• Elon Musk ได้ประกาศว่าเขามีแผนที่จะเดินทางไปเยือนอินเดียในปลายปีนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Narendra Modi เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การประกาศนี้เกิดขึ้นผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของ Musk ซึ่งแสดงถึงความสนใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอินเดียในด้านเทคโนโลยี

    ✅ Elon Musk มีแผนที่จะเยือนอินเดียในปลายปีนี้
    - Musk ประกาศผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่าเขารอคอยที่จะเดินทางไปอินเดีย
    - การเยือนนี้เกิดขึ้นหลังจากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Modi

    ✅ การพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
    - Modi กล่าวถึงการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม

    ✅ การเยือนอินเดียของ Musk อาจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านเทคโนโลยี
    - การเยือนนี้อาจเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในด้าน AI, พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/19/musk-says-he-will-visit-india-after-talk-with-modi
    Elon Musk ได้ประกาศว่าเขามีแผนที่จะเดินทางไปเยือนอินเดียในปลายปีนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Narendra Modi เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การประกาศนี้เกิดขึ้นผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของ Musk ซึ่งแสดงถึงความสนใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอินเดียในด้านเทคโนโลยี ✅ Elon Musk มีแผนที่จะเยือนอินเดียในปลายปีนี้ - Musk ประกาศผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่าเขารอคอยที่จะเดินทางไปอินเดีย - การเยือนนี้เกิดขึ้นหลังจากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี Modi ✅ การพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม - Modi กล่าวถึงการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม ✅ การเยือนอินเดียของ Musk อาจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านเทคโนโลยี - การเยือนนี้อาจเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในด้าน AI, พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/19/musk-says-he-will-visit-india-after-talk-with-modi
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk says he will visit India after talk with Modi
    (Reuters) -Elon Musk said on Saturday he was planning to visit India later in the year, a day after Indian Prime Minister Narendra Modi said he had discussed technology with the billionaire entrepreneur.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน

    การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย

    บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร

    ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน
    - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก
    - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน

    ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้
    - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
    - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI

    ✅ บทบาทขององค์กร
    - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI
    - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI
    - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร
    - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร
    - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI
    - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้ - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI ✅ บทบาทขององค์กร - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Could artificial intelligence be your best teammate at work?
    More than two years after ChatGPT burst onto the scene, companies are still struggling to make the technological transition. However, a growing number of trials are showing that artificial intelligence is not just about automating tasks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) บังคับใช้วันแรก เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้ครอบคลุม ลดขั้นตอนคืนเงินผู้เสียหาย รวมทั้งธนาคารและค่ายมือถือรับผิดชอบร่วมกัน

    วันนี้ (13 เม.ย.) เป็นวันแรกที่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สรุปสาระสำคัญ คือ เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ครอบคลุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ และบัญชีสินทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการแก้ไข

    ขณะเดียวกัน ได้ลดขั้นตอนกระบวนการเพื่อสามารถคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายได้โดยตรงในชั้นเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาศาล อีกด้านหนึ่ง ยังมีการสร้างความร่วมมือ กำหนดความรับผิดชอบให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับผิดหากไม่ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามมาตรการหรือมาตรฐานของหน่วยงานกำกับ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035214

    #MGROnline #พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #พรก #มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
    #DE #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) บังคับใช้วันแรก เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้ครอบคลุม ลดขั้นตอนคืนเงินผู้เสียหาย รวมทั้งธนาคารและค่ายมือถือรับผิดชอบร่วมกัน • วันนี้ (13 เม.ย.) เป็นวันแรกที่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สรุปสาระสำคัญ คือ เพิ่มเติมนิยามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ครอบคลุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ และบัญชีสินทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการแก้ไข • ขณะเดียวกัน ได้ลดขั้นตอนกระบวนการเพื่อสามารถคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายได้โดยตรงในชั้นเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาศาล อีกด้านหนึ่ง ยังมีการสร้างความร่วมมือ กำหนดความรับผิดชอบให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับผิดหากไม่ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามมาตรการหรือมาตรฐานของหน่วยงานกำกับ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035214 • #MGROnline #พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #พรก #มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #DE #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า

    ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ
    - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
    - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน
    - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ
    - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
    - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • Greenpeace ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการผลิตชิป AI ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในปี 2030 โดยการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตชิป AI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่สูงกว่าการใช้พลังงานของประเทศไอร์แลนด์

    == ข้อมูลสำคัญในข่าว ==
    ✅ การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น:
    - ในปี 2023 การผลิตชิป AI ใช้พลังงาน 218 GWh ทั่วโลก
    - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 984 GWh และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 37,238 GWh ภายในปี 2030

    ✅ การพึ่งพาพลังงานฟอสซิล:
    - รัฐบาลเกาหลีใต้อนุมัติโครงการพลังงาน LNG ขนาด 1.05 GW และ 3 GW เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของ SK hynix และ Samsung
    - อุตสาหกรรมในไต้หวันกำลังผลักดันการใช้พลังงาน LNG และพลังงานนิวเคลียร์

    ✅ ข้อเสนอของ Greenpeace:
    - เรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia และ AMD ใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต
    - แนะนำให้ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง:
    - บริษัทเทคโนโลยีควรเร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในระยะยาว

    ⚠️ การสร้างความร่วมมือ:
    - บริษัท AI ควรร่วมมือกับผู้ผลิตชิปในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานระยะยาว (PPA)

    https://www.neowin.net/news/your-demand-for-ai-is-set-to-cause-massive-emissions-in-chip-manufacturing-industry/
    Greenpeace ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการผลิตชิป AI ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในปี 2030 โดยการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตชิป AI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่สูงกว่าการใช้พลังงานของประเทศไอร์แลนด์ == ข้อมูลสำคัญในข่าว == ✅ การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น: - ในปี 2023 การผลิตชิป AI ใช้พลังงาน 218 GWh ทั่วโลก - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 984 GWh และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 37,238 GWh ภายในปี 2030 ✅ การพึ่งพาพลังงานฟอสซิล: - รัฐบาลเกาหลีใต้อนุมัติโครงการพลังงาน LNG ขนาด 1.05 GW และ 3 GW เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของ SK hynix และ Samsung - อุตสาหกรรมในไต้หวันกำลังผลักดันการใช้พลังงาน LNG และพลังงานนิวเคลียร์ ✅ ข้อเสนอของ Greenpeace: - เรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia และ AMD ใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต - แนะนำให้ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง: - บริษัทเทคโนโลยีควรเร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในระยะยาว ⚠️ การสร้างความร่วมมือ: - บริษัท AI ควรร่วมมือกับผู้ผลิตชิปในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานระยะยาว (PPA) https://www.neowin.net/news/your-demand-for-ai-is-set-to-cause-massive-emissions-in-chip-manufacturing-industry/
    WWW.NEOWIN.NET
    Your demand for AI is set to cause massive emissions in chip manufacturing industry
    By 2030, the AI chip manufacturing sector is going to see a massive rise in its emissions, a Greenpeace report says. It's calling on firms to clean up their acts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงาน Kyiv International Cyber Resilience Forum 2025 ที่จัดขึ้นในยูเครน มีการพูดถึงบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในบริบทของสงครามไซเบอร์ที่ยูเครนต้องเผชิญจากการโจมตีของรัสเซีย

    ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ:
    - ยูเครนสามารถป้องกันการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนในสหรัฐฯ และยุโรป
    - การโจมตีของรัสเซียไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐอย่าง GRU, SVR และ FSB เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการโจมตี

    ✅ กลยุทธ์ของรัสเซีย:
    - รัสเซียมีความเชี่ยวชาญในด้าน Social Engineering โดยใช้ QR Code เพื่อหลอกลวงเป้าหมายให้ติดตั้งมัลแวร์ผ่านแอปพลิเคชัน Signal
    - Google Threat Intelligence Group ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวิธีการโจมตีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

    ✅ ความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง:
    - ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อพันธมิตรบางราย เช่น Signal หยุดให้ความร่วมมือ
    - การมีแผนสำรองและทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การใช้ระบบสื่อสารหรือภาพถ่ายดาวเทียมจากแหล่งอื่น เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น

    บทเรียนที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้:
    💡 อย่าพึ่งพาแหล่งเดียว:
    - การมีแผนสำรองสำหรับกรณีที่บริการหรือพันธมิตรหยุดให้ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ

    💡 การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด:
    - การวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การโจมตีไซเบอร์หรือภัยพิบัติ ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

    💡 การสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ:
    - การทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับโลกช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/3950749/some-lessons-learned-about-resilience-in-cybersecurity-from-a-visit-to-ukraine.html
    ในงาน Kyiv International Cyber Resilience Forum 2025 ที่จัดขึ้นในยูเครน มีการพูดถึงบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในบริบทของสงครามไซเบอร์ที่ยูเครนต้องเผชิญจากการโจมตีของรัสเซีย ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ: - ยูเครนสามารถป้องกันการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนในสหรัฐฯ และยุโรป - การโจมตีของรัสเซียไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐอย่าง GRU, SVR และ FSB เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการโจมตี ✅ กลยุทธ์ของรัสเซีย: - รัสเซียมีความเชี่ยวชาญในด้าน Social Engineering โดยใช้ QR Code เพื่อหลอกลวงเป้าหมายให้ติดตั้งมัลแวร์ผ่านแอปพลิเคชัน Signal - Google Threat Intelligence Group ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวิธีการโจมตีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ✅ ความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง: - ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อพันธมิตรบางราย เช่น Signal หยุดให้ความร่วมมือ - การมีแผนสำรองและทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การใช้ระบบสื่อสารหรือภาพถ่ายดาวเทียมจากแหล่งอื่น เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น บทเรียนที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้: 💡 อย่าพึ่งพาแหล่งเดียว: - การมีแผนสำรองสำหรับกรณีที่บริการหรือพันธมิตรหยุดให้ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ 💡 การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด: - การวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การโจมตีไซเบอร์หรือภัยพิบัติ ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว 💡 การสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ: - การทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับโลกช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/3950749/some-lessons-learned-about-resilience-in-cybersecurity-from-a-visit-to-ukraine.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Lessons learned about cyber resilience from a visit to Ukraine
    When systems fail, it’s important to have a plan to replace lost resources however and from wherever you can source them, as the embattled country has learned over more than a decade of conflict.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Rapidus ผู้ผลิตชิประดับแนวหน้าของญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Apple, Google และอีกหลายบริษัท เพื่อสร้างความร่วมมือในการ ผลิตชิปรุ่นใหม่ที่ทันสมัยภายในปี 2027 โดยมีการเริ่มต้นสายการผลิตต้นแบบในโรงงานที่จังหวัดฮอกไกโดซึ่งจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในเดือนนี้

    ✅ แผนการพัฒนาโรงงานในประเทศญี่ปุ่น
    - Rapidus ได้เริ่ม สายการผลิตชิปต้นแบบ แล้วในโรงงานที่ฮอกไกโด และวางแผนพัฒนาเป็นโรงงานผลิตที่สมบูรณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า
    - การเจรจาครั้งนี้เน้นไปที่ การสร้างชิปรุ่นล้ำสมัยเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ

    ✅ Rapidus กับบทบาทในตลาดโลก
    - โครงการนี้เป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่จะสร้างตัวเองให้เป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชิปที่สำคัญระดับโลก
    - การเข้าร่วมของบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Apple และ Google จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด

    ✅ แนวโน้มและความต้องการในอุตสาหกรรมชิป
    - ความต้องการชิประดับสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยายตัวของ AI, IoT, และเทคโนโลยี 5G
    - การตั้งโรงงานในญี่ปุ่นอาจช่วยลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากจีนและไต้หวัน

    ✅ ความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    - Rapidus ตั้งเป้าที่จะเป็น พาร์ตเนอร์หลักของ Apple, Google, Amazon, Microsoft และ Facebook
    - การร่วมมือระดับนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานชิป และตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/japan039s-rapidus-in-talks-with-apple-google-to-mass-produce-chips-nikkei-reports
    บริษัท Rapidus ผู้ผลิตชิประดับแนวหน้าของญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Apple, Google และอีกหลายบริษัท เพื่อสร้างความร่วมมือในการ ผลิตชิปรุ่นใหม่ที่ทันสมัยภายในปี 2027 โดยมีการเริ่มต้นสายการผลิตต้นแบบในโรงงานที่จังหวัดฮอกไกโดซึ่งจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในเดือนนี้ ✅ แผนการพัฒนาโรงงานในประเทศญี่ปุ่น - Rapidus ได้เริ่ม สายการผลิตชิปต้นแบบ แล้วในโรงงานที่ฮอกไกโด และวางแผนพัฒนาเป็นโรงงานผลิตที่สมบูรณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า - การเจรจาครั้งนี้เน้นไปที่ การสร้างชิปรุ่นล้ำสมัยเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ ✅ Rapidus กับบทบาทในตลาดโลก - โครงการนี้เป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่จะสร้างตัวเองให้เป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชิปที่สำคัญระดับโลก - การเข้าร่วมของบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Apple และ Google จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ✅ แนวโน้มและความต้องการในอุตสาหกรรมชิป - ความต้องการชิประดับสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยายตัวของ AI, IoT, และเทคโนโลยี 5G - การตั้งโรงงานในญี่ปุ่นอาจช่วยลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากจีนและไต้หวัน ✅ ความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ - Rapidus ตั้งเป้าที่จะเป็น พาร์ตเนอร์หลักของ Apple, Google, Amazon, Microsoft และ Facebook - การร่วมมือระดับนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานชิป และตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/japan039s-rapidus-in-talks-with-apple-google-to-mass-produce-chips-nikkei-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan's Rapidus in talks with Apple, Google to mass-produce chips, Nikkei reports
    (Reuters) - Japanese chipmaker Rapidus is negotiating with Apple, Google and dozens of other potential clients to mass-produce advanced chips by 2027, the Nikkei business daily reported on Friday, citing the company's CEO Atsuyoshi Koike.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!!

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ

    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)

    “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป”
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์


    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!! การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป” มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้ทะเลที่สามารถทำงานในระดับความลึกถึง 4,000 เมตร อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบเพื่อช่วยในงานพลเรือน แต่ศักยภาพการใช้งานที่อาจส่งผลต่อการสื่อสารและพลังงานได้นำมาซึ่งความกังวลระดับโลก นอกจากนี้จีนยังใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งในเศรษฐกิจทรัพยากรทางทะเลและสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

    เทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อการทำงานใต้น้ำ:
    - อุปกรณ์นี้ใช้โครงสร้างไทเทเนียมที่มีตราประทับน้ำมันเพื่อทนต่อแรงดันสูงของน้ำลึก และมีเครื่องบดที่เคลือบด้วยเพชรซึ่งสามารถทำลายสายเคเบิลเสริมเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังลดการรบกวนกับตะกอนใต้ทะเล.

    ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ทางทะเล:
    - จีนได้สร้างกองเรือยานใต้น้ำที่มีคนขับและไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งช่วยขยายอิทธิพลของประเทศในด้านโครงสร้างพื้นฐานใต้ทะเล และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานแบบลับ ๆ สำหรับแพลตฟอร์มทางไกล.

    ความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน:
    - อุปกรณ์นี้สามารถช่วยจีนพัฒนาอุตสาหกรรมทรัพยากรทางทะเล เช่น การสร้างสถานีวิจัยใต้น้ำในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่กว้างขึ้นในการพัฒนาทรัพยากรใต้ทะเล.

    การร่วมมือกับประเทศอื่น:
    - จีนได้ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เช่น หมู่เกาะคุก เพื่อพัฒนาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนและกระชับความสัมพันธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ.

    https://www.techspot.com/news/107269-china-develops-deep-sea-cable-cutting-device-global.html
    จีนพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้ทะเลที่สามารถทำงานในระดับความลึกถึง 4,000 เมตร อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบเพื่อช่วยในงานพลเรือน แต่ศักยภาพการใช้งานที่อาจส่งผลต่อการสื่อสารและพลังงานได้นำมาซึ่งความกังวลระดับโลก นอกจากนี้จีนยังใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งในเศรษฐกิจทรัพยากรทางทะเลและสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อการทำงานใต้น้ำ: - อุปกรณ์นี้ใช้โครงสร้างไทเทเนียมที่มีตราประทับน้ำมันเพื่อทนต่อแรงดันสูงของน้ำลึก และมีเครื่องบดที่เคลือบด้วยเพชรซึ่งสามารถทำลายสายเคเบิลเสริมเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังลดการรบกวนกับตะกอนใต้ทะเล. ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ทางทะเล: - จีนได้สร้างกองเรือยานใต้น้ำที่มีคนขับและไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งช่วยขยายอิทธิพลของประเทศในด้านโครงสร้างพื้นฐานใต้ทะเล และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานแบบลับ ๆ สำหรับแพลตฟอร์มทางไกล. ความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน: - อุปกรณ์นี้สามารถช่วยจีนพัฒนาอุตสาหกรรมทรัพยากรทางทะเล เช่น การสร้างสถานีวิจัยใต้น้ำในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่กว้างขึ้นในการพัฒนาทรัพยากรใต้ทะเล. การร่วมมือกับประเทศอื่น: - จีนได้ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เช่น หมู่เกาะคุก เพื่อพัฒนาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนและกระชับความสัมพันธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ. https://www.techspot.com/news/107269-china-develops-deep-sea-cable-cutting-device-global.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China develops deep-sea cable-cutting device with global implications
    The device integrates seamlessly with China's advanced crewed and uncrewed submersibles, such as the Fendouzhe and Haidou series, marking a significant leap in underwater capabilities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • Foxconn เพิ่งประกาศผลประกอบการของปี 2024 ซึ่งถือเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 17 ปี โดยรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ ที่สำคัญ Foxconn ยังเดินหน้าลุยตลาด AI server และรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ปี 2025 นี้พวกเขายังตั้งเป้าทำให้ตลาด AI server เติบโตเป็นสองเท่าและเน้นสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตระดับโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

    ผลการดำเนินงานและการเติบโต:
    - รายได้รวมของปี 2024 สูงถึง 6.86 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10.6% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 20.5%

    การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ EV:
    - Foxconn วางแผนพัฒนาแพลตฟอร์ม 3 ด้าน ได้แก่ Smart Manufacturing, Smart EV และ Smart City โดยใช้ Generative AI และระบบ AI server เพื่อเสริมศักยภาพและลดต้นทุนการผลิต
    - ในปี 2025 Foxconn คาดการณ์ว่ารายได้จาก AI server จะเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบทั้งรายไตรมาสและรายปี

    แผนธุรกิจอนาคต:
    - บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ AI server เป็นอย่างน้อย 40%
    - มีความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะลงนามในสัญญาภายใน 1-2 เดือน และเตรียมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model B และ Model C ในตลาดอเมริกาเหนือในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    https://www.techpowerup.com/334122/foxconn-reports-17-year-high-in-fy2024-q4-financial-results
    Foxconn เพิ่งประกาศผลประกอบการของปี 2024 ซึ่งถือเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 17 ปี โดยรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ ที่สำคัญ Foxconn ยังเดินหน้าลุยตลาด AI server และรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ปี 2025 นี้พวกเขายังตั้งเป้าทำให้ตลาด AI server เติบโตเป็นสองเท่าและเน้นสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตระดับโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ผลการดำเนินงานและการเติบโต: - รายได้รวมของปี 2024 สูงถึง 6.86 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10.6% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 20.5% การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ EV: - Foxconn วางแผนพัฒนาแพลตฟอร์ม 3 ด้าน ได้แก่ Smart Manufacturing, Smart EV และ Smart City โดยใช้ Generative AI และระบบ AI server เพื่อเสริมศักยภาพและลดต้นทุนการผลิต - ในปี 2025 Foxconn คาดการณ์ว่ารายได้จาก AI server จะเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบทั้งรายไตรมาสและรายปี แผนธุรกิจอนาคต: - บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ AI server เป็นอย่างน้อย 40% - มีความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะลงนามในสัญญาภายใน 1-2 เดือน และเตรียมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model B และ Model C ในตลาดอเมริกาเหนือในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 https://www.techpowerup.com/334122/foxconn-reports-17-year-high-in-fy2024-q4-financial-results
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Foxconn Reports 17-Year High in FY2024 & Q4 Financial Results
    Hon Hai Technology Group ("Foxconn") today announced its full year and fourth quarter 2024 financial results. Full year 2024 net profit reached NT$152.7 billion, resulting in earnings per share of NT$11.01, a 17-year-high. At the same time, the Group announced that it will distribute a cash divid...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่องค์กรต่างๆ กำลังหันมาปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation) ไปสู่การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจฟังดูท้าทาย แต่หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างถูกวิธี ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้

    1. สร้างความร่วมมือกับผู้บริหารระดับสูง: Gabriela Vogel จาก Gartner ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของ AI ขึ้นอยู่กับการที่ผู้นำด้านดิจิทัลหรือ CIO เข้าใจถึงมูลค่าของเทคโนโลยีนี้ และจับมือร่วมกับ CFO ในการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้ AI เพิ่มรายได้หรือปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร

    2. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ: James Fleming จาก Francis Crick Institute เสนอให้ตั้งกลุ่มทำงานที่รวมบุคลากรจากหลายแผนก เช่น ฝ่ายกฎหมาย, ทรัพยากรบุคคล และฝ่ายวิทยาศาสตร์ เพื่อร่วมกันประเมินการใช้ AI ในองค์กรและพิจารณากรณีลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ

    3. การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด: Bruno Marie-Rose จาก Paris 2024 Organising Committee เปิดเผยว่า AI สามารถช่วยวางแผนการใช้ทรัพยากรในการจัดโอลิมปิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดสรรพื้นที่ Media Center ตามความต้องการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา

    4. ลดความกังวลของพนักงาน: Ollie Wildeman จาก Big Bus Tours อธิบายว่าการนำ AI เข้ามาใช้งานต้องเริ่มจากการสื่อสารเพื่อให้พนักงานเข้าใจถึงประโยชน์ เช่น การช่วยลดงานซ้ำซ้อน ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่ามากขึ้น เช่น การขายหรือการตอบคำถามลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง

    5. การจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบ: Jon Grainger จาก DWF เน้นย้ำว่า การดูแลคุณภาพของข้อมูลให้ถูกต้องและพร้อมใช้งานเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานกับ AI ข้อมูลที่มีคุณภาพและถูกจัดการอย่างดี จะช่วยให้องค์กรได้รับผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีความแม่นยำ

    https://www.zdnet.com/article/your-ai-transformation-depends-on-these-5-business-tactics/
    ในยุคที่องค์กรต่างๆ กำลังหันมาปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation) ไปสู่การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจฟังดูท้าทาย แต่หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างถูกวิธี ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้ 1. สร้างความร่วมมือกับผู้บริหารระดับสูง: Gabriela Vogel จาก Gartner ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของ AI ขึ้นอยู่กับการที่ผู้นำด้านดิจิทัลหรือ CIO เข้าใจถึงมูลค่าของเทคโนโลยีนี้ และจับมือร่วมกับ CFO ในการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้ AI เพิ่มรายได้หรือปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร 2. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ: James Fleming จาก Francis Crick Institute เสนอให้ตั้งกลุ่มทำงานที่รวมบุคลากรจากหลายแผนก เช่น ฝ่ายกฎหมาย, ทรัพยากรบุคคล และฝ่ายวิทยาศาสตร์ เพื่อร่วมกันประเมินการใช้ AI ในองค์กรและพิจารณากรณีลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ 3. การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด: Bruno Marie-Rose จาก Paris 2024 Organising Committee เปิดเผยว่า AI สามารถช่วยวางแผนการใช้ทรัพยากรในการจัดโอลิมปิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดสรรพื้นที่ Media Center ตามความต้องการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา 4. ลดความกังวลของพนักงาน: Ollie Wildeman จาก Big Bus Tours อธิบายว่าการนำ AI เข้ามาใช้งานต้องเริ่มจากการสื่อสารเพื่อให้พนักงานเข้าใจถึงประโยชน์ เช่น การช่วยลดงานซ้ำซ้อน ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่ามากขึ้น เช่น การขายหรือการตอบคำถามลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง 5. การจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบ: Jon Grainger จาก DWF เน้นย้ำว่า การดูแลคุณภาพของข้อมูลให้ถูกต้องและพร้อมใช้งานเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานกับ AI ข้อมูลที่มีคุณภาพและถูกจัดการอย่างดี จะช่วยให้องค์กรได้รับผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีความแม่นยำ https://www.zdnet.com/article/your-ai-transformation-depends-on-these-5-business-tactics/
    WWW.ZDNET.COM
    Your AI transformation depends on these 5 business tactics
    Five business leaders explain their best-practice tactics for managing artificial intelligence projects effectively.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • SBI Holdings หรือที่รู้จักในชื่อ Strategic Business Innovator Group เป็นกลุ่มบริษัทด้านบริการทางการเงินที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับ SK Hynix จากเกาหลีใต้ และ UMC จากไต้หวัน เพื่อความร่วมมือในการสร้างโรงงานชิปแห่งใหม่ในจังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น โรงงานแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ DRAM ขั้นปลาย (back-end DRAM processes) ร่วมกับ SK Hynix และการผลิตชิปสำหรับยานยนต์ร่วมกับ UMC ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพในอุตสาหกรรมชิปที่กำลังเติบโตในญี่ปุ่น

    SBI ได้ประกาศยุบโครงการร่วมทุนกับ Powerchip Semiconductor Manufacturing Corp. ของไต้หวันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในตอนนั้น SBI ระบุว่าจะมองหาพันธมิตรใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวกับชิป การเจรจากับ SK Hynix และ UMC ครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่บ่งบอกถึงทิศทางใหม่ในการขยายธุรกิจ

    สิ่งที่น่าสังเกตคือโครงการนี้อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากรัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถในการผลิตชิปภายในประเทศเพื่อรับมือกับความท้าทายจากวิกฤตซัพพลายเชนระดับโลก

    การสร้างโรงงานในญี่ปุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดชิปในประเทศ แต่ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและ AI ต้องการชิปประสิทธิภาพสูงมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/07/sbi-negotiating-with-sk-hynix-umc-on-japan-chip-plant-collaboration-report-says
    SBI Holdings หรือที่รู้จักในชื่อ Strategic Business Innovator Group เป็นกลุ่มบริษัทด้านบริการทางการเงินที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับ SK Hynix จากเกาหลีใต้ และ UMC จากไต้หวัน เพื่อความร่วมมือในการสร้างโรงงานชิปแห่งใหม่ในจังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น โรงงานแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ DRAM ขั้นปลาย (back-end DRAM processes) ร่วมกับ SK Hynix และการผลิตชิปสำหรับยานยนต์ร่วมกับ UMC ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพในอุตสาหกรรมชิปที่กำลังเติบโตในญี่ปุ่น SBI ได้ประกาศยุบโครงการร่วมทุนกับ Powerchip Semiconductor Manufacturing Corp. ของไต้หวันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในตอนนั้น SBI ระบุว่าจะมองหาพันธมิตรใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวกับชิป การเจรจากับ SK Hynix และ UMC ครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่บ่งบอกถึงทิศทางใหม่ในการขยายธุรกิจ สิ่งที่น่าสังเกตคือโครงการนี้อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากรัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถในการผลิตชิปภายในประเทศเพื่อรับมือกับความท้าทายจากวิกฤตซัพพลายเชนระดับโลก การสร้างโรงงานในญี่ปุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดชิปในประเทศ แต่ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและ AI ต้องการชิปประสิทธิภาพสูงมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/07/sbi-negotiating-with-sk-hynix-umc-on-japan-chip-plant-collaboration-report-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SBI negotiating with SK Hynix, UMC on Japan chip plant collaboration, report says
    TOKYO (Reuters) - SBI Holdings is negotiating with South Korea's SK Hynix and Taiwan's UMC about collaboration on a chips plant the financial firm is planning in Japan's Miyagi prefecture, Nikkan Kogyo newspaper reported on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 969 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้ประกาศโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งมีชื่อว่า 'Project Waterworth' โครงการนี้เป็นการวางสายเคเบิลใต้ทะเลระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อทวีปต่างๆ เช่น อเมริกาเหนือและใต้ แอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย สายเคเบิลนี้จะเป็นสายเคเบิลที่ Meta เป็นเจ้าของและดำเนินการเองทั้งหมด และจะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    สายเคเบิล Project Waterworth จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาในอินเดีย แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย Meta ยังกล่าวว่าการวางสายเคเบิลนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ยุโรป และทะเลจีนใต้ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/meta-plans-50-000-km-undersea-cable-to-connect-the-u-s-brazil-africa-india-and-australia
    Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้ประกาศโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งมีชื่อว่า 'Project Waterworth' โครงการนี้เป็นการวางสายเคเบิลใต้ทะเลระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อทวีปต่างๆ เช่น อเมริกาเหนือและใต้ แอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย สายเคเบิลนี้จะเป็นสายเคเบิลที่ Meta เป็นเจ้าของและดำเนินการเองทั้งหมด และจะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สายเคเบิล Project Waterworth จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาในอินเดีย แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย Meta ยังกล่าวว่าการวางสายเคเบิลนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ยุโรป และทะเลจีนใต้ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/meta-plans-50-000-km-undersea-cable-to-connect-the-u-s-brazil-africa-india-and-australia
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Meta plans 50,000 km undersea cable to connect the U.S., Brazil, Africa, India, and Australia
    'Project Waterworth' will be Meta's own information superhighway across the southern hemisphere.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
    .
    ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย
    .
    ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ
    .
    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    .
    #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ . ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย . ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ . นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ . #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    Haha
    Like
    Love
    20
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2487 มุมมอง 0 รีวิว
  • 83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว


    ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป

    การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง
    การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน

    นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย”

    ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ

    ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด

    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง

    ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน
    การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน

    ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส

    ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน

    มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ
    บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว
    ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ

    ตั้งเกตโต
    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม

    การเนรเทศและสังหารหมู่
    ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส

    มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น

    เอกสารที่หลงเหลือ
    หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี

    สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์
    ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว?
    การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน

    2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร?
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่

    3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์?
    ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568

    #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย” ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ ตั้งเกตโต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม การเนรเทศและสังหารหมู่ ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น เอกสารที่หลงเหลือ หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์ ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว? การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน 2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร? ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่ 3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์? ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568 #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาราและนายแบบจีนขอบคุณตำรวจไทยช่วยเหลือกลับประเทศโดยปลอดภัย ด้านจเรตำรวจแห่งชาติเตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับสื่อนำเสนอ Fake News การทำงานของตำรวจ

    วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการกับทุกภาคส่วนวางแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การสกัดกั้นคนต่างชาติลักลอบเข้าเมือง และการถูกหลอกลวงให้ไปทำงานยังประเทศที่สามโดยอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน พร้อมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือในระดับสากล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000005750

    #MGROnline #ซิงซิง #หยางเจ๋อฉี
    ดาราและนายแบบจีนขอบคุณตำรวจไทยช่วยเหลือกลับประเทศโดยปลอดภัย ด้านจเรตำรวจแห่งชาติเตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับสื่อนำเสนอ Fake News การทำงานของตำรวจ • วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการกับทุกภาคส่วนวางแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การสกัดกั้นคนต่างชาติลักลอบเข้าเมือง และการถูกหลอกลวงให้ไปทำงานยังประเทศที่สามโดยอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน พร้อมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือในระดับสากล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000005750 • #MGROnline #ซิงซิง #หยางเจ๋อฉี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย

    👉ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และความมั่นคง:
    - รัสเซียและอิหร่านจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทุกพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งความมั่นคงและการป้องกันประเทศ
    - ทั้งสองประเทศจะประสานงานการดำเนินการทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกภายใต้ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระยะยาว
    - ทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติด้วยการต่อสู้กับภัยคุกคามร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างหน่วย SVR ของรัสเซียและหน่วย VAJA ของอิหร่าน
    - ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะจัดการซ้อมรบร่วมกันในทั้งสองประเทศและในระดับนานาชาติ
    - รัสเซียและอิหร่านจะร่วมมือกันจัดการกับภัยคุกคามทางทหารและความมั่นคงร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค เช่นเดียวกับข้อตกลงรัสเซีย-จีน
    - สร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการประชุมประจำปีเพื่อทบทวนและผลักดันข้อตกลงทวิภาคี
    - ความร่วมมือจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการแทรกแซงของบุคคลที่สามในทะเลแคสเปียน เอเชียกลาง คอเคซัส และตะวันออกกลาง

    👉ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพลังงาน:
    - เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้ขยายออกไป โดยเน้นที่การลงทุนร่วมกันในดานโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านธนาคาร และการสร้างเส้นทางการค้าผ่านอิหร่าน
    - ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในภาคส่วนน้ำมันและก๊าซ โดยแบ่งปันเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการผลิต การแปรรูป และการขนส่ง โดยมุ่งหวังที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดน้ำมันและก๊าซโลก
    - ทั้งสองประเทศจะดำเนินโครงการร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ รวมถึงการสร้างโรงงานนิวเคลียร์

    👉ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี:
    - จัดทำแผนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง
    - ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
    รายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย 👉ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และความมั่นคง: - รัสเซียและอิหร่านจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทุกพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งความมั่นคงและการป้องกันประเทศ - ทั้งสองประเทศจะประสานงานการดำเนินการทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกภายใต้ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระยะยาว - ทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติด้วยการต่อสู้กับภัยคุกคามร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างหน่วย SVR ของรัสเซียและหน่วย VAJA ของอิหร่าน - ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะจัดการซ้อมรบร่วมกันในทั้งสองประเทศและในระดับนานาชาติ - รัสเซียและอิหร่านจะร่วมมือกันจัดการกับภัยคุกคามทางทหารและความมั่นคงร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค เช่นเดียวกับข้อตกลงรัสเซีย-จีน - สร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการประชุมประจำปีเพื่อทบทวนและผลักดันข้อตกลงทวิภาคี - ความร่วมมือจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการแทรกแซงของบุคคลที่สามในทะเลแคสเปียน เอเชียกลาง คอเคซัส และตะวันออกกลาง 👉ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพลังงาน: - เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้ขยายออกไป โดยเน้นที่การลงทุนร่วมกันในดานโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านธนาคาร และการสร้างเส้นทางการค้าผ่านอิหร่าน - ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในภาคส่วนน้ำมันและก๊าซ โดยแบ่งปันเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการผลิต การแปรรูป และการขนส่ง โดยมุ่งหวังที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดน้ำมันและก๊าซโลก - ทั้งสองประเทศจะดำเนินโครงการร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ รวมถึงการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ 👉ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: - จัดทำแผนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง - ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇨🇳 เรือรบรัสเซียเดินทางมาถึงเมืองชิงเต่าของจีน

    กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า การเยือนครั้งนี้จะเป็น "อีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ"
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇨🇳 Russian warships arrive in China's Qingdao.

    Russian Defense Ministry says the visit will serve as "another practical step in strengthening cooperation between the navies of the two countries."
    .
    2:56 AM · Dec 7, 2024 · 106.5K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1865123178437026234
    🇷🇺🇨🇳 เรือรบรัสเซียเดินทางมาถึงเมืองชิงเต่าของจีน กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า การเยือนครั้งนี้จะเป็น "อีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ" . JUST IN: 🇷🇺🇨🇳 Russian warships arrive in China's Qingdao. Russian Defense Ministry says the visit will serve as "another practical step in strengthening cooperation between the navies of the two countries." . 2:56 AM · Dec 7, 2024 · 106.5K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1865123178437026234
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนและประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต ของเปรู ได้ร่วมพิธีเปิดท่าเรือขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่นครชานไค (Chancay) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา ประเทศเปรู ท่าเรือนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน โดยมีการลงนามข้อตกลงการค้าในพิธีเปิดผ่านการเชื่อมโยงวิดีโอจากทำเนียบรัฐบาลเปรู
    .
    ประธานาธิบดีสี กล่าวในพิธีเปิดว่า "เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา ซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ระหว่างเอเชียและลาตินอเมริกา โดยผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญในระยะยาว"
    .
    โครงการท่าเรือชานไคซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท COSCO ของจีนและบริษัท Volcan ของเปรู โดย COSCO ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารท่าเรือประมาณ 60% การสร้างท่าเรือนี้จะช่วยเสริมความสามารถในการขนส่งสินค้าของเปรู โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น อะโวคาโดและบลูเบอร์รี ไปยังจีน ซึ่งการขนส่งจะใช้เวลาน้อยลงจากเดิม 35 วัน เหลือเพียง 23 วัน และคาดว่าจะสร้างรายได้ประจำปีถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    นอกจากนี้ ท่าเรือนี้ยังจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับประเทศในลาตินอเมริกา เช่น ชิลี เอกวาดอร์ โคลอมเบีย บราซิล และปารากวัย โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าอื่น ๆ เช่น ถั่วเหลือง กาแฟ และแร่เหล็ก ซึ่งจะทำให้ท่าเรือชานไคกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค
    .
    การเปิดท่าเรือชานไคได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศในลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เปรูกลายเป็น "คลังสินค้าของโลก" ตามที่ประธานาธิบดีโบลูอาร์เตกล่าว
    .
    แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีนและเปรู แต่ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงการ โดยมีการเตือนว่าท่าเรือนี้อาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จีนสามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลหรือการเฝ้าระวัง เนื่องจากท่าเรือชานไคตั้งอยู่ในภูมิภาคที่สำคัญและใกล้กับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
    .
    อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคกล่าวว่า "ท่าเรือนี้จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงทรัพยากรในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น" ขณะที่บางฝ่ายมีความกังวลว่าอาจมีการใช้งานท่าเรือเพื่อการสอดแนมหรือการรักษาความปลอดภัยในอนาคต
    .
    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ความกังวลเกี่ยวกับท่าเรือที่สร้างโดยจีนในประเทศต่างๆ เช่น ศรีลังกาและกรีซ ไม่ได้กลายเป็นปัญหาจริงจัง และชี้ให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับความกังวลเหล่านี้
    .
    ทางการเปรูได้ปฏิเสธข้อกังวลจากสหรัฐฯ โดยระบุว่า หากสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของจีนในประเทศเปรู ควรเพิ่มการลงทุนในประเทศนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110712
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนและประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต ของเปรู ได้ร่วมพิธีเปิดท่าเรือขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่นครชานไค (Chancay) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา ประเทศเปรู ท่าเรือนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน โดยมีการลงนามข้อตกลงการค้าในพิธีเปิดผ่านการเชื่อมโยงวิดีโอจากทำเนียบรัฐบาลเปรู . ประธานาธิบดีสี กล่าวในพิธีเปิดว่า "เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา ซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ระหว่างเอเชียและลาตินอเมริกา โดยผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญในระยะยาว" . โครงการท่าเรือชานไคซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท COSCO ของจีนและบริษัท Volcan ของเปรู โดย COSCO ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารท่าเรือประมาณ 60% การสร้างท่าเรือนี้จะช่วยเสริมความสามารถในการขนส่งสินค้าของเปรู โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น อะโวคาโดและบลูเบอร์รี ไปยังจีน ซึ่งการขนส่งจะใช้เวลาน้อยลงจากเดิม 35 วัน เหลือเพียง 23 วัน และคาดว่าจะสร้างรายได้ประจำปีถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ . นอกจากนี้ ท่าเรือนี้ยังจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับประเทศในลาตินอเมริกา เช่น ชิลี เอกวาดอร์ โคลอมเบีย บราซิล และปารากวัย โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าอื่น ๆ เช่น ถั่วเหลือง กาแฟ และแร่เหล็ก ซึ่งจะทำให้ท่าเรือชานไคกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค . การเปิดท่าเรือชานไคได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศในลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เปรูกลายเป็น "คลังสินค้าของโลก" ตามที่ประธานาธิบดีโบลูอาร์เตกล่าว . แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีนและเปรู แต่ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงการ โดยมีการเตือนว่าท่าเรือนี้อาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จีนสามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลหรือการเฝ้าระวัง เนื่องจากท่าเรือชานไคตั้งอยู่ในภูมิภาคที่สำคัญและใกล้กับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ . อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคกล่าวว่า "ท่าเรือนี้จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงทรัพยากรในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น" ขณะที่บางฝ่ายมีความกังวลว่าอาจมีการใช้งานท่าเรือเพื่อการสอดแนมหรือการรักษาความปลอดภัยในอนาคต . อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ความกังวลเกี่ยวกับท่าเรือที่สร้างโดยจีนในประเทศต่างๆ เช่น ศรีลังกาและกรีซ ไม่ได้กลายเป็นปัญหาจริงจัง และชี้ให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับความกังวลเหล่านี้ . ทางการเปรูได้ปฏิเสธข้อกังวลจากสหรัฐฯ โดยระบุว่า หากสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของจีนในประเทศเปรู ควรเพิ่มการลงทุนในประเทศนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110712 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1381 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย สองประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางประสบความสำเร็จในการพิจารณาเพิ่มความร่วมมือทางทหาร รวมถึงการซ้อมรบร่วมทางทะเล


    ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการฝึก และยังมีความยินดีที่จะให้กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลของอิหร่านในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโดยตรง หรือในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็ตาม


    ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย กล่าวขอบคุณกองทัพอิหร่านสำหรับการต้อนรับและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เขายังกล่าวเสริมอีกว่าข้อตกลงปักกิ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี และยกระดับความสัมพันธ์ในทุกมิติ
    อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย สองประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางประสบความสำเร็จในการพิจารณาเพิ่มความร่วมมือทางทหาร รวมถึงการซ้อมรบร่วมทางทะเล ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการฝึก และยังมีความยินดีที่จะให้กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลของอิหร่านในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโดยตรง หรือในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็ตาม ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย กล่าวขอบคุณกองทัพอิหร่านสำหรับการต้อนรับและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เขายังกล่าวเสริมอีกว่าข้อตกลงปักกิ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี และยกระดับความสัมพันธ์ในทุกมิติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี โพสต์ข้อความแสดงความยินดีต่อโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพียงประโยคเดียว ส่วนที่เหลือคือการขอความช่วยเหลือจากอเมริกา

    ขอแสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับชัยชนะการเลือกตั้งที่น่าประทับใจของเขา!

    ผมยังจำภาพการพบปะที่ยอดเยี่ยมกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อเดือนกันยายนได้อย่วงดี เราสองคนได้หารือกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ มีการพูดคุยกันถึง "แผนชัยชนะ" และแนวทางในการยุติการบุกยูเครนของรัสเซีย

    ผมชื่นชมความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อแนวทาง "สันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง" ในกิจการระดับโลก นี่คือหลักการที่ชัดเจนสำหรับการนำสันติภาพที่ยุติธรรมมาสู่ยูเครนได้ในทางปฏิบัติ ผมหวังว่าเราจะนำหลักการนี้ไปปฏิบัติร่วมกัน

    เรามุ่งหวังที่จะเป็นยุคที่สหรัฐอเมริกาเข้มแข็งภายใต้การนำที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีทรัมป์ เราพึ่งพาการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองพรรคการเมืองที่มีต่อยูเครนในสหรัฐอเมริกา

    เราสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศของเรา ยูเครนในฐานะประเทศที่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพและความมั่นคงในระยะยาวในยุโรปและชุมชนทรานส์แอตแลนติกด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา

    ผมตั้งตารอที่จะแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการส่วนตัว และหารือถึงแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของยูเครนกับสหรัฐอเมริกา
    เซเลนสกี โพสต์ข้อความแสดงความยินดีต่อโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพียงประโยคเดียว ส่วนที่เหลือคือการขอความช่วยเหลือจากอเมริกา ขอแสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับชัยชนะการเลือกตั้งที่น่าประทับใจของเขา! ผมยังจำภาพการพบปะที่ยอดเยี่ยมกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อเดือนกันยายนได้อย่วงดี เราสองคนได้หารือกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ มีการพูดคุยกันถึง "แผนชัยชนะ" และแนวทางในการยุติการบุกยูเครนของรัสเซีย ผมชื่นชมความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อแนวทาง "สันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง" ในกิจการระดับโลก นี่คือหลักการที่ชัดเจนสำหรับการนำสันติภาพที่ยุติธรรมมาสู่ยูเครนได้ในทางปฏิบัติ ผมหวังว่าเราจะนำหลักการนี้ไปปฏิบัติร่วมกัน เรามุ่งหวังที่จะเป็นยุคที่สหรัฐอเมริกาเข้มแข็งภายใต้การนำที่เด็ดขาดของประธานาธิบดีทรัมป์ เราพึ่งพาการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองพรรคการเมืองที่มีต่อยูเครนในสหรัฐอเมริกา เราสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศของเรา ยูเครนในฐานะประเทศที่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพและความมั่นคงในระยะยาวในยุโรปและชุมชนทรานส์แอตแลนติกด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา ผมตั้งตารอที่จะแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการส่วนตัว และหารือถึงแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของยูเครนกับสหรัฐอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง

    ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ

    พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน"

    อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น

    ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน" อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ปฏิญญาคาซาน BRICS2024 มีอะไรอยู่ในคำประกาศคาซานของการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS

    BRICS ได้รับรองคำประกาศปฏิญญาขั้นสุดท้ายของการประชุมสุดยอดBRICS Plus Summit 2024 ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย และมีแผนที่จะยื่นเอกสารปฏิญญาดังกล่าวต่อสหประชาชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้:

    1 .ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลก:

    - สถาบันในระบบการเงินระหว่างประเทศของเบรตตันวูดส์ รวมทั้งองค์กรการค้าโลก ควรได้รับการปฏิรูปเพื่อให้สามารถเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาได้ดีขึ้น

    - BRICS คัดค้านมาตรการ“ฝ่ายเดียว”ห้ามเลือกปฏิบัติ และคุ้มครองทางการค้าที่ดำเนินการภายใต้ข้ออ้างในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งรวมถึงกลไกการปรับการปล่อยคาร์บอนและภาษี

    2.BRICS สนับสนุนการปฏิรูปสหประชาชาติอย่างครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง เพื่อให้เป็นตัวแทนประชาคมโลกมากขึ้น และระบุถึงความสำคัญขององค์การนี้ในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ

    3.โครงการริเริ่มใหม่:

    - สมาชิก BRICS ตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเชื่อมช่องว่างทางดิจิทัลระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

    -BRICS ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงธนาคารพัฒนาใหม่ NDB ให้สามารถตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21

    -BRICS สนับสนุนการจัดทำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีในประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ “ยั่งยืนและครอบคลุม”

    องค์กรBRICS ตกลงที่จะสำรวจการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและการฝากเงินข้ามพรมแดนแบบอิสระที่เรียกว่า BRICS Clear

    - BRICS พร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนายารักษาโรค รวมถึงวัคซีนและโครงการเวชศาสตร์นิวเคลียร์

    - BRICS ยินดีต้อนรับการสร้างแพลตฟอร์มการขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นหนึ่งเดียว
    คำประกาศดังกล่าวสนับสนุนข้อเสนอของรัสเซียในการสร้างตลาดแลกเปลี่ยนธัญพืชเพื่อ "ส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปุ๋ยตามกฎเกณฑ์ และลดการหยุดชะงักให้เหลือน้อยที่สุด"

    4.การขยายความร่วมมือ:

    - คำประกาศดังกล่าวยินดีกับการขยายการใช้สกุลเงินประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS และพันธมิตรทางการค้า

    -เอกสารปฏิญญาดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และการสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้นระหว่างสมาชิกกลุ่ม BRICS รวมถึงการดำเนินการตามกลยุทธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่มต่อไป

    และทางกลุ่มBRICSยินดีต้อนรับความสนใจของประเทศต่างๆ ในโลกใต้ที่มีต่อกลุ่ม BRICS และเรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด โดยเฉพาะในแอฟริกา เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นใน
    กระบวนการระดับโลก

    5.วิกฤตการณ์โลกที่BRICSประกาศต่อต้าน:

    -เอกสารปฏิญญาดังกล่าว “ประณาม” การใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติและมีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างผิดกฎหมาย และเน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก

    -กลุ่ม BRICS คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธและการปลดอาวุธทั่วโลก รวมถึงการปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับมาตรการป้องกันไม่ให้อาวุธทำลายล้างสูงตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย โดยเรียกร้องให้มีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้กับยาเสพติด

    -สมาชิกกลุ่มได้สรุปจุดยืนของตนเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน และรับทราบข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจา

    - กลุ่ม BRICS แสดงการสนับสนุนต่อการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติ

    -คำประกาศดังกล่าวประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อเจ้าหน้าที่ UN ในเลบานอน และการโจมตีด้วยการก่อการร้ายด้วยระเบิดเพจเจอร์สังหารเมื่อวันที่ 17 กันยายน2567

    -BRICS ยินดีต้อนรับการจัดตั้งประธานสภาช่วงเปลี่ยนผ่านของเฮติและสภาการเลือกตั้งเพื่อแก้ไขวิกฤตที่กำลังรุมเร้าประเทศแคริบเบียน

    -กลุ่ม BRICS แสดงความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงในซูดาน และเรียกร้องให้หยุดยิง

    -คำประกาศนี้วิพากษ์วิจารณ์การนำสิทธิมนุษยชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและมาตรฐานที่ไม่เท่าเทียมกันในพื้นที่นี้

    -เอกสารนี้แสดงการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบในกีฬา

    ที่มา สำนักข่าว Sputnik
    https://x.com/sputnikint/status/1849128202633166937?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA

    #Thaitimes
    ปฏิญญาคาซาน BRICS2024 มีอะไรอยู่ในคำประกาศคาซานของการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS BRICS ได้รับรองคำประกาศปฏิญญาขั้นสุดท้ายของการประชุมสุดยอดBRICS Plus Summit 2024 ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย และมีแผนที่จะยื่นเอกสารปฏิญญาดังกล่าวต่อสหประชาชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้: 1 .ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลก: - สถาบันในระบบการเงินระหว่างประเทศของเบรตตันวูดส์ รวมทั้งองค์กรการค้าโลก ควรได้รับการปฏิรูปเพื่อให้สามารถเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาได้ดีขึ้น - BRICS คัดค้านมาตรการ“ฝ่ายเดียว”ห้ามเลือกปฏิบัติ และคุ้มครองทางการค้าที่ดำเนินการภายใต้ข้ออ้างในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งรวมถึงกลไกการปรับการปล่อยคาร์บอนและภาษี 2.BRICS สนับสนุนการปฏิรูปสหประชาชาติอย่างครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง เพื่อให้เป็นตัวแทนประชาคมโลกมากขึ้น และระบุถึงความสำคัญขององค์การนี้ในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ 3.โครงการริเริ่มใหม่: - สมาชิก BRICS ตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเชื่อมช่องว่างทางดิจิทัลระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม -BRICS ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงธนาคารพัฒนาใหม่ NDB ให้สามารถตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21 -BRICS สนับสนุนการจัดทำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีในประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ “ยั่งยืนและครอบคลุม” องค์กรBRICS ตกลงที่จะสำรวจการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและการฝากเงินข้ามพรมแดนแบบอิสระที่เรียกว่า BRICS Clear - BRICS พร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนายารักษาโรค รวมถึงวัคซีนและโครงการเวชศาสตร์นิวเคลียร์ - BRICS ยินดีต้อนรับการสร้างแพลตฟอร์มการขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นหนึ่งเดียว คำประกาศดังกล่าวสนับสนุนข้อเสนอของรัสเซียในการสร้างตลาดแลกเปลี่ยนธัญพืชเพื่อ "ส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปุ๋ยตามกฎเกณฑ์ และลดการหยุดชะงักให้เหลือน้อยที่สุด" 4.การขยายความร่วมมือ: - คำประกาศดังกล่าวยินดีกับการขยายการใช้สกุลเงินประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS และพันธมิตรทางการค้า -เอกสารปฏิญญาดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และการสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้นระหว่างสมาชิกกลุ่ม BRICS รวมถึงการดำเนินการตามกลยุทธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่มต่อไป และทางกลุ่มBRICSยินดีต้อนรับความสนใจของประเทศต่างๆ ในโลกใต้ที่มีต่อกลุ่ม BRICS และเรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด โดยเฉพาะในแอฟริกา เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นใน กระบวนการระดับโลก 5.วิกฤตการณ์โลกที่BRICSประกาศต่อต้าน: -เอกสารปฏิญญาดังกล่าว “ประณาม” การใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติและมีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างผิดกฎหมาย และเน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก -กลุ่ม BRICS คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธและการปลดอาวุธทั่วโลก รวมถึงการปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับมาตรการป้องกันไม่ให้อาวุธทำลายล้างสูงตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย โดยเรียกร้องให้มีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้กับยาเสพติด -สมาชิกกลุ่มได้สรุปจุดยืนของตนเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน และรับทราบข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจา - กลุ่ม BRICS แสดงการสนับสนุนต่อการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติ -คำประกาศดังกล่าวประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อเจ้าหน้าที่ UN ในเลบานอน และการโจมตีด้วยการก่อการร้ายด้วยระเบิดเพจเจอร์สังหารเมื่อวันที่ 17 กันยายน2567 -BRICS ยินดีต้อนรับการจัดตั้งประธานสภาช่วงเปลี่ยนผ่านของเฮติและสภาการเลือกตั้งเพื่อแก้ไขวิกฤตที่กำลังรุมเร้าประเทศแคริบเบียน -กลุ่ม BRICS แสดงความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงในซูดาน และเรียกร้องให้หยุดยิง -คำประกาศนี้วิพากษ์วิจารณ์การนำสิทธิมนุษยชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและมาตรฐานที่ไม่เท่าเทียมกันในพื้นที่นี้ -เอกสารนี้แสดงการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบในกีฬา ที่มา สำนักข่าว Sputnik https://x.com/sputnikint/status/1849128202633166937?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1064 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts