• ความจริงใจ...
    Cr.Wiwan Boonya

    ความจริงใจ... Cr.Wiwan Boonya
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • สนับสนุน #คนดี #จริงใจ #ทำดี #ทรายสก๊อต 👍🏼 #ความจริงมีหนึ่งเดียว ส่วนพวก #เห็นแก่ได้ #เห็นแก่ตัว #เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน ก็ให้ได้รับ #กรรม ของตนและพวกไป อย่างสาสม
    https://youtu.be/Q1ki_Kb8_4g
    สนับสนุน #คนดี #จริงใจ #ทำดี #ทรายสก๊อต 👍🏼 #ความจริงมีหนึ่งเดียว ส่วนพวก #เห็นแก่ได้ #เห็นแก่ตัว #เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน ก็ให้ได้รับ #กรรม ของตนและพวกไป อย่างสาสม https://youtu.be/Q1ki_Kb8_4g
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • ภาพถ่ายคู่ ความจริงใจและเป็นมิตรอยู่ตรงไหน "เอาปากกามาวง"
    ภาพถ่ายคู่ ความจริงใจและเป็นมิตรอยู่ตรงไหน "เอาปากกามาวง"
    Haha
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง!

    “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย”

    นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้

    แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี

    “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย”

    แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ!

    “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป”

    หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา

    “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ”

    ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง”

    หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล”

    การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้”

    ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว”

    ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์”

    ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ”
    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”)

    #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง! “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย” นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้ แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย” แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ! “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป” หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ” ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง” หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล” การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้” ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว” ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์” ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ” วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”) #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • “แรงดึงดูดสูง” จะไม่แสดงออกมากเกินควร คำพูดของพวกเขาฟังดูถ่อมตัวเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คนที่มีเสน่ห์มากที่สุดไม่ใช่คนที่ดูหรูหราที่สุด คนเหล่านี้มีแรงดึงดูดแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสุขุมเสมอเสน่ห์จะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อคุณซื่อสัตย์กับตัวเองและผู้อื่น เมื่อคุณยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นโดยไม่หันไปสวมบทบาทที่ไม่เหมาะกับตัวตนที่แท้จริงของคุณ

    บุคลิกที่ดูมีเสน่ห์ดึงดูดมีหลายรูปแบบและเราแต่ละคนสามารถเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดได้ตราบใดที่เราเป็นตัวของตัวเองใน ทุก ๆ สถานการณ์เช่นเดียวกับแมว

    แผ่เสน่ห์และแรงดึงดูดของคุณออกมา โดยเป็นตัวคุณที่จริงใจ สุขุม ไม่เติมแต่ง และเป็นตัวเองอย่างแท้จริง

    จากหนังสือ #HowToLiveLikeYourCat
    “แรงดึงดูดสูง” จะไม่แสดงออกมากเกินควร คำพูดของพวกเขาฟังดูถ่อมตัวเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คนที่มีเสน่ห์มากที่สุดไม่ใช่คนที่ดูหรูหราที่สุด คนเหล่านี้มีแรงดึงดูดแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสุขุมเสมอเสน่ห์จะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อคุณซื่อสัตย์กับตัวเองและผู้อื่น เมื่อคุณยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นโดยไม่หันไปสวมบทบาทที่ไม่เหมาะกับตัวตนที่แท้จริงของคุณ บุคลิกที่ดูมีเสน่ห์ดึงดูดมีหลายรูปแบบและเราแต่ละคนสามารถเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดได้ตราบใดที่เราเป็นตัวของตัวเองใน ทุก ๆ สถานการณ์เช่นเดียวกับแมว แผ่เสน่ห์และแรงดึงดูดของคุณออกมา โดยเป็นตัวคุณที่จริงใจ สุขุม ไม่เติมแต่ง และเป็นตัวเองอย่างแท้จริง จากหนังสือ #HowToLiveLikeYourCat
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 Comments 0 Shares 650 Views 0 Reviews
  • ..น่าเป็นห่วงลูกหลานเราคนไทยมาก,ถูกล้างสมอง ถูกนำพา ชี้ไปในทางที่ผิดเสียมากจากการป้อนโปรแกรมค่าเท็จสาระพัดใส่สมองและปกปิดซ่อนอำพรางการรอหักหลังและทรยศไว้.
    ..ถ้าระบบนักการเมืองที่ไม่รักประชาชนรักชาติยังมีเต็มระบบและไม่ทำลายทิ้ง มันคือภัยอันตรายชัดเจนมาก
    ..พรรคร่วมทั้งหมดคือภัยของชาติเช่นกัน ไม่สำนึกชั่วดีอะไร ไม่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์จริงใจจริงต่อประชาชนและการบริหารบ้านเมืองในทางที่ชอบธรรม เป็นไปเพื่ออธรรมอย่างไม่น่าให้อภัย,ถ้าจริงใจต้องร่วมใจกันลาออกไปจากพรรคร่วมรัฐบาล ลาออกไปทุกๆพรรคร่วม ถ้าพรรคไหนยังอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น,เป้าชัดเจนของคนทรยศประชาชนเยาวชนไทยลูกหลานอนาคตไทยจะแสดงฝ่ายชัดเจนแบบคณะกบฎ2475ที่ร่วมกับฝรั่งสูบเลือดความมั่งคั่งร่ำรวยของคนไทยเราไปทุกๆคนนั้นล่ะแบบสัมปทานบ่อน้ำมันบ่อทองคำแค่2อย่างนี้มีชัดเจนมาก.คนเหล่านี้คือคนทรยศรุ่นปัจจุบันทำร้ายทำลายชุมชนสังคมไทยที่ร่วมกันสร้างและรักษาสิ่งดีงามต่างๆนั้นให้พังพินาศลง,คนเหล่านีัต้องเด็ดขาดอย่างให้มีชีวิตมาสร้างกระแสชั่วเลวทวนกระแสดีปั่นป่วนสร้างความโกลาหลมากมายหลากหลายแนวศึกรบกับข้าศึกศัตรูแผ่นดินไทยมากมายขนาดนี้.โตครเหง้าตระกูลชั่วเลวนี้มีไว้เพื่อหนักแผ่นดินไทยทำไม อยู่ไปแม้ลูกหลานมันเองยังสั่งสอนให้เป็นคนดีงามไม่ได้,เดือนร้อนคนไทยทุกๆคนไปด้วยทั้งทางค่าใช้จ่ายแบบราคาน้ำมันแพงทั้งแผ่นดินไทยจากการใช้อำนาจตนกระทำตกลงในทางที่ชั่วเลว,มิติอื่นๆอีกมากมายเป็นต้น,เมื่อคือตัวแทนคนอำนาจทั้งชาติคือพรรคการเมืองทั้งหมดที่เข้าร่วมบริหารแผ่นดินไทย ผลกระทบนี้ส่งผลร้ายแรงในเวลาข้างหน้า แบบบ่อน้ำมัน บ่อทองคำซึ่งขุดทำเองเอาทองคำเข้าทุนสำรองประเทศฝ่ายเดียวตลอดการขุดเจาะพบเจอได้หมด ชาติมันย่อมแข็งแกร่งแน่นอน นี้อะไรเขาจะปล้นจะชิงจะยึดเอาก็ใจหมายกให้เขาไปขี้ขลาดสิ้นดี,แม้เสียอธิปไตยไปอย่างชัดเจนใครคือศัตรูของเรา ฮ่องกงของจีน จีนรู้ว่าฝรั่งคือศัตรูที่เลวของเขา,สุดท้ายเอกราชอิสระใดๆก็ต้องกอบกู้คืนได้เช่นพระเจ้าตากสินกระทำ,การปกครองเราล้มเหลวจริงๆ ธรรมดาประชาชนมิควรมาออกชุมนุนประท้วงขับไล่คนเลวชั่วต่อชาติแบบนี้,พึงสำนึกผิดว่าบริหารผิดพลาดไม่ซื่อสัตย์ก็มีจริตสำนึกสันดานดีลาออกไปให้คนดีคนเก่งมาบริหารต่อไปแทนตน,เสือกนั่งขวางคลองถ่วงความเจริญดีงามของคนทั้งชาติ,ชาติมิใช่ร้านแผงขายผักขายปลาขายขนมที่สร้างผลกระทบมากมายมหาศาลทั้งแผ่นดินไทยได้ แค่ลงนามคำสั่งที่ผิดพลาดอันเดียว มันสิ้นชาติได้เลยนะ,เสือกไม่สำนึกแห่งวิถีผู้นำ ภาวะผู้นำผู้ปกครองห่าอะไร,ชาติไทยจึงสมควรล้างแผ่นดินไทยนี้ใหม่ทั้งระบบ ,สิ่งต้องจัดการก่อนคือพวกพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหมดในสภาฯต้องพักงานชั่วคราวสัก10-20ปีทันที.และสแกนค้นหาค่าจริงดีงาม ใครคือคนทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนต่อแผ่นดินไทยสมควรกำจัดออกไป.,เช่นนั้นคนพวกนี้จะก่อความพังพินาศด้วยความอวิชาไม่หยุดสิ้นตัดตอนมิให้มีชีวิตอาจสร้างสังคมชุมชนคนไทยสงบตลอดกาล ลดประชากรคนพวกนี้จะไม่มีใครมาอยู่กล้าขาสั่นสร้างชั่วเลวในปัจจุบันได้.
    ..ต้องจบในรุ่นนี้จริงๆ มันมากเกินพอแล้ว จบที่ตัวต้นเหตุทัังหมดด้วยคือพวกต่างชาติที่แทรกแซงหมายปล้นชิงยึดครองประเทศไทยเราทรัพยากรชาติไทยเราเป็นของมันล่อเลี้ยงคนต่างชาติของเผ่ามันที่มิใช่ใช้ล่อเลี้ยงพัฒนาชาติไทยบนต้นทุนชีวิตที่ไม่ลำบาก ง่ายสะดวกสบายราคาถูกไม่แพง เห็นอกเห็นใจในคนไทยตน .,มันกลับปล้นชิงไปหมด เช่นไทยนี้ชัดเจนเรื่องบ่อน้ำมันนี้ล่ะ ไม่เช่นนั้นเราสามารถขายลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านสบายๆ ซึ่งเรามีบ่อน้ำมันมากกว่าเขา คุณภาพดีกว่าเขา ซาอุฯเองคงไม่ผีบ้าอยากสร้างคลังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยหรอก,โรงกลั่นก็มากกว่าอิหร่าน,ยิ่งไทยกับพม่าจับมือเป็นระบบปกครองธรรมาธิปไตยได้นะ คนพม่ากลับชาติเขาทั้งหมดพัฒนาชาติใครมันสงบสันติสุขร่วมกัน ฝรั่งที่หมายปองบ่อน้ำมันพม่าไม่ได้กินแน่นอน,รวมทั้งไทยที่มีน้ำมันชาติกว่าพันปีก็ไม่หมดด้วย.,เรามีคนทรยศที่ไม่เคยกำจัดสิ้นซากจริงสักที,เก็บไว้สร้างโกลาหลในไทยให้มั่นคงยั่งยืนจริงๆ,ฝ่ายมืดนี้ถ้าคนไทยจะกำจัดจริงๆสิ้นชากแน่นอนบนแผ่นดินไทยรวมถึงสมุนรับใช้ระดมทุน เอาทุนเลวๆชั่วมายึดครองไทยด้วย.

    https://m.youtube.com/watch?v=MOy1QziNlt0
    ..น่าเป็นห่วงลูกหลานเราคนไทยมาก,ถูกล้างสมอง ถูกนำพา ชี้ไปในทางที่ผิดเสียมากจากการป้อนโปรแกรมค่าเท็จสาระพัดใส่สมองและปกปิดซ่อนอำพรางการรอหักหลังและทรยศไว้. ..ถ้าระบบนักการเมืองที่ไม่รักประชาชนรักชาติยังมีเต็มระบบและไม่ทำลายทิ้ง มันคือภัยอันตรายชัดเจนมาก ..พรรคร่วมทั้งหมดคือภัยของชาติเช่นกัน ไม่สำนึกชั่วดีอะไร ไม่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์จริงใจจริงต่อประชาชนและการบริหารบ้านเมืองในทางที่ชอบธรรม เป็นไปเพื่ออธรรมอย่างไม่น่าให้อภัย,ถ้าจริงใจต้องร่วมใจกันลาออกไปจากพรรคร่วมรัฐบาล ลาออกไปทุกๆพรรคร่วม ถ้าพรรคไหนยังอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น,เป้าชัดเจนของคนทรยศประชาชนเยาวชนไทยลูกหลานอนาคตไทยจะแสดงฝ่ายชัดเจนแบบคณะกบฎ2475ที่ร่วมกับฝรั่งสูบเลือดความมั่งคั่งร่ำรวยของคนไทยเราไปทุกๆคนนั้นล่ะแบบสัมปทานบ่อน้ำมันบ่อทองคำแค่2อย่างนี้มีชัดเจนมาก.คนเหล่านี้คือคนทรยศรุ่นปัจจุบันทำร้ายทำลายชุมชนสังคมไทยที่ร่วมกันสร้างและรักษาสิ่งดีงามต่างๆนั้นให้พังพินาศลง,คนเหล่านีัต้องเด็ดขาดอย่างให้มีชีวิตมาสร้างกระแสชั่วเลวทวนกระแสดีปั่นป่วนสร้างความโกลาหลมากมายหลากหลายแนวศึกรบกับข้าศึกศัตรูแผ่นดินไทยมากมายขนาดนี้.โตครเหง้าตระกูลชั่วเลวนี้มีไว้เพื่อหนักแผ่นดินไทยทำไม อยู่ไปแม้ลูกหลานมันเองยังสั่งสอนให้เป็นคนดีงามไม่ได้,เดือนร้อนคนไทยทุกๆคนไปด้วยทั้งทางค่าใช้จ่ายแบบราคาน้ำมันแพงทั้งแผ่นดินไทยจากการใช้อำนาจตนกระทำตกลงในทางที่ชั่วเลว,มิติอื่นๆอีกมากมายเป็นต้น,เมื่อคือตัวแทนคนอำนาจทั้งชาติคือพรรคการเมืองทั้งหมดที่เข้าร่วมบริหารแผ่นดินไทย ผลกระทบนี้ส่งผลร้ายแรงในเวลาข้างหน้า แบบบ่อน้ำมัน บ่อทองคำซึ่งขุดทำเองเอาทองคำเข้าทุนสำรองประเทศฝ่ายเดียวตลอดการขุดเจาะพบเจอได้หมด ชาติมันย่อมแข็งแกร่งแน่นอน นี้อะไรเขาจะปล้นจะชิงจะยึดเอาก็ใจหมายกให้เขาไปขี้ขลาดสิ้นดี,แม้เสียอธิปไตยไปอย่างชัดเจนใครคือศัตรูของเรา ฮ่องกงของจีน จีนรู้ว่าฝรั่งคือศัตรูที่เลวของเขา,สุดท้ายเอกราชอิสระใดๆก็ต้องกอบกู้คืนได้เช่นพระเจ้าตากสินกระทำ,การปกครองเราล้มเหลวจริงๆ ธรรมดาประชาชนมิควรมาออกชุมนุนประท้วงขับไล่คนเลวชั่วต่อชาติแบบนี้,พึงสำนึกผิดว่าบริหารผิดพลาดไม่ซื่อสัตย์ก็มีจริตสำนึกสันดานดีลาออกไปให้คนดีคนเก่งมาบริหารต่อไปแทนตน,เสือกนั่งขวางคลองถ่วงความเจริญดีงามของคนทั้งชาติ,ชาติมิใช่ร้านแผงขายผักขายปลาขายขนมที่สร้างผลกระทบมากมายมหาศาลทั้งแผ่นดินไทยได้ แค่ลงนามคำสั่งที่ผิดพลาดอันเดียว มันสิ้นชาติได้เลยนะ,เสือกไม่สำนึกแห่งวิถีผู้นำ ภาวะผู้นำผู้ปกครองห่าอะไร,ชาติไทยจึงสมควรล้างแผ่นดินไทยนี้ใหม่ทั้งระบบ ,สิ่งต้องจัดการก่อนคือพวกพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหมดในสภาฯต้องพักงานชั่วคราวสัก10-20ปีทันที.และสแกนค้นหาค่าจริงดีงาม ใครคือคนทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนต่อแผ่นดินไทยสมควรกำจัดออกไป.,เช่นนั้นคนพวกนี้จะก่อความพังพินาศด้วยความอวิชาไม่หยุดสิ้นตัดตอนมิให้มีชีวิตอาจสร้างสังคมชุมชนคนไทยสงบตลอดกาล ลดประชากรคนพวกนี้จะไม่มีใครมาอยู่กล้าขาสั่นสร้างชั่วเลวในปัจจุบันได้. ..ต้องจบในรุ่นนี้จริงๆ มันมากเกินพอแล้ว จบที่ตัวต้นเหตุทัังหมดด้วยคือพวกต่างชาติที่แทรกแซงหมายปล้นชิงยึดครองประเทศไทยเราทรัพยากรชาติไทยเราเป็นของมันล่อเลี้ยงคนต่างชาติของเผ่ามันที่มิใช่ใช้ล่อเลี้ยงพัฒนาชาติไทยบนต้นทุนชีวิตที่ไม่ลำบาก ง่ายสะดวกสบายราคาถูกไม่แพง เห็นอกเห็นใจในคนไทยตน .,มันกลับปล้นชิงไปหมด เช่นไทยนี้ชัดเจนเรื่องบ่อน้ำมันนี้ล่ะ ไม่เช่นนั้นเราสามารถขายลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านสบายๆ ซึ่งเรามีบ่อน้ำมันมากกว่าเขา คุณภาพดีกว่าเขา ซาอุฯเองคงไม่ผีบ้าอยากสร้างคลังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยหรอก,โรงกลั่นก็มากกว่าอิหร่าน,ยิ่งไทยกับพม่าจับมือเป็นระบบปกครองธรรมาธิปไตยได้นะ คนพม่ากลับชาติเขาทั้งหมดพัฒนาชาติใครมันสงบสันติสุขร่วมกัน ฝรั่งที่หมายปองบ่อน้ำมันพม่าไม่ได้กินแน่นอน,รวมทั้งไทยที่มีน้ำมันชาติกว่าพันปีก็ไม่หมดด้วย.,เรามีคนทรยศที่ไม่เคยกำจัดสิ้นซากจริงสักที,เก็บไว้สร้างโกลาหลในไทยให้มั่นคงยั่งยืนจริงๆ,ฝ่ายมืดนี้ถ้าคนไทยจะกำจัดจริงๆสิ้นชากแน่นอนบนแผ่นดินไทยรวมถึงสมุนรับใช้ระดมทุน เอาทุนเลวๆชั่วมายึดครองไทยด้วย. https://m.youtube.com/watch?v=MOy1QziNlt0
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • บทความนี้ได้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบคนที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียในยุคที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกดิจิทัล โดยตั้งคำถามว่า การที่ใครสักคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสัญญาณเตือน (red flag) หรือไม่ แต่กลับเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับข้อดีและความเป็นไปได้ของคนที่เลือกเดินออกจากโลกออนไลน์

    ✅ การไม่มีโซเชียลไม่ได้แปลว่ามีบางอย่างปกปิด
    - แม้หลายคนอาจสงสัยว่า การไม่มีโซเชียลสื่อถึงการปิดบังบางสิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นอาจเป็นการบ่งบอกถึง ความเรียบง่ายและการเลือกที่จะไม่อยู่ในกระแส AI หรือเทคโนโลยี

    ✅ ความสัมพันธ์ที่สร้างได้โดยไม่พึ่งเทคโนโลยี
    - ผู้เขียนกล่าวว่า การสื่อสารโดยตรงหรือการพบปะกันตัวต่อตัวคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักบุคคล มากกว่าการสืบผ่านโลกออนไลน์

    ✅ โลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และผลกระทบต่อชีวิต
    - การหลีกเลี่ยงโซเชียลอาจสะท้อนการต่อต้าน AI ที่คุกคามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเลือกที่จะปฏิเสธ การใช้ชีวิตที่บริษัทเทคโนโลยีบงการ

    ✅ คำแนะนำในการสังเกตปฏิกิริยา
    - ผู้เขียนแนะนำให้ทดสอบคนที่ไม่มีโซเชียลมีเดียด้วยสถานการณ์เบาสมอง เช่น การแกล้งทำโทรศัพท์ตกเพื่อดูท่าที ถ้าปฏิกิริยานั้นสะท้อนถึงความสนุกหรือความจริงใจ คุณอาจได้พบกับคนที่มีมุมมองแปลกใหม่

    ✅ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่สร้างกิจกรรมแปลกใหม่
    - การเดตกับคนที่ต่อต้านโซเชียล อาจเป็นโอกาสในการทำกิจกรรมเชิงสนุก เช่น การปั่นจักรยานท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างอารมณ์ขันในลักษณะล้อเลียนเทคโนโลยี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/opinion-i-just-started-dating-someone-who-isnt-on-social-media-is-that-a-red-flag
    บทความนี้ได้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบคนที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียในยุคที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกดิจิทัล โดยตั้งคำถามว่า การที่ใครสักคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นสัญญาณเตือน (red flag) หรือไม่ แต่กลับเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับข้อดีและความเป็นไปได้ของคนที่เลือกเดินออกจากโลกออนไลน์ ✅ การไม่มีโซเชียลไม่ได้แปลว่ามีบางอย่างปกปิด - แม้หลายคนอาจสงสัยว่า การไม่มีโซเชียลสื่อถึงการปิดบังบางสิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นอาจเป็นการบ่งบอกถึง ความเรียบง่ายและการเลือกที่จะไม่อยู่ในกระแส AI หรือเทคโนโลยี ✅ ความสัมพันธ์ที่สร้างได้โดยไม่พึ่งเทคโนโลยี - ผู้เขียนกล่าวว่า การสื่อสารโดยตรงหรือการพบปะกันตัวต่อตัวคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักบุคคล มากกว่าการสืบผ่านโลกออนไลน์ ✅ โลกที่ถูกครอบงำด้วย AI และผลกระทบต่อชีวิต - การหลีกเลี่ยงโซเชียลอาจสะท้อนการต่อต้าน AI ที่คุกคามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเลือกที่จะปฏิเสธ การใช้ชีวิตที่บริษัทเทคโนโลยีบงการ ✅ คำแนะนำในการสังเกตปฏิกิริยา - ผู้เขียนแนะนำให้ทดสอบคนที่ไม่มีโซเชียลมีเดียด้วยสถานการณ์เบาสมอง เช่น การแกล้งทำโทรศัพท์ตกเพื่อดูท่าที ถ้าปฏิกิริยานั้นสะท้อนถึงความสนุกหรือความจริงใจ คุณอาจได้พบกับคนที่มีมุมมองแปลกใหม่ ✅ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่สร้างกิจกรรมแปลกใหม่ - การเดตกับคนที่ต่อต้านโซเชียล อาจเป็นโอกาสในการทำกิจกรรมเชิงสนุก เช่น การปั่นจักรยานท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างอารมณ์ขันในลักษณะล้อเลียนเทคโนโลยี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/opinion-i-just-started-dating-someone-who-isnt-on-social-media-is-that-a-red-flag
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • ♣ สตง.จริงใจแค่ไหนดูเอาเอง ไร้เงาหัวผู้บริหาร ผู้ว่าการสตง. สั่งสตง.ส่วนภูมิภาคไปร่วมงานศพแทน ผู้ใหญ่ไร้สำนึก ส่งเด็กไปรับหน้าแทน
    #7ดอกจิก
    ♣ สตง.จริงใจแค่ไหนดูเอาเอง ไร้เงาหัวผู้บริหาร ผู้ว่าการสตง. สั่งสตง.ส่วนภูมิภาคไปร่วมงานศพแทน ผู้ใหญ่ไร้สำนึก ส่งเด็กไปรับหน้าแทน #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • สตง.ไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิตจากเหตุตึกสตง.ถล่ม ไม่รู้ว่าไปร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยความจริงใจ หรือไปถามญาติว่า รู้ได้ไงว่าตุยแล้วจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สตงวีรกรรม
    สตง.ไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิตจากเหตุตึกสตง.ถล่ม ไม่รู้ว่าไปร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยความจริงใจ หรือไปถามญาติว่า รู้ได้ไงว่าตุยแล้วจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #สตงวีรกรรม
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี
    พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา
    ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา
    ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์
    ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม
    ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล
    ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย
    ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน
    ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน
    “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง
    ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง
    ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์

    .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ

    เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา
    แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย
    ....
    ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง
    ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

    พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร
    และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก
    .................................
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์
    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้
    ..................................

    มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร

    และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ

    แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า

    จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ

    "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก

    ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา

    แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ

    เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง

    น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน

    (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.)
    .
    .
    จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย”

    ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์ ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์ .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย .... ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก ................................. วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้ .................................. มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.) . . จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย” ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน"

    นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี:

    นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า
    “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ”


    “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี”

    👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา:

    “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”

    “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด”

    “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:”

    1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล)


    2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?”
    “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน”


    3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?”
    “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง”

    “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
    .

    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์:
    “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน”

    “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล”


    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี:

    “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้”

    “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน" นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี: นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ” “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี” 👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา: “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด” “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:” 1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล) 2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?” “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน” 3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?” “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง” “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ” . 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์: “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน” “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล” 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี: “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้” “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    0 Comments 0 Shares 621 Views 0 Reviews
  • “มีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อว่ากองทัพรัสเซียจะจัดการกับกองกำลังยูเครนให้สิ้นซาก”
    -- ประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างการสนทนากับลูกเรือของเรือดำน้ำอาร์คันเกลสค์ (Arkhangelsk submarine)
    “เราจะค่อยๆดำเนินการไปทีละน้อย ไม่เร่งรีบอย่างที่หลายคนคาดหวัง เพราะเราต้องการเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและมั่นใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ประกาศไว้ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการพิเศษทางทหารครั้งนี้ กองกำลังของเรามีแผนยุทธศาสตร์ตลอดทั้งแนวรบ ผมเพิ่งพูดไปเมื่อไม่นานนี้ว่า “เราจะจัดการกับพวกเขาให้สิ้นซาก” มันมีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อได้ว่าเราจะต้องจัดการกับพวกเขา และกองกำลังยูเครนจะต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

    นอกจากนี้ ยังมีคำพูดอื่นๆที่น่าสนใจของปูติน:
    👉 ปูตินเสนอให้หารือเรื่องการนำการปกครองชั่วคราวมาใช้ในยูเครนภายใต้การรับรองของสหประชาชาติและประเทศต่างๆ เพื่อจัดการเลือกตั้งที่นั่น
    👉 หากเซเลนสกีดำรงตำแหน่งโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เกิดจากการแต่งตั้งของเซเลนสกีก็เช่นกัน โดยรวมแล้วน่าจะทั้งหมด
    👉รัสเซียยังไม่รู้เลยว่า ควรลงนามอะไรกับใครในยูเครน
    👉"พวกนาซี" มีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน "เราจะคุยกับคนพวกนี้ได้อย่างไร" เช่นพวก “อาซอฟ” (Azov) (องค์กรก่อการร้ายที่ถูกห้ามในสหพันธรัฐรัสเซีย) และหน่วยชาตินิยมอื่นๆ กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน
    👉รัสเซียพร้อมที่จะทำงานเพื่อยุติปัญหายูเครนกับยุโรป แต่ "พวกเขาพยายามจะมีอิทธิพลสั่งให้เราทำตาม" ซึ่งมันไม่ถูกต้อง
    👉กองทัพรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนลูฮันสก์ (LPR) ไปแล้ว 99%
    👉รัสเซียต้องการความจริงใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝงจากทรัมป์ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน
    👉รัสเซียจะไม่ทำผิดพลาดอีกต่อไป ในเรื่องความไว้วางใจที่มากเกินไปกับพันธมิตร
    👉รัสเซียต้องการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี แต่มีเงื่อนไขว่าต้อง "กำจัดสาเหตุที่แท้จริง" ให้หมดไปด้วย
    👉รัสเซียของเราเป็นหนึ่งในสี่ของโลกในด้านเศรษฐกิจ รองจากจีน สหรัฐฯ และอินเดีย
    👉เศรษฐกิจและการเงินของรัสเซียอยู่ในสภาพที่มั่นคงและน่าพอใจ แม้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเม็ดเงินอยู่บ้าง
    👉อังกฤษ ชาติที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อรัสเซีย แต่เศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 9-10 ของโลก และมีกองทัพที่ขนาดเล็กมาก
    “มีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อว่ากองทัพรัสเซียจะจัดการกับกองกำลังยูเครนให้สิ้นซาก” -- ประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างการสนทนากับลูกเรือของเรือดำน้ำอาร์คันเกลสค์ (Arkhangelsk submarine) “เราจะค่อยๆดำเนินการไปทีละน้อย ไม่เร่งรีบอย่างที่หลายคนคาดหวัง เพราะเราต้องการเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและมั่นใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ประกาศไว้ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการพิเศษทางทหารครั้งนี้ กองกำลังของเรามีแผนยุทธศาสตร์ตลอดทั้งแนวรบ ผมเพิ่งพูดไปเมื่อไม่นานนี้ว่า “เราจะจัดการกับพวกเขาให้สิ้นซาก” มันมีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อได้ว่าเราจะต้องจัดการกับพวกเขา และกองกำลังยูเครนจะต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น” นอกจากนี้ ยังมีคำพูดอื่นๆที่น่าสนใจของปูติน: 👉 ปูตินเสนอให้หารือเรื่องการนำการปกครองชั่วคราวมาใช้ในยูเครนภายใต้การรับรองของสหประชาชาติและประเทศต่างๆ เพื่อจัดการเลือกตั้งที่นั่น 👉 หากเซเลนสกีดำรงตำแหน่งโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เกิดจากการแต่งตั้งของเซเลนสกีก็เช่นกัน โดยรวมแล้วน่าจะทั้งหมด 👉รัสเซียยังไม่รู้เลยว่า ควรลงนามอะไรกับใครในยูเครน 👉"พวกนาซี" มีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน "เราจะคุยกับคนพวกนี้ได้อย่างไร" เช่นพวก “อาซอฟ” (Azov) (องค์กรก่อการร้ายที่ถูกห้ามในสหพันธรัฐรัสเซีย) และหน่วยชาตินิยมอื่นๆ กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน 👉รัสเซียพร้อมที่จะทำงานเพื่อยุติปัญหายูเครนกับยุโรป แต่ "พวกเขาพยายามจะมีอิทธิพลสั่งให้เราทำตาม" ซึ่งมันไม่ถูกต้อง 👉กองทัพรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนลูฮันสก์ (LPR) ไปแล้ว 99% 👉รัสเซียต้องการความจริงใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝงจากทรัมป์ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน 👉รัสเซียจะไม่ทำผิดพลาดอีกต่อไป ในเรื่องความไว้วางใจที่มากเกินไปกับพันธมิตร 👉รัสเซียต้องการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี แต่มีเงื่อนไขว่าต้อง "กำจัดสาเหตุที่แท้จริง" ให้หมดไปด้วย 👉รัสเซียของเราเป็นหนึ่งในสี่ของโลกในด้านเศรษฐกิจ รองจากจีน สหรัฐฯ และอินเดีย 👉เศรษฐกิจและการเงินของรัสเซียอยู่ในสภาพที่มั่นคงและน่าพอใจ แม้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเม็ดเงินอยู่บ้าง 👉อังกฤษ ชาติที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อรัสเซีย แต่เศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 9-10 ของโลก และมีกองทัพที่ขนาดเล็กมาก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 589 Views 11 0 Reviews
  • “ชูศักดิ์” ซัด “ฝ่ายค้าน” อย่ามโน “ดีลปีศาจ” ย้ำรัฐบาลจริงใจแก้ รธน. – รอศาลวินิจฉัยเรื่องประชามติกี่ครั้ง
    https://www.thai-tai.tv/news/17825/
    “ชูศักดิ์” ซัด “ฝ่ายค้าน” อย่ามโน “ดีลปีศาจ” ย้ำรัฐบาลจริงใจแก้ รธน. – รอศาลวินิจฉัยเรื่องประชามติกี่ครั้ง https://www.thai-tai.tv/news/17825/
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ความดี คือที่มาของรักดีๆที่ซื่อสัตย์จริงใจ
    ความถูกใจเป็นได้เพียงความใคร่ความอยาก
    ที่ไม่สนใจความถูกต้องหรือจิตสำนึกศีลธรรมใดๆ
    อะฮิๆ
    ความดี คือที่มาของรักดีๆที่ซื่อสัตย์จริงใจ ความถูกใจเป็นได้เพียงความใคร่ความอยาก ที่ไม่สนใจความถูกต้องหรือจิตสำนึกศีลธรรมใดๆ อะฮิๆ
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ไอ้เต้พระราม 7 ปากหมาไม่เข้าเรื่อง หาความจริงใจจากมันไม่ได้เลยสักแต้ม สู้พี่เต้อาชีวะเขาไม่ได้ ทั้งเรื่องของสปิริตและความใจถึงที่พี่เต้อาชีวะมีแต้มต่ออย่างเยอะ ส่วนไอ้เต้พระราม7หมดราคาละ ตั้งแต่อวดความเป็นศิษย์เก่าพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จน ศิษย์เก่าและปัจจุบันของ มจพ. พากันยี้ เอือมระอาและไม่เอาคนๆนี้ ไม่ใช่แค่ มจพ. นะ ทั้ง 3 พระจอมเลยแหละครับ ผมศิษย์เก่าจบใหม่ๆจากพระจอมเกล้าลาดกระบังก็ไม่เอามนุษย์กลับกลอกอย่างไอ้เต้พระราม7เช่นกัน
    ไอ้เต้พระราม 7 ปากหมาไม่เข้าเรื่อง หาความจริงใจจากมันไม่ได้เลยสักแต้ม สู้พี่เต้อาชีวะเขาไม่ได้ ทั้งเรื่องของสปิริตและความใจถึงที่พี่เต้อาชีวะมีแต้มต่ออย่างเยอะ ส่วนไอ้เต้พระราม7หมดราคาละ ตั้งแต่อวดความเป็นศิษย์เก่าพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จน ศิษย์เก่าและปัจจุบันของ มจพ. พากันยี้ เอือมระอาและไม่เอาคนๆนี้ ไม่ใช่แค่ มจพ. นะ ทั้ง 3 พระจอมเลยแหละครับ ผมศิษย์เก่าจบใหม่ๆจากพระจอมเกล้าลาดกระบังก็ไม่เอามนุษย์กลับกลอกอย่างไอ้เต้พระราม7เช่นกัน
    สะพัด! ป.ป.ช.เอกฉันท์ 7:0 ชี้มูล “เต้ มงคลกิตติ์“ ผิดจริยธรรม โพสต์ใส่ร้าย "ศักดิ์สยาม" แพร่โควิดโดยการไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เตรียมยื่นฟ้องศาลฏีกาโดยตรง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023170

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • หลานกตัญญู สู้ช่วยย่าหารายได้ หนักเอาเบาสู้ ทั้งอดทนและทนอด!! #สู้ชีวิต #กตัญญู #นักสู้ #ยากจน #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    หลานกตัญญู สู้ช่วยย่าหารายได้ หนักเอาเบาสู้ ทั้งอดทนและทนอด!! #สู้ชีวิต #กตัญญู #นักสู้ #ยากจน #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 337 Views 4 0 Reviews
  • ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ##
    ..
    ..
    นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!!
    .
    นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน
    .
    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้...
    .
    สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย...
    .
    อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!!
    .
    ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต.
    .
    จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง
    .
    โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา...
    .
    แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้)
    .
    ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
    .
    ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี
    .
    ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา)
    .
    ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...???
    .
    คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก
    .
    พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...???
    .
    ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...???
    .
    ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ
    .
    แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว...
    .
    พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย
    .
    หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า
    .
    มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
    .
    มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
    .
    ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...???
    .
    ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า...
    .
    "มันต้องแบ่งได้"
    .
    ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้...
    .
    แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ...
    .
    สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน...
    .
    และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ## .. .. นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!! . นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน . ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้... . สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย... . อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!! . ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต. . จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง . โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา... . แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้) . ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง . ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี . ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา) . ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...??? . คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก . พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...??? . ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...??? . ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ . แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว... . พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย . หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า . มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ . มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ . ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...??? . ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า... . "มันต้องแบ่งได้" . ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้... . แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ... . สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน... . และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    0 Comments 0 Shares 805 Views 0 Reviews
  • "ไม่ได้จริงใจอะไร แค่อยากต่อต้านอเมริกา โดยใช้กาซาเป็นเบี้ย"

    ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและสหราชอาณาจักร ประกาศว่าพวกเขาพร้อมหนุนแผนการจากโลกอาหรับ สำหรับการฟื้นฟูฉนวนกาซา ที่น่าจะใช้เงินราวๆ 53,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่จำเป็นต้องบังคับอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาตามความตองการของทรัมป์
    "ไม่ได้จริงใจอะไร แค่อยากต่อต้านอเมริกา โดยใช้กาซาเป็นเบี้ย" ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและสหราชอาณาจักร ประกาศว่าพวกเขาพร้อมหนุนแผนการจากโลกอาหรับ สำหรับการฟื้นฟูฉนวนกาซา ที่น่าจะใช้เงินราวๆ 53,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่จำเป็นต้องบังคับอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาตามความตองการของทรัมป์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • “แม่สู้ชีวิต” สู้เพื่อลูกและสามี แม้ต้องเจอสารพัดวิกฤต!!
    #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #พิการ #ออทิสติก #นักสู้ #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    “แม่สู้ชีวิต” สู้เพื่อลูกและสามี แม้ต้องเจอสารพัดวิกฤต!! #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #พิการ #ออทิสติก #นักสู้ #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 413 Views 12 1 Reviews
  • ทรัมป์ ยื่นคำขาดถึงกลุ่มฮามาส ให้ปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทันที ทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิต โดยเขาสัญญาว่าจะส่ง "ทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับอิสราเอล เพื่อทำงานให้เสร็จสิ้น"

    ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวออกมายอมรับว่าสหรัฐมีการติดต่อฮามาสเพื่อขอเจรจาโดยตรงเกี่ยวกับตัวประกันที่เหลือ ซึ่งมีรายงานว่ายังมีตัวประกันที่มีสัญชาติอเมริกันอยู่ด้วย โดยอ้างเหตุผลว่า ทูตพิเศษของสหรัฐมีอำนาจตัดสินใจอย่างอิสราะในการคุยกับกลุ่มใดก็ได้

    ทั้งนี้สหรัฐมีนโยบายที่แข็งกร้าวมาอย่างยาวนานว่าจะไม่มีการเจรจาโดยตรงกับองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ ซึ่ง "ฮามาส" คือหนึ่งในกลุ่มก่อการร้าย ที่ถูกประกาศโดยรัฐบาลสหรัฐในปี 1997 และนี่ถือเป็นการละเมิดนโยบายของสหรัฐเป็นครั้งแรก

    “ทูตพิเศษมีอำนาจที่จะพูดคุยกับใครก็ได้...อิสราเอลได้รับการปรึกษาหารือ...การเจรจาและการพูดคุยกับผู้คนทั่วโลกเป็นความพยายามอย่างจริงใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับชาวอเมริกัน” โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
    ทรัมป์ ยื่นคำขาดถึงกลุ่มฮามาส ให้ปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทันที ทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิต โดยเขาสัญญาว่าจะส่ง "ทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับอิสราเอล เพื่อทำงานให้เสร็จสิ้น" ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวออกมายอมรับว่าสหรัฐมีการติดต่อฮามาสเพื่อขอเจรจาโดยตรงเกี่ยวกับตัวประกันที่เหลือ ซึ่งมีรายงานว่ายังมีตัวประกันที่มีสัญชาติอเมริกันอยู่ด้วย โดยอ้างเหตุผลว่า ทูตพิเศษของสหรัฐมีอำนาจตัดสินใจอย่างอิสราะในการคุยกับกลุ่มใดก็ได้ ทั้งนี้สหรัฐมีนโยบายที่แข็งกร้าวมาอย่างยาวนานว่าจะไม่มีการเจรจาโดยตรงกับองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ ซึ่ง "ฮามาส" คือหนึ่งในกลุ่มก่อการร้าย ที่ถูกประกาศโดยรัฐบาลสหรัฐในปี 1997 และนี่ถือเป็นการละเมิดนโยบายของสหรัฐเป็นครั้งแรก “ทูตพิเศษมีอำนาจที่จะพูดคุยกับใครก็ได้...อิสราเอลได้รับการปรึกษาหารือ...การเจรจาและการพูดคุยกับผู้คนทั่วโลกเป็นความพยายามอย่างจริงใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับชาวอเมริกัน” โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

    ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ"

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน

    ที่มา: Bloomberg
    ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ" การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ที่มา: Bloomberg
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • 2/
    ทรัมป์ขณะยืนรอต้อนรับ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำเนียบขาว

    สังเกตภาษากายและท่าทางการวางมือของสตาร์เมอร์ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงความประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง

    เป็นที่ทราบกันดีว่า อังกฤษไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ใน่ชวงหาเสียวเลือกตั้ง พวกเขาเปิดเผยอย่างชัดเจนในการสนับสนุน "คามาลา แฮร์ริส"

    วิดีโอ2 - เป็นภาพวิดีโอเก่าที่แสดงให้เห็นว่าสตาร์เมอร์ เคยพูดต่อต้านทรัมป์ไว้อย่างชัดเจน

    แต่ตอนนี้ อังกฤษต้องเดินทางมาพบทรัมป์ เพื่อเจรจาขอส่วนแบ่งผลประโยชน์บนดินแดนยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสเพิ่งมาขอส่วนแบ่งไปก่อนแล้ว

    "คงไม่มีใครโลกสวยพอที่จะคิดว่าฝรั่งเศสและอังกฤษลงทุนบินข้ามมหาสมุทรมาเพื่อยูเครนอย่างจริงใจหรอกนะ!!"
    2/ ทรัมป์ขณะยืนรอต้อนรับ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำเนียบขาว สังเกตภาษากายและท่าทางการวางมือของสตาร์เมอร์ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงความประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นที่ทราบกันดีว่า อังกฤษไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ใน่ชวงหาเสียวเลือกตั้ง พวกเขาเปิดเผยอย่างชัดเจนในการสนับสนุน "คามาลา แฮร์ริส" วิดีโอ2 - เป็นภาพวิดีโอเก่าที่แสดงให้เห็นว่าสตาร์เมอร์ เคยพูดต่อต้านทรัมป์ไว้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้ อังกฤษต้องเดินทางมาพบทรัมป์ เพื่อเจรจาขอส่วนแบ่งผลประโยชน์บนดินแดนยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสเพิ่งมาขอส่วนแบ่งไปก่อนแล้ว "คงไม่มีใครโลกสวยพอที่จะคิดว่าฝรั่งเศสและอังกฤษลงทุนบินข้ามมหาสมุทรมาเพื่อยูเครนอย่างจริงใจหรอกนะ!!"
    0 Comments 0 Shares 457 Views 21 0 Reviews
  • 1/
    ทรัมป์ขณะยืนรอต้อนรับ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำเนียบขาว

    สังเกตภาษากายและท่าทางการวางมือของสตาร์เมอร์ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงความประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง

    เป็นที่ทราบกันดีว่า อังกฤษไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ใน่ชวงหาเสียวเลือกตั้ง พวกเขาเปิดเผยอย่างชัดเจนในการสนับสนุน "คามาลา แฮร์ริส"

    วิดีโอ2 - เป็นภาพวิดีโอเก่าที่แสดงให้เห็นว่าสตาร์เมอร์ เคยพูดต่อต้านทรัมป์ไว้อย่างชัดเจน

    แต่ตอนนี้ อังกฤษต้องเดินทางมาพบทรัมป์ เพื่อเจรจาขอส่วนแบ่งผลประโยชน์บนดินแดนยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสเพิ่งมาขอส่วนแบ่งไปก่อนแล้ว

    "คงไม่มีใครโลกสวยพอที่จะคิดว่าฝรั่งเศสและอังกฤษลงทุนบินข้ามมหาสมุทรมาเพื่อยูเครนอย่างจริงใจหรอกนะ!!"
    1/ ทรัมป์ขณะยืนรอต้อนรับ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำเนียบขาว สังเกตภาษากายและท่าทางการวางมือของสตาร์เมอร์ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงความประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นที่ทราบกันดีว่า อังกฤษไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ใน่ชวงหาเสียวเลือกตั้ง พวกเขาเปิดเผยอย่างชัดเจนในการสนับสนุน "คามาลา แฮร์ริส" วิดีโอ2 - เป็นภาพวิดีโอเก่าที่แสดงให้เห็นว่าสตาร์เมอร์ เคยพูดต่อต้านทรัมป์ไว้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้ อังกฤษต้องเดินทางมาพบทรัมป์ เพื่อเจรจาขอส่วนแบ่งผลประโยชน์บนดินแดนยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสเพิ่งมาขอส่วนแบ่งไปก่อนแล้ว "คงไม่มีใครโลกสวยพอที่จะคิดว่าฝรั่งเศสและอังกฤษลงทุนบินข้ามมหาสมุทรมาเพื่อยูเครนอย่างจริงใจหรอกนะ!!"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 445 Views 17 0 Reviews
  • ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต

    วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด

    "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    ผบ.ตร.เผยส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์ถึงจีนแล้ว หลังทางการจีนการันตีความปลอดภัย ทุกอย่างยึดหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำขั้นตอนขนย้ายเป็นไปตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย ไม่มีบังคับ พร้อมวางมาตรการรับมือไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์อดีต • วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปประเทศจีน ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีหนังสือเป็นทางการจากรัฐบาลจีนมารัฐบาลไทย โดยยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทั้งหมดที่ส่งกลับมีทั้งหมด 40 คน ส่วนอีก 8 คน เป็นชาวจีนที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งชาวอุยกูร์ ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และมีการควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาโดยตลอด • "ทางการจีนได้ทำหนังสือแสดงความจริงใจและเจตจำนงค์ว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปกำกับดูแล ซึ่งขณะนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน ได้เดินทางถึงประเทศจีนแล้ว ซึ่งทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการจีนรับปากทั้งเรื่องความปลอดภัย ที่อยู่ และให้ญาติมารอรับที่มณฑลซินเจียง โดยหลังจากนี้ก็จะมีวงรอบในการตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ"ผบ.ตร.กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000019514 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์ #จีน
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
More Results