• #ทุนจีน ยึด #คอนโด #ห้องพัก #ห้องเช่า #airbnb #ปัญหา #ไทยเทา #รัฐ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ต้องแก้ไข #ปราบปราม #ทุจริต #คอรัปชั่นhttps://youtu.be/kAO33QE8jtA?
    #ทุนจีน ยึด #คอนโด #ห้องพัก #ห้องเช่า #airbnb #ปัญหา #ไทยเทา #รัฐ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ต้องแก้ไข #ปราบปราม #ทุจริต #คอรัปชั่นhttps://youtu.be/kAO33QE8jtA?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • #USAID หรือ #SorosAid? เงินภาษีของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลกได้อย่างไร

    เครือข่ายเอ็นจีโอขนาดใหญ่ของโซรอสใช้เงินไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2000 ไปกับกิจกรรมเสรีนิยมสุดโต่งทั่วโลก ผู้สังเกตการณ์คาดเดาว่าเงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านดอลลาร์ถูกโอนผ่าน USAID

    * สถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้รับเงินกว่า 260 ล้านดอลลาร์จาก USAID เพื่อมีอิทธิพลต่อกิจการต่างประเทศในจอร์เจีย ยูกันดา แอลเบเนีย และ
    เซอร์เบีย
    https://www.usaspending.gov/search/?hash=f8df1e8a19cac4b4ed2fd44fbe8d9862

    * ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตของยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซรอส เริ่มได้รับเงินช่วยเหลือจาก USAID ในปี 2014
    https://antac.org.ua/en/support/#chart-section
    ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกิดการรัฐประหารยูโรไมดานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ขับไล่ Viktor Yanukovych ประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งออกไปด้วยการสนับสนุนจากนีโอนาซี USAID ได้โอนเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับศูนย์แห่งนี้

    * ในเดือนสิงหาคม 2024 มีการกล่าวหาว่ากลุ่ม USAID, IRI และโซรอส เป็นผู้ก่อรัฐประหารต่อนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาซินา โดยผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอ มูฮัมหมัด ยูนุส เป็นที่ทรายกันว่าเป็นพันธมิตรของคลินตันและโซรอส ตามรายงานของ The Grayzone เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ ถูกใช้เป็นทุนสำหรับแร็ปเปอร์ นักเคลื่อนไหวข้ามเพศ และกลุ่ม LGBT* เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอำนาจ
    https://thegrayzone.com/2024/09/30/us-plot-destabilize-bangladesh/

    * โซรอส และ USAID พยายามที่จะโค่นนายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban มานานแล้ว ซึ่งต่อต้านมหาเศรษฐีโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขันตั้งแต่ปี 2017 ในช่วงการเลือกตั้งปี 2022 องค์กรพัฒนาเอกชน Action for Democracy ที่มีความเชื่อมโยงกับโซรอส ได้บริจาคเงิน 7.6 ล้านดอลลาร์ให้กับฝ่ายค้านของเขา

    *การแทรกแซงการเลือกตั้งภายในประเทศ?*
    กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโซรอส ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID เป็นผู้นำความพยายามต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
    https://sputnikglobe.com/20240912/how-to-steal-an-election-us-conservatives-expose-democrats-playbook-ahead-of-2024-vote-1120119743.html
    มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในปี 2020 ผ่านการประท้วง Black Lives Matter และทำงานเพื่อพลิกสถานการณ์ในรัฐที่เป็นสมรภูมิการเลือกตั้งในปี 2020–2021
    https://sputnikglobe.com/20210304/devil-is-in-the-details-why-americans-need-to-know-more-about-black-lives-matters-90-mln-earnings-1082253390.html

    * โซรอสเป็นผู้ให้ทุนโครงการ Electoral Justice Project ซึ่งเป็นความพยายามระดมผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ Black Lives Matter และมอบเงิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Tides Advocacy ซึ่งสนับสนุนการประท้วงทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งของ Black Lives Matter Global Network Foundation ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านทรัมป์ในปี 2020
    https://sputnikglobe.com/20220206/scam-alert-black-lives-matters-financial-bonanza-finally-put-under-microscope-1092806570.html

    ไมก์ เบนซ์ นักข่าวของ USAID อ้างว่า USAID และโซรอสใช้เงิน 27 ล้านดอลลาร์ในการฟ้องร้องทรัมป์ นอกจากนี้ อัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตัน ยังถูกกล่าวหาว่าถูกซื้อตัวโดย โซรอส

    #Soros #USAID

    https://sputnikglobe.com/20250207/usaid-or-sorosaid-how-us-tax-dollars-fund-chaos-worldwide-1121545540.html
    #USAID หรือ #SorosAid? เงินภาษีของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลกได้อย่างไร เครือข่ายเอ็นจีโอขนาดใหญ่ของโซรอสใช้เงินไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2000 ไปกับกิจกรรมเสรีนิยมสุดโต่งทั่วโลก ผู้สังเกตการณ์คาดเดาว่าเงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านดอลลาร์ถูกโอนผ่าน USAID * สถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้รับเงินกว่า 260 ล้านดอลลาร์จาก USAID เพื่อมีอิทธิพลต่อกิจการต่างประเทศในจอร์เจีย ยูกันดา แอลเบเนีย และ เซอร์เบีย https://www.usaspending.gov/search/?hash=f8df1e8a19cac4b4ed2fd44fbe8d9862 * ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตของยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซรอส เริ่มได้รับเงินช่วยเหลือจาก USAID ในปี 2014 https://antac.org.ua/en/support/#chart-section ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกิดการรัฐประหารยูโรไมดานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ขับไล่ Viktor Yanukovych ประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งออกไปด้วยการสนับสนุนจากนีโอนาซี USAID ได้โอนเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับศูนย์แห่งนี้ * ในเดือนสิงหาคม 2024 มีการกล่าวหาว่ากลุ่ม USAID, IRI และโซรอส เป็นผู้ก่อรัฐประหารต่อนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาซินา โดยผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอ มูฮัมหมัด ยูนุส เป็นที่ทรายกันว่าเป็นพันธมิตรของคลินตันและโซรอส ตามรายงานของ The Grayzone เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ ถูกใช้เป็นทุนสำหรับแร็ปเปอร์ นักเคลื่อนไหวข้ามเพศ และกลุ่ม LGBT* เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอำนาจ https://thegrayzone.com/2024/09/30/us-plot-destabilize-bangladesh/ * โซรอส และ USAID พยายามที่จะโค่นนายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban มานานแล้ว ซึ่งต่อต้านมหาเศรษฐีโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขันตั้งแต่ปี 2017 ในช่วงการเลือกตั้งปี 2022 องค์กรพัฒนาเอกชน Action for Democracy ที่มีความเชื่อมโยงกับโซรอส ได้บริจาคเงิน 7.6 ล้านดอลลาร์ให้กับฝ่ายค้านของเขา *การแทรกแซงการเลือกตั้งภายในประเทศ?* กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโซรอส ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID เป็นผู้นำความพยายามต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี https://sputnikglobe.com/20240912/how-to-steal-an-election-us-conservatives-expose-democrats-playbook-ahead-of-2024-vote-1120119743.html มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในปี 2020 ผ่านการประท้วง Black Lives Matter และทำงานเพื่อพลิกสถานการณ์ในรัฐที่เป็นสมรภูมิการเลือกตั้งในปี 2020–2021 https://sputnikglobe.com/20210304/devil-is-in-the-details-why-americans-need-to-know-more-about-black-lives-matters-90-mln-earnings-1082253390.html * โซรอสเป็นผู้ให้ทุนโครงการ Electoral Justice Project ซึ่งเป็นความพยายามระดมผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ Black Lives Matter และมอบเงิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Tides Advocacy ซึ่งสนับสนุนการประท้วงทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งของ Black Lives Matter Global Network Foundation ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านทรัมป์ในปี 2020 https://sputnikglobe.com/20220206/scam-alert-black-lives-matters-financial-bonanza-finally-put-under-microscope-1092806570.html ไมก์ เบนซ์ นักข่าวของ USAID อ้างว่า USAID และโซรอสใช้เงิน 27 ล้านดอลลาร์ในการฟ้องร้องทรัมป์ นอกจากนี้ อัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตัน ยังถูกกล่าวหาว่าถูกซื้อตัวโดย โซรอส #Soros #USAID https://sputnikglobe.com/20250207/usaid-or-sorosaid-how-us-tax-dollars-fund-chaos-worldwide-1121545540.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเปิดเผยว่า ผู้รับผลประโยชน์จากโครงการประกันสังคมของสหรัฐฯ หลายล้านคนที่ดูเหมือนเสียชีวิตแล้ว แต่ยังคงได้รับผลประโยชน์อยู่ ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นจากการใช้ภาษาโปรแกรมเก่าอย่าง COBOL ที่เคยพัฒนาขึ้นในปี 1950 สำหรับการจัดการข้อมูลผู้รับผลประโยชน์

    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Elon Musk อ้างว่า มีชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า 20 ล้านคนที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และยังคงได้รับผลประโยชน์จากโครงการประกันสังคม ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ มีคนจำนวนมากที่ถูกระบุว่าอายุถึง 150 ปี และยังได้รับผลประโยชน์อยู่

    ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภาษา COBOL คือไม่มีวิธีมาตรฐานในการจัดการวันที่ ทำให้โปรแกรมเมอร์ต้องหาวิธีสร้างข้อมูลวันที่ขึ้นมาเอง โดยมักใช้วันที่สมมุติเช่น 20 พฤษภาคม 1875 ซึ่งเป็นวันที่ที่เลือกตามมาตรฐาน ISO 8601 สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ทราบวันที่จริง เมื่อวันที่นี้ถูกบันทึกลงในฐานข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่มีข้อมูลวันเกิดที่แท้จริง ก็เกิดความเข้าใจผิดว่าผู้สมัครเหล่านี้มีอายุถึง 150 ปี

    ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเช่นนี้ หน่วยงานประกันสังคมของสหรัฐฯ (SSA) ได้ใช้มาตรการเพื่อป้องกันการทุจริต โดยมีการตรวจสอบข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ที่มีอายุเกิน 115 ปี และมีการใช้ระบบอัตโนมัติที่สามารถบล็อกการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่มีอายุเกินกว่านั้น

    ตัวอย่างนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ ของสหรัฐฯ ต้องเผชิญ เนื่องจากมีการใช้ภาษาโปรแกรมเก่าแบบ COBOL ในการจัดการข้อมูลที่สำคัญและมีการทำงานที่ซับซ้อน

    https://www.techspot.com/news/106926-millions-dead-social-security-recipients-actually-caused-cobol.html
    มีการเปิดเผยว่า ผู้รับผลประโยชน์จากโครงการประกันสังคมของสหรัฐฯ หลายล้านคนที่ดูเหมือนเสียชีวิตแล้ว แต่ยังคงได้รับผลประโยชน์อยู่ ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นจากการใช้ภาษาโปรแกรมเก่าอย่าง COBOL ที่เคยพัฒนาขึ้นในปี 1950 สำหรับการจัดการข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Elon Musk อ้างว่า มีชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า 20 ล้านคนที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และยังคงได้รับผลประโยชน์จากโครงการประกันสังคม ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ มีคนจำนวนมากที่ถูกระบุว่าอายุถึง 150 ปี และยังได้รับผลประโยชน์อยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภาษา COBOL คือไม่มีวิธีมาตรฐานในการจัดการวันที่ ทำให้โปรแกรมเมอร์ต้องหาวิธีสร้างข้อมูลวันที่ขึ้นมาเอง โดยมักใช้วันที่สมมุติเช่น 20 พฤษภาคม 1875 ซึ่งเป็นวันที่ที่เลือกตามมาตรฐาน ISO 8601 สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ทราบวันที่จริง เมื่อวันที่นี้ถูกบันทึกลงในฐานข้อมูลของผู้สมัครที่ไม่มีข้อมูลวันเกิดที่แท้จริง ก็เกิดความเข้าใจผิดว่าผู้สมัครเหล่านี้มีอายุถึง 150 ปี ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเช่นนี้ หน่วยงานประกันสังคมของสหรัฐฯ (SSA) ได้ใช้มาตรการเพื่อป้องกันการทุจริต โดยมีการตรวจสอบข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ที่มีอายุเกิน 115 ปี และมีการใช้ระบบอัตโนมัติที่สามารถบล็อกการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่มีอายุเกินกว่านั้น ตัวอย่างนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ ของสหรัฐฯ ต้องเผชิญ เนื่องจากมีการใช้ภาษาโปรแกรมเก่าแบบ COBOL ในการจัดการข้อมูลที่สำคัญและมีการทำงานที่ซับซ้อน https://www.techspot.com/news/106926-millions-dead-social-security-recipients-actually-caused-cobol.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Millions of "dead" Social Security recipients actually caused by a COBOL coding quirk
    The rumors began when Elon Musk claimed that a significant number of Americans over the age of 100 were inappropriately receiving benefits. Musk and other DOGE representatives...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน

    📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

    ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ
    การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม

    กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม
    🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ
    🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน
    🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ
    🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที

    กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่
    🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ
    🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ

    🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย!

    แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

    มาตรการเร่งด่วน
    ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา
    ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ
    ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง

    มาตรการระยะยาว
    🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด
    📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต
    📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ

    👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา
    อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา

    แนวทางการช่วยเหลือ
    ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม
    ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ

    🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น
    ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง

    มาตรการเร่งด่วน
    🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น
    🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
    🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า

    มาตรการให้ความรู้เยาวชน
    📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน
    📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง

    🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า!

    เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ

    ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม
    ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด

    🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568

    📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน 📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม 🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ 🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน 🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ 🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่ 🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ 🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ 🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย! แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการเร่งด่วน ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง มาตรการระยะยาว 🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด 📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต 📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ 👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา แนวทางการช่วยเหลือ ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ 🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง มาตรการเร่งด่วน 🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น 🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต 🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการให้ความรู้เยาวชน 📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน 📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง 🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า! เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด 🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568 📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โรงพิมพ์รุ่งศิลป์” แจ้งความ “องค์การค้า สกสค.” งุบงิบ เปิดซองราคาพิมพ์แบบเรียน
    .
    “โรงพิมพ์รุ่งศิลป์” โร่แจ้งความ หลัง “องค์การค้าของ สกสค.” ไม่ให้ร่วมสังเกตการณ์เปิดซองประมูลโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 ชี้ส่อขัด พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ หวั่นไม่โปร่งใส แถมไม่มีการทำข้อตกลงคุณธรรม ที่ กม.ฉบับเดียวกำหนดว่า โครงการเกิน 1 พันล้านบ. ต้องจัดทำเพื่อป้องกันการทุจริต
    .
    ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีคัดเลือก โดยได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทที่ได้รับการเชิญชวนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.68 ที่ผ่านมานั้น
    .
    น.ส.ภัทรพร ธนสารสาคร ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด เปิดเผยว่า โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเชิญชวนจากองค์การค้าของ สกสค.ให้เข้าร่วมเสนอราคาพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ และได้เข้ายื่นซองประมูลในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.พ.68 ตามกำหนดเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายซึ่งทาง องค์การค้าของ สกสค. จะมีการเปิดซองเสนอราคาของผู้เข้าร่วมประมูล โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ กลับได้รับแจ้งว่าไม่สามารถร่วมสังเกตการณ์ได้ ทั้งที่ตามระเบียบปฏิบัติในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) หมวด 2 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริต โดยในมาตรา 16 ระบุว่า “เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดของการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในหมวดนี้”
    .
    “หลังยื่นซองราคาแล้ว จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งกับบริษัทฯ ว่าไม่ให้อยู่ร่วมสังเกตการณ์ประมูล ทั้งที่ตามระเบียบต้องกระทำอย่างโปร่งใส ให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้สังเกตการณ์ เห็นว่าอาจมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น และอาจส่งผลให้ โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ลาดพร้าว” น.ส.ภัทรพร ระบุ
    .
    น.ส.ภัทรพร ยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีการคัดเลือกครั้งนี้ ไม่มีการปฏิบัติตาม ข้อตกลงคุณธรรม ที่ระบุไว้ใน มาตรา 17-18 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ทั้งที่เป็นโครงการที่มีงบประมาณมากกว่า 1 พันล้านบาท เข้าเกณฑ์ต้องจัดทำ ข้อตกลงคุณธรรม ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการและผู้ประกอบการที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ที่ต้องตกลงกันว่าจะไม่กระทำการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง และให้มีผู้สังเกตการณ์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ที่จำเป็นต่อโครงการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้าง
    ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดำาร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) จนสิ้นสุดโครงการ
    .
    ”การที่ องค์การค้าฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้มีข้อตกลงคุณธรรม ก็เกรงว่าจะทำให้โครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 ครั้งนี้จะมีปัญหาขึ้นมาอีก หลังจากที่ได้ยกเลิกผลการประกวดราคาด้วยวิธี e-bidding มาแล้ว รวมทั้งในช่วง 2-3 ปีหลังที่โครงการพิมพ์แบบเรียนมีปัญหาความไม่ชอบมาพากลมาโดยตลอด“ น.ส.ภัทรพร ระบุ.
    ............
    Sondhi X
    “โรงพิมพ์รุ่งศิลป์” แจ้งความ “องค์การค้า สกสค.” งุบงิบ เปิดซองราคาพิมพ์แบบเรียน . “โรงพิมพ์รุ่งศิลป์” โร่แจ้งความ หลัง “องค์การค้าของ สกสค.” ไม่ให้ร่วมสังเกตการณ์เปิดซองประมูลโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 ชี้ส่อขัด พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ หวั่นไม่โปร่งใส แถมไม่มีการทำข้อตกลงคุณธรรม ที่ กม.ฉบับเดียวกำหนดว่า โครงการเกิน 1 พันล้านบ. ต้องจัดทำเพื่อป้องกันการทุจริต . ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีคัดเลือก โดยได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทที่ได้รับการเชิญชวนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.68 ที่ผ่านมานั้น . น.ส.ภัทรพร ธนสารสาคร ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด เปิดเผยว่า โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเชิญชวนจากองค์การค้าของ สกสค.ให้เข้าร่วมเสนอราคาพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ และได้เข้ายื่นซองประมูลในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.พ.68 ตามกำหนดเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายซึ่งทาง องค์การค้าของ สกสค. จะมีการเปิดซองเสนอราคาของผู้เข้าร่วมประมูล โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ กลับได้รับแจ้งว่าไม่สามารถร่วมสังเกตการณ์ได้ ทั้งที่ตามระเบียบปฏิบัติในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) หมวด 2 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริต โดยในมาตรา 16 ระบุว่า “เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดของการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในหมวดนี้” . “หลังยื่นซองราคาแล้ว จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งกับบริษัทฯ ว่าไม่ให้อยู่ร่วมสังเกตการณ์ประมูล ทั้งที่ตามระเบียบต้องกระทำอย่างโปร่งใส ให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้สังเกตการณ์ เห็นว่าอาจมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น และอาจส่งผลให้ โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ลาดพร้าว” น.ส.ภัทรพร ระบุ . น.ส.ภัทรพร ยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีการคัดเลือกครั้งนี้ ไม่มีการปฏิบัติตาม ข้อตกลงคุณธรรม ที่ระบุไว้ใน มาตรา 17-18 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ทั้งที่เป็นโครงการที่มีงบประมาณมากกว่า 1 พันล้านบาท เข้าเกณฑ์ต้องจัดทำ ข้อตกลงคุณธรรม ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการและผู้ประกอบการที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ที่ต้องตกลงกันว่าจะไม่กระทำการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง และให้มีผู้สังเกตการณ์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ ที่จำเป็นต่อโครงการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดำาร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) จนสิ้นสุดโครงการ . ”การที่ องค์การค้าฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้มีข้อตกลงคุณธรรม ก็เกรงว่าจะทำให้โครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 ครั้งนี้จะมีปัญหาขึ้นมาอีก หลังจากที่ได้ยกเลิกผลการประกวดราคาด้วยวิธี e-bidding มาแล้ว รวมทั้งในช่วง 2-3 ปีหลังที่โครงการพิมพ์แบบเรียนมีปัญหาความไม่ชอบมาพากลมาโดยตลอด“ น.ส.ภัทรพร ระบุ. ............ Sondhi X
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1750 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ

    1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว

    2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์

    3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ

    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้

    #Newskit
    เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ 1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว 2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์ 3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ กางชื่อกรรมการคดีพิเศษของ DSI ถกรับคดีสว.เป็นคดีพิเศษ ไม่น่ารอด เพราะมีปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้ารับใช้ของเสี่ยหนู มท.1 พวกกันของสว.สีน้ำเงิน และอาจเป็นหนึ่งในกรรมการเพียงไม่กี่คน ที่ไม่รับคดีทุจริตฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นคดีพิเศษ
    #7ดอกจิก
    ♣ กางชื่อกรรมการคดีพิเศษของ DSI ถกรับคดีสว.เป็นคดีพิเศษ ไม่น่ารอด เพราะมีปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้ารับใช้ของเสี่ยหนู มท.1 พวกกันของสว.สีน้ำเงิน และอาจเป็นหนึ่งในกรรมการเพียงไม่กี่คน ที่ไม่รับคดีทุจริตฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นคดีพิเศษ #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลตัดสินประหารชีวิตอดีตผู้บริหารธนาคาร ไชน่า หัวหรงในคดีรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลล่าร์)ศาลจีนตัดสินให้ประหารชีวิต Bai Tianhui อดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัท China Huarong International Holdings เมื่อวันจันทร์ หลังจากปฏิเสธการอุทธรณ์ในคดีสินบนที่เกี่ยวข้องกับเงินกว่า 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลลาร์)ศาลประชาชนชั้นสูงเทียนจินประกาศผลการตัดสินผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าศาลได้ยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลประชาชนชั้นกลางหมายเลข 2 เทียนจิน โดยศาลระบุว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้ส่งไปยังศาลประชาชนสูงสุดซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศจีน เพื่อพิจารณาทบทวนโดยบังคับในประเทศจีน โทษประหารชีวิตที่ออกโดยศาลชั้นล่างจะต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากศาลประชาชนสูงสุดเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการลงโทษได้ไป๋ถูกตัดสินประหารชีวิตในเดือนพฤษภาคม หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้ตำแหน่งในบริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2018 เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ให้กับนิติบุคคลหลายแห่งในการเข้าซื้อโครงการและการจัดหาเงินทุนขององค์กร โดยแลกกับสินบนที่เกิน 1.1 พันล้านหยวน ตามบันทึกของศาลนอกจากนี้ เขายังถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดถูกยึด ศาลสั่งให้โอนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและดอกเบี้ยใดๆ ที่ได้รับจากกำไรเหล่านั้นให้กับกระทรวงการคลังของชาติคดีนี้สืบเนื่องจากการพิจารณาคดีทุจริตของไหลเสี่ยวหมินอดีตประธานบริษัท China Huarong Asset Management ซึ่งถูกประหารชีวิตในปี 2021 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานรับสินบนมากกว่า 1.78 พันล้านหยวน นอกจากนี้ ยังพบว่าไหลยังยักยอกและรีดไถเงินของรัฐมากกว่า 25.13 ล้านหยวน และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวเป็นเวลานาน
    ศาลตัดสินประหารชีวิตอดีตผู้บริหารธนาคาร ไชน่า หัวหรงในคดีรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลล่าร์)ศาลจีนตัดสินให้ประหารชีวิต Bai Tianhui อดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัท China Huarong International Holdings เมื่อวันจันทร์ หลังจากปฏิเสธการอุทธรณ์ในคดีสินบนที่เกี่ยวข้องกับเงินกว่า 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลลาร์)ศาลประชาชนชั้นสูงเทียนจินประกาศผลการตัดสินผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าศาลได้ยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลประชาชนชั้นกลางหมายเลข 2 เทียนจิน โดยศาลระบุว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้ส่งไปยังศาลประชาชนสูงสุดซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศจีน เพื่อพิจารณาทบทวนโดยบังคับในประเทศจีน โทษประหารชีวิตที่ออกโดยศาลชั้นล่างจะต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากศาลประชาชนสูงสุดเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการลงโทษได้ไป๋ถูกตัดสินประหารชีวิตในเดือนพฤษภาคม หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้ตำแหน่งในบริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2018 เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ให้กับนิติบุคคลหลายแห่งในการเข้าซื้อโครงการและการจัดหาเงินทุนขององค์กร โดยแลกกับสินบนที่เกิน 1.1 พันล้านหยวน ตามบันทึกของศาลนอกจากนี้ เขายังถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดถูกยึด ศาลสั่งให้โอนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและดอกเบี้ยใดๆ ที่ได้รับจากกำไรเหล่านั้นให้กับกระทรวงการคลังของชาติคดีนี้สืบเนื่องจากการพิจารณาคดีทุจริตของไหลเสี่ยวหมินอดีตประธานบริษัท China Huarong Asset Management ซึ่งถูกประหารชีวิตในปี 2021 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานรับสินบนมากกว่า 1.78 พันล้านหยวน นอกจากนี้ ยังพบว่าไหลยังยักยอกและรีดไถเงินของรัฐมากกว่า 25.13 ล้านหยวน และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวเป็นเวลานาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568

    อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176

    #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556 • เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568 • อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176 • #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิญา" ยื่นขวาง "ดีเอสไอ" ทบทวนรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ชี้ กกต. รับเรื่องตรวจสอบไว้แล้ว มองทำงานซ้ำซ้อนกันอาจเกิดความขัดแย้ง

    วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการรับคดีการเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)​ เข้าข่าย "อั้งยี่ ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

    นายสนธิญา เผยว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.เขตปทุมวัน กทม. และผ่านเข้าสู่ระดับจังหวัด จึงรู้เห็นระบบกระบวนการในการเลือกตั้งทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งตนเองก็เคยร้องเรียนหลังพบว่า มีบริษัทไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งบุคลากรสมัครเป็นกลุ่มก้อนเป็นเพื่อช่วยโหวตให้บุคคลหนึ่งลักษณะทุจริต และเรื่องนี้ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้เปิดคลิปวงจรปิดในวันโหวตเลือก สว. ขอให้เปิดเผยเอกสารการลงคะแนน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะดูหลักฐานได้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018145

    #MGROnline #สนธิญา #ดีเอสไอ
    "สนธิญา" ยื่นขวาง "ดีเอสไอ" ทบทวนรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ชี้ กกต. รับเรื่องตรวจสอบไว้แล้ว มองทำงานซ้ำซ้อนกันอาจเกิดความขัดแย้ง • วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการรับคดีการเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)​ เข้าข่าย "อั้งยี่ ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง • นายสนธิญา เผยว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.เขตปทุมวัน กทม. และผ่านเข้าสู่ระดับจังหวัด จึงรู้เห็นระบบกระบวนการในการเลือกตั้งทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งตนเองก็เคยร้องเรียนหลังพบว่า มีบริษัทไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งบุคลากรสมัครเป็นกลุ่มก้อนเป็นเพื่อช่วยโหวตให้บุคคลหนึ่งลักษณะทุจริต และเรื่องนี้ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้เปิดคลิปวงจรปิดในวันโหวตเลือก สว. ขอให้เปิดเผยเอกสารการลงคะแนน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะดูหลักฐานได้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018145 • #MGROnline #สนธิญา #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332

    คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090

    #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332 • คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090 • #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับผิดฮั้วเลือก ส.ว.สายสีน้ำเงินขยับ "นันทนา" เชียร์ดีเอสไอ
    .
    ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของส.ว.บางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่เข้ามาตรวจสอบกระบวนการเลือกส.ว. ปรากฎว่ายังมีส.ว.อีกส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการทำงานของดีเอสไอ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว.ในกลุ่มอิสระ ซึ่งระบุว่า เดิมทีทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการสืบสวน สอบสวนการทุจริตเลือกตั้งต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 7 เดือนแล้ว กกต.ยังเงียบอยู่ ทำให้มีประชาชนเริ่มกังขาการทำหน้าที่ของ กกต. และการที่ดีเอสไอแสดงท่าทีว่าจะเข้ามารับทำคดีนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว.ชุดนี้
    .
    "ส่วนกระบวนการที่ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องทางคดีอาญาเกี่ยวกับการอั้งยี่ที่แยกออกจากเรื่องคดีเลือกตั้ง ซึ่งหากทางดีเอสไอเข้ามาดำเนินการและสามารถทำให้คลายข้อสงสัยของประชาชนจำนวนมากได้ ก็เห็นด้วย"
    .
    "ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ตรงนี้มันวิปริตบิดเบี้ยวไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ นั่นคือเป็นกระบวนการที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม เพราะเป็นคนที่สมัคร จ่ายเงิน และเข้ามาเลือกกันเอง ฉะนั้น หากกระบวนการไปถึงขั้นตอนที่พบว่ามีความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากล และต้องมีการล้มกระดาน คิดว่าก่อนที่จะมีการล้มกระดานควรจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อเปลี่ยนกติกาก่อน เพราะหากมีการล้มกระดานจริง แต่ยังใช้กติกาเดิม มันก็เหมือนเดิม ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร" ส.ว.นันทนา ระบุ
    .
    ขณะเดียวกัน มีรายงานจากวุฒิสภาว่า นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภาหรือ วิปวุฒิสภา ได้นัดหารือวิปวุฒิสภา เป็นกรณีพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ ที่ห้องประชุม 406-407 ตึกวุฒิสภา เวลา 08.00 น. ที่เป็นช่วงก่อนเข้าประชุมวุฒิสภา โดยได้มีการส่งข้อความถึงสว.ที่อยู่ในวิปวุฒิสภาให้แจ้งการเข้าประชุม โดยหากใครลาการประชุมขอให้แจ้งล่วงหน้า ซึ่งเดิมที วิปวุฒิสภา จะนัดประชุมวันที่ 26 ก.พ.แต่ได้เลื่อนมาเป็น 24 ก.พ. หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือบอร์ดดีเอสไอ นัดประชุมวันที่ 25 ก.พ. เพื่อลงมติว่าจะรับเรื่องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสอบสวนการเลือกสว.ชุดปัจจุบันเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งการจะรับเป็นคดีพิเศษ ต้องใช้เสียงของกรรมการอย่างน้อย 2 ใน 3 จากกรรมการที่มีอยู่ 22 คนหรือประมาณ 15 เสียง ดีเอสไอถึงเข้าสอบสวนได้ แต่ต้องจับตาว่าจะมีกรรมการเข้าประชุมครบหรือไม่
    .
    นอกจากนี้ ยังมีการรายงานอีกว่า ได้มีการขอความร่วมมือจากกลุ่มส.ว.ให้งดการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนไว้ก่อน เพื่อรอฟังมติที่ประชุมบอร์ดดีเอสไอในวันอังคารที่ 25 ก.พ.
    .............
    Sondhi X
    จับผิดฮั้วเลือก ส.ว.สายสีน้ำเงินขยับ "นันทนา" เชียร์ดีเอสไอ . ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของส.ว.บางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่เข้ามาตรวจสอบกระบวนการเลือกส.ว. ปรากฎว่ายังมีส.ว.อีกส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการทำงานของดีเอสไอ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว.ในกลุ่มอิสระ ซึ่งระบุว่า เดิมทีทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการสืบสวน สอบสวนการทุจริตเลือกตั้งต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 7 เดือนแล้ว กกต.ยังเงียบอยู่ ทำให้มีประชาชนเริ่มกังขาการทำหน้าที่ของ กกต. และการที่ดีเอสไอแสดงท่าทีว่าจะเข้ามารับทำคดีนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว.ชุดนี้ . "ส่วนกระบวนการที่ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องทางคดีอาญาเกี่ยวกับการอั้งยี่ที่แยกออกจากเรื่องคดีเลือกตั้ง ซึ่งหากทางดีเอสไอเข้ามาดำเนินการและสามารถทำให้คลายข้อสงสัยของประชาชนจำนวนมากได้ ก็เห็นด้วย" . "ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ตรงนี้มันวิปริตบิดเบี้ยวไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ นั่นคือเป็นกระบวนการที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม เพราะเป็นคนที่สมัคร จ่ายเงิน และเข้ามาเลือกกันเอง ฉะนั้น หากกระบวนการไปถึงขั้นตอนที่พบว่ามีความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากล และต้องมีการล้มกระดาน คิดว่าก่อนที่จะมีการล้มกระดานควรจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อเปลี่ยนกติกาก่อน เพราะหากมีการล้มกระดานจริง แต่ยังใช้กติกาเดิม มันก็เหมือนเดิม ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร" ส.ว.นันทนา ระบุ . ขณะเดียวกัน มีรายงานจากวุฒิสภาว่า นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภาหรือ วิปวุฒิสภา ได้นัดหารือวิปวุฒิสภา เป็นกรณีพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ ที่ห้องประชุม 406-407 ตึกวุฒิสภา เวลา 08.00 น. ที่เป็นช่วงก่อนเข้าประชุมวุฒิสภา โดยได้มีการส่งข้อความถึงสว.ที่อยู่ในวิปวุฒิสภาให้แจ้งการเข้าประชุม โดยหากใครลาการประชุมขอให้แจ้งล่วงหน้า ซึ่งเดิมที วิปวุฒิสภา จะนัดประชุมวันที่ 26 ก.พ.แต่ได้เลื่อนมาเป็น 24 ก.พ. หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือบอร์ดดีเอสไอ นัดประชุมวันที่ 25 ก.พ. เพื่อลงมติว่าจะรับเรื่องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสอบสวนการเลือกสว.ชุดปัจจุบันเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งการจะรับเป็นคดีพิเศษ ต้องใช้เสียงของกรรมการอย่างน้อย 2 ใน 3 จากกรรมการที่มีอยู่ 22 คนหรือประมาณ 15 เสียง ดีเอสไอถึงเข้าสอบสวนได้ แต่ต้องจับตาว่าจะมีกรรมการเข้าประชุมครบหรือไม่ . นอกจากนี้ ยังมีการรายงานอีกว่า ได้มีการขอความร่วมมือจากกลุ่มส.ว.ให้งดการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนไว้ก่อน เพื่อรอฟังมติที่ประชุมบอร์ดดีเอสไอในวันอังคารที่ 25 ก.พ. ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1916 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้


    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้

    USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง

    ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

    ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024

    ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024 ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐไม่ได้บังคับให้ยูเครนยอมยกแร่ธาตุทั้งหมดให้สหรัฐ ข้อตกลงที่ทำขึ้น จะมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมา และสหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการรายได้ที่ยูเครนต้องเป็นฝ่ายส่งเข้ามาในกองทุนนี้ทั้งหมด ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริตภายในของยูเครนเองในช่วงระหว่างการฟื้นฟูประเทศหลังข้อตกลงหยุดยิง
    Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐไม่ได้บังคับให้ยูเครนยอมยกแร่ธาตุทั้งหมดให้สหรัฐ ข้อตกลงที่ทำขึ้น จะมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมา และสหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการรายได้ที่ยูเครนต้องเป็นฝ่ายส่งเข้ามาในกองทุนนี้ทั้งหมด ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริตภายในของยูเครนเองในช่วงระหว่างการฟื้นฟูประเทศหลังข้อตกลงหยุดยิง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ

    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลอกคราบ! ร่าง 'กาสิโน' ฉบับกฤษฎีกา พบช่องโหว่เปิดทางทุจริตเชิงนโยบาย
    https://www.thai-tai.tv/news/17292/
    ลอกคราบ! ร่าง 'กาสิโน' ฉบับกฤษฎีกา พบช่องโหว่เปิดทางทุจริตเชิงนโยบาย https://www.thai-tai.tv/news/17292/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมายเหตุ Newskit : ไซเบอร์อรรถ ทำงานรับใช้ใคร?

    กรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ถือเป็นการใช้วิธีการที่ไม่ปกติ เพราะโดยปกติแล้วคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรง เพียงแค่ตำรวจท้องที่นำหมายเรียกไปติดที่หน้าบ้านเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ถือว่ามากพอแล้ว

    เราอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอข่าวบางอย่างของสำนักข่าวแห่งนี้ และโดยหลักการแล้วการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วไปกระทบกระทั่งกับบุคคลในข่าวหรือใครก็ตาม ก็สามารถตรวจสอบและฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามสิทธิที่ตนเองมีอยู่ แต่การที่ตำรวจไซเบอร์ใช้ยุทธวิธี นำตำรวจนับสิบนายบุกบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งอยู่ในชุมชนเล็กๆ อยู่กันเพียงสามคนแม่ลูก และยังมีพ่อที่มีโรคประจำตัวพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียงแค่มีหลักฐานทางและข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของสำนักข่าวแห่งนั้น ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทบกับคนจำนวนมาก ถือเป็นวิธีการที่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่?

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ที่สื่อมวลชนอาชญากรรมตั้งฉายาว่า "ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม" กระทำการเล่นใหญ่ เพราะเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 เคยนำกำลังจับกุมแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ที่เผยแพร่ภาพตัดต่อนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามสมควร แต่การบุกบ้านผู้ประกาศข่าวแต่เช้า ว่ากันว่าทนายความของนักการเมืองรายเดียวกันแจ้งความก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ทำงานรับใช้ใคร นักการเมืองรายใดรายหนึ่งหรือไม่? ถือเป็นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่?

    เราคงไม่คาดหวังองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแสดงท่าทีใดๆ เพราะหนึ่งในคู่กรณีเป็นนักข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ และเป็นความเคยชินที่ใครไม่ใช่พวกเดียวกันมักจะไม่นับรวมเป็นสื่อมวลชน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าวันหนึ่งตำรวจใช้วิธีการดำเนินคดีที่ไม่ปกติต่อสื่อมวลชน เฉกเช่นครั้งนี้ใช้กำลังนับสิบนายบุกไปที่บ้าน ยึดมือถือ เพียงเพื่อเรียกตัวไปเป็นพยาน คำถามที่ตามมากับสื่อมวลชนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเสียงดังมากพอก็คือ เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ?

    #Newskit
    หมายเหตุ Newskit : ไซเบอร์อรรถ ทำงานรับใช้ใคร? กรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ถือเป็นการใช้วิธีการที่ไม่ปกติ เพราะโดยปกติแล้วคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรง เพียงแค่ตำรวจท้องที่นำหมายเรียกไปติดที่หน้าบ้านเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ถือว่ามากพอแล้ว เราอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอข่าวบางอย่างของสำนักข่าวแห่งนี้ และโดยหลักการแล้วการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วไปกระทบกระทั่งกับบุคคลในข่าวหรือใครก็ตาม ก็สามารถตรวจสอบและฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามสิทธิที่ตนเองมีอยู่ แต่การที่ตำรวจไซเบอร์ใช้ยุทธวิธี นำตำรวจนับสิบนายบุกบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งอยู่ในชุมชนเล็กๆ อยู่กันเพียงสามคนแม่ลูก และยังมีพ่อที่มีโรคประจำตัวพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียงแค่มีหลักฐานทางและข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของสำนักข่าวแห่งนั้น ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทบกับคนจำนวนมาก ถือเป็นวิธีการที่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่? ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ที่สื่อมวลชนอาชญากรรมตั้งฉายาว่า "ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม" กระทำการเล่นใหญ่ เพราะเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 เคยนำกำลังจับกุมแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ที่เผยแพร่ภาพตัดต่อนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามสมควร แต่การบุกบ้านผู้ประกาศข่าวแต่เช้า ว่ากันว่าทนายความของนักการเมืองรายเดียวกันแจ้งความก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ทำงานรับใช้ใคร นักการเมืองรายใดรายหนึ่งหรือไม่? ถือเป็นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่? เราคงไม่คาดหวังองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแสดงท่าทีใดๆ เพราะหนึ่งในคู่กรณีเป็นนักข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ และเป็นความเคยชินที่ใครไม่ใช่พวกเดียวกันมักจะไม่นับรวมเป็นสื่อมวลชน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าวันหนึ่งตำรวจใช้วิธีการดำเนินคดีที่ไม่ปกติต่อสื่อมวลชน เฉกเช่นครั้งนี้ใช้กำลังนับสิบนายบุกไปที่บ้าน ยึดมือถือ เพียงเพื่อเรียกตัวไปเป็นพยาน คำถามที่ตามมากับสื่อมวลชนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเสียงดังมากพอก็คือ เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ? #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112
    .
    แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน
    .
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
    .
    “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว
    .
    สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง
    .............
    Sondhi X
    พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112 . แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน . นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง . “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว . สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง ............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    24
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2282 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    WWW.SCMP.COM
    Former ICBC executive gets death sentence with reprieve for taking bribes
    Zhang Hongli, who was vice-president of the state-owned bank, accepted bribes in exchange for help with loan financing and securing jobs.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความอาย: ด่านสำคัญของจิตที่กำหนดเส้นทางกรรม

    "ความอาย" เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิด เป็นกลไกทางจิตใจที่ช่วยกำกับพฤติกรรม แต่ในขณะเดียวกัน ความอายก็สามารถเป็นทั้งตัวฉุดรั้งและตัวผลักดันให้คนเราเดินไปในเส้นทางกรรมที่แตกต่างกัน


    ---

    🔹 ประเภทของความอายและผลกระทบต่อชีวิต

    1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์: เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    ✅ บางช่วงชีวิต คนเราอาจรู้สึกอายกับหน้าตา รูปร่าง หรือการแต่งกาย

    บางวันไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง

    บางช่วงชีวิตรู้สึกว่าต้องสวย ต้องดูดี เพื่อให้ได้รับการยอมรับ

    แต่เมื่อโตขึ้น โฟกัสจะเปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์เป็น “ผลงาน” หรือ “การกระทำ”

    สุดท้ายคนเรามักเลิกสนใจว่าตัวเองดูเป็นอย่างไร และสนใจว่าตัวเอง “เป็นคนอย่างไร” แทน


    💡 ความอายเรื่องรูปลักษณ์จึงเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว และสามารถเปลี่ยนแปลงได้


    ---

    2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย: สัญชาตญาณ vs. ค่านิยม

    ✅ มนุษย์มีสัญชาตญาณในการปกปิดร่างกายโดยธรรมชาติ

    การไม่เปิดเผยของลับเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์

    แต่เมื่อค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป ความรู้สึกอายนี้ก็ถูกลดทอนลง

    เมื่อค่านิยมทางสังคมผลักดันให้ “ความไม่อาย” กลายเป็นแฟชั่น → จิตใจจะหยาบขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    และนี่เองคือสาเหตุที่เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป → ศีลธรรมก็เปลี่ยนตาม


    💡 ถ้าสัญชาตญาณการอายที่สุกงอมถูกกดทับ ความหยาบจะเข้ามาแทนที่ และเปิดโอกาสให้บาปกรรมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น


    ---

    3️⃣ ความอายบาป: เส้นกั้นระหว่างมนุษย์กับอบายภูมิ

    ✅ ความอายต่อบาปเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีบุญหนุนนำให้เกิดมา

    ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นหลังทำสิ่งไม่ดี → เป็นเครื่องยืนยันว่าจิตยังมี “ศีลธรรม” อยู่

    แต่ถ้าครั้งหนึ่งเคยทำบาปแล้วไม่รู้สึกผิด → ครั้งต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น

    ตัวอย่างเช่น:

    ยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน → ถ้ารู้สึกผิด อาจหาโอกาสคืน

    แต่ถ้าไม่รู้สึกผิด → จะทำอีกได้โดยไม่ลังเล

    และหากทำซ้ำๆ → อาจพัฒนาไปสู่พฤติกรรมทุจริตที่ร้ายแรงขึ้น



    💡 หากชนะความละอายต่อบาปได้ครั้งหนึ่ง → บาปจะเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธรรมชาติของจิต


    ---

    4️⃣ ความอายบุญ: อุปสรรคของการทำดี

    ✅ แปลกแต่จริง: คนเรามักรู้สึกอายเมื่อต้องทำบุญหรือทำความดีต่อหน้าคนอื่น

    เช่น เห็นคนตาบอดกำลังข้ามถนน → อยากช่วยแต่รู้สึกกระดาก

    เห็นคนมอเตอร์ไซค์ล้ม → อยากช่วยพยุงแต่ก็ลังเล

    อยากพูดเรื่องธรรมะ → แต่กลัวเพื่อนล้อ


    💡 ความอายประเภทนี้ ทำให้พลาดโอกาสสร้างบุญไปอย่างน่าเสียดาย

    💭 หากพิจารณาดีๆ จะพบว่าความอายที่แท้จริง คือ "อายต่อการทำดี" ต่างหากที่ควรปล่อยวาง


    ---

    🔹 วิธีบริหารความอายให้เป็นประโยชน์

    ✅ 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์ → เปลี่ยนโฟกัสจาก “ภายนอก” เป็น “ภายใน”

    ฝึกมองตัวเองจากมุมมองของคุณค่าที่แท้จริง → เช่น เราเป็นคนมีน้ำใจไหม? เราเป็นคนขยันไหม?

    ฝึกมองคนอื่นจากผลงาน มากกว่ารูปลักษณ์


    ✅ 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย → ตระหนักว่าสังคมอาจมีอิทธิพลต่อจิตใจเรา

    เลือกเสพสื่อที่ไม่บิดเบือนจิตใจให้หยาบลง

    ฝึกสังเกตความรู้สึกตัวเองว่าอะไรคือ “ธรรมชาติของจิต” และอะไรคือ “สิ่งที่สังคมปลูกฝัง”


    ✅ 3️⃣ ความอายบาป → ใช้เป็นตัววัดจิตใจตนเอง

    ถ้าเคยทำผิดแล้วรู้สึกผิด → นั่นคือสัญญาณที่ดี แสดงว่าจิตยังมีศีลธรรม

    หากรู้สึกผิดแต่แก้ไขไม่ได้ทันที → ให้ตั้งใจแก้ไขเมื่อมีโอกาส


    ✅ 4️⃣ ความอายบุญ → ฝึกทำความดีอย่างมั่นใจ

    ถ้าอยากช่วยคน แต่รู้สึกอาย → ให้ลองนึกว่า "ถ้าเราเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะ?"

    ถ้ากลัวคนล้อเรื่องทำดี → ให้ยึดมั่นว่า "ดีคือดี" ไม่จำเป็นต้องอาย



    ---

    🔹 สรุป: บริหารความอายให้ถูกทาง

    💡 ความอายที่ดี → ทำให้เรารู้จักปกป้องศีลธรรม
    💡 ความอายที่ไม่ดี → ทำให้เราพลาดโอกาสทำความดี
    💡 หากฝึกสติให้มากพอ จะสามารถแยกแยะได้ว่า "ความอายแบบไหน ควรรักษา" และ "ความอายแบบไหน ควรปล่อยวาง"

    📌 สุดท้ายแล้ว จิตใจที่พัฒนา คือจิตที่รู้ว่าอะไรควรอาย และอะไรไม่ควรอาย!

    ความอาย: ด่านสำคัญของจิตที่กำหนดเส้นทางกรรม "ความอาย" เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิด เป็นกลไกทางจิตใจที่ช่วยกำกับพฤติกรรม แต่ในขณะเดียวกัน ความอายก็สามารถเป็นทั้งตัวฉุดรั้งและตัวผลักดันให้คนเราเดินไปในเส้นทางกรรมที่แตกต่างกัน --- 🔹 ประเภทของความอายและผลกระทบต่อชีวิต 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์: เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ✅ บางช่วงชีวิต คนเราอาจรู้สึกอายกับหน้าตา รูปร่าง หรือการแต่งกาย บางวันไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง บางช่วงชีวิตรู้สึกว่าต้องสวย ต้องดูดี เพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่เมื่อโตขึ้น โฟกัสจะเปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์เป็น “ผลงาน” หรือ “การกระทำ” สุดท้ายคนเรามักเลิกสนใจว่าตัวเองดูเป็นอย่างไร และสนใจว่าตัวเอง “เป็นคนอย่างไร” แทน 💡 ความอายเรื่องรูปลักษณ์จึงเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ --- 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย: สัญชาตญาณ vs. ค่านิยม ✅ มนุษย์มีสัญชาตญาณในการปกปิดร่างกายโดยธรรมชาติ การไม่เปิดเผยของลับเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์ แต่เมื่อค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป ความรู้สึกอายนี้ก็ถูกลดทอนลง เมื่อค่านิยมทางสังคมผลักดันให้ “ความไม่อาย” กลายเป็นแฟชั่น → จิตใจจะหยาบขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนี่เองคือสาเหตุที่เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป → ศีลธรรมก็เปลี่ยนตาม 💡 ถ้าสัญชาตญาณการอายที่สุกงอมถูกกดทับ ความหยาบจะเข้ามาแทนที่ และเปิดโอกาสให้บาปกรรมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น --- 3️⃣ ความอายบาป: เส้นกั้นระหว่างมนุษย์กับอบายภูมิ ✅ ความอายต่อบาปเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีบุญหนุนนำให้เกิดมา ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นหลังทำสิ่งไม่ดี → เป็นเครื่องยืนยันว่าจิตยังมี “ศีลธรรม” อยู่ แต่ถ้าครั้งหนึ่งเคยทำบาปแล้วไม่รู้สึกผิด → ครั้งต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น: ยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน → ถ้ารู้สึกผิด อาจหาโอกาสคืน แต่ถ้าไม่รู้สึกผิด → จะทำอีกได้โดยไม่ลังเล และหากทำซ้ำๆ → อาจพัฒนาไปสู่พฤติกรรมทุจริตที่ร้ายแรงขึ้น 💡 หากชนะความละอายต่อบาปได้ครั้งหนึ่ง → บาปจะเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธรรมชาติของจิต --- 4️⃣ ความอายบุญ: อุปสรรคของการทำดี ✅ แปลกแต่จริง: คนเรามักรู้สึกอายเมื่อต้องทำบุญหรือทำความดีต่อหน้าคนอื่น เช่น เห็นคนตาบอดกำลังข้ามถนน → อยากช่วยแต่รู้สึกกระดาก เห็นคนมอเตอร์ไซค์ล้ม → อยากช่วยพยุงแต่ก็ลังเล อยากพูดเรื่องธรรมะ → แต่กลัวเพื่อนล้อ 💡 ความอายประเภทนี้ ทำให้พลาดโอกาสสร้างบุญไปอย่างน่าเสียดาย 💭 หากพิจารณาดีๆ จะพบว่าความอายที่แท้จริง คือ "อายต่อการทำดี" ต่างหากที่ควรปล่อยวาง --- 🔹 วิธีบริหารความอายให้เป็นประโยชน์ ✅ 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์ → เปลี่ยนโฟกัสจาก “ภายนอก” เป็น “ภายใน” ฝึกมองตัวเองจากมุมมองของคุณค่าที่แท้จริง → เช่น เราเป็นคนมีน้ำใจไหม? เราเป็นคนขยันไหม? ฝึกมองคนอื่นจากผลงาน มากกว่ารูปลักษณ์ ✅ 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย → ตระหนักว่าสังคมอาจมีอิทธิพลต่อจิตใจเรา เลือกเสพสื่อที่ไม่บิดเบือนจิตใจให้หยาบลง ฝึกสังเกตความรู้สึกตัวเองว่าอะไรคือ “ธรรมชาติของจิต” และอะไรคือ “สิ่งที่สังคมปลูกฝัง” ✅ 3️⃣ ความอายบาป → ใช้เป็นตัววัดจิตใจตนเอง ถ้าเคยทำผิดแล้วรู้สึกผิด → นั่นคือสัญญาณที่ดี แสดงว่าจิตยังมีศีลธรรม หากรู้สึกผิดแต่แก้ไขไม่ได้ทันที → ให้ตั้งใจแก้ไขเมื่อมีโอกาส ✅ 4️⃣ ความอายบุญ → ฝึกทำความดีอย่างมั่นใจ ถ้าอยากช่วยคน แต่รู้สึกอาย → ให้ลองนึกว่า "ถ้าเราเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะ?" ถ้ากลัวคนล้อเรื่องทำดี → ให้ยึดมั่นว่า "ดีคือดี" ไม่จำเป็นต้องอาย --- 🔹 สรุป: บริหารความอายให้ถูกทาง 💡 ความอายที่ดี → ทำให้เรารู้จักปกป้องศีลธรรม 💡 ความอายที่ไม่ดี → ทำให้เราพลาดโอกาสทำความดี 💡 หากฝึกสติให้มากพอ จะสามารถแยกแยะได้ว่า "ความอายแบบไหน ควรรักษา" และ "ความอายแบบไหน ควรปล่อยวาง" 📌 สุดท้ายแล้ว จิตใจที่พัฒนา คือจิตที่รู้ว่าอะไรควรอาย และอะไรไม่ควรอาย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ)
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ) . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0 . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อตำรวจกลายเป็นอาชญากร นั่นถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบยุติธรรมและสถาบันทางสังคม โดยทั่วไปแล้ว ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและปกป้องประชาชน แต่หากตำรวจเองกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น:

    1. **การสูญเสียความเชื่อมั่น**: ประชาชนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือการไม่ร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนสอบสวน

    2. **การทุจริต**: ตำรวจที่กระทำผิดอาจมีส่วนร่วมในการทุจริต เช่น การรับสินบน การปกปิดอาชญากรรม หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

    3. **การละเมิดสิทธิมนุษยชน**: ตำรวจที่กลายเป็นอาชญากรอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้ความรุนแรงโดยไม่จำเป็น การทรมาน หรือการจับกุมโดยไม่มีเหตุผล

    4. **การบั่นทอนกระบวนการยุติธรรม**: หากตำรวจมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อาจทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน และผู้บริสุทธิ์อาจถูกดำเนินคดีในขณะที่ผู้กระทำผิดจริงรอดพ้นจากกฎหมาย

    5. **การแก้ไขปัญหา**: เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มงวด เช่น การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบการทำงานของตำรวจ การส่งเสริมความโปร่งใส และการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง

    การที่ตำรวจกลายเป็นอาชญากรเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคม
    เมื่อตำรวจกลายเป็นอาชญากร นั่นถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบยุติธรรมและสถาบันทางสังคม โดยทั่วไปแล้ว ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและปกป้องประชาชน แต่หากตำรวจเองกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น: 1. **การสูญเสียความเชื่อมั่น**: ประชาชนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือการไม่ร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนสอบสวน 2. **การทุจริต**: ตำรวจที่กระทำผิดอาจมีส่วนร่วมในการทุจริต เช่น การรับสินบน การปกปิดอาชญากรรม หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 3. **การละเมิดสิทธิมนุษยชน**: ตำรวจที่กลายเป็นอาชญากรอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การใช้ความรุนแรงโดยไม่จำเป็น การทรมาน หรือการจับกุมโดยไม่มีเหตุผล 4. **การบั่นทอนกระบวนการยุติธรรม**: หากตำรวจมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อาจทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน และผู้บริสุทธิ์อาจถูกดำเนินคดีในขณะที่ผู้กระทำผิดจริงรอดพ้นจากกฎหมาย 5. **การแก้ไขปัญหา**: เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มงวด เช่น การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบการทำงานของตำรวจ การส่งเสริมความโปร่งใส และการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง การที่ตำรวจกลายเป็นอาชญากรเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts