• บริษัท Singapore Telecommunications (SingTel) ได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาแหล่งข้อมูลศูนย์ (data centre) ใหม่ในสิงคโปร์ ศูนย์ข้อมูลนี้จะมีขนาดใหญ่ถึง 58 เมกะวัตต์และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยสินเชื่อสีเขียวนี้เป็นสินเชื่อที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    สินเชื่อสีเขียวมาจากธนาคาร DBS, OCBC, Standard Chartered, HSBC, และ United Overseas Bank ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ SingTel มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

    สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่การพัฒนาศูนย์ข้อมูลนี้จะมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการประมวลผลงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยเสริมสร้างความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนั้นในเดือนธันวาคมปี 2023 SingTel ยังได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 535 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อใช้ชำระหนี้และพัฒนาศูนย์ข้อมูลอีกสองแห่ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/singtel-secures-476-million-green-loan-to-develop-data-centre
    บริษัท Singapore Telecommunications (SingTel) ได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาแหล่งข้อมูลศูนย์ (data centre) ใหม่ในสิงคโปร์ ศูนย์ข้อมูลนี้จะมีขนาดใหญ่ถึง 58 เมกะวัตต์และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยสินเชื่อสีเขียวนี้เป็นสินเชื่อที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินเชื่อสีเขียวมาจากธนาคาร DBS, OCBC, Standard Chartered, HSBC, และ United Overseas Bank ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ SingTel มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่การพัฒนาศูนย์ข้อมูลนี้จะมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการประมวลผลงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยเสริมสร้างความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนั้นในเดือนธันวาคมปี 2023 SingTel ยังได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 535 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อใช้ชำระหนี้และพัฒนาศูนย์ข้อมูลอีกสองแห่ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/singtel-secures-476-million-green-loan-to-develop-data-centre
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SingTel secures $476 million green loan to develop data centre
    (Reuters) - Singapore Telecommunications (SingTel) said on Friday that it had secured a S$643 million ($476.16 million) green loan to finance the development of a new 58 megawatt (MW) data centre in the city-state.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ

    ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด

    เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี

    ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564

    MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก

    พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน

    #Newskit
    ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥แอฟริกาใต้💥 โจฮันเนสเบิร์ก - พริทอเรีย - Union Building - Game Drive - สวนเสือ - ห้าง Mall of Africa - ช้อปปิ้ง - ลิ้มรสบาร์บีคิวเนื้อสัตว์ - เคปทาวน์ - Table Mountain - ฟาร์มนกกระจอกเทศ - ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย - วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ - ล่องเรือชมแมวน้ำ - ถนน Chapman’s Peak - ชมฝูงนกเพนกวิน - ไซมอนทาวน์ - แหลมกู๊ดโฮป

    📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-13 เม.ย.68 / 18-25 พ.ค.68 / 8-15 มิ.ย.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 95,900
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : A09881
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : SQ-สิงคโปร์แอร์ไลน์

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ee1ba1

    ดูทัวร์แอฟริกาใต้ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/681410

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์แอฟริกาใต้ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    💥แอฟริกาใต้💥 โจฮันเนสเบิร์ก - พริทอเรีย - Union Building - Game Drive - สวนเสือ - ห้าง Mall of Africa - ช้อปปิ้ง - ลิ้มรสบาร์บีคิวเนื้อสัตว์ - เคปทาวน์ - Table Mountain - ฟาร์มนกกระจอกเทศ - ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย - วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ - ล่องเรือชมแมวน้ำ - ถนน Chapman’s Peak - ชมฝูงนกเพนกวิน - ไซมอนทาวน์ - แหลมกู๊ดโฮป 📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-13 เม.ย.68 / 18-25 พ.ค.68 / 8-15 มิ.ย.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 95,900 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : A09881 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : SQ-สิงคโปร์แอร์ไลน์ ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ee1ba1 ดูทัวร์แอฟริกาใต้ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/681410 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์แอฟริกาใต้ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ้ายันต์ ลูกอมหลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม จ.นราธิวาส

    ผ้ายันต์เขียนมือ + ลูกอมหลวงพ่อดำ (หายากมาก) วัดใหม่นภาราม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส //เครื่องรางมหาอำนาจ เพิ่มอำนาจวาสนาบารมี คงกระพันชาตรี หลวงพ่อดำ ผู้ที่สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ///พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดจากอันตราย ป้องกันภัย เป็นมหาลาภ ปลดหนี้ปลดสิน พลิกฟื้นดวงชะตาได้ มีโชค มีลาภ เป็นมงคลชีวิตแก่ผู้ครอบครอง >>

    ** หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม (ศิษย์หลวงพ่อครน วัดบางแซะ ) สหธรรมิกของท่านได้แก่ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย และพ่อท่านแก้ว วัดรังสิตาวาส วัตถุมงคลของหลวงพ่อดำโด่งดังไปทั่วเมืองไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย... ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน( มาเลเซีย ) ผู้สร้างพระปิดตาที่มีชื่อเสียงและพุทธคุณไม่น้อยไปกว่าสายเขาอ้อพัทลุง โดยเฉพาะชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่นับถือศาสนาพุทธให้ความนิยมมาก >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ผ้ายันต์ ลูกอมหลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม จ.นราธิวาส ผ้ายันต์เขียนมือ + ลูกอมหลวงพ่อดำ (หายากมาก) วัดใหม่นภาราม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส //เครื่องรางมหาอำนาจ เพิ่มอำนาจวาสนาบารมี คงกระพันชาตรี หลวงพ่อดำ ผู้ที่สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ///พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดจากอันตราย ป้องกันภัย เป็นมหาลาภ ปลดหนี้ปลดสิน พลิกฟื้นดวงชะตาได้ มีโชค มีลาภ เป็นมงคลชีวิตแก่ผู้ครอบครอง >> ** หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม (ศิษย์หลวงพ่อครน วัดบางแซะ ) สหธรรมิกของท่านได้แก่ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย และพ่อท่านแก้ว วัดรังสิตาวาส วัตถุมงคลของหลวงพ่อดำโด่งดังไปทั่วเมืองไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย... ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน( มาเลเซีย ) ผู้สร้างพระปิดตาที่มีชื่อเสียงและพุทธคุณไม่น้อยไปกว่าสายเขาอ้อพัทลุง โดยเฉพาะชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่นับถือศาสนาพุทธให้ความนิยมมาก >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ได้ลักลอบนำเข้า GPU ของ Nvidia ที่ถูกจำกัดการส่งออกสำหรับงาน AI ผ่านทางสิงคโปร์หรือไม่. มีความกังวลว่า DeepSeek อาจใช้ GPU ที่ถูกจำกัดเหล่านี้ในการฝึกโมเดล AI ของตน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI และ Google

    DeepSeek ไม่ได้เปิดเผยฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการฝึกโมเดล R1 ของตน แต่เคยระบุว่าใช้ GPU H800 จำนวน 2,048 หน่วยในการฝึกโมเดล V3 ที่มีพารามิเตอร์ 671 พันล้านตัวในเวลาเพียงสองเดือน. การฝึกโมเดล R1 น่าจะใช้ทรัพยากรมากกว่าโมเดล V3 แต่ยังคงใช้ทรัพยากรน้อยกว่าโมเดลของคู่แข่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดการส่งออก GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังจีนมาหลายปีแล้ว และในปี 2023 ได้กำหนดกฎใหม่ที่จำกัดประสิทธิภาพของ GPU ที่สามารถขายให้กับจีนและประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจำกัด ทำให้หลายคนเชื่อว่าเป็นช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึง GPU H100 ของ Nvidia ได้

    ในขณะเดียวกัน Nvidia ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ และรายงานรายได้จากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 22% ในสองปี บริษัทระบุว่าการทำธุรกรรมส่วนใหญ่กับสิงคโปร์เกี่ยวข้องกับการจัดส่งไปยังที่อื่น ไม่ใช่จีน.

    การสืบสวนนี้ยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการยืนยันว่ามีกฎหมายใดถูกละเมิดหรือไม่ แต่มีการเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการการออกใบอนุญาตที่เข้มงวดขึ้นหากสิงคโปร์ไม่เพิ่มการควบคุมการจัดส่ง

    ไม่ว่ากฎหมายจะเป็นยังไงก็สู้พลังของเงินและพลังของมดงานที่ช่วยขนไปจีนไม่ได้หรอกลุงว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-investigates-whether-deepseek-smuggled-nvidia-ai-gpus-via-singapore
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ได้ลักลอบนำเข้า GPU ของ Nvidia ที่ถูกจำกัดการส่งออกสำหรับงาน AI ผ่านทางสิงคโปร์หรือไม่. มีความกังวลว่า DeepSeek อาจใช้ GPU ที่ถูกจำกัดเหล่านี้ในการฝึกโมเดล AI ของตน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI และ Google DeepSeek ไม่ได้เปิดเผยฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการฝึกโมเดล R1 ของตน แต่เคยระบุว่าใช้ GPU H800 จำนวน 2,048 หน่วยในการฝึกโมเดล V3 ที่มีพารามิเตอร์ 671 พันล้านตัวในเวลาเพียงสองเดือน. การฝึกโมเดล R1 น่าจะใช้ทรัพยากรมากกว่าโมเดล V3 แต่ยังคงใช้ทรัพยากรน้อยกว่าโมเดลของคู่แข่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดการส่งออก GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังจีนมาหลายปีแล้ว และในปี 2023 ได้กำหนดกฎใหม่ที่จำกัดประสิทธิภาพของ GPU ที่สามารถขายให้กับจีนและประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจำกัด ทำให้หลายคนเชื่อว่าเป็นช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึง GPU H100 ของ Nvidia ได้ ในขณะเดียวกัน Nvidia ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ และรายงานรายได้จากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 22% ในสองปี บริษัทระบุว่าการทำธุรกรรมส่วนใหญ่กับสิงคโปร์เกี่ยวข้องกับการจัดส่งไปยังที่อื่น ไม่ใช่จีน. การสืบสวนนี้ยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการยืนยันว่ามีกฎหมายใดถูกละเมิดหรือไม่ แต่มีการเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการการออกใบอนุญาตที่เข้มงวดขึ้นหากสิงคโปร์ไม่เพิ่มการควบคุมการจัดส่ง ไม่ว่ากฎหมายจะเป็นยังไงก็สู้พลังของเงินและพลังของมดงานที่ช่วยขนไปจีนไม่ได้หรอกลุงว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-investigates-whether-deepseek-smuggled-nvidia-ai-gpus-via-singapore
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    U.S. investigates whether DeepSeek smuggled Nvidia AI GPUs via Singapore
    Nvidia denies wrongdoing, but Singapore now accounts for 22% of its revenue.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ มุ่งเน้นถึงความสำคัญขอ
    งสุขภาพประชากร มีผลทำให้อายุเฉลี่ยของชาวสิงคโปร์(เพิ่มขึ้น) 20 ปี หรือมากกว่า ทำให้สิงคโปร์กลายเป็น Bluezone 2.0 นับเป็นดินแดนแห่งที่ 6 ของโลกที่มีประชากรอายุยืนร้อยปีหรือมากกว่า
    หลายนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ มุ่งเน้นถึงความสำคัญขอ งสุขภาพประชากร มีผลทำให้อายุเฉลี่ยของชาวสิงคโปร์(เพิ่มขึ้น) 20 ปี หรือมากกว่า ทำให้สิงคโปร์กลายเป็น Bluezone 2.0 นับเป็นดินแดนแห่งที่ 6 ของโลกที่มีประชากรอายุยืนร้อยปีหรือมากกว่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store

    การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด

    Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store

    ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง

    การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google blocked 2.36 million risky Android apps from Play Store in 2024
    Google blocked 2.3 million Android app submissions to the Play Store in 2024 due to violations of its policies that made them potentially risky for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์
    รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ
    ..............................
    US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg
    01/30/2025, 07:25 PM
    Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday.

    Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model.

    The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget.

    DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions.

    But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology.

    Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims.

    Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI.

    DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure.

    DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers.

    https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์ รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ .............................. US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg 01/30/2025, 07:25 PM Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday. Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model. The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget. DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions. But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology. Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims. Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI. DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure. DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers. https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นางสาวแพทองธาร นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ผู้อยู่กินฉันสามีภริยาตามที่ ป.ป.ช. กำหนด และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท 
    มีการระบุสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง ได้แก่ 1. สิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London 2. สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London
    โดยรายการสิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London มีการระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2550 สิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. 3537 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 987 ปี มูลค่าอยู่ที่ 111,612,250 บาท
    ส่วนสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2560 สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. 3552 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 992 ปี มูลค่าอยู่ที่ 208,342,867 บาท  

    ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ย้อนกลับไปตรวจสอบรายละเอียดสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง เพิ่มเติม พบว่า สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London มีการแนบเอกสารเกี่ยวกับสิทธิในการเช่า จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2560 ระบุรายละเอียดคร่าวๆว่ามีเงื่อนไขการเช่า 999 ปี ถึงวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 3009
    มีคู่สัญญา (Parties) สองฝ่าย ได้แก่ 1.Tropic Offshore Holdings Inc และ 2. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร
    ในส่วนทะเบียนกรรมสิทธิ์ระบุว่า มีผู้เป็นเจ้าของหรือProprietor ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร 
    โดยราคานอกเหนือจากค่าเช่าที่ระบุไว้ว่าได้จ่ายจากการให้สัญญาเช่าคือ 1 ปอนด์ (The Price, other than rents,  stated to have been paid on the grant of the lease was 1 Pound)
    สำหรับรายละเอียด บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ปรากฏข้อมูลจากเอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ซึ่งเป็นการตีแผ่ข้อมูลการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักกฎหมายชื่อ มอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonceka) ที่เป็นบริษัทรับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปานามา และมีสาขาอยู่ใน 42 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเรื่องการถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตกถึงมือของสื่อมวลชน โดยมีขนาดความจุ 2.6 เทราไบต์ มีเอกสารทั้งหมด 11.5 ล้านชิ้น ประกอบไปด้วยข้อมูลของบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมด 214,000 บริษัท โดยการขุดคุ้ยและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของเอกสารที่ให้ชื่อว่า “ปานามาลีก” (Panama Leak) นี้เป็นความร่วมมือกันของผู้สื่อข่าวจำนวน 370 คนจาก 78 ประเทศ) 
    เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรม ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550

    ข้อมูลบริคณห์สนธิบริษัทฯ ระบุว่า บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ถูกจัดตั้งโดยบริษัทในสิงคโปร์ชื่อว่าบริษัท UBS AG สิงคโปร์ โดยการจัดตั้งบริษัทนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2549 และมีการขายบริษัทไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2549 และบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็น 1,681,675 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน)

    โดยผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการบริษัทในปัจจุบัน คือ บริษัท NWT Directors Limited ซึ่งเข้ามาเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2550
    สำหรับที่อยู่ปัจจุบันของบริษัทฯ อยู่ที่ One Raffles Quay#50-01 North TowerSINGAPORE 048583

    ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีการแจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews/135213-isranews-Panamaaart.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2nLggEACbFIpzdcfGrZHzXUZThT8iizlgvTwRRYpTn4EOauqjWa9YuLWk_aem_NcAfeRGv0VtwZQuV8JHOxA#a76xjgtso0awrd0kdad0xn25e74459qj
    เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นางสาวแพทองธาร นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ผู้อยู่กินฉันสามีภริยาตามที่ ป.ป.ช. กำหนด และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท  มีการระบุสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง ได้แก่ 1. สิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London 2. สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London โดยรายการสิทธิในการเช่าที่ Flat 11 Knaresborough Place London มีการระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2550 สิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. 3537 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 987 ปี มูลค่าอยู่ที่ 111,612,250 บาท ส่วนสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ระบุว่า ได้สิทธินี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2560 สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. 3552 หรือก็คือระยะเวลาเช่าสิทธินาน ถึง 992 ปี มูลค่าอยู่ที่ 208,342,867 บาท   ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ย้อนกลับไปตรวจสอบรายละเอียดสิทธิในการเช่าที่อยู่ที่อังกฤษ 2 แห่ง เพิ่มเติม พบว่า สิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London มีการแนบเอกสารเกี่ยวกับสิทธิในการเช่า จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2560 ระบุรายละเอียดคร่าวๆว่ามีเงื่อนไขการเช่า 999 ปี ถึงวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 3009 มีคู่สัญญา (Parties) สองฝ่าย ได้แก่ 1.Tropic Offshore Holdings Inc และ 2. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ในส่วนทะเบียนกรรมสิทธิ์ระบุว่า มีผู้เป็นเจ้าของหรือProprietor ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร,นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร  โดยราคานอกเหนือจากค่าเช่าที่ระบุไว้ว่าได้จ่ายจากการให้สัญญาเช่าคือ 1 ปอนด์ (The Price, other than rents,  stated to have been paid on the grant of the lease was 1 Pound) สำหรับรายละเอียด บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ปรากฏข้อมูลจากเอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ซึ่งเป็นการตีแผ่ข้อมูลการถือครองบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักกฎหมายชื่อ มอสแซค ฟอนเซก้า (Mossack Fonceka) ที่เป็นบริษัทรับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปานามา และมีสาขาอยู่ใน 42 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเรื่องการถือครองบริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตกถึงมือของสื่อมวลชน โดยมีขนาดความจุ 2.6 เทราไบต์ มีเอกสารทั้งหมด 11.5 ล้านชิ้น ประกอบไปด้วยข้อมูลของบริษัทนอกอาณาเขตทั้งหมด 214,000 บริษัท โดยการขุดคุ้ยและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของเอกสารที่ให้ชื่อว่า “ปานามาลีก” (Panama Leak) นี้เป็นความร่วมมือกันของผู้สื่อข่าวจำนวน 370 คนจาก 78 ประเทศ)  เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรม ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550 ข้อมูลบริคณห์สนธิบริษัทฯ ระบุว่า บริษัท Tropic Offshore Holdings Inc ถูกจัดตั้งโดยบริษัทในสิงคโปร์ชื่อว่าบริษัท UBS AG สิงคโปร์ โดยการจัดตั้งบริษัทนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2549 และมีการขายบริษัทไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2549 และบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็น 1,681,675 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน) โดยผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการบริษัทในปัจจุบัน คือ บริษัท NWT Directors Limited ซึ่งเข้ามาเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้อำนวยการเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2550 สำหรับที่อยู่ปัจจุบันของบริษัทฯ อยู่ที่ One Raffles Quay#50-01 North TowerSINGAPORE 048583 ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการเช่าที่ Flat 6, 14 Montpelier street London ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีการแจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567  ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews/135213-isranews-Panamaaart.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2nLggEACbFIpzdcfGrZHzXUZThT8iizlgvTwRRYpTn4EOauqjWa9YuLWk_aem_NcAfeRGv0VtwZQuV8JHOxA#a76xjgtso0awrd0kdad0xn25e74459qj
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เปิดตัวบริษัทในเอกสารปานามา คู่สัญญานายกฯได้กรรมสิทธิ์เช่าอะพาร์ตเมนต์ลอนดอน เฉียดพันปี
    เอกสารข่าวปานามาเปเปอร์ส ระบุว่า เมื่อปี 2549 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด (มหาชน) พี่ชายคนโตของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ได้ดำเนินการเข้าซื้อและจดทะเบียนเป็นเจ้าของผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม ชื่อเจ้าของผู้รับผลประโยชน์ได้เปลี่ยนจากนายบรรณพจน์เป็นนาย กาลิด โมฮัมหมัด กาดฟอร์ อัลเมไฮรี (Khalid Mohamad Kadfoor Almehairi) ในปี 2550
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบ "วิษณุ เครืองาม" อดีตรองนายกฯ เป็นประธานกฤษฎีกาคณะพิเศษ พิจารณา กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะที่ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" อดีต ปธ.กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นั่งเป็นกรรมการด้วย คาดเสร็จเร็วกว่า 50 วัน
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... หรือ กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พร้อมทั้งส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 (เกี่ยวกับบริหารราชการแผ่นดิน) เป็นประธาน และมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13 (เกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เป็นกรรมการด้วย
    .
    ขณะที่รัฐบาลได้ส่ง นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนเข้าไปร่วมประชุมคอยชี้แจงหลักการและแนวคิดของรัฐบาล โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมกันไปแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และกระทรวงการมหาดไทย เข้าไปชี้แจงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า จากการเร่งเดินหน้าเรื่องดังกล่าว อาจทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จเร็วกว่ากรอบ 50 วัน ที่จะครบในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2568
    .
    ขณะที่เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) นายปกรณ์​ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า การหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ในตอนนี้เรียกประชุม 3-4 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่เรียกกระทรวงการคลัง​ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแล้ว ซึ่งการหารือไม่ได้มีอะไร ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อสังเกตไว้​ อย่างเรื่องการรักษาการร่วม และการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ได้มีประเด็นอะไร
    .
    ส่วนที่นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง​ ระบุกฎหมายจะไม่มีการตราเรื่องสัดส่วนกาสิโน 10% ลงไปในนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนที่กฤษฎีกามองว่าควรจะมีการบัญญัติสัดส่วนของกาสิโนลงไปในกฎหมายเลยหรือไม่ เนื่องจากหากไม่มีการเขียนลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย นายปกรณ์เห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่​นายจุลพันธ์มาชี้แจงและเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติขนาดนั้น
    .
    ด้านนายจุล​พันธ์ปฏิเสธจะชี้แจงรายละเอียด ระบุเพียงว่า​ ไม่มีอะไร การพูดคุยคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษราบรื่นดี ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่ร่างกาสิโน โดยได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริง และเป็นไปในแนวทางนโยบายแห่งรัฐ โดยสรุปว่านโยบายนี้คือองค์ประกอบของธุรกิจหลายรูปแบบ โดยรัฐบาลสามารถกำหนดได้ ซึ่งกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับสัดส่วนกาสิโนไม่ได้มีการเขียนในกฎหมายตั้งแต่ต้น แต่อยู่ที่เจตจำนงของผู้กำหนดนโยบายในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเปิดกว้างเอาไว้ แต่หากต้องกำหนด เช่น ไม่เกิน 10% ก็สามารถดำเนินการได้​ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด​ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถบริหารจัดการได้
    .
    ส่วนการไม่กำหนดสัดส่วนกาสิโนเข้าไปในกฎหมาย จะไม่เป็นช่องโหว่ทางกฎหมายนั้น นายจุล​พันธ์ยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องกาสิโนรายละเอียดของสถานที่ก็จะยังไม่เขียนในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบาย (ซูเปอร์บอร์ด) สถานบันเทิงครบวงจรในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งตามหลักโมเดลธุรกิจไม่เกิน 10% เพราะมาตรฐานทั่วโลกไม่เกิน 5% เช่น สิงคโปร์ มีสัดส่วนกาสิโน 3% ฉะนั้นอย่าจินตนาการเลยสิ่งที่มันไม่เป็นจริงและข้อเท็จจริง​ พร้อมยืนยันว่าไม่กังวล ที่ขณะนี้สังคมกำลังจับตา เพราะทำตามหน้าที่และขั้นตอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009147
    ..............
    Sondhi X
    พบ "วิษณุ เครืองาม" อดีตรองนายกฯ เป็นประธานกฤษฎีกาคณะพิเศษ พิจารณา กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะที่ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" อดีต ปธ.กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นั่งเป็นกรรมการด้วย คาดเสร็จเร็วกว่า 50 วัน . วันนี้ (29 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... หรือ กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พร้อมทั้งส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับถ้อยคำให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 (เกี่ยวกับบริหารราชการแผ่นดิน) เป็นประธาน และมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13 (เกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เป็นกรรมการด้วย . ขณะที่รัฐบาลได้ส่ง นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนเข้าไปร่วมประชุมคอยชี้แจงหลักการและแนวคิดของรัฐบาล โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมกันไปแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และกระทรวงการมหาดไทย เข้าไปชี้แจงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า จากการเร่งเดินหน้าเรื่องดังกล่าว อาจทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จเร็วกว่ากรอบ 50 วัน ที่จะครบในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2568 . ขณะที่เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) นายปกรณ์​ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า การหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ในตอนนี้เรียกประชุม 3-4 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่เรียกกระทรวงการคลัง​ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแล้ว ซึ่งการหารือไม่ได้มีอะไร ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อสังเกตไว้​ อย่างเรื่องการรักษาการร่วม และการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ได้มีประเด็นอะไร . ส่วนที่นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง​ ระบุกฎหมายจะไม่มีการตราเรื่องสัดส่วนกาสิโน 10% ลงไปในนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนที่กฤษฎีกามองว่าควรจะมีการบัญญัติสัดส่วนของกาสิโนลงไปในกฎหมายเลยหรือไม่ เนื่องจากหากไม่มีการเขียนลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย นายปกรณ์เห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่​นายจุลพันธ์มาชี้แจงและเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติขนาดนั้น . ด้านนายจุล​พันธ์ปฏิเสธจะชี้แจงรายละเอียด ระบุเพียงว่า​ ไม่มีอะไร การพูดคุยคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษราบรื่นดี ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่ร่างกาสิโน โดยได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริง และเป็นไปในแนวทางนโยบายแห่งรัฐ โดยสรุปว่านโยบายนี้คือองค์ประกอบของธุรกิจหลายรูปแบบ โดยรัฐบาลสามารถกำหนดได้ ซึ่งกาสิโนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับสัดส่วนกาสิโนไม่ได้มีการเขียนในกฎหมายตั้งแต่ต้น แต่อยู่ที่เจตจำนงของผู้กำหนดนโยบายในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเปิดกว้างเอาไว้ แต่หากต้องกำหนด เช่น ไม่เกิน 10% ก็สามารถดำเนินการได้​ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด​ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถบริหารจัดการได้ . ส่วนการไม่กำหนดสัดส่วนกาสิโนเข้าไปในกฎหมาย จะไม่เป็นช่องโหว่ทางกฎหมายนั้น นายจุล​พันธ์ยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องกาสิโนรายละเอียดของสถานที่ก็จะยังไม่เขียนในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบาย (ซูเปอร์บอร์ด) สถานบันเทิงครบวงจรในอนาคต เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งตามหลักโมเดลธุรกิจไม่เกิน 10% เพราะมาตรฐานทั่วโลกไม่เกิน 5% เช่น สิงคโปร์ มีสัดส่วนกาสิโน 3% ฉะนั้นอย่าจินตนาการเลยสิ่งที่มันไม่เป็นจริงและข้อเท็จจริง​ พร้อมยืนยันว่าไม่กังวล ที่ขณะนี้สังคมกำลังจับตา เพราะทำตามหน้าที่และขั้นตอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009147 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    11
    5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2062 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment

    นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ

    บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น

    ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ

    ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้ออกมายืนยันว่า DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพจากจีนที่สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยีด้วยโมเดล R1 ที่สามารถแข่งขันกับโมเดล o1 ของ OpenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ต้นทุนเพียง 1/50 ของการฝึกอบรมโมเดล LLM ที่ซับซ้อนทั่วไปนั้น ปฏิบัติตามข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่

    DeepSeek ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA โดยใช้เทคนิค Test Time Scaling ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโมเดลใหม่โดยใช้โมเดลและคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ DeepSeek ต้องการ GPU ของ NVIDIA จำนวนมากและเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง

    อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า DeepSeek อาจได้รับ GPU H100 ของ NVIDIA ผ่านทางสิงคโปร์ ซึ่งคิดเป็น 22% ของการเรียกเก็บเงินของ NVIDIA ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่การจัดส่งจริงนั้น "ไม่สำคัญ" ตามที่ NVIDIA รายงาน

    การพัฒนาโมเดล R1 ของ DeepSeek นี้ทำให้หุ้นของ NVIDIA ลดลง 17% ในการซื้อขายของวันนั้น เนื่องจากความกังวลว่าโมเดลนี้จะลดความต้องการของ hyperscalers ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสั่งซื้อของ NVIDIA

    https://wccftech.com/nvidia-says-deepseeks-breakthrough-is-fully-compliant-with-us-export-restrictions/
    NVIDIA ได้ออกมายืนยันว่า DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพจากจีนที่สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยีด้วยโมเดล R1 ที่สามารถแข่งขันกับโมเดล o1 ของ OpenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ต้นทุนเพียง 1/50 ของการฝึกอบรมโมเดล LLM ที่ซับซ้อนทั่วไปนั้น ปฏิบัติตามข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ DeepSeek ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA โดยใช้เทคนิค Test Time Scaling ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโมเดลใหม่โดยใช้โมเดลและคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ DeepSeek ต้องการ GPU ของ NVIDIA จำนวนมากและเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า DeepSeek อาจได้รับ GPU H100 ของ NVIDIA ผ่านทางสิงคโปร์ ซึ่งคิดเป็น 22% ของการเรียกเก็บเงินของ NVIDIA ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่การจัดส่งจริงนั้น "ไม่สำคัญ" ตามที่ NVIDIA รายงาน การพัฒนาโมเดล R1 ของ DeepSeek นี้ทำให้หุ้นของ NVIDIA ลดลง 17% ในการซื้อขายของวันนั้น เนื่องจากความกังวลว่าโมเดลนี้จะลดความต้องการของ hyperscalers ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสั่งซื้อของ NVIDIA https://wccftech.com/nvidia-says-deepseeks-breakthrough-is-fully-compliant-with-us-export-restrictions/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Says DeepSeek's Breakthrough Is "Fully" Compliant With US Export Restrictions
    NVIDIA has now jumped into the ongoing speculative melee with an endorsement of DeepSeek's AI-related efforts.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 1 รีวิว
  • รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก

    ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้

    แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว

    กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน

    น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย

    อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้ แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • Beat Generation
    .
    Epilogue
    .
    .
    ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย

    เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้

    แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    Beat Generation . Epilogue . . ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้ แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน

    โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร

    ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง

    ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา

    ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีสิงคโปร์​ 13​ วิ​ 😁
    สวัสดีสิงคโปร์​ 13​ วิ​ 😁
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป
    .
    ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี
    .
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
    .
    เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA
    .
    นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
    .
    16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
    .
    ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
    .
    ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
    .
    จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง
    .
    ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า
    .
    ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
    .
    แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป . ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี . ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้ . เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA . นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา . 16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด . ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง . ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้ . จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง . ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า . ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น . แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    24
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1399 มุมมอง 0 รีวิว
  • K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน

    โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น

    ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้)

    รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน

    นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้) รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมเก็บเหรียญ Jagat น่าสงสัยความเสี่ยงสูง

    Jagat ภาษาอินโดนีเซียแปลว่าจักรวาล ระบุตัวเองว่าเป็นแอปพลิเคชันค้นหาครอบครัวและเพื่อน แต่มีกิจกรรมที่ชื่อว่า Jagat Coin Hunt เปิดให้ทำภารกิจล่าเหรียญเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย โดยนำเหรียญที่จัดทำขึ้นไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ แล้วให้คนที่เล่นเกมไปตามหาเหรียญบนแผนที่ เปิดระบบตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น. เมื่อพบเหรียญจะต้องกรอกรหัสบนเหรียญ ถ่ายคลิปและภาพนิ่งลงในติ๊กต็อกพร้อมแฮชแท็กที่กำหนด จะได้เงินรางวัลตั้งแต่ 500 บาท ถึง 200,000 บาท

    เมื่อมีการโปรโมตเกมผ่านติ๊กต็อก ทำให้วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งคนที่ทำอาชีพอิสระ เช่น ไรเดอร์ ออกตามหาเหรียญโดยรวมตัวกันในสถานที่ซึ่งถูกบอกใบ้ว่ามีเหรียญซ่อนอยู่จำนวนมาก และบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางคนรื้อสถานที่สาธารณะทั้งต้นไม้ใบหญ้า งัดฝาท่อ งัดอิฐตัวหนอน งัดเก้าอี้ ทรัพย์สินเสียหาย ที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชนต่างโดดเรียนเพื่อตามหาเหรียญโดยไม่บอกผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม

    แอปพลิเคชัน Jagat พัฒนาโดยบริษัท JAGAT TECHNOLOGY PTE. LTD. จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ใช้ที่อยู่ในอาคาร OUE Downtown ข้อมูลจาก RocketReach ระบุว่าประธานบริษัทคือ Barry Beagen อยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และซีอีโอคือ Xing Loy อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีพนักงานจำนวน 19 คน จากการค้นหาเว็บไซต์ LinkedIn พบว่าพนักงานมีทั้งอยู่ในอินโดนีเซีย ประเทศจีน (เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน) สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ไม่พบว่าจดทะเบียนหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทย

    ที่น่าเป็นห่วงก็คือ จากการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พบว่าไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง อาทิ การให้เสียเงินจำนวนมากเพื่อบอกคำใบ้ที่ซ่อนเหรียญ เริ่มต้นที่ 149 บาท ถ้าต้องการคำใบ้เพิ่ม ต้องซื้อเพิ่มตั้งแต่ 29 ถึง 300 บาท ซึ่งมีเยาวชนจำนวนมากเสียเงินเพื่อซื้อคำใบ้ ส่วนผู้สื่อข่าวพอพบเหรียญกลับถูกยกเลิกเพราะผู้ดูแลระบบรู้ว่าเป็นผู้สื่อข่าว การเพิ่มเพื่อนที่พบว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง อีกฝ่ายสามารถติดตามได้ถ้าเสียเงินสมัครสมาชิก ทั้งการเคลื่อนย้าย พิกัดโลเกชัน การใช้โทรศัพท์ การชาร์จแบตเตอรี แม้กระทั่งการนอนหลับและการตื่นนอน ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับคนที่ประสงค์ร้ายต่อเด็ก

    ล่าสุดพบว่าการโอนเงินรางวัลผ่านทรูวอลเล็ตไม่ใช่บัญชีบริษัท แต่เป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีผู้ได้รับเงินรางวัลรายหนึ่ง ไปให้การกับตำรวจไซเบอร์ตามหมายเรียก แล้วถูกผู้ดูแลระบบตัดออกจากเกม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เกมเก็บเหรียญ Jagat น่าสงสัยความเสี่ยงสูง Jagat ภาษาอินโดนีเซียแปลว่าจักรวาล ระบุตัวเองว่าเป็นแอปพลิเคชันค้นหาครอบครัวและเพื่อน แต่มีกิจกรรมที่ชื่อว่า Jagat Coin Hunt เปิดให้ทำภารกิจล่าเหรียญเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย โดยนำเหรียญที่จัดทำขึ้นไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ แล้วให้คนที่เล่นเกมไปตามหาเหรียญบนแผนที่ เปิดระบบตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น. เมื่อพบเหรียญจะต้องกรอกรหัสบนเหรียญ ถ่ายคลิปและภาพนิ่งลงในติ๊กต็อกพร้อมแฮชแท็กที่กำหนด จะได้เงินรางวัลตั้งแต่ 500 บาท ถึง 200,000 บาท เมื่อมีการโปรโมตเกมผ่านติ๊กต็อก ทำให้วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งคนที่ทำอาชีพอิสระ เช่น ไรเดอร์ ออกตามหาเหรียญโดยรวมตัวกันในสถานที่ซึ่งถูกบอกใบ้ว่ามีเหรียญซ่อนอยู่จำนวนมาก และบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางคนรื้อสถานที่สาธารณะทั้งต้นไม้ใบหญ้า งัดฝาท่อ งัดอิฐตัวหนอน งัดเก้าอี้ ทรัพย์สินเสียหาย ที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชนต่างโดดเรียนเพื่อตามหาเหรียญโดยไม่บอกผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม แอปพลิเคชัน Jagat พัฒนาโดยบริษัท JAGAT TECHNOLOGY PTE. LTD. จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ใช้ที่อยู่ในอาคาร OUE Downtown ข้อมูลจาก RocketReach ระบุว่าประธานบริษัทคือ Barry Beagen อยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และซีอีโอคือ Xing Loy อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีพนักงานจำนวน 19 คน จากการค้นหาเว็บไซต์ LinkedIn พบว่าพนักงานมีทั้งอยู่ในอินโดนีเซีย ประเทศจีน (เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน) สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ไม่พบว่าจดทะเบียนหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทย ที่น่าเป็นห่วงก็คือ จากการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พบว่าไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง อาทิ การให้เสียเงินจำนวนมากเพื่อบอกคำใบ้ที่ซ่อนเหรียญ เริ่มต้นที่ 149 บาท ถ้าต้องการคำใบ้เพิ่ม ต้องซื้อเพิ่มตั้งแต่ 29 ถึง 300 บาท ซึ่งมีเยาวชนจำนวนมากเสียเงินเพื่อซื้อคำใบ้ ส่วนผู้สื่อข่าวพอพบเหรียญกลับถูกยกเลิกเพราะผู้ดูแลระบบรู้ว่าเป็นผู้สื่อข่าว การเพิ่มเพื่อนที่พบว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง อีกฝ่ายสามารถติดตามได้ถ้าเสียเงินสมัครสมาชิก ทั้งการเคลื่อนย้าย พิกัดโลเกชัน การใช้โทรศัพท์ การชาร์จแบตเตอรี แม้กระทั่งการนอนหลับและการตื่นนอน ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับคนที่ประสงค์ร้ายต่อเด็ก ล่าสุดพบว่าการโอนเงินรางวัลผ่านทรูวอลเล็ตไม่ใช่บัญชีบริษัท แต่เป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีผู้ได้รับเงินรางวัลรายหนึ่ง ไปให้การกับตำรวจไซเบอร์ตามหมายเรียก แล้วถูกผู้ดูแลระบบตัดออกจากเกม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย

    ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น

    เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว

    จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้

    ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ

    ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา

    ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี

    ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้

    ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว

    ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน

    หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้

    ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ

    https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้ ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้ ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้ ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 20-1-68
    .
    วันนี้จะพูดถึงเรื่อง การอ้างอิงราคาน้ำมันกับสิงคโปร์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน, การผ่านกฎหมายเปิดคาสิโน รวมไปถึงความพยายามในการรื้อคดีน้องแตงโม นิดา ที่วันนี้จะมีการเคลื่อนไหวไปที่ DSI
    https://www.youtube.com/watch?v=YYyMP6Vf45A
    สนธิเล่าเรื่อง 20-1-68 . วันนี้จะพูดถึงเรื่อง การอ้างอิงราคาน้ำมันกับสิงคโปร์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน, การผ่านกฎหมายเปิดคาสิโน รวมไปถึงความพยายามในการรื้อคดีน้องแตงโม นิดา ที่วันนี้จะมีการเคลื่อนไหวไปที่ DSI https://www.youtube.com/watch?v=YYyMP6Vf45A
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    Angry
    65
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2994 มุมมอง 2 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 20-1-68
    .
    เช้าวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงเรื่อง การอ้างอิงราคาน้ำมันกับสิงคโปร์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดว่าทำไมต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์ โดยอาจจะลืมไปแล้วว่า คนที่แปรรูป ปตท. เมื่อปี 2544 และทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นก็คือ รัฐบาลทักษิณ 1 ในยุคพรรคไทยรักไทย นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน, การผ่านกฎหมายเปิดคาสิโน รวมไปถึงความพยายามในการรื้อคดีน้องแตงโม นิดา ที่วันนี้จะมีการเคลื่อนไหวไปที่ DSI
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=YYyMP6Vf45A
    สนธิเล่าเรื่อง 20-1-68 . เช้าวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงเรื่อง การอ้างอิงราคาน้ำมันกับสิงคโปร์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดว่าทำไมต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์ โดยอาจจะลืมไปแล้วว่า คนที่แปรรูป ปตท. เมื่อปี 2544 และทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นก็คือ รัฐบาลทักษิณ 1 ในยุคพรรคไทยรักไทย นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน, การผ่านกฎหมายเปิดคาสิโน รวมไปถึงความพยายามในการรื้อคดีน้องแตงโม นิดา ที่วันนี้จะมีการเคลื่อนไหวไปที่ DSI . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=YYyMP6Vf45A
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19/1/68

    บ่อนคาสิโน : ขอคารวะดร.เอ้ที่กล้าชี้แนะ

    ในวันที่ลำบากที่สุด ทำไม ลีกวนยู รัฐบุรุษแห่งสิงคโปร์ เลือกพัฒนา "คุณภาพคน" และ "คุณภาพราชการ" ก่อนเปิดกาสิโน เราเรียนรู้อะไร?

    การอ้างเศรษฐกิจจะดี จะสร้างรายได้จาก "กาสิโนเสรี" ในชื่อแอบแฝง "Entertainmant Complex" ชวนน่าสงสัย อันตรายยิ่ง

    และการนำเรื่องกาสิโน ไปเปรียบกับสิงคโปร์ แต่ไม่ไปเปรียบกับเมียนมาร์ และกัมพูชา ยิ่งสะท้อน ความวิบัติในตรรกะ เช่นกัน

    เพราะการมีกาสิโนในประเทศข้างบ้าน สะท้อนความจริงว่า "ชาวบ้านไม่ได้อะไร" ยังคงยากจน ข้นแค้น แต่คนได้ คือ "นายทุน" กับ "ผู้นำการเมือง" ผู้อยู่เบื้องหลัง ที่มั่งคั่ง บนความเหลื่อมล้ำของสังคม

    หรือท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมวันที่สิงค์โปร์แยกตัวจากมาเลเซีย ไม่มีทรัพยากรใด ลำบากยากจน หมดหวัง แม้แต่ "ลีกวนยู" นายกรัฐมนตรี ถึงกับร้องไห้

    จนทำให้ หลายคนรอบตัวลีกวนยู บอก "นายครับ เราเปิดกาสิโน แบบมาเก๊า เอาเงินเข้าประเทศกันเถอะครับ" จะเป็นทางรอดของสิงคโปร์

    แต่ ลีกวนยู ปฏิเสธ...

    ไม่มีประเทศไหน ไม่อยากได้เงินบริหารประเทศ ลีกวนยู ผู้ที่พ่อเคยติดการพนัน รู้ซึ้งถึง "อันตรายจากการพนัน" ในวันที่สังคมสิงคโปร์ ยังไม่พร้อม ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฏหมาย การจัดระเบียบราชการ และที่สำคัญที่สุด คือ การศึกษาสร้างภูมิคุ้มกันของคนสิงคโปร์ ที่ยัง "ไม่พร้อม"

    ลีกวนยู นายกรัฐมนตรี จึงประกาศ "มุ่งสร้างคนคุณภาพ ด้วยการศึกษาที่ดีที่สุด" และ "มุ่งสร้างระบบราชการ ที่ปราศจากการคอรัปชั่น" เป็นอันดับแรก จนสิงค์โปร์ได้ชื่อว่า มีการพัฒนาคน และพัฒนาระบบราชการโปร่งใส อันดับท็อปของโลก

    รายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีต่อคนของสิงค์โปร์ จึงเติบโตจาก 400 ดอลลาร์ต่อคน ในปี 1960 จนมากว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อคน ในปัจจุบัน หรือโตกว่า 200 เท่า ตั้งแต่ลีกวนยูเริ่มบริหารประเทศ

    พิสูจน์วิสัยทัศน์ของ ลีกวนยู "การสร้างคน เพื่อไปสร้างชาติ ไปสร้างเศรษฐกิจ" คือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุด ดีกว่าทุกสิ่งอย่าง

    แต่ทั้งนี้ "การศึกษาอย่างละเอียด เรื่องบ่อนกาสิโน" จากที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ยังคงเริ่มมาตั้งแต่สมัยของลีกวนยู นายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง 32 ปี และต่อเนื่องมาจนสมัยของ โก๊ะ จ๊กตง นายกรัฐมนตรีคนที่สอง 14 ปี รอจนสิงค์โปร์ประสบความสำเร็จในการสร้าง "รากฐานของประเทศ" และสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ

    มาถึง ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีคนที่สาม ภายใต้ "ข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว" ของเกาะสิงคโปร์ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ไม่มีชายหาดที่สวยงาม ไม่มีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม ไม่มี "สีสัน" ดึงดูดนักท่องเที่ยว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย ที่มีทั้งสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติ ที่เหนือกว่าสิงคโปร์ทุกด้าน

    ลีเซียนลุง จึงประกาศให้มีกาสิโน ด้วยการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งด้านการบังคับใช้กฏหมาย ด้านภูมิคุ้มกันประชาชน และด้านการเยียวยาผลกระทบ จากการศึกษามายาวนาน

    แต่ที่น่าสนใจ เราแทบไม่เคยได้ยินว่า ลีเซียนลุง แสดงความภาคภูมิใจกับผลงานนี้ของรัฐบาลเขาเลย และยังมีหลายคนพูดว่า หากสิงคโปร์ย้อนเวลากลับไปได้ อาจไม่ทำเรื่องกาสิโน ก็เป็นได้

    ผมจึงเพียงสงสัย อย่างไร้อคติว่า ผู้นำไทยเรียนรู้อะไรบ้าง จากผู้นำสิงคโปร์

    ทำไมผู้นำไทย จึงเร่งร้อน เลือกทางกาสิโนเสรี ก่อนเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนาคน และด้านการบังคับใช้กฏหมาย ผมจึงประหลาดใจยิ่ง

    ผมขอให้ ผู้นำไทย มีความเป็น Stateman หรือรัฐบุรุษ คิดถึงอนาคตชาติ อนาคตเด็กไทย สักนิดก็ยังดี ก่อนบุ่มบ่าม เปิดบ่อนกาสิโน ภายใต้ความ "ไม่พร้อม"

    เพราะหากผลกระทบที่ตามมา ไม่ใช่อย่างพูด คนไทยนอกจากไม่ได้มีรายได้เพิ่มอย่างเท่าเทียม ลูกหลานติดการพนัน เสียคน บ่อนนอกพื้นที่อนุญาต เกิดขึ้นใหม่อย่างไร้การควบคุม รากฐานสังคมถูกทำลาย

    ถึงวันนั้น ขอโทษ เสียใจ คงไม่พอ
    .
    ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้)
    19/1/68 บ่อนคาสิโน : ขอคารวะดร.เอ้ที่กล้าชี้แนะ ในวันที่ลำบากที่สุด ทำไม ลีกวนยู รัฐบุรุษแห่งสิงคโปร์ เลือกพัฒนา "คุณภาพคน" และ "คุณภาพราชการ" ก่อนเปิดกาสิโน เราเรียนรู้อะไร? การอ้างเศรษฐกิจจะดี จะสร้างรายได้จาก "กาสิโนเสรี" ในชื่อแอบแฝง "Entertainmant Complex" ชวนน่าสงสัย อันตรายยิ่ง และการนำเรื่องกาสิโน ไปเปรียบกับสิงคโปร์ แต่ไม่ไปเปรียบกับเมียนมาร์ และกัมพูชา ยิ่งสะท้อน ความวิบัติในตรรกะ เช่นกัน เพราะการมีกาสิโนในประเทศข้างบ้าน สะท้อนความจริงว่า "ชาวบ้านไม่ได้อะไร" ยังคงยากจน ข้นแค้น แต่คนได้ คือ "นายทุน" กับ "ผู้นำการเมือง" ผู้อยู่เบื้องหลัง ที่มั่งคั่ง บนความเหลื่อมล้ำของสังคม หรือท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมวันที่สิงค์โปร์แยกตัวจากมาเลเซีย ไม่มีทรัพยากรใด ลำบากยากจน หมดหวัง แม้แต่ "ลีกวนยู" นายกรัฐมนตรี ถึงกับร้องไห้ จนทำให้ หลายคนรอบตัวลีกวนยู บอก "นายครับ เราเปิดกาสิโน แบบมาเก๊า เอาเงินเข้าประเทศกันเถอะครับ" จะเป็นทางรอดของสิงคโปร์ แต่ ลีกวนยู ปฏิเสธ... ไม่มีประเทศไหน ไม่อยากได้เงินบริหารประเทศ ลีกวนยู ผู้ที่พ่อเคยติดการพนัน รู้ซึ้งถึง "อันตรายจากการพนัน" ในวันที่สังคมสิงคโปร์ ยังไม่พร้อม ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฏหมาย การจัดระเบียบราชการ และที่สำคัญที่สุด คือ การศึกษาสร้างภูมิคุ้มกันของคนสิงคโปร์ ที่ยัง "ไม่พร้อม" ลีกวนยู นายกรัฐมนตรี จึงประกาศ "มุ่งสร้างคนคุณภาพ ด้วยการศึกษาที่ดีที่สุด" และ "มุ่งสร้างระบบราชการ ที่ปราศจากการคอรัปชั่น" เป็นอันดับแรก จนสิงค์โปร์ได้ชื่อว่า มีการพัฒนาคน และพัฒนาระบบราชการโปร่งใส อันดับท็อปของโลก รายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีต่อคนของสิงค์โปร์ จึงเติบโตจาก 400 ดอลลาร์ต่อคน ในปี 1960 จนมากว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อคน ในปัจจุบัน หรือโตกว่า 200 เท่า ตั้งแต่ลีกวนยูเริ่มบริหารประเทศ พิสูจน์วิสัยทัศน์ของ ลีกวนยู "การสร้างคน เพื่อไปสร้างชาติ ไปสร้างเศรษฐกิจ" คือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุด ดีกว่าทุกสิ่งอย่าง แต่ทั้งนี้ "การศึกษาอย่างละเอียด เรื่องบ่อนกาสิโน" จากที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ยังคงเริ่มมาตั้งแต่สมัยของลีกวนยู นายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง 32 ปี และต่อเนื่องมาจนสมัยของ โก๊ะ จ๊กตง นายกรัฐมนตรีคนที่สอง 14 ปี รอจนสิงค์โปร์ประสบความสำเร็จในการสร้าง "รากฐานของประเทศ" และสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ มาถึง ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีคนที่สาม ภายใต้ "ข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว" ของเกาะสิงคโปร์ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ไม่มีชายหาดที่สวยงาม ไม่มีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรม ไม่มี "สีสัน" ดึงดูดนักท่องเที่ยว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย ที่มีทั้งสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติ ที่เหนือกว่าสิงคโปร์ทุกด้าน ลีเซียนลุง จึงประกาศให้มีกาสิโน ด้วยการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งด้านการบังคับใช้กฏหมาย ด้านภูมิคุ้มกันประชาชน และด้านการเยียวยาผลกระทบ จากการศึกษามายาวนาน แต่ที่น่าสนใจ เราแทบไม่เคยได้ยินว่า ลีเซียนลุง แสดงความภาคภูมิใจกับผลงานนี้ของรัฐบาลเขาเลย และยังมีหลายคนพูดว่า หากสิงคโปร์ย้อนเวลากลับไปได้ อาจไม่ทำเรื่องกาสิโน ก็เป็นได้ ผมจึงเพียงสงสัย อย่างไร้อคติว่า ผู้นำไทยเรียนรู้อะไรบ้าง จากผู้นำสิงคโปร์ ทำไมผู้นำไทย จึงเร่งร้อน เลือกทางกาสิโนเสรี ก่อนเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนาคน และด้านการบังคับใช้กฏหมาย ผมจึงประหลาดใจยิ่ง ผมขอให้ ผู้นำไทย มีความเป็น Stateman หรือรัฐบุรุษ คิดถึงอนาคตชาติ อนาคตเด็กไทย สักนิดก็ยังดี ก่อนบุ่มบ่าม เปิดบ่อนกาสิโน ภายใต้ความ "ไม่พร้อม" เพราะหากผลกระทบที่ตามมา ไม่ใช่อย่างพูด คนไทยนอกจากไม่ได้มีรายได้เพิ่มอย่างเท่าเทียม ลูกหลานติดการพนัน เสียคน บ่อนนอกพื้นที่อนุญาต เกิดขึ้นใหม่อย่างไร้การควบคุม รากฐานสังคมถูกทำลาย ถึงวันนั้น ขอโทษ เสียใจ คงไม่พอ . ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ

    "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..."

    https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..." https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    WWW.THAIPOST.NET
    ตั้งกาสิโนโลกสวย ‘สิงคโปร์’ภาพลวง
    นักเศรษฐศาสตร์จับโกหกรัฐบาล-พท. ดันเปิดบ่อนกาสิโน หลอกลวงประชาชน ไม่เคยพูดตอนหาเสียง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts