• หากวันวาน...ไม่ใช่ผู้รู้
    Cr.Wiwan
    หากวันวาน...ไม่ใช่ผู้รู้ Cr.Wiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลทั่วโลกวานนี้ (6 เม.ย.) ว่าพวกเขาจะต้อง “จ่ายเงินมหาศาล” หากต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกกำแพงภาษี พร้อมเปรียบเทียบการรีดภาษีว่าเป็นเสมือน “ยา” ที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอเมริกา ท่ามกลางความกังวลที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งแรงตั้งแต่เช้าวันนี้ (7 เม.ย.)

    ตลาดหุ้นเอเชียยังคงร่วงแรงต่อเนื่องระหว่างการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ก็ดิ่งแรงในคืนวันอาทิตย์ (6) สืบเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่ามาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ จะทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น อุปสงค์ลดลง บ่อนทำลายความเชื่อมั่น และนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ทั่วโลก

    ระหว่างให้สัมภาษณ์นักข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันวานนี้ (6) ทรัมป์ ระบุว่าตน “ไม่กังวล” กับความผันผวนครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกสูญเสียเม็ดเงินไปแล้วหลายล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองที่สูญเสียมูลค่าไปเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์

    “ผมไม่ได้อยากให้อะไรมันลง แต่บางครั้งคุณก็ต้องยอมใช้ยาเพื่อแก้ไขบางสิ่งบางอย่าง” เขากล่าวระหว่างเดินทางกลับจากตีกอล์ฟที่รัฐฟลอริดาในช่วงสุดสัปดาห์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000033046

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    #ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลทั่วโลกวานนี้ (6 เม.ย.) ว่าพวกเขาจะต้อง “จ่ายเงินมหาศาล” หากต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกกำแพงภาษี พร้อมเปรียบเทียบการรีดภาษีว่าเป็นเสมือน “ยา” ที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอเมริกา ท่ามกลางความกังวลที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งแรงตั้งแต่เช้าวันนี้ (7 เม.ย.) • ตลาดหุ้นเอเชียยังคงร่วงแรงต่อเนื่องระหว่างการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ก็ดิ่งแรงในคืนวันอาทิตย์ (6) สืบเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่ามาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ จะทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น อุปสงค์ลดลง บ่อนทำลายความเชื่อมั่น และนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ทั่วโลก • ระหว่างให้สัมภาษณ์นักข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันวานนี้ (6) ทรัมป์ ระบุว่าตน “ไม่กังวล” กับความผันผวนครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกสูญเสียเม็ดเงินไปแล้วหลายล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองที่สูญเสียมูลค่าไปเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ • “ผมไม่ได้อยากให้อะไรมันลง แต่บางครั้งคุณก็ต้องยอมใช้ยาเพื่อแก้ไขบางสิ่งบางอย่าง” เขากล่าวระหว่างเดินทางกลับจากตีกอล์ฟที่รัฐฟลอริดาในช่วงสุดสัปดาห์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000033046 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยบอกรักฉันทุกวัน
    จับมือกันแล้วสัญญา
    เธอบอกจะไม่มีวันลา
    แต่สุดท้ายก็มาเปลี่ยนไป
    หรือรักของฉันยังไม่พอ
    เธอจึงไม่รอใช่ไหม
    เธอจึงเลือกเดินจากไป
    ปล่อยทิ้งฉันไว้เพียงลำพัง
    เขาดีกว่าฉันตรงไหน
    จึงมาทำให้ฉันสิ้นหวัง
    เจ็บจนหัวใจเจียนจะพัง
    น้ำตารินหลั่งมิใช่เบา
    ภาพวันวานยังคงฝังใจ
    แต่วันนี้เธอเดินไปกับเขา
    ยิ้มของเธอที่เคยเป็นของเรา
    ตอนนี้ได้เขาไปครอง
    รักฉันมันไม่ดีพอ
    ไม่ได้ไปต่อนสุดเศร้าหมอง
    นับวันน้ำตาจะเนืองนอง
    ร่ำร้องเหมือนในนิยาย
    เขาดีกว่าฉันตรงไหน
    รักของฉันจึงไร้ความหมาย
    ทำเธอเปลี่ยนใจง่ายดาย
    ใจฉันสลายแล้วเธอ
    สุดท้ายฉันคงต้องยอมรับ
    โศกเศร้าอยู่กับความเซ่อ
    พ่ายรักให้เขากับเธอ
    ขออย่าได้เจอกันอีกเลย
    เคยบอกรักฉันทุกวัน จับมือกันแล้วสัญญา เธอบอกจะไม่มีวันลา แต่สุดท้ายก็มาเปลี่ยนไป หรือรักของฉันยังไม่พอ เธอจึงไม่รอใช่ไหม เธอจึงเลือกเดินจากไป ปล่อยทิ้งฉันไว้เพียงลำพัง เขาดีกว่าฉันตรงไหน จึงมาทำให้ฉันสิ้นหวัง เจ็บจนหัวใจเจียนจะพัง น้ำตารินหลั่งมิใช่เบา ภาพวันวานยังคงฝังใจ แต่วันนี้เธอเดินไปกับเขา ยิ้มของเธอที่เคยเป็นของเรา ตอนนี้ได้เขาไปครอง รักฉันมันไม่ดีพอ ไม่ได้ไปต่อนสุดเศร้าหมอง นับวันน้ำตาจะเนืองนอง ร่ำร้องเหมือนในนิยาย เขาดีกว่าฉันตรงไหน รักของฉันจึงไร้ความหมาย ทำเธอเปลี่ยนใจง่ายดาย ใจฉันสลายแล้วเธอ สุดท้ายฉันคงต้องยอมรับ โศกเศร้าอยู่กับความเซ่อ พ่ายรักให้เขากับเธอ ขออย่าได้เจอกันอีกเลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตวิศวกร บ.อิตาเลียนไทยฯ เผยเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง.ไม่เหมาะต่ออาคารสูงที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนหรือการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาคารและผู้ใช้งานได้

    จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “วันวาน ยังหวานอยู่“ อดีตวิศวกร บ.อิตาเลียนไทยฯ ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกใช้เหล็กในการสร้างตึก สตง. โดยทางผู้ก่อสร้างเลือกใช้เหล็ก DB.32 SD.50 ซึ่งเหล็กชนิดนี้มีปัญหาเรื่องค่า Yield ต่ำ แต่ค่า Strength ผ่านเกณฑ์และมีปัญหาเรื่องการดัดงอ (Bending) ทำให้เกิดการปริแตกและร้าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030428

    #MGROnline #สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน #สตง. #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake #แผ่นดินไหว
    อดีตวิศวกร บ.อิตาเลียนไทยฯ เผยเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง.ไม่เหมาะต่ออาคารสูงที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนหรือการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาคารและผู้ใช้งานได้ • จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ • อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “วันวาน ยังหวานอยู่“ อดีตวิศวกร บ.อิตาเลียนไทยฯ ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกใช้เหล็กในการสร้างตึก สตง. โดยทางผู้ก่อสร้างเลือกใช้เหล็ก DB.32 SD.50 ซึ่งเหล็กชนิดนี้มีปัญหาเรื่องค่า Yield ต่ำ แต่ค่า Strength ผ่านเกณฑ์และมีปัญหาเรื่องการดัดงอ (Bending) ทำให้เกิดการปริแตกและร้าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030428 • #MGROnline #สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน #สตง. #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake #แผ่นดินไหว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งหนึ่งในสยาม" คือสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ที่พาคุณย้อนเวลากลับไปสำรวจเหตุการณ์จริง คดีสะเทือนขวัญ และเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสยาม ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของสังคมไทย

    ร่วมค้นพบเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับสยามในวันวาน! ติดตาม "ครั้งหนึ่งในสยาม" ได้ที่ thaitimes
    ครั้งหนึ่งในสยาม" คือสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ที่พาคุณย้อนเวลากลับไปสำรวจเหตุการณ์จริง คดีสะเทือนขวัญ และเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสยาม ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของสังคมไทย ร่วมค้นพบเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับสยามในวันวาน! ติดตาม "ครั้งหนึ่งในสยาม" ได้ที่ thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • [ แนะนำอัลบั้มวันวาน ]
    อัลบั้ม "กับฉัน With Me"
    อัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของ มาลีวัลย์ เจมีน่า ในปี 2529 ภายใต้สังกัด Nite Spot Productions Ltd.

    โปรดิวเซอร์ : โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์)
    เนื่อร้อง : ประสิทธิ์ ชำนาญไพร, โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์), มนตรี ผลพันธิน
    ดนตรี : โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์)
    บันทึกเสียง : ฟิดเลอร์ด รีคอร์ดดิ้งสตูดิโอ, ฮอลลีวู้ดแคลิฟอเนียร์

    รายชื่อเพลง

    หน้า A
    -เดียวดาย
    -เถิบมาซิ
    -หนึ่งใจฉัน
    -บทเรียน
    -เมิน

    หน้า B
    -ใจต่างใจ
    -รักแท้
    -ดอกไม้มายา
    -ครั้งหนึ่ง
    -ฉันมีเพลง

    รายชื่อเพลง เปลี่ยนปกเพิ่มเพลง

    หน้า A
    -เก็บหัวใจ
    -เพียงผ่านไป
    -เดียวดาย
    -หนึ่งใจฉัน
    -รักแท้
    -เมิน

    หน้า B
    -ใจต่างใจ
    -บทเรียน
    -เถิบมาซิ
    -ดอกไม้มายา
    -ครั้งหนึ่ง
    -ฉันมีเพลง

    วันวางจำหน่าย 9 มิถุนายน 2529

    #มาลีวัลย์เจมีน่า
    #NiteSpot
    #ฟังเพลงจับต้องได้
    #ชีวิตคือบทเพลง
    #แนะนำอัลบั้มวันวาน
    [ แนะนำอัลบั้มวันวาน ] อัลบั้ม "กับฉัน With Me" อัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของ มาลีวัลย์ เจมีน่า ในปี 2529 ภายใต้สังกัด Nite Spot Productions Ltd. โปรดิวเซอร์ : โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์) เนื่อร้อง : ประสิทธิ์ ชำนาญไพร, โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์), มนตรี ผลพันธิน ดนตรี : โอสถ ประยูรเวช (แฮงค์) บันทึกเสียง : ฟิดเลอร์ด รีคอร์ดดิ้งสตูดิโอ, ฮอลลีวู้ดแคลิฟอเนียร์ รายชื่อเพลง หน้า A -เดียวดาย -เถิบมาซิ -หนึ่งใจฉัน -บทเรียน -เมิน หน้า B -ใจต่างใจ -รักแท้ -ดอกไม้มายา -ครั้งหนึ่ง -ฉันมีเพลง รายชื่อเพลง เปลี่ยนปกเพิ่มเพลง หน้า A -เก็บหัวใจ -เพียงผ่านไป -เดียวดาย -หนึ่งใจฉัน -รักแท้ -เมิน หน้า B -ใจต่างใจ -บทเรียน -เถิบมาซิ -ดอกไม้มายา -ครั้งหนึ่ง -ฉันมีเพลง วันวางจำหน่าย 9 มิถุนายน 2529 #มาลีวัลย์เจมีน่า #NiteSpot #ฟังเพลงจับต้องได้ #ชีวิตคือบทเพลง #แนะนำอัลบั้มวันวาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดี สายใยไทย

    สองมือประนม ดุจดอกบัวบาน หัวใจผสาน ด้วยความจริงใจ คำทักจากใจ "สวัสดี" สายใยเชื่อมไมตรี ไทยงามยั่งยืน

    จากสุวรรณภูมิ สู่ทุกมุมแดน คำนี้สื่อแทน ความดีงามอยู่เสมอ สืบทอดจากวันวาน ผ่านกาลเวลา เสียงทักทายนี้ เป็นมงคลทุกครา

    * สวัสดี คือพรอันล้ำค่า ดั่งแสงแห่งศรัทธา ทอใจให้สุขสันต์ สวัสดี คือคำที่ร่วมฝัน คนไทยรักผูกพัน โลกนี้จงเจริญ

    อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าสดใส ราตรีสวัสดิ์ ก่อนหลับฝันดี "สวัสดี" งดงามและเรียบง่าย สะท้อนหัวใจไทย ด้วยความงาม

    จากรากศัพท์เดิม สู่คำที่คุ้นเคย คำนี้เอื้อนเอ่ย ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ให้ความสงบสุข ผ่านใจคนไทย คำนี้จะยั่งยืน ไปตลอดกาล

    ซ้ำ *

    มือประนม เหนือหัวใจ ถ่ายทอดสายใย แห่งความปรารถนาดี ทั้งผู้ใหญ่ และผู้เยาว์ คำนี้คงค่า ตลอดนานเท่านาน

    สวัสดี คือคำที่งดงาม ขอความสุขความดี จงอยู่ทุกโมงยาม สวัสดี คือหัวใจของเรา ส่งให้กันและกัน ด้วยรักนิรันดร์

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221017 ม.ค. 2568
    สวัสดี สายใยไทย สองมือประนม ดุจดอกบัวบาน หัวใจผสาน ด้วยความจริงใจ คำทักจากใจ "สวัสดี" สายใยเชื่อมไมตรี ไทยงามยั่งยืน จากสุวรรณภูมิ สู่ทุกมุมแดน คำนี้สื่อแทน ความดีงามอยู่เสมอ สืบทอดจากวันวาน ผ่านกาลเวลา เสียงทักทายนี้ เป็นมงคลทุกครา * สวัสดี คือพรอันล้ำค่า ดั่งแสงแห่งศรัทธา ทอใจให้สุขสันต์ สวัสดี คือคำที่ร่วมฝัน คนไทยรักผูกพัน โลกนี้จงเจริญ อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าสดใส ราตรีสวัสดิ์ ก่อนหลับฝันดี "สวัสดี" งดงามและเรียบง่าย สะท้อนหัวใจไทย ด้วยความงาม จากรากศัพท์เดิม สู่คำที่คุ้นเคย คำนี้เอื้อนเอ่ย ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ให้ความสงบสุข ผ่านใจคนไทย คำนี้จะยั่งยืน ไปตลอดกาล ซ้ำ * มือประนม เหนือหัวใจ ถ่ายทอดสายใย แห่งความปรารถนาดี ทั้งผู้ใหญ่ และผู้เยาว์ คำนี้คงค่า ตลอดนานเท่านาน สวัสดี คือคำที่งดงาม ขอความสุขความดี จงอยู่ทุกโมงยาม สวัสดี คือหัวใจของเรา ส่งให้กันและกัน ด้วยรักนิรันดร์ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221017 ม.ค. 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • ทำไมคุณถึงรักท่านพ่อ(ในหลวง)?
    ที่ผมตั้งกระทู้คำถามนี้ขึ้นมานั้น ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รักท่านพ่อ(ในหลวง)นะครับ เพียงแต่ผมอยากจะทราบถึงความเห็นของทุกๆ คนว่า คุณรู้สึก และคิดเห็นอย่างไรกับคำถามนี้เท่านั้น
    ผมอยากจะทราบถึงเหตุผลของทุกๆ คนด้วยความจริงใจ และจริงจัง จากใจทุกๆ คนจริงๆ ว่า
    เมื่อคุณนึกถึงท่านพ่อ คุณรู้สึกอย่างไร?
    และถ้าไม่มีท่านพ่อแล้ว ผลมันจะเป็นอย่างไร?
    และทำไมคนต่างประเทศเค้าถึงรักประเทศไทยกันนัก?
    ซึ่งบางทีอาจจะมีมากกว่าคนไทยบางคนเสียอีก ซึ่งพวกเค้าต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถ้าหากเลือกเกิดเป็นคนไทยได้ ก็จะขอเกิดเป็นคนไทย"
    ซึ่งผมต้องการที่จะสร้างจิตสำนึกในการเป็นคนไทย(ที่ดี,ที่แท้จริง) ในการเป็นลูกของพ่อหลวงของเรา ในการเป็นข้าราษฎร์บริภารของพระมหากษัตริย์ไทย ในการรักประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตน ในการ้รักสมัครสมานสามัคคีกัน ให้กับคนบางคน ที่ไม่รู้ และไม่เห็นคุณค่านี้ เพื่อที่จะได้บอกกล่าวเล่าต่อถึงพวกเค้า และลูกหลานของเราในภายภาคหน้า ให้พวกเค้าได้เข้าใจ และมองเห็นถึงคุณค่านี้สืบต่อไป เพื่อที่จะทำให้ประเทศนี้ เมืองนี้ สังคมนี้ ได้กลายเป็นผืนแผ่นดินที่น่าอยู่ เป็นผืนแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง

    สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกคนที่กรุณาอ่านกระทู้นี้ และตอบคำถามอันคับข้องใจของผม ขอบคุณครับ

    ป.ล.กระทู้นี้ผมได้สร้างขึ้นเมื่อตอนที่ ในหลวงรัชกาลที่๙ ท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครสนใจและใส่ใจกันเลย ขอโทษที่นำมาโพสต์ย้อนหลังเอาไว้รำลึกถึงความหลังในวันวานกันนะครับ
    ทำไมคุณถึงรักท่านพ่อ(ในหลวง)? ที่ผมตั้งกระทู้คำถามนี้ขึ้นมานั้น ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รักท่านพ่อ(ในหลวง)นะครับ เพียงแต่ผมอยากจะทราบถึงความเห็นของทุกๆ คนว่า คุณรู้สึก และคิดเห็นอย่างไรกับคำถามนี้เท่านั้น ผมอยากจะทราบถึงเหตุผลของทุกๆ คนด้วยความจริงใจ และจริงจัง จากใจทุกๆ คนจริงๆ ว่า เมื่อคุณนึกถึงท่านพ่อ คุณรู้สึกอย่างไร? และถ้าไม่มีท่านพ่อแล้ว ผลมันจะเป็นอย่างไร? และทำไมคนต่างประเทศเค้าถึงรักประเทศไทยกันนัก? ซึ่งบางทีอาจจะมีมากกว่าคนไทยบางคนเสียอีก ซึ่งพวกเค้าต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถ้าหากเลือกเกิดเป็นคนไทยได้ ก็จะขอเกิดเป็นคนไทย" ซึ่งผมต้องการที่จะสร้างจิตสำนึกในการเป็นคนไทย(ที่ดี,ที่แท้จริง) ในการเป็นลูกของพ่อหลวงของเรา ในการเป็นข้าราษฎร์บริภารของพระมหากษัตริย์ไทย ในการรักประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตน ในการ้รักสมัครสมานสามัคคีกัน ให้กับคนบางคน ที่ไม่รู้ และไม่เห็นคุณค่านี้ เพื่อที่จะได้บอกกล่าวเล่าต่อถึงพวกเค้า และลูกหลานของเราในภายภาคหน้า ให้พวกเค้าได้เข้าใจ และมองเห็นถึงคุณค่านี้สืบต่อไป เพื่อที่จะทำให้ประเทศนี้ เมืองนี้ สังคมนี้ ได้กลายเป็นผืนแผ่นดินที่น่าอยู่ เป็นผืนแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกคนที่กรุณาอ่านกระทู้นี้ และตอบคำถามอันคับข้องใจของผม ขอบคุณครับ ป.ล.กระทู้นี้ผมได้สร้างขึ้นเมื่อตอนที่ ในหลวงรัชกาลที่๙ ท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครสนใจและใส่ใจกันเลย ขอโทษที่นำมาโพสต์ย้อนหลังเอาไว้รำลึกถึงความหลังในวันวานกันนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพราะตัวเราในวันนี้
    ได้เดินทางผ่านวัน เวลา
    เรียนรู้และเติบโต
    จากตัวเราในวันวาน
    และเป็นเรา
    ในแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม

    จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    เพราะตัวเราในวันนี้ ได้เดินทางผ่านวัน เวลา เรียนรู้และเติบโต จากตัวเราในวันวาน และเป็นเรา ในแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม จากหนังสือ |แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แล้วเราจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันจันทร์ เป็นร้านที่ตกแต่งได้เก๋สุดๆ ไม่เหมือนใคร เพราะเจ้าของร้านมีแรงบันดาลใจมาจากความรักในแฟชั่นบวกกับความหลงใหลในอาหาร ตัวร้านอยู่ด้านในตึกเก่าสุดคลาสสิก มีบรรยากาศที่ย้อนยุคด้วยการตกแต่งแบบวินเทจ ช่างลงตัวไปหมดจริงๆ ค่ะ เพราะอาหารของที่นี่เป็นอาหารสูตรโบราณ ใครไปทานก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไปช่วงภูเก็ต 80 ปีที่แล้ว จานเด็ดที่ห้ามพลาดก็คือ หมูฮ้อง และหมูคั่วเกลือ

    ที่อยู่ : 48/1 ถ.เทพกระษัตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
    เปิดบริการ : 10.00 - 22.00 น.
    #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    วันจันทร์ เป็นร้านที่ตกแต่งได้เก๋สุดๆ ไม่เหมือนใคร เพราะเจ้าของร้านมีแรงบันดาลใจมาจากความรักในแฟชั่นบวกกับความหลงใหลในอาหาร ตัวร้านอยู่ด้านในตึกเก่าสุดคลาสสิก มีบรรยากาศที่ย้อนยุคด้วยการตกแต่งแบบวินเทจ ช่างลงตัวไปหมดจริงๆ ค่ะ เพราะอาหารของที่นี่เป็นอาหารสูตรโบราณ ใครไปทานก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไปช่วงภูเก็ต 80 ปีที่แล้ว จานเด็ดที่ห้ามพลาดก็คือ หมูฮ้อง และหมูคั่วเกลือ ที่อยู่ : 48/1 ถ.เทพกระษัตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดบริการ : 10.00 - 22.00 น. #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พุดน้ำบุษย์ นี้หอมนาน ของวันวานยังหอมกรุ่น ขาวเป็นครีมเหลืองละมุน น้อมนำบุญไหว้พรักัน 13/11/24 น้องแป๋ม yesterday today tomorrow
    #พุดน้ำบุษย์ นี้หอมนาน ของวันวานยังหอมกรุ่น ขาวเป็นครีมเหลืองละมุน น้อมนำบุญไหว้พรักัน 13/11/24 น้องแป๋ม yesterday today tomorrow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พุดน้ำบุษย์ นี้หอมนาน ของวันวานยังหอมกรุ่น ขาวเป็นครีมเหลืองละมุน น้อมนำบุญไหว้พรักัน 13/11/24 น้องแป๋ม yesterday today tomorrow
    #พุดน้ำบุษย์ นี้หอมนาน ของวันวานยังหอมกรุ่น ขาวเป็นครีมเหลืองละมุน น้อมนำบุญไหว้พรักัน 13/11/24 น้องแป๋ม yesterday today tomorrow
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • "..การณ์วันวาน ผ่านไป ไง_ก็ช่าง
    พอรุ่งสาง วันใหม่ ต้องไปต่อ
    ประสบการณ์ เรียนรู้ สู่ตนพอ
    อย่าย่อท้อ สู้ต่อไป ใจยังมี.."
    "..การณ์วันวาน ผ่านไป ไง_ก็ช่าง พอรุ่งสาง วันใหม่ ต้องไปต่อ ประสบการณ์ เรียนรู้ สู่ตนพอ อย่าย่อท้อ สู้ต่อไป ใจยังมี.."
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • #บอสต๋อยกับควาามจบไม่จ๋วยในวัยบั้นปลาย
    ต๋อย ไตรภพ กับรายการทไวไลท์โชว์ในอดีต เป็นรายการเรทติ้งอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์ ที่หลายๆคนเคยได้ยินรุ่นอาเจ็ก อากงเล่าให้ฟัง ย้อนวันวานในอดีต
    ..เอาจริงๆ ต๋อย ไตรภาพ ชีวิตก็พลิกผันไม่น้อย จากช่องสาม สู่ความทะเยอทะยาน ไปยิ่งใหญ่ในไอทีวี เมื่อเกือบจะ 20 ปีที่แล้ว แต่สุดท้า้ย ไอทีวีสถานีถูกยึด กลายเป็น ไทยพีบีเอสใน ปจบ.
    ..วันที่ต๋อย รู้ว่าคสช จะยึดสถานี ต๋อยนัดรวมตัวรายการต่างๆของไอทีวี เพื่อหวังให้รายการตนเองมีพลังที่จะต่อรองกับคสช วันที่นัดรวมตัวครั้งแรก ออกท่าขึงขัง ทำให้ผู้จัดต่างๆ มีความหวัง แต่รอบที่สอง เหมือนหนังคนละม้วน เพราะตัวเองหาทางออกได้ หรือไปได้ข้อตกลงอะไรที่ทำให้ฟิน กลับมาบอกกับมวลหมู่ผู้จัดว่า เค้าจะเอาไปเปิดสารคดี มีประโยชน์ พวกคุณจะไปห้ามเค้าทำไม "อ้าว ไอ่ฉัด"
    ..หลังจากนั้น ต๋อยก็ไปหากินกับรายการอาหาร ครัวคุณต๋อย ที่รังเดิม ทำมาหากินกับการจัดอีเว้นท์ บันเทิงไปตามระบบ
    ...และที่หลายๆคน ไม่ทราบคือ ก่อนที่ เสี่ยตา จะเอาบริษัทเวิร์คพ็อย เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีนักข่าวเอาไมค์ไปจ่อถามว่า แล้วบริษัทของต๋อย ไตรภพ ไม่มีแผนจะเอาเข้าตลาดแบบเวิร์คพ็อยหรือ
    ต๋อย ออกแนวหล่ออีกแล้ววว "ผมยังไม่รู้ว่าผมจะเอาเงินของพี่น้องประชาชนไปทำอะไร" ประมาณแขวะเสี่ยตา ตามไสตล์ต๋อย
    และเวลาผ่านไป กับเวิร์คพ็อย ที่โตอย่างหยุดไม่อยู่ แม้จะผ่านมาหลายมรสุม แต่เวิร์คพ็อย กับเป็นทีวีที่มีเรตติ้งสูงแซงช่องหลักๆ
    ..แต่เมื่อตัดภาพมาที่ต๋อยไตรภพ ที่คล้ายกับแผ่นเสียงตกร่อง ของโบราณตกยุค ที่ยังคงฉายวนซ้ำแบบเดิมๆ กับรายการอวย วิธีการสื่อสาร เหมือนทไวไลท์โชว์ เมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว
    ...จนต้องรับผลประโยชน์ ในการสร้างเครดิต ให้กับกลุ่มลูกโซ่เหล่านี้ อวยฉ่ำ อวยเชิด อวยเริศ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อถือให้กับพี่น้องประชาชนไทย ในแบรนดิไอค่อน แม้กระทั่ง ให้นำรูปไปใช้ในการทักถึงผู้คน เพื่อชวนมาเข้าสู่วังวน จนเป็นปัญหามาถึงปัจจุบัน
    ได้ทราบมาว่า ตอนละ 6.5 แสน ทำดิล 10 ตอน ต๋อยคงฟินไม่น้อย กับช่วงบั้นปลาย
    ...วันนี้ ต๋อย หมดสภาพแล้ว วิธีการดำเนินรายการแบบที่ต๋อยเคยทำ มันไม่ตรงกับยุคกับสมัยแล้ว จีบปาก จีบคอ อวย นั่นมันเทรนเก่าสมัยอนาล็อค แล้วถ้าสิ่งที่ต๋อยทำ มันเข้าข่ายที่จะต้องโดนหางเลข อันนี้ก็ไม่มีใครช่วยต๋อยได้
    ต๋อยเลือกเอง คงเป็นกรรมของต๋อยที่ก่อไว้กับหลายๆคน ที่คงต้องรับผิดชอบกันไป
    จบแล้ว ต๋อย
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #บอสต๋อยกับควาามจบไม่จ๋วยในวัยบั้นปลาย ต๋อย ไตรภพ กับรายการทไวไลท์โชว์ในอดีต เป็นรายการเรทติ้งอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์ ที่หลายๆคนเคยได้ยินรุ่นอาเจ็ก อากงเล่าให้ฟัง ย้อนวันวานในอดีต ..เอาจริงๆ ต๋อย ไตรภาพ ชีวิตก็พลิกผันไม่น้อย จากช่องสาม สู่ความทะเยอทะยาน ไปยิ่งใหญ่ในไอทีวี เมื่อเกือบจะ 20 ปีที่แล้ว แต่สุดท้า้ย ไอทีวีสถานีถูกยึด กลายเป็น ไทยพีบีเอสใน ปจบ. ..วันที่ต๋อย รู้ว่าคสช จะยึดสถานี ต๋อยนัดรวมตัวรายการต่างๆของไอทีวี เพื่อหวังให้รายการตนเองมีพลังที่จะต่อรองกับคสช วันที่นัดรวมตัวครั้งแรก ออกท่าขึงขัง ทำให้ผู้จัดต่างๆ มีความหวัง แต่รอบที่สอง เหมือนหนังคนละม้วน เพราะตัวเองหาทางออกได้ หรือไปได้ข้อตกลงอะไรที่ทำให้ฟิน กลับมาบอกกับมวลหมู่ผู้จัดว่า เค้าจะเอาไปเปิดสารคดี มีประโยชน์ พวกคุณจะไปห้ามเค้าทำไม "อ้าว ไอ่ฉัด" ..หลังจากนั้น ต๋อยก็ไปหากินกับรายการอาหาร ครัวคุณต๋อย ที่รังเดิม ทำมาหากินกับการจัดอีเว้นท์ บันเทิงไปตามระบบ ...และที่หลายๆคน ไม่ทราบคือ ก่อนที่ เสี่ยตา จะเอาบริษัทเวิร์คพ็อย เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีนักข่าวเอาไมค์ไปจ่อถามว่า แล้วบริษัทของต๋อย ไตรภพ ไม่มีแผนจะเอาเข้าตลาดแบบเวิร์คพ็อยหรือ ต๋อย ออกแนวหล่ออีกแล้ววว "ผมยังไม่รู้ว่าผมจะเอาเงินของพี่น้องประชาชนไปทำอะไร" ประมาณแขวะเสี่ยตา ตามไสตล์ต๋อย และเวลาผ่านไป กับเวิร์คพ็อย ที่โตอย่างหยุดไม่อยู่ แม้จะผ่านมาหลายมรสุม แต่เวิร์คพ็อย กับเป็นทีวีที่มีเรตติ้งสูงแซงช่องหลักๆ ..แต่เมื่อตัดภาพมาที่ต๋อยไตรภพ ที่คล้ายกับแผ่นเสียงตกร่อง ของโบราณตกยุค ที่ยังคงฉายวนซ้ำแบบเดิมๆ กับรายการอวย วิธีการสื่อสาร เหมือนทไวไลท์โชว์ เมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว ...จนต้องรับผลประโยชน์ ในการสร้างเครดิต ให้กับกลุ่มลูกโซ่เหล่านี้ อวยฉ่ำ อวยเชิด อวยเริศ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อถือให้กับพี่น้องประชาชนไทย ในแบรนดิไอค่อน แม้กระทั่ง ให้นำรูปไปใช้ในการทักถึงผู้คน เพื่อชวนมาเข้าสู่วังวน จนเป็นปัญหามาถึงปัจจุบัน ได้ทราบมาว่า ตอนละ 6.5 แสน ทำดิล 10 ตอน ต๋อยคงฟินไม่น้อย กับช่วงบั้นปลาย ...วันนี้ ต๋อย หมดสภาพแล้ว วิธีการดำเนินรายการแบบที่ต๋อยเคยทำ มันไม่ตรงกับยุคกับสมัยแล้ว จีบปาก จีบคอ อวย นั่นมันเทรนเก่าสมัยอนาล็อค แล้วถ้าสิ่งที่ต๋อยทำ มันเข้าข่ายที่จะต้องโดนหางเลข อันนี้ก็ไม่มีใครช่วยต๋อยได้ ต๋อยเลือกเอง คงเป็นกรรมของต๋อยที่ก่อไว้กับหลายๆคน ที่คงต้องรับผิดชอบกันไป จบแล้ว ต๋อย #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิดถึงเมื่อวันวาน #เครื่องใช้ไฟฟ้า #ธานินทร์
    คิดถึงเมื่อวันวาน #เครื่องใช้ไฟฟ้า #ธานินทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 147 0 รีวิว
  • อนุรักษ์ภาพเก่า เพลงเก่าไทย/สากล # ย้อนอดีตวันวาน โฆษณาเก่าๆ ย้อนอดีตวันวาน
    อนุรักษ์ภาพเก่า เพลงเก่าไทย/สากล # ย้อนอดีตวันวาน โฆษณาเก่าๆ ย้อนอดีตวันวาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 120 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ

    #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย

    สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564
    เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ
    แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
    หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ

    เรื่องย่อ

    ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1

    โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่

    จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก

    แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

    เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม

    ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ

    เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก

    ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้

    ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง

    ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน

    หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร

    ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา

    หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #จิตวิทยา
    #โตขึ้นจะเป็นอะไร
    #ร้านหนังสือ
    #รักการอ่าน
    #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง
    #หนังสือดีที่ควรอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #การพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564 เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ เรื่องย่อ ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1 โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่ จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย . . . . . . . . เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #จิตวิทยา #โตขึ้นจะเป็นอะไร #ร้านหนังสือ #รักการอ่าน #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง #หนังสือดีที่ควรอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #การพัฒนาตนเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2033 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🪷 C H A N G E S 🪷

    Day Before; Yesterday; Today
    #วันก่อน #วันวาน #วันนี้

    Nothing lasts forever
    #ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป
    🪷 C H A N G E S 🪷 Day Before; Yesterday; Today #วันก่อน #วันวาน #วันนี้ Nothing lasts forever #ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • …ความทรงจำ.. สิ่งล้ำค่าจากประสบการณ์ชีวิต

    เหตุการณ์ต่างๆที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน
    ทั้งสิ่งที่ควบคุมได้ และสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

    หลายเหตุการณ์ที่เราได้รับความรู้สึกดีๆจนต้องแอบอมยิ้มออกมาในทุกครั้งที่นึกถึง
    แต่ก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เมื่อเรานึกขึ้นมาได้ กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเสียน้ำตา

    ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชีวิตก็คือชีวิต วันนี้ก็คือวันนี้
    แอดมินอยากให้คุณผู้อ่านได้ใช้เวลา ณ ชั่วขณะปัจจุบันอย่างมีความหมาย

    เราไม่อาจย้อนวันวานกลับมาได้ และเราไม่อาจเร่งเวลาให้ไวขึ้นได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง

    ดังนั้น “สิ่งที่เราควรโฟกัสที่สุดก็คือวันนี้”

    แล้วหากเราหันกลับไปมองอดีตบ้างเป็นครั้งคราว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
    ท่านก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
    ความทรงจำต่างๆได้หล่อหลอมรวมให้กลายมาเป็นตัวเราในวันนี้

    และท่านจะได้รับบทเรียนอันล้ำค่ามากมาย หากนั่งพิจารณาถึงเหตุการณ์นั้นๆ
    ด้วยความใจเย็น มีสติ และเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นในตัวของท่านเอง

    ถอดบทเรียนจากหนังสือที่มีชื่อว่า : ฟ้าไม่เคยมืดเกินมองเห็นดาว
    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #เยียวยาความเศร้า #ความทรงจำในอดีต #บทความ
    …ความทรงจำ.. สิ่งล้ำค่าจากประสบการณ์ชีวิต เหตุการณ์ต่างๆที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน ทั้งสิ่งที่ควบคุมได้ และสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ หลายเหตุการณ์ที่เราได้รับความรู้สึกดีๆจนต้องแอบอมยิ้มออกมาในทุกครั้งที่นึกถึง แต่ก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เมื่อเรานึกขึ้นมาได้ กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเสียน้ำตา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชีวิตก็คือชีวิต วันนี้ก็คือวันนี้ แอดมินอยากให้คุณผู้อ่านได้ใช้เวลา ณ ชั่วขณะปัจจุบันอย่างมีความหมาย เราไม่อาจย้อนวันวานกลับมาได้ และเราไม่อาจเร่งเวลาให้ไวขึ้นได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง ดังนั้น “สิ่งที่เราควรโฟกัสที่สุดก็คือวันนี้” แล้วหากเราหันกลับไปมองอดีตบ้างเป็นครั้งคราว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ท่านก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น ความทรงจำต่างๆได้หล่อหลอมรวมให้กลายมาเป็นตัวเราในวันนี้ และท่านจะได้รับบทเรียนอันล้ำค่ามากมาย หากนั่งพิจารณาถึงเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยความใจเย็น มีสติ และเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นในตัวของท่านเอง ถอดบทเรียนจากหนังสือที่มีชื่อว่า : ฟ้าไม่เคยมืดเกินมองเห็นดาว #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #เยียวยาความเศร้า #ความทรงจำในอดีต #บทความ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันวาน
    วันวาน
    Like
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว