• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) พร้อมเตือนความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นำมาใช้

    การประเมินของ IMF ซึ่งนำมาตรการภาษีบางส่วนที่ถูกประกาศในปีนี้มาคิดคำนวณ ระบุว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวเพียง 2.8% ลดลง 0.5% จากคาดการณ์ World Economic Outlook (WEO) เมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

    สำหรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าอยู่ที่ 3.0% ซึ่งก็ลดลง 0.3% จากที่ประเมินไว้เมื่อเดือน ม.ค.

    “เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบเศรษฐกิจโลกซึ่งดำเนินมาตลอด 80 ปีกำลังถูกรีเซ็ต” ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ (Pierre-Olivier Gourinchas) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ IMF ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (22)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000038009

    #MGROnline #กองทุนการเงินระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจโลก
    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) พร้อมเตือนความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นำมาใช้ • การประเมินของ IMF ซึ่งนำมาตรการภาษีบางส่วนที่ถูกประกาศในปีนี้มาคิดคำนวณ ระบุว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวเพียง 2.8% ลดลง 0.5% จากคาดการณ์ World Economic Outlook (WEO) เมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา • สำหรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าอยู่ที่ 3.0% ซึ่งก็ลดลง 0.3% จากที่ประเมินไว้เมื่อเดือน ม.ค. • “เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบเศรษฐกิจโลกซึ่งดำเนินมาตลอด 80 ปีกำลังถูกรีเซ็ต” ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ (Pierre-Olivier Gourinchas) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ IMF ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (22) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000038009 • #MGROnline #กองทุนการเงินระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจโลก
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • ลุ้นต่างชาติ&กองทุน จัดหนักหุ้นไทย 23/04/68 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #ต่างชาติ #กองทุน
    ลุ้นต่างชาติ&กองทุน จัดหนักหุ้นไทย 23/04/68 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #ต่างชาติ #กองทุน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 160 Views 11 0 Reviews
  • นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลฯ บริจาคเงินส่วนตัว 25 ล้าน ให้สมาคมชำระหนี้บางส่วนแก่สยามสปอร์ต และบริจาคอีก 5 ล้าน ประเดิมตั้งกองทุนสำหรับสภากรรมการฯ ลดค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ อีกด้านเผยแคมเปญ "คนไทยรักบอลไทย" 4 กิจกรรม ทั้งละครเวที ขายเสื้อ จัดโรดโชว์ และระดมทุนบริจาค
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038087

    นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลฯ บริจาคเงินส่วนตัว 25 ล้าน ให้สมาคมชำระหนี้บางส่วนแก่สยามสปอร์ต และบริจาคอีก 5 ล้าน ประเดิมตั้งกองทุนสำหรับสภากรรมการฯ ลดค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ อีกด้านเผยแคมเปญ "คนไทยรักบอลไทย" 4 กิจกรรม ทั้งละครเวที ขายเสื้อ จัดโรดโชว์ และระดมทุนบริจาค . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038087
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลฯ บริจาคเงินส่วนตัว 25 ล้าน ให้สมาคมชำระหนี้บางส่วนแก่สยามสปอร์ต และบริจาคอีก 5 ล้าน ประเดิมตั้งกองทุนสำหรับสภากรรมการฯ ลดค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ อีกด้านเผยแคมเปญ "คนไทยรักบอลไทย" 4 กิจกรรม ทั้งละครเวที ขายเสื้อ จัดโรดโชว์ และระดมทุนบริจาค
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038087

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลฯ บริจาคเงินส่วนตัว 25 ล้าน ให้สมาคมชำระหนี้บางส่วนแก่สยามสปอร์ต และบริจาคอีก 5 ล้าน ประเดิมตั้งกองทุนสำหรับสภากรรมการฯ ลดค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ อีกด้านเผยแคมเปญ "คนไทยรักบอลไทย" 4 กิจกรรม ทั้งละครเวที ขายเสื้อ จัดโรดโชว์ และระดมทุนบริจาค . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038087 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดการเงินด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ รวมถึง กองทุน ETF และ คริปโตเคอร์เรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแนวทาง America First และสร้างความหลากหลายในบริการของบริษัท

    ✅ Trump Media เปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ในตลาดการเงิน
    - รวมถึงกองทุน ETF ที่สนับสนุนแนวทาง America First และผลิตภัณฑ์คริปโตเคอร์เรนซี
    - กองทุนเหล่านี้คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    ✅ ความร่วมมือกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors
    - Trump Media ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors
    - Crypto.com ได้รับการยืนยันจาก SEC ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการสอบสวนในปี 2024

    ✅ Trump Media มีการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหลายรูปแบบ
    - รวมถึง Trump NFTs, meme coin และการถือหุ้นในบริษัทผลิต Bitcoin ชื่อ American Bitcoin

    ✅ การจัดการทรัพย์สินของ Trump Media อยู่ในความดูแลของครอบครัว Trump
    - ทรัพย์สินและธุรกิจของ Trump Media มูลค่า $2.7 พันล้าน ถูกจัดการโดยลูกๆ ของ Trump

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/trump-media-pushes-forward-with-pivot-to-crypto-etf-plans
    Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดการเงินด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ รวมถึง กองทุน ETF และ คริปโตเคอร์เรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแนวทาง America First และสร้างความหลากหลายในบริการของบริษัท ✅ Trump Media เปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ในตลาดการเงิน - รวมถึงกองทุน ETF ที่สนับสนุนแนวทาง America First และผลิตภัณฑ์คริปโตเคอร์เรนซี - กองทุนเหล่านี้คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ✅ ความร่วมมือกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors - Trump Media ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors - Crypto.com ได้รับการยืนยันจาก SEC ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการสอบสวนในปี 2024 ✅ Trump Media มีการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหลายรูปแบบ - รวมถึง Trump NFTs, meme coin และการถือหุ้นในบริษัทผลิต Bitcoin ชื่อ American Bitcoin ✅ การจัดการทรัพย์สินของ Trump Media อยู่ในความดูแลของครอบครัว Trump - ทรัพย์สินและธุรกิจของ Trump Media มูลค่า $2.7 พันล้าน ถูกจัดการโดยลูกๆ ของ Trump https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/trump-media-pushes-forward-with-pivot-to-crypto-etf-plans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump Media pushes forward with pivot to crypto, ETF plans
    (Reuters) -U.S. President Donald Trump's social media firm, Trump Media & Technology Group, said on Tuesday it had reached a binding agreement to roll out an array of retail investment products, including crypto, in its latest bid to diversify into financial services.
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพในยูเครน:

    รายละเอียดข้อตกลงเริ่มหลุดมาถึงมือสื่อเพิ่มมากขึ้น หลังการเจรจาที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสโดยมีพันธมิตรยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซียเมื่อต้นเดือน และหากครั้งนี้ล้มเหลว สหรัฐอาถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในการเจรจา ตามที่ รูบิโอ รัฐมนตรีต่างสหรัฐกล่าวเมื่อวันก่อน

    สหรัฐต้องการให้ยูเครนยอมรับไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย และยอมรับว่ารัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยึดครองมาตั้งแต่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในปี 2022 อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ทราบผลการเจรจาดังกล่าว

    นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมคือ:
    👉สิ่งที่รัสเซียจะได้รับ:
    - การรับรองทางกฎหมายของสหรัฐฯ ว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย
    - การยอมรับภูมิภาคโดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาโปริซเซีย ในส่วนที่รัสเซียปลดปล่อยไปแล้ว ดินแดนส่วนที่เหลือที่รัสเซียยังไม่ได้ปลดปล่อย อาจต้องอยู่ในการครอบครองของยูเครนต่อไป
    - คำมั่นสัญญาว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต แต่การเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอาจยังคงเป็นไปได้
    - การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรหลังปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่หลังจากรัสเซียเข้ายึดครองไครเมีย

    👉สิ่งที่ยูเครนจะได้รับ:
    - “การรับประกันความปลอดภัยที่มั่นคง” แม้ว่าขณะนี้ยังมีความสับสน และยังไม่ลงตัวท้ังหมด แต่เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนที่พันธมิตรของยุโรปให้การรับประกันแล้ว และพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม
    - รัสเซียต้องคืนพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คิฟที่ยึดไว้ตอนนี้ (มีไม่มากเท่าไหร่)
    - มีสิทธิเหนือน่านน้ำนีเปอร์ (Dnipro) อย่างเต็มที่ เพื่อใช้ในการเดินเรือออกสู่ทะเลดำ (Black Sea)
    - ความช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเศรษฐกิจของยูเครน แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน

    👉สิ่งที่สหรัฐจะได้รับ: (เรียกเก็บค่าดำเนินการ 😂)
    - โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (ZNPP) จะอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครน แต่สหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจะมีหน้าที่ให้บริการระบบไฟฟ้าแก่ทั้งสองฝ่าย รายได้จากการดำเนินงาน จะเข้ากองทุนส่วนกลางที่สหรัฐและยูเครนร่วมกันจัดตั้ง
    - ข้อตกลงด้านแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนคาดว่าจะลงนามในวันพฤหัสบดี
    - ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
    มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพในยูเครน: รายละเอียดข้อตกลงเริ่มหลุดมาถึงมือสื่อเพิ่มมากขึ้น หลังการเจรจาที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสโดยมีพันธมิตรยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซียเมื่อต้นเดือน และหากครั้งนี้ล้มเหลว สหรัฐอาถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในการเจรจา ตามที่ รูบิโอ รัฐมนตรีต่างสหรัฐกล่าวเมื่อวันก่อน สหรัฐต้องการให้ยูเครนยอมรับไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย และยอมรับว่ารัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยึดครองมาตั้งแต่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในปี 2022 อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ทราบผลการเจรจาดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมคือ: 👉สิ่งที่รัสเซียจะได้รับ: - การรับรองทางกฎหมายของสหรัฐฯ ว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย - การยอมรับภูมิภาคโดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาโปริซเซีย ในส่วนที่รัสเซียปลดปล่อยไปแล้ว ดินแดนส่วนที่เหลือที่รัสเซียยังไม่ได้ปลดปล่อย อาจต้องอยู่ในการครอบครองของยูเครนต่อไป - คำมั่นสัญญาว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต แต่การเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอาจยังคงเป็นไปได้ - การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรหลังปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่หลังจากรัสเซียเข้ายึดครองไครเมีย 👉สิ่งที่ยูเครนจะได้รับ: - “การรับประกันความปลอดภัยที่มั่นคง” แม้ว่าขณะนี้ยังมีความสับสน และยังไม่ลงตัวท้ังหมด แต่เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนที่พันธมิตรของยุโรปให้การรับประกันแล้ว และพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม - รัสเซียต้องคืนพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คิฟที่ยึดไว้ตอนนี้ (มีไม่มากเท่าไหร่) - มีสิทธิเหนือน่านน้ำนีเปอร์ (Dnipro) อย่างเต็มที่ เพื่อใช้ในการเดินเรือออกสู่ทะเลดำ (Black Sea) - ความช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเศรษฐกิจของยูเครน แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน 👉สิ่งที่สหรัฐจะได้รับ: (เรียกเก็บค่าดำเนินการ 😂) - โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (ZNPP) จะอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครน แต่สหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจะมีหน้าที่ให้บริการระบบไฟฟ้าแก่ทั้งสองฝ่าย รายได้จากการดำเนินงาน จะเข้ากองทุนส่วนกลางที่สหรัฐและยูเครนร่วมกันจัดตั้ง - ข้อตกลงด้านแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนคาดว่าจะลงนามในวันพฤหัสบดี - ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม
    .
    การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ
    .
    บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง
    .
    อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้
    .
    ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น
    .
    อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี
    .
    เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้
    (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้
    (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้
    (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้
    (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์
    (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป
    .
    เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง
    .
    การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม . การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ . บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง . อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้ . ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น . อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี . เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้ (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้ (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้ (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้ (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์ (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป . เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง . การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

    Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
    - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026
    - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030

    ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ
    - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้
    - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026 - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030 ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้ - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore's Keppel gets $1.5 billion in capital commitments for its funds
    SINGAPORE (Reuters) - Keppel, a Singapore-based manager and operator of assets such as data centres, said on Monday that it has secured close to S$2.0 billion ($1.53 billion) of capital commitments from global institutional investors for its flagship funds.
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • “ความอุ่นใจคือเครื่องวัดเส้นทางกรรม”

    1. ความอุ่นใจคือ “เข็มทิศกรรม”

    > “หากเมื่อโตขึ้นแล้ว ความอุ่นใจลดลง แสดงว่ากำลังเดินผิดทาง”
    นี่คือหลักธรรมที่เรียบง่ายแต่วัดผลได้จริง ความอุ่นใจในที่นี้ไม่ได้แปลว่า “สบายใจชั่วคราว” แต่คือ สุขทางใจอันเกิดจากบุญกรรม ที่สั่งสมอยู่ในใจ

    ถ้าอุ่นใจมากขึ้น แปลว่า สะสมกรรมดีเพิ่ม

    ถ้าอุ่นใจน้อยลง แปลว่า ใจเริ่มห่างจากธรรม

    ถ้าอุ่นใจเท่าเดิม แปลว่า เสมอตัว ยังไม่ได้สร้างกุศลใหม่

    > ธรรมะสั้น:
    “ใจอุ่นหรือใจหวิว เป็นใบเสร็จของกรรมปัจจุบัน”

    ---

    2. ใจสว่างคือพลังแห่งอนาคต

    > “หากใจคุณสว่าง อนาคตก็ย่อมสว่าง”
    ธรรมะในประโยคนี้คือการยืนยันว่า อนาคตของเรา ไม่ได้ถูกกำหนดจากโชคชะตา แต่ถูกหล่อหลอมจากภายในใจ

    ใจที่ผูกกับธรรมะ → เบิกบาน มั่นคง

    ใจที่ผูกกับอธรรม → สงสัย สับสน มืดมน

    > ธรรมะสั้น:
    “ใจผูกกับธรรมะมากแค่ไหน ชีวิตก็สว่างมากเท่านั้น”

    ---

    3. ศรัทธาในกรรมวิบาก คือจุดเปลี่ยนของวิถีชีวิต

    บทความย้ำว่า แม้กรรมเก่าอาจยังส่งผลรุนแรง แต่หากเราศรัทธาในกรรมอย่างมั่นคง:

    ไม่ทำกรรมใหม่ซ้ำซ้อน

    ไม่อาฆาตพยาบาท

    ไม่ใจดำตอบโต้

    ผลคือใจจะ “ใส ใจเบา” และอยู่ในภาวะที่ ไม่ถูกยั่วยุให้ทำชั่วง่ายๆ อีกต่อไป

    > ธรรมะสั้น:
    “ศรัทธาในกรรมวิบาก คือยาแก้เจ็บใจที่ลึกที่สุด”

    ---

    4. ความเชื่อมั่นในบุญ เป็น “ทุนใหม่” ที่เสริมแรงชีวิต

    > “ใครจะว่าคุณเข้าข้างตัวเองก็ช่าง… แต่หากคุณได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า แปลว่าคุณมีทุนเก่าหนากว่าคนอื่นแล้ว”

    นี่คือการเตือนใจให้ หมั่นภาคภูมิในโอกาสอันล้ำค่าที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ภายใต้ร่มพระธรรม

    ไม่ใช่แค่โชคดี… แต่คือ โอกาสในการสร้างบุญใหม่ที่ยิ่งใหญ่

    ความอุ่นใจจากบุญที่ทำ = กำไรทางใจ ที่ไม่มีใครปล้นไปได้

    > ธรรมะสั้น:
    “ศรัทธาในบุญ คือทุนใหม่ที่ทำให้ชีวิตไม่ขาดทุนอีก”

    ---

    5. ทาน ศีล ภาวนา = กองทุนบุญของชีวิต

    บทความปิดท้ายด้วยแก่นของพุทธศาสนา:
    "ทาน ศีล ภาวนา" คือช่องทางในการสร้างกรรมดีที่แน่นอนและมั่นคงที่สุด

    ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องถามใคร

    เมื่อสะสมมากขึ้น ใจจะอิ่มเอิบจนถึงขั้นที่ ไม่กลัวความตาย ไม่สะท้านต่อความทุกข์

    > ธรรมะสั้น:
    “ผู้สั่งสมบุญย่อมอยู่เป็นสุขแน่นอน”

    ---

    สรุปสาระธรรมแบบใช้ต่อยอดได้ทันที

    ความอุ่นใจ = ใบเสร็จของผลกรรม

    ใจสว่าง = ชีวิตไปในทางเจริญ

    ศรัทธาในกรรม = หลักยึดเมื่อทุกข์ถาโถม

    การได้ฟังธรรม = เครื่องยืนยันว่าเรามีบุญ

    ทาน ศีล ภาวนา = ทางลัดสู่ความสุขทางใจอันแท้จริง
    “ความอุ่นใจคือเครื่องวัดเส้นทางกรรม” 1. ความอุ่นใจคือ “เข็มทิศกรรม” > “หากเมื่อโตขึ้นแล้ว ความอุ่นใจลดลง แสดงว่ากำลังเดินผิดทาง” นี่คือหลักธรรมที่เรียบง่ายแต่วัดผลได้จริง ความอุ่นใจในที่นี้ไม่ได้แปลว่า “สบายใจชั่วคราว” แต่คือ สุขทางใจอันเกิดจากบุญกรรม ที่สั่งสมอยู่ในใจ ถ้าอุ่นใจมากขึ้น แปลว่า สะสมกรรมดีเพิ่ม ถ้าอุ่นใจน้อยลง แปลว่า ใจเริ่มห่างจากธรรม ถ้าอุ่นใจเท่าเดิม แปลว่า เสมอตัว ยังไม่ได้สร้างกุศลใหม่ > ธรรมะสั้น: “ใจอุ่นหรือใจหวิว เป็นใบเสร็จของกรรมปัจจุบัน” --- 2. ใจสว่างคือพลังแห่งอนาคต > “หากใจคุณสว่าง อนาคตก็ย่อมสว่าง” ธรรมะในประโยคนี้คือการยืนยันว่า อนาคตของเรา ไม่ได้ถูกกำหนดจากโชคชะตา แต่ถูกหล่อหลอมจากภายในใจ ใจที่ผูกกับธรรมะ → เบิกบาน มั่นคง ใจที่ผูกกับอธรรม → สงสัย สับสน มืดมน > ธรรมะสั้น: “ใจผูกกับธรรมะมากแค่ไหน ชีวิตก็สว่างมากเท่านั้น” --- 3. ศรัทธาในกรรมวิบาก คือจุดเปลี่ยนของวิถีชีวิต บทความย้ำว่า แม้กรรมเก่าอาจยังส่งผลรุนแรง แต่หากเราศรัทธาในกรรมอย่างมั่นคง: ไม่ทำกรรมใหม่ซ้ำซ้อน ไม่อาฆาตพยาบาท ไม่ใจดำตอบโต้ ผลคือใจจะ “ใส ใจเบา” และอยู่ในภาวะที่ ไม่ถูกยั่วยุให้ทำชั่วง่ายๆ อีกต่อไป > ธรรมะสั้น: “ศรัทธาในกรรมวิบาก คือยาแก้เจ็บใจที่ลึกที่สุด” --- 4. ความเชื่อมั่นในบุญ เป็น “ทุนใหม่” ที่เสริมแรงชีวิต > “ใครจะว่าคุณเข้าข้างตัวเองก็ช่าง… แต่หากคุณได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า แปลว่าคุณมีทุนเก่าหนากว่าคนอื่นแล้ว” นี่คือการเตือนใจให้ หมั่นภาคภูมิในโอกาสอันล้ำค่าที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ภายใต้ร่มพระธรรม ไม่ใช่แค่โชคดี… แต่คือ โอกาสในการสร้างบุญใหม่ที่ยิ่งใหญ่ ความอุ่นใจจากบุญที่ทำ = กำไรทางใจ ที่ไม่มีใครปล้นไปได้ > ธรรมะสั้น: “ศรัทธาในบุญ คือทุนใหม่ที่ทำให้ชีวิตไม่ขาดทุนอีก” --- 5. ทาน ศีล ภาวนา = กองทุนบุญของชีวิต บทความปิดท้ายด้วยแก่นของพุทธศาสนา: "ทาน ศีล ภาวนา" คือช่องทางในการสร้างกรรมดีที่แน่นอนและมั่นคงที่สุด ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องถามใคร เมื่อสะสมมากขึ้น ใจจะอิ่มเอิบจนถึงขั้นที่ ไม่กลัวความตาย ไม่สะท้านต่อความทุกข์ > ธรรมะสั้น: “ผู้สั่งสมบุญย่อมอยู่เป็นสุขแน่นอน” --- สรุปสาระธรรมแบบใช้ต่อยอดได้ทันที ความอุ่นใจ = ใบเสร็จของผลกรรม ใจสว่าง = ชีวิตไปในทางเจริญ ศรัทธาในกรรม = หลักยึดเมื่อทุกข์ถาโถม การได้ฟังธรรม = เครื่องยืนยันว่าเรามีบุญ ทาน ศีล ภาวนา = ทางลัดสู่ความสุขทางใจอันแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง

    ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า
    - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด
    - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง

    ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์
    - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์
    - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า

    ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
    - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025

    ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
    - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell

    https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์ - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์ - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HP agrees to $4 million settlement over inflated PC prices on its website
    The lawsuit accused HP of using "strike-through" pricing – showing a higher, crossed-out price next to a lower sale price – to suggest that shoppers were getting...
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • “สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 79,054 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45% ของเป้าหมายทั้งปี”นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2568 สคร. มีเป้าหมายในการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (เงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ) จำนวน 176,500 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 31 มีนาคม 2568) มีประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ สะสมจำนวน 62,975 ล้านบาท และ สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ สะสมรวมทั้งสิ้นจำนวน 79,054 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมอยู่ที่จำนวน 16,079 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 126 ของประมาณการสะสม และคิดเป็นร้อยละ 45 ของเป้าหมายการจัดเก็บทั้งปี ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ที่นำส่งรายได้แผ่นดินสูงสุด 10 อันดับแรก (ไม่รวมภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ) แสดงได้ตามตาราง ดังนี้ลำดับที่ รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 จำนวน (ล้านบาท)1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย1 26,349 2) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 22,610 3) ธนาคารออมสิน 8,323 4) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (10,000 of 14,285.7) 7,900 5) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 7,226 6) การไฟฟ้านครหลวง 3,468 7) การประปาส่วนภูมิภาค 1,820 8) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 739 9) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 197 10) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย 109 หมายเหตุ: 1รวมเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากการจัดสรรกำไรสุทธิปี 2566 จำนวน 20,566 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักนโยบายและแผนรัฐวิสาหกิจ โทร. 0 2298 5880 ต่อ 60113
    “สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 79,054 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45% ของเป้าหมายทั้งปี”นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2568 สคร. มีเป้าหมายในการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (เงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ) จำนวน 176,500 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 31 มีนาคม 2568) มีประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ สะสมจำนวน 62,975 ล้านบาท และ สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินฯ สะสมรวมทั้งสิ้นจำนวน 79,054 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมอยู่ที่จำนวน 16,079 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 126 ของประมาณการสะสม และคิดเป็นร้อยละ 45 ของเป้าหมายการจัดเก็บทั้งปี ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ที่นำส่งรายได้แผ่นดินสูงสุด 10 อันดับแรก (ไม่รวมภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ) แสดงได้ตามตาราง ดังนี้ลำดับที่ รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 จำนวน (ล้านบาท)1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย1 26,349 2) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 22,610 3) ธนาคารออมสิน 8,323 4) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (10,000 of 14,285.7) 7,900 5) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 7,226 6) การไฟฟ้านครหลวง 3,468 7) การประปาส่วนภูมิภาค 1,820 8) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 739 9) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 197 10) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย 109 หมายเหตุ: 1รวมเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากการจัดสรรกำไรสุทธิปี 2566 จำนวน 20,566 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักนโยบายและแผนรัฐวิสาหกิจ โทร. 0 2298 5880 ต่อ 60113
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย)

    สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป


    ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง"

    ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า:

    ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ

    ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่

    ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี

    นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม

    ยูเลีย สวีรีเดนโก (Yulia Svyrydenko) รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และรมต.กระทรวงเศรษฐกิจและการค้ายูเครน ประกาศการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum) เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับสหรัฐแล้ว (บันทึกความเข้าใจยังไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย) สวีรีเดนโก กล่าวอีกว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งสรุปกรอบของข้อตกลงด้านแร่ธาตุและลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป ทางด้านเซเลนสกีได้ยืนยันถึงการลงนามตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ (Memorandum) และยังกล่าวอีกว่า "นี่ยังไม่ใช่ข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายที่แท้จริง" ขณะเดียวกันทรัมป์ได้กล่าวในวันนี้ว่า ข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับยูเครนในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุจะมีการ "ลงนามข้อตกลง" ในวันพฤหัสบดีหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The New York Times เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯและยูเครน โดยระบุว่า: ยูเครนจะต้องคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐส่งความช่วยเหลือทางการทหารตลอดระยะเวลา 3 ปีของการต่อสู้กับรัสเซียให้แก่สหรัฐฯ ยูเครนจะต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจากการทำธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่าเรือ ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ เข้ากองทุนที่สหรัฐกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อในด้านโครงการทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่ายูเครนจะคืนเงินค่าใช้จ่ายความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ย 4% ต่อปี นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน แม้ว่าฝ่ายยูเครนจะเคยยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องรวมข้อกำหนดนี้ไว้ในข้อตกลงแร่ธาตุด้วยก็ตาม
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • nEye Systems ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านชิปเครือข่ายสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ได้รับเงินทุนจำนวน 58 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุนที่นำโดย CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet โดยชิปที่พัฒนาขึ้นนี้ใช้เทคโนโลยีแสงเพื่อส่งข้อมูลระหว่างชิป AI แทนการใช้สัญญาณไฟฟ้า

    ✅ การระดมทุน:
    - nEye Systems ได้รับเงินทุน 58 ล้านดอลลาร์จาก CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโดย Alphabet

    ✅ เทคโนโลยีที่พัฒนา:
    - ชิปของ nEye ใช้เทคโนโลยีแสง (optical technology) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิป AI
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล AI

    ✅ ความสำคัญของเทคโนโลยี:
    - การใช้แสงแทนสัญญาณไฟฟ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนในกระบวนการประมวลผลข้อมูล
    - เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจากทั้งบริษัทใหญ่ เช่น Nvidia และสตาร์ทอัพอื่น ๆ

    ✅ ที่ตั้งของบริษัท:
    - nEye Systems ตั้งอยู่ในเมือง Emeryville รัฐแคลิฟอร์เนีย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/ai-networking-chip-startup-neye-systems-raises-58-million-led-by-alphabet039s-capitalg-fund-
    nEye Systems ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านชิปเครือข่ายสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ได้รับเงินทุนจำนวน 58 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุนที่นำโดย CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet โดยชิปที่พัฒนาขึ้นนี้ใช้เทคโนโลยีแสงเพื่อส่งข้อมูลระหว่างชิป AI แทนการใช้สัญญาณไฟฟ้า ✅ การระดมทุน: - nEye Systems ได้รับเงินทุน 58 ล้านดอลลาร์จาก CapitalG ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนโดย Alphabet ✅ เทคโนโลยีที่พัฒนา: - ชิปของ nEye ใช้เทคโนโลยีแสง (optical technology) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิป AI - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล AI ✅ ความสำคัญของเทคโนโลยี: - การใช้แสงแทนสัญญาณไฟฟ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนในกระบวนการประมวลผลข้อมูล - เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจจากทั้งบริษัทใหญ่ เช่น Nvidia และสตาร์ทอัพอื่น ๆ ✅ ที่ตั้งของบริษัท: - nEye Systems ตั้งอยู่ในเมือง Emeryville รัฐแคลิฟอร์เนีย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/ai-networking-chip-startup-neye-systems-raises-58-million-led-by-alphabet039s-capitalg-fund-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI networking chip startup nEye Systems raises $58 million, led by Alphabet's CapitalG fund
    SAN FRANCISCO (Reuters) - NEye Systems, a startup developing a new kind of networking chip for artificial intelligence data centers, on Thursday raised $58 million in venture financing in a round led by CapitalG, a growth-stage fund backed by Alphabet.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย
    .
    เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้
    - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง)
    - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน
    .
    กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น
    - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
    - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า
    - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ
    .
    ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
    .
    การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย . เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้ - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง) - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน . กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ . ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน . การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • กระทรวงพลังงานจ่อออกกฎหมาย 2 ฉบับ ควบคุมราคาน้ำมัน พร้อมแนวคิดเก็บสำรองน้ำมันแทนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ

    ก.พลังงาน เร่งออกกฎหมาย 2 ฉบับ หวังควบคุมการปรับราคาน้ำมันอิสระ และกำหนดให้ผู้ประกอบการแจ้งต้นทุนที่แท้จริง พร้อมวางแผนสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ ด้วยการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ แต่ให้ผู้ประกอบการส่งน้ำมันมาเก็บสำรองเป็นของรัฐแทน
    ชี้ปัญหาราคาพลังงานแพง เกิดจากแนวคิดที่ไม่ถูกต้องที่มุ้งเน้นไปยังผลกำไรของธุรกิจเอกชน มากกว่าความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ พร้อมยืนยันจะแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ในขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน

    https://www.energynewscenter.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-2-%E0%B8%89%E0%B8%9A/?fbclid=IwY2xjawJjakNleHRuA2FlbQIxMAABHrUo9jQhSUVuRnte9W_UzgfyJuyahS9STJNoTzKW3EVdXSPNhH6nmW7WuHcY_aem_2ZqAG3o20pBBF4cVRJkK8w
    กระทรวงพลังงานจ่อออกกฎหมาย 2 ฉบับ ควบคุมราคาน้ำมัน พร้อมแนวคิดเก็บสำรองน้ำมันแทนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ก.พลังงาน เร่งออกกฎหมาย 2 ฉบับ หวังควบคุมการปรับราคาน้ำมันอิสระ และกำหนดให้ผู้ประกอบการแจ้งต้นทุนที่แท้จริง พร้อมวางแผนสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ ด้วยการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ แต่ให้ผู้ประกอบการส่งน้ำมันมาเก็บสำรองเป็นของรัฐแทน ชี้ปัญหาราคาพลังงานแพง เกิดจากแนวคิดที่ไม่ถูกต้องที่มุ้งเน้นไปยังผลกำไรของธุรกิจเอกชน มากกว่าความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ พร้อมยืนยันจะแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ในขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน https://www.energynewscenter.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-2-%E0%B8%89%E0%B8%9A/?fbclid=IwY2xjawJjakNleHRuA2FlbQIxMAABHrUo9jQhSUVuRnte9W_UzgfyJuyahS9STJNoTzKW3EVdXSPNhH6nmW7WuHcY_aem_2ZqAG3o20pBBF4cVRJkK8w
    WWW.ENERGYNEWSCENTER.COM
    พลังงานจ่อออกกฎหมาย 2 ฉบับ ควบคุมราคาน้ำมัน พร้อมแนวคิดเก็บสำรองน้ำมันแทนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ
    พลังงาน เร่งออกกฎหมาย 2 ฉบับ หวังควบคุมการปรับราคาน้ำมันอิสระ และกำหนดให้ผู้ประกอบการแจ้งต้นทุนที่แท้จริง พร้อมวางแผนสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • แบงก์ชาติอีสานพาไปเบิ่งกองทุนหมู่บ้าน…จากแหล่งเงินทุนสู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน

    https://www.tiktok.com/@bankofthailand/video/7490855246256672008?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7168348952743151106
    แบงก์ชาติอีสานพาไปเบิ่งกองทุนหมู่บ้าน…จากแหล่งเงินทุนสู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน https://www.tiktok.com/@bankofthailand/video/7490855246256672008?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7168348952743151106
    @bankofthailand

    แบงก์ชาติอีสานพาไปเบิ่งกองทุนหมู่บ้าน…จากแหล่งเงินทุนสู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน แบงก์ชาติ แบงก์ชาติอีสาน เศรษฐกิจอีสาน #bankofthailand #อีสาน กองทุนหมู่บ้าน #บุรีรัมย์

    ♬ original sound - ธนาคารแห่งประเทศไทย - ธนาคารแห่งประเทศไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 10% ในวันเดียว หลังจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ซึ่งเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวันถึง 32% มาตรการนี้กระทบกับ TSMC และ Foxconn บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันโดยตรง ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในประเทศ

    == ผลกระทบที่สำคัญต่อบริษัทใหญ่ ==
    ✅ Foxconn:
    - Foxconn รับผิดชอบการประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, MacBook และ AI Servers
    - ด้วยอัตราภาษีใหม่ Foxconn เผชิญต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อ กำไรและขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างชัดเจน

    ✅ TSMC:
    - แม้ว่าชิปเซมิคอนดักเตอร์จะไม่ได้ถูกรวมในภาษีรอบนี้ แต่รายได้ของ TSMC มีความเชื่อมโยงกับสินค้าที่ใช้ชิป ซึ่งการลดลงของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจส่งผลกระทบอย่างมากในอนาคต

    == การตอบสนองจากรัฐบาลและความช่วยเหลือในประเทศ ==
    ✅ กองทุนช่วยเหลือ:
    - รัฐบาลไต้หวันจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 2.65 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีสหรัฐฯ

    ✅ มาตรการควบคุมตลาด:
    - มีการจำกัดการขายชอร์ต (Short Selling) เพื่อควบคุมความผันผวนของตลาด

    ✅ คำมั่นจากผู้นำประเทศ:
    - ประธานาธิบดี Lai Ching-te ให้คำมั่นในการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด และมุ่งหวังให้เกิดการลดภาษีในอนาคต

    == คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ==
    ✅ นักวิเคราะห์เตือนถึง ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ Goldman Sachs ถึงขั้นลดอันดับความน่าเชื่อถือของไต้หวันในเอเชีย พร้อมเน้นถึงการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่อาจเป็นจุดอ่อนในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-foxconn-hit-hard-in-taiwan-following-trumps-tariffs-announcement
    ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 10% ในวันเดียว หลังจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ซึ่งเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวันถึง 32% มาตรการนี้กระทบกับ TSMC และ Foxconn บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันโดยตรง ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในประเทศ == ผลกระทบที่สำคัญต่อบริษัทใหญ่ == ✅ Foxconn: - Foxconn รับผิดชอบการประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, MacBook และ AI Servers - ด้วยอัตราภาษีใหม่ Foxconn เผชิญต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อ กำไรและขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างชัดเจน ✅ TSMC: - แม้ว่าชิปเซมิคอนดักเตอร์จะไม่ได้ถูกรวมในภาษีรอบนี้ แต่รายได้ของ TSMC มีความเชื่อมโยงกับสินค้าที่ใช้ชิป ซึ่งการลดลงของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจส่งผลกระทบอย่างมากในอนาคต == การตอบสนองจากรัฐบาลและความช่วยเหลือในประเทศ == ✅ กองทุนช่วยเหลือ: - รัฐบาลไต้หวันจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 2.65 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีสหรัฐฯ ✅ มาตรการควบคุมตลาด: - มีการจำกัดการขายชอร์ต (Short Selling) เพื่อควบคุมความผันผวนของตลาด ✅ คำมั่นจากผู้นำประเทศ: - ประธานาธิบดี Lai Ching-te ให้คำมั่นในการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด และมุ่งหวังให้เกิดการลดภาษีในอนาคต == คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ == ✅ นักวิเคราะห์เตือนถึง ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ Goldman Sachs ถึงขั้นลดอันดับความน่าเชื่อถือของไต้หวันในเอเชีย พร้อมเน้นถึงการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่อาจเป็นจุดอ่อนในระยะยาว https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-foxconn-hit-hard-in-taiwan-following-trumps-tariffs-announcement
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • 8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา!
    “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“
    ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!

    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย
    พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ
    รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย
    รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​
    และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต
    ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช.

    ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง”



    เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ

    ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.
    เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022
    โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม
    แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ

    ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า
    การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ

    กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
    แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง

    แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร?

    ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ! วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​ และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส. เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร? ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    THEPUBLISHERTH.COM
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา ! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!
    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วยพล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญรศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัยรศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูตในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมแต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 309 Views 0 Reviews
  • #สร้างชุมชนthaitimeกัน

    ..ใครคือนักรบชาติไทยจะแนวไหน อย่างไร อิสระแบบใด ติด# ว่า" #สร้างชุมชนthaitimeกัน " ,ในช่องทางเพจบ้านใครมันคงดี จะfb line ติ๊กต๊อก อะไรไหนๆเพิ่มช่องทางสื่อสารไร้เผด็จการปิดกั้นเสรีการแสดงออกและคิดเห็นเราอีกช่องคงดี,thaitime กำลังปรับปรุงให้ใช้งานสะดวกขึ้นแน่นอน ขนาดเปิดคลิปทูปๆยังเล่นได้เลย ไม่ต้องเด้งไปแอปทูปๆมัน สะดวกอีกมิติการพัฒนา,แม้ค่อยๆก้าวเดินมาใหม่ก็จะดีขึ้นแน่ๆ คนไทยสัก40ล้านคนไทยมาร่วมกันใช้มันก็ตื่นรู้อะไรต่างๆได้มากมายเลย,ช่องรายการต่างๆบนแพลตฟอร์มอื่นย้ายมาใช้ที่thaitimeไม่มุ่งหวังกำไรอะไร มันย่อมดีแน่,
    ..อนาคตอาจเป็นกองทุนร้านค้าชุมชนคนไทยออนไลน์ก็ได้,ตลาดชุมชนออนไลน์เป็นพื้นที่ขายของออนไลน์ช่วยเหลือคนไทยฟรีๆด้านแพลตฟอร์มเชื่อมคนซื้อคนขายทางตรงก็ได้,เป็นสถาบันกองทุนตั้นตนเริ่มสัมมาอาชีพคนไทยก็ได้,เป็นแหล่งฮับสาระพัดองค์รู้ต่างๆที่ชุมชนthaitimeนี้ทั่วโลกก็ได้,ทั่วโลกต้องการอะไรจะสินค้า&บริการด้านไหนสามารถมาตลาดชุมชนออนไลน์ตรงนี้ของคนไทยได้หรือเข้ามาใช้ร่วมกันฟรีทั่วโลกก็ได้,เมื่อจุดยืนชัดเจนไม่มุ่งหวังผลประโยชน์กำไร เป็นสาธารณะเพื่อชุมชนคนไทย มันไปได้ดีแน่,ระดมจัดตั้งเป็นแพลตฟอร์มกองทุนตังคนไทยยืมกันฟรีๆก็ได้แบบชวนแบงค์ชาติมาเป็นเจ้าภาพร่วม,บัญชีตังQFSดิจิดัลที่แพลตฟอร์มรวมศูนย์ก็ได้,ฝากถอนตัดจ่ายออนไลน์ออฟไลน์ได้หมดแม้ไร้เน็ต,
    ..คนใช้thaitimeมีบัญชีตังQFSด้วยจะขนาดไหน,แบงค์ส่งเสริมเงินเริ่มต้นสัมมาอาชีพคนไทยอนาคตผ่านกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านthaitimeจริงจังจะขนาดไหน อาทิไทยมี80,000หมู่บ้าน แบงค์สร้างโครงการนี้ขึ้นทดลองสัก20,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาท คนชุมชนนั้นต้องสมัครสมาชิกthaitimeด้วย สแกนจ่ายตังตัดบัญชีQFSที่แอปthaitimeได้เลย,ทั้งแบบออนไลน์และตลาดร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านนั้นๆที่แบงค์อนุมัติร่วมโครงการ,ขายของออนไลน์ได้ก็เข้าบัญชีQFSเลยของชาวบ้านจะสินค้าเกษตรที่ขายได้หรือใดๆ,ฝากตังก็ได้ถอนเงินสดก็ได้ผ่านสาขาสถานที่จริงคือร้านค้าชุมชนตนในแต่ละหมู่บ้านนั้น,ตังจะหมุนเวียนในชุมชนนั้นๆหรือภายในประเทศอย่างเดียว,ในเบื้องต้นที่เริ่มโครงการ,เงินที่คนจะฝากก็สนใจมาฝากมาเป็นสมาชิกthaitime ระดมทุนได้ด้วย,อนาคตก็ออกเป็นหุ้นสมาชิก เป็นเจ้าของกรรมสิทธิจริงร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ,หรือเริ่มต้นทำแบบนี้ก่อนก็ได้,เงินที่สะพัดในประเทศไทยปกติกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปีก็จะเข้ามาในชุมชนคนไทยอย่างมีระบบระเบียบ ,โครงการอะไรดีๆเช่นโคกหนองนาโมเดล ยื่นลงทะเบียนออนไลน์คัดกรองส่งเสริมกันได้สะดวก,ตังใครสำเร็จเช่นขายสินค้าเกษตรได้ก็มาร่วมฝากไว้ที่แอปเรา มีแบงค์ชาติค้ำสถานะ,ขายทุเรียนมีสัก1,000-2,000คนมูลค้าได้กำไรกว่า10,000-20,000ล้านบาทอาจร่วมมาฝากเพิ่มสภาพคล่องปล่อยคนสัมมาอาชีพอื่นๆมายืมตังทำทุนสร้างตนเองฟรีดอกเบี้ย,ส่งแค่เงินต้นในปีที่สองก็ว่า,ปลูกสร้างทำเสร็จ เราสร้างแพลตฟอร์มการตลาดรองรับช่วยกัน,ขายได้ตังก็มีสถานที่เก็บที่แบงค์ค้ำประกันให้ อาจโอนออโต้เก็บตรงที่แบงค์ชาติส่วนกลางเลย,ตังกว่า100ล้านล้านบาท หมุนช่วยเหลือสมาชิกคนไทยสร้างสัมมาอาชีพพึ่งพาตนเองได้จริงด้วยตนเองเหลือล้นล่ะ,แบงค์เอกชนอาศัยตังนี้ไปปั่นทำกำไรอะไรก็ไม่ได้,ตั้งเงินปล่อยยืมเรียลไทม์รายวินาทีรายวันก็ได้เช่นวันนี้ใครอยากยืมไปทำเกษตรสร้างอาชีพเริ่มต้น สองปีหลังค่อยมาผ่อนจ่ายเงินต้น ให้คนละ1,000,000บาท ทุนโครงการรออนุมัติวันนี้เพียง10,000,000,000บาทแค่นั้น,ช่วยคนไทยได้10,000คนต่อวันโน้น,เขาเอาตัง500,000แรกลงทุนอาชีพปลูกพืชผักของเราสไตล์ล้ำๆหรือธรรมชาติแบบไหนก็ตาม อีก500,000คือรายจ่ายค่ากินอยู่ดำรงชีพรอเก็บเกี่ยวผลผลิต,จบ2ปีกำไร200,000บาทคืนตังทั้งหมดได้บวกอุปกรณ์ทุนเดิมยังสร้างรายได้ต่อยอดอื่นๆได้อีกก็มั่นคงนะสิ,ตัง10,000ล้านสามารถปล่อยยืมคนไทยคนต่อไปได้ต่ออีกโน้น,พวกนี้ชวนญาติพี่น้องมาฝากมาออมตังอีก แม่ค้าพ่อค้ามาฝากตังอีก ตังมีแต่จะเพิ่มขึ้น,ค้าขายต่างประเทศขายออนไลน์ได้กำไรคนละ100ล้านบาท ทำสำเร็จกว่า100,000คนไทย เอาตังมาฝากเก็บในกองทุนเราเองอีกคือ10ล้านล้านบาทเลยนะในเดือนนั้นไตรมาสนั้นครึ่งปีนั้นหรือตลอดปีก็ตาม,สรุปกองทุนชุมชนเราอาจหมุนเวียนกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีใครจะรู้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์.จึงมาร่วมสร้างthaitimeเป็นพันธมิตรรักคนไทยเราร่วมกันดีที่สุด.คนดีคนเก่งมากมายสร้างสรรค์จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้ยอดเยี่ยมได้สบายล่ะ,คนไทยเราอัจฉริยะเยอะนะ.

    #สร้างชุมชนthaitimeกัน ..ใครคือนักรบชาติไทยจะแนวไหน อย่างไร อิสระแบบใด ติด# ว่า" #สร้างชุมชนthaitimeกัน " ,ในช่องทางเพจบ้านใครมันคงดี จะfb line ติ๊กต๊อก อะไรไหนๆเพิ่มช่องทางสื่อสารไร้เผด็จการปิดกั้นเสรีการแสดงออกและคิดเห็นเราอีกช่องคงดี,thaitime กำลังปรับปรุงให้ใช้งานสะดวกขึ้นแน่นอน ขนาดเปิดคลิปทูปๆยังเล่นได้เลย ไม่ต้องเด้งไปแอปทูปๆมัน สะดวกอีกมิติการพัฒนา,แม้ค่อยๆก้าวเดินมาใหม่ก็จะดีขึ้นแน่ๆ คนไทยสัก40ล้านคนไทยมาร่วมกันใช้มันก็ตื่นรู้อะไรต่างๆได้มากมายเลย,ช่องรายการต่างๆบนแพลตฟอร์มอื่นย้ายมาใช้ที่thaitimeไม่มุ่งหวังกำไรอะไร มันย่อมดีแน่, ..อนาคตอาจเป็นกองทุนร้านค้าชุมชนคนไทยออนไลน์ก็ได้,ตลาดชุมชนออนไลน์เป็นพื้นที่ขายของออนไลน์ช่วยเหลือคนไทยฟรีๆด้านแพลตฟอร์มเชื่อมคนซื้อคนขายทางตรงก็ได้,เป็นสถาบันกองทุนตั้นตนเริ่มสัมมาอาชีพคนไทยก็ได้,เป็นแหล่งฮับสาระพัดองค์รู้ต่างๆที่ชุมชนthaitimeนี้ทั่วโลกก็ได้,ทั่วโลกต้องการอะไรจะสินค้า&บริการด้านไหนสามารถมาตลาดชุมชนออนไลน์ตรงนี้ของคนไทยได้หรือเข้ามาใช้ร่วมกันฟรีทั่วโลกก็ได้,เมื่อจุดยืนชัดเจนไม่มุ่งหวังผลประโยชน์กำไร เป็นสาธารณะเพื่อชุมชนคนไทย มันไปได้ดีแน่,ระดมจัดตั้งเป็นแพลตฟอร์มกองทุนตังคนไทยยืมกันฟรีๆก็ได้แบบชวนแบงค์ชาติมาเป็นเจ้าภาพร่วม,บัญชีตังQFSดิจิดัลที่แพลตฟอร์มรวมศูนย์ก็ได้,ฝากถอนตัดจ่ายออนไลน์ออฟไลน์ได้หมดแม้ไร้เน็ต, ..คนใช้thaitimeมีบัญชีตังQFSด้วยจะขนาดไหน,แบงค์ส่งเสริมเงินเริ่มต้นสัมมาอาชีพคนไทยอนาคตผ่านกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านthaitimeจริงจังจะขนาดไหน อาทิไทยมี80,000หมู่บ้าน แบงค์สร้างโครงการนี้ขึ้นทดลองสัก20,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาท คนชุมชนนั้นต้องสมัครสมาชิกthaitimeด้วย สแกนจ่ายตังตัดบัญชีQFSที่แอปthaitimeได้เลย,ทั้งแบบออนไลน์และตลาดร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านนั้นๆที่แบงค์อนุมัติร่วมโครงการ,ขายของออนไลน์ได้ก็เข้าบัญชีQFSเลยของชาวบ้านจะสินค้าเกษตรที่ขายได้หรือใดๆ,ฝากตังก็ได้ถอนเงินสดก็ได้ผ่านสาขาสถานที่จริงคือร้านค้าชุมชนตนในแต่ละหมู่บ้านนั้น,ตังจะหมุนเวียนในชุมชนนั้นๆหรือภายในประเทศอย่างเดียว,ในเบื้องต้นที่เริ่มโครงการ,เงินที่คนจะฝากก็สนใจมาฝากมาเป็นสมาชิกthaitime ระดมทุนได้ด้วย,อนาคตก็ออกเป็นหุ้นสมาชิก เป็นเจ้าของกรรมสิทธิจริงร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ,หรือเริ่มต้นทำแบบนี้ก่อนก็ได้,เงินที่สะพัดในประเทศไทยปกติกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปีก็จะเข้ามาในชุมชนคนไทยอย่างมีระบบระเบียบ ,โครงการอะไรดีๆเช่นโคกหนองนาโมเดล ยื่นลงทะเบียนออนไลน์คัดกรองส่งเสริมกันได้สะดวก,ตังใครสำเร็จเช่นขายสินค้าเกษตรได้ก็มาร่วมฝากไว้ที่แอปเรา มีแบงค์ชาติค้ำสถานะ,ขายทุเรียนมีสัก1,000-2,000คนมูลค้าได้กำไรกว่า10,000-20,000ล้านบาทอาจร่วมมาฝากเพิ่มสภาพคล่องปล่อยคนสัมมาอาชีพอื่นๆมายืมตังทำทุนสร้างตนเองฟรีดอกเบี้ย,ส่งแค่เงินต้นในปีที่สองก็ว่า,ปลูกสร้างทำเสร็จ เราสร้างแพลตฟอร์มการตลาดรองรับช่วยกัน,ขายได้ตังก็มีสถานที่เก็บที่แบงค์ค้ำประกันให้ อาจโอนออโต้เก็บตรงที่แบงค์ชาติส่วนกลางเลย,ตังกว่า100ล้านล้านบาท หมุนช่วยเหลือสมาชิกคนไทยสร้างสัมมาอาชีพพึ่งพาตนเองได้จริงด้วยตนเองเหลือล้นล่ะ,แบงค์เอกชนอาศัยตังนี้ไปปั่นทำกำไรอะไรก็ไม่ได้,ตั้งเงินปล่อยยืมเรียลไทม์รายวินาทีรายวันก็ได้เช่นวันนี้ใครอยากยืมไปทำเกษตรสร้างอาชีพเริ่มต้น สองปีหลังค่อยมาผ่อนจ่ายเงินต้น ให้คนละ1,000,000บาท ทุนโครงการรออนุมัติวันนี้เพียง10,000,000,000บาทแค่นั้น,ช่วยคนไทยได้10,000คนต่อวันโน้น,เขาเอาตัง500,000แรกลงทุนอาชีพปลูกพืชผักของเราสไตล์ล้ำๆหรือธรรมชาติแบบไหนก็ตาม อีก500,000คือรายจ่ายค่ากินอยู่ดำรงชีพรอเก็บเกี่ยวผลผลิต,จบ2ปีกำไร200,000บาทคืนตังทั้งหมดได้บวกอุปกรณ์ทุนเดิมยังสร้างรายได้ต่อยอดอื่นๆได้อีกก็มั่นคงนะสิ,ตัง10,000ล้านสามารถปล่อยยืมคนไทยคนต่อไปได้ต่ออีกโน้น,พวกนี้ชวนญาติพี่น้องมาฝากมาออมตังอีก แม่ค้าพ่อค้ามาฝากตังอีก ตังมีแต่จะเพิ่มขึ้น,ค้าขายต่างประเทศขายออนไลน์ได้กำไรคนละ100ล้านบาท ทำสำเร็จกว่า100,000คนไทย เอาตังมาฝากเก็บในกองทุนเราเองอีกคือ10ล้านล้านบาทเลยนะในเดือนนั้นไตรมาสนั้นครึ่งปีนั้นหรือตลอดปีก็ตาม,สรุปกองทุนชุมชนเราอาจหมุนเวียนกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีใครจะรู้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์.จึงมาร่วมสร้างthaitimeเป็นพันธมิตรรักคนไทยเราร่วมกันดีที่สุด.คนดีคนเก่งมากมายสร้างสรรค์จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้ยอดเยี่ยมได้สบายล่ะ,คนไทยเราอัจฉริยะเยอะนะ.
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • 04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง

    White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ

    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

    เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ

    ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล

    อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

    การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า

    อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น

    https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    White House to review billions in Harvard funding
    The White House has accused the university of failing to adequately address anti-Semitism on its campus
    0 Comments 0 Shares 569 Views 0 Reviews
  • เรย์ ดาลิโอ 📌ส่งสัญญาณเตือน! 6 ผลกระทบภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจโลก เผยระบบการเงิน-การค้าปัจจุบันไม่ยั่งยืน คาดเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ชี้ประเด็นดอลลาร์-หยวนเป็นกุญแจสำคัญในการปรับดุลอำนาจใหม่📌ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยอาจเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพบกัน👉เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ Bridgewater Associates และนักลงทุนระดับตำนาน เผยบทวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศกำลังทวีความรุนแรง โดยระบุผลกระทบลำดับแรก 6 ประการสำคัญ ได้แก่ 1) เพิ่มรายได้ให้ประเทศผู้เรียกเก็บ โดยผู้ผลิตต่างประเทศและผู้บริโภคในประเทศรับภาระร่วมกัน 2) ลดประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก 3) ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อ (stagflation) ต่อเศรษฐกิจโลก 4) ปกป้องบริษัทในประเทศผู้เรียกเก็บภาษีจากการแข่งขันจากต่างประเทศ 5) จำเป็นในช่วงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเพื่อรับประกันศักยภาพการผลิตภายในประเทศ และ 6) ลดความไม่สมดุลทั้งในบัญชีเดินสะพัดและบัญชีทุน นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงผลกระทบลำดับที่สองซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษี การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการคลัง โดยเฉพาะหากเกิดการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเช่นกัน ซึ่งจะสร้างภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อในวงกว้างมากขึ้น ดาลิโอยังเน้นย้ำความไม่สมดุลในระบบปัจจุบันจะต้องลดลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองโลกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าและเงินทุนระหว่างสหรัฐฯ-จีนในอนาคต #imctnews รายงาน
    เรย์ ดาลิโอ 📌ส่งสัญญาณเตือน! 6 ผลกระทบภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจโลก เผยระบบการเงิน-การค้าปัจจุบันไม่ยั่งยืน คาดเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ชี้ประเด็นดอลลาร์-หยวนเป็นกุญแจสำคัญในการปรับดุลอำนาจใหม่📌ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยอาจเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพบกัน👉เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ Bridgewater Associates และนักลงทุนระดับตำนาน เผยบทวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศกำลังทวีความรุนแรง โดยระบุผลกระทบลำดับแรก 6 ประการสำคัญ ได้แก่ 1) เพิ่มรายได้ให้ประเทศผู้เรียกเก็บ โดยผู้ผลิตต่างประเทศและผู้บริโภคในประเทศรับภาระร่วมกัน 2) ลดประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก 3) ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อ (stagflation) ต่อเศรษฐกิจโลก 4) ปกป้องบริษัทในประเทศผู้เรียกเก็บภาษีจากการแข่งขันจากต่างประเทศ 5) จำเป็นในช่วงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเพื่อรับประกันศักยภาพการผลิตภายในประเทศ และ 6) ลดความไม่สมดุลทั้งในบัญชีเดินสะพัดและบัญชีทุน นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงผลกระทบลำดับที่สองซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษี การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการคลัง โดยเฉพาะหากเกิดการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเช่นกัน ซึ่งจะสร้างภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อในวงกว้างมากขึ้น ดาลิโอยังเน้นย้ำความไม่สมดุลในระบบปัจจุบันจะต้องลดลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองโลกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าและเงินทุนระหว่างสหรัฐฯ-จีนในอนาคต #imctnews รายงาน
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • สายอนุรักษ์นิยมโดนสอยอีกราย!

    มารีน เลอเปน ผู้นำฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมของฝรั่งเศส ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
    คำตัดสินนี้ทำให้เลอเปนถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2027 ซึ่งเธอเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ และมีโอกาสคว้าชัยชนะอย่างสูง

    ศาลกรุงปารีสตัดสินจำคุกมารีน เลอเปน ว่ามีความผิดพร้อมกับสมาชิกรัฐสภายุโรปอีก 8 คนจากพรรคของเธอ และผู้ช่วยอีก 12 คน ในความผิดฐานฐานยักยอกเงินกองทุนสหภาพยุโรป เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับพรรค National Rally (RN) ของเธอในฝรั่งเศส แทนที่จะจ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐสภายุโรปซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินให้พวกเขา

    การตัดสินของศาลฝรั่งเศสครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินที่รุนแรงทางการเมืองและทำลายความหวังของเธอในการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2027

    เมื่อปีที่แล้ว อัยการกรุงปารีสได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำคุกเลอเปน โดยกล่าวว่าการลงโทษเลอเปนไม่ควรเป็นเพียงการปรับเงิน 300,000 ยูโร (250,000 ปอนด์) และจำคุกเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย

    และที่สำคัญ อัยการกล่าวว่าการตัดสิทธิทางการเมืองควรเริ่มดำเนินการทันที และไม่ควรถูกระงับไว้ระหว่างรอการอุทธรณ์
    เบเนดิกต์ เดอ แปร์ทุยส์ ประธานศาลกรุงปารีส กล่าวว่าการกระทำของเลอเปนนับว่าเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของประชาธิปไตยในยุโรปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส

    มีรายงานว่า เลอเปนออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนที่คำพิพากษาจะถูกอ่านจนจบ

    เลอเปนได้ประกาศจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินครั้งนี้
    สายอนุรักษ์นิยมโดนสอยอีกราย! มารีน เลอเปน ผู้นำฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมของฝรั่งเศส ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี คำตัดสินนี้ทำให้เลอเปนถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2027 ซึ่งเธอเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ และมีโอกาสคว้าชัยชนะอย่างสูง ศาลกรุงปารีสตัดสินจำคุกมารีน เลอเปน ว่ามีความผิดพร้อมกับสมาชิกรัฐสภายุโรปอีก 8 คนจากพรรคของเธอ และผู้ช่วยอีก 12 คน ในความผิดฐานฐานยักยอกเงินกองทุนสหภาพยุโรป เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับพรรค National Rally (RN) ของเธอในฝรั่งเศส แทนที่จะจ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐสภายุโรปซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินให้พวกเขา การตัดสินของศาลฝรั่งเศสครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินที่รุนแรงทางการเมืองและทำลายความหวังของเธอในการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2027 เมื่อปีที่แล้ว อัยการกรุงปารีสได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำคุกเลอเปน โดยกล่าวว่าการลงโทษเลอเปนไม่ควรเป็นเพียงการปรับเงิน 300,000 ยูโร (250,000 ปอนด์) และจำคุกเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย และที่สำคัญ อัยการกล่าวว่าการตัดสิทธิทางการเมืองควรเริ่มดำเนินการทันที และไม่ควรถูกระงับไว้ระหว่างรอการอุทธรณ์ เบเนดิกต์ เดอ แปร์ทุยส์ ประธานศาลกรุงปารีส กล่าวว่าการกระทำของเลอเปนนับว่าเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของประชาธิปไตยในยุโรปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส มีรายงานว่า เลอเปนออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนที่คำพิพากษาจะถูกอ่านจนจบ เลอเปนได้ประกาศจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินครั้งนี้
    0 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews
More Results