• ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144

    #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144 • #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ
    .
    วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
    .
    ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล
    .
    มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี
    .
    สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ . วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น . ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล . มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี . สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 1 รีวิว
  • รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะ หอบสำนวนส่งอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้อง "หมอบุญกับพวก" ฐานฉ้อโกงประชาชน 605 ราย เสียหายกว่า 14,200 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008605

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะ หอบสำนวนส่งอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้อง "หมอบุญกับพวก" ฐานฉ้อโกงประชาชน 605 ราย เสียหายกว่า 14,200 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008605 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาเพิ่ม บอสพอล และแจ้งพฤติการณ์เพิ่มเติม สามารถ-แม่ กรณีสมคบและร่วมกันฟอกเงิน จากการโอนและรับเงินโดยใช้บัญชีแม่ อีกด้าน ปปง.มีมติให้ยื่นคำร้องยึดทรัพย์ดิไอคอนฯ 286 ล้าน แต่เพิกถอนอายัด 29 ล้าน ระบุไม่ใช่ทรัพย์สินเอี่ยวกระทำความผิด
    .
    วันนี้ (23 ม.ค.) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัตน์วรกุล หรือบอสพอล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแจ้งพฤติการณ์เพิ่มเติมกับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดานายสามารถ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 ตามที่ได้รับมอบหมายจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
    .
    สืบเนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์โอนเงิน และรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ โดยพบเส้นทางการเงินระหว่างนายวรัตน์พล กับนายสามารถ โดยใช้บัญชีของนางวิลาวัลย์ และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย ในการรับโอนเงิน ซึ่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2567 นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับ และสามารถจับกุมตัวนายสามารถ และนางวิลาวัลย์ดังกล่าว
    .
    ด้านนายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ ในช่วงเดือน ธ.ค. 2567 ถึง ม.ค. 2568 มีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ในรายคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ กับพวก ตามคำสั่งที่ ย.214/2567, ย. 222/2567, ย.223/2567, ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวม 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007346
    ...........
    Sondhi X
    กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาเพิ่ม บอสพอล และแจ้งพฤติการณ์เพิ่มเติม สามารถ-แม่ กรณีสมคบและร่วมกันฟอกเงิน จากการโอนและรับเงินโดยใช้บัญชีแม่ อีกด้าน ปปง.มีมติให้ยื่นคำร้องยึดทรัพย์ดิไอคอนฯ 286 ล้าน แต่เพิกถอนอายัด 29 ล้าน ระบุไม่ใช่ทรัพย์สินเอี่ยวกระทำความผิด . วันนี้ (23 ม.ค.) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัตน์วรกุล หรือบอสพอล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแจ้งพฤติการณ์เพิ่มเติมกับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดานายสามารถ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 ตามที่ได้รับมอบหมายจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ . สืบเนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์โอนเงิน และรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ โดยพบเส้นทางการเงินระหว่างนายวรัตน์พล กับนายสามารถ โดยใช้บัญชีของนางวิลาวัลย์ และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย ในการรับโอนเงิน ซึ่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2567 นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับ และสามารถจับกุมตัวนายสามารถ และนางวิลาวัลย์ดังกล่าว . ด้านนายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ ในช่วงเดือน ธ.ค. 2567 ถึง ม.ค. 2568 มีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ในรายคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ กับพวก ตามคำสั่งที่ ย.214/2567, ย. 222/2567, ย.223/2567, ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวม 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007346 ........... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1638 มุมมอง 0 รีวิว
  • อสส.ส่งผู้ร้ายข้ามเเดน "เหยียน เทียนสี่"เจ้าพ่อสินเชื่อออนไลน์ ฉ้อโกงประชาชน กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน หลังศาลออกหมายจับ ตำรวจจับกุมได้ทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006007

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อสส.ส่งผู้ร้ายข้ามเเดน "เหยียน เทียนสี่"เจ้าพ่อสินเชื่อออนไลน์ ฉ้อโกงประชาชน กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน หลังศาลออกหมายจับ ตำรวจจับกุมได้ทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006007 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พุดเดิ้ล ยุพดี” เพื่อนสนิท “แอนนา ทีวีพูล” ยันที่ผ่านมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง ถูกเรียกสอบ 3 ครั้ง ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี น้อยใจถูกสังคมโจมตีจนเก็บตัว เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนไลน์ ลั่นแอนนาดีใจจะมีการรื้อคดีการตายของ “แตงโม” พร้อมโต้แตงโมตาย วิ่งหาแสง แอนนา ติดคุก ทิ้งเพื่อน

    เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการให้กับ “แอนนา ทีวีพูล” วรินทร วัตรสังข์ สำหรับ “พุดเดิ้ล ยุพดี” ก่อนที่แอนนาจะเดินเข้าเรือนจำเอง ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาข่าวคราวของพุดเดิ้ล ยุพดี ก็หายเงียบไปด้วย ล่าสุดผู้สื่อข่าวเจอเจ้าตัวในงานประกวด มิสแกรนด์เลย 2025 พุดเดิ้ลก็ได้เผยชีวิตในช่วงนี้ให้ฟังว่า

    “ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นเราได้ออกงาน จะพูดยังไงดี คือเราสนิทกับแอนนามาก มีพุดเดิ้ลก็ต้องมีแอนนา ตอนนี้พี่แอนนาอยู่ในเรือนจำ หลายคนก็มองว่าพุดเดิ้ลจะไปยังไงต่อดี บางคนก็มองว่า เรามีส่วนรู้เห็นไหมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตอนนี้มันอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย พุดเดิ้ลเป็นผู้จัดการแอนนา เป็นเพื่อน เป็นคนสนิท เรื่องบางเรื่อง พุดเดิ้ลไม่เคยรับรู้ และก็ไม่ได้รับทราบ กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น พุดเดิ้ลทราบในเรื่องของพุดเดิ้ลเอง สังคมก็โจมตีว่าเราต้องมีส่วนรู้เห็นแน่นอน ต้องทำเป็นกระบวนการ ซึ่งสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตำรวจได้เรียกพุดเดิ้ล ไปสอบสวนว่ารายละเอียดเป็นยังไง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000004148

    #MGROnline #พุดเดิ้ล #แอนนาทีวีพูล
    “พุดเดิ้ล ยุพดี” เพื่อนสนิท “แอนนา ทีวีพูล” ยันที่ผ่านมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง ถูกเรียกสอบ 3 ครั้ง ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี น้อยใจถูกสังคมโจมตีจนเก็บตัว เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนไลน์ ลั่นแอนนาดีใจจะมีการรื้อคดีการตายของ “แตงโม” พร้อมโต้แตงโมตาย วิ่งหาแสง แอนนา ติดคุก ทิ้งเพื่อน • เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการให้กับ “แอนนา ทีวีพูล” วรินทร วัตรสังข์ สำหรับ “พุดเดิ้ล ยุพดี” ก่อนที่แอนนาจะเดินเข้าเรือนจำเอง ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาข่าวคราวของพุดเดิ้ล ยุพดี ก็หายเงียบไปด้วย ล่าสุดผู้สื่อข่าวเจอเจ้าตัวในงานประกวด มิสแกรนด์เลย 2025 พุดเดิ้ลก็ได้เผยชีวิตในช่วงนี้ให้ฟังว่า • “ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นเราได้ออกงาน จะพูดยังไงดี คือเราสนิทกับแอนนามาก มีพุดเดิ้ลก็ต้องมีแอนนา ตอนนี้พี่แอนนาอยู่ในเรือนจำ หลายคนก็มองว่าพุดเดิ้ลจะไปยังไงต่อดี บางคนก็มองว่า เรามีส่วนรู้เห็นไหมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตอนนี้มันอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย พุดเดิ้ลเป็นผู้จัดการแอนนา เป็นเพื่อน เป็นคนสนิท เรื่องบางเรื่อง พุดเดิ้ลไม่เคยรับรู้ และก็ไม่ได้รับทราบ กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น พุดเดิ้ลทราบในเรื่องของพุดเดิ้ลเอง สังคมก็โจมตีว่าเราต้องมีส่วนรู้เห็นแน่นอน ต้องทำเป็นกระบวนการ ซึ่งสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตำรวจได้เรียกพุดเดิ้ล ไปสอบสวนว่ารายละเอียดเป็นยังไง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000004148 • #MGROnline #พุดเดิ้ล #แอนนาทีวีพูล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องประกัน ’บอสวิน‘ จำเลยที่ 10 คดี"ดิไอคอน"ฉ้อโกงประชาชน 15 ม.ค.นี้ พร้อมเบิกเเพทย์พิสูจน์อาการป่วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002640

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องประกัน ’บอสวิน‘ จำเลยที่ 10 คดี"ดิไอคอน"ฉ้อโกงประชาชน 15 ม.ค.นี้ พร้อมเบิกเเพทย์พิสูจน์อาการป่วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002640 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1709 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิน พีชญา ออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง หลังอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน เปิดเผยที่ผ่านมาบริสุทธิ์ใจ และวันนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอีกครั้ง
    .
    วันนี้ (8 ม.ค.) นางสาวพีชญา วัฒนามนตรี หรือ มิน พร้อมครอบครัวและทนายความ เดินทางออกจากทัณฑสถานหญิงกลางหลัง พนักงานสอบสวน คณะทำงานอัยการ ได้พิจารณา เห็นแย้งพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ สั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอนกรุ๊ป ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน และความผิด ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ แชร์ลูกโซ่ และอีกหลายข้อหาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการเอาผิด
    .
    นางสาวพีชญา เปิดเผยว่า ตัวเองยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจและวันนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอีกครั้ง
    .
    ส่วนขั้นตอนทางกฎหมาย อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเห็นพ้องหรือแย้งกับคำสั่งดังกล่าวอย่างไรนั้นขอยังไม่ตอบคำถาม ขณะนี้ขอกลับไปอยู่กับครอบครัวก่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002265
    .........
    Sondhi X
    มิน พีชญา ออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง หลังอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน เปิดเผยที่ผ่านมาบริสุทธิ์ใจ และวันนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอีกครั้ง . วันนี้ (8 ม.ค.) นางสาวพีชญา วัฒนามนตรี หรือ มิน พร้อมครอบครัวและทนายความ เดินทางออกจากทัณฑสถานหญิงกลางหลัง พนักงานสอบสวน คณะทำงานอัยการ ได้พิจารณา เห็นแย้งพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ สั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอนกรุ๊ป ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน และความผิด ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ แชร์ลูกโซ่ และอีกหลายข้อหาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการเอาผิด . นางสาวพีชญา เปิดเผยว่า ตัวเองยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจและวันนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอีกครั้ง . ส่วนขั้นตอนทางกฎหมาย อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเห็นพ้องหรือแย้งกับคำสั่งดังกล่าวอย่างไรนั้นขอยังไม่ตอบคำถาม ขณะนี้ขอกลับไปอยู่กับครอบครัวก่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002265 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1228 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกอัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้อง ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก 17 ราย แต่สั่งไม่ฟ้อง แซม ยุรนันท์ - มีน พีชญา ดาราสาว เหตุพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ส่งอธ.ดีเอสไอเห็นแย้งหรือไม่
    .
    วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีระหว่าง นายณัฏฐ์ ธนาพิพัฒน์ดลภัค กับพวก ผู้กล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์รกุล ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการใน ลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ใน ท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 649,912,290 บาท นั้น
    .
    เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วมีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้
    .
    1. สั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1,นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ 2, นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบอสแล็ป ผู้ต้องหาที่ 3,นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ผู้ต้องหาที่ 5,นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ผูตองหาที่ 6, น.สนัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ผู้ต้องหาที่ 7,น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ผู้ตองหาที่ 8, นายนันทธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ผู้ต้องหาที่ 9,นายธวิณทรภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ผูตองหาที่ 10, น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ผู้ต้องหาที่ 11,น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี ผู้ต้องหาที่ 12, นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 13,นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อบ ผู้ต้องหาที่ 14, นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ผู้ต้องหาที่ 15,นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ผู้ต้องหาที่ 16 และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ผู้ต้องหาที่ 19ตามข้อกล่าวหา
    .
    ฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็ง โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบ ธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54, พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2)
    พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของ ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ตามความเห็นพนักงานสอบสวน
    .
    2. สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมีน ผู้ต้องหาที่ 18 ตามข้อกล่าวหา ฐาน "ร่วมกันน้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยผ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54,พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติแก่ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก่ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการ กูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 แย้งความเห็นพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 ต่อศาลอาญาใน วันนี้
    .
    ส่วนผู้ต้องหาที่ 17 และ 18 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาและจะดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002167
    .........
    Sondhi X
    โฆษกอัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้อง ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก 17 ราย แต่สั่งไม่ฟ้อง แซม ยุรนันท์ - มีน พีชญา ดาราสาว เหตุพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ส่งอธ.ดีเอสไอเห็นแย้งหรือไม่ . วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีระหว่าง นายณัฏฐ์ ธนาพิพัฒน์ดลภัค กับพวก ผู้กล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์รกุล ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการใน ลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ใน ท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 649,912,290 บาท นั้น . เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วมีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้ . 1. สั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1,นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ 2, นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบอสแล็ป ผู้ต้องหาที่ 3,นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ผู้ต้องหาที่ 5,นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ผูตองหาที่ 6, น.สนัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ผู้ต้องหาที่ 7,น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ผู้ตองหาที่ 8, นายนันทธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ผู้ต้องหาที่ 9,นายธวิณทรภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ผูตองหาที่ 10, น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ผู้ต้องหาที่ 11,น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี ผู้ต้องหาที่ 12, นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 13,นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อบ ผู้ต้องหาที่ 14, นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ผู้ต้องหาที่ 15,นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ผู้ต้องหาที่ 16 และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ผู้ต้องหาที่ 19ตามข้อกล่าวหา . ฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็ง โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบ ธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54, พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของ ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ตามความเห็นพนักงานสอบสวน . 2. สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมีน ผู้ต้องหาที่ 18 ตามข้อกล่าวหา ฐาน "ร่วมกันน้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยผ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54,พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติแก่ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก่ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการ กูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 แย้งความเห็นพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 ต่อศาลอาญาใน วันนี้ . ส่วนผู้ต้องหาที่ 17 และ 18 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาและจะดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002167 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1267 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกดีเอสไอ เผยคดี "ดิไอคอน" มีความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่ เป็นอาญาแผ่นดิน พยานขอถอนแจ้งความไม่มีผลต่อรูปคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000745

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกดีเอสไอ เผยคดี "ดิไอคอน" มีความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่ เป็นอาญาแผ่นดิน พยานขอถอนแจ้งความไม่มีผลต่อรูปคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000745 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1495 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000665

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000665 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1529 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด

    น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท • ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด • น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสืบนครบาลจับสาวหลอกขายกระเป๋าหรู หลังผู้เสียโอนเงินแล้ว ได้รับของส่งมาเป็นนมกล่อง สารภาพอ้างถูกคนอื่นเอาบัญชีธนาคารไปใช้

    วันนี้ (1 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ขวัญฤดี อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.316/2558 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จับกุมได้หน้าหอพัก ภายในซอยร่วมใจ 5 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร

    โดยพฤติการณ์แห่งคดีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับ น.ส. ขวัญฤดี ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ เนื่องจากวันที่ 2 ก.พ.58 ผู้แจ้งได้โอนเงินทาง ผ่านแอปฯ โทรศัพท์มือถือไปบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 29,000 บาท เพื่อสั่งกระเป๋าหลุยส์ รุ่นสปีดี้ ต่อมาได้มีการส่งของทางไปรษณีย์ เมื่อผู้แจ้งรับของปรากฎว่า เป็นนมสดจำนวน 4 กล่อง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ผู้แจ้งจึงแน่ใจว่า ถูก น.ส. ขวัญฤดี โกง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรับคำร้องทุกข์ไว้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9680000000075

    #MGROnline #หลอกขายกระเป๋าหรู
    ตำรวจสืบนครบาลจับสาวหลอกขายกระเป๋าหรู หลังผู้เสียโอนเงินแล้ว ได้รับของส่งมาเป็นนมกล่อง สารภาพอ้างถูกคนอื่นเอาบัญชีธนาคารไปใช้ • วันนี้ (1 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ขวัญฤดี อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.316/2558 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จับกุมได้หน้าหอพัก ภายในซอยร่วมใจ 5 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร • โดยพฤติการณ์แห่งคดีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับ น.ส. ขวัญฤดี ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ เนื่องจากวันที่ 2 ก.พ.58 ผู้แจ้งได้โอนเงินทาง ผ่านแอปฯ โทรศัพท์มือถือไปบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 29,000 บาท เพื่อสั่งกระเป๋าหลุยส์ รุ่นสปีดี้ ต่อมาได้มีการส่งของทางไปรษณีย์ เมื่อผู้แจ้งรับของปรากฎว่า เป็นนมสดจำนวน 4 กล่อง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ผู้แจ้งจึงแน่ใจว่า ถูก น.ส. ขวัญฤดี โกง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรับคำร้องทุกข์ไว้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000000075 • #MGROnline #หลอกขายกระเป๋าหรู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก

    เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักอัยการคดีพิเศษ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก18 ราย ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

    โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำพยานเอกสาร 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท มาส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้วอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะประกอบด้วย นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับสำนวนคดีนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000122994

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก • เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักอัยการคดีพิเศษ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก18 ราย ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ • โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำพยานเอกสาร 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท มาส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้วอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะประกอบด้วย นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับสำนวนคดีนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000122994 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีดีเอสไอ เผยที่ประชุมมีมติแจ้ง 4 ข้อหา กลุ่มบอส "ดิไอคอน" ฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมฯ-พ.ร.บ.ขายตรง ส่งสำนวนอัยการ 23 ธ.ค.67

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122192

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อธิบดีดีเอสไอ เผยที่ประชุมมีมติแจ้ง 4 ข้อหา กลุ่มบอส "ดิไอคอน" ฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมฯ-พ.ร.บ.ขายตรง ส่งสำนวนอัยการ 23 ธ.ค.67 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122192 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 950 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้องประธานสภา เกรงคดีหมอบุญไม่ยุติธรรม 16/12/67 #อี้ แทนคุณ #หมอบุญ #คดีฉ้อโกงประชาชน
    ร้องประธานสภา เกรงคดีหมอบุญไม่ยุติธรรม 16/12/67 #อี้ แทนคุณ #หมอบุญ #คดีฉ้อโกงประชาชน
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • อี้เผยหมายจับล็อต 3 หมอบุญเตรียมบินหนีไปยุโรป 04/12/67 #อี้ แทนคุณ #หมอบุญ #ฉ้อโกงประชาชน
    อี้เผยหมายจับล็อต 3 หมอบุญเตรียมบินหนีไปยุโรป 04/12/67 #อี้ แทนคุณ #หมอบุญ #ฉ้อโกงประชาชน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท

    วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317

    #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท • วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317 • #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร. สั่งตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดี “หมอบุญ” ยืนยันมีการประสานอินเตอร์โพล ตั้งแต่ผู้ต้องหาหนีไปต่างประเทศ

    วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นพ.บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ว่า ที่ผ่านมาการดำเนินคดีของหมอบุญ เป็นความรับผิดชอบของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมหลักฐานและเส้นทางการเงินไปได้พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดให้รวบรวมคดีมาที่ศูนย์กลาง เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นมีผู้เสียหายมากกว่า 300 ราย ความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ฉะนั้นหากให้แต่ละหน่วยแยกย้ายกันทำคดีอาจไม่สะดวก และไม่ชัดเจนเท่าการมีคณะทำงานเพียงคณะเดียว แต่พนักงานสอบสวนในคณะก็คือตำรวจจากทั้ง บช.น. และ บช.ก.

    ส่วนกรณีที่หมอบุญได้มีการหลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ยืนยันว่าตำรวจของประเทศไทยได้มีการประสานงานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) มาโดยตลอด ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญา ก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ แต่หากมีการหลบหนีในประเทศที่ไม่ได้มีสนธิสัญญาก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหากับเงื่อนไขของประเทศต้นทาง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114921

    #MGROnline #หมอบุญ
    ผบ.ตร. สั่งตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดี “หมอบุญ” ยืนยันมีการประสานอินเตอร์โพล ตั้งแต่ผู้ต้องหาหนีไปต่างประเทศ • วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นพ.บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ว่า ที่ผ่านมาการดำเนินคดีของหมอบุญ เป็นความรับผิดชอบของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมหลักฐานและเส้นทางการเงินไปได้พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดให้รวบรวมคดีมาที่ศูนย์กลาง เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นมีผู้เสียหายมากกว่า 300 ราย ความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ฉะนั้นหากให้แต่ละหน่วยแยกย้ายกันทำคดีอาจไม่สะดวก และไม่ชัดเจนเท่าการมีคณะทำงานเพียงคณะเดียว แต่พนักงานสอบสวนในคณะก็คือตำรวจจากทั้ง บช.น. และ บช.ก. • ส่วนกรณีที่หมอบุญได้มีการหลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ยืนยันว่าตำรวจของประเทศไทยได้มีการประสานงานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) มาโดยตลอด ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญา ก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ แต่หากมีการหลบหนีในประเทศที่ไม่ได้มีสนธิสัญญาก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหากับเงื่อนไขของประเทศต้นทาง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114921 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (28 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณี ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท

    วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน

    ภายหลังไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว บุตรสาว และภรรยาหมอบุญ ผู้ต้องหาทั้งสอง และพนักงานสอบสวนรวม 3 ปากเสร็จแล้ว

    ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น.ศาลอาญาจึงพิเคราะห์คำร้องแล้ว จึงมีคำสั่งว่าในทางไต่สวนแม้ปรากฎว่าผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยืนว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114597

    #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยา #ลูกสาว
    ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (28 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณี ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท • วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน • ภายหลังไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว บุตรสาว และภรรยาหมอบุญ ผู้ต้องหาทั้งสอง และพนักงานสอบสวนรวม 3 ปากเสร็จแล้ว • ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น.ศาลอาญาจึงพิเคราะห์คำร้องแล้ว จึงมีคำสั่งว่าในทางไต่สวนแม้ปรากฎว่าผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยืนว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114597 • #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยา #ลูกสาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"เบิกความ แจงลายมือชื่อปลอมในสัญญาค้ำประกัน ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการหลอกลวงลงทุนหมื่นล้าน ศาลอาญานัดฟังคำสั่งไต่สวนประกัน บ่าย 3 โมงวันนี้

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท

    วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114484

    #MGROnline #หมอบุญ #ปลอม #สัญญาค้ำประกัน #หลอกลวงลงทุน #หมื่นล้าน
    ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"เบิกความ แจงลายมือชื่อปลอมในสัญญาค้ำประกัน ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการหลอกลวงลงทุนหมื่นล้าน ศาลอาญานัดฟังคำสั่งไต่สวนประกัน บ่าย 3 โมงวันนี้ • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท • วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114484 • #MGROnline #หมอบุญ #ปลอม #สัญญาค้ำประกัน #หลอกลวงลงทุน #หมื่นล้าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    บล.คิงส์ฟอร์ด-หมอบุญ..ที่แท้คนกันเอง / สุนันท์ ศรีจันทราแถลงการณ์ด่วนของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่เคยทำสัญญาใดๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทไปแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการของ "หมอบุญ วนาสิน" ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงในทันทีหลังจากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ตีแผ่ภาพนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด นั่งบนโต๊ะถ่ายรูปคู่กับหมอบุญ ในการเซ็นสัญญา หมอบุญ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นการเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟ จำกัด ซึ่งหมอบุญถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 แต่ทั้ง บล.คิงส์ฟอร์ดและหมอบุญ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่สามารถผลักดันบริษัท ไทย เมดิคัล โกลฟเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และบริษัทแห่งนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลาภาพนายประจวบ ที่ปรากฏหราร่วมโต๊ะเซ็นสัญญารับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด รู้จักหมอบุญเป็นอย่างดี รู้จักกันมาหลายปี และเคยร่วมธุรกรรมกันมาแล้วแต่ความสัมพันธ์จะต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงการกู้เงินและการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญ ซึ่งหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตำรวจจะสอบสวนขยายผลจนสิ้นสงสัยว่าผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนกับหมอบุญ สร้างความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท และยังมีความผิดฐานฟอกเงินเข้าไปด้วย มีเพียง 9 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว ไม่มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือร่วมในแก๊งโกงของหมอบุญอีกคดีแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนของบอสพอล ตำรวจสอบสวนขยายผล จนมีผู้ต้องหาที่ถูกจับคุมตัวจำนวนมาก รวมทั้งเหล่าดาราชื่อดังคดีฉ้อโกงของหมอบุญ ผู้ต้องหาอาจไม่ได้มีเพียงหมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้นไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดต้องดิ้นพล่าน ออกแถลงการณ์ด่วน ปฏิเสธไม่เคยทำสัญญาใด ไม่เคยเกี่ยวกับกับการชักชวนคนมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของหมอบุญเพราะผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้ว 8 คน มีพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ติดร่างแหไปด้วย 2 คน คือนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร ซึ่งเคยเป็นคณะผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ชุดที่นายประจวบเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ น.ส.ชญานี โปรขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการนางอัจจิมา และนายภาคย์ เข้าร่วมธุรกรรม ชักชวนให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการหมอบุญ โดยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดคนอื่นๆ ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจนางอัจจิมา และนายภาคย์ ในฐานะพนักงานระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุนในโครงการหมอบุญได้ง่ายแต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประกาศตัดตอนนางอัจจิมา และนายภาคย์แล้ว โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานทั้งสองคน จนกว่าข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏตำรวจได้สอบเค้นนางอัจจิมา และนายภาคย์ เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการหลอกต้มประชาชนของหมอบุญแล้ว และได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้อยู่ในข่ายร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพียงแต่รอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีขบวนการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ผู้ต้องหาอาจไม่จบลงที่หมอบุญ และพวกรวม 9 คนเท่านั้น แต่อาจมีหมายจับเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่า ใครบ้างที่จะเดินเข้าคุกตาม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วคดีหมอบุญ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า การสอบสวนขยายผลของตำรวจ จะนำไปสู่การออกหมายจับใครต่อใครบ้าง และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ดพ้นมลทินไปแล้วจริงหรือไม่https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114116
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน

    วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16

    คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274

    #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน • วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16 • คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274 • #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 715 มุมมอง 0 รีวิว

  • พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำตัวอดีตเมีย-ลูกสาว “หมอบุญ” คดีร่วมกันฉ้อโกงกว่า 7,500 ล้านบาท ส่งศาลอาญาฝากขัง

    วันนี้ (25 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับตัว นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี อดีตภรรยาของ นพ.บุญ หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี และ น.ส.นลิน อายุ 51 ปี ลูกสาว หลังเข้ามอบตัวในคดี ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณี นพ.บุญ อ้างว่าลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการใหญ่ มีการชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน มีผู้เสียหาย 247 ราย สูญเงินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท ที่ สน.พญาไท ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เป็นผลัดแรก โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว

    ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าเวลา 07.30 น. นายพัน คนขับรถของ นางจารุวรรณ และลูกสาว ของหมอบุญ นำอาหารและน้ำดื่ม มาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งสองคนอีกครั้ง โดยตำรวจได้แนะนำให้รีบเยี่ยมและพูดคุยกัน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที

    โดยนายพันธ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนขับรถของบ้านหมอบุญมาประมาณ 5 ปี โดยวันนี้ได้นำข้าวและน้ำที่แม่บ้านเป็นคนเตรียมมาให้ ที่ผ่านมาทั้งสามคน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ตนเจอหมอบุญครั้งสุดท้ายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และเท่าที่รู้มาตัวหมอบุญเองเดินทางออกต่างประเทศไม่บ่อย และตนเองก็ไม่ทราบเรื่องธุรกิจลงทุน เพราะหมอบุญไม่เคยบอก และไม่เคยพาไปดูโครงการต่างๆ

    หลังเป็นข่าวตนรู้สึกตกใจและเป็นห่วง แต่เชื่อว่า ภรรยากับลูกสาวของหมอบุญไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า วันนี้ภรรยาและลูกสาวของหมอบุญไม่ได้บอกให้ตนเตรียมเอกสารอะไรมาเพิ่มเติม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113117

    #MGROnline #หมอบุญ
    พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำตัวอดีตเมีย-ลูกสาว “หมอบุญ” คดีร่วมกันฉ้อโกงกว่า 7,500 ล้านบาท ส่งศาลอาญาฝากขัง • วันนี้ (25 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับตัว นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี อดีตภรรยาของ นพ.บุญ หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี และ น.ส.นลิน อายุ 51 ปี ลูกสาว หลังเข้ามอบตัวในคดี ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณี นพ.บุญ อ้างว่าลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการใหญ่ มีการชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน มีผู้เสียหาย 247 ราย สูญเงินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท ที่ สน.พญาไท ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เป็นผลัดแรก โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว • ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าเวลา 07.30 น. นายพัน คนขับรถของ นางจารุวรรณ และลูกสาว ของหมอบุญ นำอาหารและน้ำดื่ม มาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งสองคนอีกครั้ง โดยตำรวจได้แนะนำให้รีบเยี่ยมและพูดคุยกัน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที • โดยนายพันธ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนขับรถของบ้านหมอบุญมาประมาณ 5 ปี โดยวันนี้ได้นำข้าวและน้ำที่แม่บ้านเป็นคนเตรียมมาให้ ที่ผ่านมาทั้งสามคน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ตนเจอหมอบุญครั้งสุดท้ายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และเท่าที่รู้มาตัวหมอบุญเองเดินทางออกต่างประเทศไม่บ่อย และตนเองก็ไม่ทราบเรื่องธุรกิจลงทุน เพราะหมอบุญไม่เคยบอก และไม่เคยพาไปดูโครงการต่างๆ • หลังเป็นข่าวตนรู้สึกตกใจและเป็นห่วง แต่เชื่อว่า ภรรยากับลูกสาวของหมอบุญไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า วันนี้ภรรยาและลูกสาวของหมอบุญไม่ได้บอกให้ตนเตรียมเอกสารอะไรมาเพิ่มเติม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113117 • #MGROnline #หมอบุญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts