• ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่

    หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น

    รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed:
    1. เป้าหมาย:
    • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021
    • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ
    • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว

    2. การดำเนินงาน:
    • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน
    • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา)
    • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย

    3. ผลลัพธ์:
    • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020
    • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021
    • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้

    4. ข้อวิจารณ์:
    • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน
    • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่

    Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่ หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed: 1. เป้าหมาย: • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021 • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว 2. การดำเนินงาน: • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา) • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย 3. ผลลัพธ์: • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020 • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021 • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้ 4. ข้อวิจารณ์: • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่ Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    มีไข้
    ไอแห้ง
    หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ล้างมือบ่อยๆ
    สวมหน้ากากอนามัย
    เว้นระยะห่างทางสังคม
    กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน”
    เริ่มต้นในปี 2563
    แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    เริ่มต้นในปี 2563
    รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    ผลกระทบต่อการศึกษา
    โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    อัตราการเสียชีวิตลดลง
    ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 Comments 0 Shares 1914 Views 0 Reviews
  • ผลการเรียนนี้ ถ้าหนูเห็น ป๊าจะบอกว่าป๊าขอมาจากเพื่อนหนูนะ ถ้าป๊าเป็น AstraZeneca ผลการเรียนแบบนี้ แถมกิจกรรมดี ป๊าคงรับสมัครให้หนูได้ฝึกงาน
    ผลการเรียนนี้ ถ้าหนูเห็น ป๊าจะบอกว่าป๊าขอมาจากเพื่อนหนูนะ ถ้าป๊าเป็น AstraZeneca ผลการเรียนแบบนี้ แถมกิจกรรมดี ป๊าคงรับสมัครให้หนูได้ฝึกงาน
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • ในอดีตการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์
    เป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
    หลังจากการเปิดตัววัคซีน​ทดลอง ​mRNA
    ​ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสาร
    ไม่ใช่เรื่องปลอดภัย​อีกต่อไปแล้ว​
    กัปตันไม่อยากฉีดวัคซีนแต่โดนกดดันจาก
    สายการบินหลังจากฉีดไปแล้วเกิดอาการ
    หัวใจเต้นรัวผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการหลักๆ​ ของ
    ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเขาบอกว่ามีกัปตัน
    อีกเป็นจำนวนมากที่มีอาการลักษณะ​แบบนี้
    แต่ไม่กล้าออกมาพูดเพราะกลัวว่าจะตกงาน
    เหยื่อวัคซีน​ทดลอง
    #Bioweapon
    #Vaccine​Injuries
    #Vaccine​Genocide
    #VaccineDeath
    #VaccineSideEffect
    #Pfizer
    #pfizervaccine
    #moderna
    #Johnson​ &​ Johnson
    #AstraZeneca
    #BillGates
    #Agenda2030
    #DepopulationAgenda
    #สงครามชีวภาพ
    #อาวุธ​ชีวภาพ
    #แผนการลดประชากร​โลก
    เข้าร่วมกลุ่มไลน์​โอเพ่น​แชท​
    กลุ่มตื่นเถิด​ชาวไทย
    กลุ่มเอาชีวิต​รอดจากวัคซีน​มรณะ
    กลุ่มล้างพิษ​วัคซีน​คือ​ทางรอด​CDS​ THERAPY
    ในอดีตการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์ เป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก หลังจากการเปิดตัววัคซีน​ทดลอง ​mRNA ​ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสาร ไม่ใช่เรื่องปลอดภัย​อีกต่อไปแล้ว​ 💉💉✈️ กัปตันไม่อยากฉีดวัคซีนแต่โดนกดดันจาก สายการบินหลังจากฉีดไปแล้วเกิดอาการ หัวใจเต้นรัวผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการหลักๆ​ ของ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเขาบอกว่ามีกัปตัน อีกเป็นจำนวนมากที่มีอาการลักษณะ​แบบนี้ แต่ไม่กล้าออกมาพูดเพราะกลัวว่าจะตกงาน เหยื่อวัคซีน​ทดลอง #Bioweapon​ #Vaccine​Injuries #Vaccine​Genocide #VaccineDeath #VaccineSideEffect #Pfizer​ #pfizervaccine​ #moderna​ #Johnson​ &​ Johnson #AstraZeneca​ #BillGates​ #Agenda2030​ #DepopulationAgenda​ #สงครามชีวภาพ #อาวุธ​ชีวภาพ #แผนการลดประชากร​โลก 📣✨เข้าร่วมกลุ่มไลน์​โอเพ่น​แชท​ 👇✨ 📌กลุ่มตื่นเถิด​ชาวไทย 📌กลุ่มเอาชีวิต​รอดจากวัคซีน​มรณะ 📌กลุ่มล้างพิษ​วัคซีน​คือ​ทางรอด​💛CDS​ THERAPY
    0 Comments 0 Shares 2333 Views 268 0 Reviews