• การรถไฟบุกรุกที่ชาวบ้าน!!! ทนายภูมิใจไทยผู้เป็นโฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    การรถไฟบุกรุกที่ชาวบ้าน!!! ทนายภูมิใจไทยผู้เป็นโฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าว #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 0 Reviews
  • 'ทวี' ซัด นโยบายรัฐบาล 'ขายฝัน' อภิปรายยาวสงสัย 4 เดือนแต่เหมือนบริหาร 4 ปี ลากยาวปม 'เขากระโดง' ภูมิใจไทย ประท้วงเดือด
    https://www.thai-tai.tv/news/21671/
    .
    #แถลงนโยบายรัฐบาล #ทวีสอดส่อง #เขากระโดง #ฮั้วสว #อภิปรายรัฐสภา #งบประมาณ2569 #ภูมิใจไทย #การรถไฟ #การเมืองไทย
    'ทวี' ซัด นโยบายรัฐบาล 'ขายฝัน' อภิปรายยาวสงสัย 4 เดือนแต่เหมือนบริหาร 4 ปี ลากยาวปม 'เขากระโดง' ภูมิใจไทย ประท้วงเดือด https://www.thai-tai.tv/news/21671/ . #แถลงนโยบายรัฐบาล #ทวีสอดส่อง #เขากระโดง #ฮั้วสว #อภิปรายรัฐสภา #งบประมาณ2569 #ภูมิใจไทย #การรถไฟ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • หลุมยุบกลางกรุงฯ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

    เกิดเหตุถนนทรุดตัวและเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร บนถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. กรมทรัพยากรธรณีระบุว่า เกิดจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนทรุดตัว ประกอบกับมีท่อประปาแตก ขนาด 1.5 เมตร ของการประปานครหลวง เนื่องจากการทรุดตัวของชั้นดิน ส่งผลให้มีน้ำประปาเข้าไปชะล้างดิน ถนนเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง

    บริเวณดังกล่าวเป็นจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง ประเมินเบื้องต้น เกิดน้ำรั่วซึมในชั้นดินใต้ผิวจราจร ส่งผลโดยตรงให้ชั้นดินบริเวณรอบโครงการก่อสร้างสูญเสียเสถียรภาพ โดยเฉพาะรอยต่อของอุโมงค์กับตัวสถานี ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหว เมื่อดินเริ่มสไลด์เข้าไปในตัวสถานี ประกอบกับน้ำหนักที่กดทับจากด้านบน ความเสียหายจึงขยายวงกว้างและรุนแรง เกิดการยุบตัวครั้งใหญ่ เป็นไปได้สูงว่าดินจำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าไปอยู่ในตัวอาคารสถานี (Station Box) ขณะนี้ยังไม่สามารถสำรวจภายในได้ เนื่องจากโครงสร้างโดยรอบยังไม่มีความเสถียรและอาจเกิดการถล่มซ้ำได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นพื้นที่อันตรายสูงสุด

    มีรายงานว่า รฟม. สั่งให้ผู้รับจ้างงานโยธาเร่งถมดินกลับ โดยใช้กระสอบทรายและหินคลุก เพื่อหยุดการไหลของดินและน้ำใต้ดินเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้า ลดการทรุดตัวของดินโดยรอบ รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพของดินมากขึ้น มีการกั้นพื้นที่โดยรอบบริเวณหลุมที่ทรุดตัว พร้อมกับใช้กระสอบทรายเสริมเป็นแนวกั้นไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปหลุมยุบเพิ่มเติม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตามแผนงานที่คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะแล้วเสร็จเดือน ต.ค.2570 เปิดให้บริการในปี 2571 ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเหตุการณ์ถนนยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ ตั้งแต่กรณีถนนอุดมสุข ยุบตัวเป็นทางยาว 50 เมตร บริเวณโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน กรณีถนนทรุดตัวใต้สะพานพระราม 4 ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี บริเวณโครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน กรณีถนนยุบบริเวณแยกเกษะโกมล ถนนนครไชยศรี บริเวณโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำชะล้างดิน แล้วดินไหลลงไปทำให้เกิดการทรุดตัว ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องระวังการทรุดตัวของชั้นดินที่มองไม่เห็น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
    หลุมยุบกลางกรุงฯ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เกิดเหตุถนนทรุดตัวและเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร บนถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. กรมทรัพยากรธรณีระบุว่า เกิดจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนทรุดตัว ประกอบกับมีท่อประปาแตก ขนาด 1.5 เมตร ของการประปานครหลวง เนื่องจากการทรุดตัวของชั้นดิน ส่งผลให้มีน้ำประปาเข้าไปชะล้างดิน ถนนเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง บริเวณดังกล่าวเป็นจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง ประเมินเบื้องต้น เกิดน้ำรั่วซึมในชั้นดินใต้ผิวจราจร ส่งผลโดยตรงให้ชั้นดินบริเวณรอบโครงการก่อสร้างสูญเสียเสถียรภาพ โดยเฉพาะรอยต่อของอุโมงค์กับตัวสถานี ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหว เมื่อดินเริ่มสไลด์เข้าไปในตัวสถานี ประกอบกับน้ำหนักที่กดทับจากด้านบน ความเสียหายจึงขยายวงกว้างและรุนแรง เกิดการยุบตัวครั้งใหญ่ เป็นไปได้สูงว่าดินจำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าไปอยู่ในตัวอาคารสถานี (Station Box) ขณะนี้ยังไม่สามารถสำรวจภายในได้ เนื่องจากโครงสร้างโดยรอบยังไม่มีความเสถียรและอาจเกิดการถล่มซ้ำได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นพื้นที่อันตรายสูงสุด มีรายงานว่า รฟม. สั่งให้ผู้รับจ้างงานโยธาเร่งถมดินกลับ โดยใช้กระสอบทรายและหินคลุก เพื่อหยุดการไหลของดินและน้ำใต้ดินเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้า ลดการทรุดตัวของดินโดยรอบ รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพของดินมากขึ้น มีการกั้นพื้นที่โดยรอบบริเวณหลุมที่ทรุดตัว พร้อมกับใช้กระสอบทรายเสริมเป็นแนวกั้นไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปหลุมยุบเพิ่มเติม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตามแผนงานที่คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะแล้วเสร็จเดือน ต.ค.2570 เปิดให้บริการในปี 2571 ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเหตุการณ์ถนนยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ ตั้งแต่กรณีถนนอุดมสุข ยุบตัวเป็นทางยาว 50 เมตร บริเวณโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน กรณีถนนทรุดตัวใต้สะพานพระราม 4 ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี บริเวณโครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน กรณีถนนยุบบริเวณแยกเกษะโกมล ถนนนครไชยศรี บริเวณโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำชะล้างดิน แล้วดินไหลลงไปทำให้เกิดการทรุดตัว ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องระวังการทรุดตัวของชั้นดินที่มองไม่เห็น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • พร้อมไหม? รถไฟ My Sawasdee กัวลาลัมเปอร์-สุราษฎร์ธานี

    เมื่อวันก่อน การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ทดลองเดินรถจากสถานีกลาง KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า ก่อนจะขยายบริการขบวนรถไฟพิเศษ มายสวัสดี (My Sawasdee) มายังปลายทางดังกล่าว โดยนับตั้งแต่เปิดการเดินรถไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกวันหยุดยาวของมาเลเซีย มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งเดินทางด้วยตัวเอง และบริษัทนำเที่ยวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

    สืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมระหว่างการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งที่ 42 ที่เมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 หนึ่งในนั้นคือเห็นชอบให้ขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยว My Sawasdee จากมาเลเซียมาไทย ให้มาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี หลังได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม มีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว การขยายเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น

    โดยปกติแล้วขบวนรถไฟ My Sawasdee ออกจากสถานี KL Sentral เวลา 22.30 น. ถึงปลายทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ เวลา 08.30 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น แต่หากเดินทางต่อไปยังปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 294 กิโลเมตร ใช้เวลาเร็วที่สุด 4-5 ชั่วโมง มีรายงานว่าตามกำหนดจะถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลา 15.20 น. แต่จากการทดสอบเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พบว่าถึงปลายทางเวลา 17.02 น. จึงต้องรอให้การรถไฟมาเลเซียพิจารณาความพร้อมก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง

    จุดหมายปลายทางยอดนิยมของจังหวัดสุราษฎร์ธานีคือเกาะต่างๆ โดยเฉพาะเกาะสมุย ต้องใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี ไปยังท่าเรือดอนสัก 2 ชั่วโมง ต่อเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะสมุยอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที ถือเป็นโจทย์ที่บริษัทนำเที่ยวอาจต้องพิจารณาจัดโปรแกรมทัวร์ภายในเวลา 4 วัน 3 คืน เพราะเท่ากับกินเวลาแล้ว 1 วัน

    อีกด้านหนึ่ง เริ่มมีบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในมาเลเซีย เสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา 5 วัน 4 คืนด้วยรถไฟในปี 2569 แล้ว แต่เดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วต่อรถบัสไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากเดิมเสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังหาดใหญ่และปัตตานี 4 วัน 3 คืน สนนราคาคนละ 1,200 ริงกิต (ประมาณ 9,200 บาท) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทัวร์ไปกรุงเทพฯ 5 วัน 4 คืน, ไปกาญจนบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,300 ริงกิต (ประมาณ 17,500 บาท) และไปเขาใหญ่กับลพบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,200 ริงกิต (ประมาณ 16,750 บาท) ในช่วงปลายปี 2569 อีกด้วย

    #Newskit
    พร้อมไหม? รถไฟ My Sawasdee กัวลาลัมเปอร์-สุราษฎร์ธานี เมื่อวันก่อน การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ทดลองเดินรถจากสถานีกลาง KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้า ก่อนจะขยายบริการขบวนรถไฟพิเศษ มายสวัสดี (My Sawasdee) มายังปลายทางดังกล่าว โดยนับตั้งแต่เปิดการเดินรถไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกวันหยุดยาวของมาเลเซีย มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งเดินทางด้วยตัวเอง และบริษัทนำเที่ยวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมระหว่างการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งที่ 42 ที่เมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 หนึ่งในนั้นคือเห็นชอบให้ขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยว My Sawasdee จากมาเลเซียมาไทย ให้มาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี หลังได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม มีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว การขยายเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วขบวนรถไฟ My Sawasdee ออกจากสถานี KL Sentral เวลา 22.30 น. ถึงปลายทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ เวลา 08.30 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น แต่หากเดินทางต่อไปยังปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 294 กิโลเมตร ใช้เวลาเร็วที่สุด 4-5 ชั่วโมง มีรายงานว่าตามกำหนดจะถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลา 15.20 น. แต่จากการทดสอบเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พบว่าถึงปลายทางเวลา 17.02 น. จึงต้องรอให้การรถไฟมาเลเซียพิจารณาความพร้อมก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง จุดหมายปลายทางยอดนิยมของจังหวัดสุราษฎร์ธานีคือเกาะต่างๆ โดยเฉพาะเกาะสมุย ต้องใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี ไปยังท่าเรือดอนสัก 2 ชั่วโมง ต่อเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะสมุยอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที ถือเป็นโจทย์ที่บริษัทนำเที่ยวอาจต้องพิจารณาจัดโปรแกรมทัวร์ภายในเวลา 4 วัน 3 คืน เพราะเท่ากับกินเวลาแล้ว 1 วัน อีกด้านหนึ่ง เริ่มมีบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในมาเลเซีย เสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา 5 วัน 4 คืนด้วยรถไฟในปี 2569 แล้ว แต่เดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วต่อรถบัสไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากเดิมเสนอโปรแกรมทัวร์ไปยังหาดใหญ่และปัตตานี 4 วัน 3 คืน สนนราคาคนละ 1,200 ริงกิต (ประมาณ 9,200 บาท) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทัวร์ไปกรุงเทพฯ 5 วัน 4 คืน, ไปกาญจนบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,300 ริงกิต (ประมาณ 17,500 บาท) และไปเขาใหญ่กับลพบุรี 5 วัน 4 คืน ราคาคนละ 2,200 ริงกิต (ประมาณ 16,750 บาท) ในช่วงปลายปี 2569 อีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • ลุงพล ไปเอาตังมากมายมาจากไหนนะ,บริษัทไทยมากมายหากไม่ได้งานจากรัฐ,จะเป็นแบบไหนนะ, บริษัทเจ้าสัวต่างๆถ้าไม่อาศัยกฎหมายผูกขาดจากรัฐ,รัฐอำนวยงานให้,ค้าขายเสรีเหมือนคนไทยทั่วไปจริงๆที่ค้าขายกันไม่อีแอบอำนาจรัฐ,แบบเบียร์แบบเหล้าเอย,ที่ดินต่างๆแบบกฎหมายว่าประชาชนครอบครองได้ไม่เกิน100ไร่ต่อคนรวมทุกๆแปลง,เอกชนครอบครองไม่เกิน200ต่อบริษัทกิจการรวมกันทั้งแม่และลูกในเครือจะเป็นแบบใดนะ,หรือต่างชาติห้ามครองที่ดินไทยทุกๆกรณี เช่าที่ดินไม่เกิน10ปี ต่อสัญญาได้ทุกๆ5ปีดูเงื่อนไขความมั่นคงชาติเป็นหลักและอื่นๆเป็นต้น,คือสาระพัดกฎกติกาเทียบคนไทยทั่วไปจริงๆ,เงินทองมากมายเหล่านี้อาจสมดุลภายในชาติจริงๆก็ได้,ไม่รวมทุจริตงบประมาณเงินรัฐต่างๆใต้โต๊ะนอกโต๊ะอีกด้วย,คดีเขากระโดงก็อนาถชัดเจนการรถไฟชนะด้วยอีก.,บ้านเมืองไทยมันบัดสบจริงๆ,กูรูคนไทยเราก็สุดยอดโคตรๆแฉตรึม.

    https://youtube.com/shorts/jrr-XgvahjQ?si=K4VgQ4rMii9MMxWo
    ลุงพล ไปเอาตังมากมายมาจากไหนนะ,บริษัทไทยมากมายหากไม่ได้งานจากรัฐ,จะเป็นแบบไหนนะ, บริษัทเจ้าสัวต่างๆถ้าไม่อาศัยกฎหมายผูกขาดจากรัฐ,รัฐอำนวยงานให้,ค้าขายเสรีเหมือนคนไทยทั่วไปจริงๆที่ค้าขายกันไม่อีแอบอำนาจรัฐ,แบบเบียร์แบบเหล้าเอย,ที่ดินต่างๆแบบกฎหมายว่าประชาชนครอบครองได้ไม่เกิน100ไร่ต่อคนรวมทุกๆแปลง,เอกชนครอบครองไม่เกิน200ต่อบริษัทกิจการรวมกันทั้งแม่และลูกในเครือจะเป็นแบบใดนะ,หรือต่างชาติห้ามครองที่ดินไทยทุกๆกรณี เช่าที่ดินไม่เกิน10ปี ต่อสัญญาได้ทุกๆ5ปีดูเงื่อนไขความมั่นคงชาติเป็นหลักและอื่นๆเป็นต้น,คือสาระพัดกฎกติกาเทียบคนไทยทั่วไปจริงๆ,เงินทองมากมายเหล่านี้อาจสมดุลภายในชาติจริงๆก็ได้,ไม่รวมทุจริตงบประมาณเงินรัฐต่างๆใต้โต๊ะนอกโต๊ะอีกด้วย,คดีเขากระโดงก็อนาถชัดเจนการรถไฟชนะด้วยอีก.,บ้านเมืองไทยมันบัดสบจริงๆ,กูรูคนไทยเราก็สุดยอดโคตรๆแฉตรึม. https://youtube.com/shorts/jrr-XgvahjQ?si=K4VgQ4rMii9MMxWo
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • สร้างปิดถาวรก่อน,สงบสุขทั่วโลกค่อยว่ากันใหม่,แล้วเราต้องกำจัดคนลักษณะที่พูดว่า ปากท้องสำคัญกว่าแผ่นดินทิ้งไปให้หมดแบบพวกส้มบ้าบอนี้,บ๋อยให้ต่างชาติมาแทรกแซงไทยตนและจูงจมูกวัยรุ่นไทยผิดทาง,ต้องกำจัดภัยร้ายแบบพรรคอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลแล้วมาตั้งเป็นพรรคประชาชนให้หมดสิทธิเอาเยาวชนไทยบังหน้า ใช้เยาวชนไทยทำร้ายชาติไทยจากภายในให้หลงผิด,เยาวชนไทยเราโดยเนื้อแท้รักบ้านรักเมืองรักแผ่นดินตนเองแต่พวกนี้ทำให้เสียไปหมด,ใฝ่ชั่วตั้งแต่เด็ก จนอยากมานำทางชั่ว ทั้งระดับสส.ระดับนายกฯปกครองประเทศอันตรายมาก,อันตรายมากหากรัฐบาลปัจจุบัน4เดือนยังมีคดีติดตัวแล้วมานำชาติบ้านเมืองอีก,ผิดจริยธรรมตั้งแต่พรรคมีคดีติดตัวพรรคแล้ว กรรมการพรรคอีก,การรถไฟก็ฟ้องสำเร็จว่าผิดและต้องคืนแต่ไม่คืนอีก,คือบ้านเมืองนี้มีปัญหามากๆ,รั้วลวดหนาม mou43,44อีกก็ชัดเจนว่าจะไม่ยอมยกเลิกฝ่ายเดียว,ยังอ้างเอาเขมรต้องเห็นด้วยก่อนโน้น,เมื่อนายกฯชุดนี้เป็นแบบนี้ก็ต้องมีนายกฯคนที่33ใหม่อย่างรวดเร็ว,อาจยุบพรรคภูมิใจไทยตัดสิทธิทางการเมืองสส.กรรมการพรรคทั้งหมดด้วย.,ครม.ชุดรัฐบาลนี้ก็สมควรถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย,ยุคนายกฯอุ๊งอิ๊งสมควรลงดาบด้วย ชุดนายกอุ๊งอิ๊งเช่นกัน,มาร่วมงานกับคนที่ตนเลือกผืด ครม.ต้องโดยด้วยมิใช่กูรอดทั้งหมดแบบนี้.
    https://youtube.com/shorts/rKaJLCumvCI?si=PMXJDFrOSQXjOSbt
    สร้างปิดถาวรก่อน,สงบสุขทั่วโลกค่อยว่ากันใหม่,แล้วเราต้องกำจัดคนลักษณะที่พูดว่า ปากท้องสำคัญกว่าแผ่นดินทิ้งไปให้หมดแบบพวกส้มบ้าบอนี้,บ๋อยให้ต่างชาติมาแทรกแซงไทยตนและจูงจมูกวัยรุ่นไทยผิดทาง,ต้องกำจัดภัยร้ายแบบพรรคอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลแล้วมาตั้งเป็นพรรคประชาชนให้หมดสิทธิเอาเยาวชนไทยบังหน้า ใช้เยาวชนไทยทำร้ายชาติไทยจากภายในให้หลงผิด,เยาวชนไทยเราโดยเนื้อแท้รักบ้านรักเมืองรักแผ่นดินตนเองแต่พวกนี้ทำให้เสียไปหมด,ใฝ่ชั่วตั้งแต่เด็ก จนอยากมานำทางชั่ว ทั้งระดับสส.ระดับนายกฯปกครองประเทศอันตรายมาก,อันตรายมากหากรัฐบาลปัจจุบัน4เดือนยังมีคดีติดตัวแล้วมานำชาติบ้านเมืองอีก,ผิดจริยธรรมตั้งแต่พรรคมีคดีติดตัวพรรคแล้ว กรรมการพรรคอีก,การรถไฟก็ฟ้องสำเร็จว่าผิดและต้องคืนแต่ไม่คืนอีก,คือบ้านเมืองนี้มีปัญหามากๆ,รั้วลวดหนาม mou43,44อีกก็ชัดเจนว่าจะไม่ยอมยกเลิกฝ่ายเดียว,ยังอ้างเอาเขมรต้องเห็นด้วยก่อนโน้น,เมื่อนายกฯชุดนี้เป็นแบบนี้ก็ต้องมีนายกฯคนที่33ใหม่อย่างรวดเร็ว,อาจยุบพรรคภูมิใจไทยตัดสิทธิทางการเมืองสส.กรรมการพรรคทั้งหมดด้วย.,ครม.ชุดรัฐบาลนี้ก็สมควรถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย,ยุคนายกฯอุ๊งอิ๊งสมควรลงดาบด้วย ชุดนายกอุ๊งอิ๊งเช่นกัน,มาร่วมงานกับคนที่ตนเลือกผืด ครม.ต้องโดยด้วยมิใช่กูรอดทั้งหมดแบบนี้. https://youtube.com/shorts/rKaJLCumvCI?si=PMXJDFrOSQXjOSbt
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • สางปมเขากระโดงทันที ไม่มีมวยล้มต้มคนดู : [THE MESSAGE]

    นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรมว.แรงงาน เผย หากได้ทำหน้าที่ รมว.คมนาคม ในเรื่องข้อกังขาต่างๆ ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง ต้องเร่งดำเนินการเป็นเรื่องแรกๆ เพื่อให้ความกระจ่างกับคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และกรมที่ดิน ต้องมีแนวนโยบายดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อดูว่าจะพูดคุยกันจนถึงชั้นศาลหรือไม่ สิ่งที่ดีที่สุดต้องให้การรถไฟฯ ดำเนินการในขอบเขตที่ทำได้ ต้องทำให้สังคมหายคาใจ แม้พรรคภูมิใจไทยจะได้รับหน้าที่ทั้งสองกระทรวง แต่ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องที่ดินของชาติ ต้องทำให้กระจ่างในที่ดินที่ประชาชนได้โฉนดมากว่า 900 ราย ไม่แน่ใจว่าใน 4 เดือน จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ แต่จะให้การรถไฟฯ ดำเนินการทันทีหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ยืนยัน ไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู คนไทยต้องได้รับความกระจ่าง
    สางปมเขากระโดงทันที ไม่มีมวยล้มต้มคนดู : [THE MESSAGE] นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรมว.แรงงาน เผย หากได้ทำหน้าที่ รมว.คมนาคม ในเรื่องข้อกังขาต่างๆ ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง ต้องเร่งดำเนินการเป็นเรื่องแรกๆ เพื่อให้ความกระจ่างกับคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และกรมที่ดิน ต้องมีแนวนโยบายดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อดูว่าจะพูดคุยกันจนถึงชั้นศาลหรือไม่ สิ่งที่ดีที่สุดต้องให้การรถไฟฯ ดำเนินการในขอบเขตที่ทำได้ ต้องทำให้สังคมหายคาใจ แม้พรรคภูมิใจไทยจะได้รับหน้าที่ทั้งสองกระทรวง แต่ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องที่ดินของชาติ ต้องทำให้กระจ่างในที่ดินที่ประชาชนได้โฉนดมากว่า 900 ราย ไม่แน่ใจว่าใน 4 เดือน จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเสร็จเรียบร้อยหรือไม่ แต่จะให้การรถไฟฯ ดำเนินการทันทีหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ยืนยัน ไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู คนไทยต้องได้รับความกระจ่าง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 535 Views 0 0 Reviews
  • เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา

    ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา

    ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล

    คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา

    โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท

    อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    #Newskit
    เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • มโนเล่นๆกูรูหลายท่านอาจมองทะลุหลายชั้นแล้ว,ส่วนตัวเชื่อว่าคือหุ่นเชิดแบบลุงตู่นั้นล่ะ,อะไรที่ยุคโทนี่ทำไม่สำเร็จจะสานต่อให้สำเร็จ,โดยพรรคตนแบบส้มแดงไม่ต้องเอาหัววางเครื่องประหารหัวหมาของท่านเปาเอง,ย้อนความไปก่อนว่า เพื่อไทยผิดใจภูมิใจไทยแค่แหกตาเก้าอี้รมต.แค่นั้นหรือคดีเขากระโดงบังหน้า ถ้าจะจัดการจริงๆการรถไฟใช้อำนาจศาลบังคับถีบออกเอาผิดนานแล้ว มันเล่นละคร,เพื่อไทยกับก้าวไกลอนาคตใหม่สู่พรรคประชาชนมันบ๋อยโทนี่หมด พวกชูสามนิ้วนี้โซรอสและเครือข่ายทุนสนับสนุนตรึม ดูไบคือบ๋อยขี้ข้าสมุนอเมริกา โทนี่ก็รีตลัทธิหัวกระโหลกไข้วอเมริกาอิลูมินาติรวมลูกสาวแก่ด้วย คนของอนาคตใหม่ก้าวไกลคนของรีตพวกลัทธิตาเดียวนี้อีกคือเป้าหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทย,ไม่มีห่าอะไรจึงอ้างแก้รธน.บังหน้าเหมารวมแต่ไส้ในจะจัดการ ม.112นั้นล่ะ,mou43,44tor46มันพูดจะยกเลิกจริงจังชัดเจนมั้ย,คือไม่แตะเรื่องชายแดนเลย,จากนี้ไปอันตรายมาก,เพราะทั้งหมดคือเดอะแก๊งเดียวกัน,เนียนๆก็ว่า ,จากหุ่นเชิดแบบเปิดเผยไม่สำเร็จ ทั้งนายกฯคนที่1ก็ไปวัด,นานกฯคนที่2ก็ไปวัด,สังเกตุเลยมันไม่มีใครถูกดำเนินคดีจริงติดคุกรัยโทษจริงสักคน,มาเพื่อสร้างโกลาหลในไทย คนไทยถีบออกจับได้ก็เอาคนของตนเข้ามาใหม่,ciaบอกให้เขียนกฎหมายรธน.นี้และกฎหมายเลือกตั้ง การคงอยู่ การห้ามเลือกตั้งใหม่ การห้ามนายกฯไม่ให้ประชาชนเลือกเอง,เพราะciaจะเอาตนของตนที่วางหมากรอเตรียมตามแผนไว้แล้วไม่เสียแผนเสียจังหวะกำจัดสถาบันกษัตริย์เราหรือลดทอนอำนาจลงไปอีกแบบ ม.112,หรือสร้างโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ต่อเนื่องให้ได้ อย่าให้ไทยนี้สงบสุขนั้นเอง,วุ่นวายทุกๆรูปแบบเท่าที่สามารถก่อเหตุภายในประเทศไทยได้แบบอินโดฯชัดเจนมากฝีมือciaอเมริกาเต็มๆ,
    ..ทหารพระราชเราต้องเด็ดขาดนะ เลิกพูดดูสวยหรูเถอะว่าอะไรๆอ้อมๆไป,ภายในบ้านเมืองเราเอง เราต้องทำความสะอาดกันเองได้อย่างชอบธรรม.เพราะยุคสมัยหน้าประชาชนพึ่งพานักการเมืองไม่ได้,ฝ่ายไม่ดีมาแบบไร้รูปแบบบ,ต้องฝ่ายดีกำจัดเด็ดหัวจัดการแบบไร้รูปแบบเท่าทันมันด้วย.

    https://youtube.com/shorts/HoTPnDnLrzs?si=LbYO7n6mfF4NKCqH
    มโนเล่นๆกูรูหลายท่านอาจมองทะลุหลายชั้นแล้ว,ส่วนตัวเชื่อว่าคือหุ่นเชิดแบบลุงตู่นั้นล่ะ,อะไรที่ยุคโทนี่ทำไม่สำเร็จจะสานต่อให้สำเร็จ,โดยพรรคตนแบบส้มแดงไม่ต้องเอาหัววางเครื่องประหารหัวหมาของท่านเปาเอง,ย้อนความไปก่อนว่า เพื่อไทยผิดใจภูมิใจไทยแค่แหกตาเก้าอี้รมต.แค่นั้นหรือคดีเขากระโดงบังหน้า ถ้าจะจัดการจริงๆการรถไฟใช้อำนาจศาลบังคับถีบออกเอาผิดนานแล้ว มันเล่นละคร,เพื่อไทยกับก้าวไกลอนาคตใหม่สู่พรรคประชาชนมันบ๋อยโทนี่หมด พวกชูสามนิ้วนี้โซรอสและเครือข่ายทุนสนับสนุนตรึม ดูไบคือบ๋อยขี้ข้าสมุนอเมริกา โทนี่ก็รีตลัทธิหัวกระโหลกไข้วอเมริกาอิลูมินาติรวมลูกสาวแก่ด้วย คนของอนาคตใหม่ก้าวไกลคนของรีตพวกลัทธิตาเดียวนี้อีกคือเป้าหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทย,ไม่มีห่าอะไรจึงอ้างแก้รธน.บังหน้าเหมารวมแต่ไส้ในจะจัดการ ม.112นั้นล่ะ,mou43,44tor46มันพูดจะยกเลิกจริงจังชัดเจนมั้ย,คือไม่แตะเรื่องชายแดนเลย,จากนี้ไปอันตรายมาก,เพราะทั้งหมดคือเดอะแก๊งเดียวกัน,เนียนๆก็ว่า ,จากหุ่นเชิดแบบเปิดเผยไม่สำเร็จ ทั้งนายกฯคนที่1ก็ไปวัด,นานกฯคนที่2ก็ไปวัด,สังเกตุเลยมันไม่มีใครถูกดำเนินคดีจริงติดคุกรัยโทษจริงสักคน,มาเพื่อสร้างโกลาหลในไทย คนไทยถีบออกจับได้ก็เอาคนของตนเข้ามาใหม่,ciaบอกให้เขียนกฎหมายรธน.นี้และกฎหมายเลือกตั้ง การคงอยู่ การห้ามเลือกตั้งใหม่ การห้ามนายกฯไม่ให้ประชาชนเลือกเอง,เพราะciaจะเอาตนของตนที่วางหมากรอเตรียมตามแผนไว้แล้วไม่เสียแผนเสียจังหวะกำจัดสถาบันกษัตริย์เราหรือลดทอนอำนาจลงไปอีกแบบ ม.112,หรือสร้างโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ต่อเนื่องให้ได้ อย่าให้ไทยนี้สงบสุขนั้นเอง,วุ่นวายทุกๆรูปแบบเท่าที่สามารถก่อเหตุภายในประเทศไทยได้แบบอินโดฯชัดเจนมากฝีมือciaอเมริกาเต็มๆ, ..ทหารพระราชเราต้องเด็ดขาดนะ เลิกพูดดูสวยหรูเถอะว่าอะไรๆอ้อมๆไป,ภายในบ้านเมืองเราเอง เราต้องทำความสะอาดกันเองได้อย่างชอบธรรม.เพราะยุคสมัยหน้าประชาชนพึ่งพานักการเมืองไม่ได้,ฝ่ายไม่ดีมาแบบไร้รูปแบบบ,ต้องฝ่ายดีกำจัดเด็ดหัวจัดการแบบไร้รูปแบบเท่าทันมันด้วย. https://youtube.com/shorts/HoTPnDnLrzs?si=LbYO7n6mfF4NKCqH
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • ไปต่อยังไงไหว
    พ่อ แม่ อา ยึดครองที่หลวง
    ส่งลูกชายคุมการรถไฟ
    ใครจะกล้าแจ้งความเอาผิด พ่อง-แม่ม รัฐมนตรี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไปต่อยังไงไหว พ่อ แม่ อา ยึดครองที่หลวง ส่งลูกชายคุมการรถไฟ ใครจะกล้าแจ้งความเอาผิด พ่อง-แม่ม รัฐมนตรี #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • รถไฟฟ้า LRT สายแรกในปีนัง ต้นทุนก่อสร้างพุ่ง 68%

    โครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายมูเทียรา (LRT Mutiara Line) สายแรกบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นที่วิจารณ์ว่าต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 68% เมื่อนายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวต่อที่ประชุมสรุปแผนพัฒนามาเลเซียฉบับที่ 13 เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ว่า ต้นทุนโครงการจะถูกจำกัดไว้ที่ราว 16,000-17,000 ล้านริงกิต ไม่ใช่ 10,000 ล้านริงกิต ตามที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เคยประกาศไว้ในงบประมาณปี 2024 โดยให้เหตุผลว่าขณะนั้นคาดการณ์เบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าการบริหารจัดการโครงการ และการประเมินทางวิศวกรรม

    ต่อมาวันที่ 21 ส.ค. MRT Corp ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางมาเลเซียให้เป็นผู้พัฒนาโครงการชี้แจงว่า เดิมโครงการ Penang LRT สายบายัน เลปาส (Bayan Lepas) เส้นทางเกาะซิลิคอน (Silicon Island) ถึงคอมตาร์ (Komtar) เมื่อปี 2559 ประเมินไว้ที่ 10,000 ล้านริงกิต แต่ได้ขยายเส้นทางจากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ถึงสถานีปีนังเซ็นทรัล (Penang Sentral) ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านริงกิต อีกทั้งอ้างอิงจากข้อมูลตลาดในปี 2567 จำเป็นต้องปรับปรุงงบประมาณ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น และงานก่อสร้างเพิ่มเติม ที่แมคคัลลัมและเกาะซิลิคอน

    แต่รัฐบาลได้มอบหมายให้ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ต่ำกว่า จากการประกวดราคา โดยสัญญาที่ 1 งานโยธาช่วงเกาะซิลิคอนถึงคอมตาร์ ระยะทาง 24 กิโลเมตร บริษัท เอสอาร์เอส คอนซอร์เตียม เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง ได้ปรับลดมูลค่าสัญญาจาก 8,310 ล้านริงกิต เหลือ 7,930 ล้านริงกิต ซึ่งงบประมาณ 16,800 ล้านริงกิตยังรวมถึงค่าเวนคืนที่ดิน ประเมินไว้ที่ 2 พันล้านริงกิต ส่วนที่เหลือครอบคลุมสัญญาที่ 2 งานโยธาช่วงสถานีแมคคัลลัมถึงสถานีปีนังเซ็นทรัล ศูนย์ซ่อมบำรุงที่สุไหงนิบง (Sungai Nibong) และสัญญาที่ 3 เหมาจ้างทำระบบรถไฟฟ้าแบบเบ็ดเสร็จ ยืนยันว่าไม่ใช่ควบคุมงบประมาณไม่ได้ แต่สะท้อนสภาพตลาดปัจจุบัน

    โครงการ LRT Mutiara Line มีระยะทาง 29.5 กิโลเมตร ประกอบด้วยสถานียกระดับ 21 สถานี มีสะพานข้ามทะเลความยาว 5 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมืองบัตเตอร์เวอร์ธ ใช้เวลาเดินทาง 49 นาที เริ่มต้นที่สถานี PSR-A (โครงการถมทะเลปีนังตอนใต้ เกาะ A) ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง (PEN) เขตอุตสาหกรรมเสรีบายันเลปาส อาคารคอมตาร์ และสถานีปีนังเซ็นทรัล ที่เชื่อมต่อรถทัวร์ รถไฟ ETS ไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรถไฟ KTM Komuter ไปปาดังเบซาร์ และอิโปห์ โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการในเดือน ธ.ค.2574

    #Newskit
    รถไฟฟ้า LRT สายแรกในปีนัง ต้นทุนก่อสร้างพุ่ง 68% โครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายมูเทียรา (LRT Mutiara Line) สายแรกบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นที่วิจารณ์ว่าต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 68% เมื่อนายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวต่อที่ประชุมสรุปแผนพัฒนามาเลเซียฉบับที่ 13 เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ว่า ต้นทุนโครงการจะถูกจำกัดไว้ที่ราว 16,000-17,000 ล้านริงกิต ไม่ใช่ 10,000 ล้านริงกิต ตามที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เคยประกาศไว้ในงบประมาณปี 2024 โดยให้เหตุผลว่าขณะนั้นคาดการณ์เบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าการบริหารจัดการโครงการ และการประเมินทางวิศวกรรม ต่อมาวันที่ 21 ส.ค. MRT Corp ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางมาเลเซียให้เป็นผู้พัฒนาโครงการชี้แจงว่า เดิมโครงการ Penang LRT สายบายัน เลปาส (Bayan Lepas) เส้นทางเกาะซิลิคอน (Silicon Island) ถึงคอมตาร์ (Komtar) เมื่อปี 2559 ประเมินไว้ที่ 10,000 ล้านริงกิต แต่ได้ขยายเส้นทางจากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ถึงสถานีปีนังเซ็นทรัล (Penang Sentral) ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านริงกิต อีกทั้งอ้างอิงจากข้อมูลตลาดในปี 2567 จำเป็นต้องปรับปรุงงบประมาณ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น และงานก่อสร้างเพิ่มเติม ที่แมคคัลลัมและเกาะซิลิคอน แต่รัฐบาลได้มอบหมายให้ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ต่ำกว่า จากการประกวดราคา โดยสัญญาที่ 1 งานโยธาช่วงเกาะซิลิคอนถึงคอมตาร์ ระยะทาง 24 กิโลเมตร บริษัท เอสอาร์เอส คอนซอร์เตียม เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง ได้ปรับลดมูลค่าสัญญาจาก 8,310 ล้านริงกิต เหลือ 7,930 ล้านริงกิต ซึ่งงบประมาณ 16,800 ล้านริงกิตยังรวมถึงค่าเวนคืนที่ดิน ประเมินไว้ที่ 2 พันล้านริงกิต ส่วนที่เหลือครอบคลุมสัญญาที่ 2 งานโยธาช่วงสถานีแมคคัลลัมถึงสถานีปีนังเซ็นทรัล ศูนย์ซ่อมบำรุงที่สุไหงนิบง (Sungai Nibong) และสัญญาที่ 3 เหมาจ้างทำระบบรถไฟฟ้าแบบเบ็ดเสร็จ ยืนยันว่าไม่ใช่ควบคุมงบประมาณไม่ได้ แต่สะท้อนสภาพตลาดปัจจุบัน โครงการ LRT Mutiara Line มีระยะทาง 29.5 กิโลเมตร ประกอบด้วยสถานียกระดับ 21 สถานี มีสะพานข้ามทะเลความยาว 5 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมืองบัตเตอร์เวอร์ธ ใช้เวลาเดินทาง 49 นาที เริ่มต้นที่สถานี PSR-A (โครงการถมทะเลปีนังตอนใต้ เกาะ A) ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง (PEN) เขตอุตสาหกรรมเสรีบายันเลปาส อาคารคอมตาร์ และสถานีปีนังเซ็นทรัล ที่เชื่อมต่อรถทัวร์ รถไฟ ETS ไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรถไฟ KTM Komuter ไปปาดังเบซาร์ และอิโปห์ โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการในเดือน ธ.ค.2574 #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
  • รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบายคุณหลอกดาวซ้ำสอง

    ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะตายแหล่ ไม่ตายแหล่ จากคดีคลิปเสียงอังเคิลในศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาในวันที่ 29 ส.ค.นี้ แม้รัฐบาลถูลู่ถูกังเปิดให้ลงทะเบียนผูกบัตร EMV (บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรพรีเพด) และบัตรแรบบิท (Rabbit) เพื่อรับสิทธิ์รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนมากกว่า 2 แสนคนในระยะเวลา 2 วัน แต่แล้วคนกรุงฯ ต้องฝันสลาย เมื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ยอมรับแล้วว่าดำเนินโครงการไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ต้องจ่ายราคาเดิมไปก่อน

    สาเหตุหลักมาจากกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้ดึงเงินสะสมและรายได้ชดเชย มาใช้กับโครงการนี้ และร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่แก้ไขโดยเปิดช่องให้กู้เงินจากกระทรวงการคลังได้ เพราะรายได้จาก รฟม. ต้องส่งเข้ากระทรวงการคลัง จะเปลี่ยนไปเข้ากองทุนตั๋วร่วมฯ ทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ปรากฎว่าสภาผู้แทนราษฎร เจอปัญหาองค์ประชุมเพราะเสียงในสภาปริ่มน้ำบ่อยครั้ง แถมเมื่อรัฐบาลสอบถามกฤษฎีกาว่าจะเอางบกลางมาใช้หรือไม่ กฤษฎีกาก็ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

    สิ่งเดียวที่ทำได้ของรัฐบาล คือถูฝ่ามือรอให้กฎหมายทั้งสองฉบับผ่านที่ประชุมสภาฯ ก่อน โดยใช้โฆษกพรรค สมาชิกพรรค และสื่อบางส่วนคอยตะล่อม โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน หากผ่านด่านแรกไปได้ ส่งต่อด่านสองให้วุฒิสภา ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นขั้วการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทยคุมเสียงในสภาสูง แม้จะผ่านกฎหมายแล้ว ยังต้องออกกฎหมายลูกที่ต้องรับฟังความคิดเห็นอีก 15 วัน นายสุริยะจะเสนอคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เร็วขึ้น อ้างว่านโยบายเป็นบวกกับประชาชน ตั้งเป้าว่าจะดำเนินโครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.2568 ถึงกระนั้น จากคดีคลิปเสียงก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยังอยู่หรือไม่

    หากรัฐบาลแพทองธารต้องยุติลงและเปลี่ยนขั้วอำนาจรัฐบาล นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเคลมว่าเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย สังคมจะเกิดความรู้สึกรอเก้อเหมือนถูกหลอก ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐมากถึง 36 ล้านคน แต่สุดท้ายได้แต่โอนเงินพร้อมเพย์แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง ก่อนพับโครงการ โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือมาตรการภาษีขาเข้า (Tariff) จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา

    #Newskit
    รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบายคุณหลอกดาวซ้ำสอง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะตายแหล่ ไม่ตายแหล่ จากคดีคลิปเสียงอังเคิลในศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาในวันที่ 29 ส.ค.นี้ แม้รัฐบาลถูลู่ถูกังเปิดให้ลงทะเบียนผูกบัตร EMV (บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรพรีเพด) และบัตรแรบบิท (Rabbit) เพื่อรับสิทธิ์รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนมากกว่า 2 แสนคนในระยะเวลา 2 วัน แต่แล้วคนกรุงฯ ต้องฝันสลาย เมื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ยอมรับแล้วว่าดำเนินโครงการไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ต้องจ่ายราคาเดิมไปก่อน สาเหตุหลักมาจากกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้ดึงเงินสะสมและรายได้ชดเชย มาใช้กับโครงการนี้ และร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่แก้ไขโดยเปิดช่องให้กู้เงินจากกระทรวงการคลังได้ เพราะรายได้จาก รฟม. ต้องส่งเข้ากระทรวงการคลัง จะเปลี่ยนไปเข้ากองทุนตั๋วร่วมฯ ทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ปรากฎว่าสภาผู้แทนราษฎร เจอปัญหาองค์ประชุมเพราะเสียงในสภาปริ่มน้ำบ่อยครั้ง แถมเมื่อรัฐบาลสอบถามกฤษฎีกาว่าจะเอางบกลางมาใช้หรือไม่ กฤษฎีกาก็ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สิ่งเดียวที่ทำได้ของรัฐบาล คือถูฝ่ามือรอให้กฎหมายทั้งสองฉบับผ่านที่ประชุมสภาฯ ก่อน โดยใช้โฆษกพรรค สมาชิกพรรค และสื่อบางส่วนคอยตะล่อม โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน หากผ่านด่านแรกไปได้ ส่งต่อด่านสองให้วุฒิสภา ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นขั้วการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทยคุมเสียงในสภาสูง แม้จะผ่านกฎหมายแล้ว ยังต้องออกกฎหมายลูกที่ต้องรับฟังความคิดเห็นอีก 15 วัน นายสุริยะจะเสนอคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เร็วขึ้น อ้างว่านโยบายเป็นบวกกับประชาชน ตั้งเป้าว่าจะดำเนินโครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.2568 ถึงกระนั้น จากคดีคลิปเสียงก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยังอยู่หรือไม่ หากรัฐบาลแพทองธารต้องยุติลงและเปลี่ยนขั้วอำนาจรัฐบาล นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเคลมว่าเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย สังคมจะเกิดความรู้สึกรอเก้อเหมือนถูกหลอก ไม่ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐมากถึง 36 ล้านคน แต่สุดท้ายได้แต่โอนเงินพร้อมเพย์แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง ก่อนพับโครงการ โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือมาตรการภาษีขาเข้า (Tariff) จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา #Newskit
    1 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 14 : คู่แค้น
    ช่วงประมาณ ค.ศ. 1908 เปอร์เซีย (หรืออิหร่านในปัจจุบัน) ค้นพบแหล่งน้ำมันในประเทศตนเอง อังกฤษจมูกไวได้กลิ่นก่อนใคร รีบวิ่งเป็นเจ้าแรก เข้าไปตีซี้เข้าทำสัญญาขอสิทธิพิเศษ สำหรับน้ำมันที่จะขุดได้ โดยตั้งบริษัทร่วมกับเปอร์เซีย ชื่อ Anglo Persian Oil Company (APOC) ซึ่งต่อมาภายหลังในปี ค.ศ. 1954 ได้กลายเป็น British Petroleum Company (BP) ผู้ซึ่งเวลานี้มีชื่อเป็นเจ้าของแปลงสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน เกือบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งดินแดนของสมันน้อย
    แล้วฝนก็ตกทั่วฟ้า อังกฤษน้ำมันขอดบ่อ เยอรมันก็ใช่ว่าจะไปได้ไกลกว่า ในการศึกชิงน้ำมัน โครงการรถไฟของเยอรมันชักไปไม่ถึงฝั่ง เพราะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำเป็นต้องหาเงินพวกมาช่วย เยอรมันกัดฟันหันไปหาอังกฤษ ลูกเข้าเท้าอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ อังกฤษรับปากจะช่วย แต่ทำทุกทางที่จะถ่วง แค่นั้นยังไม่ชั่วพอ กลับตัดหน้าเยอรมัน ไปแย่งทำสัญญาเช่าบ่อน้ำมันกับอิรัคและคูเวต การวิ่งแข่งชิงแหล่งน้ำมันเข้มข้นขึ้น เยอรมันไม่รู้ไปทำอีกท่าไหน นอกจากจะได้ทำทางรถไฟสาย Berlin Bagdad แล้ว จักรพรรดิแห่ง Ottoman ยังแถมให้สิทธิในการขุดหาแหล่งน้ำมันและแร่ กว้าง 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางขนานกับทางรถไฟ นี่มันทำให้อังกฤษถึงกระอักโลหิต ศึกชิงน้ำมันของจริงเริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างมวยคู่อังกฤษกับเยอรมัน
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ความตั้งใจ ของบริษัทน้ำมันสัญชาติเยอรมันที่จะไม่ขึ้นกับ กลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller ชะงักงัน ขณะนั้นอเมริกาผลิตน้ำมันมากกว่า 63% ของน้ำมันโลก รัสเซีย 19% เม็กซิโก 5% และอังกฤษ โดย APOC ยังเป็นละอ่อนหน้าใหม่ในตลาด ตั้งตัวยังไม่
    ติด ผลิตไม่ได้เท่าไหร่ ท่าน Lord Winston Churchill ฮึดสู้ เกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลอังกฤษ ซื้อหุ้นข้างมากของ APOC และทำให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของ BP ลูกพี่ใหญ่ในวงการน้ำมันต่อมา
    ถึงตอนนั้นอังกฤษก็ประกาศ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะต้องครอบครองน้ำมัน และทำทุกอย่างที่จะกันเยอรมัน คู่แข่งออกไปจากเส้นทาง แม้จะต้องทำสงครามถ้าจำเป็น เมื่อมียุทธศาสตร์เช่นนี้ อังกฤษก็เริ่มตั้งก๊วนกับฝรั่งเศสกับรัสเซีย เพื่อต่อต้านเยอรมัน ซึ่งจับมืออยู่กับออสเตรียและฮังการี อย่านึกว่าผมทองเหมือนกันจะรักกันตลอดไปนะ เรื่องผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งอย่างพวกผมดำ นึกว่าเขารักเขาอุ้มชู โน่นไปท้ายแถวเลย และเมื่อไหร่เขาใช้จนหมดประโยชน์ เขาก็จัดการห่อใส่ผ้า เอาลงหีบเก็บถาวร เข้าใจไหม ใครที่คิดว่าเขากำลังอุ้ม ยังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่นะ พี่เลี้ยงอ่านตอนนี้ให้ฟังหน่อยนะ แต่สงสัยหนูแกก็คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮา
    แผนของอังกฤษเริ่มจะเห็นผล ถึงปี ค.ศ. 1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้น
    ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ต่างกับสงครามอื่น ๆ ฉ.ห กันทั่วหน้า ทำสงครามกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ! ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้อังกฤษล้มละลาย แต่เขาว่าคนล้มอย่าเพิ่งข้าม อังกฤษล้มจริง แต่มันล้มบนฟูก เพราะหลังจากนั้นก็เกิดการสุมหัวรวมตัว กับนักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา House of Morgan สร้างกลยุทธกันใหม่ นักเล่นกลไม่ได้มีเจ้าเดียว
    ผลของสงครามโลก ทำให้อาณาจักรใหญ่ 4 แห่ง ย่อยยับ อาณาจักร Ottoman – Turkey, Austria – Hungary, Germany – Russia และรวมทั้งอังกฤษเองด้วย แต่แท้จริง สงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นแผนมายากลของพวกผมทอง สุดกร่าง เพื่อวางแผนจัดสรร การครอบครองแหล่งน้ำมันเสียใหม่ เจ้าของแหล่งน้ำมัน รวมทั้งก๊วนที่เล่นเกมสงครามด้วยกันมา ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ดูเกมนี้ไม่ทัน


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 14 : คู่แค้น ช่วงประมาณ ค.ศ. 1908 เปอร์เซีย (หรืออิหร่านในปัจจุบัน) ค้นพบแหล่งน้ำมันในประเทศตนเอง อังกฤษจมูกไวได้กลิ่นก่อนใคร รีบวิ่งเป็นเจ้าแรก เข้าไปตีซี้เข้าทำสัญญาขอสิทธิพิเศษ สำหรับน้ำมันที่จะขุดได้ โดยตั้งบริษัทร่วมกับเปอร์เซีย ชื่อ Anglo Persian Oil Company (APOC) ซึ่งต่อมาภายหลังในปี ค.ศ. 1954 ได้กลายเป็น British Petroleum Company (BP) ผู้ซึ่งเวลานี้มีชื่อเป็นเจ้าของแปลงสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน เกือบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งดินแดนของสมันน้อย แล้วฝนก็ตกทั่วฟ้า อังกฤษน้ำมันขอดบ่อ เยอรมันก็ใช่ว่าจะไปได้ไกลกว่า ในการศึกชิงน้ำมัน โครงการรถไฟของเยอรมันชักไปไม่ถึงฝั่ง เพราะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำเป็นต้องหาเงินพวกมาช่วย เยอรมันกัดฟันหันไปหาอังกฤษ ลูกเข้าเท้าอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ อังกฤษรับปากจะช่วย แต่ทำทุกทางที่จะถ่วง แค่นั้นยังไม่ชั่วพอ กลับตัดหน้าเยอรมัน ไปแย่งทำสัญญาเช่าบ่อน้ำมันกับอิรัคและคูเวต การวิ่งแข่งชิงแหล่งน้ำมันเข้มข้นขึ้น เยอรมันไม่รู้ไปทำอีกท่าไหน นอกจากจะได้ทำทางรถไฟสาย Berlin Bagdad แล้ว จักรพรรดิแห่ง Ottoman ยังแถมให้สิทธิในการขุดหาแหล่งน้ำมันและแร่ กว้าง 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางขนานกับทางรถไฟ นี่มันทำให้อังกฤษถึงกระอักโลหิต ศึกชิงน้ำมันของจริงเริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างมวยคู่อังกฤษกับเยอรมัน สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ความตั้งใจ ของบริษัทน้ำมันสัญชาติเยอรมันที่จะไม่ขึ้นกับ กลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller ชะงักงัน ขณะนั้นอเมริกาผลิตน้ำมันมากกว่า 63% ของน้ำมันโลก รัสเซีย 19% เม็กซิโก 5% และอังกฤษ โดย APOC ยังเป็นละอ่อนหน้าใหม่ในตลาด ตั้งตัวยังไม่ ติด ผลิตไม่ได้เท่าไหร่ ท่าน Lord Winston Churchill ฮึดสู้ เกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลอังกฤษ ซื้อหุ้นข้างมากของ APOC และทำให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของ BP ลูกพี่ใหญ่ในวงการน้ำมันต่อมา ถึงตอนนั้นอังกฤษก็ประกาศ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะต้องครอบครองน้ำมัน และทำทุกอย่างที่จะกันเยอรมัน คู่แข่งออกไปจากเส้นทาง แม้จะต้องทำสงครามถ้าจำเป็น เมื่อมียุทธศาสตร์เช่นนี้ อังกฤษก็เริ่มตั้งก๊วนกับฝรั่งเศสกับรัสเซีย เพื่อต่อต้านเยอรมัน ซึ่งจับมืออยู่กับออสเตรียและฮังการี อย่านึกว่าผมทองเหมือนกันจะรักกันตลอดไปนะ เรื่องผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งอย่างพวกผมดำ นึกว่าเขารักเขาอุ้มชู โน่นไปท้ายแถวเลย และเมื่อไหร่เขาใช้จนหมดประโยชน์ เขาก็จัดการห่อใส่ผ้า เอาลงหีบเก็บถาวร เข้าใจไหม ใครที่คิดว่าเขากำลังอุ้ม ยังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่นะ พี่เลี้ยงอ่านตอนนี้ให้ฟังหน่อยนะ แต่สงสัยหนูแกก็คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮา แผนของอังกฤษเริ่มจะเห็นผล ถึงปี ค.ศ. 1914 สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้น ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ต่างกับสงครามอื่น ๆ ฉ.ห กันทั่วหน้า ทำสงครามกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ! ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้อังกฤษล้มละลาย แต่เขาว่าคนล้มอย่าเพิ่งข้าม อังกฤษล้มจริง แต่มันล้มบนฟูก เพราะหลังจากนั้นก็เกิดการสุมหัวรวมตัว กับนักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา House of Morgan สร้างกลยุทธกันใหม่ นักเล่นกลไม่ได้มีเจ้าเดียว ผลของสงครามโลก ทำให้อาณาจักรใหญ่ 4 แห่ง ย่อยยับ อาณาจักร Ottoman – Turkey, Austria – Hungary, Germany – Russia และรวมทั้งอังกฤษเองด้วย แต่แท้จริง สงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นแผนมายากลของพวกผมทอง สุดกร่าง เพื่อวางแผนจัดสรร การครอบครองแหล่งน้ำมันเสียใหม่ เจ้าของแหล่งน้ำมัน รวมทั้งก๊วนที่เล่นเกมสงครามด้วยกันมา ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ดูเกมนี้ไม่ทัน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 361 Views 0 Reviews
  • มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง

    สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.

    การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป

    สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569

    #Newskit
    มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569 #Newskit
    1 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน

    ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน

    แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค

    เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น

    โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571

    #Newskit
    รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571 #Newskit
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ ขบวนนี้คงไม่ขายฝัน?

    การประชุมร่วมระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) และการรถไฟมาลายา (KTMB) ประเทศมาเลเซีย ครั้งที่ 43 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. ที่ จ.นนทบุรี ภายใต้แนวคิด Railnaissance หรือ การฟื้นคืนพลังของระบบราง สาระสำคัญอยู่ที่การยกระดับความร่วมมือระบบรางระหว่างสองประเทศ ได้แก่ การฟื้นฟูเดินรถข้ามแดน กรุงเทพอภิวัฒน์-บัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง การพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ การบูรณาการระบบตั๋วโดยสาร การตรวจสอบและรับรองรถโดยสารข้ามแดน การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟร่วมกัน และการจัดทำ Joint SOP ในภาวะฉุกเฉิน

    การฟื้นฟูเดินรถข้ามแดน กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ เคยเป็นที่พูดถึงในการประชุม SRT-KTMB ครั้งที่ 42 ที่รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 แต่ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก แม้นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวว่าจะเดินรถในเดือน ก.ค.นี้ก็ตาม โดยก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือน ก.ค.การรถไฟฯ และ KTMB จัดการเดินรถขบวนพิเศษทดสอบ กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ ไปแล้ว โดยใช้รถโดยสารปรับอากาศของ KTMB จำนวน 2 คัน รถ Power Car ของ KTMB จำนวน 1 คัน รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 ของ รฟท. จำนวน 3 คัน รถนั่งชั้น 3 (บชส.) จำนวน 1 คัน และรถ SRT Prestige จำนวน 2 คัน

    อุปสรรคสำคัญในการให้บริการก็คือ การรถไฟฯ ไม่มีขบวนรถโดยสารที่ทันสมัยเพียงพอ และอาจไม่ได้ใช้รถโดยสาร ชุด 115 คัน (CNR) ที่ทันสมัยที่สุด แม้จะเก่ามา 9 ปีนับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 เพราะนำไปใช้เดินรถในเส้นทางเชียงใหม่ หนองคาย อุบลราชธานี และชุมทางหาดใหญ่หมดแล้ว เหลือสำรองเพียงไม่กี่คัน จึงเป็นไปได้ว่าอาจใช้รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 รุ่นเก่าของการรถไฟฯ ร่วมกับรถโดยสารปรับอากาศของ KTMB โดยช่วงที่เดินรถในประเทศไทยใช้หัวรถจักรของการรถไฟฯ และช่วงที่เดินรถในประเทศมาเลเซียใช้หัวรถจักรของ KTMB

    การรถไฟฯ เคยเดินรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ มาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2465 จากสถานีบางกอกน้อย ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันเสาร์ ก่อนย้ายมาที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2470 แต่หยุดเดินรถชั่วคราวช่วงที่สะพานพระราม 6 ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วจึงกลับมาเดินรถอีกครั้ง โดยเดินรถแบบวันเว้นวัน ก่อนเปิดให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยว กระทั่งประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟ และให้บริการรถไฟ ETS และ KTM Komuter ทำให้การรถไฟฯ ยกเลิกเดินรถถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559 เป็นต้นมา โดยหมดระยะที่สถานีปาดังเบซาร์

    #Newskit
    กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ ขบวนนี้คงไม่ขายฝัน? การประชุมร่วมระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) และการรถไฟมาลายา (KTMB) ประเทศมาเลเซีย ครั้งที่ 43 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. ที่ จ.นนทบุรี ภายใต้แนวคิด Railnaissance หรือ การฟื้นคืนพลังของระบบราง สาระสำคัญอยู่ที่การยกระดับความร่วมมือระบบรางระหว่างสองประเทศ ได้แก่ การฟื้นฟูเดินรถข้ามแดน กรุงเทพอภิวัฒน์-บัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง การพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ การบูรณาการระบบตั๋วโดยสาร การตรวจสอบและรับรองรถโดยสารข้ามแดน การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟร่วมกัน และการจัดทำ Joint SOP ในภาวะฉุกเฉิน การฟื้นฟูเดินรถข้ามแดน กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ เคยเป็นที่พูดถึงในการประชุม SRT-KTMB ครั้งที่ 42 ที่รัฐซาบาห์ เมื่อปี 2567 แต่ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก แม้นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวว่าจะเดินรถในเดือน ก.ค.นี้ก็ตาม โดยก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือน ก.ค.การรถไฟฯ และ KTMB จัดการเดินรถขบวนพิเศษทดสอบ กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ ไปแล้ว โดยใช้รถโดยสารปรับอากาศของ KTMB จำนวน 2 คัน รถ Power Car ของ KTMB จำนวน 1 คัน รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 ของ รฟท. จำนวน 3 คัน รถนั่งชั้น 3 (บชส.) จำนวน 1 คัน และรถ SRT Prestige จำนวน 2 คัน อุปสรรคสำคัญในการให้บริการก็คือ การรถไฟฯ ไม่มีขบวนรถโดยสารที่ทันสมัยเพียงพอ และอาจไม่ได้ใช้รถโดยสาร ชุด 115 คัน (CNR) ที่ทันสมัยที่สุด แม้จะเก่ามา 9 ปีนับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 เพราะนำไปใช้เดินรถในเส้นทางเชียงใหม่ หนองคาย อุบลราชธานี และชุมทางหาดใหญ่หมดแล้ว เหลือสำรองเพียงไม่กี่คัน จึงเป็นไปได้ว่าอาจใช้รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 รุ่นเก่าของการรถไฟฯ ร่วมกับรถโดยสารปรับอากาศของ KTMB โดยช่วงที่เดินรถในประเทศไทยใช้หัวรถจักรของการรถไฟฯ และช่วงที่เดินรถในประเทศมาเลเซียใช้หัวรถจักรของ KTMB การรถไฟฯ เคยเดินรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ มาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2465 จากสถานีบางกอกน้อย ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันเสาร์ ก่อนย้ายมาที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2470 แต่หยุดเดินรถชั่วคราวช่วงที่สะพานพระราม 6 ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วจึงกลับมาเดินรถอีกครั้ง โดยเดินรถแบบวันเว้นวัน ก่อนเปิดให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยว กระทั่งประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟ และให้บริการรถไฟ ETS และ KTM Komuter ทำให้การรถไฟฯ ยกเลิกเดินรถถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559 เป็นต้นมา โดยหมดระยะที่สถานีปาดังเบซาร์ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 503 Views 0 Reviews
  • ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ

    ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน

    นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568

    เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง

    #Newskit
    ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568 เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง #Newskit
    0 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ

    1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี

    แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก

    ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ

    #Newskit
    ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ 1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 469 Views 0 Reviews
  • กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1083 Views 0 Reviews
  • "ภูมิธรรม" ยันที่ดิน "เขากระโดง" 5,000 ไร่ เป็นของ รฟท. สั่งกรมที่ดินเพิกถอนโฉนด 800 แปลงทันที อธิบดีกรมที่ดิน ยื่นออกจากตำแหน่ง
    https://www.thai-tai.tv/news/20699/
    .
    #ไทยไท #ที่ดินเขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #การรถไฟแห่งประเทศไทย #รฟท #คำสั่งศาล #กรมที่ดิน #เพิกถอนโฉนด #เดชอิศม์ขาวทอง
    "ภูมิธรรม" ยันที่ดิน "เขากระโดง" 5,000 ไร่ เป็นของ รฟท. สั่งกรมที่ดินเพิกถอนโฉนด 800 แปลงทันที อธิบดีกรมที่ดิน ยื่นออกจากตำแหน่ง https://www.thai-tai.tv/news/20699/ . #ไทยไท #ที่ดินเขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #การรถไฟแห่งประเทศไทย #รฟท #คำสั่งศาล #กรมที่ดิน #เพิกถอนโฉนด #เดชอิศม์ขาวทอง
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 Comments 0 Shares 671 Views 0 Reviews
  • เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL

    หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น

    เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line,

    สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line

    ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น

    #Newskit
    เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line, สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น #Newskit
    0 Comments 0 Shares 614 Views 0 Reviews
  • KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ

    หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย

    โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย

    พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง

    Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet

    #Newskit
    KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet #Newskit
    0 Comments 0 Shares 639 Views 0 Reviews
  • "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/20283/
    .
    #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/20283/ . #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • 'สุรพงษ์' เร่งเครื่อง "บ้านเพื่อคนไทย" เฟสแรก 5,000 ยูนิต จ่อชง ครม. ต.ค. นี้ พร้อมจับสลากทันที คาดเข้าอยู่ได้ปลายปี 69
    https://www.thai-tai.tv/news/20203/
    .
    #บ้านเพื่อคนไทย #สุรพงษ์ปิยะโชติ #กระทรวงคมนาคม #การรถไฟแห่งประเทศไทย #ที่อยู่อาศัย #โครงการรัฐ #จับสลาก #สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล #อสังหาริมทรัพย์ #คอนโด
    'สุรพงษ์' เร่งเครื่อง "บ้านเพื่อคนไทย" เฟสแรก 5,000 ยูนิต จ่อชง ครม. ต.ค. นี้ พร้อมจับสลากทันที คาดเข้าอยู่ได้ปลายปี 69 https://www.thai-tai.tv/news/20203/ . #บ้านเพื่อคนไทย #สุรพงษ์ปิยะโชติ #กระทรวงคมนาคม #การรถไฟแห่งประเทศไทย #ที่อยู่อาศัย #โครงการรัฐ #จับสลาก #สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล #อสังหาริมทรัพย์ #คอนโด
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
More Results