• Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน

    อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้

    ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก
    - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก
    - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม
    - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว

    ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี
    - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner
    - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps
    - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้ ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Planner transition set for August, here is what will be retired
    Microsoft has announced that it will transition more people to Planner in August while retiring several other apps.
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงคำแนะนำจาก Anjul Bhambhri รองประธานอาวุโสของ Adobe Experience Cloud ในการสร้างกลยุทธ์ AI ที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นความสำคัญของ ความโปร่งใส และ การจัดการข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างความไว้วางใจและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงวิธีการจัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน เช่น การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ AI
    - ธุรกิจควรเปิดเผยข้อมูลและให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการ
    - การฟังความคิดเห็นของลูกค้าช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้น

    ✅ การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - Adobe ใช้การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อจัดการทรัพยากร
    - การใช้ SSD และ HDD อย่างเหมาะสมช่วยลดการใช้พลังงาน

    ✅ การปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วยสร้างความไว้วางใจ
    - กฎระเบียบ เช่น GDPR, HIPAA และ FERPA ช่วยกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล
    - ธุรกิจควรมีบทบาทชัดเจนในการกำกับดูแลข้อมูล

    ✅ การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดการข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
    - ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/want-to-build-an-ai-strategy-adobe-svp-advises-you-start-with-transparency
    บทความนี้กล่าวถึงคำแนะนำจาก Anjul Bhambhri รองประธานอาวุโสของ Adobe Experience Cloud ในการสร้างกลยุทธ์ AI ที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นความสำคัญของ ความโปร่งใส และ การจัดการข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างความไว้วางใจและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงวิธีการจัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน เช่น การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ AI - ธุรกิจควรเปิดเผยข้อมูลและให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการ - การฟังความคิดเห็นของลูกค้าช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้น ✅ การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - Adobe ใช้การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อจัดการทรัพยากร - การใช้ SSD และ HDD อย่างเหมาะสมช่วยลดการใช้พลังงาน ✅ การปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วยสร้างความไว้วางใจ - กฎระเบียบ เช่น GDPR, HIPAA และ FERPA ช่วยกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล - ธุรกิจควรมีบทบาทชัดเจนในการกำกับดูแลข้อมูล ✅ การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดการข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ - ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/want-to-build-an-ai-strategy-adobe-svp-advises-you-start-with-transparency
    WWW.TECHRADAR.COM
    Want to build an AI strategy? Adobe SVP advises you start with transparency
    Start with transparency and honesty, and the rest will follow
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่
    สัทธรรมลำดับที่ : 594
    ชื่อบทธรรม : -หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=594
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่
    ....
    ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับฯลฯ
    ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ภิกษุ​ผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ๆ
    ดังนี้
    ภิกษุเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    --ดูกรภิกษุ ถ้าว่าภิกษุ
    พิจารณาเห็นความ เกิดขึ้นและความเสื่อมไป
    ใน เห็นรูปด้วยตา(จักขุนทรีย์)​ ย่อมเบื่อหน่ายใน จักขุนทรีย์
    http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=จกฺขุนฺทฺริเย
    .. ฟังเสียงด้วยหู (โสตินทรีย์)..
    .. ดมกลิ่นด้วยจมูก (ฆานินทรีย์)..
    .. ลิ้มรสด้วยลิ้น (ชิวหินทรีย์)..
    .. ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย(โผฏฐัพินทรีย์)​ และ
    พิจารณาเห็นความ เกิดขึ้นและความเสื่อมไป
    ใน รับรู้ธรรมารมย์ด้วยใจ(มนินทรีย์)​ ย่อมเบื่อหน่ายใน มนินทรีย์
    http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=มนินฺทฺริเย
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
    เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว
    ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
    พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
    --ดูกรภิกษุภิกษุ​ #เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์
    ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล​ฯ
    *--สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๖/๒๔๓
    *--http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93
    ....
    --ภิกษุ ท. ! หลักเกณฑ์นั้นมีอยู่ ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้องอาศัยความเชื่อ
    ความชอบใจ การฟังตาม ๆ กันมา
    การตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลย
    ก็อาจพยากรณ์ #การบรรลุอรหัตตผลของตนได้ โดยรู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! หลักเกณฑ์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ๑.เห็นรูปด้วยตาแล้ว
    http://etipitaka.com/read/pali/18/174/?keywords=จกฺขุนา
    รู้ชัด ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งเกิดมีอยู่ในภายใน ว่าเกิดมีอยู่ในภายใน,
    รู้ชัด ราคะ โทสะ โมหะ อันไม่เกิดมีอยู่ในภายใน ว่าไม่เกิดมีอยู่ในภายใน.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอรู้ชัดอยู่อย่างนี้แล้ว
    ยังจำเป็นอยู่อีกหรือ ที่จะต้องรู้ธรรมทั้งหลายด้วยอาศัยความเชื่อ ความชอบใจ
    การฟังตาม ๆ กันมา การตริตรึกไปตามอาการ การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตน ?
    “ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมทั้งหลายเป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยปัญญาแล้ว จึงรู้ มิใช่หรือ ?
    http://etipitaka.com/read/pali/18/175/?keywords=ธมฺมา+ปญฺญาย
    "ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --ภิกษุ ท. ! นี่แหละ หลักเกณฑ์ ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้ว ไม่ต้องอาศัยความเชื่อ
    ความชอบใจ การฟังตาม ๆ กันมา
    การตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลย
    ก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผลของตนได้
    http://etipitaka.com/read/pali/18/175/?keywords=พฺยากโรติ
    โดยรู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งการ
    ๒.ฟังเสียงด้วยหู
    ๓.ดมกลิ่นด้วยจมูก
    ๔.ลิ้มรสด้วยลิ้น
    ๕.ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย และ
    ๖.รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ
    ก็ได้ตรัสต่อไปอีกโดยนัยอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งการเห็นรูปด้วยตา ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อเท่านั้น).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/233-235/239-242.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/233/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๓-๑๗๕/๒๓๙-๒๔๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/173/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=594
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=594
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40
    ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่ สัทธรรมลำดับที่ : 594 ชื่อบทธรรม : -หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=594 เนื้อความทั้งหมด :- --หลักการทดสอบตัวเองว่าเป็นอรหันต์หรือไม่ .... ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ภิกษุ​ผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ๆ ดังนี้ ภิกษุเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า --ดูกรภิกษุ ถ้าว่าภิกษุ พิจารณาเห็นความ เกิดขึ้นและความเสื่อมไป ใน เห็นรูปด้วยตา(จักขุนทรีย์)​ ย่อมเบื่อหน่ายใน จักขุนทรีย์ http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=จกฺขุนฺทฺริเย .. ฟังเสียงด้วยหู (โสตินทรีย์).. .. ดมกลิ่นด้วยจมูก (ฆานินทรีย์).. .. ลิ้มรสด้วยลิ้น (ชิวหินทรีย์).. .. ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย(โผฏฐัพินทรีย์)​ และ พิจารณาเห็นความ เกิดขึ้นและความเสื่อมไป ใน รับรู้ธรรมารมย์ด้วยใจ(มนินทรีย์)​ ย่อมเบื่อหน่ายใน มนินทรีย์ http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=มนินฺทฺริเย เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี --ดูกรภิกษุภิกษุ​ #เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล​ฯ *--สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๖/๒๔๓ *--http://etipitaka.com/read/pali/18/176/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93 .... --ภิกษุ ท. ! หลักเกณฑ์นั้นมีอยู่ ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้องอาศัยความเชื่อ ความชอบใจ การฟังตาม ๆ กันมา การตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลย ก็อาจพยากรณ์ #การบรรลุอรหัตตผลของตนได้ โดยรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! หลักเกณฑ์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ๑.เห็นรูปด้วยตาแล้ว http://etipitaka.com/read/pali/18/174/?keywords=จกฺขุนา รู้ชัด ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งเกิดมีอยู่ในภายใน ว่าเกิดมีอยู่ในภายใน, รู้ชัด ราคะ โทสะ โมหะ อันไม่เกิดมีอยู่ในภายใน ว่าไม่เกิดมีอยู่ในภายใน. --ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอรู้ชัดอยู่อย่างนี้แล้ว ยังจำเป็นอยู่อีกหรือ ที่จะต้องรู้ธรรมทั้งหลายด้วยอาศัยความเชื่อ ความชอบใจ การฟังตาม ๆ กันมา การตริตรึกไปตามอาการ การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตน ? “ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ท. ! ธรรมทั้งหลายเป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยปัญญาแล้ว จึงรู้ มิใช่หรือ ? http://etipitaka.com/read/pali/18/175/?keywords=ธมฺมา+ปญฺญาย "ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ท. ! นี่แหละ หลักเกณฑ์ ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้ว ไม่ต้องอาศัยความเชื่อ ความชอบใจ การฟังตาม ๆ กันมา การตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลย ก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผลของตนได้ http://etipitaka.com/read/pali/18/175/?keywords=พฺยากโรติ โดยรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. (ในกรณีแห่งการ ๒.ฟังเสียงด้วยหู ๓.ดมกลิ่นด้วยจมูก ๔.ลิ้มรสด้วยลิ้น ๕.ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย และ ๖.รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ ก็ได้ตรัสต่อไปอีกโดยนัยอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งการเห็นรูปด้วยตา ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อเท่านั้น).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/233-235/239-242. http://etipitaka.com/read/thai/18/233/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๓-๑๗๕/๒๓๙-๒๔๒. http://etipitaka.com/read/pali/18/173/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=594 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=594 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40 ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • 💦💦💦💦💦ส่งท้าย 2025 เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย… ลูกค้าจะสาดน้ำมาทางนี้…หรือจะสาดใจมาให้เราเลยก็ดีค่ะ 💦💦💦🙏🏻 สวัสดีวันปีใหม่ไทยนะคะลูกค้าที่น่ารักทุกคนนนน 🙏🏻คลิปนี้มัดรวมสินค้าร้านกินจุ๊บจิ๊บ…ที่ต้องบอกเลยว่า ควรค่าของการฟังให้จบค่ะ ถ้าพลาดจะเสียดายมากกกก ที่จะได้รู้ความจริง…ความจริงคือ เลิศเลอเพอร์เฟ็คมากกกก🌶️ ความอร่อย อร่อยมาก ถึงอร่อยที่สุด♨️ สินค้าขายดี ขายดีมาก ถึงขายดีที่สุดเลือกชมสินค้าของเราร้านได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #songkran2025
    💦💦💦💦💦ส่งท้าย 2025 เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย… ลูกค้าจะสาดน้ำมาทางนี้…หรือจะสาดใจมาให้เราเลยก็ดีค่ะ 💦💦💦🙏🏻 สวัสดีวันปีใหม่ไทยนะคะลูกค้าที่น่ารักทุกคนนนน 🙏🏻คลิปนี้มัดรวมสินค้าร้านกินจุ๊บจิ๊บ…ที่ต้องบอกเลยว่า ควรค่าของการฟังให้จบค่ะ ถ้าพลาดจะเสียดายมากกกก ที่จะได้รู้ความจริง…ความจริงคือ เลิศเลอเพอร์เฟ็คมากกกก🌶️ ความอร่อย อร่อยมาก ถึงอร่อยที่สุด♨️ สินค้าขายดี ขายดีมาก ถึงขายดีที่สุดเลือกชมสินค้าของเราร้านได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #songkran2025
    0 Comments 1 Shares 551 Views 0 0 Reviews
  • การสำรวจล่าสุดโดย Piper Sandler เผยให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มวัยรุ่นสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ iPhone และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเขา

    ✅ ความนิยมของ iPhone:
    - 88% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ iPhone และ 25% วางแผนที่จะอัปเกรดเป็น iPhone 17 ภายในสิ้นปีนี้
    - ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปี 2024 และ 66% เมื่อสิบปีก่อน

    ✅ การใช้โซเชียลมีเดีย:
    - Instagram เป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 87% ของวัยรุ่นใช้ทุกเดือน
    - TikTok และ Snapchat ตามมาเป็นอันดับสองและสามที่ 79% และ 72% ตามลำดับ

    ✅ การใช้บริการดิจิทัล:
    - วัยรุ่นใช้ Uber (76%) และ DoorDash (73%) เป็นประจำสำหรับการเดินทางและสั่งอาหาร
    - Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 31% ใช้งานทุกวัน

    ✅ การฟังเพลง:
    - Spotify เป็นแอปสตรีมมิ่งเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 65% ของวัยรุ่นใช้งาน และ 45% มีการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน

    ✅ การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR:
    - 31% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR โดยส่วนใหญ่เป็น Meta/Oculus ในขณะที่ Apple Vision Pro มีเพียง 1%

    https://www.techspot.com/news/107496-teens-tech-almost-90-own-iphones-most-use.html
    การสำรวจล่าสุดโดย Piper Sandler เผยให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มวัยรุ่นสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ iPhone และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเขา ✅ ความนิยมของ iPhone: - 88% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ iPhone และ 25% วางแผนที่จะอัปเกรดเป็น iPhone 17 ภายในสิ้นปีนี้ - ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปี 2024 และ 66% เมื่อสิบปีก่อน ✅ การใช้โซเชียลมีเดีย: - Instagram เป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 87% ของวัยรุ่นใช้ทุกเดือน - TikTok และ Snapchat ตามมาเป็นอันดับสองและสามที่ 79% และ 72% ตามลำดับ ✅ การใช้บริการดิจิทัล: - วัยรุ่นใช้ Uber (76%) และ DoorDash (73%) เป็นประจำสำหรับการเดินทางและสั่งอาหาร - Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 31% ใช้งานทุกวัน ✅ การฟังเพลง: - Spotify เป็นแอปสตรีมมิ่งเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 65% ของวัยรุ่นใช้งาน และ 45% มีการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน ✅ การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR: - 31% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR โดยส่วนใหญ่เป็น Meta/Oculus ในขณะที่ Apple Vision Pro มีเพียง 1% https://www.techspot.com/news/107496-teens-tech-almost-90-own-iphones-most-use.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Teens and tech: Almost 90% own iPhones, most use Instagram and Spotify
    According to the latest survey by American investment bank Piper Sandler, 88 percent of US teens own an iPhone, and 25 percent plan to upgrade to the...
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล

    ---

    1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา:

    > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล)

    มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง

    แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก"

    ---

    2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง?

    รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม"

    เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก

    คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร

    ---

    3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร?

    ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน

    เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา

    ---

    4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล?

    ไม่จำเป็นในบางกรณี

    เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม

    แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก

    จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้

    ---

    5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด

    ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส

    ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น

    ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม

    ---

    Essence สั้น ๆ:

    ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง
    ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล --- 1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา: > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล) มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก" --- 2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง? รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม" เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร --- 3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร? ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา --- 4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล? ไม่จำเป็นในบางกรณี เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้ --- 5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม --- Essence สั้น ๆ: ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ)
    --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว
    ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว
    อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ.
    สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ
    อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา
    อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา
    สัพพโลเกอนภิรตสัญญา สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา
    อานาปานสติ.
    --อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้
    ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า
    “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง;
    สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง;
    วิญญาณ ไม่เที่ยง”
    ดังนี้
    เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้
    อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนิจจสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=อนิจฺจสญฺญา

    --อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา;
    หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา;
    จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา;
    ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา;
    กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา;
    ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา”
    ดังนี้
    เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้
    อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนัตตสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/116/?keywords=อนตฺตสญฺญา

    --อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร;
    เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อสุภสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อสุภสญฺญา

    --อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น,
    กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด
    ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม
    โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว
    โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร
    อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน
    ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม
    ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย
    การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ”
    ดังนี้;
    เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อาทีนวสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อาทีนวสญฺญา

    --อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา
    กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว
    ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า #ปหานสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=ปหานสญฺญา

    --อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง
    พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า
    “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ
    ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น”
    ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา.
    --อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง
    พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต
    : กล่าวคือ
    ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
    เป็นความดับ เป็นความดับเย็น”
    ดังนี้
    : นี้เรียกว่า #นิโรธสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=นิโรธสญฺญา

    --อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน)
    ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่,
    เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ
    งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่
    : นี้เรียกว่า #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี).
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญา

    --อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง
    : นี้เรียกว่า #สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง).
    -http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจสญฺญา

    (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่,
    และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน).

    --อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก.
    1. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว ,
    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ;
    2. เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ,
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    3. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    4. ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า,
    ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    5. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    6. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    7. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    8. ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    9. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    10. ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    11. ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    12. ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    13. ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า,
    ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    14. ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า,
    ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    15. ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า,
    ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    16. ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า,
    ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก.
    : นี้เรียกว่า #อานาปานสติ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/119/?keywords=อานาปานสติ

    --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์
    แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว
    ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว
    อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ.
    +--ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้
    ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน
    เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร.
    ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย
    แล.-

    (บาลีพระสูตรนี้ ได้ทำให้เกิดประเพณีสวดคิริมานนทสูตร
    ให้คนเจ็บฟัง เพื่อจะได้หายเจ็บไข้ เช่นเดียวกับโพชฌงคสูตร.
    บางคนอาจจะสงสัยว่า มิเป็นการผิดหลักกรรมหรือเหตุปัจจัยไป
    หรือ ที่ความทุกข์ดับไปโดยไม่มีการดับเหตุแห่งทุกข์ ตามหลักแห่งจตุราริยสัจ.
    ข้อนี้ขอให้เข้าใจว่า การฟังธรรมของพระคิริมานนท์ ทำให้มีธรรมปีติอย่างแรงกล้า
    อำนาจของธรรมปีตินั้นสามารถระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนา ทุกขเวทนาจึงระงับไป
    ดุจดังว่าหายจากอาพาธ;
    กล่าวได้ว่ามีปัจจัยเพื่อการดับแห่งทุกข์อริยสัจ;
    ไม่ผิดไปจากกฎเกณฑ์แห่งกรรมหรือกฎเกณฑ์แห่งเหตุปัจจัยเลย;
    เป็นการดับทุกข์ได้วิธีหนึ่ง จึงนำข้อความนี้ มาใส่ไว้ในหมวดนี้
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/99 - 104/60.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/99/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๑๕ - ๑๒๐/๖๐
    http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน....
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ สัทธรรมลำดับที่ : 956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956 ชื่อบทธรรม :- ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ) --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา อานาปานสติ. --อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง; สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง; วิญญาณ ไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนิจจสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=อนิจฺจสญฺญา --อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา; หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา; จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา; ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา; กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา; ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนัตตสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/116/?keywords=อนตฺตสญฺญา --อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? +--อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร; เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อสุภสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อสุภสญฺญา --อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น, กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ” ดังนี้; เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อาทีนวสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อาทีนวสญฺญา --อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า #ปหานสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=ปหานสญฺญา --อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา. --อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความดับ เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า #นิโรธสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=นิโรธสญฺญา --อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน) ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่, เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่ : นี้เรียกว่า #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี). http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญา --อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง : นี้เรียกว่า #สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง). -http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจสญฺญา (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่, และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน). --อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก. 1. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว , เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ; 2. เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น , เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น; ทำการศึกษาว่า เรา 3. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 4. ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 5. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 6. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 7. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 8. ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 9. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 10. ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 11. ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 12. ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 13. ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า, ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 14. ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า, ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 15. ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า, ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 16. ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า, ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก. : นี้เรียกว่า #อานาปานสติ. http://etipitaka.com/read/pali/24/119/?keywords=อานาปานสติ --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. +--ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร. ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย แล.- (บาลีพระสูตรนี้ ได้ทำให้เกิดประเพณีสวดคิริมานนทสูตร ให้คนเจ็บฟัง เพื่อจะได้หายเจ็บไข้ เช่นเดียวกับโพชฌงคสูตร. บางคนอาจจะสงสัยว่า มิเป็นการผิดหลักกรรมหรือเหตุปัจจัยไป หรือ ที่ความทุกข์ดับไปโดยไม่มีการดับเหตุแห่งทุกข์ ตามหลักแห่งจตุราริยสัจ. ข้อนี้ขอให้เข้าใจว่า การฟังธรรมของพระคิริมานนท์ ทำให้มีธรรมปีติอย่างแรงกล้า อำนาจของธรรมปีตินั้นสามารถระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนา ทุกขเวทนาจึงระงับไป ดุจดังว่าหายจากอาพาธ; กล่าวได้ว่ามีปัจจัยเพื่อการดับแห่งทุกข์อริยสัจ; ไม่ผิดไปจากกฎเกณฑ์แห่งกรรมหรือกฎเกณฑ์แห่งเหตุปัจจัยเลย; เป็นการดับทุกข์ได้วิธีหนึ่ง จึงนำข้อความนี้ มาใส่ไว้ในหมวดนี้ ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/99 - 104/60. http://etipitaka.com/read/thai/24/99/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๑๕ - ๑๒๐/๖๐ http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน.... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    -ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ) อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญาสัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา อานาปานสติ. อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง; สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง; วิญญาณ ไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อนิจจสัญญา. อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา; หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา; จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา; ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา; กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา; ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อนัตตสัญญา. อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร; เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อสุภสัญญา. อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น, กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ” ดังนี้; เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อาทีนวสัญญา. อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า ปหานสัญญา. อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา. อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความดับ เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า นิโรธสัญญา. อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน) ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่, เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่ : นี้เรียกว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี). อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง : นี้เรียกว่า สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง). (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่, และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน). อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว , เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ; เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น , เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เราทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เราทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า, ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า, ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า, ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า, ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก. นี้เรียกว่า อานาปานสติ. อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร. ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย แล.
    0 Comments 0 Shares 472 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์

    The conversations from the clip :

    Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here!
    Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran!
    Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat?
    Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers?
    Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it!
    Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily.
    Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action!
    Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran.
    Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change.
    Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station.
    Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day.
    Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe.
    Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times.
    Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop!
    Tom: Absolutely! Let’s go eat, then!

    Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่!
    Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์!
    Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม?
    Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม?
    Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ!
    Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย
    Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย!
    Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์
    Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี
    Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ
    Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน
    Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ
    Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี
    Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป!
    Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ
    Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก
    Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย
    Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง
    Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว
    Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ
    Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว
    Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม
    BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า)
    Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก
    Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย
    Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด
    Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย
    Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก
    Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์ The conversations from the clip : Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here! Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran! Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat? Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers? Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it! Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily. Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action! Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran. Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change. Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station. Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day. Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe. Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times. Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop! Tom: Absolutely! Let’s go eat, then! Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่! Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์! Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม? Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม? Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ! Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย! Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์ Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป! Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    0 Comments 0 Shares 552 Views 0 Reviews
  • Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต

    ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์
    - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี

    ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์
    - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม

    ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร
    - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า"
    - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ
    - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
    - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน

    ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์
    - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย
    - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก

    ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์
    - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต
    - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว

    https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์ - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์ - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า" - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์ - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์ - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    WCCFTECH.COM
    From A Small Garage To A Global Icon, Apple Turns 49 Today, Changing The Tech World Forever With Its Vision, Innovation, And Unstoppable Momentum
    Apple turns 49 today, and it has changed the entire world as we know it in terms of innovation, design, and the relentless pursuit of excellence.
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180

    จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน

    สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง

    อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง

    https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180 จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    WWW.ZDNET.COM
    These Alexa-enabled smart glasses beat the Meta Ray-Bans in key ways, and they're on sale for $180 now
    The Amazon Echo Frames (3rd Gen) may be the most subtle-looking pair of smart glasses on the market, and they're $90 off now.
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • ประกาศถึงเพื่อนๆ กลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.) ครูนัทได้ฟื้นฟูกลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะกลุ่มใหญ่ขึ้น เป็น "คณะพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.)" ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการพุทธศาสนาเถรวาทและนักวิชาการแขนงต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้ง ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งครูนัทกำลังดำเนินการจัดทำโครงการสัมนาวิชาการนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภาศึกษาเรื่องการบัญญัติกฎหมายเพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่ออนุว้ติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย

    โดยการประชุมผู้นำคณะ เห็นพ้องต้องกันว่า การศึกษาพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างถูกต้องตามคัมภีร์พระพุทธศาสนามีพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎก ตลอดจนการศึกษาภาษาบาลีมีความสำคัญ ควรให้พระภิกษุซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการให้ความรู้แก่ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาพระไตรปิฎกจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช่เข้าใจเอาตามฐานข้อมูลทางสังคมไทย ที่ถูกต้องจะต้องเข้าใจตามฐานข้อมูลทางสังคมของประเทศอินเดีย จึงควรมีการส่งเสริมให้เรียนพระไตรปิฎกและคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎกให้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น และให้มีกองทุนส่งเสริมการศึกษาพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย ให้พระภิกษุได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานจากฐานข้อมูลที่แท้จริงยังสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย เพื่อให้เข้าใจบริบทในพระไตรปิฎกให้มากขึ้น จะได้ไม่เกิดการตีความหรือความเข้าใจที่ผิดจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง เช่นที่ทุกวันนี้คนไทย ชาวพุทธเถรวาทไทย เข้าใจเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดเกือบทั้งประเทศ โดยชาวพุทธไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่า คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หมายถึงวิชาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นพระนิพพาน เป็นวิชาที่มีความเลวทรามงมงาย แท้จริงแล้ว ความหมายของ “เดรัจฉานวิชา” หาได้เป็นอย่างที่สังคมไทยส่วนใหญ่เข้าใจไม่ แต่เดรัจฉานวิชาคือวิชาเลี้ยงชีพทั่วไป เป็นวิชาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน และไม่ได้ขวางกั้นพระนิพพานแต่อย่างใด โดยไม่พบในพระไตรปิฎกพระสูตรใดหรือเล่มใดเลยที่พระพุทธเจ้าจะตรัสว่า “เดรัจฉานวิชาขวางกั้นพระนิพพาน” โดยความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เดรัจฉานวิชา" คือ วิชาเลี้ยงชีพที่ชาวบ้านใช้เลี้ยงชีพ ไม่ใช่วิชาที่จะนำไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการขอที่เขาให้ด้วยศรัทธา ไม่ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยวิชาชาวบ้านเพื่อแข่งกับชาวบ้านเพราะจะทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธา ไม่ดูแลอุปถัมภ์ภิกษุ ไม่ศรัทธาเพราะเห็นว่าภิกษุไม่ต่างจากตน จะไม่ฟังธรรมจากภิกษุในพระพุทธศาสนา

    พระภิกษุที่จะมีสิทธิได้ไปศึกษาดูงานในโครงการ จะต้องเป็นผู้สอบวัดระดับความรู้ทางบาลีและพระไตรปิฎกได้ตามมาตรฐานที่จะกำหนดขึ้นมาและขาดแคลนทุนทรัพย์ (พระหนุ่มเณรน้อยบ้านนอกเราที่ไม่มีโยมอุปัฏฐากจะได้มีโอกาส) อันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการศึกษาพระไตรปิฎกให้ลึกซึ้งขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ครูนัทตั้งความปรารถนามานานแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ คราวนี้จะลองอีกครั้ง

    ทั้งยังควรมีการควบคุมการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ให้เกิดการเผยแพร่ในสิ่งที่ผิดหรือบิดเบือน จนเป็นเหตุให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กฎระเบียบจะเป็นอย่างไร จะสรุปได้เมื่อมีการฟังเสียงประชาชน เราไม่ควรปล่อยให้มีการนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาทำคอนเท้นต์ที่มีลักษณะบิดเบือนข้อมูลหรือองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนาเถรวาท

    ครูนัทฝากให้ช่วยกันกระจายข่าวด้วยนะคะ และขอให้นักวิชาการ ครูบาอาจารย์แขนงต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้ มาร่วมกับครูนัทนะคะ ติดต่อมาหาครูนัทได้เลยทางช่องแชทค่ะ

    ขอบคุณมากๆ นะคะ
    ขอบพระคุณเจ้าของภาพสวยๆนะคะ
    ประกาศถึงเพื่อนๆ กลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.) ครูนัทได้ฟื้นฟูกลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะกลุ่มใหญ่ขึ้น เป็น "คณะพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.)" ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการพุทธศาสนาเถรวาทและนักวิชาการแขนงต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้ง ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งครูนัทกำลังดำเนินการจัดทำโครงการสัมนาวิชาการนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภาศึกษาเรื่องการบัญญัติกฎหมายเพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่ออนุว้ติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย โดยการประชุมผู้นำคณะ เห็นพ้องต้องกันว่า การศึกษาพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างถูกต้องตามคัมภีร์พระพุทธศาสนามีพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎก ตลอดจนการศึกษาภาษาบาลีมีความสำคัญ ควรให้พระภิกษุซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการให้ความรู้แก่ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาพระไตรปิฎกจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช่เข้าใจเอาตามฐานข้อมูลทางสังคมไทย ที่ถูกต้องจะต้องเข้าใจตามฐานข้อมูลทางสังคมของประเทศอินเดีย จึงควรมีการส่งเสริมให้เรียนพระไตรปิฎกและคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎกให้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น และให้มีกองทุนส่งเสริมการศึกษาพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย ให้พระภิกษุได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานจากฐานข้อมูลที่แท้จริงยังสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย เพื่อให้เข้าใจบริบทในพระไตรปิฎกให้มากขึ้น จะได้ไม่เกิดการตีความหรือความเข้าใจที่ผิดจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง เช่นที่ทุกวันนี้คนไทย ชาวพุทธเถรวาทไทย เข้าใจเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดเกือบทั้งประเทศ โดยชาวพุทธไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่า คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หมายถึงวิชาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นพระนิพพาน เป็นวิชาที่มีความเลวทรามงมงาย แท้จริงแล้ว ความหมายของ “เดรัจฉานวิชา” หาได้เป็นอย่างที่สังคมไทยส่วนใหญ่เข้าใจไม่ แต่เดรัจฉานวิชาคือวิชาเลี้ยงชีพทั่วไป เป็นวิชาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน และไม่ได้ขวางกั้นพระนิพพานแต่อย่างใด โดยไม่พบในพระไตรปิฎกพระสูตรใดหรือเล่มใดเลยที่พระพุทธเจ้าจะตรัสว่า “เดรัจฉานวิชาขวางกั้นพระนิพพาน” โดยความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เดรัจฉานวิชา" คือ วิชาเลี้ยงชีพที่ชาวบ้านใช้เลี้ยงชีพ ไม่ใช่วิชาที่จะนำไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการขอที่เขาให้ด้วยศรัทธา ไม่ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยวิชาชาวบ้านเพื่อแข่งกับชาวบ้านเพราะจะทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธา ไม่ดูแลอุปถัมภ์ภิกษุ ไม่ศรัทธาเพราะเห็นว่าภิกษุไม่ต่างจากตน จะไม่ฟังธรรมจากภิกษุในพระพุทธศาสนา พระภิกษุที่จะมีสิทธิได้ไปศึกษาดูงานในโครงการ จะต้องเป็นผู้สอบวัดระดับความรู้ทางบาลีและพระไตรปิฎกได้ตามมาตรฐานที่จะกำหนดขึ้นมาและขาดแคลนทุนทรัพย์ (พระหนุ่มเณรน้อยบ้านนอกเราที่ไม่มีโยมอุปัฏฐากจะได้มีโอกาส) อันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการศึกษาพระไตรปิฎกให้ลึกซึ้งขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ครูนัทตั้งความปรารถนามานานแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ คราวนี้จะลองอีกครั้ง ทั้งยังควรมีการควบคุมการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ให้เกิดการเผยแพร่ในสิ่งที่ผิดหรือบิดเบือน จนเป็นเหตุให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กฎระเบียบจะเป็นอย่างไร จะสรุปได้เมื่อมีการฟังเสียงประชาชน เราไม่ควรปล่อยให้มีการนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาทำคอนเท้นต์ที่มีลักษณะบิดเบือนข้อมูลหรือองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ครูนัทฝากให้ช่วยกันกระจายข่าวด้วยนะคะ และขอให้นักวิชาการ ครูบาอาจารย์แขนงต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้ มาร่วมกับครูนัทนะคะ ติดต่อมาหาครูนัทได้เลยทางช่องแชทค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบพระคุณเจ้าของภาพสวยๆนะคะ
    0 Comments 0 Shares 797 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=nwUR7aWqhyU
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #วาเลนไทน์

    The conversations from the clip :

    James: Hey, Sophia! Valentine’s Day is coming soon. Do you know the history behind it?
    Sophia: Of course! It started with Saint Valentine, a priest in ancient Rome.
    James: Oh yeah, he secretly performed weddings for soldiers, right?
    Sophia: Exactly! Emperor Claudius II banned soldiers from getting married, but Saint Valentine helped them in secret.
    James: That’s so romantic! But sadly, he was caught and executed on February 14th.
    Sophia: Yes, and that’s why we celebrate Valentine’s Day on that date. Over time, it became a day for love and romance.
    James: Speaking of romance, how about we go on a special date this year?
    Sophia: I’d love that! Do you have any plans in mind?
    James: How about a fancy dinner at a rooftop restaurant, and then we take a walk in the park?
    Sophia: That sounds amazing! A romantic evening with a beautiful view.
    James: And I have a special gift for you!
    Sophia: Aww, really? What is it? Give me a hint!
    James: Hmm… It’s something shiny that you can wear every day.
    Sophia: Oh my gosh! Is it a necklace?
    James: Yes! I picked a beautiful necklace that reminds me of you.
    Sophia: That’s so sweet! I love it already. This is going to be the best Valentine’s Day ever!

    James: เฮ้, โซเฟีย! วันวาเลนไทน์ใกล้จะมาถึงแล้วนะ เธอรู้ประวัติของวันนี้ไหม?
    Sophia: รู้สิ! มันเริ่มต้นจาก นักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นนักบวชในกรุงโรมสมัยโบราณ
    James: ใช่เลย! เขาแอบจัดพิธีแต่งงานให้กับทหารใช่ไหม?
    Sophia: ใช่แล้ว! จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ห้ามทหารแต่งงาน แต่นักบุญวาเลนไทน์ช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ
    James: โรแมนติกมาก! แต่สุดท้ายเขาถูกจับและถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
    Sophia: ใช่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราฉลองวันวาเลนไทน์ในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นวันแห่งความรักและความโรแมนติก
    James: พูดถึงความโรแมนติกแล้ว ปีนี้เราไปเดทพิเศษกันดีไหม?
    Sophia: ฉันชอบไอเดียนั้นเลย! เธอมีแผนอะไรหรือเปล่า?
    James: ไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าดีไหม แล้วจากนั้นก็เดินเล่นในสวนสาธารณะ
    Sophia: ฟังดูดีมาก! ค่ำคืนสุดโรแมนติกกับวิวสวย ๆ
    James: และฉันมีของขวัญพิเศษให้เธอด้วยนะ!
    Sophia: ว้าว จริงเหรอ? อะไรเหรอ? บอกใบ้หน่อย!
    James: อืม… มันเป็นของที่เป็นประกายและเธอสามารถใส่ได้ทุกวัน
    Sophia: โอ้! หรือว่าสร้อยคอ?
    James: ใช่เลย! ฉันเลือกสร้อยคอที่สวยที่สุด เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงเธอ
    Sophia: น่ารักมากเลย! ฉันชอบมันแน่นอน นี่ต้องเป็นวันวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดแน่ ๆ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Valentine (แวล-นไทน์) n. แปลว่า วันวาเลนไทน์
    History (ฮิส-ทอรี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Priest (พรีสท์) n. แปลว่า นักบวช
    Emperor (เอ็ม-พี-เร่อ) n. แปลว่า จักรพรรดิ
    Rome (โรม) n. แปลว่า กรุงโรม
    Soldier (โซล-เจอ) n. แปลว่า ทหาร
    Marriage (แมร์-ริจ) n. แปลว่า การแต่งงาน
    Banned (แบน) adj. แปลว่า ถูกห้าม
    Executed (เอ็ก-ซี-คิว-ทิด) v. แปลว่า ถูกประหารชีวิต
    Celebrate (เซล-เล-เบรท) v. แปลว่า เฉลิมฉลอง
    Romantic (โร-แมน-ทิค) adj. แปลว่า โรแมนติก
    Dinner (ดิน-เนอร์) n. แปลว่า อาหารค่ำ
    Necklace (เนค-คเลิส) n. แปลว่า สร้อยคอ
    Hint (ฮินท์) n. แปลว่า คำใบ้
    Special (สเปช-ชัล) adj. แปลว่า พิเศษ
    https://www.youtube.com/watch?v=nwUR7aWqhyU แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #วาเลนไทน์ The conversations from the clip : James: Hey, Sophia! Valentine’s Day is coming soon. Do you know the history behind it? Sophia: Of course! It started with Saint Valentine, a priest in ancient Rome. James: Oh yeah, he secretly performed weddings for soldiers, right? Sophia: Exactly! Emperor Claudius II banned soldiers from getting married, but Saint Valentine helped them in secret. James: That’s so romantic! But sadly, he was caught and executed on February 14th. Sophia: Yes, and that’s why we celebrate Valentine’s Day on that date. Over time, it became a day for love and romance. James: Speaking of romance, how about we go on a special date this year? Sophia: I’d love that! Do you have any plans in mind? James: How about a fancy dinner at a rooftop restaurant, and then we take a walk in the park? Sophia: That sounds amazing! A romantic evening with a beautiful view. James: And I have a special gift for you! Sophia: Aww, really? What is it? Give me a hint! James: Hmm… It’s something shiny that you can wear every day. Sophia: Oh my gosh! Is it a necklace? James: Yes! I picked a beautiful necklace that reminds me of you. Sophia: That’s so sweet! I love it already. This is going to be the best Valentine’s Day ever! James: เฮ้, โซเฟีย! วันวาเลนไทน์ใกล้จะมาถึงแล้วนะ เธอรู้ประวัติของวันนี้ไหม? Sophia: รู้สิ! มันเริ่มต้นจาก นักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นนักบวชในกรุงโรมสมัยโบราณ James: ใช่เลย! เขาแอบจัดพิธีแต่งงานให้กับทหารใช่ไหม? Sophia: ใช่แล้ว! จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ห้ามทหารแต่งงาน แต่นักบุญวาเลนไทน์ช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ James: โรแมนติกมาก! แต่สุดท้ายเขาถูกจับและถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ Sophia: ใช่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราฉลองวันวาเลนไทน์ในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นวันแห่งความรักและความโรแมนติก James: พูดถึงความโรแมนติกแล้ว ปีนี้เราไปเดทพิเศษกันดีไหม? Sophia: ฉันชอบไอเดียนั้นเลย! เธอมีแผนอะไรหรือเปล่า? James: ไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าดีไหม แล้วจากนั้นก็เดินเล่นในสวนสาธารณะ Sophia: ฟังดูดีมาก! ค่ำคืนสุดโรแมนติกกับวิวสวย ๆ James: และฉันมีของขวัญพิเศษให้เธอด้วยนะ! Sophia: ว้าว จริงเหรอ? อะไรเหรอ? บอกใบ้หน่อย! James: อืม… มันเป็นของที่เป็นประกายและเธอสามารถใส่ได้ทุกวัน Sophia: โอ้! หรือว่าสร้อยคอ? James: ใช่เลย! ฉันเลือกสร้อยคอที่สวยที่สุด เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงเธอ Sophia: น่ารักมากเลย! ฉันชอบมันแน่นอน นี่ต้องเป็นวันวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดแน่ ๆ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Valentine (แวล-นไทน์) n. แปลว่า วันวาเลนไทน์ History (ฮิส-ทอรี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Priest (พรีสท์) n. แปลว่า นักบวช Emperor (เอ็ม-พี-เร่อ) n. แปลว่า จักรพรรดิ Rome (โรม) n. แปลว่า กรุงโรม Soldier (โซล-เจอ) n. แปลว่า ทหาร Marriage (แมร์-ริจ) n. แปลว่า การแต่งงาน Banned (แบน) adj. แปลว่า ถูกห้าม Executed (เอ็ก-ซี-คิว-ทิด) v. แปลว่า ถูกประหารชีวิต Celebrate (เซล-เล-เบรท) v. แปลว่า เฉลิมฉลอง Romantic (โร-แมน-ทิค) adj. แปลว่า โรแมนติก Dinner (ดิน-เนอร์) n. แปลว่า อาหารค่ำ Necklace (เนค-คเลิส) n. แปลว่า สร้อยคอ Hint (ฮินท์) n. แปลว่า คำใบ้ Special (สเปช-ชัล) adj. แปลว่า พิเศษ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1049 Views 0 Reviews
  • กุศลจากการฟังธรรม เจริญธรรม สำนึกดี วันมาฆบูชา

    https://youtu.be/wEjd-T8g3Uk?si=4ROmT3dgZk1bq1E3
    กุศลจากการฟังธรรม เจริญธรรม สำนึกดี วันมาฆบูชา https://youtu.be/wEjd-T8g3Uk?si=4ROmT3dgZk1bq1E3
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดขอนแก่น รับคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาคดี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท ไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 หลังแพทย์ รพ.พญาไท2 ออกใบรับรองอาการป่วยหลายโรค ต้องแอดมิดเป็นผู้ป่วยในและบอกไม่ได้ว่าอาการโรคต่างๆจะรักษาให้ทุเลาได้เมื่อใด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013878

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดขอนแก่น รับคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาคดี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท ไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.68 หลังแพทย์ รพ.พญาไท2 ออกใบรับรองอาการป่วยหลายโรค ต้องแอดมิดเป็นผู้ป่วยในและบอกไม่ได้ว่าอาการโรคต่างๆจะรักษาให้ทุเลาได้เมื่อใด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013878 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    6
    1 Comments 0 Shares 995 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y
    บทสนทนาวันตรุษจีน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน

    The conversations from the clip :

    Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year?
    Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you?
    Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks.
    Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get?
    Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity.
    Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit.
    Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles?
    Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy.
    Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings?
    Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success.
    Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries.
    Anna: What else do you prepare?
    Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance.
    Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors.
    Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning.
    Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful.
    Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything.
    Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists!

    แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง?
    แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ?
    แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป
    แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง?
    แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง
    แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค
    แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ?
    แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก
    แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม?
    แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ
    แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน
    แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก?
    แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
    แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
    แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์
    แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก
    แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร
    แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้
    Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน
    Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ
    Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง
    Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด
    Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป
    Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน
    Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก
    Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี
    Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ
    Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม
    Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ
    Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์
    Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y บทสนทนาวันตรุษจีน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน The conversations from the clip : Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year? Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you? Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks. Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get? Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity. Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit. Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles? Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy. Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings? Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success. Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries. Anna: What else do you prepare? Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance. Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors. Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning. Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful. Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything. Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists! แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง? แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ? แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง? แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ? แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม? แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก? แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้ Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์ Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1239 Views 0 Reviews
  • การปรับตัวเพื่อสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในคู่ครอง

    1. ยอมรับว่า "ความรู้สึกไม่เท่าเทียม" อาจมาจากความเคยชินเดิม

    ความรู้สึกที่อีกฝ่ายเป็นบริวารเก่า หรือเราเป็นผู้นำ เกิดจาก พฤติกรรมสะสม ที่สะท้อนผ่านวิธีการปฏิบัติต่อกันในระยะยาว

    หากเราเคยชินกับการตัดสินใจ หรือรับบทบาทผู้นำ ความรู้สึกเท่าเทียมจะไม่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

    ---

    2. ความรู้สึกเท่าเทียมต้องสร้างด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ

    ลดทิฐิมานะ: ยอมรับว่าความรักและชีวิตคู่ไม่ได้วัดกันด้วยบทบาทสูงต่ำ แต่ด้วยความสมดุลในการให้และรับ

    แสดงความเคารพและสนับสนุน: ลดบทบาทของ “การควบคุม” และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงตัวตน เช่น การฟังความคิดเห็น หรือให้เขาได้ตัดสินใจ

    ---

    3. วิธีปฏิบัติที่ช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม

    ลดอัตตา: หากเราเผลอแสดงบทบาทที่เหนือกว่า เช่น ตัดสินใจแทนหรือแสดงความเป็นผู้นำ ลองถอยกลับมาให้เขาเป็นผู้นำบ้าง

    เพิ่มความใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ: เช่น เตรียมน้ำให้ดื่ม ช่วยเหลือในเรื่องเล็กน้อยด้วยความเต็มใจ

    หยอดกระปุกความรู้สึกดี: เช่น ยอมให้เขาตัดสินใจในบางเรื่อง โดยไม่แทรกแซงหรือวิจารณ์

    ---

    4. ปรับมุมมองต่อ "ความรักที่เท่าเทียม"

    ความเท่าเทียมไม่ใช่การแบ่งบทบาทชัดเจนว่าใครเป็นเท้าหน้าหรือเท้าหลัง แต่คือ การเคารพซึ่งกันและกันในทุกบทบาท

    เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของอีกฝ่ายบ้าง เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์

    ---

    5. ความสุขในความสัมพันธ์เริ่มต้นจากใจเรา

    เริ่มจากการทำให้ตัวเองทุกข์น้อยลง: เช่น ลดความคาดหวัง ลดความต้องการควบคุม

    ใส่ความสุขลงในสิ่งที่ทำ: ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ การพูดคุย หรือการเปิดใจให้กัน

    ---

    สรุป

    หากต้องการสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในชีวิตคู่ จงเริ่มจากตัวเอง ด้วยการลดทิฐิและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความรู้สึกดีให้กันและกัน อย่ามองว่าใครต้องนำหรือใครต้องตาม แต่ให้มองว่า เรากำลังเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างความสุขร่วมกัน.
    การปรับตัวเพื่อสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในคู่ครอง 1. ยอมรับว่า "ความรู้สึกไม่เท่าเทียม" อาจมาจากความเคยชินเดิม ความรู้สึกที่อีกฝ่ายเป็นบริวารเก่า หรือเราเป็นผู้นำ เกิดจาก พฤติกรรมสะสม ที่สะท้อนผ่านวิธีการปฏิบัติต่อกันในระยะยาว หากเราเคยชินกับการตัดสินใจ หรือรับบทบาทผู้นำ ความรู้สึกเท่าเทียมจะไม่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ --- 2. ความรู้สึกเท่าเทียมต้องสร้างด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ ลดทิฐิมานะ: ยอมรับว่าความรักและชีวิตคู่ไม่ได้วัดกันด้วยบทบาทสูงต่ำ แต่ด้วยความสมดุลในการให้และรับ แสดงความเคารพและสนับสนุน: ลดบทบาทของ “การควบคุม” และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงตัวตน เช่น การฟังความคิดเห็น หรือให้เขาได้ตัดสินใจ --- 3. วิธีปฏิบัติที่ช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม ลดอัตตา: หากเราเผลอแสดงบทบาทที่เหนือกว่า เช่น ตัดสินใจแทนหรือแสดงความเป็นผู้นำ ลองถอยกลับมาให้เขาเป็นผู้นำบ้าง เพิ่มความใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ: เช่น เตรียมน้ำให้ดื่ม ช่วยเหลือในเรื่องเล็กน้อยด้วยความเต็มใจ หยอดกระปุกความรู้สึกดี: เช่น ยอมให้เขาตัดสินใจในบางเรื่อง โดยไม่แทรกแซงหรือวิจารณ์ --- 4. ปรับมุมมองต่อ "ความรักที่เท่าเทียม" ความเท่าเทียมไม่ใช่การแบ่งบทบาทชัดเจนว่าใครเป็นเท้าหน้าหรือเท้าหลัง แต่คือ การเคารพซึ่งกันและกันในทุกบทบาท เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของอีกฝ่ายบ้าง เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ --- 5. ความสุขในความสัมพันธ์เริ่มต้นจากใจเรา เริ่มจากการทำให้ตัวเองทุกข์น้อยลง: เช่น ลดความคาดหวัง ลดความต้องการควบคุม ใส่ความสุขลงในสิ่งที่ทำ: ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ การพูดคุย หรือการเปิดใจให้กัน --- สรุป หากต้องการสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในชีวิตคู่ จงเริ่มจากตัวเอง ด้วยการลดทิฐิและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความรู้สึกดีให้กันและกัน อย่ามองว่าใครต้องนำหรือใครต้องตาม แต่ให้มองว่า เรากำลังเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างความสุขร่วมกัน.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=UbiuSgjAjlU
    บทสนทนาวันปีใหม่
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันปีใหม่
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ปีใหม่

    The conversations from the clip :

    Emily: Hi, Jack! Do you know how the New Year’s celebration started?
    Jack: Hey, Emily! Not exactly. I know it’s a global tradition, but what’s the history behind it?
    Emily: Well, the first recorded New Year’s celebration was over 4,000 years ago in ancient Babylon.
    Jack: Really? That’s so long ago! How did they celebrate?
    Emily: They celebrated during the spring equinox with a festival called Akitu. It lasted 11 days.
    Jack: Wow, 11 days of celebrations? That sounds intense!
    Emily: It was! They honored their gods and renewed their king's power during the festival.
    Jack: That’s fascinating. Did they celebrate on January 1st back then?
    Emily: No, the January 1st tradition started in 45 BCE when Julius Caesar introduced the Julian calendar.
    Jack: So, it was the Romans who set January 1st as New Year’s Day?
    Emily: Exactly. They dedicated the day to Janus, the god of beginnings and transitions.
    Jack: That’s why it’s called January! It makes so much sense now.
    Emily: Right! People would exchange gifts and make sacrifices to Janus for good fortune.
    Jack: Sounds similar to our modern traditions like resolutions and celebrations.
    Emily: Definitely! It’s amazing how some things have stayed the same for centuries.
    Jack: It really is. Thanks for the history lesson, Emily!
    Emily: Anytime, Jack! Happy early New Year, by the way!
    Jack: Same to you! Let’s celebrate and make it memorable this year.

    Emily: สวัสดี แจ็ค! คุณรู้ไหมว่าการเฉลิมฉลองปีใหม่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
    Jack: สวัสดี เอมิลี่! ไม่ค่อยแน่ใจนะ รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีทั่วโลก แต่เบื้องหลังมันคืออะไรเหรอ?
    Emily: เอาล่ะ การเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกที่บันทึกไว้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนในบาบิโลนโบราณ
    Jack: จริงเหรอ? นานขนาดนั้นเลย! พวกเขาเฉลิมฉลองกันยังไง?
    Emily: พวกเขาเฉลิมฉลองในช่วงเวลาที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเทศกาลที่เรียกว่า Akitu ซึ่งกินเวลาถึง 11 วัน
    Jack: ว้าว เทศกาล 11 วันเลยเหรอ? ฟังดูยิ่งใหญ่มาก!
    Emily: ใช่เลย! พวกเขาบูชาเทพเจ้าของพวกเขา และฟื้นฟูอำนาจของกษัตริย์ในช่วงเทศกาล
    Jack: น่าสนใจจัง ตอนนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมด้วยไหม?
    Emily: ไม่เลย ประเพณีวันที่ 1 มกราคมเริ่มต้นขึ้นในปี 45 ก่อนคริสตกาล เมื่อจูเลียส ซีซาร์แนะนำปฏิทินจูเลียน
    Jack: อ๋อ งั้นเป็นชาวโรมันสินะที่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่?
    Emily: ถูกต้อง พวกเขาอุทิศวันนั้นให้กับเจนัส เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง
    Jack: อ๋อ นั่นสินะถึงได้เรียกว่า "January"! เข้าใจแล้วล่ะ
    Emily: ใช่เลย! คนในยุคนั้นจะแลกเปลี่ยนของขวัญและทำพิธีบูชาเจนัสเพื่อความโชคดี
    Jack: ฟังดูคล้ายกับประเพณีของเราในปัจจุบันเลย เช่น การตั้งปณิธานและการเฉลิมฉลอง
    Emily: ใช่เลย! น่าทึ่งนะที่บางสิ่งยังคงอยู่มาหลายศตวรรษ
    Jack: จริงมาก ขอบคุณสำหรับบทเรียนประวัติศาสตร์นะ เอมิลี่!
    Emily: ยินดีเสมอ แจ็ค! ว่าแต่ สุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าด้วยนะ!
    Jack: เช่นกันเลย! มาฉลองให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำกันเถอะ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Celebration (เซล-ละ-เบร-ชัน) n. แปลว่า การเฉลิมฉลอง
    Tradition (ทรา-ดิช-ชัน) n. แปลว่า ประเพณี
    History (ฮิส-ทอ-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Festival (เฟส-ติ-เวิล) n. แปลว่า เทศกาล
    Equinox (อี-ควิ-นอคซ) n. แปลว่า วันราตรีเสมอภาค
    Power (เพา-เวอร์) n. แปลว่า อำนาจ
    Transition (แทรน-ซิช-ชัน) n. แปลว่า การเปลี่ยนผ่าน
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคชะตา
    Resolution (เรส-ซะ-ลู-ชัน) n. แปลว่า ปณิธาน
    Calendar (แคล-เลน-เดอร์) n. แปลว่า ปฏิทิน
    Gift (กิฟท์) n. แปลว่า ของขวัญ
    Sacrifice (แซค-ริ-ไฟซ) n. แปลว่า การบูชายัญ
    Beginning (บิก-กิน-นิง) n. แปลว่า จุดเริ่มต้น
    Lesson (เลส-ซัน) n. แปลว่า บทเรียน
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า ความโชคดี
    https://www.youtube.com/watch?v=UbiuSgjAjlU บทสนทนาวันปีใหม่ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันปีใหม่ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ปีใหม่ The conversations from the clip : Emily: Hi, Jack! Do you know how the New Year’s celebration started? Jack: Hey, Emily! Not exactly. I know it’s a global tradition, but what’s the history behind it? Emily: Well, the first recorded New Year’s celebration was over 4,000 years ago in ancient Babylon. Jack: Really? That’s so long ago! How did they celebrate? Emily: They celebrated during the spring equinox with a festival called Akitu. It lasted 11 days. Jack: Wow, 11 days of celebrations? That sounds intense! Emily: It was! They honored their gods and renewed their king's power during the festival. Jack: That’s fascinating. Did they celebrate on January 1st back then? Emily: No, the January 1st tradition started in 45 BCE when Julius Caesar introduced the Julian calendar. Jack: So, it was the Romans who set January 1st as New Year’s Day? Emily: Exactly. They dedicated the day to Janus, the god of beginnings and transitions. Jack: That’s why it’s called January! It makes so much sense now. Emily: Right! People would exchange gifts and make sacrifices to Janus for good fortune. Jack: Sounds similar to our modern traditions like resolutions and celebrations. Emily: Definitely! It’s amazing how some things have stayed the same for centuries. Jack: It really is. Thanks for the history lesson, Emily! Emily: Anytime, Jack! Happy early New Year, by the way! Jack: Same to you! Let’s celebrate and make it memorable this year. Emily: สวัสดี แจ็ค! คุณรู้ไหมว่าการเฉลิมฉลองปีใหม่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร? Jack: สวัสดี เอมิลี่! ไม่ค่อยแน่ใจนะ รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีทั่วโลก แต่เบื้องหลังมันคืออะไรเหรอ? Emily: เอาล่ะ การเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งแรกที่บันทึกไว้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนในบาบิโลนโบราณ Jack: จริงเหรอ? นานขนาดนั้นเลย! พวกเขาเฉลิมฉลองกันยังไง? Emily: พวกเขาเฉลิมฉลองในช่วงเวลาที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเทศกาลที่เรียกว่า Akitu ซึ่งกินเวลาถึง 11 วัน Jack: ว้าว เทศกาล 11 วันเลยเหรอ? ฟังดูยิ่งใหญ่มาก! Emily: ใช่เลย! พวกเขาบูชาเทพเจ้าของพวกเขา และฟื้นฟูอำนาจของกษัตริย์ในช่วงเทศกาล Jack: น่าสนใจจัง ตอนนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมด้วยไหม? Emily: ไม่เลย ประเพณีวันที่ 1 มกราคมเริ่มต้นขึ้นในปี 45 ก่อนคริสตกาล เมื่อจูเลียส ซีซาร์แนะนำปฏิทินจูเลียน Jack: อ๋อ งั้นเป็นชาวโรมันสินะที่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่? Emily: ถูกต้อง พวกเขาอุทิศวันนั้นให้กับเจนัส เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง Jack: อ๋อ นั่นสินะถึงได้เรียกว่า "January"! เข้าใจแล้วล่ะ Emily: ใช่เลย! คนในยุคนั้นจะแลกเปลี่ยนของขวัญและทำพิธีบูชาเจนัสเพื่อความโชคดี Jack: ฟังดูคล้ายกับประเพณีของเราในปัจจุบันเลย เช่น การตั้งปณิธานและการเฉลิมฉลอง Emily: ใช่เลย! น่าทึ่งนะที่บางสิ่งยังคงอยู่มาหลายศตวรรษ Jack: จริงมาก ขอบคุณสำหรับบทเรียนประวัติศาสตร์นะ เอมิลี่! Emily: ยินดีเสมอ แจ็ค! ว่าแต่ สุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าด้วยนะ! Jack: เช่นกันเลย! มาฉลองให้ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำกันเถอะ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Celebration (เซล-ละ-เบร-ชัน) n. แปลว่า การเฉลิมฉลอง Tradition (ทรา-ดิช-ชัน) n. แปลว่า ประเพณี History (ฮิส-ทอ-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Festival (เฟส-ติ-เวิล) n. แปลว่า เทศกาล Equinox (อี-ควิ-นอคซ) n. แปลว่า วันราตรีเสมอภาค Power (เพา-เวอร์) n. แปลว่า อำนาจ Transition (แทรน-ซิช-ชัน) n. แปลว่า การเปลี่ยนผ่าน Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคชะตา Resolution (เรส-ซะ-ลู-ชัน) n. แปลว่า ปณิธาน Calendar (แคล-เลน-เดอร์) n. แปลว่า ปฏิทิน Gift (กิฟท์) n. แปลว่า ของขวัญ Sacrifice (แซค-ริ-ไฟซ) n. แปลว่า การบูชายัญ Beginning (บิก-กิน-นิง) n. แปลว่า จุดเริ่มต้น Lesson (เลส-ซัน) n. แปลว่า บทเรียน Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า ความโชคดี
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 902 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58
    บทสนทนาวันคริสต์มาส
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส

    The conversations from the clip :

    Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus?
    Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right?
    Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children.
    Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true?
    Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity.
    Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus?
    Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas."
    Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit?
    Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads.
    Ben: I see. And the reindeer and sleigh?
    Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas.
    Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions?
    Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too.
    Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas.
    Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas.
    Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet?
    Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend.

    อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม?
    เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม?
    อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ
    เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า?
    อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร
    เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง?
    อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส"
    เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ?
    อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง
    เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ?
    อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas
    เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ?
    อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ
    เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก
    อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส
    เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง?
    อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ
    Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์
    Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน
    Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ
    Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา
    Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี
    Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม
    Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง
    Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน
    Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา
    Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์
    Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย
    Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข
    Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58 บทสนทนาวันคริสต์มาส (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส The conversations from the clip : Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus? Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right? Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children. Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true? Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity. Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus? Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas." Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit? Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads. Ben: I see. And the reindeer and sleigh? Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas. Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions? Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too. Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas. Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas. Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet? Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend. อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม? เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม? อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า? อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง? อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส" เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ? อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ? อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ? อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง? อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์ Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์ Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1012 Views 0 Reviews
  • Atom รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติรัสเซียเตรียมส่งโครงสร้างภายนอกเข้าทดสอบความปลอดภัย ก่อนผลิตจริงในปี 2025

    โครงการรถยนต์ไฟฟ้า Atom เป็นผลงานการพัฒนาของ Kama JSC บริษัทสตาร์ทอัพในเครือของ Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกชั้นนำของรัสเซีย มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับการใช้งานในเมืองด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

    สมรรถนะและระบบขับเคลื่อน
    ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 204 แรงม้า (294 Nm)
    เร่งความเร็ว 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7–8 วินาที
    ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม

    แบตเตอรี่
    ใช้แบตเตอรี่ขนาด 77 kWh ผลิตในรัสเซีย พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ รองรับทุกสภาพอากาศ
    ชาร์จไฟได้ระยะทาง 100 กม. ในเวลาเพียง 8 นาที

    ระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยี
    ระบบปฏิบัติการ Atom OS ระบบปฏิบัติการเฉพาะของรถ ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อจัดการฟังก์ชันต่าง ๆ บนรถ และ รองรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย
    เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เช่น จอแสดงผลบนกระจกหน้ารถสำหรับการนำทางและคำเตือนด้านความปลอดภัย
    Driver Assistance (ADAS) ระบบช่วยขับขี่ระดับ 2+ รองรับ 18 ฟังก์ชัน เช่น การจอดอัตโนมัติ รักษาช่องทาง ระบบควบคุมความเร็วแบบปรับตัว และเบรกฉุกเฉิน โดยวางแผนพัฒนาสู่ระดับ 3 ในปี 2027

    จุดเด่น
    หน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัยและระบบฉายข้อมูลบนกระจกหน้า และ การออกแบบที่ไม่มีเสากลาง พร้อมประตูสวิงอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบาย โครงสร้างภายนอกของ Atom ซึ่งออกแบบด้วยวัสดุ 5 ชนิดและเทคโนโลยี hot stamping จะถูกส่งไปทดสอบความแข็งแรงและความปลอดภัยเพิ่มเติม

    ตั้งเป้าผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2025 ที่โรงงาน Moskvich กรุงมอสโก โดยเริ่มต้นที่ 5,000–15,000 คัน และเพิ่มเป็น 100,000 คันต่อปีภายในปี 2030

    อ้างอิง

    https://dzen.ru/a/ZyPMFFp_EBiAyozy?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop

    https://dzen.ru/a/ZyPMFFp_EBiAyozy?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop

    https://dzen.ru/a/Z0ric1EmpV-fHrRN?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop

    https://tadviser.com/index.php/Product:Kama_Atom_%28electric_car%29
    Atom รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติรัสเซียเตรียมส่งโครงสร้างภายนอกเข้าทดสอบความปลอดภัย ก่อนผลิตจริงในปี 2025 โครงการรถยนต์ไฟฟ้า Atom เป็นผลงานการพัฒนาของ Kama JSC บริษัทสตาร์ทอัพในเครือของ Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกชั้นนำของรัสเซีย มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับการใช้งานในเมืองด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะและระบบขับเคลื่อน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 204 แรงม้า (294 Nm) เร่งความเร็ว 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7–8 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม แบตเตอรี่ ใช้แบตเตอรี่ขนาด 77 kWh ผลิตในรัสเซีย พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ รองรับทุกสภาพอากาศ ชาร์จไฟได้ระยะทาง 100 กม. ในเวลาเพียง 8 นาที ระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ Atom OS ระบบปฏิบัติการเฉพาะของรถ ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อจัดการฟังก์ชันต่าง ๆ บนรถ และ รองรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เช่น จอแสดงผลบนกระจกหน้ารถสำหรับการนำทางและคำเตือนด้านความปลอดภัย Driver Assistance (ADAS) ระบบช่วยขับขี่ระดับ 2+ รองรับ 18 ฟังก์ชัน เช่น การจอดอัตโนมัติ รักษาช่องทาง ระบบควบคุมความเร็วแบบปรับตัว และเบรกฉุกเฉิน โดยวางแผนพัฒนาสู่ระดับ 3 ในปี 2027 จุดเด่น หน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัยและระบบฉายข้อมูลบนกระจกหน้า และ การออกแบบที่ไม่มีเสากลาง พร้อมประตูสวิงอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบาย โครงสร้างภายนอกของ Atom ซึ่งออกแบบด้วยวัสดุ 5 ชนิดและเทคโนโลยี hot stamping จะถูกส่งไปทดสอบความแข็งแรงและความปลอดภัยเพิ่มเติม ตั้งเป้าผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2025 ที่โรงงาน Moskvich กรุงมอสโก โดยเริ่มต้นที่ 5,000–15,000 คัน และเพิ่มเป็น 100,000 คันต่อปีภายในปี 2030 อ้างอิง https://dzen.ru/a/ZyPMFFp_EBiAyozy?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop https://dzen.ru/a/ZyPMFFp_EBiAyozy?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop https://dzen.ru/a/Z0ric1EmpV-fHrRN?utm_source=yxnews&utm_medium=desktop https://tadviser.com/index.php/Product:Kama_Atom_%28electric_car%29
    0 Comments 0 Shares 335 Views 0 Reviews
  • วิธีเป็นผู้ฟังที่ดี โดยไม่อินไปกับปัญหาของคนอื่น

    1. ปรับทัศนคติในการฟัง

    แทนที่จะฟังเพียงเพื่อทนรับฟัง หรือฟังอย่างกดข่ม ให้มองการฟังเป็นโอกาสที่คุณจะ ช่วยเหลือ ผ่านการตั้งคำถามหรือให้คำแนะนำ

    มองว่าการฟังคือการ เก็บข้อมูล เพื่อเข้าใจสถานการณ์ ไม่ใช่เพื่อรับความทุกข์มาถึงตัวเอง

    2. ตั้งเป้าหมายการฟัง

    กำหนดจุดประสงค์ว่า คุณฟังเพื่ออะไร เช่น

    เพื่อช่วยให้เขาได้ระบายและผ่อนคลาย

    เพื่อค้นหาประเด็นสำคัญที่ต้องช่วยแก้ไข

    เพื่อเปลี่ยนมุมมองของเขาให้ดีขึ้น

    การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่จมกับอารมณ์ของปัญหาที่เขานำมาระบาย

    3. รักษาสติ

    ใช้สติตรวจสอบอารมณ์ตัวเองขณะฟัง หากเริ่มรู้สึกว่าจิตขุ่นมัว ให้สังเกตว่าอารมณ์เหล่านั้นกำลังก่อตัวขึ้น อย่าผลักไสหรือพยายามกดข่ม แต่แค่รับรู้ว่ามี และปล่อยให้มันผ่านไป

    ฝึก สมาธิสั้นๆ ด้วยการโฟกัสที่ลมหายใจเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้จิตจมไปกับอารมณ์ของเขา

    4. แยกความเป็นตัวเขาออกจากตัวคุณ

    ย้ำกับตัวเองว่า ปัญหาของเขาคือปัญหาของเขา คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับหรืออินกับอารมณ์ที่เขานำมา

    มองว่าคุณคือผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ร่วมเผชิญปัญหาโดยตรง

    5. ตั้งใจสรุปใจความ

    ขณะที่ฟัง ให้จับประเด็นสำคัญ เช่น

    ปัญหาหลักของเขาคืออะไร

    เขารู้สึกอย่างไร และต้องการอะไรจากคุณ

    เมื่อตั้งใจจับประเด็น คุณจะมีพื้นที่ในใจสำหรับวิเคราะห์ มากกว่าที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป

    6. โต้ตอบอย่างสร้างสรรค์

    หากต้องโต้ตอบหรือให้คำแนะนำ พูดในเชิงบวก เช่น

    "ฟังแล้วเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่มีมุมหนึ่งที่น่าลองพิจารณา..."

    "เป็นเรื่องที่แก้ยากนะ แต่ถ้าค่อยๆ ดูเป็นขั้นตอน อาจเริ่มจาก..."

    7. ฝึกปล่อยวาง

    หลังการฟัง ให้บอกตัวเองว่า คุณได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บอารมณ์เหล่านั้นกลับบ้าน หรือเก็บมาเป็นภาระใจ

    ---

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    แบ่งเวลา: หากคนในครอบครัวชอบมาระบาย ให้กำหนดเวลาและขอบเขต เช่น ฟังในช่วงเวลาที่คุณพร้อมจริงๆ

    พัฒนาทักษะฟังเชิงลึก: อ่านหรือศึกษาเทคนิคการฟังเชิงลึก (Active Listening) เพื่อช่วยให้คุณโฟกัสที่เนื้อหา ไม่ใช่อารมณ์ของผู้พูด

    สร้างพื้นที่ผ่อนคลายหลังฟัง: ใช้เวลาเล็กน้อยหลังการฟัง เช่น นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง

    ด้วยการปรับตัวและฝึกฝน คุณจะสามารถฟังได้อย่างเป็นประโยชน์ โดยไม่แบกรับความขุ่นมัวมาเป็นของตัวเอง!
    วิธีเป็นผู้ฟังที่ดี โดยไม่อินไปกับปัญหาของคนอื่น 1. ปรับทัศนคติในการฟัง แทนที่จะฟังเพียงเพื่อทนรับฟัง หรือฟังอย่างกดข่ม ให้มองการฟังเป็นโอกาสที่คุณจะ ช่วยเหลือ ผ่านการตั้งคำถามหรือให้คำแนะนำ มองว่าการฟังคือการ เก็บข้อมูล เพื่อเข้าใจสถานการณ์ ไม่ใช่เพื่อรับความทุกข์มาถึงตัวเอง 2. ตั้งเป้าหมายการฟัง กำหนดจุดประสงค์ว่า คุณฟังเพื่ออะไร เช่น เพื่อช่วยให้เขาได้ระบายและผ่อนคลาย เพื่อค้นหาประเด็นสำคัญที่ต้องช่วยแก้ไข เพื่อเปลี่ยนมุมมองของเขาให้ดีขึ้น การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่จมกับอารมณ์ของปัญหาที่เขานำมาระบาย 3. รักษาสติ ใช้สติตรวจสอบอารมณ์ตัวเองขณะฟัง หากเริ่มรู้สึกว่าจิตขุ่นมัว ให้สังเกตว่าอารมณ์เหล่านั้นกำลังก่อตัวขึ้น อย่าผลักไสหรือพยายามกดข่ม แต่แค่รับรู้ว่ามี และปล่อยให้มันผ่านไป ฝึก สมาธิสั้นๆ ด้วยการโฟกัสที่ลมหายใจเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้จิตจมไปกับอารมณ์ของเขา 4. แยกความเป็นตัวเขาออกจากตัวคุณ ย้ำกับตัวเองว่า ปัญหาของเขาคือปัญหาของเขา คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับหรืออินกับอารมณ์ที่เขานำมา มองว่าคุณคือผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ร่วมเผชิญปัญหาโดยตรง 5. ตั้งใจสรุปใจความ ขณะที่ฟัง ให้จับประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหาหลักของเขาคืออะไร เขารู้สึกอย่างไร และต้องการอะไรจากคุณ เมื่อตั้งใจจับประเด็น คุณจะมีพื้นที่ในใจสำหรับวิเคราะห์ มากกว่าที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป 6. โต้ตอบอย่างสร้างสรรค์ หากต้องโต้ตอบหรือให้คำแนะนำ พูดในเชิงบวก เช่น "ฟังแล้วเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่มีมุมหนึ่งที่น่าลองพิจารณา..." "เป็นเรื่องที่แก้ยากนะ แต่ถ้าค่อยๆ ดูเป็นขั้นตอน อาจเริ่มจาก..." 7. ฝึกปล่อยวาง หลังการฟัง ให้บอกตัวเองว่า คุณได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บอารมณ์เหล่านั้นกลับบ้าน หรือเก็บมาเป็นภาระใจ --- เคล็ดลับเพิ่มเติม แบ่งเวลา: หากคนในครอบครัวชอบมาระบาย ให้กำหนดเวลาและขอบเขต เช่น ฟังในช่วงเวลาที่คุณพร้อมจริงๆ พัฒนาทักษะฟังเชิงลึก: อ่านหรือศึกษาเทคนิคการฟังเชิงลึก (Active Listening) เพื่อช่วยให้คุณโฟกัสที่เนื้อหา ไม่ใช่อารมณ์ของผู้พูด สร้างพื้นที่ผ่อนคลายหลังฟัง: ใช้เวลาเล็กน้อยหลังการฟัง เช่น นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ด้วยการปรับตัวและฝึกฝน คุณจะสามารถฟังได้อย่างเป็นประโยชน์ โดยไม่แบกรับความขุ่นมัวมาเป็นของตัวเอง!
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=rUVpOEih9cQ
    บทสนทนาเที่ยวภูเขา
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเที่ยวภูเขา
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #เที่ยวภูเขา

    The conversations from the clip :

    Tourist 1: Look at the sky! The sun is finally coming up.
    Tourist 2: Wow, it’s breathtaking. The orange and pink hues are incredible.
    Tourist 1: I’m so glad we made it to the top before sunrise.
    Tourist 2: Me too. Watching the sun rise over the mountains is unforgettable.
    Tourist 1: Should we start preparing breakfast? I’m getting a bit hungry.
    Tourist 2: Yes, let’s do that. I’ll set up the stove. Do we have eggs and bread?
    Tourist 1: Yep, I packed them in the cooler. I’ll grab them now.
    Tourist 2: Perfect. I’ll start heating the pan. Do you want to make coffee too?
    Tourist 1: Absolutely! I brought instant coffee and a kettle.
    Tourist 2: Great. The pan is ready. Pass me the butter, please.
    Tourist 1: Here you go. Should I toast the bread while you cook the eggs?
    Tourist 2: That sounds like a plan. Oh, don’t forget the salt and pepper.
    Tourist 1: Got them right here. The coffee water is boiling now too.
    Tourist 2: Awesome! The eggs are almost done. Breakfast will be ready soon.
    Tourist 1: Great timing. Let’s eat while enjoying the view. It’s such a perfect morning.
    Tourist 2: Agreed. Nothing beats a hot breakfast after a sunrise hike.

    นักท่องเที่ยว 1: ดูท้องฟ้าสิ! พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว
    นักท่องเที่ยว 2: ว้าว สวยมากเลย สีส้มกับชมพูดูงดงามจริง ๆ
    นักท่องเที่ยว 1: ดีใจที่เรามาถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
    นักท่องเที่ยว 2: ใช่เลย การได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูเขามันน่าจดจำมาก
    นักท่องเที่ยว 1: เราจะเริ่มเตรียมอาหารเช้ากันดีไหม? เริ่มหิวแล้ว
    นักท่องเที่ยว 2: ได้เลย ฉันจะตั้งเตา เรามีไข่กับขนมปังไหม?
    นักท่องเที่ยว 1: มีสิ ฉันเก็บไว้ในกระติกเย็น เดี๋ยวหยิบมาให้
    นักท่องเที่ยว 2: เยี่ยมเลย ฉันจะเริ่มอุ่นกระทะ เราทำกาแฟด้วยไหม?
    นักท่องเที่ยว 1: แน่นอน! ฉันเอากาแฟสำเร็จรูปและกาน้ำร้อนมาด้วย
    นักท่องเที่ยว 2: ดีเลย กระทะพร้อมแล้ว ส่งเนยมาหน่อย
    นักท่องเที่ยว 1: นี่จ้ะ ฉันจะปิ้งขนมปังในขณะที่คุณทำไข่
    นักท่องเที่ยว 2: ได้เลย ฟังดูเป็นแผนที่ดี อ้อ อย่าลืมเกลือกับพริกไทยนะ
    นักท่องเที่ยว 1: มีพร้อมแล้ว น้ำสำหรับกาแฟก็เดือดแล้ว
    นักท่องเที่ยว 2: สุดยอด! ไข่เกือบเสร็จแล้ว อาหารเช้าจะพร้อมในไม่ช้า
    นักท่องเที่ยว 1: พอดีเลย มาอาหารเช้าไปชมวิวไป เช้านี้มันช่างสมบูรณ์แบบ
    นักท่องเที่ยว 2: เห็นด้วยเลย ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินอาหารเช้าร้อน ๆ หลังจากปีนเขาชมพระอาทิตย์ขึ้น

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Sky (สคาย) n. แปลว่า ท้องฟ้า
    Sunrise (ซัน-ไรส์) n. แปลว่า พระอาทิตย์ขึ้น
    Hue (ฮิว) n. แปลว่า เฉดสี
    Mountain (เมา-ทิน) n. แปลว่า ภูเขา
    Breakfast (เบรค-ฟัสท์) n. แปลว่า อาหารเช้า
    Stove (สโตฟ) n. แปลว่า เตาแก๊ส/เตาปรุงอาหาร
    Pan (แพน) n. แปลว่า กระทะ
    Butter (บัท-เทอะ) n. แปลว่า เนย
    Egg (เอ็ก) n. แปลว่า ไข่
    Bread (เบรด) n. แปลว่า ขนมปัง
    Instant coffee (อิน-สเทินท์ คอฟ-ฟี) n. แปลว่า กาแฟสำเร็จรูป
    Kettle (เคท-เทิล) n. แปลว่า กาต้มน้ำ
    Salt (ซอลท์) n. แปลว่า เกลือ
    Pepper (เพพ-เพอะ) n. แปลว่า พริกไทย
    View (วิว) n. แปลว่า ทิวทัศน์/วิว
    https://www.youtube.com/watch?v=rUVpOEih9cQ บทสนทนาเที่ยวภูเขา (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเที่ยวภูเขา มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #เที่ยวภูเขา The conversations from the clip : Tourist 1: Look at the sky! The sun is finally coming up. Tourist 2: Wow, it’s breathtaking. The orange and pink hues are incredible. Tourist 1: I’m so glad we made it to the top before sunrise. Tourist 2: Me too. Watching the sun rise over the mountains is unforgettable. Tourist 1: Should we start preparing breakfast? I’m getting a bit hungry. Tourist 2: Yes, let’s do that. I’ll set up the stove. Do we have eggs and bread? Tourist 1: Yep, I packed them in the cooler. I’ll grab them now. Tourist 2: Perfect. I’ll start heating the pan. Do you want to make coffee too? Tourist 1: Absolutely! I brought instant coffee and a kettle. Tourist 2: Great. The pan is ready. Pass me the butter, please. Tourist 1: Here you go. Should I toast the bread while you cook the eggs? Tourist 2: That sounds like a plan. Oh, don’t forget the salt and pepper. Tourist 1: Got them right here. The coffee water is boiling now too. Tourist 2: Awesome! The eggs are almost done. Breakfast will be ready soon. Tourist 1: Great timing. Let’s eat while enjoying the view. It’s such a perfect morning. Tourist 2: Agreed. Nothing beats a hot breakfast after a sunrise hike. นักท่องเที่ยว 1: ดูท้องฟ้าสิ! พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว นักท่องเที่ยว 2: ว้าว สวยมากเลย สีส้มกับชมพูดูงดงามจริง ๆ นักท่องเที่ยว 1: ดีใจที่เรามาถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นักท่องเที่ยว 2: ใช่เลย การได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูเขามันน่าจดจำมาก นักท่องเที่ยว 1: เราจะเริ่มเตรียมอาหารเช้ากันดีไหม? เริ่มหิวแล้ว นักท่องเที่ยว 2: ได้เลย ฉันจะตั้งเตา เรามีไข่กับขนมปังไหม? นักท่องเที่ยว 1: มีสิ ฉันเก็บไว้ในกระติกเย็น เดี๋ยวหยิบมาให้ นักท่องเที่ยว 2: เยี่ยมเลย ฉันจะเริ่มอุ่นกระทะ เราทำกาแฟด้วยไหม? นักท่องเที่ยว 1: แน่นอน! ฉันเอากาแฟสำเร็จรูปและกาน้ำร้อนมาด้วย นักท่องเที่ยว 2: ดีเลย กระทะพร้อมแล้ว ส่งเนยมาหน่อย นักท่องเที่ยว 1: นี่จ้ะ ฉันจะปิ้งขนมปังในขณะที่คุณทำไข่ นักท่องเที่ยว 2: ได้เลย ฟังดูเป็นแผนที่ดี อ้อ อย่าลืมเกลือกับพริกไทยนะ นักท่องเที่ยว 1: มีพร้อมแล้ว น้ำสำหรับกาแฟก็เดือดแล้ว นักท่องเที่ยว 2: สุดยอด! ไข่เกือบเสร็จแล้ว อาหารเช้าจะพร้อมในไม่ช้า นักท่องเที่ยว 1: พอดีเลย มาอาหารเช้าไปชมวิวไป เช้านี้มันช่างสมบูรณ์แบบ นักท่องเที่ยว 2: เห็นด้วยเลย ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินอาหารเช้าร้อน ๆ หลังจากปีนเขาชมพระอาทิตย์ขึ้น Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Sky (สคาย) n. แปลว่า ท้องฟ้า Sunrise (ซัน-ไรส์) n. แปลว่า พระอาทิตย์ขึ้น Hue (ฮิว) n. แปลว่า เฉดสี Mountain (เมา-ทิน) n. แปลว่า ภูเขา Breakfast (เบรค-ฟัสท์) n. แปลว่า อาหารเช้า Stove (สโตฟ) n. แปลว่า เตาแก๊ส/เตาปรุงอาหาร Pan (แพน) n. แปลว่า กระทะ Butter (บัท-เทอะ) n. แปลว่า เนย Egg (เอ็ก) n. แปลว่า ไข่ Bread (เบรด) n. แปลว่า ขนมปัง Instant coffee (อิน-สเทินท์ คอฟ-ฟี) n. แปลว่า กาแฟสำเร็จรูป Kettle (เคท-เทิล) n. แปลว่า กาต้มน้ำ Salt (ซอลท์) n. แปลว่า เกลือ Pepper (เพพ-เพอะ) n. แปลว่า พริกไทย View (วิว) n. แปลว่า ทิวทัศน์/วิว
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1110 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=xLnEQW0h_5U
    บทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ร้านอาหารไทย

    The conversations from the clip :

    Waiter: Good evening! Welcome to Siam Delight. How many people are dining tonight?
    Customer: Good evening! Just two of us, please.
    Waiter: Right this way. Here’s the menu. Would you like to start with some drinks?
    Customer: Yes, I’ll have a Thai iced tea, and my friend will have lemonade.
    Waiter: Excellent choices! Are you ready to order, or would you like a few more minutes?
    Customer: We’re ready. For starters, we’ll have chicken satay.
    Waiter: Great choice! And for the main courses?
    Customer: I’d like Pad Thai with shrimp, Green Curry with chicken, Tom Yum soup with shrimp, and a plate of Stir-fried Basil with pork.
    Waiter: How spicy would you like the curry and Tom Yum soup?
    Customer: Medium spicy for both, please.
    Waiter: Got it. Would you like steamed rice with the curry?
    Customer: Yes, please.
    Waiter: Perfect. Anything else?
    Customer: No, that’ll be all for now. Thank you.
    (After finishing the main courses)
    Waiter: How was everything?
    Customer: It was delicious! But we couldn’t finish everything. Could you pack up the leftovers for us?
    Waiter: Of course! I’ll bring some boxes for you. Would you like dessert as well?
    Customer: Yes, we’d like to share a mango sticky rice, please.
    Waiter: Excellent choice. I’ll bring it out shortly.
    (After dessert)
    Customer: Thank you so much. Could we have the check, please?
    Waiter: Absolutely. I’ll bring it right over.

    พนักงาน: สวัสดีค่ะ! ยินดีต้อนรับสู่สยามดีไลท์ค่ะ วันนี้มีกี่ท่านคะ?
    ลูกค้า: สวัสดีครับ! แค่สองท่านครับ
    พนักงาน: เชิญทางนี้เลยค่ะ นี่คือเมนูนะคะ ต้องการเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ผมขอชาไทยเย็น ส่วนเพื่อนผมขอน้ำมะนาวครับ
    พนักงาน: เลือกได้ดีมากเลยค่ะ พร้อมจะสั่งอาหารเลยไหมคะ หรือขอเวลาอีกสักนิด?
    ลูกค้า: เราพร้อมแล้วครับ สำหรับเมนูเรียกน้ำย่อย ขอไก่สะเต๊ะครับ
    พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แล้วสำหรับจานหลักล่ะคะ?
    ลูกค้า: ผมขอผัดไทยกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง และผัดกะเพราหมูครับ
    พนักงาน: สำหรับแกงกับต้มยำ ต้องการเผ็ดระดับไหนคะ?
    ลูกค้า: ขอเผ็ดกลางทั้งสองอย่างครับ
    พนักงาน: รับทราบค่ะ แล้วต้องการข้าวสวยกับแกงไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ขอด้วยครับ
    พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ?
    ลูกค้า: ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับ
    (หลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จ)
    พนักงาน: อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ?
    ลูกค้า: อร่อยมากครับ แต่พวกเราทานไม่หมด ช่วยแพ็คกลับให้ด้วยได้ไหมครับ?
    พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันนำกล่องมาให้นะคะ สนใจของหวานเพิ่มเติมไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ขอข้าวเหนียวมะม่วงจานหนึ่งครับ จะแบ่งกันทานครับ
    พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เดี๋ยวจะนำมาเสิร์ฟให้นะคะ
    (หลังจากทานของหวาน)
    ลูกค้า: ขอบคุณมากครับ ขอเช็คบิลด้วยครับ
    พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะนำมาให้นะคะ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Waiter (เว-เทอะ) n. แปลว่า พนักงานเสิร์ฟ
    Menu (เมน-นู) n. แปลว่า เมนู
    Lemonade (เลม-เมอะ-เนด) n. แปลว่า น้ำมะนาว
    Starter (สตา-เทอะ) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย
    Chicken satay (ชิค-เคิน ซะ-เต) n. แปลว่า ไก่สะเต๊ะ
    Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก
    Spicy (สไป-ซี) adj. แปลว่า เผ็ด
    Steamed rice (สตีมด ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวสวย
    Leftovers (เลฟท-โอ-เวอะซ) n. แปลว่า อาหารที่เหลือ
    Dessert (ดิ-เซิร์ท) n. แปลว่า ของหวาน
    Mango sticky rice (แมง-โก สติค-คี ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวเหนียวมะม่วง
    Check (เช็ค) n. แปลว่า ใบเสร็จ/เช็คบิล
    Delicious (ดิลิช-เชิส) adj. แปลว่า อร่อย
    Pack up (แพ็ค อัพ) v. แปลว่า เก็บห่อ
    Welcome (เวล-คัม) v./adj. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    https://www.youtube.com/watch?v=xLnEQW0h_5U บทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ร้านอาหารไทย The conversations from the clip : Waiter: Good evening! Welcome to Siam Delight. How many people are dining tonight? Customer: Good evening! Just two of us, please. Waiter: Right this way. Here’s the menu. Would you like to start with some drinks? Customer: Yes, I’ll have a Thai iced tea, and my friend will have lemonade. Waiter: Excellent choices! Are you ready to order, or would you like a few more minutes? Customer: We’re ready. For starters, we’ll have chicken satay. Waiter: Great choice! And for the main courses? Customer: I’d like Pad Thai with shrimp, Green Curry with chicken, Tom Yum soup with shrimp, and a plate of Stir-fried Basil with pork. Waiter: How spicy would you like the curry and Tom Yum soup? Customer: Medium spicy for both, please. Waiter: Got it. Would you like steamed rice with the curry? Customer: Yes, please. Waiter: Perfect. Anything else? Customer: No, that’ll be all for now. Thank you. (After finishing the main courses) Waiter: How was everything? Customer: It was delicious! But we couldn’t finish everything. Could you pack up the leftovers for us? Waiter: Of course! I’ll bring some boxes for you. Would you like dessert as well? Customer: Yes, we’d like to share a mango sticky rice, please. Waiter: Excellent choice. I’ll bring it out shortly. (After dessert) Customer: Thank you so much. Could we have the check, please? Waiter: Absolutely. I’ll bring it right over. พนักงาน: สวัสดีค่ะ! ยินดีต้อนรับสู่สยามดีไลท์ค่ะ วันนี้มีกี่ท่านคะ? ลูกค้า: สวัสดีครับ! แค่สองท่านครับ พนักงาน: เชิญทางนี้เลยค่ะ นี่คือเมนูนะคะ ต้องการเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ผมขอชาไทยเย็น ส่วนเพื่อนผมขอน้ำมะนาวครับ พนักงาน: เลือกได้ดีมากเลยค่ะ พร้อมจะสั่งอาหารเลยไหมคะ หรือขอเวลาอีกสักนิด? ลูกค้า: เราพร้อมแล้วครับ สำหรับเมนูเรียกน้ำย่อย ขอไก่สะเต๊ะครับ พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แล้วสำหรับจานหลักล่ะคะ? ลูกค้า: ผมขอผัดไทยกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง และผัดกะเพราหมูครับ พนักงาน: สำหรับแกงกับต้มยำ ต้องการเผ็ดระดับไหนคะ? ลูกค้า: ขอเผ็ดกลางทั้งสองอย่างครับ พนักงาน: รับทราบค่ะ แล้วต้องการข้าวสวยกับแกงไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ขอด้วยครับ พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ? ลูกค้า: ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับ (หลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จ) พนักงาน: อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ? ลูกค้า: อร่อยมากครับ แต่พวกเราทานไม่หมด ช่วยแพ็คกลับให้ด้วยได้ไหมครับ? พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันนำกล่องมาให้นะคะ สนใจของหวานเพิ่มเติมไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ขอข้าวเหนียวมะม่วงจานหนึ่งครับ จะแบ่งกันทานครับ พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เดี๋ยวจะนำมาเสิร์ฟให้นะคะ (หลังจากทานของหวาน) ลูกค้า: ขอบคุณมากครับ ขอเช็คบิลด้วยครับ พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะนำมาให้นะคะ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Waiter (เว-เทอะ) n. แปลว่า พนักงานเสิร์ฟ Menu (เมน-นู) n. แปลว่า เมนู Lemonade (เลม-เมอะ-เนด) n. แปลว่า น้ำมะนาว Starter (สตา-เทอะ) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย Chicken satay (ชิค-เคิน ซะ-เต) n. แปลว่า ไก่สะเต๊ะ Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก Spicy (สไป-ซี) adj. แปลว่า เผ็ด Steamed rice (สตีมด ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวสวย Leftovers (เลฟท-โอ-เวอะซ) n. แปลว่า อาหารที่เหลือ Dessert (ดิ-เซิร์ท) n. แปลว่า ของหวาน Mango sticky rice (แมง-โก สติค-คี ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวเหนียวมะม่วง Check (เช็ค) n. แปลว่า ใบเสร็จ/เช็คบิล Delicious (ดิลิช-เชิส) adj. แปลว่า อร่อย Pack up (แพ็ค อัพ) v. แปลว่า เก็บห่อ Welcome (เวล-คัม) v./adj. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1107 Views 0 Reviews
  • ขันธมาร คือ ขันธ์ ซึ่งบกพร่องแล้วเป็นมารผลาญตัวเอง ในแง่ของมารหมายถึง ขันธ์ที่คอยกีดขวางการทำความดี เช่น ต้องการฟังธรรมะ แต่หูหนวก ไม่สามารถฟังธรรมได้ เป็นต้น อภิสังขารมาร คือ ความคิดนึกอันประกอบกับอารมณ์ เป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ
    ขันธมาร คือ ขันธ์ ซึ่งบกพร่องแล้วเป็นมารผลาญตัวเอง ในแง่ของมารหมายถึง ขันธ์ที่คอยกีดขวางการทำความดี เช่น ต้องการฟังธรรมะ แต่หูหนวก ไม่สามารถฟังธรรมได้ เป็นต้น อภิสังขารมาร คือ ความคิดนึกอันประกอบกับอารมณ์ เป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
More Results