• เผือกร้อนของ Intel อีกแล้ว!!!!

    Morris Chang ผู้ก่อตั้ง TSMC เปิดเผยว่า Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยบอกเขาในปี 2011 ว่า Intel ไม่รู้วิธีการเป็นโรงงานผลิตชิป (foundry) ในช่วงปี 2009-2010 Apple เริ่มสร้างโปรเซสเซอร์ของตัวเองสำหรับ iPhone และ iPad โดยใช้โรงงานผลิตของ Samsung แต่เมื่อชิปที่ออกแบบเองกลายเป็นข้อได้เปรียบหลักของ iPhone เหนือคู่แข่ง Apple จึงเริ่มมองหาผู้ผลิตรายอื่น เนื่องจาก Samsung เป็นคู่แข่งหลักของ Apple ในขณะนั้น

    Apple พิจารณาใช้ Intel Custom Foundry (ICF) และ Texas Instruments แต่พบว่า ICF ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับลูกค้าภายนอก และ Texas Instruments ไม่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ดังนั้น Apple จึงเลือก TSMC เป็นผู้ผลิตชิปแต่เพียงผู้เดียว

    Chang เล่าว่าในปี 2011 Paul Otellini ซีอีโอของ Intel ได้เข้าพบ Tim Cook เพื่อเสนอให้ Intel ผลิตชิปให้กับ Apple Apple หยุดการเจรจากับ TSMC เป็นเวลาสองเดือนเพื่อประเมินข้อเสนอของ Intel Chang กังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักนี้จึงเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของ Apple เพื่อสอบถามสถานการณ์ ในการประชุมส่วนตัว Tim Cook ยืนยันกับ Chang ว่า Apple จะไม่เลือก Intel

    Cook บอกกับ Chang ว่า "Intel ไม่รู้วิธีการเป็นโรงงานผลิตชิป" ซึ่งหมายความว่า Intel ขาดแนวคิดที่มุ่งเน้นลูกค้าในการดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตชิป ในทางตรงกันข้าม Apple ให้ความสำคัญกับความสามารถของ TSMC ในการตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ Intel ไม่เคยทำมาก่อน

    การตัดสินใจเลือก TSMC ของ Apple เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ธุรกิจของ Apple ให้คำสั่งซื้อที่มีปริมาณสูงและคาดการณ์ได้ ช่วยให้ TSMC สามารถลงทุนใน CapEx และ R&D ได้อย่างมากมาย ผลที่ตามมาคือ TSMC สามารถแซงหน้า Intel ในการนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-founder-says-tim-cook-told-him-intel-did-not-know-how-to-be-a-foundry
    เผือกร้อนของ Intel อีกแล้ว!!!! Morris Chang ผู้ก่อตั้ง TSMC เปิดเผยว่า Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยบอกเขาในปี 2011 ว่า Intel ไม่รู้วิธีการเป็นโรงงานผลิตชิป (foundry) ในช่วงปี 2009-2010 Apple เริ่มสร้างโปรเซสเซอร์ของตัวเองสำหรับ iPhone และ iPad โดยใช้โรงงานผลิตของ Samsung แต่เมื่อชิปที่ออกแบบเองกลายเป็นข้อได้เปรียบหลักของ iPhone เหนือคู่แข่ง Apple จึงเริ่มมองหาผู้ผลิตรายอื่น เนื่องจาก Samsung เป็นคู่แข่งหลักของ Apple ในขณะนั้น Apple พิจารณาใช้ Intel Custom Foundry (ICF) และ Texas Instruments แต่พบว่า ICF ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับลูกค้าภายนอก และ Texas Instruments ไม่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ดังนั้น Apple จึงเลือก TSMC เป็นผู้ผลิตชิปแต่เพียงผู้เดียว Chang เล่าว่าในปี 2011 Paul Otellini ซีอีโอของ Intel ได้เข้าพบ Tim Cook เพื่อเสนอให้ Intel ผลิตชิปให้กับ Apple Apple หยุดการเจรจากับ TSMC เป็นเวลาสองเดือนเพื่อประเมินข้อเสนอของ Intel Chang กังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักนี้จึงเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของ Apple เพื่อสอบถามสถานการณ์ ในการประชุมส่วนตัว Tim Cook ยืนยันกับ Chang ว่า Apple จะไม่เลือก Intel Cook บอกกับ Chang ว่า "Intel ไม่รู้วิธีการเป็นโรงงานผลิตชิป" ซึ่งหมายความว่า Intel ขาดแนวคิดที่มุ่งเน้นลูกค้าในการดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตชิป ในทางตรงกันข้าม Apple ให้ความสำคัญกับความสามารถของ TSMC ในการตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ Intel ไม่เคยทำมาก่อน การตัดสินใจเลือก TSMC ของ Apple เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ธุรกิจของ Apple ให้คำสั่งซื้อที่มีปริมาณสูงและคาดการณ์ได้ ช่วยให้ TSMC สามารถลงทุนใน CapEx และ R&D ได้อย่างมากมาย ผลที่ตามมาคือ TSMC สามารถแซงหน้า Intel ในการนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-founder-says-tim-cook-told-him-intel-did-not-know-how-to-be-a-foundry
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Western Digital คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากลูกค้าด้านคลาวด์และองค์กร สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการชิปหน่วยความจำหลังจากที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาดของโรค

    Western Digital คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะอยู่ในช่วง 3.75 พันล้านดอลลาร์ถึง 3.95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ในช่วง 90 เซนต์ถึง 1.20 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.47 ดอลลาร์

    ในไตรมาสที่สอง รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 4.29 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.26 พันล้านดอลลาร์. กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 1.77 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์

    การลดลงของความต้องการชิปหน่วยความจำนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Western Digital เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งอย่าง Seagate Technology ที่คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน

    การคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ซึ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ลดการลงทุนในเทคโนโลยีและชิปหน่วยความจำ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/western-digital-expects-third-quarter-revenue-below-estimates-on-weak-demand
    Western Digital คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากลูกค้าด้านคลาวด์และองค์กร สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการชิปหน่วยความจำหลังจากที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาดของโรค Western Digital คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะอยู่ในช่วง 3.75 พันล้านดอลลาร์ถึง 3.95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ในช่วง 90 เซนต์ถึง 1.20 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.47 ดอลลาร์ ในไตรมาสที่สอง รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 4.29 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.26 พันล้านดอลลาร์. กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 1.77 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์ การลดลงของความต้องการชิปหน่วยความจำนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Western Digital เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งอย่าง Seagate Technology ที่คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน การคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ซึ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ลดการลงทุนในเทคโนโลยีและชิปหน่วยความจำ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/western-digital-expects-third-quarter-revenue-below-estimates-on-weak-demand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Western Digital expects third-quarter revenue below estimates on weak demand
    (Reuters) - Data storage products maker Western Digital Corp forecast third-quarter revenue below Wall Street estimates on Wednesday, as it expects decreased demand from cloud and corporate customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ สป.จีน ลงพื้นที่ชายแดนตาก ส่องกาสิโน-โครงการลงทุนจีนเทาชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ก่อนหารือแนวทางช่วย 160 ชาวจีนถูกหลอก-ฉ้อโกงในเมียวดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009371

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ สป.จีน ลงพื้นที่ชายแดนตาก ส่องกาสิโน-โครงการลงทุนจีนเทาชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ก่อนหารือแนวทางช่วย 160 ชาวจีนถูกหลอก-ฉ้อโกงในเมียวดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009371 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวBlognoneระบุว่าบอร์ดบีโอไออนุมัติการลงทุน 3 โครงการสำคัญ มูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และ AI ในไทย เพื่อพัฒนาไทยสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค และขึ้นแท่นอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก
    .
    สำหรับ 3 โครงการลงทุนใหม่มีดังต่อไปนี้:
    .
    1. โครงการ Data Hosting ของบริษัทในเครือ TikTok ลงทุนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 126,790 ล้านบาท
    2. AI Cloud Service ของ สยาม เอไอ ลงทุนในชลบุรีและปทุมธานี รวม 3,250 ล้านบาท
    3. การผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ของ เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปุ๋ย ลงทุนในอุดรธานี รวม 40,400 ล้านบาท
    .
    ที่มา: blognone
    รายงานข่าวBlognoneระบุว่าบอร์ดบีโอไออนุมัติการลงทุน 3 โครงการสำคัญ มูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และ AI ในไทย เพื่อพัฒนาไทยสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค และขึ้นแท่นอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก . สำหรับ 3 โครงการลงทุนใหม่มีดังต่อไปนี้: . 1. โครงการ Data Hosting ของบริษัทในเครือ TikTok ลงทุนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 126,790 ล้านบาท 2. AI Cloud Service ของ สยาม เอไอ ลงทุนในชลบุรีและปทุมธานี รวม 3,250 ล้านบาท 3. การผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ของ เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปุ๋ย ลงทุนในอุดรธานี รวม 40,400 ล้านบาท . ที่มา: blognone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม

    ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100%

    ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา

    การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ

    https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100% ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump threatens tariffs on imported chips and tech goods despite warnings about higher PC, smartphone prices
    Trump's speech did not provide additional details about his proposed tariffs. However, speaking to reporters afterward, he stated his intention to implement a "much bigger" tariff rate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เคยกล่าวไว้ในปี 2023 ว่า สตาร์ทอัพที่มีงบประมาณเพียง 10 ล้านดอลลาร์นั้น "ไม่มีทางแข่งขันกับเราได้" ในการฝึกโมเดลพื้นฐาน (foundation models) อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดเห็นนี้ไม่ถูกต้อง โดยสามารถฝึกโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยงบประมาณเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์

    ในปี 2023 Altman ได้ตอบคำถามของนักลงทุนในอินเดียเกี่ยวกับความสามารถของสตาร์ทอัพที่มีงบประมาณจำกัดในการสร้างสิ่งที่มีความสำคัญในวงการ AI โดย Altman ได้กล่าวว่า "มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแข่งขันกับเราในการฝึกโมเดลพื้นฐาน" ซึ่งคำตอบนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการมองข้ามศักยภาพของสตาร์ทอัพ

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล R1 ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้ต้นทุนต่ำ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนในตลาด AI และทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทศูนย์ข้อมูลลดลงหลายพันล้านดอลลาร์

    Altman ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเพื่อยอมรับว่าโมเดลของ DeepSeek นั้น "น่าประทับใจ" และสามารถทำได้ดีในราคาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม เขายังยืนยันว่า OpenAI จะยังคงพัฒนาโมเดลที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต

    ความสำเร็จของ DeepSeek แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันในวงการ AI ยังคงเปิดกว้างสำหรับสตาร์ทอัพที่มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/sam-altman-said-startups-with-only-usd10-million-were-totally-hopeless-competing-with-openai-deepseeks-disruption-says-otherwise
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เคยกล่าวไว้ในปี 2023 ว่า สตาร์ทอัพที่มีงบประมาณเพียง 10 ล้านดอลลาร์นั้น "ไม่มีทางแข่งขันกับเราได้" ในการฝึกโมเดลพื้นฐาน (foundation models) อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดเห็นนี้ไม่ถูกต้อง โดยสามารถฝึกโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยงบประมาณเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023 Altman ได้ตอบคำถามของนักลงทุนในอินเดียเกี่ยวกับความสามารถของสตาร์ทอัพที่มีงบประมาณจำกัดในการสร้างสิ่งที่มีความสำคัญในวงการ AI โดย Altman ได้กล่าวว่า "มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแข่งขันกับเราในการฝึกโมเดลพื้นฐาน" ซึ่งคำตอบนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการมองข้ามศักยภาพของสตาร์ทอัพ อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล R1 ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้ต้นทุนต่ำ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนในตลาด AI และทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทศูนย์ข้อมูลลดลงหลายพันล้านดอลลาร์ Altman ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเพื่อยอมรับว่าโมเดลของ DeepSeek นั้น "น่าประทับใจ" และสามารถทำได้ดีในราคาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม เขายังยืนยันว่า OpenAI จะยังคงพัฒนาโมเดลที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต ความสำเร็จของ DeepSeek แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันในวงการ AI ยังคงเปิดกว้างสำหรับสตาร์ทอัพที่มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/sam-altman-said-startups-with-only-usd10-million-were-totally-hopeless-competing-with-openai-deepseeks-disruption-says-otherwise
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ประสบความสำเร็จในการใช้ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม AI ในประเทศจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

    DeepSeek ได้ประกาศโมเดล R1 LLM ที่สามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก แม้ว่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับพลังการประมวลผลที่ DeepSeek ใช้ในการฝึกโมเดล R1 แต่ดูเหมือนว่า Huawei มีบทบาทสำคัญในการนี้ โดย DeepSeek R1 ใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล

    ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia Hopper H100 AI accelerators และมีการคาดการณ์ว่า Huawei จะเริ่มการผลิตจำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยมีความสนใจจากบริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น ByteDance และ Tencent

    การใช้ชิปของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากชิปเหล่านี้มีปริมาณมากและราคาถูกเมื่อเทียบกับชิปของ Nvidia ซึ่งทำให้ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้น

    ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้

    https://wccftech.com/deepseek-r1-is-reportedly-running-inference-on-huawei-ascend-910c-ai-chip/
    DeepSeek ประสบความสำเร็จในการใช้ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม AI ในประเทศจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา DeepSeek ได้ประกาศโมเดล R1 LLM ที่สามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก แม้ว่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับพลังการประมวลผลที่ DeepSeek ใช้ในการฝึกโมเดล R1 แต่ดูเหมือนว่า Huawei มีบทบาทสำคัญในการนี้ โดย DeepSeek R1 ใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia Hopper H100 AI accelerators และมีการคาดการณ์ว่า Huawei จะเริ่มการผลิตจำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยมีความสนใจจากบริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น ByteDance และ Tencent การใช้ชิปของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากชิปเหล่านี้มีปริมาณมากและราคาถูกเมื่อเทียบกับชิปของ Nvidia ซึ่งทำให้ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้น ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้ https://wccftech.com/deepseek-r1-is-reportedly-running-inference-on-huawei-ascend-910c-ai-chip/
    WCCFTECH.COM
    DeepSeek R1 Is Reportedly Running Inference On Huawei's Ascend 910C AI Chips, Showing China's Growing AI Capabilities
    DeepSeek's AI model is running inference workloads on Huawei's Ascend 910C chips, showing how massively China's AI industry has evolved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความสำเร็จของ DeepSeek ในการฝึกโมเดลภาษา Mixture-of-Experts (MoE) ที่มีพารามิเตอร์ถึง 671 พันล้านตัว โดยใช้คลัสเตอร์ที่มี 2,048 Nvidia H800 GPUs ในเวลาประมาณสองเดือน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า AI ชั้นนำในอุตสาหกรรมเช่น Meta ถึง 10 เท่า

    DeepSeek ประสบความสำเร็จนี้โดยการใช้การปรับแต่งที่ละเอียดอ่อนและการใช้โปรแกรม PTX (Parallel Thread Execution) ของ Nvidia แทนการใช้ CUDA PTX เป็นชุดคำสั่งระดับกลางที่ออกแบบโดย Nvidia สำหรับ GPUs ของตน ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งการทำงานของ GPU ได้อย่างละเอียด เช่น การจัดสรรรีจิสเตอร์และการปรับแต่งระดับเธรด/วาร์ป

    ตัวอย่างเช่น ในการฝึกโมเดล V3 ของ DeepSeek ได้ทำการปรับแต่ง Nvidia H800 GPUs โดยจัดสรร 20 จาก 132 streaming multiprocessors สำหรับการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบีบอัดและคลายบีบอัดข้อมูล การปรับแต่งเหล่านี้เกินกว่าการพัฒนาระดับ CUDA มาตรฐาน แต่ก็ยากที่จะรักษาไว้ เนื่องจากต้องใช้ทักษะและความรู้เฉพาะทางในการปรับแต่งและดูแลรักษา การปรับแต่งเหล่านี้สะท้อนถึงทักษะพิเศษของวิศวกรของ DeepSeek ที่สามารถทำให้ GPU ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาการปรับแต่งเหล่านี้ให้คงอยู่

    ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseeks-ai-breakthrough-bypasses-industry-standard-cuda-uses-assembly-like-ptx-programming-instead
    บทความนี้กล่าวถึงความสำเร็จของ DeepSeek ในการฝึกโมเดลภาษา Mixture-of-Experts (MoE) ที่มีพารามิเตอร์ถึง 671 พันล้านตัว โดยใช้คลัสเตอร์ที่มี 2,048 Nvidia H800 GPUs ในเวลาประมาณสองเดือน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า AI ชั้นนำในอุตสาหกรรมเช่น Meta ถึง 10 เท่า DeepSeek ประสบความสำเร็จนี้โดยการใช้การปรับแต่งที่ละเอียดอ่อนและการใช้โปรแกรม PTX (Parallel Thread Execution) ของ Nvidia แทนการใช้ CUDA PTX เป็นชุดคำสั่งระดับกลางที่ออกแบบโดย Nvidia สำหรับ GPUs ของตน ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งการทำงานของ GPU ได้อย่างละเอียด เช่น การจัดสรรรีจิสเตอร์และการปรับแต่งระดับเธรด/วาร์ป ตัวอย่างเช่น ในการฝึกโมเดล V3 ของ DeepSeek ได้ทำการปรับแต่ง Nvidia H800 GPUs โดยจัดสรร 20 จาก 132 streaming multiprocessors สำหรับการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบีบอัดและคลายบีบอัดข้อมูล การปรับแต่งเหล่านี้เกินกว่าการพัฒนาระดับ CUDA มาตรฐาน แต่ก็ยากที่จะรักษาไว้ เนื่องจากต้องใช้ทักษะและความรู้เฉพาะทางในการปรับแต่งและดูแลรักษา การปรับแต่งเหล่านี้สะท้อนถึงทักษะพิเศษของวิศวกรของ DeepSeek ที่สามารถทำให้ GPU ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาการปรับแต่งเหล่านี้ให้คงอยู่ ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseeks-ai-breakthrough-bypasses-industry-standard-cuda-uses-assembly-like-ptx-programming-instead
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 590 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปิดตัวโมเดลเอไอล่าสุดที่ดีปซีคคุยว่า ดีพอๆ กับ หรือดีกว่าโมเดลที่เป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรมนี้ของอเมริกา แถมใช้ต้นทุนแค่เศษเงินของบิ๊กเทคเหล่านั้นด้วย กำลังทำให้ระเบียบโลกเทคโนโลยีปั่นป่วนหนัก
    .
    สตาร์ทอัปจีนแห่งนี้ดึงดูดความสนใจในแวดวงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ทั่วโลก หลังจากเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเทรน ดีปซีค-วี3 ใช้พลังการคำนวณจากชิปเอช800 ของเอ็นวิเดีย มูลค่าไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์
    .
    ผู้ช่วยเอไอของดีปซีคที่ขับเคลื่อนโดยดีปซีค-วี3 สามารถแซงแชตจีพีทีขึ้นเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.)
    .
    ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งของอเมริกาตัดสินใจทุ่มเงินหลักหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ไปกับเอไอ และยังทำให้ราคาหุ้นบิ๊กเทคหลายแห่งที่รวมถึงเอ็นวิเดียร่วงหนัก
    .
    ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับบริษัทที่กำลังเขย่าวงการเอไอทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
    .
    สั่นสะเทือนวงการเอไอ
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2022 ที่โอเพ่นเอไอเปิดตัวแชตจีพีที ตอนนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนต่างร้อนรนสร้างแชตบอตที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอออกมาแข่ง แต่การเปิดตัวแชตบอตของยักษ์จีนอย่าง ไป่ตู้ กลับสร้างความผิดหวังอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสะท้อนว่าศักยภาพด้านเอไอระหว่างบริษัทอเมริกันกับบริษัทจีน ยังแตกต่างห่างชั้นกันมาก
    .
    อย่างไรก็ตาม เวลานี้คุณภาพและประสิทธิภาพด้านต้นทุนของโมเดลเอไอของดีปซีคทำให้ความรู้สึกพลิกกลับตาลปัตร สตาร์ทอัปเอไอแห่งนี้ของจีนระบุว่า ดีปซีค-วี3 และดีปซีค-อาร์1 ที่ได้รับการยกย่องจากพวกผู้บริหารในซิลลิคอนแวลลีย์ รวมถึงวิศวกรในบริษัทไฮเทคอเมริกานั้น มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดลเอไอรุ่นที่ล้ำสมัยที่สุดของโอเพ่นเอไอและเมตา แถมต้นทุนถูกกว่าแบบเทียบกันไม่ได้
    .
    โพสต์ของดีปซีคบนวีแชตระบุว่า ดีปซีค-อาร์1 ที่เปิดตัวสัปดาห์ที่แล้วนั้น ต้นทุนถูกกว่าโอเพ่นเอไอ o1 ถึง 20-50 เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงาน
    .
    ทว่า ยังมีบางคนแสดงความข้องใจอย่างเปิดเผยต่อเรื่องราวความสำเร็จของดีปซีค ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอสเกล เอไอที่กล่าวโดยไม่ได้โชว์หลักฐานระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสฯ (23) ที่แล้ว ว่า ดีปซีคมีการแอบใช้ชิปเอช100 ของเอ็นวิเดีย 50,000 ชิ้น แต่เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตันที่แบนการขายชิปเอไอขั้นสูงให้บริษัทจีน
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ย้ำในบันทึกการวิจัยว่า แม้ต้นทุนการเทรนเอไอวี3 ไม่เป็นที่รับรู้ แต่คิดว่า น่าจะมากกว่า 5.58 ล้านดอลลาร์ตามที่ดีปซีคบอก นอกจากนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต้นทุนการเทรนอาร์1 อีกด้วย
    .
    เบื้องหลังดีปซีค
    .
    ดีปซีคเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของจีน ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิควบคุมบริษัทคือ เหลียง เหวินเฟิง ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยงเชิงปริมาณ “ไฮ-ฟลายเออร์”
    .
    เดือนมีนาคม 2023 กองทุนของเหลียงประกาศผ่านวีแชตว่า กำลังทุ่มเททรัพยากรในการสร้างกลุ่มการวิจัยอิสระใหม่เพื่อสำรวจองค์ประกอบสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence) ที่โอเพ่นเอไอระบุว่า หมายถึงระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในงานที่มีมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมด และปลายปีนั้นดีปซีคก็ถือกำเนิดขึ้น
    .
    ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ไฮ-ฟลายเออร์ลงทุนในดีปซีคเท่าไร แต่ออฟฟิศของกองทุนแห่งนี้อยู่ในตึกเดียวกับดีปซีค และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ชิปที่ใช้ในการเทรนโมเดลเอไอ
    .
    ดีปซีคในสายตาปักกิ่ง
    .
    แวดวงนักการเมืองระดับสูงของจีนต่างรับรู้ถึงความสำเร็จของดีปซีค สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันจันทร์ (20) ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดตัวดีปซีค-อาร์1 เหลียงได้ไปเข้าร่วมการประชุมเชิงสัมมนาแบบปิด ร่วมกับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงเป็นเจ้าภาพ
    .
    การที่เหลียงได้รับเชิญในวันนั้นเป็นสัญญาณว่า ความสำเร็จของดีปซีคน่าจะมีความสำคัญต่อเป้าหมายของปักกิ่งในการเอาชนะมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตัน และหาทางประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อย่างเอไอ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009081
    ..............
    Sondhi X
    การเปิดตัวโมเดลเอไอล่าสุดที่ดีปซีคคุยว่า ดีพอๆ กับ หรือดีกว่าโมเดลที่เป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรมนี้ของอเมริกา แถมใช้ต้นทุนแค่เศษเงินของบิ๊กเทคเหล่านั้นด้วย กำลังทำให้ระเบียบโลกเทคโนโลยีปั่นป่วนหนัก . สตาร์ทอัปจีนแห่งนี้ดึงดูดความสนใจในแวดวงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ทั่วโลก หลังจากเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเทรน ดีปซีค-วี3 ใช้พลังการคำนวณจากชิปเอช800 ของเอ็นวิเดีย มูลค่าไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์ . ผู้ช่วยเอไอของดีปซีคที่ขับเคลื่อนโดยดีปซีค-วี3 สามารถแซงแชตจีพีทีขึ้นเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) . ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งของอเมริกาตัดสินใจทุ่มเงินหลักหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ไปกับเอไอ และยังทำให้ราคาหุ้นบิ๊กเทคหลายแห่งที่รวมถึงเอ็นวิเดียร่วงหนัก . ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับบริษัทที่กำลังเขย่าวงการเอไอทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ . สั่นสะเทือนวงการเอไอ . ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2022 ที่โอเพ่นเอไอเปิดตัวแชตจีพีที ตอนนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนต่างร้อนรนสร้างแชตบอตที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอออกมาแข่ง แต่การเปิดตัวแชตบอตของยักษ์จีนอย่าง ไป่ตู้ กลับสร้างความผิดหวังอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสะท้อนว่าศักยภาพด้านเอไอระหว่างบริษัทอเมริกันกับบริษัทจีน ยังแตกต่างห่างชั้นกันมาก . อย่างไรก็ตาม เวลานี้คุณภาพและประสิทธิภาพด้านต้นทุนของโมเดลเอไอของดีปซีคทำให้ความรู้สึกพลิกกลับตาลปัตร สตาร์ทอัปเอไอแห่งนี้ของจีนระบุว่า ดีปซีค-วี3 และดีปซีค-อาร์1 ที่ได้รับการยกย่องจากพวกผู้บริหารในซิลลิคอนแวลลีย์ รวมถึงวิศวกรในบริษัทไฮเทคอเมริกานั้น มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดลเอไอรุ่นที่ล้ำสมัยที่สุดของโอเพ่นเอไอและเมตา แถมต้นทุนถูกกว่าแบบเทียบกันไม่ได้ . โพสต์ของดีปซีคบนวีแชตระบุว่า ดีปซีค-อาร์1 ที่เปิดตัวสัปดาห์ที่แล้วนั้น ต้นทุนถูกกว่าโอเพ่นเอไอ o1 ถึง 20-50 เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงาน . ทว่า ยังมีบางคนแสดงความข้องใจอย่างเปิดเผยต่อเรื่องราวความสำเร็จของดีปซีค ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอสเกล เอไอที่กล่าวโดยไม่ได้โชว์หลักฐานระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสฯ (23) ที่แล้ว ว่า ดีปซีคมีการแอบใช้ชิปเอช100 ของเอ็นวิเดีย 50,000 ชิ้น แต่เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตันที่แบนการขายชิปเอไอขั้นสูงให้บริษัทจีน . ต่อมาในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ย้ำในบันทึกการวิจัยว่า แม้ต้นทุนการเทรนเอไอวี3 ไม่เป็นที่รับรู้ แต่คิดว่า น่าจะมากกว่า 5.58 ล้านดอลลาร์ตามที่ดีปซีคบอก นอกจากนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต้นทุนการเทรนอาร์1 อีกด้วย . เบื้องหลังดีปซีค . ดีปซีคเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของจีน ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิควบคุมบริษัทคือ เหลียง เหวินเฟิง ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยงเชิงปริมาณ “ไฮ-ฟลายเออร์” . เดือนมีนาคม 2023 กองทุนของเหลียงประกาศผ่านวีแชตว่า กำลังทุ่มเททรัพยากรในการสร้างกลุ่มการวิจัยอิสระใหม่เพื่อสำรวจองค์ประกอบสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence) ที่โอเพ่นเอไอระบุว่า หมายถึงระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในงานที่มีมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมด และปลายปีนั้นดีปซีคก็ถือกำเนิดขึ้น . ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ไฮ-ฟลายเออร์ลงทุนในดีปซีคเท่าไร แต่ออฟฟิศของกองทุนแห่งนี้อยู่ในตึกเดียวกับดีปซีค และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ชิปที่ใช้ในการเทรนโมเดลเอไอ . ดีปซีคในสายตาปักกิ่ง . แวดวงนักการเมืองระดับสูงของจีนต่างรับรู้ถึงความสำเร็จของดีปซีค สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันจันทร์ (20) ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดตัวดีปซีค-อาร์1 เหลียงได้ไปเข้าร่วมการประชุมเชิงสัมมนาแบบปิด ร่วมกับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงเป็นเจ้าภาพ . การที่เหลียงได้รับเชิญในวันนั้นเป็นสัญญาณว่า ความสำเร็จของดีปซีคน่าจะมีความสำคัญต่อเป้าหมายของปักกิ่งในการเอาชนะมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตัน และหาทางประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อย่างเอไอ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009081 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน
    .
    ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา
    .
    สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย
    .
    พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้
    .
    ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย
    .
    นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้
    .
    ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา
    .
    ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน
    .
    สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน
    .
    แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
    .
    สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก
    .
    ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์
    .
    คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์
    .
    ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้
    .
    วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน
    .
    กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย
    .
    อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน . ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา . สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย . พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ . ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย . นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง . ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน . อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้ . ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา . ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน . สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน . แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง . สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก . ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ . คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ . ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้ . วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน . กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • การซื้อของใช้ดีๆ
    ก็เป็นการลงทุน
    เพราะเมื่ออยู่ท่ามกลาง
    ข้าวของดีๆ คุณก็จะรู้สึกดี

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    การซื้อของใช้ดีๆ ก็เป็นการลงทุน เพราะเมื่ออยู่ท่ามกลาง ข้าวของดีๆ คุณก็จะรู้สึกดี จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา
    .
    ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน
    .
    สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น
    .
    เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน
    .
    เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท
    .
    เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789
    .........
    Sondhi X
    รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี . วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา . ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน . สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น . เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน . เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท . เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789 ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข
    .
    ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา
    .
    อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้
    .
    “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ
    .
    ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง”
    .
    “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ
    .
    ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า”
    .
    คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว
    .
    สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย
    .
    ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย
    .
    โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau)
    .
    อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว
    .
    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX
    .
    อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย
    .
    ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก
    .
    ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข . ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา . อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้ . “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ . ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” . “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ . ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า” . คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว . สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย . ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย . โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau) . อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว . ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX . อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย . ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก . ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้ทำให้รู้สึกตกใจและผิดหวังมากที่ Alexander Beckman และภรรยาของเขา Valerie Lau Beckman ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI และภรรยาของเขาถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารและหลอกลวงนักลงทุนเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง

    การฉ้อโกงนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียเงินทุน แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นในวงการสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีอีกด้วย การที่บริษัทที่เคยมีชื่อเสียงและลูกค้าชื่อดังหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการฉ้อโกงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าผิดหวัง

    หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการในการตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต. การรักษาความซื่อสัตย์และความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีครับ

    https://www.techspot.com/news/106525-san-francisco-ai-startup-founder-wife-indicted-60.html
    ข่าวนี้ทำให้รู้สึกตกใจและผิดหวังมากที่ Alexander Beckman และภรรยาของเขา Valerie Lau Beckman ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI และภรรยาของเขาถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารและหลอกลวงนักลงทุนเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง การฉ้อโกงนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียเงินทุน แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นในวงการสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีอีกด้วย การที่บริษัทที่เคยมีชื่อเสียงและลูกค้าชื่อดังหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการฉ้อโกงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าผิดหวัง หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการในการตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต. การรักษาความซื่อสัตย์และความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีครับ https://www.techspot.com/news/106525-san-francisco-ai-startup-founder-wife-indicted-60.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    San Francisco AI startup founder and wife indicted in $60 million fraud scheme
    Alexander Beckman, founder of the AI startup GameOn Technology (now ON Platform), and his wife, attorney Valerie Lau Beckman, were indicted on 25 charges, including conspiracy, wire...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต

    กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ

    กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด

    นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน

    การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Michigan new law mandates Computer Science classes in high schools
    The bipartisan bill, signed into law last week by Governor Gretchen Whitmer, aims to increase technological literacy across the state. It mandates that every Michigan high school...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto

    Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์

    การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้

    นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์ การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanity Protocol valued at $1.1 billion after latest fundraise
    (Reuters) - Humanity Protocol has secured a fully diluted valuation of $1.1 billion after raising $20 million in a funding round co-led by Pantera Capital and Jump Crypto, the identity verification blockchain firm said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o

    อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI

    นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่

    ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ

    https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่ ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    WWW.ZDNET.COM
    Why you should pay attention to DeepSeek AI
    Despite a cyber attack, the open-source startup is rapidly climbing over its more established competitors. Here's what we know.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับ "ขีดจำกัดความเร็ว" ในการนำปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Gen AI) มาใช้งานจริง รายงานจาก Deloitte พบว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทที่พร้อมจะนำ Gen AI มาใช้งานในระดับการผลิต โดยมีเพียงหนึ่งในสามของการทดลอง Gen AI ที่จะสามารถขยายขนาดได้เต็มที่ในอีกสามถึงหกเดือนข้างหน้า

    ปัญหาหลักที่ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานช้าคือความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและการจัดการความเสี่ยง 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าปัญหาด้านกฎระเบียบเป็นอุปสรรคหลักในการนำ Gen AI มาใช้งาน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในองค์กรยังเกิดขึ้นช้ากว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานต้องใช้เวลานานขึ้น

    แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะเห็นผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนใน AI แต่การสร้างมูลค่าจาก Gen AI และการนำมาใช้งานในระดับใหญ่ยังคงเป็นงานที่ยาก บางฟังก์ชันขององค์กรที่เห็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการใช้ Gen AI ได้แก่ IT, การดำเนินงาน และการตลาด ในขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การขาย การเงิน และการวิจัยและพัฒนา ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลตอบแทนที่คาดหวัง

    https://www.zdnet.com/article/enterprises-are-hitting-a-speed-limit-in-deploying-gen-ai-heres-why/
    บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับ "ขีดจำกัดความเร็ว" ในการนำปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Gen AI) มาใช้งานจริง รายงานจาก Deloitte พบว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทที่พร้อมจะนำ Gen AI มาใช้งานในระดับการผลิต โดยมีเพียงหนึ่งในสามของการทดลอง Gen AI ที่จะสามารถขยายขนาดได้เต็มที่ในอีกสามถึงหกเดือนข้างหน้า ปัญหาหลักที่ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานช้าคือความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและการจัดการความเสี่ยง 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าปัญหาด้านกฎระเบียบเป็นอุปสรรคหลักในการนำ Gen AI มาใช้งาน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในองค์กรยังเกิดขึ้นช้ากว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้การนำ Gen AI มาใช้งานต้องใช้เวลานานขึ้น แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะเห็นผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนใน AI แต่การสร้างมูลค่าจาก Gen AI และการนำมาใช้งานในระดับใหญ่ยังคงเป็นงานที่ยาก บางฟังก์ชันขององค์กรที่เห็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการใช้ Gen AI ได้แก่ IT, การดำเนินงาน และการตลาด ในขณะที่ฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การขาย การเงิน และการวิจัยและพัฒนา ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลตอบแทนที่คาดหวัง https://www.zdnet.com/article/enterprises-are-hitting-a-speed-limit-in-deploying-gen-ai-heres-why/
    WWW.ZDNET.COM
    Enterprises are hitting a 'speed limit' in deploying Gen AI - here's why
    Many C-suite executives have been cheerleaders for their company's work in AI despite slow progress, finds Deloitte's latest survey.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR

    การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่
    กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม

    เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ
    1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย
    2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด
    3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก
    4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์

    วัตถุประสงค์หลัก
    เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่
    1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน
    2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา
    3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด

    ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด

    ความสำคัญเชิงนโยบาย
    การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต

    หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม

    ที่มา
    https://t.me/minzdravru/12508


    รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่ กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ 1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย 2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด 3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก 4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์ วัตถุประสงค์หลัก เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่ 1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน 2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา 3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด ความสำคัญเชิงนโยบาย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม ที่มา https://t.me/minzdravru/12508
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • 34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก..

    หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI
    ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ

    จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว

    และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI

    เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้

    และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง

    ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้

    และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน

    รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น..

    .
    https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    34,000,000,000,000 บาท (อ่านว่า 34 ล้านล้านบาท) นี่คือมูลค่าบริษัทที่หายไปในคืนเดียว ของบรรดาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ-ยุโรป จากการที่ราคาหุ้น Panic ร่วงหนัก.. หลังการมาของ DeepSeek บริษัทจีนที่พัฒนาโมเดล AI มาสู้กับ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งมากับความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ต้นทุนต่ำกว่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการพัฒนาโมเดล และการใช้งานถาม-ตอบ จึงฉุดให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น Nvidia, ASML ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาหลายเท่าตัว และกังขาเกี่ยวกับงบลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Meta, Alphabet (Google) วางแผนจะใช้กับการลงทุนด้าน AI เพราะ DeepSeek กำลังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลัง ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านั้น เป็นไปได้ และนี่ก็อาจพลิกโฉมภาพของอุตสาหกรรม AI และการลงทุนของทั้งซัปพลายเชน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายมหาศาล จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งการมาของ DeepSeek ก็กำลังทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า เทคโนโลยี AI ของจีน ไม่ได้ตามหลังสหรัฐฯ เหมือนที่คิดไว้ และมาตรการกีดกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐฯ นั้น ก็ไม่มีผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน รวมถึงทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เกมชิงความเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่ง AI ยังไม่จบ แต่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.. . https://www.facebook.com/share/p/1FQ2W9GAPv/
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!"

    ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek

    DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา

    จุดพลิกเกม
    DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน:
    1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง
    2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า)
    3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน

    แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว

    เบื้องหลังความสำเร็จ
    • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40%
    • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน
    • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50%

    สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก
    ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า
    "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'"
    ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า
    "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง"

    อนาคตที่จับตาของ DeepSeek
    บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน:
    1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026
    2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
    3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน
    ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก!

    ล่าสุด
    จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์)
    เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง

    ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่
    https://x.com/zizhpan
    https://x.com/deepseek_ai

    ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี):
    https://chat.deepseek.com/

    อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!" ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา จุดพลิกเกม DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน: 1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง 2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า) 3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว เบื้องหลังความสำเร็จ • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40% • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50% สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'" ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง" อนาคตที่จับตาของ DeepSeek บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน: 1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026 2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก! ล่าสุด จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่ https://x.com/zizhpan https://x.com/deepseek_ai ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี): https://chat.deepseek.com/ อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดุดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568
    ทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข คำทำนายนี้มีผล
    ในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นเดือนโบ่ว เอี้ยง นักษัตร ขาล พลังไม้ ธาตุดิน เป็นเดือนเริ่มต้นของ ปีอิก จี๋ ปีมะเส็งพลังไฟ ธาตุไม้
    ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการเริ่มต้น ส่งเสริมสิ่งใหม่ การลงทุนลงแรง การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การผลิตอาหาร สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม สถานบันเทิง
    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนขาลจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/OJIujfUuxhc
    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568
    00:00 บทนำ
    01:33 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:30 ดวง ปีฉลู (วัว)
    05:17 ดวง ปีขาล (เสือ)
    07:02 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:49 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:40 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:35 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    14:11 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    15:55 ดวง ปีวอก (ลิง)
    18:00 ดวง ปีระกา (ไก่)
    19:47 ดวง ปีจอ (หมา)
    21:41 ดวง ปีกุน (หมู)

    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 3กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2568
    #ดูดวง

    ดุดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นเดือนโบ่ว เอี้ยง นักษัตร ขาล พลังไม้ ธาตุดิน เป็นเดือนเริ่มต้นของ ปีอิก จี๋ ปีมะเส็งพลังไฟ ธาตุไม้ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมกัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการเริ่มต้น ส่งเสริมสิ่งใหม่ การลงทุนลงแรง การขยายงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การผลิตอาหาร สินค้าการเกษตร การเพาะปลูก ร้านอาหาร การท่องเที่ยว โรงแรม สถานบันเทิง ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนขาลจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/OJIujfUuxhc ดูดวง 12 นักษัตร เดือนกุมภาพันธ์ 2568 00:00 บทนำ 01:33 ดวง ปีชวด (หนู) 03:30 ดวง ปีฉลู (วัว) 05:17 ดวง ปีขาล (เสือ) 07:02 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:49 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:40 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:35 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 14:11 ดวง ปีมะแม (แพะ) 15:55 ดวง ปีวอก (ลิง) 18:00 ดวง ปีระกา (ไก่) 19:47 ดวง ปีจอ (หมา) 21:41 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 3กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2568 #ดูดวง
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators

    โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus

    การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    The Empire Strikes Back: China Prepares One Trillion Yuan AI Plan to Rival $500 Billion US Stargate Project
    A few days ago, we reported on the US reading a massive 500 billion US Dollar package called "Stargate Project" to build AI infrastructure on American soil. However, China is also planning to stay close behind, or even overlap the US in some areas, with a one trillion Yuan "AI Industry Development A...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV

    การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน

    การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Fujifilm to double spending on chip materials as U.S., Japan and South Korea up chip production
    Fujifilm to invest $640 million in the preparation of raw materials for chip production.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts