• ของขวัญเล็กๆน้อยๆ
    ทำให้เธอมีพลัง
    และมอบรอยยิ้ม
    ให้กับตัวเอง

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ของขวัญเล็กๆน้อยๆ ทำให้เธอมีพลัง และมอบรอยยิ้ม ให้กับตัวเอง จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพประวัติศาสตร์ความเลวร้ายในรอยยิ้ม เมื่อสามนายกฯ มารวมตัวกัน นายกฯว่าว นายกฯชาติหน้า และนายกฯสมาคมเศษฝรั่ง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ภาพประวัติศาสตร์
    ภาพประวัติศาสตร์ความเลวร้ายในรอยยิ้ม เมื่อสามนายกฯ มารวมตัวกัน นายกฯว่าว นายกฯชาติหน้า และนายกฯสมาคมเศษฝรั่ง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3 #ภาพประวัติศาสตร์
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน

    แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ

    คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง

    ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด

    เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ

    หลังจากนั้นก็ภาพตัด...

    10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง

    เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ

    ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย

    ความคิดอยากตาย... มี

    พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่

    แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้

    มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว

    นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน

    แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ

    “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ”

    แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น

    ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา

    ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922
    เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี

    #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ หลังจากนั้นก็ภาพตัด... 10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย ความคิดอยากตาย... มี พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้ มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ” แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922 เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573
    .
    Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร
    .
    หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication)
    .
    ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้
    .
    รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์
    .
    การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
    .
    นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป
    .
    การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย
    .
    การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต
    .
    แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา
    .
    Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่
    .
    การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม
    .
    มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
    .
    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้
    .
    แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้
    .
    ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน
    .
    เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต?
    .
    แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป
    .
    การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์
    .
    เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป
    .
    เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา
    .
    เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน
    .
    ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI
    .
    แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า
    .
    เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก
    .
    เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038
    .
    ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030

    ที่มา Thaipublica
    https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
    Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573 . Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร . หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication) . ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้ . รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์ . การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต . นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป . การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย . การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต . แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา . Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่ . การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม . มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น . นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้ . แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้ . ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน . เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต? . แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป . การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์ . เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป . เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา . เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน . ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI . แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า . เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก . เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038 . ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030 ที่มา Thaipublica https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
    WWW.ABC.NET.AU
    Mastercard is scrapping credit card numbers by 2030 as cards become obsolete
    Physical credit cards, numberless or not, will soon become redundant, as biometric payment options become more popular.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ
    Cr.Wiwan
    รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ Cr.Wiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำตาแห่งมิวนิค

    เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป

    เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน

    * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม

    ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม

    ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น

    ซ้ำ *, **

    เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568

    #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    น้ำตาแห่งมิวนิค เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น ซ้ำ *, ** เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568 #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • ผมนี่ชอบจริงๆเลยนะ อ.ตฤณ

    ยิ่งรอยยิ่มของแก ดูบริสุทธิ์ดี
    ผมนี่ชอบจริงๆเลยนะ อ.ตฤณ ยิ่งรอยยิ่มของแก ดูบริสุทธิ์ดี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • หัวใจของชาวปาเลสไตน์กำลังจะแตกสลายอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งบอกกับเนทันยาฮูว่าชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถอยู่ในฉนวนกาซาได้อีกต่อไป

    เนทันยาฮูพึงพอใจคำพูดของทรัมป์ด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างสะใจและมีความสุข
    หัวใจของชาวปาเลสไตน์กำลังจะแตกสลายอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งบอกกับเนทันยาฮูว่าชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถอยู่ในฉนวนกาซาได้อีกต่อไป เนทันยาฮูพึงพอใจคำพูดของทรัมป์ด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างสะใจและมีความสุข
    Angry
    Love
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร?

    ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย
    "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก"
    ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย
    วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้
    "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย"
    เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
    หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย
    "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย"
    จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ

    แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน

    แพลตฟอร์ม
    บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม
    แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล
    ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า
    ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ
    การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ

    แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา)
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
    2.การจัดการการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
    3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม
    4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
    5.การทำสัญญาและการรับรอง
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน
    6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม
    7.การเคลมทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์
    8.ตลาดพนักงาน
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว

    แพลตฟอร์มเกิดใหม่
    1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ
    2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย
    3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม
    4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง
    5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้

    แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ

    ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline
    #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน
    www.10-xconsulting
    www.lifealignmentor.com
    ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก" ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้ "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย" เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย" จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน แพลตฟอร์ม บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา) แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 2.การจัดการการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล 3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม 4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ 5.การทำสัญญาและการรับรอง แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน 6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม 7.การเคลมทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์ 8.ตลาดพนักงาน แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ 9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว แพลตฟอร์มเกิดใหม่ 1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ 2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย 3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม 4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง 5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน www.10-xconsulting www.lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนุกหล่ะไอ้ลุง เจอร้านขายของชำที่ขายขนมในยุค 80-90 ใครเคยกินยกมือขึ้น

    เห็นขนมชีวิตวัยเด็กวิ่งตัดหน้ามาเลย ความทรงจำเก่าๆพุ่งแว๊บเข้าเครื่องฉายในสมอง รอยยิ้มพลิออกเหมือนดอกแรกแย้ม แต่ตอนนี้น้ำลายเยิ้มเพราะรสชาดของขนมในวัยเด็กยังตรึงใจถึงวัยนี้

    #ช้างชักภาพ #ขนมรุ่นเก๋า #ช้างเรื่องเยอะ #phototherapy
    สนุกหล่ะไอ้ลุง เจอร้านขายของชำที่ขายขนมในยุค 80-90 ใครเคยกินยกมือขึ้น เห็นขนมชีวิตวัยเด็กวิ่งตัดหน้ามาเลย ความทรงจำเก่าๆพุ่งแว๊บเข้าเครื่องฉายในสมอง รอยยิ้มพลิออกเหมือนดอกแรกแย้ม แต่ตอนนี้น้ำลายเยิ้มเพราะรสชาดของขนมในวัยเด็กยังตรึงใจถึงวัยนี้ #ช้างชักภาพ #ขนมรุ่นเก๋า #ช้างเรื่องเยอะ #phototherapy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เราจะผ่านไปด้วยกัน"

    วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น

    แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน

    อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568

    #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    "เราจะผ่านไปด้วยกัน" วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568 #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • ไมตรีจากใจจริง: หนทางสู่จิตอันอบอุ่น

    การทักทายหรือแสดงความมีไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น รอยยิ้ม คำทักถาม หรือการแสดงความสนใจต่ออีกฝ่าย อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว มันเป็น การฝึกจิตใจให้เปลี่ยนแปลง

    หากทักทายด้วยใจแห้งแล้ง ในช่วงแรกอาจดูฝืน แต่ ความตั้งใจดีและการทำอย่างสม่ำเสมอ จะหล่อหลอมให้ไมตรีนั้นออกมาจากใจจริงในที่สุด

    เมื่อเราเริ่มใส่ ความแคร์ ต่อเพื่อนมนุษย์ในทุกการกระทำ จิตใจของเราจะเริ่มอบอุ่นขึ้น และความรู้สึกสุขสงบจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ



    ---

    ไมตรีในชีวิตการงาน

    แม้การทำงานอาจต้องพบเจอคนที่ทำให้ไม่สบายใจ เช่น คนที่พูดจาไม่ดีหรือปฏิบัติร้ายต่อเรา แต่การเลือกแสดงไมตรีตอบแทน ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อสร้าง กุศลในจิตใจของเราเอง เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งและอบอุ่น


    ---

    ไมตรี: กุศลในกองอกุศล

    1. ฝึกทักทายด้วยไมตรี
    การฝึกกล่าวคำทักทาย หรือแสดงความสนใจอย่างจริงใจ จะช่วยหล่อหลอมจิตใจให้มีความเมตตาเพิ่มขึ้น


    2. เริ่มต้นด้วยใจของเราเอง
    หากใจยังไม่รู้สึกอบอุ่น ให้เริ่มจาก แสดงไมตรี ต่อผู้อื่นก่อน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การพูดจาสุภาพหรือการยิ้ม


    3. มองเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง
    แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่เป็นมิตร อย่ามองเป็นอุปสรรค แต่ให้ถือว่าเป็น โอกาสทอง ในการฝึกจิตของเราให้เข้มแข็ง




    ---

    ไมตรี: สะพานสู่ความสุขภายใน

    ไมตรีจากใจจริงไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับผู้อื่น แต่ยังเป็นการสร้างความสุขและความอบอุ่นในใจเราเอง

    ในท่ามกลางโลกที่มีอกุศลมากมาย ไมตรีจากใจจริง คือหนึ่งในแสงสว่างที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นแสงที่ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างอบอุ่นขึ้นในทุกๆ วัน

    ไมตรีจากใจจริง: หนทางสู่จิตอันอบอุ่น การทักทายหรือแสดงความมีไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น รอยยิ้ม คำทักถาม หรือการแสดงความสนใจต่ออีกฝ่าย อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว มันเป็น การฝึกจิตใจให้เปลี่ยนแปลง หากทักทายด้วยใจแห้งแล้ง ในช่วงแรกอาจดูฝืน แต่ ความตั้งใจดีและการทำอย่างสม่ำเสมอ จะหล่อหลอมให้ไมตรีนั้นออกมาจากใจจริงในที่สุด เมื่อเราเริ่มใส่ ความแคร์ ต่อเพื่อนมนุษย์ในทุกการกระทำ จิตใจของเราจะเริ่มอบอุ่นขึ้น และความรู้สึกสุขสงบจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ --- ไมตรีในชีวิตการงาน แม้การทำงานอาจต้องพบเจอคนที่ทำให้ไม่สบายใจ เช่น คนที่พูดจาไม่ดีหรือปฏิบัติร้ายต่อเรา แต่การเลือกแสดงไมตรีตอบแทน ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อสร้าง กุศลในจิตใจของเราเอง เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งและอบอุ่น --- ไมตรี: กุศลในกองอกุศล 1. ฝึกทักทายด้วยไมตรี การฝึกกล่าวคำทักทาย หรือแสดงความสนใจอย่างจริงใจ จะช่วยหล่อหลอมจิตใจให้มีความเมตตาเพิ่มขึ้น 2. เริ่มต้นด้วยใจของเราเอง หากใจยังไม่รู้สึกอบอุ่น ให้เริ่มจาก แสดงไมตรี ต่อผู้อื่นก่อน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การพูดจาสุภาพหรือการยิ้ม 3. มองเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่เป็นมิตร อย่ามองเป็นอุปสรรค แต่ให้ถือว่าเป็น โอกาสทอง ในการฝึกจิตของเราให้เข้มแข็ง --- ไมตรี: สะพานสู่ความสุขภายใน ไมตรีจากใจจริงไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับผู้อื่น แต่ยังเป็นการสร้างความสุขและความอบอุ่นในใจเราเอง ในท่ามกลางโลกที่มีอกุศลมากมาย ไมตรีจากใจจริง คือหนึ่งในแสงสว่างที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นแสงที่ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างอบอุ่นขึ้นในทุกๆ วัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน

    #กระบี่อมตะ
    โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล
    สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์
    นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน
    เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า

    นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย

    วกมาสู่เล่มนี้

    เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ

    เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน

    มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา

    ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก

    คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ

    แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่

    ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด

    สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร

    ไปลองอ่านดูนะครับ

    #โก้วเล้ง
    #วณเมืองลุง
    #นิบายจีน
    #นิยายแปล
    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes]

    ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน #กระบี่อมตะ โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์ นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย วกมาสู่เล่มนี้ เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่ ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร ไปลองอ่านดูนะครับ #โก้วเล้ง #วณเมืองลุง #นิบายจีน #นิยายแปล #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes]
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดี สายใยไทย

    สองมือประนม ดุจดอกบัวบาน หัวใจผสาน ด้วยความจริงใจ คำทักจากใจ "สวัสดี" สายใยเชื่อมไมตรี ไทยงามยั่งยืน

    จากสุวรรณภูมิ สู่ทุกมุมแดน คำนี้สื่อแทน ความดีงามอยู่เสมอ สืบทอดจากวันวาน ผ่านกาลเวลา เสียงทักทายนี้ เป็นมงคลทุกครา

    * สวัสดี คือพรอันล้ำค่า ดั่งแสงแห่งศรัทธา ทอใจให้สุขสันต์ สวัสดี คือคำที่ร่วมฝัน คนไทยรักผูกพัน โลกนี้จงเจริญ

    อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าสดใส ราตรีสวัสดิ์ ก่อนหลับฝันดี "สวัสดี" งดงามและเรียบง่าย สะท้อนหัวใจไทย ด้วยความงาม

    จากรากศัพท์เดิม สู่คำที่คุ้นเคย คำนี้เอื้อนเอ่ย ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ให้ความสงบสุข ผ่านใจคนไทย คำนี้จะยั่งยืน ไปตลอดกาล

    ซ้ำ *

    มือประนม เหนือหัวใจ ถ่ายทอดสายใย แห่งความปรารถนาดี ทั้งผู้ใหญ่ และผู้เยาว์ คำนี้คงค่า ตลอดนานเท่านาน

    สวัสดี คือคำที่งดงาม ขอความสุขความดี จงอยู่ทุกโมงยาม สวัสดี คือหัวใจของเรา ส่งให้กันและกัน ด้วยรักนิรันดร์

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221017 ม.ค. 2568
    สวัสดี สายใยไทย สองมือประนม ดุจดอกบัวบาน หัวใจผสาน ด้วยความจริงใจ คำทักจากใจ "สวัสดี" สายใยเชื่อมไมตรี ไทยงามยั่งยืน จากสุวรรณภูมิ สู่ทุกมุมแดน คำนี้สื่อแทน ความดีงามอยู่เสมอ สืบทอดจากวันวาน ผ่านกาลเวลา เสียงทักทายนี้ เป็นมงคลทุกครา * สวัสดี คือพรอันล้ำค่า ดั่งแสงแห่งศรัทธา ทอใจให้สุขสันต์ สวัสดี คือคำที่ร่วมฝัน คนไทยรักผูกพัน โลกนี้จงเจริญ อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าสดใส ราตรีสวัสดิ์ ก่อนหลับฝันดี "สวัสดี" งดงามและเรียบง่าย สะท้อนหัวใจไทย ด้วยความงาม จากรากศัพท์เดิม สู่คำที่คุ้นเคย คำนี้เอื้อนเอ่ย ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ให้ความสงบสุข ผ่านใจคนไทย คำนี้จะยั่งยืน ไปตลอดกาล ซ้ำ * มือประนม เหนือหัวใจ ถ่ายทอดสายใย แห่งความปรารถนาดี ทั้งผู้ใหญ่ และผู้เยาว์ คำนี้คงค่า ตลอดนานเท่านาน สวัสดี คือคำที่งดงาม ขอความสุขความดี จงอยู่ทุกโมงยาม สวัสดี คือหัวใจของเรา ส่งให้กันและกัน ด้วยรักนิรันดร์ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221017 ม.ค. 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • คำศัพท์ใหม่ในปีพ.ศ.2560ที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง
    คำศัพท์ใหม่ที่ว่านี้ก็คือคำศัพท์ที่ต่อยอดมาจากความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับที่มันมากมายเสียเหลือเกิน และทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันในสายเลือดของฉันนั่นเอง ซึ่งคำศัพท์ใหม่ที่ว่าคำนั้นก็คือ
    “กัดใจ”
    กัดใจ หมายถึง อารมณ์ความรู้สึกลึกๆที่มีอยู่ข้างในตัวเองที่ได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมานานจนมันชินชากับความรู้สึกนั้นๆ เหมือนกับว่ามันมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งก็ทนได้บ้าง แต่ในบางครั้งในบางเวลามันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันสุดที่จะอดทนกับความรู้สึกนั้นๆหรืออารมณ์นั้นๆได้อีกต่อไปแล้ว จนกระทั่งถึงกับต้องแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์นั้นๆออกมาโดยตั้งใจจากใจจริงๆของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นๆก็ตามที แต่โดยส่วนมากมักจะทำกันในที่ปิดมิดชิดที่ไม่มีใครที่จะสามารถมามองเห็นหรือรับรู้ด้วยได้นั่นเอง เพราะว่ากลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าหรือคนเสียสติ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็มีอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของตนเองกันทุกคน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นกับเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความอ่อนแอของตนเองที่ไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถอดกลั้นฝืนใจในความเจ็บปวดที่ตนเองเคยได้รับเคยถูกกระทำมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะบอกให้ใครๆได้รับรู้ได้ว่าเราได้เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวร้ายๆที่เคยผ่านมาในอดีตนั้นๆ และทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่มาได้นี้มันก็เป็นเหมือนกับแผลเป็นที่ไม่เคยจางหายไปจากใจของตนเองได้นั่นเอง โดยเฉพาะความกดดันการถูกกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวอันแสนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสนั้นๆ มันก็จะทำให้ตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะอดทนอดกลั้นต่อความทรงจำในสมองที่ตนเองได้เคยถูกทำร้ายมาในอดีตนั้นๆได้อีกต่อไปนั่นเอง
    ผมจะแสดงตัวอย่างของคำศัพท์นี้ให้ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างนี้ที่จะกล่าวมาให้เห็นภาพอาการนี้ได้ดังนี้คือ
    ฉันมีความรู้สึกว่ามันกัดใจฉันทุกครั้งที่ฉันได้เห็นรูปภาพของท่านพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่าน ที่ท่านได้เคยมีรอยยิ้มที่มีความสุขในชีวิตของท่านน้อยมากๆ ทั้งชีวิตของฉันนี้ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรได้อีกแล้ว มันกัดใจฉันเหลือเกินเมื่อฉันจะต้องรับรู้ว่าในอนาคตอันไกลข้างหน้านี้จะไม่มีท่านที่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเราปวงชนชาวไทยนี้อีกต่อไปแล้ว และฉันก็จะไม่ได้มีวันที่จะได้เห็นท่านมีความสุขมีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ ที่ท่านได้เคยยืนอยู่เคียงข้างพวกเรามานานแสนนานเสมอมา ไม่มีอีกแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่มีอีกแล้ว...(และฉันก็ร้องไห้ออกมาทุกทีทุกครั้งไปที่ได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่านในทุกๆที่ทั่วทั้งประเทศไทย ที่ๆฉันได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่าน)ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกกัดใจมากๆนั่นเอง
    คำศัพท์ใหม่ในปีพ.ศ.2560ที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง คำศัพท์ใหม่ที่ว่านี้ก็คือคำศัพท์ที่ต่อยอดมาจากความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับที่มันมากมายเสียเหลือเกิน และทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันในสายเลือดของฉันนั่นเอง ซึ่งคำศัพท์ใหม่ที่ว่าคำนั้นก็คือ “กัดใจ” กัดใจ หมายถึง อารมณ์ความรู้สึกลึกๆที่มีอยู่ข้างในตัวเองที่ได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมานานจนมันชินชากับความรู้สึกนั้นๆ เหมือนกับว่ามันมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งก็ทนได้บ้าง แต่ในบางครั้งในบางเวลามันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันสุดที่จะอดทนกับความรู้สึกนั้นๆหรืออารมณ์นั้นๆได้อีกต่อไปแล้ว จนกระทั่งถึงกับต้องแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์นั้นๆออกมาโดยตั้งใจจากใจจริงๆของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นๆก็ตามที แต่โดยส่วนมากมักจะทำกันในที่ปิดมิดชิดที่ไม่มีใครที่จะสามารถมามองเห็นหรือรับรู้ด้วยได้นั่นเอง เพราะว่ากลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าหรือคนเสียสติ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็มีอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของตนเองกันทุกคน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นกับเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความอ่อนแอของตนเองที่ไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถอดกลั้นฝืนใจในความเจ็บปวดที่ตนเองเคยได้รับเคยถูกกระทำมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะบอกให้ใครๆได้รับรู้ได้ว่าเราได้เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวร้ายๆที่เคยผ่านมาในอดีตนั้นๆ และทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่มาได้นี้มันก็เป็นเหมือนกับแผลเป็นที่ไม่เคยจางหายไปจากใจของตนเองได้นั่นเอง โดยเฉพาะความกดดันการถูกกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวอันแสนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสนั้นๆ มันก็จะทำให้ตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะอดทนอดกลั้นต่อความทรงจำในสมองที่ตนเองได้เคยถูกทำร้ายมาในอดีตนั้นๆได้อีกต่อไปนั่นเอง ผมจะแสดงตัวอย่างของคำศัพท์นี้ให้ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างนี้ที่จะกล่าวมาให้เห็นภาพอาการนี้ได้ดังนี้คือ ฉันมีความรู้สึกว่ามันกัดใจฉันทุกครั้งที่ฉันได้เห็นรูปภาพของท่านพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่าน ที่ท่านได้เคยมีรอยยิ้มที่มีความสุขในชีวิตของท่านน้อยมากๆ ทั้งชีวิตของฉันนี้ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรได้อีกแล้ว มันกัดใจฉันเหลือเกินเมื่อฉันจะต้องรับรู้ว่าในอนาคตอันไกลข้างหน้านี้จะไม่มีท่านที่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเราปวงชนชาวไทยนี้อีกต่อไปแล้ว และฉันก็จะไม่ได้มีวันที่จะได้เห็นท่านมีความสุขมีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ ที่ท่านได้เคยยืนอยู่เคียงข้างพวกเรามานานแสนนานเสมอมา ไม่มีอีกแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่มีอีกแล้ว...(และฉันก็ร้องไห้ออกมาทุกทีทุกครั้งไปที่ได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่านในทุกๆที่ทั่วทั้งประเทศไทย ที่ๆฉันได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่าน)ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกกัดใจมากๆนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'วุฒิสภา' เริ่มออกลาย โดดประชุมจนห้องโล่ง ไม่สนใจรายงานหนี้สาธารณะ
    .
    แม้ในยุคที่วุฒิสภากลายเป็นสีน้ำเงิน และถูกชี้นิ้วสั่งจากนายใหญ่แดนอีสานใต้ แต่ส.ว.หลายคนก็พยายามออกมาสื่อสารกับประชาชนว่าขอโอกาสทำงานเพื่อชาติ ทว่าล่าสุดส.ว.ชุดนี้เริ่มออกลายกันแล้ว ถึงขนาดที่คนที่เป็นระดับรองประธานวุฒิสภาต้องออกมาตำหนิการทำงานหน้าที่ของส.ว.ด้วยกันเองกลางที่ประชุมวุฒิสภา
    .
    เรื่องนี้เริ่มมาจากการที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 มกราคม มีวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ชี้แจง
    .
    ทั้งนี้ จากภาพการประชุมวุฒิสภาที่ออกมานั้นปรากฎว่ามีส.ว.เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวน้อย โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พูดกลางที่ประชุมว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ส่วนตัวนั่งนับ ส.ว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน และมีผู้อภิปรายขั้นต้น 3 คน แต่เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง พอการอภิปรายจบ พบว่ามี ส.ว.นั่งในห้องเหลือ 16 คน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเวลาก้ำกึ่งที่ต้องผลัดกันออกไปรับประทานอาหาร แต่บางคนออกไปรับประทานอาหารแล้วยังไม่กลับ
    .
    “หน่วยงานที่เราเชิญมาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง แต่พอเขาขอเลื่อนท่านบอกว่าหน่วยงานไม่ค่อยให้เกียรติเรา แต่หน่วยงานมาชี้แจงบนข้อจำกัด และขณะที่หน่วยงานชี้แจง ผมนั่งนับอยู่ตลอด มีผู้รับฟังเพียง 25 ท่าน หากอยากได้รอยยิ้มจากคนอื่น เราน่าจะยิ้มให้คนอื่นก่อน หากอยากได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่มาชี้แจง ไม่ต้องเลื่อนไปเลื่อนมา ก็เช่นเดียวกัน"
    .
    "เรา 25 คน ผมนั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกมันโหวงเหวงเหลือเกิน คนชี้แจงแทบจะไม่ค่อยอยากชี้แจง แต่ก็เข้าใจเวลามันก้ำกึ่ง ทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ ออกไปแล้วพยายามกลับเข้ามาเพื่อให้คนชี้แจงได้ชื่นใจ ทราบว่ามีการถ่ายทอด แต่ไม่ได้อภิปรายหรือไม่สนใจ หากไปว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะให้เกียรติเขาอย่างไร ในฐานะที่ผมนั่งทำหน้าที่ประธาน ก็อยากสะท้อนย้อนกลับไปให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบ แม้มองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หน่วยงานทำตามหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส.ว.ก็น่าจะเป็นผู้ที่ต้องคอยรับฟังข้อมูลต่างๆ” พล.อ.เกรียงไกรกล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'วุฒิสภา' เริ่มออกลาย โดดประชุมจนห้องโล่ง ไม่สนใจรายงานหนี้สาธารณะ . แม้ในยุคที่วุฒิสภากลายเป็นสีน้ำเงิน และถูกชี้นิ้วสั่งจากนายใหญ่แดนอีสานใต้ แต่ส.ว.หลายคนก็พยายามออกมาสื่อสารกับประชาชนว่าขอโอกาสทำงานเพื่อชาติ ทว่าล่าสุดส.ว.ชุดนี้เริ่มออกลายกันแล้ว ถึงขนาดที่คนที่เป็นระดับรองประธานวุฒิสภาต้องออกมาตำหนิการทำงานหน้าที่ของส.ว.ด้วยกันเองกลางที่ประชุมวุฒิสภา . เรื่องนี้เริ่มมาจากการที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 มกราคม มีวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ชี้แจง . ทั้งนี้ จากภาพการประชุมวุฒิสภาที่ออกมานั้นปรากฎว่ามีส.ว.เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวน้อย โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พูดกลางที่ประชุมว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ส่วนตัวนั่งนับ ส.ว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน และมีผู้อภิปรายขั้นต้น 3 คน แต่เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง พอการอภิปรายจบ พบว่ามี ส.ว.นั่งในห้องเหลือ 16 คน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเวลาก้ำกึ่งที่ต้องผลัดกันออกไปรับประทานอาหาร แต่บางคนออกไปรับประทานอาหารแล้วยังไม่กลับ . “หน่วยงานที่เราเชิญมาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง แต่พอเขาขอเลื่อนท่านบอกว่าหน่วยงานไม่ค่อยให้เกียรติเรา แต่หน่วยงานมาชี้แจงบนข้อจำกัด และขณะที่หน่วยงานชี้แจง ผมนั่งนับอยู่ตลอด มีผู้รับฟังเพียง 25 ท่าน หากอยากได้รอยยิ้มจากคนอื่น เราน่าจะยิ้มให้คนอื่นก่อน หากอยากได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่มาชี้แจง ไม่ต้องเลื่อนไปเลื่อนมา ก็เช่นเดียวกัน" . "เรา 25 คน ผมนั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกมันโหวงเหวงเหลือเกิน คนชี้แจงแทบจะไม่ค่อยอยากชี้แจง แต่ก็เข้าใจเวลามันก้ำกึ่ง ทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ ออกไปแล้วพยายามกลับเข้ามาเพื่อให้คนชี้แจงได้ชื่นใจ ทราบว่ามีการถ่ายทอด แต่ไม่ได้อภิปรายหรือไม่สนใจ หากไปว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะให้เกียรติเขาอย่างไร ในฐานะที่ผมนั่งทำหน้าที่ประธาน ก็อยากสะท้อนย้อนกลับไปให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบ แม้มองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หน่วยงานทำตามหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส.ว.ก็น่าจะเป็นผู้ที่ต้องคอยรับฟังข้อมูลต่างๆ” พล.อ.เกรียงไกรกล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1081 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอยยิ้มเเละหัวเราะกับเทศกาลแห่งความสุขนี้ 🎁
    รอยยิ้มเเละหัวเราะกับเทศกาลแห่งความสุขนี้ 🎁
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รอยยิ้ม และ น้ำตา
    เป็นหลักฐาน
    ของความทรงจำ

    จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    รอยยิ้ม และ น้ำตา เป็นหลักฐาน ของความทรงจำ จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อให้วันนี้ต้องร้องไห้
    นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
    พรุ่งนี้ไม่มีโอกาส
    ที่รอยยิ้มจะเป็นของเรา

    จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    ต่อให้วันนี้ต้องร้องไห้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้ไม่มีโอกาส ที่รอยยิ้มจะเป็นของเรา จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าวันนี้จะแย่แค่ไหน
    จงส่งตัวเองเข้านอนด้วยรอยยิ้ม
    ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะยากลำบากเท่าไหร่
    จงต้อนรับตัวเอง
    ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

    จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    ไม่ว่าวันนี้จะแย่แค่ไหน จงส่งตัวเองเข้านอนด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะยากลำบากเท่าไหร่ จงต้อนรับตัวเอง ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตรสำเร็จพิชิตเป้าหมายฉบับ McKim, R. L. สร้างฝันให้เป็นจริง

    บทความนี้เรียบเรียงจาก 1 ในเนื้อหาอมตะของ McKim, R. L. เจ้าของผลงาน “How To Use Your God Power” ที่ได้รับการตอบรับจากผู้สนใจการพัฒนาตนเอง นำเสนอเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจตั้งเป้าหมายในปี 2025 ฉบับ McKim, R. L.

    ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ และบรรยากาศที่แสนอบอุ่น อาศัยอยู่ชายหนุ่มผู้มีนามว่า 'เก่ง' ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ความฝันนั้นก็ยังคงเป็นเพียงภาพลางๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "Goal Success Formula"
    ด้วยความอยากรู้ เก่งจึงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งใจ ภายในเล่มเต็มไปด้วยเทคนิคและวิธีการในการตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิตอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เก่งตระหนักได้ว่า ความฝันของเขาจะไม่เป็นจริงเลย หากปราศจากการลงมือทำอย่างจริงจัง

    จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ..... เก่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรในชีวิต? อะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จ?
    และคำถามเหล่านี้ช่วยให้เขาค้นพบเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่อบอุ่นและเป็นมิตร

    8 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ:
    1.เก่งจินตนาการถึงภาพร้านกาแฟในฝัน ทั้งบรรยากาศ รสชาติกาแฟ และรอยยิ้มของลูกค้า เขาจดบันทึกทุกอย่างลงในสมุดเล่มโปรด (What is the Ideal Final Result?)
    เคล็ดลับ:
    ลองวาดภาพ หรือ เขียนบรรยายรายละเอียดให้ชัดเจน เหมือนกับว่าร้านกาแฟนั้นมีอยู่จริงแล้ว

    2.เก่งถามตัวเองว่า ทำไมการมีร้านกาแฟถึงสำคัญกับเขานัก? คำตอบคือ เขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งความสุข สร้างงาน สร้างรายได้ และแบ่งปันกาแฟรสเลิศให้กับชุมชน (Why Is This Goal So Important?)
    เคล็ดลับ:
    หาเหตุผลที่ 'ใช่' และ 'โดนใจ' เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง

    3.เก่งเริ่มต้นด้วยการมองหาข้อได้เปรียบของตัวเอง เขามีความรู้เรื่องกาแฟ มีใจรักในงานบริการ และที่สำคัญที่สุดคือ เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ (Why I Know That I Can Easily Accomplish This Goal!)
    เคล็ดลับ:
    มองหาจุดแข็งของตัวเอง และสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะทำได้

    4.เก่งคิดว่า ร้านกาแฟของเขาจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพบปะของผู้คน สร้างสีสันและความอบอุ่นให้กับชุมชน (How Will This Goal Influence And Benefit Others?)
    เคล็ดลับ:
    คิดถึงผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง

    5.เก่งตระหนักดีว่าหนทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาอาจพบเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้และฝ่าฟันไปให้ได้ (What Obstacles Did I "Overcome" & How?)
    เคล็ดลับ:
    ลิสต์อุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้น

    6.เก่งนึกถึง 'ลุงสมชาย' เจ้าของร้านกาแฟชื่อดังที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ เก่งจดเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของลุงสมชายไว้ เพื่อที่จะไปขอคำแนะนำเพิ่มเติม (Who were the People & Companies Who helped & Inspired Me & How?)
    เคล็ดลับ:
    ระบุบุคคลต้นแบบ หรือแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์

    7.เก่งสำรวจตัวเองว่าเขามีความรู้และทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการเปิดร้านกาแฟ และเขาต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง (What Skills And Knowledge Do I Need?)
    เคล็ดลับ:
    ลิสต์ทักษะที่จำเป็น และวางแผนพัฒนาตัวเอง

    8.เก่งวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหาแหล่งวัตถุดิบ การตกแต่งร้าน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการทำการตลาด (What Exact Steps Are Needed To Complete This Goal?)
    เคล็ดลับ:
    แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ และวางแผนอย่างละเอียด

    เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ... แน่นอนว่าระหว่างทาง เก่งต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาเรื่องเงินทุน การแข่งขันทางธุรกิจ และความเหนื่อยล้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเอง เก่งก็สามารถก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาไปได้

    แล้ววันแห่งความสำเร็จก็มาถึง ...
    ร้านกาแฟเล็กๆ ของเก่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง รสชาติกาแฟที่กลมกล่อม และรอยยิ้มของเก่ง ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว

    ข้อคิดจากเรื่องราวของเก่ง
    ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนอย่างเป็นระบบ และลงมือทำอย่างจริงจัง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น และอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค

    ถึงเวลาแล้วที่คุณจะสร้าง Goal Success Formula ของคุณเอง! หยิบกระดาษ ปากกา แล้วเริ่มต้นตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามฝันของคุณ

    แหล่งอ้างอิง:
    •McKim, R. L. (2013). Goal Success Formula.
    สูตรสำเร็จพิชิตเป้าหมายฉบับ McKim, R. L. สร้างฝันให้เป็นจริง บทความนี้เรียบเรียงจาก 1 ในเนื้อหาอมตะของ McKim, R. L. เจ้าของผลงาน “How To Use Your God Power” ที่ได้รับการตอบรับจากผู้สนใจการพัฒนาตนเอง นำเสนอเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจตั้งเป้าหมายในปี 2025 ฉบับ McKim, R. L. ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ และบรรยากาศที่แสนอบอุ่น อาศัยอยู่ชายหนุ่มผู้มีนามว่า 'เก่ง' ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ความฝันนั้นก็ยังคงเป็นเพียงภาพลางๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "Goal Success Formula" ด้วยความอยากรู้ เก่งจึงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งใจ ภายในเล่มเต็มไปด้วยเทคนิคและวิธีการในการตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิตอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เก่งตระหนักได้ว่า ความฝันของเขาจะไม่เป็นจริงเลย หากปราศจากการลงมือทำอย่างจริงจัง จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ..... เก่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรในชีวิต? อะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จ? และคำถามเหล่านี้ช่วยให้เขาค้นพบเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่อบอุ่นและเป็นมิตร 8 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ: 1.เก่งจินตนาการถึงภาพร้านกาแฟในฝัน ทั้งบรรยากาศ รสชาติกาแฟ และรอยยิ้มของลูกค้า เขาจดบันทึกทุกอย่างลงในสมุดเล่มโปรด (What is the Ideal Final Result?) เคล็ดลับ: ลองวาดภาพ หรือ เขียนบรรยายรายละเอียดให้ชัดเจน เหมือนกับว่าร้านกาแฟนั้นมีอยู่จริงแล้ว 2.เก่งถามตัวเองว่า ทำไมการมีร้านกาแฟถึงสำคัญกับเขานัก? คำตอบคือ เขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งความสุข สร้างงาน สร้างรายได้ และแบ่งปันกาแฟรสเลิศให้กับชุมชน (Why Is This Goal So Important?) เคล็ดลับ: หาเหตุผลที่ 'ใช่' และ 'โดนใจ' เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง 3.เก่งเริ่มต้นด้วยการมองหาข้อได้เปรียบของตัวเอง เขามีความรู้เรื่องกาแฟ มีใจรักในงานบริการ และที่สำคัญที่สุดคือ เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ (Why I Know That I Can Easily Accomplish This Goal!) เคล็ดลับ: มองหาจุดแข็งของตัวเอง และสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะทำได้ 4.เก่งคิดว่า ร้านกาแฟของเขาจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพบปะของผู้คน สร้างสีสันและความอบอุ่นให้กับชุมชน (How Will This Goal Influence And Benefit Others?) เคล็ดลับ: คิดถึงผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง 5.เก่งตระหนักดีว่าหนทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาอาจพบเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้และฝ่าฟันไปให้ได้ (What Obstacles Did I "Overcome" & How?) เคล็ดลับ: ลิสต์อุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้น 6.เก่งนึกถึง 'ลุงสมชาย' เจ้าของร้านกาแฟชื่อดังที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ เก่งจดเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของลุงสมชายไว้ เพื่อที่จะไปขอคำแนะนำเพิ่มเติม (Who were the People & Companies Who helped & Inspired Me & How?) เคล็ดลับ: ระบุบุคคลต้นแบบ หรือแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 7.เก่งสำรวจตัวเองว่าเขามีความรู้และทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการเปิดร้านกาแฟ และเขาต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง (What Skills And Knowledge Do I Need?) เคล็ดลับ: ลิสต์ทักษะที่จำเป็น และวางแผนพัฒนาตัวเอง 8.เก่งวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหาแหล่งวัตถุดิบ การตกแต่งร้าน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการทำการตลาด (What Exact Steps Are Needed To Complete This Goal?) เคล็ดลับ: แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ และวางแผนอย่างละเอียด เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ... แน่นอนว่าระหว่างทาง เก่งต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาเรื่องเงินทุน การแข่งขันทางธุรกิจ และความเหนื่อยล้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเอง เก่งก็สามารถก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาไปได้ แล้ววันแห่งความสำเร็จก็มาถึง ... ร้านกาแฟเล็กๆ ของเก่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง รสชาติกาแฟที่กลมกล่อม และรอยยิ้มของเก่ง ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว ข้อคิดจากเรื่องราวของเก่ง ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนอย่างเป็นระบบ และลงมือทำอย่างจริงจัง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น และอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค ถึงเวลาแล้วที่คุณจะสร้าง Goal Success Formula ของคุณเอง! หยิบกระดาษ ปากกา แล้วเริ่มต้นตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามฝันของคุณ แหล่งอ้างอิง: •McKim, R. L. (2013). Goal Success Formula.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้อนรับสมาชิกใหม่ ในวันปีใหม่เลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว "แพท วงเคลียร์" หรือ "รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ให้กำเนิดลูกสาวคนสวย "น้องเรอารฎา" เป็นที่เรียบร้อย

    โดย "แพท วงเคลียร์" ได้โพสต์ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก พร้อมข้อความระบุว่า "เรอารฎา Reiardha Welcome to Earth นะลูก 01.01.25"

    งานนี้ก็ทำเอาบรรดาเพื่อนๆ และแฟนๆ แห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษที่มอบรับรอยยิ้มและความน่ารักให้กับแฟนๆ ในวันดีขึ้นต้นปีกันเลยทีเดียว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000000163

    #MGROnline #แพทวงเคลียร์ #น้องเรอารฎา
    ต้อนรับสมาชิกใหม่ ในวันปีใหม่เลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว "แพท วงเคลียร์" หรือ "รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ให้กำเนิดลูกสาวคนสวย "น้องเรอารฎา" เป็นที่เรียบร้อย • โดย "แพท วงเคลียร์" ได้โพสต์ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก พร้อมข้อความระบุว่า "เรอารฎา Reiardha Welcome to Earth นะลูก 01.01.25" • งานนี้ก็ทำเอาบรรดาเพื่อนๆ และแฟนๆ แห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษที่มอบรับรอยยิ้มและความน่ารักให้กับแฟนๆ ในวันดีขึ้นต้นปีกันเลยทีเดียว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000000163 • #MGROnline #แพทวงเคลียร์ #น้องเรอารฎา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ

    คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที

    ---

    ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ?

    สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด

    เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า

    แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า

    ---

    ตัวอย่างคำทักทายจากใจ

    "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ"

    "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!"

    "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ"

    "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ"

    ---

    เคล็ดลับในการทักทายจากใจ

    1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น

    2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด

    3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย

    ---

    ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ

    เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา

    สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ---

    เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที --- ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ? สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า --- ตัวอย่างคำทักทายจากใจ "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ" "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!" "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ" "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ" --- เคล็ดลับในการทักทายจากใจ 1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น 2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด 3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย --- ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น --- เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นายกมาแล้วนะครับ
    มาทันเวลาพอดีเลย
    เลิกแซวกันได้แล้วนะ
    ไม่ได้มาแค่สบตาเหมือนไอ่เท้ง
    แต่มาพร้อมรอยยิ้มและแพมเพิส
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นายกมาแล้วนะครับ มาทันเวลาพอดีเลย เลิกแซวกันได้แล้วนะ ไม่ได้มาแค่สบตาเหมือนไอ่เท้ง แต่มาพร้อมรอยยิ้มและแพมเพิส #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตามคำเรียกร้อง
    วันที่อิ๊งได้เป็นนายก แฟนเพจหลายคนบอกอยากได้โอ๊คมาแทน
    เป็นไงล่ะพวกเมิง เช็ดเขร้
    อิ๊งตั้งโอ๊ค เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
    ขับเคลื่อนประเทศด้วยความบันเทิง
    อารมณ์จะดี ยิ้มได้ตลอด แบบรนๆ
    โชคดีของประเทศไทยจริงๆ
    ต้องมี 2 ประโยคนี้แน่นอน
    หัวหน้า ไปโดนตัวไหนมา
    หัวหน้า เติมมาเต็มกร๊าฟ
    อะไรงี้ เราจะมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
    ที่ขยันตลอด กระฉับกระเฉง
    จะรอดูรอเชียร์ ตอนตอบสัมภาษณ์สื่อนะครับ
    ขอบคุณที่มาร่วมสร้างรอยยิ้มให้คนไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ตามคำเรียกร้อง วันที่อิ๊งได้เป็นนายก แฟนเพจหลายคนบอกอยากได้โอ๊คมาแทน เป็นไงล่ะพวกเมิง เช็ดเขร้ อิ๊งตั้งโอ๊ค เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศด้วยความบันเทิง อารมณ์จะดี ยิ้มได้ตลอด แบบรนๆ โชคดีของประเทศไทยจริงๆ ต้องมี 2 ประโยคนี้แน่นอน หัวหน้า ไปโดนตัวไหนมา หัวหน้า เติมมาเต็มกร๊าฟ อะไรงี้ เราจะมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ขยันตลอด กระฉับกระเฉง จะรอดูรอเชียร์ ตอนตอบสัมภาษณ์สื่อนะครับ ขอบคุณที่มาร่วมสร้างรอยยิ้มให้คนไทย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts