• เสบียงของทหารจีนโบราณ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ?

    วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ

    ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง)

    ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว

    วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ

    โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ

    แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร?

    จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น

    ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้

    ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent
    http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html
    https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html
    http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html
    https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html
    https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003
    https://www.sohu.com/a/239218972_155326
    http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773
    https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/
    https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html
    https://www.sohu.com/a/710019104_121119015
    https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/

    #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    เสบียงของทหารจีนโบราณ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ? วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง) ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร? จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้ ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003 https://www.sohu.com/a/239218972_155326 http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃 https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773 https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/ https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html https://www.sohu.com/a/710019104_121119015 https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/ #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกต้นหอมน้อยที่เหลือไร้การดูแล นำไปต่อยอดที่รังสิต เผื่อหลานชอบจักได้มีอาชีพวันข้างหน้า
    เลือกต้นหอมน้อยที่เหลือไร้การดูแล นำไปต่อยอดที่รังสิต เผื่อหลานชอบจักได้มีอาชีพวันข้างหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ

    คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว
    เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus

    เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ

    วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย
    1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล
    2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา
    3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้

    นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน

    อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย 1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล 2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา 3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้ นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผัดถั่วงอก

    1. แช่โปรตีนเกษตร บุบกระเทียมซอยหยาบๆ หั่นต้นหอมเป็นท่อนยาว หั่นเต้าหู้เป็นลูกเต๋าใหญ่ ล้างถั่วงอกพักไว้

    2. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมัน ผัดโปรตีนเกษตร(สับ)กับกระเทียมจนสุก

    3. ใส่เต้าหู้ตามลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ผัดทุกอย่างให้เข้ากันดี
    ใส่ถั่วงอกกับต้นหอมตามลงไป ใช้ไฟแรงผัดจนผักนิ่ม ตักใส่จาน.
    ผัดถั่วงอก 1. แช่โปรตีนเกษตร บุบกระเทียมซอยหยาบๆ หั่นต้นหอมเป็นท่อนยาว หั่นเต้าหู้เป็นลูกเต๋าใหญ่ ล้างถั่วงอกพักไว้ 2. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมัน ผัดโปรตีนเกษตร(สับ)กับกระเทียมจนสุก 3. ใส่เต้าหู้ตามลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ผัดทุกอย่างให้เข้ากันดี ใส่ถั่วงอกกับต้นหอมตามลงไป ใช้ไฟแรงผัดจนผักนิ่ม ตักใส่จาน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นพิธีกรชื่อดังที่งานแน่นเบอร์ต้นๆ ก็ว่าได้ แต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา “ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์” ยอมรับว่ามีผลกระทบจนต้องลดค่าตัวลง พร้อมเผยถึงเรื่องราวตอนเข้าวงการใหม่ๆ เป็นคนหยิ่ง จนมีคนในวงการเตือน เสียใจเคยทรยศแฟนคลับตัวเอง และอีกหลายเรื่องราวที่เจ้าตัวเปิดใจผ่านรายการ “ขมคอ Story Podcast” ทางช่อง YouTube

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000117517

    #MGROnline #ต้นหอม
    เป็นพิธีกรชื่อดังที่งานแน่นเบอร์ต้นๆ ก็ว่าได้ แต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา “ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์” ยอมรับว่ามีผลกระทบจนต้องลดค่าตัวลง พร้อมเผยถึงเรื่องราวตอนเข้าวงการใหม่ๆ เป็นคนหยิ่ง จนมีคนในวงการเตือน เสียใจเคยทรยศแฟนคลับตัวเอง และอีกหลายเรื่องราวที่เจ้าตัวเปิดใจผ่านรายการ “ขมคอ Story Podcast” ทางช่อง YouTube • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000117517 • #MGROnline #ต้นหอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2เดือนหญ้าสูงร่วมเมตร ต้นหอมเคยอวบใหญ่กลายเท่าก้านไม้ขีด
    2เดือนหญ้าสูงร่วมเมตร ต้นหอมเคยอวบใหญ่กลายเท่าก้านไม้ขีด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไข่เจียว(มังสวิรัติ) สูตร 2 ..ไข่เจียวผัก

    สูตรนี้.. ไม่ได้ใช้ไข่ไก่ แต่..ใช้ ไข่สำเร็จรูปบรรจุขวด JUST Egg เป็นไข่เหลว ที่ เป็นนวัตกรรมใหม่ผลิตจากโปรตีนถั่วเขียว มีจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต(ชั้นนำ)ในเมืองไทยแล้ว
    .........................................................................

    1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันมะพร้าว(สกัดเย็น) ใช้ไฟปานกลาง ผัดบร๊อคโคลี่(สับ) และ ผักโขม ให้นิ่ม ปรุงรสด้วยซ๊อสปรุงรสเห็ดหอม พริกไทย ตามชอบ พักไว้
    2. ชามผสม ริน Just Egg +ซ๊อสปรุงรสเห็ดหอม ตีให้เข้ากัน
    3. ใส่น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชาในกระทะ จากนั้นเทส่วนผสม "ไข่" ลงไป เอียงและรินกระทะ เพื่อให้ไข่กระจายเป็นวงกลมเท่าๆ กัน
    4. ปิดกระทะและปล่อยให้สุกประมาณ 2-3 นาที จนเกือบสุกและไม่มีของเหลวอยู่ด้านบนอีกต่อไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระทะไม่ร้อนเกินไป มิฉะนั้นจะไม่สุกดีและก้นกระทะจะไหม้ หากใช้เวลานานกว่านี้เล็กน้อยก็ไม่เป็นไร
    5. ใส่ผักผัด ลงไปด้านหนึ่งของไข่เจียว พับด้านหนึ่งทับเพื่อคลุมไส้ ปิดฝาแล้วปล่อยให้สุกอีกสองสามนาที

    เสิร์ฟทันที..พร้อมเหยาะ ซอสพริกศรีราชา พริกไทยดำ โรยด้วย ต้นหอมซอย และ อะโวคาโด 2-3 ชิ้น
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    September27, 2024
    San Francisco, CA94108
    ไข่เจียว(มังสวิรัติ) สูตร 2 ..ไข่เจียวผัก สูตรนี้.. ไม่ได้ใช้ไข่ไก่ แต่..ใช้ ไข่สำเร็จรูปบรรจุขวด JUST Egg เป็นไข่เหลว ที่ เป็นนวัตกรรมใหม่ผลิตจากโปรตีนถั่วเขียว มีจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต(ชั้นนำ)ในเมืองไทยแล้ว ......................................................................... 1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันมะพร้าว(สกัดเย็น) ใช้ไฟปานกลาง ผัดบร๊อคโคลี่(สับ) และ ผักโขม ให้นิ่ม ปรุงรสด้วยซ๊อสปรุงรสเห็ดหอม พริกไทย ตามชอบ พักไว้ 2. ชามผสม ริน Just Egg +ซ๊อสปรุงรสเห็ดหอม ตีให้เข้ากัน 3. ใส่น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชาในกระทะ จากนั้นเทส่วนผสม "ไข่" ลงไป เอียงและรินกระทะ เพื่อให้ไข่กระจายเป็นวงกลมเท่าๆ กัน 4. ปิดกระทะและปล่อยให้สุกประมาณ 2-3 นาที จนเกือบสุกและไม่มีของเหลวอยู่ด้านบนอีกต่อไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระทะไม่ร้อนเกินไป มิฉะนั้นจะไม่สุกดีและก้นกระทะจะไหม้ หากใช้เวลานานกว่านี้เล็กน้อยก็ไม่เป็นไร 5. ใส่ผักผัด ลงไปด้านหนึ่งของไข่เจียว พับด้านหนึ่งทับเพื่อคลุมไส้ ปิดฝาแล้วปล่อยให้สุกอีกสองสามนาที เสิร์ฟทันที..พร้อมเหยาะ ซอสพริกศรีราชา พริกไทยดำ โรยด้วย ต้นหอมซอย และ อะโวคาโด 2-3 ชิ้น . . พัชรี ว่องไววิทย์ September27, 2024 San Francisco, CA94108
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาสต้า-พริกเสฉวน (มังสวิรัติ)

    เมนูฟิวชั่น บน เส้นทางสายไหม แซ่บ..อร่อยมาก ทำได้ง่ายๆ

    ส่วนประกอบ
    #เส้นพาสต้าอิตาเลี่ยน 8 ออนซ์ ยี่ห้อ Barilla หรือ De Cecco #น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ #คึนฉ่าย 2 ต้น (สับละเอียด) #เห็ดกระดุมขาว 9 ออนซ์ (สับละเอียด) #ผักโขม 1 กำมือ #ต้นหอม (สับละเอียด) #น้ำมันพริกเสฉวน 1 ช้อนโต๊ะ #กระเทียม กลีบเล็ก 2 กลีบ (สับ) #ขิง 1 ช้อนโต๊ะ (สับละเอียด) #น้ำส้มสายชูข้าว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำมันพริก 2 ช้อนโต๊ะ #ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ #เนยถั่ว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำตาลมะพร้าว 2 1/2 ช้อนชา #เกลือ Himalayan Rock Salt สีชมพู 1 หยิบมือ

    วิธีทำ
    พาสต้า ยี่ห้อนี้ทำด้วยส่วนผสม Non GMOs อุดมด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบี ดัชนีน้ำตาลต่ำทำให้อิ่มนานขึ้น
    ลวกในน้ำเดือด 8-9 นาที สะเด็ดน้ำ น๊อคด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำอีกครั้งแล้วพักไว้จะได้เส้นลักษณะ Al Dente

    ผัด เห็ด และ คึนฉ่าย ในกระทะบนไฟกลาง ประมาณ 8-10 นาที จนเห็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ปรุงรส แล้วพักไว้

    นำส่วนผสมซ๊อส ลงปั่นและผสมจนเนียน จะได้ซ๊อสพริกเสฉวนลงในเส้นแล้วคลุกเคล้าจนเส้นพาสต้า เคลือบซ๊อสอย่างสม่ำเสมอ ปรุงรส

    ใส่เห็ดรวม ผักโขม และต้นหอมลงในเส้นพาสต้า คลุกให้เข้ากัน พร้อมเสริฟ
    พาสต้า-พริกเสฉวน (มังสวิรัติ) เมนูฟิวชั่น บน เส้นทางสายไหม แซ่บ..อร่อยมาก ทำได้ง่ายๆ ส่วนประกอบ #เส้นพาสต้าอิตาเลี่ยน 8 ออนซ์ ยี่ห้อ Barilla หรือ De Cecco #น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ #คึนฉ่าย 2 ต้น (สับละเอียด) #เห็ดกระดุมขาว 9 ออนซ์ (สับละเอียด) #ผักโขม 1 กำมือ #ต้นหอม (สับละเอียด) #น้ำมันพริกเสฉวน 1 ช้อนโต๊ะ #กระเทียม กลีบเล็ก 2 กลีบ (สับ) #ขิง 1 ช้อนโต๊ะ (สับละเอียด) #น้ำส้มสายชูข้าว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำมันพริก 2 ช้อนโต๊ะ #ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ #เนยถั่ว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำตาลมะพร้าว 2 1/2 ช้อนชา #เกลือ Himalayan Rock Salt สีชมพู 1 หยิบมือ วิธีทำ พาสต้า ยี่ห้อนี้ทำด้วยส่วนผสม Non GMOs อุดมด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบี ดัชนีน้ำตาลต่ำทำให้อิ่มนานขึ้น ลวกในน้ำเดือด 8-9 นาที สะเด็ดน้ำ น๊อคด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำอีกครั้งแล้วพักไว้จะได้เส้นลักษณะ Al Dente ผัด เห็ด และ คึนฉ่าย ในกระทะบนไฟกลาง ประมาณ 8-10 นาที จนเห็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ปรุงรส แล้วพักไว้ นำส่วนผสมซ๊อส ลงปั่นและผสมจนเนียน จะได้ซ๊อสพริกเสฉวนลงในเส้นแล้วคลุกเคล้าจนเส้นพาสต้า เคลือบซ๊อสอย่างสม่ำเสมอ ปรุงรส ใส่เห็ดรวม ผักโขม และต้นหอมลงในเส้นพาสต้า คลุกให้เข้ากัน พร้อมเสริฟ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปเที่ยวงานที่สวนสันติชัยปราการ เราไม่พลาดแวะทานอาหารที่ร้านโปรดของครอบครัว #โคโค่เจ้าพระยา อิ่มอร่อย คุณภาพดี ถูกปากเราจริงๆ #แซลมอนย่าง #ต้นหอมญี่ปุ่นย่าง #ซี้อิ้วญี่ปุ่น #น้ำเสาวรสน้ำผึ้งแบบหวานน้อย #อาหารหลักร้อยวิวหลักล้าน
    ไปเที่ยวงานที่สวนสันติชัยปราการ เราไม่พลาดแวะทานอาหารที่ร้านโปรดของครอบครัว #โคโค่เจ้าพระยา อิ่มอร่อย คุณภาพดี ถูกปากเราจริงๆ #แซลมอนย่าง #ต้นหอมญี่ปุ่นย่าง #ซี้อิ้วญี่ปุ่น #น้ำเสาวรสน้ำผึ้งแบบหวานน้อย #อาหารหลักร้อยวิวหลักล้าน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว