• โกโก้ป๋า

    วัตถุประสงค์

    เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป

    ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้

    ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม

    ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้

    ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท

    BELIEVE THE TRUTH

    ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ

    AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY

    หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ
    นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน"

    ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2

    การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล
    การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา

    เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์
    นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้

    ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ

    ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30
    การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส
    หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ

    Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง

    การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน "

    Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์"

    "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ "

    American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org

    และเพิ่งระลึกไว้ว่า

    เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย

    Cr. Santi Manadee
    โกโก้ป๋า วัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้ ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้ ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท BELIEVE THE TRUTH ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน" ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้ ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30 การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน " Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์" "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ " American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org และเพิ่งระลึกไว้ว่า เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️
    แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!

    วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว
    👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน

    https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️ แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!! วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว 👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23/1/68

    PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง

    ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย

    4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง
    การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่

    แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

    หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด

    เจ็บหน้าอก

    เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้

    ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด

    พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น

    การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต
    “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว

    หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม

    พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น

    ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน

    เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน
    ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง

    แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ

    มะเร็งปอดภาคเหนือสูง
    ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ

    นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    23/1/68 PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย 4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้ ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ มะเร็งปอดภาคเหนือสูง ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านที่เกิดปีจอ

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีจอทุกๆคนจะถูกอิทธิพลของกระแสพลังดาวร้าย暴敗(ป่าวไป่)และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) ดาวอัปมงคลจรเข้ามาเล่นงานโดยตรง ส่งผลให้คนที่มีร่างกายแข็งแรงก็อย่านิ่งนอนใจควรตรวจเช็คสุขภาพประจำปีบ้าง คนที่มีร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัวอยู่ สุขภาพจะย่ำแย่เจ็บป่วยอย่างกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว โรคเก่าจะกำเริบ โรคใหม่จะซ้ำรุมล้อม อาการมีแต่คงทรงๆทรุดๆเจ็บๆป่วยๆเรื้อรังอาจจะหนักถึงขั้นอัมพาตได้ ซ้ำร้ายอาจจะส่งผลให้ทรัพย์สินเสียหายเงินทองรั่วไหลให้มีเรื่องต้องใช้จ่ายหลายทางอย่างที่ไม่คาดคิดไว้

    แต่ยังโชคดีที่มีพลังดาวดีดาวเทพมงคลร่วมด้วยช่วยกันถึง 3 ดวงคือ ดาวเทพมงคล龍德(เหล่งเต็ก) ดาวเทพมงคล紫微(จี๋มุ้ย) และดาวเทพมงคล紅鸞(อั่งล้วง) ช่วยส่งเสริมให้พลังชีพไม่อับจน สิ่งชั่วร้ายหลบหนี้อุปสรรคคลี่คลาย จะพบคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือสนับสนุนให้ตำแหน่งหน้าที่ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง เงินทองรายล้อมพรั่งพร้อมเพื่อนคู่คิดมิตรรู้ใจมาช่วยเสริมพลังกำลังใจให้มีแรงขับสู้ยามเจ็บไข้ได้ป่วยตลอดทั้งปี
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีจอ ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีจอทุกๆคนจะถูกอิทธิพลของกระแสพลังดาวร้าย暴敗(ป่าวไป่)และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) ดาวอัปมงคลจรเข้ามาเล่นงานโดยตรง ส่งผลให้คนที่มีร่างกายแข็งแรงก็อย่านิ่งนอนใจควรตรวจเช็คสุขภาพประจำปีบ้าง คนที่มีร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัวอยู่ สุขภาพจะย่ำแย่เจ็บป่วยอย่างกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว โรคเก่าจะกำเริบ โรคใหม่จะซ้ำรุมล้อม อาการมีแต่คงทรงๆทรุดๆเจ็บๆป่วยๆเรื้อรังอาจจะหนักถึงขั้นอัมพาตได้ ซ้ำร้ายอาจจะส่งผลให้ทรัพย์สินเสียหายเงินทองรั่วไหลให้มีเรื่องต้องใช้จ่ายหลายทางอย่างที่ไม่คาดคิดไว้ แต่ยังโชคดีที่มีพลังดาวดีดาวเทพมงคลร่วมด้วยช่วยกันถึง 3 ดวงคือ ดาวเทพมงคล龍德(เหล่งเต็ก) ดาวเทพมงคล紫微(จี๋มุ้ย) และดาวเทพมงคล紅鸞(อั่งล้วง) ช่วยส่งเสริมให้พลังชีพไม่อับจน สิ่งชั่วร้ายหลบหนี้อุปสรรคคลี่คลาย จะพบคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือสนับสนุนให้ตำแหน่งหน้าที่ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง เงินทองรายล้อมพรั่งพร้อมเพื่อนคู่คิดมิตรรู้ใจมาช่วยเสริมพลังกำลังใจให้มีแรงขับสู้ยามเจ็บไข้ได้ป่วยตลอดทั้งปี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้าวันอาทิตย์ 12 มกราคม 2025
    อุณหภูมิ(ต่ำสุด) อ.เมือง 18.3°C ขณะนี้ (12:54น.)20.0°C
    การจราจร ที่ แยกสนามบินเชียงใหม่เป็นอัมพาตทั้งบน+ล่าง
    สาเหตุ..คนเยอะ รถมาก ถนนน้อย ที่จอดไม่ค่อยมี
    เช้าวันอาทิตย์ 12 มกราคม 2025 อุณหภูมิ(ต่ำสุด) อ.เมือง 18.3°C ขณะนี้ (12:54น.)20.0°C การจราจร ที่ แยกสนามบินเชียงใหม่เป็นอัมพาตทั้งบน+ล่าง สาเหตุ..คนเยอะ รถมาก ถนนน้อย ที่จอดไม่ค่อยมี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับตำแหน่งเกียรติยศศักดิ์เป็นที่ประจักษ์ต่อคนรอบข้าง มีความสามารถทางวิชาการและทางการทหาร มีเรื่องมงคลที่น่ายินดีได้ลูกหลานฉลาดหัวดี แต่ความลับจะถูกเปิดเผย อนาคตถูกปิดกั้นเพราะเงินทองเป็นเหตุ ธุรกิจส่งออกชะงักให้ต้องเจรจาใหม่อีกรอบ จะเกิดเรื่องนินทาระหว่างเพศหญิง สุขภาพร่างกายจะถดถอยควรใส่ใจโรคเกี่ยวกับตา โรคหัวใจ อัมพาต ไอ ตาแดง ร้อนใน ไข้สูง โรคหัวใจ ความดันโลหิต ผู้หญิงมีประจำเดือนมาก เด็กหญิงระบบเลือดมีปัญหา ตาบอด อีกทั้งอุบัติเหตุเภทภัยอันเนื่องจากเพลิงไหม้ หรือถูกอาวุธทำร้ายให้เสียเลือดเสียเนื้อพึงต้องระวัง

    เสริมความมงคล : ติดหลอดไฟสีแดง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับตำแหน่งเกียรติยศศักดิ์เป็นที่ประจักษ์ต่อคนรอบข้าง มีความสามารถทางวิชาการและทางการทหาร มีเรื่องมงคลที่น่ายินดีได้ลูกหลานฉลาดหัวดี แต่ความลับจะถูกเปิดเผย อนาคตถูกปิดกั้นเพราะเงินทองเป็นเหตุ ธุรกิจส่งออกชะงักให้ต้องเจรจาใหม่อีกรอบ จะเกิดเรื่องนินทาระหว่างเพศหญิง สุขภาพร่างกายจะถดถอยควรใส่ใจโรคเกี่ยวกับตา โรคหัวใจ อัมพาต ไอ ตาแดง ร้อนใน ไข้สูง โรคหัวใจ ความดันโลหิต ผู้หญิงมีประจำเดือนมาก เด็กหญิงระบบเลือดมีปัญหา ตาบอด อีกทั้งอุบัติเหตุเภทภัยอันเนื่องจากเพลิงไหม้ หรือถูกอาวุธทำร้ายให้เสียเลือดเสียเนื้อพึงต้องระวัง เสริมความมงคล : ติดหลอดไฟสีแดง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ควรกิน DINNER หรือ มื้อเย็น

    1. โรคอ้วน เพราะ ร่างกายในขณะที่นอนหลับไม่ได้ใช้พลังงาน เมื่อกินอาหารแล้วเข้านอน ร่างกายจะเก็บทั้งหมด สะสมเป็นไขมัน..พอกพูน ทีละเล็ก ทีละน้อย ทุกวัน

    2. โรค NCD การเก็บไขมันของร่างกาย จะเก็บในรูปของไตรกลีเซอรายด์อุดหลอดเลือดได้ดี การกินมื้อเย็นกระตุ้นภาวะน้ำตาล(เกิน) ทำให้ตับอ่อนไม่ได้พัก นี่แหละ..สาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันสูง แตก ตีบ ตัน โรคหัวใจ อัมพาต..ฯลฯ

    อ้างอิง :
    https://www.youtube.com/watch?v=22_ESUQqUd8
    ไม่ควรกิน DINNER หรือ มื้อเย็น 1. โรคอ้วน เพราะ ร่างกายในขณะที่นอนหลับไม่ได้ใช้พลังงาน เมื่อกินอาหารแล้วเข้านอน ร่างกายจะเก็บทั้งหมด สะสมเป็นไขมัน..พอกพูน ทีละเล็ก ทีละน้อย ทุกวัน 2. โรค NCD การเก็บไขมันของร่างกาย จะเก็บในรูปของไตรกลีเซอรายด์อุดหลอดเลือดได้ดี การกินมื้อเย็นกระตุ้นภาวะน้ำตาล(เกิน) ทำให้ตับอ่อนไม่ได้พัก นี่แหละ..สาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันสูง แตก ตีบ ตัน โรคหัวใจ อัมพาต..ฯลฯ อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=22_ESUQqUd8
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะ การอักเสบของหลอดเลือด(Atherosclerosis) คือ ผู้ร้าย(ตัวจริง)ของโรคเส้นเลือดตีบ แตก ตัน ที่ สมอง+หัวใจ ไม่ใช่"คลอเรสตอรอล"

    ปัจจุบัน จึงควรตรวจ

    1. High Sensitivities CRP คือ การตรวจเพื่อบอกถึงค่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวตีบ การตรวจ hsCRP เป็นการตรวจหาระดับโปรตีนที่มีชื่อว่า C-reactive Protein (ซี-รีแอคทีฟโปรตีน) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในเลือดของเรา แต่ละคนมีระดับ CRP ไม่เท่ากัน หากเซลล์อักเสบอย่างต่อเนื่องระดับ CRP ก็จะสูงตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและพัฒนาไปสู่โรคร้ายหลายๆ ชนิดได้ เช่น มะเร็ง การเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในที่สุด

    2. Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าว Homocysteine จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนตัวอื่น ทำให้มีสาร Homocysteine สูงในเลือดและจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการกระตุ้นการอุดตันของลิ่มเลือดตามมา Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าวเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอดเลือดโดยตรง ดังนั้น ถ้ามี Homocysteine ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกัน ผนังด้านในหลอดเลือดจะเริ่มขรุขระและเริ่มมีตะกรันไขมันมาสะสม ในที่สุดก็จะเกิดการอุดตันหรือตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เร็วกว่าวัยอันควร
    ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Homocysteine ในเลือดสูงนี้นอกจากจะเกิดจากการขาดวิตามินบี 6บี 12 และ กรดโฟลิกแล้วยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กรรมพันธุ์, ร่างกายได้รับ เมทิโอนีน(จากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ชีส) มากเกินไป, การขาดการออกกำลังกาย, การเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไตโรคตับ เบาหวาน มะเร็ง และการได้รับยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาลดกรด และการได้รับสารกระตุ้น เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่

    เมื่อทำการตรวจเลือดแล้วพบว่ามีระดับสาร Homocysteine สูงในเลือด สามารถลดระดับและป้องกันด้วยการเสริม วิตามิน บี6 บี12 กรดโฟลิก หรือ หากไม่ชอบอาหารเสริม ก็ควรรับประทานจากแหล่งธรรมชาติ สำหรับวิตามินบี 6ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ปลา ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ถั่วลิสงจมูกข้าว กล้วยหอม ธัญพืช ผักและผลไม้ต่างๆ วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อหมู ปลา ชีส นม และผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนกรดโฟลิก พบมากในผักสีเขียวทุกชนิด ผลไม้พวกส้ม มะเขือเทศ และอาหารประเภททั่วไป
    ภาวะ การอักเสบของหลอดเลือด(Atherosclerosis) คือ ผู้ร้าย(ตัวจริง)ของโรคเส้นเลือดตีบ แตก ตัน ที่ สมอง+หัวใจ ไม่ใช่"คลอเรสตอรอล" ปัจจุบัน จึงควรตรวจ 1. High Sensitivities CRP คือ การตรวจเพื่อบอกถึงค่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวตีบ การตรวจ hsCRP เป็นการตรวจหาระดับโปรตีนที่มีชื่อว่า C-reactive Protein (ซี-รีแอคทีฟโปรตีน) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในเลือดของเรา แต่ละคนมีระดับ CRP ไม่เท่ากัน หากเซลล์อักเสบอย่างต่อเนื่องระดับ CRP ก็จะสูงตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและพัฒนาไปสู่โรคร้ายหลายๆ ชนิดได้ เช่น มะเร็ง การเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในที่สุด 2. Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าว Homocysteine จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนตัวอื่น ทำให้มีสาร Homocysteine สูงในเลือดและจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการกระตุ้นการอุดตันของลิ่มเลือดตามมา Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าวเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอดเลือดโดยตรง ดังนั้น ถ้ามี Homocysteine ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกัน ผนังด้านในหลอดเลือดจะเริ่มขรุขระและเริ่มมีตะกรันไขมันมาสะสม ในที่สุดก็จะเกิดการอุดตันหรือตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เร็วกว่าวัยอันควร ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Homocysteine ในเลือดสูงนี้นอกจากจะเกิดจากการขาดวิตามินบี 6บี 12 และ กรดโฟลิกแล้วยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กรรมพันธุ์, ร่างกายได้รับ เมทิโอนีน(จากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ชีส) มากเกินไป, การขาดการออกกำลังกาย, การเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไตโรคตับ เบาหวาน มะเร็ง และการได้รับยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาลดกรด และการได้รับสารกระตุ้น เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ เมื่อทำการตรวจเลือดแล้วพบว่ามีระดับสาร Homocysteine สูงในเลือด สามารถลดระดับและป้องกันด้วยการเสริม วิตามิน บี6 บี12 กรดโฟลิก หรือ หากไม่ชอบอาหารเสริม ก็ควรรับประทานจากแหล่งธรรมชาติ สำหรับวิตามินบี 6ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ปลา ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ถั่วลิสงจมูกข้าว กล้วยหอม ธัญพืช ผักและผลไม้ต่างๆ วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อหมู ปลา ชีส นม และผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนกรดโฟลิก พบมากในผักสีเขียวทุกชนิด ผลไม้พวกส้ม มะเขือเทศ และอาหารประเภททั่วไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • เร่งค้นหา 2 ผู้สูญหายจากเหตุเรือชนตอม่อในคลองนาคราช ชุมพร ถนนเอเชียล่องใต้รถวิ่งได้แล้ว แต่น้ำยังท่วมไหล่ทาง ส่วนทางรถไฟยังเป็นอัมพาต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120357

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เร่งค้นหา 2 ผู้สูญหายจากเหตุเรือชนตอม่อในคลองนาคราช ชุมพร ถนนเอเชียล่องใต้รถวิ่งได้แล้ว แต่น้ำยังท่วมไหล่ทาง ส่วนทางรถไฟยังเป็นอัมพาต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120357 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุมพรวิกฤติหนัก ฝนตกต่อเนื่อง ทำภาคใต้เป็นอัมพาต ถนนเอเชีย-ทางรถไฟ น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ปิดเส้นทางการสัญจร ผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120077

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชุมพรวิกฤติหนัก ฝนตกต่อเนื่อง ทำภาคใต้เป็นอัมพาต ถนนเอเชีย-ทางรถไฟ น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ปิดเส้นทางการสัญจร ผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120077 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1030 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณหมอ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือนบิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใคร เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อสมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้ายอันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้างสำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย นะครับศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตขอบคุณรูปจากวารสารดังกล่าวครับ
    คุณหมอ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือนบิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใคร เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อสมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้ายอันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้างสำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย นะครับศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตขอบคุณรูปจากวารสารดังกล่าวครับ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9

    โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม

    มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571

    จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา

    ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี

    ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก

    #Newskit
    เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9 โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571 จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุบัติเหตุส่วนที่แคบที่สุด ถนนพระรามที่ 2

    โศกนาฏกรรมโครงถักเหล็กเลื่อน หรือลอนชิงทัส (Launching Truss) ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 1 ผู้รับจ้าง บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด พังถล่มลงมา บริเวณ ต.คอกกระบือ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลา 04.07 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ส่งผลทำให้การจราจรถนนพระรามที่ 2 เป็นอัมพาต

    เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่แคบที่สุดของถนนพระรามที่ 2 เนื่องจากทางขนาน (Frontage Road) ลอดใต้สะพานทางแยกต่างระดับเอกชัยมีเพียง 1 ช่องจราจร ขณะที่ช่องทางหลัก (Main Road) มี 3 ช่องจราจร แต่ได้ปิดการจราจรช่องทางหลักตั้งแต่เวลา 21.00 น. ถึง 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเพื่อก่อสร้างทางยกระดับ ส่งผลทำให้ช่วงหลัง 21.00 น. การจราจรขาออกกรุงเทพฯ ก่อนถึงมหาชัยเมืองใหม่รถติดเป็นคอขวด กว่าจะผ่านจุดนี้มาได้ในยามปกติก็ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที

    แต่หลังเกิดโศกนาฎกรรม ปรากฎว่ารถติดนานนับชั่วโมง ก่อนหน้านี้ใช้วิธีบีบให้รถทุกคันใช้เส้นทางถนนเอกชัย ไปออกถนนพระรามที่ 2 อีกครั้งแถวตลาดทะเลไทย ขณะที่ถนนสายรอง เช่น ถนนวัดพันท้ายนรสิงห์ และถนนเจษฎาวิถี-สารินซิตี้ ได้รับผลกระทบเช่นกัน รถบางคันหนีไปใช้ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ต่อเนื่องถนนสหกรณ์ ส่วนรถที่มาจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเอกชัย หรือถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนีทดแทน ล่าสุดตำรวจทางหลวง ได้เปิดช่องทางพิเศษระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อระบายรถขาออกกรุงเทพฯ ไปยังภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 21.00 น.ของทุกวัน จนกว่าสถานการณ์จะปกติ

    สำหรับการเคลื่อนย้ายโครงเหล็กติดตั้งสะพานที่ได้รับความเสียหาย ด้านซ้ายทางลงจากตอม่อสะพาน ปลดก้อนคอนกรีตและย้ายโครงเหล็กที่อาจมีผลกระทบด้านขวาทาง กลับสู่ตำแหน่งที่ปลอดภัย คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 14 วัน

    ที่ผ่านมาถนนพระรามที่ 2 ประสบอุบัติเหตุจากการก่อสร้างบ่อยครั้ง ตั้งแต่ปี 2561 ถึงเดือน ม.ค. 2567 รวม 2,244 ครั้ง เสียชีวิต 132 ราย บาดเจ็บ 1,305 ราย โดยมีอุบัติเหตุใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ 31 ก.ค. 2565 แผ่นปูนสะพานกลับรถ กม.34 ทับรถยนต์เสียชีวิต 2 ราย, 8 พ.ค. 2566 แท่นปูนทางยกระดับหล่นทับคนงาน ก่อนถึงบิ๊กซี พระราม 2 เสียชีวิต 1 ราย, 15 ธ.ค. 2566 เหล็กแบบก่อสร้างทับคนงาน ย่านปากทางบางกระดี่ กทม. เสียชีวิต 1 ราย และ 18 ม.ค. 2567 รถเครนสลิงขาด กระเช้าตกลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เสียชีวิต 1 ราย เป็นต้น

    #Newskit
    อุบัติเหตุส่วนที่แคบที่สุด ถนนพระรามที่ 2 โศกนาฏกรรมโครงถักเหล็กเลื่อน หรือลอนชิงทัส (Launching Truss) ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 1 ผู้รับจ้าง บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด พังถล่มลงมา บริเวณ ต.คอกกระบือ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลา 04.07 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ส่งผลทำให้การจราจรถนนพระรามที่ 2 เป็นอัมพาต เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่แคบที่สุดของถนนพระรามที่ 2 เนื่องจากทางขนาน (Frontage Road) ลอดใต้สะพานทางแยกต่างระดับเอกชัยมีเพียง 1 ช่องจราจร ขณะที่ช่องทางหลัก (Main Road) มี 3 ช่องจราจร แต่ได้ปิดการจราจรช่องทางหลักตั้งแต่เวลา 21.00 น. ถึง 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเพื่อก่อสร้างทางยกระดับ ส่งผลทำให้ช่วงหลัง 21.00 น. การจราจรขาออกกรุงเทพฯ ก่อนถึงมหาชัยเมืองใหม่รถติดเป็นคอขวด กว่าจะผ่านจุดนี้มาได้ในยามปกติก็ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แต่หลังเกิดโศกนาฎกรรม ปรากฎว่ารถติดนานนับชั่วโมง ก่อนหน้านี้ใช้วิธีบีบให้รถทุกคันใช้เส้นทางถนนเอกชัย ไปออกถนนพระรามที่ 2 อีกครั้งแถวตลาดทะเลไทย ขณะที่ถนนสายรอง เช่น ถนนวัดพันท้ายนรสิงห์ และถนนเจษฎาวิถี-สารินซิตี้ ได้รับผลกระทบเช่นกัน รถบางคันหนีไปใช้ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ต่อเนื่องถนนสหกรณ์ ส่วนรถที่มาจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเอกชัย หรือถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนีทดแทน ล่าสุดตำรวจทางหลวง ได้เปิดช่องทางพิเศษระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อระบายรถขาออกกรุงเทพฯ ไปยังภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 21.00 น.ของทุกวัน จนกว่าสถานการณ์จะปกติ สำหรับการเคลื่อนย้ายโครงเหล็กติดตั้งสะพานที่ได้รับความเสียหาย ด้านซ้ายทางลงจากตอม่อสะพาน ปลดก้อนคอนกรีตและย้ายโครงเหล็กที่อาจมีผลกระทบด้านขวาทาง กลับสู่ตำแหน่งที่ปลอดภัย คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 14 วัน ที่ผ่านมาถนนพระรามที่ 2 ประสบอุบัติเหตุจากการก่อสร้างบ่อยครั้ง ตั้งแต่ปี 2561 ถึงเดือน ม.ค. 2567 รวม 2,244 ครั้ง เสียชีวิต 132 ราย บาดเจ็บ 1,305 ราย โดยมีอุบัติเหตุใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ 31 ก.ค. 2565 แผ่นปูนสะพานกลับรถ กม.34 ทับรถยนต์เสียชีวิต 2 ราย, 8 พ.ค. 2566 แท่นปูนทางยกระดับหล่นทับคนงาน ก่อนถึงบิ๊กซี พระราม 2 เสียชีวิต 1 ราย, 15 ธ.ค. 2566 เหล็กแบบก่อสร้างทับคนงาน ย่านปากทางบางกระดี่ กทม. เสียชีวิต 1 ราย และ 18 ม.ค. 2567 รถเครนสลิงขาด กระเช้าตกลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เสียชีวิต 1 ราย เป็นต้น #Newskit
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1)

    ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี

    วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว
    แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ

    รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ
    (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582)
    ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน)

    ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน

    ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน
    แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths
    และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    การติดตามผู้ที่ได้รับผล
    กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี

    สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL)

    ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย

    สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้
    พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ)

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1) ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582) ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน) ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง การติดตามผู้ที่ได้รับผล กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL) ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้ พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1039 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม WRB Fighting Stroke #WBR10 กิจกรรมออกกำลังกาย "เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ" สนามจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลพันท้ายนรสิงห์ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดกิจกรรมนี้ครับ
    ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม WRB Fighting Stroke #WBR10 กิจกรรมออกกำลังกาย "เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ" สนามจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลพันท้ายนรสิงห์ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดกิจกรรมนี้ครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำคัญคือ
    ตัวเลข อัมพฤกษ์อัมพาตและตายจากเส้นเลือดในสมองที่สูงลิบเหล่านี้ มีปัจจัยอย่างอื่นด้วยหรือไม่
    และการไม่ให้อยู่เนือยนิ่ง นั่งเฉยๆ ให้ออกกำลัง รักษาโรคประจำตัว ซึ่งเป็นคำขวัญมานานประมาณ 10 ปีแล้ว หรือนานกว่าด้วยซ้ำ

    เหล่านี้จะปะทะกับผู้ร้ายลักษณะนี้ได้หรือไม่
    ถ้าเรายังไม่ทราบว่าผู้ร้ายกลุ่มนี้คือใครและอะไร?
    และ โรคหลอดเลือดสมองสัมพันธ์กับหัวใจยังหลีกเลี่ยงไม่ได้และความแปรปรวนของเลือดและน้ำเหลือง
    ความสำคัญคือ ตัวเลข อัมพฤกษ์อัมพาตและตายจากเส้นเลือดในสมองที่สูงลิบเหล่านี้ มีปัจจัยอย่างอื่นด้วยหรือไม่ และการไม่ให้อยู่เนือยนิ่ง นั่งเฉยๆ ให้ออกกำลัง รักษาโรคประจำตัว ซึ่งเป็นคำขวัญมานานประมาณ 10 ปีแล้ว หรือนานกว่าด้วยซ้ำ เหล่านี้จะปะทะกับผู้ร้ายลักษณะนี้ได้หรือไม่ ถ้าเรายังไม่ทราบว่าผู้ร้ายกลุ่มนี้คือใครและอะไร? และ โรคหลอดเลือดสมองสัมพันธ์กับหัวใจยังหลีกเลี่ยงไม่ได้และความแปรปรวนของเลือดและน้ำเหลือง
    Like
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์
    เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา

    กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

    ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่

    หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ

    สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย

    อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)

    ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”

    ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง

    สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E
    ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke

    #Thaitimes
    บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์ เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่ หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู” ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 909 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/10/67

    “อันตรายแบบไม่คาด
    คิดกับการเงยศรีษะ
    และก้มตัวลง”

    ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์
    ผู้เชี่ยวชาญด้านกาย
    ภาพบำบัด มข. แนะนำ เตือน สว.ควรตระหนักจากข้อมูล ของ
    Cr: Surakhuang Asavanich ดังนี้:-
    ————————
    เขียนเตือนตัวเอง…และเตือนเพื่อนๆผู้
    สูงวัยอีกครั้ง…เพราะ คนแก่มักขี้ลืม…จึงต้องเตือนอีก…เพราะเพื่อนเสร็จไปอีก 2 ราย

    ~ เพื่อนผู้สูงวัย…ท่านหนึ่ง เป็นนายพลเอก…เกษียณมาได้ 10 ปีเศษ…ออกรอบเล่นกอล์ฟบ่อย…เล่นเทนนิสด้วย…ถือว่า เป็นผู้สูงวัยที่สุขภาพดี…ยังเตะปี๊บดัง…แม้แก่แล้ว…ก็ยังท่องเที่ยวไปทุกย่านน้ำ……
    ~ จึงประมาท…หลอดไฟที่บ้านดับ…จึงลุกไปเปลี่ยนหลอดไฟที่เพดานเอง …ขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ 4 ขาที่แข็งแรง… เพื่อจะเปลี่ยนหลอดไฟ…
    ~ แต่… แต่ ในช่วงแหงนหน้าเงยขึ้นมองหลอดไฟ…ปรากฏว่า…แหงนมากไปหน่อย …กระดูกที่ก้านคอ …ไปกดทับเส้นเลือด …ที่ไปเลี้ยงสมอง…… ปรากฏว่า… ล้มตกเก้าอี้ลงมา… เพราะ เลือดไปเลี้ยงสมอง ขาดตอนไปในช่วงนั้น …ตอนนี้ได้แต่นอนอัมพาตไม่รู้ตัว ……อันตรายเหลือเกิน สำหรับการแหงนคอผิดท่า……ของผู้สูงวัย…… เลยนำมาเตือนอีกครั้ง…… จะได้ระวังตัวกันให้มากขึ้น…ในช่วงแหงนหน้าสอยผลไม้…ก็เฉกเช่นเดียวกัน…แก่แล้ว…ห้ามประมาทนะจ๊ะ…ลูกหลานจะลำบาก

    ~ เพื่อนอีกคน……ผิดท่า……ในการก้มและเงย ……ปกติ เขาจะเปิดพัดลมตั้งพื้นด้วยเท้า……ในวันเกิดเหตุ……แทนการใช้เท้าเปิดพัดลม…… วันนั้น……กลับมีมารยาท…ก้มลงใช้มือเปิดพัดลม ……พอก้มกดเปิดเสร็จ ……ตอนเงยหน้าขึ้นมา…ผิดท่าอย่างไรไม่รู้……ขาเกิดไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง ……ล้มทั้งยืน ……ตอนนี้…ยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่…จะลุกจะเดินทรมานมาก … เดินตัวแข็งทื่อ ……เพราะฉะนั้น…… เพื่อนๆ ที่เข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว…เวลาจะก้มจะเงย ……ต้องระวังตัวให้มากขึ้น…จะทำแบบที่เคยทำในช่วงที่มีอายุยังไม่มากไม่ได้…ต้องทำอะไรให้ช้าลงด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น

    ~ อนึ่ง ในเวลาหันหน้าไปด้านข้าง……โดยเฉพาะในรถ……ก็ต้องพยายามหันตัวไปด้วย……ยกก้นขยับตัวสักหน่อย…อย่าหันแต่ศีรษะ……แม้เคยทำได้ตลอดมา…แต่ ต้องไม่ลืมว่า…สังขารมีความเสื่อมลงไปทุกวัน…ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม…เพราะทั้งหมด……ที่ยกตัวอย่างมา…เป็นท่าที่มีอันตรายต่อระบบหลอดเลือด…ของทุกคน ที่เป็นผู้สูงวัยนะ…หากประมาท…เพื่อนอาจเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตได้ง่ายๆนะ…จึงขอเตือนมาอีกครั้ง
    10/10/67 “อันตรายแบบไม่คาด คิดกับการเงยศรีษะ และก้มตัวลง” ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาย ภาพบำบัด มข. แนะนำ เตือน สว.ควรตระหนักจากข้อมูล ของ Cr: Surakhuang Asavanich ดังนี้:- ———————— เขียนเตือนตัวเอง…และเตือนเพื่อนๆผู้ สูงวัยอีกครั้ง…เพราะ คนแก่มักขี้ลืม…จึงต้องเตือนอีก…เพราะเพื่อนเสร็จไปอีก 2 ราย ~ เพื่อนผู้สูงวัย…ท่านหนึ่ง เป็นนายพลเอก…เกษียณมาได้ 10 ปีเศษ…ออกรอบเล่นกอล์ฟบ่อย…เล่นเทนนิสด้วย…ถือว่า เป็นผู้สูงวัยที่สุขภาพดี…ยังเตะปี๊บดัง…แม้แก่แล้ว…ก็ยังท่องเที่ยวไปทุกย่านน้ำ…… ~ จึงประมาท…หลอดไฟที่บ้านดับ…จึงลุกไปเปลี่ยนหลอดไฟที่เพดานเอง …ขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ 4 ขาที่แข็งแรง… เพื่อจะเปลี่ยนหลอดไฟ… ~ แต่… แต่ ในช่วงแหงนหน้าเงยขึ้นมองหลอดไฟ…ปรากฏว่า…แหงนมากไปหน่อย …กระดูกที่ก้านคอ …ไปกดทับเส้นเลือด …ที่ไปเลี้ยงสมอง…… ปรากฏว่า… ล้มตกเก้าอี้ลงมา… เพราะ เลือดไปเลี้ยงสมอง ขาดตอนไปในช่วงนั้น …ตอนนี้ได้แต่นอนอัมพาตไม่รู้ตัว ……อันตรายเหลือเกิน สำหรับการแหงนคอผิดท่า……ของผู้สูงวัย…… เลยนำมาเตือนอีกครั้ง…… จะได้ระวังตัวกันให้มากขึ้น…ในช่วงแหงนหน้าสอยผลไม้…ก็เฉกเช่นเดียวกัน…แก่แล้ว…ห้ามประมาทนะจ๊ะ…ลูกหลานจะลำบาก ~ เพื่อนอีกคน……ผิดท่า……ในการก้มและเงย ……ปกติ เขาจะเปิดพัดลมตั้งพื้นด้วยเท้า……ในวันเกิดเหตุ……แทนการใช้เท้าเปิดพัดลม…… วันนั้น……กลับมีมารยาท…ก้มลงใช้มือเปิดพัดลม ……พอก้มกดเปิดเสร็จ ……ตอนเงยหน้าขึ้นมา…ผิดท่าอย่างไรไม่รู้……ขาเกิดไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง ……ล้มทั้งยืน ……ตอนนี้…ยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่…จะลุกจะเดินทรมานมาก … เดินตัวแข็งทื่อ ……เพราะฉะนั้น…… เพื่อนๆ ที่เข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว…เวลาจะก้มจะเงย ……ต้องระวังตัวให้มากขึ้น…จะทำแบบที่เคยทำในช่วงที่มีอายุยังไม่มากไม่ได้…ต้องทำอะไรให้ช้าลงด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น ~ อนึ่ง ในเวลาหันหน้าไปด้านข้าง……โดยเฉพาะในรถ……ก็ต้องพยายามหันตัวไปด้วย……ยกก้นขยับตัวสักหน่อย…อย่าหันแต่ศีรษะ……แม้เคยทำได้ตลอดมา…แต่ ต้องไม่ลืมว่า…สังขารมีความเสื่อมลงไปทุกวัน…ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม…เพราะทั้งหมด……ที่ยกตัวอย่างมา…เป็นท่าที่มีอันตรายต่อระบบหลอดเลือด…ของทุกคน ที่เป็นผู้สูงวัยนะ…หากประมาท…เพื่อนอาจเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตได้ง่ายๆนะ…จึงขอเตือนมาอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮ้ลท์ตี้โฮม สระบุรี
    ตั้งอยูที่ ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี 🚗 ห่างจากตัวเมืองสระบุรี 30กม.
    🎊 ถนนพระพุทธบาท-บ้านหมอ
    🏥 ใกล้ รพ.บ้านหมอ , รพ .พระพุทธบาท
    📌แผนที่: https://maps.app.goo.gl/szRZkap1yPyxvRQQ9
    👉:ข้อมูลติดต่อ
    📞:โทร: 081-946-4048
    📲: ไลน์@ https://lin.ee/nLWzPcS
    IDไลน์ : @sj.hth
    #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮลท์ตี้โฮมสระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #สระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสระบุรี #สโตรก #หลอดเลือดสมอง #ศูนย์ฟื้นฟู #เส้นเลือดตีบ #อัมพฤกษ์ #อัมพาต #ธาราบำบัด #เส้นเลือดตีบ #กายภาพบำบัด #กิจกรรมบำบัด
    ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️ ดูน้อยลง
    ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮ้ลท์ตี้โฮม สระบุรี ตั้งอยูที่ ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี 🚗 ห่างจากตัวเมืองสระบุรี 30กม. 🎊 ถนนพระพุทธบาท-บ้านหมอ 🏥 ใกล้ รพ.บ้านหมอ , รพ .พระพุทธบาท 📌แผนที่: https://maps.app.goo.gl/szRZkap1yPyxvRQQ9 👉:ข้อมูลติดต่อ 📞:โทร: 081-946-4048 📲: ไลน์@ https://lin.ee/nLWzPcS IDไลน์ : @sj.hth #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮลท์ตี้โฮมสระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #สระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสระบุรี #สโตรก #หลอดเลือดสมอง #ศูนย์ฟื้นฟู #เส้นเลือดตีบ #อัมพฤกษ์ #อัมพาต #ธาราบำบัด #เส้นเลือดตีบ #กายภาพบำบัด #กิจกรรมบำบัด ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️ ดูน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉
    สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง
    หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก
    เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม
    โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​
    ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​
    ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน
    ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​
    จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา
    ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ
    เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ
    ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​
    อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​
    โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​
    หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค
    ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง
    https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉 สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​ ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​ ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​ จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​ อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​ หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#ปูตินพูดถึงเลนิน#ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดคือการเปลี่ยนประเทศที่เป็นเอกภาพให้เป็นสหภาพรัฐ🤠

    หากรัสเซียไม่สามารถเอาชนะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในปัจจุบันได้ ก็มีแนวโน้มมากที่รัสเซียจะต้องเผชิญวิกฤติการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1991 อีกครั้ง และนี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลย

    😎สหภาพโซเวียตล่มสลายได้อย่างไร?😎 นี่เป็นปัญหาข้ามศตวรรษซึ่งยังคงค้างคาอยู่ในจิตใจของนักประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปีค.ศ. 1991

    “อาณาเขตอันกว้างใหญ่ อุตสาหกรรมหนักที่พัฒนาแล้ว และความแข็งแกร่งทางการทหารครั้งหนึ่งเคยทำให้ชาวอเมริกันที่หยิ่งยโสหวาดกลัว”

    จนถึงทุกวันนี้ ในทุกมุมของโลก ยังมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดถึงอาณาจักรสีแดงในอดีต

    ในฐานะสมาชิกของอดีตจักรวรรดิโซเวียตอันยิ่งใหญ่ และในฐานะหัวหน้ารัฐบาลรัสเซียในปัจจุบัน 😎ปูตินพูดไม่ออกและพูดนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเผชิญการสัมภาษณ์ : ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกเสียใจต่อกรณีสหภาพโซเวียตย่อมไม่มีจิตสำนึกในมโนธรรม😎

    แต่ในขณะเดียวกัน ปูตินก็กล่าวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจดังนี้ว่า

    😎“โศกนาฏกรรมของสหภาพโซเวียตถึงวาระกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม คือ เลนินเองที่เป็นผู้เปลี่ยนประเทศทั้งประเทศให้กลายเป็นพันธมิตรที่เบื้องหน้าดูเหมือนจะกลมกลืนกัน” 😎

    🤠แล้วอะไรคือเหตุผลว่าทำไมปูตินจึงประเมินอดีตสหภาพโซเวียตและเลนินอย่างเปลือยเปล่าและเปิดเผยต่อสาธารณะ? การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งโศกนาฏกรรมที่เลนินหว่านเพาะไว้จริง ๆ หรือไม่?🤠

    🥰หนึ่ง🥰

    ในปีค.ศ. 1914 เริ่มแรกเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรป

    แม้ว่าการสู้รบจะดุเดือดในภายนอก แต่ภายในรัสเซียในขณะนั้น ยังคงมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงในประเด็นที่ว่าใครครอบครองอยู่ในอำนาจปกครอง รัฐบาลเฉพาะกาลชนชั้นกระฎุมพีหรือว่ารัฐบาลโซเวียต

    ในเวลานี้ เลนินยังส่งเสริมแนวคิดเรื่องชนชั้นกรรมาชีพทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง

    ในขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลในรัสเซียประสบความพ่ายแพ้อันน่าสลดใจในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนก็เริ่มออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนเพื่อต่อต้านการไร้ความสามารถของรัฐบาลเฉพาะกาล

    เมื่อต้องเผชิญกับผู้ประท้วงจำนวนมาก รัฐบาลชั่วคราวของรัสเซียจึงเลือกที่จะใช้กำลังเพื่อปราบปรามพวกเขา แม้ว่าสังคมจะเงียบสงบชั่วคราว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าพายุการเมืองลูกใหญ่กำลังจะโจมตี

    เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1917 ภายใต้เสียงปลุกระดมของเลนิน ชนชั้นแรงงานในรัสเซียเริ่มโจมตีรัฐบาลเฉพาะกาลชนชั้นกระฎุมพี

    ชั่วข้ามคืน รัฐบาลเฉพาะกาลถอนตัวออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง ตามมาด้วยการกำเนิดสาธารณรัฐโซเวียตใหม่ ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติได้พลิกโฉมหน้าใหม่

    การกำเนิดของโซเวียตรัสเซียได้สร้างแบบอย่างและแรงบันดาลใจมากมายให้กับประเทศเล็กๆ หลายแห่งซึ่งแต่เดิมถูกควบคุมโดยซาร์รัสเซีย

    🥰สอง🥰

    ในการประชุมรัฐสภาโซเวียตครั้งแรกในปี ค.ศ. 1922 เลนินละทิ้งประวัติศาสตร์ของซาร์รัสเซีย และเลือกที่จะไม่สถาปนารัฐที่มีหลายเชื้อชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กลับเลือกที่จะสร้างสถาปนาแนวร่วมของรัฐต่างๆแทน

    ดังนั้นการดำรงอยู่ของซาร์รัสเซียที่มีหลายเชื้อชาติเป็นหนึ่งเดียวมันเป็นการดำรงเหลือคงอยู่แบบใด?

    ในศตวรรษที่ 13 กองทัพม้าของ โกลเดนฮอร์ด (Golden Horde金帐汗国)ชาวมองโกเลียเหยียบย่ำเข้าไปในดินแดนที่ปัจจุบันคือรัสเซีย ดังนั้นในช่วงเวลาอันยาวนานที่ซาร์รัสเซียจึงถือเอาการได้โค่นล้มการปกครองของมองโกเลียเป็นเรื่องราวระดับชาติของพวกเขา

    ในช่วงการกบฏอำนาจของอาณาเขตมอสโกค่อยๆเติบโต เริ่มค่อยๆพยายามแยกตัวออกจากการปกครองของมองโกล

    ในปีค.ศ. 1480 อีวานที่ 3 วาซีลเยวิช(Ivan III Vasilyevich伊凡三世·瓦西里耶维奇) แห่งมอสโกได้นำประชาชนฟื้นฟูการปกครองที่เป็นอิสระอย่างเป็นทางการ

    😎นั่นคือต่อมาเป็นซาร์รัสเซียนั่นเอง😎

    หลังจากผ่านช่วงเวลาความเจริญขึ้นๆ ลงๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี การถือกำเนิดของจักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)ได้นำพารัสเซียไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

    สิ่งควรค่าที่จะกล่าวภึงคือ ในปีค.ศ. 1721 หลังจากที่จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)นำประชาชนของเขาเอาชนะสวีเดน เขาก็ประสบความสำเร็จในการยืนหยัดอยู่ท่ามกลางประเทศมหาอำนาจของโลก

    เพื่อบรรลุถึงความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขายิ่งขึ้น และยังเพื่อที่รักษาความมั่นคงตำแหน่งอำนาจของพวกเขา วุฒิสภารัสเซียจึงได้สวมมงกุฎแก่ปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)เป็นจักรพรรดิ

    😎ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปที่ซาร์รัสเซียกลายเป็นจักรวรรดิรัสเซียอย่างเป็นทางการ😎

    🤠กล่าวคือ ภายใต้ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ ซาร์รัสเซียไม่เคยได้เป็นพันธมิตรระหว่างประเทศ แต่เป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาโดยตลอด🤠

    🥰สาม🥰

    ปูตินเป็นคนเข้มแข็ง เขาสนับสนุนการเมืองที่เข้มแข็ง และแนวคิดเรื่องความสามัคคีนั้นหยั่งรากลึกอยู่ในกระดูกของเขา ในมุมมองของเขา ตัวเขาเองใช้เวลาทั้งชีวิตทำงานอย่างหนักเพื่อให้รัสเซียสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวไปข้างหน้า

    เขาชื่นชมการเมืองที่เข้มแข็งของสตาลิน และเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางการสร้างชาติของเลนิน

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเลนินได้สร้างพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นครั้งแรกที่ชาวสลาฟรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและความภาคภูมิใจที่ได้ยืนอยู่ที่หัวสะพานของโลก

    แต่ในทางกลับกัน และเป็นเพราะการรวมตัวแบบที่มีความหลวมตัวของพันธมิตรของประเทศต่างๆ ที่ก่อตั้งโดยเลนินนั่นเอง ทำให้หลายประเทศในปัจจุบันสามารถแยกตัวออกจากรัสเซียได้อย่างรวดเร็ว และแม้กระทั่งหันไปทางตะวันตกโดยสิ้นเชิง เช่น ยูเครนในปัจจุบัน

    แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ก็ไม่ยากเลยที่จะเห็นว่า ไม่ใช่ว่าเลนินไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่พันธมิตรระดับชาติ หากเลนินมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปี บางทีเขาอาจจะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตได้

    ในเวลานั้น สหภาพโซเวียต เชชเนีย ยูเครน และภูมิภาคอื่นๆ มักเรียกร้องเอกราช แม้จะต้องแลกกับการสู้รบก็ตาม

    สหภาพโซเวียตซึ่งเพิ่งโผล่ออกมาจากควันแห่งความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่สามารถต้านทานวิกฤติการแยกตัวออกใหม่หรือจุดประกายสงครามอีกครั้งได้

    เมื่อถูกบังคับกดดันจนไม่มีหนทางที่เหมาะสม เลนินทำได้แค่แนวทางสายเฉลี่ยปานกลางเท่านั้น นั่นก็คือในรูปแบบของพันธมิตรระดับชาติ ซึ่งก็คือการยึดรักษากลุ่มชาติพันธุ์และภูมิภาคที่มีอาการไม่สงบเหล่านี้ไว้อย่างมั่นคงให้อยู่ภายใต้เคียวสีแดงของสหภาพโซเวียต

    🥰สี่🥰

    การล่มสลายของสหภาพโซเวียตมีสาเหตุหลายประการ และไม่สามารถนำมาประกอบว่าเป็นสาเหตุอย่างง่ายๆเนื่องจากบุคคลคนเดียวหรือปัจจัยนอกอาณาเขตอื่นๆ ได้

    😎ประการที่หนึ่ง คือ ความแข็งแกร่งของระบบ😎

    : เลนินออกแบบพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่สำหรับอนาคตของสหภาพโซเวียต แต่มันก็มีอุดมคติมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้สตาลินถึงกับเยาะเย้ยดูแคลนสิ่งดังกล่าวเพื่อที่จะกลายเป็นมหาอำนาจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในโลกอย่างรวดเร็ว

    สตาลินเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก และกำลังคนและทรัพยากรทั้งหมดถูกบังคับให้เอียงเทไปด้านหนึ่ง

    แม้ว่าการพัฒนาอย่างรวดเร็วจะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สหภาพโซเวียตยักษ์ใหญ่ตนนี้เดินด้วยขาเดียวซึ่งไม่มั่นคง

    ดังนั้น เมื่อกองกำลังอิทธิพลตะวันตกบุกเข้ามา เพียงแค่วิวัฒนาการอย่างสันติเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายขาอีกข้างของสหภาพโซเวียตและทำให้เป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิง

    😎ประการที่สอง คือ การสูญเสียการสำรวจตรวจสอบ😎

    🤠เติ้งกง(邓公)เคยกล่าวไว้ว่า สังคมนิยมแท้จริงแล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร?สหภาพโซเวียตทำสิ่งนี้มาหลายทศวรรษแล้ว ยังไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร เพียงแค่ประโยคเดียว เขาก็เข้าถึงประเด็นสำคัญของสหภาพโซเวียตอย่างแม่นยำ🤠

    ตั้งแต่สตาลินไปจนถึงครุสชอฟไปจนถึงเบรจเนฟและแม้แต่กอร์บาชอฟ พวกเขาต่างพยายามสำรวจว่าลัทธิสังคมนิยมในจินตนาการจะเป็นอย่างไร

    แต่เมื่อได้เห็นลักษณะลีลาร้อยแปดพันเก้าต่างๆ ของชาติตะวันตกแล้ว พวกเขาก็เริ่มมีความสั่นคลอนอุดมคติและความเชื่อมั่นของตน เกี่ยวการสำรวจและปฏิบัติทางสังคมนิยมจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะออกนอกเส้นทาง

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰

    🤠#ปูตินพูดถึงเลนิน#ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดคือการเปลี่ยนประเทศที่เป็นเอกภาพให้เป็นสหภาพรัฐ🤠 หากรัสเซียไม่สามารถเอาชนะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในปัจจุบันได้ ก็มีแนวโน้มมากที่รัสเซียจะต้องเผชิญวิกฤติการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1991 อีกครั้ง และนี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลย 😎สหภาพโซเวียตล่มสลายได้อย่างไร?😎 นี่เป็นปัญหาข้ามศตวรรษซึ่งยังคงค้างคาอยู่ในจิตใจของนักประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปีค.ศ. 1991 “อาณาเขตอันกว้างใหญ่ อุตสาหกรรมหนักที่พัฒนาแล้ว และความแข็งแกร่งทางการทหารครั้งหนึ่งเคยทำให้ชาวอเมริกันที่หยิ่งยโสหวาดกลัว” จนถึงทุกวันนี้ ในทุกมุมของโลก ยังมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดถึงอาณาจักรสีแดงในอดีต ในฐานะสมาชิกของอดีตจักรวรรดิโซเวียตอันยิ่งใหญ่ และในฐานะหัวหน้ารัฐบาลรัสเซียในปัจจุบัน 😎ปูตินพูดไม่ออกและพูดนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเผชิญการสัมภาษณ์ : ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกเสียใจต่อกรณีสหภาพโซเวียตย่อมไม่มีจิตสำนึกในมโนธรรม😎 แต่ในขณะเดียวกัน ปูตินก็กล่าวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจดังนี้ว่า 😎“โศกนาฏกรรมของสหภาพโซเวียตถึงวาระกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม คือ เลนินเองที่เป็นผู้เปลี่ยนประเทศทั้งประเทศให้กลายเป็นพันธมิตรที่เบื้องหน้าดูเหมือนจะกลมกลืนกัน” 😎 🤠แล้วอะไรคือเหตุผลว่าทำไมปูตินจึงประเมินอดีตสหภาพโซเวียตและเลนินอย่างเปลือยเปล่าและเปิดเผยต่อสาธารณะ? การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งโศกนาฏกรรมที่เลนินหว่านเพาะไว้จริง ๆ หรือไม่?🤠 🥰หนึ่ง🥰 ในปีค.ศ. 1914 เริ่มแรกเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรป แม้ว่าการสู้รบจะดุเดือดในภายนอก แต่ภายในรัสเซียในขณะนั้น ยังคงมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงในประเด็นที่ว่าใครครอบครองอยู่ในอำนาจปกครอง รัฐบาลเฉพาะกาลชนชั้นกระฎุมพีหรือว่ารัฐบาลโซเวียต ในเวลานี้ เลนินยังส่งเสริมแนวคิดเรื่องชนชั้นกรรมาชีพทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลในรัสเซียประสบความพ่ายแพ้อันน่าสลดใจในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนก็เริ่มออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนเพื่อต่อต้านการไร้ความสามารถของรัฐบาลเฉพาะกาล เมื่อต้องเผชิญกับผู้ประท้วงจำนวนมาก รัฐบาลชั่วคราวของรัสเซียจึงเลือกที่จะใช้กำลังเพื่อปราบปรามพวกเขา แม้ว่าสังคมจะเงียบสงบชั่วคราว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าพายุการเมืองลูกใหญ่กำลังจะโจมตี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1917 ภายใต้เสียงปลุกระดมของเลนิน ชนชั้นแรงงานในรัสเซียเริ่มโจมตีรัฐบาลเฉพาะกาลชนชั้นกระฎุมพี ชั่วข้ามคืน รัฐบาลเฉพาะกาลถอนตัวออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง ตามมาด้วยการกำเนิดสาธารณรัฐโซเวียตใหม่ ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติได้พลิกโฉมหน้าใหม่ การกำเนิดของโซเวียตรัสเซียได้สร้างแบบอย่างและแรงบันดาลใจมากมายให้กับประเทศเล็กๆ หลายแห่งซึ่งแต่เดิมถูกควบคุมโดยซาร์รัสเซีย 🥰สอง🥰 ในการประชุมรัฐสภาโซเวียตครั้งแรกในปี ค.ศ. 1922 เลนินละทิ้งประวัติศาสตร์ของซาร์รัสเซีย และเลือกที่จะไม่สถาปนารัฐที่มีหลายเชื้อชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กลับเลือกที่จะสร้างสถาปนาแนวร่วมของรัฐต่างๆแทน ดังนั้นการดำรงอยู่ของซาร์รัสเซียที่มีหลายเชื้อชาติเป็นหนึ่งเดียวมันเป็นการดำรงเหลือคงอยู่แบบใด? ในศตวรรษที่ 13 กองทัพม้าของ โกลเดนฮอร์ด (Golden Horde金帐汗国)ชาวมองโกเลียเหยียบย่ำเข้าไปในดินแดนที่ปัจจุบันคือรัสเซีย ดังนั้นในช่วงเวลาอันยาวนานที่ซาร์รัสเซียจึงถือเอาการได้โค่นล้มการปกครองของมองโกเลียเป็นเรื่องราวระดับชาติของพวกเขา ในช่วงการกบฏอำนาจของอาณาเขตมอสโกค่อยๆเติบโต เริ่มค่อยๆพยายามแยกตัวออกจากการปกครองของมองโกล ในปีค.ศ. 1480 อีวานที่ 3 วาซีลเยวิช(Ivan III Vasilyevich伊凡三世·瓦西里耶维奇) แห่งมอสโกได้นำประชาชนฟื้นฟูการปกครองที่เป็นอิสระอย่างเป็นทางการ 😎นั่นคือต่อมาเป็นซาร์รัสเซียนั่นเอง😎 หลังจากผ่านช่วงเวลาความเจริญขึ้นๆ ลงๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี การถือกำเนิดของจักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)ได้นำพารัสเซียไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง สิ่งควรค่าที่จะกล่าวภึงคือ ในปีค.ศ. 1721 หลังจากที่จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)นำประชาชนของเขาเอาชนะสวีเดน เขาก็ประสบความสำเร็จในการยืนหยัดอยู่ท่ามกลางประเทศมหาอำนาจของโลก เพื่อบรรลุถึงความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขายิ่งขึ้น และยังเพื่อที่รักษาความมั่นคงตำแหน่งอำนาจของพวกเขา วุฒิสภารัสเซียจึงได้สวมมงกุฎแก่ปีเตอร์มหาราช (Peter the Great彼得一世)เป็นจักรพรรดิ 😎ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปที่ซาร์รัสเซียกลายเป็นจักรวรรดิรัสเซียอย่างเป็นทางการ😎 🤠กล่าวคือ ภายใต้ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ ซาร์รัสเซียไม่เคยได้เป็นพันธมิตรระหว่างประเทศ แต่เป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาโดยตลอด🤠 🥰สาม🥰 ปูตินเป็นคนเข้มแข็ง เขาสนับสนุนการเมืองที่เข้มแข็ง และแนวคิดเรื่องความสามัคคีนั้นหยั่งรากลึกอยู่ในกระดูกของเขา ในมุมมองของเขา ตัวเขาเองใช้เวลาทั้งชีวิตทำงานอย่างหนักเพื่อให้รัสเซียสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวไปข้างหน้า เขาชื่นชมการเมืองที่เข้มแข็งของสตาลิน และเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางการสร้างชาติของเลนิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเลนินได้สร้างพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นครั้งแรกที่ชาวสลาฟรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและความภาคภูมิใจที่ได้ยืนอยู่ที่หัวสะพานของโลก แต่ในทางกลับกัน และเป็นเพราะการรวมตัวแบบที่มีความหลวมตัวของพันธมิตรของประเทศต่างๆ ที่ก่อตั้งโดยเลนินนั่นเอง ทำให้หลายประเทศในปัจจุบันสามารถแยกตัวออกจากรัสเซียได้อย่างรวดเร็ว และแม้กระทั่งหันไปทางตะวันตกโดยสิ้นเชิง เช่น ยูเครนในปัจจุบัน แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ก็ไม่ยากเลยที่จะเห็นว่า ไม่ใช่ว่าเลนินไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่พันธมิตรระดับชาติ หากเลนินมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปี บางทีเขาอาจจะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตได้ ในเวลานั้น สหภาพโซเวียต เชชเนีย ยูเครน และภูมิภาคอื่นๆ มักเรียกร้องเอกราช แม้จะต้องแลกกับการสู้รบก็ตาม สหภาพโซเวียตซึ่งเพิ่งโผล่ออกมาจากควันแห่งความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่สามารถต้านทานวิกฤติการแยกตัวออกใหม่หรือจุดประกายสงครามอีกครั้งได้ เมื่อถูกบังคับกดดันจนไม่มีหนทางที่เหมาะสม เลนินทำได้แค่แนวทางสายเฉลี่ยปานกลางเท่านั้น นั่นก็คือในรูปแบบของพันธมิตรระดับชาติ ซึ่งก็คือการยึดรักษากลุ่มชาติพันธุ์และภูมิภาคที่มีอาการไม่สงบเหล่านี้ไว้อย่างมั่นคงให้อยู่ภายใต้เคียวสีแดงของสหภาพโซเวียต 🥰สี่🥰 การล่มสลายของสหภาพโซเวียตมีสาเหตุหลายประการ และไม่สามารถนำมาประกอบว่าเป็นสาเหตุอย่างง่ายๆเนื่องจากบุคคลคนเดียวหรือปัจจัยนอกอาณาเขตอื่นๆ ได้ 😎ประการที่หนึ่ง คือ ความแข็งแกร่งของระบบ😎 : เลนินออกแบบพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่สำหรับอนาคตของสหภาพโซเวียต แต่มันก็มีอุดมคติมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้สตาลินถึงกับเยาะเย้ยดูแคลนสิ่งดังกล่าวเพื่อที่จะกลายเป็นมหาอำนาจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในโลกอย่างรวดเร็ว สตาลินเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก และกำลังคนและทรัพยากรทั้งหมดถูกบังคับให้เอียงเทไปด้านหนึ่ง แม้ว่าการพัฒนาอย่างรวดเร็วจะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สหภาพโซเวียตยักษ์ใหญ่ตนนี้เดินด้วยขาเดียวซึ่งไม่มั่นคง ดังนั้น เมื่อกองกำลังอิทธิพลตะวันตกบุกเข้ามา เพียงแค่วิวัฒนาการอย่างสันติเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายขาอีกข้างของสหภาพโซเวียตและทำให้เป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิง 😎ประการที่สอง คือ การสูญเสียการสำรวจตรวจสอบ😎 🤠เติ้งกง(邓公)เคยกล่าวไว้ว่า สังคมนิยมแท้จริงแล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร?สหภาพโซเวียตทำสิ่งนี้มาหลายทศวรรษแล้ว ยังไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร เพียงแค่ประโยคเดียว เขาก็เข้าถึงประเด็นสำคัญของสหภาพโซเวียตอย่างแม่นยำ🤠 ตั้งแต่สตาลินไปจนถึงครุสชอฟไปจนถึงเบรจเนฟและแม้แต่กอร์บาชอฟ พวกเขาต่างพยายามสำรวจว่าลัทธิสังคมนิยมในจินตนาการจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้เห็นลักษณะลีลาร้อยแปดพันเก้าต่างๆ ของชาติตะวันตกแล้ว พวกเขาก็เริ่มมีความสั่นคลอนอุดมคติและความเชื่อมั่นของตน เกี่ยวการสำรวจและปฏิบัติทางสังคมนิยมจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะออกนอกเส้นทาง 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 622 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระวังเทคโนโลยีตะวันตกให้ดี:

    ปลายเดือนกรกฎาคม นายอิสมาอิล ฮันนิเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสถูกสังหารเพราะไปเล่น Whatsapp ซึ่งเป็น App ของยิวไซออนิสต์

    ต่อมา เราก็ได้ข่าวว่ามอสสาดไปสืบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในเลบานอน จนได้พบว่าชาวเลบานอนนิยมใช้เพจเจอร์ที่ผลิตในไต้หวันซึ่งจ้างบริษัทในฮังการี่ชื่อ BAC Consulting KFT ผลิตเพจเจอร์ให้ จึงขออนุญาตบริษัทนี้ฝังอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดระเบิดไว้ที่เพจเจอร์เพื่อสังหารชาวเลบานอนที่ใช้

    มอสสาดซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มยิวไซออนิสต์ที่วางแผนจัดระเบียบโลกพยายามรวบรวมจุดอ่อนของทุกประเทศเป็น big data เอาไว้ เพื่อการปฏิบัติการในอนาคต

    ปัจจุบันนี้ กำลังหันมาเล่นเก็บข้อมูลกับแอป AI กับบริษัทดังๆ ต่างๆ เพราะคนนิยมเล่น ระวังให้ดีครับ หน่วยความมั่นคงของไทยยังอ่อนหัดมาก ตามไม่ทันหรอกครับ ต้องเลือกอ่านข่าวและระวังกันเอง

    เมื่อก่อน ผมเคยใช้ไอโฟน แต่พอนึกถึงข่าว 9/11 และรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น ผมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น คนละค่าย เพราะเครื่องโทรศัพท์จากชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลายเก็บรายละเอียดข้อมูลผู้ใช้ด้วย ต้องระมัดระวังกันให้ดี

    ผมไม่ฉีดวัคซีนเพราะผมรู้ว่าตะวันตกมีแผนใช้อาวุธชีวภาพ รวมทั้งวัคซีนด้วยนี่แหละ แต่จะเขียนให้คนทั่วไปอ่าน ความรู้ระหว่างคนที่รู้กับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้ห่างกันมาก เขียนยังไงก็คงไม่เชื่อ เพราะถูกล้างสมองมาเยอะ ผมจึงแนะนำให้แก่เฉพาะคนที่เป็นระดับบัวสามเหล่าแรกที่มาติดตามอ่านเท่านั้นซึ่งมีน้อยมากในสังคมไทย ใครตกเป็นเหยื่อแล้วตายหรือเป็นอัมพาตก็ถือเป็นกรรมของใครของมันไป

    เหมือนๆ กับอาหารจำพวก fast food นั่นแหละครับ ผมเคยเตือนเอาไว้ว่าผสมด้วยสาร GMOs ที่สามารถทำให้อายุสั้นลงหรือระบบเจริญพันธุ์แย่ลงได้ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ระวังเทคโนโลยีตะวันตกให้ดี: ปลายเดือนกรกฎาคม นายอิสมาอิล ฮันนิเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสถูกสังหารเพราะไปเล่น Whatsapp ซึ่งเป็น App ของยิวไซออนิสต์ ต่อมา เราก็ได้ข่าวว่ามอสสาดไปสืบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในเลบานอน จนได้พบว่าชาวเลบานอนนิยมใช้เพจเจอร์ที่ผลิตในไต้หวันซึ่งจ้างบริษัทในฮังการี่ชื่อ BAC Consulting KFT ผลิตเพจเจอร์ให้ จึงขออนุญาตบริษัทนี้ฝังอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดระเบิดไว้ที่เพจเจอร์เพื่อสังหารชาวเลบานอนที่ใช้ มอสสาดซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มยิวไซออนิสต์ที่วางแผนจัดระเบียบโลกพยายามรวบรวมจุดอ่อนของทุกประเทศเป็น big data เอาไว้ เพื่อการปฏิบัติการในอนาคต ปัจจุบันนี้ กำลังหันมาเล่นเก็บข้อมูลกับแอป AI กับบริษัทดังๆ ต่างๆ เพราะคนนิยมเล่น ระวังให้ดีครับ หน่วยความมั่นคงของไทยยังอ่อนหัดมาก ตามไม่ทันหรอกครับ ต้องเลือกอ่านข่าวและระวังกันเอง เมื่อก่อน ผมเคยใช้ไอโฟน แต่พอนึกถึงข่าว 9/11 และรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น ผมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น คนละค่าย เพราะเครื่องโทรศัพท์จากชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลายเก็บรายละเอียดข้อมูลผู้ใช้ด้วย ต้องระมัดระวังกันให้ดี ผมไม่ฉีดวัคซีนเพราะผมรู้ว่าตะวันตกมีแผนใช้อาวุธชีวภาพ รวมทั้งวัคซีนด้วยนี่แหละ แต่จะเขียนให้คนทั่วไปอ่าน ความรู้ระหว่างคนที่รู้กับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้ห่างกันมาก เขียนยังไงก็คงไม่เชื่อ เพราะถูกล้างสมองมาเยอะ ผมจึงแนะนำให้แก่เฉพาะคนที่เป็นระดับบัวสามเหล่าแรกที่มาติดตามอ่านเท่านั้นซึ่งมีน้อยมากในสังคมไทย ใครตกเป็นเหยื่อแล้วตายหรือเป็นอัมพาตก็ถือเป็นกรรมของใครของมันไป เหมือนๆ กับอาหารจำพวก fast food นั่นแหละครับ ผมเคยเตือนเอาไว้ว่าผสมด้วยสาร GMOs ที่สามารถทำให้อายุสั้นลงหรือระบบเจริญพันธุ์แย่ลงได้ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นที่มีชื่อเสียงของ Morpheus ใน The Matrix เกี่ยวกับยาสีน้ําเงินและยาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่ลึกซึ้งและลึกซึ้งกว่าที่แต่ละบุคคลเผชิญในชีวิต - ทางเลือกระหว่างความไม่รู้ที่สะดวกสบายกับความจริงที่ไม่สงบบ่อยครั้ง เมื่อ Morpheus เสนอทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดง เขาไม่ได้เป็นเพียงการเสนอวัตถุที่ง่าย ๆ สองอย่าง แต่สองเส้นทางของการดํารงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง
    คําของมอร์เฟียสเกี่ยวกับยาสีน้ําเงิน
    Morpheus กล่าวกับ Neo:
    "คุณกินยาสีฟ้า - เรื่องจบลง คุณตื่นขึ้นมาบนเตียงของคุณและเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการเชื่อ คุณกินยาสีแดง - คุณอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ และฉันแสดงให้คุณเห็นว่ารูกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน "
    ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสําคัญเพราะมันครอบคลุมแก่นแท้ของสภาพมนุษย์: ทางเลือกระหว่างที่เหลืออยู่ภายในขอบเขตของโลกมายา สิ่งหนึ่งที่สะดวกสบาย คุ้นเคย และดูเหมือนปลอดภัย หรือกล้าที่จะร่วมทุนกับสิ่งที่ไม่รู้จัก ที่ซึ่งความจริงไม่ว่ารุนแรงหรือท้าทายรอคอย
    ความสําคัญที่ลึกซึ้งของยาสีน้ําเงิน
    ยาสีน้ําเงินเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในเมทริกซ์ของภาพลวงตา — การสร้างการโกหก ความจริงครึ่งหนึ่ง และการหลอกลวงที่สร้างความรู้สึกผิด ๆ ของความปลอดภัย ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินด้วยความเต็มใจยอมรับความเป็นจริงที่นําเสนอต่อพวกเขา ชอบความสบายของความไม่รู้มากกว่าความไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นจากความจริง ยาสีน้ําเงินแสดงถึง:
    ความสบายเหนือความจริง: ยาสีน้ําเงินมอบชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดจากการตั้งคําถามที่ท้าทายสถานะ มันช่วยให้คนเราอาศัยอยู่ในฟองสบู่ต่อไป ซึ่งความจริงที่ยากลําบากจะถูกหลีกเลี่ยง และความเป็นจริงที่น่าอึดอัดจะถูกยกเลิก มันเป็นเส้นทางที่ง่ายกว่า หนึ่งที่ลดความไม่เข้าใจทางความคิดและบุคคลสามารถอยู่ในสถานะของความไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข
    การส่งภาพลวงตา: การกินยาสีน้ําเงินเป็นรูปแบบของการยอมแพ้ เป็นการยอมรับของคําบอกเล่าที่ถูกบังคับโดยกองกําลังภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบรรทัดฐานทางสังคม อิทธิพลทางสื่อ หรือวาระทางการเมือง มันหมายถึงการละทิ้งความเป็นอิสระของตนเองและเป็นการส่งไปยังการควบคุมของผู้ที่สร้างภาพลวงตา
    การปฏิเสธการเจริญเติบโต: การเลือกยาสีน้ําเงินเป็นการปฏิเสธการเจริญเติบโตส่วนบุคคลและทางจิตวิญญาณ การเติบโตมักจะผ่านการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ผ่านการตั้งคําถามกับโลกรอบตัวเรา และผ่านการกอดสิ่งที่ไม่รู้จัก ยาสีน้ําเงินในทางตรงกันข้ามคือการปฏิเสธการเดินทางนี้ - การปฏิเสธที่จะเติบโตเพื่อพัฒนาและแสวงหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการดํารงอยู่
    ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก: การตัดสินใจที่จะกินยาสีน้ําเงินมักถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว - ความกลัวในสิ่งที่อยู่เหนือม่านแห่งภาพลวงตา ความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่อาจจะรุนแรง ไม่ให้อภัย หรือแตกต่างอย่างลึกซึ้งกับคําเล่าที่แสนสบายที่ถูกสร้างขึ้น ความกลัวนี้ทําให้คนเป็นอัมพาต ทําให้พวกเขาถูกขังไว้ในสถานะของความพอใจ
    ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงิน
    บุคคลที่เลือกเม็ดสีฟ้ามักจะเป็นคนที่พอใจกับระดับพื้นผิวของชีวิต พวกเขาอาจกลัวการหยุดชะงักของมุมมองโลกของพวกเขาหรือผลกระทบของการท้าทายความเชื่ออย่างลึกซึ้ง บุคคลเหล่านี้อาจ:
    ยึดมั่นกับความคุ้นเคย: พวกเขาถูกดึงดูดไปสู่ความปลอดภัยของสิ่งที่เป็นที่รู้จัก สิ่งที่คาดเดาได้ พวกเขาชอบความสะดวกสบายในการทํากิจวัตรประจําวันและความมั่นใจในการตรวจสอบสังคมมากกว่าความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกับการตั้งคําถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริง
    หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ: ยาสีน้ําเงินแสดงถึงการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความรู้ การที่จะมองโลกที่แท้จริงนั้นต้องมีการกระทํา มันต้องการการตอบสนอง ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินมักจะไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบนี้ แต่ชอบที่จะยังคงสังเกตการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง
    ใช้ชีวิตภายในขอบเขต: ผู้กินยาสีน้ําเงินอาศัยอยู่ในขอบเขตของระบบ ยอมรับข้อจํากัดที่กําหนดไว้กับพวกเขา พวกเขาไม่พยายามที่จะข้ามขอบเขตเหล่านี้ และพวกเขาไม่ต้องการที่จะสํารวจสิ่งที่อยู่เกินกว่านั้น ชีวิตของพวกเขาเป็นลักษณะที่สอดคล้องและยึดมั่นในคําเล่าที่ถูกกําหนดไว้
    ปฏิเสธการเรียกสู่การตื่นรู้: ทางเลือกของยาสีน้ําเงินคือการปฏิเสธการเรียกให้ตื่นรู้ มันเป็นการปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการเดินทางของการค้นพบตัวเอง เพื่อสํารวจความลึกลับที่ลึกซึ้งของชีวิต และเพื่อแสวงหาความจริงที่สูงขึ้น มันคือการปฏิเสธการแสวงหาทางจิตวิญญาณที่นําไปสู่การตรัสรู้
    ผลกระทบที่ลึกซึ้ง
    ทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดงไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในนิยาย แต่เป็นคําอุปมาสําหรับทางเลือกที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตของเรา เราเลือกที่จะนอนหลับ ยอมรับคําโกหกที่ปลอบโยนที่เราได้รับอาหาร หรือเราตื่นขึ้นมาในบางครั้งที่รุนแรง แต่ยังปลดปล่อยความจริง?
    ในปรัชญา Hermetic ทางเลือกนี้เป็นการตัดสินใจที่จะยังคงผูกพันกับโลกของวัตถุ ด้วยภาพลวงตาและสิ่งรบกวน หรือเพื่อแสวงหาความจริงของพระเจ้าซึ่งอยู่เหนือความคลุมหน้าของรูปลักษณ์ ยาสีน้ําเงินคือหนทางแห่งความไม่รู้ นําไปสู่ชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นผิว ที่ซึ่งคนเราถูกควบคุมโดยพลังภายนอก และไม่เคยรู้จักตัวเองหรือโลกอย่างแท้จริง
    สําหรับคนที่เลือกเม็ดสีฟ้า ชีวิตอาจจะดูง่ายขึ้น แต่มันคือชีวิตที่อยู่ในเงา ชีวิตที่แสงแห่งความเข้าใจที่แท้จริงไม่เคยแทรกซึม มันเป็นชีวิตของการเดินละเมอตลอดกาล ที่ซึ่งความลึกลับที่ลึกซึ้งของการดํารงอยู่ตลอดไป และที่ที่ที่วิญญาณยังคงติดอยู่ในคุกของเมทริกซ์
    สรุปแล้ว ยาสีน้ําเงินแสดงถึงมากกว่าทางเลือกง่าย ๆ — มันเป็นสัญลักษณ์ของการตัดสินใจที่จะยังคงอยู่ในความมืดมิด เพื่อยอมรับภาพลวงตา และปฏิเสธความจริงอันลึกซึ้งที่อยู่เหนือไป เป็นการตัดสินใจที่หลายคนตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยสติ หรือ ขาดสติ ทุกวัน แต่สําหรับผู้ที่กล้าที่จะกินยาแดง ผู้ที่เลือกที่จะตื่นรู้และมองโลกอย่างแท้จริง เส้นทางแห่งการค้นพบและการปลดปล่อยที่ลึกซึ้งรออยู่ ทางเลือกเป็นของเราเสมอ และในทางเลือกนั้นมีอํานาจที่จะสร้างความเป็นจริงของเรา
    เส้นที่มีชื่อเสียงของ Morpheus ใน The Matrix เกี่ยวกับยาสีน้ําเงินและยาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่ลึกซึ้งและลึกซึ้งกว่าที่แต่ละบุคคลเผชิญในชีวิต - ทางเลือกระหว่างความไม่รู้ที่สะดวกสบายกับความจริงที่ไม่สงบบ่อยครั้ง เมื่อ Morpheus เสนอทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดง เขาไม่ได้เป็นเพียงการเสนอวัตถุที่ง่าย ๆ สองอย่าง แต่สองเส้นทางของการดํารงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง คําของมอร์เฟียสเกี่ยวกับยาสีน้ําเงิน Morpheus กล่าวกับ Neo: "คุณกินยาสีฟ้า - เรื่องจบลง คุณตื่นขึ้นมาบนเตียงของคุณและเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการเชื่อ คุณกินยาสีแดง - คุณอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ และฉันแสดงให้คุณเห็นว่ารูกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน " ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสําคัญเพราะมันครอบคลุมแก่นแท้ของสภาพมนุษย์: ทางเลือกระหว่างที่เหลืออยู่ภายในขอบเขตของโลกมายา สิ่งหนึ่งที่สะดวกสบาย คุ้นเคย และดูเหมือนปลอดภัย หรือกล้าที่จะร่วมทุนกับสิ่งที่ไม่รู้จัก ที่ซึ่งความจริงไม่ว่ารุนแรงหรือท้าทายรอคอย ความสําคัญที่ลึกซึ้งของยาสีน้ําเงิน ยาสีน้ําเงินเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในเมทริกซ์ของภาพลวงตา — การสร้างการโกหก ความจริงครึ่งหนึ่ง และการหลอกลวงที่สร้างความรู้สึกผิด ๆ ของความปลอดภัย ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินด้วยความเต็มใจยอมรับความเป็นจริงที่นําเสนอต่อพวกเขา ชอบความสบายของความไม่รู้มากกว่าความไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นจากความจริง ยาสีน้ําเงินแสดงถึง: ความสบายเหนือความจริง: ยาสีน้ําเงินมอบชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดจากการตั้งคําถามที่ท้าทายสถานะ มันช่วยให้คนเราอาศัยอยู่ในฟองสบู่ต่อไป ซึ่งความจริงที่ยากลําบากจะถูกหลีกเลี่ยง และความเป็นจริงที่น่าอึดอัดจะถูกยกเลิก มันเป็นเส้นทางที่ง่ายกว่า หนึ่งที่ลดความไม่เข้าใจทางความคิดและบุคคลสามารถอยู่ในสถานะของความไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข การส่งภาพลวงตา: การกินยาสีน้ําเงินเป็นรูปแบบของการยอมแพ้ เป็นการยอมรับของคําบอกเล่าที่ถูกบังคับโดยกองกําลังภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบรรทัดฐานทางสังคม อิทธิพลทางสื่อ หรือวาระทางการเมือง มันหมายถึงการละทิ้งความเป็นอิสระของตนเองและเป็นการส่งไปยังการควบคุมของผู้ที่สร้างภาพลวงตา การปฏิเสธการเจริญเติบโต: การเลือกยาสีน้ําเงินเป็นการปฏิเสธการเจริญเติบโตส่วนบุคคลและทางจิตวิญญาณ การเติบโตมักจะผ่านการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ผ่านการตั้งคําถามกับโลกรอบตัวเรา และผ่านการกอดสิ่งที่ไม่รู้จัก ยาสีน้ําเงินในทางตรงกันข้ามคือการปฏิเสธการเดินทางนี้ - การปฏิเสธที่จะเติบโตเพื่อพัฒนาและแสวงหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการดํารงอยู่ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก: การตัดสินใจที่จะกินยาสีน้ําเงินมักถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว - ความกลัวในสิ่งที่อยู่เหนือม่านแห่งภาพลวงตา ความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่อาจจะรุนแรง ไม่ให้อภัย หรือแตกต่างอย่างลึกซึ้งกับคําเล่าที่แสนสบายที่ถูกสร้างขึ้น ความกลัวนี้ทําให้คนเป็นอัมพาต ทําให้พวกเขาถูกขังไว้ในสถานะของความพอใจ ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงิน บุคคลที่เลือกเม็ดสีฟ้ามักจะเป็นคนที่พอใจกับระดับพื้นผิวของชีวิต พวกเขาอาจกลัวการหยุดชะงักของมุมมองโลกของพวกเขาหรือผลกระทบของการท้าทายความเชื่ออย่างลึกซึ้ง บุคคลเหล่านี้อาจ: ยึดมั่นกับความคุ้นเคย: พวกเขาถูกดึงดูดไปสู่ความปลอดภัยของสิ่งที่เป็นที่รู้จัก สิ่งที่คาดเดาได้ พวกเขาชอบความสะดวกสบายในการทํากิจวัตรประจําวันและความมั่นใจในการตรวจสอบสังคมมากกว่าความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกับการตั้งคําถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริง หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ: ยาสีน้ําเงินแสดงถึงการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความรู้ การที่จะมองโลกที่แท้จริงนั้นต้องมีการกระทํา มันต้องการการตอบสนอง ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินมักจะไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบนี้ แต่ชอบที่จะยังคงสังเกตการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ใช้ชีวิตภายในขอบเขต: ผู้กินยาสีน้ําเงินอาศัยอยู่ในขอบเขตของระบบ ยอมรับข้อจํากัดที่กําหนดไว้กับพวกเขา พวกเขาไม่พยายามที่จะข้ามขอบเขตเหล่านี้ และพวกเขาไม่ต้องการที่จะสํารวจสิ่งที่อยู่เกินกว่านั้น ชีวิตของพวกเขาเป็นลักษณะที่สอดคล้องและยึดมั่นในคําเล่าที่ถูกกําหนดไว้ ปฏิเสธการเรียกสู่การตื่นรู้: ทางเลือกของยาสีน้ําเงินคือการปฏิเสธการเรียกให้ตื่นรู้ มันเป็นการปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการเดินทางของการค้นพบตัวเอง เพื่อสํารวจความลึกลับที่ลึกซึ้งของชีวิต และเพื่อแสวงหาความจริงที่สูงขึ้น มันคือการปฏิเสธการแสวงหาทางจิตวิญญาณที่นําไปสู่การตรัสรู้ ผลกระทบที่ลึกซึ้ง ทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดงไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในนิยาย แต่เป็นคําอุปมาสําหรับทางเลือกที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตของเรา เราเลือกที่จะนอนหลับ ยอมรับคําโกหกที่ปลอบโยนที่เราได้รับอาหาร หรือเราตื่นขึ้นมาในบางครั้งที่รุนแรง แต่ยังปลดปล่อยความจริง? ในปรัชญา Hermetic ทางเลือกนี้เป็นการตัดสินใจที่จะยังคงผูกพันกับโลกของวัตถุ ด้วยภาพลวงตาและสิ่งรบกวน หรือเพื่อแสวงหาความจริงของพระเจ้าซึ่งอยู่เหนือความคลุมหน้าของรูปลักษณ์ ยาสีน้ําเงินคือหนทางแห่งความไม่รู้ นําไปสู่ชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นผิว ที่ซึ่งคนเราถูกควบคุมโดยพลังภายนอก และไม่เคยรู้จักตัวเองหรือโลกอย่างแท้จริง สําหรับคนที่เลือกเม็ดสีฟ้า ชีวิตอาจจะดูง่ายขึ้น แต่มันคือชีวิตที่อยู่ในเงา ชีวิตที่แสงแห่งความเข้าใจที่แท้จริงไม่เคยแทรกซึม มันเป็นชีวิตของการเดินละเมอตลอดกาล ที่ซึ่งความลึกลับที่ลึกซึ้งของการดํารงอยู่ตลอดไป และที่ที่ที่วิญญาณยังคงติดอยู่ในคุกของเมทริกซ์ สรุปแล้ว ยาสีน้ําเงินแสดงถึงมากกว่าทางเลือกง่าย ๆ — มันเป็นสัญลักษณ์ของการตัดสินใจที่จะยังคงอยู่ในความมืดมิด เพื่อยอมรับภาพลวงตา และปฏิเสธความจริงอันลึกซึ้งที่อยู่เหนือไป เป็นการตัดสินใจที่หลายคนตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยสติ หรือ ขาดสติ ทุกวัน แต่สําหรับผู้ที่กล้าที่จะกินยาแดง ผู้ที่เลือกที่จะตื่นรู้และมองโลกอย่างแท้จริง เส้นทางแห่งการค้นพบและการปลดปล่อยที่ลึกซึ้งรออยู่ ทางเลือกเป็นของเราเสมอ และในทางเลือกนั้นมีอํานาจที่จะสร้างความเป็นจริงของเรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยาวชนในกาซากว่า 72,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแล้ว
    ในวันแรกของการรณรงค์ เยาวชน ในกาซาจำนวน 72,611 คนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ทำให้เกิดความหวังว่าเป้าหมาย 640,000 คนจะบรรลุเป้าหมายได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
    โรคโปลิโออาจทำให้แขนขาเป็นอัมพาตหรืออาจถึงขั้นถูกดับชีพได้ การฉีดวัคซีนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการค้นพบไวรัสชนิดนี้เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากผ่านไป 25 ปีซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการล่มสลายของโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขของกาซาหลังจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลนานเกือบ 11 เดือน
    กลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสและเอลตกลงที่จะระงับการโจมตีในพื้นที่กาซาเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงทุกวันตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันอังคาร เพื่อให้องค์การอนามัยโลกและแพทย์ชาวปาเลสเริ่มปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้กับเหล่าเยาวชน 640,000 คน
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เยาวชนในกาซากว่า 72,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแล้ว ในวันแรกของการรณรงค์ เยาวชน ในกาซาจำนวน 72,611 คนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ทำให้เกิดความหวังว่าเป้าหมาย 640,000 คนจะบรรลุเป้าหมายได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โรคโปลิโออาจทำให้แขนขาเป็นอัมพาตหรืออาจถึงขั้นถูกดับชีพได้ การฉีดวัคซีนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการค้นพบไวรัสชนิดนี้เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากผ่านไป 25 ปีซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการล่มสลายของโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขของกาซาหลังจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลนานเกือบ 11 เดือน กลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสและเอลตกลงที่จะระงับการโจมตีในพื้นที่กาซาเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงทุกวันตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันอังคาร เพื่อให้องค์การอนามัยโลกและแพทย์ชาวปาเลสเริ่มปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้กับเหล่าเยาวชน 640,000 คน . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 760 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts