• รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้
    9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน

    1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน
    2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
    3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
    4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
    5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
    6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
    7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า
    8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย”
    9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย
    10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star
    11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
    12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี
    13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น
    14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง
    15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
    16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
    17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง
    18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
    19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
    20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี
    20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
    20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
    21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น
    22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ
    23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด
    ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล
    24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม
    25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย
    26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี
    27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล
    28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง
    29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
    30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ
    31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง
    32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
    33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม
    34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน…
    35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้
    36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ?
    37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ)
    38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ
    39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด
    40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
    40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่……………
    40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่
    40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….”
    คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า
    40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน
    40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด
    40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ
    40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้ 9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่…………… 40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่ 40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….” คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า 40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน 40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด 40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ 40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุดรธานี-เล็งตั้งคณะกรรมการรูปแบบสหวิชาชีพขึ้นมาดูแลการใช้จ่ายเงินบริจาคช่วยยายของแบงก์ เลสเตอร์ เน้นใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพของยายและค่าครองชีพต่างๆ ด้านยายของแบงก์เผยย้ายมาอยู่อุดรฯก็น่าอยู่ เพื่อนบ้านใจดี กินข้าวเหนียวก็แซบมาก

    วันนี้ (2ม.ค.68) ที่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นางพรทิพย์ สังข์ฤทธิ์ อายุ 80 ปี คุณยายของแบงก์ เลสเตอร์ นายประเสริฐ คันธี อายุ 58 ปี พ่อแบงก์ เลสเตอร์ นายพันธุ์เทพ สังฤทธิ์ น้าของแบงก์ เลสเตอร์ ได้เข้าพบนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์( พมจ.)อุดรธานี เพื่อหารือเรื่องการดูแลเงินบริจาค โดยมีนายภานุมาศ จิตวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย และนายเตชธรรม โลหิตดี ทนายความ ร่วมพูดคุย

    ซึ่งนายราชันย์บอกว่า เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายและเจตนาของคุณยาย ทางหน่วยงานราชการจะพยายามหาช่องทางระเบียบกฎหมายว่าตัวไหนทางราชการสามารถเข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ ซึ่งทางจังหวัดก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือโดยจะมีการหารือเพื่อหาข้อสรุปให้ทางคุณยายและลูกหลานได้ทราบอีกครั้ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9680000000393

    #MGROnline #อุดรธานี #ยาย #แบงก์เลสเตอร์
    อุดรธานี-เล็งตั้งคณะกรรมการรูปแบบสหวิชาชีพขึ้นมาดูแลการใช้จ่ายเงินบริจาคช่วยยายของแบงก์ เลสเตอร์ เน้นใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพของยายและค่าครองชีพต่างๆ ด้านยายของแบงก์เผยย้ายมาอยู่อุดรฯก็น่าอยู่ เพื่อนบ้านใจดี กินข้าวเหนียวก็แซบมาก • วันนี้ (2ม.ค.68) ที่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นางพรทิพย์ สังข์ฤทธิ์ อายุ 80 ปี คุณยายของแบงก์ เลสเตอร์ นายประเสริฐ คันธี อายุ 58 ปี พ่อแบงก์ เลสเตอร์ นายพันธุ์เทพ สังฤทธิ์ น้าของแบงก์ เลสเตอร์ ได้เข้าพบนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์( พมจ.)อุดรธานี เพื่อหารือเรื่องการดูแลเงินบริจาค โดยมีนายภานุมาศ จิตวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย และนายเตชธรรม โลหิตดี ทนายความ ร่วมพูดคุย • ซึ่งนายราชันย์บอกว่า เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายและเจตนาของคุณยาย ทางหน่วยงานราชการจะพยายามหาช่องทางระเบียบกฎหมายว่าตัวไหนทางราชการสามารถเข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ ซึ่งทางจังหวัดก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือโดยจะมีการหารือเพื่อหาข้อสรุปให้ทางคุณยายและลูกหลานได้ทราบอีกครั้ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000000393 • #MGROnline #อุดรธานี #ยาย #แบงก์เลสเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อฝ่ายตุรกีพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า ผู้นำใหม่ของซีเรียมีใจเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย โดยการประกาศให้ "คริสต์มาสของนิกายโรมันคาธอลิกเป็นวันหยุดราชการอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานราชการปิดทำการในวันที่ 25 และ 26 ธันวาคม"

    รูปที่2- แต่ในความเป็นจริง ช่วงคริสต์มาสได้ถูกประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในซีเรียตั้งแต่ในยุคการปกครองของอัสซาดแล้ว https://www.timeanddate.com/holidays/syria/2023
    สื่อฝ่ายตุรกีพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า ผู้นำใหม่ของซีเรียมีใจเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย โดยการประกาศให้ "คริสต์มาสของนิกายโรมันคาธอลิกเป็นวันหยุดราชการอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานราชการปิดทำการในวันที่ 25 และ 26 ธันวาคม" รูปที่2- แต่ในความเป็นจริง ช่วงคริสต์มาสได้ถูกประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในซีเรียตั้งแต่ในยุคการปกครองของอัสซาดแล้ว https://www.timeanddate.com/holidays/syria/2023
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนรอย 20 ปีช้างป่าภูกระดึง ทำร้ายนักท่องเที่ยวดับ 5

    การเสียชีวิตของ น.ส.จีรนันท์ ปัญญาประเสริฐยิ่ง อายุ 49 ปี นักท่องเที่ยวชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกช้างป่าทำร้ายร่างกาย บริเวณเส้นทางหลังองค์พระพุทธเมตตา-น้ำตกเพ็ญพบใหม่ หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เมื่อเวลาประมาณ 09.47 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นับเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หากย้อนกลับไปในรอบ 20 ปี มีผู้เสียชีวิตจากการถูกช้างป่าภูกระดึงทำร้ายร่างกายที่เป็นข่าว รวมแล้ว 5 ราย

    ได้แก่ วันที่ 25 ก.พ. 2547 เวลาประมาณ 04.00 น. พระประพนธ์ วิจาธโร อายุ 27 ปี และพระเฉลิมเกียรติ สิขันลโย อายุ 26 ปี ถูกช้างป่าทำร้ายจนมรณภาพ ขณะปักกลดพักอยู่ที่ลานพระแก้ว ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าวังกวางประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นวันที่ 4 พ.ค. 2548 เวลาประมาณ 05.30 น. น.ส.สุคนธ์ ภัทรกรรม อายุ 50 ปี ถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต ห่างจากผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นของภูกระดึง 150 เมตร และล่าสุดเมื่อ 11 ปีก่อน นายประเสริฐ ชุมพล อายุ 57 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่เก็บขยะ ถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2556 ขณะนำขยะเปียกทิ้งลงหลุมบริเวณบ่อทิ้งขยะ ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 1 กิโลเมตร

    แม้ทางอุทยานฯ จะมีมาตรการเฝ้าระวัง โดยทุกเช้าจะจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน ถ้าพบรอยเท้าช้างใหม่ หรือขี้ช้างใหม่ จะประกาศผ่านเสียงตามสายปิดเส้นทางนั้นทันที และตามแผนเผชิญเหตุถ้ามีช้างผ่านมา เจ้าหน้าที่จะจะส่งรถไถมาผลักดันช้าง ตามมาด้วยรถกระบะโฟร์วีลมารับนักท่องเที่ยว แต่ล่าสุดได้ประกาศปิดเส้นทางน้ำตกเพ็ญพบใหม่และทุกเส้นทางที่ช้างป่าออกมา พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เกิดเหตุและลาดตระเวนในจุดเสี่ยงอย่างเข้มข้น

    อีกปัญหาหนึ่งคือช้างป่าในจังหวัดเลยเพิ่มปริมาณทุกปี ทำให้แหล่งอาหารหากินไม่เพียงพอต่อความต้องการของช้างป่า และออกไปหากินนอกเขต ข้อมูลจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง เมื่อปี 2566 พบว่ามีช้างป่ามากกว่า 320 ตัว อาศัยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงเกือบ 200 ตัว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 65-70 ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อภูกระแต 53 ตัว ออกมาหาแหล่งที่อยู่ใหม่และแหล่งอาหาร เข้าพื้นที่อำเภอภูกระดึง ภูเรือ ด่านซ้าย ภูหลวง ท่าลี่ หนองหิน และผาขาว สร้างผลกระทบ และสร้างความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่ และเนื่องจากเป็นสัตว์ใหญ่ ถ้าไม่ได้กินก็มีอาการเครียด จากสถิติตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ส.ค. 2566 ช้างป่าทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย และช้างป่าถูกยิงตาย 1 ตัว

    #Newskit
    ย้อนรอย 20 ปีช้างป่าภูกระดึง ทำร้ายนักท่องเที่ยวดับ 5 การเสียชีวิตของ น.ส.จีรนันท์ ปัญญาประเสริฐยิ่ง อายุ 49 ปี นักท่องเที่ยวชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกช้างป่าทำร้ายร่างกาย บริเวณเส้นทางหลังองค์พระพุทธเมตตา-น้ำตกเพ็ญพบใหม่ หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เมื่อเวลาประมาณ 09.47 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นับเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หากย้อนกลับไปในรอบ 20 ปี มีผู้เสียชีวิตจากการถูกช้างป่าภูกระดึงทำร้ายร่างกายที่เป็นข่าว รวมแล้ว 5 ราย ได้แก่ วันที่ 25 ก.พ. 2547 เวลาประมาณ 04.00 น. พระประพนธ์ วิจาธโร อายุ 27 ปี และพระเฉลิมเกียรติ สิขันลโย อายุ 26 ปี ถูกช้างป่าทำร้ายจนมรณภาพ ขณะปักกลดพักอยู่ที่ลานพระแก้ว ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าวังกวางประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นวันที่ 4 พ.ค. 2548 เวลาประมาณ 05.30 น. น.ส.สุคนธ์ ภัทรกรรม อายุ 50 ปี ถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต ห่างจากผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นของภูกระดึง 150 เมตร และล่าสุดเมื่อ 11 ปีก่อน นายประเสริฐ ชุมพล อายุ 57 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่เก็บขยะ ถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2556 ขณะนำขยะเปียกทิ้งลงหลุมบริเวณบ่อทิ้งขยะ ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 1 กิโลเมตร แม้ทางอุทยานฯ จะมีมาตรการเฝ้าระวัง โดยทุกเช้าจะจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน ถ้าพบรอยเท้าช้างใหม่ หรือขี้ช้างใหม่ จะประกาศผ่านเสียงตามสายปิดเส้นทางนั้นทันที และตามแผนเผชิญเหตุถ้ามีช้างผ่านมา เจ้าหน้าที่จะจะส่งรถไถมาผลักดันช้าง ตามมาด้วยรถกระบะโฟร์วีลมารับนักท่องเที่ยว แต่ล่าสุดได้ประกาศปิดเส้นทางน้ำตกเพ็ญพบใหม่และทุกเส้นทางที่ช้างป่าออกมา พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เกิดเหตุและลาดตระเวนในจุดเสี่ยงอย่างเข้มข้น อีกปัญหาหนึ่งคือช้างป่าในจังหวัดเลยเพิ่มปริมาณทุกปี ทำให้แหล่งอาหารหากินไม่เพียงพอต่อความต้องการของช้างป่า และออกไปหากินนอกเขต ข้อมูลจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง เมื่อปี 2566 พบว่ามีช้างป่ามากกว่า 320 ตัว อาศัยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงเกือบ 200 ตัว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 65-70 ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อภูกระแต 53 ตัว ออกมาหาแหล่งที่อยู่ใหม่และแหล่งอาหาร เข้าพื้นที่อำเภอภูกระดึง ภูเรือ ด่านซ้าย ภูหลวง ท่าลี่ หนองหิน และผาขาว สร้างผลกระทบ และสร้างความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่ และเนื่องจากเป็นสัตว์ใหญ่ ถ้าไม่ได้กินก็มีอาการเครียด จากสถิติตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ส.ค. 2566 ช้างป่าทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย และช้างป่าถูกยิงตาย 1 ตัว #Newskit
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์ที่น่าร๊ากกก
    ต้อนรับมิตรรักแฟนเพจด้วยวันศุกร์ที่สดใส
    คนคิดดี ทำดี มันก็จะมีอะไรดีๆเข้ามาเสมอ
    แต่ถ้าคิดลบ คิดร้าย หรือทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง
    ความบังลัย เวลากลับมาสนอง บอกเลย อิ๊บอ๋ายบังลัยไส้แน่นวล
    ยกเคสนึง อยากที่เราเข้าใจกันดี ถึงด้อมเกา
    เฉพาะที่เป็นสาวกของนังป้า ที่ทรงเดียวกัน
    ใช้ชีวิตอยู่กับจินตนาการ ไม่ยอมอยู่บนโลกแห่งความจริง
    ไฝ้กับคนเค้าไปทั่ว หาแต่เรื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน
    เวลาสนทนากัน ใครเคยฟังจะรู้ว่าสาวกป้า
    อยู่บนความเพ้อฝัน ที่ป้าพยายามจะสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมา
    จะด้วยตั้งใจ หรือเพราะมีปม ไม่รู้ได้
    แต่เราจะเห็น โปรไฟล์ นายตร หญ่าย แต่ขึ้นไลฟ์
    คุยเรื่องสาวเกาได้ไม่เป็นอันทำงานราชการ
    สุดท้าย อ้าว งานมโน
    เราจะเจอ ด้อมสาวเกาสาวกป้า
    ทำโปรไฟล์ว่าตัวเองเป็น ตานายฟาม
    สุดท้าย คนจับโป๊ปะได้ แม่วววไปโหลดมา
    และล่าสุด น้องด้อมชื่อถั่ว แต่ดันไปเอาภาพโปรไฟล์
    น้องพาวเดอร์ หน้าตาสะสวย มาใช้เป็นโปรไฟล์ตัว
    โดยอาศัยว่า น้องพาวเดอร์เค้าไม่ใช้ ตต.
    เอาภาพเค้ามาหมดฮ๊าฟ ทั้งจากไอ จี ทั้งจากสตอรี่
    พูดง่ายๆ ว่าแอบอ้างเป็นน้องพาวเดอร์โดยสมบูรณ์
    ปรากฏ น้องพาวเดอร์เค้ามารู้เพราะมีเพื่อนบอกข้อมูล
    ว่าน้องถั่ว เอารูปน้องพาวเดอร์ ไปแอบอ้าง
    งานเข้าล่ะสิ น้องพาวเดอร์โดนละเมิดเพียงนี้
    เป็นพี่คิงส์ ก็ไม่ยอม
    สุดท้าย ถึงสน เรียบร้อย
    ต่อมา น้องถั่ว ก็ขึ้นไลฟ์ในตต. ร้องห่มร้องไห้
    อ้างว่าตนเอง มีเหตุทำให้เสียโฉม
    และเป็นแฟนคลับน้องพาวเดอร์ เลยเอาภาพน้องพาวเดอร์
    มาขึ้นโปรไฟล์ แต่ ปั๊ดโถ่ว มันไม่ใช่แค่ภาพเดียวสิ
    มโนว่าตัวเอง เป็นน้องพาวเดอร์ไปเลย คือ
    ถ้าไม่มีใครห้าม คงแทนตัวเป็นน้องพาวเดอร์ไปยาวๆ
    คือคนเรานะ พี่คิงส์จะให้สติกับสาวกป้านะ
    ถึงเราจะเป็นแบบไหน เป็นอย่างไร ทุกคนมันก็มีคุณค่า
    ไม่จำเป็นต้องอยู่ในจินตนาการแบบอิป้า ปล่อยมัน Ba บอ ไปคนเดียว
    น้องถั่วจะมาอ้างว่า ฉันทำไปโดยไม่ทำให้ใครเสียหาย
    ไม่นะ แค่คุณแอบอ้าง นำภาพผู้อื่นมาใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาต
    มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต่างกับน้องถั่ว เห็นคนอื่นจอดรถทิ้งไว้ใส่กุญแจพร้อม แล้วน้องถั่วก็ขับไปอวดเพื่อน สุดท้ายน้องถั่วก็เอากลับมาคืนที่
    แล้วเถียงว่า ฉานไม่ได้ทำรถคันนี้เสียหายเลยนะ ชุ่ยไป น้องถั่ว
    พี่คิงส์แนะนำว่า อย่าแถ มอบ แบบง่ายๆ
    อย่าเอาปมด้อยมาอ้าง แล้วจะทำอะไรก็ได้ มันไม่อิน
    ถ้าน้องถั่ว อยากหาเส้นทางดีๆให้ชีวี พี่คิงส์เสนอ
    เอาเวลาที่เสียไปกับอิป้า ไปหาเงิน หารายได้
    เก็บเงินซักก้อน ไปศัล นี่สิทางออก คือสู้กับความจริง
    เราเอาภาพคนอื่น มาโพส มาอ่อย มาให้คนอื่นชอบ
    นั่นมันคือโลกจินตาการนะน้องถั่ว ยิ่งไลฟ์ตต ร้องห่มร้องไห้
    ว่า ไม่มีใครช่วย นี่ยิ่งต้องกลับมาทบทวนแล้ว ว่าจะวางแผนชีวิตยังไงต่อ
    คิดเหรอว่าอิป้า จะยื่นมือมาช่วย มีแต่พอเห็นใครมีปัญหา มันก็สกายคิ๊กเทแบบไอ่เป็ดไง
    มันจะทำเฉพาะคนที่เป็นอริกับมันเท่านั้นแหละ เรื่องฟ๊องอะ
    เอาชื่อเกา กับเงินเกา จากตานาย แดรกหัวคิวหรือเปล่าไม่รู้
    แต่เอาไปฟ๊องคนที่เป็นอริกับมัน ที่มันสร้างด้วยมือของมันเอง
    เรื่องคนอื่นนะเหรอ คนอย่างอิป้า สนที่ไหน
    ตื่นเถอะถั่ว กรรูเวตตานา
    อิฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์ที่น่าร๊ากกก ต้อนรับมิตรรักแฟนเพจด้วยวันศุกร์ที่สดใส คนคิดดี ทำดี มันก็จะมีอะไรดีๆเข้ามาเสมอ แต่ถ้าคิดลบ คิดร้าย หรือทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ความบังลัย เวลากลับมาสนอง บอกเลย อิ๊บอ๋ายบังลัยไส้แน่นวล ยกเคสนึง อยากที่เราเข้าใจกันดี ถึงด้อมเกา เฉพาะที่เป็นสาวกของนังป้า ที่ทรงเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่กับจินตนาการ ไม่ยอมอยู่บนโลกแห่งความจริง ไฝ้กับคนเค้าไปทั่ว หาแต่เรื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน เวลาสนทนากัน ใครเคยฟังจะรู้ว่าสาวกป้า อยู่บนความเพ้อฝัน ที่ป้าพยายามจะสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมา จะด้วยตั้งใจ หรือเพราะมีปม ไม่รู้ได้ แต่เราจะเห็น โปรไฟล์ นายตร หญ่าย แต่ขึ้นไลฟ์ คุยเรื่องสาวเกาได้ไม่เป็นอันทำงานราชการ สุดท้าย อ้าว งานมโน เราจะเจอ ด้อมสาวเกาสาวกป้า ทำโปรไฟล์ว่าตัวเองเป็น ตานายฟาม สุดท้าย คนจับโป๊ปะได้ แม่วววไปโหลดมา และล่าสุด น้องด้อมชื่อถั่ว แต่ดันไปเอาภาพโปรไฟล์ น้องพาวเดอร์ หน้าตาสะสวย มาใช้เป็นโปรไฟล์ตัว โดยอาศัยว่า น้องพาวเดอร์เค้าไม่ใช้ ตต. เอาภาพเค้ามาหมดฮ๊าฟ ทั้งจากไอ จี ทั้งจากสตอรี่ พูดง่ายๆ ว่าแอบอ้างเป็นน้องพาวเดอร์โดยสมบูรณ์ ปรากฏ น้องพาวเดอร์เค้ามารู้เพราะมีเพื่อนบอกข้อมูล ว่าน้องถั่ว เอารูปน้องพาวเดอร์ ไปแอบอ้าง งานเข้าล่ะสิ น้องพาวเดอร์โดนละเมิดเพียงนี้ เป็นพี่คิงส์ ก็ไม่ยอม สุดท้าย ถึงสน เรียบร้อย ต่อมา น้องถั่ว ก็ขึ้นไลฟ์ในตต. ร้องห่มร้องไห้ อ้างว่าตนเอง มีเหตุทำให้เสียโฉม และเป็นแฟนคลับน้องพาวเดอร์ เลยเอาภาพน้องพาวเดอร์ มาขึ้นโปรไฟล์ แต่ ปั๊ดโถ่ว มันไม่ใช่แค่ภาพเดียวสิ มโนว่าตัวเอง เป็นน้องพาวเดอร์ไปเลย คือ ถ้าไม่มีใครห้าม คงแทนตัวเป็นน้องพาวเดอร์ไปยาวๆ คือคนเรานะ พี่คิงส์จะให้สติกับสาวกป้านะ ถึงเราจะเป็นแบบไหน เป็นอย่างไร ทุกคนมันก็มีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องอยู่ในจินตนาการแบบอิป้า ปล่อยมัน Ba บอ ไปคนเดียว น้องถั่วจะมาอ้างว่า ฉันทำไปโดยไม่ทำให้ใครเสียหาย ไม่นะ แค่คุณแอบอ้าง นำภาพผู้อื่นมาใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาต มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต่างกับน้องถั่ว เห็นคนอื่นจอดรถทิ้งไว้ใส่กุญแจพร้อม แล้วน้องถั่วก็ขับไปอวดเพื่อน สุดท้ายน้องถั่วก็เอากลับมาคืนที่ แล้วเถียงว่า ฉานไม่ได้ทำรถคันนี้เสียหายเลยนะ ชุ่ยไป น้องถั่ว พี่คิงส์แนะนำว่า อย่าแถ มอบ แบบง่ายๆ อย่าเอาปมด้อยมาอ้าง แล้วจะทำอะไรก็ได้ มันไม่อิน ถ้าน้องถั่ว อยากหาเส้นทางดีๆให้ชีวี พี่คิงส์เสนอ เอาเวลาที่เสียไปกับอิป้า ไปหาเงิน หารายได้ เก็บเงินซักก้อน ไปศัล นี่สิทางออก คือสู้กับความจริง เราเอาภาพคนอื่น มาโพส มาอ่อย มาให้คนอื่นชอบ นั่นมันคือโลกจินตาการนะน้องถั่ว ยิ่งไลฟ์ตต ร้องห่มร้องไห้ ว่า ไม่มีใครช่วย นี่ยิ่งต้องกลับมาทบทวนแล้ว ว่าจะวางแผนชีวิตยังไงต่อ คิดเหรอว่าอิป้า จะยื่นมือมาช่วย มีแต่พอเห็นใครมีปัญหา มันก็สกายคิ๊กเทแบบไอ่เป็ดไง มันจะทำเฉพาะคนที่เป็นอริกับมันเท่านั้นแหละ เรื่องฟ๊องอะ เอาชื่อเกา กับเงินเกา จากตานาย แดรกหัวคิวหรือเปล่าไม่รู้ แต่เอาไปฟ๊องคนที่เป็นอริกับมัน ที่มันสร้างด้วยมือของมันเอง เรื่องคนอื่นนะเหรอ คนอย่างอิป้า สนที่ไหน ตื่นเถอะถั่ว กรรูเวตตานา อิฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนาย "บอสพอล" โร่แจ้งความดำเนินคดี "ทนายตั้ม" ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ กรณีเรียกรับเงิน7.5 ล้านบาท พร้อมอวยพร "ฟิล์มรัฐภูมิ" ขอให้โชคดี”

    วันนี้ (2 ธ.ค. ) ที่ กองปราบปราม นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ได้นำบันทึกที่มีการถอดไฟล์เสียง 6 ชั่วโมง มามอบให้พนักงานสอบสวน ใช้เป็นหลักฐานกรณีของ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช เรียกรับสินบนจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า มีประโยคไหนที่เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป หรือเข้าข่ายคดีอื่นอีกหรือไม่ โดยไฟล์เสียงดังกล่าวยังมีการพาดพิงว่าจะสามารถเคลียร์กับหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปอยู่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับผู้อำนวยการอีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงอีกหนึ่งหน่วยงาน คือ ดีเอสไอ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าบุคคลสำคัญที่ถูกนำมาอ้างชื่อเป็นบุคคลใดบ้าง มีถึง 10 คนหรือไม่ นายวิฑูรย์ ระบุว่าไม่ถึง 10 คน แต่มีจำนวนหลายคนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหลายคนได้มีการเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000115988

    #MGROnline #บอสพอล #ทนายตั้ม #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    ทนาย "บอสพอล" โร่แจ้งความดำเนินคดี "ทนายตั้ม" ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ กรณีเรียกรับเงิน7.5 ล้านบาท พร้อมอวยพร "ฟิล์มรัฐภูมิ" ขอให้โชคดี” • วันนี้ (2 ธ.ค. ) ที่ กองปราบปราม นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ได้นำบันทึกที่มีการถอดไฟล์เสียง 6 ชั่วโมง มามอบให้พนักงานสอบสวน ใช้เป็นหลักฐานกรณีของ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช เรียกรับสินบนจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า มีประโยคไหนที่เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป หรือเข้าข่ายคดีอื่นอีกหรือไม่ โดยไฟล์เสียงดังกล่าวยังมีการพาดพิงว่าจะสามารถเคลียร์กับหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปอยู่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับผู้อำนวยการอีกด้วย • นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงอีกหนึ่งหน่วยงาน คือ ดีเอสไอ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าบุคคลสำคัญที่ถูกนำมาอ้างชื่อเป็นบุคคลใดบ้าง มีถึง 10 คนหรือไม่ นายวิฑูรย์ ระบุว่าไม่ถึง 10 คน แต่มีจำนวนหลายคนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหลายคนได้มีการเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000115988 • #MGROnline #บอสพอล #ทนายตั้ม #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว"
    เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล.
    ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์
    .
    "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด
    .
    วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน
    .
    เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว
    .
    เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย
    .
    ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์
    .
    แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
    .
    "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง
    .
    หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา
    .
    ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา
    .
    พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้
    .
    Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด

    https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0

    #Thaitimes
    "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว" เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล. ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์ . "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด . วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน . เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว . เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่ . ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย . ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์ . แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น . "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง . หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา . ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง . นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา . พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่ . นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้ . Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1244 มุมมอง 1 รีวิว
  • 'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14
    .
    การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที
    .
    ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด
    .
    นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป
    .
    "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ
    .
    ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ
    ..............
    Sondhi X
    'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14 . การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที . ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด . นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป . "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ . ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 997 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกระบบเลือกตั้งที่มี สส.&สว.บวก ครม.บวกนายก.จริงๆ,บวก หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทางตรงสมควรยุบทิ้งด้วย ไม่มีประโยชน์ในการปกป้องคนไทยเลย,บวก อบต.&อบจ.ด้วย เต่ามาก ไร้ราคาค่าคุยใดๆด้อยคุณภาพในการป้องกันชีวิตทางตรงต่อประชาชน นี้คือภัยร้ายแรงชัดเจน แต่ไม่มีความกระตือรือร้นส่งสารแจ้งบอกเหตุถึงภัย ตามคุณหมอธีแยกย่อยให้ชัดเจนเนื้อๆให้ดู,ควรประชุมทุกๆหมู่บ้านกว่า80,000หมู่บ้านโน้น ถ้าเกิดกรณีนี้ อธิปไตยการตัดสินใจปกป้องตนเองของคนไทยจบเลยนะ,ผู้ว่า&นายอำเภอก็ด้วยทำอะไรอยู่ตกข่าวได้อย่างไร,ทหาร&ตำรวจยิ่งเหี้ยงานข่าวทำซากอะไร เข้าถึงประชาชนถึงภัยนี้สิ คอมมิวนิสต์ยังทะลุทั้งทางแจ้งทางลับใต้ดิน การข่าวล้ำเลิศ มาตกม้าตายใช้ไม่ได้,ยุบกรมประชาสัมพันธ์ไทยเราทิ้งด้วย สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน สรุปเหี้ยและบัดสบทุกๆฝ่าย ทุกๆด้าน เสียดายตำแหน่งอำนาจยศหน้าที่และเงินแผ่นดินที่จ่ายเลี้ยงดูข้าราชการไทยทั้งระบบแบบนี้จริงๆ,ภัยมหันใกล้ตัวใกล้ตนใกล้ตีนเสือกโง่ไม่รับรู้ห่าอะไร,ไม่แปลกที่สมควรตายจากการฉีดวัคซีนจนก่อโรคสาระพัดกว่า1,291โรคเลย,เรียนจบสูงๆตำแหน่งบ้านเมืองใหญ่โตแต่โคตรควายโคตรวัว พวกสะพานบรมสะพานควายบรมโคตรสะพานวัวโดยแท้.เสียดายอำนาจที่เหยียบไว้จริงๆหาก่อคุณประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนและชาติไทยห่าอะไร,เขาจะยิงกระสุนใส่ตนเองยังโง่ไม่รู้อีก แค่เปลี่ยนเป็นสงครามเข็มเท่านั้น ผู้ปกครอง&ผู้นำผู้มีอำนาจที่กาก&กระจอกปกครองแผ่นดิน มันเลยสาระพัดเหี้ยเลวระยำบัดสบไปหมด.
    ประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกระบบเลือกตั้งที่มี สส.&สว.บวก ครม.บวกนายก.จริงๆ,บวก หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทางตรงสมควรยุบทิ้งด้วย ไม่มีประโยชน์ในการปกป้องคนไทยเลย,บวก อบต.&อบจ.ด้วย เต่ามาก ไร้ราคาค่าคุยใดๆด้อยคุณภาพในการป้องกันชีวิตทางตรงต่อประชาชน นี้คือภัยร้ายแรงชัดเจน แต่ไม่มีความกระตือรือร้นส่งสารแจ้งบอกเหตุถึงภัย ตามคุณหมอธีแยกย่อยให้ชัดเจนเนื้อๆให้ดู,ควรประชุมทุกๆหมู่บ้านกว่า80,000หมู่บ้านโน้น ถ้าเกิดกรณีนี้ อธิปไตยการตัดสินใจปกป้องตนเองของคนไทยจบเลยนะ,ผู้ว่า&นายอำเภอก็ด้วยทำอะไรอยู่ตกข่าวได้อย่างไร,ทหาร&ตำรวจยิ่งเหี้ยงานข่าวทำซากอะไร เข้าถึงประชาชนถึงภัยนี้สิ คอมมิวนิสต์ยังทะลุทั้งทางแจ้งทางลับใต้ดิน การข่าวล้ำเลิศ มาตกม้าตายใช้ไม่ได้,ยุบกรมประชาสัมพันธ์ไทยเราทิ้งด้วย สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน สรุปเหี้ยและบัดสบทุกๆฝ่าย ทุกๆด้าน เสียดายตำแหน่งอำนาจยศหน้าที่และเงินแผ่นดินที่จ่ายเลี้ยงดูข้าราชการไทยทั้งระบบแบบนี้จริงๆ,ภัยมหันใกล้ตัวใกล้ตนใกล้ตีนเสือกโง่ไม่รับรู้ห่าอะไร,ไม่แปลกที่สมควรตายจากการฉีดวัคซีนจนก่อโรคสาระพัดกว่า1,291โรคเลย,เรียนจบสูงๆตำแหน่งบ้านเมืองใหญ่โตแต่โคตรควายโคตรวัว พวกสะพานบรมสะพานควายบรมโคตรสะพานวัวโดยแท้.เสียดายอำนาจที่เหยียบไว้จริงๆหาก่อคุณประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนและชาติไทยห่าอะไร,เขาจะยิงกระสุนใส่ตนเองยังโง่ไม่รู้อีก แค่เปลี่ยนเป็นสงครามเข็มเท่านั้น ผู้ปกครอง&ผู้นำผู้มีอำนาจที่กาก&กระจอกปกครองแผ่นดิน มันเลยสาระพัดเหี้ยเลวระยำบัดสบไปหมด.
    ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก
    เรื่องใหญ่มากๆ

    ถ้าอยู่ภายใต้
    จะเกิดหลายเรื่องเช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดเวลาหาแสง สอบสวนกลางห้ามใช้แถลงข่าว

    กรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ถูกผู้ก่อเหตุนำโดยนายจารุเวศ พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี บุกทำร้ายร่างกายระหว่างแถลงข่าวดำเนินคดีกับ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" อินฟลูเอนเซอร์ ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ออกระเบียบห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวโดยเด็ดขาด

    สืบเนื่องจากปัจจุบัน มีบุคคลหลายกลุ่มหลายคณะ มาใช้สถานที่ศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ของตำรวจสอบส่วนกลางจำนวนมาก หลายครั้งเกิดเหตุการณ์รุนแรง มีการใช้กำลัง ทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ เพื่อความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยจึงต้องออกกฎระเบียบดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวที่หน้าศูนย์แจ้งความตำรวจสอบสวนกลางโดยเด็ดขาด 2. หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก

    3. ประชาชนที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางหรือตัวแทน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน และ 4. ห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำไลฟ์สด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณี

    ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ในตอนหนึ่งกล่าวถึงกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นักการเมืองพรรคภูมิใจไทย นำพยานรายหนึ่ง อ้างว่า 1 ใน 18 บอสคดีดิไอคอน ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเป็นคริปโตเคอร์เรนซี ปรากฎว่าพยานสารภาพว่าข้อมูลมั่ว ไม่มีที่มา เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา โดยอ้างว่าถามจากเพื่อนและเสิร์ชหาทางเว็บไซต์โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริง คาดว่าอยากเรียกร้องความสนใจ

    “ขอบคุณผู้ที่มีจิตอาสาทุกคนที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ไม่อยากให้เข้ามาเพื่อหาแสง เพราะตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแสงมันจ้าไปหมด คนถึงเข้ามากัน จึงขอเตือนบางคน ข้อมูลต่างๆ ถ้าคิดว่าจะช่วยเหลือสังคมจะต้องแม่นกฎหมาย ต้องรู้ว่าการกระทำจะไม่หมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย หากเข้ามาแล้วสร้างความวุ่นวาย สร้างความไขว้เขว อันนี้ต้องว่ากัน”

    สำหรับศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งอยู่ที่กองปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวบรวมหน่วยงานในสังกัด 6 หน่วยงานมารวมกันที่นี่

    #Newskit #ตำรวจสอบสวนกลาง
    หมดเวลาหาแสง สอบสวนกลางห้ามใช้แถลงข่าว กรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ถูกผู้ก่อเหตุนำโดยนายจารุเวศ พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี บุกทำร้ายร่างกายระหว่างแถลงข่าวดำเนินคดีกับ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" อินฟลูเอนเซอร์ ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ออกระเบียบห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวโดยเด็ดขาด สืบเนื่องจากปัจจุบัน มีบุคคลหลายกลุ่มหลายคณะ มาใช้สถานที่ศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ของตำรวจสอบส่วนกลางจำนวนมาก หลายครั้งเกิดเหตุการณ์รุนแรง มีการใช้กำลัง ทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ เพื่อความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยจึงต้องออกกฎระเบียบดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวที่หน้าศูนย์แจ้งความตำรวจสอบสวนกลางโดยเด็ดขาด 2. หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก 3. ประชาชนที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางหรือตัวแทน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน และ 4. ห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำไลฟ์สด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณี ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ในตอนหนึ่งกล่าวถึงกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นักการเมืองพรรคภูมิใจไทย นำพยานรายหนึ่ง อ้างว่า 1 ใน 18 บอสคดีดิไอคอน ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเป็นคริปโตเคอร์เรนซี ปรากฎว่าพยานสารภาพว่าข้อมูลมั่ว ไม่มีที่มา เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา โดยอ้างว่าถามจากเพื่อนและเสิร์ชหาทางเว็บไซต์โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริง คาดว่าอยากเรียกร้องความสนใจ “ขอบคุณผู้ที่มีจิตอาสาทุกคนที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ไม่อยากให้เข้ามาเพื่อหาแสง เพราะตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแสงมันจ้าไปหมด คนถึงเข้ามากัน จึงขอเตือนบางคน ข้อมูลต่างๆ ถ้าคิดว่าจะช่วยเหลือสังคมจะต้องแม่นกฎหมาย ต้องรู้ว่าการกระทำจะไม่หมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย หากเข้ามาแล้วสร้างความวุ่นวาย สร้างความไขว้เขว อันนี้ต้องว่ากัน” สำหรับศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งอยู่ที่กองปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวบรวมหน่วยงานในสังกัด 6 หน่วยงานมารวมกันที่นี่ #Newskit #ตำรวจสอบสวนกลาง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่
    วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่ วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
    .
    แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
    .
    ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
    .
    หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
    .
    นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
    .
    ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
    .
    นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
    .
    ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
    .
    ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
    .
    ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
    .
    ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
    .
    ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
    .
    โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
    .
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
    .
    จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
    .
    ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
    .
    ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
    .
    แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
    .
    ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
    .
    ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
    .
    จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
    .
    ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
    .
    ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?!
    .
    นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท
    .
    คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง
    ..............
    Sondhi X
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา . แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง . ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท . หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง . นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน . ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ . นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ . ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม . ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง . ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา . ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566 . ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง . โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ . หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 . จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม . ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด . ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที . แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง . ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง . ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น . จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน . ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา . ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว . เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?! . นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท . คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1226 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.4

    หมดเวลาคุย "ฆ่าล้างโคตรยิวระยำสัดกะหมา" เฮซบอเลาะห์และพวกพ้องยังดาหน้าไล่ถล่มขีปนาวุธเละเทะ ร่างกระจุย สมใจนึกวังบูรพายิ่งนัก! เมื่ออียิวเสี้ยนอยากตายโหง 3 ฮอ ไม่รีรอ ส่งไปหายมบาลรายวัน วันละ 1000 ตัว ทุกทิศทั่วประเทศ จนกว่ามันจะหน้ามืดงัดนุ๊กกระจ๊อกออกมาใช้ นั่นคือ "ปิดเกมส์ทันที" รู้เค้ารู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 101 ครั้ง แผนอิหร่านคือบีบให้อียิวเผยธาตุแท้จนหมดเปลือก เลบานอนกลายเป็นแหล่งรวบรวมยอดมนุษย์ไปแล้ว มากันหมดโลกอาหรับ แม้แต่อีไก่งวงส่งเรือรบมาทั้งฝูง อ้างมาหิ้วชาวตุรกีกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย เนียนจุงเบยน่ะ คนมารับเยอะกว่าคนจะไป ไอ้สัส! ชัดเจน บีบอีฟาโรห์ อย่าเล่น 2 หน้า จำใจส่งอีแอบเข้าร่วมกระทืบยิวเบื้องหลัง หาไม่แล้ว พื้นที่กันชนอาจถูกอียิวเขมือบแน่ ความเป็นจริงคือ อียิวมันหมดประโยชน์ต่างหากล่ะ พวกมรึงถึงได้เทกันกระหน่ำเยี่ยงนี้ แม้แต่ UN ก็ช่วยมรึงไม่ได้ เพราะเสือกไปถล่มค่ายทหาร UN โชว์กร่างจนโลกเอือมระอา ทำไมอียิวถึงต้องจัดใหญ่ เล่นแรง กลายร่างเป็นอันธพาลเต็มตัว เหตุผลคือ 1.ย้ายแผ่นดินหาบ้านใหม่ 2.ชักดาบหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายได้จริง 3.ทำลายเยรูซาเล็มให้สิ้นซาก กูไม่ได้ ใครก็ต้องไม่ได้ คุ้นมั้ย..คำนี้? ด้านเหี้ย C ในไทย ผลงานต่ำตมสุดขีด ประกาศรับสมัครหน่วยข่าวกรองขายชาติ ใครอยากจะล้มวัง ทำลายแผ่นดินทองคำ เชิญมาสมัครได้ กูมีผลตอบแทนเป็นเศากระดาษเปล่าที่ขายใครไม่ได้ เพราะกูพิมพ์แจกไม่อั้น ควายไทยบัดซบ ควายไทขายชาติ แห่กันเข้าสมัคร กองทัพรู้เช่นเห็นชาติ มีรอชื่อรอดักไว้หมดแล้ว งานนี้ถูกชำระล้างครั้งใหญ่แน่ เพราะมรึงเปิดไพ่เสี่ยง ความมั่นคงชาติ ไม่ปล่อยให้ใครมากำแหงในแผ่นดินพ่อ ทุกคดีที่เอี่ยวล้มวัง แยกดินแดน ก่อการร้า มาจากเหี้ย C ทั้งหมด วังรู้ กองทัพรู้ จีน รัสเซีย ก็รู้ เค้าถึงได้วางหมากกับดักรอล่อมรึงอยู่เนี่ยไงล่ะ? เปิดหน้ากันหมดแล้ว เหี้ยขาลง รึจะสู้ขั้วใหม่ไฉไลโลก ไทยเราเดินแผน "กฎหมายสักดิ์สิทธิ์" ล่อทุกองคาพยพ ทั้งหน่วยงานราชการขี้ข้าเหี้ย ทุนนิยมเหี้ยสามานย์ พรรคการเมือง แหล่งฟอกเงินสีเทา ที่เอามาทำลายล้างแผ่นดินพ่อกู เบื้องบนรู้ทุกอย่าง และเตรียมต้อนรับอย่างสาสม เชื่อกูดิ มันส์พะยะค่ะ? ไอ้อีขายชาติ ชังชาติ ตอนนี้ ทะยอยหนีออกนอกกันหมดแล้ว ถึงต้องรับเหี้ยชุดใหม่ แล้วทหารก็ไม่รอช้า ส่งสายลับเข้าไปสมัครกับเค้าด้วยสิ? แฉหมดเปลือก หลักฐานมี พยานมี ภัยความมั่นคง ดอกนี้ระดับชาติ จะไร้หลักฐานมัดแน่นไม่ได้ แต่เมื่อแสงทำงานแล้ว ไม่ว่าอะไร ก็หยุดความจริงไม่ได้เช่นกัน ศาลใหญ่ จะดาหน้ากันลงดาบพายุหมุนกันไปเลยทีเดียว ช้าแต่ชัวร์ ช้าแต่มั่นคง ช้าแต่มีคำตอบให้โลกประจักษ์ได้ว่า การมีอยู่ของอเมริกาทั่วโลก นั่นคือก่อการร้ายที่บั่นทอนความมั่นคงนานาชาติที่ผ่านมา เมื่อจีน รัสเซีย อุ้มไทย ถึงเวลาต้องเปิดหน้าชน ก็จะชนแบบมีสติ ใช้ปัญญา และกฎหมาย ความจริงและความถูกต้อง คือพลังแห่งแสง ที่เอาชนะทุกความอัปรีย์จัญไรได้หมด ไม่นานเกินรอ เพราะมันสุกงอมหมดแล้ว ทั้งเรื่องเกมส์โลก และเกมส์ไทย! ด้าน ดิ ไอคอน ตอนเปิดตัวอลังการ แผน 18 มงกุฎ เข้าข่ายทำลายเศรษฐกิจไทย บั่นทอนความมั่นคง ปากท้องชาวบ้านเสียหายหนัก เพราะโลภ เพราะอยากมี อยากได้ เพราะคิดว่าหาเงินง่าย ก็เป็นเหยื่อไปสิ? งานนี้ เบื้องบนสั่งฟันไม่ไว้หน้าไอ้อีใครทั้งนั้น มันแค่เครื่องมือที่ทหารใช้จัดการทุนมืด ทุนสีเทา แหล่งฟอกเงิน แหล่งรายได้ ที่เอามาทำลายประเทศต่อเนื่องนั่นเอง ทุกโซเชี่ยลที่กูเคยบอก ไอ้ที่อวดรวย โชว์กร่าง นั่นคือขบวนการฟอกเงินทั้งนั้น "หมายังรู้" หน่วยข่าวกรองทำไมจะไม่รู้ เนื่องจากวันนี้ เป็นวันสวรรคตรัชกาลที่ 9 ขอให้มรึงจำจงดี "ความดีที่พ่อทำมาตลอดชีวิต มันคือเกราะคุ้มครองภัย ให้สยามประเทศยั่งยืนยง" เพราะพอเพียง เพราะลด ละ เลิก คือทางรอดเดียวของไทยที่ผ่านมา พ่อเล็งเห็นแล้วว่า จุดจบของทุนนิยมเหี้ยสามานย์จะลากผู้บริสุทธิ์ไปตายห่าเท่าไหร่? ถึงได้เตือนสติเรามาโดยตลอด พอคือสุข ไม่อยากคือหมดทุกข์ พอเพียงคือพอใจ สุขเท่าที่มี กินเท่าที่ใช้ สัจธรรมทั้งนั้น ไม่เบียดเบียนใคร ก็ไร้กังวล พึ่งพาตนเอง อย่าแบมือขอใคร ชัดเจนว่า แม้พ่อท่านจะอยู่บนสรวลสวรรค์แล้ว แต่คำพูดของพ่อยังอยู่ในใจคนทั้งแผ่นดินเสมอมา "คนดีศรีอโยธยามีมากกว่าคนชั่ว" ไม่งั้น แผ่นดินคงจะสิ้นไปนานแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้มีธรรม มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ขอพ่อท่านอย่าได้กังวล เพราะพ่อหลวงองค์ใหม่ ไม่ธรรมดา พระบารมีสูงส่ง ไม่พูดแต่ทำ ไม่ต้องขอ ช่วยทันทีเสมอมา ท่านเดินตามรอยพ่อเป๊ะเด๊ะ แสงจะเปร่งประกายได้เต็มที่ ยามที่คนดีดี ตั้งจิตอธิษฐานส่งใจให้พ่อหลวงทุกพระองค์ที่สร้างแผ่นดินทองคำนี้ขึ้นมา บุญคุณแผ่นดินไม่มีลืมเลือน! กลับมาสู่โลกโหดร้ายกันต่อ : โลกขานรับ ไล่กระทืบมะเร็งร้ายอียิวสลัดหมา พ่วงอีขี้ข้าเหี้ยมะกัน ตายห่ายกโคตร ยืมมือขั้วใหม่เก็บเหี้ยมะกัน ยุโรป เพื่อบ้านใหม่มรึง ขณะที่ขั้วใหม่ ก็ได้กำจัดขี้ข้ามรึงสิ้นซาก แล้วคืนบ้านเก่าให้ปาเลสไตน์เต็มพื้นที่ แต่มรึงรู้มั้ยว่า แขนขามรึงขาดไปแล้ว ยังจะเหลือใครช่วยมรึงได้อีก? โลกอาหรับจึงลงแขกมรึงอย่างสาหัส เป็นไปตามแผนการรบสงครามครูเสดยุคใหม่ไงล่ะ? รัสเซีย จีน จึงไม่ต้องเหนื่อย แค่ส่งอาวุธเติมให้ไม่อั้นก็พอ แล้วรอดูอียิวเหี้ยขี้แตกรายวัน! อิหร่านได้เตรียมปิดเกมส์นี้ไว้นานแล้ว "ไฮเปอร์โซนิค 15 มัค พ่วงหัวรบนิวเคลียร์ 100 ลูก" จบทันที ไม่มีภาคต่อ? อียิวมันก็นกรู้ ถามว่ามันจะยอมตายจริงมั้ย? เกมส์เดินไปตามสเตปของมัน อียิวยังหาบ้านใหม่ไม่ได้ เพราะ CIVIL WAR ยังไม่มา? เหี้ยมะกันมันจ้องจะฆ่ากันอยู่แล้ว สภาพวันนี้ TRUMP LAND vs NEW ZIONIST LAND จะเละเทะทั้งคู่ แผนแตกอเมริกาเกิดจากภายในทั้งสิ้น? การลอบฆ่าจะก่อเกิด ชงสถานการณ์ให้ไปสู่ภาวะฉุกเฉิน แผนอีตาเพนเค้า ล่อคนลงถนน เอาปืนมาไล่ยิงกัน แบบในหนังคาวบอยที่มรึงถนัด! ยุโรปจะถูกมุสลิมกลืนไปอย่างช้าๆ ไอ้อีผิวขาวจะย้ายรกรากมาเอเซียกันเพี๊ยบ ประเทศมหาอำนาจเก่าจะกลายร่างเป็นชาติยากจนซะงั้น เพราะหมดตูดจากสงคราม กว่าจะฟื้นต้องปูอีก 50 ปี เพราะเอเซียแซงหน้าไปไกลแล้ว ต่อไปอียุโรปจะเข้าอาเซียน ต้องถูกคัดกรอง VISA มากยิ่งขึ้น ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรไปหมด แบบที่มรึงไม่เคยคิดมาก่อน?

    ปล.เมื่อระบบป้องกันภัยทางอากาศอิหร่าน และตุรกี ร่วมประสานมือกัน โลกอาหรับได้อานิสงค์ ที่มาว่าทำไม อาหรับใหม่ ไม่กลัวอาวุธเหี้ย NATO อีกต่อไป หลังเฮซบอเลาะห์ ฮูตี ฮามาส ซีเรียบ อิรัก เยเมน โชว์ผลงานมาสเตอร์พีซ ขีปนาวุธเจ๋งกว่าไอ้อีตะวันตก ระบบป้องกันภัยหลายชั้น หลากหลายมากกว่า ยิ่งได้ AI จีน ยิ่งฉลาดล้ำกว่าเก่า เมื่ออียิวนายใหญ่เหี้ยสากลโลก ตายคาตรีนขั้วใหม่ การปลดแอกทั่วโลกจึงจะตามมา และทุกชาติจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด เหมือนที่ BRICS นำโลกอยู่ตอนนี้ อะไรน่ะ? ครม.อียิวชะลอการเอาคืนอิหร่าน จริงดิ? ไอ้ที่มรึงโดนอยู่ทุกนาทีตอนนี้ ยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอ? ยังจะมีปัญญาเอาคืนอีกเหรอ? จะเห่าแหกตาดูความจริงหน่อย? มรึงถูกไล่ฆ่า ถูกลงแขก จะเหลือเหี้ยอะไรไปสวนเค้า เค้าบีบให้มรึงใช้นุ๊กไงล่ะ? ใช้สิ จะได้จบเร็วจริง ไม่ต้องรอวันตายนานเกิน? NATO แตกแล้วในเชิงพฤตินัย EU แตกแล้ว ในเชิงความร่วมมือ ฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก เดินกันคนละทิศ คนละทาง เพราะไม่มีใครเอาใครอยู่ได้อีกแล้ว? โครแอตออกตัว ออสเตรียออกลาย เชกออกพริ้ว ฮังการี เบลารุส เซอร์เบียนำ ตามกันหมดแล้ว พลังงานยั่งยืนรออยู่ การค้า โลจิสติค ตามมา ใครจะเอา EU ที่ไม่เหลือเหี้ยอะไรอีก มีแต่จ่าย มีแต่สงคราม ควายยังคิดได้? อิหร่านพร้อม MIG-29 ทั้งฝูง รอต้อนรับบินรบเหี้ยยิวอย่างใจจดใจจ่อ โดนแน่ หากเข้าน่านฟ้าเตหะราน เก็บ SU-35 อัพเกรดเฉพาะกิจ เป็นอาวุธลับ ไม่บอก รัสเซียเติมอะไรเพิ่มให้ คนขับไปฝึกที่มอสโคว์มา 2 ปีเต็ม ครูฝึกรัสเซียตัวพ่อมาเอง ควบคุม กำกับเอง มาดิ ไอ้สัส! F-35 กระจอกงอกง่อย ส่งมาเลย กูกำลังอยากจะหาเป้าซ้อมมือเล่น? อาวุธอิหร่านมีความหลากหลายมากที่สุดในโลกอาหรับ แม้แต่กองทัพใหญ่อย่างอีไก่งวง ยังต้องขอดูผลงานอิหร่าน มันแจ่มถึงใจจุงเบย อีแอร์โดกัน ถูกเหี้ยยิวปั่นภายใน ถึงเวลาต้องออกตัวแรง ซัดกลับอียิว ผ่านเลบานอน ไงล่ะ? เอาคืนทบต้น ทบดอก ให้เกลี้ยง! ข้ามวิกแป๊บ : เป็นไปตามคาด กูรู เตือนแล้ว หลังแจก 10000 ให้ควาย เศรษฐกิจเงียบกริบ คนยากไม่ใช้เงิน เก็บ จ่ายหนี้ จ่ายดอก เงินหายไปไหนกันหมด ไปอยู่กับเจ้าหนี้เงินกู้ไงล่ะ? ควายยังรู้ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ! แจกหมดแล้ว ยังไงต่อ? กระตุ้นเหี้ยอะไรได้อีก? กฎหมายตามมาเช็คบิล เตรียมรอคุกได้เลย แสนล้าน ไม่ใช่เงินมรึง แต่ทรัพย์สินพวกมรึงจะถูกเรียกคืนชัวร์! จ่ายต่ออีกน่ะ หากใจไม่ด้านพอ มรึงตั้งใจอย่างเดียว แค่บ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ บ่อนทำลายวัง เพื่อให้ไทยอ่อนแอ ตามใบสั่ง CIA ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง ถึงได้ปล่อยให้มรึงเล่นไงล่ะ เพราะผลลัพธ์มันรออยู่ปลายทางแล้ว! จบที่ศาลหมดทุกไอ้อี? อีพ่อเหลี่ยมมรึงสติแตกแล้ว หลังถูกหักหลังรายวัน อะไรที่กร่างไว้ อะไรที่มั่น ตอนนี้ มันพลิกตลบหลัง โดนไล่เช็คบิลทุกดอก พรรคก็ไม่รอด อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ เข้าตัวทุกดอก โดนทุกเม็ด ได้แต่ยื้อ ทหารไม่รอนาน ส่งศาลฟันลงดาบคือจบทันที! นักการเมืองเหี้ยจะหอบทรัพย์สินหนีตายกันจ้าละหวั่น สภาพสิ้นเนื้อประดาตัว ไฮโซรวยฟอกเงิน ดารารวยเงินสีเทา ทุนมืด ไปหมด ใครมีศีลจะรอด? ใครโลภจะคุก? ศรีธนญชัยเดินเกมส์รัดกุม ไม่รีบเร่ง ไม่ต้องอกตัวเยอะ เดี๋ยวเหี้ยมันดิ้นเอง แฉเอง หลักฐานมาเอง เพราะเหี้ยมันย่อมเอาตัวมันรอดก่อนใคร? ไม่มีมิตรแท้ อีเรืองไกร HOT ยื่นฟ้อง 20 คดี โดนแค่ 1 ก็คุกยาวแล้ว กะไม่ให้ได้ผุดได้เกิดกันเลยเหรอ? แผนบีบเหี้ยเผ่นออกนอกมาเต็ม ไปกันให้หมดน่ะจ๊ะ เข้าใจเกมส์ยัง? มีคนชง ศาลตบ ทหารคุมพื้นที่ แสงทำงานเร็วเสมอ? อีอุ้งอุ้ง ไม่รอด ล่อเด้ง ไม่รอนาน? มาตามสูตร รู้ล่วงหน้าแล้ว แค่ขอเข้า HALL OF FLAME แต่มันไม่จบน่ะสิ เพราะพรรคไปด้วยทั้งกะปิ จะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเนี่ย? เข้าสูตรยังล่ะ? ทหารกระดิกตรีนรอ เวลาพวกมรึงใกล้จะหมดแล้ว? เหี้ยให้สุด ระยำให้เต็มที่ได้เลย เวลาโดนมันจะได้ไม่คาใจ? เพราะงานนี้ทหารไม่มียั้งมือ กระทืบซ้ำ เผาส่งขึ้นเมรุทันที!

    หมี CNN(ทำดี คนจำ ทำเหี้ย คนแค้น ทำนิ่ง คนด่า ไม่ทำห่าอะไรเลย คนแช่ง สรุปคือ ผลของการกระทำคือตัววัดชะตากรรมมรึงเอง เกมส์โลกต้องจบ เกมส์ไทยต้องโหด ไม่ใช่เวลาโลกสวย แรงเท่าที่จำเป็น อ่อนเท่าที่จะทำได้ อเมริกาใกล้จุดจบ เลือกตั้งคือ D-DAY เผาอเมริกานั่นเอง รอดูความวินาศฉิบหาย CIVIL WAR มาเต็ม เสี้ยนจะฆ่ากันเต็มเหนี่ยว เอาให้เต็มที่ อียิวเชียร์ใจขาดดิ้น เหยื่อคือควายโง่ดักดาน สู้ให้ตาย มรึงก็ไม่ได้อะไรเลย แค่ขี้ข้า)
    13 ตุลาคม 67
    11.28 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172879387847403322
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    13-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.4 หมดเวลาคุย "ฆ่าล้างโคตรยิวระยำสัดกะหมา" เฮซบอเลาะห์และพวกพ้องยังดาหน้าไล่ถล่มขีปนาวุธเละเทะ ร่างกระจุย สมใจนึกวังบูรพายิ่งนัก! เมื่ออียิวเสี้ยนอยากตายโหง 3 ฮอ ไม่รีรอ ส่งไปหายมบาลรายวัน วันละ 1000 ตัว ทุกทิศทั่วประเทศ จนกว่ามันจะหน้ามืดงัดนุ๊กกระจ๊อกออกมาใช้ นั่นคือ "ปิดเกมส์ทันที" รู้เค้ารู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 101 ครั้ง แผนอิหร่านคือบีบให้อียิวเผยธาตุแท้จนหมดเปลือก เลบานอนกลายเป็นแหล่งรวบรวมยอดมนุษย์ไปแล้ว มากันหมดโลกอาหรับ แม้แต่อีไก่งวงส่งเรือรบมาทั้งฝูง อ้างมาหิ้วชาวตุรกีกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย เนียนจุงเบยน่ะ คนมารับเยอะกว่าคนจะไป ไอ้สัส! ชัดเจน บีบอีฟาโรห์ อย่าเล่น 2 หน้า จำใจส่งอีแอบเข้าร่วมกระทืบยิวเบื้องหลัง หาไม่แล้ว พื้นที่กันชนอาจถูกอียิวเขมือบแน่ ความเป็นจริงคือ อียิวมันหมดประโยชน์ต่างหากล่ะ พวกมรึงถึงได้เทกันกระหน่ำเยี่ยงนี้ แม้แต่ UN ก็ช่วยมรึงไม่ได้ เพราะเสือกไปถล่มค่ายทหาร UN โชว์กร่างจนโลกเอือมระอา ทำไมอียิวถึงต้องจัดใหญ่ เล่นแรง กลายร่างเป็นอันธพาลเต็มตัว เหตุผลคือ 1.ย้ายแผ่นดินหาบ้านใหม่ 2.ชักดาบหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายได้จริง 3.ทำลายเยรูซาเล็มให้สิ้นซาก กูไม่ได้ ใครก็ต้องไม่ได้ คุ้นมั้ย..คำนี้? ด้านเหี้ย C ในไทย ผลงานต่ำตมสุดขีด ประกาศรับสมัครหน่วยข่าวกรองขายชาติ ใครอยากจะล้มวัง ทำลายแผ่นดินทองคำ เชิญมาสมัครได้ กูมีผลตอบแทนเป็นเศากระดาษเปล่าที่ขายใครไม่ได้ เพราะกูพิมพ์แจกไม่อั้น ควายไทยบัดซบ ควายไทขายชาติ แห่กันเข้าสมัคร กองทัพรู้เช่นเห็นชาติ มีรอชื่อรอดักไว้หมดแล้ว งานนี้ถูกชำระล้างครั้งใหญ่แน่ เพราะมรึงเปิดไพ่เสี่ยง ความมั่นคงชาติ ไม่ปล่อยให้ใครมากำแหงในแผ่นดินพ่อ ทุกคดีที่เอี่ยวล้มวัง แยกดินแดน ก่อการร้า มาจากเหี้ย C ทั้งหมด วังรู้ กองทัพรู้ จีน รัสเซีย ก็รู้ เค้าถึงได้วางหมากกับดักรอล่อมรึงอยู่เนี่ยไงล่ะ? เปิดหน้ากันหมดแล้ว เหี้ยขาลง รึจะสู้ขั้วใหม่ไฉไลโลก ไทยเราเดินแผน "กฎหมายสักดิ์สิทธิ์" ล่อทุกองคาพยพ ทั้งหน่วยงานราชการขี้ข้าเหี้ย ทุนนิยมเหี้ยสามานย์ พรรคการเมือง แหล่งฟอกเงินสีเทา ที่เอามาทำลายล้างแผ่นดินพ่อกู เบื้องบนรู้ทุกอย่าง และเตรียมต้อนรับอย่างสาสม เชื่อกูดิ มันส์พะยะค่ะ? ไอ้อีขายชาติ ชังชาติ ตอนนี้ ทะยอยหนีออกนอกกันหมดแล้ว ถึงต้องรับเหี้ยชุดใหม่ แล้วทหารก็ไม่รอช้า ส่งสายลับเข้าไปสมัครกับเค้าด้วยสิ? แฉหมดเปลือก หลักฐานมี พยานมี ภัยความมั่นคง ดอกนี้ระดับชาติ จะไร้หลักฐานมัดแน่นไม่ได้ แต่เมื่อแสงทำงานแล้ว ไม่ว่าอะไร ก็หยุดความจริงไม่ได้เช่นกัน ศาลใหญ่ จะดาหน้ากันลงดาบพายุหมุนกันไปเลยทีเดียว ช้าแต่ชัวร์ ช้าแต่มั่นคง ช้าแต่มีคำตอบให้โลกประจักษ์ได้ว่า การมีอยู่ของอเมริกาทั่วโลก นั่นคือก่อการร้ายที่บั่นทอนความมั่นคงนานาชาติที่ผ่านมา เมื่อจีน รัสเซีย อุ้มไทย ถึงเวลาต้องเปิดหน้าชน ก็จะชนแบบมีสติ ใช้ปัญญา และกฎหมาย ความจริงและความถูกต้อง คือพลังแห่งแสง ที่เอาชนะทุกความอัปรีย์จัญไรได้หมด ไม่นานเกินรอ เพราะมันสุกงอมหมดแล้ว ทั้งเรื่องเกมส์โลก และเกมส์ไทย! ด้าน ดิ ไอคอน ตอนเปิดตัวอลังการ แผน 18 มงกุฎ เข้าข่ายทำลายเศรษฐกิจไทย บั่นทอนความมั่นคง ปากท้องชาวบ้านเสียหายหนัก เพราะโลภ เพราะอยากมี อยากได้ เพราะคิดว่าหาเงินง่าย ก็เป็นเหยื่อไปสิ? งานนี้ เบื้องบนสั่งฟันไม่ไว้หน้าไอ้อีใครทั้งนั้น มันแค่เครื่องมือที่ทหารใช้จัดการทุนมืด ทุนสีเทา แหล่งฟอกเงิน แหล่งรายได้ ที่เอามาทำลายประเทศต่อเนื่องนั่นเอง ทุกโซเชี่ยลที่กูเคยบอก ไอ้ที่อวดรวย โชว์กร่าง นั่นคือขบวนการฟอกเงินทั้งนั้น "หมายังรู้" หน่วยข่าวกรองทำไมจะไม่รู้ เนื่องจากวันนี้ เป็นวันสวรรคตรัชกาลที่ 9 ขอให้มรึงจำจงดี "ความดีที่พ่อทำมาตลอดชีวิต มันคือเกราะคุ้มครองภัย ให้สยามประเทศยั่งยืนยง" เพราะพอเพียง เพราะลด ละ เลิก คือทางรอดเดียวของไทยที่ผ่านมา พ่อเล็งเห็นแล้วว่า จุดจบของทุนนิยมเหี้ยสามานย์จะลากผู้บริสุทธิ์ไปตายห่าเท่าไหร่? ถึงได้เตือนสติเรามาโดยตลอด พอคือสุข ไม่อยากคือหมดทุกข์ พอเพียงคือพอใจ สุขเท่าที่มี กินเท่าที่ใช้ สัจธรรมทั้งนั้น ไม่เบียดเบียนใคร ก็ไร้กังวล พึ่งพาตนเอง อย่าแบมือขอใคร ชัดเจนว่า แม้พ่อท่านจะอยู่บนสรวลสวรรค์แล้ว แต่คำพูดของพ่อยังอยู่ในใจคนทั้งแผ่นดินเสมอมา "คนดีศรีอโยธยามีมากกว่าคนชั่ว" ไม่งั้น แผ่นดินคงจะสิ้นไปนานแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้มีธรรม มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ขอพ่อท่านอย่าได้กังวล เพราะพ่อหลวงองค์ใหม่ ไม่ธรรมดา พระบารมีสูงส่ง ไม่พูดแต่ทำ ไม่ต้องขอ ช่วยทันทีเสมอมา ท่านเดินตามรอยพ่อเป๊ะเด๊ะ แสงจะเปร่งประกายได้เต็มที่ ยามที่คนดีดี ตั้งจิตอธิษฐานส่งใจให้พ่อหลวงทุกพระองค์ที่สร้างแผ่นดินทองคำนี้ขึ้นมา บุญคุณแผ่นดินไม่มีลืมเลือน! กลับมาสู่โลกโหดร้ายกันต่อ : โลกขานรับ ไล่กระทืบมะเร็งร้ายอียิวสลัดหมา พ่วงอีขี้ข้าเหี้ยมะกัน ตายห่ายกโคตร ยืมมือขั้วใหม่เก็บเหี้ยมะกัน ยุโรป เพื่อบ้านใหม่มรึง ขณะที่ขั้วใหม่ ก็ได้กำจัดขี้ข้ามรึงสิ้นซาก แล้วคืนบ้านเก่าให้ปาเลสไตน์เต็มพื้นที่ แต่มรึงรู้มั้ยว่า แขนขามรึงขาดไปแล้ว ยังจะเหลือใครช่วยมรึงได้อีก? โลกอาหรับจึงลงแขกมรึงอย่างสาหัส เป็นไปตามแผนการรบสงครามครูเสดยุคใหม่ไงล่ะ? รัสเซีย จีน จึงไม่ต้องเหนื่อย แค่ส่งอาวุธเติมให้ไม่อั้นก็พอ แล้วรอดูอียิวเหี้ยขี้แตกรายวัน! อิหร่านได้เตรียมปิดเกมส์นี้ไว้นานแล้ว "ไฮเปอร์โซนิค 15 มัค พ่วงหัวรบนิวเคลียร์ 100 ลูก" จบทันที ไม่มีภาคต่อ? อียิวมันก็นกรู้ ถามว่ามันจะยอมตายจริงมั้ย? เกมส์เดินไปตามสเตปของมัน อียิวยังหาบ้านใหม่ไม่ได้ เพราะ CIVIL WAR ยังไม่มา? เหี้ยมะกันมันจ้องจะฆ่ากันอยู่แล้ว สภาพวันนี้ TRUMP LAND vs NEW ZIONIST LAND จะเละเทะทั้งคู่ แผนแตกอเมริกาเกิดจากภายในทั้งสิ้น? การลอบฆ่าจะก่อเกิด ชงสถานการณ์ให้ไปสู่ภาวะฉุกเฉิน แผนอีตาเพนเค้า ล่อคนลงถนน เอาปืนมาไล่ยิงกัน แบบในหนังคาวบอยที่มรึงถนัด! ยุโรปจะถูกมุสลิมกลืนไปอย่างช้าๆ ไอ้อีผิวขาวจะย้ายรกรากมาเอเซียกันเพี๊ยบ ประเทศมหาอำนาจเก่าจะกลายร่างเป็นชาติยากจนซะงั้น เพราะหมดตูดจากสงคราม กว่าจะฟื้นต้องปูอีก 50 ปี เพราะเอเซียแซงหน้าไปไกลแล้ว ต่อไปอียุโรปจะเข้าอาเซียน ต้องถูกคัดกรอง VISA มากยิ่งขึ้น ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรไปหมด แบบที่มรึงไม่เคยคิดมาก่อน? ปล.เมื่อระบบป้องกันภัยทางอากาศอิหร่าน และตุรกี ร่วมประสานมือกัน โลกอาหรับได้อานิสงค์ ที่มาว่าทำไม อาหรับใหม่ ไม่กลัวอาวุธเหี้ย NATO อีกต่อไป หลังเฮซบอเลาะห์ ฮูตี ฮามาส ซีเรียบ อิรัก เยเมน โชว์ผลงานมาสเตอร์พีซ ขีปนาวุธเจ๋งกว่าไอ้อีตะวันตก ระบบป้องกันภัยหลายชั้น หลากหลายมากกว่า ยิ่งได้ AI จีน ยิ่งฉลาดล้ำกว่าเก่า เมื่ออียิวนายใหญ่เหี้ยสากลโลก ตายคาตรีนขั้วใหม่ การปลดแอกทั่วโลกจึงจะตามมา และทุกชาติจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด เหมือนที่ BRICS นำโลกอยู่ตอนนี้ อะไรน่ะ? ครม.อียิวชะลอการเอาคืนอิหร่าน จริงดิ? ไอ้ที่มรึงโดนอยู่ทุกนาทีตอนนี้ ยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอ? ยังจะมีปัญญาเอาคืนอีกเหรอ? จะเห่าแหกตาดูความจริงหน่อย? มรึงถูกไล่ฆ่า ถูกลงแขก จะเหลือเหี้ยอะไรไปสวนเค้า เค้าบีบให้มรึงใช้นุ๊กไงล่ะ? ใช้สิ จะได้จบเร็วจริง ไม่ต้องรอวันตายนานเกิน? NATO แตกแล้วในเชิงพฤตินัย EU แตกแล้ว ในเชิงความร่วมมือ ฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก เดินกันคนละทิศ คนละทาง เพราะไม่มีใครเอาใครอยู่ได้อีกแล้ว? โครแอตออกตัว ออสเตรียออกลาย เชกออกพริ้ว ฮังการี เบลารุส เซอร์เบียนำ ตามกันหมดแล้ว พลังงานยั่งยืนรออยู่ การค้า โลจิสติค ตามมา ใครจะเอา EU ที่ไม่เหลือเหี้ยอะไรอีก มีแต่จ่าย มีแต่สงคราม ควายยังคิดได้? อิหร่านพร้อม MIG-29 ทั้งฝูง รอต้อนรับบินรบเหี้ยยิวอย่างใจจดใจจ่อ โดนแน่ หากเข้าน่านฟ้าเตหะราน เก็บ SU-35 อัพเกรดเฉพาะกิจ เป็นอาวุธลับ ไม่บอก รัสเซียเติมอะไรเพิ่มให้ คนขับไปฝึกที่มอสโคว์มา 2 ปีเต็ม ครูฝึกรัสเซียตัวพ่อมาเอง ควบคุม กำกับเอง มาดิ ไอ้สัส! F-35 กระจอกงอกง่อย ส่งมาเลย กูกำลังอยากจะหาเป้าซ้อมมือเล่น? อาวุธอิหร่านมีความหลากหลายมากที่สุดในโลกอาหรับ แม้แต่กองทัพใหญ่อย่างอีไก่งวง ยังต้องขอดูผลงานอิหร่าน มันแจ่มถึงใจจุงเบย อีแอร์โดกัน ถูกเหี้ยยิวปั่นภายใน ถึงเวลาต้องออกตัวแรง ซัดกลับอียิว ผ่านเลบานอน ไงล่ะ? เอาคืนทบต้น ทบดอก ให้เกลี้ยง! ข้ามวิกแป๊บ : เป็นไปตามคาด กูรู เตือนแล้ว หลังแจก 10000 ให้ควาย เศรษฐกิจเงียบกริบ คนยากไม่ใช้เงิน เก็บ จ่ายหนี้ จ่ายดอก เงินหายไปไหนกันหมด ไปอยู่กับเจ้าหนี้เงินกู้ไงล่ะ? ควายยังรู้ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ! แจกหมดแล้ว ยังไงต่อ? กระตุ้นเหี้ยอะไรได้อีก? กฎหมายตามมาเช็คบิล เตรียมรอคุกได้เลย แสนล้าน ไม่ใช่เงินมรึง แต่ทรัพย์สินพวกมรึงจะถูกเรียกคืนชัวร์! จ่ายต่ออีกน่ะ หากใจไม่ด้านพอ มรึงตั้งใจอย่างเดียว แค่บ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ บ่อนทำลายวัง เพื่อให้ไทยอ่อนแอ ตามใบสั่ง CIA ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง ถึงได้ปล่อยให้มรึงเล่นไงล่ะ เพราะผลลัพธ์มันรออยู่ปลายทางแล้ว! จบที่ศาลหมดทุกไอ้อี? อีพ่อเหลี่ยมมรึงสติแตกแล้ว หลังถูกหักหลังรายวัน อะไรที่กร่างไว้ อะไรที่มั่น ตอนนี้ มันพลิกตลบหลัง โดนไล่เช็คบิลทุกดอก พรรคก็ไม่รอด อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ เข้าตัวทุกดอก โดนทุกเม็ด ได้แต่ยื้อ ทหารไม่รอนาน ส่งศาลฟันลงดาบคือจบทันที! นักการเมืองเหี้ยจะหอบทรัพย์สินหนีตายกันจ้าละหวั่น สภาพสิ้นเนื้อประดาตัว ไฮโซรวยฟอกเงิน ดารารวยเงินสีเทา ทุนมืด ไปหมด ใครมีศีลจะรอด? ใครโลภจะคุก? ศรีธนญชัยเดินเกมส์รัดกุม ไม่รีบเร่ง ไม่ต้องอกตัวเยอะ เดี๋ยวเหี้ยมันดิ้นเอง แฉเอง หลักฐานมาเอง เพราะเหี้ยมันย่อมเอาตัวมันรอดก่อนใคร? ไม่มีมิตรแท้ อีเรืองไกร HOT ยื่นฟ้อง 20 คดี โดนแค่ 1 ก็คุกยาวแล้ว กะไม่ให้ได้ผุดได้เกิดกันเลยเหรอ? แผนบีบเหี้ยเผ่นออกนอกมาเต็ม ไปกันให้หมดน่ะจ๊ะ เข้าใจเกมส์ยัง? มีคนชง ศาลตบ ทหารคุมพื้นที่ แสงทำงานเร็วเสมอ? อีอุ้งอุ้ง ไม่รอด ล่อเด้ง ไม่รอนาน? มาตามสูตร รู้ล่วงหน้าแล้ว แค่ขอเข้า HALL OF FLAME แต่มันไม่จบน่ะสิ เพราะพรรคไปด้วยทั้งกะปิ จะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเนี่ย? เข้าสูตรยังล่ะ? ทหารกระดิกตรีนรอ เวลาพวกมรึงใกล้จะหมดแล้ว? เหี้ยให้สุด ระยำให้เต็มที่ได้เลย เวลาโดนมันจะได้ไม่คาใจ? เพราะงานนี้ทหารไม่มียั้งมือ กระทืบซ้ำ เผาส่งขึ้นเมรุทันที! หมี CNN(ทำดี คนจำ ทำเหี้ย คนแค้น ทำนิ่ง คนด่า ไม่ทำห่าอะไรเลย คนแช่ง สรุปคือ ผลของการกระทำคือตัววัดชะตากรรมมรึงเอง เกมส์โลกต้องจบ เกมส์ไทยต้องโหด ไม่ใช่เวลาโลกสวย แรงเท่าที่จำเป็น อ่อนเท่าที่จะทำได้ อเมริกาใกล้จุดจบ เลือกตั้งคือ D-DAY เผาอเมริกานั่นเอง รอดูความวินาศฉิบหาย CIVIL WAR มาเต็ม เสี้ยนจะฆ่ากันเต็มเหนี่ยว เอาให้เต็มที่ อียิวเชียร์ใจขาดดิ้น เหยื่อคือควายโง่ดักดาน สู้ให้ตาย มรึงก็ไม่ได้อะไรเลย แค่ขี้ข้า) 13 ตุลาคม 67 11.28 น. https://linevoom.line.me/post/1172879387847403322 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม

    วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ

    ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

    ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง

    กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

    ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม

    กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

    อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน

    ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ่งต่อญาตินักเรียนและคุณครูผู้เสียชีวิต

    หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเอาจริง เอาจังดังนี้
    1. การตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์
    2. การขับขี่รถยนต์ ถ้าขับขี่ผิดกฎระเบียบ หรือวินัยจราจร ให้ระงับใบขับขี่แบบขั้นบันได ตั้งแต่ ระงับชั่วคราว จนถึง ระงับตลอดชีพ
    3. มาตรฐานการซักซ้อมความปลอดภัยให้บรรจุในหลักสูตรการศึกษาของเด็กนักเรียน

    ทุกคนไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีก 😭

    https://youtu.be/5H1pT7bfQ-I?si=F_TCN7IfRQJ7RWjg
    ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ่งต่อญาตินักเรียนและคุณครูผู้เสียชีวิต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเอาจริง เอาจังดังนี้ 1. การตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์ 2. การขับขี่รถยนต์ ถ้าขับขี่ผิดกฎระเบียบ หรือวินัยจราจร ให้ระงับใบขับขี่แบบขั้นบันได ตั้งแต่ ระงับชั่วคราว จนถึง ระงับตลอดชีพ 3. มาตรฐานการซักซ้อมความปลอดภัยให้บรรจุในหลักสูตรการศึกษาของเด็กนักเรียน ทุกคนไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีก 😭 https://youtu.be/5H1pT7bfQ-I?si=F_TCN7IfRQJ7RWjg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    #งานราชการ #งานราชการทั่วไทย #GovtJobsTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีกรมโรงงานสั่งเข้มติดตามร่วมกับกรมศุลกากรป้องกันขยะกากฝุ่นแดงพิษที่จะขนมาทางเรือจากแอลบาเนียมาทิ้งที่ไทยโดยไทยไม่อนุญาติ หลังจากปีที่แล้วไทยเคยทำหนังสือไม่ยินยอมให้เคลื่อนย้ายขยะกากพิษนี้มาไทย

    14 สิงหาคม 2567-อธิบดีกรมโรงงานฯ สั่งติดตามการขนย้ายฝุ่นแดง จากประเทศแอลบาเนีย อย่างใกล้ชิด

    นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ดำเนินการร่วมกับหน่วยข่าวกรองและส่วนงานปราบปรามของกรมศุลกากร เพื่อเฝ้าระวังและยับยั้งการขนย้ายของเสียอันตรายแบบผิดกฎหมาย (illegal traffic) คาดว่าเป็น Electric Arc Furnace (EAF) dust หรือ ฝุ่นแดง จากอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก จำนวน 816 ตัน (ประมาณ 100 ตู้คอนเทนเนอร์) จากประเทศแอลบาเนีย ซึ่งเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล และเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อย่างใกล้ชิด

    สืบเนื่องจากกรมโรงงานฯ ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ของประเทศไทย ภายใต้ “อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด” ได้รับการประสานงานและแจ้งข่าวการขนส่งของเสียดังกล่าวจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือ NGO ด้านสิ่งแวดล้อม 3 แห่ง ได้แก่ 1.เครือข่าย Basel Action Network (BAN) สหรัฐอเมริกา 2.องค์กร Friends of the Earth ประเทศแอฟริกาใต้ และ 3.มูลนิธิบูรณะนิเวศ หรือ EARTH ประเทศไทย เพื่อยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเสียแบบผิดกฎหมายด้วยเรือขนส่งสินค้าจำนวน 2 ลำ ที่มีต้นทางจากประเทศแอลบาเนีย ปลายทางประเทศไทย โดย ประเทศไทย ไม่เคยได้รับการแจ้งขอความยินยอมการนำเข้าของเสียดังกล่าว รวมทั้งไม่เคยยินยอมหรืออนุญาตให้มีการนำเข้าของเสียดังกล่าวแต่อย่างใด จึงถือเป็นการเคลื่อนย้ายของของเสียอันตรายแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซล

    โดยเมื่อปี 2565 ประเทศไทยเคยมีหนังสือถึงรัฐบาลประเทศแอลบาเนียไม่ยินยอมให้นำเข้าของเสียดังกล่าวมายังราชอาณาจักรไทย

    ล่าสุดกรมโรงงานฯ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด กับหน่วยงานผู้มีอำนาจ (CA) ของประเทศแอลบาเนีย (ประเทศต้นทาง) และหน่วยงาน National Environment Agency (CA ของประเทศสิงคโปร์) ซึ่งเป็นประเทศผู้นำผ่าน และคาดการณ์ว่า จะมีการถ่ายลำเรือของเสียดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ จึงให้เฝ้าระวังบริเวณท่าเรือและยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเสียดังกล่าว

    ทั้งนี้ กรมโรงงานฯ ได้ประสานงานกับกรมศุลกากร เพื่อติดตามตรวจสอบการนำ “ของเสียอันตรายที่ไม่ได้รับอนุญาต” เข้ามาในราชอาณาจักรไทยอย่างต่อเนื่อง

    ขณะที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)เตือนภัยว่า““กรณีนี้ถือเป็นอาชญากรรมสิ่งแวดล้อมข้ามชาติ...เพราะว่าเป็นการขนส่ง/เคลื่อนย้ายกากของเสียอันตรายแบบเถื่อน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของประเทศที่เป็นเป้าหมายปลายทางอย่างประเทศไทยเองด้วย ดังนั้นการดำเนินการที่จะรับมือและจัดการจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะคู่กรณีของเราในกรณีนี้คืออาชญากรระหว่างประเทศ” เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวอธิบายถึงกรณีเรื่องการขนย้ายฝุ่นแดงจากประเทศแอลเบเนีย หรือชื่อทางการว่าสาธารณรัฐแอลเบเนีย (Albania) ภายหลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง กรอ. กำลังประสานงานกับกรมศุลกากร เพื่อติดตามตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
    .
    ทั้งนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศได้รับการประสานเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจากเครือข่าย BAN หรือ Basel Action Network ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำงานตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า “อนุสัญญาบาเซล” (Basel Convention) ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
    .
    ประเด็นสาระสำคัญที่ทางเครือข่าย BAN แจ้งมาในเบื้องต้นคือ ทราบว่าจะมีการขนส่งกากของเสียอันตรายที่ตามอนุสัญญาบาเซลและภาคแก้ไขของอนุสัญญาบาเซลถือเป็นของเสียอันตรายที่ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด มายังประเทศไทย โดยขนส่งมาทางเรือจำนวน 2 ลำ
    .
    ในช่วงที่ผ่านมา ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศจึงได้พยายามหาทางสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงมีกระบวนการประสานงานด้านข้อมูลในรายละเอียดกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ กระทั่งทราบว่าเรือทั้งสองลำจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะเข้าสู่ท่าเรือของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เรือใกล้จะถึงสิงคโปร์แล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่กรณีนี้เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่อาจต้องระมัดระวังในประเด็นการไหวตัวของคนร้าย ซึ่งคาดว่ามีลักษณะเป็นขบวนการใหญ่ และพวกเขาย่อมพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาช่องทางลอดหนีจากการสกัดกั้นและการจับกุมไปให้ได้ ดังที่พบว่า ก่อนหน้านี้ก็มีเรือ 1 ใน 2 ลำที่ขนส่งกากอันตรายกรณีนี้หายออกไปจากสารบบการติดตามระหว่างประเทศ

    ทั้งนี้คาดว่าเรือขนกากพิษฝุ่นแดงจากแอลบาเนียม800 ตันจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบังในวันที่ 20 สิงหาคม 2567นี้

    #Thaitimes
    อธิบดีกรมโรงงานสั่งเข้มติดตามร่วมกับกรมศุลกากรป้องกันขยะกากฝุ่นแดงพิษที่จะขนมาทางเรือจากแอลบาเนียมาทิ้งที่ไทยโดยไทยไม่อนุญาติ หลังจากปีที่แล้วไทยเคยทำหนังสือไม่ยินยอมให้เคลื่อนย้ายขยะกากพิษนี้มาไทย 14 สิงหาคม 2567-อธิบดีกรมโรงงานฯ สั่งติดตามการขนย้ายฝุ่นแดง จากประเทศแอลบาเนีย อย่างใกล้ชิด นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ดำเนินการร่วมกับหน่วยข่าวกรองและส่วนงานปราบปรามของกรมศุลกากร เพื่อเฝ้าระวังและยับยั้งการขนย้ายของเสียอันตรายแบบผิดกฎหมาย (illegal traffic) คาดว่าเป็น Electric Arc Furnace (EAF) dust หรือ ฝุ่นแดง จากอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก จำนวน 816 ตัน (ประมาณ 100 ตู้คอนเทนเนอร์) จากประเทศแอลบาเนีย ซึ่งเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล และเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อย่างใกล้ชิด สืบเนื่องจากกรมโรงงานฯ ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ของประเทศไทย ภายใต้ “อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด” ได้รับการประสานงานและแจ้งข่าวการขนส่งของเสียดังกล่าวจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหรือ NGO ด้านสิ่งแวดล้อม 3 แห่ง ได้แก่ 1.เครือข่าย Basel Action Network (BAN) สหรัฐอเมริกา 2.องค์กร Friends of the Earth ประเทศแอฟริกาใต้ และ 3.มูลนิธิบูรณะนิเวศ หรือ EARTH ประเทศไทย เพื่อยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเสียแบบผิดกฎหมายด้วยเรือขนส่งสินค้าจำนวน 2 ลำ ที่มีต้นทางจากประเทศแอลบาเนีย ปลายทางประเทศไทย โดย ประเทศไทย ไม่เคยได้รับการแจ้งขอความยินยอมการนำเข้าของเสียดังกล่าว รวมทั้งไม่เคยยินยอมหรืออนุญาตให้มีการนำเข้าของเสียดังกล่าวแต่อย่างใด จึงถือเป็นการเคลื่อนย้ายของของเสียอันตรายแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซล โดยเมื่อปี 2565 ประเทศไทยเคยมีหนังสือถึงรัฐบาลประเทศแอลบาเนียไม่ยินยอมให้นำเข้าของเสียดังกล่าวมายังราชอาณาจักรไทย ล่าสุดกรมโรงงานฯ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด กับหน่วยงานผู้มีอำนาจ (CA) ของประเทศแอลบาเนีย (ประเทศต้นทาง) และหน่วยงาน National Environment Agency (CA ของประเทศสิงคโปร์) ซึ่งเป็นประเทศผู้นำผ่าน และคาดการณ์ว่า จะมีการถ่ายลำเรือของเสียดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ จึงให้เฝ้าระวังบริเวณท่าเรือและยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเสียดังกล่าว ทั้งนี้ กรมโรงงานฯ ได้ประสานงานกับกรมศุลกากร เพื่อติดตามตรวจสอบการนำ “ของเสียอันตรายที่ไม่ได้รับอนุญาต” เข้ามาในราชอาณาจักรไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)เตือนภัยว่า““กรณีนี้ถือเป็นอาชญากรรมสิ่งแวดล้อมข้ามชาติ...เพราะว่าเป็นการขนส่ง/เคลื่อนย้ายกากของเสียอันตรายแบบเถื่อน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของประเทศที่เป็นเป้าหมายปลายทางอย่างประเทศไทยเองด้วย ดังนั้นการดำเนินการที่จะรับมือและจัดการจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะคู่กรณีของเราในกรณีนี้คืออาชญากรระหว่างประเทศ” เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวอธิบายถึงกรณีเรื่องการขนย้ายฝุ่นแดงจากประเทศแอลเบเนีย หรือชื่อทางการว่าสาธารณรัฐแอลเบเนีย (Albania) ภายหลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง กรอ. กำลังประสานงานกับกรมศุลกากร เพื่อติดตามตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด . ทั้งนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศได้รับการประสานเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจากเครือข่าย BAN หรือ Basel Action Network ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำงานตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า “อนุสัญญาบาเซล” (Basel Convention) ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา . ประเด็นสาระสำคัญที่ทางเครือข่าย BAN แจ้งมาในเบื้องต้นคือ ทราบว่าจะมีการขนส่งกากของเสียอันตรายที่ตามอนุสัญญาบาเซลและภาคแก้ไขของอนุสัญญาบาเซลถือเป็นของเสียอันตรายที่ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด มายังประเทศไทย โดยขนส่งมาทางเรือจำนวน 2 ลำ . ในช่วงที่ผ่านมา ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศจึงได้พยายามหาทางสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงมีกระบวนการประสานงานด้านข้อมูลในรายละเอียดกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ กระทั่งทราบว่าเรือทั้งสองลำจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะเข้าสู่ท่าเรือของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เรือใกล้จะถึงสิงคโปร์แล้ว . อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่กรณีนี้เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่อาจต้องระมัดระวังในประเด็นการไหวตัวของคนร้าย ซึ่งคาดว่ามีลักษณะเป็นขบวนการใหญ่ และพวกเขาย่อมพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาช่องทางลอดหนีจากการสกัดกั้นและการจับกุมไปให้ได้ ดังที่พบว่า ก่อนหน้านี้ก็มีเรือ 1 ใน 2 ลำที่ขนส่งกากอันตรายกรณีนี้หายออกไปจากสารบบการติดตามระหว่างประเทศ ทั้งนี้คาดว่าเรือขนกากพิษฝุ่นแดงจากแอลบาเนียม800 ตันจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบังในวันที่ 20 สิงหาคม 2567นี้ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 585 มุมมอง 0 รีวิว