• Big Story ตอน ผับมรณะ 13 ปีแห่งความทรมาน

    13 ปี แห่งความทรมาน เหยื่อซานติก้าผับ คดีสิ้นสุดแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา คำพิพากษากลายเป็นแค่กระดาษ? เมื่อเจ้าของผับล้มละลาย ติดคุก จบ แต่เหยื่อผู้บาดเจ็บตกนรกทั้งเป็น ชดเชยค่าเสียหายเต็มที่ เป็นคำเท่ๆ เอาไว้ออกสื่อเท่านั้น? กรณีของเมาน์เทนบีผับจะซ้ำรอยซานติก้าอีกหรือไม่อีกไม่นานคงรู้

    #thaitimes #BIGSTORY
    Big Story ตอน ผับมรณะ 13 ปีแห่งความทรมาน 13 ปี แห่งความทรมาน เหยื่อซานติก้าผับ คดีสิ้นสุดแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา คำพิพากษากลายเป็นแค่กระดาษ? เมื่อเจ้าของผับล้มละลาย ติดคุก จบ แต่เหยื่อผู้บาดเจ็บตกนรกทั้งเป็น ชดเชยค่าเสียหายเต็มที่ เป็นคำเท่ๆ เอาไว้ออกสื่อเท่านั้น? กรณีของเมาน์เทนบีผับจะซ้ำรอยซานติก้าอีกหรือไม่อีกไม่นานคงรู้ #thaitimes #BIGSTORY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิศรา เผย นายกฯส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง ปูดข้อมูลลับ “ชาดา” เซ็นทิ้งทวนเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ลงนามคำสั่งก่อนพ้นเก้าอี้รมช.มท. 3 วัน ระบุเป็นหน้าที่ต้องพิจารณา หลังกฤษฎีกา-ศาล มีคำวินิจฉัยให้ที่ดินตกเป็นธรณีสงฆ์ แยกเยียวยาแก้ปัญหาออกจากกัน

    วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หลังก่อนหน้านี้ ลูกบ้านโครงการอัลไพน์ 2 ได้ร้องขอให้กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนโฉนดที่ดินที่อยู่ในที่ธรณีสงฆ์ และจ่ายเงินเยียวยาแทน หลังเกิดปัญหาการทุจริตนาน 20 ปี แต่ไม่มีการเยียวยา

    ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ก่อนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย จะพ้นตำแหน่งรมช.มหาดไทย ในวันที่ 6 ก.ย. 67 ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นทางการแล้ว ตามที่กรมที่ดินเสนอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004151

    #MGROnline #ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ #ที่ธรณีสงฆ์ #วัดธรรมิการามวรวิหาร
    อิศรา เผย นายกฯส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง ปูดข้อมูลลับ “ชาดา” เซ็นทิ้งทวนเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ลงนามคำสั่งก่อนพ้นเก้าอี้รมช.มท. 3 วัน ระบุเป็นหน้าที่ต้องพิจารณา หลังกฤษฎีกา-ศาล มีคำวินิจฉัยให้ที่ดินตกเป็นธรณีสงฆ์ แยกเยียวยาแก้ปัญหาออกจากกัน • วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หลังก่อนหน้านี้ ลูกบ้านโครงการอัลไพน์ 2 ได้ร้องขอให้กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนโฉนดที่ดินที่อยู่ในที่ธรณีสงฆ์ และจ่ายเงินเยียวยาแทน หลังเกิดปัญหาการทุจริตนาน 20 ปี แต่ไม่มีการเยียวยา • ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ก่อนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย จะพ้นตำแหน่งรมช.มหาดไทย ในวันที่ 6 ก.ย. 67 ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นทางการแล้ว ตามที่กรมที่ดินเสนอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004151 • #MGROnline #ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ #ที่ธรณีสงฆ์ #วัดธรรมิการามวรวิหาร
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน
    สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme
    ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย
    ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย
    สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ
    “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทวี" ยัน "ดีเจแมน-ใบเตย" ได้รับค่าเยียวยา หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง (27/12/67) #news1 #ดีเจแมนใบเตย #เงินเยียวยา
    "ทวี" ยัน "ดีเจแมน-ใบเตย" ได้รับค่าเยียวยา หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง (27/12/67) #news1 #ดีเจแมนใบเตย #เงินเยียวยา
    Like
    Haha
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1145 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • "อิ๊งค์" นั่งเรือลุยน้ำแจกถุงยังชีพ ชุมชนท่าโพธิ์น้ำท่วมสูง ชาวบ้านแห่ถ่ายรูปต้อนรับอบอุ่น ย้ำอย่าลืมลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ติดตลกใครไม่ลงไม่ได้เงินไม่รู้นะ บอกปีนี้น้ำท่วมเยอะ แต่เงินมาเร็วแน่นอน พร้อมพูดให้กำลังใจเป็นภาษาใต้ ‘สู้ๆ’

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121130

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อิ๊งค์" นั่งเรือลุยน้ำแจกถุงยังชีพ ชุมชนท่าโพธิ์น้ำท่วมสูง ชาวบ้านแห่ถ่ายรูปต้อนรับอบอุ่น ย้ำอย่าลืมลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ติดตลกใครไม่ลงไม่ได้เงินไม่รู้นะ บอกปีนี้น้ำท่วมเยอะ แต่เงินมาเร็วแน่นอน พร้อมพูดให้กำลังใจเป็นภาษาใต้ ‘สู้ๆ’ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121130 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมปราบแก๊งตบทรัพย์ 'บิ๊กเต่า' สอบเข้มทุกกรณี คาดมีบอสโดนไถอีกเพียบ
    .
    มหากาพย์ข่าว The Icon เวลานี้ถือว่าขยายวงไปไกลมาก โดยไม่ได้มีเพียงเฉพาะการเอาผิดกับกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังพบขบวนการตบทรัพย์ของบรรดาของบุคคลที่สวมสูทแสร้งทำตัวเป็นคนดีด้วย โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่มีการเรียกรับเงิน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคึบหน้าในการสอบสวนนักตบทรัพย์ว่า กรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสพอล จำนวน 300,000 บาท และ 450,000 บาท ซึ่งตอนนี้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ไปแล้วถึง 80-90% และจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ
    .
    บิ๊กเต่า ระบุอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องต่อมาคือเรื่องใหม่ที่ทนายของ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีระหว่าง น.ส.กฤษอนงค์ กับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มีการกล่าวอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย และรายการโหนกระแสไปเรียกรับเงินจากบอสปันและบอสพอล จำนวน 20 ล้านบาทนั้น ในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นในส่วนที่หนุ่ม กรรชัย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคลดังกล่าวในข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท และจากหลักฐานที่ได้มายืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้มีการประสานทนายบอสพอลเพื่อให้นำหลักฐานต่างๆ มาร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งทนายบอสพอลยืนยันว่าจะดำเนินคดีด้วย และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด
    .
    "คาดว่ายังมีบอสอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ขอทำเป็นเรื่องๆ ไปก่อน" บิ๊กเต่า ระบุ
    .
    ด้าน นางสาวกฤษอนงค์ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าเสียงผู้หญิงในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นตัวเองจริง แต่คลิปเสียงมีการตัดตอนออกบางช่วง ส่วนจำนวนเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นค่าแผนงานโครงสร้างธุรกิจ เช่น งบประชาสัมพันธ์, เงินเยียวยาผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนนี้เกิดจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ประเมินมูลค่าแผนงานดังกล่าวมาจากขนาดธุรกิจ
    .
    ไที่ตัวเองตกเป็นเป้าหมายสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน จำนวน 89 คน ให้ได้รับเงินเยียวยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์มีความแค้น"
    ..............
    Sondhi X
    เตรียมปราบแก๊งตบทรัพย์ 'บิ๊กเต่า' สอบเข้มทุกกรณี คาดมีบอสโดนไถอีกเพียบ . มหากาพย์ข่าว The Icon เวลานี้ถือว่าขยายวงไปไกลมาก โดยไม่ได้มีเพียงเฉพาะการเอาผิดกับกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังพบขบวนการตบทรัพย์ของบรรดาของบุคคลที่สวมสูทแสร้งทำตัวเป็นคนดีด้วย โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่มีการเรียกรับเงิน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคึบหน้าในการสอบสวนนักตบทรัพย์ว่า กรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสพอล จำนวน 300,000 บาท และ 450,000 บาท ซึ่งตอนนี้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ไปแล้วถึง 80-90% และจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ . บิ๊กเต่า ระบุอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องต่อมาคือเรื่องใหม่ที่ทนายของ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีระหว่าง น.ส.กฤษอนงค์ กับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มีการกล่าวอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย และรายการโหนกระแสไปเรียกรับเงินจากบอสปันและบอสพอล จำนวน 20 ล้านบาทนั้น ในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นในส่วนที่หนุ่ม กรรชัย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคลดังกล่าวในข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท และจากหลักฐานที่ได้มายืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้มีการประสานทนายบอสพอลเพื่อให้นำหลักฐานต่างๆ มาร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งทนายบอสพอลยืนยันว่าจะดำเนินคดีด้วย และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด . "คาดว่ายังมีบอสอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ขอทำเป็นเรื่องๆ ไปก่อน" บิ๊กเต่า ระบุ . ด้าน นางสาวกฤษอนงค์ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าเสียงผู้หญิงในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นตัวเองจริง แต่คลิปเสียงมีการตัดตอนออกบางช่วง ส่วนจำนวนเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นค่าแผนงานโครงสร้างธุรกิจ เช่น งบประชาสัมพันธ์, เงินเยียวยาผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนนี้เกิดจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ประเมินมูลค่าแผนงานดังกล่าวมาจากขนาดธุรกิจ . ไที่ตัวเองตกเป็นเป้าหมายสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน จำนวน 89 คน ให้ได้รับเงินเยียวยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์มีความแค้น" .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1534 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีตากใบ เกิดรุ่นพ่อ จ่ายรุ่นอา อวสานรุ่นลูก

    25 ต.ค. 2567 เป็นวันสุดท้ายที่คดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส หากไม่สามารถนำตัวจำเลยขึ้นสู่ศาลจังหวัดนราธิวาส จะหมดอายุความ 20 ปี ในคดีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส.ก่อนหน้านี้

    ส่วนข้อเสนอที่เรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ขยายอายุความ ในที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในนามรัฐบาล แสดงความเสียใจและให้คำตอบว่าทำไม่ได้ เพราะถามกฤษฎีกาแล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก

    นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น อ้างว่าเป็นไปตามหลักการ ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ และกล่าวว่า "ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น" ต่อมาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป

    มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ เพราะผู้ต้องหาทั้ง 7 คนอายุมาก 74-75 ปี บางคนสุขภาพไม่ดี คาดว่าต่อสู้คดียาวนานอย่างน้อย 5-10 ปี ประการต่อมา หากคดีตากใบเดินหน้าต่อ จะมีผลไปถึงการจ่ายเงินเยียวยาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำหนดเงื่อนไขว่าต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี และคดีต้องถึงที่สุดเท่านั้น อาจมีนักร้องไปยื่นสอยรัฐมนตรีบางคน เช่น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม หรือดำเนินคดีอาญา ครม.ยุคยิ่งลักษณ์

    นอกนั้นมองไปไกลว่า จำเลยอาจซัดทอดไปยังผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ซึ่งนายทักษิณเคยย้าย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แทน

    #Newskit #คดีตากใบ
    คดีตากใบ เกิดรุ่นพ่อ จ่ายรุ่นอา อวสานรุ่นลูก 25 ต.ค. 2567 เป็นวันสุดท้ายที่คดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส หากไม่สามารถนำตัวจำเลยขึ้นสู่ศาลจังหวัดนราธิวาส จะหมดอายุความ 20 ปี ในคดีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส.ก่อนหน้านี้ ส่วนข้อเสนอที่เรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.ขยายอายุความ ในที่สุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในนามรัฐบาล แสดงความเสียใจและให้คำตอบว่าทำไม่ได้ เพราะถามกฤษฎีกาแล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น อ้างว่าเป็นไปตามหลักการ ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ และกล่าวว่า "ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น" ต่อมาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ เพราะผู้ต้องหาทั้ง 7 คนอายุมาก 74-75 ปี บางคนสุขภาพไม่ดี คาดว่าต่อสู้คดียาวนานอย่างน้อย 5-10 ปี ประการต่อมา หากคดีตากใบเดินหน้าต่อ จะมีผลไปถึงการจ่ายเงินเยียวยาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำหนดเงื่อนไขว่าต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี และคดีต้องถึงที่สุดเท่านั้น อาจมีนักร้องไปยื่นสอยรัฐมนตรีบางคน เช่น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม หรือดำเนินคดีอาญา ครม.ยุคยิ่งลักษณ์ นอกนั้นมองไปไกลว่า จำเลยอาจซัดทอดไปยังผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ซึ่งนายทักษิณเคยย้าย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แทน #Newskit #คดีตากใบ
    Like
    Haha
    Angry
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคลื่อนร่างครู-นักเรียน เหยื่อไฟไหม้รถบัส ส่งกลับภูมิลำเนา นศ.พยาบาลตำรวจตั้งแถวส่ง ด้านอนุทิน รุดให้กำลังใจญาติ ย้ำคำสั่งนายกฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียสูงสุด
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093108

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เคลื่อนร่างครู-นักเรียน เหยื่อไฟไหม้รถบัส ส่งกลับภูมิลำเนา นศ.พยาบาลตำรวจตั้งแถวส่ง ด้านอนุทิน รุดให้กำลังใจญาติ ย้ำคำสั่งนายกฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียสูงสุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093108 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Haha
    23
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3239 มุมมอง 1 รีวิว
  • https://mgronline.com/politics/detail/9670000092959

    พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย
    เผยแพร่: 2 ต.ค. 2567 13:43 ปรับปรุง: 2 ต.ค. 2567 13:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไม่ใช่มูลเหตุ แต่สาเหตุ คือ คุณภาพรถมาตรฐานของคนขับรถ และการจัดรูปขบวนในการเดินทาง ถามเห็นคาตา รถบัสทำไมมีถังแก๊สนับสิบ ชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด

    เมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 2 ต.ค.67 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนต้องประกาศภัยพิบัติ จะพิจารณาเงินเยียวยาอย่างไรว่ า เหตุการณ์นี้ เรื่องของการช่วยเหลือตามพ.ร.บ.อุบัติภัย มีอยู่ ว่าเราจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่เราต้องเร่ง จ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด

    เมื่อถามถึง งตัวเลขอายุการใช้งานรถบัสที่เกิดเหตุ ที่ระบุว่ามีอายุ 54 ปี นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ ในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน

    เมื่อถามว่า ขณะนี้มี มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่พรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตาทำไมรถบัส 1คัน ถังแก๊สเยอะขนาดนี้นับๆดูเป็น 10 ถัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยอยู่กรมขนส่ง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊ซตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักผ่อนกันเลยหรือ

    “โดยมองจากสายตา ที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ผมมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”นายอนุทิน กล่าว

    เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง จะขับเคลื่อนเรื่องนี้แก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กับลูก หลานของเราอย่างที่บอกการไปทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่ดีไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูป ไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆ ก็มีกฎอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็วเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยให้การช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ก็คือรถ 1 คัน คน 1 คน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์ คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อน ไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อคเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000092959 พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย เผยแพร่: 2 ต.ค. 2567 13:43 ปรับปรุง: 2 ต.ค. 2567 13:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไม่ใช่มูลเหตุ แต่สาเหตุ คือ คุณภาพรถมาตรฐานของคนขับรถ และการจัดรูปขบวนในการเดินทาง ถามเห็นคาตา รถบัสทำไมมีถังแก๊สนับสิบ ชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด เมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 2 ต.ค.67 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนต้องประกาศภัยพิบัติ จะพิจารณาเงินเยียวยาอย่างไรว่ า เหตุการณ์นี้ เรื่องของการช่วยเหลือตามพ.ร.บ.อุบัติภัย มีอยู่ ว่าเราจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่เราต้องเร่ง จ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด เมื่อถามถึง งตัวเลขอายุการใช้งานรถบัสที่เกิดเหตุ ที่ระบุว่ามีอายุ 54 ปี นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ ในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน เมื่อถามว่า ขณะนี้มี มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่พรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตาทำไมรถบัส 1คัน ถังแก๊สเยอะขนาดนี้นับๆดูเป็น 10 ถัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยอยู่กรมขนส่ง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊ซตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักผ่อนกันเลยหรือ “โดยมองจากสายตา ที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ผมมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”นายอนุทิน กล่าว เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง จะขับเคลื่อนเรื่องนี้แก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กับลูก หลานของเราอย่างที่บอกการไปทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่ดีไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูป ไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆ ก็มีกฎอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็วเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยให้การช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ก็คือรถ 1 คัน คน 1 คน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์ คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อน ไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อคเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด
    MGRONLINE.COM
    พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย
    เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุรมรรคา
    แม้น้ำลด หากคนคด ยังคงอยู่
    ใจหดหู่ เหี่ยวห่อ ท้อหนักหนา
    ทุจริต ทรยศ ตลอดเวลา
    ไม่นำพา สังคม ขื่นขมใจ
    ถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารแห้ง
    เสริมเรี่ยวแรง แก่ผู้ยาก ทุกสมัย
    เงินเยียวยา สืบชะตา สู้ต่อไป
    รอรับภัย ลูกใหม่ ในวังวน
    วันเวลา เนื่นนาน ดักดานนัก
    วัฏจักร พิบัติภัย ไร้ร่องหน
    หายนะ ปรากฏตัว ทั่วมณฑล
    ประชาชน เดือดร้อน อ่อนอุรา
    หากตราบใด ไม่แก้ไข ให้ถูกต้อง
    ไทยทั้งผอง จ่อมจม คมปัญหา
    สาธารณภัย ปรากฏตัว ทั่วพารา
    สิ่นชะตา ชาวสยาม นามกว้างไกล
    ต้องรู้รับ ทำงาน สานสมดุล
    ร่วมเกื้อหนุน สิ่งแวดล้อม ให้สดใส
    ธรรมชาติ งดงาม ตลอดไป
    ป้องกันภัย พิบัติ ขจัดมาร
    สังคมไทย ต้องเรียนรู้ หมู่อธรรม
    พร้อมชี้นำ ร่วมความนัย ใจห้าวหาญ
    ปิดโอกาส เรืองอำนาจ เมื่อถึงกาล
    ประหัตประหาร ให้สิ้นไป จัญไรชน
    คนเรียนไพร
    ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗
    สุรมรรคา แม้น้ำลด หากคนคด ยังคงอยู่ ใจหดหู่ เหี่ยวห่อ ท้อหนักหนา ทุจริต ทรยศ ตลอดเวลา ไม่นำพา สังคม ขื่นขมใจ ถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารแห้ง เสริมเรี่ยวแรง แก่ผู้ยาก ทุกสมัย เงินเยียวยา สืบชะตา สู้ต่อไป รอรับภัย ลูกใหม่ ในวังวน วันเวลา เนื่นนาน ดักดานนัก วัฏจักร พิบัติภัย ไร้ร่องหน หายนะ ปรากฏตัว ทั่วมณฑล ประชาชน เดือดร้อน อ่อนอุรา หากตราบใด ไม่แก้ไข ให้ถูกต้อง ไทยทั้งผอง จ่อมจม คมปัญหา สาธารณภัย ปรากฏตัว ทั่วพารา สิ่นชะตา ชาวสยาม นามกว้างไกล ต้องรู้รับ ทำงาน สานสมดุล ร่วมเกื้อหนุน สิ่งแวดล้อม ให้สดใส ธรรมชาติ งดงาม ตลอดไป ป้องกันภัย พิบัติ ขจัดมาร สังคมไทย ต้องเรียนรู้ หมู่อธรรม พร้อมชี้นำ ร่วมความนัย ใจห้าวหาญ ปิดโอกาส เรืองอำนาจ เมื่อถึงกาล ประหัตประหาร ให้สิ้นไป จัญไรชน คนเรียนไพร ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว