ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค
.
เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
.
รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ
.
เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3
.
อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น
.
The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย
.
"เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี"
.
บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
.
เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ
.
รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น
.
อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ
.
เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์
.
"หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร
.
อ่านเพิ่มเติม..
https://sondhitalk.com/detail/9680000020219
..................
Sondhi X
ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค
.
เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
.
รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ
.
เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3
.
อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น
.
The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย
.
"เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี"
.
บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
.
เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ
.
รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น
.
อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ
.
เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์
.
"หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020219
..................
Sondhi X