• “ZLUDA อัปเดตใหม่ – รัน CUDA บน GPU AMD ได้แล้ว”

    CUDA ของ NVIDIA ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับงาน AI และ HPC มานานหลายสิบปี แต่การผูกขาดนี้ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพา GPU ของ NVIDIA เป็นหลัก ล่าสุด ZLUDA ซึ่งเป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่เคยอยู่ภายใต้การพัฒนาโดย AMD ได้ประกาศรองรับ ROCm 7 ของ AMD ทำให้สามารถรันโค้ด CUDA บน GPU ของ AMD ได้โดยตรง

    ZLUDA ทำงานในลักษณะ “Drop-in Replacement” โดยการดักจับ API ของ CUDA แล้วแปลงไปยัง Runtime ของ GPU อื่น ๆ ซึ่งช่วยให้โค้ดที่เขียนด้วย CUDA สามารถทำงานบนแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ NVIDIA ได้โดยไม่ต้องแก้ไขซอร์สโค้ดเดิม ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์ม

    แม้จะยังอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CUDA บน NVIDIA แต่การอัปเดตครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า ZLUDA อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ Microsoft และบริษัทอื่น ๆ กำลังหาทางสร้างเลเยอร์แปลโค้ดเพื่อให้ AI workloads สามารถทำงานได้บน GPU หลากหลายค่าย

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่การทำให้ ZLUDA มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานจริงในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าโครงการนี้จะสามารถเข้าสู่กระแสหลักได้หรือไม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ZLUDA รองรับ AMD ROCm 7 แล้ว
    ทำให้โค้ด CUDA สามารถรันบน GPU AMD ได้

    ทำงานแบบ Drop-in Replacement
    ดักจับ API ของ CUDA แล้วแปลงไปยัง Runtime ของ GPU อื่น

    ศักยภาพในการลดการผูกขาดของ NVIDIA
    เปิดโอกาสให้ AI workloads ทำงานบน GPU หลากหลายค่าย

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    ยังอยู่ในช่วงพัฒนา ประสิทธิภาพและเสถียรภาพยังไม่แน่นอน
    อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่การใช้งานจริงในระดับองค์กร

    https://wccftech.com/this-tool-claims-to-run-the-de-facto-cuda-code-on-non-nvidia-gpus/
    📰 “ZLUDA อัปเดตใหม่ – รัน CUDA บน GPU AMD ได้แล้ว” CUDA ของ NVIDIA ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับงาน AI และ HPC มานานหลายสิบปี แต่การผูกขาดนี้ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพา GPU ของ NVIDIA เป็นหลัก ล่าสุด ZLUDA ซึ่งเป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่เคยอยู่ภายใต้การพัฒนาโดย AMD ได้ประกาศรองรับ ROCm 7 ของ AMD ทำให้สามารถรันโค้ด CUDA บน GPU ของ AMD ได้โดยตรง ZLUDA ทำงานในลักษณะ “Drop-in Replacement” โดยการดักจับ API ของ CUDA แล้วแปลงไปยัง Runtime ของ GPU อื่น ๆ ซึ่งช่วยให้โค้ดที่เขียนด้วย CUDA สามารถทำงานบนแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ NVIDIA ได้โดยไม่ต้องแก้ไขซอร์สโค้ดเดิม ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์ม แม้จะยังอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CUDA บน NVIDIA แต่การอัปเดตครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า ZLUDA อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ Microsoft และบริษัทอื่น ๆ กำลังหาทางสร้างเลเยอร์แปลโค้ดเพื่อให้ AI workloads สามารถทำงานได้บน GPU หลากหลายค่าย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่การทำให้ ZLUDA มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานจริงในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าโครงการนี้จะสามารถเข้าสู่กระแสหลักได้หรือไม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ZLUDA รองรับ AMD ROCm 7 แล้ว ➡️ ทำให้โค้ด CUDA สามารถรันบน GPU AMD ได้ ✅ ทำงานแบบ Drop-in Replacement ➡️ ดักจับ API ของ CUDA แล้วแปลงไปยัง Runtime ของ GPU อื่น ✅ ศักยภาพในการลดการผูกขาดของ NVIDIA ➡️ เปิดโอกาสให้ AI workloads ทำงานบน GPU หลากหลายค่าย ‼️ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ⛔ ยังอยู่ในช่วงพัฒนา ประสิทธิภาพและเสถียรภาพยังไม่แน่นอน ⛔ อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่การใช้งานจริงในระดับองค์กร https://wccftech.com/this-tool-claims-to-run-the-de-facto-cuda-code-on-non-nvidia-gpus/
    WCCFTECH.COM
    This Tool Claims to Run the De-Facto CUDA Code on Non-NVIDIA GPUs, And a Major Upgrade Now Adds Support for AMD’s ROCm7
    ZLUDA, the code porting library known for attempting to break the CUDA moat, has got a major upgrade, as it sees support for AMD's ROCm7.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Arctic เปิดตัว MX-7 – Thermal Paste รุ่นใหม่ เย็นกว่าเดิม 3%”

    Arctic เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาด Thermal Paste โดยรุ่น MX-6 เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในซิลิโคนระบายความร้อนที่ดีที่สุดในตลาด ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว MX-7 ที่มาพร้อมสูตรใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายความร้อนและความทนทานในการใช้งาน

    จากการทดสอบภายในของ Arctic โดยใช้ CPU Intel Core Ultra 9 285K ที่ทำงานที่ 4.5GHz และกินไฟกว่า 284W ในอุณหภูมิห้อง 25°C พบว่า MX-7 สามารถทำงานได้เย็นกว่า MX-6 ประมาณ 3% และเย็นกว่า MX-4 ถึง 6% ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญในตลาดที่แข่งขันสูง

    MX-7 มีคุณสมบัติเด่นคือ ความหนืดต่ำกว่า MX-6 ถึง 22% ทำให้กระจายตัวได้ง่ายขึ้น และมีความหนาแน่นมากกว่าเดิม 12% เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว Arctic ยังแนะนำให้ผู้ใช้ทาซิลิโคนในรูปแบบ “cross pattern” แล้วปล่อยให้แรงกดจากฮีตซิงค์ช่วยกระจายเนื้อซิลิโคนเอง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    นอกจากนี้ MX-7 ยังถูกออกแบบให้ ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและไม่เป็นตัวเก็บประจุ ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานแม้ในระบบ Direct-Die Cooling ที่ซิลิโคนสัมผัสโดยตรงกับชิป โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 6–10 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ และยังมีแพ็กเกจที่รวม MX-Cleaner wipes สำหรับทำความสะอาดซิลิโคนเก่าอีกด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Arctic เปิดตัว MX-7 Thermal Paste รุ่นใหม่
    เย็นกว่า MX-6 ประมาณ 3% และเย็นกว่า MX-4 ถึง 6%

    คุณสมบัติเด่นของ MX-7
    ความหนืดต่ำลง 22% และความหนาแน่นสูงขึ้น 12%
    ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและไม่เป็นตัวเก็บประจุ

    วิธีการใช้งานที่แนะนำ
    ทาแบบ cross pattern แล้วปล่อยให้แรงกดจากฮีตซิงค์ช่วยกระจาย

    ราคาจำหน่าย
    อยู่ระหว่าง 6–10 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากทาซิลิโคนผิดวิธี อาจทำให้การกระจายความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ
    ควรซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าลอกเลียนแบบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/arctic-launches-its-best-thermal-paste-yet-for-chips-of-all-types-claims-new-mx-7-formulation-runs-3-percent-cooler-than-its-predecessor
    📰 “Arctic เปิดตัว MX-7 – Thermal Paste รุ่นใหม่ เย็นกว่าเดิม 3%” Arctic เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาด Thermal Paste โดยรุ่น MX-6 เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในซิลิโคนระบายความร้อนที่ดีที่สุดในตลาด ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว MX-7 ที่มาพร้อมสูตรใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายความร้อนและความทนทานในการใช้งาน จากการทดสอบภายในของ Arctic โดยใช้ CPU Intel Core Ultra 9 285K ที่ทำงานที่ 4.5GHz และกินไฟกว่า 284W ในอุณหภูมิห้อง 25°C พบว่า MX-7 สามารถทำงานได้เย็นกว่า MX-6 ประมาณ 3% และเย็นกว่า MX-4 ถึง 6% ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญในตลาดที่แข่งขันสูง MX-7 มีคุณสมบัติเด่นคือ ความหนืดต่ำกว่า MX-6 ถึง 22% ทำให้กระจายตัวได้ง่ายขึ้น และมีความหนาแน่นมากกว่าเดิม 12% เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว Arctic ยังแนะนำให้ผู้ใช้ทาซิลิโคนในรูปแบบ “cross pattern” แล้วปล่อยให้แรงกดจากฮีตซิงค์ช่วยกระจายเนื้อซิลิโคนเอง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ MX-7 ยังถูกออกแบบให้ ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและไม่เป็นตัวเก็บประจุ ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานแม้ในระบบ Direct-Die Cooling ที่ซิลิโคนสัมผัสโดยตรงกับชิป โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 6–10 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ และยังมีแพ็กเกจที่รวม MX-Cleaner wipes สำหรับทำความสะอาดซิลิโคนเก่าอีกด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Arctic เปิดตัว MX-7 Thermal Paste รุ่นใหม่ ➡️ เย็นกว่า MX-6 ประมาณ 3% และเย็นกว่า MX-4 ถึง 6% ✅ คุณสมบัติเด่นของ MX-7 ➡️ ความหนืดต่ำลง 22% และความหนาแน่นสูงขึ้น 12% ➡️ ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและไม่เป็นตัวเก็บประจุ ✅ วิธีการใช้งานที่แนะนำ ➡️ ทาแบบ cross pattern แล้วปล่อยให้แรงกดจากฮีตซิงค์ช่วยกระจาย ✅ ราคาจำหน่าย ➡️ อยู่ระหว่าง 6–10 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากทาซิลิโคนผิดวิธี อาจทำให้การกระจายความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ ⛔ ควรซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าลอกเลียนแบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/arctic-launches-its-best-thermal-paste-yet-for-chips-of-all-types-claims-new-mx-7-formulation-runs-3-percent-cooler-than-its-predecessor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Trump ดันดีล Korea Zinc – โรงงานแร่หายากใน Tennessee ลดการพึ่งพาจีน”

    การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสหรัฐฯ ในการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โรงงานใหม่ใน Tennessee จะมีความสามารถในการผลิตแร่หายากกว่า 540,000 ตันต่อปี ครอบคลุม gallium, germanium, indium และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป, ดาวเทียม, เครื่องยนต์เจ็ต และระบบอาวุธสมัยใหม่

    สหรัฐฯ ปัจจุบันพึ่งพาจีนอย่างหนักในด้านการนำเข้าและการแปรรูปแร่หายาก โดยจีนครองตลาดโลกกว่า 90% การสร้างโรงงานนี้จึงถูกมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงจากการถูกจีนควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เมื่อจีนใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อตอบโต้สงครามการค้า

    นอกจากโรงงานของ Korea Zinc แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังพิจารณาใช้เงินทุนจาก CHIPS Act กว่า 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านแร่หายากและลิเธียม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบตเตอรี่และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นว่าแร่หายากกำลังถูกยกระดับเป็น “ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์” ไม่ต่างจากน้ำมันในศตวรรษที่ 20

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Trump ประกาศดีลกับ Korea Zinc
    สร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากใน Tennessee

    กำลังการผลิตมหาศาล
    ผลิต gallium, germanium, indium และอื่น ๆ รวมกว่า 540,000 ตันต่อปี

    ลดการพึ่งพาจีน
    จีนครองตลาดแร่หายากกว่า 90% และเคยใช้มาตรการควบคุมการส่งออก

    เชื่อมโยงกับ CHIPS Act
    รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาใช้เงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์เสริมความมั่นคงด้านแร่หายาก

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    การลงทุนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะลดการพึ่งพาจีนได้จริง
    ความต้องการแร่หายากยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจาก AI, พลังงานสะอาด และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-secures-deal-with-korea-zinc-to-build-rare-earths-processing-facility-in-tennessee-facility-expected-to-have-annual-output-of-540-000-tons-of-gallium-germanium-indium-and-other-resources
    📰 “Trump ดันดีล Korea Zinc – โรงงานแร่หายากใน Tennessee ลดการพึ่งพาจีน” การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสหรัฐฯ ในการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โรงงานใหม่ใน Tennessee จะมีความสามารถในการผลิตแร่หายากกว่า 540,000 ตันต่อปี ครอบคลุม gallium, germanium, indium และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป, ดาวเทียม, เครื่องยนต์เจ็ต และระบบอาวุธสมัยใหม่ สหรัฐฯ ปัจจุบันพึ่งพาจีนอย่างหนักในด้านการนำเข้าและการแปรรูปแร่หายาก โดยจีนครองตลาดโลกกว่า 90% การสร้างโรงงานนี้จึงถูกมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงจากการถูกจีนควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เมื่อจีนใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อตอบโต้สงครามการค้า นอกจากโรงงานของ Korea Zinc แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังพิจารณาใช้เงินทุนจาก CHIPS Act กว่า 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านแร่หายากและลิเธียม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบตเตอรี่และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นว่าแร่หายากกำลังถูกยกระดับเป็น “ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์” ไม่ต่างจากน้ำมันในศตวรรษที่ 20 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Trump ประกาศดีลกับ Korea Zinc ➡️ สร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากใน Tennessee ✅ กำลังการผลิตมหาศาล ➡️ ผลิต gallium, germanium, indium และอื่น ๆ รวมกว่า 540,000 ตันต่อปี ✅ ลดการพึ่งพาจีน ➡️ จีนครองตลาดแร่หายากกว่า 90% และเคยใช้มาตรการควบคุมการส่งออก ✅ เชื่อมโยงกับ CHIPS Act ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาใช้เงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์เสริมความมั่นคงด้านแร่หายาก ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ การลงทุนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะลดการพึ่งพาจีนได้จริง ⛔ ความต้องการแร่หายากยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจาก AI, พลังงานสะอาด และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-secures-deal-with-korea-zinc-to-build-rare-earths-processing-facility-in-tennessee-facility-expected-to-have-annual-output-of-540-000-tons-of-gallium-germanium-indium-and-other-resources
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND”

    ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง

    แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว
    แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB

    มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์
    เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง

    เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม
    เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world”

    ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ
    โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย
    ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    📰 “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND” ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว ➡️ แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB ✅ มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์ ➡️ เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง ✅ เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม ➡️ เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ‼️ ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ ⛔ โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย ⛔ ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Liquid Cooling ครองศูนย์ข้อมูล – TSMC นำเทรนด์ฝังระบบระบายความร้อนในซิลิคอน”

    ในอดีตศูนย์ข้อมูลส่วนใหญ่ใช้ Air Cooling เพราะต้นทุนต่ำและโครงสร้างง่าย แต่เมื่อพลังงานต่อแร็คพุ่งสูงถึง 40–140kW จากการใช้งาน AI และ GPU รุ่นใหม่ การระบายความร้อนด้วยอากาศเริ่มไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ Liquid Cooling ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและสามารถรองรับความหนาแน่นความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ปี 2024 ตลาด Liquid Cooling ครองส่วนแบ่งกว่า 46% ของตลาดทั้งหมด และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนมีมูลค่า 25.12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2031 การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการของ AI Data Center ที่ใช้ GPU และ CPU ที่กินไฟมหาศาล เช่น Nvidia Blackwell Ultra ที่ใช้พลังงานสูงถึง 1,400W ต่อชิป

    นอกจาก Liquid Cooling แบบทั่วไปแล้ว ยังมีการพัฒนา Hybrid Cooling ที่ผสมผสานการใช้อากาศและน้ำ รวมถึง Immersion Cooling ที่จุ่มเซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่องลงในน้ำมันหรือของเหลวไดอิเล็กทริก เพื่อรองรับความร้อนระดับ 1,500 W/cm² ซึ่งเป็นตัวเลขที่ Air Cooling ไม่สามารถทำได้

    ไฮไลต์สำคัญคือ TSMC Direct-to-Silicon Cooling ที่ฝังช่องทางระบายความร้อนเข้าไปในซิลิคอนโดยตรง ทำให้สามารถจัดการความร้อนใกล้กับทรานซิสเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เทคโนโลยีนี้ถูกคาดว่าจะพร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2027 และอาจรองรับ GPU รุ่น Feynman ที่กินไฟกว่า 4.4kW ได้อย่างมีเสถียรภาพ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Air Cooling ยังมีบทบาทในศูนย์ข้อมูลเก่า
    ใช้โครงสร้าง Hot Aisle/Cold Aisle และ CRAC/CRAH Units

    Liquid Cooling เติบโตอย่างรวดเร็ว
    ครองตลาด 46% ในปี 2024 และคาดว่าจะโตถึง 25.12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2031

    Hybrid และ Immersion Cooling ถูกนำมาใช้
    Hybrid ใช้ทั้งอากาศและน้ำ ส่วน Immersion รองรับความร้อนสูงถึง 1,500 W/cm²

    TSMC พัฒนา Direct-to-Silicon Cooling
    ฝังช่องระบายความร้อนในซิลิคอนโดยตรง รองรับพลังงานกว่า 2.6kW ต่อแพ็กเกจ

    ความท้าทายของ Liquid Cooling
    ต้นทุนสูงขึ้นมาก โดยระบบสำหรับแร็ค Nvidia Blackwell Ultra อาจมีค่าใช้จ่ายถึง 50,000 ดอลลาร์

    ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน
    ศูนย์ข้อมูลต้องลงทุนใหม่เพื่อรองรับระบบ Liquid และ Immersion Cooling ซึ่งอาจไม่เหมาะกับทุกองค์กร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/the-data-center-cooling-state-of-play-2025-liquid-cooling-is-on-the-rise-thermal-density-demands-skyrocket-in-ai-data-centers-and-tsmc-leads-with-direct-to-silicon-solutions
    📰 “Liquid Cooling ครองศูนย์ข้อมูล – TSMC นำเทรนด์ฝังระบบระบายความร้อนในซิลิคอน” ในอดีตศูนย์ข้อมูลส่วนใหญ่ใช้ Air Cooling เพราะต้นทุนต่ำและโครงสร้างง่าย แต่เมื่อพลังงานต่อแร็คพุ่งสูงถึง 40–140kW จากการใช้งาน AI และ GPU รุ่นใหม่ การระบายความร้อนด้วยอากาศเริ่มไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ Liquid Cooling ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและสามารถรองรับความหนาแน่นความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2024 ตลาด Liquid Cooling ครองส่วนแบ่งกว่า 46% ของตลาดทั้งหมด และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนมีมูลค่า 25.12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2031 การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการของ AI Data Center ที่ใช้ GPU และ CPU ที่กินไฟมหาศาล เช่น Nvidia Blackwell Ultra ที่ใช้พลังงานสูงถึง 1,400W ต่อชิป นอกจาก Liquid Cooling แบบทั่วไปแล้ว ยังมีการพัฒนา Hybrid Cooling ที่ผสมผสานการใช้อากาศและน้ำ รวมถึง Immersion Cooling ที่จุ่มเซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่องลงในน้ำมันหรือของเหลวไดอิเล็กทริก เพื่อรองรับความร้อนระดับ 1,500 W/cm² ซึ่งเป็นตัวเลขที่ Air Cooling ไม่สามารถทำได้ ไฮไลต์สำคัญคือ TSMC Direct-to-Silicon Cooling ที่ฝังช่องทางระบายความร้อนเข้าไปในซิลิคอนโดยตรง ทำให้สามารถจัดการความร้อนใกล้กับทรานซิสเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เทคโนโลยีนี้ถูกคาดว่าจะพร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2027 และอาจรองรับ GPU รุ่น Feynman ที่กินไฟกว่า 4.4kW ได้อย่างมีเสถียรภาพ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Air Cooling ยังมีบทบาทในศูนย์ข้อมูลเก่า ➡️ ใช้โครงสร้าง Hot Aisle/Cold Aisle และ CRAC/CRAH Units ✅ Liquid Cooling เติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ ครองตลาด 46% ในปี 2024 และคาดว่าจะโตถึง 25.12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2031 ✅ Hybrid และ Immersion Cooling ถูกนำมาใช้ ➡️ Hybrid ใช้ทั้งอากาศและน้ำ ส่วน Immersion รองรับความร้อนสูงถึง 1,500 W/cm² ✅ TSMC พัฒนา Direct-to-Silicon Cooling ➡️ ฝังช่องระบายความร้อนในซิลิคอนโดยตรง รองรับพลังงานกว่า 2.6kW ต่อแพ็กเกจ ‼️ ความท้าทายของ Liquid Cooling ⛔ ต้นทุนสูงขึ้นมาก โดยระบบสำหรับแร็ค Nvidia Blackwell Ultra อาจมีค่าใช้จ่ายถึง 50,000 ดอลลาร์ ‼️ ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ศูนย์ข้อมูลต้องลงทุนใหม่เพื่อรองรับระบบ Liquid และ Immersion Cooling ซึ่งอาจไม่เหมาะกับทุกองค์กร https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/the-data-center-cooling-state-of-play-2025-liquid-cooling-is-on-the-rise-thermal-density-demands-skyrocket-in-ai-data-centers-and-tsmc-leads-with-direct-to-silicon-solutions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง”

    การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า

    การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว

    แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต

    ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11
    ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba

    Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
    ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น

    สาเหตุหลักของการล้มละลาย
    การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว

    ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง
    คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba
    อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ

    ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot
    หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    📰 “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง” การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11 ➡️ ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba ✅ Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น ✅ สาเหตุหลักของการล้มละลาย ➡️ การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว ✅ ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง ➡️ คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba ⛔ อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot ⛔ หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม

    ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน

    ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีของ ShinyHunters
    อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium
    เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin

    ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง
    ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี

    คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel
    ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน
    Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน

    ประวัติของ ShinyHunters
    เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร
    ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์
    ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน
    หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    🕵️‍♂️ ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีของ ShinyHunters ➡️ อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium ➡️ เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin ✅ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ➡️ มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง ➡️ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี ✅ คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel ➡️ ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน ➡️ Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน ✅ ประวัติของ ShinyHunters ➡️ เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร ➡️ ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์ ⛔ ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน ⛔ หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Hacking group ‘ShinyHunters’ threatens to expose premium users of sex site Pornhub
    WASHINGTON, Dec 16 (Reuters) - The hacking group "ShinyHunters" said on Tuesday it has stolen data belonging to premium customers of the leading sex website Pornhub and is threatening to publish it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • X Corp ฟ้อง Operation Bluebird – ศึกชิงแบรนด์ “Twitter”

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 X Corp ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐเดลาแวร์ หลังจากที่สตาร์ทอัพ Operation Bluebird ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า “Twitter” โดยอ้างว่า X Corp ได้ละทิ้งแบรนด์นี้ไปแล้วตั้งแต่การรีแบรนด์เป็น “X”

    X Corp โต้แย้งว่าแบรนด์ Twitter ยังคง “alive and well” และยังถูกใช้งานในหลายรูปแบบ เช่น ผู้ใช้จำนวนมากยังเข้าถึงแพลตฟอร์มผ่าน twitter.com และธุรกิจต่าง ๆ ยังคงเรียกแพลตฟอร์มนี้ว่า Twitter นอกจากนี้ X Corp ยังยืนยันว่าตนยังคงบังคับใช้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า Twitter อยู่

    ฝั่ง Operation Bluebird ซึ่งก่อตั้งโดย Michael Peroff และมี Stephen Coates อดีตทนายความด้านเครื่องหมายการค้าของ Twitter เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ระบุว่าต้องการนำ Twitter กลับมาในชื่อใหม่ “twitter.new” และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Twitter ในชื่อของตนเอง

    X Corp กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าและจะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค จึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ X Corp
    ยื่นฟ้อง Operation Bluebird ต่อศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์
    ยืนยันว่าแบรนด์ Twitter ยังไม่ถูกละทิ้ง

    การกระทำของ Operation Bluebird
    ยื่นคำร้องยกเลิกเครื่องหมายการค้า Twitter
    ต้องการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new”

    เหตุผลของ X Corp
    ผู้ใช้ยังเข้าถึงผ่าน twitter.com
    ธุรกิจและผู้คนยังเรียกแพลตฟอร์มว่า Twitter

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    หาก Operation Bluebird ใช้ชื่อ Twitter อาจสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค
    การฟ้องร้องอาจยืดเยื้อและส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/x-corp-sues-social-media-startup-over-bid-to-claim-039twitter039-brand
    ⚖️ X Corp ฟ้อง Operation Bluebird – ศึกชิงแบรนด์ “Twitter” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 X Corp ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐเดลาแวร์ หลังจากที่สตาร์ทอัพ Operation Bluebird ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า “Twitter” โดยอ้างว่า X Corp ได้ละทิ้งแบรนด์นี้ไปแล้วตั้งแต่การรีแบรนด์เป็น “X” X Corp โต้แย้งว่าแบรนด์ Twitter ยังคง “alive and well” และยังถูกใช้งานในหลายรูปแบบ เช่น ผู้ใช้จำนวนมากยังเข้าถึงแพลตฟอร์มผ่าน twitter.com และธุรกิจต่าง ๆ ยังคงเรียกแพลตฟอร์มนี้ว่า Twitter นอกจากนี้ X Corp ยังยืนยันว่าตนยังคงบังคับใช้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า Twitter อยู่ ฝั่ง Operation Bluebird ซึ่งก่อตั้งโดย Michael Peroff และมี Stephen Coates อดีตทนายความด้านเครื่องหมายการค้าของ Twitter เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ระบุว่าต้องการนำ Twitter กลับมาในชื่อใหม่ “twitter.new” และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Twitter ในชื่อของตนเอง X Corp กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าและจะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค จึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ X Corp ➡️ ยื่นฟ้อง Operation Bluebird ต่อศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์ ➡️ ยืนยันว่าแบรนด์ Twitter ยังไม่ถูกละทิ้ง ✅ การกระทำของ Operation Bluebird ➡️ ยื่นคำร้องยกเลิกเครื่องหมายการค้า Twitter ➡️ ต้องการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new” ✅ เหตุผลของ X Corp ➡️ ผู้ใช้ยังเข้าถึงผ่าน twitter.com ➡️ ธุรกิจและผู้คนยังเรียกแพลตฟอร์มว่า Twitter ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ หาก Operation Bluebird ใช้ชื่อ Twitter อาจสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค ⛔ การฟ้องร้องอาจยืดเยื้อและส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/x-corp-sues-social-media-startup-over-bid-to-claim-039twitter039-brand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    X Corp sues social media startup over bid to claim 'Twitter' brand
    Dec 16 (Reuters) - Elon Musk's X Corp sued a startup on Tuesday after it sought to cancel X's Twitter trademarks so it can "bring Twitter back" as a new social media platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bank of Canada กำหนดกฎใหม่ Stablecoins – ต้องหนุนด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูง

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา Tiff Macklem กล่าวว่ากฎเกณฑ์ใหม่สำหรับ Stablecoins จะบังคับให้เหรียญดิจิทัลเหล่านี้ต้องมีการหนุนหลังด้วย High-Quality Liquid Assets (HQLA) เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือบัตรเงินคลัง และต้องผูกค่าแบบ 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง เพื่อให้สามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา

    รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนว่าจะออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังออกกฎควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน

    Macklem ย้ำว่า “Stablecoins ต้องเป็นเงินที่ดีเหมือนกับธนบัตรหรือเงินฝากธนาคาร” และการกำหนดกฎเกณฑ์นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและธุรกิจในการใช้ Stablecoins ในการชำระเงิน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีการวางแผนเชื่อมโยงกับระบบ Real-Time Rail ที่จะเปิดตัวในปี 2026 เพื่อรองรับการชำระเงินแบบทันที

    นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังเตรียมผลักดันระบบ Open Banking เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเปลี่ยนธนาคารได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของแคนาดาในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กฎใหม่สำหรับ Stablecoins
    ต้องหนุนหลังด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง (HQLA)
    ต้องผูกค่า 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง

    เป้าหมายของรัฐบาลแคนาดา
    ออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026
    ทำให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน
    เปิดตัวระบบ Real-Time Rail สำหรับการชำระเงินทันทีในปี 2026
    ผลักดันระบบ Open Banking เพื่อเพิ่มการแข่งขันและความโปร่งใส

    คำเตือนสำหรับผู้ลงทุน Stablecoins
    ต้องตรวจสอบว่าเหรียญที่ถือมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์คุณภาพจริง
    หากไม่เป็นไปตามกฎใหม่ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าและการแลกคืน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/bank-of-canada-wants-stablecoins-to-be-backed-by-high-quality-liquid-assets
    💵 Bank of Canada กำหนดกฎใหม่ Stablecoins – ต้องหนุนด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา Tiff Macklem กล่าวว่ากฎเกณฑ์ใหม่สำหรับ Stablecoins จะบังคับให้เหรียญดิจิทัลเหล่านี้ต้องมีการหนุนหลังด้วย High-Quality Liquid Assets (HQLA) เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือบัตรเงินคลัง และต้องผูกค่าแบบ 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง เพื่อให้สามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนว่าจะออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังออกกฎควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน Macklem ย้ำว่า “Stablecoins ต้องเป็นเงินที่ดีเหมือนกับธนบัตรหรือเงินฝากธนาคาร” และการกำหนดกฎเกณฑ์นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและธุรกิจในการใช้ Stablecoins ในการชำระเงิน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีการวางแผนเชื่อมโยงกับระบบ Real-Time Rail ที่จะเปิดตัวในปี 2026 เพื่อรองรับการชำระเงินแบบทันที นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังเตรียมผลักดันระบบ Open Banking เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเปลี่ยนธนาคารได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของแคนาดาในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กฎใหม่สำหรับ Stablecoins ➡️ ต้องหนุนหลังด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง (HQLA) ➡️ ต้องผูกค่า 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง ✅ เป้าหมายของรัฐบาลแคนาดา ➡️ ออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 ➡️ ทำให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ✅ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ➡️ เปิดตัวระบบ Real-Time Rail สำหรับการชำระเงินทันทีในปี 2026 ➡️ ผลักดันระบบ Open Banking เพื่อเพิ่มการแข่งขันและความโปร่งใส ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ลงทุน Stablecoins ⛔ ต้องตรวจสอบว่าเหรียญที่ถือมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์คุณภาพจริง ⛔ หากไม่เป็นไปตามกฎใหม่ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าและการแลกคืน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/bank-of-canada-wants-stablecoins-to-be-backed-by-high-quality-liquid-assets
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bank of Canada wants stablecoins to be backed by high-quality liquid assets
    OTTAWA, Dec 16 (Reuters) - The Bank of Canada says regulations on future Canadian stablecoins must ensure they are backed by high-quality liquid assets and be pegged one-to-one to a central bank currency, Governor Tiff Macklem said on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมโชว์ Are You The One? ถูกพิสูจน์ว่าเป็น “เงินฟรี”

    บล็อกเล่าเรื่องจากประสบการณ์ผู้เขียนที่ติดตามรายการ Are You The One? ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันชายและหญิงจำนวนเท่ากัน โดยแต่ละคนมี “คู่ที่สมบูรณ์แบบ” ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า หากทุกคนจับคู่ถูกต้องทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์

    ผู้เขียนอธิบายกลไกสำคัญของเกม เช่น Truth Booths (ห้องตรวจสอบคู่ที่เลือกว่าตรงหรือไม่) และ Match Ups (การจับคู่รวมทุกคนแล้วบอกจำนวนคู่ที่ถูกต้อง แต่ไม่บอกว่าใครถูก) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ตัดตัวเลือกที่ผิดออกไปเรื่อย ๆ คล้ายกับเกม “Guess Who?”

    จากการจำลองด้วยคณิตศาสตร์ พบว่าแม้การเลือกแบบสุ่มก็ยังมีโอกาสสูงที่จะได้ข้อมูลเพียงพอเพื่อหาคู่ที่ถูกต้องทั้งหมดก่อนจบเกม และเมื่อใช้กลยุทธ์เชิงทฤษฎีสารสนเทศ เช่น เลือกการจับคู่ที่ให้ข้อมูลมากที่สุดในแต่ละครั้ง ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนว่าผู้เล่นสามารถ “ล็อก” คำตอบได้เร็วกว่าการเลือกตามความรู้สึก

    นอกจากนี้ ผู้เขียนยังเปรียบเทียบการเล่นจริงกับการจำลอง พบว่าผู้เข้าแข่งขันในชีวิตจริงมักใช้เวลาเกินความจำเป็น เพราะไม่สามารถติดตามข้อมูลเชิงซับซ้อนทั้งหมดได้ แต่หากใช้โมเดลคณิตศาสตร์ช่วย จะสามารถหาคู่ที่ถูกต้องได้ตั้งแต่กลางซีซัน ซึ่งสะท้อนว่ารางวัล 1 ล้านดอลลาร์แทบจะเป็น “เงินฟรี” สำหรับผู้ที่ใช้กลยุทธ์เชิงข้อมูล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กติกาของเกม
    ผู้เข้าแข่งขันต้องจับคู่ชาย-หญิงให้ถูกทั้งหมดเพื่อชิงเงิน 1 ล้านดอลลาร์
    ใช้ Truth Booths และ Match Ups เป็นแหล่งข้อมูลหลัก

    การวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์
    การเลือกแบบสุ่มยังมีโอกาสสูงที่จะชนะ
    ใช้ทฤษฎีสารสนเทศช่วยลดจำนวนตัวเลือกได้เร็วขึ้น

    ผลการจำลอง
    โมเดลคณิตศาสตร์สามารถหาคู่ที่ถูกต้องได้ตั้งแต่กลางซีซัน
    ผู้เข้าแข่งขันจริงมักใช้เวลานานเพราะไม่สามารถประมวลผลข้อมูลทั้งหมด

    ข้อสังเกตและคำเตือน
    เกมถูกออกแบบให้ดูเหมือนยาก แต่จริง ๆ แล้วโครงสร้างข้อมูลทำให้โอกาสชนะสูงมาก
    หากผู้เล่นไม่ใช้กลยุทธ์ อาจเสียเวลาและพลาดโอกาสแม้มีข้อมูลเพียงพอ

    https://blog.owenlacey.dev/posts/are-you-the-one-is-free-money/
    เกมโชว์ Are You The One? ถูกพิสูจน์ว่าเป็น “เงินฟรี” บล็อกเล่าเรื่องจากประสบการณ์ผู้เขียนที่ติดตามรายการ Are You The One? ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันชายและหญิงจำนวนเท่ากัน โดยแต่ละคนมี “คู่ที่สมบูรณ์แบบ” ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า หากทุกคนจับคู่ถูกต้องทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ ผู้เขียนอธิบายกลไกสำคัญของเกม เช่น Truth Booths (ห้องตรวจสอบคู่ที่เลือกว่าตรงหรือไม่) และ Match Ups (การจับคู่รวมทุกคนแล้วบอกจำนวนคู่ที่ถูกต้อง แต่ไม่บอกว่าใครถูก) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ตัดตัวเลือกที่ผิดออกไปเรื่อย ๆ คล้ายกับเกม “Guess Who?” จากการจำลองด้วยคณิตศาสตร์ พบว่าแม้การเลือกแบบสุ่มก็ยังมีโอกาสสูงที่จะได้ข้อมูลเพียงพอเพื่อหาคู่ที่ถูกต้องทั้งหมดก่อนจบเกม และเมื่อใช้กลยุทธ์เชิงทฤษฎีสารสนเทศ เช่น เลือกการจับคู่ที่ให้ข้อมูลมากที่สุดในแต่ละครั้ง ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนว่าผู้เล่นสามารถ “ล็อก” คำตอบได้เร็วกว่าการเลือกตามความรู้สึก นอกจากนี้ ผู้เขียนยังเปรียบเทียบการเล่นจริงกับการจำลอง พบว่าผู้เข้าแข่งขันในชีวิตจริงมักใช้เวลาเกินความจำเป็น เพราะไม่สามารถติดตามข้อมูลเชิงซับซ้อนทั้งหมดได้ แต่หากใช้โมเดลคณิตศาสตร์ช่วย จะสามารถหาคู่ที่ถูกต้องได้ตั้งแต่กลางซีซัน ซึ่งสะท้อนว่ารางวัล 1 ล้านดอลลาร์แทบจะเป็น “เงินฟรี” สำหรับผู้ที่ใช้กลยุทธ์เชิงข้อมูล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กติกาของเกม ➡️ ผู้เข้าแข่งขันต้องจับคู่ชาย-หญิงให้ถูกทั้งหมดเพื่อชิงเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ Truth Booths และ Match Ups เป็นแหล่งข้อมูลหลัก ✅ การวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์ ➡️ การเลือกแบบสุ่มยังมีโอกาสสูงที่จะชนะ ➡️ ใช้ทฤษฎีสารสนเทศช่วยลดจำนวนตัวเลือกได้เร็วขึ้น ✅ ผลการจำลอง ➡️ โมเดลคณิตศาสตร์สามารถหาคู่ที่ถูกต้องได้ตั้งแต่กลางซีซัน ➡️ ผู้เข้าแข่งขันจริงมักใช้เวลานานเพราะไม่สามารถประมวลผลข้อมูลทั้งหมด ‼️ ข้อสังเกตและคำเตือน ⛔ เกมถูกออกแบบให้ดูเหมือนยาก แต่จริง ๆ แล้วโครงสร้างข้อมูลทำให้โอกาสชนะสูงมาก ⛔ หากผู้เล่นไม่ใช้กลยุทธ์ อาจเสียเวลาและพลาดโอกาสแม้มีข้อมูลเพียงพอ https://blog.owenlacey.dev/posts/are-you-the-one-is-free-money/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย VPN หลอกลวง – ขายข้อมูลสนทนา AI ของผู้ใช้

    การตรวจสอบโดยทีมวิจัยของ Koi Security พบว่า ส่วนขยาย Urban VPN Proxy ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 6 ล้านคน และได้รับ “Featured Badge” จาก Google Chrome Web Store ได้แอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับ AI หลายแพลตฟอร์ม เช่น ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot และ Meta AI โดยไม่มีทางเลือกให้ผู้ใช้ปิดการทำงานนี้

    การทำงานของมันคือการ ฉีดสคริปต์ (script injection) เข้าไปในหน้าเว็บของแพลตฟอร์ม AI แล้วดักจับทุกคำถามและคำตอบที่ผู้ใช้แลกเปลี่ยนกับ AI จากนั้นส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Urban VPN โดยข้อมูลที่ถูกเก็บรวมถึง ข้อความสนทนา, เวลา, session metadata และชื่อแพลตฟอร์มที่ใช้

    สิ่งที่น่าตกใจคือการเก็บข้อมูลนี้ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติใน เวอร์ชัน 5.5.0 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 โดยไม่มีการแจ้งเตือนชัดเจน ผู้ใช้ที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านั้นจึงถูกอัปเดตโดยอัตโนมัติและเริ่มถูกเก็บข้อมูลทันที

    การสืบสวนยังพบว่า บริษัท BiScience ซึ่งเป็น data broker อยู่เบื้องหลัง Urban VPN และส่วนขยายอื่น ๆ เช่น 1ClickVPN Proxy, Urban Browser Guard และ Urban Ad Blocker รวมแล้วมีผู้ใช้กว่า 8 ล้านคน ข้อมูลที่เก็บถูกนำไปขายต่อในเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์อย่าง AdClarity และ Clickstream OS

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Urban VPN Proxy และส่วนขยายที่เกี่ยวข้อง
    มีผู้ใช้รวมกว่า 8 ล้านคน
    ได้รับ “Featured Badge” จาก Google และ Microsoft

    วิธีการเก็บข้อมูลสนทนา AI
    ใช้ script injection ดักจับทุกข้อความที่แลกเปลี่ยนกับ AI
    ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ Urban VPN โดยอัตโนมัติ

    ข้อมูลที่ถูกเก็บและขายต่อ
    ข้อความสนทนา, เวลา, session metadata
    ถูกขายให้บริษัท data broker ภายใต้ผลิตภัณฑ์ AdClarity และ Clickstream OS

    การเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ
    เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน 5.5.0 ในเดือนกรกฎาคม 2025
    ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกปิดการทำงาน ยกเว้นถอนการติดตั้ง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากติดตั้ง Urban VPN หรือส่วนขยายที่เกี่ยวข้อง ควรถอนการติดตั้งทันที
    การสนทนากับ AI ตั้งแต่กรกฎาคม 2025 ถูกเก็บและแชร์ไปแล้ว

    https://www.koi.ai/blog/urban-vpn-browser-extension-ai-conversations-data-collection
    🔒 ส่วนขยาย VPN หลอกลวง – ขายข้อมูลสนทนา AI ของผู้ใช้ การตรวจสอบโดยทีมวิจัยของ Koi Security พบว่า ส่วนขยาย Urban VPN Proxy ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 6 ล้านคน และได้รับ “Featured Badge” จาก Google Chrome Web Store ได้แอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับ AI หลายแพลตฟอร์ม เช่น ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot และ Meta AI โดยไม่มีทางเลือกให้ผู้ใช้ปิดการทำงานนี้ การทำงานของมันคือการ ฉีดสคริปต์ (script injection) เข้าไปในหน้าเว็บของแพลตฟอร์ม AI แล้วดักจับทุกคำถามและคำตอบที่ผู้ใช้แลกเปลี่ยนกับ AI จากนั้นส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Urban VPN โดยข้อมูลที่ถูกเก็บรวมถึง ข้อความสนทนา, เวลา, session metadata และชื่อแพลตฟอร์มที่ใช้ สิ่งที่น่าตกใจคือการเก็บข้อมูลนี้ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติใน เวอร์ชัน 5.5.0 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 โดยไม่มีการแจ้งเตือนชัดเจน ผู้ใช้ที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านั้นจึงถูกอัปเดตโดยอัตโนมัติและเริ่มถูกเก็บข้อมูลทันที การสืบสวนยังพบว่า บริษัท BiScience ซึ่งเป็น data broker อยู่เบื้องหลัง Urban VPN และส่วนขยายอื่น ๆ เช่น 1ClickVPN Proxy, Urban Browser Guard และ Urban Ad Blocker รวมแล้วมีผู้ใช้กว่า 8 ล้านคน ข้อมูลที่เก็บถูกนำไปขายต่อในเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์อย่าง AdClarity และ Clickstream OS 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Urban VPN Proxy และส่วนขยายที่เกี่ยวข้อง ➡️ มีผู้ใช้รวมกว่า 8 ล้านคน ➡️ ได้รับ “Featured Badge” จาก Google และ Microsoft ✅ วิธีการเก็บข้อมูลสนทนา AI ➡️ ใช้ script injection ดักจับทุกข้อความที่แลกเปลี่ยนกับ AI ➡️ ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ Urban VPN โดยอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลที่ถูกเก็บและขายต่อ ➡️ ข้อความสนทนา, เวลา, session metadata ➡️ ถูกขายให้บริษัท data broker ภายใต้ผลิตภัณฑ์ AdClarity และ Clickstream OS ✅ การเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ➡️ เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน 5.5.0 ในเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกปิดการทำงาน ยกเว้นถอนการติดตั้ง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากติดตั้ง Urban VPN หรือส่วนขยายที่เกี่ยวข้อง ควรถอนการติดตั้งทันที ⛔ การสนทนากับ AI ตั้งแต่กรกฎาคม 2025 ถูกเก็บและแชร์ไปแล้ว https://www.koi.ai/blog/urban-vpn-browser-extension-ai-conversations-data-collection
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเทียมยุคใหม่ทำได้มากกว่าที่คิด

    จำนวนดาวเทียมในวงโคจรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 11,000 ดวง ณ พฤษภาคม 2025 และไม่ได้มีแค่จำนวนที่มากขึ้น แต่ยังมีความสามารถที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าเดิม ดาวเทียมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารหรือ GPS อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถผลิตสินค้า, ตรวจสอบภัยพิบัติ และแม้แต่ตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์

    การผลิตในอวกาศและการมองทะลุเมฆ
    บริษัทเอกชนเริ่มส่งดาวเทียมขึ้นไปเพื่อทดลอง การผลิตในสภาวะไร้น้ำหนัก เช่น การสร้างผลึกโมเลกุลสำหรับอุตสาหกรรมยา และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ยากต่อการทำบนโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยี Synthetic Aperture Radar (SAR) ทำให้ดาวเทียมสามารถมองทะลุเมฆและกลางคืนได้ ซึ่งถูกใช้จริงในการตรวจสอบการเคลื่อนทัพของรัสเซียในสงครามยูเครน และช่วยประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว

    ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ
    จากเดิมที่ดาวเทียมถูกส่งขึ้นไปแบบเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเรียงแถว ปัจจุบัน NASA กำลังทดสอบการเคลื่อนที่แบบ swarm ที่ดาวเทียมสามารถสื่อสารและประสานงานกันเองเพื่อหลบหลีกเศษซากอวกาศและดาวเทียมอื่น ๆ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงการชนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการวงโคจร

    ดาวเทียมกับ “X-ray vision”
    นอกจากการสังเกตจักรวาลด้วยกล้อง X-ray แล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาดาวเทียมที่สามารถใช้ X-ray ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น เพื่อดูว่ามีการเสียหายหรือถูกเศษซากอวกาศชนหรือไม่ ความสามารถนี้ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคการแข่งขันด้านอวกาศที่มีความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จำนวนดาวเทียมเพิ่มขึ้นกว่า 11,000 ดวงในปี 2025
    สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศ

    การผลิตในอวกาศ
    ผลึกโมเลกุลสำหรับยา
    เซมิคอนดักเตอร์ในสภาวะไร้น้ำหนัก

    เทคโนโลยี SAR
    มองทะลุเมฆและกลางคืน
    ใช้ตรวจสอบสงครามและภัยพิบัติ

    ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ
    ประสานงานกันเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก

    X-ray vision ของดาวเทียม
    ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น
    ใช้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง

    คำเตือน
    การเพิ่มจำนวนดาวเทียมทำให้ความเสี่ยงการชนสูงขึ้น
    ความสามารถ X-ray อาจถูกใช้ในเชิงการทหารและการสอดแนม

    https://www.slashgear.com/2049270/satellite-facts-didnt-teach-in-school/
    🛰️ ดาวเทียมยุคใหม่ทำได้มากกว่าที่คิด จำนวนดาวเทียมในวงโคจรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 11,000 ดวง ณ พฤษภาคม 2025 และไม่ได้มีแค่จำนวนที่มากขึ้น แต่ยังมีความสามารถที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าเดิม ดาวเทียมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารหรือ GPS อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถผลิตสินค้า, ตรวจสอบภัยพิบัติ และแม้แต่ตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ⚡ การผลิตในอวกาศและการมองทะลุเมฆ บริษัทเอกชนเริ่มส่งดาวเทียมขึ้นไปเพื่อทดลอง การผลิตในสภาวะไร้น้ำหนัก เช่น การสร้างผลึกโมเลกุลสำหรับอุตสาหกรรมยา และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ยากต่อการทำบนโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยี Synthetic Aperture Radar (SAR) ทำให้ดาวเทียมสามารถมองทะลุเมฆและกลางคืนได้ ซึ่งถูกใช้จริงในการตรวจสอบการเคลื่อนทัพของรัสเซียในสงครามยูเครน และช่วยประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว 🌐 ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ จากเดิมที่ดาวเทียมถูกส่งขึ้นไปแบบเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเรียงแถว ปัจจุบัน NASA กำลังทดสอบการเคลื่อนที่แบบ swarm ที่ดาวเทียมสามารถสื่อสารและประสานงานกันเองเพื่อหลบหลีกเศษซากอวกาศและดาวเทียมอื่น ๆ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงการชนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการวงโคจร 🔎 ดาวเทียมกับ “X-ray vision” นอกจากการสังเกตจักรวาลด้วยกล้อง X-ray แล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาดาวเทียมที่สามารถใช้ X-ray ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น เพื่อดูว่ามีการเสียหายหรือถูกเศษซากอวกาศชนหรือไม่ ความสามารถนี้ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคการแข่งขันด้านอวกาศที่มีความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จำนวนดาวเทียมเพิ่มขึ้นกว่า 11,000 ดวงในปี 2025 ➡️ สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศ ✅ การผลิตในอวกาศ ➡️ ผลึกโมเลกุลสำหรับยา ➡️ เซมิคอนดักเตอร์ในสภาวะไร้น้ำหนัก ✅ เทคโนโลยี SAR ➡️ มองทะลุเมฆและกลางคืน ➡️ ใช้ตรวจสอบสงครามและภัยพิบัติ ✅ ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ ➡️ ประสานงานกันเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ✅ X-ray vision ของดาวเทียม ➡️ ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น ➡️ ใช้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง ‼️ คำเตือน ⛔ การเพิ่มจำนวนดาวเทียมทำให้ความเสี่ยงการชนสูงขึ้น ⛔ ความสามารถ X-ray อาจถูกใช้ในเชิงการทหารและการสอดแนม https://www.slashgear.com/2049270/satellite-facts-didnt-teach-in-school/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things About Satellites They Didn't Teach You In School - SlashGear
    Satellites have come a long way in the last couple years, and what you learned about them in school is likely far different from their current uses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039)

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้

    วิธีการโจมตีและผลกระทบ
    เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud

    การตอบสนองและแนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น

    บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039
    เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX
    ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical)

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด
    ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์
    การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที
    ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น
    ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA

    คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด
    การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก

    https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    📞 ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039) นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้ ⚡ วิธีการโจมตีและผลกระทบ เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud 🔒 การตอบสนองและแนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น 🌐 บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039 ➡️ เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX ➡️ ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical) ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด ➡️ ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์ ➡️ การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ➡️ ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น ➡️ ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA ‼️ คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด ⛔ การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FreePBX Flaw (CVE-2025-66039) Risks PBX Takeover via Authentication Bypass in 'webserver' Auth Mode
    A critical authentication bypass (CVSS 9.3) in FreePBX allows complete PBX takeover when the 'webserver' auth mode is enabled. Attackers can gain an admin session with a crafted HTTP header. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Windows Admin Center (CVE-2025-64669)

    นักวิจัยจาก Cymulate Research Labs พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Admin Center (WAC) ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft โดยช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity (CVSS 7.8) และสามารถนำไปสู่การ Local Privilege Escalation (LPE) ได้ ช่องโหว่เกิดจากการตั้งค่าโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเขียนไฟล์ได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน

    วิธีการโจมตี: จาก Permission Error สู่ SYSTEM Access
    นักวิจัยพบว่าสามารถใช้วิธี DLL Hijacking กับโปรเซส WindowsAdminCenterUpdater.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM แม้ตัวโปรเซสจะตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล แต่ก็มีช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check Time-of-Use) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสลับไฟล์หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้นแต่ก่อนการรันจริง ผลลัพธ์คือไฟล์ DLL ที่แฝงมัลแวร์สามารถถูกโหลดและทำงานด้วยสิทธิ์สูงสุดบนเครื่อง

    การตอบสนองของ Microsoft
    Microsoft ได้ยืนยันช่องโหว่นี้และออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดต Windows Admin Center เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า เพื่อปิดช่องโหว่ นอกจากนี้ยังได้มอบเงินรางวัล $5,000 ให้กับทีมวิจัยที่ค้นพบ ถือเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการจัดการโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย

    ผลกระทบและบทเรียน
    ช่องโหว่นี้ชี้ให้เห็นว่าแม้การตั้งค่าที่ดูเล็กน้อย เช่น Permission ของโฟลเดอร์ ก็สามารถนำไปสู่การโจมตีขั้นรุนแรงได้ การตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64669
    เกิดจากโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดสิทธิ์ให้ผู้ใช้ทั่วไปเขียนได้
    ระดับความรุนแรง CVSS 7.8 (High Severity)

    วิธีการโจมตี
    ใช้เทคนิค DLL Hijacking กับ WindowsAdminCenterUpdater.exe
    ช่องโหว่ TOCTOU ทำให้ไฟล์ถูกสลับหลังตรวจสอบลายเซ็น

    การแก้ไขจาก Microsoft
    อัปเดต WAC เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า
    มอบเงินรางวัล $5,000 ให้ทีมวิจัย

    คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ได้
    การละเลยการตรวจสอบ Permission ของโฟลเดอร์ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต
    🖥️ ช่องโหว่ Windows Admin Center (CVE-2025-64669) นักวิจัยจาก Cymulate Research Labs พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Admin Center (WAC) ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft โดยช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity (CVSS 7.8) และสามารถนำไปสู่การ Local Privilege Escalation (LPE) ได้ ช่องโหว่เกิดจากการตั้งค่าโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเขียนไฟล์ได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ⚡ วิธีการโจมตี: จาก Permission Error สู่ SYSTEM Access นักวิจัยพบว่าสามารถใช้วิธี DLL Hijacking กับโปรเซส WindowsAdminCenterUpdater.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM แม้ตัวโปรเซสจะตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล แต่ก็มีช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check Time-of-Use) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสลับไฟล์หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้นแต่ก่อนการรันจริง ผลลัพธ์คือไฟล์ DLL ที่แฝงมัลแวร์สามารถถูกโหลดและทำงานด้วยสิทธิ์สูงสุดบนเครื่อง 🔒 การตอบสนองของ Microsoft Microsoft ได้ยืนยันช่องโหว่นี้และออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดต Windows Admin Center เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า เพื่อปิดช่องโหว่ นอกจากนี้ยังได้มอบเงินรางวัล $5,000 ให้กับทีมวิจัยที่ค้นพบ ถือเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการจัดการโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย 🌐 ผลกระทบและบทเรียน ช่องโหว่นี้ชี้ให้เห็นว่าแม้การตั้งค่าที่ดูเล็กน้อย เช่น Permission ของโฟลเดอร์ ก็สามารถนำไปสู่การโจมตีขั้นรุนแรงได้ การตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64669 ➡️ เกิดจากโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดสิทธิ์ให้ผู้ใช้ทั่วไปเขียนได้ ➡️ ระดับความรุนแรง CVSS 7.8 (High Severity) ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ใช้เทคนิค DLL Hijacking กับ WindowsAdminCenterUpdater.exe ➡️ ช่องโหว่ TOCTOU ทำให้ไฟล์ถูกสลับหลังตรวจสอบลายเซ็น ✅ การแก้ไขจาก Microsoft ➡️ อัปเดต WAC เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า ➡️ มอบเงินรางวัล $5,000 ให้ทีมวิจัย ‼️ คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ได้ ⛔ การละเลยการตรวจสอบ Permission ของโฟลเดอร์ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ปะทะบริเวณ ปราสาทตาควาย–เนิน 350–เนิน 225 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 เวลา 22.06 น. หลังฝ่ายกัมพูชาพยายามรุกกลับเข้าพื้นที่ภายหลังฝ่ายไทยเข้าควบคุมพื้นที่ได้
    .
    หน่วยทหารฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการตามแผน ใช้กำลังที่เหมาะสมในการ ยับยั้ง ควบคุมสถานการณ์ และยิงสนับสนุน เพื่อรักษาพื้นที่ ควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ และป้องกันการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายตรงข้าม โดยสถานการณ์ยังอยู่ระหว่างการปฏิบัติการและการประเมินผลในพื้นที่
    .
    กองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการสูญเสียกำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่
    จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและความกล้าหาญ
    .
    กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันจะดูแลสิทธิและสวัสดิการของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนติดตามข้อมูลจากแหล่งทางการ เนื่องจากภารกิจในพื้นที่ยังไม่แล้วเสร็จ
    .
    ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียสละ และขอสดุดีในความกล้าหาญของทหารไทยทุกนาย
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121202
    .
    #News1live #News1 #กองทัพภาคที่2 #ปราสาทตาควาย #ชายแดนไทยกัมพูชา #สดุดีทหารกล้า
    กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ปะทะบริเวณ ปราสาทตาควาย–เนิน 350–เนิน 225 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 เวลา 22.06 น. หลังฝ่ายกัมพูชาพยายามรุกกลับเข้าพื้นที่ภายหลังฝ่ายไทยเข้าควบคุมพื้นที่ได้ . หน่วยทหารฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการตามแผน ใช้กำลังที่เหมาะสมในการ ยับยั้ง ควบคุมสถานการณ์ และยิงสนับสนุน เพื่อรักษาพื้นที่ ควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ และป้องกันการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายตรงข้าม โดยสถานการณ์ยังอยู่ระหว่างการปฏิบัติการและการประเมินผลในพื้นที่ . กองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการสูญเสียกำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและความกล้าหาญ . กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันจะดูแลสิทธิและสวัสดิการของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนติดตามข้อมูลจากแหล่งทางการ เนื่องจากภารกิจในพื้นที่ยังไม่แล้วเสร็จ . ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียสละ และขอสดุดีในความกล้าหาญของทหารไทยทุกนาย . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121202 . #News1live #News1 #กองทัพภาคที่2 #ปราสาทตาควาย #ชายแดนไทยกัมพูชา #สดุดีทหารกล้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 1 ปี หญิงสาวเมาแล้วขับ ชน “น้องอ๊อฟ ธนกฤต” อดีตนักแสดงหนัง 16 ห้าว 19 เดือด จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต
    .
    แม่ของน้องอ๊อฟ เผยต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมานานถึง 3 ปี 8 เดือน แม้ศาลแพ่งสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท แต่คู่กรณีไม่เคยเยียวยาแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยมีคำขอโทษ
    .
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก แม่ต้องดูแลลูกชายตลอด 24 ชั่วโมง สูญเสียรายได้ และอาศัยการขายของผ่านโซเชียลเพื่อหาเงินมารักษาลูกเพียงลำพัง
    .
    แม้วันนี้คดีถึงที่สุดแล้ว แม่ยอมรับว่าได้รับ “ความยุติธรรมจากศาล” แต่ความสูญเสียและภาระชีวิตยังคงอยู่ พร้อมย้ำว่านี่คือบทเรียนของสังคมจากโศกนาฏกรรมเมาแล้วขับ
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121188
    .
    #News1live #News1 #เมาแล้วขับ #น้องอ๊อฟธนกฤต #ความยุติธรรม #อุบัติเหตุไม่ควรเกิด
    ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 1 ปี หญิงสาวเมาแล้วขับ ชน “น้องอ๊อฟ ธนกฤต” อดีตนักแสดงหนัง 16 ห้าว 19 เดือด จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต . แม่ของน้องอ๊อฟ เผยต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมานานถึง 3 ปี 8 เดือน แม้ศาลแพ่งสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท แต่คู่กรณีไม่เคยเยียวยาแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยมีคำขอโทษ . ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก แม่ต้องดูแลลูกชายตลอด 24 ชั่วโมง สูญเสียรายได้ และอาศัยการขายของผ่านโซเชียลเพื่อหาเงินมารักษาลูกเพียงลำพัง . แม้วันนี้คดีถึงที่สุดแล้ว แม่ยอมรับว่าได้รับ “ความยุติธรรมจากศาล” แต่ความสูญเสียและภาระชีวิตยังคงอยู่ พร้อมย้ำว่านี่คือบทเรียนของสังคมจากโศกนาฏกรรมเมาแล้วขับ . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121188 . #News1live #News1 #เมาแล้วขับ #น้องอ๊อฟธนกฤต #ความยุติธรรม #อุบัติเหตุไม่ควรเกิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดือดกลางพรรคประชาชน “ตรัยวรรษ” อดีต สส.สมุทรปราการ เขต 8 โพสต์แฉ เลขาธิการพรรคใช้สิทธิ์วีโต้ หักมติคณะกรรมการบริหาร บีบถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร สส. ตั้งคำถามแรง “แล้วจะมี กก.บห.ไว้เพื่ออะไร”
    .
    วันที่ 16 ธ.ค. 2568 เมื่อวานนี้ นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเสียงข้างมากให้ตนเป็นผู้สมัคร สส. ต่ออีกสมัย และมีการแจ้งผลอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงคืน
    .
    อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เลขาธิการพรรคได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ถอนตัว โดยอ้างอำนาจวีโต้ของเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรค สามารถเปลี่ยนแปลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคได้ทั้งหมด ทำให้เจ้าตัวตั้งคำถามถึงความหมายของระบบบริหารภายในพรรค
    .
    ตรัยวรรษ ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจแบบเผด็จการ และไม่เป็นธรรม พร้อมย้ำว่า ตลอด 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ สส. ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 46,000 คะแนน
    .
    เจ้าตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง และไม่ยอมรับมติที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม ขณะที่มีรายงานว่า พรรคประชาชนเตรียมส่ง “นายเทพฤทธิ์ ภาษี” ลงสมัคร สส. สมุทรปราการ เขต 8 แทน
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121111
    .
    #News1live #News1 #พรรคประชาชน #ตรัยวรรษ #ศึกในพรรค #การเมืองไทย
    เดือดกลางพรรคประชาชน “ตรัยวรรษ” อดีต สส.สมุทรปราการ เขต 8 โพสต์แฉ เลขาธิการพรรคใช้สิทธิ์วีโต้ หักมติคณะกรรมการบริหาร บีบถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร สส. ตั้งคำถามแรง “แล้วจะมี กก.บห.ไว้เพื่ออะไร” . วันที่ 16 ธ.ค. 2568 เมื่อวานนี้ นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเสียงข้างมากให้ตนเป็นผู้สมัคร สส. ต่ออีกสมัย และมีการแจ้งผลอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงคืน . อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เลขาธิการพรรคได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ถอนตัว โดยอ้างอำนาจวีโต้ของเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรค สามารถเปลี่ยนแปลงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคได้ทั้งหมด ทำให้เจ้าตัวตั้งคำถามถึงความหมายของระบบบริหารภายในพรรค . ตรัยวรรษ ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจแบบเผด็จการ และไม่เป็นธรรม พร้อมย้ำว่า ตลอด 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ สส. ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 46,000 คะแนน . เจ้าตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง และไม่ยอมรับมติที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม ขณะที่มีรายงานว่า พรรคประชาชนเตรียมส่ง “นายเทพฤทธิ์ ภาษี” ลงสมัคร สส. สมุทรปราการ เขต 8 แทน . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121111 . #News1live #News1 #พรรคประชาชน #ตรัยวรรษ #ศึกในพรรค #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคประชาชน ยืนยันไม่ปกป้องกรณี “จิรัฏฐ์” อดีต สส. ฉะเชิงเทรา ปลอมใบ สด.43 ระบุเป็นสิทธิของเจ้าตัวในการพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมย้ำพรรคไม่แทรกแซงคดี
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อวานนี้ ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ อดีต สส. พรรคประชาชน 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พรรคประชาชนแถลงจุดยืนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการยุติธรรมที่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป
    .
    พรรคยืนยันจะไม่เข้าไปปกป้องหรือแทรกแซงทางคดี พร้อมระบุว่า นายจิรัฏฐ์ ตัดสินใจมานานแล้วว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ในครั้งต่อไป
    .
    อย่างไรก็ตาม พรรคเผยว่า ภรรยาของนายจิรัฏฐ์ ซึ่งทำงานช่วยเหลือประชาชนและลงพื้นที่ร่วมกับพรรคมาโดยตลอด แสดงความสนใจสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชน โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอนปกติ และไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121088
    .
    #News1live #News1 #จิรัฏฐ์ #สด43ปลอม #พรรคประชาชน #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    พรรคประชาชน ยืนยันไม่ปกป้องกรณี “จิรัฏฐ์” อดีต สส. ฉะเชิงเทรา ปลอมใบ สด.43 ระบุเป็นสิทธิของเจ้าตัวในการพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมย้ำพรรคไม่แทรกแซงคดี . วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อวานนี้ ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ อดีต สส. พรรคประชาชน 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พรรคประชาชนแถลงจุดยืนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการยุติธรรมที่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป . พรรคยืนยันจะไม่เข้าไปปกป้องหรือแทรกแซงทางคดี พร้อมระบุว่า นายจิรัฏฐ์ ตัดสินใจมานานแล้วว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ในครั้งต่อไป . อย่างไรก็ตาม พรรคเผยว่า ภรรยาของนายจิรัฏฐ์ ซึ่งทำงานช่วยเหลือประชาชนและลงพื้นที่ร่วมกับพรรคมาโดยตลอด แสดงความสนใจสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชน โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอนปกติ และไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121088 . #News1live #News1 #จิรัฏฐ์ #สด43ปลอม #พรรคประชาชน #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Trip.com” ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังมีกระแสข้อมูลบิดเบือนในโซเชียลมีเดีย ยืนยันระงับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกัมพูชาแล้ว พร้อมย้ำไม่มีการขายหรือส่งต่อข้อมูลผู้ใช้งาน
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) Trip.com Group ชี้แจงอย่างเป็นทางการ กรณีถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยระบุว่าความร่วมมือดังกล่าวเป็นเพียงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ไม่แตกต่างจากข้อตกลงที่มีร่วมกับหลายประเทศทั่วโลก และยังไม่มีการเปิดตัวแคมเปญใด ๆ
    .
    อย่างไรก็ตาม บริษัทรับทราบความกังวลของผู้ใช้งาน จึงตัดสินใจระงับความร่วมมือกับกัมพูชาโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจคลาดเคลื่อน และลดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า
    .
    Trip.com Group ย้ำชัดว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยน ใช้งาน หรือจำหน่ายข้อมูลผู้ใช้งานในทุกกรณี พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหาเรื่องการขายข้อมูลเป็นข้อมูลเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง
    .
    บริษัทยังยืนยันยึดมั่นมาตรฐานสูงสุดด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลในทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจ รวมถึงประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121191
    “Trip.com” ออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังมีกระแสข้อมูลบิดเบือนในโซเชียลมีเดีย ยืนยันระงับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกัมพูชาแล้ว พร้อมย้ำไม่มีการขายหรือส่งต่อข้อมูลผู้ใช้งาน . วันนี้ (16 ธ.ค.) Trip.com Group ชี้แจงอย่างเป็นทางการ กรณีถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยระบุว่าความร่วมมือดังกล่าวเป็นเพียงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ไม่แตกต่างจากข้อตกลงที่มีร่วมกับหลายประเทศทั่วโลก และยังไม่มีการเปิดตัวแคมเปญใด ๆ . อย่างไรก็ตาม บริษัทรับทราบความกังวลของผู้ใช้งาน จึงตัดสินใจระงับความร่วมมือกับกัมพูชาโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจคลาดเคลื่อน และลดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า . Trip.com Group ย้ำชัดว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยน ใช้งาน หรือจำหน่ายข้อมูลผู้ใช้งานในทุกกรณี พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหาเรื่องการขายข้อมูลเป็นข้อมูลเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง . บริษัทยังยืนยันยึดมั่นมาตรฐานสูงสุดด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลในทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจ รวมถึงประเทศไทยอย่างเคร่งครัด . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121191
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดภาพล่าสุด ทหารไทยเข้ายึดคืนพื้นที่ “ช่องอานม้า” ได้ 100% พร้อมเชิญธงชาติไทยปักบนดินแดนอธิปไตย และดำเนินการเคลียร์พื้นที่จนเรียบร้อย
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.12 น. เพจ Army Military Force เผยภาพทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณช่องอานม้าอย่างสมบูรณ์ โดยระบุว่า ทหารไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ทั้งหมด พร้อมเชิญธงชาติไทยขึ้นปัก และเคลียร์พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม รวมถึงตลาดช่องอานม้าแล้ว
    .
    ขณะเดียวกัน เพจ “กองทัพบก ทันกระแส” ได้เผยแพร่วิดีโอภาพบรรยากาศการปฏิบัติภารกิจของกำลังพล พร้อมเสียงเพลงชาติ สร้างขวัญกำลังใจอย่างฮึกเหิม โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ภาพเรียลไทม์ และได้รับอนุญาตจากกองทัพภาคที่ 2 แล้ว
    .
    การยึดคืนพื้นที่ดังกล่าว สะท้อนความคืบหน้าของการปฏิบัติการฝ่ายไทยในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงตามแนวชายแดน
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121128
    .
    #News1live #News1 #ช่องอานม้า #กองทัพไทย #อธิปไตยไทย #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #ทำลายให้สิ้น
    เปิดภาพล่าสุด ทหารไทยเข้ายึดคืนพื้นที่ “ช่องอานม้า” ได้ 100% พร้อมเชิญธงชาติไทยปักบนดินแดนอธิปไตย และดำเนินการเคลียร์พื้นที่จนเรียบร้อย . วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.12 น. เพจ Army Military Force เผยภาพทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณช่องอานม้าอย่างสมบูรณ์ โดยระบุว่า ทหารไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ทั้งหมด พร้อมเชิญธงชาติไทยขึ้นปัก และเคลียร์พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม รวมถึงตลาดช่องอานม้าแล้ว . ขณะเดียวกัน เพจ “กองทัพบก ทันกระแส” ได้เผยแพร่วิดีโอภาพบรรยากาศการปฏิบัติภารกิจของกำลังพล พร้อมเสียงเพลงชาติ สร้างขวัญกำลังใจอย่างฮึกเหิม โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่ภาพเรียลไทม์ และได้รับอนุญาตจากกองทัพภาคที่ 2 แล้ว . การยึดคืนพื้นที่ดังกล่าว สะท้อนความคืบหน้าของการปฏิบัติการฝ่ายไทยในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงตามแนวชายแดน . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121128 . #News1live #News1 #ช่องอานม้า #กองทัพไทย #อธิปไตยไทย #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #ทำลายให้สิ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพคอนเฟิร์ม ยกเลิกเคอร์ฟิวส์จังหวัดตราด หลังสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้แล้ว พร้อมย้ำให้จับตาท่าทีของกัมพูชา ว่าจะตอบรับเงื่อนไขหยุดยิง 3 ข้อของฝ่ายไทยหรือไม่
    .
    พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างครบถ้วน ได้แก่
    .
    1. กัมพูชาต้องประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะฝ่ายที่รุกล้ำพื้นที่ไทย
    2. การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ไม่ใช่หยุดแล้วกลับมาใช้ความรุนแรงซ้ำ
    3. ต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ
    .
    ย้ำว่าขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังโจมตีต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน ใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีพื้นที่ที่ฝ่ายไทยยึดได้ ทั้งบริเวณช่องอานม้า เนิน 677 เนิน 350 และปราสาทตาควาย
    .
    กองทัพยังชี้แจงกรณีเฟกนิวส์จากกัมพูชา ที่อ้างว่าจับทหารไทยได้และยึดปราสาทตาควาย ยืนยันไม่เป็นความจริง พร้อมระบุชัด ฝ่ายไทยปักธงชาติยึดพื้นที่ปราสาทตาควายได้แล้ว โดยภาพที่เผยแพร่เป็นการใช้ AI บิดเบือน
    .
    ด้านกองทัพเรือยืนยัน การยกเลิกเคอร์ฟิวส์ จ.ตราด เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หลังสถานการณ์อยู่ในการควบคุม
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121121
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยกเลิกเคอร์ฟิวส์ #หยุดยิง #กองทัพไทย #เฟกนิวส์ #ทำลายให้สิ้น
    กองทัพคอนเฟิร์ม ยกเลิกเคอร์ฟิวส์จังหวัดตราด หลังสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้แล้ว พร้อมย้ำให้จับตาท่าทีของกัมพูชา ว่าจะตอบรับเงื่อนไขหยุดยิง 3 ข้อของฝ่ายไทยหรือไม่ . พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างครบถ้วน ได้แก่ . 1. กัมพูชาต้องประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะฝ่ายที่รุกล้ำพื้นที่ไทย 2. การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ไม่ใช่หยุดแล้วกลับมาใช้ความรุนแรงซ้ำ 3. ต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ . ย้ำว่าขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังโจมตีต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน ใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีพื้นที่ที่ฝ่ายไทยยึดได้ ทั้งบริเวณช่องอานม้า เนิน 677 เนิน 350 และปราสาทตาควาย . กองทัพยังชี้แจงกรณีเฟกนิวส์จากกัมพูชา ที่อ้างว่าจับทหารไทยได้และยึดปราสาทตาควาย ยืนยันไม่เป็นความจริง พร้อมระบุชัด ฝ่ายไทยปักธงชาติยึดพื้นที่ปราสาทตาควายได้แล้ว โดยภาพที่เผยแพร่เป็นการใช้ AI บิดเบือน . ด้านกองทัพเรือยืนยัน การยกเลิกเคอร์ฟิวส์ จ.ตราด เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หลังสถานการณ์อยู่ในการควบคุม . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121121 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยกเลิกเคอร์ฟิวส์ #หยุดยิง #กองทัพไทย #เฟกนิวส์ #ทำลายให้สิ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์

    เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที

    โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น.

    สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที

    ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต

    สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้

    จาก KL Sentral ถึง JB Sentral

    EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น.
    EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น.
    EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น.
    EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น.

    จาก JB Sentral ถึง KL Sentral

    EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น.
    EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น.
    EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น.
    EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น.

    #Newskit
    ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น. สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้ จาก KL Sentral ถึง JB Sentral EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น. EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น. EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น. EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น. จาก JB Sentral ถึง KL Sentral EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น. EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น. EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น. EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น. #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว

    แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย

    หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว

    ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย

    ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น

    #Newskit
    แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น #Newskit
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุบสภา ยุบโครงการใหม่! ‘คนละครึ่งพลัส’เฟส 2 ล่ม! รมว.คลัง เอกนิติ ยอมรับเสียดายที่โครงการนี้ ไม่ได้ไปต่อ เพราะหากดูจากเฟสแรก ตอบโจทย์ ‘กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว’ เม็ดเงินหมุนเวียนทั่วไทยแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท
    ยุบสภา ยุบโครงการใหม่! ‘คนละครึ่งพลัส’เฟส 2 ล่ม! รมว.คลัง เอกนิติ ยอมรับเสียดายที่โครงการนี้ ไม่ได้ไปต่อ เพราะหากดูจากเฟสแรก ตอบโจทย์ ‘กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว’ เม็ดเงินหมุนเวียนทั่วไทยแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 4

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 4
    เจ้าชาย บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารคนปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย เรียนหนังสือที่อเมริกา เช่นเดียวกับเจ้าชายรุ่นหลังๆ ของซาอุ และเพื่อเตรียมตัวเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยต่อจากพ่อ บิน นาเยฟ ยังไปศึกษาที่สถาบัน เอฟ บี ไอ ของอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1980 กว่าๆ และไปศึกษาหลักสูตรการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ที่สก๊อตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษอีก 3 ปี ในช่วง ค.ศ.1992-1994 อีกด้วย ดูเหมือนเขาจะรับตะวันตกได้มากกว่า the Black Prince พ่อของเขา
    หลังจากเหตุการณ์วางระเบิดฐานทัพของอเมริกาที่ Dharan อเมริกายิ่งกดดัน ซาอุดิอารเบีย เรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่ม บิน ลาเดน แต่ทางซาอุดิอารเบีย ยังทำเฉยเหมือนเดิม จนเมื่อนายอัล กอร์ รองประธานาธิบดี สมัยประธานาธิบดีคลินตัน เดินทางไปเยี่ยมตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1998 เกิดมีข่าวว่ากลุ่มอัลไคดา มีแผนที่จะโจมตีสถานกงสุลของอเมริกาที่กรุงริยาร์ดช่วงเวลาที่ อัล กอร์ กำลังให้การรับรองมงกุฏราชกุมารของซาอุ ขณะนั้นคือ เจ้าชายอับดุลลาห์ แต่ในที่สุดแผนนั้นก็ล่มไป และอเมริกาบอกว่าคนที่จัดการให้แผนล่มก็คือ เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince นั่นเอง
    … เรื่องนี้ ไม่รู้ใครลวงใคร..
    หลังเหตุการณ์ 9/11 แม้จะมีข่าวว่า กลุ่มนักจี้เครื่องบินเป็นชาวซาอุเสีย 15 คน แต่เจ้าชายนาเยฟและราชวงศ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่ากลุ่มอัลไคดา ที่มีฐานอยู่ในซาอุเองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างลงความเห็นว่า เป็นแผนที่พวกยิวไซออนิสต์สร้างขึ้นมาปรักปรำกลุ่มอัลไคดามากกว่า และแม้อเมริกาจะบอกว่ามีหลักฐานว่า 2 ใน 15 คนนั้น เป็นคนที่วางแผนเรื่องการโจมตีอัล กอร์ ในปี ค.ศ.1998 ด้วย เจ้าชายนาเยฟ ก็ไม่เชื่อคำบอกเล่าของอเมริกา
    แต่ บิน นาเยฟ คนลูก มาคนละแนวกับพ่อ อเมริกาบอก บิน นาเยฟ ใส่ใจเรื่องผู้ก่อการร้ายมาก และให้ความร่วมมือกับอเมริกาเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย ทำให้อเมริกาโล่งอก บอกว่านับเป็นความโชคดีของซาอุเอง นะนี่ เพราะ บิน ลาเดน กำลังหันเข็มจะมาเล่นซาอุดิอารเบียและราชวงศ์แล้ว หลังจากอเมริกาไปถล่มฐานของมูจาฮิดีน อัลไคดา ที่อาฟกานิสถานจนเละ จากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อัลไคดา ประกาศจะล้างแค้นอเมริกาและเพื่อนรัก คือ ซาอุดิอารเบีย
    สรุปว่า เกี่ยวกับเรื่องผู้ก่อการร้ายนี่ เราคงจะฟังอเมริกา หรือซาอุดิอารเบีย ข้างใดข้างหนึ่งยากหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังลากไส้ ให้ลงเหวไปด้วยกัน….
    วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 เป็นวันสำคัญทางศาสนาของมุสลิ ม บิน ลาเดน ประกาศทางวิทยุว่า ราชวงค์ ซาอูด ทรยศต่ออาณาจักรออตโตมาน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปเห็นแก่อังกฤษและยิว และตอนนี้ ราชวงศ์ ก็กำลังยกมัสยิด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กองทัพอเมริกามาเดินเล่น และสมคบกับยิว ให้ยิวมาสร้างอิสราเอลอยู่ในตะวันออกกลาง บิน ลาเดน บอกว่า เราจงคอยดูอเมริกากำลังใช้ฐานทัพ ของอเมริกา ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย เพื่อบุกอิรัค บิน ลาเดน ยังเรียก ซาอุดิอารเบีย และพวก เช่น คูเวต บาห์เรน และการ์ตา ว่า เป็นคนทรยศ อีกด้วย
    แล้วในที่สุด บิน ลาเดน ก็โจมตีพวกตะวันตก ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย จริงๆ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.2003 โดยใช้กำลังประมาณ สิบกว่าคน บุกเข้าไปในบริวณบ้านหลังหนึ่งที่กรุงริยาร์ด ซึ่งเป็นที่พักของพวกชาวะวันตก พวกนี้เป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร ที่ซาอุดิอารเบียจ้างเอาไว้ จริงๆพวกนี้ก็คือทหารนอกระบบของอเมริกา อังกฤษ นั่นเอง พวก บิน ลาเดน ใช้ระเบิดคาร์บอมทะลวงเข้าไป ปรากฏว่า มีชาวอเมริกันตาย 8 คน ออสซี่ อีก 2 คน และชาวต่างชาติอื่นอีกหลายคน รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของซาอุเอง ก็ตายด้วยหลายคน
    นี่ นับเป็นรายการที่ทั้งหักหน้าซาอุ และกระตุกหนวดนักล่าใบตองแห้งไป ในตัวของบิน ลา เดน ทำให้นายโรเบิร์ต จอร์แดน Robert Jordan ซึ่งเป็นทูตอเมริกา ประจำซาอุดิ อารเบีย ในช่วงนั้น พยายามกดดันให้ซาอุจัดการกับบิน ลาเดน อย่างจริงจัง แต่เสียงของทูตอเมริกันไม่ดังมากในซาอุดิอารเบีย ไม่เหมือนในบางประเทศ
    อเมริกาใช้เครื่องเสียงแรงขึ้น ลำโพงขนาดใหญ่กว่าอีกหน่อย โดยส่งนาย จอร์จ เทเนท George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ ในสมัยนั้น ให้บินตรงไปซาอุดิอารเบียทันที เพื่อขอพบมงกุฏราชกุมารเจ้าชายอับดุลลาห์ ที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ แทนกษัตริย์ฟาหด ที่ป่วยหนักมาเป็นปีๆ เขาบอกกับเจ้าชายอับดุลลาห์ ว่า ราชวงศ์ซาอูดและการสิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์ คือเป้าหมายของกลุ่มอัลไคดาแล้วนะ นอกจากนี้ อัลไคดา ยังมีแผนที่จะลอบฆ่าราชวงศ์ และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย
    ซาอุดิอารเบีย โยนเรื่องบิน ลาเดน ให้ บิน นาเยฟ เป็นคนจัดการ ร่วมกับอเมริกา และอเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ เป็นตัวสำคัญ ในการต้านการข่มขู่
    ของอัลไคดา ที่มีต่อราชวงศ์ซาอูด ในช่วง ค.ศ.2003 ถึง 2006
    ในช่วง 3 ปีดังกล่าว อัลไคดา โจมตีราชอาณาจักร ซาอุดิอารเบีย เป็นว่าเล่น แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงริยาร์ด ก็ยังโดนโจมตี บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวตะวันตกหลายแห่งโดนบุก ชาวอเมริกันถูกลักพาตัว และถูกตัดหัว การยิงต่อสู้ระหว่างอัลไคดากับ เจ้าหน้าที่ของซาอุ เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา ในเมืองใหญ่ต่างๆของซาอุ สถานที่ทำงานของชาวตะวันตก โดนโจมตีมากขึ้น รวมทั้งสถานกงสุลของอเมริกาที่เมืองจิดดาห์ ก็โดนโจมตีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.2004
    สรุปแล้ว มีคนตายหลายร้อย หลายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ในช่วง 3 ปีนั้น เป็นช่วงความไม่สงบในซาอุดิอารเบีย ที่ยาวนานที่สุด ที่ซาอุดิอารเบีย เคยผจญในรอบ 50 ปี และมีผลกระทบต่อราชวงศ์ซาอูด มากที่สุด นับตั้งแต่ตั้งประเทศในปี ค.ศ.1902 การต่อสู้ช่วงนี้ ทำให้รัฐบาลซาอุ ใช้เงินไปถึง 3 หมื่นล้านเหรียญ
    ในที่สุด ในปี ค.ศ.2007 อเมริกาบอกว่า ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของ บิน นาเยฟ ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็สามารถทำให้กลุ่มอัลไคดา ลดน้อยลง พวกหัวรุนแรงเปลี่ยนใจ ไม่อยากสร้างสงครามในบ้านเกิดตัวเอง ส่วนชาวซาอุ ซึ่งเคยสนับสนุน บิน ลาเดน ให้สู้กับอเมริกา ก็ไม่อยากเห็นคนบริสุทธิ์ในบ้านเมืองตัวเอง พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงของอัลไคดาไปด้วย และก็เลยทำให้คะแนนนิยมของบิน ลาเดน ในซาอุดิอารเบีย ค่อยๆ ลดน้อยลงไป
    เห็นฝีมือซีไอเอเก๋า ที่สามารถโยงเรื่อง บิน ลาเดน กับ ซาอุดิอารเบีย เข้าด้วยกัน และแยงให้แคลงกัน อย่างแนบเนียน โดยไม่กล่าวถึงตัววางแผน ชักใย ผลักดัน แม้แต่คำเดียว ยอมรับจริงๆ ฝีมือเอ็งร้ายกาจมาก แบบนี้ ข่าวลือ สงสัยจะเป็น ข่าวลวง…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 4 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 4 เจ้าชาย บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารคนปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย เรียนหนังสือที่อเมริกา เช่นเดียวกับเจ้าชายรุ่นหลังๆ ของซาอุ และเพื่อเตรียมตัวเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยต่อจากพ่อ บิน นาเยฟ ยังไปศึกษาที่สถาบัน เอฟ บี ไอ ของอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1980 กว่าๆ และไปศึกษาหลักสูตรการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ที่สก๊อตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษอีก 3 ปี ในช่วง ค.ศ.1992-1994 อีกด้วย ดูเหมือนเขาจะรับตะวันตกได้มากกว่า the Black Prince พ่อของเขา หลังจากเหตุการณ์วางระเบิดฐานทัพของอเมริกาที่ Dharan อเมริกายิ่งกดดัน ซาอุดิอารเบีย เรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่ม บิน ลาเดน แต่ทางซาอุดิอารเบีย ยังทำเฉยเหมือนเดิม จนเมื่อนายอัล กอร์ รองประธานาธิบดี สมัยประธานาธิบดีคลินตัน เดินทางไปเยี่ยมตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1998 เกิดมีข่าวว่ากลุ่มอัลไคดา มีแผนที่จะโจมตีสถานกงสุลของอเมริกาที่กรุงริยาร์ดช่วงเวลาที่ อัล กอร์ กำลังให้การรับรองมงกุฏราชกุมารของซาอุ ขณะนั้นคือ เจ้าชายอับดุลลาห์ แต่ในที่สุดแผนนั้นก็ล่มไป และอเมริกาบอกว่าคนที่จัดการให้แผนล่มก็คือ เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince นั่นเอง … เรื่องนี้ ไม่รู้ใครลวงใคร.. หลังเหตุการณ์ 9/11 แม้จะมีข่าวว่า กลุ่มนักจี้เครื่องบินเป็นชาวซาอุเสีย 15 คน แต่เจ้าชายนาเยฟและราชวงศ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่ากลุ่มอัลไคดา ที่มีฐานอยู่ในซาอุเองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างลงความเห็นว่า เป็นแผนที่พวกยิวไซออนิสต์สร้างขึ้นมาปรักปรำกลุ่มอัลไคดามากกว่า และแม้อเมริกาจะบอกว่ามีหลักฐานว่า 2 ใน 15 คนนั้น เป็นคนที่วางแผนเรื่องการโจมตีอัล กอร์ ในปี ค.ศ.1998 ด้วย เจ้าชายนาเยฟ ก็ไม่เชื่อคำบอกเล่าของอเมริกา แต่ บิน นาเยฟ คนลูก มาคนละแนวกับพ่อ อเมริกาบอก บิน นาเยฟ ใส่ใจเรื่องผู้ก่อการร้ายมาก และให้ความร่วมมือกับอเมริกาเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย ทำให้อเมริกาโล่งอก บอกว่านับเป็นความโชคดีของซาอุเอง นะนี่ เพราะ บิน ลาเดน กำลังหันเข็มจะมาเล่นซาอุดิอารเบียและราชวงศ์แล้ว หลังจากอเมริกาไปถล่มฐานของมูจาฮิดีน อัลไคดา ที่อาฟกานิสถานจนเละ จากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อัลไคดา ประกาศจะล้างแค้นอเมริกาและเพื่อนรัก คือ ซาอุดิอารเบีย สรุปว่า เกี่ยวกับเรื่องผู้ก่อการร้ายนี่ เราคงจะฟังอเมริกา หรือซาอุดิอารเบีย ข้างใดข้างหนึ่งยากหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังลากไส้ ให้ลงเหวไปด้วยกัน…. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 เป็นวันสำคัญทางศาสนาของมุสลิ ม บิน ลาเดน ประกาศทางวิทยุว่า ราชวงค์ ซาอูด ทรยศต่ออาณาจักรออตโตมาน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปเห็นแก่อังกฤษและยิว และตอนนี้ ราชวงศ์ ก็กำลังยกมัสยิด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กองทัพอเมริกามาเดินเล่น และสมคบกับยิว ให้ยิวมาสร้างอิสราเอลอยู่ในตะวันออกกลาง บิน ลาเดน บอกว่า เราจงคอยดูอเมริกากำลังใช้ฐานทัพ ของอเมริกา ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย เพื่อบุกอิรัค บิน ลาเดน ยังเรียก ซาอุดิอารเบีย และพวก เช่น คูเวต บาห์เรน และการ์ตา ว่า เป็นคนทรยศ อีกด้วย แล้วในที่สุด บิน ลาเดน ก็โจมตีพวกตะวันตก ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย จริงๆ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.2003 โดยใช้กำลังประมาณ สิบกว่าคน บุกเข้าไปในบริวณบ้านหลังหนึ่งที่กรุงริยาร์ด ซึ่งเป็นที่พักของพวกชาวะวันตก พวกนี้เป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร ที่ซาอุดิอารเบียจ้างเอาไว้ จริงๆพวกนี้ก็คือทหารนอกระบบของอเมริกา อังกฤษ นั่นเอง พวก บิน ลาเดน ใช้ระเบิดคาร์บอมทะลวงเข้าไป ปรากฏว่า มีชาวอเมริกันตาย 8 คน ออสซี่ อีก 2 คน และชาวต่างชาติอื่นอีกหลายคน รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของซาอุเอง ก็ตายด้วยหลายคน นี่ นับเป็นรายการที่ทั้งหักหน้าซาอุ และกระตุกหนวดนักล่าใบตองแห้งไป ในตัวของบิน ลา เดน ทำให้นายโรเบิร์ต จอร์แดน Robert Jordan ซึ่งเป็นทูตอเมริกา ประจำซาอุดิ อารเบีย ในช่วงนั้น พยายามกดดันให้ซาอุจัดการกับบิน ลาเดน อย่างจริงจัง แต่เสียงของทูตอเมริกันไม่ดังมากในซาอุดิอารเบีย ไม่เหมือนในบางประเทศ อเมริกาใช้เครื่องเสียงแรงขึ้น ลำโพงขนาดใหญ่กว่าอีกหน่อย โดยส่งนาย จอร์จ เทเนท George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ ในสมัยนั้น ให้บินตรงไปซาอุดิอารเบียทันที เพื่อขอพบมงกุฏราชกุมารเจ้าชายอับดุลลาห์ ที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ แทนกษัตริย์ฟาหด ที่ป่วยหนักมาเป็นปีๆ เขาบอกกับเจ้าชายอับดุลลาห์ ว่า ราชวงศ์ซาอูดและการสิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์ คือเป้าหมายของกลุ่มอัลไคดาแล้วนะ นอกจากนี้ อัลไคดา ยังมีแผนที่จะลอบฆ่าราชวงศ์ และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย ซาอุดิอารเบีย โยนเรื่องบิน ลาเดน ให้ บิน นาเยฟ เป็นคนจัดการ ร่วมกับอเมริกา และอเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ เป็นตัวสำคัญ ในการต้านการข่มขู่ ของอัลไคดา ที่มีต่อราชวงศ์ซาอูด ในช่วง ค.ศ.2003 ถึง 2006 ในช่วง 3 ปีดังกล่าว อัลไคดา โจมตีราชอาณาจักร ซาอุดิอารเบีย เป็นว่าเล่น แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงริยาร์ด ก็ยังโดนโจมตี บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวตะวันตกหลายแห่งโดนบุก ชาวอเมริกันถูกลักพาตัว และถูกตัดหัว การยิงต่อสู้ระหว่างอัลไคดากับ เจ้าหน้าที่ของซาอุ เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา ในเมืองใหญ่ต่างๆของซาอุ สถานที่ทำงานของชาวตะวันตก โดนโจมตีมากขึ้น รวมทั้งสถานกงสุลของอเมริกาที่เมืองจิดดาห์ ก็โดนโจมตีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.2004 สรุปแล้ว มีคนตายหลายร้อย หลายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ในช่วง 3 ปีนั้น เป็นช่วงความไม่สงบในซาอุดิอารเบีย ที่ยาวนานที่สุด ที่ซาอุดิอารเบีย เคยผจญในรอบ 50 ปี และมีผลกระทบต่อราชวงศ์ซาอูด มากที่สุด นับตั้งแต่ตั้งประเทศในปี ค.ศ.1902 การต่อสู้ช่วงนี้ ทำให้รัฐบาลซาอุ ใช้เงินไปถึง 3 หมื่นล้านเหรียญ ในที่สุด ในปี ค.ศ.2007 อเมริกาบอกว่า ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของ บิน นาเยฟ ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็สามารถทำให้กลุ่มอัลไคดา ลดน้อยลง พวกหัวรุนแรงเปลี่ยนใจ ไม่อยากสร้างสงครามในบ้านเกิดตัวเอง ส่วนชาวซาอุ ซึ่งเคยสนับสนุน บิน ลาเดน ให้สู้กับอเมริกา ก็ไม่อยากเห็นคนบริสุทธิ์ในบ้านเมืองตัวเอง พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงของอัลไคดาไปด้วย และก็เลยทำให้คะแนนนิยมของบิน ลาเดน ในซาอุดิอารเบีย ค่อยๆ ลดน้อยลงไป เห็นฝีมือซีไอเอเก๋า ที่สามารถโยงเรื่อง บิน ลาเดน กับ ซาอุดิอารเบีย เข้าด้วยกัน และแยงให้แคลงกัน อย่างแนบเนียน โดยไม่กล่าวถึงตัววางแผน ชักใย ผลักดัน แม้แต่คำเดียว ยอมรับจริงๆ ฝีมือเอ็งร้ายกาจมาก แบบนี้ ข่าวลือ สงสัยจะเป็น ข่าวลวง… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts