• จนท.สถาบันนิติวิทย์ฯ รับกู้ข้อมูลมือถือแตงโมไม่ง่าย 07/02/68 #มือถือแตงโม #สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ #DSI #แตงโม นิดา
    จนท.สถาบันนิติวิทย์ฯ รับกู้ข้อมูลมือถือแตงโมไม่ง่าย 07/02/68 #มือถือแตงโม #สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ #DSI #แตงโม นิดา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ DSI ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของ "แตงโม นิดา" ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบและกู้ข้อมูล หลังได้รับคืนจาก "บังแจ็ค" ผ่านอดีตศัลยแพทย์ชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญเผย งานนี้ซับซ้อนกว่าปกติ เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่า 3 ปี อาจมีข้อมูลเสียหายหรือถูกลบ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนสรุปผล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012474

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เจ้าหน้าที่ DSI ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของ "แตงโม นิดา" ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบและกู้ข้อมูล หลังได้รับคืนจาก "บังแจ็ค" ผ่านอดีตศัลยแพทย์ชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญเผย งานนี้ซับซ้อนกว่าปกติ เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่า 3 ปี อาจมีข้อมูลเสียหายหรือถูกลบ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนสรุปผล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012474 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • 35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์

    📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

    จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน

    🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌
    สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย

    USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน

    👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

    📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต
    หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ

    พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504

    🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย
    แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก

    📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว
    เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523

    - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง
    - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก
    - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ

    ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน
    การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย

    🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ
    หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น
    - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533
    - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว

    เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด

    🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา
    เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ

    - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น
    - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี

    แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม

    💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR
    📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

    📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช

    👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช

    🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต
    - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง
    - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน
    - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน

    📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568

    #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์ 📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน 🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌 สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน 👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504 🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก 📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523 - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย 🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533 - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด 🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม 💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR 📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ 📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช 👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช 🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน 📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568 #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดข้อมูลมือถือ “แตงโม” ว่าเจออะไรบ้าง ใครโทรหา?
    #เปิดข้อมูลมือถือแตงโม #ใครโทรหาแตงโม #แตงโม #บังแจ็ค #News1 #Newsstory
    เปิดข้อมูลมือถือ “แตงโม” ว่าเจออะไรบ้าง ใครโทรหา? #เปิดข้อมูลมือถือแตงโม #ใครโทรหาแตงโม #แตงโม #บังแจ็ค #News1 #Newsstory
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • Spec Computer วันนี้ นำเสนอ Set จากร้าน JIB ครับ
    ขอขอบคุณ Jib สำหรับข้อมูลรูปภาพ
    #spec #computer #jib
    Spec Computer วันนี้ นำเสนอ Set จากร้าน JIB ครับ ขอขอบคุณ Jib สำหรับข้อมูลรูปภาพ #spec #computer #jib
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน Microsoft Outlook ที่สามารถถูกโจมตีจากระยะไกลได้ โดยช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดย Haifei Li นักวิจัยจาก Check Point และได้รับการติดตามด้วยรหัส CVE-2024-21413 ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลเข้าไม่ถูกต้องเมื่อเปิดอีเมลที่มีลิงก์อันตรายโดยใช้เวอร์ชันของ Outlook ที่มีช่องโหว่

    การโจมตีสามารถทำให้ผู้โจมตีมีความสามารถในการรันโค้ดจากระยะไกลได้ เนื่องจากช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบของ Protected View และเปิดไฟล์อันตรายในโหมดแก้ไข ช่องโหว่นี้ยังคงเป็นปัญหาแม้เพียงแค่พรีวิวอีเมลที่มีเอกสาร Office ที่ถูกสร้างมาอย่างอันตราย

    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อหลายผลิตภัณฑ์ Office รวมถึง Microsoft Office LTSC 2021, Microsoft 365 Apps for Enterprise, Microsoft Outlook 2016, และ Microsoft Office 2019 การโจมตีที่สำเร็จสามารถทำให้ข้อมูลรับรอง NTLM ถูกขโมยและโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ถูกดำเนินการผ่านเอกสาร Office ที่ถูกสร้างมาอย่างอันตราย

    หน่วยงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้เตือนหน่วยงานรัฐบาลให้ทำการอัปเดตและป้องกันระบบจากการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่นี้ หน่วยงานเอกชนก็ถูกแนะนำให้ทำการอัปเดตเช่นกันเพื่อป้องกันการโจมตี

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/critical-rce-bug-in-microsoft-outlook-now-exploited-in-attacks/
    มีรายงานเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน Microsoft Outlook ที่สามารถถูกโจมตีจากระยะไกลได้ โดยช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดย Haifei Li นักวิจัยจาก Check Point และได้รับการติดตามด้วยรหัส CVE-2024-21413 ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลเข้าไม่ถูกต้องเมื่อเปิดอีเมลที่มีลิงก์อันตรายโดยใช้เวอร์ชันของ Outlook ที่มีช่องโหว่ การโจมตีสามารถทำให้ผู้โจมตีมีความสามารถในการรันโค้ดจากระยะไกลได้ เนื่องจากช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบของ Protected View และเปิดไฟล์อันตรายในโหมดแก้ไข ช่องโหว่นี้ยังคงเป็นปัญหาแม้เพียงแค่พรีวิวอีเมลที่มีเอกสาร Office ที่ถูกสร้างมาอย่างอันตราย ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อหลายผลิตภัณฑ์ Office รวมถึง Microsoft Office LTSC 2021, Microsoft 365 Apps for Enterprise, Microsoft Outlook 2016, และ Microsoft Office 2019 การโจมตีที่สำเร็จสามารถทำให้ข้อมูลรับรอง NTLM ถูกขโมยและโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ถูกดำเนินการผ่านเอกสาร Office ที่ถูกสร้างมาอย่างอันตราย หน่วยงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้เตือนหน่วยงานรัฐบาลให้ทำการอัปเดตและป้องกันระบบจากการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่นี้ หน่วยงานเอกชนก็ถูกแนะนำให้ทำการอัปเดตเช่นกันเพื่อป้องกันการโจมตี https://www.bleepingcomputer.com/news/security/critical-rce-bug-in-microsoft-outlook-now-exploited-in-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Critical RCE bug in Microsoft Outlook now exploited in attacks
    CISA warned U.S. federal agencies on Thursday to secure their systems against ongoing attacks targeting a critical Microsoft Outlook remote code execution (RCE) vulnerability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • TechRadar รายงานว่า Sundar Pichai, CEO ของ Google ได้ให้ข้อมูลในการประชุมกับนักลงทุนล่าสุดว่า Gemini AI ของ Google อาจมีโฆษณาในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้และรองรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน AI ที่สูงมาก

    ในปัจจุบัน Google Gemini ยังไม่มีโฆษณาแทรกกลางการสนทนา แต่มีแนวโน้มว่าในอนาคตเวอร์ชันฟรีของ Gemini จะมีโฆษณาเข้ามาเพื่อสนับสนุน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมที่ต้องจ่ายเงินจะไม่มีโฆษณาแทรกกลาง ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างของโฆษณาใน Gemini ได้จากการค้นหาใน Google ที่มีผลลัพธ์ที่ได้รับการสนับสนุน (sponsored results) แทรกเข้ามาอยู่ในข้อความที่สร้างขึ้นโดย AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ Google ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาจากการแทรกโฆษณาในทุกๆ ด้านของบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือการค้นหา เพื่อทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด การแทรกโฆษณาใน AI จึงไม่น่าแปลกใจ

    นอกจากนี้ยังกล่าวถึงว่า Microsoft และ Amazon ก็กำลังทดลองแนวคิดเดียวกันในการแทรกโฆษณาใน AI chatbots ของตนด้วย และ Copilot AI ของ Microsoft ก็มีโฆษณาแทรกอยู่เช่นกัน

    https://www.techradar.com/pro/would-you-use-google-gemini-if-it-fills-with-ads
    TechRadar รายงานว่า Sundar Pichai, CEO ของ Google ได้ให้ข้อมูลในการประชุมกับนักลงทุนล่าสุดว่า Gemini AI ของ Google อาจมีโฆษณาในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้และรองรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน AI ที่สูงมาก ในปัจจุบัน Google Gemini ยังไม่มีโฆษณาแทรกกลางการสนทนา แต่มีแนวโน้มว่าในอนาคตเวอร์ชันฟรีของ Gemini จะมีโฆษณาเข้ามาเพื่อสนับสนุน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมที่ต้องจ่ายเงินจะไม่มีโฆษณาแทรกกลาง ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างของโฆษณาใน Gemini ได้จากการค้นหาใน Google ที่มีผลลัพธ์ที่ได้รับการสนับสนุน (sponsored results) แทรกเข้ามาอยู่ในข้อความที่สร้างขึ้นโดย AI สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ Google ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาจากการแทรกโฆษณาในทุกๆ ด้านของบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือการค้นหา เพื่อทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด การแทรกโฆษณาใน AI จึงไม่น่าแปลกใจ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงว่า Microsoft และ Amazon ก็กำลังทดลองแนวคิดเดียวกันในการแทรกโฆษณาใน AI chatbots ของตนด้วย และ Copilot AI ของ Microsoft ก็มีโฆษณาแทรกอยู่เช่นกัน https://www.techradar.com/pro/would-you-use-google-gemini-if-it-fills-with-ads
    WWW.TECHRADAR.COM
    Would you use Google Gemini if it fills with ads?
    Google CEO hints you may not have a choice unless you pay up
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีมัลแวร์ประเภทใหม่ที่ชื่อว่า ‘SparkCat’ ที่ถูกค้นพบในร้านค้าแอปพลิเคชันของ iOS และ Android โดยมัลแวร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลกู้คืนกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้งาน รายงานจาก Kaspersky ระบุว่ามัลแวร์นี้มีการฝังอยู่ในแอปพลิเคชันหลายตัวที่มีการดาวน์โหลดหลายพันครั้ง เช่น แอปส่งอาหารจากประเทศจีนชื่อว่า ComeCome ที่มีการดาวน์โหลดกว่า 10,000 ครั้ง

    SparkCat มีความสามารถในการสแกนรูปภาพในแกลเลอรี่ของผู้ใช้งานเพื่อค้นหาคำสำคัญ หากพบรูปภาพที่เกี่ยวข้อง มันจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุม (C2 server) นอกจากนี้ มัลแวร์นี้ยังมีความยืดหยุ่นพอที่จะขโมยข้อมูลสำคัญอื่น ๆ จากแกลเลอรี่ของเหยื่อได้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่พบมัลแวร์ประเภทนี้ในร้านค้าแอปของ Apple ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบแอปพลิเคชันของ Apple อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ถึงแม้ Apple จะตั้งใจให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้

    สำหรับผู้ที่มีแอปพลิเคชันที่ติดมัลแวร์นี้ Kaspersky แนะนำให้ลบแอปพลิเคชันนั้นทันทีและหลีกเลี่ยงการใช้งานจนกว่าจะมีการแก้ไข นอกจากนี้ การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลสำคัญ

    https://www.techradar.com/pro/security/screen-reading-malware-found-in-ios-app-stores-for-first-time-and-it-might-steal-your-cryptocurrency
    มีมัลแวร์ประเภทใหม่ที่ชื่อว่า ‘SparkCat’ ที่ถูกค้นพบในร้านค้าแอปพลิเคชันของ iOS และ Android โดยมัลแวร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลกู้คืนกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้งาน รายงานจาก Kaspersky ระบุว่ามัลแวร์นี้มีการฝังอยู่ในแอปพลิเคชันหลายตัวที่มีการดาวน์โหลดหลายพันครั้ง เช่น แอปส่งอาหารจากประเทศจีนชื่อว่า ComeCome ที่มีการดาวน์โหลดกว่า 10,000 ครั้ง SparkCat มีความสามารถในการสแกนรูปภาพในแกลเลอรี่ของผู้ใช้งานเพื่อค้นหาคำสำคัญ หากพบรูปภาพที่เกี่ยวข้อง มันจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุม (C2 server) นอกจากนี้ มัลแวร์นี้ยังมีความยืดหยุ่นพอที่จะขโมยข้อมูลสำคัญอื่น ๆ จากแกลเลอรี่ของเหยื่อได้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่พบมัลแวร์ประเภทนี้ในร้านค้าแอปของ Apple ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบแอปพลิเคชันของ Apple อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ถึงแม้ Apple จะตั้งใจให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ สำหรับผู้ที่มีแอปพลิเคชันที่ติดมัลแวร์นี้ Kaspersky แนะนำให้ลบแอปพลิเคชันนั้นทันทีและหลีกเลี่ยงการใช้งานจนกว่าจะมีการแก้ไข นอกจากนี้ การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลสำคัญ https://www.techradar.com/pro/security/screen-reading-malware-found-in-ios-app-stores-for-first-time-and-it-might-steal-your-cryptocurrency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google

    Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว

    นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Singapore Telecommunications (SingTel) ได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาแหล่งข้อมูลศูนย์ (data centre) ใหม่ในสิงคโปร์ ศูนย์ข้อมูลนี้จะมีขนาดใหญ่ถึง 58 เมกะวัตต์และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยสินเชื่อสีเขียวนี้เป็นสินเชื่อที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    สินเชื่อสีเขียวมาจากธนาคาร DBS, OCBC, Standard Chartered, HSBC, และ United Overseas Bank ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ SingTel มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

    สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่การพัฒนาศูนย์ข้อมูลนี้จะมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการประมวลผลงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยเสริมสร้างความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนั้นในเดือนธันวาคมปี 2023 SingTel ยังได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 535 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อใช้ชำระหนี้และพัฒนาศูนย์ข้อมูลอีกสองแห่ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/singtel-secures-476-million-green-loan-to-develop-data-centre
    บริษัท Singapore Telecommunications (SingTel) ได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาแหล่งข้อมูลศูนย์ (data centre) ใหม่ในสิงคโปร์ ศูนย์ข้อมูลนี้จะมีขนาดใหญ่ถึง 58 เมกะวัตต์และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยสินเชื่อสีเขียวนี้เป็นสินเชื่อที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินเชื่อสีเขียวมาจากธนาคาร DBS, OCBC, Standard Chartered, HSBC, และ United Overseas Bank ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ SingTel มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่การพัฒนาศูนย์ข้อมูลนี้จะมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการประมวลผลงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยเสริมสร้างความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนั้นในเดือนธันวาคมปี 2023 SingTel ยังได้รับสินเชื่อสีเขียวมูลค่า 535 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อใช้ชำระหนี้และพัฒนาศูนย์ข้อมูลอีกสองแห่ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/singtel-secures-476-million-green-loan-to-develop-data-centre
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SingTel secures $476 million green loan to develop data centre
    (Reuters) - Singapore Telecommunications (SingTel) said on Friday that it had secured a S$643 million ($476.16 million) green loan to finance the development of a new 58 megawatt (MW) data centre in the city-state.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!!

    สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด

    อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์

    Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

    https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!! สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์ สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์ Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    WWW.ZDNET.COM
    Looking to lead technology teams in 2025? Follow this CDO's advice
    There's a temptation to automate as much work as possible, but AI has some shortcomings - and not for the reasons many think.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI:

    ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)**
    - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
    - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)**
    - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้
    - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล

    ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)**
    - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้
    - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน

    ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)**
    - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล
    - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล

    ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)**
    - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง
    - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ

    ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)**
    - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย
    - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย

    ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)**
    - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ
    - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย

    ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)**
    - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ
    - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)**
    - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล
    - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)**
    - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล
    - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล

    ### จริยธรรมและความเสี่ยง
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

    ### สรุป
    AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI: ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)** - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)** - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้ - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)** - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้ - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)** - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)** - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)** - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)** - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)** - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)** - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)** - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล ### จริยธรรมและความเสี่ยง การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ### สรุป AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าด้วยเรื่องตีกลองร้องฎีกา

    สวัสดีค่ะ ขออภัยที่หายเงียบไปสองสัปดาห์เพราะ Storyฯ งานเข้าและไม่สบายไปหลายวัน วันนี้ยังคงมีเกร็ดเรื่องเล่าจากละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> มาคุยกัน เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้คงจำได้ว่ามีฉากหนึ่งที่มู่ปา น้องสาวของนางเอกเข้าเมืองหลวงมาตีกลองร้องฎีกาและต้องถูกโบยสามสิบพลองเพราะตีกลองนั้น

    และหากเพื่อนเพจได้ดูละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> ก็จะเคยเห็นฉากที่นางเอกตีกลองร้องฎีกาแล้วต้องถูกโบยยี่สิบพลองก่อนเช่นกัน แต่ในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นั้น นางเอกก็เคยตีกลองร้องฎีกาแต่ไม่ต้องถูกโบย ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง แต่เรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เป็นราชวงศ์สมมุติที่อิงจากสมัยถัง

    เรื่องการถูกโบยก่อนได้ร้องทุกข์จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ในวันนี้

    ในสมัยโบราณ ชาวบ้านต้องการร้องทุกข์ก็จะไปดักรอขบวนเสด็จ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน และเพื่อแสดงความห่วงใยในประชาชนของกษัตริย์ จึงมีการกำหนดจุดร้องฎีกาขึ้นเพื่อให้มีขั้นตอนที่ชัดเจน วัตถุประสงค์ไม่เพียงเพื่อให้ประชาชนร้องทุกข์ แต่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนออกความเห็นในเรื่องต่างๆ ได้อีกด้วย

    จากบันทึกโจวหลี่ การตีกลองร้องทุกข์มีมาแต่สมัยราชวงศ์โจว (1046 - 256 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีการวางกลองไว้ข้างถนน มีทหารเวรยามดูแล เมื่อมีคนมาตีกลอง ทหารต้องรายงานเบื้องบนจนถึงพระกรรณ

    นอกจากนี้ ยังมีการร้องทุกข์ด้วยการไปยืนอย่างเงียบๆ ข้างหินสีแดงสูงประมาณ 8-9 ฟุต เรียกว่า ‘หินเฟ่ยสือ’ (肺石 แปลตรงตัวว่า ปอดที่ทำจากหิน) สำหรับคนที่ต้องการร้องทุกข์แบบไม่โพนทะนา ยืนสามวัน ทหารที่เฝ้าอยู่ก็จะพาตัวไปรับเรื่องอย่างเงียบๆ

    มีการใช้ระบบร้องทุกข์ทั้งสองแบบนี้ต่อเนื่องกันมาโดยกำหนดสถานที่และหน่วยงานผู้ดูแลแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย และในสมัยถังได้มีการพัฒนาระบบการร้องทุกข์อย่างเข้มข้น มีการแยกกลองร้องทุกข์ออกมาเป็นสองแบบ กลองร้องฎีกาต่อฮ่องเต้เรียกว่ากลอง ‘เติงเหวินกู่’ (登闻鼓 แปลตรงตัวได้ประมาณว่ากลองที่เสียงดังไปถึงราชบัลลังก์ในท้องพระโรง) แตกต่างจากกลองร้องทุกข์ทั่วไปที่ชาวบ้านในตีหน้าศาลหรือหน้าสถานที่ว่าการท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘หมิงเยวียนกู่’ (鸣冤鼓)

    มีการบันทึกว่าในสมัยถังนั้น มีการตั้งกลองเติงเหวินกู่และหินเฟ่ยสือที่หน้าประตูอาคารนอกท้องพระโรง และมีทหารยามเฝ้าเพื่อคอยรับเรื่อง (แต่ไม่ได้บอกว่ายังต้องยืนข้างหินเฟ่ยสือนานถึงสามวันหรือไม่) ต่อมาในสมัยจักรพรรดินีบูเช็กเทียนยกเลิกการเฝ้าโดยทหาร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกลัว และให้มีเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบขุนนางหรือที่เรียกว่า ‘อวี้สื่อไถ’ (御史台) มารับคำร้องโดยตรง

    ในยุคสมัยต่อมายังคงมีการใช้กลองเติงเหวินกู่ แต่นานวันเข้า เรื่องที่ได้รับการร้องทุกข์ผ่านการตีกลองเติงเหวินกู่ดูจะพร่ำเพรื่อขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นเรื่องร้องเรียนขุนนางระดับสูงหรือเรื่องระดับชาติบ้านเมือง จนทำให้ฮ่องเต้ต้องทรงหมดเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ในสมัยซ่งมีคดีร้องทุกข์ที่โด่งดังจนถูกจารึกไว้ในสมัยองค์ซ่งไท่จงว่า มีชาวบ้านมาตีกลองร้องฎีกาตามหาหมูที่หายไป จึงทรงพระราชทานเงินให้เป็นการชดเชย เป็นเรื่องเล่าที่แสดงถึงความ ‘เข้าถึง’ และความใส่พระทัยองค์ฮ่องเต้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความยิบย่อยของเรื่องที่มีการร้องฏีกา

    ในรัชสมัยต่อมาในราชวงศ์ซ่งจึงมีการพัฒนาระบบการร้องฎีกายิ่งขึ้น โดยกำหนดที่ตั้งกลองเติงเหวินกู่ไว้สามจุด ต่อมายุบเหลือสองจุด โดยมีหน่วยงานที่ดูแลแต่ละจุดและกลั่นกรองเรื่องต่างกัน

    ต่อมาในยุคหมิงและชิงยิ่งมีข้อกำหนดที่เข้มข้นมากขึ้นเกี่ยวกับการตีกลองเติงเหวินกู่ โดยกำหนดให้ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทหารและการบริหารบ้านเมืองที่สำคัญ การทุจริตในระดับสูง หรือเรื่องที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างผิดแปลกมากเท่านั้น และในสมัยชิงนี่เองที่มีการกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ตีกลองเติงเหวินกู่นั้น ต้องถูกโบยสามสิบพลองก่อน จึงจะยื่นฎีกาได้

    เมื่อกลองเติงเหวินกู่ดัง องค์ราชันมิอาจเพิกเฉย

    เนื่องด้วยเป็นเรื่องที่รู้ถึงพระเนตรพระกรรณ องค์ฮ่องเต้จึงทรงสามารถเข้าร่วมกระบวนการไต่สวนของหน่วยงานต่างๆ หรือทรงไต่สวนด้วยองค์เองก็ย่อมได้ และท้ายสุดจะทรงเป็นผู้ตัดสินคดีเอง แต่ในความเป็นจริงนั้นกระบวนการร้องฎีกานี้มีการรับเรื่องและตรวจสอบผ่านหน่วยงานต่างๆ ตามขั้นตอน ดังนั้น หนทางสู่การได้รับความยุติธรรมของผู้ที่ร้องทุกข์ก็ไม่ได้ง่ายหรือตรงไปตรงมาอย่างที่เราเห็นในละคร

    แต่ทั้งนี้ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ชาวบ้านยังสามารถตีกลองร้องทุกข์ปกติหน้าที่ว่าการอำเภอหรือหน้าศาลได้ โดยมีบทกำหนดขั้นตอนและเนื้อหาของเรื่องที่ร้องเรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและชนชั้นของผู้ที่ต้องการร้องทุกข์อีกด้วย อีกทั้งยังมีบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ที่ร้องเรียนด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ

    สรุปได้ว่า ในบริบทของสมัยถังนั้น Stoyฯ ไม่พบข้อมูลว่ามีการโบยผู้ตีกลองร้องฏีกาแต่อย่างใด

    ส่วนในสมัยซ่งซึ่งเป็นฉากหลังของละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> และ <ตำนานหมิงหลัน> นั้น Storyฯ อ่านพบบทวิเคราะห์ว่า ในเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> นั้น นางเอกตีกลองร้องทุกข์ว่าถูกผู้ชายหลอกว่าจะแต่งงานด้วยและพยายามหลอกเงิน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างชัดเจน (คือยังไม่ได้แต่งงานและเงินก็ไม่ได้ถูกเอาไป) อีกทั้งนางเป็นบุตรีของขุนนางที่เคยต้องโทษ จึงต้องถูกโบยยี่สิบพลองก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้กล่าวหาเท็จ แต่ในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นั้น นางเอกไม่ต้องถูกโบยเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักโดยตรงและเป็นการร้องเรียนโดยตัวนางเอกซึ่งมียศสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Storyฯ หาไม่พบข้อมูลอื่นที่มายืนยันว่าในสมัยซ่งมีการโบยผู้ตีกลองร้องฎีกาจริงๆ หากท่านใดเคยผ่านตาผ่านหูมาก็บอกกล่าวกันได้ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.wpzysq.com/thread-137854.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/登闻鼓/9859346
    https://baike.baidu.com/item/肺石/5742166
    https://www.bj148.org/wh/bl/zh/201907/t20190718_1521655.html
    https://www.163.com/dy/article/GB17LQI20543L1MM.html
    https://www.gugong.net/wenhua/39062.html
    https://www.youtube.com/watch?v=O06IQj2yGKk

    #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #ตำนานหมิงหลัน #สามบุปผาลิขิตฝัน #กระบวนการร้องทุกข์ #ตีกลองร้องทุกข์
    ว่าด้วยเรื่องตีกลองร้องฎีกา สวัสดีค่ะ ขออภัยที่หายเงียบไปสองสัปดาห์เพราะ Storyฯ งานเข้าและไม่สบายไปหลายวัน วันนี้ยังคงมีเกร็ดเรื่องเล่าจากละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> มาคุยกัน เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้คงจำได้ว่ามีฉากหนึ่งที่มู่ปา น้องสาวของนางเอกเข้าเมืองหลวงมาตีกลองร้องฎีกาและต้องถูกโบยสามสิบพลองเพราะตีกลองนั้น และหากเพื่อนเพจได้ดูละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> ก็จะเคยเห็นฉากที่นางเอกตีกลองร้องฎีกาแล้วต้องถูกโบยยี่สิบพลองก่อนเช่นกัน แต่ในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นั้น นางเอกก็เคยตีกลองร้องฎีกาแต่ไม่ต้องถูกโบย ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง แต่เรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เป็นราชวงศ์สมมุติที่อิงจากสมัยถัง เรื่องการถูกโบยก่อนได้ร้องทุกข์จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ในวันนี้ ในสมัยโบราณ ชาวบ้านต้องการร้องทุกข์ก็จะไปดักรอขบวนเสด็จ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน และเพื่อแสดงความห่วงใยในประชาชนของกษัตริย์ จึงมีการกำหนดจุดร้องฎีกาขึ้นเพื่อให้มีขั้นตอนที่ชัดเจน วัตถุประสงค์ไม่เพียงเพื่อให้ประชาชนร้องทุกข์ แต่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนออกความเห็นในเรื่องต่างๆ ได้อีกด้วย จากบันทึกโจวหลี่ การตีกลองร้องทุกข์มีมาแต่สมัยราชวงศ์โจว (1046 - 256 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีการวางกลองไว้ข้างถนน มีทหารเวรยามดูแล เมื่อมีคนมาตีกลอง ทหารต้องรายงานเบื้องบนจนถึงพระกรรณ นอกจากนี้ ยังมีการร้องทุกข์ด้วยการไปยืนอย่างเงียบๆ ข้างหินสีแดงสูงประมาณ 8-9 ฟุต เรียกว่า ‘หินเฟ่ยสือ’ (肺石 แปลตรงตัวว่า ปอดที่ทำจากหิน) สำหรับคนที่ต้องการร้องทุกข์แบบไม่โพนทะนา ยืนสามวัน ทหารที่เฝ้าอยู่ก็จะพาตัวไปรับเรื่องอย่างเงียบๆ มีการใช้ระบบร้องทุกข์ทั้งสองแบบนี้ต่อเนื่องกันมาโดยกำหนดสถานที่และหน่วยงานผู้ดูแลแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย และในสมัยถังได้มีการพัฒนาระบบการร้องทุกข์อย่างเข้มข้น มีการแยกกลองร้องทุกข์ออกมาเป็นสองแบบ กลองร้องฎีกาต่อฮ่องเต้เรียกว่ากลอง ‘เติงเหวินกู่’ (登闻鼓 แปลตรงตัวได้ประมาณว่ากลองที่เสียงดังไปถึงราชบัลลังก์ในท้องพระโรง) แตกต่างจากกลองร้องทุกข์ทั่วไปที่ชาวบ้านในตีหน้าศาลหรือหน้าสถานที่ว่าการท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘หมิงเยวียนกู่’ (鸣冤鼓) มีการบันทึกว่าในสมัยถังนั้น มีการตั้งกลองเติงเหวินกู่และหินเฟ่ยสือที่หน้าประตูอาคารนอกท้องพระโรง และมีทหารยามเฝ้าเพื่อคอยรับเรื่อง (แต่ไม่ได้บอกว่ายังต้องยืนข้างหินเฟ่ยสือนานถึงสามวันหรือไม่) ต่อมาในสมัยจักรพรรดินีบูเช็กเทียนยกเลิกการเฝ้าโดยทหาร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกลัว และให้มีเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบขุนนางหรือที่เรียกว่า ‘อวี้สื่อไถ’ (御史台) มารับคำร้องโดยตรง ในยุคสมัยต่อมายังคงมีการใช้กลองเติงเหวินกู่ แต่นานวันเข้า เรื่องที่ได้รับการร้องทุกข์ผ่านการตีกลองเติงเหวินกู่ดูจะพร่ำเพรื่อขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นเรื่องร้องเรียนขุนนางระดับสูงหรือเรื่องระดับชาติบ้านเมือง จนทำให้ฮ่องเต้ต้องทรงหมดเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ในสมัยซ่งมีคดีร้องทุกข์ที่โด่งดังจนถูกจารึกไว้ในสมัยองค์ซ่งไท่จงว่า มีชาวบ้านมาตีกลองร้องฎีกาตามหาหมูที่หายไป จึงทรงพระราชทานเงินให้เป็นการชดเชย เป็นเรื่องเล่าที่แสดงถึงความ ‘เข้าถึง’ และความใส่พระทัยองค์ฮ่องเต้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความยิบย่อยของเรื่องที่มีการร้องฏีกา ในรัชสมัยต่อมาในราชวงศ์ซ่งจึงมีการพัฒนาระบบการร้องฎีกายิ่งขึ้น โดยกำหนดที่ตั้งกลองเติงเหวินกู่ไว้สามจุด ต่อมายุบเหลือสองจุด โดยมีหน่วยงานที่ดูแลแต่ละจุดและกลั่นกรองเรื่องต่างกัน ต่อมาในยุคหมิงและชิงยิ่งมีข้อกำหนดที่เข้มข้นมากขึ้นเกี่ยวกับการตีกลองเติงเหวินกู่ โดยกำหนดให้ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทหารและการบริหารบ้านเมืองที่สำคัญ การทุจริตในระดับสูง หรือเรื่องที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างผิดแปลกมากเท่านั้น และในสมัยชิงนี่เองที่มีการกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ตีกลองเติงเหวินกู่นั้น ต้องถูกโบยสามสิบพลองก่อน จึงจะยื่นฎีกาได้ เมื่อกลองเติงเหวินกู่ดัง องค์ราชันมิอาจเพิกเฉย เนื่องด้วยเป็นเรื่องที่รู้ถึงพระเนตรพระกรรณ องค์ฮ่องเต้จึงทรงสามารถเข้าร่วมกระบวนการไต่สวนของหน่วยงานต่างๆ หรือทรงไต่สวนด้วยองค์เองก็ย่อมได้ และท้ายสุดจะทรงเป็นผู้ตัดสินคดีเอง แต่ในความเป็นจริงนั้นกระบวนการร้องฎีกานี้มีการรับเรื่องและตรวจสอบผ่านหน่วยงานต่างๆ ตามขั้นตอน ดังนั้น หนทางสู่การได้รับความยุติธรรมของผู้ที่ร้องทุกข์ก็ไม่ได้ง่ายหรือตรงไปตรงมาอย่างที่เราเห็นในละคร แต่ทั้งนี้ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ชาวบ้านยังสามารถตีกลองร้องทุกข์ปกติหน้าที่ว่าการอำเภอหรือหน้าศาลได้ โดยมีบทกำหนดขั้นตอนและเนื้อหาของเรื่องที่ร้องเรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและชนชั้นของผู้ที่ต้องการร้องทุกข์อีกด้วย อีกทั้งยังมีบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ที่ร้องเรียนด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ สรุปได้ว่า ในบริบทของสมัยถังนั้น Stoyฯ ไม่พบข้อมูลว่ามีการโบยผู้ตีกลองร้องฏีกาแต่อย่างใด ส่วนในสมัยซ่งซึ่งเป็นฉากหลังของละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> และ <ตำนานหมิงหลัน> นั้น Storyฯ อ่านพบบทวิเคราะห์ว่า ในเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> นั้น นางเอกตีกลองร้องทุกข์ว่าถูกผู้ชายหลอกว่าจะแต่งงานด้วยและพยายามหลอกเงิน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างชัดเจน (คือยังไม่ได้แต่งงานและเงินก็ไม่ได้ถูกเอาไป) อีกทั้งนางเป็นบุตรีของขุนนางที่เคยต้องโทษ จึงต้องถูกโบยยี่สิบพลองก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้กล่าวหาเท็จ แต่ในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นั้น นางเอกไม่ต้องถูกโบยเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักโดยตรงและเป็นการร้องเรียนโดยตัวนางเอกซึ่งมียศสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Storyฯ หาไม่พบข้อมูลอื่นที่มายืนยันว่าในสมัยซ่งมีการโบยผู้ตีกลองร้องฎีกาจริงๆ หากท่านใดเคยผ่านตาผ่านหูมาก็บอกกล่าวกันได้ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.wpzysq.com/thread-137854.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/登闻鼓/9859346 https://baike.baidu.com/item/肺石/5742166 https://www.bj148.org/wh/bl/zh/201907/t20190718_1521655.html https://www.163.com/dy/article/GB17LQI20543L1MM.html https://www.gugong.net/wenhua/39062.html https://www.youtube.com/watch?v=O06IQj2yGKk #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #ตำนานหมิงหลัน #สามบุปผาลิขิตฝัน #กระบวนการร้องทุกข์ #ตีกลองร้องทุกข์
    WWW.WPZYSQ.COM
    灼灼风流4K[全40集]古装/爱情/2023-4K专区-网盘资源社
    灼灼风流4K[全40集]古装/爱情/2023的网盘资源剧集简介该剧改编自随宇而安的小说《曾风流》。反抗传统婚姻制度、一心考取功名的事业脑女官慕灼华(景甜饰)与沙场沐血折戟、背负国仇家恨的美强惨战神刘衍(冯绍峰饰)彼此救赎、相知相爱,携手攘外安内、守卫国家,终成一代风流人物的故事。[ttreply]2023.灼灼风流4K
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ"แฉ!มีขบวนการดิสเครดิตข้อมูลมือถือบังแจ็ค 06/02/68 #ปานเทพ #บังแจ็ค #คดีแตงโม #มือถือแตงโม
    "ปานเทพ"แฉ!มีขบวนการดิสเครดิตข้อมูลมือถือบังแจ็ค 06/02/68 #ปานเทพ #บังแจ็ค #คดีแตงโม #มือถือแตงโม
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 90 0 รีวิว
  • #ข้อมูลใหม่สนธิถึงกับลั่นกลางรายการ
    กระติกแตก เตรียมเจอสึนามิ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ข้อมูลใหม่สนธิถึงกับลั่นกลางรายการ กระติกแตก เตรียมเจอสึนามิ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • #3เหตุผลสำคัญที่บ้านพระอาทิตย์ไม่ต้อนรับเต้
    เรียกได้ว่าเรื่องการรื้อKADEEสาเหตุการดับของน้องแตงโม
    ที่กำลังเข้มข้นอย่างมากในขณะนี้ มีพลเมืองจิตอาสา
    หลายคน ที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน
    แต่คนที่มาล่า มาช้าสุดแต่ดูจะมีความเคลื่อนไหวไม่น้อย
    คือ เต้ 007 ที่ได้ใช้พื้นที่สื่อในการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
    โดยเฉพาะเรื่องกล้องวงจรปิดที่ใต้สะพานซังฮี้ ที่พบจำนวนคนบนเรือ
    ที่ไม่เป็นไปตามคำให้การของคนบนเรือในสำนวน
    ในขณะที่เต้ ได้ประกาศผ่านสื่อว่า ตนเองมีแพลนที่จะพาแม๊
    เข้าไปบ้านพระอาทิตย์ เพื่อนำหลักฐานไปส่งมอบ
    แต่ทว่า บ้านพระอาทิตย์ได้ทำการประชุม พูดคุยกันในประเด็นนี้
    และได้มีแถลงออกมาว่า บ้านพระอาทิตย์ไม่เปิดประตูต้อนรับ
    กับทั้งสอง พี่คิงส์จึงสืบว่า สาเหตุมาจากอะไรกันแน่
    จึงได้พบข้อมูลจากคุณอัจฉริยะที่พอจะขมวดประเด็นได้ 3 เหตุผลหลักคือ
    1. พฤติกรรมของเต้ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับ KADEE ในช่วงแรกๆ ก่อนกลับมารื้อ คือการพาแม๊ให้ถอนแจ้งงคววาม และทำให้กระบวนการทวงความยุติธรรมให้น้องแตงโม ถึงทางตันในที่สุด
    2. ข้อมูลที่เต้อ้างว่าได้มาใหม่นั้น อัจฉริยะยืนยันว่า เป็นข้อมูลที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว และได้ส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่ไปนานแล้ว ไม่ได้มีอะไรใหม่
    3. ความกลับไปกลับมาของแม๊ ความไม่นิ่ง และโดยเฉพาะ ได้แถลงว่าจะเอาผิดกับคนบนเรือให้ได้ แต่ก็ยังทวงของขวัญปีใหม่ นิยามได้ว่าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์จากคนบนเรือ
    ดังนั้น นี่คือสามเหตุผลสำคัญที่ทางบ้านพระอาทิตย์ ได้ทำการสรุป เพื่อให้สิ่งที่คณะจิตอาสาได้ทำลงไปทั้งหมด ไม่สูญเปล่า
    นอกจากนั้น ในสำนวนที่เต้007 ใช้ กับคนบนเรือในคำให้สัมภาษณ์ต่างๆ ยังมีความเบี่ยงเบนจากแนวทางของบ้านพระอาทิตย์และคณะดำเนินการ
    เชื่อว่า หากเปิดรับเข้ามาในบ้านพระอาทิตย์ ผลเสีย จะมากกว่าผลดี
    ซึ่งผลเสียที่ว่า มิได้เป็นผลเสียต่อบ้านพระอาทิตย์ แต่เป็นผลเสียกับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องแตงโม และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
    คิงส์โพธิ์แดง รายงาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #3เหตุผลสำคัญที่บ้านพระอาทิตย์ไม่ต้อนรับเต้ เรียกได้ว่าเรื่องการรื้อKADEEสาเหตุการดับของน้องแตงโม ที่กำลังเข้มข้นอย่างมากในขณะนี้ มีพลเมืองจิตอาสา หลายคน ที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน แต่คนที่มาล่า มาช้าสุดแต่ดูจะมีความเคลื่อนไหวไม่น้อย คือ เต้ 007 ที่ได้ใช้พื้นที่สื่อในการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องกล้องวงจรปิดที่ใต้สะพานซังฮี้ ที่พบจำนวนคนบนเรือ ที่ไม่เป็นไปตามคำให้การของคนบนเรือในสำนวน ในขณะที่เต้ ได้ประกาศผ่านสื่อว่า ตนเองมีแพลนที่จะพาแม๊ เข้าไปบ้านพระอาทิตย์ เพื่อนำหลักฐานไปส่งมอบ แต่ทว่า บ้านพระอาทิตย์ได้ทำการประชุม พูดคุยกันในประเด็นนี้ และได้มีแถลงออกมาว่า บ้านพระอาทิตย์ไม่เปิดประตูต้อนรับ กับทั้งสอง พี่คิงส์จึงสืบว่า สาเหตุมาจากอะไรกันแน่ จึงได้พบข้อมูลจากคุณอัจฉริยะที่พอจะขมวดประเด็นได้ 3 เหตุผลหลักคือ 1. พฤติกรรมของเต้ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับ KADEE ในช่วงแรกๆ ก่อนกลับมารื้อ คือการพาแม๊ให้ถอนแจ้งงคววาม และทำให้กระบวนการทวงความยุติธรรมให้น้องแตงโม ถึงทางตันในที่สุด 2. ข้อมูลที่เต้อ้างว่าได้มาใหม่นั้น อัจฉริยะยืนยันว่า เป็นข้อมูลที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว และได้ส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่ไปนานแล้ว ไม่ได้มีอะไรใหม่ 3. ความกลับไปกลับมาของแม๊ ความไม่นิ่ง และโดยเฉพาะ ได้แถลงว่าจะเอาผิดกับคนบนเรือให้ได้ แต่ก็ยังทวงของขวัญปีใหม่ นิยามได้ว่าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์จากคนบนเรือ ดังนั้น นี่คือสามเหตุผลสำคัญที่ทางบ้านพระอาทิตย์ ได้ทำการสรุป เพื่อให้สิ่งที่คณะจิตอาสาได้ทำลงไปทั้งหมด ไม่สูญเปล่า นอกจากนั้น ในสำนวนที่เต้007 ใช้ กับคนบนเรือในคำให้สัมภาษณ์ต่างๆ ยังมีความเบี่ยงเบนจากแนวทางของบ้านพระอาทิตย์และคณะดำเนินการ เชื่อว่า หากเปิดรับเข้ามาในบ้านพระอาทิตย์ ผลเสีย จะมากกว่าผลดี ซึ่งผลเสียที่ว่า มิได้เป็นผลเสียต่อบ้านพระอาทิตย์ แต่เป็นผลเสียกับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องแตงโม และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ คิงส์โพธิ์แดง รายงาน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซีย โจมตีกำลังพลและอุปกรณ์ของกองพันที่ 516 ของกองพลพิเศษที่ 1 ของกองทัพยูเครน ใกล้เมืองสเตรตซิฟกา (Stetskivka) แคว้นซูมี ของยูเครน ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนการโจมตีดินแดน Kursk ของรัสเซีย

    ตามข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน พบว่ามีการทำลายสิ่งต่อไปนี้:
    - คลังกระสุน (กำลังถูกเผาไหม้อย่างหนัก)
    - รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ BBM "Kozak" 23 คัน
    - รถทุกบรรทุกอุปกรณ์ทหาร 25 คัน
    - ทหารยูเครนสูงสุด 130 นาย
    ขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซีย โจมตีกำลังพลและอุปกรณ์ของกองพันที่ 516 ของกองพลพิเศษที่ 1 ของกองทัพยูเครน ใกล้เมืองสเตรตซิฟกา (Stetskivka) แคว้นซูมี ของยูเครน ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนการโจมตีดินแดน Kursk ของรัสเซีย ตามข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน พบว่ามีการทำลายสิ่งต่อไปนี้: - คลังกระสุน (กำลังถูกเผาไหม้อย่างหนัก) - รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ BBM "Kozak" 23 คัน - รถทุกบรรทุกอุปกรณ์ทหาร 25 คัน - ทหารยูเครนสูงสุด 130 นาย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ

    จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060

    จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB

    การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด

    https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060 จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD promises mainstream 4K gaming on Radeon RX 9070 series in early March
    AMD CEO Lisa Su has confirmed that the company's new Radeon RX 9070 and 9070 XT GPUs will launch in early March. She indicated that the two...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ

    ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000

    มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

    ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่
    https://arxiv.org/abs/2502.01061v1

    https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000 มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2502.01061v1 https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ByteDance's OmniHuman-1 may be the most realistic deepfake algorithm yet
    We may be well past the uncanny valley point right now. OmniHuman-1's fake videos look startlingly lifelike, and the model's deepfake outputs are perhaps the most realistic...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงานประชุม State of Open 2025 ที่ลอนดอน มีการพูดคุยถึงบทบาทของ Meta และความพยายามของ Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนความหมายของคำว่า "open source" ให้เข้ากับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลายโปรแกรมที่สำคัญของ AI ไม่ได้เป็น open source ตามที่ Zuckerberg อ้างอย่างเช่น Meta’s Llama นั้นไม่ได้เปิดแหล่งที่มาแบบสมบูรณ์ตามมาตรฐานที่กำหนดโดย Open Source Initiative (OSI) เนื่องจากขาดข้อมูลสำคัญในการฝึกอบรมและวิธีการ รวมถึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งานที่ทำให้ผู้ใช้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากพัฒนา AI ที่ใช้โค้ดของ Llama

    Emily Omier ผู้เชี่ยวชาญด้าน open source กล่าวว่า "open source" ไม่ได้เป็นมาตรฐานแบบสเปกตรัม แต่เป็นมาตรฐานแบบไบนารี นั่นคือถ้ามีใบอนุญาตที่ได้รับการอนุมัติจาก OSI ก็ถือว่าเป็น open source แต่ถ้าไม่มีใบอนุญาตนั้น ก็ไม่ใช่ open source

    นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Meta ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงความหมายของ open source เพื่อประโยชน์ของตน โดยหวังว่าจะสามารถเข้าข้อยกเว้นในกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล

    Stefano Maffulli ผู้บริหารของ OSI ได้กล่าวว่า Zuckerberg กำลังพยายาม "บังคับ" ให้วงการตามแนวทางของตน และยังเป็นความพยายามในการ "เบี่ยงเบน" ความหมายของคำว่า open source ให้เป็นไปตามที่ Meta ต้องการ เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเงินให้กับบริษัท

    Peter Zaitsev ผู้ร่วมก่อตั้ง Percona กล่าวเสริมว่า "Zuckerberg กำลังทำให้คำว่า open source มีความสับสนเพื่อหลอกลวงผู้กำกับดูแล"

    https://www.zdnet.com/article/why-mark-zuckerberg-wants-to-redefine-open-source-so-badly/
    ในงานประชุม State of Open 2025 ที่ลอนดอน มีการพูดคุยถึงบทบาทของ Meta และความพยายามของ Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนความหมายของคำว่า "open source" ให้เข้ากับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลายโปรแกรมที่สำคัญของ AI ไม่ได้เป็น open source ตามที่ Zuckerberg อ้างอย่างเช่น Meta’s Llama นั้นไม่ได้เปิดแหล่งที่มาแบบสมบูรณ์ตามมาตรฐานที่กำหนดโดย Open Source Initiative (OSI) เนื่องจากขาดข้อมูลสำคัญในการฝึกอบรมและวิธีการ รวมถึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งานที่ทำให้ผู้ใช้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากพัฒนา AI ที่ใช้โค้ดของ Llama Emily Omier ผู้เชี่ยวชาญด้าน open source กล่าวว่า "open source" ไม่ได้เป็นมาตรฐานแบบสเปกตรัม แต่เป็นมาตรฐานแบบไบนารี นั่นคือถ้ามีใบอนุญาตที่ได้รับการอนุมัติจาก OSI ก็ถือว่าเป็น open source แต่ถ้าไม่มีใบอนุญาตนั้น ก็ไม่ใช่ open source นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Meta ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงความหมายของ open source เพื่อประโยชน์ของตน โดยหวังว่าจะสามารถเข้าข้อยกเว้นในกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล Stefano Maffulli ผู้บริหารของ OSI ได้กล่าวว่า Zuckerberg กำลังพยายาม "บังคับ" ให้วงการตามแนวทางของตน และยังเป็นความพยายามในการ "เบี่ยงเบน" ความหมายของคำว่า open source ให้เป็นไปตามที่ Meta ต้องการ เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเงินให้กับบริษัท Peter Zaitsev ผู้ร่วมก่อตั้ง Percona กล่าวเสริมว่า "Zuckerberg กำลังทำให้คำว่า open source มีความสับสนเพื่อหลอกลวงผู้กำกับดูแล" https://www.zdnet.com/article/why-mark-zuckerberg-wants-to-redefine-open-source-so-badly/
    WWW.ZDNET.COM
    Why Mark Zuckerberg wants to redefine open source so badly
    For these open source experts, it's all about standards. For Meta, it's all about the money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Gigabyte ได้เปิดโอกาสให้บุคคลหรือองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีโครงการที่น่าสนใจ สามารถทดสอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น G383-R80 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD MI300A ได้ฟรีเป็นเวลา 7 วัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้มีมูลค่าถึง $304,207 หรือประมาณ 10,000,000 บาท และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การฝึก AI, การทำนายข้อมูลด้วย AI, และการประมวลผลความเร็วสูง

    เพื่อเข้าร่วมทดสอบ ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ Gigabyte Launchpad และโครงการที่เสนอต้องมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์หรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทางบริษัทจะพิจารณาใบสมัครและแจ้งผลให้ผู้สมัครทราบภายในสามวันทำการ โดยระยะเวลาการทดสอบสามารถขยายได้ถึงสองสัปดาห์ผ่านการติดต่อกับตัวแทนขาย

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นนี้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น การรองรับโปรเซสเซอร์ AMD MI300A APUs ซึ่งรวมทั้ง CPU และ GPU ไว้ด้วยกันเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเก็บข้อมูลแบบ NVMe ที่รองรับความจุถึง 61.44TB และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10Gb/s Ethernet

    https://www.techradar.com/pro/want-to-rent-a-usd300-000-amd-mi300a-supercomputer-for-free-for-seven-days-gigabyte-wants-to-hear-from-you-asap
    บริษัท Gigabyte ได้เปิดโอกาสให้บุคคลหรือองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีโครงการที่น่าสนใจ สามารถทดสอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่น G383-R80 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD MI300A ได้ฟรีเป็นเวลา 7 วัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้มีมูลค่าถึง $304,207 หรือประมาณ 10,000,000 บาท และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การฝึก AI, การทำนายข้อมูลด้วย AI, และการประมวลผลความเร็วสูง เพื่อเข้าร่วมทดสอบ ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ Gigabyte Launchpad และโครงการที่เสนอต้องมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์หรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทางบริษัทจะพิจารณาใบสมัครและแจ้งผลให้ผู้สมัครทราบภายในสามวันทำการ โดยระยะเวลาการทดสอบสามารถขยายได้ถึงสองสัปดาห์ผ่านการติดต่อกับตัวแทนขาย ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นนี้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น การรองรับโปรเซสเซอร์ AMD MI300A APUs ซึ่งรวมทั้ง CPU และ GPU ไว้ด้วยกันเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีหน่วยเก็บข้อมูลแบบ NVMe ที่รองรับความจุถึง 61.44TB และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10Gb/s Ethernet https://www.techradar.com/pro/want-to-rent-a-usd300-000-amd-mi300a-supercomputer-for-free-for-seven-days-gigabyte-wants-to-hear-from-you-asap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร

    ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย

    การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้

    ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

    https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้ ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Fortiguard (ส่วนหนึ่งของ Fortinet) ได้รายงานถึงการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังของจีนที่ชื่อว่า Evasive Panda หรือรู้จักกันอีกชื่อว่า Daggerfly หรือ BRONZE HIGHLAND กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการสอดแนมทางไซเบอร์และมักจะโจมตีบุคคลสำคัญ, หน่วยงานรัฐบาล, และองค์กรต่าง ๆ โดยในครั้งนี้ กลุ่มแฮกเกอร์ได้ใช้มัลแวร์ที่เรียกว่า "ELF/SShdinjector.A!tr" เพื่อเจาะระบบเครือข่ายขององค์กรเป้าหมาย

    การโจมตีนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลระบบ, อ่านข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้, เข้าถึงบันทึกระบบ, อัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์, เปิดเซลล์ระยะไกล, รันคำสั่งจากระยะไกล และลบไฟล์เฉพาะจากระบบได้

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Fortiguard ได้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์มัลแวร์ การนำ AI มาใช้นั้นช่วยให้การวิเคราะห์ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีปัญหาบางอย่าง เช่น การเกิด "hallucinations" หรือการละเว้นข้อมูลที่สำคัญ แต่ AI ก็ยังมีศักยภาพที่น่าสนใจในการช่วยตรวจจับและแก้ไขปัญหาทางไซเบอร์

    ในข่าวนี้ยังกล่าวถึงการโจมตีที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใช้ macOS โดยกลุ่ม Daggerfly โดยใช้มัลแวร์ที่ชื่อว่า Macma ซึ่งมีความสามารถในการเก็บข้อมูลอุปกรณ์, รันคำสั่ง, จับภาพหน้าจอ, บันทึกคีย์บอร์ด, บันทึกเสียง และอัพโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์จากระบบที่ถูกโจมตี

    สรุปคือ กลุ่มแฮกเกอร์ Evasive Panda ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบเครือข่ายองค์กร ทำให้สามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลในระบบได้หลากหลาย ทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นในยุคนี้

    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-develop-effective-new-hacking-technique-to-go-after-business-networks
    บริษัท Fortiguard (ส่วนหนึ่งของ Fortinet) ได้รายงานถึงการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังของจีนที่ชื่อว่า Evasive Panda หรือรู้จักกันอีกชื่อว่า Daggerfly หรือ BRONZE HIGHLAND กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการสอดแนมทางไซเบอร์และมักจะโจมตีบุคคลสำคัญ, หน่วยงานรัฐบาล, และองค์กรต่าง ๆ โดยในครั้งนี้ กลุ่มแฮกเกอร์ได้ใช้มัลแวร์ที่เรียกว่า "ELF/SShdinjector.A!tr" เพื่อเจาะระบบเครือข่ายขององค์กรเป้าหมาย การโจมตีนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลระบบ, อ่านข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้, เข้าถึงบันทึกระบบ, อัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์, เปิดเซลล์ระยะไกล, รันคำสั่งจากระยะไกล และลบไฟล์เฉพาะจากระบบได้ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Fortiguard ได้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์มัลแวร์ การนำ AI มาใช้นั้นช่วยให้การวิเคราะห์ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีปัญหาบางอย่าง เช่น การเกิด "hallucinations" หรือการละเว้นข้อมูลที่สำคัญ แต่ AI ก็ยังมีศักยภาพที่น่าสนใจในการช่วยตรวจจับและแก้ไขปัญหาทางไซเบอร์ ในข่าวนี้ยังกล่าวถึงการโจมตีที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใช้ macOS โดยกลุ่ม Daggerfly โดยใช้มัลแวร์ที่ชื่อว่า Macma ซึ่งมีความสามารถในการเก็บข้อมูลอุปกรณ์, รันคำสั่ง, จับภาพหน้าจอ, บันทึกคีย์บอร์ด, บันทึกเสียง และอัพโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์จากระบบที่ถูกโจมตี สรุปคือ กลุ่มแฮกเกอร์ Evasive Panda ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบเครือข่ายองค์กร ทำให้สามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลในระบบได้หลากหลาย ทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นในยุคนี้ https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-develop-effective-new-hacking-technique-to-go-after-business-networks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้

    การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts