด 👎 ⚠️ ไม่มีระบบความดันภายในห้องโดยสาร ⚠️ เสียงเครื่องยนต์ดังมาก ⚠️ ระบบตรวจจับสภาพอากาศพื้นฐาน อาจไม่เพียงพอในสภาพอากาศเลวร้าย ⚠️ ไม่มีระบบ Fly-by-wire หรือ Auto-throttle ช่วยนักบิน ⚠️ โครงสร้างหลักพัฒนาจากแบบดั้งเดิม (1960s) ✨ แม้ว่าจะมีข้อจำกัด แต่ในแง่ความแข็งแกร่ง DHC-6-400 ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องบินลำเลียง ที่น่าเชื่อถือมากที่สุด การช่วยเหลือ ภารกิจหลังอุบัติเหตุ 🚑🤝 หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ดำเนินการค้นหาและกู้ชีพทันที ร.ต.อ.จตุรงค์ ถูกนำส่งโรงพยาบาลหัวหิน และยังอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต และจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ 🎖️ 👩‍⚕️ การสอบสวนหาสาเหตุอุบัติเหตุ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเน้นการเก็บข้อมูลจากกล่องดำ (Black Box) พยานแวดล้อม ข้อมูลสภาพเครื่องบิน และสภาพอากาศวันเกิดเหตุ โศกนาฏกรรมที่ต้องจดจำ บทเรียนเพื่ออนาคต 🕊️ เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำหน้าที่เพื่อประเทศอย่างแท้จริง 🇹🇭 ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกฝ่าย หันมาใส่ใจในมาตรฐานความปลอดภัย ในการบินอย่างจริงจังยิ่งขึ้น ขอร่วมไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตทุกนาย และขอให้ "ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์" ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ❤️‍🩹 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252128 เม.ย. 2568 🌟 #อุบัติเหตุเครื่องบิน #หัวหิน #ตำรวจไทย #เครื่องบินตก #DHC6TwinOtter #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #รำลึกผู้เสียชีวิต #ภารกิจตำรวจ #ข่าวด่วน #ข่าวประจวบคีรีขันธ์
    0 Comments 0 Shares 892 Views 0 Reviews
  • อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025. พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย. แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”. โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย. ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ . วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง . หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม. หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”. เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025.🔸 พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย.🔸 แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.🔸จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .🔸Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”.🔸 โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย.🔸 ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.🔸เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ .🔸 วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง .🔸 หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม.👉 หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น👉 หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”.🔸 เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    0 Comments 0 Shares 1556 Views 0 Reviews
  • 48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก

    โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน

    ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน

    บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว

    เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก

    จุดเริ่มต้นของหายนะ
    - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน
    - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน

    หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am

    หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที

    หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน

    จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน!

    สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff”

    ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า

    “We are now at takeoff.”

    ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า

    “OK, stand by for takeoff, I will call you.”

    แต่...เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ

    การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น

    ผลลัพธ์คือ

    เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง

    ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที

    - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0)
    - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน)

    บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ
    ปัจจัยมนุษย์ (Human Error)
    - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์
    - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน
    - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน

    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม
    - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน
    - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์
    - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ

    หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง
    การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology)
    ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน
    มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ
    ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก

    เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542
    เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา
    - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน
    - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน

    เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น

    583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน

    แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568

    #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    48 ปี โศกนาฏกรรมกลางรันเวย์ “โบอิง 747” ชนกันที่เตเนริเฟ 🇪🇸✈️ สำเนียงสเปนพ่นพิษ นักบินสื่อสารผิดพลาด 583 ศพ บทเรียนราคาแพงจากท่าอากาศยาน ท่ามกลางหมอกหนา ความเครียด และสำเนียงที่ฟังยาก 🌫️ โศกนาฏกรรมแห่งเตเนริเฟ 🔥 ย้อนไปเมื่อ 48 ปี ที่ผ่านมา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การบิน เมื่อเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ โบอิง 747 ของสายการบิน KLM และ Pan Am ชนกันกลางรันเวย์ที่สนามบินโลสโรเดโอส ปัจจุบันคือท่าอากาศยานเตเนริเฟนอร์เต เกาะเตเนริเฟ ประเทศสเปน ผลที่ตามมาคือ ผู้เสียชีวิต 583 ราย และบาดเจ็บ 61 คน เป็นอุบัติเหตุทางอากาศ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีขัดข้อง หากแต่เป็นผลพวงจากปัจจัยมนุษย์ (Human Error) และการสื่อสารที่ผิดพลาด ท่ามกลางความกดดัน ✈️💥 บริบทก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2520 "สนามบินกรันกานาเรีย" ซึ่งเป็นสนามบินหลักของหมู่เกาะคานารี ถูกขู่วางระเบิด ทำให้ต้องปิดการใช้งานชั่วคราว ✋🔴 เครื่องบินหลายลำ รวมถึงเที่ยวบิน KLM 4805 และ Pan Am 1736 จำเป็นต้องลงจอดที่สนามบินสำรองอย่าง “โลสโรเดโอส” ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็ก ที่ไม่มีความพร้อมรองรับ เครื่องบินลำใหญ่จำนวนมาก 🕰️ จุดเริ่มต้นของหายนะ 🧨 - KLM 4805 เดินทางจากอัมสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสาร 234 คน และลูกเรือ 14 คน - Pan Am 1736:เดินทางจากลอสแอนเจลิส แวะนิวยอร์ก มุ่งหน้ากรุงมาดริด พร้อมผู้โดยสาร 380 คน และลูกเรือ 16 คน หลังจากเครื่องบินหลายลำลงจอด และจอดเรียงรายกันในพื้นที่จำกัด เจ้าหน้าที่ต้องบริหารพื้นที่ อย่างเร่งด่วน ก่อให้เกิดความเครียด ทั้งในหอบังคับการบินและลูกเรือ 🚧 จุดเปลี่ยนสำคัญคือ กัปตันของ KLM ตัดสินใจเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพื่อเลี่ยงเติมที่สนามบินปลายทางเ พราะราคาถูกกว่า ทำให้ต้องจอดนานกว่าเดิม และขัดขวางการเคลื่อนตัวของ Pan Am ☁️ หมอกและความสับสน ภัยเงียบแห่งรันเวย์ 🗣️ เมื่อสนามบินกรันกานาเรียเปิดใช้งานอีกครั้ง การจราจรทางอากาศในโลสโรเดโอส วุ่นวายทันที 📻 หอบังคับการบิน ต้องจัดการเครื่องบินหลายลำ แต่ขาดเรดาร์ภาคพื้นดิน ทำให้พวกเขามองไม่เห็นตำแหน่งเครื่องบิน ต้องอาศัยการสื่อสารวิทยุแทน ✋ จุดวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อ KLM เข้าใจผิดว่า สามารถนำเครื่องขึ้นได้ทันที ขณะที่ Pan Am ยังอยู่บนรันเวย์เดียวกัน! สำเนียงสเปน กับความคลุมเครือของคำว่า “Takeoff” 😓📡 📌 ขณะที่ KLM กำลังเตรียมนำเครื่องขึ้น นักบินผู้ช่วยพูดว่า “We are now at takeoff.” ซึ่งไม่ใช่ประโยคขออนุญาตขึ้นบินโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจคลุมเครือ หอบังคับการบินตอบกลับว่า “OK, stand by for takeoff, I will call you.” แต่...❗เสียงตอบกลับนั้น ถูกกลืนหายไปกับคลื่นรบกวน ทำให้นักบิน KLM ไม่ได้ยินคำสั่งเต็ม ๆ 🔥 การชนที่ไม่ควรเกิดขึ้น 💔 KLM เร่งนำเครื่องขึ้น โดยเข้าใจว่าได้รับอนุญาต ขณะที่ Pan Am กำลังเคลื่อนผ่านทางแยก วิ่งบนรันเวย์เดียวกัน หมอกหนาทำให้มองไม่เห็น ผลลัพธ์คือ ❌ ✈️ เครื่องบิน KLM ชนเข้ากลางลำ Pan Am อย่างรุนแรง 💥 ไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งสองลำในทันที - เสียชีวิตจาก KLM 248 ศพ (รอด = 0) - เสียชีวิตจาก Pan Am 335 ศพ (รอด = 61 คน) 😢 บทวิเคราะห์: สาเหตุแห่งหายนะ 🔍 ปัจจัยมนุษย์ (Human Error) - ความเครียดของกัปตัน KLM ที่ต้องรับแรงกดดัน จากบริษัทห้ามดีเลย์ 🕒 - ขาดการสื่อสารชัดเจน ระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน 📻 - สำเนียงสเปน ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน 🗣️ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม - สนามบินโลสโรเดโอส ไม่มีเรดาร์พื้นดิน ❌ - หมอกลงจัด มองไม่เห็นปลายรันเวย์ 🌫️ - พื้นที่สนามบิน ไม่พร้อมรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หลายลำ 🚫 📚🛫 หลังเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ได้ปรับปรุงมาตรการอย่างจริงจัง ✅ การสื่อสารต้องใช้ภาษามาตรฐาน และชัดเจนมากขึ้น (Standard Phraseology) ✅ ห้ามนักบินตีความเอง โดยไม่มีการอนุญาตชัดเจน ✅ มีการพัฒนา Cockpit Resource Management (CRM) เพื่อเน้นการทำงานเป็นทีมระหว่างลูกเรือ ✅ ระบบเรดาร์พื้นดิน (Ground Radar) ถูกติดตั้งในสนามบินใหญ่ ๆ ทั่วโลก 😨 เหตุการณ์ที่เกือบซ้ำรอยในปี 2542 🛬 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ที่สนามบินโอแฮร์ สหรัฐอเมริกา ✈️ - Korean Air เที่ยวบิน 36 Boeing 747 พร้อมผู้โดยสาร 340 คน - China Airlines เที่ยวบิน 9018 Boeing 747 เช่นกัน เกือบชนกันกลางรันเวย์ เนื่องจากความเข้าใจผิด ในการจราจรทางอากาศ แต่โชคดีที่หลีกเลี่ยงได้ทันโดยเครื่องบินอยู่ห่างกันเพียง 75 ฟุตเท่านั้น 😱 🕯️ 583 ชีวิต กับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม ✈️ “โศกนาฏกรรมเตเนริเฟ” เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ที่สอนเราให้ระมัดระวังในการสื่อสาร การจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญ กับมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ✈️🧠 แม้เวลาจะผ่านไป 48 ปี... แต่ความสูญเสีย และบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ยังคงส่องแสงเป็นคำเตือน ถึงทุกคนในวงการการบินเสมอ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 271250 มี.ค. 2568 📲 #TenerifeDisaster #Boeing747 #PlaneCrashHistory #AirlineSafety #KLM4805 #PanAm1736 #AirCrashInvestigation #อุบัติเหตุทางการบิน #โบอิง747ชนกัน #บทเรียนการบิน
    0 Comments 0 Shares 1393 Views 0 Reviews
  • 10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ!

    เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว

    เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง

    โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz)

    การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย

    สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์

    เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง

    นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา

    แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต

    ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง

    เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน

    ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน

    มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที
    - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule)
    - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น
    - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน

    บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน
    - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง
    - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง
    - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ

    คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร?

    เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง

    10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?"

    ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า!

    10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม...

    เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568

    #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ! ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨 เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️ ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️ การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️ 🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️ เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢 ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅ แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️ 👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง 🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️ ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️ 📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule) - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝 - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️ แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔 💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ 🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร? ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔 10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳ ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า! 10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม... 🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568 📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    0 Comments 0 Shares 1476 Views 0 Reviews
More Results