• https://www.youtube.com/watch?v=4cbYTHIphoM
    บทสนทนาเทศกาลลอยกระทง
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเทศกาลลอยกระทง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ลอยกระทง

    The conversations from the clip :

    Boy: This is incredible! The river is full of glowing krathongs, and there’s so much happening around us.
    Girl: I know! Look at all the food stalls. The smell of grilled satay and pad Thai is amazing!
    Boy: I’m definitely going to try some food later. But first, let’s float our krathongs. Have you made a wish?
    Girl: Yes, I wished for peace and happiness in my life. What about you?
    Boy: I wished for a wonderful year of travel and adventure! This festival feels so magical.
    Girl: It really does! The atmosphere is so lively with all the lights, the music, and the crowds. I love it!
    Boy: Me too! And the traditional Thai dance performances are so beautiful. Do you want to watch one later?
    Girl: Absolutely! I also want to try those sugarcane juice drinks. They look so refreshing.
    Boy: I had one earlier! It’s sweet and so refreshing after the hot weather. We should get another one.
    Girl: I definitely will. And look over there! There’s a game booth where you can throw rings at bottles. It looks fun!
    Boy: I’ve never played that game before. Do you want to try it?
    Girl: Let’s do it! I’m feeling lucky tonight. Oh, look, they’re also selling glowing toys and lanterns!
    Boy: That would make such a cute souvenir. We should get one before we leave.
    Girl: For sure! This is such an unforgettable experience. I’m so glad we’re here together.

    เด็กผู้ชาย: นี่มันน่าทึ่งจริง ๆ! แม่น้ำเต็มไปด้วยกระทงเรืองแสง แถมยังมีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเราเต็มไปหมดเลย
    เด็กผู้หญิง: ใช่เลย! ดูสิ มีร้านขายอาหารเต็มไปหมด กลิ่นของสะเต๊ะย่างกับผัดไทยหอมมาก!
    เด็กผู้ชาย: ฉันจะลองชิมอาหารทีหลังแน่นอน แต่ก่อนอื่นเรามาลอยกระทงกันก่อน คุณอธิษฐานหรือยัง?
    เด็กผู้หญิง: อธิษฐานแล้ว ฉันขอให้ชีวิตมีแต่ความสงบสุขและความสุข แล้วคุณล่ะ?
    เด็กผู้ชาย: ฉันขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งการเดินทางและการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม! เทศกาลนี้ให้ความรู้สึกมหัศจรรย์มากเลย
    เด็กผู้หญิง: จริงด้วย! บรรยากาศคึกคักไปด้วยแสงไฟ เสียงดนตรี และผู้คนมากมาย ฉันชอบจัง!
    เด็กผู้ชาย: ฉันก็เหมือนกัน! การแสดงรำไทยแบบดั้งเดิมก็สวยงามมาก คุณอยากดูไหม?
    เด็กผู้หญิง: อยากมาก! ฉันก็อยากลองน้ำอ้อยที่ขายอยู่ด้วย ดูแล้วน่าจะสดชื่นมาก ๆ
    เด็กผู้ชาย: ฉันเพิ่งลองไปตอนบ่ายเอง! รสหวานและสดชื่นสุด ๆ หลังจากเจออากาศร้อน เราน่าจะซื้อมาดื่มกันอีกนะ
    เด็กผู้หญิง: แน่นอน เดี๋ยวจะไปซื้อเลย ดูนั่นสิ! มีซุ้มเกมที่ให้โยนห่วงใส่ขวดด้วย ดูสนุกนะ!
    เด็กผู้ชาย: ฉันยังไม่เคยเล่นเกมนี้เลย คุณอยากลองไหม?
    เด็กผู้หญิง: ลองกันเถอะ! คืนนี้รู้สึกโชคดีจัง โอ้ ดูนั่นสิ! พวกเขายังขายของเล่นและโคมไฟเรืองแสงด้วยนะ!
    เด็กผู้ชาย: อันนั้นเป็นของที่ระลึกที่น่ารักมาก เราควรจะซื้อติดมือก่อนกลับบ้าน
    เด็กผู้หญิง: แน่นอน! นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมจริง ๆ ฉันดีใจมากที่เราได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Incredible (อิน-เครด-ดิเบิล) adj. แปลว่า น่าทึ่ง
    River (ริฟ-เวอะ) n. แปลว่า แม่น้ำ
    Glowing (โกล-วิง) adj. แปลว่า ส่องแสง
    Stall (สตอล) n. แปลว่า ร้านเล็ก ๆ
    Smell (สเมล) n./v. แปลว่า กลิ่น / ได้กลิ่น
    Grilled (กริล-ด) adj. แปลว่า ย่าง
    Magical (แมจ-จิ-เคิล) adj. แปลว่า มหัศจรรย์
    Atmosphere (แอท-เมิส-เฟียร์) n. แปลว่า บรรยากาศ
    Crowds (เคราดส์) n. แปลว่า ฝูงชน
    Performance (เพอะ-ฟอร์-เมินซ) n. แปลว่า การแสดง
    Refreshing (รี-เฟรช-ชิง) adj. แปลว่า สดชื่น
    Weather (เวธ-เธอะ) n. แปลว่า สภาพอากาศ
    Booth (บูธ) n. แปลว่า ซุ้ม / บูธ
    Lucky (ลัค-คี) adj. แปลว่า โชคดี
    Unforgettable (อัน-เฟอะ-เก็ท-ทะ-เบิล) adj. แปลว่า น่าจดจำ / ไม่มีวันลืม
    https://www.youtube.com/watch?v=4cbYTHIphoM บทสนทนาเทศกาลลอยกระทง (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเทศกาลลอยกระทง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ลอยกระทง The conversations from the clip : Boy: This is incredible! The river is full of glowing krathongs, and there’s so much happening around us. Girl: I know! Look at all the food stalls. The smell of grilled satay and pad Thai is amazing! Boy: I’m definitely going to try some food later. But first, let’s float our krathongs. Have you made a wish? Girl: Yes, I wished for peace and happiness in my life. What about you? Boy: I wished for a wonderful year of travel and adventure! This festival feels so magical. Girl: It really does! The atmosphere is so lively with all the lights, the music, and the crowds. I love it! Boy: Me too! And the traditional Thai dance performances are so beautiful. Do you want to watch one later? Girl: Absolutely! I also want to try those sugarcane juice drinks. They look so refreshing. Boy: I had one earlier! It’s sweet and so refreshing after the hot weather. We should get another one. Girl: I definitely will. And look over there! There’s a game booth where you can throw rings at bottles. It looks fun! Boy: I’ve never played that game before. Do you want to try it? Girl: Let’s do it! I’m feeling lucky tonight. Oh, look, they’re also selling glowing toys and lanterns! Boy: That would make such a cute souvenir. We should get one before we leave. Girl: For sure! This is such an unforgettable experience. I’m so glad we’re here together. เด็กผู้ชาย: นี่มันน่าทึ่งจริง ๆ! แม่น้ำเต็มไปด้วยกระทงเรืองแสง แถมยังมีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเราเต็มไปหมดเลย เด็กผู้หญิง: ใช่เลย! ดูสิ มีร้านขายอาหารเต็มไปหมด กลิ่นของสะเต๊ะย่างกับผัดไทยหอมมาก! เด็กผู้ชาย: ฉันจะลองชิมอาหารทีหลังแน่นอน แต่ก่อนอื่นเรามาลอยกระทงกันก่อน คุณอธิษฐานหรือยัง? เด็กผู้หญิง: อธิษฐานแล้ว ฉันขอให้ชีวิตมีแต่ความสงบสุขและความสุข แล้วคุณล่ะ? เด็กผู้ชาย: ฉันขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งการเดินทางและการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม! เทศกาลนี้ให้ความรู้สึกมหัศจรรย์มากเลย เด็กผู้หญิง: จริงด้วย! บรรยากาศคึกคักไปด้วยแสงไฟ เสียงดนตรี และผู้คนมากมาย ฉันชอบจัง! เด็กผู้ชาย: ฉันก็เหมือนกัน! การแสดงรำไทยแบบดั้งเดิมก็สวยงามมาก คุณอยากดูไหม? เด็กผู้หญิง: อยากมาก! ฉันก็อยากลองน้ำอ้อยที่ขายอยู่ด้วย ดูแล้วน่าจะสดชื่นมาก ๆ เด็กผู้ชาย: ฉันเพิ่งลองไปตอนบ่ายเอง! รสหวานและสดชื่นสุด ๆ หลังจากเจออากาศร้อน เราน่าจะซื้อมาดื่มกันอีกนะ เด็กผู้หญิง: แน่นอน เดี๋ยวจะไปซื้อเลย ดูนั่นสิ! มีซุ้มเกมที่ให้โยนห่วงใส่ขวดด้วย ดูสนุกนะ! เด็กผู้ชาย: ฉันยังไม่เคยเล่นเกมนี้เลย คุณอยากลองไหม? เด็กผู้หญิง: ลองกันเถอะ! คืนนี้รู้สึกโชคดีจัง โอ้ ดูนั่นสิ! พวกเขายังขายของเล่นและโคมไฟเรืองแสงด้วยนะ! เด็กผู้ชาย: อันนั้นเป็นของที่ระลึกที่น่ารักมาก เราควรจะซื้อติดมือก่อนกลับบ้าน เด็กผู้หญิง: แน่นอน! นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมจริง ๆ ฉันดีใจมากที่เราได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Incredible (อิน-เครด-ดิเบิล) adj. แปลว่า น่าทึ่ง River (ริฟ-เวอะ) n. แปลว่า แม่น้ำ Glowing (โกล-วิง) adj. แปลว่า ส่องแสง Stall (สตอล) n. แปลว่า ร้านเล็ก ๆ Smell (สเมล) n./v. แปลว่า กลิ่น / ได้กลิ่น Grilled (กริล-ด) adj. แปลว่า ย่าง Magical (แมจ-จิ-เคิล) adj. แปลว่า มหัศจรรย์ Atmosphere (แอท-เมิส-เฟียร์) n. แปลว่า บรรยากาศ Crowds (เคราดส์) n. แปลว่า ฝูงชน Performance (เพอะ-ฟอร์-เมินซ) n. แปลว่า การแสดง Refreshing (รี-เฟรช-ชิง) adj. แปลว่า สดชื่น Weather (เวธ-เธอะ) n. แปลว่า สภาพอากาศ Booth (บูธ) n. แปลว่า ซุ้ม / บูธ Lucky (ลัค-คี) adj. แปลว่า โชคดี Unforgettable (อัน-เฟอะ-เก็ท-ทะ-เบิล) adj. แปลว่า น่าจดจำ / ไม่มีวันลืม
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • 🍁 พระอะไร ทำปลอมง่ายที่สุด ต้นทุน ต่ำที่สุด... (เหมือนไม่เหมือน ก็ว่ากันไป)
    ...ทำ.ง่าย เอาดินเหนียว..มาทำบล๊อกแม่พิมพ์ก็ได้ ..ไม่ต้องใช้วัสดุแบบแข็งๆ ที่ต้องแกะสลัก เช่น ไม้ หรือหินสบู่ หรือ หล่อขึ้นมาด้วยโลหะ...การตกแต่งแก้ไขพิมพ์ก็ง่าย.....
    ..วัตถุดิบ ก็ตามธรรมชาติ...
    แรงงานคน ชาวบ้านทั่วไปทำได้..ไม่ต้องมีเครื่องจักรใดๆ ก็ได้....กด ขึ้น ตากแดด..จบ ...จะทำแกล้งเก่า ก็ว่าไป.
    ...หลายจังหวัด ที่มีพระกรุ เนื้อดิน จำนวนมาก...ล้วนมีงานข่างชาวบ้านแบบนี้...ลำพูน พิษณุโลก กำแพงเพชร ..เป็นต้น..แต่เขาจะไม่ใช้คำว่า ทำพระปลอม...เขาใช้คำว่า สินค้าชุมชน ทำเป็นของที่ระลึก........
    ....
    🍁 พระอะไร ทำปลอมง่ายที่สุด ต้นทุน ต่ำที่สุด... (เหมือนไม่เหมือน ก็ว่ากันไป) ...ทำ.ง่าย เอาดินเหนียว..มาทำบล๊อกแม่พิมพ์ก็ได้ ..ไม่ต้องใช้วัสดุแบบแข็งๆ ที่ต้องแกะสลัก เช่น ไม้ หรือหินสบู่ หรือ หล่อขึ้นมาด้วยโลหะ...การตกแต่งแก้ไขพิมพ์ก็ง่าย..... ..วัตถุดิบ ก็ตามธรรมชาติ... แรงงานคน ชาวบ้านทั่วไปทำได้..ไม่ต้องมีเครื่องจักรใดๆ ก็ได้....กด ขึ้น ตากแดด..จบ ...จะทำแกล้งเก่า ก็ว่าไป. ...หลายจังหวัด ที่มีพระกรุ เนื้อดิน จำนวนมาก...ล้วนมีงานข่างชาวบ้านแบบนี้...ลำพูน พิษณุโลก กำแพงเพชร ..เป็นต้น..แต่เขาจะไม่ใช้คำว่า ทำพระปลอม...เขาใช้คำว่า สินค้าชุมชน ทำเป็นของที่ระลึก........ ....
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • ความสวยงามของ #พระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ในค่ำคืนเดือนเพ็ญ

    งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๘-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๐๐ น. เป็นพิธีอัญเชิญผ้าแดงขึ้นห่มองค์พระเจดีย์พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุซึ่งประดิษฐานอยู่บนองค์พระเจดีย์ภูเขาทอง

    ขณะนี้ทางวัดเปิดให้พุทธศาสนิกชนจารึกชื่อ-นามสกุลพร้อมเขียนคำอธิษฐานขอพรลงบนผ้าแดงได้แล้ว ตรงบริเวณศาลาบำเพ็ญกุศล ใกล้ทางขึ้นภูเขาทอง ผู้ประสงค์เป็นเจ้าภาพถวายผ้าแดงเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมจารึกชื่อ-นามสกุล พร้อมเขียนคําอธิษฐานขอพร กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายในศาลาบำเพ็ญกุศล

    สำหรับพุทธศาสนิกชนประสงค์จะบริจาคสมทบทุนบูรณะพระเจดีย์ สามารถบริจาคและขอรับใบอนุโมทนาบัตร พร้อมขอรับของที่ระลึก “โมเสกทอง” ได้ ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติฯ (ด้านทิศตะวันตกบรมบรรพต ภูเขาทอง) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

    Cr.https://www.facebook.com/watsraket
    ความสวยงามของ #พระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ในค่ำคืนเดือนเพ็ญ งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๘-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๐๐ น. เป็นพิธีอัญเชิญผ้าแดงขึ้นห่มองค์พระเจดีย์พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุซึ่งประดิษฐานอยู่บนองค์พระเจดีย์ภูเขาทอง ขณะนี้ทางวัดเปิดให้พุทธศาสนิกชนจารึกชื่อ-นามสกุลพร้อมเขียนคำอธิษฐานขอพรลงบนผ้าแดงได้แล้ว ตรงบริเวณศาลาบำเพ็ญกุศล ใกล้ทางขึ้นภูเขาทอง ผู้ประสงค์เป็นเจ้าภาพถวายผ้าแดงเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมจารึกชื่อ-นามสกุล พร้อมเขียนคําอธิษฐานขอพร กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายในศาลาบำเพ็ญกุศล สำหรับพุทธศาสนิกชนประสงค์จะบริจาคสมทบทุนบูรณะพระเจดีย์ สามารถบริจาคและขอรับใบอนุโมทนาบัตร พร้อมขอรับของที่ระลึก “โมเสกทอง” ได้ ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติฯ (ด้านทิศตะวันตกบรมบรรพต ภูเขาทอง) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร Cr.https://www.facebook.com/watsraket
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • 🔥บรรยากาศสด สด🔥

    เมืองโบราณชิงเหยียน (Qingyan Ancient Town) ระดับ 5A ตั้งอยู่ในเมืองกุ้ยหยาง (Guiyang) มณฑลกุ้ยโจว (Guizhou) ประเทศจีน เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงของมณฑลกุ้ยโจว ก่อตั้งขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644) เมืองนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับบรรยากาศจีนโบราณและสถาปัตยกรรมที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของยุคอดีต
    ⭐️ด้านในมีกำแพงเมืองโบราณ
    ⭐️ร้านค้า ร้านอาหาร
    ⭐️ร้านเครื่องประดับเงิน OTOP ค่ะ

    ในเมืองชิงเหยียน คุณจะได้พบกับ:
    📍กำแพงเมืองโบราณ - กำแพงเมืองเก่าที่สร้างจากหินและยังคงสภาพเดิมอยู่ในหลายส่วน ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ของเมืองได้อย่างชัดเจน
    📍สถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ - อาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม สถาปัตยกรรมหอศาลาและศาลเจ้า รวมถึงบ้านพักที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี
    📍วัดและศาลเจ้า - ภายในเมืองมีวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น วัดเทียนเหอ (Tianhou Temple) ที่มีความงดงามและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะ
    📍อาหารท้องถิ่น - เมืองนี้มีอาหารพื้นเมืองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะขนมท้องถิ่นและของกินเล่น เช่น เต้าหู้ทอด พายแป้ง และขนมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของกุ้ยโจว
    📍งานหัตถกรรมและร้านค้าโบราณ - นักท่องเที่ยวสามารถซื้อของที่ระลึกเช่น งานหัตถกรรมพื้นเมือง เครื่องประดับ และของโบราณต่าง ๆ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ของชิงเหยียน
    📍เมืองโบราณชิงเหยียนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน หากมีโอกาสไปเยือนกุ้ยหยาง เมืองโบราณแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🔥บรรยากาศสด สด🔥 เมืองโบราณชิงเหยียน (Qingyan Ancient Town) ระดับ 5A ตั้งอยู่ในเมืองกุ้ยหยาง (Guiyang) มณฑลกุ้ยโจว (Guizhou) ประเทศจีน เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงของมณฑลกุ้ยโจว ก่อตั้งขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644) เมืองนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับบรรยากาศจีนโบราณและสถาปัตยกรรมที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของยุคอดีต ⭐️ด้านในมีกำแพงเมืองโบราณ ⭐️ร้านค้า ร้านอาหาร ⭐️ร้านเครื่องประดับเงิน OTOP ค่ะ ในเมืองชิงเหยียน คุณจะได้พบกับ: 📍กำแพงเมืองโบราณ - กำแพงเมืองเก่าที่สร้างจากหินและยังคงสภาพเดิมอยู่ในหลายส่วน ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ของเมืองได้อย่างชัดเจน 📍สถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ - อาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม สถาปัตยกรรมหอศาลาและศาลเจ้า รวมถึงบ้านพักที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี 📍วัดและศาลเจ้า - ภายในเมืองมีวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น วัดเทียนเหอ (Tianhou Temple) ที่มีความงดงามและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะ 📍อาหารท้องถิ่น - เมืองนี้มีอาหารพื้นเมืองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะขนมท้องถิ่นและของกินเล่น เช่น เต้าหู้ทอด พายแป้ง และขนมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของกุ้ยโจว 📍งานหัตถกรรมและร้านค้าโบราณ - นักท่องเที่ยวสามารถซื้อของที่ระลึกเช่น งานหัตถกรรมพื้นเมือง เครื่องประดับ และของโบราณต่าง ๆ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ของชิงเหยียน 📍เมืองโบราณชิงเหยียนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน หากมีโอกาสไปเยือนกุ้ยหยาง เมืองโบราณแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 1310 Views 0 Reviews
  • แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี

    โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง)

    สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้

    แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้

    นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว

    ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้ นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 414 Views 0 Reviews
  • #thaitimesข่าวท่องเที่ยว
    ✨ประเพณีตักบาตรเทโว ประจำปี 2567✨
    •ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ วัดสังกัสรัตนคีรี•

    เที่ยวอุทัยธานีแบบอิ่มบุญอิ่มใจ 🤍
    ยังได้รับของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี 🎁

    กติกาเพียงแค่
    •แสดงใบเสร็จที่พัก จ.อุทัยธานี มูลค่า 500 บาท ขึ้นไป
    (พักภายในเดือนตุลาคม 2567)
    •สแกน QR code ตอบแบบสอบถาม ณ บูธ ททท. ในงาน
    รับฟรี ‼️ ” ร่มกัน UV สุดเท่ “ ☂️ ไปเลยยยยย
    สงวนสิทธิ์ 1 ใบเสร็จ ต่อ 1 คัน

    •สแกน QR code ตอบแบบสอบถาม ณ บูธ ททท. ในงาน
    •ถ่ายรูปภายในงานและติดแฮชแท็ก
    #ตักบาตรเทโวอุทัยธานี2567
    รับฟรี ‼️ “ ชุด Welcome set " 🥤
    (ขนมลูกชุบ,วุ้นปลาแรดและน้ำสมุนไพร)
    สงวนสิทธิ์ 1 โพสต์ ต่อ 1 สิทธิ์

    ของดีมีจำนวนจำกัดนะคะ มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน ของหมดว่ากันไม่ได้น้าาาา 🫣🤭

    แล้วพบกันที่งานตักบาตรเทโว นะคะ 🫶🏼
    》》ข้อมูลจาก
    ททท สํานักงานอุทัยธานี tat uthaithani
    》》
    https://www.facebook.com/share/yvPkmVwi322gEuzX/
    《《
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    #thaitimesข่าวท่องเที่ยว ✨ประเพณีตักบาตรเทโว ประจำปี 2567✨ •ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ วัดสังกัสรัตนคีรี• เที่ยวอุทัยธานีแบบอิ่มบุญอิ่มใจ 🤍 ยังได้รับของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี 🎁 กติกาเพียงแค่ •แสดงใบเสร็จที่พัก จ.อุทัยธานี มูลค่า 500 บาท ขึ้นไป (พักภายในเดือนตุลาคม 2567) •สแกน QR code ตอบแบบสอบถาม ณ บูธ ททท. ในงาน รับฟรี ‼️ ” ร่มกัน UV สุดเท่ “ ☂️ ไปเลยยยยย สงวนสิทธิ์ 1 ใบเสร็จ ต่อ 1 คัน •สแกน QR code ตอบแบบสอบถาม ณ บูธ ททท. ในงาน •ถ่ายรูปภายในงานและติดแฮชแท็ก #ตักบาตรเทโวอุทัยธานี2567 รับฟรี ‼️ “ ชุด Welcome set " 🥤 (ขนมลูกชุบ,วุ้นปลาแรดและน้ำสมุนไพร) สงวนสิทธิ์ 1 โพสต์ ต่อ 1 สิทธิ์ ของดีมีจำนวนจำกัดนะคะ มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน ของหมดว่ากันไม่ได้น้าาาา 🫣🤭 แล้วพบกันที่งานตักบาตรเทโว นะคะ 🫶🏼 》》ข้อมูลจาก ททท สํานักงานอุทัยธานี tat uthaithani 》》 https://www.facebook.com/share/yvPkmVwi322gEuzX/ 《《 #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

    “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ

    แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย

    ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก

    เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด

    ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้

    ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง

    เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว”

    แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

    ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี

    ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก

    สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว

    จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้

    แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม

    ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture

    ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media

    เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก

    พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง

    ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้

    จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”

    https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/

    #Thaitimes
    บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/ #Thaitimes
    WWW.SALIKA.CO
    UGC เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”
    User-Generated Content (UGC) หมายถึง Story ที่ผู้บริโภค หรือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย สร้างขึ้นมาเอง โดยผู้คนเหล่านั้น จะพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาประทับใจ หรือให้ความสนใจ โดยที่ต้นเรื่องไม่ต้องเสียเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 693 Views 0 Reviews
  • ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ

    ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย

    การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ

    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

    โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน

    ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙

    เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน

    วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

    การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป

    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร
    #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน

    ที่มา : @พระลาน
    https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน ที่มา : @พระลาน https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม

    วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ

    ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

    ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง

    กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

    ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม

    กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

    อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน

    ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • #thaitimesข่าวท่องเที่ยว

    ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/hg5KEHL5MUfdqSAb/?mibextid=qi2Omg
    《《

    🎉1 ตุลาคม เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวและพักแรมบนภูกระดึง

    วันนี้ (วันที่ 1 ตุลาคม 2567) อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว พ.ศ. 2568 โดย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้มอบหมายให้ นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนมากกว่า 300 คน

    ซึ่งรูปแบบของพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีกำหนดการ ดังนี้
    เวลา 05.30 น.
    - ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และมอบของที่ระลึกสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568
    เวลา 06.00 น.
    - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน พร้อมกัน ณ บริเวณด่านตรวจ 3 ทางเดินขึ้นเขา
    - ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธี
    - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเชิญประธานในพิธีจุดธูป-เทียน บูชาพระรัตนตรัย และไหว้ศาลเจ้าปู่ภูกระดึง
    - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวรายงาน
    - ประธานกล่าวเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568
    - ประธานลั่นระฆังชัยเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง
    เวลา 06.30 น. ปล่อยตัวนักท่องเที่ยว และผู้ร่วมงานเดินทางขึ้นเขา
    และในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้มอบรางวัลพิเศษ ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 รางวัล โดยแบ่งเป็น

    1. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักวิ่งไป-กลับ)
    2. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักท่องเที่ยวทั่วไป)
    3. ผู้นำขยะลงมาจากยอดภูกระดึง 10 คนแรก ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 โดยต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม

    อีกทั้งในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และความสะอาด โดยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านงดใช้ขยะพลาสติก โฟม ในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อคงไว้ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงสืบไป
    ■■■■■■■■■
    #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #ภูกระดึง #Phukraduengnationalpark #Phukradueng
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    #thaitimesข่าวท่องเที่ยว ☆อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/hg5KEHL5MUfdqSAb/?mibextid=qi2Omg 《《 🎉1 ตุลาคม เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวและพักแรมบนภูกระดึง วันนี้ (วันที่ 1 ตุลาคม 2567) อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว พ.ศ. 2568 โดย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้มอบหมายให้ นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนมากกว่า 300 คน ซึ่งรูปแบบของพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีกำหนดการ ดังนี้ เวลา 05.30 น. - ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และมอบของที่ระลึกสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568 เวลา 06.00 น. - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน พร้อมกัน ณ บริเวณด่านตรวจ 3 ทางเดินขึ้นเขา - ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธี - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเชิญประธานในพิธีจุดธูป-เทียน บูชาพระรัตนตรัย และไหว้ศาลเจ้าปู่ภูกระดึง - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวรายงาน - ประธานกล่าวเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2568 - ประธานลั่นระฆังชัยเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง เวลา 06.30 น. ปล่อยตัวนักท่องเที่ยว และผู้ร่วมงานเดินทางขึ้นเขา และในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้มอบรางวัลพิเศษ ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 รางวัล โดยแบ่งเป็น 1. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักวิ่งไป-กลับ) 2. ผู้พิชิตยอดภูกระดึง 10 คนแรก (ประเภทนักท่องเที่ยวทั่วไป) 3. ผู้นำขยะลงมาจากยอดภูกระดึง 10 คนแรก ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 โดยต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม อีกทั้งในปีนี้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และความสะอาด โดยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านงดใช้ขยะพลาสติก โฟม ในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อคงไว้ซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงสืบไป ■■■■■■■■■ #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #ภูกระดึง #Phukraduengnationalpark #Phukradueng #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    8
    1 Comments 0 Shares 563 Views 0 Reviews
  • วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา

    การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล

    โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

    “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน

    การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้

    ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

    การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ

    ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้

    ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร

    และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง

    ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด

    อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้ ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้ ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 618 Views 0 Reviews
  • 27 ก.ย. 2567
    จิตอาสาสยามโสภา ร่วมมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาบริจาคโลหิต
    ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
    เพื่อเป็นกำลังใจ ❤️ และแทนคำขอบคุณ 🙏

    #บริจาคโลหิต #สภากาชาดไทย #สยามโสภา #ของที่ระลึก #จิตอาสา #thaitimes #thaitimesสยามโสภา #thaitimesอาสา
    27 ก.ย. 2567 จิตอาสาสยามโสภา ร่วมมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาบริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อเป็นกำลังใจ ❤️ และแทนคำขอบคุณ 🙏 #บริจาคโลหิต #สภากาชาดไทย #สยามโสภา #ของที่ระลึก #จิตอาสา #thaitimes #thaitimesสยามโสภา #thaitimesอาสา
    Like
    Love
    4
    0 Comments 1 Shares 812 Views 583 0 Reviews
  • ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!!

    ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!!

    ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว)
    ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ……
    ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี

    เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล
    กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch
    ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า
    “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?”
    ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า…
    “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว
    ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย
    แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……”
    คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!!

    หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ
    Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม…
    ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า
    “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..”
    ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ
    จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย

    Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน……
    แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่
    แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล…

    ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..”
    ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง
    ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก
    ในหอสมุดที่เครมลิน…

    ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น
    ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก…
    (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……)

    งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ
    Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin
    United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov
    Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin
    Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov
    Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev
    ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว
    จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน

    มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า
    “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?”
    คำตอบคือ
    “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…”

    เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
    สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง
    เรียกว่า “judocracy “
    เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป
    ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ……

    ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy)
    ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์
    ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน
    ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า
    “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
    เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…”

    และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin
    (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา

    เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง)

    กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน
    ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก
    ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร
    (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่)
    แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!!
    เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน

    ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก
    ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่
    แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก…
    ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม
    ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว…
    และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน
    ให้เอามาจ่าย

    เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน
    เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด
    นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่”
    และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา….

    แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี
    เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!!

    ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo
    ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..”

    ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY)

    เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน
    ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!! ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!! ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว) ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ…… ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?” ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า… “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……” คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!! หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม… ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..” ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน…… แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่ แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล… ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..” ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก ในหอสมุดที่เครมลิน… ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก… (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……) งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?” คำตอบคือ “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…” เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง เรียกว่า “judocracy “ เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ…… ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy) ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์ ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…” และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง) กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่) แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!! เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก… ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว… และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน ให้เอามาจ่าย เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่” และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา…. แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!! ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..” ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY) เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • 27 ก.ย. 2567
    ชาวสยามโสภา ร่วมมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาบริจาคโลหิต
    ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
    เพื่อเป็นกำลังใจ ❤️ และแทนคำขอบคุณ 🙏
    #บริจาคโลหิต #สภากาชาดไทย #สยามโสภา #ของที่ระลึก #thaitimes #thaitimesอาสา
    27 ก.ย. 2567 ชาวสยามโสภา ร่วมมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาบริจาคโลหิต ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อเป็นกำลังใจ ❤️ และแทนคำขอบคุณ 🙏 #บริจาคโลหิต #สภากาชาดไทย #สยามโสภา #ของที่ระลึก #thaitimes #thaitimesอาสา
    Love
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 798 Views 0 Reviews
  • วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๘ น.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องใน “วันมหิดล” ประจำปี ๒๕๖๗ ณ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวรมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รองศาสตราจารย์ นันทกร ทองแตง รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและองค์กรสัมพันธ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน ผู้มีอุปการคุณ และผู้ทำคุณประโยชน์ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกและของที่ระลึกตามลำดับ สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
    “วันมหิดล” ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และ “พระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย” ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระปรีชาสามารถ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทย ส่งผลให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า อีกทั้งได้ประกาศยกย่องจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ในการวางรากฐานระบบการศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ การสาธารณสุขของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตราบจนทุกวันนี้
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : พระลาน
    วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องใน “วันมหิดล” ประจำปี ๒๕๖๗ ณ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวรมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รองศาสตราจารย์ นันทกร ทองแตง รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและองค์กรสัมพันธ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน ผู้มีอุปการคุณ และผู้ทำคุณประโยชน์ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกและของที่ระลึกตามลำดับ สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ “วันมหิดล” ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และ “พระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย” ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระปรีชาสามารถ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทย ส่งผลให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า อีกทั้งได้ประกาศยกย่องจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ในการวางรากฐานระบบการศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ การสาธารณสุขของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตราบจนทุกวันนี้ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : พระลาน
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 431 Views 0 Reviews
  • รับมอบของที่ระลึกวันเกษียณอายุราชการที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
    รับมอบของที่ระลึกวันเกษียณอายุราชการที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • ของที่ระลึกส่วนตัวที่งดงาม
    😍
    ของที่ระลึกส่วนตัวที่งดงาม 😍
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 420 Views 103 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 430 Views 75 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 427 Views 54 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 432 Views 42 0 Reviews
  • ยูซุฟ ดีเคช นักยิงปืนเหรียญเงินโอลิมปิกมาดเท่ ยื่นขอจดเครื่องหมายการค้าท่ายิงปืนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา จากคนฉวยโอกาสเอาภาพท่ายิงปืนของไปหากินโดยไม่ขออนุญาต

    Yusuf Dekec ยูซุฟ ดิเคช นักแม่นปืนตุรกีวัย51ที่โด่งดังเป็นไวรัลจากการที่เข้าเเข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยท่ายิงปืนที่เรียบง่าย สงบมีสมาธิแต่น่าประทับใจ ไร้ซึ่งอุปกรณ์พิเศษ มีเพียงปืนคู่ใจเเละเเว่นตากับมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าเพื่อให้ทรงตัวได้ดี สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่สามารถคว้าเหรียญเงินกีฬายิงปืนในโอลิมปิก ปารีส2024ได้อย่างชิลๆ และโด่งดังมากในโลกโซเชียล

    ด้วยท่ายิงปืนเรียบง่ายแต่เท่ๆเป็นภาพคนทั่วโลกประทับใจ ทำให้มีการสร้างของที่ระลึกต่างๆ มากมาย รวมทั้งเสื้อยืด แก้วกาแฟ และเคสโทรศัพท์มือถือพิมพ์ภาพท่ายิงปืนที่มีเสน่ห์ของเขา และมีคนบางกลุ่มหัวหมอเตรียมชิงจดลิขสิทธิ์ท่าดังกล่าวโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากดิเคช

    ด้วยเหตุนี้ ออร์ดินก์ บิลกิลี โค้ชดิเคชกล่าวว่า "หลังจากได้รับแจ้งเกี่ยวกับความพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำนวนมากที่ดำเนินการโดยที่ดิเคชไม่ทราบ เราได้ยื่นคำร้องเมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเเจ้งว่าคำขอของคนอื่นๆจะถูกปฏิเสธ"

    การตัดสินใจจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าท่าทางดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของดิเคชเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องการใช้รูปลักษณ์ของเขาในเชิงพาณิชย์อีกด้วย

    นอกจากนี้ ยูซุฟ ดีเคช นักแม่นปืนมาดเท่คนนี้ยังตั้งเป้าไปโอลิมปิก ที่ลอสเองเจลิส 2028 และประกาศว่า“ผมและคู่หูจะคว้าเหรียญทองมาให้ดู“ และยังพูดติดตลกกับดามิร์ มิเค็ค นักกีฬาแม่นปืนเซอร์เบีย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกคนปัจจุบันว่า“ผมฝากเหรียญทองไว้ที่คุณแค่ปี2028เท่านั้นนะ“

    #Thaitimes
    ยูซุฟ ดีเคช นักยิงปืนเหรียญเงินโอลิมปิกมาดเท่ ยื่นขอจดเครื่องหมายการค้าท่ายิงปืนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา จากคนฉวยโอกาสเอาภาพท่ายิงปืนของไปหากินโดยไม่ขออนุญาต Yusuf Dekec ยูซุฟ ดิเคช นักแม่นปืนตุรกีวัย51ที่โด่งดังเป็นไวรัลจากการที่เข้าเเข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยท่ายิงปืนที่เรียบง่าย สงบมีสมาธิแต่น่าประทับใจ ไร้ซึ่งอุปกรณ์พิเศษ มีเพียงปืนคู่ใจเเละเเว่นตากับมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าเพื่อให้ทรงตัวได้ดี สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่สามารถคว้าเหรียญเงินกีฬายิงปืนในโอลิมปิก ปารีส2024ได้อย่างชิลๆ และโด่งดังมากในโลกโซเชียล ด้วยท่ายิงปืนเรียบง่ายแต่เท่ๆเป็นภาพคนทั่วโลกประทับใจ ทำให้มีการสร้างของที่ระลึกต่างๆ มากมาย รวมทั้งเสื้อยืด แก้วกาแฟ และเคสโทรศัพท์มือถือพิมพ์ภาพท่ายิงปืนที่มีเสน่ห์ของเขา และมีคนบางกลุ่มหัวหมอเตรียมชิงจดลิขสิทธิ์ท่าดังกล่าวโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากดิเคช ด้วยเหตุนี้ ออร์ดินก์ บิลกิลี โค้ชดิเคชกล่าวว่า "หลังจากได้รับแจ้งเกี่ยวกับความพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำนวนมากที่ดำเนินการโดยที่ดิเคชไม่ทราบ เราได้ยื่นคำร้องเมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเเจ้งว่าคำขอของคนอื่นๆจะถูกปฏิเสธ" การตัดสินใจจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าท่าทางดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของดิเคชเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องการใช้รูปลักษณ์ของเขาในเชิงพาณิชย์อีกด้วย นอกจากนี้ ยูซุฟ ดีเคช นักแม่นปืนมาดเท่คนนี้ยังตั้งเป้าไปโอลิมปิก ที่ลอสเองเจลิส 2028 และประกาศว่า“ผมและคู่หูจะคว้าเหรียญทองมาให้ดู“ และยังพูดติดตลกกับดามิร์ มิเค็ค นักกีฬาแม่นปืนเซอร์เบีย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกคนปัจจุบันว่า“ผมฝากเหรียญทองไว้ที่คุณแค่ปี2028เท่านั้นนะ“ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 815 Views 0 Reviews
  • สำหรับชาวปาเลสในกาซา กุญแจเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านในเร็วๆ นี้
    ฮัสซัน โนฟาล วัย 53 ปี ตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้แน่ใจว่ากุญแจบ้านของเขาทางตอนเหนือของกาซาจะไม่กลายเป็นของที่ระลึกเหมือนกับกุญแจบ้านของปู่ย่าตายายของเขา
    “ถ้ากุญแจบ้านของฉันกลายเป็นเพียงความทรงจำเมื่อฉันก้าวต่อไป ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว” โนฟาลกล่าวกับสำนักข่าวเอพี
    โนฟาลและครอบครัวของเขาต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่พวกเขาหนีออกจากบ้านเรือนในกาซาตอนเหนือเมื่อปีที่แล้วท่ามกลางการรุกรานของเอลในดินแดนดังกล่าว ต่างจากปู่ย่าตายายของเขาที่ไม่เคยได้กลับบ้านที่บริเวณที่ปัจจุบันคือบริเวณตอนใต้ของเอลเลยหลังจากถูกขับไล่ในปี 2491 โนฟาลหวังว่าเขาและครอบครัวจะสามารถกลับบ้านได้ในไม่ช้านี้
    “ฉันต้องกลับบ้านของฉัน” เขากล่าว
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    สำหรับชาวปาเลสในกาซา กุญแจเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านในเร็วๆ นี้ ฮัสซัน โนฟาล วัย 53 ปี ตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้แน่ใจว่ากุญแจบ้านของเขาทางตอนเหนือของกาซาจะไม่กลายเป็นของที่ระลึกเหมือนกับกุญแจบ้านของปู่ย่าตายายของเขา “ถ้ากุญแจบ้านของฉันกลายเป็นเพียงความทรงจำเมื่อฉันก้าวต่อไป ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว” โนฟาลกล่าวกับสำนักข่าวเอพี โนฟาลและครอบครัวของเขาต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่พวกเขาหนีออกจากบ้านเรือนในกาซาตอนเหนือเมื่อปีที่แล้วท่ามกลางการรุกรานของเอลในดินแดนดังกล่าว ต่างจากปู่ย่าตายายของเขาที่ไม่เคยได้กลับบ้านที่บริเวณที่ปัจจุบันคือบริเวณตอนใต้ของเอลเลยหลังจากถูกขับไล่ในปี 2491 โนฟาลหวังว่าเขาและครอบครัวจะสามารถกลับบ้านได้ในไม่ช้านี้ “ฉันต้องกลับบ้านของฉัน” เขากล่าว . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews