• #โคราชสร้างยุวสิงห์ช่วยเป็นหูเป็นตาในการต้านภัยยาเสพติด
    .
    วันนี้ ( 20 พฤษภาคม 2568 ) ที่โรงเรียนบ้านอ่างหนองแหนประชาสามัคคี ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบธงและมอบปลอกแขนให้กับตัวแทนนักเรียน เยาวชน ตามโครงการยุวสิงห์มหาดไทย รวมใจต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1 สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งเครือข่าย ยุวสิงห์มหาดไทย ร่วมใจต้านยาเสพติด โดยผลักดันให้เกิดกิจกรรมในพื้นที่ระดับอำเภอ เพื่อสรรหาเยาวชนที่อยู่ในเขตพื้นที่เริ่มจากในโรงเรียนให้เป็นแกนนำต้นแบบ ผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเริ่มจากเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติด ปลูกฝังค่านิยมและทัศนคติที่ดีในการหลีกเลี่ยง หรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาทั้ง 32 อำเภอ
    #โคราชสร้างยุวสิงห์ช่วยเป็นหูเป็นตาในการต้านภัยยาเสพติด . วันนี้ ( 20 พฤษภาคม 2568 ) ที่โรงเรียนบ้านอ่างหนองแหนประชาสามัคคี ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบธงและมอบปลอกแขนให้กับตัวแทนนักเรียน เยาวชน ตามโครงการยุวสิงห์มหาดไทย รวมใจต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1 สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งเครือข่าย ยุวสิงห์มหาดไทย ร่วมใจต้านยาเสพติด โดยผลักดันให้เกิดกิจกรรมในพื้นที่ระดับอำเภอ เพื่อสรรหาเยาวชนที่อยู่ในเขตพื้นที่เริ่มจากในโรงเรียนให้เป็นแกนนำต้นแบบ ผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเริ่มจากเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติด ปลูกฝังค่านิยมและทัศนคติที่ดีในการหลีกเลี่ยง หรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาทั้ง 32 อำเภอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนมีศีลธรรม
    เขาจะนึกถึงความถูกผิดเสมอ
    เขาจะนึกถึงใจเขาใจเราเป็นที่ตั้ง
    เขาจะไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
    เขาจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

    #คนเห็นแก่ตัว
    ไม่เคยนึกถึงใครนอกจากตัวเอง
    ความถูกต้องหรือจะสู้ความถูกใจเอาเปรียบได้ก็จะยิ่งทำแบบไม่สน
    ใครเดือดร้อนฉันไม่สนแค่ฉันรอด

    CR: unknown

    #จิตสำนึกไม่ได้อยู่ที่วุฒิภาวะ
    #เพราะบางคนไม่ได้แก่สมวัย
    #จะอายุเท่าไหร่อยู่ที่ทัศนคติ
    #คนมีศีลธรรม เขาจะนึกถึงความถูกผิดเสมอ เขาจะนึกถึงใจเขาใจเราเป็นที่ตั้ง เขาจะไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เขาจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน #คนเห็นแก่ตัว ไม่เคยนึกถึงใครนอกจากตัวเอง ความถูกต้องหรือจะสู้ความถูกใจเอาเปรียบได้ก็จะยิ่งทำแบบไม่สน ใครเดือดร้อนฉันไม่สนแค่ฉันรอด CR: unknown #จิตสำนึกไม่ได้อยู่ที่วุฒิภาวะ #เพราะบางคนไม่ได้แก่สมวัย #จะอายุเท่าไหร่อยู่ที่ทัศนคติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากที่ “หนุ่มทีเค ธนกฤต ทรัพย์ทวีวศิน” อดีตศิลปินฝึกหัดจากค่าย Mchoice Music พ่อของลูกในท้อง “บีเบล ไอยา” ยูทูปเบอร์สาวล้านซับ ได้ออกมายืนกรานว่าตนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ขอเวลาไตร่ตรอง รวมทั้งปกป้องครอบครัว ยืนยันว่าฝ่ายหญิงและครอบครัว ได้เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว ตั้งแต่ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด ค่าที่พักอาศัยของแม่และเด็ก ไปจนถึงค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง

    ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดตนไม่มีโอกาสและไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องการเลี้ยงดูเด็กเลย ทำให้ไม่สามารถตอบรับข้อเสนอทั้งหมดได้ในทันที และยังอยู่ระหว่างการปรึกษากันเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับทุกฝ่าย เกิดผลกระทบกับแม่และเด็กให้น้อยที่สุด
    ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงกล่าวถึงพ่อว่า ‘ไม่มีอะไรจะต้องคุยแล้ว’ และไม่ได้ตอบกลับนั้น หมายถึงหากจะคุยเรื่องข้อเสนอที่มีการเรียกร้องเกินสมควร ทางครอบครัวยังไม่สามารถที่จะตอบรับข้อเสนอนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น

    ยืนยันว่าได้ลองใช้ชีวิตร่วมกัน และวางแผนครอบครัวด้วยกัน แต่สุดท้ายตนและฝ่ายหญิงมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันในหลายๆ เรื่อง ทำให้เกิดความขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง จนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์

    ภายหลังคำชี้แจงของหนุ่มทีเค บีเบลก็งัดหลักฐานแชตมาโต้กลับ โดยเป็นคำพูดของคุณพ่อฝ่ายชาย ที่บอกว่าไม่น่ามีอะไรต้องคุยกันแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่อ่าน ไม่ตอบกลับ ทำให้ครอบครัวปล่อยวาง พร้อมโพสต์ข้อความว่า

    “จากที่ฝ่ายชายบอกว่าไม่มีโอกาสและไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องข้อตกลงค่าใช้จ่าย ทางเบลและครอบครัวขอยืนยันว่าเราได้ส่งแบบร่างข้อตกลงค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ล่วงหน้าแล้ว โดยรอให้ทางพ่อฝ่ายชายติดต่อกลับมาเพื่อที่จะนัดเจรจาในข้อตกลงอีกที (ในส่วนนี้ก็เลยไม่เข้าใจว่าทางเราไม่ให้โอกาสมีส่วนร่วมตอนไหน) แต่ว่าสิ่งสิ่งที่ได้ตอบรับกลับมานั้น พ่อฝ่ายชายตอบข้อความกลับว่า “ทางผมไม่มีอะไรจะคุยแล้ว สวัสดีครับ” ทางเบลและครอบครัวจึงเลือกที่จะปล่อยวาง ไม่กลับไปในความสัมพันธ์ที่วนลูปและสร้างความเสียใจให้เบลอีก”

    #MGROnline #ทีเคธนกฤต #บีเบล
    หลังจากที่ “หนุ่มทีเค ธนกฤต ทรัพย์ทวีวศิน” อดีตศิลปินฝึกหัดจากค่าย Mchoice Music พ่อของลูกในท้อง “บีเบล ไอยา” ยูทูปเบอร์สาวล้านซับ ได้ออกมายืนกรานว่าตนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ขอเวลาไตร่ตรอง รวมทั้งปกป้องครอบครัว ยืนยันว่าฝ่ายหญิงและครอบครัว ได้เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว ตั้งแต่ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด ค่าที่พักอาศัยของแม่และเด็ก ไปจนถึงค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง • ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดตนไม่มีโอกาสและไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องการเลี้ยงดูเด็กเลย ทำให้ไม่สามารถตอบรับข้อเสนอทั้งหมดได้ในทันที และยังอยู่ระหว่างการปรึกษากันเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับทุกฝ่าย เกิดผลกระทบกับแม่และเด็กให้น้อยที่สุด ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงกล่าวถึงพ่อว่า ‘ไม่มีอะไรจะต้องคุยแล้ว’ และไม่ได้ตอบกลับนั้น หมายถึงหากจะคุยเรื่องข้อเสนอที่มีการเรียกร้องเกินสมควร ทางครอบครัวยังไม่สามารถที่จะตอบรับข้อเสนอนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น • ยืนยันว่าได้ลองใช้ชีวิตร่วมกัน และวางแผนครอบครัวด้วยกัน แต่สุดท้ายตนและฝ่ายหญิงมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันในหลายๆ เรื่อง ทำให้เกิดความขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง จนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ • ภายหลังคำชี้แจงของหนุ่มทีเค บีเบลก็งัดหลักฐานแชตมาโต้กลับ โดยเป็นคำพูดของคุณพ่อฝ่ายชาย ที่บอกว่าไม่น่ามีอะไรต้องคุยกันแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่อ่าน ไม่ตอบกลับ ทำให้ครอบครัวปล่อยวาง พร้อมโพสต์ข้อความว่า • “จากที่ฝ่ายชายบอกว่าไม่มีโอกาสและไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องข้อตกลงค่าใช้จ่าย ทางเบลและครอบครัวขอยืนยันว่าเราได้ส่งแบบร่างข้อตกลงค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ล่วงหน้าแล้ว โดยรอให้ทางพ่อฝ่ายชายติดต่อกลับมาเพื่อที่จะนัดเจรจาในข้อตกลงอีกที (ในส่วนนี้ก็เลยไม่เข้าใจว่าทางเราไม่ให้โอกาสมีส่วนร่วมตอนไหน) แต่ว่าสิ่งสิ่งที่ได้ตอบรับกลับมานั้น พ่อฝ่ายชายตอบข้อความกลับว่า “ทางผมไม่มีอะไรจะคุยแล้ว สวัสดีครับ” ทางเบลและครอบครัวจึงเลือกที่จะปล่อยวาง ไม่กลับไปในความสัมพันธ์ที่วนลูปและสร้างความเสียใจให้เบลอีก” • #MGROnline #ทีเคธนกฤต #บีเบล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง
    เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า"
    เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย
    "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"......
    .
    พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า
    ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว
    ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน
    ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก
    พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน
    เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน
    พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ
    แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย
    และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป
    .
    ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ
    นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า
    .
    ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น
    .
    เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
    .
    เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ
    .
    รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น
    .
    เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..."
    .
    กลับไปที่จั่วหัว...
    อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู
    .
    สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง...
    - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์
    - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน
    - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่
    - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ
    จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน
    -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว
    - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด
    - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร
    - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald...
    - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ?
    - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก
    - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่
    - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก
    - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า
    - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน
    - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป
    - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา
    - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน
    - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง
    - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น
    blablablabla......
    .
    ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ
    ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก
    แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม
    เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น
    ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน
    เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง
    ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ
    และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ
    ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว
    ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ
    ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ
    ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง
    มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า" เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"...... . พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป . ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า . ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น . เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น . เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ . รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น . เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..." . กลับไปที่จั่วหัว... อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู . สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง... - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์ - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald... - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ? - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่ - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น blablablabla...... . ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนถามผม ว่าผมใช้คำว่า sleeper บ่อยครั้ง หมายถึงอะไร?
    .
    ในกรณีนี้ หมายถึง จารชนชนิดหนึ่ง ทั้งที่เป็นเป็นคนต่างชาติและคนในชาติที่ถูกปล่อยให้กบดานไว้ในพื้นที่เป้าหมาย หากไม่มีการเรียกใช้งานก็ประกอบอาชีพใช้ชีวิตไปตามปกติ จนกว่าจะมีงานให้ทำก็จะถูกปลุกขึ้นมาใช้งาน (เรียกว่าสลีปเปอร์ก็เพราะเหตุนี้) งานที่ให้ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบสายลับในหนังนะ บางทีอาจง่ายๆ เช่นแค่ไปฟังเขาคุยกันแล้วมารายงานว่าได้ยินอะไรมา... ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวางระเบิด (ซึ่งแบบนี้ก็มี) มีหลายรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสลีปเปอร์ ดังนั้นพวกนี้จึงมีหลายระดับ อาจจะผูกกันไว้ด้วยการสร้างบุญคุณต่อกันไว้ ช่วยเหลือการเงินการงานต่างๆ จนถึงพวกที่ถูกคัดกรองเข้ามาทำงานแต่ละด้านที่มีความเหมาะสมกับคนคนนั้นตามความถนัดต่างกัน ซึ่งมีมิติความซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด เช่น อาจเป็นพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปหลายที่เพื่อส่งสินค้า ดังนั้นการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ จึงดูมีเหตุผล คนที่มีอาชีพในลักษณะคล้ายกันนี้จึงเหมาะในการไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้กว้างขวางกว่า ก็อย่างเช่น นักมานุษยวิทยา นักทำสารคดี นักพูด วิทยากร นักวิชาการสำรวจภาคสนาม นักสร้างภาพยนตร์ เอ็นจีโอ อาสาสมัคร มิชชันนารี... ฯ ในระดับปฏิบัติการ อาจแฝงตัวมาสร้างความสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้สึกไว้วางใจ จารชนประเภทนี้เขานิยามว่าสร้างความไว้วางใจนานหลายปีเพื่อทรยศเพียงครั้งเดียว แล้วก็ถอนตัวออกไป พวกนี้มีเครือข่ายกระจายไปทั่ว ฝังรากลึกมานาน
    .
    เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตัวอย่างเช่นสมัยพระนารายณ์มหาราช อยุธยา มีจารชนฝังตัวอยู่เต็มไปหมด มาในคราบทูต มาในคราบบาดหลวงสอนศาสนา บันทึกการเดินทางที่เรารู้จักกันมากมายตัวอย่างเช่น จดหมายเหตุลาลูแบร์ ที่จริงเป็นข้อมูลข่าวกรอง intelligence แจกแจงรายละเอียดทุกด้านของอยุธยาตั้งแต่ชีวิตความเป็นอยู่ จุดเด่น จุดด้อย สภาพแวดล้อมภูมิประเทศ แหล่งอาหาร ทรัพยากรต่างๆ ชัยภูมิทางการรบ เช่น ป้อม ค่ายคู กำลังทหาร และศักยภาพทางการรบ พืชพันธ์สัตว์ต่างๆ.... ทั้งหมดรวบรวมเพื่อยื่นต่อพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่กษัตริย์ฝรั่งเศส แน่นอนว่าลาลูแบร์ที่เป็นราชทูตนี่ก็เป็นจารชนนั่นแหละ มาต่อหน้าเป็นทูต แต่กระทำลับหลังในการประสานกับกองทหารฝรั่งเศสเตรียมการจะโจมตีสยาม ในเวลานั้นมีบาดหลวงนิกายเยซูอิตอีกหลายคนที่เป็นจารชนประเภทสลีปเปอร์นี่แหละ แฝงตัวทำทีเป็นสอนศาสนาไป พอลาลูแบร์มาถึง สลีปเปอร์พวกนี้ก็ทำการประสานส่งต่อข้อมูลรายงานข่าวกรองให้พวกตนทราบ ดังที่ปรากฏจดหมายลับที่ซ่อนอยู่ในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสอันเป็นเหตุให้นักเขียนฝรั่งคนหนึ่งที่ไปพบเข้า เขียนหนังสือเรื่อง "รุกสยามในนามพระเจ้า" ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว
    .
    แต่โทษที อยากจะบอกว่า สยาม หาได้หมูไม่ ขณะที่นโยบายในการล้างสมองของพวกไอโอเยซูอิตกำลังพยายามหว่านล้อมชักจูงพระนารายณ์ให้ทรงเข้ารีต ท่านทรงตรัสตอบอย่างชาญฉลาดว่า โอ้พระเจ้าของท่านช่างวิเศษล้ำจริงๆ พวกท่านอย่าห่วงเลย หากพระเจ้าของท่านวิเศษอย่างที่ท่านกล่าว เชื่อว่ากฤษฎาภินิหารของท่านจะต้องบันดาลให้ฉันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของท่านแน่นอน... ป๊าด! เป็นคำตอบที่แสนจะอัจฉริยะ. ขณะเดียวกัน ฝั่ง counter strike พระเพทราชาและทีมอินเทลของท่านก็มีข้อมูลของจารชนพวกนี้ทุกอย่าง และทีมไอโอของพระเพทราชาท่านก็ไม่ใช่ไก่อ่อนในการที่จะต้านการครอบงำแทรกแซงของฝรั่งทั้งด้านงานจารกรรมและด้านยุทธศาสตร์ ผลก็คืองานของสลีปเปอร์และเจ้าหน้าที่สนามของฝรั่งเศสไม่ได้ผล จารชนสองหน้าอย่างกองสตองฟอลคอนจบด้วยความตาย แผนการโจมตีป้อมบางกอกล้มเหลว ม้วนเสื่อกลับไป นี่...จะเห็นว่างานจารกรรมและการใช้ไอโอไม่ได้เพิ่งจะมีในยุคนี้นะเธอ
    .
    ในงานลับลวงพรางพวกนี้ มีคนจำนวนหนึ่งถูกเลือกเป็นหัวโจก เขาเรียก recruiter เพราะมีหน้าที่คัดเลือกจัดหาสลีปเปอร์ มีการศึกษาข้อมูลบุคคลการล้วงลึก ลูกเต้าเหล่าใคร มีความคิด สติปัญญาระดับไหน มีแนวโน้มจะนิยมชาติที่วางแผนร้ายนี้มากกว่าชาติตัวเองไหม มีปม มีปัญหาส่วนตัวอย่างไร ทัศนคติ สภาพจิต ปูมหลัง คอนเน็คชั่น ศักยภาพในการทำหน้าที่ได้รับมอบหมาย ฯลฯ จะเฝ้าติดตามดูจนเห็นว่าน่าจะโอเค ก็จะชักชวนให้เข้าในเครือข่ายทีละนิด จากวงนอกๆ ก็จะขยับเข้าชั้นในมาเรื่อยๆ ตามการพิสูจน์ตัวเอง ในเมืองไทยมีมานานหลายสิบปีแล้ว มีกันอยู่หลายวง ผูกโยงกับหน่วยงานข้ามชาติในท้องถิ่นเล็กๆ ตั้งแต่มูลนิธินี่นั่น ไปจนถึงเอ็นจีโอ หน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย พวกหน่วยที่มีอักษรตัวย่อทั้งหลายแหล่ ไปจนถึงองค์กรที่ใหญ่ขึ้น จนถึงฟันดิ้งระดับโลก ตัวอย่างเช่น ฟุลไบร๊ท์ ร็อกกี้เฟลเลอร์...เป็นต้น
    .
    พวกนี้จะมีแหล่งนัดพบของเขาที่จะไปพบกันเป็นประจำ หัวหน้าจะเปิดเลี้ยงกินดื่มไม่อั้น มีการแชร์ข้อมูลแสดงผลงาน แนวคิด พรีเซนเตชั่น รุ่นพี่อาจเอารุ่นน้องหน้าใหม่มาเสนอตัวให้ recruiter พิจารณา ในบ้านเรามีอยู่หลายวงหลายสาย ไม่ใช่แค่สายผู้ดีสายลึงค์สายถั่ว... คนจมูกดีๆ จะรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง เพราะขณะที่พวกมันสร้างสลีปเปอร์ อีกฝ่ายเขาก็เอาสลีปเปอร์เขาไปฝังอยู่ในพวกมึงเช่นกัน 5555
    .
    พวกที่อยู่มานานฝังรากลึก แน่นอนว่าผลประโยชน์มันมากมันเฟื่องฟู ดังนั้น การที่อยู่สุขสบายมาช้านาน จู่ๆ ท่อน้ำโดนตัด มันก็ต้องดิ้น เคยได้อยู่เท่านั้นเท่านี้จนติดสันดาน จู่ๆ หายไป มันกลับไปจุดเดิมยาก พอเสียจริตก็เผยตัว ไอ้พวกลูกกะจ้อยรองลงไปก็ยิ่งเดือดร้อนกว่า....
    .
    5555 ตอนนี้ก็จะเห็นมันออกมาดิ้นกันเยอะหน่อย
    .
    อย่ามาเล่นบทตอแหลเลยแกร....
    พวกมึงมีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าสนามระดับปฏิบัติการ
    ประเทศไทยก็มีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าที่สนามระดับปฏิบัติการ
    บางทีที่พวกมึงคิดว่าตัวเองหลับอยู่ซ่อนอยู่เขาคงไม่รู้... ที่จริงเขารู้
    บางทีที่พวกมึงคิดว่าเขาหลับอยู่ เขาอาจตื่นมาตามดูพวกมึงทุกวันจนรู้ว่ามึงขี้กี่ครั้ง
    อย่าว่าแต่จู่ๆ มึงก็พากันออกมาดิ้นโชว์ตัวให้ชาวบ้านเขารู้กันเองเลย
    .
    ไอ้พวกขายชาติ!
    .
    ลืมบอกไปว่า ในบรรดา sleeper มีพวก unclassified อยู่มากทีเดียว
    พวกกระจอกพวกนี้ จะพยายามอย่างมากที่จะยกระดับขึ้นไป
    แต่แม้จะพยายามเท่าใด ปัญญาและคุณสมบัติก็ไม่เ
    มีคนถามผม ว่าผมใช้คำว่า sleeper บ่อยครั้ง หมายถึงอะไร? . ในกรณีนี้ หมายถึง จารชนชนิดหนึ่ง ทั้งที่เป็นเป็นคนต่างชาติและคนในชาติที่ถูกปล่อยให้กบดานไว้ในพื้นที่เป้าหมาย หากไม่มีการเรียกใช้งานก็ประกอบอาชีพใช้ชีวิตไปตามปกติ จนกว่าจะมีงานให้ทำก็จะถูกปลุกขึ้นมาใช้งาน (เรียกว่าสลีปเปอร์ก็เพราะเหตุนี้) งานที่ให้ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบสายลับในหนังนะ บางทีอาจง่ายๆ เช่นแค่ไปฟังเขาคุยกันแล้วมารายงานว่าได้ยินอะไรมา... ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวางระเบิด (ซึ่งแบบนี้ก็มี) มีหลายรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสลีปเปอร์ ดังนั้นพวกนี้จึงมีหลายระดับ อาจจะผูกกันไว้ด้วยการสร้างบุญคุณต่อกันไว้ ช่วยเหลือการเงินการงานต่างๆ จนถึงพวกที่ถูกคัดกรองเข้ามาทำงานแต่ละด้านที่มีความเหมาะสมกับคนคนนั้นตามความถนัดต่างกัน ซึ่งมีมิติความซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด เช่น อาจเป็นพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปหลายที่เพื่อส่งสินค้า ดังนั้นการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ จึงดูมีเหตุผล คนที่มีอาชีพในลักษณะคล้ายกันนี้จึงเหมาะในการไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้กว้างขวางกว่า ก็อย่างเช่น นักมานุษยวิทยา นักทำสารคดี นักพูด วิทยากร นักวิชาการสำรวจภาคสนาม นักสร้างภาพยนตร์ เอ็นจีโอ อาสาสมัคร มิชชันนารี... ฯ ในระดับปฏิบัติการ อาจแฝงตัวมาสร้างความสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้สึกไว้วางใจ จารชนประเภทนี้เขานิยามว่าสร้างความไว้วางใจนานหลายปีเพื่อทรยศเพียงครั้งเดียว แล้วก็ถอนตัวออกไป พวกนี้มีเครือข่ายกระจายไปทั่ว ฝังรากลึกมานาน . เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตัวอย่างเช่นสมัยพระนารายณ์มหาราช อยุธยา มีจารชนฝังตัวอยู่เต็มไปหมด มาในคราบทูต มาในคราบบาดหลวงสอนศาสนา บันทึกการเดินทางที่เรารู้จักกันมากมายตัวอย่างเช่น จดหมายเหตุลาลูแบร์ ที่จริงเป็นข้อมูลข่าวกรอง intelligence แจกแจงรายละเอียดทุกด้านของอยุธยาตั้งแต่ชีวิตความเป็นอยู่ จุดเด่น จุดด้อย สภาพแวดล้อมภูมิประเทศ แหล่งอาหาร ทรัพยากรต่างๆ ชัยภูมิทางการรบ เช่น ป้อม ค่ายคู กำลังทหาร และศักยภาพทางการรบ พืชพันธ์สัตว์ต่างๆ.... ทั้งหมดรวบรวมเพื่อยื่นต่อพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่กษัตริย์ฝรั่งเศส แน่นอนว่าลาลูแบร์ที่เป็นราชทูตนี่ก็เป็นจารชนนั่นแหละ มาต่อหน้าเป็นทูต แต่กระทำลับหลังในการประสานกับกองทหารฝรั่งเศสเตรียมการจะโจมตีสยาม ในเวลานั้นมีบาดหลวงนิกายเยซูอิตอีกหลายคนที่เป็นจารชนประเภทสลีปเปอร์นี่แหละ แฝงตัวทำทีเป็นสอนศาสนาไป พอลาลูแบร์มาถึง สลีปเปอร์พวกนี้ก็ทำการประสานส่งต่อข้อมูลรายงานข่าวกรองให้พวกตนทราบ ดังที่ปรากฏจดหมายลับที่ซ่อนอยู่ในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสอันเป็นเหตุให้นักเขียนฝรั่งคนหนึ่งที่ไปพบเข้า เขียนหนังสือเรื่อง "รุกสยามในนามพระเจ้า" ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว . แต่โทษที อยากจะบอกว่า สยาม หาได้หมูไม่ ขณะที่นโยบายในการล้างสมองของพวกไอโอเยซูอิตกำลังพยายามหว่านล้อมชักจูงพระนารายณ์ให้ทรงเข้ารีต ท่านทรงตรัสตอบอย่างชาญฉลาดว่า โอ้พระเจ้าของท่านช่างวิเศษล้ำจริงๆ พวกท่านอย่าห่วงเลย หากพระเจ้าของท่านวิเศษอย่างที่ท่านกล่าว เชื่อว่ากฤษฎาภินิหารของท่านจะต้องบันดาลให้ฉันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของท่านแน่นอน... ป๊าด! เป็นคำตอบที่แสนจะอัจฉริยะ. ขณะเดียวกัน ฝั่ง counter strike พระเพทราชาและทีมอินเทลของท่านก็มีข้อมูลของจารชนพวกนี้ทุกอย่าง และทีมไอโอของพระเพทราชาท่านก็ไม่ใช่ไก่อ่อนในการที่จะต้านการครอบงำแทรกแซงของฝรั่งทั้งด้านงานจารกรรมและด้านยุทธศาสตร์ ผลก็คืองานของสลีปเปอร์และเจ้าหน้าที่สนามของฝรั่งเศสไม่ได้ผล จารชนสองหน้าอย่างกองสตองฟอลคอนจบด้วยความตาย แผนการโจมตีป้อมบางกอกล้มเหลว ม้วนเสื่อกลับไป นี่...จะเห็นว่างานจารกรรมและการใช้ไอโอไม่ได้เพิ่งจะมีในยุคนี้นะเธอ . ในงานลับลวงพรางพวกนี้ มีคนจำนวนหนึ่งถูกเลือกเป็นหัวโจก เขาเรียก recruiter เพราะมีหน้าที่คัดเลือกจัดหาสลีปเปอร์ มีการศึกษาข้อมูลบุคคลการล้วงลึก ลูกเต้าเหล่าใคร มีความคิด สติปัญญาระดับไหน มีแนวโน้มจะนิยมชาติที่วางแผนร้ายนี้มากกว่าชาติตัวเองไหม มีปม มีปัญหาส่วนตัวอย่างไร ทัศนคติ สภาพจิต ปูมหลัง คอนเน็คชั่น ศักยภาพในการทำหน้าที่ได้รับมอบหมาย ฯลฯ จะเฝ้าติดตามดูจนเห็นว่าน่าจะโอเค ก็จะชักชวนให้เข้าในเครือข่ายทีละนิด จากวงนอกๆ ก็จะขยับเข้าชั้นในมาเรื่อยๆ ตามการพิสูจน์ตัวเอง ในเมืองไทยมีมานานหลายสิบปีแล้ว มีกันอยู่หลายวง ผูกโยงกับหน่วยงานข้ามชาติในท้องถิ่นเล็กๆ ตั้งแต่มูลนิธินี่นั่น ไปจนถึงเอ็นจีโอ หน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย พวกหน่วยที่มีอักษรตัวย่อทั้งหลายแหล่ ไปจนถึงองค์กรที่ใหญ่ขึ้น จนถึงฟันดิ้งระดับโลก ตัวอย่างเช่น ฟุลไบร๊ท์ ร็อกกี้เฟลเลอร์...เป็นต้น . พวกนี้จะมีแหล่งนัดพบของเขาที่จะไปพบกันเป็นประจำ หัวหน้าจะเปิดเลี้ยงกินดื่มไม่อั้น มีการแชร์ข้อมูลแสดงผลงาน แนวคิด พรีเซนเตชั่น รุ่นพี่อาจเอารุ่นน้องหน้าใหม่มาเสนอตัวให้ recruiter พิจารณา ในบ้านเรามีอยู่หลายวงหลายสาย ไม่ใช่แค่สายผู้ดีสายลึงค์สายถั่ว... คนจมูกดีๆ จะรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง เพราะขณะที่พวกมันสร้างสลีปเปอร์ อีกฝ่ายเขาก็เอาสลีปเปอร์เขาไปฝังอยู่ในพวกมึงเช่นกัน 5555 . พวกที่อยู่มานานฝังรากลึก แน่นอนว่าผลประโยชน์มันมากมันเฟื่องฟู ดังนั้น การที่อยู่สุขสบายมาช้านาน จู่ๆ ท่อน้ำโดนตัด มันก็ต้องดิ้น เคยได้อยู่เท่านั้นเท่านี้จนติดสันดาน จู่ๆ หายไป มันกลับไปจุดเดิมยาก พอเสียจริตก็เผยตัว ไอ้พวกลูกกะจ้อยรองลงไปก็ยิ่งเดือดร้อนกว่า.... . 5555 ตอนนี้ก็จะเห็นมันออกมาดิ้นกันเยอะหน่อย . อย่ามาเล่นบทตอแหลเลยแกร.... พวกมึงมีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าสนามระดับปฏิบัติการ ประเทศไทยก็มีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าที่สนามระดับปฏิบัติการ บางทีที่พวกมึงคิดว่าตัวเองหลับอยู่ซ่อนอยู่เขาคงไม่รู้... ที่จริงเขารู้ บางทีที่พวกมึงคิดว่าเขาหลับอยู่ เขาอาจตื่นมาตามดูพวกมึงทุกวันจนรู้ว่ามึงขี้กี่ครั้ง อย่าว่าแต่จู่ๆ มึงก็พากันออกมาดิ้นโชว์ตัวให้ชาวบ้านเขารู้กันเองเลย . ไอ้พวกขายชาติ! . ลืมบอกไปว่า ในบรรดา sleeper มีพวก unclassified อยู่มากทีเดียว พวกกระจอกพวกนี้ จะพยายามอย่างมากที่จะยกระดับขึ้นไป แต่แม้จะพยายามเท่าใด ปัญญาและคุณสมบัติก็ไม่เ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส้มชลบุรีแพแตก!!!

    'กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์' สส.พรรคประชาชน เขต 6 เผ่นร่วม 'กล้าธรรม' เหตุทัศนคติไปด้วยกันกับพรรคประชาชนไม่ได้ เจ้าตัวทำหนังสือขอยุติบทบาท-ร่วมกิจกรรมกับพรรคแล้ว เมืองชลเปิดฟาร์ม 'งูเห่า' พรรครัฐบาลรุมช้อปอาจเลื้อยหนีอีก 2-3 ราย 'โซนตะวันออก' ระส่ำหนักโดนพรรคร่วมฯ รุมกินโต๊ะหวังเจาะยางด้อมส้ม...


    https://www.dailynews.co.th/news/4698962/
    ส้มชลบุรีแพแตก!!! 'กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์' สส.พรรคประชาชน เขต 6 เผ่นร่วม 'กล้าธรรม' เหตุทัศนคติไปด้วยกันกับพรรคประชาชนไม่ได้ เจ้าตัวทำหนังสือขอยุติบทบาท-ร่วมกิจกรรมกับพรรคแล้ว เมืองชลเปิดฟาร์ม 'งูเห่า' พรรครัฐบาลรุมช้อปอาจเลื้อยหนีอีก 2-3 ราย 'โซนตะวันออก' ระส่ำหนักโดนพรรคร่วมฯ รุมกินโต๊ะหวังเจาะยางด้อมส้ม... https://www.dailynews.co.th/news/4698962/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • Micro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล
    รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand)

    ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน

    Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน)
    ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง

    ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ?
    -ทันโลก ทันเกม:
    ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร
    -ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง:
    รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ
    -สร้างความคล่องตัว (Career Agility):
    เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต
    -แสดงความมุ่งมั่น:
    การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา

    มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential?
    การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ:
    -โปรไฟล์โดดเด่น:
    นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    -ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น:
    95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา
    -ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ:
    97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing)

    ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ:
    นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี
    ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้!
    และ
    98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน
    -ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน:
    นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน
    -ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ:
    นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว

    ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ
    -เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน:
    ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน
    -พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า:
    เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
    -เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ:
    ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง
    -สร้างความมั่นใจ:
    การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง
    -เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่:
    อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้

    Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก
    ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก:
    -รักษาความสดใหม่:
    ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค
    -สร้างความแตกต่าง:
    ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร
    -ลงทุนในตัวเอง:
    เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว

    สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน
    ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน

    การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ

    www.10-xconsulting.com
    Micro-credential: อาวุธลับอัปสกิล เพิ่มแต้มต่อให้คนทำงานยุคดิจิทัล รายงานล่าสุดจาก Coursera Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ในโลกการทำงานปัจจุบันที่หมุนเร็วตามเทคโนโลยีดิจิทัล การหยุดนิ่งอยู่กับที่เท่ากับถอยหลัง คนทำงานอย่างเราๆ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ "Micro-credential" หรือ "หน่วยกิตย่อย" ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณอัปเดตทักษะได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มโอกาสให้คุณโดดเด่นในตลาดแรงงาน Micro-credential คืออะไร? (ฉบับคนทำงาน) ลองนึกภาพการเข้าคอร์สออนไลน์สั้นๆ หลังเลิกงาน หรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หรือแม้แต่ทักษะเฉพาะทางอย่าง Generative AI (GenAI) เมื่อเรียนจบและผ่านการวัดผล คุณจะได้รับใบรับรองหรือสัญลักษณ์ดิจิทัล (Badge) ที่ใช้ยืนยันกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทใหม่ได้ว่า "ฉันมีทักษะนี้จริง" นี่แหละครับคือ Micro-credential – หลักสูตรเข้มข้น ยืดหยุ่น ใช้เวลาไม่นาน และเน้นทักษะที่เอาไปใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาน้อยแต่อยากพัฒนาตัวเอง ทำไม Micro-credential ถึงสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของคุณ? -ทันโลก ทันเกม: ช่วยให้คุณตามทันเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานของคุณ ทำให้คุณยังคงเป็นที่ต้องการขององค์กร -ปิดจุดอ่อน เติมจุดแข็ง: รู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะไหน หรืออยากเสริมความเชี่ยวชาญด้านใด ก็เลือกเรียนเพิ่มเติมได้ตรงประเด็น ไม่ต้องเสียเวลากับหลักสูตรยาวๆ -สร้างความคล่องตัว (Career Agility): เพิ่มทางเลือกให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นในอนาคต -แสดงความมุ่งมั่น: การมี Micro-credential บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา มุมมองจากฝั่งนายจ้าง: ทำไมบริษัทถึงมองหาคนที่มี Micro-credential? การเข้าใจว่านายจ้างคิดอย่างไรจะช่วยให้คุณวางแผนพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น รายงานล่าสุดจาก Coursera (Micro-Credentials Impact Report 2025 - Thailand) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ: -โปรไฟล์โดดเด่น: นายจ้างไทยถึง 98% มองว่า Micro-credential ทำให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด -ตัดสินใจจ้างง่ายขึ้น: 95% ของนายจ้างมีการจ้างงานคนที่มี Micro-credential อย่างน้อยหนึ่งใบในปีที่ผ่านมา -ต่อรองเงินเดือนได้เปรียบ: 97% ยินดีเสนอเงินเดือนเริ่มต้นสูงขึ้นให้คนที่มี Micro-credential โดยเฉพาะสาย GenAI หรือหน่วยกิตที่เทียบโอนได้ (Credit-bearing) ทักษะเฉพาะทางคือแต้มต่อสำคัญ: นายจ้าง 98% มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีทักษะ GenAI มากกว่าคนที่ไม่มี ถึงขั้นที่ 95% อาจยอมเลือกคนประสบการณ์น้อยกว่าแต่มีใบรับรอง GenAI มากกว่าคนเก๋าเกมแต่ขาดทักษะนี้! และ 98% ก็มีแนวโน้มจะเลือกคนที่มีหน่วยกิตเทียบโอนได้ มากกว่าคนที่ไม่มีเช่นกัน -ลดเวลา (และต้นทุน) สอนงาน: นายจ้าง 92% พบว่าพนักงานใหม่ที่มี Micro-credential ตรงสายงาน จะเรียนรู้งานได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนการฝึกอบรมภายใน -ทักษะการสื่อสารยังคงสำคัญ: นอกจากทักษะเฉพาะทาง นายจ้างไทยยังเน้น "การสื่อสารทางธุรกิจ" ที่ดี เพราะต่อให้เก่งเทคโนโลยีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง งานก็เดินต่อลำบาก โดยเฉพาะในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ประโยชน์โดยตรงต่อคนทำงานอย่างคุณ -เพิ่มโอกาสได้งานและเงินเดือน: ชัดเจนจากข้อมูลว่า Micro-credential ช่วยให้คุณได้เปรียบทั้งตอนสมัครงานและตอนต่อรองเงินเดือน -พัฒนาทักษะแบบเร่งรัด ตรงเป้า: เลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่จำเป็นต่องานในปัจจุบัน/อนาคต ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย -เรียนรู้ได้ตามสไตล์คุณ: ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ หรือตอนพักเที่ยง ก็สามารถจัดสรรเวลาเรียนได้เอง -สร้างความมั่นใจ: การมีใบรับรองทักษะใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการทำงานและการนำเสนอตัวเอง -เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่: อยากลองเปลี่ยนสายงาน? Micro-credential ช่วยปูพื้นฐานทักษะที่จำเป็นให้คุณได้ Micro-credential: เครื่องมือจัดการเส้นทางอาชีพเชิงรุก ในฐานะคนทำงาน การมองหา Micro-credential ไม่ใช่แค่การเรียนเพิ่ม แต่คือการ "บริหารจัดการเส้นทางอาชีพ" ของคุณในเชิงรุก: -รักษาความสดใหม่: ทำให้โปรไฟล์ของคุณทันสมัย ไม่ตกยุค -สร้างความแตกต่าง: ในสนามการแข่งขันที่รุนแรง ทักษะเฉพาะทางคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร -ลงทุนในตัวเอง: เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อโอกาสและความก้าวหน้าในระยะยาว สถิติยืนยัน Micro-credential คือ Game Changer ของคนทำงาน ข้อมูลเชิงลึกจาก Coursera ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า Micro-credential ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างในประเทศไทย สถิติที่น่าทึ่ง เช่น 98% ของนายจ้างมองว่าช่วยเสริมแกร่งใบสมัคร, 97% ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีหน่วยกิตนี้, และความต้องการที่พุ่งสูงถึง 95-98% สำหรับผู้มีทักษะ GenAI หรือหน่วยกิตเทียบโอนได้ ล้วนชี้ให้เห็นว่า การมี Micro-credential สามารถสร้างความได้เปรียบที่จับต้องได้ทั้งในแง่โอกาสการจ้างงานและผลตอบแทน การมุ่งมั่นพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สอดคล้องกับแนวคิดการทำงานยุคใหม่ที่ต้องกล้าลอง กล้าเผชิญความท้าทาย และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว สำหรับคนทำงานที่ต้องการเสริมสร้างทัศนคติแบบ "ล้มให้เร็ว สำเร็จให้ไวขึ้น" เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพ การศึกษาแนวคิดเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้อย่างหนังสือ "Fail Fast Succeed More: ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" โดย 10X Consulting ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าสนใจครับ www.10-xconsulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสริมพลัง OKRs ด้วย NLP: ขับเคลื่อนเป้าหมาย เริ่มที่ 'ตัวเรา' สู่องค์กร

    OD with OKRs and NLP

    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นสิ่งสำคัญ OKRs (Objectives and Key Results) หรือ "หลักการตั้งเป้าหมายและวัดผลลัพธ์" ได้กลายเป็นเครื่องมือที่หลายองค์กรเลือกใช้ เปรียบเสมือน "เข็มทิศนำทาง" ให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ
    .
    แต่
    การจะทำให้ OKR เกิดผลสำเร็จจริง ๆ จนเป็นการ "ลงมือทำที่เห็นผล" นั้น ไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือที่ดีเท่านั้น หัวใจสำคัญกลับอยู่ที่ "การเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง"
    .
    ผู้นำและสมาชิกในทีมต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติและสภาวะภายใน ("BEING" หรือ "การตระหนักรู้ในตนเอง") ให้พร้อมเติบโต ซึ่ง NLP (Neuro - Linguistic Programming) หรือ "ศาสตร์การเข้าใจและปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและภาษา" คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมพลังในมิติภายในนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อ OKRs และ NLP ทำงานร่วมกัน จะเกิดพลังทวีคูณ ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
    .
    (อ่านต่อใน Comment และโพสต์ในลิงค์ https://www.facebook.com/share/p/15WjjCLacJ/ และ https://lnkd.in/gCab5Ys8)

    www.10-xconsulting.com
    www.lifealignmentor.com
    เสริมพลัง OKRs ด้วย NLP: ขับเคลื่อนเป้าหมาย เริ่มที่ 'ตัวเรา' สู่องค์กร OD with OKRs and NLP ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นสิ่งสำคัญ OKRs (Objectives and Key Results) หรือ "หลักการตั้งเป้าหมายและวัดผลลัพธ์" ได้กลายเป็นเครื่องมือที่หลายองค์กรเลือกใช้ เปรียบเสมือน "เข็มทิศนำทาง" ให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ . แต่ การจะทำให้ OKR เกิดผลสำเร็จจริง ๆ จนเป็นการ "ลงมือทำที่เห็นผล" นั้น ไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือที่ดีเท่านั้น หัวใจสำคัญกลับอยู่ที่ "การเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง" . ผู้นำและสมาชิกในทีมต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติและสภาวะภายใน ("BEING" หรือ "การตระหนักรู้ในตนเอง") ให้พร้อมเติบโต ซึ่ง NLP (Neuro - Linguistic Programming) หรือ "ศาสตร์การเข้าใจและปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและภาษา" คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเสริมพลังในมิติภายในนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อ OKRs และ NLP ทำงานร่วมกัน จะเกิดพลังทวีคูณ ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง . (อ่านต่อใน Comment และโพสต์ในลิงค์ https://www.facebook.com/share/p/15WjjCLacJ/ และ https://lnkd.in/gCab5Ys8) www.10-xconsulting.com www.lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสู้รบกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังช่วงเวลาหยุดยิงชั่วคราวของรัสเซียจบลง และยืนยันยังคงเปิดกว้างเรื่องการเจรจาสันติภาพกับยูเครน

    ปธน.ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่าการสู้ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังสิ้นสุดการหยุดยิงในช่วงวันอีสเตอร์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง แม้ว่ายูเครนจะละเมิดการหยุดยิงของรัสเซียโดยการโจมตีหลายครั้ง

    "แม้จะมีการละเมิดการหยุดยิงเกือบ 5,000 ครั้ง รวมถึงการโจมตีด้วยโดรน 90 ครั้งและการโจมตีด้วยปืนใหญ่ 400 ครั้ง แต่รัสเซียก็สังเกตเห็นว่ากิจกรรมการสู้รบของยูเครนลดลงโดยทั่วไป"

    อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเสริมว่า รัสเซียมีทัศนคติเชิงบวกต่อความพยายามสันติภาพใดๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเสนอแผนสันติภาพในวันอีสเตอร์ด้วย

    "เราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด เรามีทัศนคติในแง่บวกต่อความคิดริเริ่มสันติภาพใดๆ เราหวังว่าพวกผู้แทนของรัฐบาลเคียฟจะรู้สึกแบบเดียวกัน" ปูตินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
    การสู้รบกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังช่วงเวลาหยุดยิงชั่วคราวของรัสเซียจบลง และยืนยันยังคงเปิดกว้างเรื่องการเจรจาสันติภาพกับยูเครน ปธน.ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่าการสู้ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังสิ้นสุดการหยุดยิงในช่วงวันอีสเตอร์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง แม้ว่ายูเครนจะละเมิดการหยุดยิงของรัสเซียโดยการโจมตีหลายครั้ง "แม้จะมีการละเมิดการหยุดยิงเกือบ 5,000 ครั้ง รวมถึงการโจมตีด้วยโดรน 90 ครั้งและการโจมตีด้วยปืนใหญ่ 400 ครั้ง แต่รัสเซียก็สังเกตเห็นว่ากิจกรรมการสู้รบของยูเครนลดลงโดยทั่วไป" อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเสริมว่า รัสเซียมีทัศนคติเชิงบวกต่อความพยายามสันติภาพใดๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเสนอแผนสันติภาพในวันอีสเตอร์ด้วย "เราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด เรามีทัศนคติในแง่บวกต่อความคิดริเริ่มสันติภาพใดๆ เราหวังว่าพวกผู้แทนของรัฐบาลเคียฟจะรู้สึกแบบเดียวกัน" ปูตินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีแล้วที่ผมไม่คิดทำแบบไอ้ไฮโซเก๊ แต่จะทำตามฝันและแนวทางของผม ซึ่งผมกำหนดไว้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตั้งแต่โควิดผมเริ่มบาดหมางกับครอบครัวเพราะข้ออ้างของคนในครอบครัว พ่อ แม่ หรือใครก็ตามแต่ ไม่อยากให้ผมกลับไปใช้ชีวิตคนเดียว เอาผมมาให้อยู่ในโอวาท และตีกรอบซะเข้มงวด จนผมเสียเพื่อนดีๆที่เคยร่วมโปรเจคและเป็นส่วนให้โปรเจคเสร็จไปได้สวยไป คือตอนลงวิชาโปรเจคก็โดนเพื่อนคนอื่นเมินไม่สนใจผม ผลักให้ผมต้องทำโปรเจคร่วมกับคนที่ชอบสันโดษไม่เอาไหน แต่สุดท้ายแล้วผมกับครอบครัวไม่ลงรอยกันตั้งแต่ยึดห้องส่วนตัวที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อทำชิ้นงานหรือเล่นเอาอรรถรสเป็นห้องพระ ทั้งๆที่ตั้งโมเด็ม จนผมต้องซึมซับสิ่งที่คนในครอบครัวเสพติด ไม่ว่าละครที่กระดากหู สื่อข่าวรายการที่กระดากโสตประสาท จนทำให้ผมรู้สึกจงเกลียดจงชังพี่หนุ่ม พี่มดดำ ป้าอ้อย ป้าฮอด และคนอื่นๆที่ผมไม่อยากดูรายการเขา เพราะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมและไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตผมด้วย ผมสำคัญแค่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ยอดอัฉริยะและนักพัฒนาเกมส์ให้ได้ แต่ไม่ได้ว่าร้ายพ่อแม่ตัวเองนะ เพราะไม่อยากขยายเลยเถิดไปทะเลาะกันบ้านพัง ไม่ต้องมากำหนดเป้าหมายและทางเลือกชีวิตผมจะได้ไหมครับ เพราะเดี๋ยวนี้ทางเลือกหาเงินทำอาชีพมีนเยอะมาก ยุคโลกาภิวัฒน์แล้วยังจะหัวโบราณและพยายามให้ผมอยู่ใต้โอวาทอีก ถ้าผมต้องเรียนนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตามที่ทางครอบครัว คนรอบข้างร้องขอนะ ผมคงต้องพิจารณาเอาใบปริญญาตรีกับชุดครุยไปเผาทำลายในกองขยะเสีย ถ้าผมเปลี่ยนครอบครัวไม่ได้ แต่ครอบครัวเปลี่ยนผมให้แย่กว่าเดิมได้ คิดว่าหวังว่าลูกจะได้ดี ที่ไหนได้ ลูกได้แย่ลงๆเพราะเลี้ยงลูกแบบนี้ไง เสพสื่อท็อกซิกแล้วอุปการะเยี่ยงวัวควายจะเอาแบบนี้ใช่ไหม ถ้าผมต้องทำงานด้านกฎหมายตามที่พวกท่านคาดหวังผมจะต้องเผาเกียร์ เผาเสื้อช็อป เผาใบปริญญา เผาวุฒิวิศวกรรมศาสตร์ เผาครุยสามพระจอมที่สั่งตัดซื้อมา ไม่ใช่แค่ขู่ แต่มาบีบบังคับผมเกินเบอร์เมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่
    คนในครอบครัวโดยเฉพาะ พ่อ แม่ พี่สาว หรือใครก็ตามแต่ เสพสื่อขี้ปากไซออนิสต์มากไป เลยคิดให้ผมไปในเส้นทางที่ผมไม่อยากเดิน มีแต่ท็อกซิกล้วนๆ เลยมีทัศนคติที่ไม่ดีกับผมแบบนี้
    ดีแล้วที่ผมไม่คิดทำแบบไอ้ไฮโซเก๊ แต่จะทำตามฝันและแนวทางของผม ซึ่งผมกำหนดไว้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตั้งแต่โควิดผมเริ่มบาดหมางกับครอบครัวเพราะข้ออ้างของคนในครอบครัว พ่อ แม่ หรือใครก็ตามแต่ ไม่อยากให้ผมกลับไปใช้ชีวิตคนเดียว เอาผมมาให้อยู่ในโอวาท และตีกรอบซะเข้มงวด จนผมเสียเพื่อนดีๆที่เคยร่วมโปรเจคและเป็นส่วนให้โปรเจคเสร็จไปได้สวยไป คือตอนลงวิชาโปรเจคก็โดนเพื่อนคนอื่นเมินไม่สนใจผม ผลักให้ผมต้องทำโปรเจคร่วมกับคนที่ชอบสันโดษไม่เอาไหน แต่สุดท้ายแล้วผมกับครอบครัวไม่ลงรอยกันตั้งแต่ยึดห้องส่วนตัวที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อทำชิ้นงานหรือเล่นเอาอรรถรสเป็นห้องพระ ทั้งๆที่ตั้งโมเด็ม จนผมต้องซึมซับสิ่งที่คนในครอบครัวเสพติด ไม่ว่าละครที่กระดากหู สื่อข่าวรายการที่กระดากโสตประสาท จนทำให้ผมรู้สึกจงเกลียดจงชังพี่หนุ่ม พี่มดดำ ป้าอ้อย ป้าฮอด และคนอื่นๆที่ผมไม่อยากดูรายการเขา เพราะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมและไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตผมด้วย ผมสำคัญแค่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ยอดอัฉริยะและนักพัฒนาเกมส์ให้ได้ แต่ไม่ได้ว่าร้ายพ่อแม่ตัวเองนะ เพราะไม่อยากขยายเลยเถิดไปทะเลาะกันบ้านพัง ไม่ต้องมากำหนดเป้าหมายและทางเลือกชีวิตผมจะได้ไหมครับ เพราะเดี๋ยวนี้ทางเลือกหาเงินทำอาชีพมีนเยอะมาก ยุคโลกาภิวัฒน์แล้วยังจะหัวโบราณและพยายามให้ผมอยู่ใต้โอวาทอีก ถ้าผมต้องเรียนนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตามที่ทางครอบครัว คนรอบข้างร้องขอนะ ผมคงต้องพิจารณาเอาใบปริญญาตรีกับชุดครุยไปเผาทำลายในกองขยะเสีย ถ้าผมเปลี่ยนครอบครัวไม่ได้ แต่ครอบครัวเปลี่ยนผมให้แย่กว่าเดิมได้ คิดว่าหวังว่าลูกจะได้ดี ที่ไหนได้ ลูกได้แย่ลงๆเพราะเลี้ยงลูกแบบนี้ไง เสพสื่อท็อกซิกแล้วอุปการะเยี่ยงวัวควายจะเอาแบบนี้ใช่ไหม ถ้าผมต้องทำงานด้านกฎหมายตามที่พวกท่านคาดหวังผมจะต้องเผาเกียร์ เผาเสื้อช็อป เผาใบปริญญา เผาวุฒิวิศวกรรมศาสตร์ เผาครุยสามพระจอมที่สั่งตัดซื้อมา ไม่ใช่แค่ขู่ แต่มาบีบบังคับผมเกินเบอร์เมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่ คนในครอบครัวโดยเฉพาะ พ่อ แม่ พี่สาว หรือใครก็ตามแต่ เสพสื่อขี้ปากไซออนิสต์มากไป เลยคิดให้ผมไปในเส้นทางที่ผมไม่อยากเดิน มีแต่ท็อกซิกล้วนๆ เลยมีทัศนคติที่ไม่ดีกับผมแบบนี้
    หนุ่มไฮโซเก๊ มีโลกสองใบคู่กรณี “คะน้า ริญญารัตน์” อาศัยช่วงชุลมุน ขณะคุมสอบปากคำ กระโดดจากชั้น 3 ของ สน.โคกคราม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033148
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ไม่รู้เจอเรื่องเหี้ยไร จะเนชั่น...สุนัข เวิร์คพล่อย ซ่อง8 ซ่อง7 ซ่อง3 ซ่องวันหลีหน้าฮบ ซ่องทุยPBS ซ่องพีพีบิวกิ้นกีบทีวี ซ่องอำหมาริน สื่อแม่งก์พูดตามขี้ปากยิวไซออนิสต์ทั้งสิ้น ยิ่งเห็นหน้าไอ้เหี้ยจักรภพ เพ็ญแข ผมนี่ยึ่งเจ็บใจเหี้ยๆที่ต้องมาเห็นหน้าคนเหี้ยๆแบบนี้ เป็นเพราะคนรอบข้างและคนในครอบครัวล้วนๆเลยโดยเฉพาะพ่อ แต่ผมไม่อยากจะไปตอบโต้แก แต่บางทีผมอยากแยกกับพ่อเพราะบางทีพ่อไม่ควรล้วงลูกเรื่องของผมไปเสียทุกเรื่อง ไม่ควรจะสอดแทรกไปเสียทุกเรื่อง เป็นห่วงอันนี้เข้าใจ แต่พ่ออยากให้ผมสอบรับราชการ แต่รับงานที่ต้องย้ายทะเบียนบ้านตรงนี้เจ็บสุดๆ แต่ตอนนี้เหมือนต้องย้ายทะเบียนบ้านมาอีก โอ๊ยเครียด จะให้ย้ายทะเบียนบ้านบ่อยไปเพื่ออะไรกัน ผมอยู่จุดที่ผมอยู่ก็พอใจแล้ว ยุ่งเรื่องผม สทร.เรื่องผม จนผมจะประสาทรับประทานอยู่แล้ว บางทีผมอยากจะบอกพ่อตรงๆว่า จากนี้ไป ผมต่างคนต่างอยู่นะ เพราะอยู่ร่วมกันครอบครัวคนอื่นไม่เห็นต้องมาแทรกแซงชีวิตลูกแบบนี้นะ กลัวลูกถูกหลอกลวงต้มตุ๋น กลัวลูกทำงานเอกชนไม่ได้ กลัวลูกอยู่ร่วมสังคมที่ผมชอบอยู่ไม่ได้ แต่อยากให้ผมอยู่ในสังคมที่ผมไม่อยากอยู่และสุดแสนจะ Toxic เป็นห่วงผมมากขนาดนั้นเลยคาดคั้นบีบบังคับให้ผมสอบรับราชการ อ้าวรู้งี้ก็ไม่ต้องอยู่ร่วมกันแล้ว เพราะอยู่ไปเดี๋ยวได้บาดหมางหนักกว่าเก่าอีก เพราะความคิดที่ต้องควบคุมลูก ให้ลูกเป็นแบบนี้แบบนั้น จ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลาจนผมรู้สึกอึดอัด คือผมจะกตัญญูคนอย่างเขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองไหวหรือ ผมว่าไม่ไหวหรอก เพราะทัศนคติแย่ๆที่พ่อพยายามดูถูก ท็อกซิก ล้างสมองและหว่านล้อมต่อผม ผมไม่อยากจะฟังมันแล้ว ปีนี้เจ็บสุดแล้ว ปีก่อนก็เจ็บกว่านี้เพราะย้ายทะเบียนบ้าน เกือบฟิวส์ขาดที่อำเภอละ
    วันนี้ไม่รู้เจอเรื่องเหี้ยไร จะเนชั่น...สุนัข เวิร์คพล่อย ซ่อง8 ซ่อง7 ซ่อง3 ซ่องวันหลีหน้าฮบ ซ่องทุยPBS ซ่องพีพีบิวกิ้นกีบทีวี ซ่องอำหมาริน สื่อแม่งก์พูดตามขี้ปากยิวไซออนิสต์ทั้งสิ้น ยิ่งเห็นหน้าไอ้เหี้ยจักรภพ เพ็ญแข ผมนี่ยึ่งเจ็บใจเหี้ยๆที่ต้องมาเห็นหน้าคนเหี้ยๆแบบนี้ เป็นเพราะคนรอบข้างและคนในครอบครัวล้วนๆเลยโดยเฉพาะพ่อ แต่ผมไม่อยากจะไปตอบโต้แก แต่บางทีผมอยากแยกกับพ่อเพราะบางทีพ่อไม่ควรล้วงลูกเรื่องของผมไปเสียทุกเรื่อง ไม่ควรจะสอดแทรกไปเสียทุกเรื่อง เป็นห่วงอันนี้เข้าใจ แต่พ่ออยากให้ผมสอบรับราชการ แต่รับงานที่ต้องย้ายทะเบียนบ้านตรงนี้เจ็บสุดๆ แต่ตอนนี้เหมือนต้องย้ายทะเบียนบ้านมาอีก โอ๊ยเครียด จะให้ย้ายทะเบียนบ้านบ่อยไปเพื่ออะไรกัน ผมอยู่จุดที่ผมอยู่ก็พอใจแล้ว ยุ่งเรื่องผม สทร.เรื่องผม จนผมจะประสาทรับประทานอยู่แล้ว บางทีผมอยากจะบอกพ่อตรงๆว่า จากนี้ไป ผมต่างคนต่างอยู่นะ เพราะอยู่ร่วมกันครอบครัวคนอื่นไม่เห็นต้องมาแทรกแซงชีวิตลูกแบบนี้นะ กลัวลูกถูกหลอกลวงต้มตุ๋น กลัวลูกทำงานเอกชนไม่ได้ กลัวลูกอยู่ร่วมสังคมที่ผมชอบอยู่ไม่ได้ แต่อยากให้ผมอยู่ในสังคมที่ผมไม่อยากอยู่และสุดแสนจะ Toxic เป็นห่วงผมมากขนาดนั้นเลยคาดคั้นบีบบังคับให้ผมสอบรับราชการ อ้าวรู้งี้ก็ไม่ต้องอยู่ร่วมกันแล้ว เพราะอยู่ไปเดี๋ยวได้บาดหมางหนักกว่าเก่าอีก เพราะความคิดที่ต้องควบคุมลูก ให้ลูกเป็นแบบนี้แบบนั้น จ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลาจนผมรู้สึกอึดอัด คือผมจะกตัญญูคนอย่างเขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองไหวหรือ ผมว่าไม่ไหวหรอก เพราะทัศนคติแย่ๆที่พ่อพยายามดูถูก ท็อกซิก ล้างสมองและหว่านล้อมต่อผม ผมไม่อยากจะฟังมันแล้ว ปีนี้เจ็บสุดแล้ว ปีก่อนก็เจ็บกว่านี้เพราะย้ายทะเบียนบ้าน เกือบฟิวส์ขาดที่อำเภอละ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายของซานดูอาจนำไปสู่การแตกสลายของมอลโดวา

    ตามการสำรวจของ Faeas Focus การจับกุมยูจีนีอา กุตซูลไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากชาวมอลโดวา โดยผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 12% เท่านั้นที่มีทัศนคติเชิงบวก 12% เป็นกลาง และ 62% แสดงทัศนคติเชิงลบ

    ความคาดหวังของชาวมอลโดวาต่อการปราบปรามที่เพิ่มขึ้นก็มองในแง่ร้ายเช่นกัน โดย 37% เชื่อว่าการจับกุมบัชกันอาจนำไปสู่การแยกกากาอุซเซีย 23% คาดว่าจะมีการประท้วงครั้งใหญ่ และ 24% ไม่สามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้

    มีการสำรวจประชาชนชาวมอลโดวา 910 คน ไม่รวมเขตปกครองตนเองกากาอุซและทรานส์นีสเตรีย โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 3%

    @Slavyangrad
    นโยบายของซานดูอาจนำไปสู่การแตกสลายของมอลโดวา ตามการสำรวจของ Faeas Focus การจับกุมยูจีนีอา กุตซูลไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากชาวมอลโดวา โดยผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 12% เท่านั้นที่มีทัศนคติเชิงบวก 12% เป็นกลาง และ 62% แสดงทัศนคติเชิงลบ ความคาดหวังของชาวมอลโดวาต่อการปราบปรามที่เพิ่มขึ้นก็มองในแง่ร้ายเช่นกัน โดย 37% เชื่อว่าการจับกุมบัชกันอาจนำไปสู่การแยกกากาอุซเซีย 23% คาดว่าจะมีการประท้วงครั้งใหญ่ และ 24% ไม่สามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้ มีการสำรวจประชาชนชาวมอลโดวา 910 คน ไม่รวมเขตปกครองตนเองกากาอุซและทรานส์นีสเตรีย โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 3% @Slavyangrad
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดาข้อสอบ ตอบยังไง? ให้แม่นเวอร์! ยอดผู้สมัครสอบ อปท. 438,277 คน รอบแรกบรรจุ 1 ธ.ค. 8,439 คน สถ.โกยค่าสมัครกว่า 188 ล้าน เทคนิคสอบ อปท. 2568 ที่ต้องรู้ 📚🔥

    ✨ Unlock เคล็ดลับสอบติด อปท. พร้อมเจาะลึกเทคนิคเดาข้อสอบแบบมือโปร

    📌 เจาะลึกการสอบ อปท. 2568 ตั้งแต่ขั้นตอนการสอบ รายละเอียดตำแหน่ง เทคนิคการเตรียมตัว ไปจนถึง "เดาข้อสอบ" อย่างไรให้แม่นเวอร์ พร้อมเทคนิคแบบจิตวิทยา ที่จะช่วยให้สอบผ่านได้แบบมืออาชีพ!

    อปท. 2568 ปีทองของคนอยากเป็นข้าราชการ 🎯 ปีนี้ถือเป็นโอกาสทอง ของผู้ที่มีความฝันอยากเป็น "ข้าราชการท้องถิ่น" หรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ อปท. ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 438,277 คนทั่วประเทศ 😲

    โดยในรอบแรก จะมีการบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 จำนวนถึง 8,439 อัตรา และที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือ "ค่าสมัครสอบ" ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถรวบรวมได้กว่า 188 ล้านบาท 💸

    แต่…ด้วยจำนวนผู้สมัครมหาศาล การสอบให้ผ่านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย! โดยเฉพาะเมื่อมี "กฎเหล็ก" อย่าง ต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษอย่างน้อย 10 จาก 20 ข้อ ถึงจะผ่านภาค ก 😱

    🤔 อปท. ย่อมาจาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุเป็น ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ภายใต้การดูแลของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

    สาเหตุที่คนแห่สมัครกันเยอะ? เพราะ...
    🏢 เป็นงานราชการ มีความมั่นคง
    💰 เงินเดือนและสวัสดิการดี
    📍 ทำงานในพื้นที่บ้านเกิดได้
    ⏳ ขึ้นบัญชีได้นานถึง 2 ปี ขยายได้อีก 30 วัน

    ขั้นตอนสำคัญของการสอบ อปท. 2568 📅
    2 ก.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    19 ก.ค. 2568 สอบภาค ก และ ข
    1 ต.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ค
    18-19 ต.ค. 2568 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค
    31 ต.ค. 2568 ประกาศบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
    3-7 พ.ย. 2568 รายงานตัว และเลือกสถานที่
    1 ธ.ค. 2568 บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ

    📝 อย่าลืมบันทึกวันสำคัญไว้ให้ดี!

    กลุ่มภาคที่เปิดสอบ และตำแหน่งยอดฮิต 🎯
    🗺️ กลุ่มภาค 10 โซนทั่วประเทศ
    มีตั้งแต่ ภาคเหนือ เขต 1–2, ภาคกลาง เขต 1–3, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1–3, ไปจนถึง ภาคใต้ เขต 1–2 โดยแต่ละพื้นที่เปิดสอบในตำแหน่งต่างกัน ตามอัตราว่าง

    📋 ประเภทของตำแหน่งที่เปิดสอบ
    - ครูผู้ช่วย 👩‍🏫👨‍🏫 ป.ตรี 4 ปี เริ่มต้น 16,560 บาท ป.ตรี 5 ปี เริ่มต้น 17,380 บาท

    - ตำแหน่งประเภททั่วไป วุฒิ ปวช./ปวท./ปวส. เช่น เจ้าพนักงานธุรการ, เจ้าพนักงานการคลัง ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 – 12,730 บาท

    - ตำแหน่งประเภทวิชาการ วุฒิปริญญาตรี เช่น นักวิชาการเงิน, วิศวกรโยธา, นักทรัพยากรบุคคล ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท

    💡 ตำแหน่งยอดฮิตที่มีอัตรารับมากสุดคือ “นักวิชาการตรวจสอบภายใน” ถึง 779 อัตราเลยทีเดียว!

    ✍️ การสอบแบ่งออกเป็น 3 ภาค

    🔸 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - วิเคราะห์เหตุผล 30 คะแนน
    - กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 30 คะแนน
    - ภาษาไทย 20 คะแนน
    - ภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องได้อย่างน้อย 10 คะแนน

    🔸 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมัคร เช่น
    - นักวิชาการศึกษา → พัฒนาหลักสูตร
    - นักพัฒนาชุมชน → กฎหมายพัฒนาชุมชน
    - นักบัญชี → การเงิน-บัญชี

    🔸 ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    - บุคลิกภาพ
    - ทัศนคติ
    - ความสามารถในการสื่อสาร
    - ความเหมาะสมกับตำแหน่ง

    เทคนิคเตรียมสอบ อปท. แบบจับมือทำ 📖
    ✅ วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า อย่ารอใกล้วันสอบ! ควรวางแผนเตรียมตัว ล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แบ่งเวลาอ่านให้ครอบคลุมทั้งภาค ก และ ข

    ✅ อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบราชการท้องถิ่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ

    ✅ ฝึกทำข้อสอบเก่า ค้นหาแนวข้อสอบ อปท. จากปีเก่า ๆ มาฝึกให้คล่อง ฝึกทำโจทย์วันละ 20–30 ข้อทุกวัน ✍️

    ✅ ภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด เน้น Reading comprehension ศัพท์พื้นฐาน และ Grammar เบื้องต้น ฝึกโจทย์แบบ multiple choice

    🔥 เทคนิคเดาข้อสอบให้แม่นเวอร์! ไม่ต้องงม ไม่ต้องมั่ว 🤖 เมื่อเจอข้อสอบที่ “คิดไม่ออก” หรือ “ไม่มั่นใจ” ใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้เดาอย่างมีหลักการ ได้แม่นยำขึ้น!

    🎯 เทคนิคที่ 1 ตัดตัวเลือกสุดโต่ง ระวังคำว่า “เสมอ”, “ทั้งหมด”, “ไม่มีข้อยกเว้น”, “ห้ามโดยเด็ดขาด” เพราะมักผิด ❌

    🎯 เทคนิคที่ 2 คำที่ให้ความยืดหยุ่นมักจะถูก คำว่า “มักจะ”, “อาจจะ”, “บางครั้ง” มักถูกมากกว่า ✅

    🎯 เทคนิคที่ 3 สแกนคำถาม – คำตอบที่คล้ายกัน ถ้ามีคำจากคำถามโผล่ในคำตอบ = โอกาสถูกสูง!

    🎯 เทคนิคที่ 4 เดาตามแพทเทิร์น ถ้าต้องเดาจริง ๆ → เลือก “ข” หรือ “ค” เพราะมักเป็นตำแหน่งกลางที่ผู้ออกข้อสอบนิยมใช้

    🎯 เทคนิคที่ 5 ตัวเลือกยาวมักถูก เพราะอาจารย์มักใส่รายละเอียดมาก ในคำตอบที่ถูก 📝

    ❌ ข้อห้ามเด็ดขาดในการทำข้อสอบ
    - อย่าทิ้งข้อ – ตอบดีกว่าเว้น!
    - อย่าเปลี่ยนคำตอบไปมา ถ้าไม่มีเหตุผลชัดเจน
    - อย่ามองข้ามคำว่า “ไม่ใช่” หรือ “ยกเว้น” ในคำถาม

    📚 เตรียมตัววันนี้ พรุ่งนี้สอบติด! 🌈 การสอบ อปท. 2568 คือโอกาสครั้งใหญ่ของใครหลายคน และยิ่งมีเทคนิคที่ดี + เตรียมตัวอย่างเป็นระบบ = โอกาส “สอบติด” ก็สูงขึ้นตามไปด้วย! 💪

    ไม่ว่าจะเป็น… วางแผนอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบเก่า รู้เทคนิคเดาข้อสอบแบบมีหลักการ ทั้งหมดนี้คืออาวุธสำคัญ ที่ต้องมีในการสอบครั้งนี้!

    ✨ ขอให้โชคดีในการสอบ และได้เป็นข้าราชการในฝัน! ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311115 มี.ค. 2568

    📌 #สอบอปท2568 #แนวข้อสอบราชการ #เดาข้อสอบแม่นเวอร์ #เทคนิคสอบราชการ #สอบภาคก #สอบภาคข #ภาษาอังกฤษอปท #สอบราชการ2568 #สมัครงานราชการ #สอบสัมภาษณ์อปท
    เดาข้อสอบ ตอบยังไง? ให้แม่นเวอร์! ยอดผู้สมัครสอบ อปท. 438,277 คน รอบแรกบรรจุ 1 ธ.ค. 8,439 คน สถ.โกยค่าสมัครกว่า 188 ล้าน เทคนิคสอบ อปท. 2568 ที่ต้องรู้ 📚🔥 ✨ Unlock เคล็ดลับสอบติด อปท. พร้อมเจาะลึกเทคนิคเดาข้อสอบแบบมือโปร 📌 เจาะลึกการสอบ อปท. 2568 ตั้งแต่ขั้นตอนการสอบ รายละเอียดตำแหน่ง เทคนิคการเตรียมตัว ไปจนถึง "เดาข้อสอบ" อย่างไรให้แม่นเวอร์ พร้อมเทคนิคแบบจิตวิทยา ที่จะช่วยให้สอบผ่านได้แบบมืออาชีพ! อปท. 2568 ปีทองของคนอยากเป็นข้าราชการ 🎯 ปีนี้ถือเป็นโอกาสทอง ของผู้ที่มีความฝันอยากเป็น "ข้าราชการท้องถิ่น" หรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ อปท. ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 438,277 คนทั่วประเทศ 😲 โดยในรอบแรก จะมีการบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 จำนวนถึง 8,439 อัตรา และที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือ "ค่าสมัครสอบ" ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถรวบรวมได้กว่า 188 ล้านบาท 💸 แต่…ด้วยจำนวนผู้สมัครมหาศาล การสอบให้ผ่านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย! โดยเฉพาะเมื่อมี "กฎเหล็ก" อย่าง ต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษอย่างน้อย 10 จาก 20 ข้อ ถึงจะผ่านภาค ก 😱 🤔 อปท. ย่อมาจาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุเป็น ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ภายใต้การดูแลของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สาเหตุที่คนแห่สมัครกันเยอะ? เพราะ... 🏢 เป็นงานราชการ มีความมั่นคง 💰 เงินเดือนและสวัสดิการดี 📍 ทำงานในพื้นที่บ้านเกิดได้ ⏳ ขึ้นบัญชีได้นานถึง 2 ปี ขยายได้อีก 30 วัน ขั้นตอนสำคัญของการสอบ อปท. 2568 📅 2 ก.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 19 ก.ค. 2568 สอบภาค ก และ ข 1 ต.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ค 18-19 ต.ค. 2568 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค 31 ต.ค. 2568 ประกาศบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ 3-7 พ.ย. 2568 รายงานตัว และเลือกสถานที่ 1 ธ.ค. 2568 บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ 📝 อย่าลืมบันทึกวันสำคัญไว้ให้ดี! กลุ่มภาคที่เปิดสอบ และตำแหน่งยอดฮิต 🎯 🗺️ กลุ่มภาค 10 โซนทั่วประเทศ มีตั้งแต่ ภาคเหนือ เขต 1–2, ภาคกลาง เขต 1–3, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1–3, ไปจนถึง ภาคใต้ เขต 1–2 โดยแต่ละพื้นที่เปิดสอบในตำแหน่งต่างกัน ตามอัตราว่าง 📋 ประเภทของตำแหน่งที่เปิดสอบ - ครูผู้ช่วย 👩‍🏫👨‍🏫 ป.ตรี 4 ปี เริ่มต้น 16,560 บาท ป.ตรี 5 ปี เริ่มต้น 17,380 บาท - ตำแหน่งประเภททั่วไป วุฒิ ปวช./ปวท./ปวส. เช่น เจ้าพนักงานธุรการ, เจ้าพนักงานการคลัง ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 – 12,730 บาท - ตำแหน่งประเภทวิชาการ วุฒิปริญญาตรี เช่น นักวิชาการเงิน, วิศวกรโยธา, นักทรัพยากรบุคคล ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท 💡 ตำแหน่งยอดฮิตที่มีอัตรารับมากสุดคือ “นักวิชาการตรวจสอบภายใน” ถึง 779 อัตราเลยทีเดียว! ✍️ การสอบแบ่งออกเป็น 3 ภาค 🔸 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - วิเคราะห์เหตุผล 30 คะแนน - กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 30 คะแนน - ภาษาไทย 20 คะแนน - ภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องได้อย่างน้อย 10 คะแนน 🔸 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมัคร เช่น - นักวิชาการศึกษา → พัฒนาหลักสูตร - นักพัฒนาชุมชน → กฎหมายพัฒนาชุมชน - นักบัญชี → การเงิน-บัญชี 🔸 ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน - บุคลิกภาพ - ทัศนคติ - ความสามารถในการสื่อสาร - ความเหมาะสมกับตำแหน่ง เทคนิคเตรียมสอบ อปท. แบบจับมือทำ 📖 ✅ วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า อย่ารอใกล้วันสอบ! ควรวางแผนเตรียมตัว ล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แบ่งเวลาอ่านให้ครอบคลุมทั้งภาค ก และ ข ✅ อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบราชการท้องถิ่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ✅ ฝึกทำข้อสอบเก่า ค้นหาแนวข้อสอบ อปท. จากปีเก่า ๆ มาฝึกให้คล่อง ฝึกทำโจทย์วันละ 20–30 ข้อทุกวัน ✍️ ✅ ภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด เน้น Reading comprehension ศัพท์พื้นฐาน และ Grammar เบื้องต้น ฝึกโจทย์แบบ multiple choice 🔥 เทคนิคเดาข้อสอบให้แม่นเวอร์! ไม่ต้องงม ไม่ต้องมั่ว 🤖 เมื่อเจอข้อสอบที่ “คิดไม่ออก” หรือ “ไม่มั่นใจ” ใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้เดาอย่างมีหลักการ ได้แม่นยำขึ้น! 🎯 เทคนิคที่ 1 ตัดตัวเลือกสุดโต่ง ระวังคำว่า “เสมอ”, “ทั้งหมด”, “ไม่มีข้อยกเว้น”, “ห้ามโดยเด็ดขาด” เพราะมักผิด ❌ 🎯 เทคนิคที่ 2 คำที่ให้ความยืดหยุ่นมักจะถูก คำว่า “มักจะ”, “อาจจะ”, “บางครั้ง” มักถูกมากกว่า ✅ 🎯 เทคนิคที่ 3 สแกนคำถาม – คำตอบที่คล้ายกัน ถ้ามีคำจากคำถามโผล่ในคำตอบ = โอกาสถูกสูง! 🎯 เทคนิคที่ 4 เดาตามแพทเทิร์น ถ้าต้องเดาจริง ๆ → เลือก “ข” หรือ “ค” เพราะมักเป็นตำแหน่งกลางที่ผู้ออกข้อสอบนิยมใช้ 🎯 เทคนิคที่ 5 ตัวเลือกยาวมักถูก เพราะอาจารย์มักใส่รายละเอียดมาก ในคำตอบที่ถูก 📝 ❌ ข้อห้ามเด็ดขาดในการทำข้อสอบ - อย่าทิ้งข้อ – ตอบดีกว่าเว้น! - อย่าเปลี่ยนคำตอบไปมา ถ้าไม่มีเหตุผลชัดเจน - อย่ามองข้ามคำว่า “ไม่ใช่” หรือ “ยกเว้น” ในคำถาม 📚 เตรียมตัววันนี้ พรุ่งนี้สอบติด! 🌈 การสอบ อปท. 2568 คือโอกาสครั้งใหญ่ของใครหลายคน และยิ่งมีเทคนิคที่ดี + เตรียมตัวอย่างเป็นระบบ = โอกาส “สอบติด” ก็สูงขึ้นตามไปด้วย! 💪 ไม่ว่าจะเป็น… วางแผนอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบเก่า รู้เทคนิคเดาข้อสอบแบบมีหลักการ ทั้งหมดนี้คืออาวุธสำคัญ ที่ต้องมีในการสอบครั้งนี้! ✨ ขอให้โชคดีในการสอบ และได้เป็นข้าราชการในฝัน! ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311115 มี.ค. 2568 📌 #สอบอปท2568 #แนวข้อสอบราชการ #เดาข้อสอบแม่นเวอร์ #เทคนิคสอบราชการ #สอบภาคก #สอบภาคข #ภาษาอังกฤษอปท #สอบราชการ2568 #สมัครงานราชการ #สอบสัมภาษณ์อปท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 982 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 743 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👨‍👩‍👧‍👦 การตีไม่ใช่การสอน: เจาะลึก พ.ร.บ.ใหม่ ห้ามทารุณกรรมบุตร พ.ศ. 2568
    เมื่อกฎหมายบอกว่า "พ่อแม่ตีลูกไม่ได้": ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของครอบครัวไทย

    📌 เจาะลึกถึงกฎหมายใหม่ห้ามตีลูก พ.ศ. 2568 ซึ่งระบุชัดเจนว่า การทำโทษต้องไม่เป็นการทารุณกรรม หรือรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจ แนวทางการปรับทัศนคติพ่อแม่ สู่การเลี้ยงดูเชิงบวก

    ✨ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ในสังคมไทยที่ผ่านมา คำว่า "ไม้เรียวคือรัก" หรือ "ตีเพราะรัก" เป็นสิ่งที่หลายครอบครัว เติบโตมาพร้อมกับแนวคิดนี้ แต่ปัจจุบัน เมื่อสังคมเปลี่ยน โลกเปลี่ยน และองค์ความรู้ด้านจิตวิทยาเด็ก พัฒนาไปมากขึ้น ก็เริ่มมีคำถามว่า...

    👉 “การตีลูก = การอบรมจริงหรือ?”

    และแล้ว... คำตอบจากรัฐ ก็มาในรูปแบบของ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป 🗓️

    📖 พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ซึ่งแต่เดิมเคยระบุว่า ผู้ใช้อำนาจปกครอง พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สามารถทำโทษบุตร เพื่ออบรมสั่งสอนได้ตามสมควร

    แต่ในฉบับใหม่ ปี 2568 นี้ ระบุเพิ่มเติมไว้อย่างชัดเจนว่า 👇

    “ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน หรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย หรือจิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ”

    📌 สรุปคือ พ่อแม่ ยังสามารถอบรมลูกได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง หรือการกระทำที่เป็นอันตราย ทั้งทางกายและจิตใจ

    ❓ ทำไมถึงต้องออกกฎหมายนี้? สาเหตุหลัก ๆ ของการออกกฎหมายนี้ มาจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น

    📉 ผลกระทบทางจิตใจ เด็กที่ถูกตีบ่อย มีแนวโน้มจะขาดความมั่นใจ เกิดบาดแผลทางใจเรื้อรัง

    😢 การใช้ความรุนแรง แฝงรูปแบบการทารุณกรรม ที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า "การสั่งสอน"

    🤝 ความรับผิดชอบของรัฐไทย ในฐานะภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (UNCRC) ที่ต้องปกป้องสิทธิเด็ กจากความรุนแรงทุกรูปแบบ

    🔄 การพัฒนาแนวทางเลี้ยงดูเชิงบวก (Positive Parenting) ที่เริ่มเป็นมาตรฐานสากล

    ⚖️ หัวใจสำคัญของกฎหมาย “ตีลูกไม่ได้” หมายถึงอะไร หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า กฎหมายนี้ ห้ามไม่ให้พ่อแม่อบรมลูกเลย ❌ แต่ในความจริงแล้ว...

    👉 "การสั่งสอนลูกยังทำได้" แต่ต้องเป็นการสั่งสอน ที่ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ดูถูก หรือทำให้ลูกเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ

    ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ “ผิด” ตามกฎหมายใหม่
    - ตีด้วยของแข็ง เช่น ไม้แข็ง, สายไฟ
    - ดุด่าด้วยคำรุนแรง หรือดูถูก
    - บังคับให้ลูกกลัว หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
    - ทำโทษด้วยวิธีที่ขัดกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

    💔 ทัศนคติแบบเดิม ความเข้าใจผิดที่ส่งผลเสีย “ลูกโดนตีตอนเด็ก โตขึ้นมาถึงรู้จักผิดชอบชั่วดี” ประโยคนี้คือความเข้าใจผิด ที่ฝังรากลึกในหลายครอบครัว 😓

    แต่ข้อมูลจากจิตแพทย์เด็ก และองค์กรเพื่อสิทธิเด็กทั่วโลก ชี้ว่า... เด็กที่เติบโตในครอบครัว ที่ใช้ความรุนแรง มักจะมีแนวโน้ม ถ่ายทอดความรุนแรงนั้นต่อไป

    นั่นคือวงจรของ “ความรุนแรงในครอบครัว” ที่ไม่เคยสิ้นสุด 💢 กฎหมายใหม่นี้จึงไม่ได้มาเพื่อ "ลงโทษพ่อแม่" แต่เพื่อหยุดวงจรของความรุนแรงตั้งแต่ต้นทาง

    🌈 การเลี้ยงลูกเชิงบวก แนวคิดนี้เรียกว่า Positive Discipline หรือ Positive Parenting
    เป็นการสั่งสอนลูกโดยใช้ความเข้าใจ ความรัก และเหตุผล มากกว่าความกลัวหรือการบังคับ

    หลักการสำคัญ มีดังนี้
    - สร้างวินัยด้วยข้อตกลง ไม่ใช่การขู่เข็ญ
    - สอนให้ลูกรับผิดชอบ ไม่ใช่รู้สึกผิด
    - ใช้ “ผลลัพธ์ตามธรรมชาติ” แทน “การลงโทษ”

    ตัวอย่าง แทนที่จะตีลูกที่ไม่ยอมทำการบ้าน → อธิบายผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เช่น คะแนนไม่ดี หรือไม่มีเวลาเล่น

    🛠️ วิธีอบรมลูกโดยไม่ใช้ความรุนแรง
    - ใช้เวลาฟังลูกมากขึ้น 👂 ให้ลูกพูดสิ่งที่รู้สึกหรือคิด โดยไม่ตัดสิน
    - สร้างกฎร่วมกันในบ้าน 📜 เด็กจะเชื่อฟังมากขึ้น ถ้ารู้สึกว่าเขามีส่วนร่วม
    - สอนด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ 💬 เวลาลูกทำผิด ให้ถาม-ตอบ ชวนคิดถึงผลกระทบ
    - เสริมแรงทางบวก 🌟 ชมลูกเมื่อทำสิ่งที่ดี แทนที่จะเน้นเฉพาะเวลาทำผิด
    - เป็นแบบอย่างที่ดี 👨‍👩‍👧 เด็กเรียนรู้พฤติกรรม จากการสังเกตพ่อแม่

    📣 เสียงสะท้อนจากสังคมไทย หลังการประกาศกฎหมายฉบับนี้ มีทั้งเสียงเห็นด้วย และเสียงที่ยัง “ไม่เข้าใจ”

    เสียงเห็นด้วย “กฎหมายนี้ช่วยให้พ่อแม่ หันมาสนใจพัฒนาวิธีสื่อสารกับลูกมากขึ้น ไม่ใช้แต่กำลัง” 🙌

    เสียงคัดค้าน “กลัวว่าเด็กจะไม่กลัว ไม่เชื่อฟัง ถ้าพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ทำโทษ”

    สิ่งสำคัญคือ การสร้างความเข้าใจใหม่ว่า 👉 การสร้างวินัย ไม่เท่ากับการใช้กำลัง

    🧠 พ่อแม่ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
    - เรียนรู้เรื่อง จิตวิทยาพัฒนาการเด็ก
    - เข้าอบรมเรื่อง การเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น
    - พูดคุยแลกเปลี่ยนกับครอบครัวอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางใหม่
    - ตระหนักว่า “ความรุนแรง” ไม่ได้ช่วยให้ลูกดีขึ้น แต่ ทำให้ห่างกันมากขึ้น

    ❓ คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    Q1 ถ้าแค่ตีเบา ๆ ยังผิดกฎหมายไหม?
    A ถ้าการตีทำให้เด็กเจ็บทั้งกายหรือใจ หรือทำด้วยอารมณ์ ไม่ถือว่าเบา และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย

    Q2 แล้วจะอบรมลูกที่ดื้อยังไงดี?
    A ใช้หลักการ "พูด-ฟัง-เข้าใจ" และเสริมแรงทางบวก เช่น ให้รางวัลเมื่อทำดี

    Q3 ถ้าลูกก้าวร้าวก่อน พ่อแม่ต้องทำยังไง?
    A หลีกเลี่ยงการตอบโต้ ใช้วิธีตั้งสติ พูดคุยหลังเหตุการณ์สงบลง

    Q4 จะรู้ได้ยังไง ว่าเราทำผิดตามกฎหมายหรือไม่?
    A หากมีการทำโทษที่รุนแรง หรือทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่า อาจเข้าข่ายผิด

    Q5 กฎหมายนี้ใช้กับครู หรือเฉพาะพ่อแม่?
    A แม้จะเน้นที่ผู้ปกครอง แต่หลักการเดียวกัน ควรใช้กับผู้ใหญ่ทุกคนที่ดูแลเด็ก

    Q6 ถ้ารู้ว่ามีคนใช้ความรุนแรงกับเด็ก จะทำอย่างไร?
    A แจ้งสำนักงานพัฒนาสังคม หรือมูลนิธิเพื่อเด็ก เช่น มูลนิธิเด็ก หรือสายด่วน 1300

    📌 การเลี้ยงลูกในยุคใหม่ ต้องอาศัยทั้งความรัก ความเข้าใจ และการเรียนรู้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ ไม่ได้มาเพื่อควบคุมพ่อแม่ แต่มาเพื่อปกป้องเด็ก

    การตี ไม่ใช่การสอนอีกต่อไป... และลูกก็สมควรได้รับการอบรม อย่างมีศักดิ์ศรี ❤️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252012 มี.ค. 2568

    📲 #ห้ามตีลูก #กฎหมายใหม่2568 #การเลี้ยงลูกเชิงบวก #สิทธิเด็กไทย #ราชกิจจานุเบกษา #ครอบครัวไทย #ตีไม่ใช่สอน #เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ #จิตวิทยาเด็ก #พ่อแม่ยุคใหม่
    👨‍👩‍👧‍👦 การตีไม่ใช่การสอน: เจาะลึก พ.ร.บ.ใหม่ ห้ามทารุณกรรมบุตร พ.ศ. 2568 เมื่อกฎหมายบอกว่า "พ่อแม่ตีลูกไม่ได้": ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของครอบครัวไทย 📌 เจาะลึกถึงกฎหมายใหม่ห้ามตีลูก พ.ศ. 2568 ซึ่งระบุชัดเจนว่า การทำโทษต้องไม่เป็นการทารุณกรรม หรือรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจ แนวทางการปรับทัศนคติพ่อแม่ สู่การเลี้ยงดูเชิงบวก ✨ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ในสังคมไทยที่ผ่านมา คำว่า "ไม้เรียวคือรัก" หรือ "ตีเพราะรัก" เป็นสิ่งที่หลายครอบครัว เติบโตมาพร้อมกับแนวคิดนี้ แต่ปัจจุบัน เมื่อสังคมเปลี่ยน โลกเปลี่ยน และองค์ความรู้ด้านจิตวิทยาเด็ก พัฒนาไปมากขึ้น ก็เริ่มมีคำถามว่า... 👉 “การตีลูก = การอบรมจริงหรือ?” และแล้ว... คำตอบจากรัฐ ก็มาในรูปแบบของ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป 🗓️ 📖 พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ซึ่งแต่เดิมเคยระบุว่า ผู้ใช้อำนาจปกครอง พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สามารถทำโทษบุตร เพื่ออบรมสั่งสอนได้ตามสมควร แต่ในฉบับใหม่ ปี 2568 นี้ ระบุเพิ่มเติมไว้อย่างชัดเจนว่า 👇 “ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน หรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย หรือจิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ” 📌 สรุปคือ พ่อแม่ ยังสามารถอบรมลูกได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง หรือการกระทำที่เป็นอันตราย ทั้งทางกายและจิตใจ ❓ ทำไมถึงต้องออกกฎหมายนี้? สาเหตุหลัก ๆ ของการออกกฎหมายนี้ มาจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น 📉 ผลกระทบทางจิตใจ เด็กที่ถูกตีบ่อย มีแนวโน้มจะขาดความมั่นใจ เกิดบาดแผลทางใจเรื้อรัง 😢 การใช้ความรุนแรง แฝงรูปแบบการทารุณกรรม ที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า "การสั่งสอน" 🤝 ความรับผิดชอบของรัฐไทย ในฐานะภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (UNCRC) ที่ต้องปกป้องสิทธิเด็ กจากความรุนแรงทุกรูปแบบ 🔄 การพัฒนาแนวทางเลี้ยงดูเชิงบวก (Positive Parenting) ที่เริ่มเป็นมาตรฐานสากล ⚖️ หัวใจสำคัญของกฎหมาย “ตีลูกไม่ได้” หมายถึงอะไร หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า กฎหมายนี้ ห้ามไม่ให้พ่อแม่อบรมลูกเลย ❌ แต่ในความจริงแล้ว... 👉 "การสั่งสอนลูกยังทำได้" แต่ต้องเป็นการสั่งสอน ที่ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ดูถูก หรือทำให้ลูกเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ “ผิด” ตามกฎหมายใหม่ - ตีด้วยของแข็ง เช่น ไม้แข็ง, สายไฟ - ดุด่าด้วยคำรุนแรง หรือดูถูก - บังคับให้ลูกกลัว หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า - ทำโทษด้วยวิธีที่ขัดกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 💔 ทัศนคติแบบเดิม ความเข้าใจผิดที่ส่งผลเสีย “ลูกโดนตีตอนเด็ก โตขึ้นมาถึงรู้จักผิดชอบชั่วดี” ประโยคนี้คือความเข้าใจผิด ที่ฝังรากลึกในหลายครอบครัว 😓 แต่ข้อมูลจากจิตแพทย์เด็ก และองค์กรเพื่อสิทธิเด็กทั่วโลก ชี้ว่า... เด็กที่เติบโตในครอบครัว ที่ใช้ความรุนแรง มักจะมีแนวโน้ม ถ่ายทอดความรุนแรงนั้นต่อไป นั่นคือวงจรของ “ความรุนแรงในครอบครัว” ที่ไม่เคยสิ้นสุด 💢 กฎหมายใหม่นี้จึงไม่ได้มาเพื่อ "ลงโทษพ่อแม่" แต่เพื่อหยุดวงจรของความรุนแรงตั้งแต่ต้นทาง 🌈 การเลี้ยงลูกเชิงบวก แนวคิดนี้เรียกว่า Positive Discipline หรือ Positive Parenting เป็นการสั่งสอนลูกโดยใช้ความเข้าใจ ความรัก และเหตุผล มากกว่าความกลัวหรือการบังคับ หลักการสำคัญ มีดังนี้ - สร้างวินัยด้วยข้อตกลง ไม่ใช่การขู่เข็ญ - สอนให้ลูกรับผิดชอบ ไม่ใช่รู้สึกผิด - ใช้ “ผลลัพธ์ตามธรรมชาติ” แทน “การลงโทษ” ตัวอย่าง แทนที่จะตีลูกที่ไม่ยอมทำการบ้าน → อธิบายผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เช่น คะแนนไม่ดี หรือไม่มีเวลาเล่น 🛠️ วิธีอบรมลูกโดยไม่ใช้ความรุนแรง - ใช้เวลาฟังลูกมากขึ้น 👂 ให้ลูกพูดสิ่งที่รู้สึกหรือคิด โดยไม่ตัดสิน - สร้างกฎร่วมกันในบ้าน 📜 เด็กจะเชื่อฟังมากขึ้น ถ้ารู้สึกว่าเขามีส่วนร่วม - สอนด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ 💬 เวลาลูกทำผิด ให้ถาม-ตอบ ชวนคิดถึงผลกระทบ - เสริมแรงทางบวก 🌟 ชมลูกเมื่อทำสิ่งที่ดี แทนที่จะเน้นเฉพาะเวลาทำผิด - เป็นแบบอย่างที่ดี 👨‍👩‍👧 เด็กเรียนรู้พฤติกรรม จากการสังเกตพ่อแม่ 📣 เสียงสะท้อนจากสังคมไทย หลังการประกาศกฎหมายฉบับนี้ มีทั้งเสียงเห็นด้วย และเสียงที่ยัง “ไม่เข้าใจ” เสียงเห็นด้วย “กฎหมายนี้ช่วยให้พ่อแม่ หันมาสนใจพัฒนาวิธีสื่อสารกับลูกมากขึ้น ไม่ใช้แต่กำลัง” 🙌 เสียงคัดค้าน “กลัวว่าเด็กจะไม่กลัว ไม่เชื่อฟัง ถ้าพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ทำโทษ” สิ่งสำคัญคือ การสร้างความเข้าใจใหม่ว่า 👉 การสร้างวินัย ไม่เท่ากับการใช้กำลัง 🧠 พ่อแม่ต้องเตรียมตัวอย่างไร? - เรียนรู้เรื่อง จิตวิทยาพัฒนาการเด็ก - เข้าอบรมเรื่อง การเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น - พูดคุยแลกเปลี่ยนกับครอบครัวอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางใหม่ - ตระหนักว่า “ความรุนแรง” ไม่ได้ช่วยให้ลูกดีขึ้น แต่ ทำให้ห่างกันมากขึ้น ❓ คำถามที่พบบ่อย (FAQs) Q1 ถ้าแค่ตีเบา ๆ ยังผิดกฎหมายไหม? A ถ้าการตีทำให้เด็กเจ็บทั้งกายหรือใจ หรือทำด้วยอารมณ์ ไม่ถือว่าเบา และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย Q2 แล้วจะอบรมลูกที่ดื้อยังไงดี? A ใช้หลักการ "พูด-ฟัง-เข้าใจ" และเสริมแรงทางบวก เช่น ให้รางวัลเมื่อทำดี Q3 ถ้าลูกก้าวร้าวก่อน พ่อแม่ต้องทำยังไง? A หลีกเลี่ยงการตอบโต้ ใช้วิธีตั้งสติ พูดคุยหลังเหตุการณ์สงบลง Q4 จะรู้ได้ยังไง ว่าเราทำผิดตามกฎหมายหรือไม่? A หากมีการทำโทษที่รุนแรง หรือทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่า อาจเข้าข่ายผิด Q5 กฎหมายนี้ใช้กับครู หรือเฉพาะพ่อแม่? A แม้จะเน้นที่ผู้ปกครอง แต่หลักการเดียวกัน ควรใช้กับผู้ใหญ่ทุกคนที่ดูแลเด็ก Q6 ถ้ารู้ว่ามีคนใช้ความรุนแรงกับเด็ก จะทำอย่างไร? A แจ้งสำนักงานพัฒนาสังคม หรือมูลนิธิเพื่อเด็ก เช่น มูลนิธิเด็ก หรือสายด่วน 1300 📌 การเลี้ยงลูกในยุคใหม่ ต้องอาศัยทั้งความรัก ความเข้าใจ และการเรียนรู้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ ไม่ได้มาเพื่อควบคุมพ่อแม่ แต่มาเพื่อปกป้องเด็ก การตี ไม่ใช่การสอนอีกต่อไป... และลูกก็สมควรได้รับการอบรม อย่างมีศักดิ์ศรี ❤️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252012 มี.ค. 2568 📲 #ห้ามตีลูก #กฎหมายใหม่2568 #การเลี้ยงลูกเชิงบวก #สิทธิเด็กไทย #ราชกิจจานุเบกษา #ครอบครัวไทย #ตีไม่ใช่สอน #เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ #จิตวิทยาเด็ก #พ่อแม่ยุคใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1055 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร

    จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต

    นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek to focus on research over revenue in contrast to Silicon Valley, FT reports
    (Reuters) - Chinese AI chatbot DeepSeek is choosing to focus on research over revenue, as its billionaire founder has decided not to follow Silicon Valley rivals by taking advantage of a sudden jump in sales, the Financial Times reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ Jeeranan Watteerachot ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ [...] ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ

    - เซเลนสกี:
    การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล

    จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม

    - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ:
    โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป

    แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง

    จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี

    - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ:
    ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้

    - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ:
    แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง

    เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน

    สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น

    ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี

    - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ - เซเลนสกี: การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ: โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ: ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้ - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ: แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา”

    คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม
    “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • เราทุกคนมี “ชีวิตเดียว”
    all have “one life”

    จงใช้มันด้วย ความสุข ไม่ใช่ ความทุกข์
    Live it with happiness, not sadness

    จงฟัง “เสียงหัวใจตัวเอง” ไม่ใช่เสียงของคนอื่น
    WeListen to “your own heart”, not others

    ใช้ชีวิตด้วยการมีทัศนคติที่ดี
    Live with a good attitude

    หัวเราะบ่อยๆ กินอาหารที่อร่อย
    Laugh often.Eat delicious food.

    เลือกคบคนที่มีแล้ว เพิ่มความสุข ให้กับตัวเอง
    Choose to be with people who already have it, increase your happiness

    และมีชีวิตที่เราจะไม่เสียดาย เมื่อมองย้อนกลับมา
    And have a life that we will not regret when we look back .
    #ลูกหลานฅนคอม
    #อย่าทำหลวมๆเขาแลอยู่เพ
    เราทุกคนมี “ชีวิตเดียว” all have “one life” จงใช้มันด้วย ความสุข ไม่ใช่ ความทุกข์ Live it with happiness, not sadness จงฟัง “เสียงหัวใจตัวเอง” ไม่ใช่เสียงของคนอื่น WeListen to “your own heart”, not others ใช้ชีวิตด้วยการมีทัศนคติที่ดี Live with a good attitude หัวเราะบ่อยๆ กินอาหารที่อร่อย Laugh often.Eat delicious food. เลือกคบคนที่มีแล้ว เพิ่มความสุข ให้กับตัวเอง Choose to be with people who already have it, increase your happiness และมีชีวิตที่เราจะไม่เสียดาย เมื่อมองย้อนกลับมา And have a life that we will not regret when we look back . #ลูกหลานฅนคอม #อย่าทำหลวมๆเขาแลอยู่เพ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากการศึกษาของ Pew Research ล่าสุด พบว่า 80% ของชาวอเมริกันไม่ใช้ AI ในที่ทำงาน โดยคนที่ใช้ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับประโยชน์ของมันเท่าไร นอกจากนี้ยังมีการสำรวจอีกว่า คนทำงานส่วนน้อยกว่า 1 ใน 3 แสดงความ "ตื่นเต้น" กับการใช้ AI ในที่ทำงานในอนาคต เพียง 6% ของคนทำงานที่คิดว่า AI ในที่ทำงานจะนำไปสู่โอกาสในการทำงานมากขึ้นในระยะยาว

    การศึกษานี้สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 5,273 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่มีงานทำประจำหรือนอกเวลา โดยผู้เข้าร่วมถูกถามเกี่ยวกับการมองเห็นการใช้ AI ในที่ทำงานรวมถึงประสบการณ์ของตนเองกับ AI ในการทำงาน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนทำงานส่วนใหญ่กังวลมากกว่าหวังเกี่ยวกับอนาคตของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดย 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความ "กังวล" มากกว่า "หวัง" หรือ "ตื่นเต้น" ตามการศึกษาของ Pew

    พนักงานที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีแนวโน้มที่จะมอง AI ในที่ทำงานในแง่ร้ายมากกว่าผู้ที่มีรายได้สูง ผู้ที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะกล่าวว่าการใช้ AI ในที่ทำงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานของพวกเขา

    ถึงแม้ 51% ของผู้ใช้ AI ที่ทำการสำรวจมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า เทียบกับ 39% ของผู้ที่ไม่ใช้ AI แต่เพียง 31% เท่านั้นที่กล่าวว่างานของพวกเขาสามารถทำได้บางส่วนด้วย AI

    คนทำงานที่อายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะรู้สึก "กังวล" เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในที่ทำงานในอนาคต พนักงานที่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปีมีแนวโน้มที่จะใช้ AI chatbots ในการทำงาน "อย่างน้อยสองสามครั้งต่อเดือน" เพื่อค้นคว้า สรุป และแก้ไขเนื้อหา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่บอกว่าเทคโนโลยีนี้ "มีประโยชน์มาก" ในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน

    Pew ยังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI ในที่ทำงาน มีเพียง 24% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI การขาดการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจและกังวลในที่ทำงาน

    ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่แตกต่างกันต่อการใช้ AI ในที่ทำงานของผู้คนในกลุ่มต่างๆ และความท้าทายในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    https://www.zdnet.com/article/most-us-workers-dont-use-ai-at-work-yet-this-study-suggests-a-reason-why/
    จากการศึกษาของ Pew Research ล่าสุด พบว่า 80% ของชาวอเมริกันไม่ใช้ AI ในที่ทำงาน โดยคนที่ใช้ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับประโยชน์ของมันเท่าไร นอกจากนี้ยังมีการสำรวจอีกว่า คนทำงานส่วนน้อยกว่า 1 ใน 3 แสดงความ "ตื่นเต้น" กับการใช้ AI ในที่ทำงานในอนาคต เพียง 6% ของคนทำงานที่คิดว่า AI ในที่ทำงานจะนำไปสู่โอกาสในการทำงานมากขึ้นในระยะยาว การศึกษานี้สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 5,273 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่มีงานทำประจำหรือนอกเวลา โดยผู้เข้าร่วมถูกถามเกี่ยวกับการมองเห็นการใช้ AI ในที่ทำงานรวมถึงประสบการณ์ของตนเองกับ AI ในการทำงาน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนทำงานส่วนใหญ่กังวลมากกว่าหวังเกี่ยวกับอนาคตของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดย 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความ "กังวล" มากกว่า "หวัง" หรือ "ตื่นเต้น" ตามการศึกษาของ Pew พนักงานที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีแนวโน้มที่จะมอง AI ในที่ทำงานในแง่ร้ายมากกว่าผู้ที่มีรายได้สูง ผู้ที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะกล่าวว่าการใช้ AI ในที่ทำงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานของพวกเขา ถึงแม้ 51% ของผู้ใช้ AI ที่ทำการสำรวจมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า เทียบกับ 39% ของผู้ที่ไม่ใช้ AI แต่เพียง 31% เท่านั้นที่กล่าวว่างานของพวกเขาสามารถทำได้บางส่วนด้วย AI คนทำงานที่อายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะรู้สึก "กังวล" เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในที่ทำงานในอนาคต พนักงานที่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปีมีแนวโน้มที่จะใช้ AI chatbots ในการทำงาน "อย่างน้อยสองสามครั้งต่อเดือน" เพื่อค้นคว้า สรุป และแก้ไขเนื้อหา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่บอกว่าเทคโนโลยีนี้ "มีประโยชน์มาก" ในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน Pew ยังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI ในที่ทำงาน มีเพียง 24% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI การขาดการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจและกังวลในที่ทำงาน ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่แตกต่างกันต่อการใช้ AI ในที่ทำงานของผู้คนในกลุ่มต่างๆ และความท้าทายในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน https://www.zdnet.com/article/most-us-workers-dont-use-ai-at-work-yet-this-study-suggests-a-reason-why/
    WWW.ZDNET.COM
    Most US workers don't use AI at work yet. This study suggests a reason why
    According to a new Pew Research study, 80% of Americans don't generally use AI at work, while those who do seem unenthusiastic about its benefits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1227 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น

    📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️

    การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️

    🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568
    การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

    ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
    - มีสัญชาติไทย 🇹🇭
    - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ
    - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥
    - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน
    - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓

    🚨 ข้อกำหนดพิเศษ
    - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨
    - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน

    📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป

    🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร
    ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน
    ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
    ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง
    ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว
    ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี
    ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี
    ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล

    📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท

    🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ

    🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ

    📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568
    การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
    📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน
    - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ!

    📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน
    -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร

    🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร

    📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568
    🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์:
    ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com
    📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

    🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร
    ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸
    ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔
    ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠
    ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓
    ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง
    ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖

    📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB

    💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
    - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท
    - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท
    📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้

    📍 ช่องทางชำระเงิน:
    - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦
    - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲
    - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
    🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น!

    📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่
    📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com

    🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน!
    🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน
    📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า
    🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย

    🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง
    ✅ ท่องศัพท์
    ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า
    ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ

    🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ
    🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง

    🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ
    😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ

    🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀

    📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่
    🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568

    📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3020 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าฤดูไหน
    ฉันก็กำลังก้าวเดินอยู่
    บนเส้นทาง
    ที่เต็มไปด้วยดอกไม้

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ไม่ว่าฤดูไหน ฉันก็กำลังก้าวเดินอยู่ บนเส้นทาง ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts