• ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว

    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

    กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด

    “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297

    #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว • นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย • กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด • “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297 • #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • เก็บเหล็กตึกสตง.ตรวจเพิ่ม ชงดีเอสไอรับคดีพิเศษ : [THE MESSAGE]
    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยถึงการตรวจสอบเหล็กที่ใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ถูกแจ้งเตือนก่อนสั่งพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 40 ตามมาตรฐานห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย สินค้าเหล็กเส้นที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ลงวันที่ 20 ก.พ. 2568 ไม่ได้มีการต่ออายุใบอนุญาต มอก. ตามที่เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ จากนี้ได้เรียงลำดับหน่วยงานที่จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คิวแรก เป็นของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่ง สมอ. จะเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มในวันที่ 11 เม.ย. นี้ เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กมีคุณภาพจริงหรือไม่ หรือเจือปนวัตถุอื่นๆ ขณะเดียวกัน จะเอาผิดโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฏหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจากมีความซับซ้อน กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
    เก็บเหล็กตึกสตง.ตรวจเพิ่ม ชงดีเอสไอรับคดีพิเศษ : [THE MESSAGE] นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยถึงการตรวจสอบเหล็กที่ใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ถูกแจ้งเตือนก่อนสั่งพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 40 ตามมาตรฐานห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย สินค้าเหล็กเส้นที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ลงวันที่ 20 ก.พ. 2568 ไม่ได้มีการต่ออายุใบอนุญาต มอก. ตามที่เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ จากนี้ได้เรียงลำดับหน่วยงานที่จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คิวแรก เป็นของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่ง สมอ. จะเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มในวันที่ 11 เม.ย. นี้ เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กมีคุณภาพจริงหรือไม่ หรือเจือปนวัตถุอื่นๆ ขณะเดียวกัน จะเอาผิดโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฏหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจากมีความซับซ้อน กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 167 Views 12 0 Reviews
  • Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่เรียกว่า “Power Up” ซึ่งช่วยปรับปรุงคำสั่งที่ผู้ใช้งานพิมพ์ให้มีความชัดเจนและละเอียดมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาลองเขียนคำสั่งหลายครั้ง

    🌐 จุดเด่นของฟีเจอร์ Power Up:
    - ✨ ปรับปรุงคำสั่งอัตโนมัติ: ฟีเจอร์นี้ช่วยเปลี่ยนคำสั่งที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลายเป็นคำสั่งที่มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น
    - 🕹️ ลดความยุ่งยาก: ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งคำสั่งด้วยตนเอง เพียงแค่กดปุ่ม Power Up และปล่อยให้ Gemini ทำงาน

    ⚠️ ผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน:
    - 💡 เพิ่มความโปร่งใส: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจการปรับปรุงคำสั่งได้ชัดเจนมากขึ้น แทนที่จะเป็นการปรับเบื้องหลังที่มองไม่เห็น
    - 🔄 ลดความหงุดหงิด: ช่วยลดความยุ่งยากในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งาน AI หลายคนเผชิญ

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-could-soon-get-a-super-useful-power-up-button-heres-what-it-does
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่เรียกว่า “Power Up” ซึ่งช่วยปรับปรุงคำสั่งที่ผู้ใช้งานพิมพ์ให้มีความชัดเจนและละเอียดมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาลองเขียนคำสั่งหลายครั้ง 🌐 จุดเด่นของฟีเจอร์ Power Up: - ✨ ปรับปรุงคำสั่งอัตโนมัติ: ฟีเจอร์นี้ช่วยเปลี่ยนคำสั่งที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลายเป็นคำสั่งที่มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น - 🕹️ ลดความยุ่งยาก: ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งคำสั่งด้วยตนเอง เพียงแค่กดปุ่ม Power Up และปล่อยให้ Gemini ทำงาน ⚠️ ผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน: - 💡 เพิ่มความโปร่งใส: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจการปรับปรุงคำสั่งได้ชัดเจนมากขึ้น แทนที่จะเป็นการปรับเบื้องหลังที่มองไม่เห็น - 🔄 ลดความหงุดหงิด: ช่วยลดความยุ่งยากในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งาน AI หลายคนเผชิญ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-could-soon-get-a-super-useful-power-up-button-heres-what-it-does
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • OpenAI กำลังพิจารณาซื้อกิจการ io Products ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดย Jony Ive และ Sam Altman ด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ AI ที่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

    🌐 เป้าหมายของ OpenAI:
    - 📱 อุปกรณ์ AI ที่ล้ำสมัย: io Products กำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่อาจเข้ามาแทนที่สมาร์ทโฟนแบบดั้งเดิม โดยเน้นการใช้งาน AI ในการจัดการงานประจำวัน

    - 💡 การสร้างรายได้: โครงการนี้อาจช่วยให้ OpenAI มีช่องทางสร้างรายได้ใหม่ หลังจากที่เทคโนโลยี AI ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

    ⚠️ ความท้าทายและบทเรียนจากอดีต:
    - 🛠️ ความล้มเหลวของ Humane AI Pin: อุปกรณ์ AI ที่เคยสร้างความตื่นเต้นในตลาด แต่ล้มเหลวจากการทดสอบที่ไม่ดีและยอดขายที่ต่ำ

    - 🔄 การปรับปรุง Rabbit R1: แม้ Rabbit จะยังคงพัฒนาอุปกรณ์ AI แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/coming-soon-an-ai-powered-smartphone-alternative-boosted-by-chatgpt
    OpenAI กำลังพิจารณาซื้อกิจการ io Products ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดย Jony Ive และ Sam Altman ด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ AI ที่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน 🌐 เป้าหมายของ OpenAI: - 📱 อุปกรณ์ AI ที่ล้ำสมัย: io Products กำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่อาจเข้ามาแทนที่สมาร์ทโฟนแบบดั้งเดิม โดยเน้นการใช้งาน AI ในการจัดการงานประจำวัน - 💡 การสร้างรายได้: โครงการนี้อาจช่วยให้ OpenAI มีช่องทางสร้างรายได้ใหม่ หลังจากที่เทคโนโลยี AI ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ⚠️ ความท้าทายและบทเรียนจากอดีต: - 🛠️ ความล้มเหลวของ Humane AI Pin: อุปกรณ์ AI ที่เคยสร้างความตื่นเต้นในตลาด แต่ล้มเหลวจากการทดสอบที่ไม่ดีและยอดขายที่ต่ำ - 🔄 การปรับปรุง Rabbit R1: แม้ Rabbit จะยังคงพัฒนาอุปกรณ์ AI แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/coming-soon-an-ai-powered-smartphone-alternative-boosted-by-chatgpt
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Coming soon: an AI-powered smartphone alternative boosted by ChatGPT?
    OpenAI is reportedly considering buying a hardware startup called io Products, founded by Jony Ive and Sam Altman, with the aim of creating a revolutionary consumer device entirely managed by artificial intelligence.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Corsair ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่ได้รับการพูดถึงในกลุ่มผู้ใช้เกี่ยวกับ 12V-2x6 connectors ที่มีการ "ขยับตัว" ได้เล็กน้อย โดยทางบริษัทระบุว่านี่เป็นการออกแบบที่ตั้งใจไว้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อให้เหมาะสม และลดการสึกหรอของขั้วต่อในระยะยาว

    ✅ ลดปัญหาขั้วต่อเสียหาย:
    - Corsair ระบุว่า การที่ขั้วต่อสามารถขยับได้เล็กน้อย (ประมาณ 0.25mm ถึง 0.55mm) ช่วยให้การจัดวางขั้วต่อกับพินใน GPU ทำได้แม่นยำขึ้น
    - การออกแบบนี้ยังช่วยลดแรงที่เกิดจากการเสียบและถอดซ้ำ ๆ ซึ่งปกติอาจทำให้ขั้วต่อเสียหายได้

    ✅ ความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว:
    - การขยับเล็กน้อยในขั้วต่อไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด เนื่องจาก Corsair ได้ทดสอบอย่างละเอียดแล้วว่าขั้วต่อต่าง ๆ ยังคงสามารถส่งไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์

    ✅ ตัวเลือกที่รองรับมาตรฐาน:
    - Corsair ใช้ผู้ผลิตหลายรายในการผลิตสายไฟที่รองรับมาตรฐานนี้ รวมถึงสายที่ถูกหุ้มอย่างดีและมีความหนากว่าปกติ

    == ความสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน Nvidia RTX ==
    ✅ ปัญหาการหลอมละลายของสายไฟใน GPU ซีรีส์ RTX 50 เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานกังวล แต่ Corsair ชี้แจงว่าการออกแบบขั้วต่อที่มีช่องว่างนี้ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา

    ✅ ขณะเดียวกัน Corsair ยืนยันว่า หากผู้ใช้งานพบปัญหาการหลวมมากเกินไป ควรติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทันที

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/corsair-confirms-the-slight-wiggle-room-in-its-16-pin-connectors-for-nvidia-gpus-is-by-design
    Corsair ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่ได้รับการพูดถึงในกลุ่มผู้ใช้เกี่ยวกับ 12V-2x6 connectors ที่มีการ "ขยับตัว" ได้เล็กน้อย โดยทางบริษัทระบุว่านี่เป็นการออกแบบที่ตั้งใจไว้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อให้เหมาะสม และลดการสึกหรอของขั้วต่อในระยะยาว ✅ ลดปัญหาขั้วต่อเสียหาย: - Corsair ระบุว่า การที่ขั้วต่อสามารถขยับได้เล็กน้อย (ประมาณ 0.25mm ถึง 0.55mm) ช่วยให้การจัดวางขั้วต่อกับพินใน GPU ทำได้แม่นยำขึ้น - การออกแบบนี้ยังช่วยลดแรงที่เกิดจากการเสียบและถอดซ้ำ ๆ ซึ่งปกติอาจทำให้ขั้วต่อเสียหายได้ ✅ ความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว: - การขยับเล็กน้อยในขั้วต่อไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด เนื่องจาก Corsair ได้ทดสอบอย่างละเอียดแล้วว่าขั้วต่อต่าง ๆ ยังคงสามารถส่งไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ ✅ ตัวเลือกที่รองรับมาตรฐาน: - Corsair ใช้ผู้ผลิตหลายรายในการผลิตสายไฟที่รองรับมาตรฐานนี้ รวมถึงสายที่ถูกหุ้มอย่างดีและมีความหนากว่าปกติ == ความสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน Nvidia RTX == ✅ ปัญหาการหลอมละลายของสายไฟใน GPU ซีรีส์ RTX 50 เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานกังวล แต่ Corsair ชี้แจงว่าการออกแบบขั้วต่อที่มีช่องว่างนี้ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา ✅ ขณะเดียวกัน Corsair ยืนยันว่า หากผู้ใช้งานพบปัญหาการหลวมมากเกินไป ควรติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทันที https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/corsair-confirms-the-slight-wiggle-room-in-its-16-pin-connectors-for-nvidia-gpus-is-by-design
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์

    The conversations from the clip :

    Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here!
    Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran!
    Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat?
    Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers?
    Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it!
    Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily.
    Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action!
    Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran.
    Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change.
    Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station.
    Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day.
    Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe.
    Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times.
    Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop!
    Tom: Absolutely! Let’s go eat, then!

    Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่!
    Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์!
    Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม?
    Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม?
    Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ!
    Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย
    Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย!
    Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์
    Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี
    Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ
    Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน
    Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ
    Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี
    Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป!
    Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ
    Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก
    Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย
    Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง
    Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว
    Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ
    Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว
    Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม
    BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า)
    Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก
    Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย
    Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด
    Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย
    Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก
    Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์ The conversations from the clip : Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here! Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran! Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat? Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers? Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it! Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily. Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action! Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran. Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change. Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station. Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day. Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe. Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times. Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop! Tom: Absolutely! Let’s go eat, then! Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่! Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์! Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม? Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม? Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ! Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย! Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์ Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป! Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • ภาพการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเมืองเดียร์ อัล บาลาห์ และอัล มาวาซี เมืองคาน ยูนิส ในฉนวนกาซา

    หลายครั้งที่อาวุธใหม่ของอิสราเอลจะถูกนำมาใช้และทดสอบโดยใช้ชาวปาเลสไตน์เป็นเหยื่อ
    ภาพการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเมืองเดียร์ อัล บาลาห์ และอัล มาวาซี เมืองคาน ยูนิส ในฉนวนกาซา หลายครั้งที่อาวุธใหม่ของอิสราเอลจะถูกนำมาใช้และทดสอบโดยใช้ชาวปาเลสไตน์เป็นเหยื่อ
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 175 Views 34 0 Reviews
  • AMD EPYC 9005 'Turin' CPUs ชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ได้รับการยกระดับประสิทธิภาพด้วยการเปิดตัวของระบบปฏิบัติการใหม่ Ubuntu 25.04 Beta ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพที่โดดเด่น โดยเฉพาะในด้านการรองรับงานเซิร์ฟเวอร์และงานองค์กร

    == จุดเด่นของ Ubuntu 25.04 Beta ที่เพิ่มประสิทธิภาพ CPU ==
    ✅ การปรับปรุงไดรเวอร์ AMD P-State: Ubuntu 25.04 เลือกใช้ ไดรเวอร์ AMD P-State แทนไดรเวอร์ ACPI CPUFreq เดิม ซึ่งเปิดตัวใน Linux Kernel 6.13 การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 74.7% ในบางการทดสอบ (เช่น Pennant)

    ✅ การใช้งานทรัพยากรขั้นสูง:
    - การทดสอบ CPU EPYC 9755 จำนวน 2 ตัว (รวม 128 คอร์ / 256 เธรด) บนระบบเซิร์ฟเวอร์ AMD Volcano Server ที่มาพร้อมหน่วยความจำ DDR5-6000 ขนาด 1,536 GB พบว่า Ubuntu 25.04 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเฉลี่ยถึง 14% เมื่อเทียบกับ Ubuntu 24.04 LTS

    ✅ เหมาะสมกับงานที่ซับซ้อน:
    - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น HDR Support, Grouping Notifications, และ GNOME 48 ยังช่วยเสริมความสะดวกในการใช้งาน และรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    แม้ Ubuntu 25.04 จะไม่ใช่เวอร์ชัน LTS (Long Term Support) แต่การปรับปรุงในครั้งนี้ส่งสัญญาณบวกต่อการเปิดตัว LTS รุ่นถัดไปในปี 2026 ซึ่งคาดว่าอาจช่วยขยายการใช้งาน CPU AMD EPYC ในตลาดองค์กรได้มากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก Ubuntu 25.04 อาจส่งผลดีต่อ Intel Xeon 'Granite Rapids' CPUs ที่กำลังจะมาถึง แม้ยังไม่ได้รับการยืนยัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-epyc-9005-turin-cpus-see-14-percent-higher-performance-on-average-with-ubuntu-25-04-beta-release
    AMD EPYC 9005 'Turin' CPUs ชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ได้รับการยกระดับประสิทธิภาพด้วยการเปิดตัวของระบบปฏิบัติการใหม่ Ubuntu 25.04 Beta ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพที่โดดเด่น โดยเฉพาะในด้านการรองรับงานเซิร์ฟเวอร์และงานองค์กร == จุดเด่นของ Ubuntu 25.04 Beta ที่เพิ่มประสิทธิภาพ CPU == ✅ การปรับปรุงไดรเวอร์ AMD P-State: Ubuntu 25.04 เลือกใช้ ไดรเวอร์ AMD P-State แทนไดรเวอร์ ACPI CPUFreq เดิม ซึ่งเปิดตัวใน Linux Kernel 6.13 การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 74.7% ในบางการทดสอบ (เช่น Pennant) ✅ การใช้งานทรัพยากรขั้นสูง: - การทดสอบ CPU EPYC 9755 จำนวน 2 ตัว (รวม 128 คอร์ / 256 เธรด) บนระบบเซิร์ฟเวอร์ AMD Volcano Server ที่มาพร้อมหน่วยความจำ DDR5-6000 ขนาด 1,536 GB พบว่า Ubuntu 25.04 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเฉลี่ยถึง 14% เมื่อเทียบกับ Ubuntu 24.04 LTS ✅ เหมาะสมกับงานที่ซับซ้อน: - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น HDR Support, Grouping Notifications, และ GNOME 48 ยังช่วยเสริมความสะดวกในการใช้งาน และรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แม้ Ubuntu 25.04 จะไม่ใช่เวอร์ชัน LTS (Long Term Support) แต่การปรับปรุงในครั้งนี้ส่งสัญญาณบวกต่อการเปิดตัว LTS รุ่นถัดไปในปี 2026 ซึ่งคาดว่าอาจช่วยขยายการใช้งาน CPU AMD EPYC ในตลาดองค์กรได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก Ubuntu 25.04 อาจส่งผลดีต่อ Intel Xeon 'Granite Rapids' CPUs ที่กำลังจะมาถึง แม้ยังไม่ได้รับการยืนยัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-epyc-9005-turin-cpus-see-14-percent-higher-performance-on-average-with-ubuntu-25-04-beta-release
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยีหน่วยความจำกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเปิดตัว DRAM+ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย Ferroelectric Memory Co. (FMC) และ Neumonda โดยใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่าง hafnium oxide (HfO₂) เพื่อผสมผสานคุณสมบัติความเร็วสูงแบบ DRAM กับการเก็บข้อมูลแบบ SSD (non-volatile)

    ✅ ประสิทธิภาพสูงพร้อมการประหยัดพลังงาน:
    - วัสดุ hafnium oxide ทำให้ DRAM+ สามารถ รักษาข้อมูลได้แม้ไม่มีพลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก DRAM แบบเดิมที่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง

    ✅ ความจุสูงและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย:
    - DRAM+ FeRAM รองรับการใช้งานตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อุตสาหกรรมยานยนต์, ไปจนถึงการแพทย์

    ✅ เทคโนโลยีที่ปรับปรุงจากเดิม:
    - ก่อนหน้านี้ FeRAM ใช้ lead zirconate titanate (PZT) ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องความจุและการลดขนาด แต่ HfO₂ ที่ใช้งานใน DRAM+ ใหม่สามารถ ทำงานกับชิปที่มีโครงสร้างเล็กกว่า 10nm และผสานกับกระบวนการผลิต CMOS ได้อย่างสมบูรณ์

    ✅ FMC: เป็นผู้นำในการใช้คุณสมบัติ ferroelectric effect ของ HfO₂ เพื่อสร้างหน่วยความจำที่ลดการใช้พลังงาน พร้อมกับให้ประสิทธิภาพสูง

    ✅ Neumonda: นำเทคโนโลยีทดสอบหน่วยความจำ เช่น Rhinoe, Octopus, และ Raptor มาปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-memory-designed-to-provide-dram-performance-with-ssd-like-storage-capabilities-uses-feram-tech
    เทคโนโลยีหน่วยความจำกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเปิดตัว DRAM+ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดย Ferroelectric Memory Co. (FMC) และ Neumonda โดยใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่าง hafnium oxide (HfO₂) เพื่อผสมผสานคุณสมบัติความเร็วสูงแบบ DRAM กับการเก็บข้อมูลแบบ SSD (non-volatile) ✅ ประสิทธิภาพสูงพร้อมการประหยัดพลังงาน: - วัสดุ hafnium oxide ทำให้ DRAM+ สามารถ รักษาข้อมูลได้แม้ไม่มีพลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก DRAM แบบเดิมที่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง ✅ ความจุสูงและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย: - DRAM+ FeRAM รองรับการใช้งานตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อุตสาหกรรมยานยนต์, ไปจนถึงการแพทย์ ✅ เทคโนโลยีที่ปรับปรุงจากเดิม: - ก่อนหน้านี้ FeRAM ใช้ lead zirconate titanate (PZT) ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องความจุและการลดขนาด แต่ HfO₂ ที่ใช้งานใน DRAM+ ใหม่สามารถ ทำงานกับชิปที่มีโครงสร้างเล็กกว่า 10nm และผสานกับกระบวนการผลิต CMOS ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ FMC: เป็นผู้นำในการใช้คุณสมบัติ ferroelectric effect ของ HfO₂ เพื่อสร้างหน่วยความจำที่ลดการใช้พลังงาน พร้อมกับให้ประสิทธิภาพสูง ✅ Neumonda: นำเทคโนโลยีทดสอบหน่วยความจำ เช่น Rhinoe, Octopus, และ Raptor มาปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-memory-designed-to-provide-dram-performance-with-ssd-like-storage-capabilities-uses-feram-tech
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส

    ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์:
    - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง
    - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา

    ✅ กระบวนการโจมตี:
    - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ
    - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด

    ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส:
    - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม

    ✅ การรับมือจากชุมชน:
    - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว

    ✅ ความท้าทายในการป้องกัน:
    - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    แพ็กเกจ Python บน PyPI (Python Package Index) ถูกพบว่ามีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ReversingLabs และ Socket เผยถึงการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นราย แพ็กเกจดังกล่าวถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 40,000 ครั้ง ทำให้เกิดข้อกังวลในชุมชนโอเพนซอร์ส ✅ แพ็กเกจที่แฝงมัลแวร์: - bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev: ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกนักพัฒนาด้านคริปโต โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของโมดูล bitcoinlib ที่ถูกต้อง - disgrasya: มุ่งเป้าไปยังร้านค้า WooCommerce โดยทำหน้าที่เป็น carding script ที่เปิดเผยเจตนาโจมตีอย่างตรงไปตรงมา ✅ กระบวนการโจมตี: - มัลแวร์ใน bitcoinlibdbfix และ bitcoinlib-dev ทำการเขียนคำสั่ง malicious ลงในระบบเพื่อดึงข้อมูลสำคัญ - ส่วน disgrasya ใช้เพื่อทดสอบข้อมูลบัตรเครดิต และอาจสร้างผลกำไรให้แก่ผู้โจมตีจากการนำข้อมูลไปขายในตลาดมืด ✅ ปัญหาของระบบโอเพนซอร์ส: - PyPI ซึ่งเป็นชุมชนโอเพนซอร์สยอดนิยม ถูกโจมตีโดยผู้ประสงค์ร้ายที่ฉวยโอกาสจากการเปิดกว้างของแพลตฟอร์ม ✅ การรับมือจากชุมชน: - แพ็กเกจเหล่านี้ถูกนำออกจาก PyPI หลังจากมีการรายงานอย่างรวดเร็ว ✅ ความท้าทายในการป้องกัน: - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานและนักพัฒนาควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลดแพ็กเกจ และควรตรวจสอบผู้เผยแพร่แพ็กเกจอย่างละเอียด https://www.techradar.com/pro/security/malicious-python-packages-are-stealing-vital-data-and-have-been-downloaded-thousands-of-times-already
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • กลุ่มผู้ชื่นชอบพีซีในชุมชนออนไลน์ได้ทดลอง แฟลช (Flash) vBIOS ของการ์ดจอ AMD RX 9070 โดยใช้ vBIOS ของรุ่น RX 9070 XT ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 15-20% เมื่อปรับการทำงาน รวมถึงยังมีรายงานว่าหลังโอเวอร์คล็อกแล้ว RX 9070 ที่ปรับแต่งนี้สามารถเอาชนะ RX 9070 XT ได้ในบางกรณี

    ✅ พลังงานเพิ่มขึ้น:
    - RX 9070 ปกติถูกจำกัดการใช้พลังงานที่ 220 วัตต์ ขณะที่รุ่น XT ใช้พลังงานสูงถึง 304 วัตต์ การแฟลช vBIOS จะเพิ่มพลังงานเป็น 317 วัตต์ พร้อมกับเพิ่มคล็อกความเร็วสูงถึง 3.1 GHz

    ✅ สมรรถนะในการเล่นเกมและการทดสอบ:
    - ในการทดสอบ 3DMark RX 9070 ที่ปรับแต่งสามารถทำคะแนนได้สูงกว่ารุ่นปกติถึง 20% และในบางกรณียังเอาชนะ RX 9070 XT ได้ด้วยการปรับจูนเพิ่ม

    ✅ ข้อควรระวัง:
    - การแฟลช vBIOS มีความเสี่ยงที่จะทำให้การ์ดจอเสียหายและหมดประกัน โดยเฉพาะหากการจัดการความร้อนหรือไฟฟ้าไม่ได้รับการตรวจสอบที่ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rx-9070-vbios-flash-offers-up-to-20-percent-performance-boost-modders-claim-oc-beats-9070-xt
    กลุ่มผู้ชื่นชอบพีซีในชุมชนออนไลน์ได้ทดลอง แฟลช (Flash) vBIOS ของการ์ดจอ AMD RX 9070 โดยใช้ vBIOS ของรุ่น RX 9070 XT ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 15-20% เมื่อปรับการทำงาน รวมถึงยังมีรายงานว่าหลังโอเวอร์คล็อกแล้ว RX 9070 ที่ปรับแต่งนี้สามารถเอาชนะ RX 9070 XT ได้ในบางกรณี ✅ พลังงานเพิ่มขึ้น: - RX 9070 ปกติถูกจำกัดการใช้พลังงานที่ 220 วัตต์ ขณะที่รุ่น XT ใช้พลังงานสูงถึง 304 วัตต์ การแฟลช vBIOS จะเพิ่มพลังงานเป็น 317 วัตต์ พร้อมกับเพิ่มคล็อกความเร็วสูงถึง 3.1 GHz ✅ สมรรถนะในการเล่นเกมและการทดสอบ: - ในการทดสอบ 3DMark RX 9070 ที่ปรับแต่งสามารถทำคะแนนได้สูงกว่ารุ่นปกติถึง 20% และในบางกรณียังเอาชนะ RX 9070 XT ได้ด้วยการปรับจูนเพิ่ม ✅ ข้อควรระวัง: - การแฟลช vBIOS มีความเสี่ยงที่จะทำให้การ์ดจอเสียหายและหมดประกัน โดยเฉพาะหากการจัดการความร้อนหรือไฟฟ้าไม่ได้รับการตรวจสอบที่ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rx-9070-vbios-flash-offers-up-to-20-percent-performance-boost-modders-claim-oc-beats-9070-xt
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ..เราอยู่ในภาวะสงครามแล้วนะ และคนไทยเราไม่รู้ตัว.

    ..กฎหมายสภาพอากาศ ผ่านในสภาไทยแล้วนะ

    ..นี้คือ #สงครามเคมีของการควบคุมสภาพอากาศ
    ..แผ่นดินไหวถึงไทย ตลอดตึก สตง.ถล่ม ไม่ใช่แค่บิดเบือนสงครามHAARPนี้ว่าเกิดจากธรรมชาติแต่แท้จริงมันคือสัตว์ที่อยู่ในโลกประเภทหนึ่งทำ แรปทีเลียนชั่ว มนุษย์ชั่วเข้าร่วมทำร่วมกับชาติมหาอำนาจโลกควบคุมในนามชื่อเดอะแก๊งdeep state นี้ก็ว่าซึ่งมาสร้างบรรยากาศบันเทิงต่อโลกรับบทเป็นฝ่ายไม่ดีฝ่ายมืดก่อการและควบคุมมันก็ว่าอีกล่ะ.

    ..พวกมันพ่นสารเคมีใส่เราเหมือนแมลง สารเคมีในอากาศ สารเคมีในอากาศ และสารเคมีในอากาศที่ปนเปื้อนในอากาศ

    ไม่ใช่การควบแน่น ไม่ใช่เมฆ สิ่งที่คุณเห็นบนท้องฟ้าคือการโจมตีด้วยละอองลอยในอากาศของกองทหารที่ประสานงานกันอย่างประสานงานกัน ซึ่งเป็นสงครามเคมีที่ปลอมตัวมาในรูปแบบของ "การควบคุมสภาพอากาศ" รูปแบบที่สลับไปมา หมอกควันที่ขยายตัว นี่คือวิศวกรรมธรณีวิทยา และในปี 2025 สารเคมีเหล่านี้จะขยายขนาดจนไม่สามารถละเลยได้

    อะลูมิเนียม แบเรียม สตรอนเทียม ลิเธียม สารเคมีเหล่านี้ถูกทิ้งใส่เราทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องบินที่ไม่มีเครื่องหมาย ใต้เส้นทางการบินของกองทหาร และสื่อก็ปฏิเสธมาตลอด เป้าหมายคืออะไร? การครอบงำด้วยสเปกตรัมเต็มรูปแบบ อากาศ ดิน อาหาร ร่างกายของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างอิ่มตัวด้วยโลหะที่นำไฟฟ้าได้

    นี่ไม่ใช่การทำให้โลกเย็นลง แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ไวต่อความถี่และสามารถตั้งโปรแกรมได้ ท้องฟ้ากลายเป็นแผงควบคุม ประชากรกลายเป็นเครื่องรับสัญญาณ คุณไม่ได้แค่หายใจเอาสารพิษเข้าไปเท่านั้น แต่คุณยังดูดซับอิทธิพลจากระยะไกลอีกด้วย

    การทดสอบอิสระในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าระดับอะลูมิเนียมในน้ำฝนสูงขึ้นถึง 70 เท่าของปกติ ต้นไม้ตาย ผึ้งหายไป ผู้คนรายงานว่าสมองมึนงงอย่างกะทันหัน อ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน ซึ่งเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากฉีดพ่นสารอย่างหนัก เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? ไม่มีทางเป็นไปได้

    ทำไมเส้นทางจึงก่อตัวเป็นตารางและเกลียว ทำไมพายุ "ประหลาด" จึงพัดถล่มพื้นที่หนึ่งในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ถูกฝังอยู่ภายใต้ภัยแล้งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามสภาพอากาศที่ควบคุมได้ HAARP EISCAT SuperDARN สิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธจริงที่กระตุ้นไอโอโนสเฟียร์และควบคุมกระแสลมกรดและเส้นทางพายุ

    นี่ไม่ใช่ทฤษฎี มันคือปฏิบัติการทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่ ผู้รับเหมากำลังฉีดพ่นอนุภาคที่มีตัวนำ เครื่องทำความร้อนไอโอโนสเฟียร์ปล่อยพลังงานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาวเทียมและหอส่งสัญญาณ 5G ทำหน้าที่ควบคุม คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกริดอาวุธ ระบบประสาท คลื่นสมอง ความคิดของคุณ เปิดเผยทุกอย่าง

    คุณคือสนามรบ

    ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เมืองในชนบทในยูทาห์ โอเรกอน เพนซิลเวเนีย รายงานเสียงลึกลับ สัตว์ตายเกลื่อน และไฟดับ การทดสอบภาคสนาม อาวุธเงียบ ไม่มีการรายงาน ไม่มีความรับผิดชอบ

    และพวกเขากำลังเพิ่มลิเธียม ซึ่งเป็นยาจิตเวช เพื่อทำให้สงบ ระงับ เพื่อควบคุม เมื่อรวมกับความถี่ มันจะลอกเอาความตั้งใจ ความโกรธ และความสามารถในการต่อต้านของคุณออกไป

    26 มีนาคม 2025 นี่ไม่ใช่โลกดิสโทเปียในอนาคต แต่เป็นตอนนี้

    สิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่เมฆ สงคราม
    สิ่งที่คุณรู้สึก ไม่ใช่ธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น
    สิ่งที่คุณหายใจ ไม่ใช่อากาศ การยอมจำนนทางเคมี

    ตื่นขึ้น หรือไม่ก็ถูกลบ

    ..เราอยู่ในภาวะสงครามแล้วนะ และคนไทยเราไม่รู้ตัว. ..กฎหมายสภาพอากาศ ผ่านในสภาไทยแล้วนะ ..นี้คือ #สงครามเคมีของการควบคุมสภาพอากาศ ..แผ่นดินไหวถึงไทย ตลอดตึก สตง.ถล่ม ไม่ใช่แค่บิดเบือนสงครามHAARPนี้ว่าเกิดจากธรรมชาติแต่แท้จริงมันคือสัตว์ที่อยู่ในโลกประเภทหนึ่งทำ แรปทีเลียนชั่ว มนุษย์ชั่วเข้าร่วมทำร่วมกับชาติมหาอำนาจโลกควบคุมในนามชื่อเดอะแก๊งdeep state นี้ก็ว่าซึ่งมาสร้างบรรยากาศบันเทิงต่อโลกรับบทเป็นฝ่ายไม่ดีฝ่ายมืดก่อการและควบคุมมันก็ว่าอีกล่ะ. ..พวกมันพ่นสารเคมีใส่เราเหมือนแมลง สารเคมีในอากาศ สารเคมีในอากาศ และสารเคมีในอากาศที่ปนเปื้อนในอากาศ ไม่ใช่การควบแน่น ไม่ใช่เมฆ สิ่งที่คุณเห็นบนท้องฟ้าคือการโจมตีด้วยละอองลอยในอากาศของกองทหารที่ประสานงานกันอย่างประสานงานกัน ซึ่งเป็นสงครามเคมีที่ปลอมตัวมาในรูปแบบของ "การควบคุมสภาพอากาศ" รูปแบบที่สลับไปมา หมอกควันที่ขยายตัว นี่คือวิศวกรรมธรณีวิทยา และในปี 2025 สารเคมีเหล่านี้จะขยายขนาดจนไม่สามารถละเลยได้ อะลูมิเนียม แบเรียม สตรอนเทียม ลิเธียม สารเคมีเหล่านี้ถูกทิ้งใส่เราทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องบินที่ไม่มีเครื่องหมาย ใต้เส้นทางการบินของกองทหาร และสื่อก็ปฏิเสธมาตลอด เป้าหมายคืออะไร? การครอบงำด้วยสเปกตรัมเต็มรูปแบบ อากาศ ดิน อาหาร ร่างกายของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างอิ่มตัวด้วยโลหะที่นำไฟฟ้าได้ นี่ไม่ใช่การทำให้โลกเย็นลง แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ไวต่อความถี่และสามารถตั้งโปรแกรมได้ ท้องฟ้ากลายเป็นแผงควบคุม ประชากรกลายเป็นเครื่องรับสัญญาณ คุณไม่ได้แค่หายใจเอาสารพิษเข้าไปเท่านั้น แต่คุณยังดูดซับอิทธิพลจากระยะไกลอีกด้วย การทดสอบอิสระในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าระดับอะลูมิเนียมในน้ำฝนสูงขึ้นถึง 70 เท่าของปกติ ต้นไม้ตาย ผึ้งหายไป ผู้คนรายงานว่าสมองมึนงงอย่างกะทันหัน อ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน ซึ่งเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากฉีดพ่นสารอย่างหนัก เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? ไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมเส้นทางจึงก่อตัวเป็นตารางและเกลียว ทำไมพายุ "ประหลาด" จึงพัดถล่มพื้นที่หนึ่งในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ถูกฝังอยู่ภายใต้ภัยแล้งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามสภาพอากาศที่ควบคุมได้ HAARP EISCAT SuperDARN สิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธจริงที่กระตุ้นไอโอโนสเฟียร์และควบคุมกระแสลมกรดและเส้นทางพายุ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี มันคือปฏิบัติการทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่ ผู้รับเหมากำลังฉีดพ่นอนุภาคที่มีตัวนำ เครื่องทำความร้อนไอโอโนสเฟียร์ปล่อยพลังงานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาวเทียมและหอส่งสัญญาณ 5G ทำหน้าที่ควบคุม คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกริดอาวุธ ระบบประสาท คลื่นสมอง ความคิดของคุณ เปิดเผยทุกอย่าง คุณคือสนามรบ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เมืองในชนบทในยูทาห์ โอเรกอน เพนซิลเวเนีย รายงานเสียงลึกลับ สัตว์ตายเกลื่อน และไฟดับ การทดสอบภาคสนาม อาวุธเงียบ ไม่มีการรายงาน ไม่มีความรับผิดชอบ และพวกเขากำลังเพิ่มลิเธียม ซึ่งเป็นยาจิตเวช เพื่อทำให้สงบ ระงับ เพื่อควบคุม เมื่อรวมกับความถี่ มันจะลอกเอาความตั้งใจ ความโกรธ และความสามารถในการต่อต้านของคุณออกไป 26 มีนาคม 2025 นี่ไม่ใช่โลกดิสโทเปียในอนาคต แต่เป็นตอนนี้ สิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่เมฆ สงคราม สิ่งที่คุณรู้สึก ไม่ใช่ธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณหายใจ ไม่ใช่อากาศ การยอมจำนนทางเคมี ตื่นขึ้น หรือไม่ก็ถูกลบ
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews

  • ..HAARPคือสงครามของทุกๆชาวโลก ต้องร่วมกันหยุดมัน.,เพราะถูกใช้ในทางที่ผิด ทั้งไม่เป็นไปตามธรรมชาติด้วย ,อาจใช้ในทางที่ถูกร่วมกับธรรมชาติที่เหมาะสมได้.

    HAARP: อาวุธโลกที่ทำให้อาวุธนิวเคลียร์ดูอ่อนแอ

    คุณเคยได้ยินมาว่านั่นเป็นเพียงการวิจัยเท่านั้น พวกเขาโกหก HAARP คืออาวุธพลังงานสนามรบที่ปลอมตัวมาเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถทำลายท้องฟ้า ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ลบการสื่อสาร และทำลายบรรยากาศที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์

    ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ชนชั้นนำระดับโลกได้ทดสอบขีดจำกัดของเกราะป้องกันของโลก ซึ่งได้แก่ แถบแวนอัลเลน ไอโอโนสเฟียร์ แมกนีโตสเฟียร์ ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ คลื่นความถี่สูง และแถบรังสีทดลอง ในปี 1958 โปรเจกต์อาร์กัสได้จุดชนวนระเบิดในอวกาศ ในปี 1962 สตาร์ฟิช ไพรม์เกือบจะทำให้ไอโอโนสเฟียร์เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกระเหยไป นี่ไม่ใช่การทดสอบ แต่เป็นการทดลองทำสงครามโลกในอวกาศ

    ในช่วงทศวรรษ 1980 NASA, DARPA และกระทรวงกลาโหมได้เริ่มปรับปรุงการควบคุมไอโอโนสเฟียร์ให้สมบูรณ์แบบ การปล่อยจรวดทำให้เกิด "หลุมไอโอโนสเฟียร์" ซึ่งเป็นโซนขนาดใหญ่ที่รังสีสามารถรวมตัวและนำไปใช้ในการทำสงครามกับสภาพอากาศหรือจิตใจ ระบบการเคลื่อนตัวในวงโคจรของกระสวยอวกาศได้เผาช่องว่างบนท้องฟ้าอย่างแท้จริง

    พบกับ HAARP—โครงการวิจัยออโรร่าความถี่สูงที่ใช้งานได้ตั้งแต่ปี 1993 โดยส่งพลังงาน 3.6 กิกะวัตต์ขึ้นสู่ท้องฟ้าจากอลาสก้า ซึ่งเทียบเท่ากับอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ส่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป้าหมายคือคุณ และความจริง

    เป้าหมายของ HAARP นั้นชวนสะเทือนขวัญ:
    —กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุเฮอริเคน
    —ขัดขวางการสื่อสารของศัตรูหรือควบคุมจิตใจของพวกมัน
    —จำลองคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระดับนิวเคลียร์โดยไม่ต้องยิงขีปนาวุธ
    —ทำให้ชั้นไอโอโนสเฟียร์ร้อนขึ้นเพื่อทำลายระบบสภาพอากาศ

    แต่ยังไม่จบแค่นั้น ระบบนี้ทำงานร่วมกับโครงการจรวดลับ อาวุธแม่เหล็กไฟฟ้า และแพลตฟอร์มเลเซอร์บนอวกาศที่สามารถส่งพลังงานจากวงโคจรได้ โครงการสตาร์วอร์สไม่เคยตาย แค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น

    ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น: ในช่วงพายุทะเลทราย สหรัฐฯ ได้ทดสอบอาวุธ EMP ที่เลียนแบบการระเบิดนิวเคลียร์โดยไม่มีร่องรอย และในปี 1986 การทดลอง Mighty Oaks ได้รั่วไหลกัมมันตภาพรังสีไปทั่วอเมริกา ซึ่งโทษว่าเป็นความผิดของเชอร์โนบิล

    พวกเขากำลังสร้างกรงที่มองไม่เห็นของกัมมันตภาพรังสี ความถี่ และความหวาดกลัว และทุกๆ วัน พวกเขาก็พลิกสวิตช์ให้สูงขึ้น

    HAARP ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นสงครามเงียบ และกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

    พายุที่คุณรู้สึกไม่ใช่สภาพอากาศ แต่เป็นอาวุธ

    #ร่วมสร้างชุมชนthaitimeกันเถอะ.
    ..HAARPคือสงครามของทุกๆชาวโลก ต้องร่วมกันหยุดมัน.,เพราะถูกใช้ในทางที่ผิด ทั้งไม่เป็นไปตามธรรมชาติด้วย ,อาจใช้ในทางที่ถูกร่วมกับธรรมชาติที่เหมาะสมได้. HAARP: อาวุธโลกที่ทำให้อาวุธนิวเคลียร์ดูอ่อนแอ คุณเคยได้ยินมาว่านั่นเป็นเพียงการวิจัยเท่านั้น พวกเขาโกหก HAARP คืออาวุธพลังงานสนามรบที่ปลอมตัวมาเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถทำลายท้องฟ้า ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ลบการสื่อสาร และทำลายบรรยากาศที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ชนชั้นนำระดับโลกได้ทดสอบขีดจำกัดของเกราะป้องกันของโลก ซึ่งได้แก่ แถบแวนอัลเลน ไอโอโนสเฟียร์ แมกนีโตสเฟียร์ ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ คลื่นความถี่สูง และแถบรังสีทดลอง ในปี 1958 โปรเจกต์อาร์กัสได้จุดชนวนระเบิดในอวกาศ ในปี 1962 สตาร์ฟิช ไพรม์เกือบจะทำให้ไอโอโนสเฟียร์เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกระเหยไป นี่ไม่ใช่การทดสอบ แต่เป็นการทดลองทำสงครามโลกในอวกาศ ในช่วงทศวรรษ 1980 NASA, DARPA และกระทรวงกลาโหมได้เริ่มปรับปรุงการควบคุมไอโอโนสเฟียร์ให้สมบูรณ์แบบ การปล่อยจรวดทำให้เกิด "หลุมไอโอโนสเฟียร์" ซึ่งเป็นโซนขนาดใหญ่ที่รังสีสามารถรวมตัวและนำไปใช้ในการทำสงครามกับสภาพอากาศหรือจิตใจ ระบบการเคลื่อนตัวในวงโคจรของกระสวยอวกาศได้เผาช่องว่างบนท้องฟ้าอย่างแท้จริง พบกับ HAARP—โครงการวิจัยออโรร่าความถี่สูงที่ใช้งานได้ตั้งแต่ปี 1993 โดยส่งพลังงาน 3.6 กิกะวัตต์ขึ้นสู่ท้องฟ้าจากอลาสก้า ซึ่งเทียบเท่ากับอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ส่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป้าหมายคือคุณ และความจริง เป้าหมายของ HAARP นั้นชวนสะเทือนขวัญ: —กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุเฮอริเคน —ขัดขวางการสื่อสารของศัตรูหรือควบคุมจิตใจของพวกมัน —จำลองคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระดับนิวเคลียร์โดยไม่ต้องยิงขีปนาวุธ —ทำให้ชั้นไอโอโนสเฟียร์ร้อนขึ้นเพื่อทำลายระบบสภาพอากาศ แต่ยังไม่จบแค่นั้น ระบบนี้ทำงานร่วมกับโครงการจรวดลับ อาวุธแม่เหล็กไฟฟ้า และแพลตฟอร์มเลเซอร์บนอวกาศที่สามารถส่งพลังงานจากวงโคจรได้ โครงการสตาร์วอร์สไม่เคยตาย แค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น: ในช่วงพายุทะเลทราย สหรัฐฯ ได้ทดสอบอาวุธ EMP ที่เลียนแบบการระเบิดนิวเคลียร์โดยไม่มีร่องรอย และในปี 1986 การทดลอง Mighty Oaks ได้รั่วไหลกัมมันตภาพรังสีไปทั่วอเมริกา ซึ่งโทษว่าเป็นความผิดของเชอร์โนบิล พวกเขากำลังสร้างกรงที่มองไม่เห็นของกัมมันตภาพรังสี ความถี่ และความหวาดกลัว และทุกๆ วัน พวกเขาก็พลิกสวิตช์ให้สูงขึ้น HAARP ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นสงครามเงียบ และกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ พายุที่คุณรู้สึกไม่ใช่สภาพอากาศ แต่เป็นอาวุธ #ร่วมสร้างชุมชนthaitimeกันเถอะ.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • เครื่องบินรบรุ่นที่6 J-36 รุ่นที่ 6 ของจีน บินทดสอบถี่มากขึ้น
    จากจำนวนการพบเห็นเครื่องบินรุ่นนี้ บ่งบอกได้ว่า จีน "ตั้งใจ"
    เครื่องบินรบรุ่นที่6 J-36 รุ่นที่ 6 ของจีน บินทดสอบถี่มากขึ้น จากจำนวนการพบเห็นเครื่องบินรุ่นนี้ บ่งบอกได้ว่า จีน "ตั้งใจ"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • ทดสอบระบบ
    ทดสอบระบบ
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีมีคำสั่งให้เปิดการสอบสวนถึงสาเหตุรายละเอียดของข้อตกลงแร่หายากระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครนที่รั่วไปถึงมือสื่อ

    หลายฝ่ายเชื่อว่า เซเลนสกีกำลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่ตัวเขาและทีมงานที่เป็นฝ่ายปล่อยข้อมูล แต่เป็นจากฝ่ายสหรัฐที่เผยข้อมูลให้สื่อรู้เอง


    หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนทำการทดสอบเจ้าหน้าที่รัฐบาลเซเลนสกีด้วยเครื่องจับเท็จ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เซเลนสกีมักใช้อ้างอิงในการพิสูจน์ความจริง

    เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นักการเมืองฝ่ายค้าน "ยาโรสลาฟ เซเลซเนียก" ได้เผยแพร่รายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุ

    ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มีนาคมสำนักข่าว FT ได้เผยแพร่ร่างข้อตกลงฉบับเต็ม


    เซเลนสกี ไม่พอใจและตกใจมากเกี่ยวกับการรั่วไหลของรายละเอียดครั้งนี้และพยายามตามหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง


    ในความเป็นจริง ข้อเสนอใหม่ของสหรัฐไม่ได้มีอะไรใหม่จนสร้างความฮือฮาได้มากนัก ส่วนใหญ่สับสนกับท่าทีของเซเลนสกี ว่าตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่ออะไร


    แต่มีบางความคิดเห็นคาดเดาว่า การที่เซเลนสกีตั้งทีมงานเพื่อมาสอบสวนเรื่องนี้ เพื่อต้องการเรียกร้องให้มีการเจรจากับสหรัฐใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการซื้อเวลาการหยุดยิงจากรัสเซีย

    เนื่องจากที่ผ่านมา เซเลนสกีไม่เคยแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อยอมรับข้อตกลง แม้จะมีท่าทียอมรับในช่วงแรกของการเจรจาแต่ละครั้ง แต่สุดท้ายก็จะหาข้ออ้างบิดพริ้วตลอดเวลา


    ส่วนหนึ่งของร่างข้อตกลงล่าสุด ที่หลุดออกมาคือ สหรัฐยังคงไม่ให้การรับประกันความปลอดภัยต่อเคียฟ ซึ่งเซเลนสกีถือว่าเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญ

    ทางด้าน Scott Bessent รัฐมนตรีคลังของสหรัฐกล่าวว่า การเข้าไปลงทุนของสหรัฐเพียงพอแล้วที่จะยับยั้งการโจมตีจากรัสเซียได้ เนื่องจากถ้ารัสเซียโจมตี นั่นเท่ากับพวกเขาโจมตีสหรัฐด้วย

    แต่เซเลนสกียืนกรานไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดนี้
    เซเลนสกีมีคำสั่งให้เปิดการสอบสวนถึงสาเหตุรายละเอียดของข้อตกลงแร่หายากระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครนที่รั่วไปถึงมือสื่อ หลายฝ่ายเชื่อว่า เซเลนสกีกำลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่ตัวเขาและทีมงานที่เป็นฝ่ายปล่อยข้อมูล แต่เป็นจากฝ่ายสหรัฐที่เผยข้อมูลให้สื่อรู้เอง หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนทำการทดสอบเจ้าหน้าที่รัฐบาลเซเลนสกีด้วยเครื่องจับเท็จ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เซเลนสกีมักใช้อ้างอิงในการพิสูจน์ความจริง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นักการเมืองฝ่ายค้าน "ยาโรสลาฟ เซเลซเนียก" ได้เผยแพร่รายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มีนาคมสำนักข่าว FT ได้เผยแพร่ร่างข้อตกลงฉบับเต็ม เซเลนสกี ไม่พอใจและตกใจมากเกี่ยวกับการรั่วไหลของรายละเอียดครั้งนี้และพยายามตามหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง ในความเป็นจริง ข้อเสนอใหม่ของสหรัฐไม่ได้มีอะไรใหม่จนสร้างความฮือฮาได้มากนัก ส่วนใหญ่สับสนกับท่าทีของเซเลนสกี ว่าตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่ออะไร แต่มีบางความคิดเห็นคาดเดาว่า การที่เซเลนสกีตั้งทีมงานเพื่อมาสอบสวนเรื่องนี้ เพื่อต้องการเรียกร้องให้มีการเจรจากับสหรัฐใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการซื้อเวลาการหยุดยิงจากรัสเซีย เนื่องจากที่ผ่านมา เซเลนสกีไม่เคยแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อยอมรับข้อตกลง แม้จะมีท่าทียอมรับในช่วงแรกของการเจรจาแต่ละครั้ง แต่สุดท้ายก็จะหาข้ออ้างบิดพริ้วตลอดเวลา ส่วนหนึ่งของร่างข้อตกลงล่าสุด ที่หลุดออกมาคือ สหรัฐยังคงไม่ให้การรับประกันความปลอดภัยต่อเคียฟ ซึ่งเซเลนสกีถือว่าเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญ ทางด้าน Scott Bessent รัฐมนตรีคลังของสหรัฐกล่าวว่า การเข้าไปลงทุนของสหรัฐเพียงพอแล้วที่จะยับยั้งการโจมตีจากรัสเซียได้ เนื่องจากถ้ารัสเซียโจมตี นั่นเท่ากับพวกเขาโจมตีสหรัฐด้วย แต่เซเลนสกียืนกรานไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดนี้
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • การถอดฝาครอบชิป AMD Ryzen 9 9950X3D ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพและลดอุณหภูมิการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานที่มองหาวิธีปรับแต่งแบบสุดขีดควรระมัดระวังในกระบวนการนี้ และพิจารณาว่าคุ้มค่ากับความต้องการและต้นทุนพลังงานหรือไม่

    == ข้อค้นพบจากการทดสอบ ==
    ✅ การลดอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพ
    - การถอดฝาครอบ (IHS) ออกเพื่อให้ความร้อนกระจายได้ดีขึ้นช่วยลดอุณหภูมิระหว่างการทำงานเหลือเพียง 65°C ขณะที่ชิปต้นแบบเดิมทำงานที่ 88°C
    - การทดลองโดยใช้ Cinebench R23 แสดงให้เห็นว่าชิปสามารถเพิ่มคะแนนประสิทธิภาพได้ถึง 9% เมื่อมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น

    ✅ ทางเลือกการใช้งาน
    - สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเร่งการทำงานสูงสุด การ Delidding ยังช่วยให้ชิปทำงานที่อุณหภูมิต่ำลงขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม 20W

    ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน
    - Der8auer ได้เตือนผู้สนใจว่า การทำ Delidding ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น Delid-Die-Mate Ryzen 7000 อาจทำให้ชิปเสียหายได้

    == บทเรียนและผลกระทบต่อวงการฮาร์ดแวร์ ==
    ✅ ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเมื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - การเพิ่มพลังการประมวลผลส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจไม่คุ้มค่ากับผู้ใช้ทั่วไป

    ✅ ความนิยมในการปรับแต่งชิป
    - การ Delidding เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการโอเวอร์คล็อกขั้นสูง แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานระดับพรีเมียม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/delidded-amd-ryzen-9-9950x3d-runs-23-degrees-cooler
    การถอดฝาครอบชิป AMD Ryzen 9 9950X3D ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพและลดอุณหภูมิการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานที่มองหาวิธีปรับแต่งแบบสุดขีดควรระมัดระวังในกระบวนการนี้ และพิจารณาว่าคุ้มค่ากับความต้องการและต้นทุนพลังงานหรือไม่ == ข้อค้นพบจากการทดสอบ == ✅ การลดอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพ - การถอดฝาครอบ (IHS) ออกเพื่อให้ความร้อนกระจายได้ดีขึ้นช่วยลดอุณหภูมิระหว่างการทำงานเหลือเพียง 65°C ขณะที่ชิปต้นแบบเดิมทำงานที่ 88°C - การทดลองโดยใช้ Cinebench R23 แสดงให้เห็นว่าชิปสามารถเพิ่มคะแนนประสิทธิภาพได้ถึง 9% เมื่อมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางเลือกการใช้งาน - สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเร่งการทำงานสูงสุด การ Delidding ยังช่วยให้ชิปทำงานที่อุณหภูมิต่ำลงขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม 20W ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน - Der8auer ได้เตือนผู้สนใจว่า การทำ Delidding ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น Delid-Die-Mate Ryzen 7000 อาจทำให้ชิปเสียหายได้ == บทเรียนและผลกระทบต่อวงการฮาร์ดแวร์ == ✅ ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเมื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - การเพิ่มพลังการประมวลผลส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจไม่คุ้มค่ากับผู้ใช้ทั่วไป ✅ ความนิยมในการปรับแต่งชิป - การ Delidding เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการโอเวอร์คล็อกขั้นสูง แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานระดับพรีเมียม https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/delidded-amd-ryzen-9-9950x3d-runs-23-degrees-cooler
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Delidded AMD Ryzen 9 9950X3D runs 23 degrees cooler
    Alternatively, you can squeeze 9% better performance using 73% more power.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • Honda กำลังพัฒนาเทคโนโลยีผลิตพลังงานสะอาดแบบวงปิด ซึ่งใช้แหล่งพลังงานจากน้ำและแสงอาทิตย์ในการสร้างออกซิเจนและไฟฟ้าสำหรับภารกิจในอวกาศ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งและการบำรุงรักษา แต่ยังมีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับการตั้งถิ่นฐานในดวงจันทร์ รวมถึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้บนโลกเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต

    == เทคโนโลยีที่ Honda นำเสนอ ==
    ✅ ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบวงปิด
    - ระบบนี้ใช้แหล่งพลังงานจาก แสงอาทิตย์และน้ำ เพื่อผลิตออกซิเจนสำหรับการหายใจและไฮโดรเจนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงไฟฟ้า
    - ผลพลอยได้จากการผลิตพลังงานคือ น้ำ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในระบบ

    ✅ ข้อดีที่ทำให้ระบบเหมาะกับการใช้งานในอวกาศ
    - ระบบนี้มีความ กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสำหรับภารกิจในดวงจันทร์
    - การลดความจำเป็นในกระบวนการบีบอัดเชิงกลทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือและต้องการการบำรุงรักษาน้อยลง

    ✅ การทดสอบในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ
    - Honda จะทดสอบระบบนี้บน ISS เพื่อดูความสามารถในการใช้งานในสภาพ microgravity ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้งานจริงในอวกาศ

    == เป้าหมายและผลกระทบที่คาดหวัง ==
    ✅ การสนับสนุนภารกิจในดวงจันทร์
    - ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับการตั้งถิ่นฐานระยะยาวในดวงจันทร์

    ✅ ความหวังในด้านพลังงานสะอาดสำหรับโลก
    - Honda วางแผนที่จะนำระบบนี้ไปใช้บนโลก โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมพลังงานสะอาด

    ✅ ความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติ
    - Sierra Space รับหน้าที่ประสานงานกับ NASA เพื่อขนส่งอุปกรณ์ผ่าน Dream Chaser Spaceplane ในขณะที่ Tec-Masters ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ISS

    https://www.techspot.com/news/107432-honda-test-compact-hydrogen-system-space-exploration-iss.html
    Honda กำลังพัฒนาเทคโนโลยีผลิตพลังงานสะอาดแบบวงปิด ซึ่งใช้แหล่งพลังงานจากน้ำและแสงอาทิตย์ในการสร้างออกซิเจนและไฟฟ้าสำหรับภารกิจในอวกาศ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งและการบำรุงรักษา แต่ยังมีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับการตั้งถิ่นฐานในดวงจันทร์ รวมถึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้บนโลกเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต == เทคโนโลยีที่ Honda นำเสนอ == ✅ ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบวงปิด - ระบบนี้ใช้แหล่งพลังงานจาก แสงอาทิตย์และน้ำ เพื่อผลิตออกซิเจนสำหรับการหายใจและไฮโดรเจนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงไฟฟ้า - ผลพลอยได้จากการผลิตพลังงานคือ น้ำ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในระบบ ✅ ข้อดีที่ทำให้ระบบเหมาะกับการใช้งานในอวกาศ - ระบบนี้มีความ กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสำหรับภารกิจในดวงจันทร์ - การลดความจำเป็นในกระบวนการบีบอัดเชิงกลทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือและต้องการการบำรุงรักษาน้อยลง ✅ การทดสอบในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ - Honda จะทดสอบระบบนี้บน ISS เพื่อดูความสามารถในการใช้งานในสภาพ microgravity ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้งานจริงในอวกาศ == เป้าหมายและผลกระทบที่คาดหวัง == ✅ การสนับสนุนภารกิจในดวงจันทร์ - ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับการตั้งถิ่นฐานระยะยาวในดวงจันทร์ ✅ ความหวังในด้านพลังงานสะอาดสำหรับโลก - Honda วางแผนที่จะนำระบบนี้ไปใช้บนโลก โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมพลังงานสะอาด ✅ ความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติ - Sierra Space รับหน้าที่ประสานงานกับ NASA เพื่อขนส่งอุปกรณ์ผ่าน Dream Chaser Spaceplane ในขณะที่ Tec-Masters ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ISS https://www.techspot.com/news/107432-honda-test-compact-hydrogen-system-space-exploration-iss.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Honda to test compact hydrogen system for space exploration on the ISS
    Honda is aiming beyond Earth with plans to test its high-differential pressure water electrolysis system aboard the International Space Station. In partnership with Sierra Space and Tec-Masters,...
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ

    ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD)
    - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า
    - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ

    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน
    - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว
    - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์

    ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล
    - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี
    - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต

    == ความท้าทายของโครงการ ==
    ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน
    - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน

    ✅ การจัดหา Helium-3
    - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
    - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ

    Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD) - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต == ความท้าทายของโครงการ == ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน ✅ การจัดหา Helium-3 - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่ https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nuclear rocket Pulsar Fusion Sunbird could fly 12 grown men to Pluto in just four years
    Pulsar Fusion's Sunbird project was shown off recently, which will be a nuclear-powered rocket concept capable of carrying up to 12 grown men to Pluto in just four years.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • บทความนี้ได้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบคนที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียในยุคที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกดิจิทัล โดยตั้งคำถามว่า การที่ใครสักคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสัญญาณเตือน (red flag) หรือไม่ แต่กลับเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับข้อดีและความเป็นไปได้ของคนที่เลือกเดินออกจากโลกออนไลน์

    ✅ การไม่มีโซเชียลไม่ได้แปลว่ามีบางอย่างปกปิด
    - แม้หลายคนอาจสงสัยว่า การไม่มีโซเชียลสื่อถึงการปิดบังบางสิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นอาจเป็นการบ่งบอกถึง ความเรียบง่ายและการเลือกที่จะไม่อยู่ในกระแส AI หรือเทคโนโลยี

    ✅ ความสัมพันธ์ที่สร้างได้โดยไม่พึ่งเทคโนโลยี
    - ผู้เขียนกล่าวว่า การสื่อสารโดยตรงหรือการพบปะกันตัวต่อตัวคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักบุคคล มากกว่าการสืบผ่านโลกออนไลน์

    ✅ โลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และผลกระทบต่อชีวิต
    - การหลีกเลี่ยงโซเชียลอาจสะท้อนการต่อต้าน AI ที่คุกคามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเลือกที่จะปฏิเสธ การใช้ชีวิตที่บริษัทเทคโนโลยีบงการ

    ✅ คำแนะนำในการสังเกตปฏิกิริยา
    - ผู้เขียนแนะนำให้ทดสอบคนที่ไม่มีโซเชียลมีเดียด้วยสถานการณ์เบาสมอง เช่น การแกล้งทำโทรศัพท์ตกเพื่อดูท่าที ถ้าปฏิกิริยานั้นสะท้อนถึงความสนุกหรือความจริงใจ คุณอาจได้พบกับคนที่มีมุมมองแปลกใหม่

    ✅ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่สร้างกิจกรรมแปลกใหม่
    - การเดตกับคนที่ต่อต้านโซเชียล อาจเป็นโอกาสในการทำกิจกรรมเชิงสนุก เช่น การปั่นจักรยานท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างอารมณ์ขันในลักษณะล้อเลียนเทคโนโลยี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/opinion-i-just-started-dating-someone-who-isnt-on-social-media-is-that-a-red-flag
    บทความนี้ได้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบคนที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียในยุคที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกดิจิทัล โดยตั้งคำถามว่า การที่ใครสักคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสัญญาณเตือน (red flag) หรือไม่ แต่กลับเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับข้อดีและความเป็นไปได้ของคนที่เลือกเดินออกจากโลกออนไลน์ ✅ การไม่มีโซเชียลไม่ได้แปลว่ามีบางอย่างปกปิด - แม้หลายคนอาจสงสัยว่า การไม่มีโซเชียลสื่อถึงการปิดบังบางสิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นอาจเป็นการบ่งบอกถึง ความเรียบง่ายและการเลือกที่จะไม่อยู่ในกระแส AI หรือเทคโนโลยี ✅ ความสัมพันธ์ที่สร้างได้โดยไม่พึ่งเทคโนโลยี - ผู้เขียนกล่าวว่า การสื่อสารโดยตรงหรือการพบปะกันตัวต่อตัวคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักบุคคล มากกว่าการสืบผ่านโลกออนไลน์ ✅ โลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และผลกระทบต่อชีวิต - การหลีกเลี่ยงโซเชียลอาจสะท้อนการต่อต้าน AI ที่คุกคามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเลือกที่จะปฏิเสธ การใช้ชีวิตที่บริษัทเทคโนโลยีบงการ ✅ คำแนะนำในการสังเกตปฏิกิริยา - ผู้เขียนแนะนำให้ทดสอบคนที่ไม่มีโซเชียลมีเดียด้วยสถานการณ์เบาสมอง เช่น การแกล้งทำโทรศัพท์ตกเพื่อดูท่าที ถ้าปฏิกิริยานั้นสะท้อนถึงความสนุกหรือความจริงใจ คุณอาจได้พบกับคนที่มีมุมมองแปลกใหม่ ✅ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่สร้างกิจกรรมแปลกใหม่ - การเดตกับคนที่ต่อต้านโซเชียล อาจเป็นโอกาสในการทำกิจกรรมเชิงสนุก เช่น การปั่นจักรยานท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างอารมณ์ขันในลักษณะล้อเลียนเทคโนโลยี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/opinion-i-just-started-dating-someone-who-isnt-on-social-media-is-that-a-red-flag
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • การรถไฟฯ แจง วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญฯ ยืนยัน ผลทดสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมและมาตรฐานคุณภาพเหล็ก ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดทุกขั้นตอน มั่นใจปลอดภัยตามมาตรฐานสากล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032640
    การรถไฟฯ แจง วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญฯ ยืนยัน ผลทดสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมและมาตรฐานคุณภาพเหล็ก ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดทุกขั้นตอน มั่นใจปลอดภัยตามมาตรฐานสากล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032640
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 601 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์เพจมูลนิธิบูรณะนิเวศ 4 เมษายน 2568 พิรุธใหม่ “ซินเคอหยวน” ซุก “ฝุ่นแดง” เกือบครึ่งแสนตัน.จากกรณีการเกิดแผ่นดินไหวจนอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ถล่มลง ชื่อของบริษัททุนจีนที่ปรากฏเป็นข่าวและถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง นอกจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) แล้ว ยังมีชื่อของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เคียงคู่มาด้วย ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นยี่ห้อ SKY.ทั้งนี้ เหล็กข้ออ้อยขนาด 20 และ 32 มิลลิเมตรที่กระทรวงอุตสาหกรรมเก็บตัวอย่างมาจากตึก สตง. ซึ่งทดสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ก็คือเหล็ก SKY นั่นเอง.จากผลการตรวจพบข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา คณะตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าตรวจสอบโรงงานซินเคอหยวน ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยตั้งเป้าตรวจสอบใน 2 ประเด็นหลัก.นั่นคือ 1. ตรวจสอบว่าเหล็กตกมาตรฐานของบริษัทที่เคยถูกยึดอายัดไว้เดือนธันวาคม 2567 ยังอยู่ครบหรือไม่ 2. บริษัทซึ่งถูกสั่งปิดปรับปรุงตั้งแต่ปลายปีนั้น มีการลักลอบประกอบกิจการหรือไม่.ผลการตรวจสอบในประเด็นแรกพบว่า เหล็กของกลางที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดอายัดไว้ยังอยู่ครบถ้วน ไม่มีการเคลื่อนย้าย ส่วนการตรวจในประเด็นที่ 2 ในวันที่ลงตรวจก็ไม่พบการประกอบกิจการ.อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มสื่อมวลชนที่ติดตามประเด็น ต่างตั้งข้อสังเกตว่า สภาพโรงงานดู “สะอาดเรียบร้อย” พร้อมรับการตรวจราวทราบล่วงหน้า รวมทั้งผู้เป็นตัวแทนบริษัทได้แสดงความมั่นใจ และบางช่วงได้ทักทายผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เป็นไงนักข่าวได้ข่าวอะไรไหม”.กระนั้นก็ตาม จากการที่คณะตรวจการสุดซอยฯ ตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าในโรงงานจากบิลค่าไฟ แม้พบว่า ค่าไฟในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จะลดลงอย่างมาก จากค่าเฉลี่ยเดิมที่ประมาณเดือนละ 150 ล้านบาท คงเหลือที่ 1.2 ล้านบาท 0.64 ล้านบาท และ 6.4 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ตัวเลขของเดือนล่าสุดก็ยังมีความน่าสงสัย.แต่สำหรับประเด็นชวนกังขาที่แท้จริงกลับอยู่ที่ “ฝุ่นแดง” ที่ทางบริษัทมีอยู่ในครอบครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่า 43,000 ตัน ในขณะที่จำนวนที่บริษัทแจ้งต่อภาครัฐมีเพียง 2,245 ตันต่อปี อีกทั้งในปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีการแจ้งหรือรายงานการกักเก็บฝุ่นแดงแต่อย่างใด .อนึ่ง ฝุ่นแดงคือฝุ่นที่เกิดจากเตาหลอมเหล็ก ซึ่งในระดับนานาชาติถือว่าเป็นของเสียอันตรายที่ต้องควบคุมการก่อเกิด การเคลื่อนย้าย และการกำจัดอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นโลหะหนักที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม.การมีฝุ่นแดงในครอบครองในกรณีของซินเคอหยวนจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในฐานะของเสียจากกระบวนการผลิต เพียงแต่ปริมาณที่แตกต่างมหาศาล จากระดับ 2,000 ตัน กลายเป็น 40,000 ตัน ก่อให้เกิดคำถามใหญ่และสำคัญว่า ฝุ่นแดงส่วนเกินนั้นมาจากไหน และฝุ่นแดงเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในโรงงานของบริษัทในฐานะอะไร เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นข้อพิรุธใหญ่ที่จำเป็นต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่ออย่างเอาจริงเอาจัง.เท่าที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศสังเกตดูกองถุงบิ๊กแบกบรรจุฝุ่นแดงภายในโรงงานของซินเคอหยวน พบว่าลักษณะของถุงมีความแตกต่างกัน ส่วนที่กองอยู่ในฟากหนึ่งเป็นถุงสีขาวออกน้ำตาลที่มีดูหมองและเก่า หลายจุดมีมีหยากไย่เกาะปกคลุม .ในขณะที่อีกฟากมีถุงบิ๊กแบกสีดำที่มีอักษรจีนกำกับ ซึ่งลักษณะดูใหม่กว่า และส่วนใหญ่จะวางทับถุงสีขาวน้ำตาล คล้ายกับว่าถุงเหล่านี้ถูกนำหรือเคลื่อนย้ายเข้ามาทีหลัง.สำหรับถุงบิ๊กแบกสีดำที่ที่มีอักษรจีนเป็นแบบเดียวกับเราเคยพบมาก่อนจากการลงพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นถุงบรรจุฝุ่นแดงเช่นเดียวกัน.ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2568) ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประสานดีเอสไอรับประเด็นเรื่องฝุ่นแดงกรณีบริษัทซินเคอหยวนนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว ซึ่งทางเพจจะนำเสนอประเด็นเกี่ยวเนื่องอื่นๆ และความคืบหน้าต่อไป......เรื่องและภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
    รีโพสต์เพจมูลนิธิบูรณะนิเวศ 4 เมษายน 2568 พิรุธใหม่ “ซินเคอหยวน” ซุก “ฝุ่นแดง” เกือบครึ่งแสนตัน.จากกรณีการเกิดแผ่นดินไหวจนอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ถล่มลง ชื่อของบริษัททุนจีนที่ปรากฏเป็นข่าวและถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง นอกจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) แล้ว ยังมีชื่อของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เคียงคู่มาด้วย ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นยี่ห้อ SKY.ทั้งนี้ เหล็กข้ออ้อยขนาด 20 และ 32 มิลลิเมตรที่กระทรวงอุตสาหกรรมเก็บตัวอย่างมาจากตึก สตง. ซึ่งทดสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ก็คือเหล็ก SKY นั่นเอง.จากผลการตรวจพบข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา คณะตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าตรวจสอบโรงงานซินเคอหยวน ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยตั้งเป้าตรวจสอบใน 2 ประเด็นหลัก.นั่นคือ 1. ตรวจสอบว่าเหล็กตกมาตรฐานของบริษัทที่เคยถูกยึดอายัดไว้เดือนธันวาคม 2567 ยังอยู่ครบหรือไม่ 2. บริษัทซึ่งถูกสั่งปิดปรับปรุงตั้งแต่ปลายปีนั้น มีการลักลอบประกอบกิจการหรือไม่.ผลการตรวจสอบในประเด็นแรกพบว่า เหล็กของกลางที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดอายัดไว้ยังอยู่ครบถ้วน ไม่มีการเคลื่อนย้าย ส่วนการตรวจในประเด็นที่ 2 ในวันที่ลงตรวจก็ไม่พบการประกอบกิจการ.อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มสื่อมวลชนที่ติดตามประเด็น ต่างตั้งข้อสังเกตว่า สภาพโรงงานดู “สะอาดเรียบร้อย” พร้อมรับการตรวจราวทราบล่วงหน้า รวมทั้งผู้เป็นตัวแทนบริษัทได้แสดงความมั่นใจ และบางช่วงได้ทักทายผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เป็นไงนักข่าวได้ข่าวอะไรไหม”.กระนั้นก็ตาม จากการที่คณะตรวจการสุดซอยฯ ตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าในโรงงานจากบิลค่าไฟ แม้พบว่า ค่าไฟในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จะลดลงอย่างมาก จากค่าเฉลี่ยเดิมที่ประมาณเดือนละ 150 ล้านบาท คงเหลือที่ 1.2 ล้านบาท 0.64 ล้านบาท และ 6.4 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ตัวเลขของเดือนล่าสุดก็ยังมีความน่าสงสัย.แต่สำหรับประเด็นชวนกังขาที่แท้จริงกลับอยู่ที่ “ฝุ่นแดง” ที่ทางบริษัทมีอยู่ในครอบครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่า 43,000 ตัน ในขณะที่จำนวนที่บริษัทแจ้งต่อภาครัฐมีเพียง 2,245 ตันต่อปี อีกทั้งในปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีการแจ้งหรือรายงานการกักเก็บฝุ่นแดงแต่อย่างใด .อนึ่ง ฝุ่นแดงคือฝุ่นที่เกิดจากเตาหลอมเหล็ก ซึ่งในระดับนานาชาติถือว่าเป็นของเสียอันตรายที่ต้องควบคุมการก่อเกิด การเคลื่อนย้าย และการกำจัดอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นโลหะหนักที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม.การมีฝุ่นแดงในครอบครองในกรณีของซินเคอหยวนจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในฐานะของเสียจากกระบวนการผลิต เพียงแต่ปริมาณที่แตกต่างมหาศาล จากระดับ 2,000 ตัน กลายเป็น 40,000 ตัน ก่อให้เกิดคำถามใหญ่และสำคัญว่า ฝุ่นแดงส่วนเกินนั้นมาจากไหน และฝุ่นแดงเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในโรงงานของบริษัทในฐานะอะไร เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นข้อพิรุธใหญ่ที่จำเป็นต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่ออย่างเอาจริงเอาจัง.เท่าที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศสังเกตดูกองถุงบิ๊กแบกบรรจุฝุ่นแดงภายในโรงงานของซินเคอหยวน พบว่าลักษณะของถุงมีความแตกต่างกัน ส่วนที่กองอยู่ในฟากหนึ่งเป็นถุงสีขาวออกน้ำตาลที่มีดูหมองและเก่า หลายจุดมีมีหยากไย่เกาะปกคลุม .ในขณะที่อีกฟากมีถุงบิ๊กแบกสีดำที่มีอักษรจีนกำกับ ซึ่งลักษณะดูใหม่กว่า และส่วนใหญ่จะวางทับถุงสีขาวน้ำตาล คล้ายกับว่าถุงเหล่านี้ถูกนำหรือเคลื่อนย้ายเข้ามาทีหลัง.สำหรับถุงบิ๊กแบกสีดำที่ที่มีอักษรจีนเป็นแบบเดียวกับเราเคยพบมาก่อนจากการลงพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นถุงบรรจุฝุ่นแดงเช่นเดียวกัน.ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2568) ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประสานดีเอสไอรับประเด็นเรื่องฝุ่นแดงกรณีบริษัทซินเคอหยวนนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว ซึ่งทางเพจจะนำเสนอประเด็นเกี่ยวเนื่องอื่นๆ และความคืบหน้าต่อไป......เรื่องและภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 352 Views 0 Reviews
  • SpaceX ได้ประกาศว่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโครงการ Starship บริษัทจะนำ Super Heavy Booster ที่เคยบินมาแล้วกลับมาใช้ใหม่ใน Starship Flight 9 โดยก่อนหน้านี้บูสเตอร์ตัวนี้เคยถูกใช้ใน Flight 7 และผ่านการทดสอบ Static Fire ล่าสุดเพื่อเตรียมความพร้อม

    ✅ SpaceX ทดสอบบูสเตอร์ที่มี 29 จาก 33 เครื่องยนต์ที่ผ่านการบินจริงมาแล้ว
    - บูสเตอร์นี้เป็นตัวแรกที่ นำกลับมาใช้ใหม่ในระบบที่มีมากกว่า 24 เครื่องยนต์
    - การใช้ซ้ำช่วยให้ ลดต้นทุนการผลิตและเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต

    ✅ Flight 9 เป็นภารกิจสำคัญ—ทดสอบยานเวทีที่สองรุ่นใหม่หลังความล้มเหลวสองครั้งก่อนหน้า
    - ยานเวทีที่สองล้มเหลวในเที่ยวบิน Flight 7 และ Flight 8 ก่อนหน้านี้
    - หากประสบความสำเร็จใน Flight 9 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับโครงการ Starship

    ✅ ก่อนหน้านี้ SpaceX พยายามใช้ระบบจับบูสเตอร์ด้วยหอปล่อยจรวด
    - ระบบจับได้รับการทดสอบก่อน Flight 7 แต่ยังไม่มีการจับบูสเตอร์ได้จริง
    - หากการใช้ซ้ำสำเร็จ จะช่วยให้ SpaceX มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเวทีที่สองต่อไป

    ✅ การทดสอบ Static Fire ไม่ได้บอกถึงวันปล่อยจรวดแน่นอน
    - SpaceX เคยทำการทดสอบแบบ Static Fire หลายเดือนก่อนการปล่อยจริง
    - ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับการปรับแต่งเครื่องยนต์หลังการทดสอบ

    https://wccftech.com/spacex-confirms-super-heavy-booster-re-use-on-starship-flight-9-fires-up-232-feet-rocket/
    SpaceX ได้ประกาศว่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโครงการ Starship บริษัทจะนำ Super Heavy Booster ที่เคยบินมาแล้วกลับมาใช้ใหม่ใน Starship Flight 9 โดยก่อนหน้านี้บูสเตอร์ตัวนี้เคยถูกใช้ใน Flight 7 และผ่านการทดสอบ Static Fire ล่าสุดเพื่อเตรียมความพร้อม ✅ SpaceX ทดสอบบูสเตอร์ที่มี 29 จาก 33 เครื่องยนต์ที่ผ่านการบินจริงมาแล้ว - บูสเตอร์นี้เป็นตัวแรกที่ นำกลับมาใช้ใหม่ในระบบที่มีมากกว่า 24 เครื่องยนต์ - การใช้ซ้ำช่วยให้ ลดต้นทุนการผลิตและเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต ✅ Flight 9 เป็นภารกิจสำคัญ—ทดสอบยานเวทีที่สองรุ่นใหม่หลังความล้มเหลวสองครั้งก่อนหน้า - ยานเวทีที่สองล้มเหลวในเที่ยวบิน Flight 7 และ Flight 8 ก่อนหน้านี้ - หากประสบความสำเร็จใน Flight 9 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับโครงการ Starship ✅ ก่อนหน้านี้ SpaceX พยายามใช้ระบบจับบูสเตอร์ด้วยหอปล่อยจรวด - ระบบจับได้รับการทดสอบก่อน Flight 7 แต่ยังไม่มีการจับบูสเตอร์ได้จริง - หากการใช้ซ้ำสำเร็จ จะช่วยให้ SpaceX มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเวทีที่สองต่อไป ✅ การทดสอบ Static Fire ไม่ได้บอกถึงวันปล่อยจรวดแน่นอน - SpaceX เคยทำการทดสอบแบบ Static Fire หลายเดือนก่อนการปล่อยจริง - ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับการปรับแต่งเครื่องยนต์หลังการทดสอบ https://wccftech.com/spacex-confirms-super-heavy-booster-re-use-on-starship-flight-9-fires-up-232-feet-rocket/
    WCCFTECH.COM
    SpaceX Confirms Super Heavy Booster Re-Use On Starship Flight 9 & Fires Up 232-Feet Rocket!
    SpaceX confirms that Starship Flight 9 will be the first to re-use a rocket booster for the Starship test program.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ แบน Kaspersky ตั้งแต่กรกฎาคม 2024 เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลรัสเซียอาจบังคับให้บริษัทให้ข้อมูลหรือควบคุมระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้ ส่งผลให้ Kaspersky ไม่สามารถออกอัปเดตใหม่ได้ ทำให้ผู้ใช้ที่ยังติดตั้งโปรแกรมเสี่ยงต่อมัลแวร์และช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ที่เคยติดตั้ง Kaspersky ควร ตรวจสอบว่า Windows Defender ไม่อยู่ในโหมด Passive และพิจารณาการใช้แอนติไวรัสอื่น เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น

    ✅ ก่อนถูกแบน Kaspersky มีส่วนแบ่งตลาดแอนติไวรัสในสหรัฐฯ สูงถึง 35%
    - หลังจากถูกแบน Kaspersky ส่งมอบลูกค้าให้ Pango Group ซึ่งติดตั้ง UltraAV เป็นบริการทดแทน
    - อย่างไรก็ตาม UltraAV ยังไม่มีคะแนนรีวิวจากห้องปฏิบัติการทดสอบแอนติไวรัสชั้นนำ และผู้ใช้หลายรายรายงานว่า ซอฟต์แวร์ทำงานไม่ดีเท่ากับ Kaspersky

    ✅ ผู้ใช้ Kaspersky ที่ยังคงใช้ซอฟต์แวร์เดิมอาจเสี่ยงต่อภัยคุกคาม
    - การแบนทำให้ Kaspersky ไม่สามารถออกแพตช์ความปลอดภัยใหม่ได้ หมายความว่าผู้ใช้ที่ยังคงติดตั้งซอฟต์แวร์นี้ ไม่ได้รับการป้องกันจากมัลแวร์และช่องโหว่ใหม่ ๆ

    ✅ Windows Defender อาจยังอยู่ในโหมด Passive หากเคยติดตั้ง Kaspersky
    - ผู้ใช้ที่มี Windows ควรตรวจสอบว่า Windows Defender Antivirus ไม่ได้อยู่ในโหมด Passive เนื่องจากเมื่อ Kaspersky ถูกติดตั้ง Windows Defender จะลดระดับการทำงานลง

    ✅ แนวทางในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคาม
    - ตรวจสอบว่า ระบบป้องกันไวรัสของอุปกรณ์เปิดใช้งานและเป็นรุ่นล่าสุด
    - พิจารณาการใช้แอนติไวรัสที่มีฟีเจอร์เสริม เช่น VPN, การป้องกันฟิชชิ่ง และระบบจัดการรหัสผ่าน
    - ควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ และใช้ ตัวช่วยสร้างรหัสผ่านแบบสุ่ม

    https://www.techradar.com/pro/security/why-you-should-replace-your-kaspersky-antivirus
    สหรัฐฯ แบน Kaspersky ตั้งแต่กรกฎาคม 2024 เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลรัสเซียอาจบังคับให้บริษัทให้ข้อมูลหรือควบคุมระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้ ส่งผลให้ Kaspersky ไม่สามารถออกอัปเดตใหม่ได้ ทำให้ผู้ใช้ที่ยังติดตั้งโปรแกรมเสี่ยงต่อมัลแวร์และช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ที่เคยติดตั้ง Kaspersky ควร ตรวจสอบว่า Windows Defender ไม่อยู่ในโหมด Passive และพิจารณาการใช้แอนติไวรัสอื่น เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น ✅ ก่อนถูกแบน Kaspersky มีส่วนแบ่งตลาดแอนติไวรัสในสหรัฐฯ สูงถึง 35% - หลังจากถูกแบน Kaspersky ส่งมอบลูกค้าให้ Pango Group ซึ่งติดตั้ง UltraAV เป็นบริการทดแทน - อย่างไรก็ตาม UltraAV ยังไม่มีคะแนนรีวิวจากห้องปฏิบัติการทดสอบแอนติไวรัสชั้นนำ และผู้ใช้หลายรายรายงานว่า ซอฟต์แวร์ทำงานไม่ดีเท่ากับ Kaspersky ✅ ผู้ใช้ Kaspersky ที่ยังคงใช้ซอฟต์แวร์เดิมอาจเสี่ยงต่อภัยคุกคาม - การแบนทำให้ Kaspersky ไม่สามารถออกแพตช์ความปลอดภัยใหม่ได้ หมายความว่าผู้ใช้ที่ยังคงติดตั้งซอฟต์แวร์นี้ ไม่ได้รับการป้องกันจากมัลแวร์และช่องโหว่ใหม่ ๆ ✅ Windows Defender อาจยังอยู่ในโหมด Passive หากเคยติดตั้ง Kaspersky - ผู้ใช้ที่มี Windows ควรตรวจสอบว่า Windows Defender Antivirus ไม่ได้อยู่ในโหมด Passive เนื่องจากเมื่อ Kaspersky ถูกติดตั้ง Windows Defender จะลดระดับการทำงานลง ✅ แนวทางในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคาม - ตรวจสอบว่า ระบบป้องกันไวรัสของอุปกรณ์เปิดใช้งานและเป็นรุ่นล่าสุด - พิจารณาการใช้แอนติไวรัสที่มีฟีเจอร์เสริม เช่น VPN, การป้องกันฟิชชิ่ง และระบบจัดการรหัสผ่าน - ควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ และใช้ ตัวช่วยสร้างรหัสผ่านแบบสุ่ม https://www.techradar.com/pro/security/why-you-should-replace-your-kaspersky-antivirus
    WWW.TECHRADAR.COM
    Why you should replace your Kaspersky antivirus
    Should I keep my Kaspersky antivirus in 2025?
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • Windows Defender Antivirus บน Windows 11 ทำงานได้ดีในการป้องกันมัลแวร์ แต่มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี VPN และฟีเจอร์เสริมที่บริการแอนติไวรัสอื่นมี แม้ในการทดสอบล่าสุดจะตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% แต่ด้วย ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นจาก AI และแรนซัมแวร์ การเลือกใช้โปรแกรมแอนติไวรัสเพิ่มเติม อาจให้การปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ Windows Defender สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนติไวรัสอื่นได้ในโหมด Passive เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย

    ✅ Windows 10 จะหมดอายุในปี 2025—การอัปเกรดเป็น Windows 11 จำเป็นเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัย
    - เมื่อ Windows 10 หยุดอัปเดตในเดือนตุลาคม 2025 ระบบจะไม่มีแพตช์รักษาความปลอดภัยใหม่
    - การอัปเกรดเป็น Windows 11 ช่วยให้ได้รับการปกป้องจากช่องโหว่ล่าสุด

    ✅ Windows Defender Antivirus ทำงานได้ดี แต่มีข้อจำกัด
    - ในการทดสอบล่าสุดโดย AV-TEST Windows Defender ตรวจจับมัลแวร์ได้ 100%
    - อย่างไรก็ตาม มันเป็นโซลูชันพื้นฐานที่ไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น VPN หรือระบบควบคุมการใช้งานสำหรับผู้ปกครอง

    ✅ ภัยคุกคามที่มากขึ้นในปี 2025—AI ช่วยให้แฮกเกอร์สร้างมัลแวร์ที่แนบเนียนขึ้น
    - รายงานจาก Malwarebytes ระบุว่า การโจมตีแบบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 13% และแนวโน้มยังคงสูงขึ้น
    - แฮกเกอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงและยากต่อการตรวจจับ

    ✅ การใช้แอนติไวรัสจากบริษัทอื่นอาจให้ความปลอดภัยที่ครอบคลุมกว่า
    - บริการแอนติไวรัสระดับพรีเมียม มักมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ เช่น Password Manager, VPN และการป้องกันฟิชชิ่งขั้นสูง
    - ผู้ใช้สามารถ ติดตั้งแอนติไวรัสฟรี และใช้ร่วมกับ Windows Defender ได้ในโหมด Passive

    https://www.techradar.com/pro/security/do-i-really-need-antivirus-for-windows-11
    Windows Defender Antivirus บน Windows 11 ทำงานได้ดีในการป้องกันมัลแวร์ แต่มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี VPN และฟีเจอร์เสริมที่บริการแอนติไวรัสอื่นมี แม้ในการทดสอบล่าสุดจะตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% แต่ด้วย ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นจาก AI และแรนซัมแวร์ การเลือกใช้โปรแกรมแอนติไวรัสเพิ่มเติม อาจให้การปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ Windows Defender สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนติไวรัสอื่นได้ในโหมด Passive เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย ✅ Windows 10 จะหมดอายุในปี 2025—การอัปเกรดเป็น Windows 11 จำเป็นเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัย - เมื่อ Windows 10 หยุดอัปเดตในเดือนตุลาคม 2025 ระบบจะไม่มีแพตช์รักษาความปลอดภัยใหม่ - การอัปเกรดเป็น Windows 11 ช่วยให้ได้รับการปกป้องจากช่องโหว่ล่าสุด ✅ Windows Defender Antivirus ทำงานได้ดี แต่มีข้อจำกัด - ในการทดสอบล่าสุดโดย AV-TEST Windows Defender ตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% - อย่างไรก็ตาม มันเป็นโซลูชันพื้นฐานที่ไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น VPN หรือระบบควบคุมการใช้งานสำหรับผู้ปกครอง ✅ ภัยคุกคามที่มากขึ้นในปี 2025—AI ช่วยให้แฮกเกอร์สร้างมัลแวร์ที่แนบเนียนขึ้น - รายงานจาก Malwarebytes ระบุว่า การโจมตีแบบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 13% และแนวโน้มยังคงสูงขึ้น - แฮกเกอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงและยากต่อการตรวจจับ ✅ การใช้แอนติไวรัสจากบริษัทอื่นอาจให้ความปลอดภัยที่ครอบคลุมกว่า - บริการแอนติไวรัสระดับพรีเมียม มักมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ เช่น Password Manager, VPN และการป้องกันฟิชชิ่งขั้นสูง - ผู้ใช้สามารถ ติดตั้งแอนติไวรัสฟรี และใช้ร่วมกับ Windows Defender ได้ในโหมด Passive https://www.techradar.com/pro/security/do-i-really-need-antivirus-for-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Do I really need antivirus for Windows 11?
    Keep your device secured against malware and intricate attack vectors
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
More Results