• นักข่าวเขมรแค่พูดความจริง ฮุนเซนสั่งเล่นงานแบบนี้… (22/8/68)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodiaNoCeasefire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    #กัมพูชา
    #ฮุนเซน
    #นักข่าว
    #เสรีภาพสื่อ
    #เขมร
    #ข่าวต่างประเทศ
    #CambodiaNews
    #FreePress
    นักข่าวเขมรแค่พูดความจริง ฮุนเซนสั่งเล่นงานแบบนี้… (22/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #thaitimes #news1 #shorts #กัมพูชา #ฮุนเซน #นักข่าว #เสรีภาพสื่อ #เขมร #ข่าวต่างประเทศ #CambodiaNews #FreePress
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อการ “ค้นหา” กลายเป็นอาชญากรรม – และเสรีภาพออนไลน์ในรัสเซียก็หายไปอีกขั้น

    Artyom วัยรุ่นชาวรัสเซียคนหนึ่งเล่าว่า เขาใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่บนโลกออนไลน์ แต่หลังวันที่ 1 กันยายน 2025 เขาอาจต้องระวังทุกคลิก เพราะกฎหมายใหม่ของรัสเซียระบุว่า “การค้นหาเนื้อหาสุดโต่ง” บนอินเทอร์เน็ตถือเป็นความผิดที่มีโทษปรับ

    คำว่า “สุดโต่ง” ในบริบทของรัสเซียมีความหมายกว้างมาก ตั้งแต่กลุ่มก่อการร้ายไปจนถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน เช่น Alexei Navalny หรือแม้แต่ข้อมูลเกี่ยวกับ LGBTQ ก็ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้

    กฎหมายนี้ลงโทษผู้ที่ “ตั้งใจค้นหา” เนื้อหาดังกล่าว โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 3,000 ถึง 5,000 รูเบิล (ประมาณ 37–63 ดอลลาร์) แม้จะใช้ VPN ก็ไม่รอด หากพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนา

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า กฎหมายนี้ละเมิดหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “การอ่านไม่ควรถูกลงโทษ” และอาจนำไปสู่การควบคุมแบบจีน ที่ประชาชนต้องกลัวแม้แต่การค้นหาข้อมูล

    แม้แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลบางคนก็ยังแสดงความกังวล โดยมี ส.ส. ถึง 60 คนในสภาดูมาที่ลงคะแนนคัดค้านกฎหมายนี้ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากในรัสเซีย

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัสเซียออกกฎหมายใหม่ลงโทษผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ “ตั้งใจค้นหา” เนื้อหาสุดโต่ง
    คำว่า “สุดโต่ง” ครอบคลุมทั้งกลุ่มก่อการร้าย ฝ่ายค้าน และ LGBTQ
    โทษปรับอยู่ระหว่าง 3,000–5,000 รูเบิล สำหรับบุคคลทั่วไป
    การใช้ VPN ไม่ช่วย หากพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาในการค้นหา
    กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2025
    มี ส.ส. 60 คนลงคะแนนคัดค้านกฎหมายนี้ในสภาดูมา
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฎหมายนี้ละเมิดหลักการ “การอ่านไม่ควรถูกลงโทษ”
    ประชาชนหลายคนเริ่มกลัวการค้นหาข้อมูล แม้จะเป็นเรื่องทั่วไป
    กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมเสรีภาพสื่อและอินเทอร์เน็ตหลังสงครามยูเครน
    มีการแบนโฆษณา VPN และเพิ่มโทษสำหรับผู้ให้บริการ VPN

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์จาก Amnesty International ว่าคลุมเครือและเปิดช่องให้ใช้โดยพลการ
    Yekaterina Mizulina จาก Safe Internet League เตือนว่ากฎหมายอาจกระทบการทำงานของตำรวจเอง
    การควบคุมอินเทอร์เน็ตในรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022
    เว็บไซต์ข่าวอิสระ เช่น The Moscow Times ถูกจัดเป็น “องค์กรไม่พึงประสงค์”
    นักวิชาการเปรียบเทียบการควบคุมนี้กับระบบเซ็นเซอร์ของจีน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/online-behaviour-under-scrutiny-as-russia-hunts-039extremists039
    🎙️ เมื่อการ “ค้นหา” กลายเป็นอาชญากรรม – และเสรีภาพออนไลน์ในรัสเซียก็หายไปอีกขั้น Artyom วัยรุ่นชาวรัสเซียคนหนึ่งเล่าว่า เขาใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่บนโลกออนไลน์ แต่หลังวันที่ 1 กันยายน 2025 เขาอาจต้องระวังทุกคลิก เพราะกฎหมายใหม่ของรัสเซียระบุว่า “การค้นหาเนื้อหาสุดโต่ง” บนอินเทอร์เน็ตถือเป็นความผิดที่มีโทษปรับ คำว่า “สุดโต่ง” ในบริบทของรัสเซียมีความหมายกว้างมาก ตั้งแต่กลุ่มก่อการร้ายไปจนถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน เช่น Alexei Navalny หรือแม้แต่ข้อมูลเกี่ยวกับ LGBTQ ก็ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ กฎหมายนี้ลงโทษผู้ที่ “ตั้งใจค้นหา” เนื้อหาดังกล่าว โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 3,000 ถึง 5,000 รูเบิล (ประมาณ 37–63 ดอลลาร์) แม้จะใช้ VPN ก็ไม่รอด หากพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า กฎหมายนี้ละเมิดหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “การอ่านไม่ควรถูกลงโทษ” และอาจนำไปสู่การควบคุมแบบจีน ที่ประชาชนต้องกลัวแม้แต่การค้นหาข้อมูล แม้แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลบางคนก็ยังแสดงความกังวล โดยมี ส.ส. ถึง 60 คนในสภาดูมาที่ลงคะแนนคัดค้านกฎหมายนี้ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากในรัสเซีย 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัสเซียออกกฎหมายใหม่ลงโทษผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ “ตั้งใจค้นหา” เนื้อหาสุดโต่ง ➡️ คำว่า “สุดโต่ง” ครอบคลุมทั้งกลุ่มก่อการร้าย ฝ่ายค้าน และ LGBTQ ➡️ โทษปรับอยู่ระหว่าง 3,000–5,000 รูเบิล สำหรับบุคคลทั่วไป ➡️ การใช้ VPN ไม่ช่วย หากพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาในการค้นหา ➡️ กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2025 ➡️ มี ส.ส. 60 คนลงคะแนนคัดค้านกฎหมายนี้ในสภาดูมา ➡️ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฎหมายนี้ละเมิดหลักการ “การอ่านไม่ควรถูกลงโทษ” ➡️ ประชาชนหลายคนเริ่มกลัวการค้นหาข้อมูล แม้จะเป็นเรื่องทั่วไป ➡️ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมเสรีภาพสื่อและอินเทอร์เน็ตหลังสงครามยูเครน ➡️ มีการแบนโฆษณา VPN และเพิ่มโทษสำหรับผู้ให้บริการ VPN ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์จาก Amnesty International ว่าคลุมเครือและเปิดช่องให้ใช้โดยพลการ ➡️ Yekaterina Mizulina จาก Safe Internet League เตือนว่ากฎหมายอาจกระทบการทำงานของตำรวจเอง ➡️ การควบคุมอินเทอร์เน็ตในรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 ➡️ เว็บไซต์ข่าวอิสระ เช่น The Moscow Times ถูกจัดเป็น “องค์กรไม่พึงประสงค์” ➡️ นักวิชาการเปรียบเทียบการควบคุมนี้กับระบบเซ็นเซอร์ของจีน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/online-behaviour-under-scrutiny-as-russia-hunts-039extremists039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online behaviour under scrutiny as Russia hunts 'extremists'
    Since launching its offensive in Ukraine in 2022, Russia has drastically restricted press freedom and freedom of speech online.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4

    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4)
    เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง
    ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน
    ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน
    5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย
    นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่
    ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้
    นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย
    ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน
    ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย
    เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน
    ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว
    ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
    แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย
    ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน
    จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี
    13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล
    ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า
    ที่มีกับเวียตนาม
    และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต
    แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา
    เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP
    เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้
    เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ
    หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง
    เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม
    (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ)
    แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่
    แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก
    ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง
    จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง
    สวัสดีครับ

    คนเล่านิทาน
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4 ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4) เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน 5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่ ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้ นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี 13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า ที่มีกับเวียตนาม และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้ เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ) แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่ แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • GNU Hurd 2025: ก้าวสำคัญของระบบปฏิบัติการเสรีที่หลายคนลืมไป

    ในโลกที่ Linux ครองตลาดระบบปฏิบัติการแบบโอเพ่นซอร์สมานานหลายสิบปี มีอีกหนึ่งโครงการที่ยังคงเดินหน้าด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า นั่นคือ GNU Hurd ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Free Software Foundation (FSF) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบที่ “เสรีอย่างแท้จริง” ทั้งในด้านซอร์สโค้ดและสิทธิของผู้ใช้

    ล่าสุดในปี 2025 โครงการนี้ได้ออกเวอร์ชันใหม่ในชื่อ Debian GNU/Hurd 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะมีการปรับปรุงหลายด้านให้ทันสมัยขึ้น เช่น รองรับสถาปัตยกรรม 64-bit อย่างเต็มรูปแบบ, เพิ่มการสนับสนุนภาษา Rust, รองรับ SMP (การใช้หลายคอร์พร้อมกัน), และระบบ ACPI สำหรับจัดการพลังงาน

    GNU Hurd แตกต่างจาก Linux ตรงที่ใช้ “microkernel” แทน “monolithic kernel” โดยแบ่งการทำงานของระบบออกเป็นเซิร์ฟเวอร์ย่อย ๆ ที่ทำงานแยกกัน เช่น การจัดการไฟล์, เครือข่าย, และสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น เพราะแต่ละส่วนสามารถรีสตาร์ทได้โดยไม่ต้องรีบูตทั้งเครื่อง

    แม้จะยังไม่เหมาะกับการใช้งานในระดับ production แต่ GNU/Hurd ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ดีสำหรับนักพัฒนาและผู้สนใจด้านระบบปฏิบัติการ เพราะเปิดโอกาสให้เรียนรู้โครงสร้างภายในได้อย่างโปร่งใส และสอดคล้องกับหลักการ “4 เสรีภาพ” ของซอฟต์แวร์เสรี

    https://linuxconfig.org/gnu-hurd-2025-release-marks-milestone-for-free-software-foundation
    🧠 GNU Hurd 2025: ก้าวสำคัญของระบบปฏิบัติการเสรีที่หลายคนลืมไป ในโลกที่ Linux ครองตลาดระบบปฏิบัติการแบบโอเพ่นซอร์สมานานหลายสิบปี มีอีกหนึ่งโครงการที่ยังคงเดินหน้าด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า นั่นคือ GNU Hurd ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Free Software Foundation (FSF) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบที่ “เสรีอย่างแท้จริง” ทั้งในด้านซอร์สโค้ดและสิทธิของผู้ใช้ ล่าสุดในปี 2025 โครงการนี้ได้ออกเวอร์ชันใหม่ในชื่อ Debian GNU/Hurd 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะมีการปรับปรุงหลายด้านให้ทันสมัยขึ้น เช่น รองรับสถาปัตยกรรม 64-bit อย่างเต็มรูปแบบ, เพิ่มการสนับสนุนภาษา Rust, รองรับ SMP (การใช้หลายคอร์พร้อมกัน), และระบบ ACPI สำหรับจัดการพลังงาน GNU Hurd แตกต่างจาก Linux ตรงที่ใช้ “microkernel” แทน “monolithic kernel” โดยแบ่งการทำงานของระบบออกเป็นเซิร์ฟเวอร์ย่อย ๆ ที่ทำงานแยกกัน เช่น การจัดการไฟล์, เครือข่าย, และสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น เพราะแต่ละส่วนสามารถรีสตาร์ทได้โดยไม่ต้องรีบูตทั้งเครื่อง แม้จะยังไม่เหมาะกับการใช้งานในระดับ production แต่ GNU/Hurd ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ดีสำหรับนักพัฒนาและผู้สนใจด้านระบบปฏิบัติการ เพราะเปิดโอกาสให้เรียนรู้โครงสร้างภายในได้อย่างโปร่งใส และสอดคล้องกับหลักการ “4 เสรีภาพ” ของซอฟต์แวร์เสรี https://linuxconfig.org/gnu-hurd-2025-release-marks-milestone-for-free-software-foundation
    LINUXCONFIG.ORG
    GNU Hurd 2025 Release Marks Milestone for Free Software Foundation
    The Debian GNU/Hurd 2025 release represents a major advancement in free software, supporting modern hardware with enhanced features, prioritizing user freedom and software transparency. Discover what this means for users and the future of the GNU/Hurd project.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เลิฟ ริยา” แม่ค้าโลชั่นดังถูกรวบ! หลังวิจารณ์ “ฮุน เซน”...สะท้อนการปิดกั้นเสรีภาพในกัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/20916/
    .
    #เลิฟริยา #ฮุนเซน #กัมพูชา #Tiktok #ข่าวการเมือง #ไทยไท

    “เลิฟ ริยา” แม่ค้าโลชั่นดังถูกรวบ! หลังวิจารณ์ “ฮุน เซน”...สะท้อนการปิดกั้นเสรีภาพในกัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/20916/ . #เลิฟริยา #ฮุนเซน #กัมพูชา #Tiktok #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube ทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ: ปกป้องเยาวชนหรือรุกล้ำความเป็นส่วนตัว?

    YouTube เริ่มทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ โดยไม่พึ่งข้อมูลวันเกิดที่ผู้ใช้กรอกเอง แต่ใช้พฤติกรรมการใช้งาน เช่น ประเภทวิดีโอที่ดู, คำค้นหา, และอายุบัญชี เพื่อประเมินว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเยาวชน หากระบบ AI ประเมินว่าเป็นเยาวชน YouTube จะปิดโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม, เปิดฟีเจอร์ดูแลสุขภาพดิจิทัล และจำกัดการดูเนื้อหาบางประเภทโดยอัตโนมัติ

    แม้เป้าหมายคือการปกป้องเยาวชนจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิส่วนบุคคลเตือนว่า ระบบนี้อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ที่ถูกประเมินผิดต้องส่งบัตรประชาชน, บัตรเครดิต หรือภาพถ่ายตนเองเพื่อยืนยันอายุ ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการเก็บข้อมูลส่วนตัวโดยไม่มีความโปร่งใส

    ระบบนี้ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น เพราะโฆษณาแบบเจาะกลุ่มจะถูกปิด และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอาจถูกจำกัดการเข้าถึง

    YouTube ทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ
    ใช้พฤติกรรมการใช้งานแทนข้อมูลวันเกิดที่ผู้ใช้กรอก

    หากระบบประเมินว่าเป็นเยาวชน จะปิดโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม
    พร้อมเปิดฟีเจอร์ดูแลสุขภาพดิจิทัล และจำกัดเนื้อหาบางประเภท

    ระบบนี้เคยใช้ในอังกฤษและออสเตรเลียมาก่อน
    และกำลังขยายสู่สหรัฐฯ ตามแรงกดดันจากกฎหมายความปลอดภัยออนไลน์

    ผู้ใช้ที่ถูกประเมินผิดต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนหรือภาพถ่าย
    เพื่อขอสิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด

    ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เน้นกลุ่มวัยรุ่นจะได้รับผลกระทบ
    เพราะโฆษณาและเนื้อหาถูกจำกัดการเข้าถึง

    ระบบนี้อาจขยายไปยังบริการอื่นของ Google เช่น Google Ads และ Google Play
    ส่งผลต่อกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลโดยรวม

    การตรวจสอบอายุด้วย AI เป็นแนวทางใหม่ที่หลายแพลตฟอร์มเริ่มนำมาใช้
    เช่น TikTok และ Instagram ก็เริ่มใช้ระบบคล้ายกัน

    กฎหมาย Online Safety Act ในอังกฤษบังคับให้แพลตฟอร์มปกป้องเยาวชนจากเนื้อหาผู้ใหญ่
    เป็นแรงผลักดันให้ YouTube ปรับระบบในประเทศอื่น

    การใช้ AI ประเมินอายุช่วยลดการพึ่งพาข้อมูลส่วนตัวโดยตรง
    แต่ต้องมีความแม่นยำสูงเพื่อไม่ให้เกิดการประเมินผิด

    การจำกัดเนื้อหาสำหรับเยาวชนอาจช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพจิต
    โดยเฉพาะเนื้อหาที่กระตุ้นความเครียดหรือพฤติกรรมเสี่ยง

    https://wccftech.com/youtube-tests-ai-powered-age-verification-in-the-u-s-to-safeguard-teens/
    🧠🔞 YouTube ทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ: ปกป้องเยาวชนหรือรุกล้ำความเป็นส่วนตัว? YouTube เริ่มทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ โดยไม่พึ่งข้อมูลวันเกิดที่ผู้ใช้กรอกเอง แต่ใช้พฤติกรรมการใช้งาน เช่น ประเภทวิดีโอที่ดู, คำค้นหา, และอายุบัญชี เพื่อประเมินว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเยาวชน หากระบบ AI ประเมินว่าเป็นเยาวชน YouTube จะปิดโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม, เปิดฟีเจอร์ดูแลสุขภาพดิจิทัล และจำกัดการดูเนื้อหาบางประเภทโดยอัตโนมัติ แม้เป้าหมายคือการปกป้องเยาวชนจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิส่วนบุคคลเตือนว่า ระบบนี้อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ที่ถูกประเมินผิดต้องส่งบัตรประชาชน, บัตรเครดิต หรือภาพถ่ายตนเองเพื่อยืนยันอายุ ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการเก็บข้อมูลส่วนตัวโดยไม่มีความโปร่งใส ระบบนี้ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น เพราะโฆษณาแบบเจาะกลุ่มจะถูกปิด และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอาจถูกจำกัดการเข้าถึง ✅ YouTube ทดสอบระบบตรวจสอบอายุด้วย AI ในสหรัฐฯ ➡️ ใช้พฤติกรรมการใช้งานแทนข้อมูลวันเกิดที่ผู้ใช้กรอก ✅ หากระบบประเมินว่าเป็นเยาวชน จะปิดโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม ➡️ พร้อมเปิดฟีเจอร์ดูแลสุขภาพดิจิทัล และจำกัดเนื้อหาบางประเภท ✅ ระบบนี้เคยใช้ในอังกฤษและออสเตรเลียมาก่อน ➡️ และกำลังขยายสู่สหรัฐฯ ตามแรงกดดันจากกฎหมายความปลอดภัยออนไลน์ ✅ ผู้ใช้ที่ถูกประเมินผิดต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนหรือภาพถ่าย ➡️ เพื่อขอสิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด ✅ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เน้นกลุ่มวัยรุ่นจะได้รับผลกระทบ ➡️ เพราะโฆษณาและเนื้อหาถูกจำกัดการเข้าถึง ✅ ระบบนี้อาจขยายไปยังบริการอื่นของ Google เช่น Google Ads และ Google Play ➡️ ส่งผลต่อกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลโดยรวม ✅ การตรวจสอบอายุด้วย AI เป็นแนวทางใหม่ที่หลายแพลตฟอร์มเริ่มนำมาใช้ ➡️ เช่น TikTok และ Instagram ก็เริ่มใช้ระบบคล้ายกัน ✅ กฎหมาย Online Safety Act ในอังกฤษบังคับให้แพลตฟอร์มปกป้องเยาวชนจากเนื้อหาผู้ใหญ่ ➡️ เป็นแรงผลักดันให้ YouTube ปรับระบบในประเทศอื่น ✅ การใช้ AI ประเมินอายุช่วยลดการพึ่งพาข้อมูลส่วนตัวโดยตรง ➡️ แต่ต้องมีความแม่นยำสูงเพื่อไม่ให้เกิดการประเมินผิด ✅ การจำกัดเนื้อหาสำหรับเยาวชนอาจช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพจิต ➡️ โดยเฉพาะเนื้อหาที่กระตุ้นความเครียดหรือพฤติกรรมเสี่ยง https://wccftech.com/youtube-tests-ai-powered-age-verification-in-the-u-s-to-safeguard-teens/
    WCCFTECH.COM
    YouTube Tests AI-Powered Age Verification In The U.S. To Safeguard Teens While Navigating Privacy And Free Speech Challenges
    YouTube is testing a new age-verification system in the U.S. that relies on the technology to distinguish adults and minors
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเสรีภาพข้อมูล: Wikipedia แพ้คดี Online Safety Act แต่ยังไม่หมดหวัง

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงแห่งสหราชอาณาจักร หลังจาก Wikimedia Foundation ยื่นขอให้มีการพิจารณากฎหมาย Online Safety Act (OSA) โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่อาจทำให้ Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน “Category 1” ซึ่งเป็นกลุ่มเว็บไซต์ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวดที่สุด เช่น การยืนยันตัวตนผู้ใช้

    Wikimedia โต้แย้งว่ากฎนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ แต่กลับใช้เกณฑ์ที่กว้างเกินไปจนรวม Wikipedia ซึ่งเป็นเว็บไซต์สารานุกรมที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร ไม่มีกำไร และไม่มีโฆษณา

    แม้ศาลจะไม่รับคำร้องในครั้งนี้ แต่ผู้พิพากษา Jeremy Johnson ระบุชัดว่า “นี่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ Ofcom และรัฐบาลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อ Wikipedia” และเปิดช่องให้ Wikimedia ยื่นคำร้องใหม่ได้ หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 จริง

    หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน Category 1 จะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บางคนเสี่ยงต่อการถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือแม้แต่ถูกจับในประเทศที่ไม่เปิดกว้างด้านเสรีภาพข้อมูล และอาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรลงถึง 75% เพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับนี้

    Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ Online Safety Act
    คดีเกี่ยวกับการจัดประเภทเว็บไซต์ภายใต้กฎหมายใหม่

    Wikimedia Foundation คัดค้านการจัด Wikipedia เป็น Category 1
    เพราะจะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้และปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด

    ศาลไม่รับคำร้อง แต่เปิดช่องให้ยื่นใหม่ได้หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1
    ผู้พิพากษาระบุว่าไม่ใช่ “ใบอนุญาตให้ดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ”

    หากถูกจัดเป็น Category 1 Wikipedia อาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ใน UK ลง 75%
    หรือปิดฟีเจอร์สำคัญบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับ

    Wikimedia เตือนว่าการยืนยันตัวตนอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ
    เช่น การถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือถูกจับในบางประเทศ

    Online Safety Act มีเป้าหมายเพื่อปกป้องเด็กและลบเนื้อหาผิดกฎหมาย
    แต่ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก

    Category 1 ครอบคลุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เช่น Facebook, YouTube, X
    แต่ Wikipedia ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและไม่มีโฆษณา

    Wikipedia มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 260,000 คนที่เป็นอาสาสมัคร
    การยืนยันตัวตนอาจทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าร่วม

    กฎหมายให้อำนาจรัฐในการแทรกแซง Ofcom ได้โดยตรง
    ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจและเปิดช่องให้ควบคุมเนื้อหาออนไลน์

    https://www.bbc.com/news/articles/cjr11qqvvwlo
    📚⚖️ เรื่องเล่าจากโลกเสรีภาพข้อมูล: Wikipedia แพ้คดี Online Safety Act แต่ยังไม่หมดหวัง ในเดือนสิงหาคม 2025 Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงแห่งสหราชอาณาจักร หลังจาก Wikimedia Foundation ยื่นขอให้มีการพิจารณากฎหมาย Online Safety Act (OSA) โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่อาจทำให้ Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน “Category 1” ซึ่งเป็นกลุ่มเว็บไซต์ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวดที่สุด เช่น การยืนยันตัวตนผู้ใช้ Wikimedia โต้แย้งว่ากฎนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ แต่กลับใช้เกณฑ์ที่กว้างเกินไปจนรวม Wikipedia ซึ่งเป็นเว็บไซต์สารานุกรมที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร ไม่มีกำไร และไม่มีโฆษณา แม้ศาลจะไม่รับคำร้องในครั้งนี้ แต่ผู้พิพากษา Jeremy Johnson ระบุชัดว่า “นี่ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ Ofcom และรัฐบาลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อ Wikipedia” และเปิดช่องให้ Wikimedia ยื่นคำร้องใหม่ได้ หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 จริง หาก Wikipedia ถูกจัดอยู่ใน Category 1 จะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บางคนเสี่ยงต่อการถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือแม้แต่ถูกจับในประเทศที่ไม่เปิดกว้างด้านเสรีภาพข้อมูล และอาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรลงถึง 75% เพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับนี้ ✅ Wikipedia แพ้คดีในศาลสูงสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ Online Safety Act ➡️ คดีเกี่ยวกับการจัดประเภทเว็บไซต์ภายใต้กฎหมายใหม่ ✅ Wikimedia Foundation คัดค้านการจัด Wikipedia เป็น Category 1 ➡️ เพราะจะต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้และปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด ✅ ศาลไม่รับคำร้อง แต่เปิดช่องให้ยื่นใหม่ได้หาก Ofcom ตัดสินว่า Wikipedia เป็น Category 1 ➡️ ผู้พิพากษาระบุว่าไม่ใช่ “ใบอนุญาตให้ดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ” ✅ หากถูกจัดเป็น Category 1 Wikipedia อาจต้องลดจำนวนผู้ใช้ใน UK ลง 75% ➡️ หรือปิดฟีเจอร์สำคัญบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับ ✅ Wikimedia เตือนว่าการยืนยันตัวตนอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ ➡️ เช่น การถูกติดตาม ฟ้องร้อง หรือถูกจับในบางประเทศ ✅ Online Safety Act มีเป้าหมายเพื่อปกป้องเด็กและลบเนื้อหาผิดกฎหมาย ➡️ แต่ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก ✅ Category 1 ครอบคลุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เช่น Facebook, YouTube, X ➡️ แต่ Wikipedia ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและไม่มีโฆษณา ✅ Wikipedia มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 260,000 คนที่เป็นอาสาสมัคร ➡️ การยืนยันตัวตนอาจทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าร่วม ✅ กฎหมายให้อำนาจรัฐในการแทรกแซง Ofcom ได้โดยตรง ➡️ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการรวมศูนย์อำนาจและเปิดช่องให้ควบคุมเนื้อหาออนไลน์ https://www.bbc.com/news/articles/cjr11qqvvwlo
    WWW.BBC.COM
    Wikipedia loses challenge against Online Safety Act verification rules
    The Wikimedia Foundation says the new rules could threaten user privacy and safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลงลุงมาเลย
    "คนดีไม่มีวันตาย"

    แต่ต้องตายก่อนนะ ถึงจะมีเพลง (ให้)

    ปล.พวกเขาไม่ได้ไปสู้เพื่อชาติและเสรีภาพ แต่ที่สุดแล้วในใจ เพราะเขามีกันและกัน
    จะหาว่าติ่งอเมริกาก็ได้ เพราะแอร์เอเซีย
    ...เขาเรียกพวกเราว่า วีรบุรุษ....
    เพลงลุงมาเลย "คนดีไม่มีวันตาย" แต่ต้องตายก่อนนะ ถึงจะมีเพลง (ให้) ปล.พวกเขาไม่ได้ไปสู้เพื่อชาติและเสรีภาพ แต่ที่สุดแล้วในใจ เพราะเขามีกันและกัน จะหาว่าติ่งอเมริกาก็ได้ เพราะแอร์เอเซีย ...เขาเรียกพวกเราว่า วีรบุรุษ....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเงามืด: Tor จากโครงการทหารสู่เครื่องมือแห่งเสรีภาพดิจิทัล

    ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่บนรถไฟเก่าในอังกฤษ อากาศเย็นจัดและ Wi-Fi ก็ไม่ค่อยดีนัก คุณพยายามเปิดเว็บไซต์เพื่อทำวิจัย แต่กลับเจอหน้าบล็อกจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คุณถอนหายใจ เปิด Tor Browser แล้วพิมพ์ URL... เว็บไซต์โหลดขึ้นทันที

    นี่คือพลังของ Tor—เครื่องมือที่เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการสื่อสารลับ และกลายเป็นเสาหลักของความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์

    Tor ย่อมาจาก “The Onion Router” เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลกที่เข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น แล้วส่งผ่านโหนดต่าง ๆ เพื่อปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์หรือเผชิญกับการติดตามจากรัฐ Tor ก็ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระ

    แม้ Tor จะถูกมองว่าเป็นประตูสู่ Dark Web ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าว นักเคลื่อนไหว และประชาชนในประเทศเผด็จการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ

    ในยุค 1990s กลุ่ม Cypherpunks ได้ต่อสู้ใน “Crypto Wars” เพื่อผลักดันการใช้การเข้ารหัสระดับทหารในสาธารณะ พวกเขาเตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นฝันร้ายแบบเผด็จการ และ Tor คือหนึ่งในผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้น

    แม้รัฐบาลบางส่วนจะพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนา Tor ด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น DARPA, กองทัพเรือ, และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ

    Tor เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1990s
    พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Naval Research Lab เพื่อสร้างการสื่อสารที่ไม่สามารถติดตามได้

    Tor Browser ใช้เทคนิค “onion routing” เพื่อเข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น
    ส่งผ่านโหนด 3 ชั้น: Entry, Middle, Exit เพื่อปกปิดตัวตน

    Tor ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศเผด็จการ
    เช่น BBC และ Facebook มีเวอร์ชันเฉพาะบน Tor

    Tor ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชน
    เช่น EFF, Human Rights Watch, Google และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ

    Cypherpunks เป็นกลุ่มผู้ผลักดันการเข้ารหัสเพื่อเสรีภาพดิจิทัล
    เตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเครื่องมือของรัฐเผด็จการ

    Tor Browser ไม่เก็บประวัติการใช้งาน และลบ cookies ทุกครั้งที่ปิด
    ป้องกันการติดตามและการระบุตัวตนจากเว็บไซต์

    Tor ถูกใช้ในเหตุการณ์ Arab Spring เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์
    ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงโซเชียลมีเดียและข่าวสารที่ถูกบล็อก

    Tor เป็นโอเพ่นซอร์สและมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
    มีโหนด relays กว่าหลายพันจุดที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร

    Tor Browser มีฟีเจอร์ป้องกัน fingerprinting และการติดตามขั้นสูง
    ถูกนำไปใช้ในเบราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox ผ่านโครงการ Tor Uplift

    Tor สามารถใช้ร่วมกับ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
    โดยเฉพาะในประเทศที่มีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ Tor

    https://thereader.mitpress.mit.edu/the-secret-history-of-tor-how-a-military-project-became-a-lifeline-for-privacy/
    🕵️‍♂️🌐 เรื่องเล่าจากเงามืด: Tor จากโครงการทหารสู่เครื่องมือแห่งเสรีภาพดิจิทัล ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่บนรถไฟเก่าในอังกฤษ อากาศเย็นจัดและ Wi-Fi ก็ไม่ค่อยดีนัก คุณพยายามเปิดเว็บไซต์เพื่อทำวิจัย แต่กลับเจอหน้าบล็อกจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คุณถอนหายใจ เปิด Tor Browser แล้วพิมพ์ URL... เว็บไซต์โหลดขึ้นทันที นี่คือพลังของ Tor—เครื่องมือที่เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการสื่อสารลับ และกลายเป็นเสาหลักของความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ Tor ย่อมาจาก “The Onion Router” เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลกที่เข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น แล้วส่งผ่านโหนดต่าง ๆ เพื่อปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์หรือเผชิญกับการติดตามจากรัฐ Tor ก็ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระ แม้ Tor จะถูกมองว่าเป็นประตูสู่ Dark Web ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าว นักเคลื่อนไหว และประชาชนในประเทศเผด็จการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ ในยุค 1990s กลุ่ม Cypherpunks ได้ต่อสู้ใน “Crypto Wars” เพื่อผลักดันการใช้การเข้ารหัสระดับทหารในสาธารณะ พวกเขาเตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นฝันร้ายแบบเผด็จการ และ Tor คือหนึ่งในผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้น แม้รัฐบาลบางส่วนจะพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนา Tor ด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น DARPA, กองทัพเรือ, และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ✅ Tor เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1990s ➡️ พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Naval Research Lab เพื่อสร้างการสื่อสารที่ไม่สามารถติดตามได้ ✅ Tor Browser ใช้เทคนิค “onion routing” เพื่อเข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น ➡️ ส่งผ่านโหนด 3 ชั้น: Entry, Middle, Exit เพื่อปกปิดตัวตน ✅ Tor ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศเผด็จการ ➡️ เช่น BBC และ Facebook มีเวอร์ชันเฉพาะบน Tor ✅ Tor ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชน ➡️ เช่น EFF, Human Rights Watch, Google และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ✅ Cypherpunks เป็นกลุ่มผู้ผลักดันการเข้ารหัสเพื่อเสรีภาพดิจิทัล ➡️ เตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเครื่องมือของรัฐเผด็จการ ✅ Tor Browser ไม่เก็บประวัติการใช้งาน และลบ cookies ทุกครั้งที่ปิด ➡️ ป้องกันการติดตามและการระบุตัวตนจากเว็บไซต์ ✅ Tor ถูกใช้ในเหตุการณ์ Arab Spring เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ ➡️ ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงโซเชียลมีเดียและข่าวสารที่ถูกบล็อก ✅ Tor เป็นโอเพ่นซอร์สและมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก ➡️ มีโหนด relays กว่าหลายพันจุดที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร ✅ Tor Browser มีฟีเจอร์ป้องกัน fingerprinting และการติดตามขั้นสูง ➡️ ถูกนำไปใช้ในเบราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox ผ่านโครงการ Tor Uplift ✅ Tor สามารถใช้ร่วมกับ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น ➡️ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ Tor https://thereader.mitpress.mit.edu/the-secret-history-of-tor-how-a-military-project-became-a-lifeline-for-privacy/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อเกมผู้ใหญ่กลายเป็นภัยต่อแบรนด์—Valve vs Mastercard

    เรื่องเริ่มจากการที่ Steam และ Itch.io ลบหรือซ่อนเกม NSFW จำนวนมาก โดยอ้างว่า “ถูกกดดันจาก payment processors” ซึ่งรวมถึง Mastercard ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้กฎ Rule 5.12.7 เพื่อปฏิเสธการทำธุรกรรมที่ “อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์”

    Mastercard ออกแถลงการณ์ว่า “เราไม่ได้ประเมินเกมใด ๆ หรือสั่งให้ลบเกมจากแพลตฟอร์ม” แต่ Valve โต้กลับทันทีว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง เช่น payment processors และธนาคารผู้รับชำระเงิน โดยไม่ได้ติดต่อกับ Valve โดยตรง แม้ Valve จะร้องขอให้คุยกันตรง ๆ ก็ตาม

    Valve ยืนยันว่า payment processors ปฏิเสธนโยบายของ Steam ที่พยายามเผยแพร่เฉพาะเกมที่ถูกกฎหมาย และอ้างถึง Rule 5.12.7 ว่าเกม NSFW บางประเภท “อาจเป็นภัยต่อแบรนด์ Mastercard” แม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม

    Mastercard ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้ลบเกม NSFW จาก Steam หรือ Itch.io
    ระบุว่า “อนุญาตให้ทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมายทั้งหมด”
    แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้ใช้บัตร Mastercard ซื้อเนื้อหาผิดกฎหมาย

    Valve ยืนยันว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง ไม่เคยคุยตรง ๆ กับ Valve
    ใช้ payment processors และ acquiring banks เป็นตัวแทน
    Valve ขอคุยตรง ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

    Rule 5.12.7 ของ Mastercard ถูกใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธเกม NSFW บางประเภท
    ห้ามธุรกรรมที่ “ผิดกฎหมาย หรืออาจทำลาย goodwill หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์”
    รวมถึงเนื้อหาที่ “ลามกอนาจารอย่างชัดเจนและไม่มีคุณค่าทางศิลปะ”

    Itch.io ก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน และเริ่มลบเกม NSFW ออกจากแพลตฟอร์ม
    โดยเฉพาะเกมที่มีเนื้อหา LGBTQ+ หรือเนื้อหาที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันเริ่มนำเกมฟรีกลับมา และมองหาผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่

    GOG ออกแคมเปญ FreedomToBuy เพื่อสนับสนุนสิทธิ์ในการซื้อเกม NSFW
    แจกเกม NSFW ฟรีกว่า 1 ล้านชุดในช่วงสุดสัปดาห์
    เป็นการตอบโต้การเซ็นเซอร์จาก payment processors

    Rule 5.12.7 ของ Mastercard ให้อำนาจในการตัดสินว่าเนื้อหาใด “ไม่เหมาะสม” ได้อย่างกว้างขวาง
    แม้เนื้อหาจะไม่ผิดกฎหมาย ก็อาจถูกปฏิเสธได้
    ส่งผลให้เกิดการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่หลากหลายโดยไม่มีมาตรฐานชัดเจน

    การสื่อสารผ่านตัวกลางทำให้เกิดความคลุมเครือและขาดความโปร่งใส
    Valve ไม่สามารถเจรจาโดยตรงกับ Mastercard
    ทำให้การตัดสินใจลบเกมขาดความชัดเจนและความรับผิดชอบ

    การลบเกม NSFW โดยไม่ระบุเหตุผลชัดเจน อาจกระทบต่อผู้พัฒนาเกมอินดี้และชุมชน LGBTQ+
    เกมที่ไม่ผิดกฎหมายถูกลบเพราะ “เสี่ยงต่อแบรนด์”
    สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและการเซ็นเซอร์ในวงการเกม

    การควบคุมเนื้อหาผ่านระบบการชำระเงินอาจกลายเป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพทางศิลปะ
    ผู้ให้บริการชำระเงินมีอำนาจเหนือแพลตฟอร์มเกม
    อาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาทางวัฒนธรรมในวงกว้าง

    “Patently offensive” เป็นคำที่ตีความได้กว้างและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท
    ไม่มีมาตรฐานกลางในการวัดคุณค่าทางศิลปะ
    อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลบเนื้อหาที่ไม่ถูกใจ

    Collective Shout กลุ่มนักเคลื่อนไหวจากออสเตรเลียอยู่เบื้องหลังการกดดัน payment processors
    เคยส่งจดหมายถึง Mastercard, Visa, PayPal และบริษัทอื่น ๆ
    อ้างว่าเกม NSFW เป็น “สื่อลามกที่รุนแรง” และควรถูกลบ

    การหาผู้ให้บริการชำระเงินที่สนับสนุนเนื้อหาผู้ใหญ่กลายเป็นทางรอดของแพลตฟอร์มเกมอินดี้
    Itch.io กำลังเจรจากับผู้ให้บริการรายใหม่
    เพื่อรักษาเสรีภาพในการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกกฎหมาย

    https://www.pcgamer.com/games/mastercard-deflects-blame-for-nsfw-games-being-taken-down-but-valve-says-payment-processors-specifically-cited-a-mastercard-rule-about-damaging-the-brand/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อเกมผู้ใหญ่กลายเป็นภัยต่อแบรนด์—Valve vs Mastercard เรื่องเริ่มจากการที่ Steam และ Itch.io ลบหรือซ่อนเกม NSFW จำนวนมาก โดยอ้างว่า “ถูกกดดันจาก payment processors” ซึ่งรวมถึง Mastercard ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้กฎ Rule 5.12.7 เพื่อปฏิเสธการทำธุรกรรมที่ “อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์” Mastercard ออกแถลงการณ์ว่า “เราไม่ได้ประเมินเกมใด ๆ หรือสั่งให้ลบเกมจากแพลตฟอร์ม” แต่ Valve โต้กลับทันทีว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง เช่น payment processors และธนาคารผู้รับชำระเงิน โดยไม่ได้ติดต่อกับ Valve โดยตรง แม้ Valve จะร้องขอให้คุยกันตรง ๆ ก็ตาม Valve ยืนยันว่า payment processors ปฏิเสธนโยบายของ Steam ที่พยายามเผยแพร่เฉพาะเกมที่ถูกกฎหมาย และอ้างถึง Rule 5.12.7 ว่าเกม NSFW บางประเภท “อาจเป็นภัยต่อแบรนด์ Mastercard” แม้จะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม ✅ Mastercard ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้ลบเกม NSFW จาก Steam หรือ Itch.io ➡️ ระบุว่า “อนุญาตให้ทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมายทั้งหมด” ➡️ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้ใช้บัตร Mastercard ซื้อเนื้อหาผิดกฎหมาย ✅ Valve ยืนยันว่า Mastercard สื่อสารผ่านตัวกลาง ไม่เคยคุยตรง ๆ กับ Valve ➡️ ใช้ payment processors และ acquiring banks เป็นตัวแทน ➡️ Valve ขอคุยตรง ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ✅ Rule 5.12.7 ของ Mastercard ถูกใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธเกม NSFW บางประเภท ➡️ ห้ามธุรกรรมที่ “ผิดกฎหมาย หรืออาจทำลาย goodwill หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์” ➡️ รวมถึงเนื้อหาที่ “ลามกอนาจารอย่างชัดเจนและไม่มีคุณค่าทางศิลปะ” ✅ Itch.io ก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน และเริ่มลบเกม NSFW ออกจากแพลตฟอร์ม ➡️ โดยเฉพาะเกมที่มีเนื้อหา LGBTQ+ หรือเนื้อหาที่ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ➡️ ปัจจุบันเริ่มนำเกมฟรีกลับมา และมองหาผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่ ✅ GOG ออกแคมเปญ FreedomToBuy เพื่อสนับสนุนสิทธิ์ในการซื้อเกม NSFW ➡️ แจกเกม NSFW ฟรีกว่า 1 ล้านชุดในช่วงสุดสัปดาห์ ➡️ เป็นการตอบโต้การเซ็นเซอร์จาก payment processors ‼️ Rule 5.12.7 ของ Mastercard ให้อำนาจในการตัดสินว่าเนื้อหาใด “ไม่เหมาะสม” ได้อย่างกว้างขวาง ⛔ แม้เนื้อหาจะไม่ผิดกฎหมาย ก็อาจถูกปฏิเสธได้ ⛔ ส่งผลให้เกิดการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่หลากหลายโดยไม่มีมาตรฐานชัดเจน ‼️ การสื่อสารผ่านตัวกลางทำให้เกิดความคลุมเครือและขาดความโปร่งใส ⛔ Valve ไม่สามารถเจรจาโดยตรงกับ Mastercard ⛔ ทำให้การตัดสินใจลบเกมขาดความชัดเจนและความรับผิดชอบ ‼️ การลบเกม NSFW โดยไม่ระบุเหตุผลชัดเจน อาจกระทบต่อผู้พัฒนาเกมอินดี้และชุมชน LGBTQ+ ⛔ เกมที่ไม่ผิดกฎหมายถูกลบเพราะ “เสี่ยงต่อแบรนด์” ⛔ สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและการเซ็นเซอร์ในวงการเกม ‼️ การควบคุมเนื้อหาผ่านระบบการชำระเงินอาจกลายเป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพทางศิลปะ ⛔ ผู้ให้บริการชำระเงินมีอำนาจเหนือแพลตฟอร์มเกม ⛔ อาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาทางวัฒนธรรมในวงกว้าง ✅ “Patently offensive” เป็นคำที่ตีความได้กว้างและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท ➡️ ไม่มีมาตรฐานกลางในการวัดคุณค่าทางศิลปะ ➡️ อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลบเนื้อหาที่ไม่ถูกใจ ✅ Collective Shout กลุ่มนักเคลื่อนไหวจากออสเตรเลียอยู่เบื้องหลังการกดดัน payment processors ➡️ เคยส่งจดหมายถึง Mastercard, Visa, PayPal และบริษัทอื่น ๆ ➡️ อ้างว่าเกม NSFW เป็น “สื่อลามกที่รุนแรง” และควรถูกลบ ✅ การหาผู้ให้บริการชำระเงินที่สนับสนุนเนื้อหาผู้ใหญ่กลายเป็นทางรอดของแพลตฟอร์มเกมอินดี้ ➡️ Itch.io กำลังเจรจากับผู้ให้บริการรายใหม่ ➡️ เพื่อรักษาเสรีภาพในการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกกฎหมาย https://www.pcgamer.com/games/mastercard-deflects-blame-for-nsfw-games-being-taken-down-but-valve-says-payment-processors-specifically-cited-a-mastercard-rule-about-damaging-the-brand/
    WWW.PCGAMER.COM
    Mastercard deflects blame for NSFW games being taken down, but Valve says payment processors 'specifically cited' a Mastercard rule about damaging the brand
    Steam and Itch.io are worried about trouble with their payment processors, and Mastercard is not a payment processor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วแบรนด์น้ำมันใหม่ของเขมร

    จาก ปตท. (PTT) เปลี่ยนเป็น พีพีซี (PPC - Peace Petroleum Cambodia)
    สีแดง เป็นหนึ่งในสีธงชาติเขมรที่เป็นตัวแทนของกัมพูชา คล้ายสัญชาติของแบรนด์ที่ชาวเขมรสร้างขึ้น
    สีขาวสะท้อนถึงความบริสุทธิ์ อ่อนโยน ความซื่อสัตย์ และสันติภาพ เหมือนนิสัยของชาวเขมรที่รักความสงบ มีทัศนคติที่ซื่อสัตย์
    สีเบจสะท้อนความแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่นและความยั่งยืน ดั่งความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่จะให้บริการด้วยมาตรฐานที่เข้มแข็ง คุณภาพ และความไว้วางใจแก่ลูกค้า
    นกพิราบสะท้อนถึงเสรีภาพและสันติภาพเช่นเดียวกับประกาศอิสรภาพของ PPC ที่หลุดพ้นอิทธิพลของ PTT
    สีทอง สะท้อนถึงความเก่งกาจ และอุดมการณ์ ที่จะทะยานไปสู่ความรุ่งโรจน์ของชาวเขมร
    มาแล้วแบรนด์น้ำมันใหม่ของเขมร จาก ปตท. (PTT) เปลี่ยนเป็น พีพีซี (PPC - Peace Petroleum Cambodia) 👉สีแดง เป็นหนึ่งในสีธงชาติเขมรที่เป็นตัวแทนของกัมพูชา คล้ายสัญชาติของแบรนด์ที่ชาวเขมรสร้างขึ้น 👉สีขาวสะท้อนถึงความบริสุทธิ์ อ่อนโยน ความซื่อสัตย์ และสันติภาพ เหมือนนิสัยของชาวเขมรที่รักความสงบ มีทัศนคติที่ซื่อสัตย์ 👉สีเบจสะท้อนความแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่นและความยั่งยืน ดั่งความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่จะให้บริการด้วยมาตรฐานที่เข้มแข็ง คุณภาพ และความไว้วางใจแก่ลูกค้า 👉นกพิราบสะท้อนถึงเสรีภาพและสันติภาพเช่นเดียวกับประกาศอิสรภาพของ PPC ที่หลุดพ้นอิทธิพลของ PTT 👉สีทอง สะท้อนถึงความเก่งกาจ และอุดมการณ์ ที่จะทะยานไปสู่ความรุ่งโรจน์ของชาวเขมร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Stallman ยังคงต่อสู้เพื่อเสรีภาพซอฟต์แวร์ แม้ต้องต่อสู้กับโรคร้าย

    ในปี 2025 Stallman ยังคงอยู่ในภาวะ “remission” หรือระยะที่โรคสงบลง และมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี เขายังคงเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนซอฟต์แวร์เสรี เช่น งานครบรอบ 40 ปีของโครงการ GNU และการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยเน้นประเด็นเรื่อง “อธิปไตยทางคอมพิวเตอร์” และการต่อต้านซอฟต์แวร์ที่ไม่เปิดเผยโค้ด

    แม้การรักษาด้วยเคมีบำบัดจะส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก เช่น การสูญเสียเคราอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เขายังคงปรากฏตัวในงานสาธารณะ พร้อมแสดงความหวังว่าจะยังมีบทบาทในขบวนการซอฟต์แวร์เสรีไปอีกหลายปี

    ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำพูดและพฤติกรรมในอดีตของเขา ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงว่า “ควรแยกผลงานออกจากตัวบุคคลหรือไม่”

    Stallman อยู่ในภาวะ remission จากโรค follicular lymphoma และมีแนวโน้มฟื้นตัวดี
    เป็นมะเร็งชนิดไม่รุนแรงและตอบสนองต่อการรักษา
    เขาระมัดระวังเรื่องการสัมผัส COVID-19 เป็นพิเศษ

    ยังคงเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนซอฟต์แวร์เสรี เช่น งานครบรอบ GNU และการบรรยายในมหาวิทยาลัย
    ล่าสุดบรรยายที่ Politecnico di Milano เรื่องอธิปไตยทางคอมพิวเตอร์
    เน้นการต่อต้านซอฟต์แวร์ที่ควบคุมโดยบริษัทเอกชน

    ยังคงแสดงจุดยืนทางการเมืองและปรัชญา แม้จะอยู่ระหว่างการฟื้นตัว
    เช่น การวิจารณ์ Microsoft และ Apple เรื่องความปลอดภัย
    ย้ำว่ารัฐไม่ควรใช้ซอฟต์แวร์ proprietary ในงานราชการ

    ชุมชนผู้ใช้ซอฟต์แวร์เสรีให้กำลังใจและสนับสนุนการฟื้นตัวของเขา
    มีการพูดถึงในฟอรัมและโพสต์แสดงความห่วงใย
    ยกย่องความมุ่งมั่นในการทำงานแม้มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ

    Stallman ยังคงมีบทบาทในโครงการ GNU และ Free Software Foundation
    มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงปรัชญาและเทคนิค
    ยังแก้ไขบทความและเอกสารในเว็บไซต์ GNU อย่างต่อเนื่อง

    https://linuxconfig.org/richard-stallman-ongoing-recovery-and-continued-advocacy-in-2025
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Stallman ยังคงต่อสู้เพื่อเสรีภาพซอฟต์แวร์ แม้ต้องต่อสู้กับโรคร้าย ในปี 2025 Stallman ยังคงอยู่ในภาวะ “remission” หรือระยะที่โรคสงบลง และมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี เขายังคงเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนซอฟต์แวร์เสรี เช่น งานครบรอบ 40 ปีของโครงการ GNU และการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยเน้นประเด็นเรื่อง “อธิปไตยทางคอมพิวเตอร์” และการต่อต้านซอฟต์แวร์ที่ไม่เปิดเผยโค้ด แม้การรักษาด้วยเคมีบำบัดจะส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก เช่น การสูญเสียเคราอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เขายังคงปรากฏตัวในงานสาธารณะ พร้อมแสดงความหวังว่าจะยังมีบทบาทในขบวนการซอฟต์แวร์เสรีไปอีกหลายปี ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำพูดและพฤติกรรมในอดีตของเขา ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงว่า “ควรแยกผลงานออกจากตัวบุคคลหรือไม่” ✅ Stallman อยู่ในภาวะ remission จากโรค follicular lymphoma และมีแนวโน้มฟื้นตัวดี ➡️ เป็นมะเร็งชนิดไม่รุนแรงและตอบสนองต่อการรักษา ➡️ เขาระมัดระวังเรื่องการสัมผัส COVID-19 เป็นพิเศษ ✅ ยังคงเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนซอฟต์แวร์เสรี เช่น งานครบรอบ GNU และการบรรยายในมหาวิทยาลัย ➡️ ล่าสุดบรรยายที่ Politecnico di Milano เรื่องอธิปไตยทางคอมพิวเตอร์ ➡️ เน้นการต่อต้านซอฟต์แวร์ที่ควบคุมโดยบริษัทเอกชน ✅ ยังคงแสดงจุดยืนทางการเมืองและปรัชญา แม้จะอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ➡️ เช่น การวิจารณ์ Microsoft และ Apple เรื่องความปลอดภัย ➡️ ย้ำว่ารัฐไม่ควรใช้ซอฟต์แวร์ proprietary ในงานราชการ ✅ ชุมชนผู้ใช้ซอฟต์แวร์เสรีให้กำลังใจและสนับสนุนการฟื้นตัวของเขา ➡️ มีการพูดถึงในฟอรัมและโพสต์แสดงความห่วงใย ➡️ ยกย่องความมุ่งมั่นในการทำงานแม้มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ ✅ Stallman ยังคงมีบทบาทในโครงการ GNU และ Free Software Foundation ➡️ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงปรัชญาและเทคนิค ➡️ ยังแก้ไขบทความและเอกสารในเว็บไซต์ GNU อย่างต่อเนื่อง https://linuxconfig.org/richard-stallman-ongoing-recovery-and-continued-advocacy-in-2025
    LINUXCONFIG.ORG
    Richard Stallman: Ongoing Recovery and Continued Advocacy in 2025
    Richard Stallman, founder of the GNU Project, remains in remission from follicular lymphoma as of July 2025. Despite health challenges, he continues his advocacy for free software, managing his condition while influencing community discussions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต'

    3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่

    1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ

    2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก

    3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน

    ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

    ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป

    แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง

    อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น

    #Newskit
    เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต' 3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ 2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก 3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง)

    สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส

    แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง

    อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา

    ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ

    ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว

    แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา

    บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา

    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่

    พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ)

    อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ

    ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม

    พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว

    อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว

    นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่)

    กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ

    ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้

    ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา

    รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ

    พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ

    เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา

    ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ!

    อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง)

    ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก

    เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ

    นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้

    แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่

    เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ…


    คนเล่านิทาน
    การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง) สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่ พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ) อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่) กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ! อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง) ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้ แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ… คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 “ทักษิณ” 9 ก.ย.นี้ 10.00 น. พร้อมสั่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/20631/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #วิษณุเครืองาม #ศาลฎีกา #คดีทักษิณ #ป่วยทิพย์ #กฎหมาย #สิทธิเสรีภาพ #ไทยไท
    ศาลนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 “ทักษิณ” 9 ก.ย.นี้ 10.00 น. พร้อมสั่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังด้วย https://www.thai-tai.tv/news/20631/ . #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #วิษณุเครืองาม #ศาลฎีกา #คดีทักษิณ #ป่วยทิพย์ #กฎหมาย #สิทธิเสรีภาพ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์: เมื่อ Opera ลุกขึ้นสู้กับ Edge เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Opera ได้ยื่นคำร้องต่อ CADE (หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของบราซิล) โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้ “กลยุทธ์การออกแบบที่ชักจูง” หรือที่เรียกว่า dark patterns เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ Windows ใช้ Edge เป็นเบราว์เซอร์หลัก ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่นไว้แล้ว

    Opera ระบุว่า Microsoft:
    - ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (OEMs) เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น
    - ไม่เปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่น เช่น Opera ได้รับการติดตั้งล่วงหน้า
    - ใช้เครื่องมือในระบบ เช่น Widgets, Teams, Search และ Outlook เปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้
    - แสดงข้อความรบกวนเมื่อผู้ใช้พยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์อื่น

    Opera หวังว่าบราซิลจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นดำเนินการตาม และเรียกร้องให้ Microsoft ยุติการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างเสรี

    Opera ยื่นคำร้องต่อ CADE ในบราซิล กล่าวหา Microsoft ใช้กลยุทธ์ไม่เป็นธรรมเพื่อผลักดัน Edge
    เป็นการฟ้องร้องในตลาดสำคัญของ Opera ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก
    หวังให้บราซิลเป็นแบบอย่างระดับโลกในการควบคุม Big Tech

    Microsoft ถูกกล่าวหาว่าใช้ “manipulative design tactics” และ “dark patterns” ใน Windows
    เช่น การเปิดไฟล์ PDF ผ่าน Edge แม้ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่น
    การแสดงข้อความรบกวนเมื่อพยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คู่แข่ง

    Opera ระบุว่า Microsoft ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น
    ส่งผลให้เบราว์เซอร์อื่นไม่มีโอกาสถูกติดตั้งล่วงหน้า
    เป็นการปิดกั้นการแข่งขันตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์

    Opera เรียกร้องให้ CADE สั่งให้ Microsoft ยุติการใช้ dark patterns และเปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่นได้ติดตั้งล่วงหน้า
    รวมถึงการยกเลิกข้อกำหนด “S mode” ที่จำกัดการติดตั้งซอฟต์แวร์จากเว็บ
    เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างอิสระ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Opera ฟ้อง Microsoft ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาดเบราว์เซอร์
    เคยฟ้องในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2007 กรณี Internet Explorer
    และเคยเรียกร้องให้ Edge ถูกจัดเป็น “gatekeeper” ภายใต้กฎหมาย DMA ของ EU แต่ไม่สำเร็จ

    ผู้ใช้ Windows อาจไม่รู้ว่าการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของตนถูกละเมิด
    เครื่องมือในระบบเปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้
    ส่งผลให้เกิดความสับสนและลดความไว้วางใจในระบบ

    การใช้ dark patterns อาจบั่นทอนเสรีภาพในการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของผู้บริโภค
    ผู้ใช้ถูกชักจูงโดยไม่รู้ตัวให้ใช้ Edge
    เป็นการลดโอกาสของเบราว์เซอร์คู่แข่งในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

    การให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge อาจละเมิดหลักการการแข่งขันเสรี
    เบราว์เซอร์อื่นถูกกีดกันตั้งแต่ระดับโรงงาน
    ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกตั้งแต่ซื้อเครื่อง

    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการผูกขาดในตลาดเบราว์เซอร์โดยไม่รู้ตัว
    ส่งผลต่อความหลากหลายของนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    อาจต้องพึ่งพาการแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ

    https://www.neowin.net/news/opera-files-complaint-against-microsoft-for-manipulating-customers-into-using-edge/
    🧭 เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์: เมื่อ Opera ลุกขึ้นสู้กับ Edge เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน ในเดือนกรกฎาคม 2025 Opera ได้ยื่นคำร้องต่อ CADE (หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของบราซิล) โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้ “กลยุทธ์การออกแบบที่ชักจูง” หรือที่เรียกว่า dark patterns เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ Windows ใช้ Edge เป็นเบราว์เซอร์หลัก ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่นไว้แล้ว Opera ระบุว่า Microsoft: - ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (OEMs) เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น - ไม่เปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่น เช่น Opera ได้รับการติดตั้งล่วงหน้า - ใช้เครื่องมือในระบบ เช่น Widgets, Teams, Search และ Outlook เปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้ - แสดงข้อความรบกวนเมื่อผู้ใช้พยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์อื่น Opera หวังว่าบราซิลจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นดำเนินการตาม และเรียกร้องให้ Microsoft ยุติการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างเสรี ✅ Opera ยื่นคำร้องต่อ CADE ในบราซิล กล่าวหา Microsoft ใช้กลยุทธ์ไม่เป็นธรรมเพื่อผลักดัน Edge ➡️ เป็นการฟ้องร้องในตลาดสำคัญของ Opera ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก ➡️ หวังให้บราซิลเป็นแบบอย่างระดับโลกในการควบคุม Big Tech ✅ Microsoft ถูกกล่าวหาว่าใช้ “manipulative design tactics” และ “dark patterns” ใน Windows ➡️ เช่น การเปิดไฟล์ PDF ผ่าน Edge แม้ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์อื่น ➡️ การแสดงข้อความรบกวนเมื่อพยายามดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คู่แข่ง ✅ Opera ระบุว่า Microsoft ให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ส่งผลให้เบราว์เซอร์อื่นไม่มีโอกาสถูกติดตั้งล่วงหน้า ➡️ เป็นการปิดกั้นการแข่งขันตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ ✅ Opera เรียกร้องให้ CADE สั่งให้ Microsoft ยุติการใช้ dark patterns และเปิดโอกาสให้เบราว์เซอร์อื่นได้ติดตั้งล่วงหน้า ➡️ รวมถึงการยกเลิกข้อกำหนด “S mode” ที่จำกัดการติดตั้งซอฟต์แวร์จากเว็บ ➡️ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้อย่างอิสระ ✅ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Opera ฟ้อง Microsoft ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาดเบราว์เซอร์ ➡️ เคยฟ้องในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2007 กรณี Internet Explorer ➡️ และเคยเรียกร้องให้ Edge ถูกจัดเป็น “gatekeeper” ภายใต้กฎหมาย DMA ของ EU แต่ไม่สำเร็จ ‼️ ผู้ใช้ Windows อาจไม่รู้ว่าการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของตนถูกละเมิด ⛔ เครื่องมือในระบบเปิดลิงก์ผ่าน Edge โดยไม่สนใจการตั้งค่าของผู้ใช้ ⛔ ส่งผลให้เกิดความสับสนและลดความไว้วางใจในระบบ ‼️ การใช้ dark patterns อาจบั่นทอนเสรีภาพในการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของผู้บริโภค ⛔ ผู้ใช้ถูกชักจูงโดยไม่รู้ตัวให้ใช้ Edge ⛔ เป็นการลดโอกาสของเบราว์เซอร์คู่แข่งในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ‼️ การให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อให้ติดตั้ง Edge อาจละเมิดหลักการการแข่งขันเสรี ⛔ เบราว์เซอร์อื่นถูกกีดกันตั้งแต่ระดับโรงงาน ⛔ ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่มีทางเลือกตั้งแต่ซื้อเครื่อง ‼️ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการผูกขาดในตลาดเบราว์เซอร์โดยไม่รู้ตัว ⛔ ส่งผลต่อความหลากหลายของนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ⛔ อาจต้องพึ่งพาการแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ https://www.neowin.net/news/opera-files-complaint-against-microsoft-for-manipulating-customers-into-using-edge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Opera files complaint against Microsoft for manipulating customers into using Edge
    Opera has filed a complaint against Microsoft Edge, claiming that the Redmond firm uses deceptive tactics to get customers to use its browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกออนไลน์: เมื่อ “เกม” และ “VPN” กลายเป็นเครื่องมือหลบกฎหมาย

    ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักรและต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่หรือเนื้อหาที่จำกัดอายุ แต่ระบบใหม่ภายใต้กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้คุณต้องส่งภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือแม้แต่เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จริงๆ

    ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจและเริ่มหาทางหลบเลี่ยง—บางคนใช้ VPN เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง IP ไปยังประเทศอื่น แต่ที่สร้างเสียงฮือฮาคือการใช้ “ภาพจากเกม Death Stranding” โดยปรับสีหน้าในโหมดถ่ายภาพของตัวละคร Sam Porter Bridges แล้วใช้ภาพนั้นแทนใบหน้าจริงในการยืนยันอายุบน Discord และแพลตฟอร์มอื่น

    กฎหมาย Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรเมื่อ 25 กรกฎาคม 2025
    บังคับให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ระบบตรวจสอบอายุที่เข้มงวด
    ไม่สามารถใช้แค่การคลิก “ฉันอายุเกิน 18” ได้อีกต่อไป

    ระบบตรวจสอบอายุต้องใช้ข้อมูลจริง เช่น ภาพใบหน้า, วิดีโอ, บัตรประชาชน หรือข้อมูลธนาคาร
    Discord ใช้ระบบ K-ID ที่ต้องให้ผู้ใช้เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นคนจริง
    Reddit, Pornhub, XHamster และแพลตฟอร์มอื่นเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว

    ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานจาก UK เพิ่มขึ้น 1,400% ภายในวันเดียว
    Google Search คำว่า “Proton” เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าในวันเดียว

    ผู้ใช้บางคนใช้ภาพจากเกม Death Stranding เพื่อหลอกระบบตรวจสอบอายุ
    ใช้โหมดถ่ายภาพปรับสีหน้าตัวละครให้เหมือนคนจริง
    PC Gamer ยืนยันว่าเทคนิคนี้ใช้ได้จริง โดยถือกล้องมือถือถ่ายภาพจากหน้าจอเกม

    ผู้ใช้ยังใช้ภาพจากโมเดลมีมชื่อดัง “Hide the Pain Harold” เพื่อผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น
    แต่ระบบยังต้องการการเคลื่อนไหว เช่น การเปิดปาก เพื่อยืนยันว่าเป็นคนจริง

    การใช้ VPN หรือภาพปลอมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอายุอาจละเมิดข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม
    Ofcom ระบุว่าการส่งเสริมการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายเป็นสิ่งต้องห้าม
    แพลตฟอร์มอาจแบนบัญชีที่ใช้วิธีหลอกลวง

    ระบบตรวจสอบอายุอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    ต้องส่งข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน
    ผู้ใช้บางคนไม่มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย

    การใช้ภาพจากเกมหรือโมเดลปลอมอาจทำให้ระบบตรวจสอบผิดพลาด
    อาจเปิดช่องให้ผู้เยาว์เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
    ลดความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบอายุโดยรวม

    การบังคับใช้กฎหมายอาจกระทบเสรีภาพในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์
    มีผู้ลงชื่อในคำร้องขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้มากกว่า 280,000 คน
    บางเว็บไซต์เลือกปิดบริการใน UK แทนที่จะปรับตัวตามกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/108819-brits-circumventing-uk-age-verification-vpns-death-stranding.html
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกออนไลน์: เมื่อ “เกม” และ “VPN” กลายเป็นเครื่องมือหลบกฎหมาย ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักรและต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่หรือเนื้อหาที่จำกัดอายุ แต่ระบบใหม่ภายใต้กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้คุณต้องส่งภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือแม้แต่เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจและเริ่มหาทางหลบเลี่ยง—บางคนใช้ VPN เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง IP ไปยังประเทศอื่น แต่ที่สร้างเสียงฮือฮาคือการใช้ “ภาพจากเกม Death Stranding” โดยปรับสีหน้าในโหมดถ่ายภาพของตัวละคร Sam Porter Bridges แล้วใช้ภาพนั้นแทนใบหน้าจริงในการยืนยันอายุบน Discord และแพลตฟอร์มอื่น ✅ กฎหมาย Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรเมื่อ 25 กรกฎาคม 2025 ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ระบบตรวจสอบอายุที่เข้มงวด ➡️ ไม่สามารถใช้แค่การคลิก “ฉันอายุเกิน 18” ได้อีกต่อไป ✅ ระบบตรวจสอบอายุต้องใช้ข้อมูลจริง เช่น ภาพใบหน้า, วิดีโอ, บัตรประชาชน หรือข้อมูลธนาคาร ➡️ Discord ใช้ระบบ K-ID ที่ต้องให้ผู้ใช้เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นคนจริง ➡️ Reddit, Pornhub, XHamster และแพลตฟอร์มอื่นเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว ✅ ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานจาก UK เพิ่มขึ้น 1,400% ภายในวันเดียว ➡️ Google Search คำว่า “Proton” เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าในวันเดียว ✅ ผู้ใช้บางคนใช้ภาพจากเกม Death Stranding เพื่อหลอกระบบตรวจสอบอายุ ➡️ ใช้โหมดถ่ายภาพปรับสีหน้าตัวละครให้เหมือนคนจริง ➡️ PC Gamer ยืนยันว่าเทคนิคนี้ใช้ได้จริง โดยถือกล้องมือถือถ่ายภาพจากหน้าจอเกม ✅ ผู้ใช้ยังใช้ภาพจากโมเดลมีมชื่อดัง “Hide the Pain Harold” เพื่อผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น ➡️ แต่ระบบยังต้องการการเคลื่อนไหว เช่น การเปิดปาก เพื่อยืนยันว่าเป็นคนจริง ‼️ การใช้ VPN หรือภาพปลอมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอายุอาจละเมิดข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม ⛔ Ofcom ระบุว่าการส่งเสริมการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายเป็นสิ่งต้องห้าม ⛔ แพลตฟอร์มอาจแบนบัญชีที่ใช้วิธีหลอกลวง ‼️ ระบบตรวจสอบอายุอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ⛔ ต้องส่งข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน ⛔ ผู้ใช้บางคนไม่มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย ‼️ การใช้ภาพจากเกมหรือโมเดลปลอมอาจทำให้ระบบตรวจสอบผิดพลาด ⛔ อาจเปิดช่องให้ผู้เยาว์เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ⛔ ลดความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบอายุโดยรวม ‼️ การบังคับใช้กฎหมายอาจกระทบเสรีภาพในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ ⛔ มีผู้ลงชื่อในคำร้องขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้มากกว่า 280,000 คน ⛔ บางเว็บไซต์เลือกปิดบริการใน UK แทนที่จะปรับตัวตามกฎหมาย https://www.techspot.com/news/108819-brits-circumventing-uk-age-verification-vpns-death-stranding.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Brits are circumventing UK age verification with VPNs and Death Stranding photos
    Proton VPN reported a 1,400% increase in logins from the UK on Friday. The company attributed the surge to the stricter enforcement of the Online Safety Act,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ

    อดิเทพ จาวลาห์
    https://linktr.ee/chawlaadithep
    ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330

    เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ —ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย

    การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ —ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี การเดินทางระหว่างประเทศ พักในโรงแรมห้าดาว บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก

    ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก

    ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง

    เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม

    ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ

    องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก

    เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท

    แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ”

    ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร ไม่มีทางเลือก ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ

    สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด

    ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข

    ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” —จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️

    อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้

    แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี

    ในระบบที่มีลำดับขั้น ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม”

    ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ

    ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก”

    เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง

    แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต

    ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ

    สรุปและแนวทางปลุกพลัง

    * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ
    * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้
    * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง
    * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น
    * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง
    * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼

    สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง มีสิทธิ์ มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง

    ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ
    https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    🌍 โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ 🧠💉 ✍️ อดิเทพ จาวลาห์ 🔗 https://linktr.ee/chawlaadithep 📖 ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330 เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ 🏥 สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ 🌐 เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ 💵—ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย 🙌 หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ 😢 หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย ⚠️ การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง 🧠 เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น 🧍‍♀️🧍‍♂️ เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ 👕—ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ✨ ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี 💰 การเดินทางระหว่างประเทศ ✈️ พักในโรงแรมห้าดาว 🏨 บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ 📊 คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก 🚗🍽️ ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ 💪 ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ⬆️ มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน 🎯 ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก 👶 หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน 🛫 — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก 😇 ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) 🌏 ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง ❗ 💸 เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน 🧩 ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน 💼 ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ 💉💰 องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ 🏢 หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก 🌐 เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” ⛱️ เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท 💹 👷‍♂️ แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ” ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ 📢 เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร 🏛️ ไม่มีทางเลือก ❌ ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา 😶 แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ ❌ สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง 🖨️💵 และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ⚙️ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด 🗞️ 📜 ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ 🇺🇸 ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) 🧬 ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง 🧑‍🦽 ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ 🏚️ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins 🏫 ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” ☠️—จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ 🩸 และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️ 🧠 อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้ แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” ✅ จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี 🔥 ในระบบที่มีลำดับขั้น 🧱 ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม” 🫂 🌿 ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม 🧬 แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก” 🗳️ เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา 🧘 ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง 🧡 แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ 🤖 📢 สรุปและแนวทางปลุกพลัง * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ 🕵️‍♀️ * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้ 💔 * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง 🧨 * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น 🧱 * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง 🗣️ * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼 สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง 📢 มีสิทธิ์ 🧾 มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง 🙌 ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ ❌ https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู แกล้งทำเป็น 'ตกใจ' กับการขาดเสรีภาพในการพูดในพอดแคสต์ในอเมริกา:

    "พวกคุณถูกควบคุมเหรอ? คุณควรมีเสรีภาพที่จะพูดอะไรก็ได้ที่คุณต้องการนะ"

    ผมสงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นคนเซ็นเซอร์ทั้งหมดเนี่ย?

    ในขณะที่อิสราเอลเซ็นเซอร์ทุกออย่างเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของอิหร่าน หรือแม้แต่การที่พวกเขาโจมตีในกาซา รวมทั้วการทำร้ายผู้สื่อข่าว
    เนทันยาฮู แกล้งทำเป็น 'ตกใจ' กับการขาดเสรีภาพในการพูดในพอดแคสต์ในอเมริกา: "พวกคุณถูกควบคุมเหรอ? คุณควรมีเสรีภาพที่จะพูดอะไรก็ได้ที่คุณต้องการนะ" ผมสงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นคนเซ็นเซอร์ทั้งหมดเนี่ย? ในขณะที่อิสราเอลเซ็นเซอร์ทุกออย่างเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของอิหร่าน หรือแม้แต่การที่พวกเขาโจมตีในกาซา รวมทั้วการทำร้ายผู้สื่อข่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "เคารพการตัดสินใจ!" 'เฉลิมชัย' ไม่หวั่น 'สุธรรม' ทิ้ง ปชป. ย้ำพรรคยึดประชาธิปไตย-เสรีภาพความคิด
    https://www.thai-tai.tv/news/20421/
    .
    #เฉลิมชัย #ประชาธิปัตย์ #สุธรรมระหงษ์ #ลาออกจากพรรค #การเมืองไทย #ประชาธิปไตย #เสรีภาพทางความคิด #สามเสนวิทยาลัย

    "เคารพการตัดสินใจ!" 'เฉลิมชัย' ไม่หวั่น 'สุธรรม' ทิ้ง ปชป. ย้ำพรรคยึดประชาธิปไตย-เสรีภาพความคิด https://www.thai-tai.tv/news/20421/ . #เฉลิมชัย #ประชาธิปัตย์ #สุธรรมระหงษ์ #ลาออกจากพรรค #การเมืองไทย #ประชาธิปไตย #เสรีภาพทางความคิด #สามเสนวิทยาลัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน...
    .
    มีแต่ พวก...
    .
    1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป
    .
    2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112
    .
    3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม
    .
    4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112
    .
    5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย
    .
    6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน...
    .
    โอ้ย...!!!
    .
    สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน

    .
    แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!!
    ....
    ....
    No No No...!!!
    .
    ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!!
    .
    พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!!
    .
    เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง...
    มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา...
    .
    ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!!
    .
    กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!!
    .
    และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
    ....
    ....
    แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ...
    ....
    ....
    โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ...
    .
    ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย...
    .
    เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว...
    .
    อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...???
    .......
    .......
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร...
    .
    มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่...
    .
    ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน... . มีแต่ พวก... . 1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป . 2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112 . 3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม . 4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112 . 5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย . 6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน... . โอ้ย...!!! . สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน . แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!! .... .... No No No...!!! . ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!! . พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!! . เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง... มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา... . ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!! . กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!! . และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน .... .... แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ... .... .... โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ... . ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย... . เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว... . อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...??? ....... ....... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร... . มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่... . ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 0 รีวิว
  • ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น

    มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ

    เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น

    นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน

    นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน

    สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State)

    #Newskit
    ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State) #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 659 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 607 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิยบุตร ฟาดนักการเมืองขี้ขลาด ไม่กล้านิรโทษกรรม ม.112 ไร้ "ใบอนุญาต" เหน็บ ส.ส. เป็น "ผู้แทนของใคร" กันแน่!
    https://www.thai-tai.tv/news/20225/
    .
    #นิรโทษกรรม #มาตรา112 #ปิยบุตรแสงกนกกุล #คณะก้าวหน้า #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #กฎหมายไทย #เสรีภาพการแสดงออก #นักการเมือง #ประชาธิปไตย
    ปิยบุตร ฟาดนักการเมืองขี้ขลาด ไม่กล้านิรโทษกรรม ม.112 ไร้ "ใบอนุญาต" เหน็บ ส.ส. เป็น "ผู้แทนของใคร" กันแน่! https://www.thai-tai.tv/news/20225/ . #นิรโทษกรรม #มาตรา112 #ปิยบุตรแสงกนกกุล #คณะก้าวหน้า #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #กฎหมายไทย #เสรีภาพการแสดงออก #นักการเมือง #ประชาธิปไตย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts