• ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 15

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 15
    ในญี่ปุ่น ระหว่าง ค.ศ.1900 ถึง ค.ศ.1930 การเมืองญี่ปุ่น แบ่งแยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่ไม่ต้องการให้กองทัพแข็งแกร่ง ดูเหมือนจะเป็นการกระตุกเชือกชักใย โดยอังกฤษผ่านมาที่สายพวกนักการเงิน และนักการเมือง ฝ่ายพลเรือน อังกฤษต้องการให้ญี่ปุ่นไปป่วนจีนก็จริง แต่แค่ป่วน ไม่ใช่ไปยึด เพราะอังกฤษต้องการยึดเอาจีนมาเป็นของตนเอง ดังนั้น ถ้าญี่ปุ่นเกิดมีกองทัพแข็งแกร่งขี้นมา แล้วบ้าเลือดไปยึดจีน อังกฤษ ก็ อ ด
    อังกฤษจึงต้องหาวิธีติดเบรคกองทัพญี่ปุ่น การตอนงบประมาณกองทัพ น่าจะเป็นวิธีหนึ่ง นักการเมืองอย่าง ทากาฮาชิ จึงรับบทไปจากอังกฤษ โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว
    ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้กองทัพญี่ปุ่นแข็งแกร่งนั้นน่าสนใจ มันเป็นความอยากใหญ่ อยากเป็นมหาอำนาจของญี่ปุ่นเอง ที่สะสมมาจากความเชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ ฉลาด และเหนือกว่าชาติใดๆในเอเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่อยู่ใกล้กัน และความแค้นที่ถูกหักหน้า ถูกดูหมิ่น เรื่องเชื้อชาติของญี่ปุ่นเอง ผสมกับการปั่นหัวของอังกฤษ เพื่อหลอกใช้ญี่ปุ่นไปรวนจีนส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนนั้น ก็น่าเป็นการหลอกใช้ญี่ปุ่นของอเมริกา เช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ ของอังกฤษและอเมริกา เกี่ยวกับญี่ปุ่นไม่ต่างกันเลย มันเป็นการ “หลอกใช้” อย่างเดียว ญี่ปุ่นรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง
    กลับไปดูกองทัพญี่ปุ่น ที่ปักหลักอยู่ที่แมนจูเรีย ภายใต้การบัญชาการของนายพลโตโจ ที่เริ่มมีรัศมีอำนาจและเงินจับ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 ร่ำรวยจนไม่ต้องพึ่งงบหลวงจากโตเกียว จากการบริหารจัดการของ นายคิชิ Kishi Nobusuke เขาเป็นคนสำคัญในการเพาะพันธุ์ญี่ปุ่นใหม่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้จักเขาให้ดี ก็ยากที่จะ “รู้จัก” ญี่ปุ่นปัจจุบัน
    คิชิ โนบูซูเกะ ชื่อเดิม คือ ซาโตะ โนบูซูเกะ Sato Nobusuke เกิดเมื่อปี ค.ศ.1896 ที่เมือง โชชู Choshu เป็นเด็กเฉลียวฉลาด หัวไว แววดี ลุงซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ จึงขอมาเลี้ยง และให้ใช้นามสกุลของลุงคือ คิชิ ส่วนพี่ชายอีก 2 คน ยังใช้สกุล ซาโตะ พี่ชายคนหนึ่ง ซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิก ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีคลัง และต่อมา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรค LDP ส่วนพี่ชายอีกคน ซาโตะ อิชิโร Sato Ichiro ได้เป็นนายพลเอกของกองทัพเรือ
    เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยโตเกียว คิชิ เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์และ อุตสาหกรรม ทำหน้าที่จัดเก็บเอกสาร เก็บไปอ่านไป ทำให้คิชิรู้ข้อมูล และนโยบาย ทั้งลับ และลึกของญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ.1929 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งโลก Great Depression แต่เศรษฐกิจของคิชิ ไม่ถดถอยด้วย ตรงกันข้าม ด้วยข้อมูลที่เขาสะสมไว้ เขาตามซื้อหุ้นบริษัทที่น่าจะฟื้นเร็ว และมันก็ฟื้นเร็วอย่างที่เขาคาด เมื่อญี่ปุ่นคิดจะยึดแมนจูเรียในปี ค.ศ.1931 เขาจึงถูกส่งตัวไปให้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าถึง “โอกาส” ของญี่ปุ่นในแมนจูเรีย
    คิชิ บอกกับนายพลโตโจ ว่า นู่น บ่อเงินบ่อทองของเรา อยู่ที่ทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ South Manchuria Railroad Company (SMRC) ของรัฐบาลจีน บริษัทนี้ เป็นเจ้าของท่าเรือ โรงแรม เหมืองแร่ แหล่งน้ำมัน การขนส่ง สิทธิในการสำรวจ ฯลฯ มันเยอะแยะจนบรรยายไม่หมด เข้าใจไหมท่านนายพล
    วิธีที่จะเป็นเจ้าของ SMRC ก็ไม่น่าจะยากอะไร ท่านก็ยกทัพไปตีแมนจูเรีย แล้วก็ยึดบริษัทมา ก็เท่านั้น บังเอิญ ประธาน SMRC ดันเป็นลุงเขยของคิชิ ไอ้คนหัวแหลม เลยไปกล่อมลุงเขยอีกทีว่า เรามาจับมือกัน แล้วช่วยกันรวยดีกว่านะลุง แล้วกองทัพญี่ปุ่น ก็ยกทัพไปตีแมนจูเรียของจีน หลังจากนั้น นายคิชิ ก็ทำทุกอย่างทั้งบนดิน ใต้ดิน และกองทัพญี่ปุ่นก็เลยเริ่มรวย คิชิ เสนอให้กองทัพชวนพวก นิสสัน Nissan zaibutsu บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งตั้งขึ้น แต่มีอนาคตไกล และก็เป็นของลุงอีกคนของนายคิชิ เข้ามาช่วยบริหารทรัพย์สมบัติ (คนอื่น) ที่กองทัพญี่ปุ่น ไปปล้นมาได้ ไม่รู้ นายคิชิ นี่ มีลุงกี่คน
    กองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย จึงยิ่งรวยใหญ่ จนในที่สุดไม่ต้องพึ่งงบรัฐบาลที่โตเกียว แถมเริ่มมีเสียงดังกว่ารัฐบาลที่โตเกียวเสียด้วยซ้ำ
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คิชิ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมที่โตเกียว ขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการจัดหาสรรพาวุธ ให้แก่นายพลโตโจ ที่ในที่สุด ก็มาทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพของญี่ปุ่น ในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    หลังสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ อเมริกาเข้ามาใช้อำนาจควบคุมญี่ปุ่นและเอเซียแต่ผู้เดียว ต่างกับยุโรป ที่มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ แบ่งกันควบคุมเยอรมันและอิตาลีผู้แพ้สงคราม
    เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ เข้ามาถึงญี่ปุ่น ในฐานะเป็น Supreme Commander Asia and Pacific (SACP) เขาสั่งให้มีการสอบสวนผู้ที่ทำผิดในการก่อสงคราม และความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากสงคราม มีรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายต้องถูก จับ และไต่สวน ไม่น้อยกว่า 2 แสน 2 หมื่นคน คิชิ เป็นหนึ่งใน 2 แสน 2 หมื่นคน เขาเป็นนักโทษระดับเอ class A ข้อหาแรงสุด เขาถูกจับใส่คุก ซุกาโม Sugamo ในข้อหา ปล้นจีนและแมนจูเรีย ขโมยทรัพย์สินส่วนบุคคล และ ใช้คนเป็นทาสแรงงานในการทำเหมืองและโรงงาน
    หนึ่งวัน ก่อนถูกนำไปเข้าคุก เขาได้รับโทรเลขบอกว่า “เป็นไปได้ว่า อเมริกา จะไม่ดำเนินคดี และลงโทษคุณ ดังนั้น อย่าได้ใจร้อนทำอะไร ( อย่ายอมรับ ไม่ว่าข้อหาใด)”
    ระหว่างที่อยู่ในคุก ซุกาโม คิชิ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาคลุกคลีกับบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ รวมทั้งพวกนอกกฏหมายที่ถูกจับ บังเอิญเขาอยู่ห้องขังร่วมกับ โคดามะ โยชิโอะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อใหญ่ หัวหน้ายากูซ่า แก็งมังกรดำ ในขณะนั้น (ที่ในปี ค.ศ.1945 ด้วยการปล้นสาระพัดที่ในช่วงสงคราม โคดามะ น่าจะเป็นคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นรองแค่จักรพรรดิเท่านั้น) และ ฮาโตยาม่า Hatoyama Ichiro ซึ่งต่อไปจะเป็นผู้ก่อตั้ง LDP พรรคสุดยอดอิทธิพลของญี่ปุ่น หรือที่คนส่วนใหญ่บอกว่า เป็นเจ้าของญี่ปุ่น เสียด้วยซ้ำ
    ดูเหมือน คุกซุกาโม จะเป็นแหล่งรวมพวกนรกแตก และพวกเขากำลังจะเป็นผู้สร้างอนาคตของญี่ปุ่น
    โคดามะ เจ้าพ่อยากูซ่า นั้น เป็นกระเป๋าเงินตัวจริง ของพรรคเสรีนิยม Liberal Party อยู่แล้ว แต่หลังจากนั่งวาดอนาคตญี่ปุ่นกันในคุก โคดามะ ก็บอกว่า จะลงทุนตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคให้ ฮาโตยาม่าเป็นหัวหน้าพรรค ถ้า ฮาโตยาม่ายอมให้ คิชิ เป็นผู้ดูแลด้านการเงิน และเป็นคนดูแลกิจการหลังบ้านของ พรรค ฮาโตยาม่าตกลง โคดามะ ก็เลยลงเงินหลายล้านเหรียญ ตั้งพรรคประชาธิปไตย Democratic Party ให้ ฮาโตยาม่า ง่ายดีจัง ประชาธิปไตยยี่ห้อ ยากูซ่า
    ข่าวว่า โคดามะ ซึ่งขณะนั้น มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 13 .5 พันล้านเหรียญ รับกับสื่อว่า เขาได้จ่ายเงินให้แก่ SCAP ไป 200 ล้านเหรียญ ให้แบ่งกันระหว่าง เจียงไคเช็ค กับ Counter-Intelligence Corp (CIC) หน่วยงานบังหน้า ของซีไอเอ หลังจากจ่ายเงินไปไม่นาน โคดามะ กับ คิชิ ก็ได้เดินออกมาจากคุกซุกาโม อย่างเงียบๆ สบายๆ
    ส่วน ซีไอเอ คงถูกใจ โคดามะมาก เมื่อพ้นออกมาจากคุก ซีไอเอ จึงจ้างเขาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ดูแลไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่อง ฝิ่น เฮโรอีน ทอง เพชร ที่อยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ ที่อเมริกาปลื้มมากคือ ฝีมือการ “ดูแล” ของโคดามะ โดยเฉพาะการไปดูแล แร่ทังสเต็น ซึ่งเหมาะสำหรับการทำหัวจรวด และหัวเครื่องบินรบ ซึ่งข่าวว่าจีนมีแร่นี้อยู่แยะ เมื่อโคดามะ ไปขนแร่นี้มาจากจีน มาถีงญี่ปุ่น ซีไอเอ ก็ขนแร่นี้ต่อไปที่อเมริกา
    ส่วนคิชิ เมื่อออกมาจากคุก ด้วยเงินของโคดามะ และใช้เครือข่ายการเมือง ของฮาโตยาม่า เขาก็เดินสาย ตะล่อมเอานักการเมืองมาเข้าพวก และเริ่มบทบาทเจ้าพ่อทางการเมือง ขณะเดียวกัน พี่ชายของเขา นายซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku ก็ได้ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ ของนายกรัฐมนตรีโยชิดะ Yoshida เมื่อพรรค LDP ตั้งสำเร็จ ก็ได้เสียงข้างมากในสภาอย่างไม่ยาก หลังจากนั้น LDP ก็ครองเสียงข้างมากในสภามาตลอด ขนาดมีคำพูดว่า อำนาจของ LDP ในญี่ปุ่นนั้น เป็นรองแค่จักรพรรดิ เท่านั้นเอง
    คิชิ โนบูซูเกะ มีความสำคัญอย่างไร
    เขาเป็นคนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่น ให้อเมริกาเข้าไปกินญี่ปุ่น ต่อ หรือแทน อังกฤษ คิชิ ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ ชาลี ซ่ง ช่วยเปิดประตูเมืองจีน ให้อเมริกาเข้าไปแทนอังกฤษ เรื่องราวอาจจะไม่เหมือน แต่ก็ทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตูบ้านตัวเอง ให้โจร (อีกราย) เข้ามาในบ้านเหมือนกัน
    อเมริกา น่าจะวางแผนเข้ามาในญี่ปุ่น และ “ใช้” ญี่ปุ่น ไม่ต่างกับที่อังกฤษคิด อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น สูงตั้งแต่ปลาย ค.ศ.1800 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น ก็เริ่มลดลง แต่ยังไม่หายไป ทั้ง Morgan และ Rockefeller ต่างเข้ามาเปิดตัว เปิดตลาดในญี่ปุ่น ในเวลาใกล้เคียงกัน Morgan เน้นเรื่องธุรกิจการเงิน Rockefeller เน้น เรื่องน้ำมัน และอุตสาหกรรม ทั้ง 2 กลุ่ม มีทั้งร่วมมือกันกิน และก็แย่งกันกิน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 15 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 15 ในญี่ปุ่น ระหว่าง ค.ศ.1900 ถึง ค.ศ.1930 การเมืองญี่ปุ่น แบ่งแยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่ไม่ต้องการให้กองทัพแข็งแกร่ง ดูเหมือนจะเป็นการกระตุกเชือกชักใย โดยอังกฤษผ่านมาที่สายพวกนักการเงิน และนักการเมือง ฝ่ายพลเรือน อังกฤษต้องการให้ญี่ปุ่นไปป่วนจีนก็จริง แต่แค่ป่วน ไม่ใช่ไปยึด เพราะอังกฤษต้องการยึดเอาจีนมาเป็นของตนเอง ดังนั้น ถ้าญี่ปุ่นเกิดมีกองทัพแข็งแกร่งขี้นมา แล้วบ้าเลือดไปยึดจีน อังกฤษ ก็ อ ด อังกฤษจึงต้องหาวิธีติดเบรคกองทัพญี่ปุ่น การตอนงบประมาณกองทัพ น่าจะเป็นวิธีหนึ่ง นักการเมืองอย่าง ทากาฮาชิ จึงรับบทไปจากอังกฤษ โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้กองทัพญี่ปุ่นแข็งแกร่งนั้นน่าสนใจ มันเป็นความอยากใหญ่ อยากเป็นมหาอำนาจของญี่ปุ่นเอง ที่สะสมมาจากความเชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ ฉลาด และเหนือกว่าชาติใดๆในเอเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่อยู่ใกล้กัน และความแค้นที่ถูกหักหน้า ถูกดูหมิ่น เรื่องเชื้อชาติของญี่ปุ่นเอง ผสมกับการปั่นหัวของอังกฤษ เพื่อหลอกใช้ญี่ปุ่นไปรวนจีนส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนนั้น ก็น่าเป็นการหลอกใช้ญี่ปุ่นของอเมริกา เช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ ของอังกฤษและอเมริกา เกี่ยวกับญี่ปุ่นไม่ต่างกันเลย มันเป็นการ “หลอกใช้” อย่างเดียว ญี่ปุ่นรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง กลับไปดูกองทัพญี่ปุ่น ที่ปักหลักอยู่ที่แมนจูเรีย ภายใต้การบัญชาการของนายพลโตโจ ที่เริ่มมีรัศมีอำนาจและเงินจับ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 ร่ำรวยจนไม่ต้องพึ่งงบหลวงจากโตเกียว จากการบริหารจัดการของ นายคิชิ Kishi Nobusuke เขาเป็นคนสำคัญในการเพาะพันธุ์ญี่ปุ่นใหม่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้จักเขาให้ดี ก็ยากที่จะ “รู้จัก” ญี่ปุ่นปัจจุบัน คิชิ โนบูซูเกะ ชื่อเดิม คือ ซาโตะ โนบูซูเกะ Sato Nobusuke เกิดเมื่อปี ค.ศ.1896 ที่เมือง โชชู Choshu เป็นเด็กเฉลียวฉลาด หัวไว แววดี ลุงซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ จึงขอมาเลี้ยง และให้ใช้นามสกุลของลุงคือ คิชิ ส่วนพี่ชายอีก 2 คน ยังใช้สกุล ซาโตะ พี่ชายคนหนึ่ง ซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิก ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีคลัง และต่อมา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรค LDP ส่วนพี่ชายอีกคน ซาโตะ อิชิโร Sato Ichiro ได้เป็นนายพลเอกของกองทัพเรือ เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยโตเกียว คิชิ เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์และ อุตสาหกรรม ทำหน้าที่จัดเก็บเอกสาร เก็บไปอ่านไป ทำให้คิชิรู้ข้อมูล และนโยบาย ทั้งลับ และลึกของญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ.1929 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งโลก Great Depression แต่เศรษฐกิจของคิชิ ไม่ถดถอยด้วย ตรงกันข้าม ด้วยข้อมูลที่เขาสะสมไว้ เขาตามซื้อหุ้นบริษัทที่น่าจะฟื้นเร็ว และมันก็ฟื้นเร็วอย่างที่เขาคาด เมื่อญี่ปุ่นคิดจะยึดแมนจูเรียในปี ค.ศ.1931 เขาจึงถูกส่งตัวไปให้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าถึง “โอกาส” ของญี่ปุ่นในแมนจูเรีย คิชิ บอกกับนายพลโตโจ ว่า นู่น บ่อเงินบ่อทองของเรา อยู่ที่ทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ South Manchuria Railroad Company (SMRC) ของรัฐบาลจีน บริษัทนี้ เป็นเจ้าของท่าเรือ โรงแรม เหมืองแร่ แหล่งน้ำมัน การขนส่ง สิทธิในการสำรวจ ฯลฯ มันเยอะแยะจนบรรยายไม่หมด เข้าใจไหมท่านนายพล วิธีที่จะเป็นเจ้าของ SMRC ก็ไม่น่าจะยากอะไร ท่านก็ยกทัพไปตีแมนจูเรีย แล้วก็ยึดบริษัทมา ก็เท่านั้น บังเอิญ ประธาน SMRC ดันเป็นลุงเขยของคิชิ ไอ้คนหัวแหลม เลยไปกล่อมลุงเขยอีกทีว่า เรามาจับมือกัน แล้วช่วยกันรวยดีกว่านะลุง แล้วกองทัพญี่ปุ่น ก็ยกทัพไปตีแมนจูเรียของจีน หลังจากนั้น นายคิชิ ก็ทำทุกอย่างทั้งบนดิน ใต้ดิน และกองทัพญี่ปุ่นก็เลยเริ่มรวย คิชิ เสนอให้กองทัพชวนพวก นิสสัน Nissan zaibutsu บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งตั้งขึ้น แต่มีอนาคตไกล และก็เป็นของลุงอีกคนของนายคิชิ เข้ามาช่วยบริหารทรัพย์สมบัติ (คนอื่น) ที่กองทัพญี่ปุ่น ไปปล้นมาได้ ไม่รู้ นายคิชิ นี่ มีลุงกี่คน กองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย จึงยิ่งรวยใหญ่ จนในที่สุดไม่ต้องพึ่งงบรัฐบาลที่โตเกียว แถมเริ่มมีเสียงดังกว่ารัฐบาลที่โตเกียวเสียด้วยซ้ำ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คิชิ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมที่โตเกียว ขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการจัดหาสรรพาวุธ ให้แก่นายพลโตโจ ที่ในที่สุด ก็มาทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพของญี่ปุ่น ในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ อเมริกาเข้ามาใช้อำนาจควบคุมญี่ปุ่นและเอเซียแต่ผู้เดียว ต่างกับยุโรป ที่มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ แบ่งกันควบคุมเยอรมันและอิตาลีผู้แพ้สงคราม เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ เข้ามาถึงญี่ปุ่น ในฐานะเป็น Supreme Commander Asia and Pacific (SACP) เขาสั่งให้มีการสอบสวนผู้ที่ทำผิดในการก่อสงคราม และความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากสงคราม มีรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายต้องถูก จับ และไต่สวน ไม่น้อยกว่า 2 แสน 2 หมื่นคน คิชิ เป็นหนึ่งใน 2 แสน 2 หมื่นคน เขาเป็นนักโทษระดับเอ class A ข้อหาแรงสุด เขาถูกจับใส่คุก ซุกาโม Sugamo ในข้อหา ปล้นจีนและแมนจูเรีย ขโมยทรัพย์สินส่วนบุคคล และ ใช้คนเป็นทาสแรงงานในการทำเหมืองและโรงงาน หนึ่งวัน ก่อนถูกนำไปเข้าคุก เขาได้รับโทรเลขบอกว่า “เป็นไปได้ว่า อเมริกา จะไม่ดำเนินคดี และลงโทษคุณ ดังนั้น อย่าได้ใจร้อนทำอะไร ( อย่ายอมรับ ไม่ว่าข้อหาใด)” ระหว่างที่อยู่ในคุก ซุกาโม คิชิ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาคลุกคลีกับบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ รวมทั้งพวกนอกกฏหมายที่ถูกจับ บังเอิญเขาอยู่ห้องขังร่วมกับ โคดามะ โยชิโอะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อใหญ่ หัวหน้ายากูซ่า แก็งมังกรดำ ในขณะนั้น (ที่ในปี ค.ศ.1945 ด้วยการปล้นสาระพัดที่ในช่วงสงคราม โคดามะ น่าจะเป็นคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นรองแค่จักรพรรดิเท่านั้น) และ ฮาโตยาม่า Hatoyama Ichiro ซึ่งต่อไปจะเป็นผู้ก่อตั้ง LDP พรรคสุดยอดอิทธิพลของญี่ปุ่น หรือที่คนส่วนใหญ่บอกว่า เป็นเจ้าของญี่ปุ่น เสียด้วยซ้ำ ดูเหมือน คุกซุกาโม จะเป็นแหล่งรวมพวกนรกแตก และพวกเขากำลังจะเป็นผู้สร้างอนาคตของญี่ปุ่น โคดามะ เจ้าพ่อยากูซ่า นั้น เป็นกระเป๋าเงินตัวจริง ของพรรคเสรีนิยม Liberal Party อยู่แล้ว แต่หลังจากนั่งวาดอนาคตญี่ปุ่นกันในคุก โคดามะ ก็บอกว่า จะลงทุนตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคให้ ฮาโตยาม่าเป็นหัวหน้าพรรค ถ้า ฮาโตยาม่ายอมให้ คิชิ เป็นผู้ดูแลด้านการเงิน และเป็นคนดูแลกิจการหลังบ้านของ พรรค ฮาโตยาม่าตกลง โคดามะ ก็เลยลงเงินหลายล้านเหรียญ ตั้งพรรคประชาธิปไตย Democratic Party ให้ ฮาโตยาม่า ง่ายดีจัง ประชาธิปไตยยี่ห้อ ยากูซ่า ข่าวว่า โคดามะ ซึ่งขณะนั้น มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 13 .5 พันล้านเหรียญ รับกับสื่อว่า เขาได้จ่ายเงินให้แก่ SCAP ไป 200 ล้านเหรียญ ให้แบ่งกันระหว่าง เจียงไคเช็ค กับ Counter-Intelligence Corp (CIC) หน่วยงานบังหน้า ของซีไอเอ หลังจากจ่ายเงินไปไม่นาน โคดามะ กับ คิชิ ก็ได้เดินออกมาจากคุกซุกาโม อย่างเงียบๆ สบายๆ ส่วน ซีไอเอ คงถูกใจ โคดามะมาก เมื่อพ้นออกมาจากคุก ซีไอเอ จึงจ้างเขาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ดูแลไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่อง ฝิ่น เฮโรอีน ทอง เพชร ที่อยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ ที่อเมริกาปลื้มมากคือ ฝีมือการ “ดูแล” ของโคดามะ โดยเฉพาะการไปดูแล แร่ทังสเต็น ซึ่งเหมาะสำหรับการทำหัวจรวด และหัวเครื่องบินรบ ซึ่งข่าวว่าจีนมีแร่นี้อยู่แยะ เมื่อโคดามะ ไปขนแร่นี้มาจากจีน มาถีงญี่ปุ่น ซีไอเอ ก็ขนแร่นี้ต่อไปที่อเมริกา ส่วนคิชิ เมื่อออกมาจากคุก ด้วยเงินของโคดามะ และใช้เครือข่ายการเมือง ของฮาโตยาม่า เขาก็เดินสาย ตะล่อมเอานักการเมืองมาเข้าพวก และเริ่มบทบาทเจ้าพ่อทางการเมือง ขณะเดียวกัน พี่ชายของเขา นายซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku ก็ได้ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ ของนายกรัฐมนตรีโยชิดะ Yoshida เมื่อพรรค LDP ตั้งสำเร็จ ก็ได้เสียงข้างมากในสภาอย่างไม่ยาก หลังจากนั้น LDP ก็ครองเสียงข้างมากในสภามาตลอด ขนาดมีคำพูดว่า อำนาจของ LDP ในญี่ปุ่นนั้น เป็นรองแค่จักรพรรดิ เท่านั้นเอง คิชิ โนบูซูเกะ มีความสำคัญอย่างไร เขาเป็นคนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่น ให้อเมริกาเข้าไปกินญี่ปุ่น ต่อ หรือแทน อังกฤษ คิชิ ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ ชาลี ซ่ง ช่วยเปิดประตูเมืองจีน ให้อเมริกาเข้าไปแทนอังกฤษ เรื่องราวอาจจะไม่เหมือน แต่ก็ทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตูบ้านตัวเอง ให้โจร (อีกราย) เข้ามาในบ้านเหมือนกัน อเมริกา น่าจะวางแผนเข้ามาในญี่ปุ่น และ “ใช้” ญี่ปุ่น ไม่ต่างกับที่อังกฤษคิด อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น สูงตั้งแต่ปลาย ค.ศ.1800 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น ก็เริ่มลดลง แต่ยังไม่หายไป ทั้ง Morgan และ Rockefeller ต่างเข้ามาเปิดตัว เปิดตลาดในญี่ปุ่น ในเวลาใกล้เคียงกัน Morgan เน้นเรื่องธุรกิจการเงิน Rockefeller เน้น เรื่องน้ำมัน และอุตสาหกรรม ทั้ง 2 กลุ่ม มีทั้งร่วมมือกันกิน และก็แย่งกันกิน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 14
    ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง
    สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ
    แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น
    เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ
    เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน
    ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี
    ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน
    และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ
    น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง
    พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย
    ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก
    ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ
    ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว
    อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค
    ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 14 ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” 

    ตอน 13
    หลังจากซุนยัดเซ็นตาย เจียงไคเช็คก็ขึ้นมาหัวหน้าใหญ่ของพรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียงเริ่มพองตัวใหญ่ขึ้น เขาเริ่มปราบพวกเจ้าพ่อก๊กต่างๆ แม้ ในตอนแรก เขาจะยังร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พอถึงปี ค.ศ.1927 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกอาการ มีการขบเขี้ยวใส่กันอยู่ตลอดเวลา ทำท่าว่าจะไปกันไม่รอด แล้วเจียงก็ไล่ที่ปรึกษาโซเวียตกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มใช้กำลังและความรุนแรงคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่นานจีนก๊กมินตั๋งกับจีนคอมมิวนิสต์ก็แยกทางกันเดิน
    อะไร ทำให้เจียงเปลี่ยนแนวทางจนเดินทางเดียวกับจีนคอมมิวนิสต์ไม่ได้
    มาดูประวัติ และเส้นทางชีวิตของเขาหน่อย
    เจียงไคเช็ค เกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1887 ในหมู่บ้านทางตะวันออกของจีน พ่อตายก่อน แม่เป็นคนเลี้ยงเขามา พออายุ 14 หนุ่มเจียง ก็มีเมียคนแรก พออายุ 18 ก็เดินทางไปเข้าโรงเรียนทหารที่โตเกียว เขาบอกว่า เขาชอบความมีวินัยของกองทัพญี่ปุ่น ถึงปี ค.ศ.1911 เจียง ก็กลับมาจีน และเข้าร่วมกับก๊กมินตั๋ง ได้เป็นทหารติดตามซุนยัดเซ็น แต่พอซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย
    เมื่อซุนยัดเซ็น กลับมาฟื้นก๊กมินตั๋ง เจียงก็กลับมาติดตามซุนยัดเซ็นต่อ ระหว่าง นั้นเจียงก็สร้างเครือข่ายอิทธิพลของต้วเองไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็นเสียชีวิต ในปี ค.ศ.1925 เจียงขึ้นมาเป็นหัวหน้าก๊กมินตั๋งแทน และในปี ค.ศ.1926 เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังโด่งดัง มีอำนาจคับโลก หล่อนคือ เมย์-หลิง ซ่ง May-ling Soong ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเศรษฐีใหญ่ ชาลี ซ่ง ที่คุ้นเคยกับซุนยัดเซ็น นั่นเอง เจียงลงทุนเข้ารีต เปลี่ยนไปนับถือคริสเตียนตามเมียไฮโซ
    ชาลี ซ่ง Charlie Soong เป็นชาวจีนที่โตมากับพวกมิชชันนารีในจีนที่ไหหลำ ทางใต้ของจีน พวกมิชชั่นนารีส่งเขาไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หลังจากนั้น ชาลี ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียน และเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง เมื่อชาลีเรียนมหาวิทยาลัยจบ ก็กลับมาจีน และปักหลักทำธุรกิจอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แดนฝรั่งในจีน
    เขาเรื่มธุรกิจด้วยการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลขาย จนมีฐานะ และต่อมาก็ถือว่า เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เขามีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 3 คน ลูกชายลูกสาว ทุกคนถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทุกคนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีในอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีกว่าภาษาจีน ลูกสาวคนหนึ่ง ชิง-หลิง ไปช่วยทำงานให้ซุนยัดเซ็น ในที่สุดก็รักกัน และไปอยู่กินกับซุนยัดเซ็น เมื่อซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ชิง-หลิง ก็ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ชาลีไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดตัดขาดกับทั้ง 2 คน
    แต่เมื่อได้ลูกเขยชื่อเจียงไคเช็ค ชาลี ซ่ง กลับปลาบปลื้ม และทำธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ขยายไปทั่ว เมื่อเจียงไคเช็คพาพรรคพวกหนีพรรคคอมมิวนิสต์ ไปอยู่ไต้หวัน และตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ลูกชายของ ชาลีคนหนึ่ง ชื่อ เซ-เวน Tse-ven แต่เจ้าตัวและพวกฝรั่งเรียกว่า T V ทีวี ก็ไปทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคลังให้แก่น้องเขย และเป็นอยู่หลายสมัย เลยยิ่งรวยกันใหญ่
    จริงๆ T V ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวให้แก่ซุนยัดเซ็นมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ซุนยัดเซ็นปักหลักเริ่มวางแผนอยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ.1917 นาย ทีวี นี่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และนิยมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา เมื่อย้ายมาทำงานให้เขยอีกคนคือ เจียง นอกจากได้เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว นายทีวี ยังเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน และเป็นผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวัน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายทีวี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างไต้หวันกับอเมริกาโดยเป็นผู้ติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา รูปแบบคุ้นๆ จัง
    ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เส้นทางเดินของ เจียงไคเช็ค เปลี่ยนจุดหมาย เลี้ยวออกจากที่เคยเดินไปทางเดียวกับซุนยัดเซ็น น่าจะเป็น ตระกูลซ่ง ตั้งแต่ ตัวพ่อ ลูกสาว และลูกชาย
    จากประวัติของ ชาลี ซ่ง ที่เป็นเด็กเลี้ยงของมิชชั่นนารีคริสเตียน และภายหลัง เห็นชัดว่าเป็นเด็กสร้างของอเมริกา อเมริกาจึงน่าจะเป็นผู้จัดการให้ ชาลี ซ่ง และครอบครัว มาทำหน้าที่ ทำงานคัดท้าย จนถึงครอบงำผู้ที่จะมาทำการปกครองจีน หลังจากราชวงศ์ชิงล่ม ตามแผนครอบครองจีนของอเมริกา และเพื่อให้เป็นไปตามแผน ที่ผลสรุป ของตัวแสดงยังออกมาไม่ชัด อเมริกาจึงต้องซื้อไพ่ชื่อ ซุนยัดเซน และเจียงไคเช็ค ทั้ง 2ใบ และให้มีการประกบใกล้ชิด ทั้ง 2 ใบ มันเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้กันทั้งครอบครัว และอาจจะทั้งตระกูล และใช้เวลาหลายชั่วชีวิตคน อย่างที่เราจะนึกไม่ถึง นี่คือต้นแบบของหนอนใน ที่ฝรั่งใช้เอามาฝังไว้ในประเทศต่างๆ แม้ในแดนสยามก็ยังมี และยังใช้อยู่
    มันเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้าง ชาลี ซ่ง และครอบครัว บวกความทะเยอทะยานของครอบครัว ชาลี ซ่ง ผสมกัน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ยอมเป็นขี้ข้าให้ฝรั่งใช้ในประเทศตนเอง นี่มันต้องใช้หลายอย่าง แต่ที่ไม่ใช้คือ ความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของตนเอง และความมีศักดิ์ศรีในชนชาติของตน
    ส่วนเรื่องของซุนยัดเซ็น น่าเชื่อว่า ซุนยัดเซ็นมีอุดมการณ์จริงตั้งแต่เริ่มแรก ที่ต้องการไล่ราชวงศ์ชิงที่เหลวเละและยอมฝรั่ง และไล่พวกฝรั่งให้พ้นไปจากจีน และอังกฤษเอง ก็น่าจะรู้เป้าหมายของซุนยัดเซ็นอยู่แล้ว แต่อังกฤษคงปล่อยให้ซุนยัดเซ็นเล่นไประดับหนึ่ง เพื่อไล่ราชวงศ์ชิง เพราะ ถ้าราชวงศ์ชิงร่วงไป ก็เป็นประโยชน์กับอังกฤษเช่นกัน
    ส่วนการปล่อยให้ ซุนยัดเซ็น มาอยู่ญี่ปุ่น ที่อังกฤษ รวมทั้งอเมริกา เอาตาข่ายคลุมไว้หมดแล้ว เพื่อให้เส้นสายของตน ทั้งตามดูและควบคุม ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เมื่อมีการปฏิวัติสำเร็จ และซุนยัดเซ็นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นประธานาธิบดี และตั้งสาธารณรัฐ ฝ่ายอังกฤษจึงเห็นว่า ผิดท่า ชาวจีนสนับสนุนมากไป และน่าจะมีอเมริกามาเกี่ยวข้อง การที่อังกฤษจะไปคาบจีนกลับมา จึงอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มันก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับการใช้ญี่ปุ่นรวนจีน แต่ไม่ได้ยกจีนให้ญี่ปุ่น อังกฤษปล่อย หรือ อาจจะสนับสนุนทางอ้อม ให้ซุนยัดเซ็นไล่ราชวงศ์ชิง แต่ไม่ได้หมายความว่ายกจีนให้ ซุนยัดเซ็น
    นี่คือสันดานที่แท้จริงของอังกฤษ “แค่ใช้ ไม่ใช่ ยกให้” ยวนชีไข่ จึงได้ใบสั่งให้มาเข้าฉากชั่วคราว เพราะอังกฤษยังไม่ว่างมาจัดการเอง เพราะช่วงนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ที่ได้มาจากการทำสงครามโลก ครั้งที่ 1
    ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็นจะเป็นเด็กสร้าง หรือรับใบสั่งของอเมริกา หรือไม่ ก็น่าคิด แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อเมริกาน่าจะเกาะติด และประกบซุนยัดเซ็น ไม่ต่างกับอังกฤษ หรือยิ่งกว่า อเมริกามีแต่ได้ ไม่มีเสีย ถ้าซุนยัดเซ็นโค่นราชวงศ์ชิงไปได้ ไล่อังกฤษออกจากจีน มันเป็นการเปิดทางเข้าให้อเมริกาทั้งนั้น ชาลี ซ่ง และครอบครัว จึงถูกส่งมาประกบ ไม่ให้ซุนยัดเซ็นหลุดเส้นทาง และหลุดมือ
    แต่การที่ ซุนยัดเซ็น เอง ที่เดินหมากเหมือนไม่ตามแผน เช่น การไปตกปากสัญญาจะยกสัมปทานในจีน ให้คนจีนโพ้นทะเล เป็นการชักจูงให้กลับมาอยู่ในประเทศ มาช่วยกันสร้างประเทศดีกว่าให้ฝรั่งมาเอาไป น่าจะบอกความในใจของซุนยัดเซ็นได้พอสมควร ดูๆไป ก็เหมือน ซุนยัดเซ็น เล่นละครหลอกฝรั่ง ทั้งอังกฤษ อเมริกา และอาจจะญี่ปุ่นด้วย เขาแสดงตัวว่า คบทั้ง อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ทั้งคนดี คนชั่ว แต่ที่สำคัญ การมาคบกับโซเวียต นี่น่าจะเป็นเหตุใหญ่ ให้อเมริกา ที่เล่นไพ่ไว้ทั้ง 2 ใบ จึงทิ้งไพ่ เหลือเพียงใบเดียว หันมาสนับสนุน เจียงไคเช็ค ที่ชัดเจนว่าอยู่ในมืออเมริกา อย่างเต็มที่ มันเป็นรูปแบบที่อเมริกา ถนัดเล่น เล่นอย่างนี้ ทุกที่ ทุกสมัย
     
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”  ตอน 13 หลังจากซุนยัดเซ็นตาย เจียงไคเช็คก็ขึ้นมาหัวหน้าใหญ่ของพรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียงเริ่มพองตัวใหญ่ขึ้น เขาเริ่มปราบพวกเจ้าพ่อก๊กต่างๆ แม้ ในตอนแรก เขาจะยังร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พอถึงปี ค.ศ.1927 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกอาการ มีการขบเขี้ยวใส่กันอยู่ตลอดเวลา ทำท่าว่าจะไปกันไม่รอด แล้วเจียงก็ไล่ที่ปรึกษาโซเวียตกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มใช้กำลังและความรุนแรงคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่นานจีนก๊กมินตั๋งกับจีนคอมมิวนิสต์ก็แยกทางกันเดิน อะไร ทำให้เจียงเปลี่ยนแนวทางจนเดินทางเดียวกับจีนคอมมิวนิสต์ไม่ได้ มาดูประวัติ และเส้นทางชีวิตของเขาหน่อย เจียงไคเช็ค เกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1887 ในหมู่บ้านทางตะวันออกของจีน พ่อตายก่อน แม่เป็นคนเลี้ยงเขามา พออายุ 14 หนุ่มเจียง ก็มีเมียคนแรก พออายุ 18 ก็เดินทางไปเข้าโรงเรียนทหารที่โตเกียว เขาบอกว่า เขาชอบความมีวินัยของกองทัพญี่ปุ่น ถึงปี ค.ศ.1911 เจียง ก็กลับมาจีน และเข้าร่วมกับก๊กมินตั๋ง ได้เป็นทหารติดตามซุนยัดเซ็น แต่พอซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็น กลับมาฟื้นก๊กมินตั๋ง เจียงก็กลับมาติดตามซุนยัดเซ็นต่อ ระหว่าง นั้นเจียงก็สร้างเครือข่ายอิทธิพลของต้วเองไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็นเสียชีวิต ในปี ค.ศ.1925 เจียงขึ้นมาเป็นหัวหน้าก๊กมินตั๋งแทน และในปี ค.ศ.1926 เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังโด่งดัง มีอำนาจคับโลก หล่อนคือ เมย์-หลิง ซ่ง May-ling Soong ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเศรษฐีใหญ่ ชาลี ซ่ง ที่คุ้นเคยกับซุนยัดเซ็น นั่นเอง เจียงลงทุนเข้ารีต เปลี่ยนไปนับถือคริสเตียนตามเมียไฮโซ ชาลี ซ่ง Charlie Soong เป็นชาวจีนที่โตมากับพวกมิชชันนารีในจีนที่ไหหลำ ทางใต้ของจีน พวกมิชชั่นนารีส่งเขาไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หลังจากนั้น ชาลี ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียน และเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง เมื่อชาลีเรียนมหาวิทยาลัยจบ ก็กลับมาจีน และปักหลักทำธุรกิจอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แดนฝรั่งในจีน เขาเรื่มธุรกิจด้วยการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลขาย จนมีฐานะ และต่อมาก็ถือว่า เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เขามีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 3 คน ลูกชายลูกสาว ทุกคนถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทุกคนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีในอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีกว่าภาษาจีน ลูกสาวคนหนึ่ง ชิง-หลิง ไปช่วยทำงานให้ซุนยัดเซ็น ในที่สุดก็รักกัน และไปอยู่กินกับซุนยัดเซ็น เมื่อซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ชิง-หลิง ก็ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ชาลีไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดตัดขาดกับทั้ง 2 คน แต่เมื่อได้ลูกเขยชื่อเจียงไคเช็ค ชาลี ซ่ง กลับปลาบปลื้ม และทำธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ขยายไปทั่ว เมื่อเจียงไคเช็คพาพรรคพวกหนีพรรคคอมมิวนิสต์ ไปอยู่ไต้หวัน และตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ลูกชายของ ชาลีคนหนึ่ง ชื่อ เซ-เวน Tse-ven แต่เจ้าตัวและพวกฝรั่งเรียกว่า T V ทีวี ก็ไปทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคลังให้แก่น้องเขย และเป็นอยู่หลายสมัย เลยยิ่งรวยกันใหญ่ จริงๆ T V ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวให้แก่ซุนยัดเซ็นมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ซุนยัดเซ็นปักหลักเริ่มวางแผนอยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ.1917 นาย ทีวี นี่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และนิยมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา เมื่อย้ายมาทำงานให้เขยอีกคนคือ เจียง นอกจากได้เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว นายทีวี ยังเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน และเป็นผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวัน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายทีวี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างไต้หวันกับอเมริกาโดยเป็นผู้ติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา รูปแบบคุ้นๆ จัง ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เส้นทางเดินของ เจียงไคเช็ค เปลี่ยนจุดหมาย เลี้ยวออกจากที่เคยเดินไปทางเดียวกับซุนยัดเซ็น น่าจะเป็น ตระกูลซ่ง ตั้งแต่ ตัวพ่อ ลูกสาว และลูกชาย จากประวัติของ ชาลี ซ่ง ที่เป็นเด็กเลี้ยงของมิชชั่นนารีคริสเตียน และภายหลัง เห็นชัดว่าเป็นเด็กสร้างของอเมริกา อเมริกาจึงน่าจะเป็นผู้จัดการให้ ชาลี ซ่ง และครอบครัว มาทำหน้าที่ ทำงานคัดท้าย จนถึงครอบงำผู้ที่จะมาทำการปกครองจีน หลังจากราชวงศ์ชิงล่ม ตามแผนครอบครองจีนของอเมริกา และเพื่อให้เป็นไปตามแผน ที่ผลสรุป ของตัวแสดงยังออกมาไม่ชัด อเมริกาจึงต้องซื้อไพ่ชื่อ ซุนยัดเซน และเจียงไคเช็ค ทั้ง 2ใบ และให้มีการประกบใกล้ชิด ทั้ง 2 ใบ มันเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้กันทั้งครอบครัว และอาจจะทั้งตระกูล และใช้เวลาหลายชั่วชีวิตคน อย่างที่เราจะนึกไม่ถึง นี่คือต้นแบบของหนอนใน ที่ฝรั่งใช้เอามาฝังไว้ในประเทศต่างๆ แม้ในแดนสยามก็ยังมี และยังใช้อยู่ มันเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้าง ชาลี ซ่ง และครอบครัว บวกความทะเยอทะยานของครอบครัว ชาลี ซ่ง ผสมกัน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ยอมเป็นขี้ข้าให้ฝรั่งใช้ในประเทศตนเอง นี่มันต้องใช้หลายอย่าง แต่ที่ไม่ใช้คือ ความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของตนเอง และความมีศักดิ์ศรีในชนชาติของตน ส่วนเรื่องของซุนยัดเซ็น น่าเชื่อว่า ซุนยัดเซ็นมีอุดมการณ์จริงตั้งแต่เริ่มแรก ที่ต้องการไล่ราชวงศ์ชิงที่เหลวเละและยอมฝรั่ง และไล่พวกฝรั่งให้พ้นไปจากจีน และอังกฤษเอง ก็น่าจะรู้เป้าหมายของซุนยัดเซ็นอยู่แล้ว แต่อังกฤษคงปล่อยให้ซุนยัดเซ็นเล่นไประดับหนึ่ง เพื่อไล่ราชวงศ์ชิง เพราะ ถ้าราชวงศ์ชิงร่วงไป ก็เป็นประโยชน์กับอังกฤษเช่นกัน ส่วนการปล่อยให้ ซุนยัดเซ็น มาอยู่ญี่ปุ่น ที่อังกฤษ รวมทั้งอเมริกา เอาตาข่ายคลุมไว้หมดแล้ว เพื่อให้เส้นสายของตน ทั้งตามดูและควบคุม ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เมื่อมีการปฏิวัติสำเร็จ และซุนยัดเซ็นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นประธานาธิบดี และตั้งสาธารณรัฐ ฝ่ายอังกฤษจึงเห็นว่า ผิดท่า ชาวจีนสนับสนุนมากไป และน่าจะมีอเมริกามาเกี่ยวข้อง การที่อังกฤษจะไปคาบจีนกลับมา จึงอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มันก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับการใช้ญี่ปุ่นรวนจีน แต่ไม่ได้ยกจีนให้ญี่ปุ่น อังกฤษปล่อย หรือ อาจจะสนับสนุนทางอ้อม ให้ซุนยัดเซ็นไล่ราชวงศ์ชิง แต่ไม่ได้หมายความว่ายกจีนให้ ซุนยัดเซ็น นี่คือสันดานที่แท้จริงของอังกฤษ “แค่ใช้ ไม่ใช่ ยกให้” ยวนชีไข่ จึงได้ใบสั่งให้มาเข้าฉากชั่วคราว เพราะอังกฤษยังไม่ว่างมาจัดการเอง เพราะช่วงนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ที่ได้มาจากการทำสงครามโลก ครั้งที่ 1 ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็นจะเป็นเด็กสร้าง หรือรับใบสั่งของอเมริกา หรือไม่ ก็น่าคิด แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อเมริกาน่าจะเกาะติด และประกบซุนยัดเซ็น ไม่ต่างกับอังกฤษ หรือยิ่งกว่า อเมริกามีแต่ได้ ไม่มีเสีย ถ้าซุนยัดเซ็นโค่นราชวงศ์ชิงไปได้ ไล่อังกฤษออกจากจีน มันเป็นการเปิดทางเข้าให้อเมริกาทั้งนั้น ชาลี ซ่ง และครอบครัว จึงถูกส่งมาประกบ ไม่ให้ซุนยัดเซ็นหลุดเส้นทาง และหลุดมือ แต่การที่ ซุนยัดเซ็น เอง ที่เดินหมากเหมือนไม่ตามแผน เช่น การไปตกปากสัญญาจะยกสัมปทานในจีน ให้คนจีนโพ้นทะเล เป็นการชักจูงให้กลับมาอยู่ในประเทศ มาช่วยกันสร้างประเทศดีกว่าให้ฝรั่งมาเอาไป น่าจะบอกความในใจของซุนยัดเซ็นได้พอสมควร ดูๆไป ก็เหมือน ซุนยัดเซ็น เล่นละครหลอกฝรั่ง ทั้งอังกฤษ อเมริกา และอาจจะญี่ปุ่นด้วย เขาแสดงตัวว่า คบทั้ง อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ทั้งคนดี คนชั่ว แต่ที่สำคัญ การมาคบกับโซเวียต นี่น่าจะเป็นเหตุใหญ่ ให้อเมริกา ที่เล่นไพ่ไว้ทั้ง 2 ใบ จึงทิ้งไพ่ เหลือเพียงใบเดียว หันมาสนับสนุน เจียงไคเช็ค ที่ชัดเจนว่าอยู่ในมืออเมริกา อย่างเต็มที่ มันเป็นรูปแบบที่อเมริกา ถนัดเล่น เล่นอย่างนี้ ทุกที่ ทุกสมัย   สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 12

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 12
    เล่าเรื่องซุนยัดเซน เสียยาว เพราะเขาเป็นตัวสำคัญ ในการโยงเรื่องของจีน กับเรื่องของญี่ปุ่น และเรื่องของเขา น่าจะทำให้เราเห็นชัดขึ้น เกี่ยวกับ การวางแผน และลงมือล่าเหยื่อของอังกฤษ และอเมริกา ที่วางแผนล่าข้ามศตวรรษเหมือนกัน และดูเหมือนตอนนี้ก็ยังล่าไม่ได้อย่างใจ เรื่องยังไม่จบ…
    ขณะที่ ซุนยัดเซ็น ยังวิ่งหาเงินเพื่อมาทำปฏิวัติอยู่ที่อเมริกา ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ.1911 ก็เกิดการระเบิดขึ้นที่เมืองหวูชาง มณทลหูไบ่ ทางการเตรียมกวาดล้างพวกก่อเหตุ เหตุการณ์ระเบิดจึงยกระดับ เป็นการลุกขึ้นของประชาชน แล้วก็กลายเป็นการปฏิวัติของประชาชน ฝ่ายทหารของมณทลย้ายข้าง มาอยู่กับพวกปฏิวัติด้วย หลังจากนั้น การปฏิวัติก็ลุกลามไปตามเมืองต่างๆ ซุนยัดเซ็นได้ข่าว จึงรีบเดินทางกลับมาจากอเมริกา
    ก็น่าสนใจว่า ปฏิวัติเริ่มโดยคนคิดทำปฏิวัตื ยังอยู่อีกฝั่งของโลก ตกลงใครทำปฏิวัติกันแน่
    หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ฝ่ายปฏิวัติก็ยึดครองจีนได้กว่าครึ่งประเทศ และ ราชวงศ์ชิงก็ล่มลง พวกปฏิวัติจึงพร้อมใจกันเลือกให้ ซุนยัดเซ็น เป็น ประธานาธิบดีคนแรก พร้อมกับการสถาปนา เป็นสาธารณรัฐจีน ในต้นปี ค.ศ.1912
    อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ได้ข่าวปฏิวัติจีน ก็โกรธจนคลั่ง บอกว่า อังกฤษจะไม่ทนกับการมีอเมริกา อีกแห่ง อยู่ในสนามหลังบ้าน ที่เอเซียอย่างเด็ดขาด เอะ พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ว่าแล้ว อังกฤษก็เรียกระดมกำลัง ทั้งพวกบนดิน ใต้ดิน และฝ่ายการเมืองมาวางแผนแก้เกม ซุนยัดเซ็น (หรือเกมอเมริกา?!) แล้วยวนชีไข่ Yuan Shi-kai ขุนนางใหญ่ ฝ่ายทหารของราชวงค์แมนจู จอมทะเยอทะยาน ที่อยากใหญ่เทียมฟ้ามานาน ก็ได้รับใบสั่งจากอังกฤษ ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
    แม้พวกปฏิวัติ จะยึดทางใต้ได้หมด แต่ทางเหนือ และกองทหารทางนั้น ยังไม่ยอมเข้ากับพวกปฏิวัติ ซุนยัดเซ็นคงมองเห็นเงาอังกฤษยังค้างอยู่ จึงถอยกลับมาหนึ่งก้าว และยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้ ยวนชีไข่ คนใส่ปลอกคอยี่ห้ออังกฤษไปก่อน แล้วตัวเขาก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการรถไฟ เพื่อวางแผนสร้างทางรถไฟแทน เออ งง จริง หมากจีน นี่เล่นแปลก
    แล้วรายการขย่มขวัญก็เกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1913 ซ้ง เจียวเรน (Song Jiaoren) เพื่อนคู่คิดของซุนยัดเซ็น ตั้งแต่นั่งฝันเฟื่องด้วยกันที่ฮาวาย ถูกฆ่าตาย
    ซ้ง เจียวเรน เป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฮาวายที่ ซุน ฝากท้อง และปากเอาไว้ ทุกวัน ซุนจะไปนั่งกินข้าว (ฟรี) ที่ร้านของ ซ้ง และคุยให้ฟัง ถึงความฝันของเขา ที่จะไล่ฝรั่งออกไปให้พ้นจากจีน ซ้งฟังจนเคลิ้ม ในที่สุดก็ปิดร้านอาหาร และติดตามซุนไปทุกแห่ง และเป็น ซ้ง ที่เป็นคนคิดและจัดการตั้งสมาคม Teng Meng Hui และนำพรรคก๊กมินตั๋ง เข้าไปสู่การเลือกตั้ง จนได้ชัยชนะในปี ค.ศ.1912-1913
    การตายของ ซ้ง เจียวเรน ทำให้ ซุนยัดเซ็น ต้องหันกลับมาเดินหน้าใหม่ และถามหาผู้รับผิดชอบ แต่ยวนชีไข่ ไม่ให้ราคาซุนยัดเซ็น แรงกระเพื่อมจึงเกิดขึ้นมาใหม่จากฝ่ายปฏิวัติ
    ยวนชีไข่ แน่ใจว่า ตนเองมีแรงหนุนเต็มที่จากนายท่าน จึงสั่งจับซุนยัดเซ็น แล้วซุนยัดเซ็นก็เลยต้องเปิดแนบ หนีไปอยู่ญี่ปุ่นอีกรอบ ส่วน ยวนชีไข่ ก็ได้รางวัล นายท่านอนุญาตให้ตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี ซุนยัดเซ็นไม่กลับเข้ามาในจีนอีกเลย จนยวนสีไข่ ตายในปี ค.ศ.1916
    แม้ตัวจะไม่กลับเข้ามา แต่ ในปี ค.ศ.1915 จีนก็ได้รับหนังสือขู่จากญี่ปุ่น ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ ที่ตั้งญี่ปุ่นเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่อง ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม และเกี่ยวแบบไหน
    ระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น ดูเหมือนรัศมี และอำนาจของซุนยัดเซ็นจะลดลงไปแยะ เมื่อเขาพยายามจะฟื้นพรรคปฏิวั ติ พรรคพวกเก่าๆ ก็ไม่กลับมา เมื่อ ยวนชีไข่ตาย ในปี ค.ศ.1916 ซุนยัดเซ็น จึงกลับเข้าในจีน ในปี ค.ศ.1917 เขาพยายามตั้งรัฐบาลแข่ง ที่กวางสู และเจียงไคเช็ค ก็เริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ยังไปไม่รอด ซุนยัดเซ็น ก็ต้องหนีไปตั้งหลักที่ เซี่ยงไฮ้
    ซุนยัดเซ็น ยังไม่ถอดใจ ในปี ค.ศ.1919 เขาตั้ง ก๊กมินตั๋งจีนขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อพรรคชาตินิยม Nationalist Party แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ช่วงปี ค.ศ.1922 การต่อสู้ระหว่างเจ้าพ่อก๊กต่างๆ กลับเกิดขึ้นอย่างมากมาย รบกันไปทุกหัวระแหง และซุนยัดเซ็น ก็กลับไปตั้งหลัก ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ที่เซี่ยงไฮ้ เขาเห็นแล้วว่า ถ้าจะเดินหน้าต่อ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต…
    ปี ค.ศ.1923 ซุนยัดเซ็น จึงทำความตกลงกับโซเวียต และโซเวียต ก็ส่งที่ปรึกษา Mikail Boroden มาจัดระบบพรรคก๊กมินตั่ง หรือพรรคชาตินิยมให้ใหม่ ตั้งสถาบันทางการเมือง เพื่อให้ความรู้ และอบรม ด้านการระดมพล เคลื่อนพล และการโฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็น ก็ส่งเจียงไคเช็ค ไปโซเวียต เพื่อเข้าหลักสูตรการทหาร เมื่อเจียงไคเช็ค กลับมาถึงจีน ซุนยัดเซ็น ก็ให้ตั้งสถาบันการทหารวัมเปา Wampao Academy เพื่อให้การอบรมด้านการทหาร ให้แก่ทั้งก๊กมินตั๋ง และพรรคคอมมิวนิสต์ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกัน เจียงไคเช็ค ก็เริ่มสร้างอำนาจให้ตัวเอง
    หลังจากได้โซเวียตมาช่วยจัดระบบให้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เริ่มเข้ามาร่วมกับพรรคจีนก๊กมินตั๋ง แต่จำนวนสมาชิกของทั้ง 2 พรรคต่างกันมาก ขณะที่ ก๊กมินตั๋งมีสมาชิกเป็นแสน พรรคคอมมิวนิสต์ มีแค่เป็นพัน (ในขณะนั้น)
    แล้วซุนยัดเซ็นก็ล้มป่วย และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1925 เจียงไคเช็ค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
    ตกลงซุนยัดเซ็น เป็นนักปฏิวัติ ที่มีอุดมการณ์น่านับถือ หรือเป็นเด็กสร้างของฝรั่ง หรือเขาเป็นเพียงหมาก ที่ฝรั่งใช้เดิน เพื่อผลประโชน์ของฝรั่งโดย เขาไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่คิดว่า เพื่อให้ถึงจุดหมายอุดมการณ์ของตัว ในขณะที่ปัจจัยยังไม่พร้อม ก็ต้องยอม หรือหลอก (ฝรั่ง) ไปพลางๆ ก่อน เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 12 เล่าเรื่องซุนยัดเซน เสียยาว เพราะเขาเป็นตัวสำคัญ ในการโยงเรื่องของจีน กับเรื่องของญี่ปุ่น และเรื่องของเขา น่าจะทำให้เราเห็นชัดขึ้น เกี่ยวกับ การวางแผน และลงมือล่าเหยื่อของอังกฤษ และอเมริกา ที่วางแผนล่าข้ามศตวรรษเหมือนกัน และดูเหมือนตอนนี้ก็ยังล่าไม่ได้อย่างใจ เรื่องยังไม่จบ… ขณะที่ ซุนยัดเซ็น ยังวิ่งหาเงินเพื่อมาทำปฏิวัติอยู่ที่อเมริกา ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ.1911 ก็เกิดการระเบิดขึ้นที่เมืองหวูชาง มณทลหูไบ่ ทางการเตรียมกวาดล้างพวกก่อเหตุ เหตุการณ์ระเบิดจึงยกระดับ เป็นการลุกขึ้นของประชาชน แล้วก็กลายเป็นการปฏิวัติของประชาชน ฝ่ายทหารของมณทลย้ายข้าง มาอยู่กับพวกปฏิวัติด้วย หลังจากนั้น การปฏิวัติก็ลุกลามไปตามเมืองต่างๆ ซุนยัดเซ็นได้ข่าว จึงรีบเดินทางกลับมาจากอเมริกา ก็น่าสนใจว่า ปฏิวัติเริ่มโดยคนคิดทำปฏิวัตื ยังอยู่อีกฝั่งของโลก ตกลงใครทำปฏิวัติกันแน่ หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ฝ่ายปฏิวัติก็ยึดครองจีนได้กว่าครึ่งประเทศ และ ราชวงศ์ชิงก็ล่มลง พวกปฏิวัติจึงพร้อมใจกันเลือกให้ ซุนยัดเซ็น เป็น ประธานาธิบดีคนแรก พร้อมกับการสถาปนา เป็นสาธารณรัฐจีน ในต้นปี ค.ศ.1912 อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ได้ข่าวปฏิวัติจีน ก็โกรธจนคลั่ง บอกว่า อังกฤษจะไม่ทนกับการมีอเมริกา อีกแห่ง อยู่ในสนามหลังบ้าน ที่เอเซียอย่างเด็ดขาด เอะ พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ว่าแล้ว อังกฤษก็เรียกระดมกำลัง ทั้งพวกบนดิน ใต้ดิน และฝ่ายการเมืองมาวางแผนแก้เกม ซุนยัดเซ็น (หรือเกมอเมริกา?!) แล้วยวนชีไข่ Yuan Shi-kai ขุนนางใหญ่ ฝ่ายทหารของราชวงค์แมนจู จอมทะเยอทะยาน ที่อยากใหญ่เทียมฟ้ามานาน ก็ได้รับใบสั่งจากอังกฤษ ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ แม้พวกปฏิวัติ จะยึดทางใต้ได้หมด แต่ทางเหนือ และกองทหารทางนั้น ยังไม่ยอมเข้ากับพวกปฏิวัติ ซุนยัดเซ็นคงมองเห็นเงาอังกฤษยังค้างอยู่ จึงถอยกลับมาหนึ่งก้าว และยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้ ยวนชีไข่ คนใส่ปลอกคอยี่ห้ออังกฤษไปก่อน แล้วตัวเขาก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการรถไฟ เพื่อวางแผนสร้างทางรถไฟแทน เออ งง จริง หมากจีน นี่เล่นแปลก แล้วรายการขย่มขวัญก็เกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1913 ซ้ง เจียวเรน (Song Jiaoren) เพื่อนคู่คิดของซุนยัดเซ็น ตั้งแต่นั่งฝันเฟื่องด้วยกันที่ฮาวาย ถูกฆ่าตาย ซ้ง เจียวเรน เป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฮาวายที่ ซุน ฝากท้อง และปากเอาไว้ ทุกวัน ซุนจะไปนั่งกินข้าว (ฟรี) ที่ร้านของ ซ้ง และคุยให้ฟัง ถึงความฝันของเขา ที่จะไล่ฝรั่งออกไปให้พ้นจากจีน ซ้งฟังจนเคลิ้ม ในที่สุดก็ปิดร้านอาหาร และติดตามซุนไปทุกแห่ง และเป็น ซ้ง ที่เป็นคนคิดและจัดการตั้งสมาคม Teng Meng Hui และนำพรรคก๊กมินตั๋ง เข้าไปสู่การเลือกตั้ง จนได้ชัยชนะในปี ค.ศ.1912-1913 การตายของ ซ้ง เจียวเรน ทำให้ ซุนยัดเซ็น ต้องหันกลับมาเดินหน้าใหม่ และถามหาผู้รับผิดชอบ แต่ยวนชีไข่ ไม่ให้ราคาซุนยัดเซ็น แรงกระเพื่อมจึงเกิดขึ้นมาใหม่จากฝ่ายปฏิวัติ ยวนชีไข่ แน่ใจว่า ตนเองมีแรงหนุนเต็มที่จากนายท่าน จึงสั่งจับซุนยัดเซ็น แล้วซุนยัดเซ็นก็เลยต้องเปิดแนบ หนีไปอยู่ญี่ปุ่นอีกรอบ ส่วน ยวนชีไข่ ก็ได้รางวัล นายท่านอนุญาตให้ตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี ซุนยัดเซ็นไม่กลับเข้ามาในจีนอีกเลย จนยวนสีไข่ ตายในปี ค.ศ.1916 แม้ตัวจะไม่กลับเข้ามา แต่ ในปี ค.ศ.1915 จีนก็ได้รับหนังสือขู่จากญี่ปุ่น ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ ที่ตั้งญี่ปุ่นเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่อง ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม และเกี่ยวแบบไหน ระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น ดูเหมือนรัศมี และอำนาจของซุนยัดเซ็นจะลดลงไปแยะ เมื่อเขาพยายามจะฟื้นพรรคปฏิวั ติ พรรคพวกเก่าๆ ก็ไม่กลับมา เมื่อ ยวนชีไข่ตาย ในปี ค.ศ.1916 ซุนยัดเซ็น จึงกลับเข้าในจีน ในปี ค.ศ.1917 เขาพยายามตั้งรัฐบาลแข่ง ที่กวางสู และเจียงไคเช็ค ก็เริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ยังไปไม่รอด ซุนยัดเซ็น ก็ต้องหนีไปตั้งหลักที่ เซี่ยงไฮ้ ซุนยัดเซ็น ยังไม่ถอดใจ ในปี ค.ศ.1919 เขาตั้ง ก๊กมินตั๋งจีนขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อพรรคชาตินิยม Nationalist Party แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ช่วงปี ค.ศ.1922 การต่อสู้ระหว่างเจ้าพ่อก๊กต่างๆ กลับเกิดขึ้นอย่างมากมาย รบกันไปทุกหัวระแหง และซุนยัดเซ็น ก็กลับไปตั้งหลัก ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ที่เซี่ยงไฮ้ เขาเห็นแล้วว่า ถ้าจะเดินหน้าต่อ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต… ปี ค.ศ.1923 ซุนยัดเซ็น จึงทำความตกลงกับโซเวียต และโซเวียต ก็ส่งที่ปรึกษา Mikail Boroden มาจัดระบบพรรคก๊กมินตั่ง หรือพรรคชาตินิยมให้ใหม่ ตั้งสถาบันทางการเมือง เพื่อให้ความรู้ และอบรม ด้านการระดมพล เคลื่อนพล และการโฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็น ก็ส่งเจียงไคเช็ค ไปโซเวียต เพื่อเข้าหลักสูตรการทหาร เมื่อเจียงไคเช็ค กลับมาถึงจีน ซุนยัดเซ็น ก็ให้ตั้งสถาบันการทหารวัมเปา Wampao Academy เพื่อให้การอบรมด้านการทหาร ให้แก่ทั้งก๊กมินตั๋ง และพรรคคอมมิวนิสต์ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกัน เจียงไคเช็ค ก็เริ่มสร้างอำนาจให้ตัวเอง หลังจากได้โซเวียตมาช่วยจัดระบบให้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เริ่มเข้ามาร่วมกับพรรคจีนก๊กมินตั๋ง แต่จำนวนสมาชิกของทั้ง 2 พรรคต่างกันมาก ขณะที่ ก๊กมินตั๋งมีสมาชิกเป็นแสน พรรคคอมมิวนิสต์ มีแค่เป็นพัน (ในขณะนั้น) แล้วซุนยัดเซ็นก็ล้มป่วย และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1925 เจียงไคเช็ค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ตกลงซุนยัดเซ็น เป็นนักปฏิวัติ ที่มีอุดมการณ์น่านับถือ หรือเป็นเด็กสร้างของฝรั่ง หรือเขาเป็นเพียงหมาก ที่ฝรั่งใช้เดิน เพื่อผลประโชน์ของฝรั่งโดย เขาไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่คิดว่า เพื่อให้ถึงจุดหมายอุดมการณ์ของตัว ในขณะที่ปัจจัยยังไม่พร้อม ก็ต้องยอม หรือหลอก (ฝรั่ง) ไปพลางๆ ก่อน เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 11
    ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911…
    ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho
    ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า
    “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..”
    ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย
    นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ
    เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ
    ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ
    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค
    ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน
    ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม…
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า
    “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ”
    ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism
    ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย
    ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ
    คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้
    ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม
    ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน
    Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน
    Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี
    W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe
    Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน
    ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย
    คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 11 ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911… ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..” ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม… เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ” ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้ ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 10
    ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย
    จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา
    เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง
    เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน
    ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ
    ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ
    เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน
    สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน
    เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า
    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ
    อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง
    ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้
    แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน
    เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร
    ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน
    ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง
    คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ
    เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 10 ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้ แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 9
    นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่
    เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
    ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย
    อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง”
    ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง
    เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito
    2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป
    หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม
    อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง
    แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ
    หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895
    ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน
    เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902
    ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที
    อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 9 นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง” ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito 2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895 ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902 ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 8
    ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น
    จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร
    อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว
    อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม
    ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป
    อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว
    เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด
    ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ
    แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว
    แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย
    แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน
    วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู
    อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ
    หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น
    บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา
    เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย
    นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง
    เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 8 ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บริษัทประกันเริ่มจำกัดความรับผิดชอบต่อ AI หลังความเสี่ยงมหาศาลปรากฏ”

    บริษัทประกันรายใหญ่ เช่น AIG, WR Berkley และ Great American กำลังยื่นขออนุญาตเพิ่มข้อยกเว้นในกรมธรรม์ เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ไม่ว่าจะเป็นแชตบอท, ระบบอัตโนมัติ หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เหตุผลคือความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดเดาได้และอาจเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายบริษัท

    กรณีที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น Google ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 110 ล้านดอลลาร์จากข้อมูลผิดพลาดในฟีเจอร์ AI Overview, Air Canada ถูกบังคับให้ทำตามส่วนลดที่แชตบอทคิดขึ้นเอง, และบริษัทวิศวกรรมในอังกฤษสูญเงินกว่า 20 ล้านปอนด์จากการถูกหลอกด้วยวิดีโอ Deepfake ของผู้บริหาร เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้บริษัทประกันมองว่า AI ไม่ใช่ความเสี่ยงเฉพาะราย แต่เป็นความเสี่ยงระบบที่อาจสร้างความเสียหายพร้อมกันในหลายองค์กร

    บางบริษัท เช่น Mosaic Insurance ถึงขั้นปฏิเสธที่จะรับประกันความเสี่ยงจาก LLM โดยอธิบายว่า “เป็นกล่องดำที่ไม่สามารถคาดเดาได้” ขณะที่ Chubb และ QBE เลือกออกนโยบายเฉพาะ เช่น คุ้มครองค่าปรับตามกฎหมาย AI Act ของสหภาพยุโรป แต่จำกัดวงเงินไว้เพียงบางส่วน

    นักวิเคราะห์เตือนว่าหากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ความเสี่ยงจากการใช้ AI จะถูกผลักกลับไปที่บริษัทผู้ใช้งานเอง ซึ่งหมายความว่าธุรกิจที่นำ AI มาใช้ต้องแบกรับต้นทุนและความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดความผิดพลาดที่กระทบวงกว้าง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเคลื่อนไหวของบริษัทประกัน
    AIG, WR Berkley และ Great American ขอเพิ่มข้อยกเว้น AI ในกรมธรรม์
    มองว่า AI คือความเสี่ยงระบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้

    เหตุการณ์จริงที่สร้างความเสียหาย
    Google ถูกฟ้อง 110 ล้านดอลลาร์จากข้อมูลผิดพลาด
    Air Canada ต้องทำตามส่วนลดที่แชตบอทคิดขึ้นเอง
    บริษัทอังกฤษสูญเงิน 20 ล้านปอนด์จาก Deepfake

    ท่าทีของบริษัทประกันรายอื่น
    Mosaic ปฏิเสธรับประกัน LLM โดยตรง
    QBE และ Chubb ออกนโยบายเฉพาะ แต่จำกัดวงเงินคุ้มครอง

    ข้อกังวลต่อธุรกิจผู้ใช้งาน AI
    ความเสี่ยงถูกผลักกลับมาที่บริษัทเอง
    หากเกิดความผิดพลาดวงกว้าง อาจสร้างผลกระทบมหาศาล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/insurers-move-to-limit-ai-liability-as-multi-billion-dollar-risks-emerge
    🛡️ “บริษัทประกันเริ่มจำกัดความรับผิดชอบต่อ AI หลังความเสี่ยงมหาศาลปรากฏ” บริษัทประกันรายใหญ่ เช่น AIG, WR Berkley และ Great American กำลังยื่นขออนุญาตเพิ่มข้อยกเว้นในกรมธรรม์ เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ไม่ว่าจะเป็นแชตบอท, ระบบอัตโนมัติ หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เหตุผลคือความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดเดาได้และอาจเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายบริษัท กรณีที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น Google ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 110 ล้านดอลลาร์จากข้อมูลผิดพลาดในฟีเจอร์ AI Overview, Air Canada ถูกบังคับให้ทำตามส่วนลดที่แชตบอทคิดขึ้นเอง, และบริษัทวิศวกรรมในอังกฤษสูญเงินกว่า 20 ล้านปอนด์จากการถูกหลอกด้วยวิดีโอ Deepfake ของผู้บริหาร เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้บริษัทประกันมองว่า AI ไม่ใช่ความเสี่ยงเฉพาะราย แต่เป็นความเสี่ยงระบบที่อาจสร้างความเสียหายพร้อมกันในหลายองค์กร บางบริษัท เช่น Mosaic Insurance ถึงขั้นปฏิเสธที่จะรับประกันความเสี่ยงจาก LLM โดยอธิบายว่า “เป็นกล่องดำที่ไม่สามารถคาดเดาได้” ขณะที่ Chubb และ QBE เลือกออกนโยบายเฉพาะ เช่น คุ้มครองค่าปรับตามกฎหมาย AI Act ของสหภาพยุโรป แต่จำกัดวงเงินไว้เพียงบางส่วน นักวิเคราะห์เตือนว่าหากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ความเสี่ยงจากการใช้ AI จะถูกผลักกลับไปที่บริษัทผู้ใช้งานเอง ซึ่งหมายความว่าธุรกิจที่นำ AI มาใช้ต้องแบกรับต้นทุนและความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดความผิดพลาดที่กระทบวงกว้าง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเคลื่อนไหวของบริษัทประกัน ➡️ AIG, WR Berkley และ Great American ขอเพิ่มข้อยกเว้น AI ในกรมธรรม์ ➡️ มองว่า AI คือความเสี่ยงระบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ✅ เหตุการณ์จริงที่สร้างความเสียหาย ➡️ Google ถูกฟ้อง 110 ล้านดอลลาร์จากข้อมูลผิดพลาด ➡️ Air Canada ต้องทำตามส่วนลดที่แชตบอทคิดขึ้นเอง ➡️ บริษัทอังกฤษสูญเงิน 20 ล้านปอนด์จาก Deepfake ✅ ท่าทีของบริษัทประกันรายอื่น ➡️ Mosaic ปฏิเสธรับประกัน LLM โดยตรง ➡️ QBE และ Chubb ออกนโยบายเฉพาะ แต่จำกัดวงเงินคุ้มครอง ‼️ ข้อกังวลต่อธุรกิจผู้ใช้งาน AI ⛔ ความเสี่ยงถูกผลักกลับมาที่บริษัทเอง ⛔ หากเกิดความผิดพลาดวงกว้าง อาจสร้างผลกระทบมหาศาล https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/insurers-move-to-limit-ai-liability-as-multi-billion-dollar-risks-emerge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 7
    หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ
    มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว
    เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน
    ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า
    ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี
    ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน
    ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป
    ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน
    เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง
    เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ
    หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา
    ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้
    ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้
    ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้
    เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ
    หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง
    ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ
    ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น
    เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว
    สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ
    เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย….
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 7 หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้ ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้ ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้ เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย…. สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 6
    เล่าแต่เรื่องญี่ปุ่น ไม่เล่าถึงจีน ก็เหมือนดูหนังครึ่งจอ มันจะไปเห็นอะไรครบ แม้เรื่องมันดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆแล้ว มันเกี่ยวโยงกันทั้งนั้น
    จีนเป็นประเทศที่มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล แถมร่ำรวยด้วยทรัพยากรหลากหลาย ในช่วงปลายๆของศตวรรษที่ 18 จีนมีประชากรประมาณ 450 ล้านคน อยู่ในประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 4 ล้านตารางไมล์ ชาติตะวันตก ต่างจ้องอยากจะกินจีนมานานแล้ว แต่ด้วยความเป็นชาติใหญ่ พลเมืองแยะ กินจีนคำเดียวคงกลืนยาก แถมจะติดคอหอยตายเอา แต่ละชาติ จึงใช้ยุทธศาสตร์เพื่อกินจีนต่างกัน มีทั้ง ร่วมมือกัน และหักหลังกันเอง
    อังกฤษ นักล่ารุ่นเก๋า เป็นพวกตะวันตกรุ่นแรกๆ ที่อยากได้จีน จนน้ำลายหกเต็มพื้น แต่อังกฤษ เป็นเกาะใหญ่ มีเนื้อที่แค่ปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะกินจีนเข้าไปอย่างไร เหมือนงูเขียวคิดกลืนช้าง แต่ด้วยความเป็นนักล่ารุ่นเขี้ยวยาว จึงวางแผนล่าจีนอย่างมีขั้นตอน และใจเย็น สูตรสำเร็จตามสันดานของอังกฤษ ถ้าใช้อำนาจทางกองทัพและอาวุธ เข้าไปยึดเอามาทีเดียวไม่ได้ อังกฤษก็ใช้สูตร ทุบให้น่วมก่อน แล้วค่อยเข้ามาเคี้ยว ไม่ต่างกับวิธีการที่อังกฤษใช้กับจักรวรรดิออตโตมาน และจักรวรรดิรัสเซีย สำหรับจีน ก็เช่นเดียวกัน อังกฤษวางแผนที่จะทำให้จีนอ่อนแอจนน่วม ก่อนเข้าไปกิน
    ช่วงปี ค.ศ.1850 จีนปกครองโดยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นพวกแมนจู ที่รบชาวจีนชนะจึงปกครองจีนมาตั้งแต่ ประมาณปี ค.ศ.1644 จักรพรรดิแมนจู เปิดประเทศรูเล็กมาก สำหรับให้ต่างชาติแย่งกันรอดรูเข้ามาค้าขาย เพราะจีนเชื่อว่า ตนเองอยู่ได้เองโดยไม่ต้องพี่งต่างชาติ ไม่ว่าด้านสินค้า หรือด้านใด จีงเปิดทางเข้าอย่างเสียไม่ได้ ให้เพียงที่เดียว ที่ท่าเรือกวางตุ้ง
    อังกฤษเริ่มด้วยนำการค้าเข้ามาที่จีนก่อน แต่จีนบอก เราไม่ได้อยากได้อะไรจากพวกเจ้าเลย เราอยู่ของเราดีแล้ว ผ้าผ่อนแพรไหม กระเบื้องเครื่องใช้สวยงาม และแม้แต่ใบชาของเราก็ดีกว่าของพวกเจ้าทั้งนั้น
    แต่ชาวอังกฤษเอง ตอนนั้นเสพติด ต้องดื่มชาไปแล้ว เป็นอาการที่ติดเชื้อมาจากการที่ได้เหยื่อชื่ออินเดีย ใครที่ชอบดื่มชาอังกฤษ ถึงขนาดต้องจัดเทศกาลดื่มชาใน แดนสยาม ก็รู้ไว้ด้วยนะครับ ไม่ได้เดินตามก้นอังกฤษ แต่เดินตามก้นอาบัง ชาอินเดียมีแยะก็จริง แต่ชาของจีนก็ลือชื่อ มีตั้งแต่ชั้นดีหอมชื่นใจราคาแพง จนถึงชั้นเกือบดีและราคาไม่แพง พ่อค้าอังกฤษเลย ขนซื้อชา ผ้าไหม เครื่องกระเบื้องของจีน บรรทุกเต็มเรือ เอากลับไปขายได้กำไรบานที่อังกฤษ แต่ขามา เรือสินค้าอังกฤษว่างเปล่า เพราะคนจีนบอก ไม่เห็นมีอะไรของอังกฤษที่เราอยากได้เลย ยกเว้นแต่เงินแท่งอย่างดี ที่เราจะรับเป็นค่าชำระสินค้าให้เราเท่านั้น
    ค้าไปค้ามาแบบนี้อยู่พักใหญ่ อังกฤษ ที่ว่าจะมาล่าจีน ดูเหมือนจะถูกจีนล้วงกระเป๋าเสี ยละมากกว่า ตกลง อังกฤษรู้จักคำว่า เสียดุลยการค้า ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 17 ปิดเงียบเลยนะ ไหนคุยว่า ชาวเกาะใหญ่ นักล่าหมายเลขหนึ่ง เป็นต้นตำรับการเงินการค้า ฮาจริง(โว้ย) อังกฤษก็เลยต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    สมัยนั้นเจ้านาย ขุนนางจีน หรือชนชั้นสูงของจีน ก็ต้องสูบฝิ่นกันทั้งนั้น ถือเป็นเครื่องหมายวัดความร่ำรวยอย่างหนึ่ง เหมือนสมัยนี้ ที่ชาวสยามในสังคมคนรวยต้องดื่มไวน์ ยิ่งรวย ก็ยิ่งต้องดื่มยี่ห้อดีราคาแพง ขวดละ 2 แสน เอามาดื่มอวดแข่งกัน (จะ 2 แสน หรือ 200 มันก็เมาเท่ากันแหละครับ ผมยืนยัน)
    คนที่นำฝิ่นเข้ามาในจีนคร้ังแรก ก็คือ พ่อค้าปอร์ตุเกส ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1620 แต่พอถึงปี ค.ศ.1770 กว่า อังกฤษแก้เกม จากการเสียหน้า เสียดุลยการค้ากับจีน (ขอ ฮาอีกที) และที่สำคัญ อังกฤษหิวจัด อยากเคี้ยวจีนเต็มแก่แล้ว ยิ่งเห็นจีนมีแต่ทองแท่ง เงินแท่งเต็มท้องพระคลัง สินค้าที่อังกฤษนำติดเรือเข้ามาขายที่จีน จึงเป็นฝิ่น ที่ขนมาจนเต็มเรือเป็นฝิ่นที่อังกฤษเอามาจากตุรกีเสียส่วนใหญ่ ตอนนั้นยัง(หลอกว่า) รักกับตุรกี หรือ ออโตมานสมัยนั้นอยู่ ฝิ่นที่อังกฤษนำมา มีทั้งของดีราคาแพงขายไว้คนรวยชั้นสูง กับขี้ฝิ่น เอาไว้ขายคนทั่วไปที่ยังไม่เคยเสพ
    ผ่านไปไม่กี่สิบปี คนจีนไม่ว่าชั้นสูง ชั้นไม่สูง ต่างติดฝิ่นกันงอม เพราะอังกฤษเร่งเครื่องด้วยการจ่ายค่าแรงกุลีที่ขนของเป็นขี้ฝิ่น ถึงปี ค.ศ.1838 เจ้าหน้าที่ทำรายงานไปถึงฮ่องเต้ว่า ที่กวางตุ้งและฟูเจี้ยน มีจำนวนคนติดฝิ่นสูงมาก และการติดฝิ่นนี้ลามไปถึงขุนนาง และกองทัพ ประมาณว่า คนจีน 9 ใน 10 ติดฝิ่น ในรายงานบอกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปอีกไม่กี่ปี เราคงไม่เหลือทหาร และประชาชน ที่แข็งแรงพร้อมรบ และไม่มีเงินจะบำรุงกองทัพ หรือสร้างกองทัพใหม่ด้วย
    จักรพรรดิตังกวง สั่งปิดท่าเรือทันที ห้ามไม่ให้ต่างชาติขนฝิ่นเข้ามาขายอีกต่อไป พร้อมทั้งสั่งยึดฝิ่นที่ฝรั่งขนมาทั้งหมด ให้เอาไปเผาทิ้ง และเพื่อให้แน่ใจว่า ฝิ่นจะต้องหมดไปจากจีน ฮ่องเต้ แต่งตั้ง หลินซื่อ ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นคนซื่อสัตย์เอาจริง ให้ทำหน้าที่เป็นมือปราบฝิ่น
    ตัวแทนการค้าของอังกฤษ โดยบริษัทบริติชอีสท์อินเดีย ซึ่งจริงๆ คือตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษที่เป็นทั้งหูตามือตีน ขอเจรจากับหลินซื่อ ซี่งนอกจากไม่รับเจรจาด้วยแล้ว หลินซื่อยังสั่งทำลายโรงฝิ่น โกดังฝิ่น และควบคุมตัวพ่อค้าขายฝิ่น ให้มอบฝิ่นที่ซุกซ่อนออกมาทั้งหมด และนำมาเผาทิ้ง หลังจากนั้นสั่งปิดตายท่าเรือที่กวางตุ้ง
    อังกฤษควันออกทุกทวาร ประกาศว่า การที่จีนทำเช่นนี้เป็นการหยามหน้าอังกฤษ ว่าแล้วก็เอาเรือรบมาปิดปากน้ำของจีน เฮ้อ… เขียนมาถึงตรงนี้ แล้วคลื่นไส้จริงๆ มันเล่นเป็นแต่บทอย่างนี้หรือไง ไอ้พวกชาติมหาอำนาจ สร้างไมตรี สร้างการค้าขาย ที่เป็นธรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบและบ่อนทำลาย น่ะ ทำเป็นไหม(วะ)
    หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็บานปลาย กลายเป็นสงคราม ที่เรียกว่าสงครามฝิ่น Opium War ครั้งที่ 1 ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1839-1842 เมื่ออังกฤษเอากองทัพเรือมาถล่มจีน และยกพลบุกจีนไล่ยึดเข้าไปถึงซินเกียงทางใต้ของจีน ซึ่งเป็นบริเวณปลูกข้าวที่กว้างใหญ่ของจีน อังกฤษอ้างว่า เป็นการสอนบทเรียนการค้าเสรีให้แก่จีน ถุด
    แล้วฮ่องเต้ ก็จำใจลงนามในสนธิสัญญานานกิง เปิดประตูกว้างให้ต่างชาติเข้ามาค้าขาย มาตั้งบ้านเรือนฝังรกฝังรากตามสบาย พร้อมกับเปิดท่าเรือเพิ่มให้เรือต่างชาติอีก 4 ท่า และเสียเกาะฮ่องกงให้แก่อังกฤษตั้งแต่บัดนั้น ครั่งของตราประทับในสัญญายังไม่ทันแห้งดี อังกฤษก็นำกองทัพพ่อค้า ขนฝิ่นเข้ามาขาย… มากกว่าเดิม
    หลังจากอังกฤษนำทัพทำสัญญา อเมริกา ฝรั่งเศสก็ตามติดมาทำสัญญาโรเนียว เงื่อนไขเดียวกับอังกฤษ แค่เปลี่ยนชื่อประเทศ แล้วราชวงศ์ชิง ก็มีขุนนางติดฝิ่น ค้าฝิ่น ราชสำนัก กองทัพ และประชาชาอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลินซื่อ คนเดียว สู้ไม่ไหว แถมถูกย้ายเข้ากรุ โทษฐานทำงานไม่สำเร็จ
    เวลาผ่านไปไม่กี่ปี อังกฤษ ก็ได้โอกาสเล่นงานจีนอีก ในปี ค.ศ.1856 เป็นสงครามฝิ่นหมายเลข 2 คราวนี้อังกฤษไม่มาเดี่ยว จับมือเอาฝรั่งเศสมาเล่นด้วย บีบให้จีนทำสนธิสัญญาเทียนสิน ค.ศ.1858 ให้จีนเปิดท่าเรือเพิ่ม รวมทั้งให้สิทธิต่างชาติเดินทางเข้าไปถึงด้านในของประเทศ เปิดทางให้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ทั่ว รวมทั้งถือครองที่ดินสร้างวัดได้ หลังจากนั้น อเมริกา และรัสเซียก็เรียงแถวตามมา
    การมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ถือเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่สุด ที่อังกฤษนำมาใช้กับจีน จีนที่ยิ่งใหญ่ถึงกับมืออ่อนขาอ่อน ยืนไม่อยู่ สมองเลิกทำงาน อยากแต่จะนอนซมดูดฝิ่น ผ่านมาร้อยกว่าปี การมอมเมาให้ประเทศชาติเป้าหมายอ่อนแอ ยังนำมาใช้กันอยู่ และใช้ได้แนบเนียนกว่าเดิม ขนาดคนถูกมอมเมา ไม่รู้ตัว น่าเศร้าใจครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 6 เล่าแต่เรื่องญี่ปุ่น ไม่เล่าถึงจีน ก็เหมือนดูหนังครึ่งจอ มันจะไปเห็นอะไรครบ แม้เรื่องมันดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆแล้ว มันเกี่ยวโยงกันทั้งนั้น จีนเป็นประเทศที่มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล แถมร่ำรวยด้วยทรัพยากรหลากหลาย ในช่วงปลายๆของศตวรรษที่ 18 จีนมีประชากรประมาณ 450 ล้านคน อยู่ในประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 4 ล้านตารางไมล์ ชาติตะวันตก ต่างจ้องอยากจะกินจีนมานานแล้ว แต่ด้วยความเป็นชาติใหญ่ พลเมืองแยะ กินจีนคำเดียวคงกลืนยาก แถมจะติดคอหอยตายเอา แต่ละชาติ จึงใช้ยุทธศาสตร์เพื่อกินจีนต่างกัน มีทั้ง ร่วมมือกัน และหักหลังกันเอง อังกฤษ นักล่ารุ่นเก๋า เป็นพวกตะวันตกรุ่นแรกๆ ที่อยากได้จีน จนน้ำลายหกเต็มพื้น แต่อังกฤษ เป็นเกาะใหญ่ มีเนื้อที่แค่ปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะกินจีนเข้าไปอย่างไร เหมือนงูเขียวคิดกลืนช้าง แต่ด้วยความเป็นนักล่ารุ่นเขี้ยวยาว จึงวางแผนล่าจีนอย่างมีขั้นตอน และใจเย็น สูตรสำเร็จตามสันดานของอังกฤษ ถ้าใช้อำนาจทางกองทัพและอาวุธ เข้าไปยึดเอามาทีเดียวไม่ได้ อังกฤษก็ใช้สูตร ทุบให้น่วมก่อน แล้วค่อยเข้ามาเคี้ยว ไม่ต่างกับวิธีการที่อังกฤษใช้กับจักรวรรดิออตโตมาน และจักรวรรดิรัสเซีย สำหรับจีน ก็เช่นเดียวกัน อังกฤษวางแผนที่จะทำให้จีนอ่อนแอจนน่วม ก่อนเข้าไปกิน ช่วงปี ค.ศ.1850 จีนปกครองโดยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นพวกแมนจู ที่รบชาวจีนชนะจึงปกครองจีนมาตั้งแต่ ประมาณปี ค.ศ.1644 จักรพรรดิแมนจู เปิดประเทศรูเล็กมาก สำหรับให้ต่างชาติแย่งกันรอดรูเข้ามาค้าขาย เพราะจีนเชื่อว่า ตนเองอยู่ได้เองโดยไม่ต้องพี่งต่างชาติ ไม่ว่าด้านสินค้า หรือด้านใด จีงเปิดทางเข้าอย่างเสียไม่ได้ ให้เพียงที่เดียว ที่ท่าเรือกวางตุ้ง อังกฤษเริ่มด้วยนำการค้าเข้ามาที่จีนก่อน แต่จีนบอก เราไม่ได้อยากได้อะไรจากพวกเจ้าเลย เราอยู่ของเราดีแล้ว ผ้าผ่อนแพรไหม กระเบื้องเครื่องใช้สวยงาม และแม้แต่ใบชาของเราก็ดีกว่าของพวกเจ้าทั้งนั้น แต่ชาวอังกฤษเอง ตอนนั้นเสพติด ต้องดื่มชาไปแล้ว เป็นอาการที่ติดเชื้อมาจากการที่ได้เหยื่อชื่ออินเดีย ใครที่ชอบดื่มชาอังกฤษ ถึงขนาดต้องจัดเทศกาลดื่มชาใน แดนสยาม ก็รู้ไว้ด้วยนะครับ ไม่ได้เดินตามก้นอังกฤษ แต่เดินตามก้นอาบัง ชาอินเดียมีแยะก็จริง แต่ชาของจีนก็ลือชื่อ มีตั้งแต่ชั้นดีหอมชื่นใจราคาแพง จนถึงชั้นเกือบดีและราคาไม่แพง พ่อค้าอังกฤษเลย ขนซื้อชา ผ้าไหม เครื่องกระเบื้องของจีน บรรทุกเต็มเรือ เอากลับไปขายได้กำไรบานที่อังกฤษ แต่ขามา เรือสินค้าอังกฤษว่างเปล่า เพราะคนจีนบอก ไม่เห็นมีอะไรของอังกฤษที่เราอยากได้เลย ยกเว้นแต่เงินแท่งอย่างดี ที่เราจะรับเป็นค่าชำระสินค้าให้เราเท่านั้น ค้าไปค้ามาแบบนี้อยู่พักใหญ่ อังกฤษ ที่ว่าจะมาล่าจีน ดูเหมือนจะถูกจีนล้วงกระเป๋าเสี ยละมากกว่า ตกลง อังกฤษรู้จักคำว่า เสียดุลยการค้า ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 17 ปิดเงียบเลยนะ ไหนคุยว่า ชาวเกาะใหญ่ นักล่าหมายเลขหนึ่ง เป็นต้นตำรับการเงินการค้า ฮาจริง(โว้ย) อังกฤษก็เลยต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ สมัยนั้นเจ้านาย ขุนนางจีน หรือชนชั้นสูงของจีน ก็ต้องสูบฝิ่นกันทั้งนั้น ถือเป็นเครื่องหมายวัดความร่ำรวยอย่างหนึ่ง เหมือนสมัยนี้ ที่ชาวสยามในสังคมคนรวยต้องดื่มไวน์ ยิ่งรวย ก็ยิ่งต้องดื่มยี่ห้อดีราคาแพง ขวดละ 2 แสน เอามาดื่มอวดแข่งกัน (จะ 2 แสน หรือ 200 มันก็เมาเท่ากันแหละครับ ผมยืนยัน) คนที่นำฝิ่นเข้ามาในจีนคร้ังแรก ก็คือ พ่อค้าปอร์ตุเกส ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1620 แต่พอถึงปี ค.ศ.1770 กว่า อังกฤษแก้เกม จากการเสียหน้า เสียดุลยการค้ากับจีน (ขอ ฮาอีกที) และที่สำคัญ อังกฤษหิวจัด อยากเคี้ยวจีนเต็มแก่แล้ว ยิ่งเห็นจีนมีแต่ทองแท่ง เงินแท่งเต็มท้องพระคลัง สินค้าที่อังกฤษนำติดเรือเข้ามาขายที่จีน จึงเป็นฝิ่น ที่ขนมาจนเต็มเรือเป็นฝิ่นที่อังกฤษเอามาจากตุรกีเสียส่วนใหญ่ ตอนนั้นยัง(หลอกว่า) รักกับตุรกี หรือ ออโตมานสมัยนั้นอยู่ ฝิ่นที่อังกฤษนำมา มีทั้งของดีราคาแพงขายไว้คนรวยชั้นสูง กับขี้ฝิ่น เอาไว้ขายคนทั่วไปที่ยังไม่เคยเสพ ผ่านไปไม่กี่สิบปี คนจีนไม่ว่าชั้นสูง ชั้นไม่สูง ต่างติดฝิ่นกันงอม เพราะอังกฤษเร่งเครื่องด้วยการจ่ายค่าแรงกุลีที่ขนของเป็นขี้ฝิ่น ถึงปี ค.ศ.1838 เจ้าหน้าที่ทำรายงานไปถึงฮ่องเต้ว่า ที่กวางตุ้งและฟูเจี้ยน มีจำนวนคนติดฝิ่นสูงมาก และการติดฝิ่นนี้ลามไปถึงขุนนาง และกองทัพ ประมาณว่า คนจีน 9 ใน 10 ติดฝิ่น ในรายงานบอกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปอีกไม่กี่ปี เราคงไม่เหลือทหาร และประชาชน ที่แข็งแรงพร้อมรบ และไม่มีเงินจะบำรุงกองทัพ หรือสร้างกองทัพใหม่ด้วย จักรพรรดิตังกวง สั่งปิดท่าเรือทันที ห้ามไม่ให้ต่างชาติขนฝิ่นเข้ามาขายอีกต่อไป พร้อมทั้งสั่งยึดฝิ่นที่ฝรั่งขนมาทั้งหมด ให้เอาไปเผาทิ้ง และเพื่อให้แน่ใจว่า ฝิ่นจะต้องหมดไปจากจีน ฮ่องเต้ แต่งตั้ง หลินซื่อ ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นคนซื่อสัตย์เอาจริง ให้ทำหน้าที่เป็นมือปราบฝิ่น ตัวแทนการค้าของอังกฤษ โดยบริษัทบริติชอีสท์อินเดีย ซึ่งจริงๆ คือตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษที่เป็นทั้งหูตามือตีน ขอเจรจากับหลินซื่อ ซี่งนอกจากไม่รับเจรจาด้วยแล้ว หลินซื่อยังสั่งทำลายโรงฝิ่น โกดังฝิ่น และควบคุมตัวพ่อค้าขายฝิ่น ให้มอบฝิ่นที่ซุกซ่อนออกมาทั้งหมด และนำมาเผาทิ้ง หลังจากนั้นสั่งปิดตายท่าเรือที่กวางตุ้ง อังกฤษควันออกทุกทวาร ประกาศว่า การที่จีนทำเช่นนี้เป็นการหยามหน้าอังกฤษ ว่าแล้วก็เอาเรือรบมาปิดปากน้ำของจีน เฮ้อ… เขียนมาถึงตรงนี้ แล้วคลื่นไส้จริงๆ มันเล่นเป็นแต่บทอย่างนี้หรือไง ไอ้พวกชาติมหาอำนาจ สร้างไมตรี สร้างการค้าขาย ที่เป็นธรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบและบ่อนทำลาย น่ะ ทำเป็นไหม(วะ) หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็บานปลาย กลายเป็นสงคราม ที่เรียกว่าสงครามฝิ่น Opium War ครั้งที่ 1 ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1839-1842 เมื่ออังกฤษเอากองทัพเรือมาถล่มจีน และยกพลบุกจีนไล่ยึดเข้าไปถึงซินเกียงทางใต้ของจีน ซึ่งเป็นบริเวณปลูกข้าวที่กว้างใหญ่ของจีน อังกฤษอ้างว่า เป็นการสอนบทเรียนการค้าเสรีให้แก่จีน ถุด แล้วฮ่องเต้ ก็จำใจลงนามในสนธิสัญญานานกิง เปิดประตูกว้างให้ต่างชาติเข้ามาค้าขาย มาตั้งบ้านเรือนฝังรกฝังรากตามสบาย พร้อมกับเปิดท่าเรือเพิ่มให้เรือต่างชาติอีก 4 ท่า และเสียเกาะฮ่องกงให้แก่อังกฤษตั้งแต่บัดนั้น ครั่งของตราประทับในสัญญายังไม่ทันแห้งดี อังกฤษก็นำกองทัพพ่อค้า ขนฝิ่นเข้ามาขาย… มากกว่าเดิม หลังจากอังกฤษนำทัพทำสัญญา อเมริกา ฝรั่งเศสก็ตามติดมาทำสัญญาโรเนียว เงื่อนไขเดียวกับอังกฤษ แค่เปลี่ยนชื่อประเทศ แล้วราชวงศ์ชิง ก็มีขุนนางติดฝิ่น ค้าฝิ่น ราชสำนัก กองทัพ และประชาชาอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลินซื่อ คนเดียว สู้ไม่ไหว แถมถูกย้ายเข้ากรุ โทษฐานทำงานไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปไม่กี่ปี อังกฤษ ก็ได้โอกาสเล่นงานจีนอีก ในปี ค.ศ.1856 เป็นสงครามฝิ่นหมายเลข 2 คราวนี้อังกฤษไม่มาเดี่ยว จับมือเอาฝรั่งเศสมาเล่นด้วย บีบให้จีนทำสนธิสัญญาเทียนสิน ค.ศ.1858 ให้จีนเปิดท่าเรือเพิ่ม รวมทั้งให้สิทธิต่างชาติเดินทางเข้าไปถึงด้านในของประเทศ เปิดทางให้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ทั่ว รวมทั้งถือครองที่ดินสร้างวัดได้ หลังจากนั้น อเมริกา และรัสเซียก็เรียงแถวตามมา การมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ถือเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่สุด ที่อังกฤษนำมาใช้กับจีน จีนที่ยิ่งใหญ่ถึงกับมืออ่อนขาอ่อน ยืนไม่อยู่ สมองเลิกทำงาน อยากแต่จะนอนซมดูดฝิ่น ผ่านมาร้อยกว่าปี การมอมเมาให้ประเทศชาติเป้าหมายอ่อนแอ ยังนำมาใช้กันอยู่ และใช้ได้แนบเนียนกว่าเดิม ขนาดคนถูกมอมเมา ไม่รู้ตัว น่าเศร้าใจครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 5

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 5
    ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ญี่ปุ่นไปยึดเกาหลี ได้ในปี ค.ศ.1895 และตีจีนกระเจิงกลับบ้านพวกไกยิ่น ฝรั่งชาติต่างๆ โดยเฉพาะอังกฤษ เริ่มหรี่ตามองญี่ปุ่น ไอ้หมอนี่ชักจะเรียนเร็วไปแล้ว แล้วอังกฤษ ก็หลอกญี่ปุ่นให้ทำสัญญามิตรภาพ เมื่อต้นปี ค.ศ.1902 เป็นสัญญาที่ดูเหมือนเอาไว้กันท่ากันชาวบ้าน และกันท่ากันเองด้วย ในสัญญาบอกว่า ญี่ปุ่นรับรู้ว่า อังกฤษมีผลประโยชน์ในจีน ส่วนอังกฤษก็รับรู้ว่า ญี่ปุ่นมีผลประโยชน์ในจีน และในเกาหลี และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปรบกับใคร อีกฝ่ายก็จะส่งกำลังไปช่วย
    เป็นสัญญาที่แสดงความเก๋าของอังกฤษอย่างยิ่ง อังกฤษตาไว มองไกล เห็นหน่วยก้านญี่ปุ่นแล้ว ปล่อยให้ไปอยู่ข้างอื่นไม่ได้ ต้องเอามาอยู่ใกล้ตัว อังกฤษ เตรียมพร้อมที่จะกันท่าญี่ปุ่นเรื่องจีน และพร้อมที่หลอกใช้ญี่ปุ่นด้วย
    สำหรับอังกฤษ การทำสัญญากับญี่ปุ่น มันเป็นเรื่องยุทธศาสตร์กันท่าอย่างเดียว แต่สำหรับญี่ปุ่น มันเป็นคนละเรื่องกัน ญี่ปุ่นปลาบปลื้มยิ่งนัก ญี่ปุ่นคิดว่า อังกฤษเป็นเพื่อนคนแรกของญี่ปุ่น ที่เห็นคุณค่า และความสามารถของญี่ปุ่น ที่สำคัญ เป็นเพื่อนผมทอง ตาน้ำข้าวที่ญี่ปุ่นปลื้มหนักหนา…
    ท่านที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษ คงจำกันได้ว่า ญี่ปุ่นลุกขึ้นไปรบรัสเซียในปี ค.ศ.1904 แต่ก่อนจะไปรบ ญี่ปุ่นไม่มีทุน คนที่ช่วยหาทุนให้ญี่ปุ่น คือ ชาวยิวชื่อ Jacob Schiff ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของ Kuhn Loeb & Co บริษัทการเงินใหญ่ แห่งวอลสตรีท ที่เป็นร่างทรงของ Rothschild ผู้ปกครองของรัฐบาลอังกฤษ Rothschild มีแผนจะคิดบัญชีซาร์นิโคลัส กษัตริย์ที่ปกครองรัสเซีย และยึดน้ำมันรัสเซีย จึงต้องสร้างปฏิวัติให้รัสเซียน่วมก่อน แต่ก่อนจะสร้างปฏิวัติรัสเซีย อังกฤษก็ยุให้ญี่ปุ่น ที่กำลังอยากแสดงฝีมือ ให้ไปรบให้รัสเซียเซเสียก่อน และทุกอย่างก็เป็นไปแผน ญี่ปุ่นบ้ายุ ไปรบรัสเซีย จนรัสเซียแพ้ เซแซดจริงๆ
    พอจะเห็นรางๆแล้วนะครับว่า ตั้งแต่เปลี่ยนนิสัย ไม่รักสันโดษ ญี่ปุ่นดูเหมือนไม่อยู่แบบเดี่ยวๆ และทำท่าจะเกี่ยวโยงกันไปหมด
    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1914 อังกฤษ เปลี่ยนนโยบายกระทันหัน จากที่เคยคิดปิดล้อมรัสเซีย ก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะรัสเซียเซแซดใกล้ล้ม อังกฤษเลยเปลี่ยน จากล้อมรัสเซีย เป็นเข้าไปต้ม หรือปล้นให้รู้แล้วรู้รอด และไปล้อมเยอรมันแทน
    เมื่อไม่ต้องรบรัสเซีย อังกฤษคิดไม่ตก ในอังกฤษเสียงแตก ฝ่ายหนึ่งบอก ญี่ปุ่นเป็นคู่แค้นรัสเซีย ไม่รบรัสเซีย ก็ไม่ต้องชวนญี่ปุ่นเข้าร่วมก๊วน เพราะไม่ไว้ใจว่า ถ้าบอกให้ญี่ปุ่นคอยกันกองทัพเรือเยอรมัน ในแถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นอาจจะฉวยโอกาสแย่งงับเกาะเล็ก เกาะน้อยของเยอรมันแถวแปซิฟิกไป โดยอังกฤษ หันมางับไม่ทันก็เป็นได้ เหมือนกรณีงาบเกาหลีไปจากจีน นับว่า ฝ่ายนี้มองญี่ปุ่นได้ลึกซึ้ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งคือ หลอดวินสตัน เชอชิล บอกว่า เหลวไหล เราไม่ชวนญี่ปุ่น แปลว่า เรากลัวเขาจนตีนจิกละสิ แล้วอังกฤษก็เลยชวนญี่ปุ่นเล่นสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยกัน แปลว่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กลัวญี่ปุ่นจนตีนจิกจริงๆ ฮาจริง (โว้ย)
    หลังจากออกคำชวนไปไม่ถึงสัปดาห์ ญี่ปุ่นไม่ให้เสียเวลา ส่งหนังสือถึงเยอรมัน ให้เยอรมันถอยเรือออกไปจากแปซืฟิกให้หมด เยอรมันไม่ตอบ แต่สั่งให้กองกำลังของตนที่เกาะชิงเตา Tsingtao เตรียมพร้อม วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1914 ญี่ปุ่นก็ประกาศสงครามกับเยอรมัน และเคลื่อนพลไปยึดบรรดาเกาะต่างๆ ที่อยู่ในความครอบครองของเยอรมันเรียบหมด
    ญี่ปุ่นดูเหมือนจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่พักใหญ่ แต่หลังจากที่กวาดเอาเกาะของเยอรมันมาหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็พักเหนื่อย เมื่ออังกฤษขอให้ญี่ปุ่นส่งเรือมาช่วยรบที่ทะเลเมดิเตอเรเนียนกับ ทะเลบอลติก ญี่ปุ่นก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ
    เมื่อถูกต่อว่า ญี่ปุ่นบอกมีปัญหาภายในกองทัพแก้ไม่ตก นายทหารเรือของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จบมาจากเยอรมันทั้งนั้น แถมเยอรมันยังมาช่าวทำการฝึก การรบ การใช้อาวุธให้อีก ใครจะอยากไปรบกับครู และในญี่ปุ่นเอง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1912 มาแล้ว มีเสียงบ่นว่า เราน่าจะเลิกสัญญาบ้าบอที่ไปทำกับอังกฤษเสีย แล้วมาผูกสัมพันธ์กับเยอรมันดีกว่า
    เรื่องที่ญี่ปุ่นคิดเอาใจออกห่างไปอยู่กับเยอรมัน มีหรือจะไม่ไปถึงหูอังกฤษ อังกฤษยังแค่ลงบัญชีไว้ ยังไม่ถึงคิดบัญชี ญี่ปุ่นก็เลยแสดงความกร่างต่อ ด้วยการยื่นข้อเสนอ 21 ข้อต่อจีน ในปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่อังกฤษกำลังวุ่นกับสงครามอยู่ในยุโรป เหมือนกับญี่ปุ่นฉวยโอกาสลองของ ก็รู้อยู่แล้วตามสัญญาที่ทำกับอังกฤษว่า อังกฤษก็เล็งจีนอยู่ แบบนี้อังกฤษจะรับไหวหรือ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับญี่ปุ่น ก็เริ่มหวานน้อยลง
    แต่ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้สร้าง”รอย” ไว้แค่กับอังกฤษเท่านั้น
    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายผู้ชนะสงคราม ได้จัดประชุมขึ้นที่ปารีส เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1919 เพื่อจัดการแบ่งสมบัติของฝ่ายผู้แพ้ ปรับค่าทำสงคราม จัดหาบ้านให้ยิว ฯลฯ และเรื่องจัดตั้ง League of Nations (LON) เพื่อจะให้เป็นหน่วยงานสากลระหว่างประเทศ (ต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ในการดูแลแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ ฯลฯ
    ในเรื่องการแบ่งสมบัติ ญี่ปุ่นคิดว่าตนเองควรจะได้บรรดาสมบัติของเยอรมันในแปซิฟิก ที่ตัวไปออกแรงยึดมา แต่กรรมการแบ่ง นำโดยอังกฤษ กลับจัดให้ครึ่งเดียว อีกครึ่งยกให้ออสเตรเลียที่ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ได้รางวัล เพราะเป็นเครือเดียวกับอังกฤษ ญี่ปุ่น เลือดขึ้นหน้า แต่น้ำตาตกใน เพิ่งสำนึกถึงสถานะจริงของตัว แหม หลงนึกว่า เขานับเราเป็นเพื่อนซี๊ แบบนี้ไม่ให้จี๋หลวมได้ยังไง
    นอกจากได้ สมบัติมาครึ่งเดียว ระหว่างที่ประชุมเรื่อง League of Nations ญี่ปุ่นเกิดข้องใจ ไปเจอข้อความในร่างข้อบังคับของ LON ที่เขียนเหมือนเป็นการหมิ่น หรือกีดกันเชื่อชาติ คิดว่าตนก็เพิ่งโดนมา จึงออกอาการ ทำการประท้วงยาวเหยียด แต่อเมริกาโดยประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในฐานะประธาน และประเทศมหาอำนาจใหญ่กว่า บอกว่า แม้จะมีการออกเสียงโดยเสียงข้างมากเห็นชอบ ให้แก้ไขตามที่ญี่ปุ่นเสนอ แต่พณฯ จากประเทศมหาอำนาจใหญ่กว่าญี่ปุ่น เห็นว่าการแก้ไขต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ประเด็นคะแนนเสียงเอกฉันท์นี้ เป็นความเห็นพ้อง หรือสำทับมาจากอังกฤษ อเมริกาเอง กำลังจะอ่อนให้ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เลยต้องแข็งกลับ ญี่ปุ่น ก็เลยเก็บของกลับบ้าน รีบมาหาใบบัวบกกิน แก้ช้ำใจ
    นักประวัติศาสตร์บอกว่า เรื่องที่ประชุมที่ปารีสนี้ คาใจญี่ปุ่นยิ่งนัก และเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เชื้อความรุกรานของญี่ปุ่น รุนแรงขึ้นทุกวัน ในที่สุดก็พัฒนา มาเป็นการเข้าร่วมทำสงครามโลกครั้งที่ 2
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 5 ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ญี่ปุ่นไปยึดเกาหลี ได้ในปี ค.ศ.1895 และตีจีนกระเจิงกลับบ้านพวกไกยิ่น ฝรั่งชาติต่างๆ โดยเฉพาะอังกฤษ เริ่มหรี่ตามองญี่ปุ่น ไอ้หมอนี่ชักจะเรียนเร็วไปแล้ว แล้วอังกฤษ ก็หลอกญี่ปุ่นให้ทำสัญญามิตรภาพ เมื่อต้นปี ค.ศ.1902 เป็นสัญญาที่ดูเหมือนเอาไว้กันท่ากันชาวบ้าน และกันท่ากันเองด้วย ในสัญญาบอกว่า ญี่ปุ่นรับรู้ว่า อังกฤษมีผลประโยชน์ในจีน ส่วนอังกฤษก็รับรู้ว่า ญี่ปุ่นมีผลประโยชน์ในจีน และในเกาหลี และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปรบกับใคร อีกฝ่ายก็จะส่งกำลังไปช่วย เป็นสัญญาที่แสดงความเก๋าของอังกฤษอย่างยิ่ง อังกฤษตาไว มองไกล เห็นหน่วยก้านญี่ปุ่นแล้ว ปล่อยให้ไปอยู่ข้างอื่นไม่ได้ ต้องเอามาอยู่ใกล้ตัว อังกฤษ เตรียมพร้อมที่จะกันท่าญี่ปุ่นเรื่องจีน และพร้อมที่หลอกใช้ญี่ปุ่นด้วย สำหรับอังกฤษ การทำสัญญากับญี่ปุ่น มันเป็นเรื่องยุทธศาสตร์กันท่าอย่างเดียว แต่สำหรับญี่ปุ่น มันเป็นคนละเรื่องกัน ญี่ปุ่นปลาบปลื้มยิ่งนัก ญี่ปุ่นคิดว่า อังกฤษเป็นเพื่อนคนแรกของญี่ปุ่น ที่เห็นคุณค่า และความสามารถของญี่ปุ่น ที่สำคัญ เป็นเพื่อนผมทอง ตาน้ำข้าวที่ญี่ปุ่นปลื้มหนักหนา… ท่านที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษ คงจำกันได้ว่า ญี่ปุ่นลุกขึ้นไปรบรัสเซียในปี ค.ศ.1904 แต่ก่อนจะไปรบ ญี่ปุ่นไม่มีทุน คนที่ช่วยหาทุนให้ญี่ปุ่น คือ ชาวยิวชื่อ Jacob Schiff ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของ Kuhn Loeb & Co บริษัทการเงินใหญ่ แห่งวอลสตรีท ที่เป็นร่างทรงของ Rothschild ผู้ปกครองของรัฐบาลอังกฤษ Rothschild มีแผนจะคิดบัญชีซาร์นิโคลัส กษัตริย์ที่ปกครองรัสเซีย และยึดน้ำมันรัสเซีย จึงต้องสร้างปฏิวัติให้รัสเซียน่วมก่อน แต่ก่อนจะสร้างปฏิวัติรัสเซีย อังกฤษก็ยุให้ญี่ปุ่น ที่กำลังอยากแสดงฝีมือ ให้ไปรบให้รัสเซียเซเสียก่อน และทุกอย่างก็เป็นไปแผน ญี่ปุ่นบ้ายุ ไปรบรัสเซีย จนรัสเซียแพ้ เซแซดจริงๆ พอจะเห็นรางๆแล้วนะครับว่า ตั้งแต่เปลี่ยนนิสัย ไม่รักสันโดษ ญี่ปุ่นดูเหมือนไม่อยู่แบบเดี่ยวๆ และทำท่าจะเกี่ยวโยงกันไปหมด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1914 อังกฤษ เปลี่ยนนโยบายกระทันหัน จากที่เคยคิดปิดล้อมรัสเซีย ก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะรัสเซียเซแซดใกล้ล้ม อังกฤษเลยเปลี่ยน จากล้อมรัสเซีย เป็นเข้าไปต้ม หรือปล้นให้รู้แล้วรู้รอด และไปล้อมเยอรมันแทน เมื่อไม่ต้องรบรัสเซีย อังกฤษคิดไม่ตก ในอังกฤษเสียงแตก ฝ่ายหนึ่งบอก ญี่ปุ่นเป็นคู่แค้นรัสเซีย ไม่รบรัสเซีย ก็ไม่ต้องชวนญี่ปุ่นเข้าร่วมก๊วน เพราะไม่ไว้ใจว่า ถ้าบอกให้ญี่ปุ่นคอยกันกองทัพเรือเยอรมัน ในแถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นอาจจะฉวยโอกาสแย่งงับเกาะเล็ก เกาะน้อยของเยอรมันแถวแปซิฟิกไป โดยอังกฤษ หันมางับไม่ทันก็เป็นได้ เหมือนกรณีงาบเกาหลีไปจากจีน นับว่า ฝ่ายนี้มองญี่ปุ่นได้ลึกซึ้ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งคือ หลอดวินสตัน เชอชิล บอกว่า เหลวไหล เราไม่ชวนญี่ปุ่น แปลว่า เรากลัวเขาจนตีนจิกละสิ แล้วอังกฤษก็เลยชวนญี่ปุ่นเล่นสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยกัน แปลว่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กลัวญี่ปุ่นจนตีนจิกจริงๆ ฮาจริง (โว้ย) หลังจากออกคำชวนไปไม่ถึงสัปดาห์ ญี่ปุ่นไม่ให้เสียเวลา ส่งหนังสือถึงเยอรมัน ให้เยอรมันถอยเรือออกไปจากแปซืฟิกให้หมด เยอรมันไม่ตอบ แต่สั่งให้กองกำลังของตนที่เกาะชิงเตา Tsingtao เตรียมพร้อม วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1914 ญี่ปุ่นก็ประกาศสงครามกับเยอรมัน และเคลื่อนพลไปยึดบรรดาเกาะต่างๆ ที่อยู่ในความครอบครองของเยอรมันเรียบหมด ญี่ปุ่นดูเหมือนจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่พักใหญ่ แต่หลังจากที่กวาดเอาเกาะของเยอรมันมาหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็พักเหนื่อย เมื่ออังกฤษขอให้ญี่ปุ่นส่งเรือมาช่วยรบที่ทะเลเมดิเตอเรเนียนกับ ทะเลบอลติก ญี่ปุ่นก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ เมื่อถูกต่อว่า ญี่ปุ่นบอกมีปัญหาภายในกองทัพแก้ไม่ตก นายทหารเรือของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จบมาจากเยอรมันทั้งนั้น แถมเยอรมันยังมาช่าวทำการฝึก การรบ การใช้อาวุธให้อีก ใครจะอยากไปรบกับครู และในญี่ปุ่นเอง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1912 มาแล้ว มีเสียงบ่นว่า เราน่าจะเลิกสัญญาบ้าบอที่ไปทำกับอังกฤษเสีย แล้วมาผูกสัมพันธ์กับเยอรมันดีกว่า เรื่องที่ญี่ปุ่นคิดเอาใจออกห่างไปอยู่กับเยอรมัน มีหรือจะไม่ไปถึงหูอังกฤษ อังกฤษยังแค่ลงบัญชีไว้ ยังไม่ถึงคิดบัญชี ญี่ปุ่นก็เลยแสดงความกร่างต่อ ด้วยการยื่นข้อเสนอ 21 ข้อต่อจีน ในปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่อังกฤษกำลังวุ่นกับสงครามอยู่ในยุโรป เหมือนกับญี่ปุ่นฉวยโอกาสลองของ ก็รู้อยู่แล้วตามสัญญาที่ทำกับอังกฤษว่า อังกฤษก็เล็งจีนอยู่ แบบนี้อังกฤษจะรับไหวหรือ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับญี่ปุ่น ก็เริ่มหวานน้อยลง แต่ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้สร้าง”รอย” ไว้แค่กับอังกฤษเท่านั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายผู้ชนะสงคราม ได้จัดประชุมขึ้นที่ปารีส เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1919 เพื่อจัดการแบ่งสมบัติของฝ่ายผู้แพ้ ปรับค่าทำสงคราม จัดหาบ้านให้ยิว ฯลฯ และเรื่องจัดตั้ง League of Nations (LON) เพื่อจะให้เป็นหน่วยงานสากลระหว่างประเทศ (ต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ในการดูแลแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ ฯลฯ ในเรื่องการแบ่งสมบัติ ญี่ปุ่นคิดว่าตนเองควรจะได้บรรดาสมบัติของเยอรมันในแปซิฟิก ที่ตัวไปออกแรงยึดมา แต่กรรมการแบ่ง นำโดยอังกฤษ กลับจัดให้ครึ่งเดียว อีกครึ่งยกให้ออสเตรเลียที่ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ได้รางวัล เพราะเป็นเครือเดียวกับอังกฤษ ญี่ปุ่น เลือดขึ้นหน้า แต่น้ำตาตกใน เพิ่งสำนึกถึงสถานะจริงของตัว แหม หลงนึกว่า เขานับเราเป็นเพื่อนซี๊ แบบนี้ไม่ให้จี๋หลวมได้ยังไง นอกจากได้ สมบัติมาครึ่งเดียว ระหว่างที่ประชุมเรื่อง League of Nations ญี่ปุ่นเกิดข้องใจ ไปเจอข้อความในร่างข้อบังคับของ LON ที่เขียนเหมือนเป็นการหมิ่น หรือกีดกันเชื่อชาติ คิดว่าตนก็เพิ่งโดนมา จึงออกอาการ ทำการประท้วงยาวเหยียด แต่อเมริกาโดยประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในฐานะประธาน และประเทศมหาอำนาจใหญ่กว่า บอกว่า แม้จะมีการออกเสียงโดยเสียงข้างมากเห็นชอบ ให้แก้ไขตามที่ญี่ปุ่นเสนอ แต่พณฯ จากประเทศมหาอำนาจใหญ่กว่าญี่ปุ่น เห็นว่าการแก้ไขต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ประเด็นคะแนนเสียงเอกฉันท์นี้ เป็นความเห็นพ้อง หรือสำทับมาจากอังกฤษ อเมริกาเอง กำลังจะอ่อนให้ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เลยต้องแข็งกลับ ญี่ปุ่น ก็เลยเก็บของกลับบ้าน รีบมาหาใบบัวบกกิน แก้ช้ำใจ นักประวัติศาสตร์บอกว่า เรื่องที่ประชุมที่ปารีสนี้ คาใจญี่ปุ่นยิ่งนัก และเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เชื้อความรุกรานของญี่ปุ่น รุนแรงขึ้นทุกวัน ในที่สุดก็พัฒนา มาเป็นการเข้าร่วมทำสงครามโลกครั้งที่ 2 สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 3
    อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น
    งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย
    ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว
    ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ
    ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม
    มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว
    ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย
    ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ
    ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย
    ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง
    นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
    ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต
    #############
    ตอน 4

    วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง
    ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931
    ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน
    อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ
    ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย
    ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives…
    แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937
    ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต
    ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว
    เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด
    สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ
    ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies
    จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 3 อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีหลายคนท้วงว่า นี่มันก็เรื่องธรรมดาของการล่าอาณานิคม จะนักล่าหน้าเก่า หน้าใหม่ มันก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น จีนจะต้องขมอะไรนานนักหนากับญี่ปุ่น งั้นคงต้องเอาเหตุการณ์ที่สะพานมาร์โคโปโล หรือที่ชาวจีน เรียกว่า ฆ่าโหดที่นานกิง Masscre of Nanking มาเล่าสู่กันฟังหน่อย ปี ค.ศ.1936 ญี่ปุ่นยังตัดสินใจไม่ตกว่า ควรจะขึ้นเหนือ ไปบุกไซบีเรียของโซเวียต เพื่อไปล่าทรัพยากรมาเพิ่ม เพราะของตนเอง (ที่กว้านมาจากเกาหลี และ แมนจูเรีย) กำลังร่อยหรอลงทุกวันจากการใช้เลี้ยงอุตสาหกรรม เและการเลี้ยงท้องพลเมืองญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าบุกไซบีเรีย พวกตะวันตกอาจจะชื่นชมเราก็ได้นะ ที่ซัดหน้าสตาลินได้ ความคิดของตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ครอบงำญี่ปุ่นมานานแล้ว ปี ค.ศ.1937 องค์ชาย และองค์หญิง ชิชิบุ Chichibu น้องชายและน้องสะใภ้ของ จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต Hirohoto เดินทางไปอังกฤษ เพื่อร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์จอร์จที่ 6 เป็นช่วงที่สังคมชั้นสูงของอังกฤษ กำลังโต้เถียงกันว่า ระหว่างเยอรมันกับโซเวียต ใครจะเป็นตัวป่วนความศิวิไลซ์ ของโลกมากกว่ากัน แปลง่ายๆ ใครเลวกว่ากัน น่ะครับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ฮิตเลอร์ น่าจะเลวน้อยกว่าสตาลิน พวกขุนนางอังกฤษ บอกว่า ยังไง เงินเก่า ขุนนางเก่า น่าจะดีกว่าพวกบอลเชวิก ที่เผลอๆ อาจจะจับเอาพวกเราไปยืนข้างกำแพง แล้วจัดการเรา เหมือนที่ราชวงศ์โรมานอฟ ของรัสเซียโดนก็ได้นะ ฝ่ายอเมริกา ที่นำโดยกลุ่มเศรษฐี เช่น Herbert Hoover และ Lindberg ซึ่งต่างก็เป็นตัวเก็งว่า น่าจะเข้าป้าย ได้เป็นประธานาธิบดีสักสมัย ก็มีแนวคัดค้านลัทธิคอม มิวนิสม์ อย่างรุนแรง จึงออกจะเอนไปทางเลือกคบเยอรมัน ส่วนพวกนักการเงินแถววอลสตรีท โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนของ นาย Thomas Lamont ยังไม่ลืมเรื่องบอลเชวิก ที่ยกหนี้ให้เยอรมัน( หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) แถมไม่ยอมใช้หนี้ที่รัสเซียเป็นหนี้นักการเงินตะวันตก โดยอ้างว่า เป็นหนี้ที่ซาร์ก่อไว้ พวกปฏิวิติไม่รับรู้ เจ้าหนี้นักต้มจากตะวันตกบอก ประหารราชวงศ์ก็เรื่องนึง แต่เรื่องไม่ใช่หนี้ นี่เรื่องใหญ่ (กว่า) พวกนี้ จึงบอกว่าไม่เอาโซเวียตแล้ว ที่อังกฤษ ระหว่างการสนทนาของทูตญี่ปุ่นประจำ อังกฤษ นายโยชิดะ Yoshida กับบรรดาขุนนางอังกฤษ นายโยชิดะ บอกว่า น่าเป็นห่วงนะ เชื้อคอม นี่มันแพร่เร็วจริง ตอนนี้กระจายไปถึงแมนจูเรีย ที่กองทัพญี่ปุ่นไปตั้งอยู่แล้วนะ กองทัพญี่ปุ่นทำท่าจะติดเชื้อมาด้วย ทูตช่างเจรจาบอกว่า แต่พวกเราก็ไม่เอาสตาลินนะ และหวังจะเอาความเห็นของอังกฤษ ที่ไม่เอาสตาลิน มาอ้างกับฝ่ายบริหารที่โตเกียวด้วย ภาระกิจอย่างหนึ่งขององค์ชายชิชิบุ ในการไปอังกฤษ คือการไปสมานไมตรีระหว่างอังก ฤษกับญี่ปุ่น ที่เคยรักกันจี๊ แต่ตอนหลังๆจี๊หลวมไปหน่อย เลยต้องไปไขให้แน่นขึ้น นอกจากนี้ องค์ชาย ก็ต้องการยืมปากคำอังกฤษ มาใช้อ้างกับฝ่ายทหาร โดยเฉพาะกองทัพที่กวางตุ้ง ให้มุ่งหน้าไปพัฒนาแมนจูเรียกับเกาหลี แต่ถ้าคึกนักทนไม่ไหว ก็ให้เคลื่อนพลขึ้นเหนือไปโน่น ไปรบกับโซเวียตแทน ไม่ใช่ลงใต้มาเอเซีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่โตเกียว อำนาจที่มองไม่เห็น กำลังบีบฝ่ายบริหารของญี่ปุ่น ไม่ให้มุ่งไปเหนือไปรบโซเวียต แต่ให้มุ่งลงใต้แทน โดย ให้กองทัพบุกยึดจีน และอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นได้ขยายตลาดการค้าที่มีอยู่ และขยายฐานการผลิตให้กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญ จะได้เข้าไป ยึดสมบัติของรัฐ และของชาวบ้าน รวมทั้งทรัพยากรมีค่าที่เปิดอ้ารออยู่แล้วในบรรดาประเทศอาณานิคมของพวกตะวันตก นี่มันเหมือนญี่ปุน แยกเป็น 2 ก๊ก ชัดเจนเชียวนะ ด้วยเป้าหมายแบบนี้ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่อยากจะปฏิเสธ เรื่องปล้นเอาสมบัติของพวกตะวันตก ที่อยู่ในเอเซีย มันน่าอร่อยจะตาย ในความเป็นจริง อำนาจแท้จริงที่แมนจูเรียอยู่ในกำมือของกองทัพญี่ปุ่นกวันตง หรือ คันโต (Kwangtung)ที่ประจำอยู่ที่แมนจูเรีย และกลุ่มพวกใต้ดิน ซึ่งดูแลโดยนายพลโตโจ Tojo Hideki เขาเป็นหัวหน้าหน่วยตำรวจลับ ที่มีแฟ้มประวัติของนายทหารทุก คน ที่ประจำอยู่ที่นั่น การใช้จ่ายของกองทัพคันโต ที่แมนจเรีย ดูแลจัดการโดยพวกนิสสัน Nissan zaibatzu ที่เพิ่งตั้งขึ้น กองทัพเจาะจงเลือกให้นิสสันมารับงาน เพราะกองทัพมีงานต้องทำมากมาย นาย คิชิ Kishi Nobusuke ผู้ชำนาญการ ถูกเลือกมาทำหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เจ้าของนิสสัน ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลุงของ คิชิ นั่นเอง นิสสัน ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่แมนจูเรีย และร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล จากการทำให้กองทัพที่แมนจูเรีย ร่ำรวยอย่างมหาศาล เช่นเดียวกัน เมื่อรวยถึงขนาดนั้น กองทัพที่แมนจูเรียก็แทบจะเป็น เอกเทศ ไม่ต้องพึ่งงบหลวง ไม่มีสนใจเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เพราะเลื่อนช้ันกันได้เอง และแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่น ก็ไม่กล้ามาออกเสียงดัง กับกองทัพที่แมนจูเรีย และนายพลโตโจ ก็กำลังเตรียมพร้อม ที่จะไปเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่มาจากมาจากฝีมือของนาย คิชิ ผู้ซึ่งดูแลจัดการ ธุรกิจของกองทัพ ซึ่งมีตั้งแต่ การถลุงเหล็ก การทำเหมืองถ่านหิน การทำป่าไม้ การปลูกและผลิตฝิ่น ธุรกิจของ กองทัพคันโต มีมูลค่าขณะนั้น ประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ มีทหาร และพลเรือนในความดูแลที่แมนจูเรีย 7 แสนคน ขณะที่โตเกียวต้องรัดเข็มขัด มีการปันส่วน แต่ที่แมนจูเรียอยู่กันอย่างสุขสบาย ของกินของใช้เหลือเฟือ ความสำเร็จของกองทัพคันโตทำให้ญี่ปุ่น ยิ่งเกิดความกระหาย ที่จะยึดสมบัติคนอื่นมากขึ้น ในสายตาของญี่ปุ่น จีน จึงยิ่งน่ายึดกว่าไซบีเรียของโซเวียต ############# ตอน 4 วันที่ 7 กรกฏาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญ ให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบสื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931 ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์ การรบ “เผาให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง” ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันว่า พรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียง พร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิงเลิกรบกัน ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก ใครไปตกลง(วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่ง องค์ชาย อาซากะ Prince Asaka มาบัญชาการแทน อาซากะ เป็นอาเขยของจักรพรรดิ ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ทั้งความประพฤติ และอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ ผู้บัญชาการรบตัวจริง ประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพล มัตซุย อิวาเน Matsui Iwane ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบใด ที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และอย่าปฏิบัติการใดที่ผิดกฏหมาย ในเวลานั้น ที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค จอมพลใหญ่ ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิงถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิงถูกล้อม และพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม.... We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…. จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประทับประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives… แล้วการชำเรานานกิง หรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937 ในวันนั้น กองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า ของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติดต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวม กัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่แก่คราวย่ายาย ถึงเด็กเล็ก ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัว ที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัว ทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเอง ก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็ก กว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรม และเสียชีวิต ส่วนพวกผู้ชาย ถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผา และที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่นคน ที่อายุรุ่นเกณท์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขี้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิง อย่างละเอียด อาซากะ ไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุ ยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบฉอเลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมมินา Willhelmina ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies จากฮอลันดา ชิชิบุ เดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับ อดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสี ยให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงิน Wall Street นำโดย JP Morgan ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกฟุตบอล พรีเมียใจร์ลีก อังกฤษ 2025-2026 วันเสาร์ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 22:00 น. ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 8 เปิดแอนฟิลด์รับมือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมอันดับ 19
    ครึ่งแรก ฟอเรสต์ ออกนำลิเวอร์พูลก่อน 1 : 0 จากลูกยิงของ มูริลโล ในนาทีที่ 33
    ครึ่งหลัง ฟอเรสต์ ได้ลูกที่ 2 จากซาโวนา ในนาทีที่ 46 และนาทีที่ 78 กิบส์-ไวต์ มายิงเพิ่มเป็น 3 : 0 ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูลแพ้เป็นนัดที่ 6 ลงมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง
    ศึกฟุตบอล พรีเมียใจร์ลีก อังกฤษ 2025-2026 วันเสาร์ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 22:00 น. ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 8 เปิดแอนฟิลด์รับมือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมอันดับ 19 ครึ่งแรก ฟอเรสต์ ออกนำลิเวอร์พูลก่อน 1 : 0 จากลูกยิงของ มูริลโล ในนาทีที่ 33 ครึ่งหลัง ฟอเรสต์ ได้ลูกที่ 2 จากซาโวนา ในนาทีที่ 46 และนาทีที่ 78 กิบส์-ไวต์ มายิงเพิ่มเป็น 3 : 0 ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูลแพ้เป็นนัดที่ 6 ลงมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 2
    จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่
    ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน
    ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี
    ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895
    ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ
    แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง
    แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ
    ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่
    หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก
    ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม
    จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น
    ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ
    แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น
    ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่
    ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
    การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า
    มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่
    ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?!
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 2 จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่ ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895 ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่ หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่ ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ใครมาเยือนถึงเรือนชาน

    “ใครมาเยือนถึงเรือนชาน….“
    เมื่อวาน มีท่านผู้อ่านนิทานส่งข่าวบอกผมว่า นายทูตอเมรืกันคนใหม่ เขาจะมาแล้วนะ แล้วเราจะทำอย่างไร ผมรู้ข่าวแล้ว แต่บังเอิญผมกำลังติดพันกับการเขียนนิทานเรื่องใหม่อย่างขมักเขม้น เลยยังไม่อยากเขียนรับนายทูตนั่น ตอนบ่าย ตื่นมาไล่อ่านข่าว แหม อดไม่ได้ เจอบทความของสื่อใหญ่มาก ที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านเขียนบทความเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นี้ เรื่อง … สหรัฐที่ ” กำลังจะเปลี่ยนไป” …
    ฮะ… นี่ผมตกข่าวอะไรหรือ ไอ้นักล่าใบตองแห้ง มันจะเปลี่ยนเป็นอะไร จากนักล่า จะเป็นนักล้วง หรือนักรัก หรือไง นักล้วงก็เป็นตลอดอยู่แล้วนี่หว่า สงสัยเป็น จะอย่างหลัง นักรัก … เพราะทน (หึง) ไม่ไหว เจอทหารไทยเบอร์ใหญ่มาก บอกรักจีนกลางเวทีอาเซียน เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ เล่นเอาสื่อฝรั่งช็อก ออกข่าวว่าไทยบอกรักจีนกลางเวทีอาเซียน ข่าวนี้ ทำให้ผมความครื้นเครงใจอย่างยิ่ง
    ผมเลยต้องแว๊บไปอ่านบทบทความของท่านสื่อใหญ่ ซึ่งผมก็เป็นแฟนท่านเหมือนกันนะ
    บทความท่านสื่อใหญ่เริ่มต้นซะ ผมนึกว่าท่านเอานิทานจิ๊กโก๋ปากซอยของผม มาช่วยโปรโมทให้ อ่านๆ ไป อ้าว แล้วกัน กลายเป็นคนละซอย ฮา…ไปหาอ่านกันเองแล้วกันครับ
    ผมแค่ติดใจ ตอนท่านจะจบบทความนั่นแหละ ท่านว่าสังคมไทยดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์ทูตอเมริกันคนใหม่ที่กำลังจะมา ด้วย”ทัศนคติลบ” มากอยู่ ในความเห็นของท่าน เอกลักษณ์แข็งของไทย เมื่อมีแขกไปใครมาเยือนถึงเรือ นชาน จะยิ้มแย้ม ยินดี ต้อนรับ… ดังนั้น เราอย่าใช่ “ใจขุ่น” สรุปการมาของเขาในแง่ร้าย ทันที่ทันใด จะดีไหม ท่านว่า ท่าทีของสหรัฐต่อไทยกำลังจะเปลี่ยนไป…?
    เอาละครับ ท่านเป็นสื่อใหญ่ที่ผมเคารพ ท่านจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน แต่ผมก็มีความเห็นของผม แถมให้เหมือนกัน
    ตามรายงานความประพฤติของเด็กชาย สยาม ที่ครูประจำชั้น ที่ดูแลแดนสยาม ต้องทำส่งครูใหญ่ คือสภาสูงของอเมริกา ทุกปี หรือที่เรียกว่า Congressional Sevice Report เรื่อง Thailand: Background and U.S. Relations ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ที่ผ่านมานี้ นั้น ผมมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของอเมริกา… ในทางที่เป็นคุณ หรือเป็นบวกกับประเทศไทยแต่อย่างใดเลย
    เอกสารยาว 19 หน้า อ้างความสัมพันธ์ที่มีมาช้านาน ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1954 รักกันจัง รวมมือกันจริง แต่ความรักมาสะดุดก็ตอนที่ แดนสยามมีปฏิวัติถี่หน่อย 2 ครั้ง ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    ข้อความอื่นๆ ก็เป็นไปตามแบบฟอร์มเดิม รวมทั้งเรื่องการเสือก เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดของเรา และเรื่องการสืบสันตติวงศ์ของพระราชวงศ์ ซึ่งเป็นเรื่องภายในและละเอียดอ่อนของเรา มันก็ยังเสือกเหมือนเดิม ผมยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของไอ้ใบตองแห้งเลยนะ
    ที่มีพิเศษเพิ่มเติม คือ เรื่องการปฏิวัติของลุงตู่ คุณครูประจำชั้น ที่ทำรายงานบอกว่า การที่ทหารไทยทำการปฏิวัติ ในปี ค.ศ.2014 ไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกา เป็นการท้าทายความสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับไทยว่า จะยังอยู่ในราง หรือจะตกราง ในหลายๆทาง ความสัมพันธ์ด้านกองทัพ กับกองทัพ military – to – military ระหว่างอเมริกากับไทย เป็นเสาหลักที่แข็งแรงที่สุด ในด้านความสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับไทย….
    ….นอกจากนี้ มีนักวิเคราะห์บอกว่า สัมพันธ์ไทย-อเมริกา เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรักษาไว้ เพราะจะทำให้ อเมริกาอาจเสียโอกาส ในการเข้ามาใช้ฐานและเครื่องมือเครื่องใช้ทางทหารที่สำคัญในไทย โดยเฉพาะอู่ตะเภา ที่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ ( ซึ่งรวมถึง C-17s และ C-130s) ได้ และอยู่ติดกับท่าเรือน้ำลึก และมีสาธารญูปโภคพร้อม ในการใช้บริหารและควบคุมระบบ เมื่อตอนอเมริกามีปฏิบัติการณ์อิรัค และอาฟกานิสถานกองทัพอมริกัน ใช้อู่ตะเภาเป็นที่แวะเติมน้ำมัน…….การเสียโอกาสนี้ จะทำให้ อิทธิพลของจีนในภูมิภาค เพิ่มสูงขึ้น….
    ….นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานหลายสิบหน่วย ของอเมริกา ที่ใช้ไทยเป็นสำนักงานใหญ่ (ปฏิบัติการ) ในภูมิภาค เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ไม่สบายใจว่า การเมืองไทยที่ไม่สงบ จะทำให้การทำงานของพวกเขาสะดุด….
    เอาละครับ ไปอ่านส่วนที่เป็นน้ำกันเองต่อ ผมแกะส่วนที่เป็นเนื้อมาให้แล้ว ลองพิจารณากันดูนะครับ ไอ้ใบตองแห้ง มันมองเราอย่างไร และมันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง หรือถ้ามันจะเปลี่ยน เปลี่ยนตรงไหน เพราะอะไร
    มันอาจจะเพิ่งสำนึก ว่า กูโง่ กูบ้า ขนาดไหน ที่มาทำกร่างใส่สมันน้อย นึกไม่ถึงว่าสมันน้อย จะเปลี่ยนเป็นช้างไทยสู้ศึก แล้วนี่ กูจะบุกจีน ผ่านรูไหนดีวู้ย ไม่มีอะไรดีกว่า หน้าด้าน ด่าแล้ว ก็กลับมาตบหัวได้ เดี๋ยวคนไทยใจดี ใครมาเยือนถึงเรือนชาน ก็ต้อนรับเอง เหมียนเดิม
    ถ้าไม่แน่ใจ ว่าจะต้อนรับนายทูตตนใหม่ของไอ้ใบตองแห้งอย่างไรดี จะเอาพวกมาลัยไปคอยยืนคล้องคอ แถมโบกธงอเมริกัน ตะโกนร้อง พ่อกูมาแล้ว หรือ จะด่ามันต่อไปว่า กูรู้นะ ว่ามึงกำลังคิดจะทำอะไร หรือจะเฉยๆ ดูท่าทีกันไปก่อน
    ถ้าไม่แน่ใจนะครับ ก็โปรดอดใจ รออีกไม่กี่วัน ผมกำลังปั่นนิทานเรื่องใหม่ เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อน ระหว่างจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา และ มันอาจจะมาเกี่ยวกับแดนสยามของเรา อ่านนิทานเรื่องนั้นแล้ว น่าจะได้คำตอบ ว่าจะรับนายทูตใบตองแห้งคนใหม่อย่างไร
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 ส.ค. 2558
    เรื่อง ใครมาเยือนถึงเรือนชาน “ใครมาเยือนถึงเรือนชาน….“ เมื่อวาน มีท่านผู้อ่านนิทานส่งข่าวบอกผมว่า นายทูตอเมรืกันคนใหม่ เขาจะมาแล้วนะ แล้วเราจะทำอย่างไร ผมรู้ข่าวแล้ว แต่บังเอิญผมกำลังติดพันกับการเขียนนิทานเรื่องใหม่อย่างขมักเขม้น เลยยังไม่อยากเขียนรับนายทูตนั่น ตอนบ่าย ตื่นมาไล่อ่านข่าว แหม อดไม่ได้ เจอบทความของสื่อใหญ่มาก ที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านเขียนบทความเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นี้ เรื่อง … สหรัฐที่ ” กำลังจะเปลี่ยนไป” … ฮะ… นี่ผมตกข่าวอะไรหรือ ไอ้นักล่าใบตองแห้ง มันจะเปลี่ยนเป็นอะไร จากนักล่า จะเป็นนักล้วง หรือนักรัก หรือไง นักล้วงก็เป็นตลอดอยู่แล้วนี่หว่า สงสัยเป็น จะอย่างหลัง นักรัก … เพราะทน (หึง) ไม่ไหว เจอทหารไทยเบอร์ใหญ่มาก บอกรักจีนกลางเวทีอาเซียน เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ เล่นเอาสื่อฝรั่งช็อก ออกข่าวว่าไทยบอกรักจีนกลางเวทีอาเซียน ข่าวนี้ ทำให้ผมความครื้นเครงใจอย่างยิ่ง ผมเลยต้องแว๊บไปอ่านบทบทความของท่านสื่อใหญ่ ซึ่งผมก็เป็นแฟนท่านเหมือนกันนะ บทความท่านสื่อใหญ่เริ่มต้นซะ ผมนึกว่าท่านเอานิทานจิ๊กโก๋ปากซอยของผม มาช่วยโปรโมทให้ อ่านๆ ไป อ้าว แล้วกัน กลายเป็นคนละซอย ฮา…ไปหาอ่านกันเองแล้วกันครับ ผมแค่ติดใจ ตอนท่านจะจบบทความนั่นแหละ ท่านว่าสังคมไทยดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์ทูตอเมริกันคนใหม่ที่กำลังจะมา ด้วย”ทัศนคติลบ” มากอยู่ ในความเห็นของท่าน เอกลักษณ์แข็งของไทย เมื่อมีแขกไปใครมาเยือนถึงเรือ นชาน จะยิ้มแย้ม ยินดี ต้อนรับ… ดังนั้น เราอย่าใช่ “ใจขุ่น” สรุปการมาของเขาในแง่ร้าย ทันที่ทันใด จะดีไหม ท่านว่า ท่าทีของสหรัฐต่อไทยกำลังจะเปลี่ยนไป…? เอาละครับ ท่านเป็นสื่อใหญ่ที่ผมเคารพ ท่านจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน แต่ผมก็มีความเห็นของผม แถมให้เหมือนกัน ตามรายงานความประพฤติของเด็กชาย สยาม ที่ครูประจำชั้น ที่ดูแลแดนสยาม ต้องทำส่งครูใหญ่ คือสภาสูงของอเมริกา ทุกปี หรือที่เรียกว่า Congressional Sevice Report เรื่อง Thailand: Background and U.S. Relations ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ที่ผ่านมานี้ นั้น ผมมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของอเมริกา… ในทางที่เป็นคุณ หรือเป็นบวกกับประเทศไทยแต่อย่างใดเลย เอกสารยาว 19 หน้า อ้างความสัมพันธ์ที่มีมาช้านาน ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1954 รักกันจัง รวมมือกันจริง แต่ความรักมาสะดุดก็ตอนที่ แดนสยามมีปฏิวัติถี่หน่อย 2 ครั้ง ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อความอื่นๆ ก็เป็นไปตามแบบฟอร์มเดิม รวมทั้งเรื่องการเสือก เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดของเรา และเรื่องการสืบสันตติวงศ์ของพระราชวงศ์ ซึ่งเป็นเรื่องภายในและละเอียดอ่อนของเรา มันก็ยังเสือกเหมือนเดิม ผมยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของไอ้ใบตองแห้งเลยนะ ที่มีพิเศษเพิ่มเติม คือ เรื่องการปฏิวัติของลุงตู่ คุณครูประจำชั้น ที่ทำรายงานบอกว่า การที่ทหารไทยทำการปฏิวัติ ในปี ค.ศ.2014 ไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกา เป็นการท้าทายความสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับไทยว่า จะยังอยู่ในราง หรือจะตกราง ในหลายๆทาง ความสัมพันธ์ด้านกองทัพ กับกองทัพ military – to – military ระหว่างอเมริกากับไทย เป็นเสาหลักที่แข็งแรงที่สุด ในด้านความสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับไทย…. ….นอกจากนี้ มีนักวิเคราะห์บอกว่า สัมพันธ์ไทย-อเมริกา เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรักษาไว้ เพราะจะทำให้ อเมริกาอาจเสียโอกาส ในการเข้ามาใช้ฐานและเครื่องมือเครื่องใช้ทางทหารที่สำคัญในไทย โดยเฉพาะอู่ตะเภา ที่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ ( ซึ่งรวมถึง C-17s และ C-130s) ได้ และอยู่ติดกับท่าเรือน้ำลึก และมีสาธารญูปโภคพร้อม ในการใช้บริหารและควบคุมระบบ เมื่อตอนอเมริกามีปฏิบัติการณ์อิรัค และอาฟกานิสถานกองทัพอมริกัน ใช้อู่ตะเภาเป็นที่แวะเติมน้ำมัน…….การเสียโอกาสนี้ จะทำให้ อิทธิพลของจีนในภูมิภาค เพิ่มสูงขึ้น…. ….นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานหลายสิบหน่วย ของอเมริกา ที่ใช้ไทยเป็นสำนักงานใหญ่ (ปฏิบัติการ) ในภูมิภาค เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ไม่สบายใจว่า การเมืองไทยที่ไม่สงบ จะทำให้การทำงานของพวกเขาสะดุด…. เอาละครับ ไปอ่านส่วนที่เป็นน้ำกันเองต่อ ผมแกะส่วนที่เป็นเนื้อมาให้แล้ว ลองพิจารณากันดูนะครับ ไอ้ใบตองแห้ง มันมองเราอย่างไร และมันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง หรือถ้ามันจะเปลี่ยน เปลี่ยนตรงไหน เพราะอะไร มันอาจจะเพิ่งสำนึก ว่า กูโง่ กูบ้า ขนาดไหน ที่มาทำกร่างใส่สมันน้อย นึกไม่ถึงว่าสมันน้อย จะเปลี่ยนเป็นช้างไทยสู้ศึก แล้วนี่ กูจะบุกจีน ผ่านรูไหนดีวู้ย ไม่มีอะไรดีกว่า หน้าด้าน ด่าแล้ว ก็กลับมาตบหัวได้ เดี๋ยวคนไทยใจดี ใครมาเยือนถึงเรือนชาน ก็ต้อนรับเอง เหมียนเดิม ถ้าไม่แน่ใจ ว่าจะต้อนรับนายทูตตนใหม่ของไอ้ใบตองแห้งอย่างไรดี จะเอาพวกมาลัยไปคอยยืนคล้องคอ แถมโบกธงอเมริกัน ตะโกนร้อง พ่อกูมาแล้ว หรือ จะด่ามันต่อไปว่า กูรู้นะ ว่ามึงกำลังคิดจะทำอะไร หรือจะเฉยๆ ดูท่าทีกันไปก่อน ถ้าไม่แน่ใจนะครับ ก็โปรดอดใจ รออีกไม่กี่วัน ผมกำลังปั่นนิทานเรื่องใหม่ เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อน ระหว่างจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา และ มันอาจจะมาเกี่ยวกับแดนสยามของเรา อ่านนิทานเรื่องนั้นแล้ว น่าจะได้คำตอบ ว่าจะรับนายทูตใบตองแห้งคนใหม่อย่างไร สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar

    Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้
    เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects

    FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon
    ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks

    Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing

    Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ
    ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน
    https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system

    AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้
    บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider

    ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก
    ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally

    Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์
    Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions

    สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google
    บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด
    https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google

    กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด
    รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for

    AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้
    ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that

    Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย
    บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations

    Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding"
    Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก
    https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important

    รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday
    นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี
    https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far

    Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ
    Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do

    ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ
    Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday

    Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่
    Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool

    Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก

    Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking

    รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven
    หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review

    ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link
    มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe

    Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์
    Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes

    X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง
    แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน
    https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21

    SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch
    SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls

    Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม?
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it

    มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า
    งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน
    https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025

    Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3
    สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday

    Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI
    Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional

    MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง
    รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing

    DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด
    สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง
    https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon

    Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด
    แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday

    ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง
    มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
    https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe

    Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU
    Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร
    https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips

    ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง
    รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป
    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday

    PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่
    PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update

    Comet AI Browser ลง Android แล้ว
    เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android

    บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI
    หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด
    https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why

    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar 🧩 Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้ เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects 🛡️ FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks 🏭 Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing 👥 Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน 🔗 https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system 🤖 AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้ บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider 💬 ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally 🩺 Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์ Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions ☁️ สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google 🚗 กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for 👻 AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้ ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that 🆔 Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations 🐧 Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding" Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important 💻 รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far 🤖 Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do 💾 ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday ✨ Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่ Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool 🌐 Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking 🎧 รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review 🔒 ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe 🌐 Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes 🐦 X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน 🔗 https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21 🔥 SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls 🤔 Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม? Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it 📡 มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025 ⌚ Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3 สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday 🤖 Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional 💻 MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing 🚁 DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon 🕶️ Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้ 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday 🔐 ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe 🖥️ Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips 🔊 ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday 🎮 PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่ PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update 📱 Comet AI Browser ลง Android แล้ว เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android 💰 บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar

    ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน
    มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก
    https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces

    เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear
    Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support

    ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก
    ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears

    SSD พกพาไร้สายจาก Kingston
    Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก
    https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket

    Android จับมือ AirDrop ของ Apple
    สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10

    ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity
    มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device

    Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ
    Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns

    บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
    บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI
    Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro

    ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่
    ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว
    Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา
    https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks

    ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย
    มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร
    https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made

    กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks

    แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร
    รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry

    Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู
    Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more

    รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน

    Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ
    https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan

    ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11
    ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026
    มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when

    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ
    ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws

    การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย
    มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback

    iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon
    Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl
    นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot
    Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11
    หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games

    Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia
    Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028
    https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment

    หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats
    Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them

    ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก
    ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use

    Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5
    Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how

    คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา
    รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar 🛡️ ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces 📶 เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support 🌊 ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears 💾 SSD พกพาไร้สายจาก Kingston Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket 🤝 Android จับมือ AirDrop ของ Apple สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10 ⚠️ ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device 🧑‍💻 Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns 🎰 บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know 🖼️ Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro 🔒 ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่ ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks 📱 ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made 🐉 กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks 🛍️ แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry 📷 Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more 📺 รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan 💻 ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11 ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 📱 หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026 มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when ⚖️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws 🌐 การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback 📱 iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🖥️ Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11 หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games 📡 Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028 🔗 https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment 🛵 หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them 🤖 ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use 🔒 Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5 Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how 🎨 คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI

    Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม

    Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น

    ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล

    ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ
    Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์

    Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Nano Banana Pro
    พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง
    รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio

    ความสามารถด้านข้อความและภาษา
    สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา
    ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย

    การเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช
    สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง

    การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ
    ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด
    รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ

    คำเตือนด้านการใช้งาน AI
    แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง

    https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    🖼️ เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น 🌍 ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล 🎨 ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์ Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Nano Banana Pro ➡️ พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง ➡️ รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio ✅ ความสามารถด้านข้อความและภาษา ➡️ สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา ➡️ ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลจริง ➡️ ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช ➡️ สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง ✅ การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ ➡️ ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด ➡️ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน AI ⛔ แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    BLOG.GOOGLE
    Introducing Nano Banana Pro
    Nano Banana Pro is our new image generation and editing model from Google DeepMind.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยับหมาก ตอนที่ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 4
    เรื่องของกรีซ ดูเหมือนเป็นเรื่องการเงิน ก็ใช่อยู่ แต่เป็นเรื่องการเงินที่น่าจะเป็นการวางแผนจากด้านการเมือง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษรบเยอรมัน แต่จัดการก่อเรื่องในรัสเซียให้มีปฏิวัติ และวุ่นวายเอง เพื่ออังกฤษไม่ต้องเสียกำลังพลมาสู้ทางรัสเซีย
    คราวนี้ ดูเหมือนอเมริกา อาจจะเอาวิธีการของอังกฤษ ที่เคยใช้สมัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาใช้บ้าง แต่สลับที่กัน อเมริกา เตรียมรบรัสเซียแน่ แต่เพื่อเป็นการสงวนกำลังสำหรับการรบ ที่ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน ในเมื่ออเมริการู้ว่า อียู หรือยุโรป ไม่แข็งในเรื่องกองกำลัง จริงอย่างที่ชาวเกาะใหญ่ฯ แดกดัน อเมริกาส่งกำลังพลและอาวุธเท่าไหร่ไม่รู้จะพอยันรัสเซียไหม และที่สำคัญ กำลังพลของอเมริกา ก็ไม่น่าจะพอแบ่งด้วย อเมริกาจจึงอาจใช้วิธีก่อความวุ่นวายในยุโรป โดยยังไม่ใช้กำลังพล แต่ใช้การสร้างความวุ่นวาย ที่จะบานปลาย ไปได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงแรกไปก่อน
    ถ้าอเมริกาเลือกใช้วิธีนี้ อเมริกาคงเลือกจุดพลุ 2 ทาง ทางหนึ่งคือแถบยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจัน ที่มีเขตแดนติดกับรัสเซีย และยาวมาถึงอิหร่านและตุรกี และอาจจะมีอียิปต์รอบ 2 อีกทางก็จุดเรื่องกรีซ เพื่อตัดเส้นทางจับมือ ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ทำไมถึงต้องตัดทางจับมือ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังขอตัดกลับมาที่กรีซก่อน
    กรีซจะตกลงเรื่องเงินกู้ครั้งใหม่ ได้หรือไม่ ดูเหมือนความสำคัญ ในภาพใหญ่ จะไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ แน่นอน เกิดเงินฝากไหล หรือหนักกว่านั้น ถ้าธนาคารกรีซไม่เปิด เพราะไม่มีเงิน หรือเจ้าหนี้ตกลงที่จะให้เงินกู้ก้อนใหม่ แต่ระหว่างการเจรจา ก็จะเกิดอาการสะอึกขึ้นได้อีก
    อเมริกา ส่งนางเหยี่ยว F-ck อียู Nuland ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการสร้างปฏิวัติสีส้มของยูเครน และล่าสุด เพิ่งอุ้มนายสาก เอามาวางเตรียมไว้ที่โอเดสสาของ ยูเครน ที่ติดกับรัสเซีย หลังจากอุ้มนายสาก นางเหยี่ยวก็แวะมาบีบคอ นายกรัฐมนครีหนุ่มกรีก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม บอกว่า เราอยากเห็นกรีซที่ร่ำรวย และเจริญก้าวหน้า เข้าใจไหม อย่าได้คิดออกจากอียูเชียว
    นายกซิบหลุด จะเป็นม้าไม้มาทำลายกรีก อย่างที่กูรูทั้งหลายเขาว่ากัน หรือเป็นม้าที่เขาหลอกเอามาเชือด ผมไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคลัง น้องยานิสของผม ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังวันลงคะแนนเสียง ก็ว่ากันว่า เขาเป็นม้าไม้อีกตัวหนึ่งหรือ ผมตอบไม่ได้ ยังไม่มีข้อมูลมากกว่าที่เขาเล่ากัน นอกจากบอกว่า น่าเสียดายถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เราจะหาคนที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง (แม้จะไม่ใช่บ้านเมืองของเรา แต่ผมก็เอาใจช่วย) ให้หลุดจากบ่วงของเหล่านักล่า ยากขนาดนั้นเชียวหรือ
    John Helmer นักข่าวรุ่นเก๋าจากแดนจิงโจ้ ที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียว ที่ปักหลักทำข่าวอยู่ที่รัสเซียได้นานกว่าสิบปี เขียนลงในบล๊อกของเขา เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม ว่า มีการเตรียมการที่จะก่อการจราจลในกรีซ เมื่อวันที่ชาวกรีกลงประชามติ ถ้าวันนั้น คะแนน yes กับ no ใกล้เคียงกัน ก็จะมีการปฏิวัติ ตามแผน Operation Nemesis ที่อเมริกาวางแผนไว้ เขาบอกว่า พวกอีลิตนักธุรกิจชาวกรีกเครือข่ายอเมริกัน และทหารกรีก ไม่ได้ vote no!
    Operation Nemesis มาจากการกำกับของนางเหยี่ยว (อีกแล้ว) อย่าลืมว่า นางเหยี่ยวใช้ Operation Gladio ที่เป็นกองกำลังนอกระบบของนาโต้ ปฏิบัติการในวันที่มีการชุมนุมใหญ่ ที่ Maiden Square ของยูเครน ที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายมากมาย นอกจากนี้ นางเหยี่ยวยังทิ้งกองกำลังที่ Mossad ของอิสราเอลฝึกให้ ไว้ให้นายสากอีก 2 พันคน (อ่านรายละเอียดของ เรื่อง ยูเครน ได้จากนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง และเรื่องของนายสาก)
    รัสเซียรู้เรื่องนี้ไหม รัสเซียคงรู้ดี จึงมองดูเรื่องการลงประชามติขอ งกรีกอยู่เฉยๆ รอดูว่า อเมริกา และอียู โดยเฉพาะเยอรมัน หัวเรือใหญ่ จะเล่นเกมอย่างไร เมื่อคะแนน no นำขาด Operation Nemesis จึงถูกระงับไว้ชั่วคราวก่อน แปลว่าชะตาชาวกรีก ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา ไม่ว่าจะ no หรือ yes ก็จะมีคนมากำหนดชะตาของพวกเขาอีกต่อ
    ผมจะไม่แปลกใจ ถ้าในที่สุด คนกรีกจะไม่พอใจเงื่อนไขใหม่ ที่นายกซิบหลุด ไปยอมตกลงกับเจ้าหนี้รอบ 3 เมื่อไม่กี่วันนี้ และ มีการออกมาชุมนุมกัน และการขุมนุมบานปลาย operation nemesis ที่หลบมุมมืดอยู่ อาจออกมาอยูที่สว่าง มีการปลี่ยนรัฐบาลกรีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แปลว่า คงมีการเริ่มขยับหมากแล้ว มันคงยากแก่การเข้าใจถ้าดูเฉพาะจุด แต่ถ้าดูภาพใหญ่ และมองตามวิธีการคิดขยับหมากของอเมริกา เราอาจจะพอเห็นอะไรชัดขึ้น
    การจุดพลุบริเวณยูเครน เป็นเรื่องไม่ยากที่จะเข้าใจ อเมริกาปล่อยให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปไม่ได้แน่ ไหนจะเป็นประตูใหญ่เข้ามาสู่ประเทศแถบอียูเหนือ ไหนจะเป็นการจองให้เป็นบ้านใหม่ของยิว หรืออิสราเอล 2 และไหนจะเป็นแหล่งที่อเมริกาลงทุนในแถบนั้นไว้แยะแล้ว แต่ที่สำคัญ การยอมให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปได้ หมายถึงยอมรับว่า รัสเซียเหนือกว่า เป็นการเสริมความแกร่งเพิ่มให้คุณพี่ปูติน ซึ่งรายการหลัง ไม่ใช่แต่นักล่าใบตองแห้ง จะเสียหน้าขนาดหนักเท่านั้น ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงทนไม่ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อ “ถึงเวลา” ยูเครน จอร์เจีย ก็จะต้องเดือดขึ้นมาอีก หน่วยปฏิบัติการยังเตรียมพร้อมอยู่
    แต่การจุดพลุกรีซนี่น่าสนใจว่า อเมริกาใจถึงขนาดไหน ขนาดยอมเสียยุโรป โดยเฉพาะเอาให้เยอรมันทรุดด้วย นี่ แก้ฝันค้างให้กับลูกพี่ชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ด้วย เพราะเรื่องกรีซ ไม่น่าใช่ แค่กรีซไม่ใช้หนี้ กรีซไม่มีเงิน หรือกลัวกรีซจะไปซบรัสเซีย เรื่องกรีซเอง เล็กน้อยมากในสายตาของนักล่า กินไม่พออิ่ม ได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอเมริกาคิด เล่นแรงถึงขนาดทำให้ยุโรปเซ ทั้งแถบนั่นแหละ มันถึงน่าจะเป็นสันดานดิบของนักล่าตัวจริง
    ยุโรปเป็นตลาดใหญ่ของรัสเซีย ถ้ายุโรปไป รัสเซียก็เหนื่อย ยุโรปไป เยอรมันก็อ่วม จุดพลุกรีซดอกเดียว ที่หลุดมาเข้าทาง ระบบการเงิน เศรษฐกิจยุโรปไปทั้งแถบ ไม่ต้องยกทัพโยธามาให้เหนื่อย เอากำลังพล ไว้ไปรบตรงอื่นดีกว่า เนอะ ถ้าสถานการณ์ มันบาน เป็นไปตามทฤษฏีสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ก็แปลว่า เข้าเขตไฟเหลือง โปรดระวังกันได้แล้ว
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 4 เรื่องของกรีซ ดูเหมือนเป็นเรื่องการเงิน ก็ใช่อยู่ แต่เป็นเรื่องการเงินที่น่าจะเป็นการวางแผนจากด้านการเมือง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษรบเยอรมัน แต่จัดการก่อเรื่องในรัสเซียให้มีปฏิวัติ และวุ่นวายเอง เพื่ออังกฤษไม่ต้องเสียกำลังพลมาสู้ทางรัสเซีย คราวนี้ ดูเหมือนอเมริกา อาจจะเอาวิธีการของอังกฤษ ที่เคยใช้สมัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาใช้บ้าง แต่สลับที่กัน อเมริกา เตรียมรบรัสเซียแน่ แต่เพื่อเป็นการสงวนกำลังสำหรับการรบ ที่ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน ในเมื่ออเมริการู้ว่า อียู หรือยุโรป ไม่แข็งในเรื่องกองกำลัง จริงอย่างที่ชาวเกาะใหญ่ฯ แดกดัน อเมริกาส่งกำลังพลและอาวุธเท่าไหร่ไม่รู้จะพอยันรัสเซียไหม และที่สำคัญ กำลังพลของอเมริกา ก็ไม่น่าจะพอแบ่งด้วย อเมริกาจจึงอาจใช้วิธีก่อความวุ่นวายในยุโรป โดยยังไม่ใช้กำลังพล แต่ใช้การสร้างความวุ่นวาย ที่จะบานปลาย ไปได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงแรกไปก่อน ถ้าอเมริกาเลือกใช้วิธีนี้ อเมริกาคงเลือกจุดพลุ 2 ทาง ทางหนึ่งคือแถบยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจัน ที่มีเขตแดนติดกับรัสเซีย และยาวมาถึงอิหร่านและตุรกี และอาจจะมีอียิปต์รอบ 2 อีกทางก็จุดเรื่องกรีซ เพื่อตัดเส้นทางจับมือ ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ทำไมถึงต้องตัดทางจับมือ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังขอตัดกลับมาที่กรีซก่อน กรีซจะตกลงเรื่องเงินกู้ครั้งใหม่ ได้หรือไม่ ดูเหมือนความสำคัญ ในภาพใหญ่ จะไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ แน่นอน เกิดเงินฝากไหล หรือหนักกว่านั้น ถ้าธนาคารกรีซไม่เปิด เพราะไม่มีเงิน หรือเจ้าหนี้ตกลงที่จะให้เงินกู้ก้อนใหม่ แต่ระหว่างการเจรจา ก็จะเกิดอาการสะอึกขึ้นได้อีก อเมริกา ส่งนางเหยี่ยว F-ck อียู Nuland ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการสร้างปฏิวัติสีส้มของยูเครน และล่าสุด เพิ่งอุ้มนายสาก เอามาวางเตรียมไว้ที่โอเดสสาของ ยูเครน ที่ติดกับรัสเซีย หลังจากอุ้มนายสาก นางเหยี่ยวก็แวะมาบีบคอ นายกรัฐมนครีหนุ่มกรีก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม บอกว่า เราอยากเห็นกรีซที่ร่ำรวย และเจริญก้าวหน้า เข้าใจไหม อย่าได้คิดออกจากอียูเชียว นายกซิบหลุด จะเป็นม้าไม้มาทำลายกรีก อย่างที่กูรูทั้งหลายเขาว่ากัน หรือเป็นม้าที่เขาหลอกเอามาเชือด ผมไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคลัง น้องยานิสของผม ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังวันลงคะแนนเสียง ก็ว่ากันว่า เขาเป็นม้าไม้อีกตัวหนึ่งหรือ ผมตอบไม่ได้ ยังไม่มีข้อมูลมากกว่าที่เขาเล่ากัน นอกจากบอกว่า น่าเสียดายถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เราจะหาคนที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง (แม้จะไม่ใช่บ้านเมืองของเรา แต่ผมก็เอาใจช่วย) ให้หลุดจากบ่วงของเหล่านักล่า ยากขนาดนั้นเชียวหรือ John Helmer นักข่าวรุ่นเก๋าจากแดนจิงโจ้ ที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียว ที่ปักหลักทำข่าวอยู่ที่รัสเซียได้นานกว่าสิบปี เขียนลงในบล๊อกของเขา เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม ว่า มีการเตรียมการที่จะก่อการจราจลในกรีซ เมื่อวันที่ชาวกรีกลงประชามติ ถ้าวันนั้น คะแนน yes กับ no ใกล้เคียงกัน ก็จะมีการปฏิวัติ ตามแผน Operation Nemesis ที่อเมริกาวางแผนไว้ เขาบอกว่า พวกอีลิตนักธุรกิจชาวกรีกเครือข่ายอเมริกัน และทหารกรีก ไม่ได้ vote no! Operation Nemesis มาจากการกำกับของนางเหยี่ยว (อีกแล้ว) อย่าลืมว่า นางเหยี่ยวใช้ Operation Gladio ที่เป็นกองกำลังนอกระบบของนาโต้ ปฏิบัติการในวันที่มีการชุมนุมใหญ่ ที่ Maiden Square ของยูเครน ที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายมากมาย นอกจากนี้ นางเหยี่ยวยังทิ้งกองกำลังที่ Mossad ของอิสราเอลฝึกให้ ไว้ให้นายสากอีก 2 พันคน (อ่านรายละเอียดของ เรื่อง ยูเครน ได้จากนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง และเรื่องของนายสาก) รัสเซียรู้เรื่องนี้ไหม รัสเซียคงรู้ดี จึงมองดูเรื่องการลงประชามติขอ งกรีกอยู่เฉยๆ รอดูว่า อเมริกา และอียู โดยเฉพาะเยอรมัน หัวเรือใหญ่ จะเล่นเกมอย่างไร เมื่อคะแนน no นำขาด Operation Nemesis จึงถูกระงับไว้ชั่วคราวก่อน แปลว่าชะตาชาวกรีก ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา ไม่ว่าจะ no หรือ yes ก็จะมีคนมากำหนดชะตาของพวกเขาอีกต่อ ผมจะไม่แปลกใจ ถ้าในที่สุด คนกรีกจะไม่พอใจเงื่อนไขใหม่ ที่นายกซิบหลุด ไปยอมตกลงกับเจ้าหนี้รอบ 3 เมื่อไม่กี่วันนี้ และ มีการออกมาชุมนุมกัน และการขุมนุมบานปลาย operation nemesis ที่หลบมุมมืดอยู่ อาจออกมาอยูที่สว่าง มีการปลี่ยนรัฐบาลกรีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แปลว่า คงมีการเริ่มขยับหมากแล้ว มันคงยากแก่การเข้าใจถ้าดูเฉพาะจุด แต่ถ้าดูภาพใหญ่ และมองตามวิธีการคิดขยับหมากของอเมริกา เราอาจจะพอเห็นอะไรชัดขึ้น การจุดพลุบริเวณยูเครน เป็นเรื่องไม่ยากที่จะเข้าใจ อเมริกาปล่อยให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปไม่ได้แน่ ไหนจะเป็นประตูใหญ่เข้ามาสู่ประเทศแถบอียูเหนือ ไหนจะเป็นการจองให้เป็นบ้านใหม่ของยิว หรืออิสราเอล 2 และไหนจะเป็นแหล่งที่อเมริกาลงทุนในแถบนั้นไว้แยะแล้ว แต่ที่สำคัญ การยอมให้รัสเซียเอายูเครนกลับไปได้ หมายถึงยอมรับว่า รัสเซียเหนือกว่า เป็นการเสริมความแกร่งเพิ่มให้คุณพี่ปูติน ซึ่งรายการหลัง ไม่ใช่แต่นักล่าใบตองแห้ง จะเสียหน้าขนาดหนักเท่านั้น ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงทนไม่ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อ “ถึงเวลา” ยูเครน จอร์เจีย ก็จะต้องเดือดขึ้นมาอีก หน่วยปฏิบัติการยังเตรียมพร้อมอยู่ แต่การจุดพลุกรีซนี่น่าสนใจว่า อเมริกาใจถึงขนาดไหน ขนาดยอมเสียยุโรป โดยเฉพาะเอาให้เยอรมันทรุดด้วย นี่ แก้ฝันค้างให้กับลูกพี่ชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ด้วย เพราะเรื่องกรีซ ไม่น่าใช่ แค่กรีซไม่ใช้หนี้ กรีซไม่มีเงิน หรือกลัวกรีซจะไปซบรัสเซีย เรื่องกรีซเอง เล็กน้อยมากในสายตาของนักล่า กินไม่พออิ่ม ได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอเมริกาคิด เล่นแรงถึงขนาดทำให้ยุโรปเซ ทั้งแถบนั่นแหละ มันถึงน่าจะเป็นสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ยุโรปเป็นตลาดใหญ่ของรัสเซีย ถ้ายุโรปไป รัสเซียก็เหนื่อย ยุโรปไป เยอรมันก็อ่วม จุดพลุกรีซดอกเดียว ที่หลุดมาเข้าทาง ระบบการเงิน เศรษฐกิจยุโรปไปทั้งแถบ ไม่ต้องยกทัพโยธามาให้เหนื่อย เอากำลังพล ไว้ไปรบตรงอื่นดีกว่า เนอะ ถ้าสถานการณ์ มันบาน เป็นไปตามทฤษฏีสันดานดิบของนักล่าตัวจริง ก็แปลว่า เข้าเขตไฟเหลือง โปรดระวังกันได้แล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใกล้ WW3! รมว.กลาโหมอังกฤษยืนยัน เรือจารกรรมรัสเซีย “Yantar” อุกอาจยิงแสงเลเซอร์ใส่นักบินขณะบินประกบในน่านน้ำอังกฤษ ลอนดอนส่งเรือรบ–P8 ติดตามใกล้ชิด ขณะเตรียมเร่งตั้งโรงงานผลิตกระสุน–ระเบิด 13 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มกำลังพร้อมรบ

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110779

    #รัสเซีย #อังกฤษ #Yantar #เลเซอร์ #NATO #สงคราม #WW3 #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1
    ใกล้ WW3! รมว.กลาโหมอังกฤษยืนยัน เรือจารกรรมรัสเซีย “Yantar” อุกอาจยิงแสงเลเซอร์ใส่นักบินขณะบินประกบในน่านน้ำอังกฤษ ลอนดอนส่งเรือรบ–P8 ติดตามใกล้ชิด ขณะเตรียมเร่งตั้งโรงงานผลิตกระสุน–ระเบิด 13 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มกำลังพร้อมรบ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110779 • #รัสเซีย #อังกฤษ #Yantar #เลเซอร์ #NATO #สงคราม #WW3 #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK”

    ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม

    ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า

    นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม

    สรุปสาระสำคัญ
    การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI
    Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI
    ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก

    การลงทุนในสหราชอาณาจักร
    Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI
    รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก

    ความต้องการพลังงานมหาศาล
    AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030
    Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า

    คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
    หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน
    การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

    https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    📰 “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK” ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI ➡️ Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI ➡️ ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก ✅ การลงทุนในสหราชอาณาจักร ➡️ Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI ➡️ รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก ✅ ความต้องการพลังงานมหาศาล ➡️ AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030 ➡️ Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า ‼️ คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ⛔ หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน ⛔ การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    WWW.BBC.COM
    Google boss says trillion-dollar AI investment boom has 'elements of irrationality'
    In an exclusive BBC interview, Sundar Pichai hailed artificial intelligence as an "extraordinary moment" but said no company would be immune if bubble burst.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • คีย์บอร์ดทางเลือกสำหรับ Android แทน Gboard

    แม้ว่า Gboard ของ Google จะเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Android ด้วยฟีเจอร์ครบครัน เช่น การพิมพ์ด้วยเสียง, การค้นหาในตัว, และการรองรับหลายภาษา แต่ก็มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่มองหาทางเลือกอื่น เนื่องจากกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว หรืออยากได้คีย์บอร์ดที่เบาและเร็วกว่า

    หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมคือ Microsoft SwiftKey ที่มีระบบ AI คาดเดาคำได้แม่นยำ และรองรับการพิมพ์แบบลากนิ้ว (swipe typing) อีกทั้งยังซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ ส่วน Fleksy โดดเด่นด้วยความเร็วและระบบ gesture ที่ช่วยให้การพิมพ์สะดวกขึ้น พร้อมธีมหลากหลายสำหรับผู้ที่ชอบปรับแต่งหน้าตา

    สำหรับผู้ใช้ที่เน้นความเป็นส่วนตัว OpenBoard และ Simple Keyboard เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเป็นโอเพ่นซอร์ส ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว และทำงานได้เบาไม่กินทรัพยากรเครื่อง ขณะที่ Grammarly Keyboard เหมาะกับผู้ที่ต้องการตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดภาษาอังกฤษอย่างละเอียด

    การเลือกคีย์บอร์ดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ บางคนอาจเน้นความเร็วและการปรับแต่ง บางคนอาจให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว หรือฟีเจอร์เฉพาะทาง เช่น การตรวจสอบภาษา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ทางเลือกยอดนิยมแทน Gboard
    Microsoft SwiftKey – เด่นเรื่อง AI คาดเดาคำและการพิมพ์แบบลากนิ้ว
    Fleksy – เน้นความเร็วและ gesture
    Grammarly Keyboard – ตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

    คีย์บอร์ดโอเพ่นซอร์สเพื่อความเป็นส่วนตัว
    OpenBoard – ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว
    Simple Keyboard – เบาและใช้งานง่าย

    เหตุผลที่ผู้ใช้เลือกทางเลือกอื่น
    กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวจาก Google
    ต้องการคีย์บอร์ดที่เบาและเร็วกว่า
    อยากได้ฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ตรวจสอบภาษา

    คำเตือนและข้อควรพิจารณา
    คีย์บอร์ดบางตัวอาจไม่รองรับหลายภาษาเท่ากับ Gboard
    ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การค้นหาในตัว อาจไม่มีในคีย์บอร์ดทางเลือก
    แอปจากนักพัฒนารายเล็กอาจไม่ได้รับการอัปเดตบ่อย

    https://www.slashgear.com/2024575/android-gboard-keyboard-alternatives/
    ⌨️ คีย์บอร์ดทางเลือกสำหรับ Android แทน Gboard แม้ว่า Gboard ของ Google จะเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Android ด้วยฟีเจอร์ครบครัน เช่น การพิมพ์ด้วยเสียง, การค้นหาในตัว, และการรองรับหลายภาษา แต่ก็มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่มองหาทางเลือกอื่น เนื่องจากกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว หรืออยากได้คีย์บอร์ดที่เบาและเร็วกว่า หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมคือ Microsoft SwiftKey ที่มีระบบ AI คาดเดาคำได้แม่นยำ และรองรับการพิมพ์แบบลากนิ้ว (swipe typing) อีกทั้งยังซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ ส่วน Fleksy โดดเด่นด้วยความเร็วและระบบ gesture ที่ช่วยให้การพิมพ์สะดวกขึ้น พร้อมธีมหลากหลายสำหรับผู้ที่ชอบปรับแต่งหน้าตา สำหรับผู้ใช้ที่เน้นความเป็นส่วนตัว OpenBoard และ Simple Keyboard เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเป็นโอเพ่นซอร์ส ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว และทำงานได้เบาไม่กินทรัพยากรเครื่อง ขณะที่ Grammarly Keyboard เหมาะกับผู้ที่ต้องการตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดภาษาอังกฤษอย่างละเอียด การเลือกคีย์บอร์ดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ บางคนอาจเน้นความเร็วและการปรับแต่ง บางคนอาจให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว หรือฟีเจอร์เฉพาะทาง เช่น การตรวจสอบภาษา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ทางเลือกยอดนิยมแทน Gboard ➡️ Microsoft SwiftKey – เด่นเรื่อง AI คาดเดาคำและการพิมพ์แบบลากนิ้ว ➡️ Fleksy – เน้นความเร็วและ gesture ➡️ Grammarly Keyboard – ตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ✅ คีย์บอร์ดโอเพ่นซอร์สเพื่อความเป็นส่วนตัว ➡️ OpenBoard – ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว ➡️ Simple Keyboard – เบาและใช้งานง่าย ✅ เหตุผลที่ผู้ใช้เลือกทางเลือกอื่น ➡️ กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวจาก Google ➡️ ต้องการคีย์บอร์ดที่เบาและเร็วกว่า ➡️ อยากได้ฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ตรวจสอบภาษา ‼️ คำเตือนและข้อควรพิจารณา ⛔ คีย์บอร์ดบางตัวอาจไม่รองรับหลายภาษาเท่ากับ Gboard ⛔ ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การค้นหาในตัว อาจไม่มีในคีย์บอร์ดทางเลือก ⛔ แอปจากนักพัฒนารายเล็กอาจไม่ได้รับการอัปเดตบ่อย https://www.slashgear.com/2024575/android-gboard-keyboard-alternatives/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These Android Keyboard Alternatives Put Google's Gboard To Shame - SlashGear
    Google's default Android keyboard, Gboard, isn't the only option users have. Let's take a look at some alternatives that have features Gboard is sorely missing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยับหมาก ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 2
    อังกฤษไม่มีวันทำใจได้ที่เห็นรัส เซียยังคงอยู่ได้ และยังอยู่ดี ทฤษฏีครูMac เกี่ยวกับ Eurasia มันยังหลอนอยู่ ผมไม่เล่าซ้ำแล้ว หาอ่านเอาแล้วกัน อยู่ในนิทานสาระพัดเรื่อง
    รายงานการวิเคราะห์ของ Chatham House เรื่อง Russia Challenge รัสเซียกำเริบ ที่เพิ่งออกมานี่ แทบจะเดาได้ว่า เขียนว่าอะไร มันเหมือนกับเขียนวิเคราะห์จิตใต้สำนึกของอังกฤษมากกว่าการเขียนวิเคราะห์รัสเซีย
    ถังขยะ Chatham House บรรยายสรุปว่า
    ” บทวิเคราะห์เรื่อง Russia Challenge นี้ ทำขึ้นจากการเฝ้ามองพฤติกรรมของรัสเซียตั้งแต่หลังสงครามเย็นจนถึงปี ค.ศ.2003 ซึ่งประเทศต่างๆคิดว่า รัสเซียใหม่อาจเข้ามาอยู่ในระบบของยุโรปได้ ในฐานะตัวเแสดงที่สร้างสรร และไม่เป็นอันตราย แต่หลังจากนั้น ความเห็นดังกล่าวค่อยๆเปลี่ยนไป และในที่สุดก็มีความเห็นพ้อง สรุปกันว่า จากพฤติกรรมต่างๆของรัสเซียเอง ทำให้เห็นว่า รัสเซียไม่เหมาะที่จะเป็นหุ้นส่วนและมิตรด้วยเลย partner and ally ความแตกต่างของรัสเซียมีมากเกินกว่าที่จะสามารถมีผลประโยชน์ร่วมกัน… ”
    เขียนแบบนี้ แถวบ้านผมเขาแปลสั้นๆ ว่า “กูไม่คบมึง กูไม่ชอบมึง”
    “ความแตกต่างที่พวกตะวันตก “ทน” รัสเซียไม่ได้ที่สำคัญ คือ :
    1. นโยบาย ” new model Russia” ของปูติน เป็นนโยบายที่ตั้งใจเป็นอิสระ ที่จะไม่เข้ากับใคร และไม่ขึ้นกับใคร
    2. ปูตินไม่เปิดทางเลือกให้กับผู้อื่น หรือเปิดอย่างแคบมาก
    3. ปูติน ใช้พรรคพวกในการควบคุม ทั้งด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง ทำให้ใครแทรกยาก
    4. รัสเซีย ยากจน และเศรษฐกิจกำลังถดถอย แต่ยังดันเพิ่มงบประมาณด้านกำลังอาวุธ
    5. การคว่ำบาตรรัสเซีย จากเรื่องยูเครน ไม่เพียงพอให้รัสเซียถอยจากยูเครน ตรงกันข้าม กลับเป็นทางออกให้รัสเซียนำมาอ้างว่า เรื่องคว่ำบาตร เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่เรื่องคว่ำบาตรก็ยังเลิกไม่ได้ และการเผชิญหน้าก็ยังมีอยู่ต่อไป
    6. เทคนิคที่รัสเซียใช้คือ สร้างความไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน การขู่ว่าจะตัดการส่งพลังงาน การทำสงครามไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ และที่รัสเซียใช้บ่อยที่สุดคือ ทำให้ข้อขัดแย้งยืดเยื้อ เป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลา หรือแช่แข็งไว้ เพื่อหวังผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    7. รัสเซียพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะสร้างให้ตัวเอง “เท่าเทียม” กับอเมริกา และทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยไม่คำนึงว่า จะสร้างผลกระทบกับใคร อย่างไรบ้าง …”
    ตกลงเรื่องต่างๆ ที่อังกฤษบอกว่า “ทน” รัสเซียไม่ได้นี่ แปลง่ายๆว่า เพราะ “สั่ง” รัสเซียไม่ได้ และเป็นเรื่องที่พวกตะวันตกยัง แก้ลำรัสเซียไม่ได้ จึง”ทน” รัสเซียไม่ได้ใช่ไหม สำหรับผม หัวข้อทนไม่ได้ นี่น่าจะถือเป็นคำชมนะ น่าจะทำให้รัสเซียชอบใจ เหมือนได้ยินคำสารภาพ ของฝ่ายที่กำลังเสียแต้ม ฮา
    “ข้อเสนอแนะ ของถังขยะ :
    แม้ว่าพวกตะวันตกจะประเมินรัสเซียในบางเรื่องต่างกันบ้าง แต่ทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า รัสเซียไม่มีทางมาเป็นส่วนหนึ่งยุโรป ตามกฏเกณท์ กติกาที่ยุโรปใช้อยู่ ยกเว้นแต่ รัสเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศ ตั้งแต่พื้นฐาน และการเปลี่ยนแปลงต้องมาจากภายในรัสเซียเอง ดังนั้น พวกตะวันตกจะต้องร่วมมือกันคิดอย่างจริงจัง ถึงยุทธศาสตร์ที่จะใช้กับรัสเซีย ซึ่งจะต้องใช้มุมมองเดียวกันทั้งทรานสแอตแลนติกและยุโรป โดยเฉพาะ ต้องมองรัสเซียจากพฤติกรรมของรัส เซียเอง ไม่ใช่มองแบบง่ายๆ หรือจากการเล่ากันต่อๆมา policy must be based on the evidence of Russia’s behaviour, not on convenience or fashionable narratives…
    การร่วมมือของพวกตะวันตก อย่างเข้มงวดจริงจัง เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ผู้ที่จะเป็นตัวหลัก ในการทำงาน จะต้องมีแนวทางเดียวกัน และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด……”
    โอ้โห อันนี้ มันฟ้องตัวเองว่า ไม่มีเอกภาพเท่าไหร่ในพวกตะวันตก แถมแดกใครครับ ที่มองรัสเซียแบบง่าย สงสัยจะเป็นฝรั่งเศส ลุงโอลอง เพื่อนผมมังนะ เห็นแอบไปจี๋จ๋ากับคุณน้องปูตินบ่อยๆ
    เป้าหมายทางยุทธศาสตร์สำหรับตะวันตก ที่ถังขยะเสนอ :
    “1. ยับยั้งการรุกรานของรัสเซียกับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป แต่อย่าทำ โดยไม่มีทางออกเผื่อไว้ หากสถานการณ์เปลี่ยน เช่น ปูตินร่วงไป หรืออาจมีหัวหน้าคนใหม่ของรัสเซียที่อยากคบกับตะวันตกก็ได้ ถ้าเศรษฐกิจของรัสเซียไปไม่รอด และการคบกับจีนอาจมีต้นทุนสูงเกินไป ถ้าจีนโตขึ้นเรื่อยๆ รัสเซียอาจอยากกลับมาอยู่กับยุโรปอีกก็เป็นได้”
    …. แปลว่า มีแผนจะจัดการเอาคุณพี่ปูตินของผมเก็บลงกล่อง.. ขณะเดียวกันก็เสี้ยมเรื่องอาเฮียเสียหน่อย…..
    “2. ต้องเสริมสร้างเกียรติภูมิของยุโรป ด้านการรักษาความมั่นคงใหม่ โดยเฉพาะแต่ละประเทศต้องดูแลรักษาเขตแดนของตัวเองได้ และตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศตัวเองได้ ”
    ….. แปลว่า ยุโรปอ่อนระทวย ดูแลตัวเองไม่ได้ แหม ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯนี่เก่งนะ เรือดำน้ำรัสเซียโผล่ใกล้บ้านหลายที ทำอะไรเขาไม่ได้ เลยแต่ด่าคนอื่นแทน….
    “3. ต้องพยายามหาทางที่จะสื่อสารกับคนรัสเซียว่า ในระยะไกล การอยู่ร่วมกับยุโรปเป็นผลดีกับรัสเซียมากกว่า”
    …. มาแล้ว โรงงานฟอกย้อม….
    “4. หาทางที่จะหารือกับจีน และประเทศที่เป็นอดีตรัฐของรัสเซีย ให้พิจารณานโยบายของรัสเซีย ว่าจะเป็นปัญหาต่อไปอย่างไร บางประเทศมีปัญหาในการมองรัสเซียด้านเดียว”
    ….. อันนี้ เป็นรายการ เสี้ยม…..
    “5. ให้เตรียมพร้อม สำหรับความวุ่นวาย และโอกาสที่จะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนตัวผู้นำของรัสเซีย”
    …..ข้อนี้น่าสนใจมาก …. คิดจะทำอะไรหรือครับ ..
    “6. ต้องพยายามแย่งรัสเซีย และชาวรัสเซียมาจากปูติน สิ่งที่พวกตะวันตกกำลังทำอยู่โดยการไม่สนใจ ไม่ยุ่งกับรัสเซีย กลายเป็นการส่งเสริมให้รัสเซียตกอยู่ในมือปูตินหนักขึ้น”
    …..สร้างกระบวนการแย่งประชาชน แผนมาตรฐาน ใช้มันทุกที่….
    นโยบาย ที่ถังขยะเสนอว่า ต้องทำอย่างเฉพาะเจาะจง :
    “1. สร้างยูเครนให้เข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ ถ้าเอายูเครนไม่อยู่ ยุโรปตะวันออกเซหมด และเพิ่มความผยองให้กับรัสเซีย ทำให้โอกาสที่จะ “เปลี่ยน” รัสเซียริบหรี่ลงไปด้วย”
    “2. ประเทศที่เป็นอียูตะวันออก ต้องปรับปรุงให้เป็นเครื่องมือสำคัญของอียู และต้องพร้อมที่จะมีการปฏิรูปทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างจริงจัง”
    “3. การคว่ำบาตรรัสเซียจะมีผลต่อเมื่อคว่ำ “นาน “และ “แรง” การคว่ำบาตรจากกรณียูเครน ปลดให้ง่ายๆไม่ได้ และการจะยกเลิกการคว่ำบาตรโดยเอาไปโยงกับการทำ Minsk Accord เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าที่สุด”
    “4. พวกตะวันตก ต้องไม่กลับไปทำการค้ากับรัสเซียอย่างเดิม do business as usual จนกว่าเรื่องยูเครนจะจบ ด้วยการที่รัสเซียยอมทำตามภาระ ความรับผิดชอบ ตามกฏหมายสากล international legal obligations”
    “5. นโยบายด้านพลังงานของอียู ต้องมีเป้าหมายที่จะตัดอำนาจการต่อรองของรัสเซีย ออกไปจากตลาดพลังงาน ไม่ใช่แค่ตัดการส่งพลังงานให้ยุโรป ดังนั้นการยกเลิกโครงการ South Stream pipeline เป็นเรื่องต้องทำ และแผนการที่รัสเสียกำลังสร้าง “energy island” ในยุโรป ต้องไม่ให้สำเร็จ”
    …. มาแล้ว เรื่องกรีซ/ตุรกี…..
    “6. พวกตะวันตก ต้องลงทุนในการใช้สื่อเป็นยุทธศาสตร์ตอบโต้กับการอวดอ้างที่ผิดๆของเครมลิน ต้องทำทั้งระดับประเทศ ผ่านอียูและนาโต้ ร่วมมือกัน ต้องสร้างช่องทางที่จะเข้าถึงชาวรัสเซียทั่วไป โดยผ่านการศึกษา และสัมพันธ์ด้านบุคคลอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน”
    …..โรงงานฟอกย้อม เตรียมหาสีได้แล้ว……
    “7. นาโต้ ต้องสร้างผลงานว่า สามารถยับยั้งการรุกรานได้ โดยเฉพาะต้องแสดงให้เห็นว่า การจำกัดรุกราน ที่ยังคลุมเคลือ หรือมาหลายรูปแบบ เป็นเรื่องที่นาโต้จัดการได้อย่างไม่มีปัญหา”
    …….อายแทน นาโต้จัง อย่าด่าตรงนักซิพี่….
    “8. นาโต้ ต้องซ่อมชื่อเสียงที่เคยมีว่า สามารถยับยั้งการรุกราน ที่มาในรูปแบบธรรมดา ให้ได้อย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้รัสเซียฉวยโอกาส สร้าง และซ้อมเป้ามากขึ้น”
    ….. แสดงว่า นาโต้ ลุ้นไม่ขึ้นแล้ว….
    “9. แต่ละประเทศในอียู อียูเอง รวมทั้งกองกำลังเสริมจากภายนอก External Action Service จำเป็นที่จะต้องกลับมาวิเคราะห์ และทำความเข้าใจ กับความเป็นไปของรัสเซีย และประเทศเพื่อนบ้านเสียใหม่ ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยนำมาใช้เป็นข้อมูลให้การวางนโยบาย”
    ……นโยบาย 9 ข้อ นี่ ผมชอบจัง เหมือนคำสารภาพอีกแล้ว คุณพี่ปูติน อ่านแล้วก็คงหัวร่อในคอ นี่เจาะจงไปที่อียู โดยเฉพาะอียูตะวันออก กับนาโต้ ล้วนๆ ให้เห็นว่า “ถ้า” รบกัน อียูกับนาโต้ ไม่มีทางต้านรัสเซียอยู่หรอก การบ้านเพียบเลย จะทำทันไหมครับ…
    ” …การดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น จะทำให้พวกตะวันตก เตรียมตัวในการรับมือ กับสัมพันธภาพกับรัสเซีย ที่นับวันมีแต่จะเลวลง และใครที่คิดว่าคุยกับปูตินก็ยังดีกว่า เพราะผู้นำรัสเซียคนใหม่อาจแย่กว่า นั้น คิดแบบนั้น มีแต่จะนำแต่ความล้มเหลวมาให้ตัว ไม่ว่าผู้นำรัสเซียคนใหม่จะเป็นใคร ปูตินจะอยู่ต่อไปอีก หรือ “ไปก่อนเวลา” prematurely replaced มันก็สร้างความกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งนั้นแหละ
    18 เดือนที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นข้อสรุปว่า การมองรัสเซียในแง่ดี ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง…”
    จบได้แรงนะ น่าสงสัยว่า ไม่ใช่แค่ อียู นาโต้ ที่ต้องปรับปรุง ผู้รับตัวจริง ที่การวิเคราะห์นี้ ต้องการจะส่งไปถึง น่าจะเป็น พณฯใบตองแห้งของอเมริกา เสียมากกว่า ที่มีแนวคิดว่า รัสเซียอยู่ไกลบ้านอเมริกา เกิดอะไรขึ้นมา นาโต้และยุโรป รับไปก่อน แถม พณฯใบตองแห้ง ยังเปลี่ยนนโยบาย โยกกำลัง จากแอตแลนติก ไปเพิ่มให้ทางแปซิฟิกมากกว่า เพราะตอนนั้นเริ่มปอดแหกอาเฮีย และแม้อเมริกาจะใช้วิธีการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเต็มพิกัดแล้ว แต่ในสายตาของอังกฤษ การดำเนินการของอเมริกาต่อรัสเซีย โดยเฉพาะการประเมินปูตินเบาไปนั้น น่าจะไม่พอรับมือรัสเซีย ยังไม่ถึงใจอังกฤษ ที่มองเห็นและประทับตราให้รัสเซียเป็นศัตรูถาวร
    แล้วจริงๆ อเมริกามีแผนอะไรเตรียมไว้ให้รัสเซียอีกหรือไม่ หรือประเมินคุณพี่ปูตินของผมเบาเท่าปุยนุ่น
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 2 อังกฤษไม่มีวันทำใจได้ที่เห็นรัส เซียยังคงอยู่ได้ และยังอยู่ดี ทฤษฏีครูMac เกี่ยวกับ Eurasia มันยังหลอนอยู่ ผมไม่เล่าซ้ำแล้ว หาอ่านเอาแล้วกัน อยู่ในนิทานสาระพัดเรื่อง รายงานการวิเคราะห์ของ Chatham House เรื่อง Russia Challenge รัสเซียกำเริบ ที่เพิ่งออกมานี่ แทบจะเดาได้ว่า เขียนว่าอะไร มันเหมือนกับเขียนวิเคราะห์จิตใต้สำนึกของอังกฤษมากกว่าการเขียนวิเคราะห์รัสเซีย ถังขยะ Chatham House บรรยายสรุปว่า ” บทวิเคราะห์เรื่อง Russia Challenge นี้ ทำขึ้นจากการเฝ้ามองพฤติกรรมของรัสเซียตั้งแต่หลังสงครามเย็นจนถึงปี ค.ศ.2003 ซึ่งประเทศต่างๆคิดว่า รัสเซียใหม่อาจเข้ามาอยู่ในระบบของยุโรปได้ ในฐานะตัวเแสดงที่สร้างสรร และไม่เป็นอันตราย แต่หลังจากนั้น ความเห็นดังกล่าวค่อยๆเปลี่ยนไป และในที่สุดก็มีความเห็นพ้อง สรุปกันว่า จากพฤติกรรมต่างๆของรัสเซียเอง ทำให้เห็นว่า รัสเซียไม่เหมาะที่จะเป็นหุ้นส่วนและมิตรด้วยเลย partner and ally ความแตกต่างของรัสเซียมีมากเกินกว่าที่จะสามารถมีผลประโยชน์ร่วมกัน… ” เขียนแบบนี้ แถวบ้านผมเขาแปลสั้นๆ ว่า “กูไม่คบมึง กูไม่ชอบมึง” “ความแตกต่างที่พวกตะวันตก “ทน” รัสเซียไม่ได้ที่สำคัญ คือ : 1. นโยบาย ” new model Russia” ของปูติน เป็นนโยบายที่ตั้งใจเป็นอิสระ ที่จะไม่เข้ากับใคร และไม่ขึ้นกับใคร 2. ปูตินไม่เปิดทางเลือกให้กับผู้อื่น หรือเปิดอย่างแคบมาก 3. ปูติน ใช้พรรคพวกในการควบคุม ทั้งด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง ทำให้ใครแทรกยาก 4. รัสเซีย ยากจน และเศรษฐกิจกำลังถดถอย แต่ยังดันเพิ่มงบประมาณด้านกำลังอาวุธ 5. การคว่ำบาตรรัสเซีย จากเรื่องยูเครน ไม่เพียงพอให้รัสเซียถอยจากยูเครน ตรงกันข้าม กลับเป็นทางออกให้รัสเซียนำมาอ้างว่า เรื่องคว่ำบาตร เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่เรื่องคว่ำบาตรก็ยังเลิกไม่ได้ และการเผชิญหน้าก็ยังมีอยู่ต่อไป 6. เทคนิคที่รัสเซียใช้คือ สร้างความไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน การขู่ว่าจะตัดการส่งพลังงาน การทำสงครามไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ และที่รัสเซียใช้บ่อยที่สุดคือ ทำให้ข้อขัดแย้งยืดเยื้อ เป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลา หรือแช่แข็งไว้ เพื่อหวังผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 7. รัสเซียพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะสร้างให้ตัวเอง “เท่าเทียม” กับอเมริกา และทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยไม่คำนึงว่า จะสร้างผลกระทบกับใคร อย่างไรบ้าง …” ตกลงเรื่องต่างๆ ที่อังกฤษบอกว่า “ทน” รัสเซียไม่ได้นี่ แปลง่ายๆว่า เพราะ “สั่ง” รัสเซียไม่ได้ และเป็นเรื่องที่พวกตะวันตกยัง แก้ลำรัสเซียไม่ได้ จึง”ทน” รัสเซียไม่ได้ใช่ไหม สำหรับผม หัวข้อทนไม่ได้ นี่น่าจะถือเป็นคำชมนะ น่าจะทำให้รัสเซียชอบใจ เหมือนได้ยินคำสารภาพ ของฝ่ายที่กำลังเสียแต้ม ฮา “ข้อเสนอแนะ ของถังขยะ : แม้ว่าพวกตะวันตกจะประเมินรัสเซียในบางเรื่องต่างกันบ้าง แต่ทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า รัสเซียไม่มีทางมาเป็นส่วนหนึ่งยุโรป ตามกฏเกณท์ กติกาที่ยุโรปใช้อยู่ ยกเว้นแต่ รัสเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศ ตั้งแต่พื้นฐาน และการเปลี่ยนแปลงต้องมาจากภายในรัสเซียเอง ดังนั้น พวกตะวันตกจะต้องร่วมมือกันคิดอย่างจริงจัง ถึงยุทธศาสตร์ที่จะใช้กับรัสเซีย ซึ่งจะต้องใช้มุมมองเดียวกันทั้งทรานสแอตแลนติกและยุโรป โดยเฉพาะ ต้องมองรัสเซียจากพฤติกรรมของรัส เซียเอง ไม่ใช่มองแบบง่ายๆ หรือจากการเล่ากันต่อๆมา policy must be based on the evidence of Russia’s behaviour, not on convenience or fashionable narratives… การร่วมมือของพวกตะวันตก อย่างเข้มงวดจริงจัง เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ผู้ที่จะเป็นตัวหลัก ในการทำงาน จะต้องมีแนวทางเดียวกัน และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด……” โอ้โห อันนี้ มันฟ้องตัวเองว่า ไม่มีเอกภาพเท่าไหร่ในพวกตะวันตก แถมแดกใครครับ ที่มองรัสเซียแบบง่าย สงสัยจะเป็นฝรั่งเศส ลุงโอลอง เพื่อนผมมังนะ เห็นแอบไปจี๋จ๋ากับคุณน้องปูตินบ่อยๆ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์สำหรับตะวันตก ที่ถังขยะเสนอ : “1. ยับยั้งการรุกรานของรัสเซียกับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป แต่อย่าทำ โดยไม่มีทางออกเผื่อไว้ หากสถานการณ์เปลี่ยน เช่น ปูตินร่วงไป หรืออาจมีหัวหน้าคนใหม่ของรัสเซียที่อยากคบกับตะวันตกก็ได้ ถ้าเศรษฐกิจของรัสเซียไปไม่รอด และการคบกับจีนอาจมีต้นทุนสูงเกินไป ถ้าจีนโตขึ้นเรื่อยๆ รัสเซียอาจอยากกลับมาอยู่กับยุโรปอีกก็เป็นได้” …. แปลว่า มีแผนจะจัดการเอาคุณพี่ปูตินของผมเก็บลงกล่อง.. ขณะเดียวกันก็เสี้ยมเรื่องอาเฮียเสียหน่อย….. “2. ต้องเสริมสร้างเกียรติภูมิของยุโรป ด้านการรักษาความมั่นคงใหม่ โดยเฉพาะแต่ละประเทศต้องดูแลรักษาเขตแดนของตัวเองได้ และตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศตัวเองได้ ” ….. แปลว่า ยุโรปอ่อนระทวย ดูแลตัวเองไม่ได้ แหม ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯนี่เก่งนะ เรือดำน้ำรัสเซียโผล่ใกล้บ้านหลายที ทำอะไรเขาไม่ได้ เลยแต่ด่าคนอื่นแทน…. “3. ต้องพยายามหาทางที่จะสื่อสารกับคนรัสเซียว่า ในระยะไกล การอยู่ร่วมกับยุโรปเป็นผลดีกับรัสเซียมากกว่า” …. มาแล้ว โรงงานฟอกย้อม…. “4. หาทางที่จะหารือกับจีน และประเทศที่เป็นอดีตรัฐของรัสเซีย ให้พิจารณานโยบายของรัสเซีย ว่าจะเป็นปัญหาต่อไปอย่างไร บางประเทศมีปัญหาในการมองรัสเซียด้านเดียว” ….. อันนี้ เป็นรายการ เสี้ยม….. “5. ให้เตรียมพร้อม สำหรับความวุ่นวาย และโอกาสที่จะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนตัวผู้นำของรัสเซีย” …..ข้อนี้น่าสนใจมาก …. คิดจะทำอะไรหรือครับ .. “6. ต้องพยายามแย่งรัสเซีย และชาวรัสเซียมาจากปูติน สิ่งที่พวกตะวันตกกำลังทำอยู่โดยการไม่สนใจ ไม่ยุ่งกับรัสเซีย กลายเป็นการส่งเสริมให้รัสเซียตกอยู่ในมือปูตินหนักขึ้น” …..สร้างกระบวนการแย่งประชาชน แผนมาตรฐาน ใช้มันทุกที่…. นโยบาย ที่ถังขยะเสนอว่า ต้องทำอย่างเฉพาะเจาะจง : “1. สร้างยูเครนให้เข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ ถ้าเอายูเครนไม่อยู่ ยุโรปตะวันออกเซหมด และเพิ่มความผยองให้กับรัสเซีย ทำให้โอกาสที่จะ “เปลี่ยน” รัสเซียริบหรี่ลงไปด้วย” “2. ประเทศที่เป็นอียูตะวันออก ต้องปรับปรุงให้เป็นเครื่องมือสำคัญของอียู และต้องพร้อมที่จะมีการปฏิรูปทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างจริงจัง” “3. การคว่ำบาตรรัสเซียจะมีผลต่อเมื่อคว่ำ “นาน “และ “แรง” การคว่ำบาตรจากกรณียูเครน ปลดให้ง่ายๆไม่ได้ และการจะยกเลิกการคว่ำบาตรโดยเอาไปโยงกับการทำ Minsk Accord เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าที่สุด” “4. พวกตะวันตก ต้องไม่กลับไปทำการค้ากับรัสเซียอย่างเดิม do business as usual จนกว่าเรื่องยูเครนจะจบ ด้วยการที่รัสเซียยอมทำตามภาระ ความรับผิดชอบ ตามกฏหมายสากล international legal obligations” “5. นโยบายด้านพลังงานของอียู ต้องมีเป้าหมายที่จะตัดอำนาจการต่อรองของรัสเซีย ออกไปจากตลาดพลังงาน ไม่ใช่แค่ตัดการส่งพลังงานให้ยุโรป ดังนั้นการยกเลิกโครงการ South Stream pipeline เป็นเรื่องต้องทำ และแผนการที่รัสเสียกำลังสร้าง “energy island” ในยุโรป ต้องไม่ให้สำเร็จ” …. มาแล้ว เรื่องกรีซ/ตุรกี….. “6. พวกตะวันตก ต้องลงทุนในการใช้สื่อเป็นยุทธศาสตร์ตอบโต้กับการอวดอ้างที่ผิดๆของเครมลิน ต้องทำทั้งระดับประเทศ ผ่านอียูและนาโต้ ร่วมมือกัน ต้องสร้างช่องทางที่จะเข้าถึงชาวรัสเซียทั่วไป โดยผ่านการศึกษา และสัมพันธ์ด้านบุคคลอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน” …..โรงงานฟอกย้อม เตรียมหาสีได้แล้ว…… “7. นาโต้ ต้องสร้างผลงานว่า สามารถยับยั้งการรุกรานได้ โดยเฉพาะต้องแสดงให้เห็นว่า การจำกัดรุกราน ที่ยังคลุมเคลือ หรือมาหลายรูปแบบ เป็นเรื่องที่นาโต้จัดการได้อย่างไม่มีปัญหา” …….อายแทน นาโต้จัง อย่าด่าตรงนักซิพี่…. “8. นาโต้ ต้องซ่อมชื่อเสียงที่เคยมีว่า สามารถยับยั้งการรุกราน ที่มาในรูปแบบธรรมดา ให้ได้อย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้รัสเซียฉวยโอกาส สร้าง และซ้อมเป้ามากขึ้น” ….. แสดงว่า นาโต้ ลุ้นไม่ขึ้นแล้ว…. “9. แต่ละประเทศในอียู อียูเอง รวมทั้งกองกำลังเสริมจากภายนอก External Action Service จำเป็นที่จะต้องกลับมาวิเคราะห์ และทำความเข้าใจ กับความเป็นไปของรัสเซีย และประเทศเพื่อนบ้านเสียใหม่ ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยนำมาใช้เป็นข้อมูลให้การวางนโยบาย” ……นโยบาย 9 ข้อ นี่ ผมชอบจัง เหมือนคำสารภาพอีกแล้ว คุณพี่ปูติน อ่านแล้วก็คงหัวร่อในคอ นี่เจาะจงไปที่อียู โดยเฉพาะอียูตะวันออก กับนาโต้ ล้วนๆ ให้เห็นว่า “ถ้า” รบกัน อียูกับนาโต้ ไม่มีทางต้านรัสเซียอยู่หรอก การบ้านเพียบเลย จะทำทันไหมครับ… ” …การดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น จะทำให้พวกตะวันตก เตรียมตัวในการรับมือ กับสัมพันธภาพกับรัสเซีย ที่นับวันมีแต่จะเลวลง และใครที่คิดว่าคุยกับปูตินก็ยังดีกว่า เพราะผู้นำรัสเซียคนใหม่อาจแย่กว่า นั้น คิดแบบนั้น มีแต่จะนำแต่ความล้มเหลวมาให้ตัว ไม่ว่าผู้นำรัสเซียคนใหม่จะเป็นใคร ปูตินจะอยู่ต่อไปอีก หรือ “ไปก่อนเวลา” prematurely replaced มันก็สร้างความกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งนั้นแหละ 18 เดือนที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นข้อสรุปว่า การมองรัสเซียในแง่ดี ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง…” จบได้แรงนะ น่าสงสัยว่า ไม่ใช่แค่ อียู นาโต้ ที่ต้องปรับปรุง ผู้รับตัวจริง ที่การวิเคราะห์นี้ ต้องการจะส่งไปถึง น่าจะเป็น พณฯใบตองแห้งของอเมริกา เสียมากกว่า ที่มีแนวคิดว่า รัสเซียอยู่ไกลบ้านอเมริกา เกิดอะไรขึ้นมา นาโต้และยุโรป รับไปก่อน แถม พณฯใบตองแห้ง ยังเปลี่ยนนโยบาย โยกกำลัง จากแอตแลนติก ไปเพิ่มให้ทางแปซิฟิกมากกว่า เพราะตอนนั้นเริ่มปอดแหกอาเฮีย และแม้อเมริกาจะใช้วิธีการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเต็มพิกัดแล้ว แต่ในสายตาของอังกฤษ การดำเนินการของอเมริกาต่อรัสเซีย โดยเฉพาะการประเมินปูตินเบาไปนั้น น่าจะไม่พอรับมือรัสเซีย ยังไม่ถึงใจอังกฤษ ที่มองเห็นและประทับตราให้รัสเซียเป็นศัตรูถาวร แล้วจริงๆ อเมริกามีแผนอะไรเตรียมไว้ให้รัสเซียอีกหรือไม่ หรือประเมินคุณพี่ปูตินของผมเบาเท่าปุยนุ่น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยับหมาก ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 1
    เดือนกรกฏา ผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เหตุการณ์ต่างๆทยอยกันมาเหมือน น้ำหลาก ทั้งๆที่ฝนแล้ง ผมตามอ่าน ตามขุด จนมึนหัวไปหมดยังไม่ทันการ เหตุการณ์พลิกผันสาระพัด แถมมีทั้งแผนล่อแผนลวง ข้อมูลบางแหล่งที่เคยเชื่อได้ ก็ชักจะต้องชั่งหลายหนว่าให้น้ำ หนักเก๊หรือเปล่า ผมไม่ได้รู้ไปหมด มีผิดพลาดได้ ผิดก็ขออภัย ท้วงมาแล้วกันครับ แล้วก็ช่วยกันหาที่ถูก เอามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือถ้า ผมเจอข้อมูลใหม่ ที่ทันสมัย หักล้าง น่าเชื่อถือ หรือลึกกว่าที่เคยขุดได้มา ผมก็จะมาขยายต่อ การศึกษา ค้นหา เรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด
    ดูซิ อย่างเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 มิย เพิ่งออกข่าวว่า ตกลงเขายังไม่ตกลงกัน ยืดแล้วยืดอีก เหมือนหนังสติ๊กหมดอายุ จนนักข่าวที่ไปนั่งรอทำข่าว หน้าเหี่ยวเหงื่อตกกันหมด เขาบอกว่ายุโรปปีนี้ร้อนอร่อย เบียร์ยังอุ่นเลย นั่งรอการแถลงข่าวมาตั้งกะหัวค่ำ เปรี้ยวปากกันเป็นแถว พอตกดึก 2 ยามกว่าบ้านเรา CNN ก็ออกข่าว โดยโฆษกรูปหล่อประจำทำเนียบขาว ออกมาแถลงข่าวว่า ยัง…ยังไม่มีข้อตกลง นักข่าวถามว่า แล้วจะมีเมื่อไหร่ 1 วัน 2 วัน 2 อาทิตย์ รูปหล่อบอก เราไม่ได้เน้นเรื่องกำหนดเวลา เราต้องการให้ เป็นการตกลงที่ไม่มีปัญหา ไม่สร้างปัญหามากกว่า นักข่าวถามอีกว่า แล้วมีปัญหาอะไร ปัญหามาจากฝ่ายไหน …. ถามมากจัง ใครจะไปตอบได้ รูปหล่อชักเลิกลั่ก ….. ว่าแล้ว CNN ก็ตัดข่าวไปเรื่องสำคัญกว่า เกี่ยวกับเรื่องไอ้พวกค้ายา 46 คนแทน โอ้ย… ฮาจริง
    แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คือวันอังคารที่ 14 มิย ผมเปิดทีวี ตอนบ่ายแก่ๆ เย็นอ่อนๆ ประมาณ 4โมงเย็น ก็เห็น CNN ขึ้นหัวข่าวไว้แล้วว่า อิหร่านตกลงได้แล้ว อ้าว เมื่อคืนยังบอกไม่รู้เลยไอ้เบื้อก ผู้ประกาศทำเสียงตื่นเต้น จนผมไม่กล้านอนดูอย่างเคย หลังจากนั้น ก็มีการไปสัมภาษณ์ผู้ชำนาญการต่างๆ ซึ่งสรุปว่า ตกลงกันได้เสียที เสียเวลารอมานาน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเท่าไหร่ว่า เป็นข้อตกลงที่ดี และไม่มีใครเชื่อขี้หน้าอิหร่านว่าจะทำตามที่ตกลงได้ สัมภาษณ์วน พูดซ้ำ จนค่ำ พณฯ ใบตองแห้ง ถึงได้ออกมาทำหน้าเครียดตาแข็ง แถลงเอง
    “….เราตกลงกับอิหร่านแล้ว ใครว่าไม่สมควร เราว่าสมควร เราต้องแสดงให้เห็นว่า เรา ที่เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจที่สุด ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาด้วยการใช้กำลังเสมอไป เราใช้วิธีทางการทูตได้ … การที่เราทำเช่นนี้ ทำให้อิหร่านหมดทางที่จะผลิตนิวเคลียร์ไป 15 ปี อิหร่านเป็นประเทศที่ความสำคัญที่สุด ต่อผลประโยชน์ของอเมริกา……”
    หลังจากนั้น ผมก็ต้องขออนุญาตพณฯท่าน ปิดเสียง ขืนฟังต่อ เปลืองยาแย่ ฝ่ายอิหร่าน ก็มีการแถลงข่าวที่กรุงเตหะรานว่า ข้อตกลงบรรลุถึงวัตถุประสงค์ reached all objectives ส่วนอิสราเอล ออกมาบอกว่า เป็นการตกลงที่เลวร้ายที่สุดในโลก
    อืม… ปาหี่นี้ เขาเล่นกันได้น่าตื่นเต้น...สมจริงกันดี คงเข้าใจนะครับว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร ก็แค่ไม่มีใครอยากออกมาโดนประทับหน้า ว่าเป็นคนทำให้งานล่ม
    เอาเป็นว่า เขาว่า เขาตกลงกันได้แล้ว แต่มีขั้นตอนการทำงานอีกมากมายที่ต้องไปทำต่อจะทำได้แค่ไหน อย่างไร นานเท่าไหน ก็ดูกันต่อไป อย่างน้อยรัฐสภาอเมริกัน ก็มีเวลาประมาญ 60 วัน ในการตรวจสอบข้อตกลง ก่อนที่จะไปลงความเห็นในรัฐสภา ระหว่างนี้ จะเติมสี ตีไข่ยังก็ได้ ต้ัง 60 วัน
    เรามาดูภาพใหญ่ ทำความเข้าใจภาพรวมให้มากที่สุดกันดีกว่า ขืนตามข่าวทุกวันที่เขาเอามาเล่นหลอกเรา มึนหัวตายทั้งคนเขียนคนอ่าน ก่อนจะเดินหน้าเล่าเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ขอถอยหลังทบทวนของเก่ากันหน่อย
    คงจำกันได้ เมื่อเดือนมีนาคม ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของบ้านไอ้นักล่าใบตองแห้ง Council on Foreign Relations หรือ CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน ได้ออกแผนสอยมังกร Grand Strategy สำหรับสยบจีน ที่แสดงถึงความกร่าง ดูถูก ปรามาส และประมาทใส่จีน มาให้เราฮือฮาไปแล้ว แต่ไอ้นักล่าใบตองแห้งคงจะเห็นว่า ชาวโลกคงตกใจไม่พอ หรือยังไม่แน่ใจกับความยิ่งใหญ่ อย่างชนิดไม่มีผู้ใด บังอาจจะกล้าทาบรัศมีของอเมริกา มันเป็นความต้ังใจของอเมริกา ที่จะใหญ่อย่างนี้แต่ผู้เดียวตลอดกาลนาน อย่างที่อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เคยคิดมาเป็นศตวรรษ แต่บัดนี้ ความคิดนั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ชาวเกาะใหญ่ทำได้เพียงแค่ “นึกถึง” ความคิดนั้น อย่างขมขื่นอยู่ในอกฟีบและซีด แหม แดกซะยาวเลยนะลุง กว่าจะเลี้ยวกลับไปเข้าเรื่อง
    อเมริกาด่าจีนแค่นั้น เกรงจะไม่พอให้โลกตื่นเต้น อเมริกาเพิ่มแรงอัด เอาญี่ปุ่น มาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมที่จะไปแบกถาดรับใช้อเมริกา ถึงขนาดเตรียมการที่จะแก้การตีความกฏหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นมีกองกำลัง เพียงเพื่อดูแลป้องกันตัวเองเท่า นั้น Self Defence Force (SDF) มาถึงวันนี้ แม้การขอให้สภาอนุมัติ ยอมให้ตีความใหม่ ให้กองกำลังญี่ปุ่น SDF แบกถาดไปได้ทั่วโลก ยังไม่สำเร็จ แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าไปไกล โดยไม่รอสภา ก็นายท่านสั่งมา…
    SDF ของญี่ปุ่น เพิ่งไปทำการฝึกร่วมที่แดนจิ้งโจ้กับพวกจิงโจ้ และลูกพี่ใหญ่จากค่ายใบตองแห้ง แต่ฝึกเสร็จแล้วดูเหมือน จะแบกถาดหายวับไปกับตา ไม่รู้ไปซ่อนอยู่ตามเกาะไหนในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพหายตัว แต่ตัวนายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานรักของอดีตหัวหน้าใหญ่ยากูซ่า ก็ออกมาประกาศอย่างเข้มแข็งว่า ญี่ปุ่นพร้อมรบจีน นับว่าฝึกแบกถาดได้รวดเร็ว มีอนาคต แต่อนาคตไปทางไหน ก็อดใจรอดูกันหน่อย ส่วนนายกจิ้งโจ้ก็ออกมาบอกว่า กำลังรักกันจังกับคนแบกถาด และว่ามีเพื่อนซี้แถบเอเซียแยะ ไล่ชื่อให้นักข่าวฟัง โปรดจำกันไว้ด้วยว่า ไม่มีชื่อแดนสยามของสมันน้อย ว่าเป็นเพื่อน แต่มีชื่อเวียตนาม จำไว้นะ จำไว้ให้ดี
    อ้าว แล้วนี่จะปล่อยให้อเมริกา ทำตัวเป็นฝรั่งออกแขก เต้นอยู่หน้าโรงลิเกเจ้าเดียวได้ยังไง ว่าแล้วคู่หู หรือลูกพี่ ก็ต้องรีบแต่งตัว มาโชว์ลีลาด้วย กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง
    Chatham House หรือชื่อเต็มว่า The Royal Institute of International Affairs ถังขยะความคิด ฝาแฝดผู้พี่ ของ CFR ก็เพิ่งออกรายงานล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งชื่อรายงานได้สยองไม่แพ้แฝด น้อง “The Russian Challenge” รัสเซียกำเริบ (แปลภาษาลุงนิทาน) เรียกว่าแฝดแต่ละฝา ต่างออกมาประกบ คู่รัก กันคนละราย รายการแบ่งข้าง ศึกชิงแชมป์คราวนี้ คงมันยกร่อง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โปรดหลบไปห่างๆ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 1 เดือนกรกฏา ผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เหตุการณ์ต่างๆทยอยกันมาเหมือน น้ำหลาก ทั้งๆที่ฝนแล้ง ผมตามอ่าน ตามขุด จนมึนหัวไปหมดยังไม่ทันการ เหตุการณ์พลิกผันสาระพัด แถมมีทั้งแผนล่อแผนลวง ข้อมูลบางแหล่งที่เคยเชื่อได้ ก็ชักจะต้องชั่งหลายหนว่าให้น้ำ หนักเก๊หรือเปล่า ผมไม่ได้รู้ไปหมด มีผิดพลาดได้ ผิดก็ขออภัย ท้วงมาแล้วกันครับ แล้วก็ช่วยกันหาที่ถูก เอามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือถ้า ผมเจอข้อมูลใหม่ ที่ทันสมัย หักล้าง น่าเชื่อถือ หรือลึกกว่าที่เคยขุดได้มา ผมก็จะมาขยายต่อ การศึกษา ค้นหา เรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด ดูซิ อย่างเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 มิย เพิ่งออกข่าวว่า ตกลงเขายังไม่ตกลงกัน ยืดแล้วยืดอีก เหมือนหนังสติ๊กหมดอายุ จนนักข่าวที่ไปนั่งรอทำข่าว หน้าเหี่ยวเหงื่อตกกันหมด เขาบอกว่ายุโรปปีนี้ร้อนอร่อย เบียร์ยังอุ่นเลย นั่งรอการแถลงข่าวมาตั้งกะหัวค่ำ เปรี้ยวปากกันเป็นแถว พอตกดึก 2 ยามกว่าบ้านเรา CNN ก็ออกข่าว โดยโฆษกรูปหล่อประจำทำเนียบขาว ออกมาแถลงข่าวว่า ยัง…ยังไม่มีข้อตกลง นักข่าวถามว่า แล้วจะมีเมื่อไหร่ 1 วัน 2 วัน 2 อาทิตย์ รูปหล่อบอก เราไม่ได้เน้นเรื่องกำหนดเวลา เราต้องการให้ เป็นการตกลงที่ไม่มีปัญหา ไม่สร้างปัญหามากกว่า นักข่าวถามอีกว่า แล้วมีปัญหาอะไร ปัญหามาจากฝ่ายไหน …. ถามมากจัง ใครจะไปตอบได้ รูปหล่อชักเลิกลั่ก ….. ว่าแล้ว CNN ก็ตัดข่าวไปเรื่องสำคัญกว่า เกี่ยวกับเรื่องไอ้พวกค้ายา 46 คนแทน โอ้ย… ฮาจริง แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คือวันอังคารที่ 14 มิย ผมเปิดทีวี ตอนบ่ายแก่ๆ เย็นอ่อนๆ ประมาณ 4โมงเย็น ก็เห็น CNN ขึ้นหัวข่าวไว้แล้วว่า อิหร่านตกลงได้แล้ว อ้าว เมื่อคืนยังบอกไม่รู้เลยไอ้เบื้อก ผู้ประกาศทำเสียงตื่นเต้น จนผมไม่กล้านอนดูอย่างเคย หลังจากนั้น ก็มีการไปสัมภาษณ์ผู้ชำนาญการต่างๆ ซึ่งสรุปว่า ตกลงกันได้เสียที เสียเวลารอมานาน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเท่าไหร่ว่า เป็นข้อตกลงที่ดี และไม่มีใครเชื่อขี้หน้าอิหร่านว่าจะทำตามที่ตกลงได้ สัมภาษณ์วน พูดซ้ำ จนค่ำ พณฯ ใบตองแห้ง ถึงได้ออกมาทำหน้าเครียดตาแข็ง แถลงเอง “….เราตกลงกับอิหร่านแล้ว ใครว่าไม่สมควร เราว่าสมควร เราต้องแสดงให้เห็นว่า เรา ที่เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจที่สุด ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาด้วยการใช้กำลังเสมอไป เราใช้วิธีทางการทูตได้ … การที่เราทำเช่นนี้ ทำให้อิหร่านหมดทางที่จะผลิตนิวเคลียร์ไป 15 ปี อิหร่านเป็นประเทศที่ความสำคัญที่สุด ต่อผลประโยชน์ของอเมริกา……” หลังจากนั้น ผมก็ต้องขออนุญาตพณฯท่าน ปิดเสียง ขืนฟังต่อ เปลืองยาแย่ ฝ่ายอิหร่าน ก็มีการแถลงข่าวที่กรุงเตหะรานว่า ข้อตกลงบรรลุถึงวัตถุประสงค์ reached all objectives ส่วนอิสราเอล ออกมาบอกว่า เป็นการตกลงที่เลวร้ายที่สุดในโลก อืม… ปาหี่นี้ เขาเล่นกันได้น่าตื่นเต้น...สมจริงกันดี คงเข้าใจนะครับว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร ก็แค่ไม่มีใครอยากออกมาโดนประทับหน้า ว่าเป็นคนทำให้งานล่ม เอาเป็นว่า เขาว่า เขาตกลงกันได้แล้ว แต่มีขั้นตอนการทำงานอีกมากมายที่ต้องไปทำต่อจะทำได้แค่ไหน อย่างไร นานเท่าไหน ก็ดูกันต่อไป อย่างน้อยรัฐสภาอเมริกัน ก็มีเวลาประมาญ 60 วัน ในการตรวจสอบข้อตกลง ก่อนที่จะไปลงความเห็นในรัฐสภา ระหว่างนี้ จะเติมสี ตีไข่ยังก็ได้ ต้ัง 60 วัน เรามาดูภาพใหญ่ ทำความเข้าใจภาพรวมให้มากที่สุดกันดีกว่า ขืนตามข่าวทุกวันที่เขาเอามาเล่นหลอกเรา มึนหัวตายทั้งคนเขียนคนอ่าน ก่อนจะเดินหน้าเล่าเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ขอถอยหลังทบทวนของเก่ากันหน่อย คงจำกันได้ เมื่อเดือนมีนาคม ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของบ้านไอ้นักล่าใบตองแห้ง Council on Foreign Relations หรือ CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน ได้ออกแผนสอยมังกร Grand Strategy สำหรับสยบจีน ที่แสดงถึงความกร่าง ดูถูก ปรามาส และประมาทใส่จีน มาให้เราฮือฮาไปแล้ว แต่ไอ้นักล่าใบตองแห้งคงจะเห็นว่า ชาวโลกคงตกใจไม่พอ หรือยังไม่แน่ใจกับความยิ่งใหญ่ อย่างชนิดไม่มีผู้ใด บังอาจจะกล้าทาบรัศมีของอเมริกา มันเป็นความต้ังใจของอเมริกา ที่จะใหญ่อย่างนี้แต่ผู้เดียวตลอดกาลนาน อย่างที่อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เคยคิดมาเป็นศตวรรษ แต่บัดนี้ ความคิดนั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ชาวเกาะใหญ่ทำได้เพียงแค่ “นึกถึง” ความคิดนั้น อย่างขมขื่นอยู่ในอกฟีบและซีด แหม แดกซะยาวเลยนะลุง กว่าจะเลี้ยวกลับไปเข้าเรื่อง อเมริกาด่าจีนแค่นั้น เกรงจะไม่พอให้โลกตื่นเต้น อเมริกาเพิ่มแรงอัด เอาญี่ปุ่น มาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมที่จะไปแบกถาดรับใช้อเมริกา ถึงขนาดเตรียมการที่จะแก้การตีความกฏหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นมีกองกำลัง เพียงเพื่อดูแลป้องกันตัวเองเท่า นั้น Self Defence Force (SDF) มาถึงวันนี้ แม้การขอให้สภาอนุมัติ ยอมให้ตีความใหม่ ให้กองกำลังญี่ปุ่น SDF แบกถาดไปได้ทั่วโลก ยังไม่สำเร็จ แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าไปไกล โดยไม่รอสภา ก็นายท่านสั่งมา… SDF ของญี่ปุ่น เพิ่งไปทำการฝึกร่วมที่แดนจิ้งโจ้กับพวกจิงโจ้ และลูกพี่ใหญ่จากค่ายใบตองแห้ง แต่ฝึกเสร็จแล้วดูเหมือน จะแบกถาดหายวับไปกับตา ไม่รู้ไปซ่อนอยู่ตามเกาะไหนในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพหายตัว แต่ตัวนายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานรักของอดีตหัวหน้าใหญ่ยากูซ่า ก็ออกมาประกาศอย่างเข้มแข็งว่า ญี่ปุ่นพร้อมรบจีน นับว่าฝึกแบกถาดได้รวดเร็ว มีอนาคต แต่อนาคตไปทางไหน ก็อดใจรอดูกันหน่อย ส่วนนายกจิ้งโจ้ก็ออกมาบอกว่า กำลังรักกันจังกับคนแบกถาด และว่ามีเพื่อนซี้แถบเอเซียแยะ ไล่ชื่อให้นักข่าวฟัง โปรดจำกันไว้ด้วยว่า ไม่มีชื่อแดนสยามของสมันน้อย ว่าเป็นเพื่อน แต่มีชื่อเวียตนาม จำไว้นะ จำไว้ให้ดี อ้าว แล้วนี่จะปล่อยให้อเมริกา ทำตัวเป็นฝรั่งออกแขก เต้นอยู่หน้าโรงลิเกเจ้าเดียวได้ยังไง ว่าแล้วคู่หู หรือลูกพี่ ก็ต้องรีบแต่งตัว มาโชว์ลีลาด้วย กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง Chatham House หรือชื่อเต็มว่า The Royal Institute of International Affairs ถังขยะความคิด ฝาแฝดผู้พี่ ของ CFR ก็เพิ่งออกรายงานล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งชื่อรายงานได้สยองไม่แพ้แฝด น้อง “The Russian Challenge” รัสเซียกำเริบ (แปลภาษาลุงนิทาน) เรียกว่าแฝดแต่ละฝา ต่างออกมาประกบ คู่รัก กันคนละราย รายการแบ่งข้าง ศึกชิงแชมป์คราวนี้ คงมันยกร่อง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โปรดหลบไปห่างๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts