• เปิดใจคนครอบครองสร้อย 26 ล้าน! ยอมคืนให้ “เมย์ วาสนา” ส่วน “ดิว อริสรา” ยินดีรับสภาพหนี้
    .
    "ตูน" เผยกลางรายการโหนกระแสว่าได้รับสร้อย Lotus Arts de Vivre ราคา 26 ล้านจาก "ดิว อริสรา" โดยเชื่อว่าสร้อยเป็นของ "ดิว" และจ่ายเงินไป 8 ล้านโดยไม่มีสัญญา ต่อมาทราบว่าสร้อยเป็นของ "เมย์ วาสนา" จึงตัดสินใจคืนให้ "เมย์" เพื่อเคลียร์ปัญหาและไม่ให้แจ้งความดิว ด้าน "ดิว" ยอมรับสภาพหนี้ และ "ตูน" ขอให้ชำระเฉพาะเงินต้นก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026845
    เปิดใจคนครอบครองสร้อย 26 ล้าน! ยอมคืนให้ “เมย์ วาสนา” ส่วน “ดิว อริสรา” ยินดีรับสภาพหนี้ . "ตูน" เผยกลางรายการโหนกระแสว่าได้รับสร้อย Lotus Arts de Vivre ราคา 26 ล้านจาก "ดิว อริสรา" โดยเชื่อว่าสร้อยเป็นของ "ดิว" และจ่ายเงินไป 8 ล้านโดยไม่มีสัญญา ต่อมาทราบว่าสร้อยเป็นของ "เมย์ วาสนา" จึงตัดสินใจคืนให้ "เมย์" เพื่อเคลียร์ปัญหาและไม่ให้แจ้งความดิว ด้าน "ดิว" ยอมรับสภาพหนี้ และ "ตูน" ขอให้ชำระเฉพาะเงินต้นก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026845
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 939 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนไปเมื่อครั้งที่ "ดิว อริสรา" เป็นข่าวออกมาเปิดโปงเว็บพนันที่มีอดีตแฟนตัวเองรวมอยู่ด้วย ในตอนนั้น "เพจ เหยื่อ V.2" ได้มีการนำเอาคลิปที่ "เซบาสเตียน ลี" สามีเจ้าตัวเคยโพสต์พร้อมข้อความว่า "ตำรวจคุ้มกันไปยังคาสิโน เรามีสถานที่ที่้ต้องไป" พร้อมติดแฮชแทก Kings Roman บ่อนใหญ่แถบชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026818
    ย้อนไปเมื่อครั้งที่ "ดิว อริสรา" เป็นข่าวออกมาเปิดโปงเว็บพนันที่มีอดีตแฟนตัวเองรวมอยู่ด้วย ในตอนนั้น "เพจ เหยื่อ V.2" ได้มีการนำเอาคลิปที่ "เซบาสเตียน ลี" สามีเจ้าตัวเคยโพสต์พร้อมข้อความว่า "ตำรวจคุ้มกันไปยังคาสิโน เรามีสถานที่ที่้ต้องไป" พร้อมติดแฮชแทก Kings Roman บ่อนใหญ่แถบชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026818
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1051 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายธรรมราช พร้อมครอบครัวเชื่อมจิตพบตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดตามความคืบหน้าคดีแจ้งความเอาผิด “หนุ่มกรรชัย-ต้นอ้อ” หมิ่นประมาทฯ-ข่มขู่คุกคาม

    วันนี้ (20 มี.ค.) นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความพร้อมครอบครัวเชื่อมจิต และผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับดาราและพิธีกรรายการดัง

    ทนายธรรมราช กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวของแม่นก เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ได้แจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.67 โดยเป็นการแจ้งความกับพิธีกรดังอย่างคุณหนุ่มกรรชัย และคุณต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมก่อความวุ่นวายและคุกคามจนทำให้น้องเกิดความตกใจ หวาดกลัว จึงได้แจ้งความไว้ ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ข่มขู่คุกคาม ก่อความวุ่นวายในสถานที่ราชการ และทารุณกรรมจิตใจเด็ก ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026824

    #MGROnline #ทนายธรรมราช #ครอบครัวเชื่อมจิต
    ทนายธรรมราช พร้อมครอบครัวเชื่อมจิตพบตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดตามความคืบหน้าคดีแจ้งความเอาผิด “หนุ่มกรรชัย-ต้นอ้อ” หมิ่นประมาทฯ-ข่มขู่คุกคาม • วันนี้ (20 มี.ค.) นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความพร้อมครอบครัวเชื่อมจิต และผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับดาราและพิธีกรรายการดัง • ทนายธรรมราช กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวของแม่นก เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ได้แจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.67 โดยเป็นการแจ้งความกับพิธีกรดังอย่างคุณหนุ่มกรรชัย และคุณต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมก่อความวุ่นวายและคุกคามจนทำให้น้องเกิดความตกใจ หวาดกลัว จึงได้แจ้งความไว้ ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ข่มขู่คุกคาม ก่อความวุ่นวายในสถานที่ราชการ และทารุณกรรมจิตใจเด็ก ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026824 • #MGROnline #ทนายธรรมราช #ครอบครัวเชื่อมจิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กเต่า” นำทีมตำรวจสอบสวนกลาง สนธิกำลัง ป.ป.ช.และ ป.ป.ท. บุกจับคาโต๊ะทำงาน 2 เจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงเชียงใหม่ รีดเงิน 2.5 แสนบาท จากชาวบ้านเจ้าของที่ดินแนวโครงการขยายถนนที่เชียงดาว อ้างช่วยวิ่งเต้นให้ได้รับเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายพบเป็นเพียงกลลวง เบื้องต้นยังปากแข็งบอกว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แต่ จนท.ไม่ปักใจเชื่อ และเตรียมสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ รวมทั้งคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นๆ อีก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026821
    “บิ๊กเต่า” นำทีมตำรวจสอบสวนกลาง สนธิกำลัง ป.ป.ช.และ ป.ป.ท. บุกจับคาโต๊ะทำงาน 2 เจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงเชียงใหม่ รีดเงิน 2.5 แสนบาท จากชาวบ้านเจ้าของที่ดินแนวโครงการขยายถนนที่เชียงดาว อ้างช่วยวิ่งเต้นให้ได้รับเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายพบเป็นเพียงกลลวง เบื้องต้นยังปากแข็งบอกว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แต่ จนท.ไม่ปักใจเชื่อ และเตรียมสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ รวมทั้งคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นๆ อีก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000026821
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์

    วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก

    เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี

    แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย

    แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้

    - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/)
    - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ)
    - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ
    - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน

    หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://wang-tobeboss.com/archives/1449
    https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837
    https://www.lzs100.com/post/565.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354

    #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์ วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้ - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/) - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ) - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://wang-tobeboss.com/archives/1449 https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837 https://www.lzs100.com/post/565.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354 #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    PASAJEEN.COM
    คัมภีร์ภาษาจีน สามอักษร 三字经 | ภาษาจีน.คอม "เปิดโลกอักษรจีน เปิดโลกภาษาจีน"
    เสน่ห์ของ 三字经 อยู่ที่การท่องทีละ 3 คำ และแม้มีการแบ่งคำ แบ่ง 3 คำๆก็จริง ยังแยกเป็นคู่ๆ สังเกตุจากเครื่องหมายวรรคตอน โดย 3 ตัวแรก อาจบอกสาเหตุ 3 ตัวหลังบอกผล หรือ 3 ตัวแรก อาจบอกอะไรสักอย่าง 3 ตัวหลังขยายความ คู่ ที่ 1 人之初,性本善。คู่ที่ 1 3 ตัวแรกบอกว่า กำเนิดของมนุษย์ หรือธรรมชาติดั้งเดิมของคน 3 ตัวหลังบอกว่า พื้นฐานจิตใจมีเมตตากรุณา คู่ ที่ 2 性相近,习相远。 3 ตัวแรกบอกว่า จิตใจอารมณ์มนุษย์ทุกคนธรรมชาติให้มาใกล้เคียง 3 ตัวหลังบอกว่า การฝึกหัด (อาจดีหรือเลว อยู่ที่สิ่งแวดล้อม) ทำให้คนห่างไกลกัน คนเราพื้นฐานล้วนคล้ายคลึงกันคือเป็นคนดี แต่สิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนแตกต่างกัน อันนี้เป็นความเชื่อ ที่นำไปสู่ทัศนคติ การอบรม ลัทธิต่างๆอีกมากมาย บางระบบอย่างฝรั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ลั่นไม่มีล็อบบี้ประธานสภาเอาชื่อ "ทักษิณ" ออกจากญัตติซักฟอก แต่เป็นไปตามกฎ ไม่ใช่เอาชื่อใครเข้าไปก็ได้ เผยส่วนตัวมองไม่สมควรมีชื่อบุคคลที่สาม ในสภาพูดปาวๆ แต่คนนอกไม่มีสิทธิ์ชี้แจง-ตอบโต้ ย้ำพร้อมแจงฝ่ายค้านให้ครบทุกประเด็น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022689

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯ ลั่นไม่มีล็อบบี้ประธานสภาเอาชื่อ "ทักษิณ" ออกจากญัตติซักฟอก แต่เป็นไปตามกฎ ไม่ใช่เอาชื่อใครเข้าไปก็ได้ เผยส่วนตัวมองไม่สมควรมีชื่อบุคคลที่สาม ในสภาพูดปาวๆ แต่คนนอกไม่มีสิทธิ์ชี้แจง-ตอบโต้ ย้ำพร้อมแจงฝ่ายค้านให้ครบทุกประเด็น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022689 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 749 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    5/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • 4/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    4/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 3/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    3/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 2/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    2/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • 1/
    รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha)

    กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย

    มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน

    จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน

    สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด
    51.23268252552627, 35.295863563677464

    1/ รูปถ่ายปฏิบัติการของรัสเซียโดยมุดท่อก๊าซใต้ดินเพื่อทำลายฝ่ายยูเครนในทิศทางซูดจา (Sudzha) กำลังกำลังของรัสเซียใช้ประโยชน์จากเครือข่ายท่อส่งก๊าซในซูดจา เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางท่อส่งก๊าซของรัสเซียสู่ยุโรป ทำให้มีเครือข่ายท่อส่งใต้ดินขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยูเครนปิดใช้งานตั้งแต่การเข้ายึดครองในช่วงแรก และปิดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ทุกท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 หลังจากที่ยูเครนไม่ขยายสัญญากับรัสเซีย มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียประมาณ 100 นาย ประกอบไปด้วยกองกำลังจาก หน่วยรบพิเศษ "อัคมัท", กองกำลังพลร่มที่ 11 "วอสตอก" และกองกำลังนาวิกโยธิน จากกองพลทหารอากาศที่ 106 แอบมุดเข้าไปในท่อส่งก๊าซซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของท่อส่งก๊าซ Urengoy-Pomary-Uzhgorod ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ความยาวโดยรวมประมาณ 12 กิโลเมตร เพื่อทำลายจากแนวหลังของยูเครน จากรายงานที่รวบรวมได้ กองกำลังฝ่ายรัสเซีย แบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนในปฏิบัติการมุดท่อครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งเพื่อโจมตีฝ่ายยูเครนในมาร์ตีนอฟกา (Martynovka) และเชอร์คาสโกเย โปเรชโนเย (Cherkaskoe Porechnoe) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถปลดปล่อยได้ทั้งสองหมู่บ้าน สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียบุกเข้าถึงเขตชานเมืองของซูดจาแล้ว ตามพิกัด 51.23268252552627, 35.295863563677464
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ” พร้อมคณะ ชงญัตติเปิดเวที “วุฒิสภา” ถล่มการทำหน้าที่ “ดีเอสไอ-ยธ.” ปมปล่อยทุนเทา-ให้สิทธิพิเศษ “นักโทษบางราย” รักษาตัว หวังส่งข้อเสนอให้ “รัฐบาล” ปรับปรุง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020268

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ” พร้อมคณะ ชงญัตติเปิดเวที “วุฒิสภา” ถล่มการทำหน้าที่ “ดีเอสไอ-ยธ.” ปมปล่อยทุนเทา-ให้สิทธิพิเศษ “นักโทษบางราย” รักษาตัว หวังส่งข้อเสนอให้ “รัฐบาล” ปรับปรุง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020268 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    3 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 909 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาถึงรูปที่ 8 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี วันนี้เราคุยกันถึงภาพที่แขวนในพระตำหนักเหยียนสี่กง

    ในละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> นั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่พระทับของลิ่งเฟย (เว่ยอิงหลัว) ซึ่งก็คือฮองเฮาเซี่ยวอี๋ฉุน ฮองเฮาองค์ที่สามของเฉียนหลงฮ่องเต้ แต่... ในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีที่จัดทำกงซวิ่นถูกขึ้นนั้น ในละครเว่ยอิงหลัวเพิ่งเข้าวังเป็นนางกำนัลยังไม่ได้เป็นสนม (ในประวัติศาสตร์จริงเชื่อว่านางเข้าถวายตัวเป็นนางกำนัลในช่วงรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6-9 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 10)

    Storyฯ หาไม่พบว่าในปีที่จัดทำกงซวิ่นถูนั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่ประทับของพระองค์ใด แต่ภาพที่ถูกพระราชทานมายังพระตำหนักนี้คือภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ (曹后重农图 / เฉาฮองเฮาให้ความสำคัญกับการเกษตร) แต่ภาพจริงสูญหายไปแล้ว ภาพที่แปะมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกันจากสมัยองค์คังซี เป็นผลงานของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจิน มีชื่อว่า ‘จิ้งย่วนจ้งกู่’ (禁苑种谷/ เพาะเมล็ดพืชในพระราชวัง)

    บุคคลที่ถูกกล่าวถึงในภาพก็คือเฉาฮองเฮาในจักรพรรดิซ่งเหรินจง (จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ซ่ง) เพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับเรื่องราวของเฉาฮองเฮาจากละครเรื่อง <วังเดียวดาย> วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับสตรีผู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในฮองเฮาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนนี้ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    เฉาฮองเฮา (ค.ศ. 1016-1079) นามเดิมในละคร <วังเดียวดาย> คือเฉาตานซู แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่พบว่านี่ใช่นามเดิมที่ถูกต้องหรือไม่ ทราบแต่ว่านางมาจากตระกูลเรืองอำนาจ เป็นบุตรีของเฉาฉี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนนางระดับสูงในกรมราชสำนักและเป็นหลานปู่ของแม่ทัพเฉาปินซึ่งเป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง

    ซ่งเหรินจงเดิมทีมีฮองเฮาอยู่แล้วคือกัวฮองเฮา แต่ภายหลังจากหลิวเอ๋อไทเฮาสิ้นชีพลง ซ่งเหรินจงสั่งปลดกัวฮองเฮาด้วยข้ออ้างว่านางไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลให้ได้ เหล่าขุนนางจึงเสนอชื่อธิดาสกุลเฉาวัยสิบแปดปีผู้นี้เป็นฮองเฮา ว่ากันว่าซ่งเหรินจงไม่ชอบนาง แต่นางกลับเป็นที่ถูกใจของฮุ่ยหยางไทเฮา เพราะนางไม่สวยเย้ายวน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ฮ่องเต้มัวเมาจนละเลยหน้าที่การงาน สุดท้ายนางได้รับการสถาปนาเป็นฮองเฮาในปีค.ศ. 1034

    ในบันทึกประวัติศาสตร์ซ่ง (宋史) จารึกถึงนางไว้ว่าเป็นคนมีเมตตาโอบอ้อมอารี ให้ความสำคัญกับการเกษตร มักปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหมในวังเพื่อพัฒนาการเกษตร

    เฉาฮองเฮาถูกยกย่องว่าวางตนได้ดีเยี่ยม และนางระมัดระวังไม่ก้าวก่ายงานราชการ ไม่เคยพบปะกับคนในตระกูลเฉาตามลำพังให้เป็นที่สงสัยหรือเปิดโอกาสให้เป็นครหาได้ว่าตระกูลเฉาใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้แต่ญาติของนางบางคนยังถึงขนาดขอลดตำแหน่งราชการลงหรือขอลาออกจากตำแหน่งสำคัญภายหลังจากที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแล้ว และตลอดเวลาที่นางดำรงตำแหน่งนี้ ตระกูลเฉาพยายามหลีกเลี่ยงไม่รับตำแหน่งขุนนางระดับสูงใดๆ นอกจากนี้ นางยังวางตัวอย่างสงบในวังหลัง ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เคร่งครัดเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง ฉลาดใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง จึงเป็นที่ยำเกรงและเคารพจากทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน

    ซ่งเหรินจงไม่ได้รักและโปรดปรานนาง และมีหลายครั้งที่คิดจะปลดนางเพื่อยกกุ้ยเฟยคนโปรดขึ้นแทน แต่เพราะนางวางตัวได้ไร้ที่ติ อีกทั้งปกครองวังหลังได้ดี สุดท้ายซ่งเหรินจงจึงไม่ได้ปลดนางและยังต้องให้เกียรตินางเป็นอย่างดีอีกด้วย

    ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิซ่งอิงจง ซ่งอิงจงป่วยหนักภายหลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน นางในฐานะไทเฮาถูกเชิญให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนและออกว่าราชการหลังม่าน แต่มักหารือด้วยกับเหล่าขุนนาง ไม่ใช้อำนาจโดยพละการ จนงานราชการผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งปีให้หลังองค์ซ่งอิงจงหายป่วย เฉาไทเฮาก็คืนอำนาจบริหารบ้านเมืองให้ฮ่องเต้ บ้างว่านางเสนอคืนอำนาจเอง บ้างก็ว่านางถูกบีบโดยเหล่าขุนนาง ในรัชสมัยของซ่งอิงจงสี่ปีนี้ แม้ซ่งอิงจงมีความขัดแย้งกับนางมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่จนทำให้สถานะของนางคลอนแคลนหรือความยำเกรงในตัวนางหายไป

    ในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง นางเป็นไทฮองไทเฮาก็ได้รับความเคารพรักอย่างมากจากซ่งเสินจง นางยังคงวางตัวอย่างระมัดระวังเช่นเดิม แต่ในรัชสมัยของซ่งอิงจงนี้ มีเรื่องราวที่นางมีบทบาทต่อชีวิตของคนสองคนในราชสำนักที่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของจีน

    คนแรกก็คือ อัครมหาเสนาบดีหวางอันสือ เขาคือนักปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและการปกครอง แต่แนวทางปฏิรูปของเขาทำไปได้ประมาณ 3-4 ปีก็ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ว่ากันว่าเฉาไทฮองไทเฮาก็เป็นหนึ่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็ชื่นชมในความสามารถของหวางอันสือ เมื่อสถานการณ์ราชสำนักตึงเครียดถึงขีดสุด ซ่งเสินจงเองก็หวั่นไหวกับความคิดที่จะล้มเลิกแผนปฏิรูปนี้ นางได้แนะนำซ่งเสินจงว่า หวางอันสือมีศัตรูในราชสำนักมากเกินไป หากต้องการรักษาชีวิตคนผู้นี้ไว้ ควรให้ออกจากราชการไปหลบพายุทางการเมืองสักพักแล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายหวางอันสือเลือกที่จะไม่มารับราชการอีกเลย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องที่เขาแต่งบทกกวี ‘เหมยฮวา’ มาแล้ว อ่านย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/672174234910872)

    อีกบุคคลหนึ่งคือซูซึ หรือซูตงปอ (กวีเอกสมัยนั้น) เขาถูกจำคุกเนื่องจากเขียนบทประพันธ์พาดพิงวิจารณ์เรื่องปฏิรูปข้างต้น ว่ากันว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกต่ำที่สุดของซูตงปอ ในช่วงเวลานั้น เฉาไทฮองไทเฮาป่วยหนัก ก่อนตายนางได้บอกกับซ่งเสินจงว่า ซูซึผู้นี้ เมื่อครั้งที่สอบราชบัณฑิตในรัชสมัยของซ่งเหรินจง ซ่งเหรินจงเคยบอกว่าเขาผู้นี้มีความสามารถพอที่จะเป็นถึงอัครเสนาบดีในอนาคตได้ และนางไม่อยากให้เขาต้องหมดอนาคตอยู่ในคุกด้วยเรื่องการเมือง สุดท้ายซูตงปอได้รับการปล่อยออกจากคุกและถูกลดตำแหน่งและให้ไปประจำที่เมืองหางโจว เรียกได้ว่า หากไม่ใช่เพราะนาง ชาวจีนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นคุณงามความดีของขุนนางที่ชื่อซูซึที่หางโจว หรือผลงานวรรณกรรมอันมีค่าของซูตงปอต่อไปอีกเลย

    เมื่อนางสิ้นชีพลงด้วยวัยหกสิบสี่ปี องค์ซ่งเสินจงเศร้าโศกเป็นอย่างมาก เขาปรับระดับคนจากตระกูลเฉาขึ้นเป็นขุนนางระดับสูงกว่าสี่สิบคน และแต่งตั้งย้อนหลังให้เป็นฉือเซิ่งกวงเซี่ยนฮองเฮา เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของนาง

    ภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ นี้บรรยายถึงกิจกรรมประจำวันของเฉาฮองเฮาตั้งแต่เมื่อครั้งเข้าวังใหม่ๆ ซึ่งก็คือการเพาะปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหม และภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึงความขยันหมั่นเพียร

    ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘เซิ่นจ้านเวยอิน’ (慎赞徽音) แปลได้ประมาณว่า ความระมัดระวังตนนำมาซึ่งความเคารพยกย่อง เป็นประโยคที่สะท้อนได้ดีถึงชีวิตของสตรีที่อดทนและเฉลียวฉลาดคนนี้... เฉาฮองเฮาไม่ได้รับความรักความโปรดปรานจากสามี ไม่มีลูก และไม่เคยใช้ตระกูลเฉาเป็นฐานอำนาจ แต่ตลอดชีวิตในวังเกือบห้าสิบปีผ่านสามรัชสมัย นางกลับได้รับความเคารพยำเกรงด้วยคุณงามความดีและการวางตัวของนางเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=114318e9a8c1c9eee79397a9
    https://www.sohu.com/a/394407332_100120829
    https://baike.baidu.com/item/清焦秉贞绘禁苑种谷图/386137
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html
    http://www.guoxue.com/?p=42472
    https://www.duguoxue.com/ershisishi/12686.html
    https://www.soundofhope.org/post/472643?lang=b5
    https://www.silpa-mag.com/history/article_23090#google_vignette

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฉาฮองเฮา #ซ่งเหรินจง #วังเดียวดาย #หวางอันสือ #ซูตงปอ #เฉาโฮ่วจ้งหนง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    มาถึงรูปที่ 8 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี วันนี้เราคุยกันถึงภาพที่แขวนในพระตำหนักเหยียนสี่กง ในละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> นั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่พระทับของลิ่งเฟย (เว่ยอิงหลัว) ซึ่งก็คือฮองเฮาเซี่ยวอี๋ฉุน ฮองเฮาองค์ที่สามของเฉียนหลงฮ่องเต้ แต่... ในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีที่จัดทำกงซวิ่นถูกขึ้นนั้น ในละครเว่ยอิงหลัวเพิ่งเข้าวังเป็นนางกำนัลยังไม่ได้เป็นสนม (ในประวัติศาสตร์จริงเชื่อว่านางเข้าถวายตัวเป็นนางกำนัลในช่วงรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6-9 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 10) Storyฯ หาไม่พบว่าในปีที่จัดทำกงซวิ่นถูนั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่ประทับของพระองค์ใด แต่ภาพที่ถูกพระราชทานมายังพระตำหนักนี้คือภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ (曹后重农图 / เฉาฮองเฮาให้ความสำคัญกับการเกษตร) แต่ภาพจริงสูญหายไปแล้ว ภาพที่แปะมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกันจากสมัยองค์คังซี เป็นผลงานของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจิน มีชื่อว่า ‘จิ้งย่วนจ้งกู่’ (禁苑种谷/ เพาะเมล็ดพืชในพระราชวัง) บุคคลที่ถูกกล่าวถึงในภาพก็คือเฉาฮองเฮาในจักรพรรดิซ่งเหรินจง (จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ซ่ง) เพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับเรื่องราวของเฉาฮองเฮาจากละครเรื่อง <วังเดียวดาย> วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับสตรีผู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในฮองเฮาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนนี้ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) เฉาฮองเฮา (ค.ศ. 1016-1079) นามเดิมในละคร <วังเดียวดาย> คือเฉาตานซู แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่พบว่านี่ใช่นามเดิมที่ถูกต้องหรือไม่ ทราบแต่ว่านางมาจากตระกูลเรืองอำนาจ เป็นบุตรีของเฉาฉี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนนางระดับสูงในกรมราชสำนักและเป็นหลานปู่ของแม่ทัพเฉาปินซึ่งเป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง ซ่งเหรินจงเดิมทีมีฮองเฮาอยู่แล้วคือกัวฮองเฮา แต่ภายหลังจากหลิวเอ๋อไทเฮาสิ้นชีพลง ซ่งเหรินจงสั่งปลดกัวฮองเฮาด้วยข้ออ้างว่านางไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลให้ได้ เหล่าขุนนางจึงเสนอชื่อธิดาสกุลเฉาวัยสิบแปดปีผู้นี้เป็นฮองเฮา ว่ากันว่าซ่งเหรินจงไม่ชอบนาง แต่นางกลับเป็นที่ถูกใจของฮุ่ยหยางไทเฮา เพราะนางไม่สวยเย้ายวน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ฮ่องเต้มัวเมาจนละเลยหน้าที่การงาน สุดท้ายนางได้รับการสถาปนาเป็นฮองเฮาในปีค.ศ. 1034 ในบันทึกประวัติศาสตร์ซ่ง (宋史) จารึกถึงนางไว้ว่าเป็นคนมีเมตตาโอบอ้อมอารี ให้ความสำคัญกับการเกษตร มักปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหมในวังเพื่อพัฒนาการเกษตร เฉาฮองเฮาถูกยกย่องว่าวางตนได้ดีเยี่ยม และนางระมัดระวังไม่ก้าวก่ายงานราชการ ไม่เคยพบปะกับคนในตระกูลเฉาตามลำพังให้เป็นที่สงสัยหรือเปิดโอกาสให้เป็นครหาได้ว่าตระกูลเฉาใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้แต่ญาติของนางบางคนยังถึงขนาดขอลดตำแหน่งราชการลงหรือขอลาออกจากตำแหน่งสำคัญภายหลังจากที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแล้ว และตลอดเวลาที่นางดำรงตำแหน่งนี้ ตระกูลเฉาพยายามหลีกเลี่ยงไม่รับตำแหน่งขุนนางระดับสูงใดๆ นอกจากนี้ นางยังวางตัวอย่างสงบในวังหลัง ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เคร่งครัดเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง ฉลาดใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง จึงเป็นที่ยำเกรงและเคารพจากทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน ซ่งเหรินจงไม่ได้รักและโปรดปรานนาง และมีหลายครั้งที่คิดจะปลดนางเพื่อยกกุ้ยเฟยคนโปรดขึ้นแทน แต่เพราะนางวางตัวได้ไร้ที่ติ อีกทั้งปกครองวังหลังได้ดี สุดท้ายซ่งเหรินจงจึงไม่ได้ปลดนางและยังต้องให้เกียรตินางเป็นอย่างดีอีกด้วย ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิซ่งอิงจง ซ่งอิงจงป่วยหนักภายหลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน นางในฐานะไทเฮาถูกเชิญให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนและออกว่าราชการหลังม่าน แต่มักหารือด้วยกับเหล่าขุนนาง ไม่ใช้อำนาจโดยพละการ จนงานราชการผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งปีให้หลังองค์ซ่งอิงจงหายป่วย เฉาไทเฮาก็คืนอำนาจบริหารบ้านเมืองให้ฮ่องเต้ บ้างว่านางเสนอคืนอำนาจเอง บ้างก็ว่านางถูกบีบโดยเหล่าขุนนาง ในรัชสมัยของซ่งอิงจงสี่ปีนี้ แม้ซ่งอิงจงมีความขัดแย้งกับนางมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่จนทำให้สถานะของนางคลอนแคลนหรือความยำเกรงในตัวนางหายไป ในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง นางเป็นไทฮองไทเฮาก็ได้รับความเคารพรักอย่างมากจากซ่งเสินจง นางยังคงวางตัวอย่างระมัดระวังเช่นเดิม แต่ในรัชสมัยของซ่งอิงจงนี้ มีเรื่องราวที่นางมีบทบาทต่อชีวิตของคนสองคนในราชสำนักที่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของจีน คนแรกก็คือ อัครมหาเสนาบดีหวางอันสือ เขาคือนักปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและการปกครอง แต่แนวทางปฏิรูปของเขาทำไปได้ประมาณ 3-4 ปีก็ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ว่ากันว่าเฉาไทฮองไทเฮาก็เป็นหนึ่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็ชื่นชมในความสามารถของหวางอันสือ เมื่อสถานการณ์ราชสำนักตึงเครียดถึงขีดสุด ซ่งเสินจงเองก็หวั่นไหวกับความคิดที่จะล้มเลิกแผนปฏิรูปนี้ นางได้แนะนำซ่งเสินจงว่า หวางอันสือมีศัตรูในราชสำนักมากเกินไป หากต้องการรักษาชีวิตคนผู้นี้ไว้ ควรให้ออกจากราชการไปหลบพายุทางการเมืองสักพักแล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายหวางอันสือเลือกที่จะไม่มารับราชการอีกเลย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องที่เขาแต่งบทกกวี ‘เหมยฮวา’ มาแล้ว อ่านย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/672174234910872) อีกบุคคลหนึ่งคือซูซึ หรือซูตงปอ (กวีเอกสมัยนั้น) เขาถูกจำคุกเนื่องจากเขียนบทประพันธ์พาดพิงวิจารณ์เรื่องปฏิรูปข้างต้น ว่ากันว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกต่ำที่สุดของซูตงปอ ในช่วงเวลานั้น เฉาไทฮองไทเฮาป่วยหนัก ก่อนตายนางได้บอกกับซ่งเสินจงว่า ซูซึผู้นี้ เมื่อครั้งที่สอบราชบัณฑิตในรัชสมัยของซ่งเหรินจง ซ่งเหรินจงเคยบอกว่าเขาผู้นี้มีความสามารถพอที่จะเป็นถึงอัครเสนาบดีในอนาคตได้ และนางไม่อยากให้เขาต้องหมดอนาคตอยู่ในคุกด้วยเรื่องการเมือง สุดท้ายซูตงปอได้รับการปล่อยออกจากคุกและถูกลดตำแหน่งและให้ไปประจำที่เมืองหางโจว เรียกได้ว่า หากไม่ใช่เพราะนาง ชาวจีนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นคุณงามความดีของขุนนางที่ชื่อซูซึที่หางโจว หรือผลงานวรรณกรรมอันมีค่าของซูตงปอต่อไปอีกเลย เมื่อนางสิ้นชีพลงด้วยวัยหกสิบสี่ปี องค์ซ่งเสินจงเศร้าโศกเป็นอย่างมาก เขาปรับระดับคนจากตระกูลเฉาขึ้นเป็นขุนนางระดับสูงกว่าสี่สิบคน และแต่งตั้งย้อนหลังให้เป็นฉือเซิ่งกวงเซี่ยนฮองเฮา เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของนาง ภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ นี้บรรยายถึงกิจกรรมประจำวันของเฉาฮองเฮาตั้งแต่เมื่อครั้งเข้าวังใหม่ๆ ซึ่งก็คือการเพาะปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหม และภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึงความขยันหมั่นเพียร ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘เซิ่นจ้านเวยอิน’ (慎赞徽音) แปลได้ประมาณว่า ความระมัดระวังตนนำมาซึ่งความเคารพยกย่อง เป็นประโยคที่สะท้อนได้ดีถึงชีวิตของสตรีที่อดทนและเฉลียวฉลาดคนนี้... เฉาฮองเฮาไม่ได้รับความรักความโปรดปรานจากสามี ไม่มีลูก และไม่เคยใช้ตระกูลเฉาเป็นฐานอำนาจ แต่ตลอดชีวิตในวังเกือบห้าสิบปีผ่านสามรัชสมัย นางกลับได้รับความเคารพยำเกรงด้วยคุณงามความดีและการวางตัวของนางเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=114318e9a8c1c9eee79397a9 https://www.sohu.com/a/394407332_100120829 https://baike.baidu.com/item/清焦秉贞绘禁苑种谷图/386137 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html http://www.guoxue.com/?p=42472 https://www.duguoxue.com/ershisishi/12686.html https://www.soundofhope.org/post/472643?lang=b5 https://www.silpa-mag.com/history/article_23090#google_vignette #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฉาฮองเฮา #ซ่งเหรินจง #วังเดียวดาย #หวางอันสือ #ซูตงปอ #เฉาโฮ่วจ้งหนง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร

    จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก

    เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ

    WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง

    การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ)

    การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่"

    คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

    ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ
    คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์

    นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย
    ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ

    เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา

    ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี"

    การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง?

    เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน
    ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล

    USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ
    เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย

    Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

    อ่านต่อตอนที่.2
    https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/

    ตอนที่.3
    https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/
    ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ) การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่" คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี" การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง? เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/ ตอนที่.3 https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 282 : เวรกรรรมมีจริง! เจอแหล่งกบดานมือยิง สนธิ - 280268(Full)
    - 16 ปียังไม่ลืม มือยิง สนธิ
    - “ฮั้วเลือก สว.สายสีน้ำเงิน”
    - โคตรส่วยแม่สอด
    - ขบวนการเดินเกมถล่ม ป.ป.ช.
    - ยิวทำเละเทะในปาย
    - รัฐบาลอย่ามั่วนิ่มผลงาน ล้างบาง “แก๊งคอล”
    - ยูเครน END GAME ?
    - สงครามชิงทรัพยากร

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ส่วยแม่สอด #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #จีนเทา #ไทยเทา #หลิวจงอี้ #ยิวยึดปาย #มือยิงสนธิ #ฮั่วสว #ปปช #สงครามยูเครน #แร่หายาก
    Sondhitalk EP 282 : เวรกรรรมมีจริง! เจอแหล่งกบดานมือยิง สนธิ - 280268(Full) - 16 ปียังไม่ลืม มือยิง สนธิ - “ฮั้วเลือก สว.สายสีน้ำเงิน” - โคตรส่วยแม่สอด - ขบวนการเดินเกมถล่ม ป.ป.ช. - ยิวทำเละเทะในปาย - รัฐบาลอย่ามั่วนิ่มผลงาน ล้างบาง “แก๊งคอล” - ยูเครน END GAME ? - สงครามชิงทรัพยากร #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ส่วยแม่สอด #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #จีนเทา #ไทยเทา #หลิวจงอี้ #ยิวยึดปาย #มือยิงสนธิ #ฮั่วสว #ปปช #สงครามยูเครน #แร่หายาก
    Like
    Love
    Yay
    Haha
    Angry
    94
    7 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 4416 มุมมอง 305 6 รีวิว
  • "บิ๊กต่าย" เผยสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" เสร็จแล้ว เผยหากผิดจริงมี 2 สถานะไล่ออก หรือปลดออก
    https://www.thai-tai.tv/news/17268/
    "บิ๊กต่าย" เผยสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" เสร็จแล้ว เผยหากผิดจริงมี 2 สถานะไล่ออก หรือปลดออก https://www.thai-tai.tv/news/17268/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”สมศักดิ์“ คิกออฟ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV 9 สายพันธ์ให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก ที่ปัตตานี เร่งระดมฉีดให้ทั่วถึงทั้่งประเทศ เผยยอดฉีดสะสมเกือบ 5.7 แสนโดส
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268872358043959
    ”สมศักดิ์“ คิกออฟ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV 9 สายพันธ์ให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก ที่ปัตตานี เร่งระดมฉีดให้ทั่วถึงทั้่งประเทศ เผยยอดฉีดสะสมเกือบ 5.7 แสนโดส https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268872358043959
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ควง "ซาบีดา" ลงพื้นที่ อ.นาทวี สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ บริการน้ำดื่มสะอาดสำหรับประชาชน เผยมหาดไทยเตรียมโครงการช่วยพี่น้องชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268864278044767
    "อนุทิน" ควง "ซาบีดา" ลงพื้นที่ อ.นาทวี สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ บริการน้ำดื่มสะอาดสำหรับประชาชน เผยมหาดไทยเตรียมโครงการช่วยพี่น้องชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268864278044767
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงกระบวนการ และขั้นตอนในการจัดทำงานงบประมาณประจำปีของสำนักงานประกันสังคม
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268848944712967
    เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงกระบวนการ และขั้นตอนในการจัดทำงานงบประมาณประจำปีของสำนักงานประกันสังคม https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268848944712967
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • มท.4 เปิดงาน “OTOP ภูมิภาค 2568” จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268845324713329
    มท.4 เปิดงาน “OTOP ภูมิภาค 2568” จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268845324713329
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568

    รางวัลที่ 1 : 847377
    รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 : 847376 , 847378
    รางวัลเลขหน้า 3 ตัว : 268 , 613
    รางวัลเลขท้าย 3 ตัว : 652 , 001
    รางวัลเลขท้าย 2 ตัว : 50

    #MGROnline #ตรวจหวย #ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล
    ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 • รางวัลที่ 1 : 847377 รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 : 847376 , 847378 รางวัลเลขหน้า 3 ตัว : 268 , 613 รางวัลเลขท้าย 3 ตัว : 652 , 001 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว : 50 • #MGROnline #ตรวจหวย #ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทีมวิจัยช่องโหว่ของ Rapid7 พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ใน PostgreSQL เพื่อเจาะระบบของบริษัท BeyondTrust ที่ให้บริการการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิ์พิเศษ รายงานระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองตัว (CVE-2024-12356 และ CVE-2024-12686) และคีย์ API ที่ถูกขโมยมาในการโจมตีครั้งนี้

    เพียงหนึ่งเดือนหลังจากนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาเผยว่าระบบของตนถูกแฮกเกอร์ที่ใช้คีย์ API ที่ถูกขโมยไปจาก BeyondTrust โจมตี ทำให้เกิดการเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐจีนที่รู้จักกันในชื่อ Silk Typhoon ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสอดแนมและขโมยข้อมูล

    Silk Typhoon เจาะระบบของหน่วยงานในกระทรวงการคลัง เช่น คณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) และสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) เพื่อขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ

    ในเดือนมกราคม 2024 หน่วยงาน CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2024-12356 ลงในแคตาล็อกช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีและกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาต้องป้องกันระบบของตนจากการโจมตีที่กำลังเกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้ยังสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางติดตั้งแพตช์สำหรับช่องโหว่ CVE-2024-12686 ในเดือนมกราคม 2025

    ช่องโหว่ zero-day ในนาม CVE-2025-1094 ถูกพบใน PostgreSQL เมื่อเดือนมกราคม 2025 และได้รับการแพตช์ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการที่ไม่ถูกต้องของลำดับไบต์ที่ไม่ถูกต้องในอักขระ UTF-8 ทำให้สามารถใช้ SQL injection เพื่อเข้าถึงระบบได้

    การใช้ช่องโหว่ CVE-2024-12356 ในการโจมตีระบบ BeyondTrust ยังต้องการการใช้ช่องโหว่ CVE-2025-1094 ซึ่งช่วยให้สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ นักวิจัยจาก Rapid7 ยังพบว่าแม้ว่า BeyondTrust จะมีการแพตช์ CVE-2024-12356 แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขสาเหตุหลักของ CVE-2025-1094 ได้ อย่างไรก็ตาม การแพตช์นี้ทำให้การโจมตีทั้งสองช่องโหว่ล้มเหลว

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/postgresql-flaw-exploited-as-zero-day-in-beyondtrust-breach/
    ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทีมวิจัยช่องโหว่ของ Rapid7 พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ใน PostgreSQL เพื่อเจาะระบบของบริษัท BeyondTrust ที่ให้บริการการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิ์พิเศษ รายงานระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองตัว (CVE-2024-12356 และ CVE-2024-12686) และคีย์ API ที่ถูกขโมยมาในการโจมตีครั้งนี้ เพียงหนึ่งเดือนหลังจากนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาเผยว่าระบบของตนถูกแฮกเกอร์ที่ใช้คีย์ API ที่ถูกขโมยไปจาก BeyondTrust โจมตี ทำให้เกิดการเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐจีนที่รู้จักกันในชื่อ Silk Typhoon ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสอดแนมและขโมยข้อมูล Silk Typhoon เจาะระบบของหน่วยงานในกระทรวงการคลัง เช่น คณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) และสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) เพื่อขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ ในเดือนมกราคม 2024 หน่วยงาน CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2024-12356 ลงในแคตาล็อกช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีและกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาต้องป้องกันระบบของตนจากการโจมตีที่กำลังเกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้ยังสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางติดตั้งแพตช์สำหรับช่องโหว่ CVE-2024-12686 ในเดือนมกราคม 2025 ช่องโหว่ zero-day ในนาม CVE-2025-1094 ถูกพบใน PostgreSQL เมื่อเดือนมกราคม 2025 และได้รับการแพตช์ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการที่ไม่ถูกต้องของลำดับไบต์ที่ไม่ถูกต้องในอักขระ UTF-8 ทำให้สามารถใช้ SQL injection เพื่อเข้าถึงระบบได้ การใช้ช่องโหว่ CVE-2024-12356 ในการโจมตีระบบ BeyondTrust ยังต้องการการใช้ช่องโหว่ CVE-2025-1094 ซึ่งช่วยให้สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ นักวิจัยจาก Rapid7 ยังพบว่าแม้ว่า BeyondTrust จะมีการแพตช์ CVE-2024-12356 แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขสาเหตุหลักของ CVE-2025-1094 ได้ อย่างไรก็ตาม การแพตช์นี้ทำให้การโจมตีทั้งสองช่องโหว่ล้มเหลว https://www.bleepingcomputer.com/news/security/postgresql-flaw-exploited-as-zero-day-in-beyondtrust-breach/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    PostgreSQL flaw exploited as zero-day in BeyondTrust breach
    ​Rapid7's vulnerability research team says attackers exploited a PostgreSQL security flaw as a zero-day to breach the network of privileged access management company BeyondTrust in December.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธนาคารในประเทศจีนรับซื้อทองคำ ให้ราคาดีกว่าร้านค้าทอง

    ราคารับซื้อวันที่ 13 กพ.
    1. ICBC ทองแท่ง 679.60 หยวน/กรัม
    2. ICBC ทองในแบบอื่น ๆ 673.60 หยวน/g
    3. Shenzhen Shuibei RMB 671/g

    แต่ละแบงค์ก็จะมีเกณฑ์ต่างกันไป แต่ปกติแล้วลูกค้าสามารถที่จะ
    1. บางธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องนัดล่วงหน้า
    2. บางธนาคารจะรับซื้อคืนเฉพาะทองที่ซื้อจากธนาคารเท่านั้น และต้องมีใบเสร็จการซื้อ
    3. บางพื้นที่(จะมีกำหนดไว้) อาจจะต้องนัดเวลาสำหรับสินค้ามีค่าอื่น เช่น จิวเวลลี่ และอาจจะนำสินค้าไปผ่านการตรวจสอบซึ่งอาจจะทำให้สินค้าเสียหายได้

    PBoC เปิดข้อมูลสำรองทองคำของประเทศที่ 2,279.57 ตัน สูงอันดับที่ 6 ของโลก

    https://baijiahao.baidu.com/s?id=1823932685083248282&wfr=spider&for=pc
    ธนาคารในประเทศจีนรับซื้อทองคำ ให้ราคาดีกว่าร้านค้าทอง ราคารับซื้อวันที่ 13 กพ. 1. ICBC ทองแท่ง 679.60 หยวน/กรัม 2. ICBC ทองในแบบอื่น ๆ 673.60 หยวน/g 3. Shenzhen Shuibei RMB 671/g แต่ละแบงค์ก็จะมีเกณฑ์ต่างกันไป แต่ปกติแล้วลูกค้าสามารถที่จะ 1. บางธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องนัดล่วงหน้า 2. บางธนาคารจะรับซื้อคืนเฉพาะทองที่ซื้อจากธนาคารเท่านั้น และต้องมีใบเสร็จการซื้อ 3. บางพื้นที่(จะมีกำหนดไว้) อาจจะต้องนัดเวลาสำหรับสินค้ามีค่าอื่น เช่น จิวเวลลี่ และอาจจะนำสินค้าไปผ่านการตรวจสอบซึ่งอาจจะทำให้สินค้าเสียหายได้ PBoC เปิดข้อมูลสำรองทองคำของประเทศที่ 2,279.57 ตัน สูงอันดับที่ 6 ของโลก https://baijiahao.baidu.com/s?id=1823932685083248282&wfr=spider&for=pc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 6 นี้ขอแลกเปลี่ยนและนำเสนอมุมมองปรากฏการณ์การรวมตัวกันขององค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกที่ได้ออกประกาศเป็นหนังสือเรียกร้องให้รัฐภาคีประเทศต่าง ๆ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization: ICAO) ปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดตามภาคผนวกที่ 13 แห่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO Annex 13 - Aircraft Accident and Incident Investigation) โดยขอให้รัฐหรือประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการสอบสวนและนำเสนอรายงานผลการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานที่เกิดขึ้นในความรับผิดชอบของตนที่ยังค้างคาหรือยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้าย (Final Investigation Report) ออกมาหรือมีเพียงแค่รายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) หรือรายงานฉบับบกลาง (Interim Report) เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินตามหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องได้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางการบินที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางหรือมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทำนองเดิมเกิดซ้ำอีก

    สำหรับองค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศที่รวมตัวกันออกแถลงการณ์ร่วมกันในครั้งนี้ได้แก่
    1. Airport Council International, Europe (ACI Europe),
    2. European Cockpit Association (ECA),
    3. Flight Safety Foundation (FSF),
    4. International Air Transport Association (IATA),
    5. The International Coordinating Council of Aerospace Industries Association (ICCAIA),
    6. International Federation of Air Line Pilots’ Associations (IFALPA) และ
    7. International Federation of Air Traffic Controllers’ Associations (IFATCA)
    โดยก่อนหน้านี้ทาง IATA เองได้ออกหนังสือประกาศเรื่องทำนองเดียวกันนี้เรียกร้องให้รัฐภาคีสมาชิกของ ICAO เร่งรัดให้มีการดำเนินการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุหรืออากาศยานอุบัติการณรุนแรงและให้รีบเผยแพร่รายงานออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 2566 (ดูภาพเอกสารตามที่แนบมา) แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจนนัก

    ทั้งนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักสำหรับการออกแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้เพราะถ้าเราสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานจากทั่วโลกเกิดขึ้นซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนที่ถี่มาก ทั้งนี้เมื่อเทียบข้อมูลสถิติที่ระบุอยู่ในเอกสารฉบับนี้จะพบว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานกับจำนวนรายงานผลการสอบสวนฯที่จะรายงานมาพร้อมกับข้อมูลปัจจัยที่เป็นสาเหตุและมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอีกเพื่อไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้มีแนวทางป้องกันนั้นมีน้อยมาก ยกตัวอย่างบางส่วนของตัวเลขสถิติตามข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัยประจำปี ระหว่างปี 2018 ถึง 2023 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 ข้อมูลอุบัติเหตุที่ IATA บันทึกไว้ในจำนวนอุบัติเหตุ 268 รายการมีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุฉบับสุดท้าย 140 รายการ (52%) ในขณะที่อีก 128 รายการยังไม่มีผลรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุอากาศยานฉบับสุดท้ายออกมา คิดเป็น 48%

    เนื้อหาในเอกสารแถลงการณ์ฉบับนี้ยังได้ระบุรายละเอียดถึงขนาดที่ว่ารัฐบางรัฐไม่ได้มีการสอบสวนเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา บางรัฐออกเพียงรายงานเบื้องต้นหรือรายงานฉบับกลางเพียงเท่านั้นซึ่งน่าจะไม่มีประโยชน์เท่าใดนักที่ผู้ที่มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมการบินจะนำไปใช้ หนำซ้ำรัฐบางรัฐออกรายงานฉบับกลางเพื่อจะให้เป็นข้อมูลเสมือนหนึ่งเป็นรายงานฉบับสุดท้ายและจะไม่ดำเนินการอะไรต่อเลย เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงในรูปแบบเดิมก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก ทั้งนี้ในมาตรฐานตาม ICAO Annex 13 นั้นรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้ายควรออกมาโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 12 เดือนนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งตามข้อมูลใน พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้เขียนยังไม่เห็นถ้อยคำกฎหมายที่ชัดเจนที่ระบุรายละเอียดตามข้อความตามที่ ICAO Annex 13 กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดรูปแบบรายงานเบื้องต้นผลการสอบสวนอุบัติเหตุของอากากาศยานหรืออุบัติการณ์รุนแรง รายงานฉบับกลางฯ และรายงานฉบับสุดท้ายฯหรือข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาที่ควรต้องระบุไว้สำหรับการออกรายงานว่าจะต้องออกภายในระยะเวลาเท่าใดหรือกี่เดือน เท่าที่ทราบจะมีก็เพียงข้อกำหนดที่ระบุอยู่ในมาตรฐานคู่มือการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบเท่านั้นซึ่งรัฐควรต้องระบุอยู่ในกฎหมายของตนตามวัตถุประสงค์ของการออกข้อกำหนดมาตรฐานใน Annex ต่าง ๆ ของ ICAO (อันนี้ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วต้องขออภัยเป็นอย่างสูงหรือใครมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันสามารถแชร์ได้นะครับ)

    สำหรับประกาศหรือหนังสือแถลงการณ์ฉบับนี้ นัยสำคัญในเรื่องนี้คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสื่อสารโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่าองค์กรแห่งนี้ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหนด้านการกำกับดูแลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยการบินพลเรือนระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆที่เป็นรัฐภาคีเพราะเมื่อกลางปี 2566 IATA เองก็ได้ออกประกาศเรียกร้องมาแล้วตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มาครั้งนี้มีการรวมตัวกันของสมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศหลายองค์กร ทาง ICAO จะสามารถนิ่งเฉยเสียงเรียกร้องอยู่ได้โดยจะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่เป็นที่น่าพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้หรือไม่ สำหรับมุมมองของผู้เขียนเองมองว่าการดำเนินงานของ ICAO ระยะหลังรู้สึกกังวลความมีประสิทธิภาพขององค์กรแห่งนี้เป็นอย่างมากโดยดูจากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งรายงานการจัดการข้อบกพร่องทางกายภาพของสนามบินหรือการจัดการด้านอื่น ๆ และการดำเนินการตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ที่บางรายการมีลำดับความเร่งด่วนที่มีผลต่อความปลอดภัยสูงแต่ก็สามารถคงอยู่มาได้มากว่า 15 ปีแล้วโดยที่ไม่มีอะไรที่การันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยกับข้อบกพร่องนั้นที่อยู่ในรายงานของ ICAO ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ICAO Asia and Pacific: ICAO APAC) นี้เลย

    ในส่วนของการดำเนินการของประเทศเราตามที่สมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศต่าง ๆ เรียกร้องมานั้น ถ้าเข้าไปดูข้อมูลในเวปไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีลักษณะค่อนข้างคล้ายคลึงกับแถลงการณ์ฉบับบนี้ ถ้าดูให้ลึกต่อไปถึงโครงสร้างองค์กรหรือความเป็นอิสระของการดำเนินการด้านการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของประเทศ จากมุมมองส่วนตัวแล้วน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเข้าไปดูรายงานการสอบสวนฯฉบับบกลางของอุบัติการณ์รุนแรงทางการบินบางรายงานที่จะยังรอผลสอบสวนฉบับสุดท้ายถึงสาเหตุและแนวทางป้องกันแล้ว จะเกิดความรู้สึกโชคดีมากที่เราไม่ค่อยเดินทางทางอากาศเท่าใดนัก นี้ยังไม่นับรวมถึงโครงการตรวจสอบด้านมาตรฐานการบินพลเรือนประเทศไทยของ ICAO ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้ (ซึ่งถูกเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว) ว่าผลการตรวจสอบคงเดาไม่ยากว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะต้องเตรียมตัวถึง Significant Safety Concerns (SSC) หรือธงแดงอีกหรือไม่เพราะเท่าที่ทราบในหัวข้ออื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่ ICAO ตรวจสอบก็มีข้อที่น่ากังวลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยหลายหัวข้อ ยิ่งก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมีผู้เสียชีวิตยกลำในประเทศเรามาแล้วยิ่งน่ากังวลใหญ่ เรื่องบางเรื่อง ICAO เขามีข้อมูลแล้วไม่ใช่เขาจะไม่รู้ อยู่ที่ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะจัดการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่กังวลว่า ICAO จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือมีข้อจำกัดบางประการหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือขององค์กรแห่งนี้ก็จะมีไม่น้อยและจะเสื่อมถอยไปในที่สุด ตามหลักอธิปจยตา "เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น"

    ข้อมูลอ้างอิง
    1. https://www.ifalpa.org/publications/library/publication-of-final-reports--4144
    2. https://www.iata.org/en/pressroom/2023-releases/2023-06-05-07/
    EP 6 นี้ขอแลกเปลี่ยนและนำเสนอมุมมองปรากฏการณ์การรวมตัวกันขององค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกที่ได้ออกประกาศเป็นหนังสือเรียกร้องให้รัฐภาคีประเทศต่าง ๆ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization: ICAO) ปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดตามภาคผนวกที่ 13 แห่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO Annex 13 - Aircraft Accident and Incident Investigation) โดยขอให้รัฐหรือประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการสอบสวนและนำเสนอรายงานผลการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานที่เกิดขึ้นในความรับผิดชอบของตนที่ยังค้างคาหรือยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้าย (Final Investigation Report) ออกมาหรือมีเพียงแค่รายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) หรือรายงานฉบับบกลาง (Interim Report) เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินตามหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องได้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางการบินที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางหรือมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทำนองเดิมเกิดซ้ำอีก สำหรับองค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศที่รวมตัวกันออกแถลงการณ์ร่วมกันในครั้งนี้ได้แก่ 1. Airport Council International, Europe (ACI Europe), 2. European Cockpit Association (ECA), 3. Flight Safety Foundation (FSF), 4. International Air Transport Association (IATA), 5. The International Coordinating Council of Aerospace Industries Association (ICCAIA), 6. International Federation of Air Line Pilots’ Associations (IFALPA) และ 7. International Federation of Air Traffic Controllers’ Associations (IFATCA) โดยก่อนหน้านี้ทาง IATA เองได้ออกหนังสือประกาศเรื่องทำนองเดียวกันนี้เรียกร้องให้รัฐภาคีสมาชิกของ ICAO เร่งรัดให้มีการดำเนินการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุหรืออากาศยานอุบัติการณรุนแรงและให้รีบเผยแพร่รายงานออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 2566 (ดูภาพเอกสารตามที่แนบมา) แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจนนัก ทั้งนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักสำหรับการออกแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้เพราะถ้าเราสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานจากทั่วโลกเกิดขึ้นซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนที่ถี่มาก ทั้งนี้เมื่อเทียบข้อมูลสถิติที่ระบุอยู่ในเอกสารฉบับนี้จะพบว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานกับจำนวนรายงานผลการสอบสวนฯที่จะรายงานมาพร้อมกับข้อมูลปัจจัยที่เป็นสาเหตุและมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอีกเพื่อไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้มีแนวทางป้องกันนั้นมีน้อยมาก ยกตัวอย่างบางส่วนของตัวเลขสถิติตามข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัยประจำปี ระหว่างปี 2018 ถึง 2023 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 ข้อมูลอุบัติเหตุที่ IATA บันทึกไว้ในจำนวนอุบัติเหตุ 268 รายการมีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุฉบับสุดท้าย 140 รายการ (52%) ในขณะที่อีก 128 รายการยังไม่มีผลรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุอากาศยานฉบับสุดท้ายออกมา คิดเป็น 48% เนื้อหาในเอกสารแถลงการณ์ฉบับนี้ยังได้ระบุรายละเอียดถึงขนาดที่ว่ารัฐบางรัฐไม่ได้มีการสอบสวนเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา บางรัฐออกเพียงรายงานเบื้องต้นหรือรายงานฉบับกลางเพียงเท่านั้นซึ่งน่าจะไม่มีประโยชน์เท่าใดนักที่ผู้ที่มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมการบินจะนำไปใช้ หนำซ้ำรัฐบางรัฐออกรายงานฉบับกลางเพื่อจะให้เป็นข้อมูลเสมือนหนึ่งเป็นรายงานฉบับสุดท้ายและจะไม่ดำเนินการอะไรต่อเลย เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงในรูปแบบเดิมก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก ทั้งนี้ในมาตรฐานตาม ICAO Annex 13 นั้นรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้ายควรออกมาโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 12 เดือนนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งตามข้อมูลใน พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้เขียนยังไม่เห็นถ้อยคำกฎหมายที่ชัดเจนที่ระบุรายละเอียดตามข้อความตามที่ ICAO Annex 13 กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดรูปแบบรายงานเบื้องต้นผลการสอบสวนอุบัติเหตุของอากากาศยานหรืออุบัติการณ์รุนแรง รายงานฉบับกลางฯ และรายงานฉบับสุดท้ายฯหรือข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาที่ควรต้องระบุไว้สำหรับการออกรายงานว่าจะต้องออกภายในระยะเวลาเท่าใดหรือกี่เดือน เท่าที่ทราบจะมีก็เพียงข้อกำหนดที่ระบุอยู่ในมาตรฐานคู่มือการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบเท่านั้นซึ่งรัฐควรต้องระบุอยู่ในกฎหมายของตนตามวัตถุประสงค์ของการออกข้อกำหนดมาตรฐานใน Annex ต่าง ๆ ของ ICAO (อันนี้ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วต้องขออภัยเป็นอย่างสูงหรือใครมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันสามารถแชร์ได้นะครับ) สำหรับประกาศหรือหนังสือแถลงการณ์ฉบับนี้ นัยสำคัญในเรื่องนี้คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสื่อสารโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่าองค์กรแห่งนี้ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหนด้านการกำกับดูแลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยการบินพลเรือนระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆที่เป็นรัฐภาคีเพราะเมื่อกลางปี 2566 IATA เองก็ได้ออกประกาศเรียกร้องมาแล้วตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มาครั้งนี้มีการรวมตัวกันของสมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศหลายองค์กร ทาง ICAO จะสามารถนิ่งเฉยเสียงเรียกร้องอยู่ได้โดยจะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่เป็นที่น่าพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้หรือไม่ สำหรับมุมมองของผู้เขียนเองมองว่าการดำเนินงานของ ICAO ระยะหลังรู้สึกกังวลความมีประสิทธิภาพขององค์กรแห่งนี้เป็นอย่างมากโดยดูจากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งรายงานการจัดการข้อบกพร่องทางกายภาพของสนามบินหรือการจัดการด้านอื่น ๆ และการดำเนินการตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ที่บางรายการมีลำดับความเร่งด่วนที่มีผลต่อความปลอดภัยสูงแต่ก็สามารถคงอยู่มาได้มากว่า 15 ปีแล้วโดยที่ไม่มีอะไรที่การันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยกับข้อบกพร่องนั้นที่อยู่ในรายงานของ ICAO ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ICAO Asia and Pacific: ICAO APAC) นี้เลย ในส่วนของการดำเนินการของประเทศเราตามที่สมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศต่าง ๆ เรียกร้องมานั้น ถ้าเข้าไปดูข้อมูลในเวปไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีลักษณะค่อนข้างคล้ายคลึงกับแถลงการณ์ฉบับบนี้ ถ้าดูให้ลึกต่อไปถึงโครงสร้างองค์กรหรือความเป็นอิสระของการดำเนินการด้านการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของประเทศ จากมุมมองส่วนตัวแล้วน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเข้าไปดูรายงานการสอบสวนฯฉบับบกลางของอุบัติการณ์รุนแรงทางการบินบางรายงานที่จะยังรอผลสอบสวนฉบับสุดท้ายถึงสาเหตุและแนวทางป้องกันแล้ว จะเกิดความรู้สึกโชคดีมากที่เราไม่ค่อยเดินทางทางอากาศเท่าใดนัก นี้ยังไม่นับรวมถึงโครงการตรวจสอบด้านมาตรฐานการบินพลเรือนประเทศไทยของ ICAO ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้ (ซึ่งถูกเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว) ว่าผลการตรวจสอบคงเดาไม่ยากว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะต้องเตรียมตัวถึง Significant Safety Concerns (SSC) หรือธงแดงอีกหรือไม่เพราะเท่าที่ทราบในหัวข้ออื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่ ICAO ตรวจสอบก็มีข้อที่น่ากังวลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยหลายหัวข้อ ยิ่งก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมีผู้เสียชีวิตยกลำในประเทศเรามาแล้วยิ่งน่ากังวลใหญ่ เรื่องบางเรื่อง ICAO เขามีข้อมูลแล้วไม่ใช่เขาจะไม่รู้ อยู่ที่ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะจัดการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่กังวลว่า ICAO จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือมีข้อจำกัดบางประการหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือขององค์กรแห่งนี้ก็จะมีไม่น้อยและจะเสื่อมถอยไปในที่สุด ตามหลักอธิปจยตา "เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น" ข้อมูลอ้างอิง 1. https://www.ifalpa.org/publications/library/publication-of-final-reports--4144 2. https://www.iata.org/en/pressroom/2023-releases/2023-06-05-07/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์

    วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก

    เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี

    แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย

    แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้

    - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/)
    - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ)
    - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ
    - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน

    หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://wang-tobeboss.com/archives/1449
    https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837
    https://www.lzs100.com/post/565.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354

    #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์ วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้ - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/) - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ) - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://wang-tobeboss.com/archives/1449 https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837 https://www.lzs100.com/post/565.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354 #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    PASAJEEN.COM
    คัมภีร์ภาษาจีน สามอักษร 三字经 | ภาษาจีน.คอม "เปิดโลกอักษรจีน เปิดโลกภาษาจีน"
    เสน่ห์ของ 三字经 อยู่ที่การท่องทีละ 3 คำ และแม้มีการแบ่งคำ แบ่ง 3 คำๆก็จริง ยังแยกเป็นคู่ๆ สังเกตุจากเครื่องหมายวรรคตอน โดย 3 ตัวแรก อาจบอกสาเหตุ 3 ตัวหลังบอกผล หรือ 3 ตัวแรก อาจบอกอะไรสักอย่าง 3 ตัวหลังขยายความ คู่ ที่ 1 人之初,性本善。คู่ที่ 1 3 ตัวแรกบอกว่า กำเนิดของมนุษย์ หรือธรรมชาติดั้งเดิมของคน 3 ตัวหลังบอกว่า พื้นฐานจิตใจมีเมตตากรุณา คู่ ที่ 2 性相近,习相远。 3 ตัวแรกบอกว่า จิตใจอารมณ์มนุษย์ทุกคนธรรมชาติให้มาใกล้เคียง 3 ตัวหลังบอกว่า การฝึกหัด (อาจดีหรือเลว อยู่ที่สิ่งแวดล้อม) ทำให้คนห่างไกลกัน คนเราพื้นฐานล้วนคล้ายคลึงกันคือเป็นคนดี แต่สิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนแตกต่างกัน อันนี้เป็นความเชื่อ ที่นำไปสู่ทัศนคติ การอบรม ลัทธิต่างๆอีกมากมาย บางระบบอย่างฝรั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 802 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts