• สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง

    เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ

    แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’?

    สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才)

    เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ

    Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html
    https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子
    https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/
    https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D
    http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html
    https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593

    #สำนวนจีน #เสาหลัก
    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’? สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才) เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子 https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/ https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593 #สำนวนจีน #เสาหลัก
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • วรรณกรรมประเภทหนึ่งที่ตอนนี้มีเยอะมากโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี) แต่ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร คือเรื่องแนวฟีลกู๊ดประเภทสถานที่เยียวยาจิตใจ ไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกจิตใจหยาบกระด้างหรือชอบเสพแต่ความดาร์กและความสยอง แต่เพราะผมมองว่าตัวเองพอดักทางได้ว่าเรื่องพวกนั้นมี "สาร" อย่างไร ต้องการสอนผู้อ่านอย่างไร ทั้งนี้ก็จะมีบางเรื่องที่เป็นข้อยกเว้น หนึ่งในนั้นคือคาเฟ่ของแม่หมอมานูล

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' โดย อัตสึกิ โอโตะ เป็นนิยายแบบที่ผมคงไม่สนใจในแวบแรก ถ้าไม่ใช่เพราะโดนล่อตาล่อใจจากของแถมที่ทาง สนพ. บอกว่ามีเฉพาะในรอบพิมพ์ครั้งแรกเท่านั้น นั่นคือ ไพ่ทาโรต์ขนาดเล็ก ๆ 5 ใบที่เป็นภาพคุณมานูล แมวหมอดูตัวเอกประจำเรื่อง ข้อนี้เลยเป็นตัวแปรสำคัญให้ผมเปิดใจรับหนังสือเล่มนี้มาบรรจุเข้าชั้นที่บ้าน

    ไหน ๆ ก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมก็เห็นว่ามันควรค่าแก่การรีวิวในแบบของไพ่เราเผาเรื่อง แต่รอบนี้จะต่างจากครั้งอื่น ๆ ตรงที่ผมจะไม่ใช้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์สำรับใด ๆ ในคลัง แต่จะใช้ไพ่แถม 5 ใบที่มากับหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือประกอบการ "เผาเรื่อง" โดยสับไพ่แล้วสุ่มหยิบตามลำดับ

    ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' ด้วยไพ่แถมสุดน่ารักทั้ง 5 ใบ ได้ ณ บัดนี้ครับ

    ----------

    "เรื่องจบในตอนพร้อมข้อคิดดี ๆ"
    🃏The Sun + 🃏The World

    ในไพ่ทาโรต์ 78 ใบ The Sun เป็นไพ่ที่ความหมายดีรอบด้านในอันดับต้น ๆ แต่ไพ่ใบนี้ยังสื่อถึง "ความจริง" และ "ข้อคิดที่เป็นประโยชน์" ได้ด้วย ส่วน The World ในฐานะไพ่ใบสุดท้ายของไพ่ชุดหลัก (Major Arcana) จึงมักสื่อความถึง "จุดสิ้นสุด" และ "ความสมบูรณ์" แต่มันไม่ใช่การตัดจบแบบบริบูรณ์หรือ Happily Ever After ทว่าเป็นการจบลงของบทหนึ่งเพื่อที่จะเข้าสู่บทถัดไป

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' มีลักษณะการเขียนแบบที่มักเจอใน Fiction ประเภทสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนได้ฮีลใจ นั่นคือเป็นนวนิยายแบบเนื้อเรื่องจบในตอน (Episodic novel) โดยแต่ละตอนมักจะมีข้อคิดจรรโลงใจหรือมุมมองที่น่าสนใจแตกต่างกัน บางครั้งต่างตอนก็มีสารหรือข้อคิดสำหรับคนต่างกลุ่มต่างจำพวก

    หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง 5 บท แต่ละบทสามารถอ่านแยกในฐานะเรื่องสั้นที่จบสมบูรณ์ในตัวเองได้ แต่ตอนหลัง ๆ ก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่อเนื่องจากตอนก่อน ๆ ตัวละครดำเนินเรื่องในแต่ละตอนมีช่วงอายุ บทบาท และปัญหาคาใจแตกต่างกัน มีทั้งเด็กมัธยมที่หาทาง fit in ในสังคมห้องเรียน อินฟลูเอนเซอร์สาว ซิงเกิลมัม ไปจนถึงวัยกลางคนที่กำลังสับสนกับทิศทางชีวิตและหน้าที่การงานของตัวเอง จากนั้นโชคชะตาหรือพล็อตเรื่องก็จะพาตัวละครไปเจอกับคุณมานูลและคาเฟมาร์เนิล

    คุณมานูล ศูนย์กลางของเรื่อง เดิมเคยเป็นมนุษย์ชื่อ คาวาตานิ ไอซาวะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง นางเลือก 'ลาออก' จากการเป็นมนุษย์ มาอยู่ในร่างของแมวมานูล (Manul) หรืออีกชื่อคือแมวพัลลาส (Pallas's cat) และรับดูดวงด้วยสารพัดวิธี ไม่ว่าจะใช้ไพ่ ลูกแก้ว หรือเครื่องเสี่ยงเซียมซีรูเลตต์ พร้อมทั้งเปิดคาเฟ่ร่วมกับคนที่น่าจะเป็นสามีและลูกสาว (ส่วนชื่อคาเฟ่ ทำไมถึงชื่อ "มาร์เนิล" แทนที่จะเป็น "มานูล" ตรงนี้ในหนังสือมีอธิบายไว้ แต่สั้น ๆ คือเป็นมุกที่เล่นกับตัวเขียนญี่ปุ่นแบบคาตาคานะ ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้แปลที่พยายามเรียบเรียงเป็นไทยให้ใกล้เคียงโดยไม่เสียอรรถรสของต้นฉบับ)

    เนื้อเรื่องแต่ละตอนดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ เริ่มจากแนะนำตัวละครและชีวิตประจำวันที่เจ้าตัวไม่พึงพอใจเท่าไร จากนั้นตัวละครก็จะได้เจอคุณมานูลช่วยทำนายดวงชะตาพร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบคร่าว ๆ เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งตัวละครจะทำตามและอะไร ๆ ก็ดูจะดีขึ้นจริง ๆ แต่แล้วก็จะมีเหตุสักอย่างให้ชีวิตตัวละครกลับไปเป็นแบบตอนต้นเรื่องหรือเผลอ ๆ เหมือนจะดูแย่ลง และทำให้ตัวละครได้รับการชี้แนะจากคุณมานูลเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคราวนี้เรื่องก็จะดูจบตอนแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนแแบบอนิเมะในทีวีที่ฉายเป็นตอน ๆ หรือการ์ตูนต่อสู้อย่างเซเลอร์มูนช่วงแรก ๆ ที่จะมีตัวร้ายประจำสัปดาห์ (Monster of the week) มาให้ตัวเอกปราบ

    นิยายประเภทสถานที่ฮีลใจมักมีตัวละครประจำตอนที่แแตกต่างกันทั้งช่วงอายุและอาชีพ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของคนอ่านในกลุ่มต่าง ๆ นิยายเล่มนี้ก็เช่นกัน ทั้ง 5 ตอนมีตัวละครตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ผู้เขียนคคาดหวังว่าจะรวมอยู่ในหมู่คนอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย และถึงแม้ปัญหาที่ตัวละครในเรื่องเผชิญอาจไม่ตรงกับเรื่องที่คนอ่านในช่วงวัยเดียวกันเจอในชีวิตจริงทั้งหมด แต่ข้อคิดและคำแนะนำจากคุณมานููลในแต่ละตอนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน

    ----------

    "เยียวยาจิตใจในสถานที่ที่มอบความสุข"
    🃏The Star + 🃏Ten of Cups

    The Star คือดวงดาว จึงเป็นไพ่ตัวแทนหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเรามักเชื่อมโยงกับดาว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความโด่งดัง หรือความหวัง แต่มันก็มีอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ "การเยียวยา" ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนไพ่ 10 ถ้วย โดยทั่วไปมักหมายถึงบ้านหรือครอบครัว แต่บางกรณีก็สื่อถึง "ความสุขอย่างเต็มเปี่ยม" โดยเป็นความสุขที่มาจากกลุ่มคนที่อยู่กันสนิทชิดเชื้อเหมือนเป็นครอบครัว (แบบใน "แฟ้มเมอะหลี่" ของพี่ดอม ทอร์เรตโต แห่งซีรีส์ Fast & Furious) หรือจากาสถานที่มีผู้พร้อมจะส่งมอบความสุขให้ผู้อื่น

    คาเฟ่มาร์เนิลของคุณมานูลลงล็อกพอดีกับคำจำกัดความของสถานที่แบบที่ว่า แต่ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ข้างบน ๆ นิยายเรื่องนี้ผลิตซ้ำ Trope ของสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนในการแก้ปัญหาและเยียวยาจิตใจ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมกันในวงการวรรณกรรมฝั่งเอเชียตะวันออก แต่ละเรื่องอาจมีสถานที่ต่างกันไป บางเรื่องเป็นคาเฟ่ บางเรื่องเป็นร้านเบเกอรี่ บ้างเรื่องเป็นร้านหนังสือหรือห้องสมุด แต่ทุกเรื่องจบลงที่ตัวละครซึ่งไปเยือนสถานที่นั้น ๆ ได้เยียวยาบาดแผลหรือปมปัญหาในใจ หรือได้ปลดล็อกอะไรสักอย่างที่ติดค้างอยู่

    น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ในชีวิตจริงซึ่งไม่ได้มีมนตร์วิเศษอยู่ (อย่างน้อยก็ในแบบที่มักเกิลอย่างเรา ๆ จับต้องและพิสูจน์ได้) คนเราก็มีสถานที่สำหรับเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำและแตกร้าว นอกจากกลับบ้านไปหาครอบครัวแล้ว ที่อื่นที่คนมักไปเพื่อฮีลใจตัวเอง เช่น คาเฟ่ ซุ้มหมอดู (หรือบางคนก็ทักไปหาหมอดูทางออนไลน์) และที่ใดก็ตามที่มีแมวอยู่ กล่าวอีกอย่างคือ คาเฟ่ การดูดวง และแมว คือ Top 3 แห่งเครื่องเยียวยาจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบัน (ซึ่งจะเรียกว่าเป็นยุคทุนนิยมหรือยุคโพสต์โมเดิร์นก็ตามแต่)

    และสามอย่างที่ว่านี้ นอกจากในนิยายซีรีส์ "ร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง" แล้ว ก็มีคุณมานูลในนิยายเรื่องนี้ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว เหมือนผู้เขียนจงใจ หรือไม่ก็สร้างไว้ให้คนอ่านที่ชอบ Overanalyze ได้สังเกตและทึกทักเอา

    ----------

    "โชคชะตาไม่สำคัญเมื่อเธอนั้นกลายเป็นแมว"
    🃏Wheel of Fortune

    ไพ่วงล้อแห่งโชคชะตาเป็นใบหนึ่งที่ท้าทายสกิลการอ่านและตีความไพ่ของผู้อ่านไพ่มากที่สุด บางบริบท มันสื่อถึงการที่โชคชะตากำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าช่วงนั้นดวงกกำลังดี ๆ อยู่ มันก็อาจเป็นคำเตือนในระวังถึงขาลงของชีวิตที่ส่อแววมาแต่ไกล โดยรวมแล้ว ไพ่ใบนี้สื่อถึง "โชคชะตา" ในภาพรวม ซึ่งโดยตัวมันเองไม่มีดีหรือร้าย แต่ที่เรามองว่าดีหรือร้ายก็เพราะเรามองจากมุมมองของตัวเรา ถ้าเรามองเรื่องที่เกิดกับคนอื่น หรือมองตัวเองอย่างเป็นภววิสัย เราก็คงมองว่าททุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ เดี๋ยวมีดี เดี๋ยวมีร้าย ไม่แน่ไม่นอน เผลอ ๆ คาดเดาไม่ได้ (หากเราเชื่อตาม Chaos Theory) และด้วยเหตุนี้ ไพ่ใบนี้จึงหมายรวมถึงการพยากรณ์ การดูดวง หรือการตรวจสอบดวงชะตาเช่นกัน

    ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนผมไหม ตอนเห็นชื่อหนังสือฉบับแปลไทยครั้งแรก ก็คิดว่าคุณมานูลน่าจะเป็นตัวละครประเภทกวน ๆ ที่ทำนายดวงตรงมั่งมั่วมั่ง (แต่สุดท้ายก็ช่วยให้ตัวละครในแต่ละตอนได้มีความสุขอยู่ดี ตามแนวทางของนิยายฮีลใจแบบนี้) แต่พอได้อ่านจริงก็พบว่านางเป็นคาแรกเตอร์ประเภทกวน ๆ จริง กวนแบบน่ารัก ๆ ชนิดที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากมีเพื่อนสนิทแบบนี้สักคนสองคน ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะหายไปคือการทำนายแบบมั่ว ๆ เพราะเท่าที่อ่านเจอในเรื่อง คุณมานูลไม่เคยทำนายดวงชะตาให้ตัวละครไหนแบบมั่ว ๆ เลย อย่างมากคือทำนายแบบส่งเดช พอให้เห็นว่ามีการใช้อุปกรณ์ทำนาย (อันนี้พูดในฐานะคนที่ทุกวันนี้รายรอบด้วยคนในวงการนักพยากรณ์ และเคยเจอหมอดูที่ทำนายแบบมั่วซั่วมาจนมากเกินจะนับด้วยนิ้วมือรวมนิ้วเท้าได้) อันที่จริงชื่อต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นของนิยายเรื่องนี้แปลตรงตัวแค่ว่า "คุณมานูลผู้ลาออกจากการเป็นมนุษย์จะทำนายดวงชะตาให้คุณ" ด้วยซ้ำ

    อย่างไรก็ตาม คุณมานูลตลอดทั้งเรื่องจะเล่นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่หมอดูทุกศาสตร์ทุกแขนงควรเป็นในตัว (ถ้ายังไม่เป็นก็ควรฝึกตัวเองให้เป็น หรือไป take course เสียโดยด่วน โปรดรู้ว่าสังคมทุกวันนี้กำลังต้องการมาก) นั่นคือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและสังคม เนื้อเรื่องไม่เคยฟันธงว่าคุณมานูลดูดวงเป็นจริง ๆ หรือไม่ แต่เรื่องแสดงให้เห็นว่านางดูคนเป็น เข้าใจว่าแต่ละคนกำลังขาดหรือล้นเกินในเรื่องอะไร ซึ่งก็น่าจะเป็นทักษะที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยนางยังเป็นมนุษย์ และจากตรงนี้ นางจึงให้คำแนะนำแบบแมว ๆ ให้แต่ละตัวละครรับไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองอย่างตรงจุด

    เนื้อเรื่องไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณไอซาวะลาออกจากการเป็นมนุษย์แล้วผันตัวมาเป็นแมวมานูล แต่เมื่อดูจากคำใบ้ในแต่ละตอน (โดยเฉพาะตอนสุดท้าย) ผมมองว่านางคงเบื่อชีวิตมนุษย์ที่วัน ๆ ได้แต่ไหลไปตามสิ่งรอบข้างอย่างกระแสสังคม ความควาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้าง (ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่เรารับมากระทำกับตัวเราเอง) ตลอดจนการยอมจำนนต่อ "โชคชะตา" เดี๋ยวดวงดี เดี๋ยวดวงซวย ช่วงนี้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกาลกิณี ฯลฯ

    ในเมื่อมีแต่มนุษย์ที่ปวดหัววุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้ แต่แมวใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องนำพาต่อสิ่งเหล่านี้ นางก็เลยเลิกเป็นมนุษย์แล้วเป็นแมวซะดื้อ ๆ แต่ครั้นจะเป็นแมวพันธุ์ธรรมดา ๆ พื้น ๆ ก็ไม่เอา เลยขอเป็นพันธุ์หายากอย่างแมวมานูล และพอเป็นแมวแล้ว นางเลยสามารถมองเรื่องราววุ่น ๆ ของมนุษย์ได้อย่างเป็นกลาง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบชิล ๆ แต่ตรงประเด็นได้

    ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะขึ้นชื่อว่ามีหมอดูอยู่ แต่เนื้อเรื่องแทบไม่เกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา (จริง ๆ) เลย กลับกัน มันแนะแนววิธีการใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ดวง เหมือนที่แมวไม่แคร์วิถีชีวิตของมนุษย์ แต่พร้อมกันนั้น มันก็ให้คำแนะนำที่ดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นหมอดูและอยากเป็นหมอดูครับ

    ----------

    Final Verdict: 🃏The Sun + 🃏The World + 🃏The Star + 🃏Ten of Cups + 🃏Wheel of Fortune

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' จะช่วยให้คุณเข้าใจความจริงว่า ต่อให้โลกนี้จะหมุนไปและชีวิตนำพาอะไรมาให้คุณ แต่คุณก็สามารถเฉิดฉายในแบบของตัวเองและมีความสุขทุกวันได้ ขอแค่คุณปล่อยจอยกับชีวิต คิดเสียว่าลาออกจากการมนุษย์แล้วทำตัวเหมือนเป็นแมวเสีย เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แค่เวลาจำกัด แล้วทำไม เราต้องปล่อยให้เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว (เมื่อเทียบกับเวลาของจักรวาล) มาขัดจังหวะการเก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันของเราด้วย จริงไหม?

    🃏🃏🃏🃏🃏
    แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่งคาเฟมาร์เนิล (2025)
    • แปลจาก: 人間やめたマヌルさんが、あなたの人生占います (2023)
    • ผู้เขียน: ฮัตสึกิ โอโตะ
    • ผู้แปล: วิลาสินี จงสถิตวัฒนา
    • สำนักพิมพ์: Lumi (ในเครือนานมีบุ๊คส์)
    ไพ่ที่ใช้: ไพ่ทาโรต์แถมพิเศษเฉพาะฉบับพิมพ์ครั้งแรกของนิยายเรื่องนี้
    วรรณกรรมประเภทหนึ่งที่ตอนนี้มีเยอะมากโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี) แต่ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร คือเรื่องแนวฟีลกู๊ดประเภทสถานที่เยียวยาจิตใจ ไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกจิตใจหยาบกระด้างหรือชอบเสพแต่ความดาร์กและความสยอง แต่เพราะผมมองว่าตัวเองพอดักทางได้ว่าเรื่องพวกนั้นมี "สาร" อย่างไร ต้องการสอนผู้อ่านอย่างไร ทั้งนี้ก็จะมีบางเรื่องที่เป็นข้อยกเว้น หนึ่งในนั้นคือคาเฟ่ของแม่หมอมานูล 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' โดย อัตสึกิ โอโตะ เป็นนิยายแบบที่ผมคงไม่สนใจในแวบแรก ถ้าไม่ใช่เพราะโดนล่อตาล่อใจจากของแถมที่ทาง สนพ. บอกว่ามีเฉพาะในรอบพิมพ์ครั้งแรกเท่านั้น นั่นคือ ไพ่ทาโรต์ขนาดเล็ก ๆ 5 ใบที่เป็นภาพคุณมานูล แมวหมอดูตัวเอกประจำเรื่อง ข้อนี้เลยเป็นตัวแปรสำคัญให้ผมเปิดใจรับหนังสือเล่มนี้มาบรรจุเข้าชั้นที่บ้าน ไหน ๆ ก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมก็เห็นว่ามันควรค่าแก่การรีวิวในแบบของไพ่เราเผาเรื่อง แต่รอบนี้จะต่างจากครั้งอื่น ๆ ตรงที่ผมจะไม่ใช้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์สำรับใด ๆ ในคลัง แต่จะใช้ไพ่แถม 5 ใบที่มากับหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือประกอบการ "เผาเรื่อง" โดยสับไพ่แล้วสุ่มหยิบตามลำดับ ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' ด้วยไพ่แถมสุดน่ารักทั้ง 5 ใบ ได้ ณ บัดนี้ครับ ---------- "เรื่องจบในตอนพร้อมข้อคิดดี ๆ" 🃏The Sun + 🃏The World ในไพ่ทาโรต์ 78 ใบ The Sun เป็นไพ่ที่ความหมายดีรอบด้านในอันดับต้น ๆ แต่ไพ่ใบนี้ยังสื่อถึง "ความจริง" และ "ข้อคิดที่เป็นประโยชน์" ได้ด้วย ส่วน The World ในฐานะไพ่ใบสุดท้ายของไพ่ชุดหลัก (Major Arcana) จึงมักสื่อความถึง "จุดสิ้นสุด" และ "ความสมบูรณ์" แต่มันไม่ใช่การตัดจบแบบบริบูรณ์หรือ Happily Ever After ทว่าเป็นการจบลงของบทหนึ่งเพื่อที่จะเข้าสู่บทถัดไป 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' มีลักษณะการเขียนแบบที่มักเจอใน Fiction ประเภทสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนได้ฮีลใจ นั่นคือเป็นนวนิยายแบบเนื้อเรื่องจบในตอน (Episodic novel) โดยแต่ละตอนมักจะมีข้อคิดจรรโลงใจหรือมุมมองที่น่าสนใจแตกต่างกัน บางครั้งต่างตอนก็มีสารหรือข้อคิดสำหรับคนต่างกลุ่มต่างจำพวก หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง 5 บท แต่ละบทสามารถอ่านแยกในฐานะเรื่องสั้นที่จบสมบูรณ์ในตัวเองได้ แต่ตอนหลัง ๆ ก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่อเนื่องจากตอนก่อน ๆ ตัวละครดำเนินเรื่องในแต่ละตอนมีช่วงอายุ บทบาท และปัญหาคาใจแตกต่างกัน มีทั้งเด็กมัธยมที่หาทาง fit in ในสังคมห้องเรียน อินฟลูเอนเซอร์สาว ซิงเกิลมัม ไปจนถึงวัยกลางคนที่กำลังสับสนกับทิศทางชีวิตและหน้าที่การงานของตัวเอง จากนั้นโชคชะตาหรือพล็อตเรื่องก็จะพาตัวละครไปเจอกับคุณมานูลและคาเฟมาร์เนิล คุณมานูล ศูนย์กลางของเรื่อง เดิมเคยเป็นมนุษย์ชื่อ คาวาตานิ ไอซาวะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง นางเลือก 'ลาออก' จากการเป็นมนุษย์ มาอยู่ในร่างของแมวมานูล (Manul) หรืออีกชื่อคือแมวพัลลาส (Pallas's cat) และรับดูดวงด้วยสารพัดวิธี ไม่ว่าจะใช้ไพ่ ลูกแก้ว หรือเครื่องเสี่ยงเซียมซีรูเลตต์ พร้อมทั้งเปิดคาเฟ่ร่วมกับคนที่น่าจะเป็นสามีและลูกสาว (ส่วนชื่อคาเฟ่ ทำไมถึงชื่อ "มาร์เนิล" แทนที่จะเป็น "มานูล" ตรงนี้ในหนังสือมีอธิบายไว้ แต่สั้น ๆ คือเป็นมุกที่เล่นกับตัวเขียนญี่ปุ่นแบบคาตาคานะ ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้แปลที่พยายามเรียบเรียงเป็นไทยให้ใกล้เคียงโดยไม่เสียอรรถรสของต้นฉบับ) เนื้อเรื่องแต่ละตอนดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ เริ่มจากแนะนำตัวละครและชีวิตประจำวันที่เจ้าตัวไม่พึงพอใจเท่าไร จากนั้นตัวละครก็จะได้เจอคุณมานูลช่วยทำนายดวงชะตาพร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบคร่าว ๆ เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งตัวละครจะทำตามและอะไร ๆ ก็ดูจะดีขึ้นจริง ๆ แต่แล้วก็จะมีเหตุสักอย่างให้ชีวิตตัวละครกลับไปเป็นแบบตอนต้นเรื่องหรือเผลอ ๆ เหมือนจะดูแย่ลง และทำให้ตัวละครได้รับการชี้แนะจากคุณมานูลเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคราวนี้เรื่องก็จะดูจบตอนแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนแแบบอนิเมะในทีวีที่ฉายเป็นตอน ๆ หรือการ์ตูนต่อสู้อย่างเซเลอร์มูนช่วงแรก ๆ ที่จะมีตัวร้ายประจำสัปดาห์ (Monster of the week) มาให้ตัวเอกปราบ นิยายประเภทสถานที่ฮีลใจมักมีตัวละครประจำตอนที่แแตกต่างกันทั้งช่วงอายุและอาชีพ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของคนอ่านในกลุ่มต่าง ๆ นิยายเล่มนี้ก็เช่นกัน ทั้ง 5 ตอนมีตัวละครตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ผู้เขียนคคาดหวังว่าจะรวมอยู่ในหมู่คนอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย และถึงแม้ปัญหาที่ตัวละครในเรื่องเผชิญอาจไม่ตรงกับเรื่องที่คนอ่านในช่วงวัยเดียวกันเจอในชีวิตจริงทั้งหมด แต่ข้อคิดและคำแนะนำจากคุณมานููลในแต่ละตอนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน ---------- "เยียวยาจิตใจในสถานที่ที่มอบความสุข" 🃏The Star + 🃏Ten of Cups The Star คือดวงดาว จึงเป็นไพ่ตัวแทนหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเรามักเชื่อมโยงกับดาว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความโด่งดัง หรือความหวัง แต่มันก็มีอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ "การเยียวยา" ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนไพ่ 10 ถ้วย โดยทั่วไปมักหมายถึงบ้านหรือครอบครัว แต่บางกรณีก็สื่อถึง "ความสุขอย่างเต็มเปี่ยม" โดยเป็นความสุขที่มาจากกลุ่มคนที่อยู่กันสนิทชิดเชื้อเหมือนเป็นครอบครัว (แบบใน "แฟ้มเมอะหลี่" ของพี่ดอม ทอร์เรตโต แห่งซีรีส์ Fast & Furious) หรือจากาสถานที่มีผู้พร้อมจะส่งมอบความสุขให้ผู้อื่น คาเฟ่มาร์เนิลของคุณมานูลลงล็อกพอดีกับคำจำกัดความของสถานที่แบบที่ว่า แต่ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ข้างบน ๆ นิยายเรื่องนี้ผลิตซ้ำ Trope ของสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนในการแก้ปัญหาและเยียวยาจิตใจ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมกันในวงการวรรณกรรมฝั่งเอเชียตะวันออก แต่ละเรื่องอาจมีสถานที่ต่างกันไป บางเรื่องเป็นคาเฟ่ บางเรื่องเป็นร้านเบเกอรี่ บ้างเรื่องเป็นร้านหนังสือหรือห้องสมุด แต่ทุกเรื่องจบลงที่ตัวละครซึ่งไปเยือนสถานที่นั้น ๆ ได้เยียวยาบาดแผลหรือปมปัญหาในใจ หรือได้ปลดล็อกอะไรสักอย่างที่ติดค้างอยู่ น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ในชีวิตจริงซึ่งไม่ได้มีมนตร์วิเศษอยู่ (อย่างน้อยก็ในแบบที่มักเกิลอย่างเรา ๆ จับต้องและพิสูจน์ได้) คนเราก็มีสถานที่สำหรับเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำและแตกร้าว นอกจากกลับบ้านไปหาครอบครัวแล้ว ที่อื่นที่คนมักไปเพื่อฮีลใจตัวเอง เช่น คาเฟ่ ซุ้มหมอดู (หรือบางคนก็ทักไปหาหมอดูทางออนไลน์) และที่ใดก็ตามที่มีแมวอยู่ กล่าวอีกอย่างคือ คาเฟ่ การดูดวง และแมว คือ Top 3 แห่งเครื่องเยียวยาจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบัน (ซึ่งจะเรียกว่าเป็นยุคทุนนิยมหรือยุคโพสต์โมเดิร์นก็ตามแต่) และสามอย่างที่ว่านี้ นอกจากในนิยายซีรีส์ "ร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง" แล้ว ก็มีคุณมานูลในนิยายเรื่องนี้ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว เหมือนผู้เขียนจงใจ หรือไม่ก็สร้างไว้ให้คนอ่านที่ชอบ Overanalyze ได้สังเกตและทึกทักเอา ---------- "โชคชะตาไม่สำคัญเมื่อเธอนั้นกลายเป็นแมว" 🃏Wheel of Fortune ไพ่วงล้อแห่งโชคชะตาเป็นใบหนึ่งที่ท้าทายสกิลการอ่านและตีความไพ่ของผู้อ่านไพ่มากที่สุด บางบริบท มันสื่อถึงการที่โชคชะตากำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าช่วงนั้นดวงกกำลังดี ๆ อยู่ มันก็อาจเป็นคำเตือนในระวังถึงขาลงของชีวิตที่ส่อแววมาแต่ไกล โดยรวมแล้ว ไพ่ใบนี้สื่อถึง "โชคชะตา" ในภาพรวม ซึ่งโดยตัวมันเองไม่มีดีหรือร้าย แต่ที่เรามองว่าดีหรือร้ายก็เพราะเรามองจากมุมมองของตัวเรา ถ้าเรามองเรื่องที่เกิดกับคนอื่น หรือมองตัวเองอย่างเป็นภววิสัย เราก็คงมองว่าททุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ เดี๋ยวมีดี เดี๋ยวมีร้าย ไม่แน่ไม่นอน เผลอ ๆ คาดเดาไม่ได้ (หากเราเชื่อตาม Chaos Theory) และด้วยเหตุนี้ ไพ่ใบนี้จึงหมายรวมถึงการพยากรณ์ การดูดวง หรือการตรวจสอบดวงชะตาเช่นกัน ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนผมไหม ตอนเห็นชื่อหนังสือฉบับแปลไทยครั้งแรก ก็คิดว่าคุณมานูลน่าจะเป็นตัวละครประเภทกวน ๆ ที่ทำนายดวงตรงมั่งมั่วมั่ง (แต่สุดท้ายก็ช่วยให้ตัวละครในแต่ละตอนได้มีความสุขอยู่ดี ตามแนวทางของนิยายฮีลใจแบบนี้) แต่พอได้อ่านจริงก็พบว่านางเป็นคาแรกเตอร์ประเภทกวน ๆ จริง กวนแบบน่ารัก ๆ ชนิดที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากมีเพื่อนสนิทแบบนี้สักคนสองคน ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะหายไปคือการทำนายแบบมั่ว ๆ เพราะเท่าที่อ่านเจอในเรื่อง คุณมานูลไม่เคยทำนายดวงชะตาให้ตัวละครไหนแบบมั่ว ๆ เลย อย่างมากคือทำนายแบบส่งเดช พอให้เห็นว่ามีการใช้อุปกรณ์ทำนาย (อันนี้พูดในฐานะคนที่ทุกวันนี้รายรอบด้วยคนในวงการนักพยากรณ์ และเคยเจอหมอดูที่ทำนายแบบมั่วซั่วมาจนมากเกินจะนับด้วยนิ้วมือรวมนิ้วเท้าได้) อันที่จริงชื่อต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นของนิยายเรื่องนี้แปลตรงตัวแค่ว่า "คุณมานูลผู้ลาออกจากการเป็นมนุษย์จะทำนายดวงชะตาให้คุณ" ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คุณมานูลตลอดทั้งเรื่องจะเล่นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่หมอดูทุกศาสตร์ทุกแขนงควรเป็นในตัว (ถ้ายังไม่เป็นก็ควรฝึกตัวเองให้เป็น หรือไป take course เสียโดยด่วน โปรดรู้ว่าสังคมทุกวันนี้กำลังต้องการมาก) นั่นคือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและสังคม เนื้อเรื่องไม่เคยฟันธงว่าคุณมานูลดูดวงเป็นจริง ๆ หรือไม่ แต่เรื่องแสดงให้เห็นว่านางดูคนเป็น เข้าใจว่าแต่ละคนกำลังขาดหรือล้นเกินในเรื่องอะไร ซึ่งก็น่าจะเป็นทักษะที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยนางยังเป็นมนุษย์ และจากตรงนี้ นางจึงให้คำแนะนำแบบแมว ๆ ให้แต่ละตัวละครรับไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองอย่างตรงจุด เนื้อเรื่องไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณไอซาวะลาออกจากการเป็นมนุษย์แล้วผันตัวมาเป็นแมวมานูล แต่เมื่อดูจากคำใบ้ในแต่ละตอน (โดยเฉพาะตอนสุดท้าย) ผมมองว่านางคงเบื่อชีวิตมนุษย์ที่วัน ๆ ได้แต่ไหลไปตามสิ่งรอบข้างอย่างกระแสสังคม ความควาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้าง (ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่เรารับมากระทำกับตัวเราเอง) ตลอดจนการยอมจำนนต่อ "โชคชะตา" เดี๋ยวดวงดี เดี๋ยวดวงซวย ช่วงนี้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกาลกิณี ฯลฯ ในเมื่อมีแต่มนุษย์ที่ปวดหัววุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้ แต่แมวใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องนำพาต่อสิ่งเหล่านี้ นางก็เลยเลิกเป็นมนุษย์แล้วเป็นแมวซะดื้อ ๆ แต่ครั้นจะเป็นแมวพันธุ์ธรรมดา ๆ พื้น ๆ ก็ไม่เอา เลยขอเป็นพันธุ์หายากอย่างแมวมานูล และพอเป็นแมวแล้ว นางเลยสามารถมองเรื่องราววุ่น ๆ ของมนุษย์ได้อย่างเป็นกลาง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบชิล ๆ แต่ตรงประเด็นได้ ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะขึ้นชื่อว่ามีหมอดูอยู่ แต่เนื้อเรื่องแทบไม่เกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา (จริง ๆ) เลย กลับกัน มันแนะแนววิธีการใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ดวง เหมือนที่แมวไม่แคร์วิถีชีวิตของมนุษย์ แต่พร้อมกันนั้น มันก็ให้คำแนะนำที่ดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นหมอดูและอยากเป็นหมอดูครับ ---------- Final Verdict: 🃏The Sun + 🃏The World + 🃏The Star + 🃏Ten of Cups + 🃏Wheel of Fortune 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' จะช่วยให้คุณเข้าใจความจริงว่า ต่อให้โลกนี้จะหมุนไปและชีวิตนำพาอะไรมาให้คุณ แต่คุณก็สามารถเฉิดฉายในแบบของตัวเองและมีความสุขทุกวันได้ ขอแค่คุณปล่อยจอยกับชีวิต คิดเสียว่าลาออกจากการมนุษย์แล้วทำตัวเหมือนเป็นแมวเสีย เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แค่เวลาจำกัด แล้วทำไม เราต้องปล่อยให้เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว (เมื่อเทียบกับเวลาของจักรวาล) มาขัดจังหวะการเก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันของเราด้วย จริงไหม? 🃏🃏🃏🃏🃏 แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่งคาเฟมาร์เนิล (2025) • แปลจาก: 人間やめたマヌルさんが、あなたの人生占います (2023) • ผู้เขียน: ฮัตสึกิ โอโตะ • ผู้แปล: วิลาสินี จงสถิตวัฒนา • สำนักพิมพ์: Lumi (ในเครือนานมีบุ๊คส์) ไพ่ที่ใช้: ไพ่ทาโรต์แถมพิเศษเฉพาะฉบับพิมพ์ครั้งแรกของนิยายเรื่องนี้
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำหรับผม ญี่ปุ่นและไทยคล้ายคลึงกันมากในปริมณฑลเรื่องเหนือธรรมชาติ ไทยเรามีภูตผีหลากหลายดีไซน์มากพอ ๆ กับโยไคของญี่ปุ่น ต่างกันแค่ผีญี่ปุ่นยังมีการรวมตัวเดินขบวนพาเหรดเป็น "ขบวนแห่ร้อยอสูร" (百鬼夜行 - เฮียกกิยาเกียว) จนเมื่อได้อ่านนิยายเล่มนี้เองที่ได้เจอเรื่องราวของขบวนแห่แบบที่ว่าในรูปผสมผสานสองเชื้อชาติ

    'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' โดย กันตชาต ชวนะวิรัช เป็นนวนิยายที่ได้รับคัดเลือกจาก บ.อมรินทร์ให้ตีพิมพ์ในโปรเจกต์ "ไทยเล่าไทยหลอน" เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในที่ที่เป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีตำนานท้องถิ่นกล่าวถึงขบวนแห่ร้อยผีที่มีผู้ร่วมขบวนทั้งผีไทยและผีญี่ปุ่น มีผู้นำขบวนคือ เทพอาคันตุกะ หรือนูราริเฮียง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งโยไคของญี่ปุ่น เล่ากันว่าหากคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษมองเห็นขบวนแห่ร้อยผีเข้า ก็จะโดนทั้งขบวนตามล่าเพื่อนำวิญญาณไปร่วมขบวนด้วย ในเนื้อเรื่อง อัญรินทร์เห็นขบวนแห่นี้และโดนหมายหัว อัคร น้องชายวัย ม.ปลาย ซึ่งมองเห็นวิญญาณได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่สาวหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผี แม้กระทั่งต้องเข้าไปซ่อนในบ้านเด็กกำพร้าผีสิงก็ตาม

    ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องผี มีคำว่า "ผี" อยู่ในชื่อเรื่อง แต่โทนเรื่องโดยรวมไม่ได้เน้นความน่ากลัวสยองขวัญเท่าไร (สำหรับผมอะนะ) ออกจะเป็นแฟนตาซีที่แฝงกลิ่นอายลึกลับแบบ Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิมากกว่า คงเพราะมีผีญี่ปุ่นอยู่ในเรื่องด้วย (แต่ก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่เอาจริง ๆ ถ้าเทียบแอร์ไทม์แล้ว ผีในขบวนแห่ร้อยผีกลับมีบทบาทน้อยกว่าผีที่ไม่ได้อยู่ในขบวนแห่เสียอีก) ทั้งนี้ ตอนจบทั้งสวยงามและปวดตับอย่างยิ่ง ต่อให้คุณพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ผมเชื่อว่าบทสุดท้ายก็น่าจะกระชากอารมณ์คุณไม่มากก็น้อย ยกเว้นก็แต่คุณจะอารมณ์ตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เป็นไซโคพาธ อี๋ย์ ไปให้พ้น ชิ่ว ๆ

    อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมจะรีวิวหนังสือ แต่ผมจะให้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์ในคลังของผมกำหนดประเด็นที่จะรีวิว วิจารณ์ หรือหยิบยกมาพูด แล้วผมจะนำมาแปลและถ่ายทอดต่ออีกที โดยสุ่มจับไพ่ 4 ใบ และใช้ไพ่ใต้กองอีก 1 ใบ

    สำหรับนิยายเล่มนี้ ซึ่งมีภูตผีญี่ปุ่นมาเกี่ยวข้อง ผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมถ้าใช้ไพ่ที่มีธีมเป็นผีญี่ปุ่นมาทำการ "เผาเรื่อง" นั่นคือไพ่ชุด 'Yokai Tarot' โดย สนพ.Lo Scarabeo จากอิตาลี

    ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' ด้วย 'Yokai Tarot' ได้ ณ บัดนี้ครับ

    ----------

    "หลอกลวงคนอ่านอย่าง(เกือบ)แนบเนียน"
    🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance

    ไพ่ Magician ของ Yokai Tarot เลือกหน้าไพ่เป็นปีศาจทานุกิ ซึ่งเป็นโยไคที่ขึ้นชื่อเรื่องการแปลงร่างไปหลอกลวงหรือแกล้งมนุษย์ ตรงกับความหมายในแง่ "การหลอกลวง" ของไพ่นักมายากล ส่วนไพ่ Temperance มีหน้าไพ่เป็น "นิงเกียว" หรือก็คือนางเงือกแบบญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเนื้อของเงือกญี่ปุ่นจะทำให้อายุยืนยาวหรือถึงขั้นเป็นอมตะ แต่เฉพาะในบริบทของไพ่แห่งความพอดี เงือกคือตัวตนที่แสดงถึงความสอดประสานกันอย่างลงตัว กลมเกลียว และ "แนบเนียน" ระหว่างสิ่งตรงข้าม ไม่ว่าจะคนและปลา หรือบกและน้ำ

    'เฮียกกิยาเกียว' เป็นนิยายที่ไม่ได้ใส่ผีมาหลอกตัวละครในเรื่องอย่างเดียว แต่ตัวมันยังพยายามหลอกคนอ่านอย่างเราให้เข้าใจผิดเกือบตลอดเวลา ซึ่งก็มาพร้อมกับ Plot twists หรือการหักมุมหลายตลบ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักแบบคอพับ 180 องศาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ระหว่างทาง เนื้อเรื่องจะแอบหยอดรายละเอียดที่ค่อย ๆ นำไปสู่การเฉลยปมหักมุมแต่ละเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้อ่านที่ช่างสังเกตและช่างคิด รวมถึงมีชั่วโมงบินเยอะ ก็อาจคาดเดาจุดหักมุมแต่ละจุดได้ไม่ยาก รวมถึง Plot twist ใหญ่ในหน้า 226

    นอกจากนี้ ผมชอบเป็นพิเศษที่ไพ่ Temperance ขึ้นมาในหัวข้อนี้พอดี ความหมายหลักอย่างหนึ่งของไพ่ใบนี้คือ "ความกลมเกลียว" และ "การสอดประสานกันอย่างลงตัว" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายได้ดีอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างสังคมมนุษย์กับสังคมผีในนิยายเรื่องนี้ เนื้อเรื่องบรรยายว่าชุมชนในเรื่องเป็นที่ที่ผีและคนอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนบางครั้งพรมแดนระหว่าง 2 ภพก็พร่าเลือนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้ง 2 ฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งนี่ก็เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนใช้หลอกลวงคนอ่านด้วย (แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ได้สปอยล์สาระสำคัญของเรื่องแต่อย่างใด ;) )

    ----------

    "บูรณาการตำนาน(ผี)จากสองชาติ"
    🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles)

    โยไคบนหน้าไพ่ราชินีเหรียญของชุด Yokai Tarot คือ "ยามะฮิเมะ" (เจ้าหญิงแห่งขุนเขา) ซึ่งมีบทบาทคล้าย ๆ วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาในไทยเรา เป็นผู้ปกปักรักษาสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ภูเขาของตน ทั้งป่าดงพงไพร พืช สัตว์ รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยในบริเวณนั้นและเคารพบูชานาง บทบาทตามตำนานความเชื่อของโยไคตนนี้ตรงกับความหมายของไพ่ราชินีเหรียญในแง่การเป็นผูปกปักรักษา บำรุงเลี้ยงดู ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับความหมายด้านธรรมชาติของไพ่ใบนี้ด้วย ส่วนในบริบทของนิยายเรื่องนี้ ผมตีความว่าไพ่ใบนี้สื่อถึงสิ่งที่เป็นเสมือนธรรมชาติเก่าแก่ในชุมชนท้องที่ต่าง ๆ ซึ่งก็คือวัฒนธรรม ตำนาน คติชน และเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่มีมาแต่โบราณในท้องที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในท้องถิ่นหวนแหนและดูแลสืบต่อไปยังชนรุ่นหลัง

    ส่วนไพ่ 3 เหรียญเป็นภาพของ "อิปปงดาตาระ" โยไคตาเดียวขาเดียวที่ว่ากันว่าเคยเป็นช่างฝีมือมาก่อน แต่แกทุ่มเทให้กับงานที่ทำมากเกินไปจนสูญเสียดวงตากับขาไปอย่างละข้าง ไพ่ชุดนี้นำโยไคตนนี้มาเชื่อมโยงกับไพ่ 3 เหรียญในแง่ที่ตัวมันเป็นภูตที่มีที่มาจากช่างฝีมือ ซึ่งเป็นความหมายหนึ่งของไพ่ใบนี้ ส่วนอีกความหมายที่รู้จักกันมากกว่าคือ "การร่วมมือ" (รวมถึงงานประเภทคอลแลบฯ ระหว่างศิลปิน) และ "การบูรณาการ"

    ไพ่สองใบนี้รวมกัน จึงสื่อถึง การบูรณาการของตำนานความเชื่อเก่าแก่ ซึ่งในบริบทของ 'เฮียกกิยาเกียว' มันก็คือการบูรณาการความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีของไทยและญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นขบวนแห่ร้อยผีประจำนิยายเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรื่องที่ต้องชื่นชมความช่างคิดของผู้เขียนจริง ๆ

    ในขบวนแห่ร้อยผี นอกจากจะมีโยไคญี่ปุ่นอย่างนูราริเฮียงแล้ว ยังมีผีไทยที่คนภาคกลางอาจไม่คุ้นเคยเท่าไร เช่น ผีม้าบ้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้าคล้ายเซนทอร์ของกรีก (ในนิยายเล่มนี้เรียกผีม้าบ้องว่า "เซนทอร์แห่งล้านนา" ด้วยซ้ำ) หรือแมวจะกละ แมวดำที่ทำให้มนุษย์ที่ได้สัมผัสร่างต้องพบความตายอย่างน่าสยดสยอง นอกจากนั้นยังมีผีบางตนที่มีอยู่ในทั้งเรื่องผีของไทยและญี่ปุ่นอย่างผีกระสือ ซึ่งเวอร์ชันของญี่ปุ่นเรียกว่า "นูเกะคูบิ"

    นอกจากนั้น นิยายเรื่องนี้ยังบูรณาการเรื่องจริงที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วย โดยเชื่อมโยงกับชีวิตของยามาดะ นางามาสะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข (ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อว่า ฉากท้องเรื่องของเรื่องนี้อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช)

    ----------

    "บางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น"
    ใต้กอง: 🃏Judgement

    ไพ่ใต้กองของการเปิดไพ่ "เผาเรื่อง" ครั้งนี้คือไพ่ Judgement ซึ่งเป็นภาพของโยไคชื่อ "คิโยะฮิเมะ" นางเป็นปีศาจงูที่ไปตกหลุมรักพระรูปหนึ่งอย่างจัง แต่พระหนุ่มไม่เล่นด้วย ทิ้งนางอย่างไม่ไยดี นางจึงตามล่าพระหนุ่มไปทั่วญี่ปุ่น จนในที่สุด พระหนุ่มไปหลบซ่อนในระฆังวัด แต่นางก็หาเจอ และคลายขนดหางออกมารัดระฆัง ก่อนจะพ่นไฟออกมาย่างสดพระหนุ่ม โหดฉิบ แต่ใด ๆ คือ ไพ่ชุดนี้เลือกวีรกรรมการตามล่าเหยื่ออย่างไม่ลดไม่ละของนางมาเชื่อมโยงกับความหมายของไพ่ Judgement ในด้านการมาถึงของบางสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม อาจเป็นความจริงหรือสัจธรรมของจักรวาล

    การถูกตามล่าโดยบางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น คือแก่นเรื่องของ 'เฮียกกิยาเกียว' ใครก็ตามที่มองเห็นขบวนแห่ร้อยผี (ยกเว้นผู้มีตาทิพย์หรือสัมผัสพิเศษ) จะต้องถูกตามล่าไปตลอดกาล จนกว่าภูตผีในขบวนจะจับตัวและพาไปร่วมขบวนได้ อาจมีบางช่วงเวลาหรือเงื่อนไขที่ช่วยให้ยืดเวลาหรือหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผีได้ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราว

    เมื่ออ่านนิยายเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คนอ่านจะพบว่า ไม่ได้มีแค่อัครและอัญรินทร์ สองตัวละครเอกที่พยายามหนีจากขบวนแห่ร้อยผี มีคนอื่นที่เคยพบเจอและพยายามหนีจากพวกมันด้วย รวมทั้งมีตัวละครอื่นที่พยายามหลบหนีจากอะไรอย่างอื่น แต่ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลบหนีพ้น ดังนั้นจึงมีทางเลือกแค่หาทางหนีประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ หรือยอมจำนน

    ----------

    Final Verdict: 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance + 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) + 🃏Judgement (ใต้กอง)

    'เฮียกกิยาเกียว' เป็นเรื่องที่นำตำนานความเชื่อและเรื่องเหล่าอันแตกต่างหลากหลายมาผสมผสานและบูรณาการเข้าด้วยกันอย่าชาญฉลาดและลงตัว พร้อมกับทำให้ปิดเล่มไปด้วยความจรรโลงใจและการตระหนักซึ่งในสัจธรรมบางประการ

    🃏🃏🃏🃏🃏
    เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง (2025)
    • ผู้เขียน: กันตชาต ชวนะวิรัช
    • สำนักพิมพ์: Prism (ในเครืออมรินทร์)
    ไพ่ที่ใช้: Yokai Tarot (2024) ผลิตและจัดจำหน่ายโดย Lo Scarabeo Tarot
    สำหรับผม ญี่ปุ่นและไทยคล้ายคลึงกันมากในปริมณฑลเรื่องเหนือธรรมชาติ ไทยเรามีภูตผีหลากหลายดีไซน์มากพอ ๆ กับโยไคของญี่ปุ่น ต่างกันแค่ผีญี่ปุ่นยังมีการรวมตัวเดินขบวนพาเหรดเป็น "ขบวนแห่ร้อยอสูร" (百鬼夜行 - เฮียกกิยาเกียว) จนเมื่อได้อ่านนิยายเล่มนี้เองที่ได้เจอเรื่องราวของขบวนแห่แบบที่ว่าในรูปผสมผสานสองเชื้อชาติ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' โดย กันตชาต ชวนะวิรัช เป็นนวนิยายที่ได้รับคัดเลือกจาก บ.อมรินทร์ให้ตีพิมพ์ในโปรเจกต์ "ไทยเล่าไทยหลอน" เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในที่ที่เป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีตำนานท้องถิ่นกล่าวถึงขบวนแห่ร้อยผีที่มีผู้ร่วมขบวนทั้งผีไทยและผีญี่ปุ่น มีผู้นำขบวนคือ เทพอาคันตุกะ หรือนูราริเฮียง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งโยไคของญี่ปุ่น เล่ากันว่าหากคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษมองเห็นขบวนแห่ร้อยผีเข้า ก็จะโดนทั้งขบวนตามล่าเพื่อนำวิญญาณไปร่วมขบวนด้วย ในเนื้อเรื่อง อัญรินทร์เห็นขบวนแห่นี้และโดนหมายหัว อัคร น้องชายวัย ม.ปลาย ซึ่งมองเห็นวิญญาณได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่สาวหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผี แม้กระทั่งต้องเข้าไปซ่อนในบ้านเด็กกำพร้าผีสิงก็ตาม ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องผี มีคำว่า "ผี" อยู่ในชื่อเรื่อง แต่โทนเรื่องโดยรวมไม่ได้เน้นความน่ากลัวสยองขวัญเท่าไร (สำหรับผมอะนะ) ออกจะเป็นแฟนตาซีที่แฝงกลิ่นอายลึกลับแบบ Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิมากกว่า คงเพราะมีผีญี่ปุ่นอยู่ในเรื่องด้วย (แต่ก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่เอาจริง ๆ ถ้าเทียบแอร์ไทม์แล้ว ผีในขบวนแห่ร้อยผีกลับมีบทบาทน้อยกว่าผีที่ไม่ได้อยู่ในขบวนแห่เสียอีก) ทั้งนี้ ตอนจบทั้งสวยงามและปวดตับอย่างยิ่ง ต่อให้คุณพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ผมเชื่อว่าบทสุดท้ายก็น่าจะกระชากอารมณ์คุณไม่มากก็น้อย ยกเว้นก็แต่คุณจะอารมณ์ตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เป็นไซโคพาธ อี๋ย์ ไปให้พ้น ชิ่ว ๆ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมจะรีวิวหนังสือ แต่ผมจะให้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์ในคลังของผมกำหนดประเด็นที่จะรีวิว วิจารณ์ หรือหยิบยกมาพูด แล้วผมจะนำมาแปลและถ่ายทอดต่ออีกที โดยสุ่มจับไพ่ 4 ใบ และใช้ไพ่ใต้กองอีก 1 ใบ สำหรับนิยายเล่มนี้ ซึ่งมีภูตผีญี่ปุ่นมาเกี่ยวข้อง ผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมถ้าใช้ไพ่ที่มีธีมเป็นผีญี่ปุ่นมาทำการ "เผาเรื่อง" นั่นคือไพ่ชุด 'Yokai Tarot' โดย สนพ.Lo Scarabeo จากอิตาลี ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' ด้วย 'Yokai Tarot' ได้ ณ บัดนี้ครับ ---------- "หลอกลวงคนอ่านอย่าง(เกือบ)แนบเนียน" 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance ไพ่ Magician ของ Yokai Tarot เลือกหน้าไพ่เป็นปีศาจทานุกิ ซึ่งเป็นโยไคที่ขึ้นชื่อเรื่องการแปลงร่างไปหลอกลวงหรือแกล้งมนุษย์ ตรงกับความหมายในแง่ "การหลอกลวง" ของไพ่นักมายากล ส่วนไพ่ Temperance มีหน้าไพ่เป็น "นิงเกียว" หรือก็คือนางเงือกแบบญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเนื้อของเงือกญี่ปุ่นจะทำให้อายุยืนยาวหรือถึงขั้นเป็นอมตะ แต่เฉพาะในบริบทของไพ่แห่งความพอดี เงือกคือตัวตนที่แสดงถึงความสอดประสานกันอย่างลงตัว กลมเกลียว และ "แนบเนียน" ระหว่างสิ่งตรงข้าม ไม่ว่าจะคนและปลา หรือบกและน้ำ 'เฮียกกิยาเกียว' เป็นนิยายที่ไม่ได้ใส่ผีมาหลอกตัวละครในเรื่องอย่างเดียว แต่ตัวมันยังพยายามหลอกคนอ่านอย่างเราให้เข้าใจผิดเกือบตลอดเวลา ซึ่งก็มาพร้อมกับ Plot twists หรือการหักมุมหลายตลบ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักแบบคอพับ 180 องศาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ระหว่างทาง เนื้อเรื่องจะแอบหยอดรายละเอียดที่ค่อย ๆ นำไปสู่การเฉลยปมหักมุมแต่ละเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้อ่านที่ช่างสังเกตและช่างคิด รวมถึงมีชั่วโมงบินเยอะ ก็อาจคาดเดาจุดหักมุมแต่ละจุดได้ไม่ยาก รวมถึง Plot twist ใหญ่ในหน้า 226 นอกจากนี้ ผมชอบเป็นพิเศษที่ไพ่ Temperance ขึ้นมาในหัวข้อนี้พอดี ความหมายหลักอย่างหนึ่งของไพ่ใบนี้คือ "ความกลมเกลียว" และ "การสอดประสานกันอย่างลงตัว" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายได้ดีอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างสังคมมนุษย์กับสังคมผีในนิยายเรื่องนี้ เนื้อเรื่องบรรยายว่าชุมชนในเรื่องเป็นที่ที่ผีและคนอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนบางครั้งพรมแดนระหว่าง 2 ภพก็พร่าเลือนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้ง 2 ฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งนี่ก็เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนใช้หลอกลวงคนอ่านด้วย (แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ได้สปอยล์สาระสำคัญของเรื่องแต่อย่างใด ;) ) ---------- "บูรณาการตำนาน(ผี)จากสองชาติ" 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) โยไคบนหน้าไพ่ราชินีเหรียญของชุด Yokai Tarot คือ "ยามะฮิเมะ" (เจ้าหญิงแห่งขุนเขา) ซึ่งมีบทบาทคล้าย ๆ วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาในไทยเรา เป็นผู้ปกปักรักษาสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ภูเขาของตน ทั้งป่าดงพงไพร พืช สัตว์ รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยในบริเวณนั้นและเคารพบูชานาง บทบาทตามตำนานความเชื่อของโยไคตนนี้ตรงกับความหมายของไพ่ราชินีเหรียญในแง่การเป็นผูปกปักรักษา บำรุงเลี้ยงดู ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับความหมายด้านธรรมชาติของไพ่ใบนี้ด้วย ส่วนในบริบทของนิยายเรื่องนี้ ผมตีความว่าไพ่ใบนี้สื่อถึงสิ่งที่เป็นเสมือนธรรมชาติเก่าแก่ในชุมชนท้องที่ต่าง ๆ ซึ่งก็คือวัฒนธรรม ตำนาน คติชน และเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่มีมาแต่โบราณในท้องที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในท้องถิ่นหวนแหนและดูแลสืบต่อไปยังชนรุ่นหลัง ส่วนไพ่ 3 เหรียญเป็นภาพของ "อิปปงดาตาระ" โยไคตาเดียวขาเดียวที่ว่ากันว่าเคยเป็นช่างฝีมือมาก่อน แต่แกทุ่มเทให้กับงานที่ทำมากเกินไปจนสูญเสียดวงตากับขาไปอย่างละข้าง ไพ่ชุดนี้นำโยไคตนนี้มาเชื่อมโยงกับไพ่ 3 เหรียญในแง่ที่ตัวมันเป็นภูตที่มีที่มาจากช่างฝีมือ ซึ่งเป็นความหมายหนึ่งของไพ่ใบนี้ ส่วนอีกความหมายที่รู้จักกันมากกว่าคือ "การร่วมมือ" (รวมถึงงานประเภทคอลแลบฯ ระหว่างศิลปิน) และ "การบูรณาการ" ไพ่สองใบนี้รวมกัน จึงสื่อถึง การบูรณาการของตำนานความเชื่อเก่าแก่ ซึ่งในบริบทของ 'เฮียกกิยาเกียว' มันก็คือการบูรณาการความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีของไทยและญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นขบวนแห่ร้อยผีประจำนิยายเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรื่องที่ต้องชื่นชมความช่างคิดของผู้เขียนจริง ๆ ในขบวนแห่ร้อยผี นอกจากจะมีโยไคญี่ปุ่นอย่างนูราริเฮียงแล้ว ยังมีผีไทยที่คนภาคกลางอาจไม่คุ้นเคยเท่าไร เช่น ผีม้าบ้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้าคล้ายเซนทอร์ของกรีก (ในนิยายเล่มนี้เรียกผีม้าบ้องว่า "เซนทอร์แห่งล้านนา" ด้วยซ้ำ) หรือแมวจะกละ แมวดำที่ทำให้มนุษย์ที่ได้สัมผัสร่างต้องพบความตายอย่างน่าสยดสยอง นอกจากนั้นยังมีผีบางตนที่มีอยู่ในทั้งเรื่องผีของไทยและญี่ปุ่นอย่างผีกระสือ ซึ่งเวอร์ชันของญี่ปุ่นเรียกว่า "นูเกะคูบิ" นอกจากนั้น นิยายเรื่องนี้ยังบูรณาการเรื่องจริงที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วย โดยเชื่อมโยงกับชีวิตของยามาดะ นางามาสะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข (ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อว่า ฉากท้องเรื่องของเรื่องนี้อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช) ---------- "บางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น" ใต้กอง: 🃏Judgement ไพ่ใต้กองของการเปิดไพ่ "เผาเรื่อง" ครั้งนี้คือไพ่ Judgement ซึ่งเป็นภาพของโยไคชื่อ "คิโยะฮิเมะ" นางเป็นปีศาจงูที่ไปตกหลุมรักพระรูปหนึ่งอย่างจัง แต่พระหนุ่มไม่เล่นด้วย ทิ้งนางอย่างไม่ไยดี นางจึงตามล่าพระหนุ่มไปทั่วญี่ปุ่น จนในที่สุด พระหนุ่มไปหลบซ่อนในระฆังวัด แต่นางก็หาเจอ และคลายขนดหางออกมารัดระฆัง ก่อนจะพ่นไฟออกมาย่างสดพระหนุ่ม โหดฉิบ แต่ใด ๆ คือ ไพ่ชุดนี้เลือกวีรกรรมการตามล่าเหยื่ออย่างไม่ลดไม่ละของนางมาเชื่อมโยงกับความหมายของไพ่ Judgement ในด้านการมาถึงของบางสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม อาจเป็นความจริงหรือสัจธรรมของจักรวาล การถูกตามล่าโดยบางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น คือแก่นเรื่องของ 'เฮียกกิยาเกียว' ใครก็ตามที่มองเห็นขบวนแห่ร้อยผี (ยกเว้นผู้มีตาทิพย์หรือสัมผัสพิเศษ) จะต้องถูกตามล่าไปตลอดกาล จนกว่าภูตผีในขบวนจะจับตัวและพาไปร่วมขบวนได้ อาจมีบางช่วงเวลาหรือเงื่อนไขที่ช่วยให้ยืดเวลาหรือหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผีได้ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราว เมื่ออ่านนิยายเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คนอ่านจะพบว่า ไม่ได้มีแค่อัครและอัญรินทร์ สองตัวละครเอกที่พยายามหนีจากขบวนแห่ร้อยผี มีคนอื่นที่เคยพบเจอและพยายามหนีจากพวกมันด้วย รวมทั้งมีตัวละครอื่นที่พยายามหลบหนีจากอะไรอย่างอื่น แต่ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลบหนีพ้น ดังนั้นจึงมีทางเลือกแค่หาทางหนีประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ หรือยอมจำนน ---------- Final Verdict: 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance + 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) + 🃏Judgement (ใต้กอง) 'เฮียกกิยาเกียว' เป็นเรื่องที่นำตำนานความเชื่อและเรื่องเหล่าอันแตกต่างหลากหลายมาผสมผสานและบูรณาการเข้าด้วยกันอย่าชาญฉลาดและลงตัว พร้อมกับทำให้ปิดเล่มไปด้วยความจรรโลงใจและการตระหนักซึ่งในสัจธรรมบางประการ 🃏🃏🃏🃏🃏 เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง (2025) • ผู้เขียน: กันตชาต ชวนะวิรัช • สำนักพิมพ์: Prism (ในเครืออมรินทร์) ไพ่ที่ใช้: Yokai Tarot (2024) ผลิตและจัดจำหน่ายโดย Lo Scarabeo Tarot
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    .
    ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade
    .
    “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม”
    .
    ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค
    .
    อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/
    .
    “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ”
    .
    “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995”
    .
    “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย”
    .
    “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น”
    .
    “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่”
    .
    “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย”
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา . ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade . “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม” . ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค . อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/ . “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ” . “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995” . “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย” . “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น” . “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่” . “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย” . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 3: ประชาคมอาเซียนในระเบียบโลกใหม่
    ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก

    ✅ การขยายกำลังการผลิต:
    - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่
    - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้

    ✅ ความสำคัญของ ABF:
    - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์
    - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU

    ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
    - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
    - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก ✅ การขยายกำลังการผลิต: - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่ - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้ ✅ ความสำคัญของ ABF: - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์ - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์ที่วิศวกร Microsoft ลุกขึ้นประท้วงในงานฉลองครบรอบ 50 ปี สร้างคำถามสำคัญเกี่ยวกับการใช้ AI ในบริบทสงคราม เธอกล่าวหาว่า Microsoft มีส่วนร่วมในสิ่งที่เรียกว่าการละเมิดจริยธรรม AI ผ่านการใช้งานในด้านทหาร ท่ามกลางกระแสประท้วงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและจริยธรรมในยุคที่ AI มีบทบาทสำคัญต่อมนุษยชาติ

    ✅ เนื้อหาในคำประท้วง:
    - Aboussad ตั้งข้อกล่าวหาว่า AI ของ Microsoft ถูกใช้งานโดย กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ซึ่งมีรายงานการใช้ AI สำหรับการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองและการโจมตีทางทหาร
    - เธออธิบายว่า การมีส่วนร่วมนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีและทำให้ความเสียหายมีความรุนแรงมากขึ้น

    ✅ การตอบสนองของ Suleyman:
    - แม้จะถูกกล่าวหาอย่างหนัก Suleyman ยังคงรักษาท่าทีสงบ และขอบคุณผู้ประท้วงที่แสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม Aboussad ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกจากงานในเวลาต่อมา

    ✅ ผลกระทบในชุมชน Microsoft:
    - หลังจากเหตุการณ์ เธอได้ส่งอีเมลถึงพนักงาน Microsoft หลายร้อยคนเพื่ออธิบายการกระทำของเธอ โดยระบุถึง ปัญหาในการกดขี่เสียงของพนักงานกลุ่มอาหรับ ปาเลสไตน์ และมุสลิม ในบริษัท

    ✅ ปัญหาเชิงจริยธรรมของ AI:
    - การประท้วงเชื่อมโยงกับการรายงานโดย Associated Press เกี่ยวกับข้อตกลงมูลค่า 133 ล้านดอลลาร์ระหว่าง Microsoft กับอิสราเอล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้งาน AI ในการเฝ้าระวังและวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรอง

    == บริบทในวงการเทคโนโลยี ==
    ✅ กระแสการประท้วงในบริษัทเทคโนโลยีใหญ่:
    - ไม่ใช่แค่ Microsoft แต่บริษัทอย่าง Google และ Amazon ก็เคยเผชิญกับการประท้วงคล้ายกัน เช่น กรณี Project Nimbus ซึ่งเป็นสัญญา cloud กับรัฐบาลอิสราเอล

    ✅ Microsoft และการจัดการประเด็นจริยธรรม:
    - Microsoft ยังคงยืนยันว่า บริษัทปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทางจริยธรรม ในการพัฒนา AI อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107426-employee-calls-microsoft-ai-boss-war-profiteer-during.html
    เหตุการณ์ที่วิศวกร Microsoft ลุกขึ้นประท้วงในงานฉลองครบรอบ 50 ปี สร้างคำถามสำคัญเกี่ยวกับการใช้ AI ในบริบทสงคราม เธอกล่าวหาว่า Microsoft มีส่วนร่วมในสิ่งที่เรียกว่าการละเมิดจริยธรรม AI ผ่านการใช้งานในด้านทหาร ท่ามกลางกระแสประท้วงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและจริยธรรมในยุคที่ AI มีบทบาทสำคัญต่อมนุษยชาติ ✅ เนื้อหาในคำประท้วง: - Aboussad ตั้งข้อกล่าวหาว่า AI ของ Microsoft ถูกใช้งานโดย กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ซึ่งมีรายงานการใช้ AI สำหรับการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองและการโจมตีทางทหาร - เธออธิบายว่า การมีส่วนร่วมนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีและทำให้ความเสียหายมีความรุนแรงมากขึ้น ✅ การตอบสนองของ Suleyman: - แม้จะถูกกล่าวหาอย่างหนัก Suleyman ยังคงรักษาท่าทีสงบ และขอบคุณผู้ประท้วงที่แสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม Aboussad ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกจากงานในเวลาต่อมา ✅ ผลกระทบในชุมชน Microsoft: - หลังจากเหตุการณ์ เธอได้ส่งอีเมลถึงพนักงาน Microsoft หลายร้อยคนเพื่ออธิบายการกระทำของเธอ โดยระบุถึง ปัญหาในการกดขี่เสียงของพนักงานกลุ่มอาหรับ ปาเลสไตน์ และมุสลิม ในบริษัท ✅ ปัญหาเชิงจริยธรรมของ AI: - การประท้วงเชื่อมโยงกับการรายงานโดย Associated Press เกี่ยวกับข้อตกลงมูลค่า 133 ล้านดอลลาร์ระหว่าง Microsoft กับอิสราเอล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้งาน AI ในการเฝ้าระวังและวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรอง == บริบทในวงการเทคโนโลยี == ✅ กระแสการประท้วงในบริษัทเทคโนโลยีใหญ่: - ไม่ใช่แค่ Microsoft แต่บริษัทอย่าง Google และ Amazon ก็เคยเผชิญกับการประท้วงคล้ายกัน เช่น กรณี Project Nimbus ซึ่งเป็นสัญญา cloud กับรัฐบาลอิสราเอล ✅ Microsoft และการจัดการประเด็นจริยธรรม: - Microsoft ยังคงยืนยันว่า บริษัทปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทางจริยธรรม ในการพัฒนา AI อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107426-employee-calls-microsoft-ai-boss-war-profiteer-during.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Employee calls Microsoft AI boss a "war profiteer" during 50th-anniversary speech
    A Microsoft employee interrupted the company's 50th-anniversary celebration to protest its artificial intelligence initiatives, accusing the company of complicity in war crimes. The disruption occurred during an...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กลายเป็นทั้งเครื่องมือช่วยเหลือและความท้าทายสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย บางคนใช้เพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ในขณะที่คนอื่นกังวลว่า AI อาจลดทักษะการคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน การใช้ AI อย่างชาญฉลาดและการมีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับข้อดีและข้อเสียเหล่านี้

    == ข้อดีของการใช้ AI ในงานวิชาการ ==

    ✅ ประหยัดเวลา:
    - AI ช่วยลดระยะเวลาในการทำวิจัยแบบพื้นฐาน โดยช่วยจัดโครงสร้างไอเดียและสรุปเนื้อหา ทำให้นักศึกษาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญ เช่น โครงการวิจัยปริญญาโทหรือปริญญาเอก

    ✅ ช่วยตรวจสอบงาน:
    - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ เช่น ในโจทย์คณิตศาสตร์หรือโปรแกรมมิ่ง

    ✅ ช่วยพัฒนาความเข้าใจ:
    - สำหรับผู้ที่มีปัญหาทักษะภาษา AI ช่วยให้พวกเขาเข้าใจเนื้อหาและสามารถแสดงความคิดเห็นในงานวิชาการได้ดีขึ้น

    ✅ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้:
    - AI อาจช่วยลดความเครียดและเพิ่มโอกาสในกิจกรรมเสริม เช่น งานพาร์ทไทม์หรือกิจกรรมอาสา

    == ข้อเสียและความเสี่ยงของการพึ่งพา AI ==

    ✅ ความเสี่ยงของข้อมูลผิดพลาด:
    - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (hallucination) ซึ่งดูเหมือนน่าเชื่อถือ แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นความจริง นักศึกษาจึงต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยตัวเอง

    ✅ ขาดความลึกซึ้งในความคิด:
    - การใช้ AI ในการสร้างงานแบบสำเร็จรูปอาจส่งผลให้นักศึกษาเสียโอกาสพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์

    ✅ การพึ่งพามากเกินไป:
    - การใช้ AI อย่างหนักอาจทำให้นักศึกษาไม่พัฒนา “พื้นฐานการเรียนรู้” ที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในงานวิชาการ

    == บทบาทของมหาวิทยาลัยและผู้สอน: ==

    ✅ มหาวิทยาลัยควรมีบทบาทชัดเจนในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน AI เช่น การจัดหลักสูตรเกี่ยวกับ prompt engineering และการสอนวิธีการใช้ AI อย่างเหมาะสม

    ✅ ผู้สอนบางคนมองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ควรใช้ในระยะเริ่มต้น เพื่อกระตุ้นความคิดและแรงบันดาลใจ แต่ไม่ควรนำมาใช้สร้างงานขั้นสุดท้าย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/borrowed-brainpower-m039sian-uni-students-weigh-the-pros-and-cons-of-ai-use-in-coursework
    AI กลายเป็นทั้งเครื่องมือช่วยเหลือและความท้าทายสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย บางคนใช้เพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ในขณะที่คนอื่นกังวลว่า AI อาจลดทักษะการคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน การใช้ AI อย่างชาญฉลาดและการมีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับข้อดีและข้อเสียเหล่านี้ == ข้อดีของการใช้ AI ในงานวิชาการ == ✅ ประหยัดเวลา: - AI ช่วยลดระยะเวลาในการทำวิจัยแบบพื้นฐาน โดยช่วยจัดโครงสร้างไอเดียและสรุปเนื้อหา ทำให้นักศึกษาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญ เช่น โครงการวิจัยปริญญาโทหรือปริญญาเอก ✅ ช่วยตรวจสอบงาน: - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ เช่น ในโจทย์คณิตศาสตร์หรือโปรแกรมมิ่ง ✅ ช่วยพัฒนาความเข้าใจ: - สำหรับผู้ที่มีปัญหาทักษะภาษา AI ช่วยให้พวกเขาเข้าใจเนื้อหาและสามารถแสดงความคิดเห็นในงานวิชาการได้ดีขึ้น ✅ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้: - AI อาจช่วยลดความเครียดและเพิ่มโอกาสในกิจกรรมเสริม เช่น งานพาร์ทไทม์หรือกิจกรรมอาสา == ข้อเสียและความเสี่ยงของการพึ่งพา AI == ✅ ความเสี่ยงของข้อมูลผิดพลาด: - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (hallucination) ซึ่งดูเหมือนน่าเชื่อถือ แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นความจริง นักศึกษาจึงต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยตัวเอง ✅ ขาดความลึกซึ้งในความคิด: - การใช้ AI ในการสร้างงานแบบสำเร็จรูปอาจส่งผลให้นักศึกษาเสียโอกาสพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ ✅ การพึ่งพามากเกินไป: - การใช้ AI อย่างหนักอาจทำให้นักศึกษาไม่พัฒนา “พื้นฐานการเรียนรู้” ที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในงานวิชาการ == บทบาทของมหาวิทยาลัยและผู้สอน: == ✅ มหาวิทยาลัยควรมีบทบาทชัดเจนในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน AI เช่น การจัดหลักสูตรเกี่ยวกับ prompt engineering และการสอนวิธีการใช้ AI อย่างเหมาะสม ✅ ผู้สอนบางคนมองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ควรใช้ในระยะเริ่มต้น เพื่อกระตุ้นความคิดและแรงบันดาลใจ แต่ไม่ควรนำมาใช้สร้างงานขั้นสุดท้าย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/borrowed-brainpower-m039sian-uni-students-weigh-the-pros-and-cons-of-ai-use-in-coursework
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Borrowed brainpower? M'sian uni students debate the pros and cons of AI use
    Diving into what drives student AI usage amid concerns that it may be eroding their critical thinking and creativity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ

    ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD)
    - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า
    - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ

    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน
    - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว
    - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์

    ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล
    - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี
    - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต

    == ความท้าทายของโครงการ ==
    ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน
    - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน

    ✅ การจัดหา Helium-3
    - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
    - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ

    Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD) - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต == ความท้าทายของโครงการ == ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน ✅ การจัดหา Helium-3 - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่ https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nuclear rocket Pulsar Fusion Sunbird could fly 12 grown men to Pluto in just four years
    Pulsar Fusion's Sunbird project was shown off recently, which will be a nuclear-powered rocket concept capable of carrying up to 12 grown men to Pluto in just four years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 06-04-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.28(มาตามนัด..ไม่มีโดด 4)

    เขยิบซะทีขั้วใหม่ เป็นไปตามแผน จีน-รัสเซีน ประกาศศักดา รักของเราจะไม่มีเหี้ยมาแทรกได้ตลอดไป นัยยะคือ หลังอิหร่าน โสมแดง จับมือเป็นโรงงานผลิตอาวุธขย่มเหี้ย จีนเดินสายโลจิสติคโลกต่อ รัสเซียควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ มองภาพใหญ่ มรึงจะเห็นการล่าถอยของฝ่ายขั้วเก่าชัดเจน ไอ้สงครามที่เห็นอยู่ตอนนี้ และที่ผ่านมา มันชี้ชัดแล้วว่า "ใครกำลังจะปิดเกมส์" นี่คือสิ่งที่ศรีธนญชัย และอาเซียน กำลังรอเปลี่ยนขั้วเบ็ดเสร็จอยู่ อำนาจการปกครองปชต.ตอแหลจะหมดไป ไทยจะนำโลกสู่การวิวัฒนาการใหม่ พ่อปกครองลูกฉบับ 5.1 หัวเป็นแต่งตั้ง หางเป็นเลือกตั้ง เพราะมันเห็นชัดแล้วว่า "คุณสมบัติของควายไม่เหมาะจะเลือกผู้นำ" ส่งคืนพระราชอำนาจเมื่อไหร่ ไทยปลดแอกเหี้ยทันที ตอนนี้ แค่อเมริกายืนให้ได้ ยังยาก เพราะเสือกไปสร้างเงื่อนไขไว้เพี๊ยบ เมื่อไม่มีใครคบ เหี้ยรู้ดีว่าจะรอดต้องพึ่งพาขั้วใหม่ อย่าคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นไม่ได้ โลกความจริง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความอยู่รอดของตัวเอง อเมริกา รัสเซีย จีน จะหยุดทะเลาะกันเปลือกนอก แต่หลังฉาก มรึงเผลอกูแทง จะเป็นไปเช่นนี้เสมอ กรีนแลนด์จะเป็นจุดล่อแหลม อยากให้กูช่วยมรึงมั้ยล่ะ? ยุโรปต้านเหี้ยไม่อยู่ดอก รัสเซีย จีน อยู่นิ่งๆ พอ รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

    ทั้งโลกขอบคุณ อีทรัมปป์ สงครามกำแพงภาษีที่มรึงก่อไว้ตอนนี้ ทำให้โลกหันมาจับมือกันเอง ซื้อ-ขายกันเอง แล้วมรึงก็หมาไงล่ะ? ใครมันจะโง่สั่งซื้อสินค้าราคาโคตรแพงเกินจริงแถมห่วยบัดซบ ยุโรปหนีไม่รอด ยังไงก็ต้องใข้บริการจีน เพราะเป็นทางเลือกเดียวที่จะอุ้มได้จริง เข้าสู่ BRICS ทันที ดอลล่าร์กลายเป็นสิ่งต้องห้ามโลก นั่นโลกถึงจะเปลี่ยนมือของจริง ส่วนอเมริการบราฆ่าฟันกันเอง กรรมเก่าที่มรึงไปปล้นดินแดนชาวอินเดียนแดงเค้ามา ฆ่าเป็นล้าน สภาพเดียวกัน อนิจจัง! ไทยจะเป็นฮับอาเซียนเหรอ? ดูสัญญานจากอะไร? จีนจะเปิดโรงงานเพิ่มขึ้น อาเซียนจะก่อตัว รมด้วยช่วยกัน หลังพม่าโดนล่อหนัก สูญเสียไปเยอะ อีขะแมร์ความมั่นคงการเมืองสั่นคลอน ลาวเจอพิษเศรษฐกิจ ทั้ง 3 ดินแดนนี้ มีโอกาสจะเข้าผนวกกับไทยบางส่วน โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย ปัญหาพิพากเรื่องพรมแดนจะเริ่มเจรจากันอย่างจริงจัง เพื่อลดความขัดแย้ง เข้าสู่โหมดช่วยกันทำมาหาแดร๊กกันต่อดีกว่ามั้ย? ทั้งหมดจะเกิดขึ้น ด้วยเงื่อนไขเดียว เหี้ยต้องตายก่อนไงล่ะ? นี่แหละที่เค้ารอ และยังไม่ลงมือทำอะไรตอนนี้ หากเหี้ยจนตรอก หันมาเปิดศึกแปซิฟิค คือจบทันที มรึงต้องยกขบวนกองทัพใหญ่ขนาดไหน ถึงจะมาต้านแสนยานุภาพขั้วใหม่ได้ หลังบ้านมรึงรั่วทันที

    อเมริกาเจ๊งยับ ยุโรปล่มสลาย เหลือใครล่ะ ที่ค้ำจุนโลกได้ หากไม่ใช่ กลุ่ม BRICS ซึ่งไม่มีผลกระทบจากแผนล้างโลกอีทรัมปป์ ยิ่งบีบให้สมาชิกเพิ่มขึ้น หลายชาติทิ้งดอลล่าร์มากขึ้น SCO จะก้าวกระโดด ไม่มีกองทัพใด ที่มีแสนยานุภาพมากเท่านี้อีกแล้ว ขั้วใหม่จะเดินเกมส์สวนทางแผนอีทรัมปป์ทันที ปัญหาคือบรรดาลิ่วล่อเหี้ยทั้งหลาย ต่างจับตัวกันต่อต้านอีทรัมปป์แล้ว ทั้งอียุ่นปี่ อีโสมขาว อีแคน มันจะส่งผลกระทบถึงแผนความมั่นคงแปซิฟิค และแผนปิดมหาสมุทรอินเดียของสหรัฐ รัสเซียยิ้ม เหี้ยต้องมากราบตรีนเพื่อความอยู่รอด จะเป็นใครก่อน อีทรัมปป์ หรือยุโรป? ด้านบ้านทรายทอง ม็อบเริ่มเดินสวนสนามกันแล้ว ไม่ใช่แค่ล้ม "กาสิโอ๊ะ" แต่จะเขี่ยอีรัฐบาลเถื่อนลงถังขยะทันที สูตร น้ำเงิน ส้ม แดง ขอให้มาจริงเฮอะ กูท้า? จะได้ไปกันให้หมดทั้งคอกเหี้ย กระแสคืนพระราชอำนาจจะกลับมาแรงอีกครั้ง ชูกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน ทุกอย่างพิมพ์เขียวเค้าเขียนรอไว้แล้ว รอแค่ละครปิดฉาก คือเดินหน้าทันที เหี้ยยังอยู่ ยังไม่ใช่เวลาออกตัวแรง รอเหี้ยแตกแผ่นดินเมื่อไหร่ รัสเซีย จีน ขึ้นแท่นอย่างเป็นทางการปุ๊บ นั่นแหละ หางจะโผล่ทันที ศรีธนญชัยจะเป็นผู้นำชาติอาเซียนในการเปลี่ยนแปลงการปกครองรูปแบบใหม่ ไม่แน่ ทั้งอีขะแมร์ ลาว หม่อง อาจจะดึงสถาบันกษัตริย์กลับมาอีกครั้ง ตามแบบไทยโมเดล นี่คือสิ่งที่ผู้คนรอคอย

    ตัวอย่างดี๊ดี..เพ่อัจ แฉยับ รมต.บินลอดช่อง ไปฟาดกาสิโอ๊ะ โดนเค้าหลอกฟัน 7 ล้าน 5 ผีพนันเข้าสิงเหรอจ๊ะ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับมาแดร๊กต่อได้อีกหลายสิบล้าน สรุปนักการเมืองหาเงินไปส่งส่วยบ่อนเหรอจ๊ะ? แล้วมรึงจะไม่ให้ผลัดใบแผ่นดินได้อย่างไร หันซ้ายก็เหี้ย หันขวาก็เหี้ย มีแต่เหี้ยเต็มสภา เหี้ยปกครองควาย นี่ไง ปชต.ตอแหลที่มรึงใฝ่ฝัน ยังไม่หนำใจพอ..เพ่อัจ หลังสงกรานต์ มรึงเจอกูแน่ ไอ้อีบนเรือขาเสี้ยน วอนส้นตรีน จัดหนัก จัดเต็ม ให้ 2 ดอกใหญ่ ไม่ต้องหนี ดีออก? เค้าเตรียมคุกรอไว้ให้มรึงนานแล้ว เตรียมเปิดลายแทง "แผนฆาตกรรมอำพรางผีอีโมตั้งแต่ต้นจนจบ" งานนี้ ตายยกคอก เผ่นยกรัง ธุรกิจสีเทาโดนรวบหมด รายชื่อมีครบ ภาพถ่ายมีเยอะ เส้นทางการเงินมีเพี๊ยบ คลิปก็มี ภาพก็มา เสียงก็โผล่ มรึงจะเอาเหี้ยอะไรมาแถต่อได้อีกล่ะ? ผีอีโม ทิ้งทวน ก่อนจะไปขึ้นสรวจสวรรค์ เคลียร์เรื่องคาใจจบ หดมเคราะห์ หมดโศก รู้เช่นเห็นชาติ ผัวตัวเอง 3 วันจาก นารีเป็นอื่น แม่ขายลูกสาวแดร๊ก เพื่อนขายตัวให้เหี้ย ชีวิตบัดซบกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว ที่สุดของกรรมเก่ามรึง เอาให้จบในชาตินี้ ภพหน้าไปเป็นนางฟ้าอยู่ข้างบนน่ะ อย่าได้ลงมาอีกเลย

    แผนเรียกแขกอีทรัมปป์มาเต็ม CIVIL WAR ก็มา ยุโรปเตรียมป้องกันกรีนแลนด์ สงครามการค้ายุโรป-สหรัฐ สงครามล้างบาง DEEP STATE ตัดท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ แผนส่ง HAARP ทุบอาเซียน เศรษฐกิจเอเซีย แผนดันทองคำทะลุเพดานบิน แผนล่าแหล่งพลังงานทั่วโลก ไม่ว่าจะทำอะไรต่อ ทั้งหมดเพียงสิ่งเดียว คือยื้อดอลล่าร์สุดชีวิต รีดภาษี ลดเงินเดือนเจ้าหน้าที่ ตัดรายจ่ายอีลาทิ้งไป เพื่อเอาเงินไปโปะ กำหนดเส้นตายต่อดอกเบี้ยที่ไม่มีวันจ่ายหมด เพื่อหาโอกาสพิมพ์แบงค์กงเต๊กออกมาผยุงเศรษฐกิจเน่าอเมริโกย มรึงยิ่งทำยิ่งฉิบหาย อเมริกาหมดสภาพแล้ว อยู่ไปวันวัน ดอลล่าร์ไม่มีใครเอา มันคือจบแล้ว อาหรับโดดปกป้องอิหร่าน มรึงบุก กูสวนทันที อีมาครงกำลังดึงยุโรปตายห่าคาวงตรีน ท้ารบเหี้ยมะกัน ท้าตีรัสเซีย ระวังให้ดีดี เครมลินยกมา แล้วมรึงจะไร้แผ่นดินอยู่ อีเบียร์หมดสภาพแล้ว รอวันแตกเท่านั้น ไวรัส แผ่นดินไหว ก่อการร้าย สึนามิ น้ำท่วม ไฟป่า คลื่นความร้อน มาแน่ เพราะมันตั้งใจให้โลกเจ๊งให้หมด แล้วมา SET 0 กันใหม่ โดยไม่ต้องใข้หนี้ไงล่ะ แต่ถามขั้วใหม่รึยัง? ว่าใครอนุญาติให้มรึงทำ? ยูเรเซียกำลังจะมีบทบาทสำคัญโลก รัสเซียชงรอไว้แล้ว โลจิสติคสู่แอฟริกา เอเซีย ยุโรป ลาติน จัดเต็มคาราเบล พลังงานถูก ใครไม่เอากันล่ะ? เงื่อนไขปลดแอกดอลล่าร์ ฆ่า SWIFT

    ปล.มาอีกละ รอยเลื่อน "อาระกัน" มรึงไม่ต้องสงสัย มันมีของมันมานานแล้ว หากแต่อยู่ที่ใครไปกระตุ้นมันต่างหากล่ะ? รึว่านี่ คือแผนย้ายเมืองหลวงของศรีธนญชัยกันแน่ หลายอย่าง อย่าเชื่อแค่ตาเห็น บางอย่างอาจเป็นเราที่สมรู้ร่วมคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ในกลศึก ไม่มีผิดชอบ ชั่วดี สิ่งเดียวที่ทำคือความอยู่รอดของแผ่นดิน เพราะสังเกตุอะไรหลายอย่าง มันดูง่ายดายเกินไป มันดูเหมือนหน่วยความมั่นคงต้องการให้เกิดอะไรขึ้นงั้นแหละ แค่เซนส์มันบอก ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ดูทรงแล้ว มันต้องมีอะไรซ่อนไว้ในกอไผ่ชัวร์ แค่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาจะบอก จับตาละครการเมืองไทยและเทศ ให้ดีดี ทุกอย่างสอดคล้องกันเสมอ ไม่มีอะไรบังเอิญ และไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ทุกอย่างมีใบเสร็จเสมอ ต้องมีคนจ่าย ต้องมีคนชดใช้ รมต.คลังสวนกระแสอีทรัมปป์อาละวาด เร่งส่งออกไปสหรัฐเพิ่มขึ้น และนำเข้าปลาทูน่าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อปรับดุลการค้าให้สมดุล จากได้เปรียบ 70% ให้เหลือ 40% ดูภายนอกคือวินวินทุกฝ่าย แต่พอดูภายใน มันคือช่วยอุ้มเหี้ยนั่นแหละ ตี 2 หน้าดั่งเดิม แค่มรึงไม่ถล่มแผ่นดินไหวใส่กูเพิ่มก็พอแล้ว นี่ไง ทาสในเรือนเบี้ย ลีลาขัดใจ แต่แผ่นดินจะรอดปลอดภัย ได้จริงเหรอ? อยู่ที่มุมมอง ล่าสุด 7.1 ปาปัวมาแล้ว หวั่นเกิดคลื่นสึนามิ กระทบทั้งภูมิภาค โปรดสังเกตุ บทจะมา มาถี่ยิบได้เหรอ มันโจงครึ่มเกินไปเป่า? มารัว มาถี่ แบบนี้ มันกดปุ่มรีโมต ชัดๆ รอกูล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้างดีมั้ย? เอาให้ยุบทั้งแผ่นดิน ธรณีสูบกันไปเลย ไหนๆ จะเผาโลกกันแล้ว?

    หมี CNN(WTO เดือด เร่งประชุมเอาคืนอีทรัมปป์ ปั่นโลกเข้าไปสิ มรึงไม่รบ เดี๋ยวกูปล่อยของหมดหน้าตัก เอาให้เดือดร้อนทั้งโลก เกมส์โลกมาทรงหมาจนตรอก รัสเซีย จีน หากจะซ้ำอีทรัมปป์ คือตายคาตรีนชัวร์ แต่จะทำไปทำไม ปล่อยให้มันไล่ฆ่ากันเองกับ DEEP STATE ให้เสร็จก่อน ใครรอด ค่อยมาคุยกับกู ว่าจะเอายังไง? ทุกอย่างเข้าทางตรีนขั้วใหม่สุดติ่งกระดิ่งเหมี๊ยว แค่นิ่งเดี๋ยวชนะเอง อยู่ให้เป็น เย็นให้ได้ นิ่งเข้าไว้)
    06 เมษายน 68(วันจักรี..ถนนโล่งดีมั้ยจ๊ะ?)
    13.44 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    06-04-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.28(มาตามนัด..ไม่มีโดด 4) เขยิบซะทีขั้วใหม่ เป็นไปตามแผน จีน-รัสเซีน ประกาศศักดา รักของเราจะไม่มีเหี้ยมาแทรกได้ตลอดไป นัยยะคือ หลังอิหร่าน โสมแดง จับมือเป็นโรงงานผลิตอาวุธขย่มเหี้ย จีนเดินสายโลจิสติคโลกต่อ รัสเซียควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ มองภาพใหญ่ มรึงจะเห็นการล่าถอยของฝ่ายขั้วเก่าชัดเจน ไอ้สงครามที่เห็นอยู่ตอนนี้ และที่ผ่านมา มันชี้ชัดแล้วว่า "ใครกำลังจะปิดเกมส์" นี่คือสิ่งที่ศรีธนญชัย และอาเซียน กำลังรอเปลี่ยนขั้วเบ็ดเสร็จอยู่ อำนาจการปกครองปชต.ตอแหลจะหมดไป ไทยจะนำโลกสู่การวิวัฒนาการใหม่ พ่อปกครองลูกฉบับ 5.1 หัวเป็นแต่งตั้ง หางเป็นเลือกตั้ง เพราะมันเห็นชัดแล้วว่า "คุณสมบัติของควายไม่เหมาะจะเลือกผู้นำ" ส่งคืนพระราชอำนาจเมื่อไหร่ ไทยปลดแอกเหี้ยทันที ตอนนี้ แค่อเมริกายืนให้ได้ ยังยาก เพราะเสือกไปสร้างเงื่อนไขไว้เพี๊ยบ เมื่อไม่มีใครคบ เหี้ยรู้ดีว่าจะรอดต้องพึ่งพาขั้วใหม่ อย่าคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นไม่ได้ โลกความจริง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความอยู่รอดของตัวเอง อเมริกา รัสเซีย จีน จะหยุดทะเลาะกันเปลือกนอก แต่หลังฉาก มรึงเผลอกูแทง จะเป็นไปเช่นนี้เสมอ กรีนแลนด์จะเป็นจุดล่อแหลม อยากให้กูช่วยมรึงมั้ยล่ะ? ยุโรปต้านเหี้ยไม่อยู่ดอก รัสเซีย จีน อยู่นิ่งๆ พอ รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ทั้งโลกขอบคุณ อีทรัมปป์ สงครามกำแพงภาษีที่มรึงก่อไว้ตอนนี้ ทำให้โลกหันมาจับมือกันเอง ซื้อ-ขายกันเอง แล้วมรึงก็หมาไงล่ะ? ใครมันจะโง่สั่งซื้อสินค้าราคาโคตรแพงเกินจริงแถมห่วยบัดซบ ยุโรปหนีไม่รอด ยังไงก็ต้องใข้บริการจีน เพราะเป็นทางเลือกเดียวที่จะอุ้มได้จริง เข้าสู่ BRICS ทันที ดอลล่าร์กลายเป็นสิ่งต้องห้ามโลก นั่นโลกถึงจะเปลี่ยนมือของจริง ส่วนอเมริการบราฆ่าฟันกันเอง กรรมเก่าที่มรึงไปปล้นดินแดนชาวอินเดียนแดงเค้ามา ฆ่าเป็นล้าน สภาพเดียวกัน อนิจจัง! ไทยจะเป็นฮับอาเซียนเหรอ? ดูสัญญานจากอะไร? จีนจะเปิดโรงงานเพิ่มขึ้น อาเซียนจะก่อตัว รมด้วยช่วยกัน หลังพม่าโดนล่อหนัก สูญเสียไปเยอะ อีขะแมร์ความมั่นคงการเมืองสั่นคลอน ลาวเจอพิษเศรษฐกิจ ทั้ง 3 ดินแดนนี้ มีโอกาสจะเข้าผนวกกับไทยบางส่วน โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย ปัญหาพิพากเรื่องพรมแดนจะเริ่มเจรจากันอย่างจริงจัง เพื่อลดความขัดแย้ง เข้าสู่โหมดช่วยกันทำมาหาแดร๊กกันต่อดีกว่ามั้ย? ทั้งหมดจะเกิดขึ้น ด้วยเงื่อนไขเดียว เหี้ยต้องตายก่อนไงล่ะ? นี่แหละที่เค้ารอ และยังไม่ลงมือทำอะไรตอนนี้ หากเหี้ยจนตรอก หันมาเปิดศึกแปซิฟิค คือจบทันที มรึงต้องยกขบวนกองทัพใหญ่ขนาดไหน ถึงจะมาต้านแสนยานุภาพขั้วใหม่ได้ หลังบ้านมรึงรั่วทันที อเมริกาเจ๊งยับ ยุโรปล่มสลาย เหลือใครล่ะ ที่ค้ำจุนโลกได้ หากไม่ใช่ กลุ่ม BRICS ซึ่งไม่มีผลกระทบจากแผนล้างโลกอีทรัมปป์ ยิ่งบีบให้สมาชิกเพิ่มขึ้น หลายชาติทิ้งดอลล่าร์มากขึ้น SCO จะก้าวกระโดด ไม่มีกองทัพใด ที่มีแสนยานุภาพมากเท่านี้อีกแล้ว ขั้วใหม่จะเดินเกมส์สวนทางแผนอีทรัมปป์ทันที ปัญหาคือบรรดาลิ่วล่อเหี้ยทั้งหลาย ต่างจับตัวกันต่อต้านอีทรัมปป์แล้ว ทั้งอียุ่นปี่ อีโสมขาว อีแคน มันจะส่งผลกระทบถึงแผนความมั่นคงแปซิฟิค และแผนปิดมหาสมุทรอินเดียของสหรัฐ รัสเซียยิ้ม เหี้ยต้องมากราบตรีนเพื่อความอยู่รอด จะเป็นใครก่อน อีทรัมปป์ หรือยุโรป? ด้านบ้านทรายทอง ม็อบเริ่มเดินสวนสนามกันแล้ว ไม่ใช่แค่ล้ม "กาสิโอ๊ะ" แต่จะเขี่ยอีรัฐบาลเถื่อนลงถังขยะทันที สูตร น้ำเงิน ส้ม แดง ขอให้มาจริงเฮอะ กูท้า? จะได้ไปกันให้หมดทั้งคอกเหี้ย กระแสคืนพระราชอำนาจจะกลับมาแรงอีกครั้ง ชูกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน ทุกอย่างพิมพ์เขียวเค้าเขียนรอไว้แล้ว รอแค่ละครปิดฉาก คือเดินหน้าทันที เหี้ยยังอยู่ ยังไม่ใช่เวลาออกตัวแรง รอเหี้ยแตกแผ่นดินเมื่อไหร่ รัสเซีย จีน ขึ้นแท่นอย่างเป็นทางการปุ๊บ นั่นแหละ หางจะโผล่ทันที ศรีธนญชัยจะเป็นผู้นำชาติอาเซียนในการเปลี่ยนแปลงการปกครองรูปแบบใหม่ ไม่แน่ ทั้งอีขะแมร์ ลาว หม่อง อาจจะดึงสถาบันกษัตริย์กลับมาอีกครั้ง ตามแบบไทยโมเดล นี่คือสิ่งที่ผู้คนรอคอย ตัวอย่างดี๊ดี..เพ่อัจ แฉยับ รมต.บินลอดช่อง ไปฟาดกาสิโอ๊ะ โดนเค้าหลอกฟัน 7 ล้าน 5 ผีพนันเข้าสิงเหรอจ๊ะ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับมาแดร๊กต่อได้อีกหลายสิบล้าน สรุปนักการเมืองหาเงินไปส่งส่วยบ่อนเหรอจ๊ะ? แล้วมรึงจะไม่ให้ผลัดใบแผ่นดินได้อย่างไร หันซ้ายก็เหี้ย หันขวาก็เหี้ย มีแต่เหี้ยเต็มสภา เหี้ยปกครองควาย นี่ไง ปชต.ตอแหลที่มรึงใฝ่ฝัน ยังไม่หนำใจพอ..เพ่อัจ หลังสงกรานต์ มรึงเจอกูแน่ ไอ้อีบนเรือขาเสี้ยน วอนส้นตรีน จัดหนัก จัดเต็ม ให้ 2 ดอกใหญ่ ไม่ต้องหนี ดีออก? เค้าเตรียมคุกรอไว้ให้มรึงนานแล้ว เตรียมเปิดลายแทง "แผนฆาตกรรมอำพรางผีอีโมตั้งแต่ต้นจนจบ" งานนี้ ตายยกคอก เผ่นยกรัง ธุรกิจสีเทาโดนรวบหมด รายชื่อมีครบ ภาพถ่ายมีเยอะ เส้นทางการเงินมีเพี๊ยบ คลิปก็มี ภาพก็มา เสียงก็โผล่ มรึงจะเอาเหี้ยอะไรมาแถต่อได้อีกล่ะ? ผีอีโม ทิ้งทวน ก่อนจะไปขึ้นสรวจสวรรค์ เคลียร์เรื่องคาใจจบ หดมเคราะห์ หมดโศก รู้เช่นเห็นชาติ ผัวตัวเอง 3 วันจาก นารีเป็นอื่น แม่ขายลูกสาวแดร๊ก เพื่อนขายตัวให้เหี้ย ชีวิตบัดซบกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว ที่สุดของกรรมเก่ามรึง เอาให้จบในชาตินี้ ภพหน้าไปเป็นนางฟ้าอยู่ข้างบนน่ะ อย่าได้ลงมาอีกเลย แผนเรียกแขกอีทรัมปป์มาเต็ม CIVIL WAR ก็มา ยุโรปเตรียมป้องกันกรีนแลนด์ สงครามการค้ายุโรป-สหรัฐ สงครามล้างบาง DEEP STATE ตัดท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ แผนส่ง HAARP ทุบอาเซียน เศรษฐกิจเอเซีย แผนดันทองคำทะลุเพดานบิน แผนล่าแหล่งพลังงานทั่วโลก ไม่ว่าจะทำอะไรต่อ ทั้งหมดเพียงสิ่งเดียว คือยื้อดอลล่าร์สุดชีวิต รีดภาษี ลดเงินเดือนเจ้าหน้าที่ ตัดรายจ่ายอีลาทิ้งไป เพื่อเอาเงินไปโปะ กำหนดเส้นตายต่อดอกเบี้ยที่ไม่มีวันจ่ายหมด เพื่อหาโอกาสพิมพ์แบงค์กงเต๊กออกมาผยุงเศรษฐกิจเน่าอเมริโกย มรึงยิ่งทำยิ่งฉิบหาย อเมริกาหมดสภาพแล้ว อยู่ไปวันวัน ดอลล่าร์ไม่มีใครเอา มันคือจบแล้ว อาหรับโดดปกป้องอิหร่าน มรึงบุก กูสวนทันที อีมาครงกำลังดึงยุโรปตายห่าคาวงตรีน ท้ารบเหี้ยมะกัน ท้าตีรัสเซีย ระวังให้ดีดี เครมลินยกมา แล้วมรึงจะไร้แผ่นดินอยู่ อีเบียร์หมดสภาพแล้ว รอวันแตกเท่านั้น ไวรัส แผ่นดินไหว ก่อการร้าย สึนามิ น้ำท่วม ไฟป่า คลื่นความร้อน มาแน่ เพราะมันตั้งใจให้โลกเจ๊งให้หมด แล้วมา SET 0 กันใหม่ โดยไม่ต้องใข้หนี้ไงล่ะ แต่ถามขั้วใหม่รึยัง? ว่าใครอนุญาติให้มรึงทำ? ยูเรเซียกำลังจะมีบทบาทสำคัญโลก รัสเซียชงรอไว้แล้ว โลจิสติคสู่แอฟริกา เอเซีย ยุโรป ลาติน จัดเต็มคาราเบล พลังงานถูก ใครไม่เอากันล่ะ? เงื่อนไขปลดแอกดอลล่าร์ ฆ่า SWIFT ปล.มาอีกละ รอยเลื่อน "อาระกัน" มรึงไม่ต้องสงสัย มันมีของมันมานานแล้ว หากแต่อยู่ที่ใครไปกระตุ้นมันต่างหากล่ะ? รึว่านี่ คือแผนย้ายเมืองหลวงของศรีธนญชัยกันแน่ หลายอย่าง อย่าเชื่อแค่ตาเห็น บางอย่างอาจเป็นเราที่สมรู้ร่วมคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ในกลศึก ไม่มีผิดชอบ ชั่วดี สิ่งเดียวที่ทำคือความอยู่รอดของแผ่นดิน เพราะสังเกตุอะไรหลายอย่าง มันดูง่ายดายเกินไป มันดูเหมือนหน่วยความมั่นคงต้องการให้เกิดอะไรขึ้นงั้นแหละ แค่เซนส์มันบอก ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ดูทรงแล้ว มันต้องมีอะไรซ่อนไว้ในกอไผ่ชัวร์ แค่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาจะบอก จับตาละครการเมืองไทยและเทศ ให้ดีดี ทุกอย่างสอดคล้องกันเสมอ ไม่มีอะไรบังเอิญ และไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ทุกอย่างมีใบเสร็จเสมอ ต้องมีคนจ่าย ต้องมีคนชดใช้ รมต.คลังสวนกระแสอีทรัมปป์อาละวาด เร่งส่งออกไปสหรัฐเพิ่มขึ้น และนำเข้าปลาทูน่าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อปรับดุลการค้าให้สมดุล จากได้เปรียบ 70% ให้เหลือ 40% ดูภายนอกคือวินวินทุกฝ่าย แต่พอดูภายใน มันคือช่วยอุ้มเหี้ยนั่นแหละ ตี 2 หน้าดั่งเดิม แค่มรึงไม่ถล่มแผ่นดินไหวใส่กูเพิ่มก็พอแล้ว นี่ไง ทาสในเรือนเบี้ย ลีลาขัดใจ แต่แผ่นดินจะรอดปลอดภัย ได้จริงเหรอ? อยู่ที่มุมมอง ล่าสุด 7.1 ปาปัวมาแล้ว หวั่นเกิดคลื่นสึนามิ กระทบทั้งภูมิภาค โปรดสังเกตุ บทจะมา มาถี่ยิบได้เหรอ มันโจงครึ่มเกินไปเป่า? มารัว มาถี่ แบบนี้ มันกดปุ่มรีโมต ชัดๆ รอกูล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้างดีมั้ย? เอาให้ยุบทั้งแผ่นดิน ธรณีสูบกันไปเลย ไหนๆ จะเผาโลกกันแล้ว? หมี CNN(WTO เดือด เร่งประชุมเอาคืนอีทรัมปป์ ปั่นโลกเข้าไปสิ มรึงไม่รบ เดี๋ยวกูปล่อยของหมดหน้าตัก เอาให้เดือดร้อนทั้งโลก เกมส์โลกมาทรงหมาจนตรอก รัสเซีย จีน หากจะซ้ำอีทรัมปป์ คือตายคาตรีนชัวร์ แต่จะทำไปทำไม ปล่อยให้มันไล่ฆ่ากันเองกับ DEEP STATE ให้เสร็จก่อน ใครรอด ค่อยมาคุยกับกู ว่าจะเอายังไง? ทุกอย่างเข้าทางตรีนขั้วใหม่สุดติ่งกระดิ่งเหมี๊ยว แค่นิ่งเดี๋ยวชนะเอง อยู่ให้เป็น เย็นให้ได้ นิ่งเข้าไว้) 06 เมษายน 68(วันจักรี..ถนนโล่งดีมั้ยจ๊ะ?) 13.44 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงเท็จไม่ทราบได้.

    ..Patriots and Frog Family

    “คิดอย่างมีตรรกะ!”

    ในตอนนี้ของภารกิจ คำพูดเหล่านั้นมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องจำไว้ว่าเรากำลังอยู่ในสงคราม... ใช่ นี่คือภาพยนตร์ แต่เรายังคงอยู่ในสงครามและต้องเล่นตามบทบาทของเรา โอเค มาร์ นี่มันตรรกะได้ยังไงเนี่ย? โอเค เริ่มเลย... ใช่แล้ว คิวบอกเราว่านี่คือภาพยนตร์ เพราะตัวร้ายหลักทั้งหมดถูกกำจัดออกไปแล้ว (ศาลทหาร การประหารชีวิต หรือกิตโม่-ตลอดไป-ตลอดไป) ก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เหมือนกับในสงครามทุกครั้ง การทำความสะอาดเกิดขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่... แล้วภาพยนตร์ล่ะ? ภาพยนตร์ต้องการโครงเรื่อง ตัวละครหลัก และผู้ชม เพื่อให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นเบื้องหลัง นั่นคือจุดที่เราเข้ามาในฐานะนักข่าวดิจิทัลของฟลินน์... ในฐานะ F.R.OG. ของฟลินน์!!! เราเริ่มแคมเปญด้วยส่วนที่ทรงพลังที่สุดในตอนแรก... แคมเปญ #SaveTheChildren ของเรา เมื่อเราปลุกคนจำนวนมากให้ตื่นขึ้นแล้ว เราก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าใคร อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไมลูกๆ ของเราจึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นเราก็ได้ข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น เช่น อะดรีโนโครม คลับรองเท้าสีแดง คลับตาสีดำ คลับพิซซ่า การกินเนื้อคน ฯลฯ และเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ เราจึงสามารถรวบรวมกบมาช่วยเหลือเราได้มากขึ้น เราเปิดโปงนักการเมือง ฮอลลีวูด นักกีฬา และนักดนตรีชั้นนำ ฯลฯ ขณะที่ทีมกบของเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราได้กลายเป็นข่าว จากนั้นเราก็กลายเป็นนักข่าวดิจิทัลที่คนอื่นไว้วางใจในการหาความจริง ศัตรูไม่เคยเห็นเรามาก่อน พวกเขาเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ถูกล้างสมองจนหมดสิ้น เราทำให้พวกเขาประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ที่เงียบงันลุกจากโซฟาและเข้าร่วมกับเรา อย่าให้ใครบอกคุณว่าตอนนี้เราไม่ใช่คนส่วนใหญ่เพราะเราเป็น!!! ใช่ หลายคนยังคงเป็น "แกะ" แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้ยินความจริง พวกเขาเป็นแกะเพราะพวกเขาเลือกที่จะเป็น พวกเขาสนุกกับการเป็นทาสและถูกบอกว่าต้องทำอะไรทุกวินาทีของวัน มีคนอื่นๆ ที่คิดว่าเราทุกคนเป็นนักทฤษฎีสมคบคิดเช่นกัน คนพวกนั้นต้องการหลักฐาน แต่เมื่อเรายอมรับความจริงกับพวกเขา พวกเขากลับเลือกที่จะไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไม่อยากยอมรับว่าเราถูกชักจูงทางความคิดมาหลายสิบปี ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้อง "คิดอย่างมีตรรกะ"... หยุดเชื่อรายงานของสื่อกระแสหลักและตัวเลขโควิดปลอมๆ ซะที ทำไมคุณยังเสียเวลาดูหรืออ่านเรื่องไร้สาระของพวกเขาอีก??? คิดอย่างมีตรรกะ... คิวบอกว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเท็จ... ตัวอย่าง... เมื่อถูกถาม คิวบอกว่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันรู้เป็นการส่วนตัวและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจอห์นยังมีชีวิตอยู่ ทำไมคิวถึงบอกว่าเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ คุณสามารถหาเหตุผลนั้นได้ด้วยตัวเองใช่ไหม ในสงคราม คุณไม่เคยบอกแผนการของคุณกับศัตรู คุณสังเกตไหมว่าในช่วงหลังนี้ มีข่าวเรื่อง "นั่นไม่เป็นความจริง" เกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า "กำลังต่อสู้" อยู่ คิดอย่างมีตรรกะ บางครั้งการเบี่ยงเบนความสนใจก็จำเป็นเพื่อให้ทุกคนจับจ้องไปที่ข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างหนึ่งทำหน้าที่ให้สำเร็จ ฉันถูกถามว่านายพลฟลินน์เป็นสมาชิกของ Cabal จริงหรือไม่...และถ้าใช่ ฉันจะต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่ม Signal ของฉันซึ่งเรียกว่า "Flynn's F.R.O.G.s" หรือเปล่า โอ้พระเจ้า...แน่นอน ไม่ ไม่ ไม่!!! ฉันได้มองเข้าไปในดวงตาของนายพลและพบว่าเขามีความมุ่งมั่นและภักดีต่อสหรัฐอเมริกาและพลเมืองของประเทศอย่างมาก!!! เขายังซื่อสัตย์ต่อประธานาธิบดีทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวอย่างมากอีกด้วย!!! คิดอย่างมีเหตุผล คิดถึงสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ คิดถึงผู้รักชาติในระดับสูงที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวมากมายเพื่อภารกิจนี้ พูดถึงการเสียสละชีวิตส่วนตัว ลองดูการเสียสละชีวิตส่วนตัวทั้งหมดที่คุณในฐานะกบและผู้รักชาติต้องเผชิญ ประเด็นของฉันในวันนี้คือ เมื่อคุณได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริงสำหรับคุณ ให้คิดอย่างมีเหตุผลและดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแค่เชื่อมั่นว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว เราแข็งแกร่ง!!! ตอนนี้ไม่เคยสำคัญไปกว่าตอนนี้ในการค้นคว้าทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณต้องคิดด้วยตัวเองจริงๆ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องเชื่อมั่นในพระเจ้า เชื่อมั่นในแผนการ หากคุณค้นคว้าข้อมูล คุณจะเข้าใจแผนการได้ดีขึ้นมาก

    เข้าร่วมตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป:
    https://t.me/JFK_Q17
    จริงเท็จไม่ทราบได้. ..Patriots and Frog Family “คิดอย่างมีตรรกะ!” ในตอนนี้ของภารกิจ คำพูดเหล่านั้นมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องจำไว้ว่าเรากำลังอยู่ในสงคราม... ใช่ นี่คือภาพยนตร์ แต่เรายังคงอยู่ในสงครามและต้องเล่นตามบทบาทของเรา โอเค มาร์ นี่มันตรรกะได้ยังไงเนี่ย? โอเค เริ่มเลย... ใช่แล้ว คิวบอกเราว่านี่คือภาพยนตร์ เพราะตัวร้ายหลักทั้งหมดถูกกำจัดออกไปแล้ว (ศาลทหาร การประหารชีวิต หรือกิตโม่-ตลอดไป-ตลอดไป) ก่อนที่พวกเราส่วนใหญ่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เหมือนกับในสงครามทุกครั้ง การทำความสะอาดเกิดขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่... แล้วภาพยนตร์ล่ะ? ภาพยนตร์ต้องการโครงเรื่อง ตัวละครหลัก และผู้ชม เพื่อให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นเบื้องหลัง นั่นคือจุดที่เราเข้ามาในฐานะนักข่าวดิจิทัลของฟลินน์... ในฐานะ F.R.OG. ของฟลินน์!!! เราเริ่มแคมเปญด้วยส่วนที่ทรงพลังที่สุดในตอนแรก... แคมเปญ #SaveTheChildren ของเรา เมื่อเราปลุกคนจำนวนมากให้ตื่นขึ้นแล้ว เราก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าใคร อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไมลูกๆ ของเราจึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นเราก็ได้ข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น เช่น อะดรีโนโครม คลับรองเท้าสีแดง คลับตาสีดำ คลับพิซซ่า การกินเนื้อคน ฯลฯ และเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ เราจึงสามารถรวบรวมกบมาช่วยเหลือเราได้มากขึ้น เราเปิดโปงนักการเมือง ฮอลลีวูด นักกีฬา และนักดนตรีชั้นนำ ฯลฯ ขณะที่ทีมกบของเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราได้กลายเป็นข่าว จากนั้นเราก็กลายเป็นนักข่าวดิจิทัลที่คนอื่นไว้วางใจในการหาความจริง ศัตรูไม่เคยเห็นเรามาก่อน พวกเขาเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ถูกล้างสมองจนหมดสิ้น เราทำให้พวกเขาประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ที่เงียบงันลุกจากโซฟาและเข้าร่วมกับเรา อย่าให้ใครบอกคุณว่าตอนนี้เราไม่ใช่คนส่วนใหญ่เพราะเราเป็น!!! ใช่ หลายคนยังคงเป็น "แกะ" แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้ยินความจริง พวกเขาเป็นแกะเพราะพวกเขาเลือกที่จะเป็น พวกเขาสนุกกับการเป็นทาสและถูกบอกว่าต้องทำอะไรทุกวินาทีของวัน มีคนอื่นๆ ที่คิดว่าเราทุกคนเป็นนักทฤษฎีสมคบคิดเช่นกัน คนพวกนั้นต้องการหลักฐาน แต่เมื่อเรายอมรับความจริงกับพวกเขา พวกเขากลับเลือกที่จะไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไม่อยากยอมรับว่าเราถูกชักจูงทางความคิดมาหลายสิบปี ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้อง "คิดอย่างมีตรรกะ"... หยุดเชื่อรายงานของสื่อกระแสหลักและตัวเลขโควิดปลอมๆ ซะที ทำไมคุณยังเสียเวลาดูหรืออ่านเรื่องไร้สาระของพวกเขาอีก??? คิดอย่างมีตรรกะ... คิวบอกว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเท็จ... ตัวอย่าง... เมื่อถูกถาม คิวบอกว่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ไม่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันรู้เป็นการส่วนตัวและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจอห์นยังมีชีวิตอยู่ ทำไมคิวถึงบอกว่าเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ คุณสามารถหาเหตุผลนั้นได้ด้วยตัวเองใช่ไหม ในสงคราม คุณไม่เคยบอกแผนการของคุณกับศัตรู คุณสังเกตไหมว่าในช่วงหลังนี้ มีข่าวเรื่อง "นั่นไม่เป็นความจริง" เกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า "กำลังต่อสู้" อยู่ คิดอย่างมีตรรกะ บางครั้งการเบี่ยงเบนความสนใจก็จำเป็นเพื่อให้ทุกคนจับจ้องไปที่ข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างหนึ่งทำหน้าที่ให้สำเร็จ ฉันถูกถามว่านายพลฟลินน์เป็นสมาชิกของ Cabal จริงหรือไม่...และถ้าใช่ ฉันจะต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่ม Signal ของฉันซึ่งเรียกว่า "Flynn's F.R.O.G.s" หรือเปล่า โอ้พระเจ้า...แน่นอน ไม่ ไม่ ไม่!!! ฉันได้มองเข้าไปในดวงตาของนายพลและพบว่าเขามีความมุ่งมั่นและภักดีต่อสหรัฐอเมริกาและพลเมืองของประเทศอย่างมาก!!! เขายังซื่อสัตย์ต่อประธานาธิบดีทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวอย่างมากอีกด้วย!!! คิดอย่างมีเหตุผล คิดถึงสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ คิดถึงผู้รักชาติในระดับสูงที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวมากมายเพื่อภารกิจนี้ พูดถึงการเสียสละชีวิตส่วนตัว ลองดูการเสียสละชีวิตส่วนตัวทั้งหมดที่คุณในฐานะกบและผู้รักชาติต้องเผชิญ ประเด็นของฉันในวันนี้คือ เมื่อคุณได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริงสำหรับคุณ ให้คิดอย่างมีเหตุผลและดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแค่เชื่อมั่นว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว เราแข็งแกร่ง!!! ตอนนี้ไม่เคยสำคัญไปกว่าตอนนี้ในการค้นคว้าทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณต้องคิดด้วยตัวเองจริงๆ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องเชื่อมั่นในพระเจ้า เชื่อมั่นในแผนการ หากคุณค้นคว้าข้อมูล คุณจะเข้าใจแผนการได้ดีขึ้นมาก เข้าร่วมตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป: https://t.me/JFK_Q17
    T.ME
    John F. Kennedy Jr.
    If You Know You Know God Bless America
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนปม “กระทรวงรถไฟจีน” ที่เคยยิ่งใหญ่และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศจีน แต่หลังจากเกิดเหตุรถไฟความเร็วสูงชนกัน และตรวจสอบพบการทุจริต จนรัฐมนตรีถูกตัดสินประหารชีวิต ก็ถูกรัฐบาลสั่งยุบในปี 56 ส่วนหน่วยงานย่อยกลายมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ไชน่าเรลเวย์ เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ของ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น” รับงานก่อสร้างทั้งในจีนและต่างประเทศ รวมถึงตึก สตง.ในไทย

    ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความเป็นมาของ บริษัท China Railway No.10 ซึ่งเป็นพันธมิตรในกิจการร่วมค้า “ไอทีดี-ซีอาร์อีซีนัมเบอร์เทน (ไทย)” คู่สัญญารับเหมาก่อสร้างตึกของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่ถล่มลงมาระหว่างเกิดแผ่นดินไหววันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตก็คือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการรถไฟแห่งประเทศจีน ที่ถูกสั่งยุบไปเมื่อปี 2556 หรือ 12 ปีที่แล้ว เนื่องจากมีการคอร์รับชั่นกันอย่างมโหฬาร ถึงขนาดที่อดีตรัฐมนตรีถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินโทษประหารชีวิต

    ทั้งนี้ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนให้ความสำคัญกับการสร้างทางรถไฟอย่างมาก มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบโดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง จนถึงเมื่อมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยพรรคก๊กมินตั๋ง เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ก็ยังเน้นการสร้างชาติด้วยการสร้างทางรถไฟ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000032804

    #MGROnline #กระทรวงรถไฟจีน
    ย้อนปม “กระทรวงรถไฟจีน” ที่เคยยิ่งใหญ่และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศจีน แต่หลังจากเกิดเหตุรถไฟความเร็วสูงชนกัน และตรวจสอบพบการทุจริต จนรัฐมนตรีถูกตัดสินประหารชีวิต ก็ถูกรัฐบาลสั่งยุบในปี 56 ส่วนหน่วยงานย่อยกลายมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ไชน่าเรลเวย์ เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ของ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น” รับงานก่อสร้างทั้งในจีนและต่างประเทศ รวมถึงตึก สตง.ในไทย • ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความเป็นมาของ บริษัท China Railway No.10 ซึ่งเป็นพันธมิตรในกิจการร่วมค้า “ไอทีดี-ซีอาร์อีซีนัมเบอร์เทน (ไทย)” คู่สัญญารับเหมาก่อสร้างตึกของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่ถล่มลงมาระหว่างเกิดแผ่นดินไหววันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตก็คือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการรถไฟแห่งประเทศจีน ที่ถูกสั่งยุบไปเมื่อปี 2556 หรือ 12 ปีที่แล้ว เนื่องจากมีการคอร์รับชั่นกันอย่างมโหฬาร ถึงขนาดที่อดีตรัฐมนตรีถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินโทษประหารชีวิต • ทั้งนี้ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนให้ความสำคัญกับการสร้างทางรถไฟอย่างมาก มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบโดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง จนถึงเมื่อมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยพรรคก๊กมินตั๋ง เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ก็ยังเน้นการสร้างชาติด้วยการสร้างทางรถไฟ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000032804 • #MGROnline #กระทรวงรถไฟจีน
    Love
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในธุรกิจ “สินค้าหลังความตาย” ทั่วโลก ทั้งการบริหารจัดการพิธีศพ ผลิตโลงศพ หีบเก็บอัฐิ หรือตราสัญลักษณ์บนหลุมศพ แม้แต่การผลิต “เงินกงเต๊ก” ก็เริ่มตีตลาดตะวันตกได้แล้ว โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและความต้องการหลากหลาย

    ในปี 2565 "อาเบะ ชินโซ" อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง มีพิธีเผาศพที่ดำเนินการโดยบริษัท Tokyo Bozen Co., Ltd. ซึ่งอยู่ภายใต้การถือหุ้นของทุนจีน บริษัทนี้ควบคุมการดำเนินงานของสถานที่เผาศพ 6 แห่งจากทั้งหมด 9 แห่งในโตเกียว รวมถึงสถานที่จัดพิธีศพของอาเบะด้วย

    เมืองเฉาหยาง ในมณฑลซานตง เป็นแหล่งผลิตโลงศพรายใหญ่ที่ส่งออกไปญี่ปุ่น โดยในปี 2567 ส่งออกโลงศพไปญี่ปุ่นถึง 1.2 ล้านชุด คิดเป็น 90% ของตลาดโลงศพในญี่ปุ่น โดยใช้ไม้เบาทนความร้อน ซึ่งเหมาะกับพิธีเผาศพแบบญี่ปุ่น และมีต้นทุนต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นถึงครึ่งหนึ่ง

    นอกจากนี้ ผู้ผลิตในเฉาหยางยังผลิตแท่นบูชาและป้ายวิญญาณสำหรับใช้งานในพิธีศพแบบญี่ปุ่น และได้ปรับสินค้าให้เข้ากับกระแสนิยมใหม่ เช่น โลงศพขนาดเล็กหรือกล่องอัฐิที่ใช้เก็บในบ้าน สอดคล้องกับความนิยมในครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดต่ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000032745

    #MGROnline #สินค้าหลังความตาย #เงินกงเต๊ก
    จีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในธุรกิจ “สินค้าหลังความตาย” ทั่วโลก ทั้งการบริหารจัดการพิธีศพ ผลิตโลงศพ หีบเก็บอัฐิ หรือตราสัญลักษณ์บนหลุมศพ แม้แต่การผลิต “เงินกงเต๊ก” ก็เริ่มตีตลาดตะวันตกได้แล้ว โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและความต้องการหลากหลาย • ในปี 2565 "อาเบะ ชินโซ" อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง มีพิธีเผาศพที่ดำเนินการโดยบริษัท Tokyo Bozen Co., Ltd. ซึ่งอยู่ภายใต้การถือหุ้นของทุนจีน บริษัทนี้ควบคุมการดำเนินงานของสถานที่เผาศพ 6 แห่งจากทั้งหมด 9 แห่งในโตเกียว รวมถึงสถานที่จัดพิธีศพของอาเบะด้วย • เมืองเฉาหยาง ในมณฑลซานตง เป็นแหล่งผลิตโลงศพรายใหญ่ที่ส่งออกไปญี่ปุ่น โดยในปี 2567 ส่งออกโลงศพไปญี่ปุ่นถึง 1.2 ล้านชุด คิดเป็น 90% ของตลาดโลงศพในญี่ปุ่น โดยใช้ไม้เบาทนความร้อน ซึ่งเหมาะกับพิธีเผาศพแบบญี่ปุ่น และมีต้นทุนต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นถึงครึ่งหนึ่ง • นอกจากนี้ ผู้ผลิตในเฉาหยางยังผลิตแท่นบูชาและป้ายวิญญาณสำหรับใช้งานในพิธีศพแบบญี่ปุ่น และได้ปรับสินค้าให้เข้ากับกระแสนิยมใหม่ เช่น โลงศพขนาดเล็กหรือกล่องอัฐิที่ใช้เก็บในบ้าน สอดคล้องกับความนิยมในครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดต่ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000032745 • #MGROnline #สินค้าหลังความตาย #เงินกงเต๊ก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดร.ปิติ ศรีแสงนาม" คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เสนอให้ไทยเล่นบทบาทนำในอาเซียน วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน หลังสหรัฐฯ ออกมาตรการกีดกันทางการค้าครั้งล่าสุด

    วันนี้ (6 เม.ย.) จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่าจะเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เพื่อตอบโต้การเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอื่นๆ ที่ชาติอื่นกำหนดกับสินค้าจากสหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษีสูงกว่านั้นกับประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศ โดยสินค้านำเข้าจากจีนจะถูกเรียกเก็บภาษี 34% เพิ่มเติมจากระดับ 20% ส่วนบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ รวมถึงสหภาพยุโรป จะถูกเรียกเก็บภาษี 20% โดยบทลงโทษที่สูงขึ้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ครอบคลุมทั้งหมดราว 60 ประเทศ ซึ่งพบว่าประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษี 36% โดยอ้างว่าประเทศไทยเรียกเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีสูงถึง 72%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000032713

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู

    "ดร.ปิติ ศรีแสงนาม" คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เสนอให้ไทยเล่นบทบาทนำในอาเซียน วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน หลังสหรัฐฯ ออกมาตรการกีดกันทางการค้าครั้งล่าสุด • วันนี้ (6 เม.ย.) จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่าจะเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เพื่อตอบโต้การเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอื่นๆ ที่ชาติอื่นกำหนดกับสินค้าจากสหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษีสูงกว่านั้นกับประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศ โดยสินค้านำเข้าจากจีนจะถูกเรียกเก็บภาษี 34% เพิ่มเติมจากระดับ 20% ส่วนบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ รวมถึงสหภาพยุโรป จะถูกเรียกเก็บภาษี 20% โดยบทลงโทษที่สูงขึ้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ครอบคลุมทั้งหมดราว 60 ประเทศ ซึ่งพบว่าประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษี 36% โดยอ้างว่าประเทศไทยเรียกเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีสูงถึง 72% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000032713 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง

    👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ
    “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน”
    บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย”
    แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ

    เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
    ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย



    งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า…

    ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】

    เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย
    • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย
    • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท
    • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง

    หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง”
    อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต
    • เพลียทั้งวัน
    • น้ำหนักเพิ่มง่าย
    • ขี้หงุดหงิด
    • สมองเบลอ
    • และ “ภูมิต้านทานลดลง”



    แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา

    ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ

    1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว
    • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
    • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด)
    • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง
    • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎

    2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่
    • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน
    • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ
    • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง

    3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า
    • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน
    • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ



    อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก

    เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง
    แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ
    คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ

    และผมเชื่อเสมอว่า
    คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป

    ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง 👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน” บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย” แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย ⸻ งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า… ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】 เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง” อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต • เพลียทั้งวัน • น้ำหนักเพิ่มง่าย • ขี้หงุดหงิด • สมองเบลอ • และ “ภูมิต้านทานลดลง” ⸻ แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ 1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎 2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่ • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง 3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ ⸻ อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ และผมเชื่อเสมอว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท L&T Semiconductor Technologies (LTSCT) สตาร์ตอัปผู้ผลิตชิปจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Larsen & Toubro ได้เปิดเผยแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิป (fab) มูลค่ามหาศาลกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนปี 2027 ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวผ่านโครงการเงินอุดหนุนที่มีมูลค่าสูงถึง 90% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

    ✅ เงื่อนไขสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ
    - LTSCT ตั้งเป้าทำรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปีงบประมาณ 2026–2027 เพื่อกระตุ้นให้โครงการ fab นี้เริ่มต้นขึ้น
    - บริษัทเริ่มต้นผลิตชิปเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
    - LTSCT มุ่งเน้นการออกแบบ MEMS sensors, RF chips, smart power devices และ analog ICs ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

    ✅ โอกาสจากโครงการอุดหนุนเซมิคอนดักเตอร์ของรัฐบาลอินเดีย
    - โครงการสนับสนุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลอินเดีย เปิดโอกาสให้บริษัทท้องถิ่นเข้าถึงทรัพยากรและเงินทุนในการพัฒนาตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - การสนับสนุนในระดับนี้ถือว่า สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของโลกอย่างมาก

    ✅ เป้าหมายระยะยาว: สู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM)
    - LTSCT วางแผนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นบริษัท fabless designer ไปสู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตชิปตั้งแต่ต้นจนจบ

    ✅ การสนับสนุนจากบริษัทแม่
    - LTSCT ได้รับเงินทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการออกแบบชิป และตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิปจำนวน 15 รุ่น ภายในปี 2027

    https://www.techradar.com/pro/fabless-chip-startup-backed-by-multi-billion-indian-company-wants-to-build-a-usd10bn-fab-in-india-before-2027
    บริษัท L&T Semiconductor Technologies (LTSCT) สตาร์ตอัปผู้ผลิตชิปจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Larsen & Toubro ได้เปิดเผยแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิป (fab) มูลค่ามหาศาลกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนปี 2027 ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวผ่านโครงการเงินอุดหนุนที่มีมูลค่าสูงถึง 90% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ✅ เงื่อนไขสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ - LTSCT ตั้งเป้าทำรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปีงบประมาณ 2026–2027 เพื่อกระตุ้นให้โครงการ fab นี้เริ่มต้นขึ้น - บริษัทเริ่มต้นผลิตชิปเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ระหว่างการพัฒนา - LTSCT มุ่งเน้นการออกแบบ MEMS sensors, RF chips, smart power devices และ analog ICs ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ✅ โอกาสจากโครงการอุดหนุนเซมิคอนดักเตอร์ของรัฐบาลอินเดีย - โครงการสนับสนุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลอินเดีย เปิดโอกาสให้บริษัทท้องถิ่นเข้าถึงทรัพยากรและเงินทุนในการพัฒนาตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - การสนับสนุนในระดับนี้ถือว่า สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของโลกอย่างมาก ✅ เป้าหมายระยะยาว: สู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) - LTSCT วางแผนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นบริษัท fabless designer ไปสู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตชิปตั้งแต่ต้นจนจบ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทแม่ - LTSCT ได้รับเงินทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการออกแบบชิป และตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิปจำนวน 15 รุ่น ภายในปี 2027 https://www.techradar.com/pro/fabless-chip-startup-backed-by-multi-billion-indian-company-wants-to-build-a-usd10bn-fab-in-india-before-2027
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า บริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ ByteDance ได้ใช้เงินรวมกันกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ ในการซื้อ GPU รุ่น H20 จาก Nvidia ภายในไตรมาสแรกของปี 2025 การเร่งสั่งซื้อครั้งใหญ่นี้คาดว่ามาจากความต้องการเพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์ AI ในตลาดจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยบริษัท AI สตาร์ตอัปอย่าง DeepSeek

    ✅ H20—AI Processor ระดับสูงที่ยังคงอนุญาตให้ส่งออกไปจีน
    - Nvidia H20 เป็น AI GPU ที่ทรงพลังที่สุดที่ยังได้รับการอนุมัติให้ส่งออกไปยังจีน ภายใต้ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ
    - คาดว่าความเร่งรีบในการสั่งซื้อนี้เกิดจากข่าวลือเกี่ยวกับ การเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกเพิ่มเติมในอนาคต

    ✅ คำแนะนำจากรัฐบาลจีนให้ชะลอการสั่งซื้อ
    - มีรายงานว่าหน่วยงานรัฐบาลจีน แนะนำให้บริษัทชั้นนำหยุดการสั่งซื้อ GPU H20 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการกักตุนฮาร์ดแวร์ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนา GPU ที่ผลิตในประเทศ

    ✅ แนวโน้มการออกแบบชิปใหม่ของ Nvidia สำหรับตลาดจีน
    - Nvidia อาจกำลังพัฒนา ชิปรุ่นใหม่สำหรับตลาดจีน ที่จะสอดคล้องกับข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
    - มีข่าวลือเกี่ยวกับการเปิดตัว GPU H20 ที่อัปเกรดด้วย HBM3E modules

    ✅ บทบาทสำคัญของ DeepSeek ในการขยายตลาด AI
    - ความต้องการ Nvidia H20 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัป AI ของจีน มี AI โมเดลต้นทุนต่ำที่เข้าถึงตลาดได้กว้าง

    https://www.techpowerup.com/335077/chinas-largest-ai-firms-reportedly-forked-out-usd-16-billion-total-for-nvidia-h20-gpu-supplies-in-2025
    มีรายงานว่า บริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ ByteDance ได้ใช้เงินรวมกันกว่า 16 พันล้านดอลลาร์ ในการซื้อ GPU รุ่น H20 จาก Nvidia ภายในไตรมาสแรกของปี 2025 การเร่งสั่งซื้อครั้งใหญ่นี้คาดว่ามาจากความต้องการเพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์ AI ในตลาดจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยบริษัท AI สตาร์ตอัปอย่าง DeepSeek ✅ H20—AI Processor ระดับสูงที่ยังคงอนุญาตให้ส่งออกไปจีน - Nvidia H20 เป็น AI GPU ที่ทรงพลังที่สุดที่ยังได้รับการอนุมัติให้ส่งออกไปยังจีน ภายใต้ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ - คาดว่าความเร่งรีบในการสั่งซื้อนี้เกิดจากข่าวลือเกี่ยวกับ การเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกเพิ่มเติมในอนาคต ✅ คำแนะนำจากรัฐบาลจีนให้ชะลอการสั่งซื้อ - มีรายงานว่าหน่วยงานรัฐบาลจีน แนะนำให้บริษัทชั้นนำหยุดการสั่งซื้อ GPU H20 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการกักตุนฮาร์ดแวร์ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนา GPU ที่ผลิตในประเทศ ✅ แนวโน้มการออกแบบชิปใหม่ของ Nvidia สำหรับตลาดจีน - Nvidia อาจกำลังพัฒนา ชิปรุ่นใหม่สำหรับตลาดจีน ที่จะสอดคล้องกับข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด - มีข่าวลือเกี่ยวกับการเปิดตัว GPU H20 ที่อัปเกรดด้วย HBM3E modules ✅ บทบาทสำคัญของ DeepSeek ในการขยายตลาด AI - ความต้องการ Nvidia H20 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัป AI ของจีน มี AI โมเดลต้นทุนต่ำที่เข้าถึงตลาดได้กว้าง https://www.techpowerup.com/335077/chinas-largest-ai-firms-reportedly-forked-out-usd-16-billion-total-for-nvidia-h20-gpu-supplies-in-2025
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    China's Largest AI Firms Reportedly Forked Out ~$16 Billion Total for NVIDIA H20 GPU Supplies in 2025
    Last week, industry reports pointed to evidence of NVIDIA H20 AI GPU shortages in China—supply chain insiders expressed frustration about limited availability, and alleged price hikes. Days later, local media outlets have disclosed staggering sales figures. Two unnamed sources opine that the likes o...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump ได้ออกมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (wafer fabrication equipment - WFE) ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ โดยภาษีใหม่นี้ตั้งไว้ที่ 20%-32% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของอุปกรณ์ มาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Intel, Samsung Foundry และ TSMC ซึ่งต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุนการผลิตชิปในประเทศ

    ✅ ต้นทุนอุปกรณ์พุ่งสูงขึ้น
    - อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป เช่น เครื่องมือจาก ASML ในยุโรป ถูกตั้งภาษีที่ 20% ถึง 32%
    - ราคาของเครื่องมือสำคัญ เช่น Low-NA EUV Lithography จาก ASML จะเพิ่มขึ้นจาก $235 ล้านเป็น $282 ล้านต่อหน่วย

    ✅ อุปสรรคในการหาอุปกรณ์ทดแทนในสหรัฐฯ
    - ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research มีความสามารถในการผลิตอุปกรณ์บางชนิด
    - อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น EUV Lithography จาก ASML นั้น ไม่มีผู้ผลิตในสหรัฐฯ ทดแทนได้

    ✅ ผลกระทบต่อตลาดชิปในประเทศและระหว่างประเทศ
    - แม้จะมีการปรับขึ้นภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ แต่การเพิ่มต้นทุนผลิตในสหรัฐฯ อาจลดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
    - แผนการลงทุนที่ใช้เงินมหาศาลในโรงงานชิป เช่นของ Intel และ Samsung อาจต้องปรับเปลี่ยนหรือชะลอออกไป

    ✅ บทบาทของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์
    - อุปกรณ์จากญี่ปุ่น (Tokyo Electron), เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำลังเผชิญภาษีที่ทำให้อุปกรณ์ของพวกเขา แพงขึ้นถึง 24% ในตลาดสหรัฐฯ

    ✅ ทิศทางการผลิตในอนาคต
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สหรัฐฯ ลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพื่อแข่งขันในระยะยาว
    - แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตใหม่ใช้เวลามากและอาจเกิดการสะดุดในซัพพลายเชน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trumps-tariffs-on-chipmaking-tools-could-make-processors-made-in-the-u-s-more-expensive
    Donald Trump ได้ออกมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (wafer fabrication equipment - WFE) ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ โดยภาษีใหม่นี้ตั้งไว้ที่ 20%-32% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของอุปกรณ์ มาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Intel, Samsung Foundry และ TSMC ซึ่งต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุนการผลิตชิปในประเทศ ✅ ต้นทุนอุปกรณ์พุ่งสูงขึ้น - อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป เช่น เครื่องมือจาก ASML ในยุโรป ถูกตั้งภาษีที่ 20% ถึง 32% - ราคาของเครื่องมือสำคัญ เช่น Low-NA EUV Lithography จาก ASML จะเพิ่มขึ้นจาก $235 ล้านเป็น $282 ล้านต่อหน่วย ✅ อุปสรรคในการหาอุปกรณ์ทดแทนในสหรัฐฯ - ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research มีความสามารถในการผลิตอุปกรณ์บางชนิด - อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น EUV Lithography จาก ASML นั้น ไม่มีผู้ผลิตในสหรัฐฯ ทดแทนได้ ✅ ผลกระทบต่อตลาดชิปในประเทศและระหว่างประเทศ - แม้จะมีการปรับขึ้นภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ แต่การเพิ่มต้นทุนผลิตในสหรัฐฯ อาจลดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก - แผนการลงทุนที่ใช้เงินมหาศาลในโรงงานชิป เช่นของ Intel และ Samsung อาจต้องปรับเปลี่ยนหรือชะลอออกไป ✅ บทบาทของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์ - อุปกรณ์จากญี่ปุ่น (Tokyo Electron), เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำลังเผชิญภาษีที่ทำให้อุปกรณ์ของพวกเขา แพงขึ้นถึง 24% ในตลาดสหรัฐฯ ✅ ทิศทางการผลิตในอนาคต - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สหรัฐฯ ลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพื่อแข่งขันในระยะยาว - แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตใหม่ใช้เวลามากและอาจเกิดการสะดุดในซัพพลายเชน https://www.tomshardware.com/tech-industry/trumps-tariffs-on-chipmaking-tools-could-make-processors-made-in-the-u-s-more-expensive
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Rapidus ผู้ผลิตชิประดับแนวหน้าของญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Apple, Google และอีกหลายบริษัท เพื่อสร้างความร่วมมือในการ ผลิตชิปรุ่นใหม่ที่ทันสมัยภายในปี 2027 โดยมีการเริ่มต้นสายการผลิตต้นแบบในโรงงานที่จังหวัดฮอกไกโดซึ่งจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในเดือนนี้

    ✅ แผนการพัฒนาโรงงานในประเทศญี่ปุ่น
    - Rapidus ได้เริ่ม สายการผลิตชิปต้นแบบ แล้วในโรงงานที่ฮอกไกโด และวางแผนพัฒนาเป็นโรงงานผลิตที่สมบูรณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า
    - การเจรจาครั้งนี้เน้นไปที่ การสร้างชิปรุ่นล้ำสมัยเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ

    ✅ Rapidus กับบทบาทในตลาดโลก
    - โครงการนี้เป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่จะสร้างตัวเองให้เป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชิปที่สำคัญระดับโลก
    - การเข้าร่วมของบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Apple และ Google จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด

    ✅ แนวโน้มและความต้องการในอุตสาหกรรมชิป
    - ความต้องการชิประดับสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยายตัวของ AI, IoT, และเทคโนโลยี 5G
    - การตั้งโรงงานในญี่ปุ่นอาจช่วยลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากจีนและไต้หวัน

    ✅ ความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    - Rapidus ตั้งเป้าที่จะเป็น พาร์ตเนอร์หลักของ Apple, Google, Amazon, Microsoft และ Facebook
    - การร่วมมือระดับนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานชิป และตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/japan039s-rapidus-in-talks-with-apple-google-to-mass-produce-chips-nikkei-reports
    บริษัท Rapidus ผู้ผลิตชิประดับแนวหน้าของญี่ปุ่น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Apple, Google และอีกหลายบริษัท เพื่อสร้างความร่วมมือในการ ผลิตชิปรุ่นใหม่ที่ทันสมัยภายในปี 2027 โดยมีการเริ่มต้นสายการผลิตต้นแบบในโรงงานที่จังหวัดฮอกไกโดซึ่งจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในเดือนนี้ ✅ แผนการพัฒนาโรงงานในประเทศญี่ปุ่น - Rapidus ได้เริ่ม สายการผลิตชิปต้นแบบ แล้วในโรงงานที่ฮอกไกโด และวางแผนพัฒนาเป็นโรงงานผลิตที่สมบูรณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า - การเจรจาครั้งนี้เน้นไปที่ การสร้างชิปรุ่นล้ำสมัยเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ ✅ Rapidus กับบทบาทในตลาดโลก - โครงการนี้เป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่จะสร้างตัวเองให้เป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชิปที่สำคัญระดับโลก - การเข้าร่วมของบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Apple และ Google จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ✅ แนวโน้มและความต้องการในอุตสาหกรรมชิป - ความต้องการชิประดับสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยายตัวของ AI, IoT, และเทคโนโลยี 5G - การตั้งโรงงานในญี่ปุ่นอาจช่วยลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากจีนและไต้หวัน ✅ ความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ - Rapidus ตั้งเป้าที่จะเป็น พาร์ตเนอร์หลักของ Apple, Google, Amazon, Microsoft และ Facebook - การร่วมมือระดับนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานชิป และตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/japan039s-rapidus-in-talks-with-apple-google-to-mass-produce-chips-nikkei-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan's Rapidus in talks with Apple, Google to mass-produce chips, Nikkei reports
    (Reuters) - Japanese chipmaker Rapidus is negotiating with Apple, Google and dozens of other potential clients to mass-produce advanced chips by 2027, the Nikkei business daily reported on Friday, citing the company's CEO Atsuyoshi Koike.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump สร้างความเปลี่ยนแปลงในหน่วยข่าวกรองไซเบอร์ของสหรัฐฯ ด้วยการปลด Gen. Timothy Haugh และรองผู้บริหาร Wendy Noble ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงที่ชี้ว่าการตัดสินใจนี้ อาจลดทอนความปลอดภัยไซเบอร์ในช่วงที่ภัยคุกคามไซเบอร์จากต่างชาติรุนแรงขึ้น Loomer ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์นี้กล่าวว่าผู้นำที่ถูกปลดนั้น “disloyal” แต่เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจยังไม่มีการชี้แจงอย่างชัดเจน

    ✅ การปลดโดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลชัดเจน
    - Gen. Haugh ถูกปลดขณะที่กำลังเดินทาง และไม่ได้รับข้อมูลชัดเจนถึงสาเหตุ “Your services are no longer required” เป็นคำพูดที่ถูกใช้แทนคำอธิบาย

    ✅ ความเห็นจากนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญที่วิพากษ์วิจารณ์การปลดนี้
    - Sen. Mark Warner กล่าวว่าการปลดนี้เกิดขึ้น ในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญภัยคุกคามไซเบอร์ครั้งใหญ่ เช่น Salt Typhoon Cyberattack จากจีน
    - Jim Himes สมาชิกคณะกรรมการข่าวกรองกล่าวว่า การปลดผู้นำที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งเน้นความมั่นคงอาจทำให้ความปลอดภัยลดลง

    ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อปฏิบัติการไซเบอร์
    - Haugh มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการข่าวกรองและการทหาร รวมถึงการนำทีมในโครงการ Russia Small Group เพื่อป้องกันการแทรกแซงการเลือกตั้ง
    - Lt. Gen. William J. Hartman จะรับหน้าที่ผู้อำนวยการ NSA ชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้การเปลี่ยนผ่านเกิดความท้าทาย

    ✅ เหตุผลเชิงการเมืองที่อาจอยู่เบื้องหลังการปลดนี้
    - Loomer กล่าวบน X (Twitter เดิม) ว่าผู้นำที่ถูกปลดนั้น “disloyal” และเกี่ยวข้องกับการแนะนำโดยบุคคลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ทรยศต่อประเทศ

    https://www.csoonline.com/article/3954632/trump-fires-nsa-and-cybercom-chief-jeopardizing-cyber-intel.html
    Donald Trump สร้างความเปลี่ยนแปลงในหน่วยข่าวกรองไซเบอร์ของสหรัฐฯ ด้วยการปลด Gen. Timothy Haugh และรองผู้บริหาร Wendy Noble ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงที่ชี้ว่าการตัดสินใจนี้ อาจลดทอนความปลอดภัยไซเบอร์ในช่วงที่ภัยคุกคามไซเบอร์จากต่างชาติรุนแรงขึ้น Loomer ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์นี้กล่าวว่าผู้นำที่ถูกปลดนั้น “disloyal” แต่เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจยังไม่มีการชี้แจงอย่างชัดเจน ✅ การปลดโดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลชัดเจน - Gen. Haugh ถูกปลดขณะที่กำลังเดินทาง และไม่ได้รับข้อมูลชัดเจนถึงสาเหตุ “Your services are no longer required” เป็นคำพูดที่ถูกใช้แทนคำอธิบาย ✅ ความเห็นจากนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญที่วิพากษ์วิจารณ์การปลดนี้ - Sen. Mark Warner กล่าวว่าการปลดนี้เกิดขึ้น ในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญภัยคุกคามไซเบอร์ครั้งใหญ่ เช่น Salt Typhoon Cyberattack จากจีน - Jim Himes สมาชิกคณะกรรมการข่าวกรองกล่าวว่า การปลดผู้นำที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งเน้นความมั่นคงอาจทำให้ความปลอดภัยลดลง ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อปฏิบัติการไซเบอร์ - Haugh มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการข่าวกรองและการทหาร รวมถึงการนำทีมในโครงการ Russia Small Group เพื่อป้องกันการแทรกแซงการเลือกตั้ง - Lt. Gen. William J. Hartman จะรับหน้าที่ผู้อำนวยการ NSA ชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้การเปลี่ยนผ่านเกิดความท้าทาย ✅ เหตุผลเชิงการเมืองที่อาจอยู่เบื้องหลังการปลดนี้ - Loomer กล่าวบน X (Twitter เดิม) ว่าผู้นำที่ถูกปลดนั้น “disloyal” และเกี่ยวข้องกับการแนะนำโดยบุคคลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ทรยศต่อประเทศ https://www.csoonline.com/article/3954632/trump-fires-nsa-and-cybercom-chief-jeopardizing-cyber-intel.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Trump fires NSA and Cybercom chief, jeopardizing cyber intel
    Lawmakers fear the firing of Gen. Timothy Haugh will lead to a loss of critical intelligence at a time when cyber threats continue to escalate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ช่วยแก้ปัญหาไดรเวอร์ AMD บน Linux แม้ตัวเองกำลังเจอปัญหาไดรเวอร์บน Windows สำหรับ RTX 50 Series โดยปัญหาเกิดจากการเปิด DMA bounce buffers ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพเกม การแก้ไข commit ที่ไม่เหมาะสมช่วยคืนค่าการทำงานที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ชุมชน Linux และวิศวกรจากหลายบริษัทร่วมมือกันอย่างดีในการช่วยแก้ไข

    ✅ ข้อผิดพลาดเกิดจากการ commit ก่อนหน้าของ Nvidia เอง
    - Bert Karwatzki ซึ่งเป็นผู้แจ้งปัญหาพบว่า เกม Stellaris บน Steam มีอาการโหลดช้า และการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดหรือเมาส์ล้มเหลว
    - การ revert commit ที่มีปัญหาแก้ไขอาการนี้ได้

    ✅ KASLR คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อ DMA
    - KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องหน่วยความจำโดยเปลี่ยนตำแหน่ง kernel แบบสุ่ม
    - เมื่อปิด KASLR ระบบ DMA อาจเกิดข้อผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อ private memory ถูกเพิ่มผ่าน add_pages()

    ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยแก้ไขการใช้ DMA zone อย่างไม่เหมาะสม
    - ก่อนหน้า DMA32 zone ถูกใช้ในการจัดสรร GPU allocations ซึ่งทำให้ ประสิทธิภาพของเกมลดลงอย่างมาก
    - แพตช์แก้ไขช่วยคืนค่าประสิทธิภาพให้ระบบ

    ✅ บทบาทของ Linux Community
    - การแก้ไขนี้เป็นตัวอย่าง ความร่วมมือของชุมชน Linux และวิศวกรจากหลากหลายบริษัท
    - Nvidia และ AMD ต่างแสดงให้เห็นถึง ความพร้อมในการช่วยเหลือแก้ปัญหานอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ตนเอง

    https://www.neowin.net/news/nvidia-just-fixed-an-amd-linux-bug-while-it-struggles-itself-with-windows-driver-issues/
    Nvidia ช่วยแก้ปัญหาไดรเวอร์ AMD บน Linux แม้ตัวเองกำลังเจอปัญหาไดรเวอร์บน Windows สำหรับ RTX 50 Series โดยปัญหาเกิดจากการเปิด DMA bounce buffers ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพเกม การแก้ไข commit ที่ไม่เหมาะสมช่วยคืนค่าการทำงานที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ชุมชน Linux และวิศวกรจากหลายบริษัทร่วมมือกันอย่างดีในการช่วยแก้ไข ✅ ข้อผิดพลาดเกิดจากการ commit ก่อนหน้าของ Nvidia เอง - Bert Karwatzki ซึ่งเป็นผู้แจ้งปัญหาพบว่า เกม Stellaris บน Steam มีอาการโหลดช้า และการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดหรือเมาส์ล้มเหลว - การ revert commit ที่มีปัญหาแก้ไขอาการนี้ได้ ✅ KASLR คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อ DMA - KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องหน่วยความจำโดยเปลี่ยนตำแหน่ง kernel แบบสุ่ม - เมื่อปิด KASLR ระบบ DMA อาจเกิดข้อผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อ private memory ถูกเพิ่มผ่าน add_pages() ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยแก้ไขการใช้ DMA zone อย่างไม่เหมาะสม - ก่อนหน้า DMA32 zone ถูกใช้ในการจัดสรร GPU allocations ซึ่งทำให้ ประสิทธิภาพของเกมลดลงอย่างมาก - แพตช์แก้ไขช่วยคืนค่าประสิทธิภาพให้ระบบ ✅ บทบาทของ Linux Community - การแก้ไขนี้เป็นตัวอย่าง ความร่วมมือของชุมชน Linux และวิศวกรจากหลากหลายบริษัท - Nvidia และ AMD ต่างแสดงให้เห็นถึง ความพร้อมในการช่วยเหลือแก้ปัญหานอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ตนเอง https://www.neowin.net/news/nvidia-just-fixed-an-amd-linux-bug-while-it-struggles-itself-with-windows-driver-issues/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia just fixed an AMD Linux bug while it struggles itself with Windows driver issues
    An Nvidia engineer has helped resolve an AMD driver issue while it itself deals with Windows problems. There's some back-story here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสำรวจจาก Pluralsight พบว่า 77% ของพนักงานยอมรับว่าพวกเขาแกล้งทำเป็นรู้เรื่อง AI มากกว่าความเป็นจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำ AI มาใช้ในองค์กร โดยเฉพาะในช่วงที่ 86% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรกำลังใช้งานหรือวางแผนใช้ AI

    ✅ 91% ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีในสหราชอาณาจักรอ้างว่ามีความเข้าใจ AI แต่ 77% ยอมรับว่าไม่รู้จริง
    - หลายคนใช้ AI แต่ไม่เข้าใจหลักการหรือข้อจำกัดของมัน
    - ส่งผลให้การใช้ AI ขาดประสิทธิภาพและอาจสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    ✅ สองในสามของพนักงาน (59%) มองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนขี้เกียจ
    - ในระดับผู้บริหาร (C-suite) มุมมองนี้เพิ่มขึ้นเป็น 73%
    - ทำให้บางคน หลีกเลี่ยงการใช้ AI ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ

    ✅ 93% ของพนักงานกังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาตกงาน
    - แม้ว่าจะมีความกลัวเรื่องการถูกแทนที่ แต่ 44% ของบริษัทกลับเพิ่มตำแหน่งงานใหม่เพราะ AI
    - 87% ขององค์กร อาจต้องจ้างงานหรือว่าจ้างภายนอกเพื่อเติมเต็มช่องว่างทักษะ AI

    ✅ บริษัทให้ความสำคัญกับทักษะ AI ในการจ้างงานมากขึ้น
    - 94% ของบริษัทให้ความสำคัญกับ AI ในการเลือกพนักงาน
    - มีเพียง 6% เท่านั้นที่ไม่พิจารณาทักษะ AI ในกระบวนการสรรหา

    ✅ Pluralsight แนะนำให้พนักงานมุ่งเน้นการเรียนรู้แทนที่จะต่อต้าน AI
    - "แทนที่จะกลัว AI แทนที่งาน การเรียนรู้ทักษะ AI จะช่วยให้พนักงานมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการทำงาน"

    https://www.techradar.com/pro/most-workers-are-greatly-overestimating-their-ai-skills
    ผลสำรวจจาก Pluralsight พบว่า 77% ของพนักงานยอมรับว่าพวกเขาแกล้งทำเป็นรู้เรื่อง AI มากกว่าความเป็นจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำ AI มาใช้ในองค์กร โดยเฉพาะในช่วงที่ 86% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรกำลังใช้งานหรือวางแผนใช้ AI ✅ 91% ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีในสหราชอาณาจักรอ้างว่ามีความเข้าใจ AI แต่ 77% ยอมรับว่าไม่รู้จริง - หลายคนใช้ AI แต่ไม่เข้าใจหลักการหรือข้อจำกัดของมัน - ส่งผลให้การใช้ AI ขาดประสิทธิภาพและอาจสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ✅ สองในสามของพนักงาน (59%) มองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนขี้เกียจ - ในระดับผู้บริหาร (C-suite) มุมมองนี้เพิ่มขึ้นเป็น 73% - ทำให้บางคน หลีกเลี่ยงการใช้ AI ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ ✅ 93% ของพนักงานกังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาตกงาน - แม้ว่าจะมีความกลัวเรื่องการถูกแทนที่ แต่ 44% ของบริษัทกลับเพิ่มตำแหน่งงานใหม่เพราะ AI - 87% ขององค์กร อาจต้องจ้างงานหรือว่าจ้างภายนอกเพื่อเติมเต็มช่องว่างทักษะ AI ✅ บริษัทให้ความสำคัญกับทักษะ AI ในการจ้างงานมากขึ้น - 94% ของบริษัทให้ความสำคัญกับ AI ในการเลือกพนักงาน - มีเพียง 6% เท่านั้นที่ไม่พิจารณาทักษะ AI ในกระบวนการสรรหา ✅ Pluralsight แนะนำให้พนักงานมุ่งเน้นการเรียนรู้แทนที่จะต่อต้าน AI - "แทนที่จะกลัว AI แทนที่งาน การเรียนรู้ทักษะ AI จะช่วยให้พนักงานมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการทำงาน" https://www.techradar.com/pro/most-workers-are-greatly-overestimating-their-ai-skills
    WWW.TECHRADAR.COM
    Most workers are greatly overestimating their AI skills
    Workers say they’re more au fait with AI than they really are
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT

    ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991
    - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง
    - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์

    ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
    - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี
    - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series
    - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน

    ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่
    - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร
    - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว

    ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น
    - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย

    ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี
    - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991 - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์ ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่ - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kevin Scott ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Microsoft เชื่อว่า 95% ของโค้ดโปรแกรมทั้งหมดจะถูกสร้างโดย AI ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า มนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเปลี่ยนจากการเป็นผู้เขียนโค้ด มาเป็น ผู้ควบคุมและกำกับ AI เพื่อสร้างซอฟต์แวร์

    ✅ บทบาทของนักพัฒนาเปลี่ยนไปสู่ “AI Orchestrator”
    - แทนที่จะเขียนโค้ดด้วยตนเอง นักพัฒนาจะใช้ AI ในการช่วยสร้างโค้ด
    - งานหลักของนักพัฒนาคือ การให้คำสั่ง (Prompts) และตรวจสอบ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

    ✅ AI ยังคงมีข้อจำกัดด้านความจำและการเรียนรู้จากบริบทเดิม
    - Scott ชี้ว่า AI ยังไม่สามารถ จำการสนทนาและปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ได้ดีนัก
    - อย่างไรก็ตาม อนาคต AI จะสามารถเรียนรู้จากการโต้ตอบที่ผ่านมาได้มากขึ้น

    ✅ CEO ของ IBM และ Salesforce มีมุมมองต่างออกไปเกี่ยวกับ AI ในวงการโค้ดดิ้ง
    - Arvind Krishna CEO ของ IBM เชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแทนการแทนที่นักพัฒนา โดยประเมินว่า AI จะสร้างได้ 20-30% ของโค้ดเท่านั้น
    - Marc Benioff CEO ของ Salesforce มองว่า AI อาจทำให้บริษัทลดการจ้างงานนักพัฒนาแบบดั้งเดิมลง ในปี 2025

    ✅ Anthropic เชื่อว่า AI อาจสร้าง 90% ของโค้ดได้ภายใน 6 เดือน
    - Dario Amodei CEO ของ Anthropic มีมุมมองที่เร็วและรุนแรงกว่า Microsoft โดยเชื่อว่า AI จะสามารถ สร้างโค้ดเกือบทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน

    https://www.techspot.com/news/107411-microsoft-cto-predicts-ai-generate-95-percent-code.html
    Kevin Scott ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Microsoft เชื่อว่า 95% ของโค้ดโปรแกรมทั้งหมดจะถูกสร้างโดย AI ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า มนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเปลี่ยนจากการเป็นผู้เขียนโค้ด มาเป็น ผู้ควบคุมและกำกับ AI เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ ✅ บทบาทของนักพัฒนาเปลี่ยนไปสู่ “AI Orchestrator” - แทนที่จะเขียนโค้ดด้วยตนเอง นักพัฒนาจะใช้ AI ในการช่วยสร้างโค้ด - งานหลักของนักพัฒนาคือ การให้คำสั่ง (Prompts) และตรวจสอบ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ✅ AI ยังคงมีข้อจำกัดด้านความจำและการเรียนรู้จากบริบทเดิม - Scott ชี้ว่า AI ยังไม่สามารถ จำการสนทนาและปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ได้ดีนัก - อย่างไรก็ตาม อนาคต AI จะสามารถเรียนรู้จากการโต้ตอบที่ผ่านมาได้มากขึ้น ✅ CEO ของ IBM และ Salesforce มีมุมมองต่างออกไปเกี่ยวกับ AI ในวงการโค้ดดิ้ง - Arvind Krishna CEO ของ IBM เชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแทนการแทนที่นักพัฒนา โดยประเมินว่า AI จะสร้างได้ 20-30% ของโค้ดเท่านั้น - Marc Benioff CEO ของ Salesforce มองว่า AI อาจทำให้บริษัทลดการจ้างงานนักพัฒนาแบบดั้งเดิมลง ในปี 2025 ✅ Anthropic เชื่อว่า AI อาจสร้าง 90% ของโค้ดได้ภายใน 6 เดือน - Dario Amodei CEO ของ Anthropic มีมุมมองที่เร็วและรุนแรงกว่า Microsoft โดยเชื่อว่า AI จะสามารถ สร้างโค้ดเกือบทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน https://www.techspot.com/news/107411-microsoft-cto-predicts-ai-generate-95-percent-code.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft CTO predicts AI will generate 95% of code by 2030
    Microsoft CTO Kevin Scott predicted that 95 percent of programming code will be AI-generated by 2030. However, he quickly clarified that this does not signal the end...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กำลังพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่ด้านความปลอดภัยภายใน "ProtectEU" โดยมีเป้าหมาย ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ อาชญากรรม และการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อเสนอที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดคือ แนวคิดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว

    ✅ ProtectEU ตั้งเป้าปรับปรุงระบบข่าวกรองและขยายอำนาจ Europol
    - มีการเสนอให้ สร้างแพลตฟอร์ม Single Intelligence Analysis Capacity เพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกแบ่งปันข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น
    - Europol อาจถูกพัฒนาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทคล้าย FBI ของยุโรป

    ✅ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส
    - คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอให้มี "การเข้าถึงข้อมูลอย่างถูกกฎหมาย" สำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
    - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสร้างช่องทางพิเศษ (backdoor) ให้รัฐบาล อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์ได้

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวคิดนี้มีข้อบกพร่องทางเทคนิค
    - ช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ไม่สามารถทำให้ปลอดภัยได้ 100%
    - มีกรณีในอดีตที่ช่องโหว่ดังกล่าวถูกกลุ่มแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์ใช้โจมตี

    ✅ ProtectEU ยังรวมข้อเสนออื่น เช่น การควบคุมอาชญากรรมออนไลน์และความร่วมมือกับประเทศนอก EU
    - มีแผน สร้างระบบป้องกันภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มกฎระเบียบที่เข้มงวดกับเครือข่ายอาชญากรรม
    - ความร่วมมือจะขยายไปยัง ละตินอเมริกาและเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่มีการกล่าวถึงสหรัฐฯ

    https://www.techspot.com/news/107408-europe-proposes-backdoors-encrypted-platforms-under-new-security.html
    คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กำลังพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่ด้านความปลอดภัยภายใน "ProtectEU" โดยมีเป้าหมาย ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ อาชญากรรม และการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อเสนอที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดคือ แนวคิดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว ✅ ProtectEU ตั้งเป้าปรับปรุงระบบข่าวกรองและขยายอำนาจ Europol - มีการเสนอให้ สร้างแพลตฟอร์ม Single Intelligence Analysis Capacity เพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกแบ่งปันข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น - Europol อาจถูกพัฒนาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทคล้าย FBI ของยุโรป ✅ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส - คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอให้มี "การเข้าถึงข้อมูลอย่างถูกกฎหมาย" สำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสร้างช่องทางพิเศษ (backdoor) ให้รัฐบาล อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์ได้ ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวคิดนี้มีข้อบกพร่องทางเทคนิค - ช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ไม่สามารถทำให้ปลอดภัยได้ 100% - มีกรณีในอดีตที่ช่องโหว่ดังกล่าวถูกกลุ่มแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์ใช้โจมตี ✅ ProtectEU ยังรวมข้อเสนออื่น เช่น การควบคุมอาชญากรรมออนไลน์และความร่วมมือกับประเทศนอก EU - มีแผน สร้างระบบป้องกันภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มกฎระเบียบที่เข้มงวดกับเครือข่ายอาชญากรรม - ความร่วมมือจะขยายไปยัง ละตินอเมริกาและเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่มีการกล่าวถึงสหรัฐฯ https://www.techspot.com/news/107408-europe-proposes-backdoors-encrypted-platforms-under-new-security.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Europe proposes backdoors in encrypted platforms under new security strategy
    The recently announced ProtectEU plan aims to safeguard Europe from internal threats, European Commission President Ursula von der Leyen stated, emphasizing that security is a fundamental pillar...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย

    ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น
    - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต
    - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก

    ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย
    - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
    - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้

    ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร
    - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม
    - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง"

    ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส
    - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน
    - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย

    ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน
    - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
    - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้ ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง" ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto execs ask Congress to let stablecoins pay interest as bill set to advance
    (Reuters) - Some influential cryptocurrency executives are making a last-minute pitch to Congress to allow interest to be paid on U.S. dollar-pegged tokens as part of popular legislation establishing a regulatory framework for stablecoins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts