• “เลิกหลบการเมืองในที่ทำงาน — เพราะการไม่เล่นเกม อาจทำให้คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”

    บทความจาก Terrible Software ได้เปิดประเด็นที่หลายคนในสายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีมักหลีกเลี่ยง: “การเมืองในองค์กร” ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเรื่องสกปรก ไร้สาระ และไม่เกี่ยวกับงานจริง แต่ผู้เขียนกลับเสนอว่า การเมืองไม่ใช่ปัญหา — การเมืองที่แย่ต่างหากที่เป็นปัญหา และการแสร้งทำเป็นว่าไม่มีการเมืองในองค์กร คือการเปิดทางให้คนที่เข้าใจเกมนี้ได้เปรียบโดยไม่ต้องแข่งขันกับคุณเลย

    การเมืองในที่ทำงานไม่ใช่แค่การชิงดีชิงเด่น แต่คือการเข้าใจว่าใครมีอิทธิพล ใครตัดสินใจ และใครควรได้รับข้อมูลที่คุณมี เพื่อให้ไอเดียดี ๆ ไม่ถูกกลบไปโดยเสียงของคนที่ “พูดเก่งแต่คิดไม่ลึก” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า หลายครั้งที่โปรเจกต์ดี ๆ ถูกยกเลิก หรือเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมถูกเลือกใช้ ไม่ใช่เพราะคนตัดสินใจโง่ แต่เพราะคนที่มีข้อมูลจริง “ไม่อยู่ในห้องนั้น” เพราะเขา “ไม่เล่นการเมือง”

    การเมืองที่ดีคือการสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้มัน เช่น การคุยกับทีมอื่นเพื่อเข้าใจปัญหา หรือการนำเสนอไอเดียในภาษาที่ผู้บริหารเข้าใจ ไม่ใช่แค่พูดเรื่องเทคนิคอย่างเดียว การเมืองที่ดีคือการจัดการ stakeholder อย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่การแทงข้างหลัง

    บทความยังชี้ว่า คนที่เก่งด้านเทคนิคแต่ไม่ยอมเรียนรู้การเมืองในองค์กร มักจะรู้สึกว่าบริษัทตัดสินใจผิดบ่อย ๆ แต่ไม่เคยพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้นเลย

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    การเมืองในองค์กรคือการจัดการความสัมพันธ์ อิทธิพล และการสื่อสารเพื่อให้ไอเดียถูกนำไปใช้
    การหลีกเลี่ยงการเมืองไม่ทำให้มันหายไป แต่ทำให้คุณไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
    ตัวอย่างของการเมืองที่ดี ได้แก่ stakeholder management, alignment, และ organizational awareness
    การสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้ เช่น การคุยกับทีมอื่นล่วงหน้า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
    การเข้าใจแรงจูงใจของผู้บริหาร เช่น การเน้นผลลัพธ์มากกว่าความสวยงามของโค้ด ช่วยให้ไอเดียถูกนำเสนอได้ดีขึ้น
    การมองการเมืองในแง่ดีช่วยให้คุณปกป้องทีมจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    การมองว่า “ไอเดียดีจะชนะเสมอ” เป็นความคิดที่ไม่ตรงกับความจริงในองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    วิศวกรที่เข้าใจการเมืองสามารถมีบทบาทในการกำหนดนโยบายระดับประเทศ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งแวดล้อม
    การเมืองในองค์กรมีหลายรูปแบบ เช่น legitimate power, reward power, และ information power2
    การสร้างพันธมิตรและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นหัวใจของกลยุทธ์การเมืองที่ดี
    การเมืองที่ดีสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและสังคม เช่น การเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน
    การเข้าใจโครงสร้างอำนาจในองค์กรช่วยให้คุณวางแผนการนำเสนอและการสนับสนุนไอเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://terriblesoftware.org/2025/10/01/stop-avoiding-politics/
    🏛️ “เลิกหลบการเมืองในที่ทำงาน — เพราะการไม่เล่นเกม อาจทำให้คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” บทความจาก Terrible Software ได้เปิดประเด็นที่หลายคนในสายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีมักหลีกเลี่ยง: “การเมืองในองค์กร” ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเรื่องสกปรก ไร้สาระ และไม่เกี่ยวกับงานจริง แต่ผู้เขียนกลับเสนอว่า การเมืองไม่ใช่ปัญหา — การเมืองที่แย่ต่างหากที่เป็นปัญหา และการแสร้งทำเป็นว่าไม่มีการเมืองในองค์กร คือการเปิดทางให้คนที่เข้าใจเกมนี้ได้เปรียบโดยไม่ต้องแข่งขันกับคุณเลย การเมืองในที่ทำงานไม่ใช่แค่การชิงดีชิงเด่น แต่คือการเข้าใจว่าใครมีอิทธิพล ใครตัดสินใจ และใครควรได้รับข้อมูลที่คุณมี เพื่อให้ไอเดียดี ๆ ไม่ถูกกลบไปโดยเสียงของคนที่ “พูดเก่งแต่คิดไม่ลึก” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า หลายครั้งที่โปรเจกต์ดี ๆ ถูกยกเลิก หรือเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมถูกเลือกใช้ ไม่ใช่เพราะคนตัดสินใจโง่ แต่เพราะคนที่มีข้อมูลจริง “ไม่อยู่ในห้องนั้น” เพราะเขา “ไม่เล่นการเมือง” การเมืองที่ดีคือการสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้มัน เช่น การคุยกับทีมอื่นเพื่อเข้าใจปัญหา หรือการนำเสนอไอเดียในภาษาที่ผู้บริหารเข้าใจ ไม่ใช่แค่พูดเรื่องเทคนิคอย่างเดียว การเมืองที่ดีคือการจัดการ stakeholder อย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่การแทงข้างหลัง บทความยังชี้ว่า คนที่เก่งด้านเทคนิคแต่ไม่ยอมเรียนรู้การเมืองในองค์กร มักจะรู้สึกว่าบริษัทตัดสินใจผิดบ่อย ๆ แต่ไม่เคยพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้นเลย ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ การเมืองในองค์กรคือการจัดการความสัมพันธ์ อิทธิพล และการสื่อสารเพื่อให้ไอเดียถูกนำไปใช้ ➡️ การหลีกเลี่ยงการเมืองไม่ทำให้มันหายไป แต่ทำให้คุณไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ➡️ ตัวอย่างของการเมืองที่ดี ได้แก่ stakeholder management, alignment, และ organizational awareness ➡️ การสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้ เช่น การคุยกับทีมอื่นล่วงหน้า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ➡️ การเข้าใจแรงจูงใจของผู้บริหาร เช่น การเน้นผลลัพธ์มากกว่าความสวยงามของโค้ด ช่วยให้ไอเดียถูกนำเสนอได้ดีขึ้น ➡️ การมองการเมืองในแง่ดีช่วยให้คุณปกป้องทีมจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด ➡️ การมองว่า “ไอเดียดีจะชนะเสมอ” เป็นความคิดที่ไม่ตรงกับความจริงในองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ วิศวกรที่เข้าใจการเมืองสามารถมีบทบาทในการกำหนดนโยบายระดับประเทศ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งแวดล้อม ➡️ การเมืองในองค์กรมีหลายรูปแบบ เช่น legitimate power, reward power, และ information power2 ➡️ การสร้างพันธมิตรและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นหัวใจของกลยุทธ์การเมืองที่ดี ➡️ การเมืองที่ดีสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและสังคม เช่น การเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน ➡️ การเข้าใจโครงสร้างอำนาจในองค์กรช่วยให้คุณวางแผนการนำเสนอและการสนับสนุนไอเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://terriblesoftware.org/2025/10/01/stop-avoiding-politics/
    TERRIBLESOFTWARE.ORG
    Stop Avoiding Politics
    Most engineers think workplace politics is dirty. They’re wrong. Refusing to play politics doesn’t make you noble; it makes you ineffective.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว”

    ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม

    แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU

    ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้

    ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น

    แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end
    เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU
    ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย
    ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย
    บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson
    การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง
    การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง
    UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว” ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้ ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end ➡️ เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU ➡️ ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย ➡️ ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้ ➡️ หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson ➡️ การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง ➡️ การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง ➡️ UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany, Belgium, Italy, Latvia, and Sweden shift their positions ahead of the October 14 meeting
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • “WPI พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV ดึงลิเธียมบริสุทธิ์ 99.79% — ทางออกใหม่ของปัญหาสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่วัตถุดิบ”

    ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักของการขับเคลื่อนโลกไปสู่พลังงานสะอาด ปัญหาที่ตามมาคือ “การจัดการแบตเตอรี่หมดอายุ” ที่ทั้งอันตราย ซับซ้อน และมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีอัตราการรีไซเคิลทั่วโลกเพียง 5% ณ ปี 2022

    ล่าสุดทีมนักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) ได้พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ hydrometallurgical ที่สามารถสกัดลิเธียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ได้ถึง 99.79% พร้อมกับดึงโลหะสำคัญอื่น ๆ เช่น โคบอลต์ แมงกานีส และนิกเกิล ได้มากถึง 92%

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงลดการพึ่งพาการขุดแร่จากประเทศที่มีประวัติด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลง 13.9% และใช้พลังงานน้อยกว่ากระบวนการเดิมถึง 8.6% ที่สำคัญคือสามารถนำลิเธียมที่รีไซเคิลกลับมาใช้ในแบตเตอรี่ใหม่ได้ โดยยังคงประสิทธิภาพสูงถึง 88% หลังผ่านการชาร์จ 500 รอบ และ 85% หลัง 900 รอบ

    แม้กระบวนการ hydrometallurgical จะยังมีข้อจำกัดเรื่องของเสียเคมี แต่เมื่อเทียบกับ pyrometallurgy ที่ใช้ความร้อนสูงและปล่อยก๊าซพิษจำนวนมากแล้ว ถือว่าเป็นทางเลือกที่สะอาดและมีศักยภาพในการขยายสู่ระดับอุตสาหกรรมได้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    WPI พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบ hydrometallurgical
    สามารถสกัดลิเธียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ได้ถึง 99.79%
    ดึงโลหะสำคัญอื่น ๆ ได้ถึง 92% เช่น โคบอลต์ แมงกานีส และนิกเกิล
    ลิเธียมที่รีไซเคิลสามารถนำกลับมาใช้ในแบตเตอรี่ใหม่ได้โดยยังคงประสิทธิภาพสูง
    แบตเตอรี่ทดลองยังคงความจุ 88% หลัง 500 รอบ และ 85% หลัง 900 รอบ
    ลดการใช้พลังงานลง 8.6% และลดการปล่อยคาร์บอนลง 13.9%
    ลดการพึ่งพาการขุดแร่จากประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
    กระบวนการมีศักยภาพในการขยายสู่ระดับอุตสาหกรรม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pyrometallurgy เป็นวิธีรีไซเคิลแบบใช้ความร้อนสูงที่ปล่อยก๊าซพิษและใช้พลังงานมาก
    Hydrometallurgy ใช้สารเคมีในการสกัดโลหะจากแบตเตอรี่ แต่มีของเสียเคมีเป็นผลข้างเคียง
    ลิเธียมเป็นธาตุที่เกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์ และเป็นหัวใจของแบตเตอรี่ยุคใหม่
    การรีไซเคิลแบตเตอรี่ช่วยลดความเสี่ยงจากไฟไหม้และสารพิษในแบตเตอรี่หมดอายุ
    การรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพช่วยสร้างห่วงโซ่วัตถุดิบแบบหมุนเวียน (closed-loop supply chain)

    https://www.slashgear.com/1980965/used-ev-battery-recycling-pure-lithium-recovery-breakthough-new-method/
    🔋 “WPI พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV ดึงลิเธียมบริสุทธิ์ 99.79% — ทางออกใหม่ของปัญหาสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่วัตถุดิบ” ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักของการขับเคลื่อนโลกไปสู่พลังงานสะอาด ปัญหาที่ตามมาคือ “การจัดการแบตเตอรี่หมดอายุ” ที่ทั้งอันตราย ซับซ้อน และมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีอัตราการรีไซเคิลทั่วโลกเพียง 5% ณ ปี 2022 ล่าสุดทีมนักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) ได้พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ hydrometallurgical ที่สามารถสกัดลิเธียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ได้ถึง 99.79% พร้อมกับดึงโลหะสำคัญอื่น ๆ เช่น โคบอลต์ แมงกานีส และนิกเกิล ได้มากถึง 92% เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงลดการพึ่งพาการขุดแร่จากประเทศที่มีประวัติด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลง 13.9% และใช้พลังงานน้อยกว่ากระบวนการเดิมถึง 8.6% ที่สำคัญคือสามารถนำลิเธียมที่รีไซเคิลกลับมาใช้ในแบตเตอรี่ใหม่ได้ โดยยังคงประสิทธิภาพสูงถึง 88% หลังผ่านการชาร์จ 500 รอบ และ 85% หลัง 900 รอบ แม้กระบวนการ hydrometallurgical จะยังมีข้อจำกัดเรื่องของเสียเคมี แต่เมื่อเทียบกับ pyrometallurgy ที่ใช้ความร้อนสูงและปล่อยก๊าซพิษจำนวนมากแล้ว ถือว่าเป็นทางเลือกที่สะอาดและมีศักยภาพในการขยายสู่ระดับอุตสาหกรรมได้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ WPI พัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบ hydrometallurgical ➡️ สามารถสกัดลิเธียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ได้ถึง 99.79% ➡️ ดึงโลหะสำคัญอื่น ๆ ได้ถึง 92% เช่น โคบอลต์ แมงกานีส และนิกเกิล ➡️ ลิเธียมที่รีไซเคิลสามารถนำกลับมาใช้ในแบตเตอรี่ใหม่ได้โดยยังคงประสิทธิภาพสูง ➡️ แบตเตอรี่ทดลองยังคงความจุ 88% หลัง 500 รอบ และ 85% หลัง 900 รอบ ➡️ ลดการใช้พลังงานลง 8.6% และลดการปล่อยคาร์บอนลง 13.9% ➡️ ลดการพึ่งพาการขุดแร่จากประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ➡️ กระบวนการมีศักยภาพในการขยายสู่ระดับอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pyrometallurgy เป็นวิธีรีไซเคิลแบบใช้ความร้อนสูงที่ปล่อยก๊าซพิษและใช้พลังงานมาก ➡️ Hydrometallurgy ใช้สารเคมีในการสกัดโลหะจากแบตเตอรี่ แต่มีของเสียเคมีเป็นผลข้างเคียง ➡️ ลิเธียมเป็นธาตุที่เกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์ และเป็นหัวใจของแบตเตอรี่ยุคใหม่ ➡️ การรีไซเคิลแบตเตอรี่ช่วยลดความเสี่ยงจากไฟไหม้และสารพิษในแบตเตอรี่หมดอายุ ➡️ การรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพช่วยสร้างห่วงโซ่วัตถุดิบแบบหมุนเวียน (closed-loop supply chain) https://www.slashgear.com/1980965/used-ev-battery-recycling-pure-lithium-recovery-breakthough-new-method/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    New Recycling Method Helps Researchers Recover 99% Pure Lithium From Used EV Batteries - SlashGear
    Lithium-ion battery waste is a huge concern for the future, but researchers have found a recycling method capable of extracting 99% pure lithium.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก”

    รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

    ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์

    AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน
    186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด
    ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง
    ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้
    รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ
    มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes
    ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด
    การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้
    Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง
    การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ

    https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    💰 “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก” รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์ AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน ➡️ 186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด ➡️ ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง ➡️ ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้ ➡️ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ ➡️ มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes ➡️ ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด ➡️ การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ ➡️ Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง ➡️ การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    WWW.TECHRADAR.COM
    UK’s fraud detection AI to be licensed abroad after recovering £480m in lost revenue
    The Fraud Risk Assessment Accelerator is now set to be licensed abroad
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • “Grok AI ของ Elon Musk ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ — ใช้งานได้ทุกหน่วยงานในราคาแค่ 42 เซนต์ พร้อมทีมวิศวกรช่วยติดตั้ง”

    ในความเคลื่อนไหวที่พลิกเกมวงการ AI ภาครัฐของสหรัฐฯ รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อใช้งาน Grok AI ในหน่วยงานรัฐบาลกลางทุกแห่ง โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 42 เซนต์ต่อหน่วยงานต่อระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญา AI ที่ยาวที่สุดภายใต้โครงการ OneGov ของ GSA (General Services Administration)

    Grok เวอร์ชันที่ใช้ในภาครัฐมีชื่อว่า “Grok for Government” โดยใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ซึ่งเน้นการให้เหตุผลเชิงลึกและประสิทธิภาพสูง พร้อมมีทีมวิศวกรจาก xAI คอยช่วยเหลือในการติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ

    แม้ Elon Musk จะเคยมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงกลางปี 2025 แต่การลงนามข้อตกลงนี้อาจเป็นสัญญาณของการคืนดี โดยทั้งสองถูกพบเห็นร่วมงานกันในที่สาธารณะ และ Musk เริ่มกล่าวชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในแถลงการณ์ของบริษัท

    Grok เข้าร่วมกับบริษัท AI รายใหญ่อื่น ๆ ที่ได้รับเลือกให้ใช้งานในภาครัฐ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic โดยแต่ละรายเสนอราคาที่ต่ำมาก เช่น Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่พ้นเสียงวิจารณ์ โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองบางฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Grok ในอดีต เช่น การโพสต์เนื้อหาต่อต้านชาวยิวและการเรียกตัวเองว่า “MechaHitler” บนแพลตฟอร์ม X ซึ่ง xAI ได้ออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการกรองเนื้อหาให้ดีขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงใช้งาน Grok AI จาก xAI ในราคา 42 เซนต์ต่อหน่วยงาน
    ข้อตกลงมีระยะเวลา 18 เดือน สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027
    ใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ที่เน้นการให้เหตุผลและประสิทธิภาพสูง
    xAI ให้ทีมวิศวกรช่วยติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานในหน่วยงาน
    Grok for Government เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งสำหรับภาครัฐ
    เข้าร่วมกับบริษัท AI อื่น ๆ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic ภายใต้โครงการ OneGov
    Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี
    GSA ยืนยันว่า Grok ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและไม่มีอคติเชิงระบบ
    มีการจัดตั้งทีม AI Safety ภายใน GSA เพื่อประเมินและตรวจสอบโมเดลอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ราคาที่ 42 เซนต์เป็นการอ้างอิงถึงนิยาย “Hitchhiker’s Guide to the Galaxy” ที่ระบุว่า 42 คือคำตอบของจักรวาล Grok 4 Fast เป็นโมเดล reasoning ที่มีต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูง
    xAI ยังได้รับสัญญาเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมมูลค่าสูงถึง $200 ล้าน
    การใช้งาน Grok ในภาครัฐครอบคลุมทั้งงานด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุข
    GSA มีแผนขยายการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานภายใต้แนวคิด “OneGov”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-grok-ai-to-be-used-by-us-government-at-a-price-of-42-cents-per-agency-trump-admin-joining-meta-openai-in-recent-trend-of-ai-govt-contracts
    🧠 “Grok AI ของ Elon Musk ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ — ใช้งานได้ทุกหน่วยงานในราคาแค่ 42 เซนต์ พร้อมทีมวิศวกรช่วยติดตั้ง” ในความเคลื่อนไหวที่พลิกเกมวงการ AI ภาครัฐของสหรัฐฯ รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อใช้งาน Grok AI ในหน่วยงานรัฐบาลกลางทุกแห่ง โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 42 เซนต์ต่อหน่วยงานต่อระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญา AI ที่ยาวที่สุดภายใต้โครงการ OneGov ของ GSA (General Services Administration) Grok เวอร์ชันที่ใช้ในภาครัฐมีชื่อว่า “Grok for Government” โดยใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ซึ่งเน้นการให้เหตุผลเชิงลึกและประสิทธิภาพสูง พร้อมมีทีมวิศวกรจาก xAI คอยช่วยเหลือในการติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ แม้ Elon Musk จะเคยมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงกลางปี 2025 แต่การลงนามข้อตกลงนี้อาจเป็นสัญญาณของการคืนดี โดยทั้งสองถูกพบเห็นร่วมงานกันในที่สาธารณะ และ Musk เริ่มกล่าวชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในแถลงการณ์ของบริษัท Grok เข้าร่วมกับบริษัท AI รายใหญ่อื่น ๆ ที่ได้รับเลือกให้ใช้งานในภาครัฐ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic โดยแต่ละรายเสนอราคาที่ต่ำมาก เช่น Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่พ้นเสียงวิจารณ์ โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองบางฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Grok ในอดีต เช่น การโพสต์เนื้อหาต่อต้านชาวยิวและการเรียกตัวเองว่า “MechaHitler” บนแพลตฟอร์ม X ซึ่ง xAI ได้ออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการกรองเนื้อหาให้ดีขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงใช้งาน Grok AI จาก xAI ในราคา 42 เซนต์ต่อหน่วยงาน ➡️ ข้อตกลงมีระยะเวลา 18 เดือน สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027 ➡️ ใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ที่เน้นการให้เหตุผลและประสิทธิภาพสูง ➡️ xAI ให้ทีมวิศวกรช่วยติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานในหน่วยงาน ➡️ Grok for Government เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งสำหรับภาครัฐ ➡️ เข้าร่วมกับบริษัท AI อื่น ๆ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic ภายใต้โครงการ OneGov ➡️ Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี ➡️ GSA ยืนยันว่า Grok ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและไม่มีอคติเชิงระบบ ➡️ มีการจัดตั้งทีม AI Safety ภายใน GSA เพื่อประเมินและตรวจสอบโมเดลอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ราคาที่ 42 เซนต์เป็นการอ้างอิงถึงนิยาย “Hitchhiker’s Guide to the Galaxy” ที่ระบุว่า 42 คือคำตอบของจักรวาล ➡️ Grok 4 Fast เป็นโมเดล reasoning ที่มีต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูง ➡️ xAI ยังได้รับสัญญาเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมมูลค่าสูงถึง $200 ล้าน ➡️ การใช้งาน Grok ในภาครัฐครอบคลุมทั้งงานด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุข ➡️ GSA มีแผนขยายการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานภายใต้แนวคิด “OneGov” https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-grok-ai-to-be-used-by-us-government-at-a-price-of-42-cents-per-agency-trump-admin-joining-meta-openai-in-recent-trend-of-ai-govt-contracts
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ตัดสัมพันธ์ Unit 8200 ของอิสราเอล หลังพบใช้ Azure สอดแนมประชาชนปาเลสไตน์ — จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีในสงคราม”

    Microsoft ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในเดือนกันยายน 2025 ด้วยการ “ปิดการเข้าถึง” เทคโนโลยีบางส่วนของตนจากหน่วยข่าวกรองทหารอิสราเอล Unit 8200 หลังจากการสืบสวนร่วมระหว่าง The Guardian, +972 Magazine และ Local Call เปิดเผยว่า หน่วยงานดังกล่าวใช้แพลตฟอร์ม Azure เพื่อเก็บข้อมูลการสื่อสารของประชาชนปาเลสไตน์จำนวนมหาศาล

    Unit 8200 ซึ่งมีบทบาทคล้ายกับ NSA ของสหรัฐฯ ได้สร้างระบบสอดแนมที่สามารถดักฟังและวิเคราะห์สายโทรศัพท์ของประชาชนในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ โดยมีคำขวัญภายในว่า “ล้านสายต่อชั่วโมง” ข้อมูลที่เก็บไว้มีมากถึง 8,000 เทราไบต์ และถูกจัดเก็บในศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ที่เนเธอร์แลนด์

    หลังจากรายงานถูกเผยแพร่ Microsoft ได้สั่งสอบสวนภายในทันที และพบว่า Unit 8200 ละเมิดข้อตกลงการใช้งาน โดยใช้ Azure เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI และเตรียมการโจมตีทางอากาศในกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 65,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

    การตัดสินใจของ Microsoft เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากพนักงานและนักลงทุน รวมถึงกลุ่มเคลื่อนไหว “No Azure for Apartheid” ที่เรียกร้องให้บริษัทหยุดสนับสนุนการสอดแนมพลเรือน โดย Brad Smith รองประธานบริษัทได้ส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “เราไม่ให้บริการเพื่อสนับสนุนการสอดแนมพลเรือน ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม”

    แม้จะยุติการเข้าถึงบางบริการของ Unit 8200 แต่ Microsoft ยังคงมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับกองทัพอิสราเอลในด้านอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ยุติการเข้าถึง Azure และบริการ AI ของ Unit 8200 หลังพบการละเมิดข้อตกลง
    Unit 8200 ใช้ Azure เก็บข้อมูลการสื่อสารของประชาชนปาเลสไตน์ในกาซาและเวสต์แบงก์
    ข้อมูลที่เก็บไว้มีมากถึง 8,000TB และถูกใช้วิเคราะห์เพื่อเตรียมการโจมตีทางอากาศ
    การสืบสวนเผยว่า Microsoft ไม่ทราบถึงการใช้งานจริงของ Unit 8200 จนกระทั่งมีการเปิดโปง
    การตัดสินใจเกิดจากแรงกดดันของพนักงานและกลุ่มเคลื่อนไหว No Azure for Apartheid
    Brad Smith ยืนยันว่า Microsoft ไม่สนับสนุนการสอดแนมพลเรือนในทุกประเทศ
    การสืบสวนภายในดำเนินการโดยบริษัทกฎหมาย Covington & Burling
    Unit 8200 ย้ายข้อมูลออกจากยุโรปไปยัง AWS หลังจากถูกตัดการเข้าถึง
    Microsoft ยังคงให้บริการอื่น ๆ แก่กองทัพอิสราเอล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Unit 8200 เป็นหน่วยข่าวกรองไซเบอร์ที่มีอิทธิพลสูงในอิสราเอล และมีบทบาทในสงครามข้อมูล
    Azure เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่มีความสามารถในการประมวลผล AI และจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
    การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในสงครามเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
    การสอดแนมแบบ “client-side AI” สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและเนื้อหาการสื่อสารได้แบบเรียลไทม์
    การตัดสินใจของ Microsoft ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถอนบริการจากกองทัพอิสราเอล

    https://www.theguardian.com/world/2025/sep/25/microsoft-blocks-israels-use-of-its-technology-in-mass-surveillance-of-palestinians
    🛑 “Microsoft ตัดสัมพันธ์ Unit 8200 ของอิสราเอล หลังพบใช้ Azure สอดแนมประชาชนปาเลสไตน์ — จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีในสงคราม” Microsoft ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในเดือนกันยายน 2025 ด้วยการ “ปิดการเข้าถึง” เทคโนโลยีบางส่วนของตนจากหน่วยข่าวกรองทหารอิสราเอล Unit 8200 หลังจากการสืบสวนร่วมระหว่าง The Guardian, +972 Magazine และ Local Call เปิดเผยว่า หน่วยงานดังกล่าวใช้แพลตฟอร์ม Azure เพื่อเก็บข้อมูลการสื่อสารของประชาชนปาเลสไตน์จำนวนมหาศาล Unit 8200 ซึ่งมีบทบาทคล้ายกับ NSA ของสหรัฐฯ ได้สร้างระบบสอดแนมที่สามารถดักฟังและวิเคราะห์สายโทรศัพท์ของประชาชนในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ โดยมีคำขวัญภายในว่า “ล้านสายต่อชั่วโมง” ข้อมูลที่เก็บไว้มีมากถึง 8,000 เทราไบต์ และถูกจัดเก็บในศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากรายงานถูกเผยแพร่ Microsoft ได้สั่งสอบสวนภายในทันที และพบว่า Unit 8200 ละเมิดข้อตกลงการใช้งาน โดยใช้ Azure เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI และเตรียมการโจมตีทางอากาศในกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 65,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน การตัดสินใจของ Microsoft เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากพนักงานและนักลงทุน รวมถึงกลุ่มเคลื่อนไหว “No Azure for Apartheid” ที่เรียกร้องให้บริษัทหยุดสนับสนุนการสอดแนมพลเรือน โดย Brad Smith รองประธานบริษัทได้ส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “เราไม่ให้บริการเพื่อสนับสนุนการสอดแนมพลเรือน ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม” แม้จะยุติการเข้าถึงบางบริการของ Unit 8200 แต่ Microsoft ยังคงมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับกองทัพอิสราเอลในด้านอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ยุติการเข้าถึง Azure และบริการ AI ของ Unit 8200 หลังพบการละเมิดข้อตกลง ➡️ Unit 8200 ใช้ Azure เก็บข้อมูลการสื่อสารของประชาชนปาเลสไตน์ในกาซาและเวสต์แบงก์ ➡️ ข้อมูลที่เก็บไว้มีมากถึง 8,000TB และถูกใช้วิเคราะห์เพื่อเตรียมการโจมตีทางอากาศ ➡️ การสืบสวนเผยว่า Microsoft ไม่ทราบถึงการใช้งานจริงของ Unit 8200 จนกระทั่งมีการเปิดโปง ➡️ การตัดสินใจเกิดจากแรงกดดันของพนักงานและกลุ่มเคลื่อนไหว No Azure for Apartheid ➡️ Brad Smith ยืนยันว่า Microsoft ไม่สนับสนุนการสอดแนมพลเรือนในทุกประเทศ ➡️ การสืบสวนภายในดำเนินการโดยบริษัทกฎหมาย Covington & Burling ➡️ Unit 8200 ย้ายข้อมูลออกจากยุโรปไปยัง AWS หลังจากถูกตัดการเข้าถึง ➡️ Microsoft ยังคงให้บริการอื่น ๆ แก่กองทัพอิสราเอล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Unit 8200 เป็นหน่วยข่าวกรองไซเบอร์ที่มีอิทธิพลสูงในอิสราเอล และมีบทบาทในสงครามข้อมูล ➡️ Azure เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่มีความสามารถในการประมวลผล AI และจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในสงครามเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ➡️ การสอดแนมแบบ “client-side AI” สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและเนื้อหาการสื่อสารได้แบบเรียลไทม์ ➡️ การตัดสินใจของ Microsoft ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถอนบริการจากกองทัพอิสราเอล https://www.theguardian.com/world/2025/sep/25/microsoft-blocks-israels-use-of-its-technology-in-mass-surveillance-of-palestinians
    WWW.THEGUARDIAN.COM
    Microsoft blocks Israel’s use of its technology in mass surveillance of Palestinians
    Exclusive: Tech firm ends military unit’s access to AI and data services after Guardian reveals secret spy project
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี”

    ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม

    คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า

    แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง

    ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง

    องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025
    เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง
    จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ
    เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ
    การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน
    สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม
    การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร
    การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ
    ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่
    การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    🌐 “ตาลีบันสั่งตัดไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วอัฟกานิสถาน — อ้าง ‘ป้องกันความผิดศีลธรรม’ แต่ผลกระทบกระจายถึงการศึกษา ธุรกิจ และสิทธิสตรี” ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2025 รัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถานเริ่มดำเนินการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกในหลายจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาลามก การพูดคุยระหว่างชายหญิง และการใช้งานสื่อที่ไม่เหมาะสม คำสั่งนี้มาจากผู้นำสูงสุดของตาลีบัน Hibatullah Akhundzada และเริ่มมีผลในจังหวัด Balkh ก่อนจะขยายไปยังอีกอย่างน้อย 10 จังหวัด เช่น Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar และ Nangarhar โดยมีแนวโน้มว่าจะบังคับใช้ทั่วประเทศในไม่ช้า แม้เครือข่ายมือถือยังคงใช้งานได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างรุนแรง ผลกระทบที่น่าห่วงที่สุดคือด้านการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกห้ามเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2021 การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พวกเธอพึ่งพาได้ และการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งนี้อาจทำลายโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชน เช่น NetBlocks และ CPJ ต่างออกมาเตือนว่าการตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คือการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และเป็นการเพิ่มระดับการเซ็นเซอร์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ตาลีบันเริ่มตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถานตั้งแต่กลางกันยายน 2025 ➡️ เหตุผลที่ให้คือ “ป้องกันความผิดศีลธรรม” เช่น การเข้าถึงเนื้อหาลามกและการพูดคุยระหว่างชายหญิง ➡️ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ Balkh, Kunduz, Badakhshan, Baghlan, Takhar, Nangarhar และอื่น ๆ ➡️ เครือข่ายมือถือยังใช้งานได้ แต่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ✅ ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ➡️ ธุรกิจ ธนาคาร และหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ ➡️ การเรียนออนไลน์ของเด็กผู้หญิงถูกตัดขาด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวหลังถูกห้ามเข้าเรียน ➡️ สื่อมวลชนไม่สามารถรายงานข่าวได้อย่างอิสระ และเสี่ยงต่อการถูกจับกุม ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อัฟกานิสถานมีเครือข่ายไฟเบอร์กว่า 1,800 กิโลเมตร และเคยอนุมัติเพิ่มอีก 488 กิโลเมตร ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์คล้ายกับระบบอินเทอร์เน็ตภายในประเทศแบบปิด เช่นในเกาหลีเหนือ ➡️ ผู้หญิงในอัฟกานิสถานใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้ เชื่อมต่อ และหลบหนีจากการกดขี่ ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตอาจเป็นการป้องกันการประท้วงและการเผยแพร่ข้อมูลที่ตาลีบันไม่ต้องการให้ประชาชนเห็น https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/the-taliban-begins-implementing-fiber-optic-internet-ban-to-prevent-immorality-in-afghanistan-swathes-of-the-country-plunged-into-cyberspace-darkness
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • “Microsoft เตือนพนักงาน H-1B กลับสหรัฐฯ ภายใน 24 ชั่วโมง — หลังทรัมป์ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็น $100,000”

    วันที่ 19 กันยายน 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก โดยประกาศให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับวีซ่าทำงานชั่วคราวประเภท H-1B เป็นจำนวน $100,000 ต่อปีต่อคน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน เวลา 00.01 น. ตามเวลาสหรัฐฯ

    Microsoft ได้ส่งอีเมลภายในถึงพนักงานที่ถือวีซ่า H-1B และ H-4 (วีซ่าครอบครัว) โดยแนะนำให้รีบเดินทางกลับเข้าสหรัฐฯ ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนคำสั่งมีผล และให้ผู้ที่อยู่ในสหรัฐฯ อยู่ต่อโดยไม่เดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากค่าธรรมเนียมใหม่ที่อาจทำให้การกลับเข้าประเทศมีความยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง

    คำสั่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาบุคลากรต่างชาติ โดยเฉพาะจากอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับวีซ่า H-1B มากที่สุดถึง 71% ของทั้งหมดในปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งแรกของปี 2025 Amazon ได้รับอนุมัติวีซ่ามากกว่า 12,000 ราย ขณะที่ Microsoft และ Meta ได้รับมากกว่า 5,000 รายต่อบริษัท

    แม้คำสั่งจะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการถอยหลังด้านนโยบายแรงงานและอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกลับมองว่าเป็นการ “คัดกรอง” ให้เหลือเฉพาะแรงงานที่มีทักษะสูงจริง ๆ และไม่สามารถถูกแทนที่ได้โดยแรงงานอเมริกัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ประธานาธิบดี Trump ลงนามคำสั่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียม H-1B visa ใหม่ $100,000 ต่อปี
    Microsoft ส่งอีเมลเตือนพนักงาน H-1B และ H-4 ให้รีบกลับเข้าสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 21 กันยายน
    พนักงานที่อยู่ในสหรัฐฯ ถูกแนะนำให้อยู่ต่อและหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศ
    คำสั่งมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 21 กันยายน 2025 ตามเวลาสหรัฐฯ

    สถานการณ์และผลกระทบ
    อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับวีซ่า H-1B มากที่สุดถึง 71% ของทั้งหมด
    Amazon ได้รับอนุมัติวีซ่ามากกว่า 12,000 รายในครึ่งปีแรกของ 2025
    Microsoft และ Meta ได้รับมากกว่า 5,000 รายต่อบริษัท
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าคำสั่งนี้จะช่วยคัดกรองแรงงานที่มีทักษะสูงจริง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    H-1B visa เป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวสำหรับแรงงานต่างชาติในสายงานเฉพาะทาง
    ปัจจุบันค่าธรรมเนียมวีซ่าอยู่ที่ประมาณ $2,000–$5,000 ต่อราย ขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท
    คำสั่งใหม่อาจถูกท้าทายทางกฎหมายในอนาคตจากบริษัทหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน
    NASSCOM ของอินเดียกำลังศึกษาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแรงงาน

    https://timesofindia.indiatimes.com/technology/tech-news/microsoft-has-a-24-hour-deadline-warning-for-indian-and-other-foreign-employees-after-h1-b-visa-fees-hike-to-100000-strongly-recommend-h1b-visa-holders-/articleshow/124010245.cms
    🛂 “Microsoft เตือนพนักงาน H-1B กลับสหรัฐฯ ภายใน 24 ชั่วโมง — หลังทรัมป์ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็น $100,000” วันที่ 19 กันยายน 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก โดยประกาศให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับวีซ่าทำงานชั่วคราวประเภท H-1B เป็นจำนวน $100,000 ต่อปีต่อคน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน เวลา 00.01 น. ตามเวลาสหรัฐฯ Microsoft ได้ส่งอีเมลภายในถึงพนักงานที่ถือวีซ่า H-1B และ H-4 (วีซ่าครอบครัว) โดยแนะนำให้รีบเดินทางกลับเข้าสหรัฐฯ ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนคำสั่งมีผล และให้ผู้ที่อยู่ในสหรัฐฯ อยู่ต่อโดยไม่เดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากค่าธรรมเนียมใหม่ที่อาจทำให้การกลับเข้าประเทศมีความยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง คำสั่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาบุคลากรต่างชาติ โดยเฉพาะจากอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับวีซ่า H-1B มากที่สุดถึง 71% ของทั้งหมดในปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งแรกของปี 2025 Amazon ได้รับอนุมัติวีซ่ามากกว่า 12,000 ราย ขณะที่ Microsoft และ Meta ได้รับมากกว่า 5,000 รายต่อบริษัท แม้คำสั่งจะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการถอยหลังด้านนโยบายแรงงานและอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกลับมองว่าเป็นการ “คัดกรอง” ให้เหลือเฉพาะแรงงานที่มีทักษะสูงจริง ๆ และไม่สามารถถูกแทนที่ได้โดยแรงงานอเมริกัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ประธานาธิบดี Trump ลงนามคำสั่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียม H-1B visa ใหม่ $100,000 ต่อปี ➡️ Microsoft ส่งอีเมลเตือนพนักงาน H-1B และ H-4 ให้รีบกลับเข้าสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 21 กันยายน ➡️ พนักงานที่อยู่ในสหรัฐฯ ถูกแนะนำให้อยู่ต่อและหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศ ➡️ คำสั่งมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 21 กันยายน 2025 ตามเวลาสหรัฐฯ ✅ สถานการณ์และผลกระทบ ➡️ อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับวีซ่า H-1B มากที่สุดถึง 71% ของทั้งหมด ➡️ Amazon ได้รับอนุมัติวีซ่ามากกว่า 12,000 รายในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ Microsoft และ Meta ได้รับมากกว่า 5,000 รายต่อบริษัท ➡️ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าคำสั่งนี้จะช่วยคัดกรองแรงงานที่มีทักษะสูงจริง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ H-1B visa เป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวสำหรับแรงงานต่างชาติในสายงานเฉพาะทาง ➡️ ปัจจุบันค่าธรรมเนียมวีซ่าอยู่ที่ประมาณ $2,000–$5,000 ต่อราย ขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท ➡️ คำสั่งใหม่อาจถูกท้าทายทางกฎหมายในอนาคตจากบริษัทหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน ➡️ NASSCOM ของอินเดียกำลังศึกษาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแรงงาน https://timesofindia.indiatimes.com/technology/tech-news/microsoft-has-a-24-hour-deadline-warning-for-indian-and-other-foreign-employees-after-h1-b-visa-fees-hike-to-100000-strongly-recommend-h1b-visa-holders-/articleshow/124010245.cms
    TIMESOFINDIA.INDIATIMES.COM
    Microsoft has a 24-hour deadline warning for Indian and other foreign employees after H1-B visa fees hike to $100,000: Strongly recommend H1B visa holders…. - The Times of India
    Tech News News: Microsoft urged its H-1B and H-4 visa employees to return to the US before the September 21 deadline due to a new $100,000 annual fee per H-1B worker.
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • เขมรใช้เวทีAIPAตีไทย "ฉลาด"ยกความจริงโต้ : [NEWS UPDATE]
    นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ใน ฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงบนเวที ประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน(AIPA) ภายหลังกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชา ชี้ กัมพูชา
    ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำลายบรรยากาศฉันมิตรของ AIPA บิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศ ยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของพลเรือนไทย ลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เล่าความจริงเหตุการณ์บริเวณบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดสระแก้ว อยู่ในอธิปไตยไทย มีการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จึงจำเป็นต้องระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน


    ทวงคืนแดนไทย 17 จุด

    รวมไทยสร้างชาติ ไปต่อ

    "ทักษิณ"พบนักจิตวิทยา

    สยบลือแคนดิเดตนายกฯ
    เขมรใช้เวทีAIPAตีไทย "ฉลาด"ยกความจริงโต้ : [NEWS UPDATE] นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ใน ฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงบนเวที ประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน(AIPA) ภายหลังกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชา ชี้ กัมพูชา ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำลายบรรยากาศฉันมิตรของ AIPA บิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศ ยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของพลเรือนไทย ลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เล่าความจริงเหตุการณ์บริเวณบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดสระแก้ว อยู่ในอธิปไตยไทย มีการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จึงจำเป็นต้องระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน ทวงคืนแดนไทย 17 จุด รวมไทยสร้างชาติ ไปต่อ "ทักษิณ"พบนักจิตวิทยา สยบลือแคนดิเดตนายกฯ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Geedge ถึง MESA: เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นสินค้าส่งออกของการควบคุมข้อมูล

    เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 กลุ่มแฮกทิวิสต์ชื่อ Enlace Hacktivista ได้เผยแพร่ข้อมูลกว่า 600 GB ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปฏิบัติการของ Great Firewall of China โดยข้อมูลนี้ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, บันทึกการทำงาน, และการสื่อสารระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ Geedge Networks และ MESA Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences

    Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing ผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่ง Great Firewall” และมีบทบาทสำคัญในการส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการ Belt and Road Initiative

    ไฟล์ที่รั่วไหลประกอบด้วย mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ซึ่งเป็น archive ของ RPM packaging server และเอกสารที่บีบอัดจาก Geedge และ MESA เช่น geedge_docs.tar.zst และ mesalab_docs.tar.zst ซึ่งมีทั้งรายงานภายใน, ข้อเสนอทางเทคนิค, และบันทึกการประชุมที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับละเอียด

    นอกจากนี้ยังมีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst และเอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx ที่เผยให้เห็นถึงการประสานงานระหว่างนักวิจัยและวิศวกร รวมถึงไฟล์ routine อย่าง 打印.docx (Print) และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายที่สะท้อนถึงความเป็นระบบราชการของโครงการนี้

    สิ่งที่ทำให้การรั่วไหลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นคือ “ความลึก” ของข้อมูล ไม่ใช่แค่บันทึกจาก whistleblower แต่เป็นข้อมูลดิบที่สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ และการขยายอิทธิพลไปยังต่างประเทศผ่านการส่งออกเทคโนโลยี

    ข้อมูลที่รั่วไหลจาก Great Firewall
    ขนาดรวมกว่า 600 GB ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, และบันทึกการทำงาน
    มีไฟล์ mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ที่เป็น archive ของ RPM packaging server
    เอกสารจาก Geedge และ MESA แสดงถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับลึก

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
    Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing และเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์
    MESA Lab เป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences
    ทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายระบบ Great Firewall

    การส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์
    มีการส่งออกไปยังเมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ
    เชื่อมโยงกับโครงการ Belt and Road Initiative
    ใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศเหล่านั้น

    ลักษณะของข้อมูลที่รั่วไหล
    มีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst
    เอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx แสดงถึงการประสานงานภายใน
    ไฟล์ routine เช่น 打印.docx และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายสะท้อนถึงระบบราชการ

    ความสำคัญของการรั่วไหลครั้งนี้
    เป็นการเปิดเผยโครงสร้างและการดำเนินงานของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ
    ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
    นักวิจัยและองค์กรสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบ

    https://hackread.com/great-firewall-of-china-data-published-largest-leak/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Geedge ถึง MESA: เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นสินค้าส่งออกของการควบคุมข้อมูล เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 กลุ่มแฮกทิวิสต์ชื่อ Enlace Hacktivista ได้เผยแพร่ข้อมูลกว่า 600 GB ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปฏิบัติการของ Great Firewall of China โดยข้อมูลนี้ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, บันทึกการทำงาน, และการสื่อสารระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ Geedge Networks และ MESA Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing ผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่ง Great Firewall” และมีบทบาทสำคัญในการส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการ Belt and Road Initiative ไฟล์ที่รั่วไหลประกอบด้วย mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ซึ่งเป็น archive ของ RPM packaging server และเอกสารที่บีบอัดจาก Geedge และ MESA เช่น geedge_docs.tar.zst และ mesalab_docs.tar.zst ซึ่งมีทั้งรายงานภายใน, ข้อเสนอทางเทคนิค, และบันทึกการประชุมที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับละเอียด นอกจากนี้ยังมีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst และเอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx ที่เผยให้เห็นถึงการประสานงานระหว่างนักวิจัยและวิศวกร รวมถึงไฟล์ routine อย่าง 打印.docx (Print) และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายที่สะท้อนถึงความเป็นระบบราชการของโครงการนี้ สิ่งที่ทำให้การรั่วไหลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นคือ “ความลึก” ของข้อมูล ไม่ใช่แค่บันทึกจาก whistleblower แต่เป็นข้อมูลดิบที่สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ และการขยายอิทธิพลไปยังต่างประเทศผ่านการส่งออกเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลจาก Great Firewall ➡️ ขนาดรวมกว่า 600 GB ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, และบันทึกการทำงาน ➡️ มีไฟล์ mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ที่เป็น archive ของ RPM packaging server ➡️ เอกสารจาก Geedge และ MESA แสดงถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับลึก ✅ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ➡️ Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing และเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ➡️ MESA Lab เป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences ➡️ ทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายระบบ Great Firewall ✅ การส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ➡️ มีการส่งออกไปยังเมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ➡️ เชื่อมโยงกับโครงการ Belt and Road Initiative ➡️ ใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศเหล่านั้น ✅ ลักษณะของข้อมูลที่รั่วไหล ➡️ มีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst ➡️ เอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx แสดงถึงการประสานงานภายใน ➡️ ไฟล์ routine เช่น 打印.docx และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายสะท้อนถึงระบบราชการ ✅ ความสำคัญของการรั่วไหลครั้งนี้ ➡️ เป็นการเปิดเผยโครงสร้างและการดำเนินงานของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ ➡️ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ➡️ นักวิจัยและองค์กรสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบ https://hackread.com/great-firewall-of-china-data-published-largest-leak/
    HACKREAD.COM
    600 GB of Alleged Great Firewall of China Data Published in Largest Leak Yet
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • “Apple เปิดตัว Memory Integrity Enforcement บน iPhone 17 — ป้องกันมัลแวร์ระดับรัฐด้วยระบบความปลอดภัยหน่วยความจำที่ไม่เคยมีมาก่อน”

    Apple ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Memory Integrity Enforcement (MIE) บน iPhone 17 และ iPhone Air ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระบบปฏิบัติการสำหรับผู้บริโภค โดยใช้เวลาพัฒนานานกว่า 5 ปี และผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ Apple Silicon กับระบบปฏิบัติการ iOS อย่างลึกซึ้ง

    เป้าหมายของ MIE คือการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ระดับสูง โดยเฉพาะ “mercenary spyware” เช่น Pegasus ที่มักถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรเพื่อเจาะระบบของบุคคลเป้าหมาย เช่น นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งการโจมตีเหล่านี้มักใช้ช่องโหว่ด้าน memory corruption เป็นหลัก

    หัวใจของ MIE คือการใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Arm โดยทุกบล็อกหน่วยความจำจะถูกติด “แท็กลับ” และฮาร์ดแวร์จะตรวจสอบว่าโปรแกรมที่เข้าถึงหน่วยความจำนั้นมีแท็กตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ระบบจะบล็อกทันทีและปิดโปรเซส — ทำให้การโจมตีแบบ buffer overflow และ use-after-free แทบเป็นไปไม่ได้

    Apple ยังเสริมระบบด้วย Tag Confidentiality Enforcement เพื่อป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel และ speculative execution เช่น Spectre V1 โดยใช้เทคนิคใหม่ที่ลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพแทบเป็นศูนย์

    นอกจากฮาร์ดแวร์ A19 และ A19 Pro ที่รองรับ MIE แล้ว Apple ยังเปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Xcode เพื่อทดสอบแอปของตนภายใต้ระบบความปลอดภัยใหม่นี้ โดยครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสในระดับผู้ใช้และเคอร์เนล

    ฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE)
    ป้องกันช่องโหว่ memory corruption เช่น buffer overflow และ use-after-free
    ใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) แบบ synchronous
    ทุกบล็อกหน่วยความจำมีแท็กลับที่ต้องตรงกันก่อนเข้าถึง
    ระบบจะบล็อกทันทีหากแท็กไม่ตรง และปิดโปรเซสเพื่อความปลอดภัย

    การออกแบบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ใช้ Apple Silicon A19 และ A19 Pro ที่มีพื้นที่เฉพาะสำหรับ MIE
    ผสานกับ secure memory allocators เช่น kalloc_type, xzone malloc และ libpas
    ป้องกันการโจมตีภายใน bucket หน่วยความจำที่ software ปกติป้องกันไม่ได้
    ลด overhead ของการตรวจสอบแท็กให้เหลือน้อยที่สุด

    การป้องกันขั้นสูง
    ใช้ Tag Confidentiality Enforcement ป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel
    มี mitigation สำหรับ Spectre V1 ที่แทบไม่มีผลต่อ CPU
    ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำที่ไม่มีแท็ก เช่น global variables
    ใช้ Secure Page Table Monitor เพื่อป้องกันการเจาะเคอร์เนล

    การใช้งานจริงและผลการทดสอบ
    ทดสอบกับ exploit chains จริงจากมัลแวร์ระดับรัฐในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    พบว่า MIE ตัดขาดขั้นตอนสำคัญของการโจมตี ทำให้ไม่สามารถสร้าง chain ใหม่ได้
    ระบบสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการโจมตี
    เปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Enhanced Security ใน Xcode

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Google เริ่มใช้ MTE ใน Pixel 8 แต่ยังไม่ใช่แบบ always-on และไม่ผสาน OS ลึกเท่า Apple
    Microsoft มีระบบคล้ายกันใน Windows 11 แต่ยังไม่ครอบคลุมระดับเคอร์เนล
    Apple เป็นรายแรกที่ใช้ PAC ใน A12 และพัฒนา EMTE ต่อเนื่อง
    MIE ครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสใน iOS 26 และ iPhone 17

    https://security.apple.com/blog/memory-integrity-enforcement/
    🛡️ “Apple เปิดตัว Memory Integrity Enforcement บน iPhone 17 — ป้องกันมัลแวร์ระดับรัฐด้วยระบบความปลอดภัยหน่วยความจำที่ไม่เคยมีมาก่อน” Apple ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Memory Integrity Enforcement (MIE) บน iPhone 17 และ iPhone Air ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระบบปฏิบัติการสำหรับผู้บริโภค โดยใช้เวลาพัฒนานานกว่า 5 ปี และผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ Apple Silicon กับระบบปฏิบัติการ iOS อย่างลึกซึ้ง เป้าหมายของ MIE คือการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ระดับสูง โดยเฉพาะ “mercenary spyware” เช่น Pegasus ที่มักถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรเพื่อเจาะระบบของบุคคลเป้าหมาย เช่น นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งการโจมตีเหล่านี้มักใช้ช่องโหว่ด้าน memory corruption เป็นหลัก หัวใจของ MIE คือการใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Arm โดยทุกบล็อกหน่วยความจำจะถูกติด “แท็กลับ” และฮาร์ดแวร์จะตรวจสอบว่าโปรแกรมที่เข้าถึงหน่วยความจำนั้นมีแท็กตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ระบบจะบล็อกทันทีและปิดโปรเซส — ทำให้การโจมตีแบบ buffer overflow และ use-after-free แทบเป็นไปไม่ได้ Apple ยังเสริมระบบด้วย Tag Confidentiality Enforcement เพื่อป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel และ speculative execution เช่น Spectre V1 โดยใช้เทคนิคใหม่ที่ลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพแทบเป็นศูนย์ นอกจากฮาร์ดแวร์ A19 และ A19 Pro ที่รองรับ MIE แล้ว Apple ยังเปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Xcode เพื่อทดสอบแอปของตนภายใต้ระบบความปลอดภัยใหม่นี้ โดยครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสในระดับผู้ใช้และเคอร์เนล ✅ ฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE) ➡️ ป้องกันช่องโหว่ memory corruption เช่น buffer overflow และ use-after-free ➡️ ใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) แบบ synchronous ➡️ ทุกบล็อกหน่วยความจำมีแท็กลับที่ต้องตรงกันก่อนเข้าถึง ➡️ ระบบจะบล็อกทันทีหากแท็กไม่ตรง และปิดโปรเซสเพื่อความปลอดภัย ✅ การออกแบบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ ใช้ Apple Silicon A19 และ A19 Pro ที่มีพื้นที่เฉพาะสำหรับ MIE ➡️ ผสานกับ secure memory allocators เช่น kalloc_type, xzone malloc และ libpas ➡️ ป้องกันการโจมตีภายใน bucket หน่วยความจำที่ software ปกติป้องกันไม่ได้ ➡️ ลด overhead ของการตรวจสอบแท็กให้เหลือน้อยที่สุด ✅ การป้องกันขั้นสูง ➡️ ใช้ Tag Confidentiality Enforcement ป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel ➡️ มี mitigation สำหรับ Spectre V1 ที่แทบไม่มีผลต่อ CPU ➡️ ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำที่ไม่มีแท็ก เช่น global variables ➡️ ใช้ Secure Page Table Monitor เพื่อป้องกันการเจาะเคอร์เนล ✅ การใช้งานจริงและผลการทดสอบ ➡️ ทดสอบกับ exploit chains จริงจากมัลแวร์ระดับรัฐในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ➡️ พบว่า MIE ตัดขาดขั้นตอนสำคัญของการโจมตี ทำให้ไม่สามารถสร้าง chain ใหม่ได้ ➡️ ระบบสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการโจมตี ➡️ เปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Enhanced Security ใน Xcode ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Google เริ่มใช้ MTE ใน Pixel 8 แต่ยังไม่ใช่แบบ always-on และไม่ผสาน OS ลึกเท่า Apple ➡️ Microsoft มีระบบคล้ายกันใน Windows 11 แต่ยังไม่ครอบคลุมระดับเคอร์เนล ➡️ Apple เป็นรายแรกที่ใช้ PAC ใน A12 และพัฒนา EMTE ต่อเนื่อง ➡️ MIE ครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสใน iOS 26 และ iPhone 17 https://security.apple.com/blog/memory-integrity-enforcement/
    SECURITY.APPLE.COM
    Memory Integrity Enforcement: A complete vision for memory safety in Apple devices - Apple Security Research
    Memory Integrity Enforcement (MIE) is the culmination of an unprecedented design and engineering effort spanning half a decade that combines the unique strengths of Apple silicon hardware with our advanced operating system security to provide industry-first, always-on memory safety protection across our devices — without compromising our best-in-class device performance. We believe Memory Integrity Enforcement represents the most significant upgrade to memory safety in the history of consumer operating systems.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal”

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2

    หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน

    แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน

    นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก

    เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal
    เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน
    ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ
    มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์
    ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม
    มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน
    การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal

    การตอบสนองของรัฐบาล
    รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย
    นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต
    ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน
    ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
    ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย

    บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ
    สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน
    UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
    ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ
    การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    📱 “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2 หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก ✅ เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal ➡️ เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน ➡️ ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ ➡️ มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์ ➡️ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม ➡️ มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน ➡️ การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal ✅ การตอบสนองของรัฐบาล ➡️ รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย ➡️ นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ➡️ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน ➡️ ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ➡️ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย ✅ บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ ➡️ สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน ➡️ UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ➡️ ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ ➡️ การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nepal scraps social-media ban as deadly clashes kill 19 people
    Nepal's government scrapped a days-old prohibition on social-media after the ban sparked deadly clashes between police and protesters that local media reported left 19 people dead and 347 injured.
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • วัส ติงสมิตร อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) วิเคราะห์เจาะลึก 6 เหตุการณ์สำคัญใน "ละครแห่งชีวิตของทักษิณคดีป่วยทิพย์ชั้น 14" โดยตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในการอ้างอาการป่วยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเหตุผลในการย้ายตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แทนที่จะรับโทษจำคุกในเรือนจำ ผู้เขียนมองว่าการบังคับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษา และหากศาลฎีกาพิจารณาว่าการจำคุกไม่ถูกต้องครบถ้วน ก็มีอำนาจออกหมายจำคุกตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086009

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วัส ติงสมิตร อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) วิเคราะห์เจาะลึก 6 เหตุการณ์สำคัญใน "ละครแห่งชีวิตของทักษิณคดีป่วยทิพย์ชั้น 14" โดยตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในการอ้างอาการป่วยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเหตุผลในการย้ายตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แทนที่จะรับโทษจำคุกในเรือนจำ ผู้เขียนมองว่าการบังคับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษา และหากศาลฎีกาพิจารณาว่าการจำคุกไม่ถูกต้องครบถ้วน ก็มีอำนาจออกหมายจำคุกตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086009 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 509 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 3
    กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans
    จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009
    จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !)
    ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ
    คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น
    – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ
    – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008)
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !)
    แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ
    (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร
    ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 3 กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009 จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !) ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008) นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !) แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน เชือด

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ‘มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 23 : “เชือด”
    หลายประเทศขยาดจากการที่ราคาน้ำมันขึ้นอย่างบ้าเลือด เมื่อตอนปี ค.ศ. 1973 พวกเขาพยายามหาทางพึ่งพาน้ำมันให้น้อยลง ประมาณปี ค.ศ. 1975 Brazil จึงติดต่อเยอรมันให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ Mexico ก็สนใจทำตาม เพื่อรักษาน้ำมันที่ตนมีอยู่ไว้ให้นานที่สุด แต่ที่ทำให้นักเล่นกลเริ่มออกอาการ คือ Shah แห่งอิหร่าน มีน้ำมันเยอะแยะ แต่ดันจะเก็บไว้ ไม่ยอมหลวมตัวเอาน้ำมันแลกกับกระดาษอีกต่อไป เตรียมตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามแผนที่วางไว้ ปี ค.ศ. 1995 อิหร่านจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 20 โรง ทำให้อิหร่านขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่มีโครงการนิวเคลียร์
    อเมริกาเริ่มนั่งไม่ติด พยายามเจรจาให้เยอรมันยกเลิกสัญญากับอิหร่าน แต่ไม่สำเร็จ อเมริกาไม่มีอำนาจเหนือเยอรมัน ค.ศ. 1978 อเมริกาเหลือทางเลือกทางเดียว ต้องเลิกสนับสนุน Shah หาคนอื่นมาเป็นหุ่นแทน ขณะที่อเมริกากำลังคิดแผนกำจัด Shah Shah ก็เดินเชิดหน้าไปสดุดฝ่าเท้านายท่านเจ้าเก่า British Petroleum (BP) ซึ่งกำลังเจราจาต่อสัญญากับ Shah อีก 25 ปี โดย BP ยื่นเงื่อนไขว่าอิหร่านต้องให้สิทธิพิเศษแก่ BP รายเดียวสำหรับน้ำมันที่อิหร่านจะขุดเจอในอนาคต แต่ไม่ยอมประกันราคาซื้อ (แหม ! สัญญาได้ประโยชน์ขาเดียว แบบนี้เขาเรียกสัญญาทาส) คราวนี้ Shah Rukh Khanข็งข้อบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะไปหาคนซื้อรายอื่นแล้วกัน ยังมีเรียงแถวกันมาอีกแยะ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น
    เยอรมันอีกแล้ว ! นายท่านร้อง เจ็บนั้นไม่ลืม ยังจะมีเพิ่มเจ็บนี้อีกนานหรือไง นายท่านไม่รอช้าสั่งตั้งโรงงิ้วทันที มันลืมไปแล้วหรือไง ว่าไปนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้อย่างไร ว่าแล้วก็กระทืบเท้า 3 ที เรียกลูกรักมาสั่งความ ไประดมพวกเรากันมา คราวนี้ต้องใช้เด็กหลายคนหน่อย
    แผน 1 ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978 นายท่านสั่งให้ไปหาคนมาแทน Shah ก่อน อ่า ! เจอแล้วครับท่านเอาท่าน Ayotolloh Khomeini ไหมครับ เขาเคยเป็นคู่กรณีกันอยู่ ตอนนี้นั่งเฉย ๆ อยู่ที่ฝรั่งเศส
    แล้วแผน 2 ก็เริ่มตามมา นักสร้างฉากนักเล่นกล ค่าย US และ UK พากันจูงมือเข้าไปเดินพล่านในกรุงเตหะราน แล้วข่าวเรื่อง Shah ไม่ประพฤติตัวตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม ก็ทะยอยตามออกมา ประชาชนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจ Shah เริ่มเป็นที่วิพากษ์อย่างรุนแรง (ทั้ง ๆ เรื่องดังกล่าวก็มีมานานแล้ว) เรื่องการทำตัวหรูหราความฟู่ฟ่าของครอบครัว Shah ก็ทะยอยออกมา (ทั้ง ๆ ความจริงก็เป็นมาอย่างนี้นานแล้วเช่นกัน) ข่าวปล่อยเพิ่มเรื่องอีกว่าไปShah เป็นเผด็จการ มีตำรวจลับคอยจับประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สื่อ BBC ก็ประโคมข่าวทุกวัน ทุกวันในขณะเดียวกัน ท่าน Khomeini ก็เริ่มมีการออกความเห็นผ่านสื่อต่างชาติ แต่ข่าวที่ Shah โต้ตอบ ไม่มีออกไปในสื่อ
    การออกข่าวแบบนี้ดำเนินไปได้ไม่เท่าไหร่ ประชาชนลุกขึ้นเดินขบวนขับไล่ Shah เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1979 ก็มีคนมาช่วย Shah เก็บกระเป๋าขนของและครอบครัวออกไปจากอิหร่าน แล้วก็มีคนมาเชิญท่าน Ayotolleh Khomeini มาเป็นประมุขประเทศ ล้มบัลลังก์นกยูงของ Shah ลง และสถาปนาอิหร่านเป็นรัฐศาสนา ความวุ่นวายของอิหร่านก็เริ่มสงบ แต่ที่ตามมาคือ British Petroleum และ Royal Dutch Shell ต่างยกเลิกสัญญาซื้อน้ำมันกับอิหร่านเสียหมด
    แค่นั้นมันเบาไปหน่อยไหม กับคนที่ไม่รู้ถี่รู้ห่าง อุตสาห์อุ้มมานั่งบัลลังก์ ชุบเลี้ยงให้ร่ำรวย นอกจากไม่ยอมให้ตุ๋นต่อแล้ว ยังจะไปสมคบกับศัตรู แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ อเมริกาจัดหนักให้กับอิหร่านจริง ๆ นอกจากยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำมันแล้ว อเมริกายังประกาศคว่ำบาตร ห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเคมีจากอิหร่าน รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านอีกด้วย ต่อมาก็ห้ามไป ถึงการขนส่ง การประกันภัย เรียกว่าห้ามธุรกิจอเมริกาไปยุ่งเกี่ยวกับอิหร่านเกือบทั้งหมด
    และมันไม่ได้หยุดแค่นั้น อเมริกาใช้อิทธิพลของตนเองที่มีเหนือประเทศต่าง ๆ ทั้งมิตรและคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล (แน่นอนของตาย !) ประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป กลุ่ม BRRICS ให้คว่ำบาตร (sanction) อิหร่านด้วยเช่นกัน การคว่ำบาตรเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1979 จนบัดนี้ยังไม่เลิก และยังเพิ่มข้อหาไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะข้อหาว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ UN มีมติให้ทำการตรวจสอบ ซึ่งถึงเดี๋ยวนี้ก็ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าอิหร่านทำเช่นนั้นจริง แต่อิหร่านก็ยังอยู่ได้ ประเทศแม้จะจนถึงขนาด แต่ชาวอิหร่านไม่ยอมอ่อนข้อให้อเมริกา เขาก้มหน้าก้มตาสร้างบ้านเมืองในแบบเขา เมื่อเขาผลิตเครื่องอีเลคโทรนิค
    หรือเครื่องมือในโลกไซเบอร์ได้ อเมริกาก็ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ผลิต มันเกี่ยวกับน้ำมันตรงไหนนะ
    อเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต จิกโก๋ปากซอยตัวจริง แต่จิกโก๋คิดแค่นี้หรือ ยี่สิบกว่าปีที่อิหร่านถูกคว่ำบาตร ขายน้ำมันยากเย็น เพราะฉะนั้นดินแดนอิหร่านน้ำมันยังไม่พร่องมาก เพราะยังไม่มีใครกล้ามาแตะ ตอนนี้อิหร่านมีน้ำมัน ก็เหมือนไม่มี เจอการวิธีเล่นกล เสกน้ำมันให้หาย (ค่า) ได้แต่กัดฟันรอเวลาเอาคืน แล้วคอยดูไปเถอะ เมื่อถึงเวลา “อันเหมาะสม” รายแรกที่จะเข้าไปเปิดบ่อน้ำมันใหม่คืออเมริกา อ้าว ! มาแล้วไงคุณโอบามาเริ่มออกข่าวแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะมีการนัดเจรจาพิจารณาลดหย่อน เงื่อนไขการคว่ำบาตรให้กับอิหร่าน เห็นฝีมือหรือยัง การเล่นกลจาก 2 ค่าย 2 ฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติค ! นี่ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการเชือดทิ้งจริง ๆ เมื่อหมดประโยชน์ หรือหมากตัวที่ส่งไปเล่นในกระดาน แต่ดันเล่นผิดบทหรือทำให้เกิด cost overrun ! เขาก็เปลี่ยนหมากตัวใหม่ แต่ยังเอามากำกับให้เดิน ในกระดานของเขาเหมือนเดิม


    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน เชือด นิทานเรื่องจริง เรื่อง ‘มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 23 : “เชือด” หลายประเทศขยาดจากการที่ราคาน้ำมันขึ้นอย่างบ้าเลือด เมื่อตอนปี ค.ศ. 1973 พวกเขาพยายามหาทางพึ่งพาน้ำมันให้น้อยลง ประมาณปี ค.ศ. 1975 Brazil จึงติดต่อเยอรมันให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ Mexico ก็สนใจทำตาม เพื่อรักษาน้ำมันที่ตนมีอยู่ไว้ให้นานที่สุด แต่ที่ทำให้นักเล่นกลเริ่มออกอาการ คือ Shah แห่งอิหร่าน มีน้ำมันเยอะแยะ แต่ดันจะเก็บไว้ ไม่ยอมหลวมตัวเอาน้ำมันแลกกับกระดาษอีกต่อไป เตรียมตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามแผนที่วางไว้ ปี ค.ศ. 1995 อิหร่านจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 20 โรง ทำให้อิหร่านขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่มีโครงการนิวเคลียร์ อเมริกาเริ่มนั่งไม่ติด พยายามเจรจาให้เยอรมันยกเลิกสัญญากับอิหร่าน แต่ไม่สำเร็จ อเมริกาไม่มีอำนาจเหนือเยอรมัน ค.ศ. 1978 อเมริกาเหลือทางเลือกทางเดียว ต้องเลิกสนับสนุน Shah หาคนอื่นมาเป็นหุ่นแทน ขณะที่อเมริกากำลังคิดแผนกำจัด Shah Shah ก็เดินเชิดหน้าไปสดุดฝ่าเท้านายท่านเจ้าเก่า British Petroleum (BP) ซึ่งกำลังเจราจาต่อสัญญากับ Shah อีก 25 ปี โดย BP ยื่นเงื่อนไขว่าอิหร่านต้องให้สิทธิพิเศษแก่ BP รายเดียวสำหรับน้ำมันที่อิหร่านจะขุดเจอในอนาคต แต่ไม่ยอมประกันราคาซื้อ (แหม ! สัญญาได้ประโยชน์ขาเดียว แบบนี้เขาเรียกสัญญาทาส) คราวนี้ Shah Rukh Khanข็งข้อบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะไปหาคนซื้อรายอื่นแล้วกัน ยังมีเรียงแถวกันมาอีกแยะ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมันอีกแล้ว ! นายท่านร้อง เจ็บนั้นไม่ลืม ยังจะมีเพิ่มเจ็บนี้อีกนานหรือไง นายท่านไม่รอช้าสั่งตั้งโรงงิ้วทันที มันลืมไปแล้วหรือไง ว่าไปนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้อย่างไร ว่าแล้วก็กระทืบเท้า 3 ที เรียกลูกรักมาสั่งความ ไประดมพวกเรากันมา คราวนี้ต้องใช้เด็กหลายคนหน่อย แผน 1 ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978 นายท่านสั่งให้ไปหาคนมาแทน Shah ก่อน อ่า ! เจอแล้วครับท่านเอาท่าน Ayotolloh Khomeini ไหมครับ เขาเคยเป็นคู่กรณีกันอยู่ ตอนนี้นั่งเฉย ๆ อยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วแผน 2 ก็เริ่มตามมา นักสร้างฉากนักเล่นกล ค่าย US และ UK พากันจูงมือเข้าไปเดินพล่านในกรุงเตหะราน แล้วข่าวเรื่อง Shah ไม่ประพฤติตัวตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม ก็ทะยอยตามออกมา ประชาชนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจ Shah เริ่มเป็นที่วิพากษ์อย่างรุนแรง (ทั้ง ๆ เรื่องดังกล่าวก็มีมานานแล้ว) เรื่องการทำตัวหรูหราความฟู่ฟ่าของครอบครัว Shah ก็ทะยอยออกมา (ทั้ง ๆ ความจริงก็เป็นมาอย่างนี้นานแล้วเช่นกัน) ข่าวปล่อยเพิ่มเรื่องอีกว่าไปShah เป็นเผด็จการ มีตำรวจลับคอยจับประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สื่อ BBC ก็ประโคมข่าวทุกวัน ทุกวันในขณะเดียวกัน ท่าน Khomeini ก็เริ่มมีการออกความเห็นผ่านสื่อต่างชาติ แต่ข่าวที่ Shah โต้ตอบ ไม่มีออกไปในสื่อ การออกข่าวแบบนี้ดำเนินไปได้ไม่เท่าไหร่ ประชาชนลุกขึ้นเดินขบวนขับไล่ Shah เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1979 ก็มีคนมาช่วย Shah เก็บกระเป๋าขนของและครอบครัวออกไปจากอิหร่าน แล้วก็มีคนมาเชิญท่าน Ayotolleh Khomeini มาเป็นประมุขประเทศ ล้มบัลลังก์นกยูงของ Shah ลง และสถาปนาอิหร่านเป็นรัฐศาสนา ความวุ่นวายของอิหร่านก็เริ่มสงบ แต่ที่ตามมาคือ British Petroleum และ Royal Dutch Shell ต่างยกเลิกสัญญาซื้อน้ำมันกับอิหร่านเสียหมด แค่นั้นมันเบาไปหน่อยไหม กับคนที่ไม่รู้ถี่รู้ห่าง อุตสาห์อุ้มมานั่งบัลลังก์ ชุบเลี้ยงให้ร่ำรวย นอกจากไม่ยอมให้ตุ๋นต่อแล้ว ยังจะไปสมคบกับศัตรู แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ อเมริกาจัดหนักให้กับอิหร่านจริง ๆ นอกจากยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำมันแล้ว อเมริกายังประกาศคว่ำบาตร ห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเคมีจากอิหร่าน รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านอีกด้วย ต่อมาก็ห้ามไป ถึงการขนส่ง การประกันภัย เรียกว่าห้ามธุรกิจอเมริกาไปยุ่งเกี่ยวกับอิหร่านเกือบทั้งหมด และมันไม่ได้หยุดแค่นั้น อเมริกาใช้อิทธิพลของตนเองที่มีเหนือประเทศต่าง ๆ ทั้งมิตรและคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล (แน่นอนของตาย !) ประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป กลุ่ม BRRICS ให้คว่ำบาตร (sanction) อิหร่านด้วยเช่นกัน การคว่ำบาตรเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1979 จนบัดนี้ยังไม่เลิก และยังเพิ่มข้อหาไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะข้อหาว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ UN มีมติให้ทำการตรวจสอบ ซึ่งถึงเดี๋ยวนี้ก็ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าอิหร่านทำเช่นนั้นจริง แต่อิหร่านก็ยังอยู่ได้ ประเทศแม้จะจนถึงขนาด แต่ชาวอิหร่านไม่ยอมอ่อนข้อให้อเมริกา เขาก้มหน้าก้มตาสร้างบ้านเมืองในแบบเขา เมื่อเขาผลิตเครื่องอีเลคโทรนิค หรือเครื่องมือในโลกไซเบอร์ได้ อเมริกาก็ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ผลิต มันเกี่ยวกับน้ำมันตรงไหนนะ อเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต จิกโก๋ปากซอยตัวจริง แต่จิกโก๋คิดแค่นี้หรือ ยี่สิบกว่าปีที่อิหร่านถูกคว่ำบาตร ขายน้ำมันยากเย็น เพราะฉะนั้นดินแดนอิหร่านน้ำมันยังไม่พร่องมาก เพราะยังไม่มีใครกล้ามาแตะ ตอนนี้อิหร่านมีน้ำมัน ก็เหมือนไม่มี เจอการวิธีเล่นกล เสกน้ำมันให้หาย (ค่า) ได้แต่กัดฟันรอเวลาเอาคืน แล้วคอยดูไปเถอะ เมื่อถึงเวลา “อันเหมาะสม” รายแรกที่จะเข้าไปเปิดบ่อน้ำมันใหม่คืออเมริกา อ้าว ! มาแล้วไงคุณโอบามาเริ่มออกข่าวแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะมีการนัดเจรจาพิจารณาลดหย่อน เงื่อนไขการคว่ำบาตรให้กับอิหร่าน เห็นฝีมือหรือยัง การเล่นกลจาก 2 ค่าย 2 ฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติค ! นี่ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการเชือดทิ้งจริง ๆ เมื่อหมดประโยชน์ หรือหมากตัวที่ส่งไปเล่นในกระดาน แต่ดันเล่นผิดบทหรือทำให้เกิด cost overrun ! เขาก็เปลี่ยนหมากตัวใหม่ แต่ยังเอามากำกับให้เดิน ในกระดานของเขาเหมือนเดิม คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • ..555,เอาเลย ดีต่อคนทั้งโลกแน่นอนเพราะตัดตอนสงครามโลกได้ด้วย ลบเขมรออกจากแผนที่โลกร่วมกัน แบ่งพื้นที่เขมรกันเลย ไทยก็เอาแค่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปตามประวัติศาสตร์เสียดินแดนสยามเราครั้งที่12นั้นล่ะ ไม่ไปทวงลาวทวงเวียดนามคืนอีกหรอก,พื้นที่แค่นี้ก็พอแล้ว,ลาวกับเวียดนามตกลงแบ่งกันเองจะ50:50ก็ตามสบายหลังจากไทยคืนพื้นที่ตามที่ว่านั้นแล้ว,โดยมีเงื่อนไขแถมอีกนิดคือถีบประชาชนเขมรทั้งหมดไปยึดเกาะมาเลย์ฝั่งบรูไนแทนเพราะสนิทสนมรักพอรักใคร่กันมากเป็นตัวกลางแบบบังคับไทยให้หยุดวันที่28เลยทันทีนะ ทหารไทยต้องการ48ชม. มันสมคบคิดกันต้องหยุด24ชม.จากมาเลย์คนไม่เป็นกลางช่วยเขมรเต็มที่ เช่นนั้นจงช่วยมันให้ถึงที่สุด ถีบไปเกาะมาเลย์มึงติดบรูไนเลย,เพราะเวียดนามและลาวจะยิงทิ้งหมดหากไม่ไป.ไม่ออกจากพื้นที่ เผ่าพันธ์นี้ไว้ใจไม่ได้ ต้องถีบไปไกลๆจากพวกเราสถานเดียว,
    ..วิธีการคือเขมรยิงใส่ลาวแล้ว ลาวเปิดก่อนเลย จากนั้นเวียดนามจึงค่อยตามหลังมีกระสุนไปถึงพื้นที่เวียดนามจะลาวเจตนายิงใส่เวียดนามการละครก่อนก็ได้แต่เวียดนามเข้าใจว่าเขมรยิงใส่หรือจ้างฝ่ายเขมรที่ทรยศฮุนเซนยิงตกใส่เวียดนามจริง,เวียดนามก็เปิดเลย บุกยึดเขมรร่วมกันกับลาวกับไทยที่คู่ศัตรูอยู่แล้ว.,เด็ดหัวฮุนเซนเสร็จ ถีบชาวเขมรไปเกาะพักพิงหลยหนีสงครามประเทศโลกที่สองที่สามมาเลย์ก็ว่าไปตามสิทธิมนุษยชน เพราะมาไทย ไทยยิงทิ้งทุกๆตัวทันทีแล้ว,ไปลาว ลาวก็เด็ดหัวทุกๆตัวเขมร ไปเวียดนามยิงดับอนาถเช่นกัน.
    ..ลาวจึงใช่มุกเปิดก่อนได้ ไม่น่าอายอะไร อ้างว่าลาวมั่นไส้เขมรนานแล้วที่ยิงลาวจึงไม่พอใจอยู่แล้ว,ให้ทหารลาวแอบไปตีหัวทหารเขมรก็ได้ อ้างจะช่วยไทยยึดเขมรมาแบ่งกับลาวกับเวียดนามก็ได้,
    ..อาเชียนเราสงบสุขแน่นอน.

    https://youtube.com/watch?v=4Je1aNj-xYc&si=BzBYu4Jslp-Y3NQJ
    ..555,เอาเลย ดีต่อคนทั้งโลกแน่นอนเพราะตัดตอนสงครามโลกได้ด้วย ลบเขมรออกจากแผนที่โลกร่วมกัน แบ่งพื้นที่เขมรกันเลย ไทยก็เอาแค่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปตามประวัติศาสตร์เสียดินแดนสยามเราครั้งที่12นั้นล่ะ ไม่ไปทวงลาวทวงเวียดนามคืนอีกหรอก,พื้นที่แค่นี้ก็พอแล้ว,ลาวกับเวียดนามตกลงแบ่งกันเองจะ50:50ก็ตามสบายหลังจากไทยคืนพื้นที่ตามที่ว่านั้นแล้ว,โดยมีเงื่อนไขแถมอีกนิดคือถีบประชาชนเขมรทั้งหมดไปยึดเกาะมาเลย์ฝั่งบรูไนแทนเพราะสนิทสนมรักพอรักใคร่กันมากเป็นตัวกลางแบบบังคับไทยให้หยุดวันที่28เลยทันทีนะ ทหารไทยต้องการ48ชม. มันสมคบคิดกันต้องหยุด24ชม.จากมาเลย์คนไม่เป็นกลางช่วยเขมรเต็มที่ เช่นนั้นจงช่วยมันให้ถึงที่สุด ถีบไปเกาะมาเลย์มึงติดบรูไนเลย,เพราะเวียดนามและลาวจะยิงทิ้งหมดหากไม่ไป.ไม่ออกจากพื้นที่ เผ่าพันธ์นี้ไว้ใจไม่ได้ ต้องถีบไปไกลๆจากพวกเราสถานเดียว, ..วิธีการคือเขมรยิงใส่ลาวแล้ว ลาวเปิดก่อนเลย จากนั้นเวียดนามจึงค่อยตามหลังมีกระสุนไปถึงพื้นที่เวียดนามจะลาวเจตนายิงใส่เวียดนามการละครก่อนก็ได้แต่เวียดนามเข้าใจว่าเขมรยิงใส่หรือจ้างฝ่ายเขมรที่ทรยศฮุนเซนยิงตกใส่เวียดนามจริง,เวียดนามก็เปิดเลย บุกยึดเขมรร่วมกันกับลาวกับไทยที่คู่ศัตรูอยู่แล้ว.,เด็ดหัวฮุนเซนเสร็จ ถีบชาวเขมรไปเกาะพักพิงหลยหนีสงครามประเทศโลกที่สองที่สามมาเลย์ก็ว่าไปตามสิทธิมนุษยชน เพราะมาไทย ไทยยิงทิ้งทุกๆตัวทันทีแล้ว,ไปลาว ลาวก็เด็ดหัวทุกๆตัวเขมร ไปเวียดนามยิงดับอนาถเช่นกัน. ..ลาวจึงใช่มุกเปิดก่อนได้ ไม่น่าอายอะไร อ้างว่าลาวมั่นไส้เขมรนานแล้วที่ยิงลาวจึงไม่พอใจอยู่แล้ว,ให้ทหารลาวแอบไปตีหัวทหารเขมรก็ได้ อ้างจะช่วยไทยยึดเขมรมาแบ่งกับลาวกับเวียดนามก็ได้, ..อาเชียนเราสงบสุขแน่นอน. https://youtube.com/watch?v=4Je1aNj-xYc&si=BzBYu4Jslp-Y3NQJ
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • ไทยเผยชี้แจงสวีเดนแล้ว! กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ที่ชายแดน ขัดกฎบัตรยูเอ็น
    https://www.thai-tai.tv/news/21165/
    .
    #ไทยไท #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #กระทรวงการต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา #ชายแดน #ยูเอ็น #สวีเดน #JBC #โล่มนุษย์ #สิทธิมนุษยชน

    ไทยเผยชี้แจงสวีเดนแล้ว! กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ที่ชายแดน ขัดกฎบัตรยูเอ็น https://www.thai-tai.tv/news/21165/ . #ไทยไท #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #กระทรวงการต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา #ชายแดน #ยูเอ็น #สวีเดน #JBC #โล่มนุษย์ #สิทธิมนุษยชน
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • เหม็นกำหมัดแน่น!!! สื่อกัมพูชางอแง สวีเดนขาย "กริพเพน" ให้ไทย อ้าง "ฮุน เซน" ขอให้ทำสัญญาห้ามไทยใช้เครื่องบินรบ หวั่นซ้ำรอยโจมตีกัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/21164/
    .
    #ไทยไท #ฮุนเซน #เครื่องบินขับไล่ #กัมพูชา #กริพเพน #F16 #สวีเดน #สหรัฐอเมริกา #สิทธิมนุษยชน

    เหม็นกำหมัดแน่น!!! สื่อกัมพูชางอแง สวีเดนขาย "กริพเพน" ให้ไทย อ้าง "ฮุน เซน" ขอให้ทำสัญญาห้ามไทยใช้เครื่องบินรบ หวั่นซ้ำรอยโจมตีกัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/21164/ . #ไทยไท #ฮุนเซน #เครื่องบินขับไล่ #กัมพูชา #กริพเพน #F16 #สวีเดน #สหรัฐอเมริกา #สิทธิมนุษยชน
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • สื่อกัมพูชา ออกอาการงอแง หลังสวีเดนขาย Gripen ให้ไทยเพิ่ม ขุดคำพูด “ฮุนเซน” เคยบอกประเทศที่ขายเครื่องบินรบให้ไทย ต้องมีเงื่อนไขห้ามใช้โจมตีประเทศเพื่อนบ้าน อ้างช่วงสงครามเมื่อปลายเดือนก่อน ไทยเคยใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนกัมพูชา ทั้งที่สวีเดนเคยเป็นประเทศส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081525

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สื่อกัมพูชา ออกอาการงอแง หลังสวีเดนขาย Gripen ให้ไทยเพิ่ม ขุดคำพูด “ฮุนเซน” เคยบอกประเทศที่ขายเครื่องบินรบให้ไทย ต้องมีเงื่อนไขห้ามใช้โจมตีประเทศเพื่อนบ้าน อ้างช่วงสงครามเมื่อปลายเดือนก่อน ไทยเคยใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนกัมพูชา ทั้งที่สวีเดนเคยเป็นประเทศส่งเสริมสิทธิมนุษยชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081525 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • งานในฝันหรือกับดัก? เมื่อข้อเสนอจากรัสเซียกลายเป็นภัยเงียบต่อหญิงสาวแอฟริกัน

    ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โฆษณางานจากรัสเซียที่ดูหรูหราและน่าดึงดูดได้แพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคือหญิงสาวอายุระหว่าง 18–22 ปี ข้อเสนอเหล่านี้มาพร้อมคำสัญญาเรื่องเงินเดือนสูง ที่พักฟรี และโอกาสในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

    แต่เบื้องหลังความสวยงามนั้น กลับมีรายงานจากหลายองค์กรวิจัยว่า ผู้หญิงเหล่านี้ถูกส่งไปทำงานในโรงงานประกอบโดรน Shahed 136 ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในสงครามยูเครน และโรงงานเหล่านี้ถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง

    องค์กรที่อยู่เบื้องหลังการรับสมัครคือ Alabuga Start ซึ่งเป็นหน่วยงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Alabuga ของรัสเซีย โดยมีการขยายการรับสมัครไปยังประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 2023

    รัฐบาลแอฟริกาใต้ โดยกระทรวงสตรี เยาวชน และผู้พิการ ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง ระมัดระวังอย่างยิ่ง

    นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยว่าองค์กรในเครือ BRICS บางแห่งในแอฟริกาใต้ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อส่งแรงงานกว่า 5,600 คนไปยัง Alabuga และบริษัทก่อสร้างในรัสเซีย ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลว่าอาจมีการแอบแฝงเป้าหมายทางทหาร

    กระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้ยืนยันว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้ช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งกลับประเทศหลังจากเธอพบว่าข้อเสนอที่ได้รับไม่เป็นจริง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    กระทรวงสตรีของแอฟริกาใต้เตือนประชาชนให้ระวังข้อเสนอทำงานในรัสเซีย
    ข้อเสนอเหล่านี้มาจาก Alabuga Start ซึ่งเป็นหน่วยงานรับสมัครในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัสเซีย
    กลุ่มเป้าหมายคือหญิงสาวอายุ 18–22 ปีจากแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    มีรายงานว่าแรงงานหญิงถูกส่งไปทำงานในโรงงานประกอบโดรน Shahed 136
    โรงงานเหล่านี้ถูกโจมตีโดยยูเครนเป็นประจำ
    กระทรวงต่างประเทศแอฟริกาใต้กำลังสอบสวนเรื่องนี้ และได้ช่วยเหลือหญิงสาวกลับประเทศ
    รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือละเมิดสิทธิ
    ข้อเสนอเหล่านี้ถูกโปรโมทผ่านอินฟลูเอนเซอร์ใน Instagram และ TikTok
    BRICS Women’s Business Alliance ในแอฟริกาใต้ลงนามข้อตกลงส่งแรงงาน 5,600 คนไปยังรัสเซีย
    ปัญหาการว่างงานในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงอายุต่ำกว่า 34 ปี สูงถึง 48%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Shahed 136 เป็นโดรนโจมตีที่รัสเซียใช้ในสงครามยูเครน และมีต้นแบบจากอิหร่าน
    Alabuga เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ผลิตอาวุธและเทคโนโลยีทางทหาร
    รัสเซียเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการสูญเสียประชากรชายในสงคราม
    การใช้ BRICS เป็นเครื่องมือในการรับสมัครแรงงานอาจเป็นการบิดเบือนวัตถุประสงค์ขององค์กร
    การรับสมัครแรงงานหญิงเพื่อประกอบอาวุธอาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/26/south-africa-womens-ministry-warns-on-russian-job-offers
    🎙️ งานในฝันหรือกับดัก? เมื่อข้อเสนอจากรัสเซียกลายเป็นภัยเงียบต่อหญิงสาวแอฟริกัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โฆษณางานจากรัสเซียที่ดูหรูหราและน่าดึงดูดได้แพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคือหญิงสาวอายุระหว่าง 18–22 ปี ข้อเสนอเหล่านี้มาพร้อมคำสัญญาเรื่องเงินเดือนสูง ที่พักฟรี และโอกาสในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ แต่เบื้องหลังความสวยงามนั้น กลับมีรายงานจากหลายองค์กรวิจัยว่า ผู้หญิงเหล่านี้ถูกส่งไปทำงานในโรงงานประกอบโดรน Shahed 136 ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในสงครามยูเครน และโรงงานเหล่านี้ถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง องค์กรที่อยู่เบื้องหลังการรับสมัครคือ Alabuga Start ซึ่งเป็นหน่วยงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Alabuga ของรัสเซีย โดยมีการขยายการรับสมัครไปยังประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 2023 รัฐบาลแอฟริกาใต้ โดยกระทรวงสตรี เยาวชน และผู้พิการ ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง ระมัดระวังอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยว่าองค์กรในเครือ BRICS บางแห่งในแอฟริกาใต้ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อส่งแรงงานกว่า 5,600 คนไปยัง Alabuga และบริษัทก่อสร้างในรัสเซีย ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลว่าอาจมีการแอบแฝงเป้าหมายทางทหาร กระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้ยืนยันว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้ช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งกลับประเทศหลังจากเธอพบว่าข้อเสนอที่ได้รับไม่เป็นจริง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ กระทรวงสตรีของแอฟริกาใต้เตือนประชาชนให้ระวังข้อเสนอทำงานในรัสเซีย ➡️ ข้อเสนอเหล่านี้มาจาก Alabuga Start ซึ่งเป็นหน่วยงานรับสมัครในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัสเซีย ➡️ กลุ่มเป้าหมายคือหญิงสาวอายุ 18–22 ปีจากแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ➡️ มีรายงานว่าแรงงานหญิงถูกส่งไปทำงานในโรงงานประกอบโดรน Shahed 136 ➡️ โรงงานเหล่านี้ถูกโจมตีโดยยูเครนเป็นประจำ ➡️ กระทรวงต่างประเทศแอฟริกาใต้กำลังสอบสวนเรื่องนี้ และได้ช่วยเหลือหญิงสาวกลับประเทศ ➡️ รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือละเมิดสิทธิ ➡️ ข้อเสนอเหล่านี้ถูกโปรโมทผ่านอินฟลูเอนเซอร์ใน Instagram และ TikTok ➡️ BRICS Women’s Business Alliance ในแอฟริกาใต้ลงนามข้อตกลงส่งแรงงาน 5,600 คนไปยังรัสเซีย ➡️ ปัญหาการว่างงานในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงอายุต่ำกว่า 34 ปี สูงถึง 48% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Shahed 136 เป็นโดรนโจมตีที่รัสเซียใช้ในสงครามยูเครน และมีต้นแบบจากอิหร่าน ➡️ Alabuga เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ผลิตอาวุธและเทคโนโลยีทางทหาร ➡️ รัสเซียเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการสูญเสียประชากรชายในสงคราม ➡️ การใช้ BRICS เป็นเครื่องมือในการรับสมัครแรงงานอาจเป็นการบิดเบือนวัตถุประสงค์ขององค์กร ➡️ การรับสมัครแรงงานหญิงเพื่อประกอบอาวุธอาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/26/south-africa-womens-ministry-warns-on-russian-job-offers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    South Africa Women’s Ministry warns on Russian job offers
    "We are extremely worried," he said. "Influencers have been mobilised to promote these opportunities that look very good on paper."
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • รมว.กต. เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตาม กม.ระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด โจมตีพลเรือนไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080703


    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รมว.กต. เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตาม กม.ระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด โจมตีพลเรือนไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080703 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • ให้สัญชาติ “เขมร” บ้านหนองจาน ใช่ทางออกหรือ? (23/8/68)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #บ้านหนองจาน
    #สิทธิมนุษยชน
    #ThaiPolitics
    #BorderConflict
    ให้สัญชาติ “เขมร” บ้านหนองจาน ใช่ทางออกหรือ? (23/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #ชายแดนไทยกัมพูชา #บ้านหนองจาน #สิทธิมนุษยชน #ThaiPolitics #BorderConflict
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 0 Reviews
More Results