• เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (Cambodian Mine Action Center – CMAC) แถลงยืนยันวานนี้ (1 ส.ค.) ว่ากองทัพอากาศไทยมีการทิ้งระเบิด MK-84 จำนวน 10 ลูกตลอดช่วง 5 วันที่มีการยิงปะทะตามแนวชายแดน และมีเพียง 4 ลูกเท่านั้นที่ระเบิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073101

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (Cambodian Mine Action Center – CMAC) แถลงยืนยันวานนี้ (1 ส.ค.) ว่ากองทัพอากาศไทยมีการทิ้งระเบิด MK-84 จำนวน 10 ลูกตลอดช่วง 5 วันที่มีการยิงปะทะตามแนวชายแดน และมีเพียง 4 ลูกเท่านั้นที่ระเบิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073101 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • 17-07-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.56 ชื่อตอนว่า "JUDGEMENT DAY COMING SOON" วันพิพากษาโลกใกล้เข้ามาแล้ว โลกจะเปลี่ยนเรา ไม่ใช่เราเปลี่ยนเองจ๊ะ จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ให้แม่น! วันนี้ขอพูด ในสิ่งที่มรึงไม่คิด ไม่คาดฝัน และนึกภาพยังไม่ออก กูจะเอาแผนการสวรรค์มากางแผนที่ให้มรึงได้เห็น ณ บัดเดี๋ยวนี้

    ขอเกริ่นสั้นๆ เพื่อปูทางให้เห็น TIME LINE จิกซอว์ทั้งหมด ว่าเรา ณ จุดนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน? สัญญานมันแรงมาตั้งแต่ ปรับภาพลักษณ์สถาบันสูงสุด องค์ราชินีทรงเล่นฮ้อกกี้น้ำแข็ง แล่นเรือใบ ตามกีฬาโปรดสมเด็จพ่อร.9 และทรงขับเครื่องบิน เป็นทหารตามวินัยในรูปแบบพ่อร.10 ปรับเพื่อ? โลกเปลี่ยน เพราะผู้นำโลกเปลี่ยน กติกาใหม่มา สังคมเปลี่ยนไป ความอยู่รอดของราชสำนึกที่ค้ำแผ่นดินนี้ จึงต้องยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา พสกนิกรเข้าถึงง่าย ลดระยะห่างจากพ่อสู่ลูก สิ่งที่มรึงกำลังจะได้เห็น และเห็นผ่านตามาแล้ววันนี้ คือสิ่งที่พ่อร.9 วางเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด การแต่งตั้งองค์ราชินีคู่บังลังก์ คือการพลิกแผ่นดินยุคใหม่ ไม่ได้คิดแค่สั้นๆ แต่คิดยาวไปไกล โปรดดูบทบาทราชินียุคใหม่ หัวหมู่ทะลวงฟัน ยุคพระเดช ที่คอยทำหน้าที่แทนพ่ออยู่หัวร.10 นี่คือสัญลักษณ์ของราชวงศ์จักรียุคใหม่ ที่มรึงไม่เคยเห็นไงล่ะ

    ในช่วงผลัดใบโลก ผลัดใบแผ่นดินอโยธยา สิ่งที่มรึงต้องเตรียมตัวมาก่อนให้ดีคือ "แสนยานุภาพ" ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจใดใดในโลก การปะทะ ย่อมหลีกเลี่ยงได้ยาก มรึงอาจจะคิดว่า ไทยเรากำลังจะกลายเป็นยูเครน2 ฉนวนกาซ่า2 นั่นคือภาพที่มรึงเห็น ณ ปัจจุบันนี้ ที่พรมแดนต่างมีปัญหากัน ทั้งหมดมาจากแผนล่าอาณานิคมขั้วเก่าที่ตกยุคล้าสมัยไปนานแล้ว ขั้วใหม่เค้าเดินเกมส์ จูงมือร่วมกันไปข้างหน้า อำนาจหลายขั้ว ถ่วงดุล คือคำตอบของโลกยุคใหม่ ที่นานาชาติต่างยอมรับสดุดีแล้ว ใครปรับตัวไม่ทัน มรึงจะล้าหลัง ไทยเราเดินนำหน้าใครเพื่อน? อาเซียน 10 ชาติเดิม ใครดูก็รู้ ว่ามีสายขั้วเก่า ขั้วใหม่ปะปนกันไป และจีนได้เลือกแล้วว่า ไทย อีเหงียน อิเหนา คือตัวเล่นหลักในภูมิภาคนี้ นั่นแปลว่า อำนาจอาเซียน ถูกแบ่งฝ่ายไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง อาจมีลด และเพิ่มตามมา ช่วงฝุ่นตลบ มันมาจากการรอดูทิศทางโลก ว่าใครเอาใครอยู่?

    เอาแหละ เข้าเนื้อหาสำคัญที่สุด : สงครามการค้าโลก จีนทุนเหี้ยด้วยทองคำ และเทคโนโลยี รัสเซียทุบเหี้ยด้วยพลังงาน อาหาร อิหร่านทุบเหี้ยด้วยอาวุธสงครามรุ่นใหม่ และใช้สงครามศรัทธากลืนเศรษฐกิจเยรูซาเล็ม ปิดช่องทางโลจิสติคทะเลแดง ส่วนโสมแดงทุบเหี้ยด้วยโรงงานผลิตอาวุธโลก สายพานการผลิตมหาศาล ได้เทคโนโลยีจากจีน รัสเซีย อิหร่าน เข้ามาไว้ด้วยกัน เพราะกูเป็นคนประกอบโว๊ย? เมื่อต้นทุน แหล่งแร่ ไม่ว่าอะไรในโลก ต้นทางมาจากเอเซีย ตะวันตกจะสู้ต่อยังไง? สหรัฐใช้กำแพงภาษีมาบีบชาวโลก และกำลังจะถูกสวนหมัดกลับอย่างหนัก เมื่อโลกเข้าหา BRICS กันหมด ไม่ค้าขายกับมรึง แต่ค้าขายกันเองทั้งโลกที่ปราศจากมรึงไง เพราะไม่ใช้ดอลลาร์ อีกเหตุผลสำคัญคือ SCO เข้า BRICS มีกองทัพโลกดูแล ใครจะไม่เอา? เพราะเรือขนส่งสินค้าในกลุ่ม BRICS ต่างได้รับการคุ้มครองจาก SCO โดยพฤตินัยอยู่แล้ว

    เอาล่ะ! เมื่อลุยกันอะไรจะตามมา เอานาทีนี้ไปเลยจะได้เห็นภาพ เหี้ยมันรู้อยู่แล้วว่า ศึกยูเครนแค่บั่นทอนรัสเซีย(แต่พลิกล็อค) เสือกไปเพิ่มอำนาจให้ปูตินโดยไม่รู้ตัว ชนะเรียบวุธ ยอดขายถล่มทลาย แถมเส้นทางท่อแก็สมูลค่าพุ่งกระฉูด พลังงานโลก ทองคำ ดีดตัวสูงสุด ศึกเยรูซาเล็ม(ตายอย่างหมา) นาโต้ก็แล้ว ส่งเหี้ยมะกันไปช่วยก็แล้ว ตายห่าคาทะเลแดง เข้าไม่ถึง แถมถูกอิหร่านปิดช่องแคบเฮอร์มูซ แปลว่า กองเรือเหี้ยในตะวันออกกลางไปไหนไม่ได้ อิหร่านปิดประตูไว้เกลี้ยง แรดออกมากูจมเรือมรึงทันที ปิดการขนส่งลำเลียงทางทหารทางน้ำสิ้น แล้วแผนบุกแปซิฟิค ยังไปไม่รอด เมื่อจีนเตรียมพร้อมกว่าเยอะ ไม่รอมรึงมา แต่จะไปเปิดไต้หวัน เพื่อให้มรึงมาถมเงิน ชีวิต อาวุธ ที่นี่ต่อ เอาให้คาตรีนกันไปเลย เหลืออะไรล่ะ แอฟริกาก็ถูก WAGNER ทุบจนเละเทะ ปลดแอก อิสรภาพทั่วแอฟริกาสำเร็จ ด้านลาติน ทำห่าอะไรไม่ได้เลย เพราะนับวัน จำนวนอเมริกาใต้ที่จะจับมือกันเพื่อเทดอลล่าร์มีมากขึ้น และกองทัพต่อกันติดแล้ว ตั้งเงินกลุ่มดิจิตอลแล้ว ขืนเปิดสงครามใกล้บ้าน เข้าทางตรีนจีน รัสเซีย ทันที ถึงต้องหันมาเจาะไข่แดงอาเซียนแทน เพราะคือตัวเลือกสุดท้าย ที่เหี้ยไม่อยากเสี่ยงจะเล่น แต่จนปัญญา ถึงต้องเปิดตัว

    เจาะอาเซียนไม่หมู จีนดักคอพวกมรึงก่อนนานแล้ว อีเหงียน อิเหนา ไทย คุยกันมาก่อนแล้วเมื่อ 20 ปี เมื่อถึงเวลาที่ต้องปกป้องอาเซียน เราจะต้องสามัคคีกัน ห้ามแตกแถว เพราะรู้ดีว่า อีปินส์ อีลอดช่อง อีขะแมร์ ถูกแยกค่ายเพลงแน่ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ สมรภูมิจริง มันไม่เหมือนภาพในฝัน จีน รัสเซีย หนุนไทยเต็มตรีน แต่เฉพาะรัฐบาลที่เอาจีน นั่นคือวัง กองทัพ แต่ไม่เอารัฐบาลขี้ข้าวอชิงตันไงล่ะ เค้าถึงได้นิ่งเฉยช่วงที่ผ่านมา ไม่ TAKE ACTION เท่าที่ควร สงครามข่าวสารมาเต็มคาราเบล สื่อเหี้ย โซเชี่ยลในมือเหี้ย แม้แต่ขนาดล่าสุด LINE@ ของหมี CNN ยังต้องถูกหยุด ให้ยืนยันตัวตนใหม่ มาฟอร์มเดียวกับอี ฟัคบุ๊คนั่นแหละ ล่อกูทั้งเบอร์มือถือ อีเหมี๊ยว IP เครื่อง กูกลายเป็นที่ WANTED ของสื่อเหี้ยทั่วจักรวาลมาเวลไปแล้ว โดยในเชิงพฤตินัยแล้ว อาเซียนมีไทย อีเหงียน อิเหนา เป็นตัวหลักขับเคลื่อน และมีศักยภาพไม่แพ้กัน เชียวคนละทาง เก่งคนละด้าน จีนจึงจับมัดเป็นข้าวต้มมัดไงล่ะ รักกันเข้าไว้ เราจะสู้กับเหี้ยในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ไม่ใช่คู่ต่อกรเราดอก มันก็รู้ ต่อให้มรึงเทอาวุธเหี้ยอะไรมาให้ ถามคำเดียว มันใช้เป็นเหรอ? สุดท้าย มรึงก็ต้องส่งคนของมรึงมาเล่นเอง และนั่นแหละ คือสิ่งที่อาเซียนรออยู่ จีนเตรียมอีโต้ยักษ์ตัดคอเหี้ยที่สหประชาชาติอยู่แล้ว ทหารรับจ้างก็ดี นักรบรับจ้างก็ดี อาวุธใครล่ะ? และเมื่อนั้น จีน รัสเซียถึงจะออกตัวช่วยไทยได้เต็มอัตราศึก เพราะอีขะแมร์ใช้คนนอกเข้ามาเล่นเกมส์นี้ก่อน สรุปคือไทย-ขะแมร์สู้กัน คนนอกอย่าเสือก หากมรึงส่งใครเข้ามาช่วย จีน รัสเซีย ก็จะเข้ามาได้โดยคุณยายละม่อม

    ถึงตอนนี้ มรึงเริ่มเห็นภาพชัดยัง? ว่ามันจะจบที่ตรงไหน ใครแพ้ ใครชนะ? ทั้งหมด มันคือการวางแผนรับมือเหี้ยที่เตรียมการมาดี และยาวนาน พ่อร.9 ส่งพระเทพเยือนจีนอย่างกับไปเดินตลาด ถี่ยิบ ส่งน้องเล็กไปยุโรปถี่ยิบ เรื่องวิทยาการ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลายคนไม่รู้ เราพัฒนาวัคซีน และเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย มาจากโครงการขององค์เล็กเนี่ยแหละ พูดน้อยแต่ข้อมูลมาเต็มคาราเบล ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ไทย ก็มาจากความร่วมมือวังกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเนี่ยแหละ มรึงว่าเค้าเตรียมการมานานแค่ไหนกันล่ะ? อ่านทะลุ มองขาดกระจุย เหมือนเห็นอนาคตมาก่อนกาล อย่ากังวลเรื่องปราบปชต.ตอแหล จะกำจัดปรสิต เหี้ย เหลือบเกาะแผ่นดินยังไง? เป็นเพราะกรอบในหัวมรึงถูกเหี้ยมันตีกรอบมาครึ่งศตวรรษ ต้องมีประชาธิปไตย ต้องมีการเลือกตั้ง นานาชาติถึงยอมรับ มรึงลืมไปแล้วรึว่า ผู้นำโลกกำหนดบทบาทโลก ดังนั้น จีน รัสเซีย คือผู้นำโลกขั้วใหม่ นโยบายจะเปลี่ยนตามทันที แบบข้ามขั้วกันไปเลย ปกครองอะไรก็ได้ ที่ไม่เข่นฆ่า และล่าอาณานิคมแบบเหี้ยมันทำ ทุบกรอบในหัวมรึงแตกออกเมื่อไหร่ ดวงตาเห็นธรรมมาทันที ไม่มีอะไรที่ยาก ก็แค่โลกเปลี่ยน มรึงจึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก เท่านั้นเอง

    ปล.ไม่อยากจะแหวกหญ้าให้เหี้ยมันตื่นดอกน่ะ มรึงคิดว่า หากจีน รัสเซีย จะอุ้มไทยทั้งที จะไม่ให้อาวุธติดมือมาด้วยเหรอ เราได้อะไร มากมายกว่าที่มรึงคิดซะอีก 1.โครงการพลังงานโลกผ่านฮับอาเซียน 2.เขตเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยมีเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ได้จริง เป็นที่ยอมรับในภูมิภาค อิงทองคำ วัด 1:1 เท่าเทียม ไม่มีกฎหมาจ๊ะ 3.ย่ออาเซียนเข้ารวมกัน และเพิ่มประเทศสมาชิกใหม่เข้ามา ยังไงก็มีไม่ต่ำกว่า 10 แน่นอน ถึงได้บอกไงล่ะว่า บางส่วนอีขะแมร์ อีหม่อง น้องลาว จะเข้ามาเป็นส่วนนึงของไทยชัวร์ ไม่ต้องไปแย่งชิง เดินเข้ามาหาเอง เพราะมั่งคั่ง มั่นคง มั่นใจ 4.อาเซียนคือตัวเชื่อมพลังงานเอเซียสู่โลกแท้จริง ที่ผ่านมา ท่อแก็ส น้ำมัน แยกหลายค่าย หลายชาติ แต่งวดนี้ อาเซียนคือพลังงานหลัก ที่เชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งโลกอาหรับ รัสเซีย จีน สู่แอฟริกา แม้แต่ในโอเชเนีย รู้มั้ยทำไมต้องอาเซียน รู้มั้ยว่า แหล่งแก็สมหาศาล ทองคำ น้ำมัน มีเต็มอยู่ในอาเซียนหลายชาติ ที่มาว่าทำไม จีน รัสเซีย ถึงอุ้มอาเซียนยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะโลจิสติคสุดยอด ความมั่นคงปลอดภัย และภัยธรรมชาติไม่ค่อยจะเกิด เหมาะที่จะทำแหล่งขุดเจาะพลังงานที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรจำนวนมาก 5.WAGNER KGB เก่า หน่วยข่าวกรองจีน สายลับจีน อยู่เต็มพื้นที่ไปหมด หากเทียบเมื่อก่อน เดินไปไหน เจอแต่สายลับเหี้ย C แต่ตอนนี้ กลับตาลปัตรแล้วจ๊ะ มรึงเดินผ่านยังไม่รู้ตัวเลย นักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนมหา'ลัยไทย ใครจะบอกมรึงว่าคือหน่วยไซเบอร์อันดับ 1 จีน นักลงทุนจีนหน้าฉาก เบื้องหลังคือผู้พัฒนา AI และเข้าใจระบบดาวเทียมระดับจักรวาล นัยยะคือ เชื่อมต่อดาวเทียมไทยใหม่ ที่ผ่านมา เราอิงกับระบบ GPS เหี้ยมะกัน แต่ต่อไป เราอาจจะเปลี่ยนดาวเทียมเชื่อมต่อที่โยงโลกทั้งหมดเข้าหากันเองโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า เจ้าของทั้งหมดย่อมต้องรู้การเคลื่อนไหว แต่หากใครไม่เป็นศัตรูกับจีน รัสเซีย ไม่ได้คิดร้ายใครก่อน แบบที่เราเคยเป็นมา เค้าถึงได้เชื่อใจ ไว้วางใจเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเรามาไม่ใช่แค่ 20-30 ปี แต่ดูมาเป็น 100 ปีแล้วจ๊ะ เพราะไทยเรานี้รักสงบ แต่ยามสงบ เรากัดกันเองตลอด แต่ไม่กัดเพื่อนบ้านจ๊ะ

    หมี CNN(บทสรุป ศึกขะแมร์แค่ออเดิร์ฟ ล่อเป้าใหญ่เหี้ยมะกันมาติดบ่วงกับดักจีน แผนเจาะอาเซียนเด็กประถมของอีวอชิงตันแห้วแดร๊กไปตามระเบียบ ขะแมร์แตกไปตามเนื้อผ้า ไทยได้ทุกอย่างที่ต้องการคืนมาหมด แถมได้พื้นที่แนวกันชนใหม่ ยกระดับอาเซียนขึ้นมาเป็นฮับพลังงานโลกอนาคต ฝั่งตะวันตก จะสิ้นลาย หมดสภาพ รอการฟื้นฟูอีก 50 ปี กว่าจะกลับมาเทียบเอเซียตอนนี้ได้ วงจรโลกมาอยู่เอเซียนาน 50 ปี แล้วจะไปต่อที่แอฟริกา ลาติน แล้วกลับมาใหม่ที่ยุโรปอีกครั้ง อ้าว..แล้วอเมริกาล่ะ หายไปไหน อ๋อ..ไม่มีในแผนที่โลกแล้วจ๊ะ ขอโทษด้วย มันใช้ชื่อใหม่เป็น "รัฐยิวใหม่สดใสซาบซ่าส์" เห็นอนาคตโลกทั้งหมดแล้วรึยัง? ความผาสุขกำลังจะมา แต่ต้องแลกด้วยความสามัคคีของคนในชาติก่อนตอนนี้ จัดการอี 24 ล้านไทยบัดซบ จับมันไปถ่วงตระกร้าล้างน้ำ ทำห่าอะไรก็ได้ ให้มันกลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิม ยัดสมองให้มันเข้าไปด้วย กลวงมานานเกินไปแล้ว ควายที่ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน จะถูกเทวดา ฟ้าดิน กำจัดออกไปเอง อย่ากังวล เปลี่ยนควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว ให้กลับมาเป็นคนได้แค่ 20% ก็ถือว่าเยอะแล้ว เชื่อในมือสวรรค์ ส่วนอีก 80% เชิญไปลงขุมนรกตามพ่องซะ ก็แค่เดรัจฉานมาเกิดเป็นคนเพื่อให้แผนกลียุคสำเร็จ เมื่อทำหน้าที่จบ ก็ต้องกลับไปขุมนรกที่มรึงจากมา อนิจจัง)
    01 สิงหาคม 68
    11.22 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    17-07-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.56 ชื่อตอนว่า "JUDGEMENT DAY COMING SOON" วันพิพากษาโลกใกล้เข้ามาแล้ว โลกจะเปลี่ยนเรา ไม่ใช่เราเปลี่ยนเองจ๊ะ จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ให้แม่น! วันนี้ขอพูด ในสิ่งที่มรึงไม่คิด ไม่คาดฝัน และนึกภาพยังไม่ออก กูจะเอาแผนการสวรรค์มากางแผนที่ให้มรึงได้เห็น ณ บัดเดี๋ยวนี้ ขอเกริ่นสั้นๆ เพื่อปูทางให้เห็น TIME LINE จิกซอว์ทั้งหมด ว่าเรา ณ จุดนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน? สัญญานมันแรงมาตั้งแต่ ปรับภาพลักษณ์สถาบันสูงสุด องค์ราชินีทรงเล่นฮ้อกกี้น้ำแข็ง แล่นเรือใบ ตามกีฬาโปรดสมเด็จพ่อร.9 และทรงขับเครื่องบิน เป็นทหารตามวินัยในรูปแบบพ่อร.10 ปรับเพื่อ? โลกเปลี่ยน เพราะผู้นำโลกเปลี่ยน กติกาใหม่มา สังคมเปลี่ยนไป ความอยู่รอดของราชสำนึกที่ค้ำแผ่นดินนี้ จึงต้องยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา พสกนิกรเข้าถึงง่าย ลดระยะห่างจากพ่อสู่ลูก สิ่งที่มรึงกำลังจะได้เห็น และเห็นผ่านตามาแล้ววันนี้ คือสิ่งที่พ่อร.9 วางเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด การแต่งตั้งองค์ราชินีคู่บังลังก์ คือการพลิกแผ่นดินยุคใหม่ ไม่ได้คิดแค่สั้นๆ แต่คิดยาวไปไกล โปรดดูบทบาทราชินียุคใหม่ หัวหมู่ทะลวงฟัน ยุคพระเดช ที่คอยทำหน้าที่แทนพ่ออยู่หัวร.10 นี่คือสัญลักษณ์ของราชวงศ์จักรียุคใหม่ ที่มรึงไม่เคยเห็นไงล่ะ ในช่วงผลัดใบโลก ผลัดใบแผ่นดินอโยธยา สิ่งที่มรึงต้องเตรียมตัวมาก่อนให้ดีคือ "แสนยานุภาพ" ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจใดใดในโลก การปะทะ ย่อมหลีกเลี่ยงได้ยาก มรึงอาจจะคิดว่า ไทยเรากำลังจะกลายเป็นยูเครน2 ฉนวนกาซ่า2 นั่นคือภาพที่มรึงเห็น ณ ปัจจุบันนี้ ที่พรมแดนต่างมีปัญหากัน ทั้งหมดมาจากแผนล่าอาณานิคมขั้วเก่าที่ตกยุคล้าสมัยไปนานแล้ว ขั้วใหม่เค้าเดินเกมส์ จูงมือร่วมกันไปข้างหน้า อำนาจหลายขั้ว ถ่วงดุล คือคำตอบของโลกยุคใหม่ ที่นานาชาติต่างยอมรับสดุดีแล้ว ใครปรับตัวไม่ทัน มรึงจะล้าหลัง ไทยเราเดินนำหน้าใครเพื่อน? อาเซียน 10 ชาติเดิม ใครดูก็รู้ ว่ามีสายขั้วเก่า ขั้วใหม่ปะปนกันไป และจีนได้เลือกแล้วว่า ไทย อีเหงียน อิเหนา คือตัวเล่นหลักในภูมิภาคนี้ นั่นแปลว่า อำนาจอาเซียน ถูกแบ่งฝ่ายไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง อาจมีลด และเพิ่มตามมา ช่วงฝุ่นตลบ มันมาจากการรอดูทิศทางโลก ว่าใครเอาใครอยู่? เอาแหละ เข้าเนื้อหาสำคัญที่สุด : สงครามการค้าโลก จีนทุนเหี้ยด้วยทองคำ และเทคโนโลยี รัสเซียทุบเหี้ยด้วยพลังงาน อาหาร อิหร่านทุบเหี้ยด้วยอาวุธสงครามรุ่นใหม่ และใช้สงครามศรัทธากลืนเศรษฐกิจเยรูซาเล็ม ปิดช่องทางโลจิสติคทะเลแดง ส่วนโสมแดงทุบเหี้ยด้วยโรงงานผลิตอาวุธโลก สายพานการผลิตมหาศาล ได้เทคโนโลยีจากจีน รัสเซีย อิหร่าน เข้ามาไว้ด้วยกัน เพราะกูเป็นคนประกอบโว๊ย? เมื่อต้นทุน แหล่งแร่ ไม่ว่าอะไรในโลก ต้นทางมาจากเอเซีย ตะวันตกจะสู้ต่อยังไง? สหรัฐใช้กำแพงภาษีมาบีบชาวโลก และกำลังจะถูกสวนหมัดกลับอย่างหนัก เมื่อโลกเข้าหา BRICS กันหมด ไม่ค้าขายกับมรึง แต่ค้าขายกันเองทั้งโลกที่ปราศจากมรึงไง เพราะไม่ใช้ดอลลาร์ อีกเหตุผลสำคัญคือ SCO เข้า BRICS มีกองทัพโลกดูแล ใครจะไม่เอา? เพราะเรือขนส่งสินค้าในกลุ่ม BRICS ต่างได้รับการคุ้มครองจาก SCO โดยพฤตินัยอยู่แล้ว เอาล่ะ! เมื่อลุยกันอะไรจะตามมา เอานาทีนี้ไปเลยจะได้เห็นภาพ เหี้ยมันรู้อยู่แล้วว่า ศึกยูเครนแค่บั่นทอนรัสเซีย(แต่พลิกล็อค) เสือกไปเพิ่มอำนาจให้ปูตินโดยไม่รู้ตัว ชนะเรียบวุธ ยอดขายถล่มทลาย แถมเส้นทางท่อแก็สมูลค่าพุ่งกระฉูด พลังงานโลก ทองคำ ดีดตัวสูงสุด ศึกเยรูซาเล็ม(ตายอย่างหมา) นาโต้ก็แล้ว ส่งเหี้ยมะกันไปช่วยก็แล้ว ตายห่าคาทะเลแดง เข้าไม่ถึง แถมถูกอิหร่านปิดช่องแคบเฮอร์มูซ แปลว่า กองเรือเหี้ยในตะวันออกกลางไปไหนไม่ได้ อิหร่านปิดประตูไว้เกลี้ยง แรดออกมากูจมเรือมรึงทันที ปิดการขนส่งลำเลียงทางทหารทางน้ำสิ้น แล้วแผนบุกแปซิฟิค ยังไปไม่รอด เมื่อจีนเตรียมพร้อมกว่าเยอะ ไม่รอมรึงมา แต่จะไปเปิดไต้หวัน เพื่อให้มรึงมาถมเงิน ชีวิต อาวุธ ที่นี่ต่อ เอาให้คาตรีนกันไปเลย เหลืออะไรล่ะ แอฟริกาก็ถูก WAGNER ทุบจนเละเทะ ปลดแอก อิสรภาพทั่วแอฟริกาสำเร็จ ด้านลาติน ทำห่าอะไรไม่ได้เลย เพราะนับวัน จำนวนอเมริกาใต้ที่จะจับมือกันเพื่อเทดอลล่าร์มีมากขึ้น และกองทัพต่อกันติดแล้ว ตั้งเงินกลุ่มดิจิตอลแล้ว ขืนเปิดสงครามใกล้บ้าน เข้าทางตรีนจีน รัสเซีย ทันที ถึงต้องหันมาเจาะไข่แดงอาเซียนแทน เพราะคือตัวเลือกสุดท้าย ที่เหี้ยไม่อยากเสี่ยงจะเล่น แต่จนปัญญา ถึงต้องเปิดตัว เจาะอาเซียนไม่หมู จีนดักคอพวกมรึงก่อนนานแล้ว อีเหงียน อิเหนา ไทย คุยกันมาก่อนแล้วเมื่อ 20 ปี เมื่อถึงเวลาที่ต้องปกป้องอาเซียน เราจะต้องสามัคคีกัน ห้ามแตกแถว เพราะรู้ดีว่า อีปินส์ อีลอดช่อง อีขะแมร์ ถูกแยกค่ายเพลงแน่ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ สมรภูมิจริง มันไม่เหมือนภาพในฝัน จีน รัสเซีย หนุนไทยเต็มตรีน แต่เฉพาะรัฐบาลที่เอาจีน นั่นคือวัง กองทัพ แต่ไม่เอารัฐบาลขี้ข้าวอชิงตันไงล่ะ เค้าถึงได้นิ่งเฉยช่วงที่ผ่านมา ไม่ TAKE ACTION เท่าที่ควร สงครามข่าวสารมาเต็มคาราเบล สื่อเหี้ย โซเชี่ยลในมือเหี้ย แม้แต่ขนาดล่าสุด LINE@ ของหมี CNN ยังต้องถูกหยุด ให้ยืนยันตัวตนใหม่ มาฟอร์มเดียวกับอี ฟัคบุ๊คนั่นแหละ ล่อกูทั้งเบอร์มือถือ อีเหมี๊ยว IP เครื่อง กูกลายเป็นที่ WANTED ของสื่อเหี้ยทั่วจักรวาลมาเวลไปแล้ว โดยในเชิงพฤตินัยแล้ว อาเซียนมีไทย อีเหงียน อิเหนา เป็นตัวหลักขับเคลื่อน และมีศักยภาพไม่แพ้กัน เชียวคนละทาง เก่งคนละด้าน จีนจึงจับมัดเป็นข้าวต้มมัดไงล่ะ รักกันเข้าไว้ เราจะสู้กับเหี้ยในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ไม่ใช่คู่ต่อกรเราดอก มันก็รู้ ต่อให้มรึงเทอาวุธเหี้ยอะไรมาให้ ถามคำเดียว มันใช้เป็นเหรอ? สุดท้าย มรึงก็ต้องส่งคนของมรึงมาเล่นเอง และนั่นแหละ คือสิ่งที่อาเซียนรออยู่ จีนเตรียมอีโต้ยักษ์ตัดคอเหี้ยที่สหประชาชาติอยู่แล้ว ทหารรับจ้างก็ดี นักรบรับจ้างก็ดี อาวุธใครล่ะ? และเมื่อนั้น จีน รัสเซียถึงจะออกตัวช่วยไทยได้เต็มอัตราศึก เพราะอีขะแมร์ใช้คนนอกเข้ามาเล่นเกมส์นี้ก่อน สรุปคือไทย-ขะแมร์สู้กัน คนนอกอย่าเสือก หากมรึงส่งใครเข้ามาช่วย จีน รัสเซีย ก็จะเข้ามาได้โดยคุณยายละม่อม ถึงตอนนี้ มรึงเริ่มเห็นภาพชัดยัง? ว่ามันจะจบที่ตรงไหน ใครแพ้ ใครชนะ? ทั้งหมด มันคือการวางแผนรับมือเหี้ยที่เตรียมการมาดี และยาวนาน พ่อร.9 ส่งพระเทพเยือนจีนอย่างกับไปเดินตลาด ถี่ยิบ ส่งน้องเล็กไปยุโรปถี่ยิบ เรื่องวิทยาการ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลายคนไม่รู้ เราพัฒนาวัคซีน และเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย มาจากโครงการขององค์เล็กเนี่ยแหละ พูดน้อยแต่ข้อมูลมาเต็มคาราเบล ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ไทย ก็มาจากความร่วมมือวังกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเนี่ยแหละ มรึงว่าเค้าเตรียมการมานานแค่ไหนกันล่ะ? อ่านทะลุ มองขาดกระจุย เหมือนเห็นอนาคตมาก่อนกาล อย่ากังวลเรื่องปราบปชต.ตอแหล จะกำจัดปรสิต เหี้ย เหลือบเกาะแผ่นดินยังไง? เป็นเพราะกรอบในหัวมรึงถูกเหี้ยมันตีกรอบมาครึ่งศตวรรษ ต้องมีประชาธิปไตย ต้องมีการเลือกตั้ง นานาชาติถึงยอมรับ มรึงลืมไปแล้วรึว่า ผู้นำโลกกำหนดบทบาทโลก ดังนั้น จีน รัสเซีย คือผู้นำโลกขั้วใหม่ นโยบายจะเปลี่ยนตามทันที แบบข้ามขั้วกันไปเลย ปกครองอะไรก็ได้ ที่ไม่เข่นฆ่า และล่าอาณานิคมแบบเหี้ยมันทำ ทุบกรอบในหัวมรึงแตกออกเมื่อไหร่ ดวงตาเห็นธรรมมาทันที ไม่มีอะไรที่ยาก ก็แค่โลกเปลี่ยน มรึงจึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก เท่านั้นเอง ปล.ไม่อยากจะแหวกหญ้าให้เหี้ยมันตื่นดอกน่ะ มรึงคิดว่า หากจีน รัสเซีย จะอุ้มไทยทั้งที จะไม่ให้อาวุธติดมือมาด้วยเหรอ เราได้อะไร มากมายกว่าที่มรึงคิดซะอีก 1.โครงการพลังงานโลกผ่านฮับอาเซียน 2.เขตเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยมีเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ได้จริง เป็นที่ยอมรับในภูมิภาค อิงทองคำ วัด 1:1 เท่าเทียม ไม่มีกฎหมาจ๊ะ 3.ย่ออาเซียนเข้ารวมกัน และเพิ่มประเทศสมาชิกใหม่เข้ามา ยังไงก็มีไม่ต่ำกว่า 10 แน่นอน ถึงได้บอกไงล่ะว่า บางส่วนอีขะแมร์ อีหม่อง น้องลาว จะเข้ามาเป็นส่วนนึงของไทยชัวร์ ไม่ต้องไปแย่งชิง เดินเข้ามาหาเอง เพราะมั่งคั่ง มั่นคง มั่นใจ 4.อาเซียนคือตัวเชื่อมพลังงานเอเซียสู่โลกแท้จริง ที่ผ่านมา ท่อแก็ส น้ำมัน แยกหลายค่าย หลายชาติ แต่งวดนี้ อาเซียนคือพลังงานหลัก ที่เชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งโลกอาหรับ รัสเซีย จีน สู่แอฟริกา แม้แต่ในโอเชเนีย รู้มั้ยทำไมต้องอาเซียน รู้มั้ยว่า แหล่งแก็สมหาศาล ทองคำ น้ำมัน มีเต็มอยู่ในอาเซียนหลายชาติ ที่มาว่าทำไม จีน รัสเซีย ถึงอุ้มอาเซียนยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะโลจิสติคสุดยอด ความมั่นคงปลอดภัย และภัยธรรมชาติไม่ค่อยจะเกิด เหมาะที่จะทำแหล่งขุดเจาะพลังงานที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรจำนวนมาก 5.WAGNER KGB เก่า หน่วยข่าวกรองจีน สายลับจีน อยู่เต็มพื้นที่ไปหมด หากเทียบเมื่อก่อน เดินไปไหน เจอแต่สายลับเหี้ย C แต่ตอนนี้ กลับตาลปัตรแล้วจ๊ะ มรึงเดินผ่านยังไม่รู้ตัวเลย นักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนมหา'ลัยไทย ใครจะบอกมรึงว่าคือหน่วยไซเบอร์อันดับ 1 จีน นักลงทุนจีนหน้าฉาก เบื้องหลังคือผู้พัฒนา AI และเข้าใจระบบดาวเทียมระดับจักรวาล นัยยะคือ เชื่อมต่อดาวเทียมไทยใหม่ ที่ผ่านมา เราอิงกับระบบ GPS เหี้ยมะกัน แต่ต่อไป เราอาจจะเปลี่ยนดาวเทียมเชื่อมต่อที่โยงโลกทั้งหมดเข้าหากันเองโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า เจ้าของทั้งหมดย่อมต้องรู้การเคลื่อนไหว แต่หากใครไม่เป็นศัตรูกับจีน รัสเซีย ไม่ได้คิดร้ายใครก่อน แบบที่เราเคยเป็นมา เค้าถึงได้เชื่อใจ ไว้วางใจเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเรามาไม่ใช่แค่ 20-30 ปี แต่ดูมาเป็น 100 ปีแล้วจ๊ะ เพราะไทยเรานี้รักสงบ แต่ยามสงบ เรากัดกันเองตลอด แต่ไม่กัดเพื่อนบ้านจ๊ะ หมี CNN(บทสรุป ศึกขะแมร์แค่ออเดิร์ฟ ล่อเป้าใหญ่เหี้ยมะกันมาติดบ่วงกับดักจีน แผนเจาะอาเซียนเด็กประถมของอีวอชิงตันแห้วแดร๊กไปตามระเบียบ ขะแมร์แตกไปตามเนื้อผ้า ไทยได้ทุกอย่างที่ต้องการคืนมาหมด แถมได้พื้นที่แนวกันชนใหม่ ยกระดับอาเซียนขึ้นมาเป็นฮับพลังงานโลกอนาคต ฝั่งตะวันตก จะสิ้นลาย หมดสภาพ รอการฟื้นฟูอีก 50 ปี กว่าจะกลับมาเทียบเอเซียตอนนี้ได้ วงจรโลกมาอยู่เอเซียนาน 50 ปี แล้วจะไปต่อที่แอฟริกา ลาติน แล้วกลับมาใหม่ที่ยุโรปอีกครั้ง อ้าว..แล้วอเมริกาล่ะ หายไปไหน อ๋อ..ไม่มีในแผนที่โลกแล้วจ๊ะ ขอโทษด้วย มันใช้ชื่อใหม่เป็น "รัฐยิวใหม่สดใสซาบซ่าส์" เห็นอนาคตโลกทั้งหมดแล้วรึยัง? ความผาสุขกำลังจะมา แต่ต้องแลกด้วยความสามัคคีของคนในชาติก่อนตอนนี้ จัดการอี 24 ล้านไทยบัดซบ จับมันไปถ่วงตระกร้าล้างน้ำ ทำห่าอะไรก็ได้ ให้มันกลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิม ยัดสมองให้มันเข้าไปด้วย กลวงมานานเกินไปแล้ว ควายที่ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน จะถูกเทวดา ฟ้าดิน กำจัดออกไปเอง อย่ากังวล เปลี่ยนควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว ให้กลับมาเป็นคนได้แค่ 20% ก็ถือว่าเยอะแล้ว เชื่อในมือสวรรค์ ส่วนอีก 80% เชิญไปลงขุมนรกตามพ่องซะ ก็แค่เดรัจฉานมาเกิดเป็นคนเพื่อให้แผนกลียุคสำเร็จ เมื่อทำหน้าที่จบ ก็ต้องกลับไปขุมนรกที่มรึงจากมา อนิจจัง) 01 สิงหาคม 68 11.22 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “SS7 encoding attack” เมื่อการสื่อสารกลายเป็นช่องทางลับของการสอดแนม

    SS7 หรือ Signaling System 7 คือโปรโตคอลเก่าแก่ที่ใช้เชื่อมต่อสายโทรศัพท์, ส่งข้อความ, และจัดการการโรมมิ่งระหว่างเครือข่ายมือถือทั่วโลก แม้จะเป็นหัวใจของการสื่อสารยุคใหม่ แต่ SS7 ไม่เคยถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยในระดับที่ทันสมัย

    ล่าสุดนักวิจัยจาก Enea พบว่า บริษัทสอดแนมแห่งหนึ่งใช้เทคนิคใหม่ในการ “ปรับรูปแบบการเข้ารหัส” ของข้อความ SS7 เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ เช่น firewall และระบบเฝ้าระวัง ทำให้สามารถขอข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้มือถือจากผู้ให้บริการได้โดยไม่ถูกบล็อก

    เทคนิคนี้อาศัยการปรับโครงสร้างของข้อความ TCAP (Transaction Capabilities Application Part) ซึ่งเป็นชั้นใน SS7 ที่ใช้ส่งข้อมูลระหว่างเครือข่าย โดยใช้การเข้ารหัสแบบ ASN.1 BER ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถสร้างข้อความที่ “ถูกต้องตามหลักการ แต่ผิดจากที่ระบบคาดไว้” จนระบบไม่สามารถตรวจจับได้

    การโจมตีนี้ถูกใช้จริงตั้งแต่ปลายปี 2024 และสามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้ได้ใกล้ถึงระดับเสาสัญญาณ ซึ่งในเมืองใหญ่หมายถึงระยะเพียงไม่กี่ร้อยเมตร

    SS7 encoding attack คือการปรับรูปแบบการเข้ารหัสของข้อความ SS7 เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ
    ใช้เทคนิคการเข้ารหัสแบบ ASN.1 BER ในชั้น TCAP ของ SS7
    สร้างข้อความที่ดูถูกต้องแต่ระบบไม่สามารถถอดรหัสได้

    บริษัทสอดแนมใช้เทคนิคนี้เพื่อขอข้อมูลตำแหน่งผู้ใช้มือถือจากผู้ให้บริการ
    ส่งคำสั่ง PSI (ProvideSubscriberInfo) ที่ถูกปรับแต่ง
    ระบบไม่สามารถตรวจสอบ IMSI ได้ จึงไม่บล็อกคำขอ

    การโจมตีนี้ถูกใช้จริงตั้งแต่ปลายปี 2024 และยังคงมีผลในปี 2025
    พบหลักฐานการใช้งานในเครือข่ายจริง
    บริษัทสอดแนมสามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้ได้ใกล้ระดับเสาสัญญาณ

    SS7 ยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่อย่าง Diameter และ 5G signaling
    การเลิกใช้ SS7 ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับผู้ให้บริการส่วนใหญ่
    ต้องใช้วิธีป้องกันเชิงพฤติกรรมและการวิเคราะห์ภัยคุกคาม

    Enea แนะนำให้ผู้ให้บริการตรวจสอบรูปแบบการเข้ารหัสที่ผิดปกติและเสริม firewall ให้แข็งแรงขึ้น
    ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมร่วมกับ threat intelligence
    ป้องกันการหลบเลี่ยงระบบตรวจจับในระดับโครงสร้างข้อความ

    ผู้ใช้มือถือไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ด้วยตัวเอง
    การโจมตีเกิดในระดับเครือข่ายมือถือ ไม่ใช่ที่อุปกรณ์ของผู้ใช้
    ต้องพึ่งผู้ให้บริการในการป้องกัน

    ระบบ SS7 firewall แบบเดิมไม่สามารถตรวจจับการเข้ารหัสที่ผิดปกติได้
    ข้อความที่ใช้ encoding แบบใหม่จะผ่าน firewall โดยไม่ถูกบล็อก
    IMSI ที่ถูกซ่อนไว้จะไม่ถูกตรวจสอบว่าเป็นเครือข่ายภายในหรือภายนอก

    บริษัทสอดแนมสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อสอดแนมผู้ใช้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐ
    แม้จะอ้างว่าใช้เพื่อจับอาชญากร แต่มีการใช้กับนักข่าวและนักเคลื่อนไหว
    เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง

    ระบบ SS7 มีความซับซ้อนและไม่ถูกออกแบบมาให้รองรับการป้องกันภัยสมัยใหม่
    ASN.1 BER มีความยืดหยุ่นสูงจนกลายเป็นช่องโหว่
    การปรับโครงสร้างข้อความสามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจจับได้ง่าย

    https://hackread.com/researchers-ss7-encoding-attack-surveillance-vendor/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “SS7 encoding attack” เมื่อการสื่อสารกลายเป็นช่องทางลับของการสอดแนม SS7 หรือ Signaling System 7 คือโปรโตคอลเก่าแก่ที่ใช้เชื่อมต่อสายโทรศัพท์, ส่งข้อความ, และจัดการการโรมมิ่งระหว่างเครือข่ายมือถือทั่วโลก แม้จะเป็นหัวใจของการสื่อสารยุคใหม่ แต่ SS7 ไม่เคยถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยในระดับที่ทันสมัย ล่าสุดนักวิจัยจาก Enea พบว่า บริษัทสอดแนมแห่งหนึ่งใช้เทคนิคใหม่ในการ “ปรับรูปแบบการเข้ารหัส” ของข้อความ SS7 เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ เช่น firewall และระบบเฝ้าระวัง ทำให้สามารถขอข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้มือถือจากผู้ให้บริการได้โดยไม่ถูกบล็อก เทคนิคนี้อาศัยการปรับโครงสร้างของข้อความ TCAP (Transaction Capabilities Application Part) ซึ่งเป็นชั้นใน SS7 ที่ใช้ส่งข้อมูลระหว่างเครือข่าย โดยใช้การเข้ารหัสแบบ ASN.1 BER ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถสร้างข้อความที่ “ถูกต้องตามหลักการ แต่ผิดจากที่ระบบคาดไว้” จนระบบไม่สามารถตรวจจับได้ การโจมตีนี้ถูกใช้จริงตั้งแต่ปลายปี 2024 และสามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้ได้ใกล้ถึงระดับเสาสัญญาณ ซึ่งในเมืองใหญ่หมายถึงระยะเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ✅ SS7 encoding attack คือการปรับรูปแบบการเข้ารหัสของข้อความ SS7 เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ ➡️ ใช้เทคนิคการเข้ารหัสแบบ ASN.1 BER ในชั้น TCAP ของ SS7 ➡️ สร้างข้อความที่ดูถูกต้องแต่ระบบไม่สามารถถอดรหัสได้ ✅ บริษัทสอดแนมใช้เทคนิคนี้เพื่อขอข้อมูลตำแหน่งผู้ใช้มือถือจากผู้ให้บริการ ➡️ ส่งคำสั่ง PSI (ProvideSubscriberInfo) ที่ถูกปรับแต่ง ➡️ ระบบไม่สามารถตรวจสอบ IMSI ได้ จึงไม่บล็อกคำขอ ✅ การโจมตีนี้ถูกใช้จริงตั้งแต่ปลายปี 2024 และยังคงมีผลในปี 2025 ➡️ พบหลักฐานการใช้งานในเครือข่ายจริง ➡️ บริษัทสอดแนมสามารถระบุตำแหน่งผู้ใช้ได้ใกล้ระดับเสาสัญญาณ ✅ SS7 ยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่อย่าง Diameter และ 5G signaling ➡️ การเลิกใช้ SS7 ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับผู้ให้บริการส่วนใหญ่ ➡️ ต้องใช้วิธีป้องกันเชิงพฤติกรรมและการวิเคราะห์ภัยคุกคาม ✅ Enea แนะนำให้ผู้ให้บริการตรวจสอบรูปแบบการเข้ารหัสที่ผิดปกติและเสริม firewall ให้แข็งแรงขึ้น ➡️ ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมร่วมกับ threat intelligence ➡️ ป้องกันการหลบเลี่ยงระบบตรวจจับในระดับโครงสร้างข้อความ ‼️ ผู้ใช้มือถือไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ด้วยตัวเอง ⛔ การโจมตีเกิดในระดับเครือข่ายมือถือ ไม่ใช่ที่อุปกรณ์ของผู้ใช้ ⛔ ต้องพึ่งผู้ให้บริการในการป้องกัน ‼️ ระบบ SS7 firewall แบบเดิมไม่สามารถตรวจจับการเข้ารหัสที่ผิดปกติได้ ⛔ ข้อความที่ใช้ encoding แบบใหม่จะผ่าน firewall โดยไม่ถูกบล็อก ⛔ IMSI ที่ถูกซ่อนไว้จะไม่ถูกตรวจสอบว่าเป็นเครือข่ายภายในหรือภายนอก ‼️ บริษัทสอดแนมสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อสอดแนมผู้ใช้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐ ⛔ แม้จะอ้างว่าใช้เพื่อจับอาชญากร แต่มีการใช้กับนักข่าวและนักเคลื่อนไหว ⛔ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ‼️ ระบบ SS7 มีความซับซ้อนและไม่ถูกออกแบบมาให้รองรับการป้องกันภัยสมัยใหม่ ⛔ ASN.1 BER มีความยืดหยุ่นสูงจนกลายเป็นช่องโหว่ ⛔ การปรับโครงสร้างข้อความสามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจจับได้ง่าย https://hackread.com/researchers-ss7-encoding-attack-surveillance-vendor/
    HACKREAD.COM
    Researchers Link New SS7 Encoding Attack to Surveillance Vendor Activity
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ด่วน! ทหารไทยชวนชาวโซเชียลไทย รวมพลังทำสิ่งนี้! [30/7/68]

    #ด่วนทหารไทยประกาศ #ชวนชาวโซเชียลรวมพลัง #รวมพลังเพื่อชาติ #SocialPowerFromThailand #เสียงจากแนวหน้า #ทหารไทยกับประชาชน #ThaiArmyCallsToAction #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข่าวโซเชียล
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ด่วน! ทหารไทยชวนชาวโซเชียลไทย รวมพลังทำสิ่งนี้! [30/7/68] #ด่วนทหารไทยประกาศ #ชวนชาวโซเชียลรวมพลัง #รวมพลังเพื่อชาติ #SocialPowerFromThailand #เสียงจากแนวหน้า #ทหารไทยกับประชาชน #ThaiArmyCallsToAction #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข่าวโซเชียล #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อแสงอาทิตย์ถูก “ขาย” หลังพระอาทิตย์ตก

    Reflect Orbital วางแผนส่งดาวเทียม 57 ดวงขึ้นสู่วงโคจรต่ำ (600 กม.) โดยแต่ละดวงจะกางแผ่นฟิล์ม Mylar ขนาด 33x33 ฟุต ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน และสะท้อนแสงได้ดี จุดประสงค์คือสะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังฟาร์มโซลาร์หรือพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างในเวลากลางคืน

    ผู้ใช้งานสามารถระบุพิกัดเป้าหมายผ่านเว็บไซต์ และระบบจะปรับทิศทางของกระจกให้สะท้อนแสงไปยังจุดนั้นโดยอัตโนมัติ โดยใช้ระบบควบคุมทิศทางขั้นสูง เช่น reaction wheels เพื่อให้แสงตกกระทบอย่างแม่นยำ

    แม้แนวคิดนี้จะน่าตื่นเต้น แต่ก็เผชิญกับความท้าทายทางวิศวกรรม เช่น การปรับตำแหน่งให้ตรงกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และการหมุนของโลก รวมถึงผลกระทบจากเมฆและการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ

    Reflect Orbital พัฒนาเครือข่ายดาวเทียมพร้อมกระจก Mylar เพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์กลับมายังโลกในเวลากลางคืน
    ดาวเทียมแต่ละดวงมีน้ำหนักประมาณ 35 ปอนด์ ทำให้ต้นทุนการส่งต่ำ
    กระจก Mylar ขนาด 33x33 ฟุต มีคุณสมบัติสะท้อนแสงสูงและน้ำหนักเบา

    ระบบสามารถปรับทิศทางแสงได้ตามพิกัดที่ผู้ใช้ระบุผ่านเว็บไซต์
    ใช้ระบบควบคุมทิศทางขั้นสูงเพื่อติดตามดวงอาทิตย์และเป้าหมายบนโลก
    แสงจะตกกระทบเฉพาะพื้นที่เป้าหมายในแนวแคบ ลดผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ

    มีการทดสอบเบื้องต้นด้วยบอลลูนและกระจกขนาดเล็ก
    ผลการทดลองสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 500 วัตต์ต่อตารางเมตร
    ประมาณครึ่งหนึ่งของความสว่างจากดวงอาทิตย์จริง

    บริษัทวางแผนปฏิบัติตามกฎการกำจัดขยะอวกาศอย่างเคร่งครัด
    ดาวเทียมต้องถูกนำออกจากวงโคจรภายใน 25 ปีหลังสิ้นสุดภารกิจ
    ลดความเสี่ยงในการเพิ่มขยะอวกาศในระยะยาว

    โครงการได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ใช้งานทั่วโลก
    มีผู้ลงทะเบียน “ขอแสง” ผ่านเว็บไซต์แล้วหลายหมื่นราย
    เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดแบบต่อเนื่อง

    การสะท้อนแสงจากอวกาศอาจเพิ่มปัญหา “มลภาวะทางแสง” ในเวลากลางคืน
    ส่งผลกระทบต่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
    อาจรบกวนพฤติกรรมของสัตว์กลางคืนและวงจรชีวภาพของมนุษย์

    ความแม่นยำในการเล็งแสงต้องใช้เทคโนโลยีควบคุมระดับสูง
    การเบี่ยงเบนเล็กน้อยอาจทำให้แสงไม่ตกตรงเป้าหมาย
    เมฆและชั้นบรรยากาศอาจลดประสิทธิภาพของแสงสะท้อน

    การเพิ่มจำนวนดาวเทียมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อขยะอวกาศ
    หากไม่มีการกำจัดอย่างเหมาะสม อาจรบกวนดาวเทียมอื่น
    ต้องมีระบบติดตามและควบคุมการเคลื่อนที่อย่างเข้มงวด

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังอยู่ระหว่างการประเมิน
    อาจส่งผลต่อระบบนิเวศที่พึ่งพาวงจรแสงธรรมชาติ
    ต้องมีการร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมก่อนการใช้งานเต็มรูปแบบ

    https://www.techspot.com/news/108849-startup-aims-beam-sunlight-space-using-mirrors.html
    ☀️ เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อแสงอาทิตย์ถูก “ขาย” หลังพระอาทิตย์ตก Reflect Orbital วางแผนส่งดาวเทียม 57 ดวงขึ้นสู่วงโคจรต่ำ (600 กม.) โดยแต่ละดวงจะกางแผ่นฟิล์ม Mylar ขนาด 33x33 ฟุต ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน และสะท้อนแสงได้ดี จุดประสงค์คือสะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังฟาร์มโซลาร์หรือพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างในเวลากลางคืน ผู้ใช้งานสามารถระบุพิกัดเป้าหมายผ่านเว็บไซต์ และระบบจะปรับทิศทางของกระจกให้สะท้อนแสงไปยังจุดนั้นโดยอัตโนมัติ โดยใช้ระบบควบคุมทิศทางขั้นสูง เช่น reaction wheels เพื่อให้แสงตกกระทบอย่างแม่นยำ แม้แนวคิดนี้จะน่าตื่นเต้น แต่ก็เผชิญกับความท้าทายทางวิศวกรรม เช่น การปรับตำแหน่งให้ตรงกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และการหมุนของโลก รวมถึงผลกระทบจากเมฆและการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ ✅ Reflect Orbital พัฒนาเครือข่ายดาวเทียมพร้อมกระจก Mylar เพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์กลับมายังโลกในเวลากลางคืน ➡️ ดาวเทียมแต่ละดวงมีน้ำหนักประมาณ 35 ปอนด์ ทำให้ต้นทุนการส่งต่ำ ➡️ กระจก Mylar ขนาด 33x33 ฟุต มีคุณสมบัติสะท้อนแสงสูงและน้ำหนักเบา ✅ ระบบสามารถปรับทิศทางแสงได้ตามพิกัดที่ผู้ใช้ระบุผ่านเว็บไซต์ ➡️ ใช้ระบบควบคุมทิศทางขั้นสูงเพื่อติดตามดวงอาทิตย์และเป้าหมายบนโลก ➡️ แสงจะตกกระทบเฉพาะพื้นที่เป้าหมายในแนวแคบ ลดผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ ✅ มีการทดสอบเบื้องต้นด้วยบอลลูนและกระจกขนาดเล็ก ➡️ ผลการทดลองสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 500 วัตต์ต่อตารางเมตร ➡️ ประมาณครึ่งหนึ่งของความสว่างจากดวงอาทิตย์จริง ✅ บริษัทวางแผนปฏิบัติตามกฎการกำจัดขยะอวกาศอย่างเคร่งครัด ➡️ ดาวเทียมต้องถูกนำออกจากวงโคจรภายใน 25 ปีหลังสิ้นสุดภารกิจ ➡️ ลดความเสี่ยงในการเพิ่มขยะอวกาศในระยะยาว ✅ โครงการได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ใช้งานทั่วโลก ➡️ มีผู้ลงทะเบียน “ขอแสง” ผ่านเว็บไซต์แล้วหลายหมื่นราย ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดแบบต่อเนื่อง ‼️ การสะท้อนแสงจากอวกาศอาจเพิ่มปัญหา “มลภาวะทางแสง” ในเวลากลางคืน ⛔ ส่งผลกระทบต่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ⛔ อาจรบกวนพฤติกรรมของสัตว์กลางคืนและวงจรชีวภาพของมนุษย์ ‼️ ความแม่นยำในการเล็งแสงต้องใช้เทคโนโลยีควบคุมระดับสูง ⛔ การเบี่ยงเบนเล็กน้อยอาจทำให้แสงไม่ตกตรงเป้าหมาย ⛔ เมฆและชั้นบรรยากาศอาจลดประสิทธิภาพของแสงสะท้อน ‼️ การเพิ่มจำนวนดาวเทียมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อขยะอวกาศ ⛔ หากไม่มีการกำจัดอย่างเหมาะสม อาจรบกวนดาวเทียมอื่น ⛔ ต้องมีระบบติดตามและควบคุมการเคลื่อนที่อย่างเข้มงวด ‼️ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังอยู่ระหว่างการประเมิน ⛔ อาจส่งผลต่อระบบนิเวศที่พึ่งพาวงจรแสงธรรมชาติ ⛔ ต้องมีการร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมก่อนการใช้งานเต็มรูปแบบ https://www.techspot.com/news/108849-startup-aims-beam-sunlight-space-using-mirrors.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Startup aims to beam sunlight from space using mirrors
    At the heart of Reflect Orbital's project are its Mylar mirrors. Each satellite will unfurl a 33-by-33-foot sheet of lightweight polyester film known for its durability and...
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามทดสอบ: เมื่อ AI Red Teams ทำหน้าที่ “เจาะก่อนเจ็บ”

    เมื่อ “AI Red Teams” กลายเป็นด่านหน้าในการค้นหาช่องโหว่ของระบบปัญญาประดิษฐ์ ก่อนที่แฮกเกอร์ตัวจริงจะลงมือ โดยใช้เทคนิคตั้งแต่ prompt injection ไปจนถึง privilege escalation เพื่อทดสอบความปลอดภัยและความปลอดภัยของโมเดล AI ที่กำลังถูกนำไปใช้ในธุรกิจทั่วโลก

    ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ช่วยตัดสินใจในองค์กร การรักษาความปลอดภัยของระบบ AI จึงไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป ทีม Red Team ที่เชี่ยวชาญด้าน AI ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบ เช่น:
    - การหลอกให้โมเดลละเมิดข้อจำกัดด้วย prompt ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย
    - การใช้ emotional manipulation เช่น “คุณเข้าใจผิด” หรือ “ช่วยฉันเถอะ ฉุกเฉินมาก”
    - การเจาะ backend โดยตรงผ่าน creative injection และ endpoint targeting
    - การใช้โมเดลในฐานะตัวแทนผู้ใช้เพื่อขยายสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต (access pivoting)

    เป้าหมายไม่ใช่แค่ “ทำให้โมเดลพัง” แต่เพื่อค้นหาว่าโมเดลจะตอบสนองอย่างไรเมื่อถูกโจมตีจริง และจะสามารถป้องกันได้หรือไม่

    AI Red Teams คือทีมที่ใช้เทคนิคเจาะระบบเพื่อค้นหาช่องโหว่ในโมเดล AI ก่อนที่แฮกเกอร์จะพบ
    ใช้เทคนิค prompt injection, privilege escalation, emotional manipulation
    ทดสอบทั้งด้าน security (ป้องกัน AI จากโลกภายนอก) และ safety (ป้องกันโลกจาก AI)

    โมเดล AI มีลักษณะไม่แน่นอน (non-deterministic) ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแม้ใช้ input เดิม
    ทำให้การทดสอบต้องใช้หลายรอบและหลากหลายบริบท
    การเจาะระบบต้องอาศัยทั้งเทคนิคและความเข้าใจเชิงพฤติกรรม

    ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ในการ red teaming
    Prompt extraction: ดึงคำสั่งระบบที่ซ่อนอยู่
    Endpoint targeting: เจาะ backend โดยตรง
    Creative injection: หลอกให้โมเดลเรียกใช้ฟังก์ชันอันตราย
    Access pivoting: ใช้สิทธิ์ของ AI agent เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์

    Red Teams พบช่องโหว่ในระบบจริง เช่น context window failure และ fallback behavior ที่ไม่ปลอดภัย
    โมเดลลืมคำสั่งเดิมเมื่อบทสนทนายาวเกินไป
    ตอบคำถามด้วยข้อมูลผิดหรือไม่ชัดเจนเมื่อไม่สามารถดึงข้อมูลได้

    พบปัญหา privilege creep และการเข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ผ่าน AI interfaces
    ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถเข้าถึงข้อมูลระดับผู้บริหารได้
    โมเดลไม่ตรวจสอบสิทธิ์อย่างเหมาะสมเมื่อเรียกข้อมูล

    Prompt injection สามารถทำให้โมเดลละเมิดข้อจำกัดและให้ข้อมูลอันตรายได้
    เช่น การเปลี่ยนคำถามเป็น “แค่เรื่องแต่ง” เพื่อให้โมเดลตอบคำถามผิดกฎหมาย
    อาจนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือผิดจรรยาบรรณ

    ระบบ AI ที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอก เช่น API หรือฐานข้อมูล เสี่ยงต่อการ privilege escalation
    โมเดลอาจเรียกใช้ฟังก์ชันที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์
    ส่งผลให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ

    การไม่ตรวจสอบ context และ scope อย่างเข้มงวดอาจทำให้โมเดลทำงานผิดพลาด
    เช่น ลืมว่าอยู่ในโหมด onboarding แล้วไปดึงข้อมูล performance review
    ทำให้เกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวในระบบที่มีความไวสูง

    ระบบ prompt ที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมของโมเดลอาจรั่วไหลได้ผ่าน prompt extraction
    อาจเผยให้เห็น API key หรือคำสั่งภายในที่ควบคุมโมเดล
    เป็นเป้าหมายสำคัญของผู้โจมตีที่ต้องการเข้าใจตรรกะของระบบ

    https://www.csoonline.com/article/4029862/how-ai-red-teams-find-hidden-flaws-before-attackers-do.html
    🧠 เรื่องเล่าจากสนามทดสอบ: เมื่อ AI Red Teams ทำหน้าที่ “เจาะก่อนเจ็บ” เมื่อ “AI Red Teams” กลายเป็นด่านหน้าในการค้นหาช่องโหว่ของระบบปัญญาประดิษฐ์ ก่อนที่แฮกเกอร์ตัวจริงจะลงมือ โดยใช้เทคนิคตั้งแต่ prompt injection ไปจนถึง privilege escalation เพื่อทดสอบความปลอดภัยและความปลอดภัยของโมเดล AI ที่กำลังถูกนำไปใช้ในธุรกิจทั่วโลก ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ช่วยตัดสินใจในองค์กร การรักษาความปลอดภัยของระบบ AI จึงไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป ทีม Red Team ที่เชี่ยวชาญด้าน AI ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบ เช่น: - การหลอกให้โมเดลละเมิดข้อจำกัดด้วย prompt ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย - การใช้ emotional manipulation เช่น “คุณเข้าใจผิด” หรือ “ช่วยฉันเถอะ ฉุกเฉินมาก” - การเจาะ backend โดยตรงผ่าน creative injection และ endpoint targeting - การใช้โมเดลในฐานะตัวแทนผู้ใช้เพื่อขยายสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต (access pivoting) เป้าหมายไม่ใช่แค่ “ทำให้โมเดลพัง” แต่เพื่อค้นหาว่าโมเดลจะตอบสนองอย่างไรเมื่อถูกโจมตีจริง และจะสามารถป้องกันได้หรือไม่ ✅ AI Red Teams คือทีมที่ใช้เทคนิคเจาะระบบเพื่อค้นหาช่องโหว่ในโมเดล AI ก่อนที่แฮกเกอร์จะพบ ➡️ ใช้เทคนิค prompt injection, privilege escalation, emotional manipulation ➡️ ทดสอบทั้งด้าน security (ป้องกัน AI จากโลกภายนอก) และ safety (ป้องกันโลกจาก AI) ✅ โมเดล AI มีลักษณะไม่แน่นอน (non-deterministic) ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแม้ใช้ input เดิม ➡️ ทำให้การทดสอบต้องใช้หลายรอบและหลากหลายบริบท ➡️ การเจาะระบบต้องอาศัยทั้งเทคนิคและความเข้าใจเชิงพฤติกรรม ✅ ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ในการ red teaming ➡️ Prompt extraction: ดึงคำสั่งระบบที่ซ่อนอยู่ ➡️ Endpoint targeting: เจาะ backend โดยตรง ➡️ Creative injection: หลอกให้โมเดลเรียกใช้ฟังก์ชันอันตราย ➡️ Access pivoting: ใช้สิทธิ์ของ AI agent เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ ✅ Red Teams พบช่องโหว่ในระบบจริง เช่น context window failure และ fallback behavior ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ โมเดลลืมคำสั่งเดิมเมื่อบทสนทนายาวเกินไป ➡️ ตอบคำถามด้วยข้อมูลผิดหรือไม่ชัดเจนเมื่อไม่สามารถดึงข้อมูลได้ ✅ พบปัญหา privilege creep และการเข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ผ่าน AI interfaces ➡️ ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถเข้าถึงข้อมูลระดับผู้บริหารได้ ➡️ โมเดลไม่ตรวจสอบสิทธิ์อย่างเหมาะสมเมื่อเรียกข้อมูล ‼️ Prompt injection สามารถทำให้โมเดลละเมิดข้อจำกัดและให้ข้อมูลอันตรายได้ ⛔ เช่น การเปลี่ยนคำถามเป็น “แค่เรื่องแต่ง” เพื่อให้โมเดลตอบคำถามผิดกฎหมาย ⛔ อาจนำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือผิดจรรยาบรรณ ‼️ ระบบ AI ที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอก เช่น API หรือฐานข้อมูล เสี่ยงต่อการ privilege escalation ⛔ โมเดลอาจเรียกใช้ฟังก์ชันที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ ⛔ ส่งผลให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ ‼️ การไม่ตรวจสอบ context และ scope อย่างเข้มงวดอาจทำให้โมเดลทำงานผิดพลาด ⛔ เช่น ลืมว่าอยู่ในโหมด onboarding แล้วไปดึงข้อมูล performance review ⛔ ทำให้เกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวในระบบที่มีความไวสูง ‼️ ระบบ prompt ที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมของโมเดลอาจรั่วไหลได้ผ่าน prompt extraction ⛔ อาจเผยให้เห็น API key หรือคำสั่งภายในที่ควบคุมโมเดล ⛔ เป็นเป้าหมายสำคัญของผู้โจมตีที่ต้องการเข้าใจตรรกะของระบบ https://www.csoonline.com/article/4029862/how-ai-red-teams-find-hidden-flaws-before-attackers-do.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How AI red teams find hidden flaws before attackers do
    As generative AI transforms business, security experts are adapting hacking techniques to discover vulnerabilities in intelligent systems — from prompt injection to privilege escalation.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records **

    In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services.

    What's Apna Khata Bhulekh?

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation.

    These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection.

    ---

    crucial Features of Apna Khata Bhulekh

    1. ** Ease of Access **
    druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details.

    2. ** translucency **
    With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced.

    3. ** Time- Saving **
    before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles.

    4. ** Legal mileage **
    These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases.

    5. ** Map Access **
    druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots.

    ---

    How to Access Apna Khata Bhulekh Online

    Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same

    1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state.
    2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **.
    3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **.
    4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record.

    For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in).

    ---

    Benefits to Farmers and Coproprietors

    * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents.
    * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button.
    * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals.

    ---

    Challenges and the Way Forward

    While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity.

    To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated.

    ---

    Conclusion

    “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com

    ** Apna Khata Bhulekh A Step Towards Digital Land Records ** In the ultramodern digital age, governance systems across India have been witnessing rapid-fire metamorphosis. One significant action in this direction is ** “ Apna Khata Bhulekh ” **, a government- driven platform aimed at digitizing land records and furnishing easy access to citizens. Particularly active in countries like Rajasthan, Bihar, and Uttar Pradesh, this system enables coproprietors and growers to pierce important land- related documents online, reducing the need for physical visits to government services. What's Apna Khata Bhulekh? “ Apna Khata Bhulekh ” is a digital portal launched by colorful state governments to allow druggies to view and download land records online. The term" Bhulekh" translates to ** land records ** or ** land description **, and “ Apna Khata ” means ** your account **, pertaining to a person's land power account. The system provides translucency in land dealings and reduces the chances of land fraud and manipulation. These online platforms are state-specific but operate under the common thing of ** profit department digitization **. Citizens can pierce Jamabandi Nakal( Record of Rights), Khasra figures, Khata figures, and charts of their lands from anywhere with an internet connection. --- crucial Features of Apna Khata Bhulekh 1. ** Ease of Access ** druggies can log in to the separate state gate using introductory details like quarter, tehsil, vill name, and Khata or Khasra number to pierce their land details. 2. ** translucency ** With all land records available online, the compass of corruption, illegal land occupation, and fraudulent deals is significantly reduced. 3. ** Time- Saving ** before, carrying land records meant long ranges at profit services. With Apna Khata Bhulekh, it can now be done within twinkles. 4. ** Legal mileage ** These digital land documents are fairly valid and can be used for colorful purposes similar as loan operations, land deals, and court cases. 5. ** Map Access ** druggies can view or download ** Bhu- Naksha **( land chart) and get visual representations of plots. --- How to Access Apna Khata Bhulekh Online Although the exact interface varies slightly from state to state, the general process remains the same 1. Visit the sanctioned Bhulekh or Apna Khata website of your separate state. 2. Choose your ** quarter **, ** tehsil **, and ** vill **. 3. Enter details like ** Khata number **, ** Khasra number **, or ** squatter name **. 4. Click on “ Submit ” or “ View Report ” to get the land record. For illustration, in ** Rajasthan **, druggies can go to( apnakhata.raj.nic.in)( http// apnakhata.raj.nic.in) to pierce the gate. also, in ** Uttar Pradesh **, the point is( upbhulekh.gov.in)( http// upbhulekh.gov.in), while ** Bihar ** residers can use( biharbhumi.bihar.gov.in)( http// biharbhumi.bihar.gov.in). --- Benefits to Farmers and Coproprietors * ** Loan blessing ** growers frequently need land records to get crop loans from banks. Digital Bhulekh ensures timely access to vindicated documents. * ** disagreement Resolution ** Land controversies can now be resolved briskly with sanctioned digital substantiation available at the click of a button. * ** Land Deals and Purchases ** Buyers can corroborate land power and history before making purchases, leading to safer deals. --- Challenges and the Way Forward While the action is estimable, certain challenges remain. In pastoral areas, numerous people are still ignorant of how to use these doors. Internet connectivity and digital knowledge also pose walls. also, some old land records are yet to be digitized, leading to gaps in data vacuity. To overcome these issues, state governments need to conduct mindfulness juggernauts, offer backing at ** Common Service Centers( CSCs) **, and insure that all old records are digitized and vindicated. --- Conclusion “ Apna Khata Bhulekh ” is a transformative step in making governance further citizen-friendly. It empowers coproprietors by giving them direct access to pivotal information and promotes translucency in land dealings. As further people embrace digital platforms, Apna Khata Bhulekh will play an indeed more critical part in icing land security and effective land operation across India. https://apnakhataonline.com
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • ทหารไทยแจ้งข่าว สายลับเขมร "เกม" โดนรวบแล้วอีก 1! (Another Cambodian spy arrested!) [26/7/68]

    #สายลับเขมรถูกจับ
    #อีกหนึ่งสายลับโดนรวบ
    #ข่าวด่วนทหารไทย
    #CambodianSpyArrested
    #สายลับเขมรเกมแล้ว
    #ข่าวความมั่นคง
    #จับสายลับชายแดน
    #ข่าวทหารแนวหน้า
    #ThaiIntelligenceAction
    #กัมพูชายิงก่อน
    #柬埔寨先开火 (จีน)
    #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น)
    #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    ทหารไทยแจ้งข่าว สายลับเขมร "เกม" โดนรวบแล้วอีก 1! (Another Cambodian spy arrested!) [26/7/68] #สายลับเขมรถูกจับ #อีกหนึ่งสายลับโดนรวบ #ข่าวด่วนทหารไทย #CambodianSpyArrested #สายลับเขมรเกมแล้ว #ข่าวความมั่นคง #จับสายลับชายแดน #ข่าวทหารแนวหน้า #ThaiIntelligenceAction #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    Angry
    1
    1 Comments 0 Shares 245 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกมือถือ: เมื่อแอปหาคู่กลายเป็นกับดักอารมณ์และข้อมูล

    TechRadar รายงานว่าแคมเปญมัลแวร์ชื่อ SarangTrap กำลังโจมตีผู้ใช้ Android อย่างหนัก โดยมีแอปปลอมกว่า 250 แอป ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ แต่จริงๆ แล้วเป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลส่วนตัว แล้วนำไปใช้ข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน

    นักวิจัยจาก Zimperium zLabs พบว่าแอปปลอมเหล่านี้:

    - ถูกออกแบบให้ดูดีและน่าเชื่อถือ
    - หลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ส่วนตัว
    - ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ “invitation code” พิเศษ

    เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะ:
    - ค้นหาข้อมูลที่อาจทำให้เหยื่ออับอาย
    - ข่มขู่ว่าจะส่งข้อมูลนั้นให้ครอบครัวหรือเพื่อน หากไม่จ่ายเงิน

    แคมเปญนี้เน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้เป็นหลัก และใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ทำให้ดูเหมือนเป็นเว็บไซต์จริง

    พบแอปปลอมกว่า 250 แอปบน Android ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่
    แอปเหล่านี้เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer

    แอปหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
    เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง

    ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เพื่อสร้างความไว้ใจ
    เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ invitation code

    เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน
    ขู่ว่าจะส่งข้อมูลให้ครอบครัวหรือเพื่อน

    แคมเปญนี้ชื่อว่า SarangTrap และเน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้
    ใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine

    แอปทั้งหมดไม่ได้อยู่ใน Play Store หรือ App Store
    มาจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ เช่น ลิงก์ในโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ปลอม

    Zimperium แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    และตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปขออย่างสม่ำเสมอ

    แอปปลอมเหล่านี้อาจดูน่าเชื่อถือและออกแบบอย่างดี
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ทันสังเกตว่าเป็นมัลแวร์

    การให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้ถูกข่มขู่
    โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหว เช่น รูปภาพหรือข้อความส่วนตัว

    การดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการมีความเสี่ยงสูง
    แม้ search engine จะ index เว็บไซต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย

    ผู้ใช้ที่ไม่มีแอปป้องกันมัลแวร์อาจไม่รู้ตัวว่าถูกโจมตี
    ควรติดตั้งแอปความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ได้

    การข่มขู่ทางอารมณ์เป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีไซเบอร์
    ทำให้เหยื่อรู้สึกกลัวและยอมจ่ายเงินโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่

    https://www.techradar.com/pro/security/over-250-malicious-apps-are-targeting-android-users-heres-how-to-stay-safe
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกมือถือ: เมื่อแอปหาคู่กลายเป็นกับดักอารมณ์และข้อมูล TechRadar รายงานว่าแคมเปญมัลแวร์ชื่อ SarangTrap กำลังโจมตีผู้ใช้ Android อย่างหนัก โดยมีแอปปลอมกว่า 250 แอป ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ แต่จริงๆ แล้วเป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลส่วนตัว แล้วนำไปใช้ข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน 💔📱 นักวิจัยจาก Zimperium zLabs พบว่าแอปปลอมเหล่านี้: - ถูกออกแบบให้ดูดีและน่าเชื่อถือ - หลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ส่วนตัว - ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ “invitation code” พิเศษ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะ: - ค้นหาข้อมูลที่อาจทำให้เหยื่ออับอาย - ข่มขู่ว่าจะส่งข้อมูลนั้นให้ครอบครัวหรือเพื่อน หากไม่จ่ายเงิน แคมเปญนี้เน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้เป็นหลัก และใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ทำให้ดูเหมือนเป็นเว็บไซต์จริง ✅ พบแอปปลอมกว่า 250 แอปบน Android ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ ➡️ แอปเหล่านี้เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer ✅ แอปหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ➡️ เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง ✅ ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เพื่อสร้างความไว้ใจ ➡️ เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ invitation code ✅ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน ➡️ ขู่ว่าจะส่งข้อมูลให้ครอบครัวหรือเพื่อน ✅ แคมเปญนี้ชื่อว่า SarangTrap และเน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้ ➡️ ใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ✅ แอปทั้งหมดไม่ได้อยู่ใน Play Store หรือ App Store ➡️ มาจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ เช่น ลิงก์ในโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ปลอม ✅ Zimperium แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น ➡️ และตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปขออย่างสม่ำเสมอ ‼️ แอปปลอมเหล่านี้อาจดูน่าเชื่อถือและออกแบบอย่างดี ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ทันสังเกตว่าเป็นมัลแวร์ ‼️ การให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้ถูกข่มขู่ ⛔ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหว เช่น รูปภาพหรือข้อความส่วนตัว ‼️ การดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการมีความเสี่ยงสูง ⛔ แม้ search engine จะ index เว็บไซต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย ‼️ ผู้ใช้ที่ไม่มีแอปป้องกันมัลแวร์อาจไม่รู้ตัวว่าถูกโจมตี ⛔ ควรติดตั้งแอปความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ได้ ‼️ การข่มขู่ทางอารมณ์เป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีไซเบอร์ ⛔ ทำให้เหยื่อรู้สึกกลัวและยอมจ่ายเงินโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ https://www.techradar.com/pro/security/over-250-malicious-apps-are-targeting-android-users-heres-how-to-stay-safe
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ แถลงการณ์โต้ "กัมพูชา" บิดเบือนข้อเท็จจริง นำภาพการฝึกภาคสนามมากล่าวหา "ทหารไทย" เป็นผู้ฝังทุ่นระเบิด 20 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mines Action Center หรือ TMAC) ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงกังวล อย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ว่า โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทยเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวรจากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาวในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดง ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านรวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคตนอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน
    ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ แถลงการณ์โต้ "กัมพูชา" บิดเบือนข้อเท็จจริง นำภาพการฝึกภาคสนามมากล่าวหา "ทหารไทย" เป็นผู้ฝังทุ่นระเบิด 20 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mines Action Center หรือ TMAC) ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงกังวล อย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ว่า โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทยเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวรจากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาวในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดง ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านรวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคตนอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากมือถือ: Android กลายเป็นเครือข่ายตรวจแผ่นดินไหวโลก

    ระหว่างปี 2021–2024 Google ได้เปิดตัวระบบ Android Earthquake Alerts ที่ใช้ motion sensor บนมือถือ Android เพื่อ “จับสัญญาณการสั่นสะเทือน” โดยอัตโนมัติ

    หลักการคือ:
    - ไม่ใช่แค่ “เครื่องเดียวที่แม่น” แต่ใช้ “จำนวนมหาศาล” ประกอบกัน
    - ระบบ algorithm จะวิเคราะห์รูปแบบการสั่นร่วมจากมือถือหลายเครื่อง
    - แม้จะมีความต่างในอุปกรณ์, พื้นดิน, อาคาร หรือพื้นที่ แต่ระบบรวมสัญญาณได้ดี

    ผลลัพธ์คือ:
    - ตรวจจับแผ่นดินไหวได้มากกว่า 11,000 ครั้ง
    - ความแม่นยำเทียบเท่ากับ seismometer แบบเฉพาะทาง
    - ส่ง alert ไปยังผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี
    - ในบางเหตุการณ์สามารถแจ้งเตือนได้ “ก่อนการสั่นจะถึงผู้ใช้” หลายวินาที

    ความท้าทายใหญ่ของระบบคือการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เช่นเหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 ที่ระบบประเมินความรุนแรงต่ำเกินไป แต่เมื่ออัปเกรด algorithm แล้ว ระบบสามารถแจ้งเตือนได้แม่นขึ้นถึง 10 ล้านเครื่องในเวอร์ชันใหม่

    Google ใช้ motion sensor จากมือถือ Android กว่า 2 พันล้านเครื่องเป็นระบบตรวจแผ่นดินไหว
    ครอบคลุม 98 ประเทศ และให้สัญญาณได้แม่นยำแบบ real-time

    จับแผ่นดินไหวมากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ
    ระบุตำแหน่งและความแรงใกล้เคียงกับระบบ seismometer มืออาชีพ

    ใช้ collective shaking จากหลายเครื่องเพื่อดูรูปแบบการสั่น
    แก้ปัญหาความต่างของอุปกรณ์และพื้นที่แต่ละประเทศ

    จำนวนผู้ได้รับแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี
    ระบบช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการแจ้งเตือนได้ฟรีทั่วโลก

    รายงานจากทีมวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Science เป็นครั้งแรก
    สะท้อนผลลัพธ์เชิงวิทยาศาสตร์และขยายความน่าเชื่อถือของระบบ

    เหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 เป็นแรงผลักดันให้ปรับ algorithm ใหม่
    ระบบใหม่สามารถ trigger “TakeAction alert” ไปยัง 10 ล้านเครื่อง

    นักวิทยาศาสตร์ชื่นชมว่าเป็นระบบเสริมที่ช่วยให้ประเทศที่ไม่มีระบบเตือนภัยสามารถรับการแจ้งเตือนได้
    เป็นแนวทางให้ประชาชนได้รับสิทธิด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรอระบบของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108732-google-using-two-billion-android-phones-detect-earthquakes.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากมือถือ: Android กลายเป็นเครือข่ายตรวจแผ่นดินไหวโลก ระหว่างปี 2021–2024 Google ได้เปิดตัวระบบ Android Earthquake Alerts ที่ใช้ motion sensor บนมือถือ Android เพื่อ “จับสัญญาณการสั่นสะเทือน” โดยอัตโนมัติ หลักการคือ: - ไม่ใช่แค่ “เครื่องเดียวที่แม่น” แต่ใช้ “จำนวนมหาศาล” ประกอบกัน - ระบบ algorithm จะวิเคราะห์รูปแบบการสั่นร่วมจากมือถือหลายเครื่อง - แม้จะมีความต่างในอุปกรณ์, พื้นดิน, อาคาร หรือพื้นที่ แต่ระบบรวมสัญญาณได้ดี 📊 ผลลัพธ์คือ: - ตรวจจับแผ่นดินไหวได้มากกว่า 11,000 ครั้ง - ความแม่นยำเทียบเท่ากับ seismometer แบบเฉพาะทาง - ส่ง alert ไปยังผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี - ในบางเหตุการณ์สามารถแจ้งเตือนได้ “ก่อนการสั่นจะถึงผู้ใช้” หลายวินาที ความท้าทายใหญ่ของระบบคือการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เช่นเหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 ที่ระบบประเมินความรุนแรงต่ำเกินไป แต่เมื่ออัปเกรด algorithm แล้ว ระบบสามารถแจ้งเตือนได้แม่นขึ้นถึง 10 ล้านเครื่องในเวอร์ชันใหม่ ✅ Google ใช้ motion sensor จากมือถือ Android กว่า 2 พันล้านเครื่องเป็นระบบตรวจแผ่นดินไหว ➡️ ครอบคลุม 98 ประเทศ และให้สัญญาณได้แม่นยำแบบ real-time ✅ จับแผ่นดินไหวมากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ ➡️ ระบุตำแหน่งและความแรงใกล้เคียงกับระบบ seismometer มืออาชีพ ✅ ใช้ collective shaking จากหลายเครื่องเพื่อดูรูปแบบการสั่น ➡️ แก้ปัญหาความต่างของอุปกรณ์และพื้นที่แต่ละประเทศ ✅ จำนวนผู้ได้รับแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 3 ปี ➡️ ระบบช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการแจ้งเตือนได้ฟรีทั่วโลก ✅ รายงานจากทีมวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Science เป็นครั้งแรก ➡️ สะท้อนผลลัพธ์เชิงวิทยาศาสตร์และขยายความน่าเชื่อถือของระบบ ✅ เหตุการณ์ในตุรกีปี 2023 เป็นแรงผลักดันให้ปรับ algorithm ใหม่ ➡️ ระบบใหม่สามารถ trigger “TakeAction alert” ไปยัง 10 ล้านเครื่อง ✅ นักวิทยาศาสตร์ชื่นชมว่าเป็นระบบเสริมที่ช่วยให้ประเทศที่ไม่มีระบบเตือนภัยสามารถรับการแจ้งเตือนได้ ➡️ เป็นแนวทางให้ประชาชนได้รับสิทธิด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรอระบบของรัฐ https://www.techspot.com/news/108732-google-using-two-billion-android-phones-detect-earthquakes.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google is using two billion Android phones to detect earthquakes worldwide
    Unlike conventional systems that use dedicated, expensive seismic instruments, Google's Android Earthquake Alerts system leverages the sheer scale of smartphones, which continuously collect motion data unless users...
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเศรษฐกิจใหม่: AI กำลังกินเศรษฐกิจทั้งระบบ — แบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน

    การใช้จ่ายเพื่อสร้าง AI datacenter กำลังพุ่งสูงจนกระทบตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เช่น:
    - สหรัฐฯ คาดว่า AI capex จะคิดเป็น ~2% ของ GDP ปี 2025
    - ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง ~0.7%
    - หากนับรวม multiplier ทางเศรษฐศาสตร์ — จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่เห็น

    ขนาดของการลงทุนนี้ใหญ่ใกล้เคียงกับช่วงพีคของการสร้างรางรถไฟในยุค 1800s และสูงกว่าการลงทุนในยุค dot-com boom แล้วด้วยซ้ำ

    ในจีนก็เกิดปรากฏการณ์คล้ายกันจนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงออกมาเตือนว่า “ไม่ใช่ทุกมณฑลต้องแข่งกันสร้าง datacenter และ AI project” เพราะมีมากกว่า 250 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

    แต่คำถามใหญ่คือ: เงินมาจากไหน และไปกระทบอะไรบ้าง?

    AI capex ในสหรัฐฯ อาจแตะ 2% ของ GDP ในปี 2025
    ส่งผลให้เศรษฐกิจโตเพิ่ม ~0.7% จากส่วนนี้โดยตรง

    Nvidia มีรายได้จาก datacenter ถึง ~$156B (annualized) ในปีนี้
    โดยประมาณ 99% มาจากขายชิป AI เช่น H100/GH200

    คาดว่า AI capex รวมทั้งหมดอาจมากกว่า ~$520B หากคิดจาก share ของ Nvidia
    คิดเป็นเกือบ 20% ของจุดสูงสุดการลงทุนในระบบรางรถไฟยุคก่อน

    แหล่งเงินทุนมาจาก: cashflow ภายใน, การออกหุ้น, VC, leasing, cloud commitment
    ส่งผลให้เงินทุนจากภาคอื่นถูกเบนเบนออกจาก venture, infra, cloud services

    ส่งผลให้บางกลุ่มถูกตัดงบ เช่น Cloud, biotech และภาคผลิตดั้งเดิม
    เริ่มเกิดการเลิกจ้างในบางบริษัท เช่น Amazon และ Microsoft

    หากไม่มีการลงทุนใน datacenter เศรษฐกิจ Q1/2025 อาจหดตัว -2.1%
    แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียง contraction เล็ก ๆ หรือไม่ติดลบเลย

    การใช้จ่ายอาจกำลัง “กลืน” การลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่น
    เช่น ภาคพลังงาน, การผลิต หรือ venture non-AI ที่กำลังขาดเงินทุนหนัก

    โครงสร้างพื้นฐาน AI มีอายุการใช้งานสั้น — ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บ่อย
    ไม่เหมือนการสร้างรางรถไฟที่อยู่ได้เป็นศตวรรษ อาจสูญเปล่าระยะยาว

    การย้ายการจ้างงานและทรัพยากรไปที่ AI กำลังทำให้เกิดการเลิกจ้าง
    มีผลกระทบทางแรงงานก่อน AI ถูกใช้งานในวงกว้างเสียอีก

    การลงทุนแบบทุ่มหมดหน้าตักในเทคโนโลยีที่ยังปรับตัวอยู่อาจเป็น “ฟองสบู่”
    หากความคาดหวังเกินผลลัพธ์จริง เศรษฐกิจอาจสะเทือนในอนาคต

    https://paulkedrosky.com/honey-ai-capex-ate-the-economy/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเศรษฐกิจใหม่: AI กำลังกินเศรษฐกิจทั้งระบบ — แบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน การใช้จ่ายเพื่อสร้าง AI datacenter กำลังพุ่งสูงจนกระทบตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เช่น: - สหรัฐฯ คาดว่า AI capex จะคิดเป็น ~2% ของ GDP ปี 2025 - ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง ~0.7% - หากนับรวม multiplier ทางเศรษฐศาสตร์ — จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่เห็น ขนาดของการลงทุนนี้ใหญ่ใกล้เคียงกับช่วงพีคของการสร้างรางรถไฟในยุค 1800s และสูงกว่าการลงทุนในยุค dot-com boom แล้วด้วยซ้ำ ในจีนก็เกิดปรากฏการณ์คล้ายกันจนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงออกมาเตือนว่า “ไม่ใช่ทุกมณฑลต้องแข่งกันสร้าง datacenter และ AI project” เพราะมีมากกว่า 250 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่คำถามใหญ่คือ: เงินมาจากไหน และไปกระทบอะไรบ้าง? ✅ AI capex ในสหรัฐฯ อาจแตะ 2% ของ GDP ในปี 2025 ➡️ ส่งผลให้เศรษฐกิจโตเพิ่ม ~0.7% จากส่วนนี้โดยตรง ✅ Nvidia มีรายได้จาก datacenter ถึง ~$156B (annualized) ในปีนี้ ➡️ โดยประมาณ 99% มาจากขายชิป AI เช่น H100/GH200 ✅ คาดว่า AI capex รวมทั้งหมดอาจมากกว่า ~$520B หากคิดจาก share ของ Nvidia ➡️ คิดเป็นเกือบ 20% ของจุดสูงสุดการลงทุนในระบบรางรถไฟยุคก่อน ✅ แหล่งเงินทุนมาจาก: cashflow ภายใน, การออกหุ้น, VC, leasing, cloud commitment ➡️ ส่งผลให้เงินทุนจากภาคอื่นถูกเบนเบนออกจาก venture, infra, cloud services ✅ ส่งผลให้บางกลุ่มถูกตัดงบ เช่น Cloud, biotech และภาคผลิตดั้งเดิม ➡️ เริ่มเกิดการเลิกจ้างในบางบริษัท เช่น Amazon และ Microsoft ✅ หากไม่มีการลงทุนใน datacenter เศรษฐกิจ Q1/2025 อาจหดตัว -2.1% ➡️ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียง contraction เล็ก ๆ หรือไม่ติดลบเลย ‼️ การใช้จ่ายอาจกำลัง “กลืน” การลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่น ⛔ เช่น ภาคพลังงาน, การผลิต หรือ venture non-AI ที่กำลังขาดเงินทุนหนัก ‼️ โครงสร้างพื้นฐาน AI มีอายุการใช้งานสั้น — ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บ่อย ⛔ ไม่เหมือนการสร้างรางรถไฟที่อยู่ได้เป็นศตวรรษ อาจสูญเปล่าระยะยาว ‼️ การย้ายการจ้างงานและทรัพยากรไปที่ AI กำลังทำให้เกิดการเลิกจ้าง ⛔ มีผลกระทบทางแรงงานก่อน AI ถูกใช้งานในวงกว้างเสียอีก ‼️ การลงทุนแบบทุ่มหมดหน้าตักในเทคโนโลยีที่ยังปรับตัวอยู่อาจเป็น “ฟองสบู่” ⛔ หากความคาดหวังเกินผลลัพธ์จริง เศรษฐกิจอาจสะเทือนในอนาคต https://paulkedrosky.com/honey-ai-capex-ate-the-economy/
    PAULKEDROSKY.COM
    Honey, AI Capex is Eating the Economy
    AI capex is so big that it's affecting economic statistics, boosting the economy, and beginning to approach the railroad boom
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • How To Use “Lay” vs. “Lie” Correctly Every Time

    The difference between the verbs lay and lie is one of English’s most confusing questions. Both words involve something or someone in a horizontal position, but where the two words differ has to do with who or what is horizontal—the subject of the verb (the one doing the action) or the direct object (the person or thing being acted upon).

    In this article, we’ll break down the difference between lay and lie, including the past tense forms and the phrases lay down, lie down, and laid down.

    Quick summary

    Lay means to place or put (Lay that here). The word lay is also the past tense form of the sense of lie that means to recline, as in I lay in bed yesterday. Lay down can mean to place down (Lay down your bags), but it can also be the past tense of lie down, as in I lay down for a few hours. A nonstandard but common use of lay is to mean the same thing as the present tense of lie, as in I just want to lay in bed for a few more minutes or I laid down for a few hours. It’s best to avoid this use (and the confusion it can cause) in formal contexts.

    Is it lay or lie?

    Lay commonly means to put or place someone or something down, as in Lay the bags on the table or I’m going to lay the baby in the crib. It’s a transitive verb, meaning it requires a direct object (I lay the quilt on the couch; I lay the book on the table).

    The sense of lie that’s often confused with lay means to be in or get into a reclining position—to recline, as in I just want to lie in bed for a few more minutes. Lie is an intransitive verb, meaning it does not take a direct object (Don’t just lie there).

    Lay is typically used with an object, meaning someone or something is getting laid down by someone. In contrast, lie is something you do yourself without any other recipients of the action.

    If you’re the one lying comfortably on your back, you want the verb lie, but if you can replace the verb with place or put (Please place the book on the table), then use the verb lay (Please lay the book on the table).

    Though this use is considered nonstandard, lay is commonly used to mean the same thing as this sense of lie, as in I just want to lay in bed for a few more minutes. Although lay and lie are often used interchangeably in casual communication, it’s best to use them in the standard way in more formal contexts.

    lay vs. lie in the past tense

    The confusion between the two words is largely due to the fact that lay is also the irregular past tense form of this sense of lie, as in I lay in bed yesterday morning wishing I could go back to sleep. (In contrast, when lie is used as a verb meaning to tell an untruth, its past tense is simply lied.) The past tense of lay as in “put or place down” is laid, as in I laid the bags on the table.

    The past participle forms of lay and lie (formed with the helping verb have) are also distinct: lay maintains its past form laid, but lie becomes lain, as in I have lain in bed for the past three hours.

    The continuous tense (-ing form) of this sense of lie is the same as the untruth sense: lying, as in I am lying in bed right now.

    Review all the different verb tenses right here!

    lay down or lie down

    The “recline” sense of lie is commonly used in the verb phrase lie down, as in I was feeling tired so I decided to lie down. Using the phrase lay down to mean the same thing is considered nonstandard, but it’s also very common.

    Lay down is also used as a verb phrase meaning about the same thing as lay, as in You can lay down your bags on the table (or You can lay your bags down on the table).

    How to use lay and lie in a sentence

    A good way to remember which one to use is to think about whether you could replace the word with put or recline. If you can replace it with put, you want to use lay, as in Please lay (put) the bags on the table. If you could replace the word with recline, you want to use lie, as in I just want to lie (recline) in bed for a few more minutes.

    Here are several examples of how to correctly use lay and lie in a sentence, including examples with the past tense of both words and both used in the same sentence.

    - I feel like I need to lie down.
    - Please lay the groceries on the table.
    - I laid all of the ingredients on the kitchen counter last night.
    - Last night, I lay awake for hours, unable to sleep.
    - I had just lain down to go to sleep when I heard a noise.
    - I’m looking for the book that you had laid on the bedside table.
    - He said he was just going to lay the blanket on the grass and lie on it for a few minutes, but he lied. After he laid the blanket down, he lay on it for two hours!

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    How To Use “Lay” vs. “Lie” Correctly Every Time The difference between the verbs lay and lie is one of English’s most confusing questions. Both words involve something or someone in a horizontal position, but where the two words differ has to do with who or what is horizontal—the subject of the verb (the one doing the action) or the direct object (the person or thing being acted upon). In this article, we’ll break down the difference between lay and lie, including the past tense forms and the phrases lay down, lie down, and laid down. Quick summary Lay means to place or put (Lay that here). The word lay is also the past tense form of the sense of lie that means to recline, as in I lay in bed yesterday. Lay down can mean to place down (Lay down your bags), but it can also be the past tense of lie down, as in I lay down for a few hours. A nonstandard but common use of lay is to mean the same thing as the present tense of lie, as in I just want to lay in bed for a few more minutes or I laid down for a few hours. It’s best to avoid this use (and the confusion it can cause) in formal contexts. Is it lay or lie? Lay commonly means to put or place someone or something down, as in Lay the bags on the table or I’m going to lay the baby in the crib. It’s a transitive verb, meaning it requires a direct object (I lay the quilt on the couch; I lay the book on the table). The sense of lie that’s often confused with lay means to be in or get into a reclining position—to recline, as in I just want to lie in bed for a few more minutes. Lie is an intransitive verb, meaning it does not take a direct object (Don’t just lie there). Lay is typically used with an object, meaning someone or something is getting laid down by someone. In contrast, lie is something you do yourself without any other recipients of the action. If you’re the one lying comfortably on your back, you want the verb lie, but if you can replace the verb with place or put (Please place the book on the table), then use the verb lay (Please lay the book on the table). Though this use is considered nonstandard, lay is commonly used to mean the same thing as this sense of lie, as in I just want to lay in bed for a few more minutes. Although lay and lie are often used interchangeably in casual communication, it’s best to use them in the standard way in more formal contexts. lay vs. lie in the past tense The confusion between the two words is largely due to the fact that lay is also the irregular past tense form of this sense of lie, as in I lay in bed yesterday morning wishing I could go back to sleep. (In contrast, when lie is used as a verb meaning to tell an untruth, its past tense is simply lied.) The past tense of lay as in “put or place down” is laid, as in I laid the bags on the table. The past participle forms of lay and lie (formed with the helping verb have) are also distinct: lay maintains its past form laid, but lie becomes lain, as in I have lain in bed for the past three hours. The continuous tense (-ing form) of this sense of lie is the same as the untruth sense: lying, as in I am lying in bed right now. Review all the different verb tenses right here! lay down or lie down The “recline” sense of lie is commonly used in the verb phrase lie down, as in I was feeling tired so I decided to lie down. Using the phrase lay down to mean the same thing is considered nonstandard, but it’s also very common. Lay down is also used as a verb phrase meaning about the same thing as lay, as in You can lay down your bags on the table (or You can lay your bags down on the table). How to use lay and lie in a sentence A good way to remember which one to use is to think about whether you could replace the word with put or recline. If you can replace it with put, you want to use lay, as in Please lay (put) the bags on the table. If you could replace the word with recline, you want to use lie, as in I just want to lie (recline) in bed for a few more minutes. Here are several examples of how to correctly use lay and lie in a sentence, including examples with the past tense of both words and both used in the same sentence. - I feel like I need to lie down. - Please lay the groceries on the table. - I laid all of the ingredients on the kitchen counter last night. - Last night, I lay awake for hours, unable to sleep. - I had just lain down to go to sleep when I heard a noise. - I’m looking for the book that you had laid on the bedside table. - He said he was just going to lay the blanket on the grass and lie on it for a few minutes, but he lied. After he laid the blanket down, he lay on it for two hours! © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 Comments 0 Shares 510 Views 0 Reviews
  • โจลานีผู้ปกครองซีเรียออกแถลงการณ์วันนี้ระบุว่า สไวดายังคงเป็นดินแดนของซีเรีย แม้จะมีความพยายามแยกตัวเองออกไปจากการยุยงของอิสราเอล แต่จะอนุญาตให้มีการปกครองในเขตพื้นที่จากผู้นำชาวดรูซ

    "เราได้ตัดสินใจมอบหมายให้กลุ่มท้องถิ่นและผู้นำศาสนาดรูซบางส่วนรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยในสไวดา การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเอกภาพแห่งชาติของเรา เรามุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการลากประเทศเข้าสู่สงครามครั้งใหม่ที่อาจทำลายเส้นทางการฟื้นฟูหลังสงครามของซีเรีย และแบกรับความยากลำบากทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากระบอบการปกครองเดิม"

    "We have decided to assign some local factions and Druze religious leaders the responsibility for maintaining security in Sweida. This decision stems from our deep understanding of the gravity of the situation and the risk it poses to our national unity. We aim to avoid dragging the country into a new wide-scale war that could derail Syria from its path of post-war recovery and burden it with additional political and economic hardship left behind by the former regime."
    โจลานีผู้ปกครองซีเรียออกแถลงการณ์วันนี้ระบุว่า สไวดายังคงเป็นดินแดนของซีเรีย แม้จะมีความพยายามแยกตัวเองออกไปจากการยุยงของอิสราเอล แต่จะอนุญาตให้มีการปกครองในเขตพื้นที่จากผู้นำชาวดรูซ "เราได้ตัดสินใจมอบหมายให้กลุ่มท้องถิ่นและผู้นำศาสนาดรูซบางส่วนรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยในสไวดา การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเอกภาพแห่งชาติของเรา เรามุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการลากประเทศเข้าสู่สงครามครั้งใหม่ที่อาจทำลายเส้นทางการฟื้นฟูหลังสงครามของซีเรีย และแบกรับความยากลำบากทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากระบอบการปกครองเดิม" "We have decided to assign some local factions and Druze religious leaders the responsibility for maintaining security in Sweida. This decision stems from our deep understanding of the gravity of the situation and the risk it poses to our national unity. We aim to avoid dragging the country into a new wide-scale war that could derail Syria from its path of post-war recovery and burden it with additional political and economic hardship left behind by the former regime."
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: Kiro จาก AWS—AI IDE ที่จะเปลี่ยน “vibe coding” ให้กลายเป็น “viable code”

    Amazon Web Services (AWS) เปิดตัว “Kiro” ซึ่งเป็น IDE (Integrated Development Environment) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ “agentic” หรือกึ่งอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยนักพัฒนาเปลี่ยนจากการเขียนโค้ดแบบ “vibe coding” (เขียนตามความรู้สึกหรือสั่ง AI แบบคลุมเครือ) ไปสู่การพัฒนาแบบมีโครงสร้างจริงจัง

    Kiro ไม่ใช่แค่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถ:
    - สร้างและอัปเดตแผนงานโปรเจกต์
    - สร้างเอกสารเทคนิคและ blueprint
    - ตรวจสอบความสอดคล้องของโค้ด
    - เชื่อมต่อกับเครื่องมือเฉพาะผ่าน Model Context Protocol (MCP)
    - ใช้ “agentic chat” สำหรับงานโค้ดเฉพาะกิจ

    Kiro ยังมีระบบ “steering rules” เพื่อกำหนดพฤติกรรมของ AI ในโปรเจกต์ และสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของโค้ดเพื่อป้องกันความไม่สอดคล้อง

    ในช่วงพรีวิว Kiro เปิดให้ใช้ฟรี โดยมีแผนเปิดตัว 3 ระดับ:
    - ฟรี: 50 agent interactions/เดือน
    - Pro: $19/ผู้ใช้/เดือน สำหรับ 1,000 interactions
    - Pro+: $39/ผู้ใช้/เดือน สำหรับ 3,000 interactions

    AWS เปิดตัว Kiro ซึ่งเป็น AI IDE แบบ agentic
    ช่วยเปลี่ยนจาก “vibe coding” เป็น “viable code”

    Kiro สามารถสร้างและอัปเดตแผนงานและเอกสารเทคนิคอัตโนมัติ
    ลดภาระงานที่ไม่ใช่การเขียนโค้ดโดยตรง

    รองรับ Model Context Protocol (MCP) สำหรับเชื่อมต่อเครื่องมือเฉพาะ
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับระบบอื่น

    มีระบบ “steering rules” เพื่อควบคุมพฤติกรรมของ AI
    ป้องกันการเบี่ยงเบนจากเป้าหมายของโปรเจกต์

    มีฟีเจอร์ agentic chat สำหรับงานโค้ดเฉพาะกิจ
    ช่วยแก้ปัญหาแบบ ad-hoc ได้รวดเร็ว

    Kiro เปิดให้ใช้งานฟรีในช่วงพรีวิว
    เตรียมเปิดตัว 3 ระดับการใช้งานในอนาคต

    “vibe coding” อาจนำไปสู่โค้ดที่ไม่สอดคล้องหรือไม่ปลอดภัย
    หากไม่มีการตรวจสอบหรือโครงสร้างที่ชัดเจน

    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจลดความเข้าใจของนักพัฒนาในระบบที่สร้างขึ้น
    โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการรักษาความรู้ภายใน

    Kiro ยังอยู่ในช่วงพรีวิว อาจมีข้อจำกัดด้านฟีเจอร์หรือความเสถียร
    ไม่เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความมั่นคงสูงในตอนนี้

    การใช้ AI ในการจัดการโค้ดอาจต้องปรับกระบวนการทำงานของทีม
    โดยเฉพาะในทีมที่ยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิด agentic development


    https://www.techradar.com/pro/aws-launches-kiro-an-agentic-ai-ide-to-end-the-chaos-of-vibe-coding
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: Kiro จาก AWS—AI IDE ที่จะเปลี่ยน “vibe coding” ให้กลายเป็น “viable code” Amazon Web Services (AWS) เปิดตัว “Kiro” ซึ่งเป็น IDE (Integrated Development Environment) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ “agentic” หรือกึ่งอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยนักพัฒนาเปลี่ยนจากการเขียนโค้ดแบบ “vibe coding” (เขียนตามความรู้สึกหรือสั่ง AI แบบคลุมเครือ) ไปสู่การพัฒนาแบบมีโครงสร้างจริงจัง Kiro ไม่ใช่แค่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถ: - สร้างและอัปเดตแผนงานโปรเจกต์ - สร้างเอกสารเทคนิคและ blueprint - ตรวจสอบความสอดคล้องของโค้ด - เชื่อมต่อกับเครื่องมือเฉพาะผ่าน Model Context Protocol (MCP) - ใช้ “agentic chat” สำหรับงานโค้ดเฉพาะกิจ Kiro ยังมีระบบ “steering rules” เพื่อกำหนดพฤติกรรมของ AI ในโปรเจกต์ และสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของโค้ดเพื่อป้องกันความไม่สอดคล้อง ในช่วงพรีวิว Kiro เปิดให้ใช้ฟรี โดยมีแผนเปิดตัว 3 ระดับ: - ฟรี: 50 agent interactions/เดือน - Pro: $19/ผู้ใช้/เดือน สำหรับ 1,000 interactions - Pro+: $39/ผู้ใช้/เดือน สำหรับ 3,000 interactions ✅ AWS เปิดตัว Kiro ซึ่งเป็น AI IDE แบบ agentic ➡️ ช่วยเปลี่ยนจาก “vibe coding” เป็น “viable code” ✅ Kiro สามารถสร้างและอัปเดตแผนงานและเอกสารเทคนิคอัตโนมัติ ➡️ ลดภาระงานที่ไม่ใช่การเขียนโค้ดโดยตรง ✅ รองรับ Model Context Protocol (MCP) สำหรับเชื่อมต่อเครื่องมือเฉพาะ ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับระบบอื่น ✅ มีระบบ “steering rules” เพื่อควบคุมพฤติกรรมของ AI ➡️ ป้องกันการเบี่ยงเบนจากเป้าหมายของโปรเจกต์ ✅ มีฟีเจอร์ agentic chat สำหรับงานโค้ดเฉพาะกิจ ➡️ ช่วยแก้ปัญหาแบบ ad-hoc ได้รวดเร็ว ✅ Kiro เปิดให้ใช้งานฟรีในช่วงพรีวิว ➡️ เตรียมเปิดตัว 3 ระดับการใช้งานในอนาคต ‼️ “vibe coding” อาจนำไปสู่โค้ดที่ไม่สอดคล้องหรือไม่ปลอดภัย ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบหรือโครงสร้างที่ชัดเจน ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจลดความเข้าใจของนักพัฒนาในระบบที่สร้างขึ้น ⛔ โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องการรักษาความรู้ภายใน ‼️ Kiro ยังอยู่ในช่วงพรีวิว อาจมีข้อจำกัดด้านฟีเจอร์หรือความเสถียร ⛔ ไม่เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความมั่นคงสูงในตอนนี้ ‼️ การใช้ AI ในการจัดการโค้ดอาจต้องปรับกระบวนการทำงานของทีม ⛔ โดยเฉพาะในทีมที่ยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิด agentic development https://www.techradar.com/pro/aws-launches-kiro-an-agentic-ai-ide-to-end-the-chaos-of-vibe-coding
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • When To Use “I” Or “Me”

    Is it “my friends and I” or “my friends and me”? Both I and me are pronouns. But there’s a clear difference between the two: I is what is known as a subject pronoun, and me is an object pronoun.

    So what exactly does that mean?

    The difference between I and me
    The pronoun I can be used as the subject of a sentence, and me can only be used as the object of one. I can perform an action, while me can only have actions performed upon it.

    When to use I
    A subject pronoun can replace the noun (person, place, or thing) that’s performing the action (or verb) in any sentence. I is most often used as the subject of a verb. I can do things. You can say things like “I ran” or “I sneezed.” This rules applies when there is more than one noun as the subject. For example: Jennifer and I researched Isabel Allende for class. How do you know whether to use I or me here? First, ignore Jennifer and. Consider each pronoun individually. Is “I researched” or “me researched” correct? The answer is “I researched.” So I is the right pronoun to use in this case.

    Traditionally, the use of I is also appropriate when it follows a linking verb like is, was, or were. Linking verbs express a state of being rather than describing an action. They’re usually paired with subject pronouns. Technically, that means saying it is I is correct, but English speakers tend to use it is me informally as well.

    Examples of I in a sentence
    I fixed the remote control. (subject)
    My husband and I checked into the hotel. (subject)
    Could I speak to Vanessa? – It is I. (after a linking verb)

    When to use me
    An object pronoun may replace a sentence’s direct object, indirect object, or the object of the preposition. The object pronoun me is typically used as the direct or indirect object of a sentence. It receives the action of the verb or shows the result of the action. So you shouldn’t really say “Me ran.” You can say “My dog ran to me,” because in this case me is receiving the action of the dog running.

    As we’ve already noted, the use of me is also appropriate following a linking verb like is, was, or were.

    Examples of me in a sentence
    My grandfather bought me a book. (object)
    Give me the money. (object)
    Albert, is that you? – Yes, it’s me. (after a linking verb)

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    When To Use “I” Or “Me” Is it “my friends and I” or “my friends and me”? Both I and me are pronouns. But there’s a clear difference between the two: I is what is known as a subject pronoun, and me is an object pronoun. So what exactly does that mean? The difference between I and me The pronoun I can be used as the subject of a sentence, and me can only be used as the object of one. I can perform an action, while me can only have actions performed upon it. When to use I A subject pronoun can replace the noun (person, place, or thing) that’s performing the action (or verb) in any sentence. I is most often used as the subject of a verb. I can do things. You can say things like “I ran” or “I sneezed.” This rules applies when there is more than one noun as the subject. For example: Jennifer and I researched Isabel Allende for class. How do you know whether to use I or me here? First, ignore Jennifer and. Consider each pronoun individually. Is “I researched” or “me researched” correct? The answer is “I researched.” So I is the right pronoun to use in this case. Traditionally, the use of I is also appropriate when it follows a linking verb like is, was, or were. Linking verbs express a state of being rather than describing an action. They’re usually paired with subject pronouns. Technically, that means saying it is I is correct, but English speakers tend to use it is me informally as well. Examples of I in a sentence I fixed the remote control. (subject) My husband and I checked into the hotel. (subject) Could I speak to Vanessa? – It is I. (after a linking verb) When to use me An object pronoun may replace a sentence’s direct object, indirect object, or the object of the preposition. The object pronoun me is typically used as the direct or indirect object of a sentence. It receives the action of the verb or shows the result of the action. So you shouldn’t really say “Me ran.” You can say “My dog ran to me,” because in this case me is receiving the action of the dog running. As we’ve already noted, the use of me is also appropriate following a linking verb like is, was, or were. Examples of me in a sentence My grandfather bought me a book. (object) Give me the money. (object) Albert, is that you? – Yes, it’s me. (after a linking verb) © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 335 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปล่อยแพตช์ประจำเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 (KB5062553), 23H2 และ 22H2 (KB5062552) → แก้ปัญหาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่อัปเดตนี้ยังรวมการแก้บั๊กจากเดือนก่อนที่หลายคนบ่นกันไว้แล้วด้วย! → เช่น ปัญหาเวลาเล่นเกม “เต็มจอ” แล้วกด ALT+Tab ไปโปรแกรมอื่น แล้วกลับมาเกมจะหลุดตำแหน่งเมาส์ → หรือเสียงพวก Volume Change, Sign-in, Notification ไม่ดัง → แถมยังมีบั๊กเล็ก ๆ ในระบบ Firewall ที่ Event Viewer แจ้ง “Config Read Failed” อยู่เป็นระยะ ก็ถูกแก้แล้วเหมือนกัน

    ที่พิเศษคือ Microsoft ยังอัปเดต ส่วน AI เบื้องหลัง เช่น Image Search, Content Extraction, Semantic Analysis → นี่คือส่วนที่ทำให้ Copilot ใช้ข้อมูลภาพและข้อความได้ฉลาดขึ้น → ถึงจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะดีขึ้น (เหมือนเปลี่ยนสมองให้ Windows แบบเงียบ ๆ เลยล่ะ)

    อัปเดตสำคัญจาก Patch Tuesday กรกฎาคม 2025:
    อัปเดต KB5062553 สำหรับ Windows 11 24H2 → Build 26100.4652  
    • แก้บั๊กเกม full screen สลับ ALT+Tab แล้วเมาส์หลุดตำแหน่ง  
    • แก้บั๊กเสียง Notification และเสียงระบบ  
    • แก้บั๊ก Event 2042 “Config Read Failed” ของ Firewall ใน Event Viewer  
    • อัปเดตส่วน AI:
      – Image Search: v1.2506.707.0
      – Content Extraction: v1.2506.707.0
      – Semantic Analysis: v1.2506.707.0

    อัปเดต KB5062552 สำหรับ Windows 11 23H2/22H2 → Build 22631.5624 / 22621.5624  
    • แก้ปัญหาจอดำตอนเสียบ/ถอดจอ (เฉพาะผู้ใช้บางรายจาก KB5060826)  
    • แก้ไขและปรับปรุงคุณภาพโดยรวม  
    • ใช้ EKB KB5027397 หากต้องการอัปเดตจาก 22H2 → 23H2

    อัปเดต Servicing Stack (SSU) เพื่อให้ระบบอัปเดตได้ลื่นไหล:  
    • 24H2: SSU KB5063666 (build 26100.4651)  
    • 23H2/22H2: SSU KB5063707 (build 22631.5619)

    ไม่มี Known issues ที่ประกาศในตอนนี้ — คาดว่าเสถียรมากขึ้นจากรอบก่อน

    https://www.neowin.net/news/windows-11-kb5062553-kb5062552-july-2025-patch-tuesday-out/
    Microsoft ปล่อยแพตช์ประจำเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 (KB5062553), 23H2 และ 22H2 (KB5062552) → แก้ปัญหาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่อัปเดตนี้ยังรวมการแก้บั๊กจากเดือนก่อนที่หลายคนบ่นกันไว้แล้วด้วย! → เช่น ปัญหาเวลาเล่นเกม “เต็มจอ” แล้วกด ALT+Tab ไปโปรแกรมอื่น แล้วกลับมาเกมจะหลุดตำแหน่งเมาส์ → หรือเสียงพวก Volume Change, Sign-in, Notification ไม่ดัง → แถมยังมีบั๊กเล็ก ๆ ในระบบ Firewall ที่ Event Viewer แจ้ง “Config Read Failed” อยู่เป็นระยะ ก็ถูกแก้แล้วเหมือนกัน ที่พิเศษคือ Microsoft ยังอัปเดต ส่วน AI เบื้องหลัง เช่น Image Search, Content Extraction, Semantic Analysis → นี่คือส่วนที่ทำให้ Copilot ใช้ข้อมูลภาพและข้อความได้ฉลาดขึ้น → ถึงจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะดีขึ้น (เหมือนเปลี่ยนสมองให้ Windows แบบเงียบ ๆ เลยล่ะ) ☸️ อัปเดตสำคัญจาก Patch Tuesday กรกฎาคม 2025: ✅ อัปเดต KB5062553 สำหรับ Windows 11 24H2 → Build 26100.4652   • แก้บั๊กเกม full screen สลับ ALT+Tab แล้วเมาส์หลุดตำแหน่ง   • แก้บั๊กเสียง Notification และเสียงระบบ   • แก้บั๊ก Event 2042 “Config Read Failed” ของ Firewall ใน Event Viewer   • อัปเดตส่วน AI:   – Image Search: v1.2506.707.0   – Content Extraction: v1.2506.707.0   – Semantic Analysis: v1.2506.707.0 ✅ อัปเดต KB5062552 สำหรับ Windows 11 23H2/22H2 → Build 22631.5624 / 22621.5624   • แก้ปัญหาจอดำตอนเสียบ/ถอดจอ (เฉพาะผู้ใช้บางรายจาก KB5060826)   • แก้ไขและปรับปรุงคุณภาพโดยรวม   • ใช้ EKB KB5027397 หากต้องการอัปเดตจาก 22H2 → 23H2 ✅ อัปเดต Servicing Stack (SSU) เพื่อให้ระบบอัปเดตได้ลื่นไหล:   • 24H2: SSU KB5063666 (build 26100.4651)   • 23H2/22H2: SSU KB5063707 (build 22631.5619) ✅ ไม่มี Known issues ที่ประกาศในตอนนี้ — คาดว่าเสถียรมากขึ้นจากรอบก่อน https://www.neowin.net/news/windows-11-kb5062553-kb5062552-july-2025-patch-tuesday-out/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 (KB5062553, KB5062552) July 2025 Patch Tuesday out
    Microsoft has released Patch Tuesday updates for Windows 11 (KB5062553, KB5062552) for July 2025. Here's what's included.
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word

    Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why?

    Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart.

    They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes.

    When to use you’re

    Let’s take a look at you’re first.

    You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences:

    • You’re my best friend!
    • I think you’re the perfect match for the job.
    • Make sure you’re healthy.

    Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re.

    When to use your

    Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds).

    Take these sentences, for example:

    • Your hair looks great today!
    • I wish I had your energy.
    • Has all your running around made you tired?

    If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense.

    Why isn’t there an apostrophe for the possessive your?

    A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as:

    • That is George’s dog.
    • Susan’s cake won the baking competition.

    And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re.

    Tips

    Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe.

    Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words.

    Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences?

    • Your so talented at playing you’re piano.
    • It’s important you express your emotions.
    • Washing your clothes is necessary.

    Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do?

    Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious!

    In no time, you’ll have conquered the English language.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why? Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart. They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes. When to use you’re Let’s take a look at you’re first. You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences: • You’re my best friend! • I think you’re the perfect match for the job. • Make sure you’re healthy. Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re. When to use your Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds). Take these sentences, for example: • Your hair looks great today! • I wish I had your energy. • Has all your running around made you tired? If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense. Why isn’t there an apostrophe for the possessive your? A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as: • That is George’s dog. • Susan’s cake won the baking competition. And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re. Tips Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe. Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words. Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences? • Your so talented at playing you’re piano. • It’s important you express your emotions. • Washing your clothes is necessary. Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do? Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious! In no time, you’ll have conquered the English language. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 427 Views 0 Reviews
  • ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb

    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    WWW.MEBMARKET.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 Comments 0 Shares 413 Views 0 Reviews
  • ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb

    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    WWW.MEBMARKET.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • “Their” vs. “There” vs. “They’re”: Do You Know The Difference?

    The trio of their, there, and they’re can flummox writers of all levels. It’s confusing; they are homophones, meaning they have the same pronunciation (sound) but differ in meaning and derivation (origin).

    Even though they sound the same, they aren’t spelled the same … cue the noticeable errors! Let’s explore the correct usages of the three.

    How do you use their, there, and they’re?

    These three words serve many functions.

    When to use their

    Their is the possessive case of the pronoun they, meaning belonging to them. As in:

    • They left their cell phones at home.

    Their is generally plural, but it is increasingly accepted in place of the singular his or her after words such as someone:

    • Someone left their book on the table.

    When to use there

    There is an adverb that means in or at that place. In this sense, there is essentially the opposite of here. This is what’s known as an adverb of place, which answers the question where an action is taking place. Many common adverbs end in -ly, like quickly, usually, and completely, but not all adverbs do.

    • She is there now.

    There is also used as a pronoun introducing the subject of a sentence or clause:

    • There is still hope.

    When to use they’re

    They’re is a contraction of the words they and are.

    •They’re mastering the differences between three homophones!

    Take a hint from the spelling!

    If you find yourself coming up blank when trying to determine which one to use, take a hint from the spelling of each:

    • There has the word heir in it, which can act as a reminder that the term indicates possession.
    • There has the word here in it. There is the choice when talking about places, whether figurative or literal.
    • They’re has an apostrophe, which means it’s the product of two words: they are. If you can substitute they are into your sentence and retain the meaning, then they’re is the correct homophone to use.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Their” vs. “There” vs. “They’re”: Do You Know The Difference? The trio of their, there, and they’re can flummox writers of all levels. It’s confusing; they are homophones, meaning they have the same pronunciation (sound) but differ in meaning and derivation (origin). Even though they sound the same, they aren’t spelled the same … cue the noticeable errors! Let’s explore the correct usages of the three. How do you use their, there, and they’re? These three words serve many functions. When to use their Their is the possessive case of the pronoun they, meaning belonging to them. As in: • They left their cell phones at home. Their is generally plural, but it is increasingly accepted in place of the singular his or her after words such as someone: • Someone left their book on the table. When to use there There is an adverb that means in or at that place. In this sense, there is essentially the opposite of here. This is what’s known as an adverb of place, which answers the question where an action is taking place. Many common adverbs end in -ly, like quickly, usually, and completely, but not all adverbs do. • She is there now. There is also used as a pronoun introducing the subject of a sentence or clause: • There is still hope. When to use they’re They’re is a contraction of the words they and are. •They’re mastering the differences between three homophones! Take a hint from the spelling! If you find yourself coming up blank when trying to determine which one to use, take a hint from the spelling of each: • There has the word heir in it, which can act as a reminder that the term indicates possession. • There has the word here in it. There is the choice when talking about places, whether figurative or literal. • They’re has an apostrophe, which means it’s the product of two words: they are. If you can substitute they are into your sentence and retain the meaning, then they’re is the correct homophone to use. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณคิดว่าเรื่องคริปโตคือแค่เทรนด์การลงทุน... FATF อยากให้เราคิดใหม่ เพราะตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่า คริปโตกลายเป็นช่องทางหลักของการฟอกเงิน, การหลอกลวง, และการสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ

    จากรายงานล่าสุดของ FATF ระบุว่า:
    - มีเงินคริปโตที่อาจมาจากกิจกรรมผิดกฎหมายสูงถึง $51,000 ล้านในปี 2024
    - แต่จาก 138 ประเทศที่ FATF ตรวจสอบ มีแค่ 40 ประเทศเท่านั้น ที่มีระบบควบคุมตามมาตรฐาน
    - ทำให้การ “หลบกฎหมาย” สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย — เพราะคริปโตเคลื่อนข้ามพรมแดนได้เร็วมาก

    เรื่องนี้ไม่ได้แค่ในเชิงสถิติ เพราะ FATF ยังเตือนว่า พวกที่ใช้ stablecoin (เหรียญที่ผูกกับเงินจริง) กลายเป็นกลไกหลักของกลุ่มผิดกฎหมาย เช่น เกาหลีเหนือ, ผู้ก่อการร้าย, และขบวนการค้ายาเสพติด

    ตัวอย่างล่าสุดคือ FBI ยืนยันว่า เกาหลีเหนือขโมยคริปโตมูลค่ากว่า $1.5 พันล้านจาก ByBit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ — เป็นการโจรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/global-financial-crime-watchdog-calls-for-action-on-crypto-risks
    ถ้าคุณคิดว่าเรื่องคริปโตคือแค่เทรนด์การลงทุน... FATF อยากให้เราคิดใหม่ เพราะตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่า คริปโตกลายเป็นช่องทางหลักของการฟอกเงิน, การหลอกลวง, และการสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ จากรายงานล่าสุดของ FATF ระบุว่า: - มีเงินคริปโตที่อาจมาจากกิจกรรมผิดกฎหมายสูงถึง $51,000 ล้านในปี 2024 - แต่จาก 138 ประเทศที่ FATF ตรวจสอบ มีแค่ 40 ประเทศเท่านั้น ที่มีระบบควบคุมตามมาตรฐาน - ทำให้การ “หลบกฎหมาย” สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย — เพราะคริปโตเคลื่อนข้ามพรมแดนได้เร็วมาก เรื่องนี้ไม่ได้แค่ในเชิงสถิติ เพราะ FATF ยังเตือนว่า พวกที่ใช้ stablecoin (เหรียญที่ผูกกับเงินจริง) กลายเป็นกลไกหลักของกลุ่มผิดกฎหมาย เช่น เกาหลีเหนือ, ผู้ก่อการร้าย, และขบวนการค้ายาเสพติด ตัวอย่างล่าสุดคือ FBI ยืนยันว่า เกาหลีเหนือขโมยคริปโตมูลค่ากว่า $1.5 พันล้านจาก ByBit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ — เป็นการโจรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/global-financial-crime-watchdog-calls-for-action-on-crypto-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Global financial crime watchdog calls for action on crypto risks
    PARIS (Reuters) -The Financial Action Task Force (FATF), a global financial crime watchdog, on Thursday called on countries to take stronger action to combat illicit finance in crypto assets, warning that gaps in regulation could have global repercussions.
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM

    แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control

    Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง

    สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง

    ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ  
    • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร

    ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต  
    • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS

    Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน  
    • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง

    Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor  
    • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ

    การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model  
    • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์

    องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance  
    • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input

    ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:  
    • สแกน model file แบบเฉพาะทาง  
    • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)  
    • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source

    ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:  
    • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน

    https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง ✅ ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ   • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร ✅ ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต   • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS ✅ Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน   • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง ✅ Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor   • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ ✅ การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model   • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์ ✅ องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance   • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input ✅ ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:   • สแกน model file แบบเฉพาะทาง   • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)   • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source ✅ ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:   • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    LLMs hype versus reality: What CISOs should focus on
    In an overly reactive market to the risks posed by large language models (LLMs), CISO’s need not panic. Here are four common-sense security fundamentals to support AI-enabled business operations across the enterprise.
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง

    เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป

    จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย

    วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass

    นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023)

    แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ  
    • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท

    Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย  
    • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด

    มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center  
    • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร

    UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้  
    • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง

    บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource  
    • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น

    แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ  
    • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest

    การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล  
    • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน

    แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า  
    • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก

    พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย  
    • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท

    การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale

    https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023) ✅ แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ   • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท ✅ Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย   • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด ✅ มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center   • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร ✅ UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้   • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง ✅ บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource   • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น ✅ แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ   • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest ‼️ การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล   • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน ‼️ แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า   • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก ‼️ พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย   • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท ‼️ การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Low-wage tech support workers become a new gateway for cyberattacks
    Hackers are increasingly turning the very systems designed to help customers – outsourced tech support and call centers – into powerful tools for cybercrime. Recent incidents in...
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
More Results