• สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA
    .
    ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว
    .
    ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    @thedongfangbubai

    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 63 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ

    ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์

    ✅ การใช้ AI ในการโจมตี
    - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี
    - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ
    - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ

    ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง
    - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์
    - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง

    ✅ คำแนะนำจาก FBI
    - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)
    - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ

    https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ ✅ การใช้ AI ในการโจมตี - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า ✅ เป้าหมายของการโจมตี - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง ✅ คำแนะนำจาก FBI - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FBI warns China is using AI to sharpen cyberattacks on US infrastructure
    In an interview with The Register, FBI Deputy Assistant Director Cynthia Kaiser explained how Chinese state-backed cyber groups use artificial intelligence at every stage of their attack...
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงความสับสนในตลาดงานด้านเทคโนโลยีในปี 2025 ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทต่างๆ พยายามรวม AI เข้ากับการดำเนินงานของตน ส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" ซึ่งมักมีคำต่อท้ายอย่าง "Senior," "Associate," หรือ "Specialist" ทำให้ผู้สมัครงานสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างของตำแหน่งเหล่านี้

    การวิจัยจากมหาวิทยาลัย Maryland และ LinkUp พบว่าเกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI อย่างไรก็ตาม การขาดมาตรฐานในชื่อตำแหน่งงานทำให้ทั้งผู้สมัครและนายจ้างต้องเผชิญกับความท้าทายในการเชื่อมโยงกัน

    นอกจากนี้ LinkedIn รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning ที่เคยหายากในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน

    ✅ การเติบโตของตำแหน่งงานด้าน AI
    - เกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI
    - ตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning กลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน

    ✅ ความสับสนในชื่อตำแหน่งงาน
    - ชื่อตำแหน่งงานหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect"
    - การขาดมาตรฐานทำให้ผู้สมัครและนายจ้างสับสน

    ✅ ความต้องการทักษะด้าน AI
    - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30%
    - นายจ้างพยายามสร้างตำแหน่งงานที่ดึงดูดและยืดหยุ่น

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน
    - ตำแหน่ง Data Scientist กำลังเปลี่ยนไปสู่ AI Engineer ที่ต้องการทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ขั้นสูง

    https://www.techspot.com/news/107704-ai-boom-scrambles-tech-job-titles-leaving-job.html
    บทความนี้กล่าวถึงความสับสนในตลาดงานด้านเทคโนโลยีในปี 2025 ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทต่างๆ พยายามรวม AI เข้ากับการดำเนินงานของตน ส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" ซึ่งมักมีคำต่อท้ายอย่าง "Senior," "Associate," หรือ "Specialist" ทำให้ผู้สมัครงานสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างของตำแหน่งเหล่านี้ การวิจัยจากมหาวิทยาลัย Maryland และ LinkUp พบว่าเกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI อย่างไรก็ตาม การขาดมาตรฐานในชื่อตำแหน่งงานทำให้ทั้งผู้สมัครและนายจ้างต้องเผชิญกับความท้าทายในการเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ LinkedIn รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning ที่เคยหายากในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน ✅ การเติบโตของตำแหน่งงานด้าน AI - เกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI - ตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning กลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน ✅ ความสับสนในชื่อตำแหน่งงาน - ชื่อตำแหน่งงานหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" - การขาดมาตรฐานทำให้ผู้สมัครและนายจ้างสับสน ✅ ความต้องการทักษะด้าน AI - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% - นายจ้างพยายามสร้างตำแหน่งงานที่ดึงดูดและยืดหยุ่น ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน - ตำแหน่ง Data Scientist กำลังเปลี่ยนไปสู่ AI Engineer ที่ต้องการทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ขั้นสูง https://www.techspot.com/news/107704-ai-boom-scrambles-tech-job-titles-leaving-job.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    In the race for AI talent, companies create a confusing web of job titles
    Karin Kimbrough, LinkedIn's chief global economist, explained that the tech industry now assigns up to 40 different titles to similar roles, leaving job seekers uncertain about whether...
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงข้อจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเข้าใจปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการจดจำวัตถุหรือใบหน้าในภาพนิ่งได้ดี แต่ยังคงมีข้อจำกัดในการอธิบายและตีความปฏิสัมพันธ์ในฉากที่มีการเคลื่อนไหว

    การศึกษาที่นำโดย Leyla Isik ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรับรู้จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้ทำการทดลองโดยใช้โมเดล AI กว่า 350 โมเดลที่เชี่ยวชาญด้านวิดีโอ ภาพ หรือภาษา โดยให้ AI วิเคราะห์วิดีโอสั้นๆ ความยาว 3 วินาทีที่แสดงสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ พร้อมเปรียบเทียบกับการประเมินของมนุษย์

    ✅ ความสามารถของ AI ในการจดจำ
    - AI มีความสามารถในการจดจำวัตถุและใบหน้าในภาพนิ่งได้ดี
    - ยังมีข้อจำกัดในการตีความปฏิสัมพันธ์ในฉากที่มีการเคลื่อนไหว

    ✅ การทดลองและผลลัพธ์
    - ใช้โมเดล AI กว่า 350 โมเดลในการวิเคราะห์วิดีโอสั้น
    - เปรียบเทียบการประเมินของ AI กับมนุษย์เพื่อหาความแตกต่าง

    ✅ เป้าหมายของการศึกษา
    - เพื่อระบุข้อจำกัดของ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมทางสังคม
    - เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถเข้าใจปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ดีขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ai-understands-many-things-except-for-human-social-interactions
    บทความนี้กล่าวถึงข้อจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเข้าใจปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการจดจำวัตถุหรือใบหน้าในภาพนิ่งได้ดี แต่ยังคงมีข้อจำกัดในการอธิบายและตีความปฏิสัมพันธ์ในฉากที่มีการเคลื่อนไหว การศึกษาที่นำโดย Leyla Isik ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรับรู้จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้ทำการทดลองโดยใช้โมเดล AI กว่า 350 โมเดลที่เชี่ยวชาญด้านวิดีโอ ภาพ หรือภาษา โดยให้ AI วิเคราะห์วิดีโอสั้นๆ ความยาว 3 วินาทีที่แสดงสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ พร้อมเปรียบเทียบกับการประเมินของมนุษย์ ✅ ความสามารถของ AI ในการจดจำ - AI มีความสามารถในการจดจำวัตถุและใบหน้าในภาพนิ่งได้ดี - ยังมีข้อจำกัดในการตีความปฏิสัมพันธ์ในฉากที่มีการเคลื่อนไหว ✅ การทดลองและผลลัพธ์ - ใช้โมเดล AI กว่า 350 โมเดลในการวิเคราะห์วิดีโอสั้น - เปรียบเทียบการประเมินของ AI กับมนุษย์เพื่อหาความแตกต่าง ✅ เป้าหมายของการศึกษา - เพื่อระบุข้อจำกัดของ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมทางสังคม - เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถเข้าใจปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ดีขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ai-understands-many-things-except-for-human-social-interactions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI understands many things... except for human social interactions
    Artificial intelligence (AI) continues to advance, yet this technology still struggles to grasp the complexity of human interactions.
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!”

    เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844

    #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) • ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!” • เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844 • #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • TSMC ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า System on Wafer-X ซึ่งช่วยให้สามารถรวมชิปประมวลผลขนาดใหญ่ได้ถึง 16 ตัวในแพ็กเกจเดียว พร้อมทั้งชิปหน่วยความจำและการเชื่อมต่อแบบออปติคัลที่รวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ TSMC ยังประกาศแผนการสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับการผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีนี้

    ✅ System on Wafer-X ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล
    - สามารถรวมชิปประมวลผลขนาดใหญ่ได้ถึง 16 ตัวในแพ็กเกจเดียว
    - รองรับการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น AI และการวิเคราะห์ข้อมูล

    ✅ เทคโนโลยี A14 จะเปิดตัวในปี 2028
    - ช่วยเพิ่มความเร็วของชิปได้ถึง 15% หรือประหยัดพลังงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับชิป N2

    ✅ แผนการสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา
    - TSMC วางแผนสร้างโรงงาน 6 แห่ง รวมถึงโรงงานบรรจุภัณฑ์และศูนย์วิจัยและพัฒนา

    ✅ การแข่งขันในตลาดชิปประมวลผล
    - Intel กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อแข่งขันกับ TSMC

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/tsmc-shows-off-new-tech-for-stitching-together-bigger-faster-chips
    TSMC ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า System on Wafer-X ซึ่งช่วยให้สามารถรวมชิปประมวลผลขนาดใหญ่ได้ถึง 16 ตัวในแพ็กเกจเดียว พร้อมทั้งชิปหน่วยความจำและการเชื่อมต่อแบบออปติคัลที่รวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ TSMC ยังประกาศแผนการสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับการผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ✅ System on Wafer-X ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล - สามารถรวมชิปประมวลผลขนาดใหญ่ได้ถึง 16 ตัวในแพ็กเกจเดียว - รองรับการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น AI และการวิเคราะห์ข้อมูล ✅ เทคโนโลยี A14 จะเปิดตัวในปี 2028 - ช่วยเพิ่มความเร็วของชิปได้ถึง 15% หรือประหยัดพลังงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับชิป N2 ✅ แผนการสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา - TSMC วางแผนสร้างโรงงาน 6 แห่ง รวมถึงโรงงานบรรจุภัณฑ์และศูนย์วิจัยและพัฒนา ✅ การแข่งขันในตลาดชิปประมวลผล - Intel กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อแข่งขันกับ TSMC https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/tsmc-shows-off-new-tech-for-stitching-together-bigger-faster-chips
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TSMC shows off new tech for stitching together bigger, faster chips
    SANTA CLARA, California (Reuters) -Taiwan Semiconductor Manufacturing Co on Wednesday unveiled technology for making faster chips and putting them together in dinner-plate-sized packages that will boost performance needed for artificial intelligence applications.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

    Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
    - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026
    - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030

    ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ
    - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้
    - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026 - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030 ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้ - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore's Keppel gets $1.5 billion in capital commitments for its funds
    SINGAPORE (Reuters) - Keppel, a Singapore-based manager and operator of assets such as data centres, said on Monday that it has secured close to S$2.0 billion ($1.53 billion) of capital commitments from global institutional investors for its flagship funds.
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • Seagate ได้เผยแพร่รายงานชื่อ "Decarbonizing Data" ซึ่งเน้นถึงความท้าทายด้านความยั่งยืนที่ศูนย์ข้อมูลต้องเผชิญในยุคที่ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่าความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นถึง 165% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปี 2023 และยังเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น การใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

    ✅ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลอาจเพิ่มขึ้นถึง 165% ภายในปี 2030
    - การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการขยายตัวของธุรกิจและการใช้งาน AI
    - 53.5% ของผู้นำธุรกิจ กังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น

    ✅ Seagate แนะนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
    - เช่น ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและการใช้ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสูง
    - แพลตฟอร์ม HAMR-based Mozaic 3+ ของ Seagate ช่วยลดคาร์บอนต่อเทราไบต์ได้กว่า 70%

    ✅ การยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
    - 92.2% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เห็นด้วยว่าการยืดอายุการใช้งานช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ HDD มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า SSD
    - SSD สร้างคาร์บอนสะสมต่อเทราไบต์มากกว่า HDD ถึง 160 เท่า ในช่วงอายุการใช้งาน 5 ปี

    https://www.neowin.net/news/as-millions-of-windows-10-pcs-await-ewaste-dump-seagate-claims-ssds-are-way-worse-than-hdds/
    Seagate ได้เผยแพร่รายงานชื่อ "Decarbonizing Data" ซึ่งเน้นถึงความท้าทายด้านความยั่งยืนที่ศูนย์ข้อมูลต้องเผชิญในยุคที่ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่าความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นถึง 165% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปี 2023 และยังเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น การใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ✅ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลอาจเพิ่มขึ้นถึง 165% ภายในปี 2030 - การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการขยายตัวของธุรกิจและการใช้งาน AI - 53.5% ของผู้นำธุรกิจ กังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ✅ Seagate แนะนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน - เช่น ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและการใช้ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสูง - แพลตฟอร์ม HAMR-based Mozaic 3+ ของ Seagate ช่วยลดคาร์บอนต่อเทราไบต์ได้กว่า 70% ✅ การยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ - 92.2% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เห็นด้วยว่าการยืดอายุการใช้งานช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ HDD มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า SSD - SSD สร้างคาร์บอนสะสมต่อเทราไบต์มากกว่า HDD ถึง 160 เท่า ในช่วงอายุการใช้งาน 5 ปี https://www.neowin.net/news/as-millions-of-windows-10-pcs-await-ewaste-dump-seagate-claims-ssds-are-way-worse-than-hdds/
    WWW.NEOWIN.NET
    As millions of Windows 10 PCs await eWaste dump, Seagate claims SSDs are way worse than HDDs
    Microsoft is ending support for Windows 10 later this year, and that means millions of unsupported PCs will be dumped. Seagate has published a new report considering the e-waste aspect of that.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ

    How to Use GenAI with OKRs (Without Letting It Think for You)
    Christina Wodtke
    (ฉบับภาษาอังกฤษ https://lnkd.in/grVpexDy)

    บทความ OKR ล่าสุดของอาจารย์คริสตินา วุดท์เคอ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นบทความเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในหลายแง่มุม

    ล่าสุด 18 เม.ย. ก็ได้อ่าน How-to ดีๆ เกี่ยวกับ OKRs และ AI แบบสร้างสรรค์ ในหัวข้อ “วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ”

    ภาคภาษาไทยของบทความที่ได้รับความช่วยเหลือในการแปลจาก Gemini และปรับแต่งอีกครั้งโดย กลั่นหามาเล่า ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร สำหรับผู้ถนัดอ่านภาษาไทย (อ่านรายละเอียดภาษาไทยfดูรายละเอียดได้ที่โพสต์ https://lnkd.in/g68edHvP และใน Comment ใต้โพสต์)

    หากต้องการดูสาระดีๆ เกี่ยวกับ OKR ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM
    วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ How to Use GenAI with OKRs (Without Letting It Think for You) Christina Wodtke (ฉบับภาษาอังกฤษ https://lnkd.in/grVpexDy) บทความ OKR ล่าสุดของอาจารย์คริสตินา วุดท์เคอ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นบทความเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในหลายแง่มุม ล่าสุด 18 เม.ย. ก็ได้อ่าน How-to ดีๆ เกี่ยวกับ OKRs และ AI แบบสร้างสรรค์ ในหัวข้อ “วิธีใช้ GenAI กับ OKRs โดยไม่ปล่อยให้ AI คิดแทนคุณ” ภาคภาษาไทยของบทความที่ได้รับความช่วยเหลือในการแปลจาก Gemini และปรับแต่งอีกครั้งโดย กลั่นหามาเล่า ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร สำหรับผู้ถนัดอ่านภาษาไทย (อ่านรายละเอียดภาษาไทยfดูรายละเอียดได้ที่โพสต์ https://lnkd.in/g68edHvP และใน Comment ใต้โพสต์) หากต้องการดูสาระดีๆ เกี่ยวกับ OKR ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต

    ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู
    - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร
    - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล

    ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ
    - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ
    - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด

    ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น
    - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น
    - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง

    ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ
    - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน

    https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says AI will end doctor and teacher shortages, transform the future of work
    "AI will come in and provide medical IQ, and there won't be a shortage," Gates said, pointing to nations like India and those across Africa where the...
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป

    ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่
    - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน
    - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด

    ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย
    - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030
    - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก

    ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ
    - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
    - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา
    - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
    - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา
    - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ

    ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน
    - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
    - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้

    ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก
    - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ
    - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์

    https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่ - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030 - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้ ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New German "super-ministry" hopes to lure US researchers with cutting-edge science agenda
    Germany's three largest political parties have agreed to form a new government, uniting the center-right Christian Democrats and Christian Social Union with the center-left Social Democrats. While...
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ได้ประกาศว่าจะนำข้อมูลจากโพสต์สาธารณะและการโต้ตอบกับ AI มาฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ในสหภาพยุโรป (EU) หลังจากเผชิญกับความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและกฎระเบียบคุ้มครองข้อมูลที่เข้มงวดในภูมิภาคนี้ การเปิดตัวเทคโนโลยี AI ในยุโรปล่าช้าไปจากแผนเดิม เนื่องจากข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล

    Meta ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้ใน EU ว่าจะมีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทใช้ รวมถึงช่องทางให้ผู้ใช้แสดงความคัดค้านต่อการนำข้อมูลของตนมาใช้ในการฝึก AI อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เป็นข้อความส่วนตัวและข้อมูลจากบัญชีของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะไม่ถูกนำมาใช้

    การตัดสินใจของ Meta เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากคณะกรรมาธิการยุโรป และกลุ่มสิทธิด้านความเป็นส่วนตัว เช่น NOYB ที่เรียกร้องให้มีการจำกัดการใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการฝึก AI นอกจากนี้ Meta ยังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของไอร์แลนด์ ซึ่งเคยสั่งให้บริษัทชะลอแผนดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/15/meta-to-use-public-posts-ai-interactions-to-train-models-in-eu
    Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ได้ประกาศว่าจะนำข้อมูลจากโพสต์สาธารณะและการโต้ตอบกับ AI มาฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ในสหภาพยุโรป (EU) หลังจากเผชิญกับความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและกฎระเบียบคุ้มครองข้อมูลที่เข้มงวดในภูมิภาคนี้ การเปิดตัวเทคโนโลยี AI ในยุโรปล่าช้าไปจากแผนเดิม เนื่องจากข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล Meta ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้ใน EU ว่าจะมีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทใช้ รวมถึงช่องทางให้ผู้ใช้แสดงความคัดค้านต่อการนำข้อมูลของตนมาใช้ในการฝึก AI อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เป็นข้อความส่วนตัวและข้อมูลจากบัญชีของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะไม่ถูกนำมาใช้ การตัดสินใจของ Meta เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากคณะกรรมาธิการยุโรป และกลุ่มสิทธิด้านความเป็นส่วนตัว เช่น NOYB ที่เรียกร้องให้มีการจำกัดการใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการฝึก AI นอกจากนี้ Meta ยังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของไอร์แลนด์ ซึ่งเคยสั่งให้บริษัทชะลอแผนดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/15/meta-to-use-public-posts-ai-interactions-to-train-models-in-eu
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta to use public posts, AI interactions to train models in EU
    (Reuters) -Meta Platforms said on Monday it would use interactions that users have with its AI, as well as public posts and comments shared by adults across its platforms, to train its artificial intelligence models in the European Union.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรียกร้องความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับเวียดนามในด้านการค้าและห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในขณะเริ่มต้นการเดินทางเยือน 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม

    การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเผชิญกับอัตราภาษี 145% จากสหรัฐฯ ขณะที่เวียดนามกำลังเจรจาเพื่อลดภาษีของสหรัฐฯ 46% ที่อาจบังคับใช้ในเดือนก.ค. หลังสิ้นสุดการระงับชั่วคราว

    “ทั้งสองฝ่ายควรเสริมความร่วมมือในด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน” สี จิ้นผิง ระบุในบทความที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์เญินเซิน (Nhan Dan) ของพรรคคอมมิวนิวสต์เวียดนาม ก่อนการเดินทางเยือนในวันนี้ (14) โดยเขายังเรียกร้องให้มีการค้ามากขึ้นและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับฮานอยในด้านปัญญาประดิษฐ์และเศรษฐกิจสีเขียว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000035481

    #MGROnline #สีจิ้นผิง
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรียกร้องความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับเวียดนามในด้านการค้าและห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในขณะเริ่มต้นการเดินทางเยือน 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม • การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเผชิญกับอัตราภาษี 145% จากสหรัฐฯ ขณะที่เวียดนามกำลังเจรจาเพื่อลดภาษีของสหรัฐฯ 46% ที่อาจบังคับใช้ในเดือนก.ค. หลังสิ้นสุดการระงับชั่วคราว • “ทั้งสองฝ่ายควรเสริมความร่วมมือในด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน” สี จิ้นผิง ระบุในบทความที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์เญินเซิน (Nhan Dan) ของพรรคคอมมิวนิวสต์เวียดนาม ก่อนการเดินทางเยือนในวันนี้ (14) โดยเขายังเรียกร้องให้มีการค้ามากขึ้นและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับฮานอยในด้านปัญญาประดิษฐ์และเศรษฐกิจสีเขียว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000035481 • #MGROnline #สีจิ้นผิง
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของโมเดล โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ เช่น Carnegie Mellon, Stanford, Harvard และ Princeton ได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Catastrophic Overtraining”

    นักวิจัยพบว่าเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลจำนวนมากเกินไป เช่น การเพิ่มจำนวนโทเค็นจาก 2.3 ล้านล้านเป็น 3 ล้านล้านในโมเดล OLMo-1B ประสิทธิภาพของโมเดลกลับลดลงถึง 3% ในการทดสอบมาตรฐาน เช่น AlpacaEval และ ARC สาเหตุหลักมาจาก “Progressive Sensitivity” ซึ่งทำให้โมเดลมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น การปรับแต่งหรือการเพิ่มเสียงรบกวน

    นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า “Inflection Point” หรือจุดที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมเริ่มส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้านในโมเดลขนาดเล็ก การค้นพบนี้เรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับขนาดโมเดล AI โดยเน้นที่กระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนที่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว

    ✅ การค้นพบปรากฏการณ์ Catastrophic Overtraining
    - การฝึกอบรม AI มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของโมเดล
    - Progressive Sensitivity ทำให้โมเดลเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

    ✅ ผลกระทบของการฝึกอบรมเพิ่มเติม
    - โมเดล OLMo-1B ที่ฝึกอบรมด้วยข้อมูล 3 ล้านล้านโทเค็นมีประสิทธิภาพลดลงถึง 3%
    - Inflection Point มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้าน

    ✅ ข้อเสนอแนะจากนักวิจัย
    - ควรพิจารณากระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนการเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว
    - การปรับขนาดโมเดล AI ควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการฝึกอบรมมากเกินไป
    - การฝึกอบรมมากเกินไปอาจทำให้โมเดลเปราะบางและลดประสิทธิภาพ
    - การเพิ่มเสียงรบกวนหรือการปรับแต่งอาจส่งผลเสียต่อโมเดลที่ฝึกอบรมมากเกินไป

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับนักพัฒนา AI
    - ควรพิจารณาจำนวนข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม
    - การพัฒนาโมเดล AI ควรเน้นที่ความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร

    https://www.techradar.com/pro/catastrophic-overtraining-could-harm-large-language-ai-models-that-are-trained-on-more-data-for-the-sake-of-training
    ข่าวนี้เล่าถึงผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของโมเดล โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ เช่น Carnegie Mellon, Stanford, Harvard และ Princeton ได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Catastrophic Overtraining” นักวิจัยพบว่าเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลจำนวนมากเกินไป เช่น การเพิ่มจำนวนโทเค็นจาก 2.3 ล้านล้านเป็น 3 ล้านล้านในโมเดล OLMo-1B ประสิทธิภาพของโมเดลกลับลดลงถึง 3% ในการทดสอบมาตรฐาน เช่น AlpacaEval และ ARC สาเหตุหลักมาจาก “Progressive Sensitivity” ซึ่งทำให้โมเดลมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น การปรับแต่งหรือการเพิ่มเสียงรบกวน นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า “Inflection Point” หรือจุดที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมเริ่มส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้านในโมเดลขนาดเล็ก การค้นพบนี้เรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับขนาดโมเดล AI โดยเน้นที่กระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนที่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว ✅ การค้นพบปรากฏการณ์ Catastrophic Overtraining - การฝึกอบรม AI มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของโมเดล - Progressive Sensitivity ทำให้โมเดลเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ✅ ผลกระทบของการฝึกอบรมเพิ่มเติม - โมเดล OLMo-1B ที่ฝึกอบรมด้วยข้อมูล 3 ล้านล้านโทเค็นมีประสิทธิภาพลดลงถึง 3% - Inflection Point มักเกิดขึ้นเมื่อจำนวนโทเค็นเกิน 2.5 ล้านล้าน ✅ ข้อเสนอแนะจากนักวิจัย - ควรพิจารณากระบวนการฝึกอบรมทั้งหมดแทนการเพิ่มข้อมูลเพียงอย่างเดียว - การปรับขนาดโมเดล AI ควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร ℹ️ ความเสี่ยงจากการฝึกอบรมมากเกินไป - การฝึกอบรมมากเกินไปอาจทำให้โมเดลเปราะบางและลดประสิทธิภาพ - การเพิ่มเสียงรบกวนหรือการปรับแต่งอาจส่งผลเสียต่อโมเดลที่ฝึกอบรมมากเกินไป ℹ️ คำแนะนำสำหรับนักพัฒนา AI - ควรพิจารณาจำนวนข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม - การพัฒนาโมเดล AI ควรเน้นที่ความสมดุลระหว่างข้อมูลและความเสถียร https://www.techradar.com/pro/catastrophic-overtraining-could-harm-large-language-ai-models-that-are-trained-on-more-data-for-the-sake-of-training
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานกับบริษัทที่ปรึกษาและบริการที่ไม่จำเป็น เช่น Accenture, Booz Allen Hamilton และ Deloitte โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Pete Hegseth ได้ประกาศลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าสัญญาบางส่วน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ซ้ำซ้อนและสามารถดำเนินการโดยบุคลากรภายในได้ การตัดงบประมาณนี้ยังรวมถึงการลดสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    งบประมาณที่ประหยัดได้จากการลดสัญญาจ้างงานจะถูกนำไปใช้ในโครงการที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ อาวุธไฮเปอร์โซนิก และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ

    ✅ การลดงบประมาณสัญญาจ้างงาน
    - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์
    - สัญญาที่ถูกลดรวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT

    ✅ เป้าหมายของการลดงบประมาณ
    - เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยใช้บุคลากรภายใน
    - มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ เช่น AI และอาวุธไฮเปอร์โซนิก

    ✅ การจัดสรรงบประมาณใหม่
    - งบประมาณที่ประหยัดได้จะถูกนำไปใช้ในโครงการด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    - รวมถึงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธและโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคง

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการลดสัญญาจ้างงาน
    - การลดสัญญาอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาสัญญาจากรัฐบาล
    - การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความล่าช้าในบางโครงการ

    ℹ️ ผลกระทบต่อบุคลากรภายใน
    - บุคลากรภายในอาจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้น
    - การปรับตัวของบุคลากรอาจต้องใช้เวลาและการฝึกอบรมเพิ่มเติม

    https://www.techspot.com/news/107521-pentagon-slashes-51-billion-contracts-accenture-booz-allen.html
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานกับบริษัทที่ปรึกษาและบริการที่ไม่จำเป็น เช่น Accenture, Booz Allen Hamilton และ Deloitte โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและปัญญาประดิษฐ์ (AI) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Pete Hegseth ได้ประกาศลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าสัญญาบางส่วน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ซ้ำซ้อนและสามารถดำเนินการโดยบุคลากรภายในได้ การตัดงบประมาณนี้ยังรวมถึงการลดสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ งบประมาณที่ประหยัดได้จากการลดสัญญาจ้างงานจะถูกนำไปใช้ในโครงการที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ อาวุธไฮเปอร์โซนิก และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ ✅ การลดงบประมาณสัญญาจ้างงาน - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดงบประมาณสัญญาจ้างงานมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ - สัญญาที่ถูกลดรวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกระบวนการธุรกิจและบริการ IT ✅ เป้าหมายของการลดงบประมาณ - เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยใช้บุคลากรภายใน - มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ เช่น AI และอาวุธไฮเปอร์โซนิก ✅ การจัดสรรงบประมาณใหม่ - งบประมาณที่ประหยัดได้จะถูกนำไปใช้ในโครงการด้านความมั่นคงแห่งชาติ - รวมถึงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธและโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคง ℹ️ ความเสี่ยงจากการลดสัญญาจ้างงาน - การลดสัญญาอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาสัญญาจากรัฐบาล - การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความล่าช้าในบางโครงการ ℹ️ ผลกระทบต่อบุคลากรภายใน - บุคลากรภายในอาจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้น - การปรับตัวของบุคลากรอาจต้องใช้เวลาและการฝึกอบรมเพิ่มเติม https://www.techspot.com/news/107521-pentagon-slashes-51-billion-contracts-accenture-booz-allen.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Pentagon slashes $5.1 billion in contracts with Accenture, Booz Allen, and Deloitte
    United States Defense Secretary Pete Hegseth has cut $5.1 billion in defense contracts for consulting and nonessential services. The move targets redundant agreements, with plans to shift...
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • เหล่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์จีน ร่วมวงสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน ด้วยการใช้โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์(AI) ตัดต่อภาพชาวอเมริกากำลังง่วนอยู่กับการทำงานในโรงงานต่างๆ ในนั้นรวมถึงภาพที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ สวมชุดคนงานอยู่ในไลน์ผลิตรองเท้าไนกี

    นอกจากนี้แล้วยังปรากฏวิดีโอและมุกล้อเลียนต่างๆ ที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนจีนหรือโพสต์โดยพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาล ล้อเลียนสโลแกน "ทำอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงภาพที่แสดงให้เห็นถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะสินค้าเหล่านั้นจะผลิตในโรงงานต่างๆของอเมริกาเองหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ภายใต้มาตรการรีดภาษี 125%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035356

    #MGROnline #มัสก์ #ทรัมป์ #โรงงาน #รีดภาษี #สหรัฐฯ #จีน #ล้อเลียน
    เหล่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์จีน ร่วมวงสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน ด้วยการใช้โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์(AI) ตัดต่อภาพชาวอเมริกากำลังง่วนอยู่กับการทำงานในโรงงานต่างๆ ในนั้นรวมถึงภาพที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ สวมชุดคนงานอยู่ในไลน์ผลิตรองเท้าไนกี • นอกจากนี้แล้วยังปรากฏวิดีโอและมุกล้อเลียนต่างๆ ที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนจีนหรือโพสต์โดยพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาล ล้อเลียนสโลแกน "ทำอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงภาพที่แสดงให้เห็นถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะสินค้าเหล่านั้นจะผลิตในโรงงานต่างๆของอเมริกาเองหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ภายใต้มาตรการรีดภาษี 125% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035356 • #MGROnline #มัสก์ #ทรัมป์ #โรงงาน #รีดภาษี #สหรัฐฯ #จีน #ล้อเลียน
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน

    การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย

    บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร

    ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน
    - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก
    - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน

    ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้
    - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
    - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI

    ✅ บทบาทขององค์กร
    - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI
    - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI
    - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร
    - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร
    - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI
    - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    ข่าวนี้เล่าถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกันและการลดช่องว่างด้านประสบการณ์ระหว่างพนักงาน การศึกษาโดย Procter & Gamble ร่วมกับนักวิจัยจาก Harvard, Wharton และ Digital Data Design Institute พบว่า AI เช่น GPT-4 สามารถช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ยังมีอุปสรรค เช่น ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI และความกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอัตราการใช้งาน AI ต่ำกว่าผู้ชาย บทความยังเน้นถึงบทบาทขององค์กรในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI และการส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างความร่วมมือในองค์กร ✅ ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน - AI ช่วยให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยทำงานได้ในระดับเดียวกับพนักงานที่มีประสบการณ์มาก - ลดความเครียด เพิ่มความกระตือรือร้น และพลังงานในการทำงาน ✅ อุปสรรคในการนำ AI มาใช้ - ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง AI โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง - ความกังวลด้านจริยธรรมและการใช้งาน AI ✅ บทบาทขององค์กร - สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึง AI - ส่งเสริมการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใส ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้งาน AI - การใช้งาน AI ที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมในองค์กร - ความกังวลด้านจริยธรรมอาจลดความไว้วางใจในเทคโนโลยี ℹ️ คำแนะนำสำหรับองค์กร - สร้างการฝึกอบรมและการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน AI - ส่งเสริมการใช้งาน AI ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/could-artificial-intelligence-be-your-best-teammate-at-work
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Could artificial intelligence be your best teammate at work?
    More than two years after ChatGPT burst onto the scene, companies are still struggling to make the technological transition. However, a growing number of trials are showing that artificial intelligence is not just about automating tasks.
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • บทความนี้นำเสนอคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ควรรู้ โดยให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ 10 คำที่มีความสำคัญในวงการ AI ได้แก่:

    1) Artificial Intelligence (AI) - ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแปลภาษา และการเรียนรู้จากประสบการณ์

    2)Machine Learning - กระบวนการที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลและพัฒนาตัวเอง

    3) Large Language Models (LLMs) - โมเดลภาษาใหญ่ที่ใช้การเรียนรู้ของเครื่องช่วยให้สื่อสารเหมือนมนุษย์

    4) Generative AI - AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ เช่น ภาพ เพลง หรือเนื้อหา

    5) Hallucinations - การที่ AI ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริง

    6) Responsible AI - หลักการในการพัฒนา AI ให้มีความปลอดภัยและยุติธรรม

    7) Multimodal Models - โมเดลที่ทำงานกับข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น ข้อความและภาพ

    8) Prompts - คำแนะนำหรือคำสั่งที่ใช้บอก AI ให้ทำงาน

    9) Copilots - ระบบช่วยเหลือส่วนตัวที่ใช้งานในโปรแกรมดิจิทัลต่าง ๆ

    10) Plugins - ส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับระบบ AI

    บทความยังเน้นถึงความสำคัญของการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft!

    https://news.microsoft.com/10-ai-terms/?OCID=lock-con2&msclkid=68c92cae3153103dcf824b5986a814df
    บทความนี้นำเสนอคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ควรรู้ โดยให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ 10 คำที่มีความสำคัญในวงการ AI ได้แก่: 1) Artificial Intelligence (AI) - ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแปลภาษา และการเรียนรู้จากประสบการณ์ 2)Machine Learning - กระบวนการที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลและพัฒนาตัวเอง 3) Large Language Models (LLMs) - โมเดลภาษาใหญ่ที่ใช้การเรียนรู้ของเครื่องช่วยให้สื่อสารเหมือนมนุษย์ 4) Generative AI - AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ เช่น ภาพ เพลง หรือเนื้อหา 5) Hallucinations - การที่ AI ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริง 6) Responsible AI - หลักการในการพัฒนา AI ให้มีความปลอดภัยและยุติธรรม 7) Multimodal Models - โมเดลที่ทำงานกับข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น ข้อความและภาพ 8) Prompts - คำแนะนำหรือคำสั่งที่ใช้บอก AI ให้ทำงาน 9) Copilots - ระบบช่วยเหลือส่วนตัวที่ใช้งานในโปรแกรมดิจิทัลต่าง ๆ 10) Plugins - ส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับระบบ AI บทความยังเน้นถึงความสำคัญของการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft! https://news.microsoft.com/10-ai-terms/?OCID=lock-con2&msclkid=68c92cae3153103dcf824b5986a814df
    NEWS.MICROSOFT.COM
    10 AI terms everyone should know
    We help break down some AI buzzwords so you can better understand artificial intelligence and be part of the global conversation.
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • รายงาน AI Index 2025 จาก Stanford University เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ โดยต้นทุนการใช้งาน AI ลดลงอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เป็นอันตรายกลับเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล

    🌐 ต้นทุนที่ลดลงและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น:
    - 📉 ต้นทุนการใช้งาน AI: ค่าใช้จ่ายในการใช้งานโมเดล AI ลดลงจาก $20 ต่อ 1 ล้านโทเค็น เหลือเพียง $0.07 ในเวลาเพียง 18 เดือน
    - 💡 การลงทุนมหาศาล: บริษัทใหญ่ เช่น OpenAI, Meta และ Google ลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 28 เท่า ในการฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่

    ⚠️ เหตุการณ์อันตรายที่เพิ่มขึ้น:
    - 🚨 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI: จำนวนเหตุการณ์อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้นจาก 100 ครั้งในปี 2022 เป็น 233 ครั้งในปี 2024
    - 🛑 ตัวอย่างเหตุการณ์: การระบุผิดพลาดของ AI ในระบบป้องกันการขโมยสินค้า, การสร้างภาพลามกแบบ deepfake และการสนับสนุนพฤติกรรมอันตรายโดยแชทบอท

    🌟 การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ:
    - 🇺🇸 สหรัฐฯ ยังคงนำหน้า: สหรัฐฯ มีโมเดล AI ที่โดดเด่นถึง 40 โมเดล ในปี 2024 ขณะที่จีนมีเพียง 15 โมเดล
    - 🇨🇳 จีนไล่ตามอย่างใกล้ชิด: ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างโมเดล AI ของสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 9.26% ในปี 2024 เหลือเพียง 1.70% ในปี 2025

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-costs-drop-280-fold-but-harmful-incidents-rise-56-percent-in-last-year-stanford-2025-ai-report-highlights-china-us-competition
    รายงาน AI Index 2025 จาก Stanford University เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ โดยต้นทุนการใช้งาน AI ลดลงอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เป็นอันตรายกลับเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล 🌐 ต้นทุนที่ลดลงและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น: - 📉 ต้นทุนการใช้งาน AI: ค่าใช้จ่ายในการใช้งานโมเดล AI ลดลงจาก $20 ต่อ 1 ล้านโทเค็น เหลือเพียง $0.07 ในเวลาเพียง 18 เดือน - 💡 การลงทุนมหาศาล: บริษัทใหญ่ เช่น OpenAI, Meta และ Google ลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 28 เท่า ในการฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่ ⚠️ เหตุการณ์อันตรายที่เพิ่มขึ้น: - 🚨 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI: จำนวนเหตุการณ์อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้นจาก 100 ครั้งในปี 2022 เป็น 233 ครั้งในปี 2024 - 🛑 ตัวอย่างเหตุการณ์: การระบุผิดพลาดของ AI ในระบบป้องกันการขโมยสินค้า, การสร้างภาพลามกแบบ deepfake และการสนับสนุนพฤติกรรมอันตรายโดยแชทบอท 🌟 การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ: - 🇺🇸 สหรัฐฯ ยังคงนำหน้า: สหรัฐฯ มีโมเดล AI ที่โดดเด่นถึง 40 โมเดล ในปี 2024 ขณะที่จีนมีเพียง 15 โมเดล - 🇨🇳 จีนไล่ตามอย่างใกล้ชิด: ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างโมเดล AI ของสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 9.26% ในปี 2024 เหลือเพียง 1.70% ในปี 2025 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-costs-drop-280-fold-but-harmful-incidents-rise-56-percent-in-last-year-stanford-2025-ai-report-highlights-china-us-competition
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยีหน่วยความจำกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเปิดตัว DRAM+ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย Ferroelectric Memory Co. (FMC) และ Neumonda โดยใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่าง hafnium oxide (HfO₂) เพื่อผสมผสานคุณสมบัติความเร็วสูงแบบ DRAM กับการเก็บข้อมูลแบบ SSD (non-volatile)

    ✅ ประสิทธิภาพสูงพร้อมการประหยัดพลังงาน:
    - วัสดุ hafnium oxide ทำให้ DRAM+ สามารถ รักษาข้อมูลได้แม้ไม่มีพลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก DRAM แบบเดิมที่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง

    ✅ ความจุสูงและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย:
    - DRAM+ FeRAM รองรับการใช้งานตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อุตสาหกรรมยานยนต์, ไปจนถึงการแพทย์

    ✅ เทคโนโลยีที่ปรับปรุงจากเดิม:
    - ก่อนหน้านี้ FeRAM ใช้ lead zirconate titanate (PZT) ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องความจุและการลดขนาด แต่ HfO₂ ที่ใช้งานใน DRAM+ ใหม่สามารถ ทำงานกับชิปที่มีโครงสร้างเล็กกว่า 10nm และผสานกับกระบวนการผลิต CMOS ได้อย่างสมบูรณ์

    ✅ FMC: เป็นผู้นำในการใช้คุณสมบัติ ferroelectric effect ของ HfO₂ เพื่อสร้างหน่วยความจำที่ลดการใช้พลังงาน พร้อมกับให้ประสิทธิภาพสูง

    ✅ Neumonda: นำเทคโนโลยีทดสอบหน่วยความจำ เช่น Rhinoe, Octopus, และ Raptor มาปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-memory-designed-to-provide-dram-performance-with-ssd-like-storage-capabilities-uses-feram-tech
    เทคโนโลยีหน่วยความจำกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเปิดตัว DRAM+ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย Ferroelectric Memory Co. (FMC) และ Neumonda โดยใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่าง hafnium oxide (HfO₂) เพื่อผสมผสานคุณสมบัติความเร็วสูงแบบ DRAM กับการเก็บข้อมูลแบบ SSD (non-volatile) ✅ ประสิทธิภาพสูงพร้อมการประหยัดพลังงาน: - วัสดุ hafnium oxide ทำให้ DRAM+ สามารถ รักษาข้อมูลได้แม้ไม่มีพลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก DRAM แบบเดิมที่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง ✅ ความจุสูงและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย: - DRAM+ FeRAM รองรับการใช้งานตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อุตสาหกรรมยานยนต์, ไปจนถึงการแพทย์ ✅ เทคโนโลยีที่ปรับปรุงจากเดิม: - ก่อนหน้านี้ FeRAM ใช้ lead zirconate titanate (PZT) ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องความจุและการลดขนาด แต่ HfO₂ ที่ใช้งานใน DRAM+ ใหม่สามารถ ทำงานกับชิปที่มีโครงสร้างเล็กกว่า 10nm และผสานกับกระบวนการผลิต CMOS ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ FMC: เป็นผู้นำในการใช้คุณสมบัติ ferroelectric effect ของ HfO₂ เพื่อสร้างหน่วยความจำที่ลดการใช้พลังงาน พร้อมกับให้ประสิทธิภาพสูง ✅ Neumonda: นำเทคโนโลยีทดสอบหน่วยความจำ เช่น Rhinoe, Octopus, และ Raptor มาปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-memory-designed-to-provide-dram-performance-with-ssd-like-storage-capabilities-uses-feram-tech
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • Anthropic บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์จากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงจากแชทบ็อต Claude ประกาศการขยายตัวครั้งสำคัญในยุโรป โดยเตรียมสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 100 ตำแหน่ง ในสำนักงานที่ ดับลินและลอนดอน พร้อมทั้งเปิดตัว Guillaume Princen เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

    ✅ การเติบโตในตลาดยุโรป:
    - Anthropic มุ่งสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งในด้าน การขาย, วิศวกรรม, การวิจัย, และ การดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ AI ในยุคที่ธุรกิจต่าง ๆ หันมาใช้ระบบดิจิทัล
    - Claude ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทถูกนำไปใช้งานโดย WPP ในวงการโฆษณา, BMW ในอุตสาหกรรมยานยนต์, และ Novo Nordisk ในอุตสาหกรรมยา

    ✅ การสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่:
    - Anthropic ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Amazon และ Google รวมถึงการระดมทุนครั้งใหญ่กว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีมูลค่า 61.5 พันล้านดอลลาร์

    ✅ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    - Guillaume Princen มีประสบการณ์ด้านการขยายธุรกิจยุโรปของ Stripe และเคยดำรงตำแหน่ง CEO ของ Mooncard เขาเชื่อว่า AI ของ Anthropic มีบทบาทสำคัญในการช่วยธุรกิจปรับตัวในยุคที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
    - Claude ซึ่งแข่งขันกับ OpenAI's ChatGPT และ Google Gemini แสดงศักยภาพที่เหนือกว่าในหลายด้าน เช่น ความสามารถในการเข้าใจภาษาและให้คำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/ai-firm-anthropic-announces-100-roles-in-europe-new-emea-head
    Anthropic บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์จากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงจากแชทบ็อต Claude ประกาศการขยายตัวครั้งสำคัญในยุโรป โดยเตรียมสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 100 ตำแหน่ง ในสำนักงานที่ ดับลินและลอนดอน พร้อมทั้งเปิดตัว Guillaume Princen เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ✅ การเติบโตในตลาดยุโรป: - Anthropic มุ่งสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งในด้าน การขาย, วิศวกรรม, การวิจัย, และ การดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ AI ในยุคที่ธุรกิจต่าง ๆ หันมาใช้ระบบดิจิทัล - Claude ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทถูกนำไปใช้งานโดย WPP ในวงการโฆษณา, BMW ในอุตสาหกรรมยานยนต์, และ Novo Nordisk ในอุตสาหกรรมยา ✅ การสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่: - Anthropic ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Amazon และ Google รวมถึงการระดมทุนครั้งใหญ่กว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีมูลค่า 61.5 พันล้านดอลลาร์ ✅ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม: - Guillaume Princen มีประสบการณ์ด้านการขยายธุรกิจยุโรปของ Stripe และเคยดำรงตำแหน่ง CEO ของ Mooncard เขาเชื่อว่า AI ของ Anthropic มีบทบาทสำคัญในการช่วยธุรกิจปรับตัวในยุคที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง - Claude ซึ่งแข่งขันกับ OpenAI's ChatGPT และ Google Gemini แสดงศักยภาพที่เหนือกว่าในหลายด้าน เช่น ความสามารถในการเข้าใจภาษาและให้คำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/ai-firm-anthropic-announces-100-roles-in-europe-new-emea-head
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI firm Anthropic announces 100 roles in Europe, new EMEA head
    LONDON (Reuters) - Anthropic, the U.S. AI company behind the Claude chatbot, said on Monday it would create more than 100 roles in Europe, including in Dublin and London, as it appointed Guillaume Princen as its Europe, Middle East and Africa head.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • จากบทความที่เผยแพร่โดย Kevin Roose เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการคาดการณ์ที่น่าตกใจเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี AI ในช่วงปี 2027 โดยทีมงานจาก AI Futures Project ระบุว่า AI กำลังพัฒนาไปจนถึงระดับที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระเบียบโลกอย่างมหาศาล

    == สถานการณ์ที่น่าจับตามองในอนาคต AI ==
    ✅ AI ที่ฉลาดเกินมนุษย์และอิสระในการตัดสินใจ:
    - ทีมวิจัยเตือนว่า AI อาจมีพฤติกรรมที่หลอกลวงทีมพัฒนาของตัวเอง และอาจกลายเป็น “โร้ก” ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์
    - ✅ ความขัดแย้งระหว่างชาติ:
    - จีนอาจนำเทคโนโลยี AI ที่ล้ำหน้าไปใช้เพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ ซึ่งมีการวางแผนตอบโต้หลังจากพบว่าข้อมูลลับของ AI ในอเมริกาถูกขโมย

    ✅ ผลกระทบต่อวงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์:
    - ทีมวิจัยในห้องแล็บชั้นนำเกิดความหวาดกลัวว่าการสร้างโมเดลที่มีความสามารถสูงเกินจะสร้างปัญหาให้กับมนุษยชาติในระยะยาว

    == ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมจากการคาดการณ์นี้ ==
    - การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจสร้างความไม่มั่นคงในหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเศรษฐกิจ และการกำหนดกฎระเบียบใหม่สำหรับการควบคุม AI โดยทีมงานผู้เขียนพยายามสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นในการ พัฒนานโยบายที่รับผิดชอบ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจาก AI ที่ขาดการควบคุม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/opinion-this-ai-forecast-predicts-storms-ahead
    จากบทความที่เผยแพร่โดย Kevin Roose เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการคาดการณ์ที่น่าตกใจเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี AI ในช่วงปี 2027 โดยทีมงานจาก AI Futures Project ระบุว่า AI กำลังพัฒนาไปจนถึงระดับที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระเบียบโลกอย่างมหาศาล == สถานการณ์ที่น่าจับตามองในอนาคต AI == ✅ AI ที่ฉลาดเกินมนุษย์และอิสระในการตัดสินใจ: - ทีมวิจัยเตือนว่า AI อาจมีพฤติกรรมที่หลอกลวงทีมพัฒนาของตัวเอง และอาจกลายเป็น “โร้ก” ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ - ✅ ความขัดแย้งระหว่างชาติ: - จีนอาจนำเทคโนโลยี AI ที่ล้ำหน้าไปใช้เพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ ซึ่งมีการวางแผนตอบโต้หลังจากพบว่าข้อมูลลับของ AI ในอเมริกาถูกขโมย ✅ ผลกระทบต่อวงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์: - ทีมวิจัยในห้องแล็บชั้นนำเกิดความหวาดกลัวว่าการสร้างโมเดลที่มีความสามารถสูงเกินจะสร้างปัญหาให้กับมนุษยชาติในระยะยาว == ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมจากการคาดการณ์นี้ == - การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจสร้างความไม่มั่นคงในหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเศรษฐกิจ และการกำหนดกฎระเบียบใหม่สำหรับการควบคุม AI โดยทีมงานผู้เขียนพยายามสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นในการ พัฒนานโยบายที่รับผิดชอบ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจาก AI ที่ขาดการควบคุม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/opinion-this-ai-forecast-predicts-storms-ahead
    WWW.THESTAR.COM.MY
    This AI forecast predicts storms ahead
    The AI prediction world is torn between optimism and gloom. A report released on April 3 decidedly lands on the side of gloom.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวชุดโมเดล AI มัลติโหมดใหม่ในซีรีส์ Llama 4 ซึ่งประกอบด้วย Llama 4 Scout, Llama 4 Maverick และ Llama 4 Behemoth โดยทั้งสามโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงสุดในงานด้านปัญญาประดิษฐ์

    == จุดเด่นของ Llama 4 ทั้งสามรุ่น ==
    ✅ Llama 4 Scout:
    - โมเดลขนาดเล็กที่สุดในซีรีส์ มี 17 พันล้าน active parameters พร้อม 16 experts
    - สามารถทำงานได้บน NVIDIA H100 GPU เพียงตัวเดียว
    - รองรับ context window ขนาด 10 ล้าน tokens ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม
    - ประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลคู่แข่ง เช่น Gemma 3 และ Mistral 3.1 ในการวัดมาตรฐาน AI

    ✅ Llama 4 Maverick:
    - โมเดลระดับ mainstream มี 17 พันล้าน active parameters เช่นกัน แต่เพิ่มผู้เชี่ยวชาญเป็น 128 experts
    - ได้รับการจัดอันดับที่สูงในการทดลอง เช่น คะแนน 1417 ใน LMArena ซึ่งอยู่ที่ลำดับสองของโมเดลชั้นนำทั้งหมด
    - ประสิทธิภาพเหนือ GPT-4o และ Gemini 2.0 Flash ในการเปรียบเทียบ

    ✅ Llama 4 Behemoth:
    - โมเดลขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังอยู่ระหว่างการฝึก มี 288 พันล้าน active parameters และ 16 experts
    - Meta เคลมว่า Behemoth สามารถแสดงผลดีกว่า GPT-4.5 และ Gemini 2.0 Pro ในหลายมาตรฐาน AI

    == การนำไปใช้งานและความสำคัญต่ออุตสาหกรรม AI ==
    ✅ การเข้าถึงและใช้งาน:
    - Llama 4 Scout และ Maverick พร้อมให้ดาวน์โหลดได้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Hugging Face และ Llama.com
    - สำหรับผู้ใช้ทั่วไป โมเดลเหล่านี้ได้เริ่มให้บริการใน WhatsApp, Messenger และ Instagram Direct แล้ว

    ✅ การรองรับใน Azure AI Foundry ของ Microsoft:
    - Microsoft ประกาศว่า Llama 4 รุ่น Scout และ Maverick ได้รวมอยู่ในบริการของ Azure AI แล้ว เพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึงในรูปแบบ Managed Compute Offerings

    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในโลกมัลติโหมด:
    - โมเดลเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งงานด้านข้อความและภาพ ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีมัลติโหมด เช่น AI สร้างสรรค์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    https://www.neowin.net/news/meta-launches-llama-4-advanced-multi-modal-llms-achieving-sota-results/
    ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวชุดโมเดล AI มัลติโหมดใหม่ในซีรีส์ Llama 4 ซึ่งประกอบด้วย Llama 4 Scout, Llama 4 Maverick และ Llama 4 Behemoth โดยทั้งสามโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงสุดในงานด้านปัญญาประดิษฐ์ == จุดเด่นของ Llama 4 ทั้งสามรุ่น == ✅ Llama 4 Scout: - โมเดลขนาดเล็กที่สุดในซีรีส์ มี 17 พันล้าน active parameters พร้อม 16 experts - สามารถทำงานได้บน NVIDIA H100 GPU เพียงตัวเดียว - รองรับ context window ขนาด 10 ล้าน tokens ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม - ประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลคู่แข่ง เช่น Gemma 3 และ Mistral 3.1 ในการวัดมาตรฐาน AI ✅ Llama 4 Maverick: - โมเดลระดับ mainstream มี 17 พันล้าน active parameters เช่นกัน แต่เพิ่มผู้เชี่ยวชาญเป็น 128 experts - ได้รับการจัดอันดับที่สูงในการทดลอง เช่น คะแนน 1417 ใน LMArena ซึ่งอยู่ที่ลำดับสองของโมเดลชั้นนำทั้งหมด - ประสิทธิภาพเหนือ GPT-4o และ Gemini 2.0 Flash ในการเปรียบเทียบ ✅ Llama 4 Behemoth: - โมเดลขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังอยู่ระหว่างการฝึก มี 288 พันล้าน active parameters และ 16 experts - Meta เคลมว่า Behemoth สามารถแสดงผลดีกว่า GPT-4.5 และ Gemini 2.0 Pro ในหลายมาตรฐาน AI == การนำไปใช้งานและความสำคัญต่ออุตสาหกรรม AI == ✅ การเข้าถึงและใช้งาน: - Llama 4 Scout และ Maverick พร้อมให้ดาวน์โหลดได้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Hugging Face และ Llama.com - สำหรับผู้ใช้ทั่วไป โมเดลเหล่านี้ได้เริ่มให้บริการใน WhatsApp, Messenger และ Instagram Direct แล้ว ✅ การรองรับใน Azure AI Foundry ของ Microsoft: - Microsoft ประกาศว่า Llama 4 รุ่น Scout และ Maverick ได้รวมอยู่ในบริการของ Azure AI แล้ว เพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึงในรูปแบบ Managed Compute Offerings ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในโลกมัลติโหมด: - โมเดลเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งงานด้านข้อความและภาพ ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีมัลติโหมด เช่น AI สร้างสรรค์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ https://www.neowin.net/news/meta-launches-llama-4-advanced-multi-modal-llms-achieving-sota-results/
    WWW.NEOWIN.NET
    Meta launches Llama 4, advanced multi-modal LLMs achieving SOTA results
    Meta has launched its new Llama 4 series, featuring three models: Scout, Maverick, and Behemoth. Scout and Maverick are available now.
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • Elon Musk ควบรวม xAI เข้ากับ X (Twitter เดิม) เพื่อรวมทรัพยากรด้านข้อมูลและเทคโนโลยี AI โดยมีเป้าหมายสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ฉลาดขึ้น เช่น ฟีเจอร์ AI ที่แนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ใน Silicon Valley ที่เน้นใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนา AI

    จุดเปลี่ยนของ X (Twitter เดิม):
    - หลังจาก Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 แพลตฟอร์มประสบปัญหารายได้โฆษณาลดลงและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขัดใจผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่ของ Donald Trump และบทบาทของ Musk ในรัฐบาลช่วยให้ X เริ่มฟื้นตัวในปลายปี 2024

    ศักยภาพของ xAI:
    - xAI กลายเป็นหนึ่งในห้องวิจัย AI ชั้นนำ โดยสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง เช่น Grok ซึ่งเป็นแชทบอทที่ผสานเข้ากับ X มาตั้งแต่ปี 2023

    ความขัดแย้งและผลกระทบต่อนักลงทุน:
    - การควบรวมนี้อาจทำให้นักลงทุนบางรายรู้สึกเสียเปรียบ เนื่องจากทั้งสองบริษัทถูกควบคุมโดย Musk และยังมีคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกรรม

    ทิศทางใหม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย:
    - X จะไม่เป็นเพียงแพลตฟอร์มโซเชียล แต่จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกสอนและพัฒนา AI พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่ล้ำสมัย เช่น การแนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคลและแชทบอทที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107340-musk-merges-startup-xai-twitter-betting-ai-revitalize.html
    Elon Musk ควบรวม xAI เข้ากับ X (Twitter เดิม) เพื่อรวมทรัพยากรด้านข้อมูลและเทคโนโลยี AI โดยมีเป้าหมายสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ฉลาดขึ้น เช่น ฟีเจอร์ AI ที่แนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ใน Silicon Valley ที่เน้นใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนา AI จุดเปลี่ยนของ X (Twitter เดิม): - หลังจาก Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 แพลตฟอร์มประสบปัญหารายได้โฆษณาลดลงและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขัดใจผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่ของ Donald Trump และบทบาทของ Musk ในรัฐบาลช่วยให้ X เริ่มฟื้นตัวในปลายปี 2024 ศักยภาพของ xAI: - xAI กลายเป็นหนึ่งในห้องวิจัย AI ชั้นนำ โดยสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง เช่น Grok ซึ่งเป็นแชทบอทที่ผสานเข้ากับ X มาตั้งแต่ปี 2023 ความขัดแย้งและผลกระทบต่อนักลงทุน: - การควบรวมนี้อาจทำให้นักลงทุนบางรายรู้สึกเสียเปรียบ เนื่องจากทั้งสองบริษัทถูกควบคุมโดย Musk และยังมีคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกรรม ทิศทางใหม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: - X จะไม่เป็นเพียงแพลตฟอร์มโซเชียล แต่จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกสอนและพัฒนา AI พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่ล้ำสมัย เช่น การแนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคลและแชทบอทที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น https://www.techspot.com/news/107340-musk-merges-startup-xai-twitter-betting-ai-revitalize.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Musk merges startup xAI and Twitter, betting on AI to revitalize social media
    In a post on X, Musk stated, "The futures of xAI and X are interconnected. Today, we officially take the step to merge our data, models, computing...
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • บริษัท Scale AI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เติบโตเร็ว กำลังมองหาการเพิ่มมูลค่าผ่านการขายหุ้นคืน โดยตั้งเป้าที่มูลค่า 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงขึ้นอย่างมากจากการประเมินครั้งก่อนที่ 14 พันล้านดอลลาร์ บริษัทให้บริการข้อมูลที่ช่วยพัฒนาโมเดล AI เช่น ChatGPT และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม Scale AI กำลังถูกตรวจสอบด้านกฎหมายแรงงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อความท้าทายในการเติบโต

    บทบาทของ Scale AI:
    - Scale AI เน้นการให้บริการข้อมูลที่ผ่านการจัดทำเป็นข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง เพื่อช่วยในการฝึกโมเดล AI ที่ซับซ้อน เช่น OpenAI ChatGPT ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดเทคโนโลยี AI.

    ความท้าทายที่เผชิญ:
    - แม้ Scale AI จะมีบทบาทสำคัญในตลาด AI แต่บริษัทกำลังถูกตรวจสอบจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายมาตรฐานแรงงาน (Fair Labor Standards Act) ซึ่งเป็นข้อกังวลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร.

    การเติบโตของตลาด AI:
    - ความต้องการ AI ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตชิปและการเรียนรู้ของเครื่อง ได้ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับ Scale AI ในตลาดการเงินส่วนตัว.

    กระบวนการ Tender Offer:
    - การขายหุ้นคืน (Tender Offer) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนปัจจุบันสามารถขายหุ้นให้แก่บริษัทหรือผู้ลงทุนรายอื่น โดยมีการประเมินมูลค่าตามความต้องการของตลาดและการเติบโตที่คาดการณ์.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/scale-ai-seeking-valuation-as-high-as-25-billion-in-potential-tender-offer-business-insider-reports
    บริษัท Scale AI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เติบโตเร็ว กำลังมองหาการเพิ่มมูลค่าผ่านการขายหุ้นคืน โดยตั้งเป้าที่มูลค่า 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงขึ้นอย่างมากจากการประเมินครั้งก่อนที่ 14 พันล้านดอลลาร์ บริษัทให้บริการข้อมูลที่ช่วยพัฒนาโมเดล AI เช่น ChatGPT และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม Scale AI กำลังถูกตรวจสอบด้านกฎหมายแรงงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อความท้าทายในการเติบโต บทบาทของ Scale AI: - Scale AI เน้นการให้บริการข้อมูลที่ผ่านการจัดทำเป็นข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง เพื่อช่วยในการฝึกโมเดล AI ที่ซับซ้อน เช่น OpenAI ChatGPT ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดเทคโนโลยี AI. ความท้าทายที่เผชิญ: - แม้ Scale AI จะมีบทบาทสำคัญในตลาด AI แต่บริษัทกำลังถูกตรวจสอบจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายมาตรฐานแรงงาน (Fair Labor Standards Act) ซึ่งเป็นข้อกังวลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร. การเติบโตของตลาด AI: - ความต้องการ AI ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตชิปและการเรียนรู้ของเครื่อง ได้ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับ Scale AI ในตลาดการเงินส่วนตัว. กระบวนการ Tender Offer: - การขายหุ้นคืน (Tender Offer) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนปัจจุบันสามารถขายหุ้นให้แก่บริษัทหรือผู้ลงทุนรายอื่น โดยมีการประเมินมูลค่าตามความต้องการของตลาดและการเติบโตที่คาดการณ์. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/scale-ai-seeking-valuation-as-high-as-25-billion-in-potential-tender-offer-business-insider-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Scale AI seeking valuation as high as $25 billion in potential tender offer, Business Insider reports
    (Reuters) - Artificial intelligence startup Scale AI is seeking a valuation as high as $25 billion in a potential tender offer as it looks to capitalize on the booming demand for the technology, Business Insider reported on Friday, citing multiple sources.
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
More Results