• ส.ส.ยูเครน ออกมากล่าวเกี่ยวกับเงินที่ชาวยูเครนจะได้รับจากโครงการพิเศษสำหรับผู้มีอายุ 18-24 ปี ว่า “เงินจะจ่ายเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อคุณมีชีวิตอยู่จนสิ้นสุดสัญญา”



    ชาวยูเครนวัย 18-24 ปี ที่เข้าร่วมโครงการของกองทัพยูเครน และได้รับสัญญาด้วยเงิน 2 ล้านฮรีฟเนีย (48,270 ดอลลาร์) จะมีรายละเอียดเล็กน้อยของสัญญา โดยที่เงินจะไม่ได้ถูกแจกจ่ายให้ในครั้งเดียว แต่จะแบ่งจ่ายให้เป็นงวดๆ และเมื่อพวกเขาอยู่จนครบสัญญา พวกเขาจะได้รับเงินครบตามจำนวน นั่นหมายความว่า เฉพาะผู้ที่รอดชีวิตเท่านั้นที่จะได้รับเงินเต็มสองล้าน

    - ส.ส. Yuriy Kamelchuk สมาชิกพรรค Servant of the People ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล กำลังชี้แจงให้สื่อฟัง

    ปล.รูปประกอบช่วงแรกๆของโครงการ เงินตามสัญญาคือหนึ่งล้าน แต่หลังๆมาอาจจะเพิ่มเป็นสองล้านแล้ว
    ส.ส.ยูเครน ออกมากล่าวเกี่ยวกับเงินที่ชาวยูเครนจะได้รับจากโครงการพิเศษสำหรับผู้มีอายุ 18-24 ปี ว่า “เงินจะจ่ายเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อคุณมีชีวิตอยู่จนสิ้นสุดสัญญา” ชาวยูเครนวัย 18-24 ปี ที่เข้าร่วมโครงการของกองทัพยูเครน และได้รับสัญญาด้วยเงิน 2 ล้านฮรีฟเนีย (48,270 ดอลลาร์) จะมีรายละเอียดเล็กน้อยของสัญญา โดยที่เงินจะไม่ได้ถูกแจกจ่ายให้ในครั้งเดียว แต่จะแบ่งจ่ายให้เป็นงวดๆ และเมื่อพวกเขาอยู่จนครบสัญญา พวกเขาจะได้รับเงินครบตามจำนวน นั่นหมายความว่า เฉพาะผู้ที่รอดชีวิตเท่านั้นที่จะได้รับเงินเต็มสองล้าน - ส.ส. Yuriy Kamelchuk สมาชิกพรรค Servant of the People ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล กำลังชี้แจงให้สื่อฟัง ปล.รูปประกอบช่วงแรกๆของโครงการ เงินตามสัญญาคือหนึ่งล้าน แต่หลังๆมาอาจจะเพิ่มเป็นสองล้านแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการการจัดงาน เทศกาล กิจกรรม ตลอดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยไม่เรียงลำดับวันแรกของการจัดงาน

    หมายเหตุ:
    * อัปเดทล่าสุด วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 23.02 น.
    * สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีแอคเคาท์ Thaitimes จะปรากฏเฉพาะภาพที่โพสต์ในอัลบั้ม ซึ่งเป็นภาพปฏิทิน และจะไม่เห็นภาพโฆษณาการจัดงานในช่องความเห็น (comment) ท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวกำหนดการจัดงานล่วงหน้าแบบรายเดือนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Fair Billboard
    รายการการจัดงาน เทศกาล กิจกรรม ตลอดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยไม่เรียงลำดับวันแรกของการจัดงาน หมายเหตุ: * อัปเดทล่าสุด วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 23.02 น. * สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีแอคเคาท์ Thaitimes จะปรากฏเฉพาะภาพที่โพสต์ในอัลบั้ม ซึ่งเป็นภาพปฏิทิน และจะไม่เห็นภาพโฆษณาการจัดงานในช่องความเห็น (comment) ท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวกำหนดการจัดงานล่วงหน้าแบบรายเดือนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Fair Billboard
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/rsRNeYdeZoM?si=BeK7zsJCfw4XVjkz
    https://youtu.be/rsRNeYdeZoM?si=BeK7zsJCfw4XVjkz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/YEWj8VtW_i0?si=JHjXt7X2hrnmo1xT
    https://youtu.be/YEWj8VtW_i0?si=JHjXt7X2hrnmo1xT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/wg3Ntv84G0Q?si=DbmWKUp3W7_B4YKb
    https://youtu.be/wg3Ntv84G0Q?si=DbmWKUp3W7_B4YKb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/UYXF6kyFuJg?si=587Jw2mGCVLIEYOI
    https://youtu.be/UYXF6kyFuJg?si=587Jw2mGCVLIEYOI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Ky8SvwuzQXA?si=BHVZLZ8gS0LlN97S
    https://youtu.be/Ky8SvwuzQXA?si=BHVZLZ8gS0LlN97S
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68

    #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68 #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ข้อความคุ้นๆของนักการเมือง เหมือนเคยเห็นที่ไหน!?!

    ทรัมป์ไม่พอใจ “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานธนาคารกลางของสหรัฐ หรือเฟด (FED) ที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ยเสียที!! ทั้งที่ควรจะประกาศลดเป็นครั้งที่ 7 ได้แล้ว เพราะตอนนี้ ราคาน้ำมันก็ลดลง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค (แม้แต่ไข่!) ก็ลดลง และสหรัฐฯ ก็เริ่มร่ำรวยจากภาษีศุลกากร

    แถมยังทิ้งท้ายว่าการปลดเขาออกจากตําแหน่งควรให้เร็วที่สุด
    ข้อความคุ้นๆของนักการเมือง เหมือนเคยเห็นที่ไหน!?! ทรัมป์ไม่พอใจ “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานธนาคารกลางของสหรัฐ หรือเฟด (FED) ที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ยเสียที!! ทั้งที่ควรจะประกาศลดเป็นครั้งที่ 7 ได้แล้ว เพราะตอนนี้ ราคาน้ำมันก็ลดลง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค (แม้แต่ไข่!) ก็ลดลง และสหรัฐฯ ก็เริ่มร่ำรวยจากภาษีศุลกากร แถมยังทิ้งท้ายว่าการปลดเขาออกจากตําแหน่งควรให้เร็วที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • R.I.P. "วีรยุทธ คำพร" อดีตแข้งเยาวชนทีมชาติไทย (17/04/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทีมชาติไทย
    R.I.P. "วีรยุทธ คำพร" อดีตแข้งเยาวชนทีมชาติไทย (17/04/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทีมชาติไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 52 0 รีวิว
  • 258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง 👑 ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม

    เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” 📜

    ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ 🇹🇭📖

    🕰️ ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 🕰️ 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี

    หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ 💔

    👑กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง 🩺

    จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง 🤴

    เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ 👣

    สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน ☠️

    หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน

    พงศาวดารพม่า 🐘 กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง

    คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง 🧪

    พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

    😇 ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน 😈

    "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง 🏯

    "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง

    "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ? 🧬

    หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน

    แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง 😕

    ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ⚔️ ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา

    ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์

    📖 คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า

    “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง”

    คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี 🎯

    🏚️ จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน

    ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ ⚖️

    🕯️ กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน

    เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ 🌪️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568

    📢 #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง 👑 ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” 📜 ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ 🇹🇭📖 🕰️ ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 🕰️ 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ 💔 👑กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง 🩺 จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง 🤴 เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ 👣 สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน ☠️ หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน พงศาวดารพม่า 🐘 กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง 🧪 พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 😇 ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน 😈 "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง 🏯 "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ? 🧬 หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง 😕 ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ⚔️ ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์ 📖 คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง” คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี 🎯 🏚️ จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ ⚖️ 🕯️ กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ 🌪️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568 📢 #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ คนไทยหลงดีใจ ส่งรองนายกฯและรมว.คลังไปเจรจาภาษี แต่ทีมงานทรัมป์ลูบปากหวานหมู เพราะในสายตามะกัน ไทยส่งขี้ข้าทักษิณ รับใช้มาตั้งแต่ยุคแปรรูปปตท. ถึงพยานแก้ต่างจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ พัวพันคดีโดงปาล์มน้ำมันปตท. แถมตั้งอดีตนายแบงก์ร่วมขบวนการโกงกรุงไทย มาเป็นที่ปรึกษารมว.คลัง ไทยแลนด์ส่งคนแบบนี้มาก็หวานไอ้กันเลย
    #7ดอกจิก
    ♣ คนไทยหลงดีใจ ส่งรองนายกฯและรมว.คลังไปเจรจาภาษี แต่ทีมงานทรัมป์ลูบปากหวานหมู เพราะในสายตามะกัน ไทยส่งขี้ข้าทักษิณ รับใช้มาตั้งแต่ยุคแปรรูปปตท. ถึงพยานแก้ต่างจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ พัวพันคดีโดงปาล์มน้ำมันปตท. แถมตั้งอดีตนายแบงก์ร่วมขบวนการโกงกรุงไทย มาเป็นที่ปรึกษารมว.คลัง ไทยแลนด์ส่งคนแบบนี้มาก็หวานไอ้กันเลย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงช่วงเวลานี้ นายกฯพระราชทานต้องเบอร์1 &ยืนพื้นก่อกำเนิดจริงๆจึงจะพลิกชาติกอบกู้อธิปไตยของแผ่นดินไทยจริงๆได้,เป็นต้นว่ายึดคืนสมบัติทรัพยากรธรรมชาติมีค่าจากที่เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติผูกขาดทั้งหมดไปเอากลับคืนมาทั้งหมดได้,เพื่อแผ่นดินไทยจะมีสิทธิ์100%จริงในวัตถุดิบของตนเพื่อการสร้างชาติไทยของแท้และของจริงในอนาคตมิใช่แบบในปัจจุบัน.,บ่อน้ำมันไม่เป็นของตนเลยถูกบังคับไปให้สัมปทานบ่อน้ำมันอีก,บ่อทองคำก็ไม่ขุดเข้าคลังกลางตนเองให้เข้มแข็งถูกปล้นชิงยกให้เขาไปอีก แค่สองอย่างนี้ เด็กๆเยาวชนไทยเล่าเรียนฟรีๆไม่ต้องกู้ตัง กยศ.เรียนเป็นหนี้ก็ได้ คนเป็นหนีัเรียน อนาคตล่ารายชื่อตั้งพรรคขึ้นไปเป็นนายกฯเองบริหารเองยึดประเทศคืนก็น่าจะได้ น่าจะไม่ต่ำกว่า10-20ล้านคน รวมพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาด้วย สบายต่อการตั้งพรรค การเลือกกานายกฯกาตรงเลือกตรงได้สบาย."พรรคปลดหนี้" นโยบาย ล้างหนี้คนไทยทุกๆคนโดยเฉพาะหนี้เล่าเรียนลูกหลานคนไทย เรียนฟรีตามใจต้องการ ยุบ กยศ.ก็ว่า.พวกโกงกินขายชาติถ้าเอาจริงๆนะตังที่สูญเสียไปกับคนพวกนี้เยอะมาก,บ่อน้ำมัน บ่อทองคำ ขายเองตังเข้าแผ่นดินไทยมหาศาลแน่นอนในนามรัฐบาลพรรคปลดหนี้.

    ..นักการเมืองจะมาทางสายใครก็ไม่สมควรในช่วงวิกฤติสงครามพันทางทั่วโลกนี้ อาทิฝรั่งจะรบกับเอเชียก็ว่า ทัังทางตังคือเศรษฐกิจ และทางตังเพื่อฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนโดยอเมริกาสั่งล้างเจ้าหนีัจีนเองก็ว่า จนสาระพัดสงครามจะสงครามเข็มเชื้อโรค สงครามระเบิดบูมกันจริงๆแบบตัวแทนสู่w3.

    ..คือถ้ายุติบทบาทนักเลือกตั้งไม่ได้คือหยุดมิให้ภาคนักการเมืองสรัางความวุ่นวายโกลาหลไม่สิ้นสุดหรือหยุดละครลิงทั้งสภาไม่ทัน ไม่จริงจังพังงานพวกแหกตาปาหี่ให้ชาติเสียอธิปไตยไปเรื่อยๆไม่ได้ เช่น เสียอธิปไตยที่ดินให้ต่างชาติซื้อได้ไร่ละ40ล้านบาท ใช้สิทธิ์boiครองได้35ไร่ต่อคน ,เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยได้99ปี หรือสิทธิ์อธิปไตยเหนือการปกครองผ่านการลงทุน&ย้ายฐานมาลงทุนในไทย เป็นต้น เหล่านี้ล้วนฝีมือภาคนักการเมืองอ้างใช้ผ่านสภาก่อการให้ชอบทั้งสิ้น,หากทั้งแผ่นดินไทยเราไม่เห็นภัยร้ายนี้ให้ชัดเจนจะล่มสลายสิ้นชาติไทยแน่นอนหรือกลืนกินสิ้นก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมาก ด้วยเวลาในปัจจุบันเรายุติสิ่งชั่วเลวนี้ได้ ตัดตอนมันได้,คืนอิสระภาพอธิปไตยสู่ทุกๆคนไทยและแผ่นดินไทยได้จริง มิใช่พึงพิงไม่กี่โคตรเหง้าไม่กี่เชื้อวงศ์ตระกูล,ถึงเวลาที่คนไทยได้รับการกระจายความมั่งคั่งและความร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุทางโลกและร่ำรวยเจริญจิจเจริญใจหรือยกจิตยกใจคู่ขนานความมั่งคั่งร่ำรวยทางกายได้แล้ว,มิให้จมปรักในความยากจนกายทุกข์ใจดักดานมั่นคงในปัจจุบันหรือตั้งใจปกครองด้วยวิถีคณะกบฎ2475นี้มั่นคงดักดานนั้นเอง.,

    ..วิถีปกครองต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ที่มิใช่แบบฝรั่งตัดให้เราใส่หรือซาตานแรปทีเลี่ยนออกแบบให้ใส่,ยุคเราอารยะใจอารยะทางสติปัญญาสมควรแก่จังหวะเวลาแล้ว,สู่เรเวลที่สูงกว่าเดิม.

    ...https://youtube.com/watch?v=0BrIO_fWjiI&si=NUqsDjAoSlrOLCIK


    ..จริงช่วงเวลานี้ นายกฯพระราชทานต้องเบอร์1 &ยืนพื้นก่อกำเนิดจริงๆจึงจะพลิกชาติกอบกู้อธิปไตยของแผ่นดินไทยจริงๆได้,เป็นต้นว่ายึดคืนสมบัติทรัพยากรธรรมชาติมีค่าจากที่เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติผูกขาดทั้งหมดไปเอากลับคืนมาทั้งหมดได้,เพื่อแผ่นดินไทยจะมีสิทธิ์100%จริงในวัตถุดิบของตนเพื่อการสร้างชาติไทยของแท้และของจริงในอนาคตมิใช่แบบในปัจจุบัน.,บ่อน้ำมันไม่เป็นของตนเลยถูกบังคับไปให้สัมปทานบ่อน้ำมันอีก,บ่อทองคำก็ไม่ขุดเข้าคลังกลางตนเองให้เข้มแข็งถูกปล้นชิงยกให้เขาไปอีก แค่สองอย่างนี้ เด็กๆเยาวชนไทยเล่าเรียนฟรีๆไม่ต้องกู้ตัง กยศ.เรียนเป็นหนี้ก็ได้ คนเป็นหนีัเรียน อนาคตล่ารายชื่อตั้งพรรคขึ้นไปเป็นนายกฯเองบริหารเองยึดประเทศคืนก็น่าจะได้ น่าจะไม่ต่ำกว่า10-20ล้านคน รวมพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาด้วย สบายต่อการตั้งพรรค การเลือกกานายกฯกาตรงเลือกตรงได้สบาย."พรรคปลดหนี้" นโยบาย ล้างหนี้คนไทยทุกๆคนโดยเฉพาะหนี้เล่าเรียนลูกหลานคนไทย เรียนฟรีตามใจต้องการ ยุบ กยศ.ก็ว่า.พวกโกงกินขายชาติถ้าเอาจริงๆนะตังที่สูญเสียไปกับคนพวกนี้เยอะมาก,บ่อน้ำมัน บ่อทองคำ ขายเองตังเข้าแผ่นดินไทยมหาศาลแน่นอนในนามรัฐบาลพรรคปลดหนี้. ..นักการเมืองจะมาทางสายใครก็ไม่สมควรในช่วงวิกฤติสงครามพันทางทั่วโลกนี้ อาทิฝรั่งจะรบกับเอเชียก็ว่า ทัังทางตังคือเศรษฐกิจ และทางตังเพื่อฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนโดยอเมริกาสั่งล้างเจ้าหนีัจีนเองก็ว่า จนสาระพัดสงครามจะสงครามเข็มเชื้อโรค สงครามระเบิดบูมกันจริงๆแบบตัวแทนสู่w3. ..คือถ้ายุติบทบาทนักเลือกตั้งไม่ได้คือหยุดมิให้ภาคนักการเมืองสรัางความวุ่นวายโกลาหลไม่สิ้นสุดหรือหยุดละครลิงทั้งสภาไม่ทัน ไม่จริงจังพังงานพวกแหกตาปาหี่ให้ชาติเสียอธิปไตยไปเรื่อยๆไม่ได้ เช่น เสียอธิปไตยที่ดินให้ต่างชาติซื้อได้ไร่ละ40ล้านบาท ใช้สิทธิ์boiครองได้35ไร่ต่อคน ,เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยได้99ปี หรือสิทธิ์อธิปไตยเหนือการปกครองผ่านการลงทุน&ย้ายฐานมาลงทุนในไทย เป็นต้น เหล่านี้ล้วนฝีมือภาคนักการเมืองอ้างใช้ผ่านสภาก่อการให้ชอบทั้งสิ้น,หากทั้งแผ่นดินไทยเราไม่เห็นภัยร้ายนี้ให้ชัดเจนจะล่มสลายสิ้นชาติไทยแน่นอนหรือกลืนกินสิ้นก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมาก ด้วยเวลาในปัจจุบันเรายุติสิ่งชั่วเลวนี้ได้ ตัดตอนมันได้,คืนอิสระภาพอธิปไตยสู่ทุกๆคนไทยและแผ่นดินไทยได้จริง มิใช่พึงพิงไม่กี่โคตรเหง้าไม่กี่เชื้อวงศ์ตระกูล,ถึงเวลาที่คนไทยได้รับการกระจายความมั่งคั่งและความร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุทางโลกและร่ำรวยเจริญจิจเจริญใจหรือยกจิตยกใจคู่ขนานความมั่งคั่งร่ำรวยทางกายได้แล้ว,มิให้จมปรักในความยากจนกายทุกข์ใจดักดานมั่นคงในปัจจุบันหรือตั้งใจปกครองด้วยวิถีคณะกบฎ2475นี้มั่นคงดักดานนั้นเอง., ..วิถีปกครองต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ที่มิใช่แบบฝรั่งตัดให้เราใส่หรือซาตานแรปทีเลี่ยนออกแบบให้ใส่,ยุคเราอารยะใจอารยะทางสติปัญญาสมควรแก่จังหวะเวลาแล้ว,สู่เรเวลที่สูงกว่าเดิม. ...https://youtube.com/watch?v=0BrIO_fWjiI&si=NUqsDjAoSlrOLCIK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น

    วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง

    ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231

    #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมหนุ่มเลือดร้อน ซิ่งบีเอ็มป้ายแดงเบียดกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้จิตสำนึก” ไม่มีวุฒิภาวะ สั่งเอาผิดทุกข้อหา ย้ำชัดแม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังก็ไม่มีละเว้น • วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์รถเก๋ง BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ากับรถกระบะ เป็นเหตุให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงทางออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับกระบะเป็นชายสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู ขณะที่ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง BMW มีรายงานว่าเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง • ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนเองได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลฯ แล้ว และเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ BMW เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036231 • #MGROnline #ลูกชายนายกเบี้ยว #รถBMW #ประเด็นร้อน #นายกเบี้ยว #ชนกระบะ #ลูกนักการเมือง #การเมือง #เฮียขับรถ #BMW #กระบะ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย,

    ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด.
    ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ,
    ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย.
    https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย, ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด. ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ, ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย. https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก

    ความมีอยู่ว่า...
    หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป”
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย

    ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว)

    Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้

    ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น

    เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก

    บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html
    https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html
    https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx
    https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468
    http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html

    #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้



    วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก ความมีอยู่ว่า... หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป” - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว) Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้ ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468 http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้ 
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม

    วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ

    "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195

    #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม • วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ • "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195 • #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0mm2vnscMFYqjAtQxGUdCQabBtTrcpydEGA49dEDf6QBax95tx1zgzYnkDTAfnJvzl&id=100053293273655
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0mm2vnscMFYqjAtQxGUdCQabBtTrcpydEGA49dEDf6QBax95tx1zgzYnkDTAfnJvzl&id=100053293273655
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" ค้น 4 เป้าหมาย บริษัทกิจการร่วมค้า PKW ยึดเอกสารโยง สตง.ถล่ม ขยายผลคดีนอมินี
    https://www.thai-tai.tv/news/18197/
    "ดีเอสไอ" ค้น 4 เป้าหมาย บริษัทกิจการร่วมค้า PKW ยึดเอกสารโยง สตง.ถล่ม ขยายผลคดีนอมินี https://www.thai-tai.tv/news/18197/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง!

    “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย”

    นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้

    แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี

    “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย”

    แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ!

    “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป”

    หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา

    “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ”

    ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง”

    หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล”

    การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้”

    ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว”

    ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์”

    ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ”
    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”)

    #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง! “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย” นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้ แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย” แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ! “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป” หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ” ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง” หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล” การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้” ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว” ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์” ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ” วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”) #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✈️ เที่ยวรัสเซีย ชมเทศกาลพระอาทิตย์เที่ยงคืน 🇷🇺☀️
    8 วัน 5 คืน กับประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ ✨

    ราคาเริ่มต้นเพียง 69,999 บาท 🎉
    บินสบายๆ กับสายการบิน Emirates (EK) 🛫

    📅 เดินทาง:
    • 13-20 มิ.ย. 68
    • 23-30 ก.ค. 68

    🌟 ไฮไลต์ห้ามพลาด
    🏰 เที่ยวพระราชวังเครมลิน
    ⛪ วิหารอัสสัมชัญสุดอลังการ
    🔴 เดินชมจัตุรัสแดง
    📸 แวะถ่ายรูปมหาวิหารเซนต์บาซิล
    ⚰️ สุสานเลนิน ประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต
    🛍️ ช้อปปิ้งสุดหรูที่ห้าง GUM
    🎪 ตื่นตากับโชว์ละครสัตว์สุดอลังการ Circus

    🔥 เที่ยวรัสเซียครั้งนี้ รับรองประทับใจไม่มีลืม 🇷🇺✨

    #เที่ยวรัสเซีย #พระอาทิตย์เที่ยงคืน #รัสเซีย #ทัวร์รัสเซีย #มอสโก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ยุโรป #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวรัสเซียราคาดี #RussiaTravel #MidnightSun

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e5a072

    ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/19c33b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395
    ✈️ เที่ยวรัสเซีย ชมเทศกาลพระอาทิตย์เที่ยงคืน 🇷🇺☀️ 8 วัน 5 คืน กับประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ ✨ ราคาเริ่มต้นเพียง 69,999 บาท 🎉 บินสบายๆ กับสายการบิน Emirates (EK) 🛫 📅 เดินทาง: • 13-20 มิ.ย. 68 • 23-30 ก.ค. 68 🌟 ไฮไลต์ห้ามพลาด 🏰 เที่ยวพระราชวังเครมลิน ⛪ วิหารอัสสัมชัญสุดอลังการ 🔴 เดินชมจัตุรัสแดง 📸 แวะถ่ายรูปมหาวิหารเซนต์บาซิล ⚰️ สุสานเลนิน ประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต 🛍️ ช้อปปิ้งสุดหรูที่ห้าง GUM 🎪 ตื่นตากับโชว์ละครสัตว์สุดอลังการ Circus 🔥 เที่ยวรัสเซียครั้งนี้ รับรองประทับใจไม่มีลืม 🇷🇺✨ #เที่ยวรัสเซีย #พระอาทิตย์เที่ยงคืน #รัสเซีย #ทัวร์รัสเซีย #มอสโก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ยุโรป #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวรัสเซียราคาดี #RussiaTravel #MidnightSun ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e5a072 ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/19c33b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มมีรายงานข่าวออกมาว่า สหรัฐเริ่มใช้ระเบิด Bunker Buster ขนาด 30,000 ปอนด์ GBU-57A/B (Massive Ordnance Penetrator) จากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พิสัยไกล B-2 “Spirit” จำนวน 6 ลำ ซึ่งถูกส่งไปประจำการที่ดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว ในการโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน

    ขณะที่บางแหล่งข่าวรายงานว่า สหรัฐยังไม่ได้เริ่มใช้ระเบิด GBU-57 แต่มีการใช้ระเบิดแรงสูงชนิดอื่นแทน เช่น GBU-31

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สหรัฐ "จำเป็นต้องใช้" อาวุธขั้นสูงเพื่อทำลายนักรบภาคพื้นดินที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถด้านการรบของสหรัฐมีพัฒนาการความก้าวหน้าทางด้านอาวุธช้ากว่าที่ควร

    (เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
    เริ่มมีรายงานข่าวออกมาว่า สหรัฐเริ่มใช้ระเบิด Bunker Buster ขนาด 30,000 ปอนด์ GBU-57A/B (Massive Ordnance Penetrator) จากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พิสัยไกล B-2 “Spirit” จำนวน 6 ลำ ซึ่งถูกส่งไปประจำการที่ดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว ในการโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน ขณะที่บางแหล่งข่าวรายงานว่า สหรัฐยังไม่ได้เริ่มใช้ระเบิด GBU-57 แต่มีการใช้ระเบิดแรงสูงชนิดอื่นแทน เช่น GBU-31 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สหรัฐ "จำเป็นต้องใช้" อาวุธขั้นสูงเพื่อทำลายนักรบภาคพื้นดินที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถด้านการรบของสหรัฐมีพัฒนาการความก้าวหน้าทางด้านอาวุธช้ากว่าที่ควร (เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts