• ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์

    ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO

    รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส

    รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ

    ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน
    "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่"

    ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น


    ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ


    รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์ ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่" ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ "Finfluencers" หรือผู้มีอิทธิพลด้านการเงินบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการคำแนะนำด้านการลงทุน

    ในโลกของ TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีผู้สร้างเนื้อหาที่เรียกว่า "Finfluencers" ซึ่งมักนำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านวิดีโอสั้นๆ เช่น การแนะนำวิธีเป็นนักเทรดฟรี หรือการสร้างรายได้แบบ Passive Income อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำแนะนำเหล่านี้ โดยเฉพาะในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้รับการตรวจสอบหรืออาจเป็นการหลอกลวง

    ในขณะเดียวกัน มีการเรียกร้องให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มความระมัดระวังในการติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers และตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    ✅ ความนิยมของ Finfluencers
    - Finfluencers นำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย
    - เนื้อหามักเน้นการสร้างรายได้แบบ Passive Income และการเป็นนักเทรด

    ✅ คำเตือนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC)
    - SC เตือนถึงความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ
    - อาจมีกรณีของการหลอกลวงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    ✅ การเรียกร้องให้เพิ่มความระมัดระวัง
    - ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
    - การติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers ควรทำอย่างมีวิจารณญาณ

    ℹ️ ความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง
    - คำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงิน
    - การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียอาจเพิ่มขึ้น

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน
    - ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนลงทุน
    - หลีกเลี่ยงการลงทุนที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/money-talks---but-should-you-listen-when-finfluencers-offer-investment-tips
    ข่าวนี้เล่าถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ "Finfluencers" หรือผู้มีอิทธิพลด้านการเงินบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการคำแนะนำด้านการลงทุน ในโลกของ TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีผู้สร้างเนื้อหาที่เรียกว่า "Finfluencers" ซึ่งมักนำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านวิดีโอสั้นๆ เช่น การแนะนำวิธีเป็นนักเทรดฟรี หรือการสร้างรายได้แบบ Passive Income อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำแนะนำเหล่านี้ โดยเฉพาะในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้รับการตรวจสอบหรืออาจเป็นการหลอกลวง ในขณะเดียวกัน มีการเรียกร้องให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มความระมัดระวังในการติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers และตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ✅ ความนิยมของ Finfluencers - Finfluencers นำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย - เนื้อหามักเน้นการสร้างรายได้แบบ Passive Income และการเป็นนักเทรด ✅ คำเตือนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) - SC เตือนถึงความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ - อาจมีกรณีของการหลอกลวงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ✅ การเรียกร้องให้เพิ่มความระมัดระวัง - ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน - การติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers ควรทำอย่างมีวิจารณญาณ ℹ️ ความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง - คำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงิน - การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียอาจเพิ่มขึ้น ℹ️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน - ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนลงทุน - หลีกเลี่ยงการลงทุนที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/money-talks---but-should-you-listen-when-finfluencers-offer-investment-tips
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Money talks – but should you listen when ‘finfluencers’ offer investment tips?
    Why the Securities Commission is reminding the public to be wary of online financial advice that offer unrealistically huge returns on investment in the short term.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 เม.ย.2568 เวลา 11.00 น. ณ บริเวณวาไรตี้ของชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ร่วมกับ เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ,ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 สภากาชาดไทย ,โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ,โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ และผู้สนับสนุนการจัดงานบริจาคโลหิต และอวัยวะ
    จัดงาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม งานจัดระหว่างวันที่ 9-10 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น.-16.00 น. ที่ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

    โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นม.เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทนพญ.ศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา
    พ.ต.อ.อเนก ศรีกิจรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นางสุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร้อยเอกหญิงเธียรทอง มาหลิน ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพน้อยที่ 2 โดยมี นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

    งาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม“ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม เพื่อโคราช…ไม่ขาดเลือด รับบริจาคโลหิตเพื่อสำรองโลหิต ช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนโลหิตในจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งเตรียมพร้อมโลหิตสำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งอาจมีอุบัติเหตุหรือความต้องการใช้เลือดสูงกว่าปกติ

    ทนพญ.ศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา เผยว่า “จากความร่วมมือทั้ฃภาครัฐและเอกชนมี่ร่วมรณรงร์และช่วยกันจัดหาโลหิตทำให้แนวโน้มของการบริจาคโลหิตนั้นสูงขึ้นและความต้องการโลหิตยังคงต้องการทุกหมู่เลือดสูงอยู่ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีในการช่วยรณรงค์และรับบริจาคโลหิต ให้กับจังหวัดนครราชสีมา“

    นาย ปรีชา ลิ้มอั่ว เผยว่า ”โครงการ Mheart สายโลหิตสายใจ เป็นโครงการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคม ในจัดหาโลหิตสำรอง บรรเทาการจัดหาโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินโครงการ ในแต่ละปีนั้นจะสำเร็จลุล่วงมิได้หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกหน่วยงาน องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการดังกล่าว รณรงค์จัดหาโลหิต โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อสำรองโลหิตให้ผ่านวิกฤตการขาดแคลนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

    ซึ่งที่ผ่านมา มียอดผู้บริจาคโลหิตในเดือนมกราคม - มีนาคม 2568 ณ ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 2 และงานบริจาคโลหิต ณ MCC HALL ชั้น 3 รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,978 ยูนิต 1,191,200 ซี.ซี.

    ผมมีเป้าหมายคาดหวังในการจัดหาโลหิต ที่ 2,000 ยูนิต/เดือน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องในจังหวัดนครราชสีมาต่อไป“

    นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ กล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนโลหิตของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาว่า “โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยปกติมีการใช้โลหิตที่ 4,500 ยูนิต/เดือน หรือ 54,000 ยูนิต/ปี ซึ่งยังคงต้องการโลหิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินรับเทศกาลสงกรานต์นี้ จึงขอรณรงค์ให้ผู้ใจบุญและคนรุ่นใหม่ ร่วมบริจาคโลหิตกันครับ”

    จึงขอเชิญชวนชาวโคราชและผู้ใจบุญร่วมบริจาคโลหิตได้ที่งาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม วันที่ 9-10 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น.-16.00 น. ที่ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 และห้องรับบริจาคโลหิต ชั้น 2 ได้ทุกวันที่เดอะมอลล์โคราช
    9 เม.ย.2568 เวลา 11.00 น. ณ บริเวณวาไรตี้ของชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ร่วมกับ เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ,ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 สภากาชาดไทย ,โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ,โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ และผู้สนับสนุนการจัดงานบริจาคโลหิต และอวัยวะ จัดงาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม งานจัดระหว่างวันที่ 9-10 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น.-16.00 น. ที่ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นม.เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทนพญ.ศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.อเนก ศรีกิจรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นางสุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร้อยเอกหญิงเธียรทอง มาหลิน ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพน้อยที่ 2 โดยมี นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น งาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม“ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม เพื่อโคราช…ไม่ขาดเลือด รับบริจาคโลหิตเพื่อสำรองโลหิต ช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนโลหิตในจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งเตรียมพร้อมโลหิตสำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งอาจมีอุบัติเหตุหรือความต้องการใช้เลือดสูงกว่าปกติ ทนพญ.ศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา เผยว่า “จากความร่วมมือทั้ฃภาครัฐและเอกชนมี่ร่วมรณรงร์และช่วยกันจัดหาโลหิตทำให้แนวโน้มของการบริจาคโลหิตนั้นสูงขึ้นและความต้องการโลหิตยังคงต้องการทุกหมู่เลือดสูงอยู่ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีในการช่วยรณรงค์และรับบริจาคโลหิต ให้กับจังหวัดนครราชสีมา“ นาย ปรีชา ลิ้มอั่ว เผยว่า ”โครงการ Mheart สายโลหิตสายใจ เป็นโครงการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคม ในจัดหาโลหิตสำรอง บรรเทาการจัดหาโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินโครงการ ในแต่ละปีนั้นจะสำเร็จลุล่วงมิได้หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกหน่วยงาน องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการดังกล่าว รณรงค์จัดหาโลหิต โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อสำรองโลหิตให้ผ่านวิกฤตการขาดแคลนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งที่ผ่านมา มียอดผู้บริจาคโลหิตในเดือนมกราคม - มีนาคม 2568 ณ ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 2 และงานบริจาคโลหิต ณ MCC HALL ชั้น 3 รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,978 ยูนิต 1,191,200 ซี.ซี. ผมมีเป้าหมายคาดหวังในการจัดหาโลหิต ที่ 2,000 ยูนิต/เดือน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องในจังหวัดนครราชสีมาต่อไป“ นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ กล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนโลหิตของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาว่า “โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยปกติมีการใช้โลหิตที่ 4,500 ยูนิต/เดือน หรือ 54,000 ยูนิต/ปี ซึ่งยังคงต้องการโลหิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินรับเทศกาลสงกรานต์นี้ จึงขอรณรงค์ให้ผู้ใจบุญและคนรุ่นใหม่ ร่วมบริจาคโลหิตกันครับ” จึงขอเชิญชวนชาวโคราชและผู้ใจบุญร่วมบริจาคโลหิตได้ที่งาน “MHeart สายโลหิตสายใจ เลือดคนรุ่นใหม่ใส่ใจสังคม วันที่ 9-10 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น.-16.00 น. ที่ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 และห้องรับบริจาคโลหิต ชั้น 2 ได้ทุกวันที่เดอะมอลล์โคราช
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎖️ 124 ปี อุบลฯ ปราบกบฏผีบุญองค์มั่น ศรัทธา คือ อาวุธ! ผีบุญขุขันธ์ ใหญ่สุดในอีสาน ไม่มีให้จดจำ ไม่ทำให้ลืมเลือน

    “ความศรัทธา” เปลี่ยนเป็น “การลุกฮือ” เมื่อประชาชนหมดหวังในรัฐ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “ศึกโนนโพธิ์” กับคำถามที่ไม่ควรหายไปจากแผ่นดิน

    🕰️ เสียงปืนใหญ่ที่โลกไม่เคยได้ยิน ย้อนกลับไปในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 เสียงปืนใหญ่ดังกึกก้องจากป่าบ้านสะพือ จังหวัดอุบลราชธานี ปืนของทหารสยาม ไม่ได้ยิงใส่ข้าศึกจากภายนอก… แต่มุ่งตรงไปยังกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีศรัทธาในชายผู้ถูกเรียกว่า “องค์มั่น” ผู้นำแห่งขบวนการ “ผู้มีบุญ”

    การปะทะในวันนั้น จบลงด้วยศพกว่า 300 ราย แต่อุดมการณ์ ยังดังก้องข้ามศตวรรษ 🕊️

    🤔 ผู้มีบุญคือใคร? ก่อนจะไปถึงการสู้รบ... ต้องย้อนกลับมาที่คำว่า “ผู้มีบุญ” หรือที่รัฐไทยเรียกแบบดูหมิ่นว่า “ผีบุญ” 👻

    ผู้มีบุญ = คนที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “ผู้วิเศษ” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย” ผู้จะมากู้โลกในยุคที่รัฐล้มเหลว ผู้มีบุญจึงไม่ใช่กบฏธรรมดา แต่คือ "ผู้นำจิตวิญญาณ" ของชาวบ้านที่สิ้นหวังในอำนาจรัฐกลาง ที่ดูห่างไกล เย็นชา และกดขี่

    🧾 จากกบฏถึงความหวัง บันทึก 260 ปี "กบฏผีบุญอีสาน" ภาคอีสานถูกจารึกว่า เป็นพื้นที่ที่มีกบฏผีบุญมากที่สุดในประเทศ

    2242 กบฏบุญกว้าง
    2334 กบฏเชียงแก้ว
    2360 กบฏสาเกียดโง้ง
    2442-44 กบฏสามโบก
    2444-45 กบฏผีบุญอีสาน ครั้งองค์มั่น 🟠
    2467 กบฏหนองหมากแก้ว
    2479 กบฏหมอลำน้อยชาดา
    2483 กบฏหมอลำโสภา พลตรี
    2502 กบฏศิลา วงศ์สิน

    🎯 ครั้งปี 2444-2445 นั้นถือเป็น การลุกฮือใหญ่ที่สุด มีผู้มีบุญมากถึง 60 คน ครอบคลุม 13 จังหวัด ในอีสาน

    "ผีบุญองค์มั่น" โด่งดังสุดในภาคอีสาน นอกจากองค์มั่นแล้ว ยังมีผู้นำรองๆ อีก 5 คน เป็นแกนนำ คือ องค์เขียว องค์ลิ้นก่าน องค์พระบาท องค์พระเมตไตร และองค์เหลือง ฝ่ายกบฏได้ปลุกระดมราษฎรทั้ง 2 ฝั่งโขง ในฝั่งขวา คือฝั่งอีสาน ได้กำลังจากอำเภอโขงเจียม อำเภอตระการพืชผล ในที่สุด ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2444 กลุ่มผีบุญเข้ายึดเมืองเขมราฐ จับเจ้าเมืองไว้เป็นตัวประกัน และเป็นเครื่องมือแห่แหนให้คนเข้าเป็นพวก แต่ฆ่าท้าวกุลบุตร ท้าวโพธิสาร กรมการเมืองที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏ

    รวมถึงได้เผาเมืองเขมราฐ ปล่อยนักโทษจากคุก แล้วเคลื่อนกำลังมุ่งตรงมายังเมืองอุบลราชธานี มาตั้งทัพระดมพลอีกครั้งที่บ้านสะพือใหญ่ อำเภอตระการพืชผล มีคนมาเข้ากับองค์มั่น 2,500 คน แต่อาวุธไม่ทันสมัย มีปืนคาบศิลา ปืนแก๊ป มีดพร้า ฝ่ายกบฏได้สะสมเสบียงอาหารด้วย ฝ่ายกบฏได้ฆ่านายอำเภอพนานิคม ซึ่งไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏด้วย

    แต่... "ผีบุญขุขันธ์" ใหญ่สุดในภาคอีสาน กบฏกลุ่มบุญจันเมืองขุขันธ์ กลุ่มนี้เป็นกบฏผู้มีบุญอีสานที่ใหญ่ที่สุด มีสมาชิกที่มาเข้าร่วมถึง 6,000 คน หัวหน้ากบฏชื่อบุญจัน เป็นบุตรเจ้าเมืองขุขันธ์คนก่อน และเป็นน้องชายของผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ในขณะนั้น ไม่ถูกกับพี่ชาย ในเรื่องตำแหน่งเจ้าเมืองมากกว่าสาเหตุอื่น ได้ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญซ่องสุมกำลังอยู่ที่ภูฝ้าย ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน

    การเคลื่อนไหวของผีบุญ ขยายวงกว้าง รวดเร็ว เพราะมีการเชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และอาศัยระบบวัฒนธรรม แบบปากต่อปาก 🗣️

    จุดแข็งของเครือข่ายนี้อยู่ที่ “ความศรัทธา” ไม่ใช่กำลังพล หรืออาวุธ

    🔥 จุดระเบิด เมื่อภาษี 4 บาท กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย 💸 ภาษีส่วยที่ชาวอีสานรับไม่ไหว รัฐสยามในยุครัชกาลที่ 5 มีนโยบายปฏิรูปการปกครองแบบรวมศูนย์ ส่งคนมาเก็บภาษีตรงจากประชาชน โดยเฉพาะภาษี ชายฉกรรจ์ 4 บาท ต่อคน ต่อปี เทียบค่าเงินปัจจุบันราว 3,500-4,000 บาท

    แต่ในยุคนั้น คนอีสานส่วนใหญ่ไม่ใช้เงิน และใช้ชีวิตพอเพียง เลี้ยงไก่ ปลูกข้าว ใช้ระบบแลกเปลี่ยน เงิน 4 บาท จึงเท่ากับความเดือดร้อนทั้งบ้าน 💔

    ☠️ “ฝูงไทยใจฮ้าย ตายสิ้นบ่หลอ” เสียงหมอลำตอกย้ำความเจ็บปวด ชี้ให้เห็นความไม่ยุติธรรม และปลุกใจชาวบ้าน
    บางพื้นที่ ถึงกับมีคำปลุกระดมชัดเจน เช่น

    “ไล่ไทยเอาดินคืนมา… ฆ่าไทยเสียให้หมด!”

    👑 จากชายธรรมดาสู่ผู้นำกองทัพศรัทธา "องค์มั่น" หรืออ้ายมาน เป็นผู้นำผู้มีบุญที่โดดเด่นที่สุด ตั้งตนเป็น "พระยาธรรมิกราช" หรือ "องค์ปราสาททอง" ✨

    👥 กลุ่มผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง มีคนเข้าร่วมกว่า 2,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ลาวใต้ มีแกนนำร่วม เช่น องค์เขียว, องค์พระบาท, องค์เมตไตรย ฯลฯ

    ⚔️ ศึกโนนโพธิ์ ปืนใหญ่ที่ดับความหวัง วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 ตรงกับวันนี้ครบ 124 ปี พอดี และเป็นวันศุกร์เหมือนกัน กองทัพจากเมืองอุบลฯ ภายใต้การนำของ "พันตรีหลวงสุรกิจพิศาล" ใช้ ปืนใหญ่ 2 กระบอก ซุ่มโจมตีที่ “บ้านสะพือใหญ่” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โนนโพธิ์”

    🔥 ปืนใหญ่ยิงถล่มตรงกลางกลุ่มกบฏ

    💀 เสียชีวิตทันที 200-300 คน

    😭 บาดเจ็บกว่า 500 คน

    องค์มั่นหนีไปได้ แต่ลูกน้อง 400 คนถูกจับ ศาลตัดสินประหาร “องค์” ทุกคน ✝️

    🧵 จดหมายลูกโซ่ หมอลำ และพลัง Soft Power แห่งยุค การปลุกระดมของผู้มีบุญ ไม่ได้เกิดจากอาวุธ แต่เกิดจาก...

    📜 จดหมายลูกโซ่ ที่คัดลอกคำพยากรณ์ต่อๆ กัน

    🎤 หมอลำ ที่ลำเกี่ยวกับความทุกข์ โจมตีรัฐ และปลุกใจ

    👄 การเล่าปากต่อปาก ที่ขยายความศรัทธาไปทั่วแผ่นดิน

    ในยุคที่คนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ "เสียง" คือพลังที่สุด!

    🛕 การต่อสู้ของคนที่ “ไม่มีเจ้า” หนึ่งในข้อมูลจากเอกสารสอบสวนผู้มีบุญ ระบุว่า “ถ้ายึดเมืองต่างๆ ได้ จะไม่มีเจ้าไม่มีนาย ทุกคนจะเท่ากัน” นี่คือความฝัน ที่ชาวบ้านไม่เคยได้จากรัฐ ยุคพระศรีอาริย์ ที่ไม่มีการกดขี่ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์

    🏞️ พื้นที่ความทรงจำ ในวันนี้ โนนโพธิ์ไม่ได้เป็นสนามรบแล้ว แต่กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเดินทางมาทำบุญ
    มีการวางแผนสร้าง อนุสรณ์สถานศึกโนนโพธิ์ ให้ลูกหลานได้เรียนรู้

    🎨 ภายในวัดมีภาพฝาผนังวาดเหตุการณ์

    🪔 ชาวบ้านมาร่วมงานบุญ แจกข้าวให้ผู้ล่วงลับ

    📖 เด็กนักเรียนเคยเก็บข้อมูล สัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่

    🪦 มีหลุมศพกลางทุ่ง ที่ไถนาก็ยังเจอกระโหลก

    🧑‍🏫 เมื่อรัฐหายไป ประวัติศาสตร์จึงถูกเล่าด้วยเสียงของชาวบ้าน “กบฏผีบุญ” คือคำที่รัฐใช้เรียก แต่ “ผู้มีบุญ” คือคำที่ชาวบ้านจดจำ และตอนนี้… คนรุ่นใหม่กำลังฟื้นเสียงนั้นกลับคืนมา

    📌 “การทำอนุสรณ์สถานไม่ใช่การปลุกระดม แต่คือการคืนความทรงจำให้กับแผ่นดิน”

    📌 จากเสียงหมอลำ สู่เสียงประวัติศาสตร์ที่ควรถูกฟัง “ผู้มีบุญ” = ผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนที่สิ้นหวัง "องค์มั่น" เป็นผู้นำที่ชัดเจนที่สุด มีอิทธิพลมากที่สุด “ศึกโนนโพธิ์” คือตัวแทนของการปะทะระหว่าง รัฐรวมศูนย์ และ ชาวบ้านชายขอบ

    ปัจจุบันโนนโพธิ์ เริ่มกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ความหวังคือ... การพูดถึงอย่างเปิดเผย จะทำให้ประวัติศาสตร์ไม่เงียบอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041010 เม.ย. 2568

    📌 #กบฏผีบุญ #124ปีศึกโนนโพธิ์ #องค์มั่น #ผู้มีบุญ #บ้านสะพือ #ประวัติศาสตร์อีสาน #ศรัทธาคืออาวุธ #อนุสรณ์สถานผีบุญ #เสียงจากชายขอบ #หมอลำคือพลัง

    🎖️ 124 ปี อุบลฯ ปราบกบฏผีบุญองค์มั่น ศรัทธา คือ อาวุธ! ผีบุญขุขันธ์ ใหญ่สุดในอีสาน ไม่มีให้จดจำ ไม่ทำให้ลืมเลือน “ความศรัทธา” เปลี่ยนเป็น “การลุกฮือ” เมื่อประชาชนหมดหวังในรัฐ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “ศึกโนนโพธิ์” กับคำถามที่ไม่ควรหายไปจากแผ่นดิน 🕰️ เสียงปืนใหญ่ที่โลกไม่เคยได้ยิน ย้อนกลับไปในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 เสียงปืนใหญ่ดังกึกก้องจากป่าบ้านสะพือ จังหวัดอุบลราชธานี ปืนของทหารสยาม ไม่ได้ยิงใส่ข้าศึกจากภายนอก… แต่มุ่งตรงไปยังกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีศรัทธาในชายผู้ถูกเรียกว่า “องค์มั่น” ผู้นำแห่งขบวนการ “ผู้มีบุญ” การปะทะในวันนั้น จบลงด้วยศพกว่า 300 ราย แต่อุดมการณ์ ยังดังก้องข้ามศตวรรษ 🕊️ 🤔 ผู้มีบุญคือใคร? ก่อนจะไปถึงการสู้รบ... ต้องย้อนกลับมาที่คำว่า “ผู้มีบุญ” หรือที่รัฐไทยเรียกแบบดูหมิ่นว่า “ผีบุญ” 👻 ผู้มีบุญ = คนที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “ผู้วิเศษ” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย” ผู้จะมากู้โลกในยุคที่รัฐล้มเหลว ผู้มีบุญจึงไม่ใช่กบฏธรรมดา แต่คือ "ผู้นำจิตวิญญาณ" ของชาวบ้านที่สิ้นหวังในอำนาจรัฐกลาง ที่ดูห่างไกล เย็นชา และกดขี่ 🧾 จากกบฏถึงความหวัง บันทึก 260 ปี "กบฏผีบุญอีสาน" ภาคอีสานถูกจารึกว่า เป็นพื้นที่ที่มีกบฏผีบุญมากที่สุดในประเทศ 2242 กบฏบุญกว้าง 2334 กบฏเชียงแก้ว 2360 กบฏสาเกียดโง้ง 2442-44 กบฏสามโบก 2444-45 กบฏผีบุญอีสาน ครั้งองค์มั่น 🟠 2467 กบฏหนองหมากแก้ว 2479 กบฏหมอลำน้อยชาดา 2483 กบฏหมอลำโสภา พลตรี 2502 กบฏศิลา วงศ์สิน 🎯 ครั้งปี 2444-2445 นั้นถือเป็น การลุกฮือใหญ่ที่สุด มีผู้มีบุญมากถึง 60 คน ครอบคลุม 13 จังหวัด ในอีสาน "ผีบุญองค์มั่น" โด่งดังสุดในภาคอีสาน นอกจากองค์มั่นแล้ว ยังมีผู้นำรองๆ อีก 5 คน เป็นแกนนำ คือ องค์เขียว องค์ลิ้นก่าน องค์พระบาท องค์พระเมตไตร และองค์เหลือง ฝ่ายกบฏได้ปลุกระดมราษฎรทั้ง 2 ฝั่งโขง ในฝั่งขวา คือฝั่งอีสาน ได้กำลังจากอำเภอโขงเจียม อำเภอตระการพืชผล ในที่สุด ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2444 กลุ่มผีบุญเข้ายึดเมืองเขมราฐ จับเจ้าเมืองไว้เป็นตัวประกัน และเป็นเครื่องมือแห่แหนให้คนเข้าเป็นพวก แต่ฆ่าท้าวกุลบุตร ท้าวโพธิสาร กรมการเมืองที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏ รวมถึงได้เผาเมืองเขมราฐ ปล่อยนักโทษจากคุก แล้วเคลื่อนกำลังมุ่งตรงมายังเมืองอุบลราชธานี มาตั้งทัพระดมพลอีกครั้งที่บ้านสะพือใหญ่ อำเภอตระการพืชผล มีคนมาเข้ากับองค์มั่น 2,500 คน แต่อาวุธไม่ทันสมัย มีปืนคาบศิลา ปืนแก๊ป มีดพร้า ฝ่ายกบฏได้สะสมเสบียงอาหารด้วย ฝ่ายกบฏได้ฆ่านายอำเภอพนานิคม ซึ่งไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏด้วย แต่... "ผีบุญขุขันธ์" ใหญ่สุดในภาคอีสาน กบฏกลุ่มบุญจันเมืองขุขันธ์ กลุ่มนี้เป็นกบฏผู้มีบุญอีสานที่ใหญ่ที่สุด มีสมาชิกที่มาเข้าร่วมถึง 6,000 คน หัวหน้ากบฏชื่อบุญจัน เป็นบุตรเจ้าเมืองขุขันธ์คนก่อน และเป็นน้องชายของผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ในขณะนั้น ไม่ถูกกับพี่ชาย ในเรื่องตำแหน่งเจ้าเมืองมากกว่าสาเหตุอื่น ได้ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญซ่องสุมกำลังอยู่ที่ภูฝ้าย ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของผีบุญ ขยายวงกว้าง รวดเร็ว เพราะมีการเชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และอาศัยระบบวัฒนธรรม แบบปากต่อปาก 🗣️ จุดแข็งของเครือข่ายนี้อยู่ที่ “ความศรัทธา” ไม่ใช่กำลังพล หรืออาวุธ 🔥 จุดระเบิด เมื่อภาษี 4 บาท กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย 💸 ภาษีส่วยที่ชาวอีสานรับไม่ไหว รัฐสยามในยุครัชกาลที่ 5 มีนโยบายปฏิรูปการปกครองแบบรวมศูนย์ ส่งคนมาเก็บภาษีตรงจากประชาชน โดยเฉพาะภาษี ชายฉกรรจ์ 4 บาท ต่อคน ต่อปี เทียบค่าเงินปัจจุบันราว 3,500-4,000 บาท แต่ในยุคนั้น คนอีสานส่วนใหญ่ไม่ใช้เงิน และใช้ชีวิตพอเพียง เลี้ยงไก่ ปลูกข้าว ใช้ระบบแลกเปลี่ยน เงิน 4 บาท จึงเท่ากับความเดือดร้อนทั้งบ้าน 💔 ☠️ “ฝูงไทยใจฮ้าย ตายสิ้นบ่หลอ” เสียงหมอลำตอกย้ำความเจ็บปวด ชี้ให้เห็นความไม่ยุติธรรม และปลุกใจชาวบ้าน บางพื้นที่ ถึงกับมีคำปลุกระดมชัดเจน เช่น “ไล่ไทยเอาดินคืนมา… ฆ่าไทยเสียให้หมด!” 👑 จากชายธรรมดาสู่ผู้นำกองทัพศรัทธา "องค์มั่น" หรืออ้ายมาน เป็นผู้นำผู้มีบุญที่โดดเด่นที่สุด ตั้งตนเป็น "พระยาธรรมิกราช" หรือ "องค์ปราสาททอง" ✨ 👥 กลุ่มผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง มีคนเข้าร่วมกว่า 2,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ลาวใต้ มีแกนนำร่วม เช่น องค์เขียว, องค์พระบาท, องค์เมตไตรย ฯลฯ ⚔️ ศึกโนนโพธิ์ ปืนใหญ่ที่ดับความหวัง วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 ตรงกับวันนี้ครบ 124 ปี พอดี และเป็นวันศุกร์เหมือนกัน กองทัพจากเมืองอุบลฯ ภายใต้การนำของ "พันตรีหลวงสุรกิจพิศาล" ใช้ ปืนใหญ่ 2 กระบอก ซุ่มโจมตีที่ “บ้านสะพือใหญ่” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โนนโพธิ์” 🔥 ปืนใหญ่ยิงถล่มตรงกลางกลุ่มกบฏ 💀 เสียชีวิตทันที 200-300 คน 😭 บาดเจ็บกว่า 500 คน องค์มั่นหนีไปได้ แต่ลูกน้อง 400 คนถูกจับ ศาลตัดสินประหาร “องค์” ทุกคน ✝️ 🧵 จดหมายลูกโซ่ หมอลำ และพลัง Soft Power แห่งยุค การปลุกระดมของผู้มีบุญ ไม่ได้เกิดจากอาวุธ แต่เกิดจาก... 📜 จดหมายลูกโซ่ ที่คัดลอกคำพยากรณ์ต่อๆ กัน 🎤 หมอลำ ที่ลำเกี่ยวกับความทุกข์ โจมตีรัฐ และปลุกใจ 👄 การเล่าปากต่อปาก ที่ขยายความศรัทธาไปทั่วแผ่นดิน ในยุคที่คนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ "เสียง" คือพลังที่สุด! 🛕 การต่อสู้ของคนที่ “ไม่มีเจ้า” หนึ่งในข้อมูลจากเอกสารสอบสวนผู้มีบุญ ระบุว่า “ถ้ายึดเมืองต่างๆ ได้ จะไม่มีเจ้าไม่มีนาย ทุกคนจะเท่ากัน” นี่คือความฝัน ที่ชาวบ้านไม่เคยได้จากรัฐ ยุคพระศรีอาริย์ ที่ไม่มีการกดขี่ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ 🏞️ พื้นที่ความทรงจำ ในวันนี้ โนนโพธิ์ไม่ได้เป็นสนามรบแล้ว แต่กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเดินทางมาทำบุญ มีการวางแผนสร้าง อนุสรณ์สถานศึกโนนโพธิ์ ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ 🎨 ภายในวัดมีภาพฝาผนังวาดเหตุการณ์ 🪔 ชาวบ้านมาร่วมงานบุญ แจกข้าวให้ผู้ล่วงลับ 📖 เด็กนักเรียนเคยเก็บข้อมูล สัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่ 🪦 มีหลุมศพกลางทุ่ง ที่ไถนาก็ยังเจอกระโหลก 🧑‍🏫 เมื่อรัฐหายไป ประวัติศาสตร์จึงถูกเล่าด้วยเสียงของชาวบ้าน “กบฏผีบุญ” คือคำที่รัฐใช้เรียก แต่ “ผู้มีบุญ” คือคำที่ชาวบ้านจดจำ และตอนนี้… คนรุ่นใหม่กำลังฟื้นเสียงนั้นกลับคืนมา 📌 “การทำอนุสรณ์สถานไม่ใช่การปลุกระดม แต่คือการคืนความทรงจำให้กับแผ่นดิน” 📌 จากเสียงหมอลำ สู่เสียงประวัติศาสตร์ที่ควรถูกฟัง “ผู้มีบุญ” = ผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนที่สิ้นหวัง "องค์มั่น" เป็นผู้นำที่ชัดเจนที่สุด มีอิทธิพลมากที่สุด “ศึกโนนโพธิ์” คือตัวแทนของการปะทะระหว่าง รัฐรวมศูนย์ และ ชาวบ้านชายขอบ ปัจจุบันโนนโพธิ์ เริ่มกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ความหวังคือ... การพูดถึงอย่างเปิดเผย จะทำให้ประวัติศาสตร์ไม่เงียบอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041010 เม.ย. 2568 📌 #กบฏผีบุญ #124ปีศึกโนนโพธิ์ #องค์มั่น #ผู้มีบุญ #บ้านสะพือ #ประวัติศาสตร์อีสาน #ศรัทธาคืออาวุธ #อนุสรณ์สถานผีบุญ #เสียงจากชายขอบ #หมอลำคือพลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช

    ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ"

    "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน"

    แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา

    ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท

    สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก

    #Newskit
    มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ" "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน" แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กูรูไพศาล" ฟาดฝ่ายค้านคนรุ่นใหม่จิตใจลามก เผยความหมาย"กีกี้"คำแสลงภาษาจีน
    https://www.thai-tai.tv/news/17804/
    "กูรูไพศาล" ฟาดฝ่ายค้านคนรุ่นใหม่จิตใจลามก เผยความหมาย"กีกี้"คำแสลงภาษาจีน https://www.thai-tai.tv/news/17804/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027713
    “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027713
    Like
    Haha
    Angry
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย

    วันนี้(23 มี.ค.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ระหว่างการไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่างนายจักรภพ เพ็ญแข กับนายสุไพรพล ช่วยชู นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ว่า นายกฯ คงตอบได้ทุกเรื่อง อะไรที่อยู่ในกติกาก็ตอบได้หมด คงไม่มีปัญหาอะไร อะไรตอบได้ก็ตอบ อะไรตอบไม่ได้ก็ต้องบอกให้รู้ ก็อยู่ในกติกา ถ้าอยู่บนโลกความจริง จะถามอะไรก็ตอบไปตามนั้นได้ ถ้าไม่มีคำถามที่พิศดาร ก็ตอบตรงไปตรงมาได้ และนายกเป็นคนรุ่นใหม่เป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆ

    นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เพิ่งไปเจอนายกฯ เมื้อกี้นี้ ก็ยังอารมณ์ดี ก็นั่งคุยกัน นั่งทำการบ้านนิดหน่อย เพื่อให้ข้อมูลแน่นขึ้น ไม่มีอะไรหรอก

    เมื่อถามว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “สบายเลย ท่าทางจะไม่มีปัญหาอะไร”

    เมื่อถามว่า กรณีที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้ออภิปรายว่า “ดีลแลกประเทศ” จะโยงไปถึงว่าต่อไปจะดีลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เป็นวาทกรรม เป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าไปใช้วาทกรรมเยอะ ดูแล้วมันไม่เหมาะ ใครจะเอาประเทศไปแลก ใครมีสิทธิไปแลกประเทศ อย่าไปใช้วาทกรรมเลอะเทอะ หมดสภาพ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000027713

    #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์
    “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย • วันนี้(23 มี.ค.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ระหว่างการไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่างนายจักรภพ เพ็ญแข กับนายสุไพรพล ช่วยชู นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ว่า นายกฯ คงตอบได้ทุกเรื่อง อะไรที่อยู่ในกติกาก็ตอบได้หมด คงไม่มีปัญหาอะไร อะไรตอบได้ก็ตอบ อะไรตอบไม่ได้ก็ต้องบอกให้รู้ ก็อยู่ในกติกา ถ้าอยู่บนโลกความจริง จะถามอะไรก็ตอบไปตามนั้นได้ ถ้าไม่มีคำถามที่พิศดาร ก็ตอบตรงไปตรงมาได้ และนายกเป็นคนรุ่นใหม่เป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆ • นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เพิ่งไปเจอนายกฯ เมื้อกี้นี้ ก็ยังอารมณ์ดี ก็นั่งคุยกัน นั่งทำการบ้านนิดหน่อย เพื่อให้ข้อมูลแน่นขึ้น ไม่มีอะไรหรอก • เมื่อถามว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “สบายเลย ท่าทางจะไม่มีปัญหาอะไร” • เมื่อถามว่า กรณีที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้ออภิปรายว่า “ดีลแลกประเทศ” จะโยงไปถึงว่าต่อไปจะดีลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เป็นวาทกรรม เป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าไปใช้วาทกรรมเยอะ ดูแล้วมันไม่เหมาะ ใครจะเอาประเทศไปแลก ใครมีสิทธิไปแลกประเทศ อย่าไปใช้วาทกรรมเลอะเทอะ หมดสภาพ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000027713 • #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • 111 ปี สิ้น “เจ้าน้อยศุขเกษม” ปิดตำนานรักสาวชาวพม่า “มะเมียะ” เรื่องจริง หรือแค่…อิงนิยาย?

    🕰️ ตำนานรักข้ามชาติ ที่คนรุ่นหลังยังคงกล่าวขาน 🕰️

    📝 111 ปีที่ผ่านไป…เรื่องราวความรักระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" แห่งนครเชียงใหม่ และ "มะเมียะ" สาวงามจากเมืองมะละแหม่ง ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่อบอวล ด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก และโศกเศร้า แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ... เรื่องนี้มีมูลความจริงแค่ไหน? หรือเป็นเพียงตำนาน ที่แต่งเติมเสริมสีสันให้ดูหวานซึ้งเท่านั้น?

    ย้อนรอยตำนานรักข้ามพรมแดน พร้อมเปิดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาคำตอบ ว่าความจริงในตำนานรักอมตะนี้ เป็นเรื่องจริง...หรือเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมา ให้คนล้านนาหลงใหล 💔✨

    💡 "เจ้าน้อยศุขเกษม" หรือในบรรดาศักดิ์ที่รู้จักกันในนาม "เจ้าอุตรการโกศล" เป็นโอรสองค์โตของ เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่คนสุดท้าย กับเจ้าจามรีวงศ์ เป็นผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์ทิพย์จักรแห่งล้านนา

    เจ้าน้อยเกิดปี พ.ศ. 2423 ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ถูกส่งไปศึกษา ที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ซึ่งได้พบ "มะเมียะ" หญิงสาวแม่ค้าชาวพม่า ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตเจ้าน้อยศุขเกษม ไปตลอดกาล

    ได้รับแต่งตั้งเป็น "เจ้าอุตรการโกศล" ถือศักดินา 1,600 แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหลวง เนื่องจากอุปนิสัยรักสนุก ไม่เอาการเอางาน กระทั่งถึงแก่กรรม ในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2457 สิริอายุ 32 ปี (หากนับแบบโบราณ ตรงกับ พ.ศ. 2456 อายุ 33 ปี)

    🌸 ตำนานรักที่กล่าวขาน “มะเมียะ” หญิงงามจากแดนพม่า ถูกขนานนามว่า เป็นแม่ค้าสาวงามชาวพม่าจากเมืองมะละแหม่ง ทั้งสองพบรักกันขณะเจ้าน้อยไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริค โดยคำบอกเล่าต่างๆ ระบุว่า

    ❤️ เจ้าน้อยศุขเกษมใช้ชีวิตร่วมกับมะเมียะฉันสามีภรรยา ด้วยการสนับสนุนจากทางบ้านของฝ่ายหญิง
    ❤️ ต่อมาเมื่อข่าวแพร่ถึงเชียงใหม่ เจ้าน้อยถูกเรียกกลับคุ้ม พร้อมคำสั่งให้เลิกคบหากับมะเมียะ อย่างเด็ดขาด
    ❤️ มะเมียะจำต้องปลอมตัวเป็นชาย เพื่อตามขบวนเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกพ้นคำสั่ง ของผู้มีอำนาจในคุ้มเชียงใหม่ได้
    ❤️ เรื่องราวจบลงด้วยการที่มะเมียะ ถูกบีบให้เดินทางกลับบ้านเกิด น้ำตารินไหลพรากจากชายคนรักตลอดกาล…😢

    📚 ข้อเท็จจริงในหน้าประวัติศาสตร์ จากเอกสาร และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ พบว่า

    📌 ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า "เจ้าน้อยศุขเกษม" มีความสัมพันธ์กับ "มะเมียะ" จริงในประวัติศาสตร์
    📌 เรื่องราวที่ "ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง" นำไปเผยแพร่ในหนังสือ "เพ็ชร์ลานนา" และ ชีวิตรักเจ้าเชียงใหม่ อาจมีโครงเรื่องบางส่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ของ "เจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่" ผู้เป็นน้องชายต่างพระมารดาของเจ้าน้อย
    📌 หลักฐานต่างๆ ชี้ชัดว่า เจ้าน้อยศุขเกษมไม่ได้มีบทบาทสำคัญ ในการสืบราชสันตติวงศ์ของเชียงใหม่ และมีนิสัยไม่รับผิดชอบ จึงได้รับแต่งตั้งเพียงตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล"
    📌 เจ้าศุขเกษมสิ้นชีพ ด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง ไม่ใช่เพราะตรอมใจ จากการพลัดพรากกับคนรัก

    🧐 ตำนานที่สร้างจากเรื่องจริง…หรือเพียงจินตนาการ? การบอกเล่าต่อๆ กันในหมู่เจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนล้านนาในยุคหลัง ได้ขยายความ และเติมแต่งจนเรื่องราวความรักนี้ กลายเป็นนิยายโศกนาฏกรรม ที่ชวนให้คนฟังหลงใหล

    🌿 "จรัล มโนเพ็ชร" นำเรื่องนี้ไปประพันธ์เป็นบทเพลง "มะเมี้ยะ" และขับร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำให้ตำนานนี้ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
    🌿 เมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านเพลง และสื่อหนังสือพิมพ์มากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า นี่คือเรื่องจริงของ "เจ้าน้อยศุขเกษม"
    🌿 แท้จริงแล้ว ตำนานดังกล่าว น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ "เจ้าวงษ์ตวัน" ซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องพาผู้หญิงหลบหนี และถูกส่งตัวกลับเชียงใหม่ ตามจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6

    📖 หลักฐานสนับสนุนจากประวัติศาสตร์ล้านนา
    📜 จดหมายเหตุรายวัน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    📜 รายงานการศึกษาของเจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่ ที่เล่าเรียนในโรงเรียนราชวิทยาลัย
    📜 บันทึกการแต่งตั้งตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" ของเจ้าน้อยศุขเกษม
    📜 บทสัมภาษณ์เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ผู้ร่วมสมัยที่กล่าวถึงเหตุการณ์ เรียกตัวเจ้าน้อยศุขเกษมกลับเชียงใหม่

    🔍 วิเคราะห์และตีความใหม่ เรื่องราวความรักที่เล่าขานระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ"
    ✅ มีเค้าโครงจากเรื่องจริงบางส่วน ในราชสำนักเชียงใหม่
    ✅ ถูกเติมแต่งให้มีความโรแมนติกและดราม่า เพื่อให้ชาวบ้านและคนรุ่นหลังเข้าถึง และจดจำได้ง่าย
    ✅ สะท้อนภาพชีวิตในยุคล้านนา ที่ยังคงเคร่งครัดในระบบชนชั้น และการสมรสตามขนบธรรมเนียม
    ✅ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักต้องห้าม และการต่อสู้กับกรอบประเพณีเก่าก่อน

    ❤️ "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ตำนานที่ยังคงมีชีวิต แม้จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ความรักครั้งนี้เป็นจริง แต่เรื่องราว "เจ้าน้อยศุขเกษม" และ "มะเมียะ" ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ "รักแท้ที่ไม่มีวันสมหวัง"

    🌸 ถูกถ่ายทอดเป็นนิยาย เพลง บทละคร และศิลปวัฒนธรรมในล้านนา
    🌸 กลายเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงข้อจำกัดทางชนชั้น และการเมืองในอดีต
    🌸 ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นใหม่ศึกษา ซาบซึ้งในแง่มุมของความรัก และความเสียสละ

    📌 สรุปข้อเท็จจริง
    📝 ตำนานรัก "เจ้าน้อยศุขเกษม กับ มะเมียะ" คือ นิยายประวัติศาสตร์ ที่แต่งเติมจากเรื่องจริงบางส่วน
    📝 ข้อเท็จจริงประวัติศาสตร์ยืนยันว่า "เจ้าวงษ์ตวัน" มีชีวิตที่คล้ายกับตำนานดังกล่าวมากกว่า
    📝 การเล่าขานที่ต่อเติมจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ความจริงและเรื่องแต่ง ผสมปนเปกันอย่างลงตัว
    📝 ตำนานนี้ยังคงมีเสน่ห์และคุณค่า ในฐานะเรื่องเล่าแห่งความรักของชาวล้านนา

    🌟 ความรักอาจไม่มีพรมแดน... แต่ขนบธรรมเนียมและประเพณีในอดีตต่างหาก ที่เป็นกำแพงยากจะข้ามได้ 🌟

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200807 มี.ค. 2568

    📚 🏷️ #ตำนานรักมะเมียะ #เจ้าน้อยศุขเกษม #ล้านนาประวัติศาสตร์ #เชียงใหม่ในอดีต #เพลงมะเมี้ยะ #เรื่องจริงหรือนิยาย #ประวัติศาสตร์ล้านนา #เชียงใหม่เมืองโบราณ #ตำนานล้านนา #รักข้ามพรมแดน
    111 ปี สิ้น “เจ้าน้อยศุขเกษม” ปิดตำนานรักสาวชาวพม่า “มะเมียะ” เรื่องจริง หรือแค่…อิงนิยาย? 🕰️ ตำนานรักข้ามชาติ ที่คนรุ่นหลังยังคงกล่าวขาน 🕰️ 📝 111 ปีที่ผ่านไป…เรื่องราวความรักระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" แห่งนครเชียงใหม่ และ "มะเมียะ" สาวงามจากเมืองมะละแหม่ง ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่อบอวล ด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก และโศกเศร้า แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ... เรื่องนี้มีมูลความจริงแค่ไหน? หรือเป็นเพียงตำนาน ที่แต่งเติมเสริมสีสันให้ดูหวานซึ้งเท่านั้น? ย้อนรอยตำนานรักข้ามพรมแดน พร้อมเปิดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาคำตอบ ว่าความจริงในตำนานรักอมตะนี้ เป็นเรื่องจริง...หรือเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมา ให้คนล้านนาหลงใหล 💔✨ 💡 "เจ้าน้อยศุขเกษม" หรือในบรรดาศักดิ์ที่รู้จักกันในนาม "เจ้าอุตรการโกศล" เป็นโอรสองค์โตของ เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่คนสุดท้าย กับเจ้าจามรีวงศ์ เป็นผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์ทิพย์จักรแห่งล้านนา เจ้าน้อยเกิดปี พ.ศ. 2423 ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ถูกส่งไปศึกษา ที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ซึ่งได้พบ "มะเมียะ" หญิงสาวแม่ค้าชาวพม่า ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตเจ้าน้อยศุขเกษม ไปตลอดกาล ได้รับแต่งตั้งเป็น "เจ้าอุตรการโกศล" ถือศักดินา 1,600 แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหลวง เนื่องจากอุปนิสัยรักสนุก ไม่เอาการเอางาน กระทั่งถึงแก่กรรม ในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2457 สิริอายุ 32 ปี (หากนับแบบโบราณ ตรงกับ พ.ศ. 2456 อายุ 33 ปี) 🌸 ตำนานรักที่กล่าวขาน “มะเมียะ” หญิงงามจากแดนพม่า ถูกขนานนามว่า เป็นแม่ค้าสาวงามชาวพม่าจากเมืองมะละแหม่ง ทั้งสองพบรักกันขณะเจ้าน้อยไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริค โดยคำบอกเล่าต่างๆ ระบุว่า ❤️ เจ้าน้อยศุขเกษมใช้ชีวิตร่วมกับมะเมียะฉันสามีภรรยา ด้วยการสนับสนุนจากทางบ้านของฝ่ายหญิง ❤️ ต่อมาเมื่อข่าวแพร่ถึงเชียงใหม่ เจ้าน้อยถูกเรียกกลับคุ้ม พร้อมคำสั่งให้เลิกคบหากับมะเมียะ อย่างเด็ดขาด ❤️ มะเมียะจำต้องปลอมตัวเป็นชาย เพื่อตามขบวนเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกพ้นคำสั่ง ของผู้มีอำนาจในคุ้มเชียงใหม่ได้ ❤️ เรื่องราวจบลงด้วยการที่มะเมียะ ถูกบีบให้เดินทางกลับบ้านเกิด น้ำตารินไหลพรากจากชายคนรักตลอดกาล…😢 📚 ข้อเท็จจริงในหน้าประวัติศาสตร์ จากเอกสาร และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ พบว่า 📌 ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า "เจ้าน้อยศุขเกษม" มีความสัมพันธ์กับ "มะเมียะ" จริงในประวัติศาสตร์ 📌 เรื่องราวที่ "ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง" นำไปเผยแพร่ในหนังสือ "เพ็ชร์ลานนา" และ ชีวิตรักเจ้าเชียงใหม่ อาจมีโครงเรื่องบางส่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ของ "เจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่" ผู้เป็นน้องชายต่างพระมารดาของเจ้าน้อย 📌 หลักฐานต่างๆ ชี้ชัดว่า เจ้าน้อยศุขเกษมไม่ได้มีบทบาทสำคัญ ในการสืบราชสันตติวงศ์ของเชียงใหม่ และมีนิสัยไม่รับผิดชอบ จึงได้รับแต่งตั้งเพียงตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" 📌 เจ้าศุขเกษมสิ้นชีพ ด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง ไม่ใช่เพราะตรอมใจ จากการพลัดพรากกับคนรัก 🧐 ตำนานที่สร้างจากเรื่องจริง…หรือเพียงจินตนาการ? การบอกเล่าต่อๆ กันในหมู่เจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนล้านนาในยุคหลัง ได้ขยายความ และเติมแต่งจนเรื่องราวความรักนี้ กลายเป็นนิยายโศกนาฏกรรม ที่ชวนให้คนฟังหลงใหล 🌿 "จรัล มโนเพ็ชร" นำเรื่องนี้ไปประพันธ์เป็นบทเพลง "มะเมี้ยะ" และขับร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำให้ตำนานนี้ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย 🌿 เมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านเพลง และสื่อหนังสือพิมพ์มากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า นี่คือเรื่องจริงของ "เจ้าน้อยศุขเกษม" 🌿 แท้จริงแล้ว ตำนานดังกล่าว น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ "เจ้าวงษ์ตวัน" ซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องพาผู้หญิงหลบหนี และถูกส่งตัวกลับเชียงใหม่ ตามจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 📖 หลักฐานสนับสนุนจากประวัติศาสตร์ล้านนา 📜 จดหมายเหตุรายวัน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 📜 รายงานการศึกษาของเจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่ ที่เล่าเรียนในโรงเรียนราชวิทยาลัย 📜 บันทึกการแต่งตั้งตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" ของเจ้าน้อยศุขเกษม 📜 บทสัมภาษณ์เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ผู้ร่วมสมัยที่กล่าวถึงเหตุการณ์ เรียกตัวเจ้าน้อยศุขเกษมกลับเชียงใหม่ 🔍 วิเคราะห์และตีความใหม่ เรื่องราวความรักที่เล่าขานระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ✅ มีเค้าโครงจากเรื่องจริงบางส่วน ในราชสำนักเชียงใหม่ ✅ ถูกเติมแต่งให้มีความโรแมนติกและดราม่า เพื่อให้ชาวบ้านและคนรุ่นหลังเข้าถึง และจดจำได้ง่าย ✅ สะท้อนภาพชีวิตในยุคล้านนา ที่ยังคงเคร่งครัดในระบบชนชั้น และการสมรสตามขนบธรรมเนียม ✅ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักต้องห้าม และการต่อสู้กับกรอบประเพณีเก่าก่อน ❤️ "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ตำนานที่ยังคงมีชีวิต แม้จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ความรักครั้งนี้เป็นจริง แต่เรื่องราว "เจ้าน้อยศุขเกษม" และ "มะเมียะ" ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ "รักแท้ที่ไม่มีวันสมหวัง" 🌸 ถูกถ่ายทอดเป็นนิยาย เพลง บทละคร และศิลปวัฒนธรรมในล้านนา 🌸 กลายเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงข้อจำกัดทางชนชั้น และการเมืองในอดีต 🌸 ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นใหม่ศึกษา ซาบซึ้งในแง่มุมของความรัก และความเสียสละ 📌 สรุปข้อเท็จจริง 📝 ตำนานรัก "เจ้าน้อยศุขเกษม กับ มะเมียะ" คือ นิยายประวัติศาสตร์ ที่แต่งเติมจากเรื่องจริงบางส่วน 📝 ข้อเท็จจริงประวัติศาสตร์ยืนยันว่า "เจ้าวงษ์ตวัน" มีชีวิตที่คล้ายกับตำนานดังกล่าวมากกว่า 📝 การเล่าขานที่ต่อเติมจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ความจริงและเรื่องแต่ง ผสมปนเปกันอย่างลงตัว 📝 ตำนานนี้ยังคงมีเสน่ห์และคุณค่า ในฐานะเรื่องเล่าแห่งความรักของชาวล้านนา 🌟 ความรักอาจไม่มีพรมแดน... แต่ขนบธรรมเนียมและประเพณีในอดีตต่างหาก ที่เป็นกำแพงยากจะข้ามได้ 🌟 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200807 มี.ค. 2568 📚 🏷️ #ตำนานรักมะเมียะ #เจ้าน้อยศุขเกษม #ล้านนาประวัติศาสตร์ #เชียงใหม่ในอดีต #เพลงมะเมี้ยะ #เรื่องจริงหรือนิยาย #ประวัติศาสตร์ล้านนา #เชียงใหม่เมืองโบราณ #ตำนานล้านนา #รักข้ามพรมแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 725 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เลขาฯ พท.' ผิดหวัง 'วิโรจน์'เป็นคนรุ่นใหม่ แต่เล่นการเมืองเก่า หลังว่านายกฯ ไม่รู้สี่รู้แปด เชื่อ สังคมแยกแยะวุฒิภาวะได้
    https://www.thai-tai.tv/news/17713/
    'เลขาฯ พท.' ผิดหวัง 'วิโรจน์'เป็นคนรุ่นใหม่ แต่เล่นการเมืองเก่า หลังว่านายกฯ ไม่รู้สี่รู้แปด เชื่อ สังคมแยกแยะวุฒิภาวะได้ https://www.thai-tai.tv/news/17713/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปปส. จับนักร้องนำ I-ZAX “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” แกนนำขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🌐⚖️

    ปลุกกระแสวงการเพลงร็อกไทยให้สั่นสะเทือน! ข่าวใหญ่ที่ทุกคนไม่คาดคิด นักร้องนำวงร็อกระดับตำนาน “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แซ็ก I-ZAX” ถูกจับในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. บุกค้นและยึดของกลาง ยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่บ้านพัก สร้างความตกตะลึงให้แฟนเพลง และวงการบันเทิงไทยอีกครั้ง 😱🎤

    📌 จุดเริ่มต้นของการจับกุม ที่สั่นสะเทือนวงการ หน่วยงานความมั่นคงจีน ได้จับกุมคนไทย ที่ลักลอบขนยาเสพติด เข้าไปในประเทศจีน และได้ประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส. ไทย อย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ได้ กลายเป็นกุญแจสำคัญ ในการขยายผลสืบสวน จนพบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ที่มีแกนนำเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงการบันเทิงไทย

    เมื่อข้อมูลจากจีนถึงมือ ป.ป.ส. ไทย เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการสืบสวนขยายผล ในเครือข่ายผู้ซื้อ-ผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ 📱💻 กระทั่งพบเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ขณะที่แซ็กทำการติดต่อซื้อยาเสพติด ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้จัดการดารา โดยพบว่าแซ็กมีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง กับการค้ายาอย่างต่อเนื่อง และเป็นขาประจำในวงการนี้มานานแล้ว

    🚨 ภารกิจบุกค้นจับกุม! พบของกลางยาเสพติดเพียบ ป.ป.ส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ “แซ็ก I-ZAX” และตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติดหลายประเภท ทั้ง

    - ยาบ้า
    - ไอซ์ เมทแอมเฟตามีน พิ้งค์โกลด์ สีทอง
    - เอ็กซ์ตาซี
    - เคตามีน
    - MDMA

    รวมไปถึงอุปกรณ์เสพ และชั่งตวงวัดน้ำหนักยา ที่บ่งชี้ถึงการกระจายสินค้า ในระดับแกนนำหัวจ่าย ของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🚔📦

    การค้นพบครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อของ “แซ็ก I-ZAX” ติดอันดับข่าวหน้าหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผล เพื่อจับกุมศิลปิน และดาราในวงการบันเทิง ที่เกี่ยวข้องกับการเสพ และค้ายาอีกหลายราย 🎭💊

    🎸 จากตำนานวงร็อก สู่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เส้นทางศิลปินของ I-ZAX วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 ในนาม ไอ-แซ็ก (I-ZAX)

    สมาชิกดั้งเดิม 5 คน ได้แก่
    - พัชรพล ปานพุ่ม หรือแซ็ก นักร้องนำ
    - พงศภัค ทองเจริญ หรือเพชร มือกีตาร์
    - ชัชวาล พูลผล หรือชัช มือเบส
    - จาตุรงค์ เนื่องจำนงค์ หรือจา มือกลอง
    - คำรณ เต่าทอง หรือยา มือคีย์บอร์ด

    มีผลงานอัลบั้มดัง เช่น
    🎶 คนรักกัน (2545)
    🎶 ใจถึงใจ (2547)
    🎶 Tag Team (2549)

    เพลงฮิตระดับชาติอย่าง "ดอกไม้กับหัวใจ", "ปวดใจ" และ "เขียนใจให้เป็นเพลง" เคยทำให้ “แซ็ก” กลายเป็นขวัญใจแฟนเพลงทั่วประเทศ

    🕵️‍♂️ ความจริงอีกด้าน ที่ซ่อนอยู่หลังไมค์ หลังจากห่างหายไปจากวงการเพลง เนื่องจากอาการป่วยไทรอยด์เป็นพิษ แซ็กได้กลับมาร่วมรายการ The Mask Mirror ในปี 2562 ใต้หน้ากาก “น้ำพริกหมู” พร้อมเล่าประสบการณ์ ที่ทุกข์ทรมานจากโรคร้าย จนแฟนเพลงหลายคน ต่างสงสารและเห็นใจ ❤️‍🩹

    แต่เบื้องหลังชีวิตใหม่ ที่ดูเหมือนจะสดใส กลับมีความลับมืดดำซ่อนอยู่! จากการสืบสวนพบว่า แซ็กกลับเข้าไปพัวพัน กับเครือข่ายยาเสพติดอีกครั้ง และในฐานะ “แกนนำระดับหัวจ่าย” ซึ่งมีเครือข่ายลูกค้ามากมาย รวมถึงศิลปิน และดาราในวงการบันเทิงด้วย 💼💸

    ⚖️ ผลกระทบต่อวงการบันเทิง และดนตรีไทย การจับกุมแซ็กในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้วงการเพลงสะเทือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนแรง ถึงวงการบันเทิงไทยว่า ยาเสพติดยังคงเป็นภัยร้าย ที่แฝงตัวในทุกแวดวงสังคม 🚫💉

    ป.ป.ส. เตรียมขยายผลการจับกุม ไปยังเครือข่ายดารา-ศิลปิน ที่เกี่ยวข้องกับแซ็ก I-ZAX อย่างละเอียด และจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม ในเร็ววันนี้

    📢 ยาเสพติดไม่เพียงแต่ ทำลายชีวิตของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังทำลายอนาคต สังคม และครอบครัวอีกด้วย ❌🧬 โทษจำคุกสูงสุดถึง โทษประหารชีวิต การครอบครองยาเสพติดประเภท 1 เช่น ไอซ์, เฮโรอีน, MDMA การจำหน่ายหรือผลิต มีโทษหนักทั้งจำคุกตลอดชีวิต และโทษปรับมหาศาล

    การเลือกเดินทางผิดของแซ็ก I-ZAX ถือเป็นกรณีศึกษาเตือนใจทุกคน ที่อาจหลงผิดในเส้นทางอันตรายนี้ 🛑

    🛡️ สรุปบทเรียนจากคดี “แซ็ก I-ZAX” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✅ ไม่มีใครหนีพ้นความยุติธรรม
    ✅ ชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยปกป้องจากผลของการกระทำผิด
    ✅ วงการบันเทิงควรมีการตรวจสอบภายใน และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และจริยธรรมของศิลปิน

    ✍️ การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนปัญหาลึก ในสังคมบันเทิงไทย วง I-ZAX ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ กลับกลายเป็นข่าวฉาวระดับชาติ สังคมจึงควรตระหนัก และร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดในทุกมิติ 🚫🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181605 มี.ค. 2568

    📌 #แซ็กIZAX #ค้ายาเสพติด #ปปสจับแซ็ก #ข่าวดารา #ข่าวดังวันนี้ #IZAXวงร็อก #ข่าววงการเพลง #ยาเสพติดข้ามชาติ #ข่าวด่วนไทย #จับกุมนักร้องดัง
    ปปส. จับนักร้องนำ I-ZAX “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” แกนนำขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🌐⚖️ ปลุกกระแสวงการเพลงร็อกไทยให้สั่นสะเทือน! ข่าวใหญ่ที่ทุกคนไม่คาดคิด นักร้องนำวงร็อกระดับตำนาน “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แซ็ก I-ZAX” ถูกจับในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. บุกค้นและยึดของกลาง ยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่บ้านพัก สร้างความตกตะลึงให้แฟนเพลง และวงการบันเทิงไทยอีกครั้ง 😱🎤 📌 จุดเริ่มต้นของการจับกุม ที่สั่นสะเทือนวงการ หน่วยงานความมั่นคงจีน ได้จับกุมคนไทย ที่ลักลอบขนยาเสพติด เข้าไปในประเทศจีน และได้ประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส. ไทย อย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ได้ กลายเป็นกุญแจสำคัญ ในการขยายผลสืบสวน จนพบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ที่มีแกนนำเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงการบันเทิงไทย เมื่อข้อมูลจากจีนถึงมือ ป.ป.ส. ไทย เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการสืบสวนขยายผล ในเครือข่ายผู้ซื้อ-ผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ 📱💻 กระทั่งพบเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ขณะที่แซ็กทำการติดต่อซื้อยาเสพติด ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้จัดการดารา โดยพบว่าแซ็กมีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง กับการค้ายาอย่างต่อเนื่อง และเป็นขาประจำในวงการนี้มานานแล้ว 🚨 ภารกิจบุกค้นจับกุม! พบของกลางยาเสพติดเพียบ ป.ป.ส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ “แซ็ก I-ZAX” และตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติดหลายประเภท ทั้ง - ยาบ้า - ไอซ์ เมทแอมเฟตามีน พิ้งค์โกลด์ สีทอง - เอ็กซ์ตาซี - เคตามีน - MDMA รวมไปถึงอุปกรณ์เสพ และชั่งตวงวัดน้ำหนักยา ที่บ่งชี้ถึงการกระจายสินค้า ในระดับแกนนำหัวจ่าย ของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🚔📦 การค้นพบครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อของ “แซ็ก I-ZAX” ติดอันดับข่าวหน้าหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผล เพื่อจับกุมศิลปิน และดาราในวงการบันเทิง ที่เกี่ยวข้องกับการเสพ และค้ายาอีกหลายราย 🎭💊 🎸 จากตำนานวงร็อก สู่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เส้นทางศิลปินของ I-ZAX วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 ในนาม ไอ-แซ็ก (I-ZAX) สมาชิกดั้งเดิม 5 คน ได้แก่ - พัชรพล ปานพุ่ม หรือแซ็ก นักร้องนำ - พงศภัค ทองเจริญ หรือเพชร มือกีตาร์ - ชัชวาล พูลผล หรือชัช มือเบส - จาตุรงค์ เนื่องจำนงค์ หรือจา มือกลอง - คำรณ เต่าทอง หรือยา มือคีย์บอร์ด มีผลงานอัลบั้มดัง เช่น 🎶 คนรักกัน (2545) 🎶 ใจถึงใจ (2547) 🎶 Tag Team (2549) เพลงฮิตระดับชาติอย่าง "ดอกไม้กับหัวใจ", "ปวดใจ" และ "เขียนใจให้เป็นเพลง" เคยทำให้ “แซ็ก” กลายเป็นขวัญใจแฟนเพลงทั่วประเทศ 🕵️‍♂️ ความจริงอีกด้าน ที่ซ่อนอยู่หลังไมค์ หลังจากห่างหายไปจากวงการเพลง เนื่องจากอาการป่วยไทรอยด์เป็นพิษ แซ็กได้กลับมาร่วมรายการ The Mask Mirror ในปี 2562 ใต้หน้ากาก “น้ำพริกหมู” พร้อมเล่าประสบการณ์ ที่ทุกข์ทรมานจากโรคร้าย จนแฟนเพลงหลายคน ต่างสงสารและเห็นใจ ❤️‍🩹 แต่เบื้องหลังชีวิตใหม่ ที่ดูเหมือนจะสดใส กลับมีความลับมืดดำซ่อนอยู่! จากการสืบสวนพบว่า แซ็กกลับเข้าไปพัวพัน กับเครือข่ายยาเสพติดอีกครั้ง และในฐานะ “แกนนำระดับหัวจ่าย” ซึ่งมีเครือข่ายลูกค้ามากมาย รวมถึงศิลปิน และดาราในวงการบันเทิงด้วย 💼💸 ⚖️ ผลกระทบต่อวงการบันเทิง และดนตรีไทย การจับกุมแซ็กในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้วงการเพลงสะเทือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนแรง ถึงวงการบันเทิงไทยว่า ยาเสพติดยังคงเป็นภัยร้าย ที่แฝงตัวในทุกแวดวงสังคม 🚫💉 ป.ป.ส. เตรียมขยายผลการจับกุม ไปยังเครือข่ายดารา-ศิลปิน ที่เกี่ยวข้องกับแซ็ก I-ZAX อย่างละเอียด และจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม ในเร็ววันนี้ 📢 ยาเสพติดไม่เพียงแต่ ทำลายชีวิตของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังทำลายอนาคต สังคม และครอบครัวอีกด้วย ❌🧬 โทษจำคุกสูงสุดถึง โทษประหารชีวิต การครอบครองยาเสพติดประเภท 1 เช่น ไอซ์, เฮโรอีน, MDMA การจำหน่ายหรือผลิต มีโทษหนักทั้งจำคุกตลอดชีวิต และโทษปรับมหาศาล การเลือกเดินทางผิดของแซ็ก I-ZAX ถือเป็นกรณีศึกษาเตือนใจทุกคน ที่อาจหลงผิดในเส้นทางอันตรายนี้ 🛑 🛡️ สรุปบทเรียนจากคดี “แซ็ก I-ZAX” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✅ ไม่มีใครหนีพ้นความยุติธรรม ✅ ชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยปกป้องจากผลของการกระทำผิด ✅ วงการบันเทิงควรมีการตรวจสอบภายใน และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และจริยธรรมของศิลปิน ✍️ การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนปัญหาลึก ในสังคมบันเทิงไทย วง I-ZAX ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ กลับกลายเป็นข่าวฉาวระดับชาติ สังคมจึงควรตระหนัก และร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดในทุกมิติ 🚫🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181605 มี.ค. 2568 📌 #แซ็กIZAX #ค้ายาเสพติด #ปปสจับแซ็ก #ข่าวดารา #ข่าวดังวันนี้ #IZAXวงร็อก #ข่าววงการเพลง #ยาเสพติดข้ามชาติ #ข่าวด่วนไทย #จับกุมนักร้องดัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 983 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา

    🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟

    📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️

    เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่?

    👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ธรรม์เป็นบุตรชายของ
    👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก
    ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง

    🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์"

    🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s

    📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น
    - กระโปรงบานขาสั้น
    - ม.6/2 ห้องครูวารี
    - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว
    - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว
    - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง

    📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫

    แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง

    ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)

    ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น...

    🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

    🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา

    👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย

    🕵️‍♂️ ปมปริศนา
    - อุบัติเหตุพลัดตก?
    - เมาสุราจนเสียการทรงตัว?
    - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา?

    ไม่มีใครรู้ความจริง!

    💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...”

    คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้

    👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม!

    🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม?
    1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ

    2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า

    3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?

    หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰

    🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆

    🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่
    🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี
    🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง

    ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้...

    🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

    ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย
    ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย

    “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️

    📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568

    📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา 🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟 📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️ เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่? 👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ธรรม์เป็นบุตรชายของ 👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง 🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์" 🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s 📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้ ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น - กระโปรงบานขาสั้น - ม.6/2 ห้องครูวารี - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง 📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫 แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น... 🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา 👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย 🕵️‍♂️ ปมปริศนา - อุบัติเหตุพลัดตก? - เมาสุราจนเสียการทรงตัว? - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา? ไม่มีใครรู้ความจริง! 💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...” คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้ 👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม! 🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม? 1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ 2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า 3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่? หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰 🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆 🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ 🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี 🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้... 🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️ 📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568 📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1181 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" ซัดนี่หรือพรรคคนรุ่นใหม่ ย้อนถาม 'พรรคส้ม' เล่นประเด็นนายกฯหุ่นเชิด ได้ปรึกษา 'ธนาธร' แล้วหรือไม่
    https://www.thai-tai.tv/news/17643/
    "ทักษิณ" ซัดนี่หรือพรรคคนรุ่นใหม่ ย้อนถาม 'พรรคส้ม' เล่นประเด็นนายกฯหุ่นเชิด ได้ปรึกษา 'ธนาธร' แล้วหรือไม่ https://www.thai-tai.tv/news/17643/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ทักษิณ’ ซัดพรรคส้ม จะอภิปรายพาดพิงเพื่ออะไร ตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรี สอนเป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค ย้อนถามจะซักฟอกปมชักใย ได้ปรึกษาคนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่หรือยัง วันนี้นายก อบจ.ลำพูนมีใครไปดูแล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024812
    ‘ทักษิณ’ ซัดพรรคส้ม จะอภิปรายพาดพิงเพื่ออะไร ตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรี สอนเป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค ย้อนถามจะซักฟอกปมชักใย ได้ปรึกษาคนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่หรือยัง วันนี้นายก อบจ.ลำพูนมีใครไปดูแล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024812
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1443 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Coinbase บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่จากสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้จดทะเบียนกับหน่วยงานข่าวกรองทางการเงินของอินเดีย (FIU) ทำให้สามารถให้บริการซื้อขายคริปโทในประเทศอินเดียได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    Coinbase วางแผนที่จะเริ่มต้นให้บริการกลุ่มลูกค้ารายย่อยในปีนี้ และยังมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งการเข้าสู่ตลาดอินเดียของบริษัทนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติม

    ที่สำคัญคือ อินเดียยังคงเรียกเก็บภาษีจากกำไรของการซื้อขายคริปโทสูงถึง 30% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในโลก แม้ว่ายังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับสินทรัพย์ประเภทนี้ก็ตาม แต่รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาทบทวนท่าทีเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายในระดับสากล รวมถึงในสหรัฐฯ

    สิ่งที่ทำให้อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจก็คือจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีมาก และความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้คริปโทกลายเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต ฟังดูแล้วไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินของคนในยุคนี้ด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/coinbase-registers-with-indian-financial-watchdog-to-offer-crypto-trading-services
    Coinbase บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่จากสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้จดทะเบียนกับหน่วยงานข่าวกรองทางการเงินของอินเดีย (FIU) ทำให้สามารถให้บริการซื้อขายคริปโทในประเทศอินเดียได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย Coinbase วางแผนที่จะเริ่มต้นให้บริการกลุ่มลูกค้ารายย่อยในปีนี้ และยังมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งการเข้าสู่ตลาดอินเดียของบริษัทนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่สำคัญคือ อินเดียยังคงเรียกเก็บภาษีจากกำไรของการซื้อขายคริปโทสูงถึง 30% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในโลก แม้ว่ายังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับสินทรัพย์ประเภทนี้ก็ตาม แต่รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาทบทวนท่าทีเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายในระดับสากล รวมถึงในสหรัฐฯ สิ่งที่ทำให้อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจก็คือจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีมาก และความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้คริปโทกลายเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต ฟังดูแล้วไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินของคนในยุคนี้ด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/coinbase-registers-with-indian-financial-watchdog-to-offer-crypto-trading-services
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Coinbase registers with Indian financial watchdog to offer crypto trading services
    MUMBAI (Reuters) - U.S.-headquartered cryptocurrency exchange Coinbase Global has registered with India's Financial Intelligence Unit (FIU), allowing it to offer crypto trading services in the country, the company said on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam

    การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก

    หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment

    เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้

    Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า

    Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน

    https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้ Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    WCCFTECH.COM
    Acclaim Returns From the Dead With a Focus On Supporting Indie Studios and Original IP
    Acclaim has been resurrected after two decades, and is coming with a focus on supporting Indie studios and original IP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP13 | ศูนย์รวมศรัทธาชนพี่น้องมุสลิม

    "จุดศูนย์กลางแห่งศรัทธา ความสามัคคี และสายสัมพันธ์ของพี่น้องมุสลิมไทย"

    "สลามเมืองไทย" EP นี้ พาคุณไปรู้จักกับ ศูนย์รวมศรัทธาของพี่น้องมุสลิม ที่ไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็น แหล่งเรียนรู้และศูนย์กลางของชุมชน ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านศรัทธาและวัฒนธรรม

    "มากกว่าสถานที่ แต่คือจิตวิญญาณของชุมชน"
    ที่นี่เป็น จุดนัดพบของศรัทธาชน ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการส่งต่อคุณค่าของศาสนาอิสลามไปยังคนรุ่นใหม่

    #สลามเมืองไทย #EP13 #ศูนย์รวมศรัทธา #IslamicCommunity #MuslimUnity #มุสลิมไทย #IslamicHeritage #FaithAndBrotherhood #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiMuslim #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP13 | ศูนย์รวมศรัทธาชนพี่น้องมุสลิม "จุดศูนย์กลางแห่งศรัทธา ความสามัคคี และสายสัมพันธ์ของพี่น้องมุสลิมไทย" "สลามเมืองไทย" EP นี้ พาคุณไปรู้จักกับ ศูนย์รวมศรัทธาของพี่น้องมุสลิม ที่ไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็น แหล่งเรียนรู้และศูนย์กลางของชุมชน ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านศรัทธาและวัฒนธรรม "มากกว่าสถานที่ แต่คือจิตวิญญาณของชุมชน" ที่นี่เป็น จุดนัดพบของศรัทธาชน ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการส่งต่อคุณค่าของศาสนาอิสลามไปยังคนรุ่นใหม่ #สลามเมืองไทย #EP13 #ศูนย์รวมศรัทธา #IslamicCommunity #MuslimUnity #มุสลิมไทย #IslamicHeritage #FaithAndBrotherhood #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiMuslim #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • น่าเสียดายนักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ หากต้องมาเป็นเครื่องมือคนอื่น ถูกหลอกใช้ เอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว

    #พรรคส้มชำระแค้นถอดสุชาติ #พรรคส้มชำระแค้น #งานนี้เพื่อบิ๊กโจ๊ก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    น่าเสียดายนักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ หากต้องมาเป็นเครื่องมือคนอื่น ถูกหลอกใช้ เอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว #พรรคส้มชำระแค้นถอดสุชาติ #พรรคส้มชำระแค้น #งานนี้เพื่อบิ๊กโจ๊ก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    Love
    21
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2421 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • คุก 1 ปี ปรับ 1 แสน! “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” โพสต์หมิ่น “สนธิ” ใส่ร้ายม็อบพันธมิตรฯ ค้างค่าเวที-เครื่องเสียงจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน แต่รอลงอาญา “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” โพสต์คลิปติ๊กต็อก หมิ่นประมาท “สนธิ ลิ้มทองกุล” จัดชุมนุมพันธมิตรฯ ปี 2551 ค้างค่าเช่าเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์นับ 10 ล้าน ชี้ ใช้ข้อความว่า “โกง” เจตนาให้เสียหายและเสียชื่อเสียงที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการสนธิทอล์ค และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ฟ้อง นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 393 เรียกค่าละเมิด จำนวน 5 ล้านบาทโจทก์ยื่นฟ้องสรุป เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2566 ว่า จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีติ๊กต็อก (TikTok ) ชื่อว่า tanaiaun ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่” ซึ่งเป็นค่าสาธารณะ ประชาชนทั่วไปเข้าชม แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลิปวีดีโอได้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 จำเลยได้เผยแพร่คลิปวิดีโอทำนองว่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ปี 2551 ตอนที่มีการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ อีกบทบาทหนึ่ง ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีมูลนิธิที่ชื่อว่า “มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน” ก็มีการจัดรายการร่วมกับพุทธะอิสระ ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า มูลนิธิฯ ไม่จ่ายชำระค่าเครื่องเสียง ค่าเวที ค่าโปรเจกเตอร์ การชุมนุมเมื่อปี 2551 คำถามอยู่ที่ว่ามูลนิธิของนายสนธิ ลิ้มทองกุล โกงค่าจ้าง โกงค่าเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์ 2 เดือนสุดท้าย เป็นเงินนับ 10 ล้านบาทจริงไหม จริงหรือเปล่า ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ผมเคยไปเยี่ยมพรรคพวกกันที่ทำเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์ให้ นายสนธิ กล้าออกมาสาบานหรือไม่ ว่า มูลนิธิฯ ของเอ็งไม่ได้โกงค่าจ้างเขา ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน หรือมูลนิธิบ้านพระอาทิตย์ โจทก์ไม่เคยติดต่อว่าจ้างหรือมีหน้าที่ในการชำระเงินค่าจ้างเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์เมื่อปี 2551 การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสื่อมเสีย ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และใส่ความให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งแขวงจันทรเกษม กทม.ในช่วงเช้าวันนี้ นายภัทรพงศ์ หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ จำเลยมาฟังคำพิพากษา ส่วนโจทก์มอบหมายเสมียนทนายความมาแทนศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า คดีนี้พยานโจทก์เบิกความว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 มีโจทก์เป็นแกนนำ ทำหน้าที่ปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องจ่ายเงินค่าเวที เครื่องเสียง และโปรเจกเตอร์ ซึ่งจะมีผู้ที่รับผิดชอบดูแลในเรื่องดังกล่าว และจะจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายวัน ไม่ปรากฏว่า มีการค้างค่าจ้าง ค่าเวที เครื่องเสียง และโปรเจกเตอร์ แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน การที่โจทก์กล่าวข้อความในติ๊กต็อก ว่า มีข้อความว่า โกงค่าจ้าง โกงค่าเวที เป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา แม้ว่าจะมีคำว่าหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อความทั้งหมดโดยรวมแล้ว ไม่ได้เพื่อต้องการคำตอบ แต่เป็นข้อความหมิ่นประมาท ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 328 และ มาตรา 393 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ซึ่งเป็นบทหนักสุด ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 1 แสนบาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี นอกจากนี้ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศารายวัน เป็นเวลา 7 วัน โดยให้ชำระค่าโฆษณาเอง
    คุก 1 ปี ปรับ 1 แสน! “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” โพสต์หมิ่น “สนธิ” ใส่ร้ายม็อบพันธมิตรฯ ค้างค่าเวที-เครื่องเสียงจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน แต่รอลงอาญา “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” โพสต์คลิปติ๊กต็อก หมิ่นประมาท “สนธิ ลิ้มทองกุล” จัดชุมนุมพันธมิตรฯ ปี 2551 ค้างค่าเช่าเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์นับ 10 ล้าน ชี้ ใช้ข้อความว่า “โกง” เจตนาให้เสียหายและเสียชื่อเสียงที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการสนธิทอล์ค และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ฟ้อง นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 393 เรียกค่าละเมิด จำนวน 5 ล้านบาทโจทก์ยื่นฟ้องสรุป เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2566 ว่า จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีติ๊กต็อก (TikTok ) ชื่อว่า tanaiaun ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่” ซึ่งเป็นค่าสาธารณะ ประชาชนทั่วไปเข้าชม แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลิปวีดีโอได้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 จำเลยได้เผยแพร่คลิปวิดีโอทำนองว่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ปี 2551 ตอนที่มีการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ อีกบทบาทหนึ่ง ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีมูลนิธิที่ชื่อว่า “มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน” ก็มีการจัดรายการร่วมกับพุทธะอิสระ ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า มูลนิธิฯ ไม่จ่ายชำระค่าเครื่องเสียง ค่าเวที ค่าโปรเจกเตอร์ การชุมนุมเมื่อปี 2551 คำถามอยู่ที่ว่ามูลนิธิของนายสนธิ ลิ้มทองกุล โกงค่าจ้าง โกงค่าเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์ 2 เดือนสุดท้าย เป็นเงินนับ 10 ล้านบาทจริงไหม จริงหรือเปล่า ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ผมเคยไปเยี่ยมพรรคพวกกันที่ทำเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์ให้ นายสนธิ กล้าออกมาสาบานหรือไม่ ว่า มูลนิธิฯ ของเอ็งไม่ได้โกงค่าจ้างเขา ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน หรือมูลนิธิบ้านพระอาทิตย์ โจทก์ไม่เคยติดต่อว่าจ้างหรือมีหน้าที่ในการชำระเงินค่าจ้างเวที เครื่องเสียง โปรเจกเตอร์เมื่อปี 2551 การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสื่อมเสีย ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และใส่ความให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งแขวงจันทรเกษม กทม.ในช่วงเช้าวันนี้ นายภัทรพงศ์ หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ จำเลยมาฟังคำพิพากษา ส่วนโจทก์มอบหมายเสมียนทนายความมาแทนศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า คดีนี้พยานโจทก์เบิกความว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 มีโจทก์เป็นแกนนำ ทำหน้าที่ปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องจ่ายเงินค่าเวที เครื่องเสียง และโปรเจกเตอร์ ซึ่งจะมีผู้ที่รับผิดชอบดูแลในเรื่องดังกล่าว และจะจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายวัน ไม่ปรากฏว่า มีการค้างค่าจ้าง ค่าเวที เครื่องเสียง และโปรเจกเตอร์ แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน การที่โจทก์กล่าวข้อความในติ๊กต็อก ว่า มีข้อความว่า โกงค่าจ้าง โกงค่าเวที เป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา แม้ว่าจะมีคำว่าหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อความทั้งหมดโดยรวมแล้ว ไม่ได้เพื่อต้องการคำตอบ แต่เป็นข้อความหมิ่นประมาท ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 328 และ มาตรา 393 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ซึ่งเป็นบทหนักสุด ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 1 แสนบาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี นอกจากนี้ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศารายวัน เป็นเวลา 7 วัน โดยให้ชำระค่าโฆษณาเอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าคุณเป็นทหารยูเครนที่กำลังรบอยู่แนวหน้า แต่แล้วคุณก็ทราบข่าวว่า!

    -ยูเครนแพ้สงครามแล้วแต่คุณต้องรบต่อไปจนกว่าพวกนักการเมืองจะแบ่งเค้กเสร็จ

    -อเมริกาที่อยู่เบื้องหลังหุ่นเชิดอย่างเซเลนสกี กำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ รัสเซียและวางแผนทำข้อตกลงทาง ธุรกิจครั้งใหญ่ต่อกัน และหยุดส่งอาวุธและเงินทุนให้ยูเครน ประเทศยูเครนล้มละลายหมดสิ้นแล้ว

    -ภูมิภาคดอนบาส ไม่มีทางกลับคืนมาเป็นของยูเครนอีกต่อไปแล้ว

    -ต่างชาติกำลังรุมทึ้งซากศพของพวกคุณ

    -พวกผู้นำยูเครนที่คอร์รัปชั่นกลายเป็นคน ร่ำรวยมหาศาลและมีแผนสำรองใน โมนาโก อิบิซา และไมอามี่
    -ถึงแม้ว่าพวกเราจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่มีแนวโน้มว่าจะต้องตกงาน และไม่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลที่ล้มละลาย สุดท้ายก็ตายอยู่ดีและเลวร้ายที่สุด

    -เพื่อนร่วมรบของพวกเค้ากว่า 8 แสนคน ตาย เพื่อสงครามซึ่งผลลัพธ์ได้ถูกตัดสินไปตั้งแต่เริ่มแล้ว

    นี่คือผลของความโง่เขลาของคนรุ่นใหม่ที่โดนปั่นหัวจนเลือกตัวตลกมาบริหารประเทศ

    ลองนึกภาพว่าคุณเป็นทหารยูเครนที่กำลังรบอยู่แนวหน้า แต่แล้วคุณก็ทราบข่าวว่า! -ยูเครนแพ้สงครามแล้วแต่คุณต้องรบต่อไปจนกว่าพวกนักการเมืองจะแบ่งเค้กเสร็จ -อเมริกาที่อยู่เบื้องหลังหุ่นเชิดอย่างเซเลนสกี กำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ รัสเซียและวางแผนทำข้อตกลงทาง ธุรกิจครั้งใหญ่ต่อกัน และหยุดส่งอาวุธและเงินทุนให้ยูเครน ประเทศยูเครนล้มละลายหมดสิ้นแล้ว -ภูมิภาคดอนบาส ไม่มีทางกลับคืนมาเป็นของยูเครนอีกต่อไปแล้ว -ต่างชาติกำลังรุมทึ้งซากศพของพวกคุณ -พวกผู้นำยูเครนที่คอร์รัปชั่นกลายเป็นคน ร่ำรวยมหาศาลและมีแผนสำรองใน โมนาโก อิบิซา และไมอามี่ -ถึงแม้ว่าพวกเราจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่มีแนวโน้มว่าจะต้องตกงาน และไม่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลที่ล้มละลาย สุดท้ายก็ตายอยู่ดีและเลวร้ายที่สุด -เพื่อนร่วมรบของพวกเค้ากว่า 8 แสนคน ตาย เพื่อสงครามซึ่งผลลัพธ์ได้ถูกตัดสินไปตั้งแต่เริ่มแล้ว นี่คือผลของความโง่เขลาของคนรุ่นใหม่ที่โดนปั่นหัวจนเลือกตัวตลกมาบริหารประเทศ
    Sad
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁

    🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง

    👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ

    👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย
    👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง
    🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁 🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง 👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ 👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย 👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการพัฒนาคนรุ่นใหม่เป็นสองสิ่งที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสังคมที่ก้าวหน้าและยั่งยืน ภูมิปัญญาดั้งเดิมเป็นความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากบรรพบุรุษ ซึ่งมักสะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และค่านิยมของชุมชน ในขณะที่การพัฒนาคนรุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบันและอนาคต

    ### วิธีที่ภูมิปัญญาดั้งเดิมสามารถสนับสนุนการพัฒนาคนรุ่นใหม่:
    1. **การส่งเสริมคุณค่าและจริยธรรม**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมมักเน้นเรื่องความเอื้ออาทร ความเคารพต่อธรรมชาติ และความสัมพันธ์ในชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

    2. **การเรียนรู้จากประสบการณ์**: การนำความรู้เดิมมาประยุกต์ใช้ เช่น การเกษตรแบบดั้งเดิม การแพทย์แผนโบราณ หรือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. **การรักษาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์**: การเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้จักรากเหง้าของตนเอง และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

    4. **การสร้างสมดุลระหว่างเก่าและใหม่**: การผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย

    ### ความท้าทาย:
    - **การสื่อสารระหว่างรุ่น**: บางครั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
    - **การปรับตัว**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทสมัยใหม่ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ### สรุป:
    การพัฒนาคนรุ่นใหม่ควรคำนึงถึงการรักษาและต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแกร่งทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างความรู้เดิมและนวัตกรรมใหม่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการพัฒนาคนรุ่นใหม่เป็นสองสิ่งที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสังคมที่ก้าวหน้าและยั่งยืน ภูมิปัญญาดั้งเดิมเป็นความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากบรรพบุรุษ ซึ่งมักสะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และค่านิยมของชุมชน ในขณะที่การพัฒนาคนรุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบันและอนาคต ### วิธีที่ภูมิปัญญาดั้งเดิมสามารถสนับสนุนการพัฒนาคนรุ่นใหม่: 1. **การส่งเสริมคุณค่าและจริยธรรม**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมมักเน้นเรื่องความเอื้ออาทร ความเคารพต่อธรรมชาติ และความสัมพันธ์ในชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 2. **การเรียนรู้จากประสบการณ์**: การนำความรู้เดิมมาประยุกต์ใช้ เช่น การเกษตรแบบดั้งเดิม การแพทย์แผนโบราณ หรือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. **การรักษาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์**: การเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้จักรากเหง้าของตนเอง และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม 4. **การสร้างสมดุลระหว่างเก่าและใหม่**: การผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย ### ความท้าทาย: - **การสื่อสารระหว่างรุ่น**: บางครั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ - **การปรับตัว**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทสมัยใหม่ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ### สรุป: การพัฒนาคนรุ่นใหม่ควรคำนึงถึงการรักษาและต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแกร่งทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างความรู้เดิมและนวัตกรรมใหม่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป

    ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์)

    1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse


    2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น


    3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


    4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ


    5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI



    เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่

    Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์) 1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse 2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น 3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ 5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts