• สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!!

    ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ
    เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร

    Somkiat Osotsapa
    January 31 at 5:18am ·
    พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน
    -------------------------
    เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต
    ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก

    แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา

    แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น

    สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง

    อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า…

    เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก
    คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที
    เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค
    แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว…

    แล้วก็รู้ว่า:-
    ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ
    แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว
    งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ

    ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม

    ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก
    หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก
    นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ

    ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว

    รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก

    นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี

    ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย

    ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ…

    ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้
    แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน
    ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน

    ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข

    นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น

    นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ

    บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน

    Somkiat Osotsapa
    February 5 at 12:31am ·

    เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร
    --------------------------
    อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ

    คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน

    มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท

    ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก)

    ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50%

    คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง
    เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย

    ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก…

    รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม…

    การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย…

    รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี…

    ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก

    ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย
    เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย

    ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้

    ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด

    งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน

    เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด

    หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี

    ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า

    อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป
    --------------------------
    ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด

    ระวังว่ามันจะระเบิด

    ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ

    ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้
    ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4

    ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ

    เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ

    เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี

    กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ

    ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี…
    ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา
    วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ
    อือม์ มันน่ากลัว…
    เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว
    --------------

    ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม
    เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space

    ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่…
    สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด…

    ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก…
    ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก
    ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน

    ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000
    แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ

    ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน
    อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา…
    ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด

    มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย

    ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย

    ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้
    มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา

    ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก

    มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ
    จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้

    มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 ---------------

    ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด

    ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์

    ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า

    ไม่เจ๊งไงไหว
    ---------------------

    ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก…
    เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ

    เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้
    --------------
    ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว
    -------------------

    ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก…

    ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง

    ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม…
    ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ
    --------------
    ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน
    --------------

    ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ
    ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ

    ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน

    ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์

    ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ

    กรรมการสภากาชาดด้วย

    ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย

    ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก

    เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน

    แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว

    ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก

    ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว
    มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ
    ------------------
    ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้

    เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ
    จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้…

    วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย
    ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา
    เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!! ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร Somkiat Osotsapa January 31 at 5:18am · พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน ------------------------- เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า… เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว… แล้วก็รู้ว่า:- ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ… ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้ แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน Somkiat Osotsapa February 5 at 12:31am · เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร -------------------------- อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก) ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50% คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก… รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม… การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย… รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี… ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้ ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป -------------------------- ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด ระวังว่ามันจะระเบิด ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4 ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี… ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ อือม์ มันน่ากลัว… เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว -------------- ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่… สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด… ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก… ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000 แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา… ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้ มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้ มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 --------------- ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์ ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า ไม่เจ๊งไงไหว --------------------- ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก… เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้ -------------- ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว ------------------- ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก… ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม… ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ -------------- ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน -------------- ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์ ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ กรรมการสภากาชาดด้วย ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ ------------------ ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้ เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้… วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 106 Views 0 Reviews
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    Like
    Love
    9
    0 Comments 1 Shares 217 Views 0 Reviews
  • 🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗
    https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน) ได้ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อชี้แจงนโยบายและการทำงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
    เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน) ได้ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อชี้แจงนโยบายและการทำงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ปลดรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ (Yoav Gallant )และแต่งตั้ง อิสราเอล แคทซ์(Israel Katz) เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแทน โดยระบุว่าเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกัลลันต์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน

    โยสซี เบลิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอิสราเอล เปิดเผยกับอัลจาซีราว่า การปลดกัลแลนต์อาจเป็น “ก้าวแรกสู่การยุบรัฐบาลของเนทันยาฮู“

    ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันที่ศูนย์กลางการค้าของอิสราเอลในเมืองเทลอาวีฟ โดยปิดกั้นทางหลวงสายหลักของเมืองและจุดไฟเผา ขณะที่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันหน้าบ้านพักของเนทันยาฮูในเยรูซาเล็ม ผู้ประท้วงยังปิดกั้นถนนในสถานที่อื่นๆ หลายแห่งทั่วประเทศอีกด้วย

    เป็นเวลาหลายเดือนที่เกิดความขัดแย้งอย่างเปิดเผยระหว่างเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่กว้างขึ้นระหว่างกลุ่มพันธมิตรขวาจัดของอิสราเอลและกองทัพ ซึ่งสนับสนุนมานานแล้วที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการโจมตีฉนวนกาซาและนำตัวผู้ถูกกักขังโดยกลุ่มฮามาสหลายสิบคนกลับบ้าน

    กัลแลนท์กล่าวว่าสงครามขาดทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่เนทันยาฮูย้ำว่าการสู้รบไม่สามารถยุติลงได้ จนกว่าฮามาสจะหมดอำนาจปกครองและกองกำลังทหารในฉนวนกาซา

    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43,391 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 102,347 รายจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปาเลสไตน์

    อิสราเอลเริ่มสงครามในฉนวนกาซาหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,139 ราย ตามการนับของอัลจาซีราที่อิงตามสถิติของอิสราเอล มีผู้ถูกจับกุมเป็นเชลยอีกประมาณ 250 ราย

    'การกำหนดลำดับความสำคัญไม่ดี'
    อิทามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติฝ่ายขวาจัด กล่าวแสดงความยินดีกับการปลดกัลแลนต์ออกจากตำแหน่ง และกล่าวว่า "ไม่สามารถบรรลุชัยชนะโดยเด็ดขาด" ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่

    ก่อนหน้านี้ เบน-กวิร์ เรียกร้องให้ปลดกัลแลนท์ออกจากตำแหน่ง

    ในสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่ากัลแลนท์เป็น “พันธมิตรที่เชื่อถือได้” และย้ำว่าการสนับสนุนอิสราเอลยังคงเป็น “อย่างแน่นหนา” และสหรัฐฯ จะทำงาน “อย่างใกล้ชิด” กับคาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่

    https://www.aljazeera.com/news/2024/11/5/israels-benjamin-netanyahu-fires-defence-minister-yoav-gallant

    #Thaitimes
    นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ปลดรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ (Yoav Gallant )และแต่งตั้ง อิสราเอล แคทซ์(Israel Katz) เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแทน โดยระบุว่าเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกัลลันต์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน โยสซี เบลิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอิสราเอล เปิดเผยกับอัลจาซีราว่า การปลดกัลแลนต์อาจเป็น “ก้าวแรกสู่การยุบรัฐบาลของเนทันยาฮู“ ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันที่ศูนย์กลางการค้าของอิสราเอลในเมืองเทลอาวีฟ โดยปิดกั้นทางหลวงสายหลักของเมืองและจุดไฟเผา ขณะที่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันหน้าบ้านพักของเนทันยาฮูในเยรูซาเล็ม ผู้ประท้วงยังปิดกั้นถนนในสถานที่อื่นๆ หลายแห่งทั่วประเทศอีกด้วย เป็นเวลาหลายเดือนที่เกิดความขัดแย้งอย่างเปิดเผยระหว่างเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่กว้างขึ้นระหว่างกลุ่มพันธมิตรขวาจัดของอิสราเอลและกองทัพ ซึ่งสนับสนุนมานานแล้วที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการโจมตีฉนวนกาซาและนำตัวผู้ถูกกักขังโดยกลุ่มฮามาสหลายสิบคนกลับบ้าน กัลแลนท์กล่าวว่าสงครามขาดทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่เนทันยาฮูย้ำว่าการสู้รบไม่สามารถยุติลงได้ จนกว่าฮามาสจะหมดอำนาจปกครองและกองกำลังทหารในฉนวนกาซา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43,391 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 102,347 รายจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปาเลสไตน์ อิสราเอลเริ่มสงครามในฉนวนกาซาหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,139 ราย ตามการนับของอัลจาซีราที่อิงตามสถิติของอิสราเอล มีผู้ถูกจับกุมเป็นเชลยอีกประมาณ 250 ราย 'การกำหนดลำดับความสำคัญไม่ดี' อิทามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติฝ่ายขวาจัด กล่าวแสดงความยินดีกับการปลดกัลแลนต์ออกจากตำแหน่ง และกล่าวว่า "ไม่สามารถบรรลุชัยชนะโดยเด็ดขาด" ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่ ก่อนหน้านี้ เบน-กวิร์ เรียกร้องให้ปลดกัลแลนท์ออกจากตำแหน่ง ในสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่ากัลแลนท์เป็น “พันธมิตรที่เชื่อถือได้” และย้ำว่าการสนับสนุนอิสราเอลยังคงเป็น “อย่างแน่นหนา” และสหรัฐฯ จะทำงาน “อย่างใกล้ชิด” กับคาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ https://www.aljazeera.com/news/2024/11/5/israels-benjamin-netanyahu-fires-defence-minister-yoav-gallant #Thaitimes
    WWW.ALJAZEERA.COM
    Israel’s Netanyahu fires Defence Minister Gallant
    Netanyahu says he has lost confidence in Gallant over the management of Israel’s ongoing wars in Gaza and Lebanon.
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 367 Views 0 Reviews
  • แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฉบับที่ 001/2567
    เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง

    ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้

    ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ

    ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
    ​​
    ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม
    ​​
    ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

    ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์

    ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    ​​
    ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง
    ​​
    สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว

    สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง

    ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย

    ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น

    ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่
    ​​
    พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)

    สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง
    ​​
    สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป
    ​​
    จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน

    ด้วยความปรารถนาดี
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    23 สิงหาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/?
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับที่ 001/2567 เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้ ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ​​ ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน ​​ อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม ​​ ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ​​ ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง ​​ สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่ ​​ พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน ​​ นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง ​​ สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด ​​ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่ ​​ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป ​​ จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 23 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/? วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • 🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น
    เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี
    ประเทศญี่ปุ่น
    พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
    ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า
    มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย
    ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี
    มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน
    กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี
    ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ
    "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้
    ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย
    ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ
    ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว
    ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ
    ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย
    การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้"
    แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี
    🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย
    หนังสือ
    อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี ประเทศญี่ปุ่น พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้" แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี 🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย หนังสือ อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1)

    ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี

    วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว
    แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ

    รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ
    (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582)
    ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน)

    ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน

    ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน
    แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths
    และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    การติดตามผู้ที่ได้รับผล
    กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี

    สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL)

    ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย

    สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้
    พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ)

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1) ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582) ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน) ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง การติดตามผู้ที่ได้รับผล กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL) ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้ พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    10
    0 Comments 1 Shares 189 Views 0 Reviews
  • สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน
    https://youtu.be/WC_ZjBA-mX8?si=EOqMln33lBmvC_nT
    สมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน https://youtu.be/WC_ZjBA-mX8?si=EOqMln33lBmvC_nT
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • 🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น
    เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี
    ประเทศญี่ปุ่น
    พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
    ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า
    มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย
    ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี
    มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน
    กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี
    ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ
    "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้
    ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย
    ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ
    ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว
    ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ
    ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย
    การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้"
    แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี
    🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย
    หนังสือ
    อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี ประเทศญี่ปุ่น พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้" แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี 🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย หนังสือ อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • เป็นหน่วยพยาบาลระดับปฐมภูมิ ตั้งอยู่ที่ ม.2 ตำบลเตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมคือสถานีอนามัยเตาปูน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน)สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาปีงบประมาณ 2565 ได้เปลี่ยนสังกัดขึ้งอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี
    เป็นหน่วยพยาบาลระดับปฐมภูมิ ตั้งอยู่ที่ ม.2 ตำบลเตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมคือสถานีอนามัยเตาปูน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน)สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาปีงบประมาณ 2565 ได้เปลี่ยนสังกัดขึ้งอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • เป็นหน่วยพยาบาลระดับปฐมภูมิ ตั้งอยู่ที่ ม.2 ตำบลเตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมคือสถานีอนามัยเตาปูน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน)สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาปีงบประมาณ 2565 ได้เปลี่ยนสังกัดขึ้งอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี
    เป็นหน่วยพยาบาลระดับปฐมภูมิ ตั้งอยู่ที่ ม.2 ตำบลเตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมคือสถานีอนามัยเตาปูน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน)สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อมาปีงบประมาณ 2565 ได้เปลี่ยนสังกัดขึ้งอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงาน จนถึงขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลรวมแล้วเกือบสามพันราย

    ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งแตะสี่หมื่นราย เข้าไปแล้ว
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงาน จนถึงขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลรวมแล้วเกือบสามพันราย ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งแตะสี่หมื่นราย เข้าไปแล้ว
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • ผู้นำสูงสุดอิหร่านลั่นชำระแค้นทั้งอิสราเอลและอเมริกา ขณะที่วอชิงตันประกาศเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ถึงตะวันออกกลางแล้วและพร้อมดำเนินการเพื่อปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของประเทศจากการโจมตีของเตหะรานและเหล่าพันธมิตร
    .
    อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (2 พ.ย.) ว่า การตอบโต้ของเตหะรานจะเป็นการชำระแค้นทั้งสำหรับตนเองและพันธมิตร และสำทับว่า ทั้งอเมริกาและรัฐยิวจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (26 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในอิหร่านที่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย เพื่อเอาคืนที่เตหะรานยิงขีปนาวุธใส่ราว 200 ลูกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสก่อนหน้านั้น
    .
    ด้านอิสราเอลเตือนเมื่อปลายเดือนที่แล้วไม่ให้อิหร่านตอบโต้กลับ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนลงความเห็นว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศและโรงงานผลิตขีปนาวุธของอิหร่านเสียหาย และอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านซ้ำในขอบเขตที่กว้างขึ้น
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศโดยรอบ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น 1 วัน วอชิงตันประกาศว่า กำลังส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเรือพิฆาตติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัวไปยังภูมิภาคดังกล่าว
    .
    พลตรีแพต ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน แถลงว่า หากอิหร่าน พันธมิตร หรือตัวแทนใช้โอกาสนี้โจมตีพลเมืองหรือผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง อเมริกาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเมืองของประเทศ
    .
    ยุคมืดที่สุดของกาซา
    .
    นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลทำสงครามเต็มรูปแบบกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยที่ยังคงเดินหน้าถล่มโจมตีทางอากาศแบบแหลกลาญใส่ฉนวนกาซา รวมทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินออกปราบปรามกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่เป็นผู้จุดไฟสงครามในกาซาด้วยการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว
    .
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากวันที่ 6 เดือนที่ผ่านมา อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินใส่บริเวณตอนเหนือของกาซา โดยเฉพาะในเขตค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่
    .
    เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ได้รับรายงานที่น่ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการโจมตีศูนย์สุขภาพ ชัยค์ รัดวาน เมื่อวันเสาร์ ขณะที่พ่อแม่พาลูกๆ ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ซึ่ง 4 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก
    .
    เทดรอสไม่ได้ระบุว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวในหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนในกาซาเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เฮลิคอปเตอร์ 4 ใบพัดของอิสราเอลยิงขีปนาวุธ 2 ลูกใส่กำแพงศูนย์สุขภาพดังกล่าว
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีใกล้บริเวณนั้นขณะเกิดเหตุ
    .
    อย่างไรก็ดี แคทเธอลีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า ในช่วง 48 ชั่วโมงจนถึงวันเสาร์ มีเด็ก 50 คนเสียชีวิตในจาบาเลีย และสำทับว่า การโจมตีค่ายผู้อพยพจาบาเลีย คลินิกวัคซีน และเจ้าหน้าที่ยูนิเซฟ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำผลกระทบร้ายแรงจากการโจมตีพลเรือนไม่เลือกในฉนวนกาซา และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มืดมนของช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในสงครามสุดเลวร้ายในกาซาขณะนี้
    .
    ทางฝ่ายกองทัพอิสราเอลระบุว่า สามารถสังหารนักรบนับสิบรอบจาบาเลีย และมีจรวด 2 ลูกยิงจากบริเวณดังกล่าวเข้าสู่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์
    .
    กระทรวงสาธารณสุขในกาซาที่มีกลุ่มฮามาสเป็นผู้บริหาร ออกรายงานอัปเดตตัวเลขในวันอาทิตย์ (3) ระบุว่า ในฉนวนกาซามีผู้ถูกฆ่าตายไปอย่างน้อย 43,341 คน และบาดเจ็บ 102,105 คน ในสงครามยาวนานกว่า 1 ปีที่อิสราเอลบุกเข้ากวาดล้างในดินแดนแห่งนี้ โดยที่ในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน
    .
    สำหรับสถานการณ์ในเลบานอนนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงคนหนึ่งเผยว่า กองทัพเรืออิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการพิเศษในเมืองบาทรูน ทางเหนือของเลบานอนเมื่อเช้าวันศุกร์ (1 พ.ย.) และจับผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ได้ 1 คน และนำกลับไปสอบสวนที่อิสราเอล
    .
    วันเสาร์ สำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอนออกคำแถลงว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนกรณีอิหมัด อัมฮาซ ซึ่งเป็นพลเมืองเลบานอนถูกลักพาตัวไปจากเมืองบาทรูน โดยผู้นำเลบานอนได้หารือกับกองทัพและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน (ยูนิฟิล) รวมทั้งขอให้อับดัลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศ ร้องเรียนด่วนต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105978
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำสูงสุดอิหร่านลั่นชำระแค้นทั้งอิสราเอลและอเมริกา ขณะที่วอชิงตันประกาศเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ถึงตะวันออกกลางแล้วและพร้อมดำเนินการเพื่อปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของประเทศจากการโจมตีของเตหะรานและเหล่าพันธมิตร . อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (2 พ.ย.) ว่า การตอบโต้ของเตหะรานจะเป็นการชำระแค้นทั้งสำหรับตนเองและพันธมิตร และสำทับว่า ทั้งอเมริกาและรัฐยิวจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง . ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (26 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในอิหร่านที่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย เพื่อเอาคืนที่เตหะรานยิงขีปนาวุธใส่ราว 200 ลูกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสก่อนหน้านั้น . ด้านอิสราเอลเตือนเมื่อปลายเดือนที่แล้วไม่ให้อิหร่านตอบโต้กลับ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนลงความเห็นว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศและโรงงานผลิตขีปนาวุธของอิหร่านเสียหาย และอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านซ้ำในขอบเขตที่กว้างขึ้น . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศโดยรอบ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น 1 วัน วอชิงตันประกาศว่า กำลังส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเรือพิฆาตติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัวไปยังภูมิภาคดังกล่าว . พลตรีแพต ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน แถลงว่า หากอิหร่าน พันธมิตร หรือตัวแทนใช้โอกาสนี้โจมตีพลเมืองหรือผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง อเมริกาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเมืองของประเทศ . ยุคมืดที่สุดของกาซา . นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลทำสงครามเต็มรูปแบบกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยที่ยังคงเดินหน้าถล่มโจมตีทางอากาศแบบแหลกลาญใส่ฉนวนกาซา รวมทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินออกปราบปรามกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่เป็นผู้จุดไฟสงครามในกาซาด้วยการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว . โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากวันที่ 6 เดือนที่ผ่านมา อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินใส่บริเวณตอนเหนือของกาซา โดยเฉพาะในเขตค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่ . เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ได้รับรายงานที่น่ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการโจมตีศูนย์สุขภาพ ชัยค์ รัดวาน เมื่อวันเสาร์ ขณะที่พ่อแม่พาลูกๆ ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ซึ่ง 4 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก . เทดรอสไม่ได้ระบุว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวในหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนในกาซาเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เฮลิคอปเตอร์ 4 ใบพัดของอิสราเอลยิงขีปนาวุธ 2 ลูกใส่กำแพงศูนย์สุขภาพดังกล่าว . ด้านกองทัพอิสราเอลออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีใกล้บริเวณนั้นขณะเกิดเหตุ . อย่างไรก็ดี แคทเธอลีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า ในช่วง 48 ชั่วโมงจนถึงวันเสาร์ มีเด็ก 50 คนเสียชีวิตในจาบาเลีย และสำทับว่า การโจมตีค่ายผู้อพยพจาบาเลีย คลินิกวัคซีน และเจ้าหน้าที่ยูนิเซฟ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำผลกระทบร้ายแรงจากการโจมตีพลเรือนไม่เลือกในฉนวนกาซา และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มืดมนของช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในสงครามสุดเลวร้ายในกาซาขณะนี้ . ทางฝ่ายกองทัพอิสราเอลระบุว่า สามารถสังหารนักรบนับสิบรอบจาบาเลีย และมีจรวด 2 ลูกยิงจากบริเวณดังกล่าวเข้าสู่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ . กระทรวงสาธารณสุขในกาซาที่มีกลุ่มฮามาสเป็นผู้บริหาร ออกรายงานอัปเดตตัวเลขในวันอาทิตย์ (3) ระบุว่า ในฉนวนกาซามีผู้ถูกฆ่าตายไปอย่างน้อย 43,341 คน และบาดเจ็บ 102,105 คน ในสงครามยาวนานกว่า 1 ปีที่อิสราเอลบุกเข้ากวาดล้างในดินแดนแห่งนี้ โดยที่ในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน . สำหรับสถานการณ์ในเลบานอนนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงคนหนึ่งเผยว่า กองทัพเรืออิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการพิเศษในเมืองบาทรูน ทางเหนือของเลบานอนเมื่อเช้าวันศุกร์ (1 พ.ย.) และจับผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ได้ 1 คน และนำกลับไปสอบสวนที่อิสราเอล . วันเสาร์ สำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอนออกคำแถลงว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนกรณีอิหมัด อัมฮาซ ซึ่งเป็นพลเมืองเลบานอนถูกลักพาตัวไปจากเมืองบาทรูน โดยผู้นำเลบานอนได้หารือกับกองทัพและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน (ยูนิฟิล) รวมทั้งขอให้อับดัลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศ ร้องเรียนด่วนต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105978 .............. Sondhi X
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 819 Views 0 Reviews
  • คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า?
    ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้
    เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล”
    “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น
    ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย
    ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น
    นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล"
    ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา
    เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา
    แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ?
    ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน
    ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก
    ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง
    ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น
    การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989
    ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์
    แต่ยังมีอีก...
    เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน
    ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า
    เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ
    ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร
    เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย
    จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ
    แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง?
    การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง
    ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้!
    บทสรุป
    ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน
    มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม"
    ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้
    https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3...
    ผู้เขียน : Ty Bollinger
    ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี
    🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี)
    🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia
    🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น)
    🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai)
    🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana)
    🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์
    🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero)
    🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste)
    🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน)
    🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี)
    🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz
    🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า
    🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ)
    🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living
    🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ
    🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste)
    🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956
    🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ)
    🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม
    🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile)
    🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช
    🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN)
    🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม
    ขอเพิ่มเติม
    🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent)
    🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax)
    🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate)
    🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์
    🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา)
    🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ
    🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์
    (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม)
    เป็นต้น
    https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny
    ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า? ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้ เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล” “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล" ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ? ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989 ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์ แต่ยังมีอีก... เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง? การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้! บทสรุป ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม" ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้ https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3... ผู้เขียน : Ty Bollinger ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี 🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี) 🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia 🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น) 🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai) 🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana) 🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์ 🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero) 🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste) 🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน) 🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี) 🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz 🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า 🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ) 🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living 🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ 🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste) 🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956 🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ) 🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม 🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile) 🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช 🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN) 🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม ขอเพิ่มเติม 🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent) 🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax) 🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate) 🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์ 🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา) 🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ 🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์ (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม) เป็นต้น https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • 🚑 คนไทยตายจากโควิดมาก เพราะว่า รักษาผิด?

    จากการที่ กรมควบคุมโรค พยายามที่จะ “อ้างว่า” วัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิดลงได้นั้น กรมควบคุมโรคทำเสมือนว่า การที่คนไทยเสียชีวิตจากโควิดลดลงนั้นมิได้มีผลจากปัจจัยอื่นๆเลย แต่ยกประโยชน์ให้กับบริษัทยา ราวกับว่าปัจจัยอื่นๆไม่เกี่ยวข้อง

    ทั้งที่ปัจจัยสำคัญประเด็นหนึ่งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากในช่วงแรกเป็นเพราะว่า แพทย์รักษาผิด
    โดยทำตามแนวทางการรักษาของ “กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข” (1) แนวทางที่บอก “ให้รอ” ไม่ให้ยาจนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงจึงเริ่มให้ยา จนต้องมีการปรับแก้แนวทางการรักษาดังกล่าวในภายหลัง(2)

    แต่ก็ไม่วายแนะนำให้ใช้ (3) ยา “ฟาวิพิราเวียร์” ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา ยาที่ องค์การอนามัยโลก “ไม่แนะนำให้ใช้”(4)

    รัฐบาลญี่ปุ่นประเทศที่ผลิตยาตัวนี้ก็ไม่แนะนำให้ใช้ (5)
    แม้กระทั่งบริษัท “ฟูจิฟิลม์” บริษัทผู้ผลิตยาตัวนี้ยัง “ยกเลิก”(6) ทำการวิจัยทางคลินิกเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยาตัวนี้ในการรักษาโรคโควิดเพราะพบว่า “ไม่มีประสิทธิภาพ”(7)

    ซ้ำร้าย HITAP(8) หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขเอง ทำการทบทวนวรรณกรรมเพื่อเขียนเป็นรายงานเรื่อง “ประสิทธิผลของฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) ในการรักษาโควิด-19” (9)

    โดยมีข้อสรุปสำคัญคือ

    🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดการเสียชีวิตจากโควิด”
    🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการใช้เครื่องช่วยหายใจ”
    🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการต้องการออกซิเจน”
    🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการต้องการเตียง ICU”

    ⛔ สรุปสั้นๆ คือ ยาตัวนี้ไม่มีประโยชน์ในการช่วยลดการเสียชีวิต ลดการป่วยหนักจากโควิด การที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิดในช่วงแรกมาจึงอาจมาจาก แนวทางการรักษาที่ผิด(10) ของ กรมการแพทย์

    ดังนั้นการที่กรมควบคุมโรค ออกมาบอกสังคมว่า อัตราการเสียชีวิตจากโควิดที่ลดลงนั้นเป็นผลจากวัคซีน โดยไม่คำนึงถึงการที่กรมการแพทย์ได้ปรับปรุงและแก้ไขแนวทางการรักษาให้ดีขึ้นเลย ยิ่งเป็นการ “ตบหน้า” ไม่ให้ราคากับแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ และยาฟาวิพิราเวียร์เลย

    เอ หรือว่า การที่มีคนเสียชีวิตจากโควิดมากมายนั้นเป็นเพราะ แนวทางการรักษาผิด ของกรมการแพทย์จริงๆ?
    เอ้า กรมการแพทย์ จะนิ่งเฉยให้กรมควบคุมโรคขโมยผลงาน หรือจะลองเอาข้อมูลมาดูหน่อยได้ไหมว่า ในผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิดนั้นได้รับยาฟาวิพิราเวียร์กี่ราย?

    ลิงค์อ้างอิง
    (1) https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Content_Grid_Home_7_8?contentCategoryId=8
    (2) https://www.hfocus.org/content/2021/07/22372
    (3) https://www.hfocus.org/content/2021/08/22775
    (4) https://www.who.int/publications/i/item/WHO-2019-nCoV-therapeutics-2022.4
    (5) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10651642/
    (6) https://www..jiac-j.com/article/s1341-321X(23)00255-6/fulltext
    (7) https://mainichi.jp/english/articles/20220425/p2a/00m/0na/033000c
    (8) https://www.hitap.net/abouthitap/background
    (9) https://www.hitap.net/documents/181645
    (10) https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Content_Grid_Home_7_8?contentCategoryId=8
    🚑 คนไทยตายจากโควิดมาก เพราะว่า รักษาผิด? จากการที่ กรมควบคุมโรค พยายามที่จะ “อ้างว่า” วัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิดลงได้นั้น กรมควบคุมโรคทำเสมือนว่า การที่คนไทยเสียชีวิตจากโควิดลดลงนั้นมิได้มีผลจากปัจจัยอื่นๆเลย แต่ยกประโยชน์ให้กับบริษัทยา ราวกับว่าปัจจัยอื่นๆไม่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ปัจจัยสำคัญประเด็นหนึ่งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากในช่วงแรกเป็นเพราะว่า แพทย์รักษาผิด โดยทำตามแนวทางการรักษาของ “กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข” (1) แนวทางที่บอก “ให้รอ” ไม่ให้ยาจนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงจึงเริ่มให้ยา จนต้องมีการปรับแก้แนวทางการรักษาดังกล่าวในภายหลัง(2) แต่ก็ไม่วายแนะนำให้ใช้ (3) ยา “ฟาวิพิราเวียร์” ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา ยาที่ องค์การอนามัยโลก “ไม่แนะนำให้ใช้”(4) รัฐบาลญี่ปุ่นประเทศที่ผลิตยาตัวนี้ก็ไม่แนะนำให้ใช้ (5) แม้กระทั่งบริษัท “ฟูจิฟิลม์” บริษัทผู้ผลิตยาตัวนี้ยัง “ยกเลิก”(6) ทำการวิจัยทางคลินิกเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยาตัวนี้ในการรักษาโรคโควิดเพราะพบว่า “ไม่มีประสิทธิภาพ”(7) ซ้ำร้าย HITAP(8) หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขเอง ทำการทบทวนวรรณกรรมเพื่อเขียนเป็นรายงานเรื่อง “ประสิทธิผลของฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) ในการรักษาโควิด-19” (9) โดยมีข้อสรุปสำคัญคือ 🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดการเสียชีวิตจากโควิด” 🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการใช้เครื่องช่วยหายใจ” 🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการต้องการออกซิเจน” 🔸️ยาฟาวิพิราเวียร์ “ไม่ช่วยลดอัตราการต้องการเตียง ICU” ⛔ สรุปสั้นๆ คือ ยาตัวนี้ไม่มีประโยชน์ในการช่วยลดการเสียชีวิต ลดการป่วยหนักจากโควิด การที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิดในช่วงแรกมาจึงอาจมาจาก แนวทางการรักษาที่ผิด(10) ของ กรมการแพทย์ ดังนั้นการที่กรมควบคุมโรค ออกมาบอกสังคมว่า อัตราการเสียชีวิตจากโควิดที่ลดลงนั้นเป็นผลจากวัคซีน โดยไม่คำนึงถึงการที่กรมการแพทย์ได้ปรับปรุงและแก้ไขแนวทางการรักษาให้ดีขึ้นเลย ยิ่งเป็นการ “ตบหน้า” ไม่ให้ราคากับแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ และยาฟาวิพิราเวียร์เลย เอ หรือว่า การที่มีคนเสียชีวิตจากโควิดมากมายนั้นเป็นเพราะ แนวทางการรักษาผิด ของกรมการแพทย์จริงๆ? เอ้า กรมการแพทย์ จะนิ่งเฉยให้กรมควบคุมโรคขโมยผลงาน หรือจะลองเอาข้อมูลมาดูหน่อยได้ไหมว่า ในผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิดนั้นได้รับยาฟาวิพิราเวียร์กี่ราย? ลิงค์อ้างอิง (1) https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Content_Grid_Home_7_8?contentCategoryId=8 (2) https://www.hfocus.org/content/2021/07/22372 (3) https://www.hfocus.org/content/2021/08/22775 (4) https://www.who.int/publications/i/item/WHO-2019-nCoV-therapeutics-2022.4 (5) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10651642/ (6) https://www..jiac-j.com/article/s1341-321X(23)00255-6/fulltext (7) https://mainichi.jp/english/articles/20220425/p2a/00m/0na/033000c (8) https://www.hitap.net/abouthitap/background (9) https://www.hitap.net/documents/181645 (10) https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Content_Grid_Home_7_8?contentCategoryId=8
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น
    เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี
    ประเทศญี่ปุ่น
    พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
    ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า
    มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย
    ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี
    มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน
    กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี
    ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ
    "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้
    ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย
    ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ
    ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว
    ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ
    ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย
    การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้"
    แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี
    🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย
    หนังสือ
    อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    🚩 การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี ประเทศญี่ปุ่น พอใกล้ฤดูหนาวก็มีหลายคนแห่กันไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้านำกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กับกลุ่มทดลองที่ไม่ฉีดมาเปรียบเทียบกันจะพบว่า มันไม่ได้มีผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่เลย ยิ่งกว่านั้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี มีหลายคนในกลุ่มทดลองที่ฉีดวัคซีน กลับเสียชีวิตฉับพลัน แม้จะบอกว่าเป็นเพราะ "กล้ามเนื้อหัวใจตาย" แต่มองอย่างไรก็คิดว่าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีนเกือบทุกกรณี ทั้งองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นเว็บเพจ "ไม่สามารถรับประกันว่าวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ ไม่มีหลักประกันว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เลย ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ ตามหลักการมันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตวัคซีนซึ่งใช้ได้ผลกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็ว ไวรัสที่แพร่เชื้อเฉพาะมนุษย์และมีรหัสพันธุกรรมแน่นอนอย่างไวรัสโรคหัดสามารถผลิตวัคซีนได้ครับ ทว่าเมื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แพร่เชื้อสู่คนมันจะเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และแพร่เชื้อสู่สัตว์ เช่น นก หมู ด้วย การผลิตวัคซีนที่เหมาะ (ได้ผล) กับไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่าง ไข้หวัดใหญ่นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ต่อให้ “สร้างแอนติบอดี อ่อนแอในเลือดได้" แต่ถ้าบริเวณจมูกและลำคอซึ่งเป็นทางเข้าของไวรัสไม่อาจ สร้างแอนติบอดีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้อยู่ดี 🚩วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนไม่ได้เลยนะครับ ป้องกันการติดเชื้อก็ไม่ได้ แล้วยังมีผลข้างเคียงร้ายแรง อาจทำให้เกิดอาการแพ้หนัก หรือเสียชีวิตฉับพลันได้เลย หนังสือ อย่าให้หมอฆ่าคุณ น.199
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • #3
    การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    #3 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • #2
    การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    #2 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    0 Comments 0 Shares 73 Views 22 0 Reviews
  • #1
    การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    #1 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของอิสราเอล เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซอิรัต (Nuseirat Refugee Camp) ใจกลางฉนวนกาซา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 117 ราย รวมทั้งสตรีและเด็ก
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกหนึ่ง ถล่มอาคารที่พักอาศัยหลังเดี่ยวแห่งหนึ่ง ปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย จากการเปิดเผยของหน่วยงานป้องกันพลเรือนกาซา เหตุสลดซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐยิวยังคงเดินหน้าการรุกรานทั้งในฉนวนแห่งนี้และเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ คู่ต่อกรของอิสราเอลในเลบานอน ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ หลังจากคนก่อนถูกปลิดชีพเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    สหรัฐฯ พันธมิตรและผู้สนับสนุนสำคัญของอิสราเอล เรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ซึ่งปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย และในนั้นเป็นเด็กจำนวนมาก ว่า "น่าสยดสยอง"
    .
    ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกนี้มีขึ้นแม้ว่าอิสราเอลกำลังเผชิญเสียงเกรี้ยวกราดจากนานาชาติ หลังจากรัฐสภาของพวกเขาเพิ่งลงมติอย่างท่วมท้น ห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง
    .
    ทีมกู้ภัยปาเลสไตน์และสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอาการสิ้นหวัง รวมตัวกันบริเวณอาคาร 5 ชั้นที่พักถล่มลงมา ในเขตเบอิต ลาเฮีย ทางเหนือของกาซา "จำนวนผู้เสียชีวิตนเหตุสังหารหมู่ในเบอิต ลาเฮีย เพิ่มเป็น 93 คน และราว 40 คน ยังคงสูญหายภายใต้ซากปรักหักพัง จากการเปิดเผยของ มาห์มูด บาสซาล โฆษกของสำนักงานป้องกันพลเรือนกาซา ที่ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
    .
    กองทัพอิสราเอลบอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการตรวจสอบรายงานข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการโจมตีในเบอิต ลาเฮีย หลังก่อนหน้านี้พวกเขารายงานว่ากองกำลังอิสราเอลปลิดชีพนักรบฮามาส 40 ราย และสูญเสียกำลังพลไป 4 รายในกาซา
    .
    แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง และก่อผลลัพธ์ที่น่าสยดสยอง เราติดต่อไปยังรัฐบาลอิสราเอล เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น"
    .
    กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นในภาคเหนือของกาซา มาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆ เขตจาบาเลีย เบอิต บาเฮีย และเบอิต ฮานูน อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้ฮามาสรวมกลุ่มใหม่
    .
    ประชาชนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนหลบหนีออกจากพื้นที่แถบนี้ ท่ามกลางวิกฤตที่ไม่มีทีท่าจบลงง่ายๆ ในสงครามที่ลากยาวมานานกว่า 12 เดือน นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ปลิดชีพผู้คนไปราว 1,206 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังอยู่ในกาซา แต่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าในนั้น 34 ราย เสียชีวิตแล้ว
    .
    อิสราเอลแก้แค้นด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้น สังหารชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 43,061 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุของฉนวนแห่งนี้
    .
    นานาชาติมีความกังวลมากขึ้น หลังจากรัฐสภาอิสราเอลลงมติอย่างท่วมท้นในการแบน UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภายังผ่านมาตรการหนึ่งที่ห้ามพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลทำงานร่วมกับ UNRWA
    .
    พันธมิตรตะวัตกหลายชาติของอิสราเอล ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ส่งเสียงแสดงความกังวลต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดย มิลเลอร์ เน้นย้ำคำเตือนที่ส่งถึงอิสราเอล ว่าวอชิงตันอาจระงับความช่วยเหลือด้านการทหาร หากสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซาไม่ดีขึ้น
    .
    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงความกังวลใหญ่หลวงเช่นกัน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อการผ่านกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ เยอรมนี เตือนว่ามาตรการนี้ เท่ากับทำให้การทำงานของ UNRWA ในกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
    .
    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ บอกว่ากฎหมายของอิสราเอลอาจก่อผลลัพธ์หายนะหากมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่าอิสราเอลพร้อมเดินหน้าป้อนความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ในหนทางที่ไม่ก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอล
    .
    ในเลบานอน รถถังอิสราเอลบุกเข้าไปยังแถบรอบนอกของหมู่บ้านเคียม ซึ่งถือเป็นการรุกรานที่ลึกที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาเปิดปฏิบัติการจู่โจมเลบานอน เป้าหมายเพื่อเล่นงานพวกฮิซบอลเลาะห์ เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    ช่วงค่ำวันอังคาร (29 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานเมืองซาราฟันด์ ทางใต้ของเลบานอน ได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 8 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 6 ราย ในเหตุโจมตีก่อนหน้านี้ที่เมืองฮาเร็ต ไซดา ใกล้กับเมืองไซดอน เมืองหลักทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ขณะเดียวกัน ฮิซบอลเลาะห์ แถลงว่าพวกเขาได้เลือก นาอิม กัสเซม รองผู้นำ ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ที่ถูกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลปลิดชีพ ทางใต้ของกรุงเบรุต เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า "กัสเซม จะได้รับการแต่งตั้งเพียงชั่วคราว เนื่องจากเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่นานนัก" และโพสต์ข้อความหลังจากนั้นในภาษาฮีบรู เขาระบุเพิ่มเติมว่า "การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว"
    .
    เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน ระบุว่าการแต่งตั้ง กัสเซม จะช่วยเสริมความเข้มแข็งแก่เจตจำนงของฝ่ายต่อต้าน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104393
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกหนึ่ง ถล่มอาคารที่พักอาศัยหลังเดี่ยวแห่งหนึ่ง ปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย จากการเปิดเผยของหน่วยงานป้องกันพลเรือนกาซา เหตุสลดซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐยิวยังคงเดินหน้าการรุกรานทั้งในฉนวนแห่งนี้และเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ คู่ต่อกรของอิสราเอลในเลบานอน ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ หลังจากคนก่อนถูกปลิดชีพเมื่อเดือนที่แล้ว . สหรัฐฯ พันธมิตรและผู้สนับสนุนสำคัญของอิสราเอล เรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ซึ่งปลิดชีพผู้คนไปเกือบ 100 ราย และในนั้นเป็นเด็กจำนวนมาก ว่า "น่าสยดสยอง" . ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกนี้มีขึ้นแม้ว่าอิสราเอลกำลังเผชิญเสียงเกรี้ยวกราดจากนานาชาติ หลังจากรัฐสภาของพวกเขาเพิ่งลงมติอย่างท่วมท้น ห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง . ทีมกู้ภัยปาเลสไตน์และสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอาการสิ้นหวัง รวมตัวกันบริเวณอาคาร 5 ชั้นที่พักถล่มลงมา ในเขตเบอิต ลาเฮีย ทางเหนือของกาซา "จำนวนผู้เสียชีวิตนเหตุสังหารหมู่ในเบอิต ลาเฮีย เพิ่มเป็น 93 คน และราว 40 คน ยังคงสูญหายภายใต้ซากปรักหักพัง จากการเปิดเผยของ มาห์มูด บาสซาล โฆษกของสำนักงานป้องกันพลเรือนกาซา ที่ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี . กองทัพอิสราเอลบอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการตรวจสอบรายงานข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการโจมตีในเบอิต ลาเฮีย หลังก่อนหน้านี้พวกเขารายงานว่ากองกำลังอิสราเอลปลิดชีพนักรบฮามาส 40 ราย และสูญเสียกำลังพลไป 4 รายในกาซา . แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง และก่อผลลัพธ์ที่น่าสยดสยอง เราติดต่อไปยังรัฐบาลอิสราเอล เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น" . กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นในภาคเหนือของกาซา มาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆ เขตจาบาเลีย เบอิต บาเฮีย และเบอิต ฮานูน อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้ฮามาสรวมกลุ่มใหม่ . ประชาชนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนหลบหนีออกจากพื้นที่แถบนี้ ท่ามกลางวิกฤตที่ไม่มีทีท่าจบลงง่ายๆ ในสงครามที่ลากยาวมานานกว่า 12 เดือน นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ปลิดชีพผู้คนไปราว 1,206 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังอยู่ในกาซา แต่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าในนั้น 34 ราย เสียชีวิตแล้ว . อิสราเอลแก้แค้นด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้น สังหารชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 43,061 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุของฉนวนแห่งนี้ . นานาชาติมีความกังวลมากขึ้น หลังจากรัฐสภาอิสราเอลลงมติอย่างท่วมท้นในการแบน UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกรัฐสภายังผ่านมาตรการหนึ่งที่ห้ามพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลทำงานร่วมกับ UNRWA . พันธมิตรตะวัตกหลายชาติของอิสราเอล ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ส่งเสียงแสดงความกังวลต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดย มิลเลอร์ เน้นย้ำคำเตือนที่ส่งถึงอิสราเอล ว่าวอชิงตันอาจระงับความช่วยเหลือด้านการทหาร หากสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซาไม่ดีขึ้น . เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงความกังวลใหญ่หลวงเช่นกัน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อการผ่านกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ เยอรมนี เตือนว่ามาตรการนี้ เท่ากับทำให้การทำงานของ UNRWA ในกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ . อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ บอกว่ากฎหมายของอิสราเอลอาจก่อผลลัพธ์หายนะหากมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่าอิสราเอลพร้อมเดินหน้าป้อนความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ในหนทางที่ไม่ก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอล . ในเลบานอน รถถังอิสราเอลบุกเข้าไปยังแถบรอบนอกของหมู่บ้านเคียม ซึ่งถือเป็นการรุกรานที่ลึกที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาเปิดปฏิบัติการจู่โจมเลบานอน เป้าหมายเพื่อเล่นงานพวกฮิซบอลเลาะห์ เมื่อเดือนที่แล้ว . ช่วงค่ำวันอังคาร (29 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานเมืองซาราฟันด์ ทางใต้ของเลบานอน ได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 8 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 6 ราย ในเหตุโจมตีก่อนหน้านี้ที่เมืองฮาเร็ต ไซดา ใกล้กับเมืองไซดอน เมืองหลักทางภาคใต้ของประเทศ . ขณะเดียวกัน ฮิซบอลเลาะห์ แถลงว่าพวกเขาได้เลือก นาอิม กัสเซม รองผู้นำ ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ที่ถูกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลปลิดชีพ ทางใต้ของกรุงเบรุต เมื่อเดือนที่แล้ว . โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่า "กัสเซม จะได้รับการแต่งตั้งเพียงชั่วคราว เนื่องจากเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่นานนัก" และโพสต์ข้อความหลังจากนั้นในภาษาฮีบรู เขาระบุเพิ่มเติมว่า "การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว" . เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน ระบุว่าการแต่งตั้ง กัสเซม จะช่วยเสริมความเข้มแข็งแก่เจตจำนงของฝ่ายต่อต้าน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104393 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 Comments 0 Shares 1345 Views 0 Reviews
  • รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
    .
    UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ
    .
    “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง
    .
    ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X
    .
    ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้”
    .
    เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ
    .
    ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม
    .
    “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ”
    .
    จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ
    .
    สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้
    .
    ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา
    .
    ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน
    .
    อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก
    .
    ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว
    .
    กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา . UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล . ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ . “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง . ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ . “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X . ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” . เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ . ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม . “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ” . จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ . สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้ . ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา . ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน . อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก . ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว . กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    4
    0 Comments 0 Shares 1332 Views 0 Reviews
More Results