• วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา

    10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

    ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน

    ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ

    ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน

    #Newskit
    วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา 10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน

    เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง

    เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้

    ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน

    ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน

    #Newskit
    NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ระบบบัญชีธนาคารหรือการชำระตังในอนาคต ถ้าควอนตัมมาจริงมาเร็วแบบระบบQFS ISO20022มาจริงแทนเฟียต 1บัตรประชาชนควอนตัมคือ1บัญชีธนาคารควอนตัมและคือ1เบอร์มือถือควอตัมชื่อสกุลรวมเป็น1เดียวกัน สามารถตรวจสอบธุรกรรมการเงินทุกๆธุรกรรมแม้ผ่านไปแล้วในอดีตก็ตรวจสอบค่าจริงย้อนหลังและจัดการคนไม่ดีในสังคมได้ จะสบายใจต่อทุกๆคนแน่ รู้คนปลายทางไม่ดีนั้นชัดเจน,ถ้าค้าขายกับคนต่างชาติ ตังจะพักไว้ที่ฮับกลางก่อน จากนั้นค่อยปล่อยตังให้คนต่างชาติที่ขายสินค้าให้คนไทยนับไปหลังจากรับสินค้าและความพอใจหรือไม่พอใจที่สินค้าไม่ตรงปกได้,สามารถหยุดจ่ายตังปล่อยตังออกไปทันทีแก่คนหลอกลวงคนไทยที่อยู่นอกประเทศได้ ซึ่งแบงค์ชาติอาจคือฮับกลางคอยควบคุมตรงนี้ทางตรงได้,ส่วนในประเทศ 1บัญชี1เบอร์มือถือบอกชื่อสกุลที่อยู่ตรงทะเบียนราชฎร์หรือที่อยู่เรียลไทม์ในระบบตรวจสอบได้ชัดและต่อ1บัตรประชาชนคนค้าขายด้วย,ติดตาทจับกุม&ลงโทษง่ายภายในประเทศเราทันทีเมื่อเกิดเหตุ,แจ้งความออนไลน์ได้อีก,อาจระงับธุรกรรมบัตรประชาชนทุจริตนั้นได้ทัน,ซวยแน่นอนคนทำผิด,ส่วนในต่างชาติก็หมายจะหลอกเอาตังคนไทยไม่ง่ายจะปล่อยตังก็T+3เป็นต้นจึงจะได้ตังจากคนไทยและหลังยืนยันรับสินค้าแล้วด้วยจึงนับT+3ได้ก็ว่า,ระหว่างนี้สามารถระงับอายัดตังคืนได้เมื่อสินค้าไม่ตรงปก,ปัจจุบันระบบเรากากมาก,ชื่อสกุลที่อยู่จริงต้องโชว์ชัดเจน ยิ่งในการโทรด้วยมิใช่แค่โชว์เบอร์ กสทช.ต้องรับระบบออโต้เลย เขาโทรไปหาใคร มือถือคนรับแม้ไม่บันทึกชื่อคนติดต่อใดๆไว้ ระบบตรวจจับแจ้งบอกสถานะเรียลไทม์ออโต้โชว์ปลายสายเลย.

    https://youtube.com/shorts/6rC3BCH1-JM?si=jf6aw-Ncb7GReW3f
    ..ระบบบัญชีธนาคารหรือการชำระตังในอนาคต ถ้าควอนตัมมาจริงมาเร็วแบบระบบQFS ISO20022มาจริงแทนเฟียต 1บัตรประชาชนควอนตัมคือ1บัญชีธนาคารควอนตัมและคือ1เบอร์มือถือควอตัมชื่อสกุลรวมเป็น1เดียวกัน สามารถตรวจสอบธุรกรรมการเงินทุกๆธุรกรรมแม้ผ่านไปแล้วในอดีตก็ตรวจสอบค่าจริงย้อนหลังและจัดการคนไม่ดีในสังคมได้ จะสบายใจต่อทุกๆคนแน่ รู้คนปลายทางไม่ดีนั้นชัดเจน,ถ้าค้าขายกับคนต่างชาติ ตังจะพักไว้ที่ฮับกลางก่อน จากนั้นค่อยปล่อยตังให้คนต่างชาติที่ขายสินค้าให้คนไทยนับไปหลังจากรับสินค้าและความพอใจหรือไม่พอใจที่สินค้าไม่ตรงปกได้,สามารถหยุดจ่ายตังปล่อยตังออกไปทันทีแก่คนหลอกลวงคนไทยที่อยู่นอกประเทศได้ ซึ่งแบงค์ชาติอาจคือฮับกลางคอยควบคุมตรงนี้ทางตรงได้,ส่วนในประเทศ 1บัญชี1เบอร์มือถือบอกชื่อสกุลที่อยู่ตรงทะเบียนราชฎร์หรือที่อยู่เรียลไทม์ในระบบตรวจสอบได้ชัดและต่อ1บัตรประชาชนคนค้าขายด้วย,ติดตาทจับกุม&ลงโทษง่ายภายในประเทศเราทันทีเมื่อเกิดเหตุ,แจ้งความออนไลน์ได้อีก,อาจระงับธุรกรรมบัตรประชาชนทุจริตนั้นได้ทัน,ซวยแน่นอนคนทำผิด,ส่วนในต่างชาติก็หมายจะหลอกเอาตังคนไทยไม่ง่ายจะปล่อยตังก็T+3เป็นต้นจึงจะได้ตังจากคนไทยและหลังยืนยันรับสินค้าแล้วด้วยจึงนับT+3ได้ก็ว่า,ระหว่างนี้สามารถระงับอายัดตังคืนได้เมื่อสินค้าไม่ตรงปก,ปัจจุบันระบบเรากากมาก,ชื่อสกุลที่อยู่จริงต้องโชว์ชัดเจน ยิ่งในการโทรด้วยมิใช่แค่โชว์เบอร์ กสทช.ต้องรับระบบออโต้เลย เขาโทรไปหาใคร มือถือคนรับแม้ไม่บันทึกชื่อคนติดต่อใดๆไว้ ระบบตรวจจับแจ้งบอกสถานะเรียลไทม์ออโต้โชว์ปลายสายเลย. https://youtube.com/shorts/6rC3BCH1-JM?si=jf6aw-Ncb7GReW3f
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมเดินหน้าทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยแบบเซลล์บรอดแคสต์ (Cell Broadcast Service) แบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ. กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเปิดใช้งานจริง โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้ง CBS เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน

    นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มีความพร้อมเปิดใช้งาน Cell Broadcast Service (CBS) แล้ววันนี้ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual โดยได้ติดตั้งระบบ CBS ครอบคลุมทุกสถานีฐาน 4G และ 5G ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน ทั้งนี้ เราพร้อมสนับสนุน ปภ. ทดสอบระบบแบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

    ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทดสอบการรับสัญญาณ Cell Broadcast เรียบร้อยแล้วทั้งในอุปกรณ์ iPhone และ Android ที่รองรับ 4G และ 5G สามารถรับข้อความแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ทดสอบต่อสายตานักข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000038134

    #MGROnline #CellBroadcastService #ทรูคอร์ปอเรชั่น #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมเดินหน้าทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยแบบเซลล์บรอดแคสต์ (Cell Broadcast Service) แบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ. กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเปิดใช้งานจริง โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้ง CBS เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน • นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มีความพร้อมเปิดใช้งาน Cell Broadcast Service (CBS) แล้ววันนี้ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual โดยได้ติดตั้งระบบ CBS ครอบคลุมทุกสถานีฐาน 4G และ 5G ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน ทั้งนี้ เราพร้อมสนับสนุน ปภ. ทดสอบระบบแบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ • ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทดสอบการรับสัญญาณ Cell Broadcast เรียบร้อยแล้วทั้งในอุปกรณ์ iPhone และ Android ที่รองรับ 4G และ 5G สามารถรับข้อความแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ทดสอบต่อสายตานักข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000038134 • #MGROnline #CellBroadcastService #ทรูคอร์ปอเรชั่น #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • กสทช.และ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ย้ำความพร้อมใช้ระบบ Cell Broadcast Center (CBC) แจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านเครือข่ายมือถือ โดยไม่ต้องรอระบบ Cell Broadcast Entity (CBE) หรือ ศูนย์สั่งการของภาครัฐ ของ ปภ. ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ
    กสทช.และ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ย้ำความพร้อมใช้ระบบ Cell Broadcast Center (CBC) แจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านเครือข่ายมือถือ โดยไม่ต้องรอระบบ Cell Broadcast Entity (CBE) หรือ ศูนย์สั่งการของภาครัฐ ของ ปภ. ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) 2025 แก้ไขข้อจำกัดการต่อสู้่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบเดิมๆ และเพิ่มแนวทางให้ผู้ให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ทำตามมาตรฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
    ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ของกฎหมายนี้คือการก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เป็นศูนย์กลางรับแจ้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีอำนาจในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบต่างๆ เช่น
    ระงับบัญชีเงินฝาก รวบรวมจำนวนบัญชีเงินฝากที่บุคคลถือไว้ (ไม่รวมจำนวนเงิน), ขอข้อมูลบัญชีต้องสงสัย
    เปิดเผยข้อมูลบัญชีไปยังหน่วยงานเอกชนหรือรัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ไขข้อจำกัดที่เดิมธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝั่งผู้ให้บริการคริปโต
    แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ หรือชื่อ SMS ให้กสทช. สั่งบล็อค
    รวบรวมรายชื่อบุคคลหรือหมายเลขบัญชีคริปโต และสั่งให้ระงับการให้บริการได้
    ศปอท. จะใช้คนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ก.ล.ต., กสทช., และหน่วยงานอื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
    ประเด็นหนึ่งที่กฎหมายนี้ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างนอกจากการตั้ง ศปอท. ก็คือการให้ธนาคารและค่ายโทรศัพท์มือถือร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายเหมือนมาตรการของสิงคโปร์ แต่พ.ร.ก. ฉบับนี้เขียนในมาตรา 8/10 ให้ครอบคลุมขึ้น ด้วยการรวมทั้งสถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์, และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นว่าจะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไว้ครบแล้ว
    กฎหมายมีผลแล้ววันนี้ แต่ประกาศหลักเกณฑ์จำนวนมากยังต้องรอการประกาศต่อไป
    ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา
    เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) 2025 แก้ไขข้อจำกัดการต่อสู้่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบเดิมๆ และเพิ่มแนวทางให้ผู้ให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ทำตามมาตรฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ของกฎหมายนี้คือการก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เป็นศูนย์กลางรับแจ้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีอำนาจในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบต่างๆ เช่น ระงับบัญชีเงินฝาก รวบรวมจำนวนบัญชีเงินฝากที่บุคคลถือไว้ (ไม่รวมจำนวนเงิน), ขอข้อมูลบัญชีต้องสงสัย เปิดเผยข้อมูลบัญชีไปยังหน่วยงานเอกชนหรือรัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ไขข้อจำกัดที่เดิมธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝั่งผู้ให้บริการคริปโต แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ หรือชื่อ SMS ให้กสทช. สั่งบล็อค รวบรวมรายชื่อบุคคลหรือหมายเลขบัญชีคริปโต และสั่งให้ระงับการให้บริการได้ ศปอท. จะใช้คนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ก.ล.ต., กสทช., และหน่วยงานอื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ประเด็นหนึ่งที่กฎหมายนี้ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างนอกจากการตั้ง ศปอท. ก็คือการให้ธนาคารและค่ายโทรศัพท์มือถือร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายเหมือนมาตรการของสิงคโปร์ แต่พ.ร.ก. ฉบับนี้เขียนในมาตรา 8/10 ให้ครอบคลุมขึ้น ด้วยการรวมทั้งสถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์, และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นว่าจะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไว้ครบแล้ว กฎหมายมีผลแล้ววันนี้ แต่ประกาศหลักเกณฑ์จำนวนมากยังต้องรอการประกาศต่อไป ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    “หลักกู”กสทช.พ่นพิษ รอคำสั่งประธานเถื่อน.เรากลับมาถึงปัญหาอันใหญ่หลวงใน กสทช. ซึ่งผู้ชมจะเห็นได้ว่า ภายใต้การนำของนายแพทย์สรณ ประธานเถื่อน กสทช. และนายไตรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ล้มเหลวและเน่าเฟะ แทบทุกองคาพยพ จนไม่เพียงกระทบต่อการดำเนินงานภายในสำนักงาน กสทช. แต่ยังได้ส่งผลมาถึงประเทศชาติในภาพรวมด้วย.ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลได้แชร์และวิจารณ์โพสต์จากเฟซบุ๊ก พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในวันเสาร์ที่แล้ว(5เม.ย.) ได้โพสต์ข้อความอย่างนี้ครับ"วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนปลอดภัย แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯสั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน".ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากโพสต์ข้อความวิจารณ์กรรมการ กสทช. รายดังกล่าว ว่า "หากท่านประธานอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสั่งการได้ ยกเว้นถ้าท่านอยู่ในลิฟต์เหมือนประชาชนมากมายในวันศุกร์ หรือเกิดเหตุการณ์ด้านสุขภาพ กสทช. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไรหรือครับท่าน" อีกคำถามหนึ่งที่ชาวเน็ตถามว่า "แบบนี้ถ้าประธานไม่อยู่ หรือยังสั่งการอะไรไม่ได้ในช่วงเวลาเกิดเหตุเร่งด่วนขนาดนี้ ก็ให้พวกผมรอความตายกันหรือครับ".ถ้าเราไปค้นดูจริงๆ ก็มีจริงๆ หนังสือคำสั่งบ้าๆ ที่เป็นบันทึกข้อความลงนามโดยหมอสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เนื้อหาหลักๆ ก็คือว่า ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ได้รับการอนุมัติหรือสั่งการมาจากประธาน กสทช. แล้วยังมีบันทึกข้อความของหมอสรณ กับนายไตรรัตน์ อีกหลายฉบับ ที่ออกมาย้ำเรื่องนี้ รวมทั้งคำสั่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กสทช. คนอื่นๆ อีกด้วย.จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ กสทช. มีความขัดแย้ง แล้วการงานไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะมีประธานเถื่อน ก็คือนายแพทย์สรณ ผูกขาด เอาอำนาจมารวบไว้ที่ตัวคนเดียว คือทุกอย่างต้องอยู่ที่กู ถ้ากูไม่สั่ง ห้ามขยับเด็ดขาด.จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ล่าสุด ที่สร้างความฉิบหายและความวุ่นวายให้กับคนทั้งประเทศ ก่อนที่พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ที่คุยกันเรื่องทำ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ พวกคุณใช้เวลาดำเนินการมา 4 ปีเต็มๆ แล้วพวกคุณใช้เงินไปพันกว่าล้านบาทแล้ว ยังไม่เสร็จ.ล่าสุด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นจริงๆ ถ้าพวกคุณคิดจะขยันกันขึ้นมาแบบผิดปกติ แย่งกันทำ แย่งกันพรีเซนต์ว่าระบบเสร็จแล้ว ระบบพร้อมแล้ว กำลังจัดซื้อโน่นจัดซื้อนี่เพิ่มเติม เพราะเชื่อแน่ได้ว่าแต่ละหน่วยงานก็หวังได้ค่าหัวคิว ได้เงินส่วนต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบต่างๆ ขึ้นมา.คราวต่อไป ผมจะมาเปิดโปงเรื่องอื่นๆ ต่ออีก รับรองว่าถ้าประชาชนได้รับรู้ ทราบเรื่องราวแล้ว มั่นใจว่าเก้าอี้ทำงานของพวกคุณต้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงาน กสทช. ซอยสายลม เพียงที่เดียว อย่างแน่นอนที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP288 : ตึกสตง. โคตรคอร์รับชัน 11-04-68 (Full)

    - ตึกกากเต้าหู้ การคอร์รัปชันใหญ่สุด
    - ลูกเนวินลั่น “ไม่เอากาสิโน”
    - อุ๊งอิ๊ง-มิน อ่องหล่าย และ ทักษิณ - โมดี
    - กสทช.ปธ.เถื่อน เกียวร์ว่างแผ่นดินไหว
    - สงครามภาษี ทรัมป์
    Sondhitalk EP288 : ตึกสตง. โคตรคอร์รับชัน 11-04-68 (Full) - ตึกกากเต้าหู้ การคอร์รัปชันใหญ่สุด - ลูกเนวินลั่น “ไม่เอากาสิโน” - อุ๊งอิ๊ง-มิน อ่องหล่าย และ ทักษิณ - โมดี - กสทช.ปธ.เถื่อน เกียวร์ว่างแผ่นดินไหว - สงครามภาษี ทรัมป์
    Like
    Love
    49
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3547 มุมมอง 304 2 รีวิว
  • 8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา!
    “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“
    ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!

    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย
    พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ
    รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย
    รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​
    และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต
    ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช.

    ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง”



    เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ

    ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.
    เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022
    โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม
    แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ

    ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า
    การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ

    กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
    แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง

    แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร?

    ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ! วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วย พล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัย รศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​ และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส. เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียม แต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU แยกกับกลุ่มทรู โดยให้สิทธิพิเศษเฉพาะบางแพลตฟอร์ม นำไปสู่ เหตุการณ์ “จอดำ” ทั่วประเทศ และการตั้งคำถามเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการออกอากาศ ในรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุชัดว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ และมติบอร์ด และ ชื่อของนายไตรรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการเลขาฯ ปรากฏอยู่ในกระบวนการรับรู้และอนุมัติ กรรมการ กสทช. 4 คน จึงมีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่กลับพบว่าตามระเบียบ กสทช. ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคือ “เลขาธิการ กสทช.” ซึ่งในขณะนั้นก็คือ… นายไตรรัตน์ ที่นั่งรักษาการฯ อยู่ และประธานบอร์ด กสทช. ไม่ลงนาม กลายเป็นประเด็นที่ใช้โต้แย้งและนำไปสู่การฟ้องคดีว่า 4 กสทช.ใช้อำนาจมิชอบกลั่นแกล้ง แต่ถามว่าถ้าระเบียบเป็นแบบนี้แล้วใครจะสอบรักษาการเลขาฯ ได้ ยิ่งถ้าประธาน กสทช.กับเลขาฯ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กลไกการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าได้อย่างไร? ที่มา : https://thepublisherth.com/070468-1/
    THEPUBLISHERTH.COM
    8 เม.ย. ฟังคำพิพากษา ! “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 กสทช. ลงมติปลด ”กลั่นแกล้ง?“ ไม่ใช่แค่เรื่องใครถูก-ผิด แต่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบ!
    วันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ประกอบด้วยพล.อ.ท. ดร. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญรศ.ดร. ศุภัช ศุภชลาศัยรศ.ดร. สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์​และ ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูตในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นความขัดแย้งภายในระหว่าง รักษาการเลขาฯ กับ 4 กรรมการกสทช.เสียงข้างมาก แต่คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบุคคล มันกำลังฉายภาพโครงสร้างองค์กรที่พังจากภายใน และระบบที่ออกแบบให้ “ไม่มีใครสอบใครได้จริง” ⸻ เมื่อเสียงข้างมากพยายามสอบปัญหา… แต่ระบบไม่อนุญาตให้สอบ ต้นเรื่องเริ่มจากการอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุน กทปส.เพื่อให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022โดยมีข้อตกลงใน MOU ว่า ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภทต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมแต่ภายหลัง กกท. กลับไปทำ MOU
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลิทdeep stateข้ามชาติเยอะมาก พม่าคือแหล่งค้ามนุษย์โซนชาติอันตรายอีกชาติ,การผลักดันต่างชาติ&ต่างด้าวทั้งหมดออกไปชั่วคราวจากแผ่นดินไทยก่อนคืองานหลักจึงสามารถตัดตอนปัญหาปั่นป่วนก่อโกลาหลในไทยได้มากเลย,จะเหลือแค่คนไทยล้วนๆโดยส่วนมากจะบริหารใดๆสร้างสุขสงบในชาติเราได้ง่าย ติดตามล็อกเป้าจับกุมคนชั่วเลวที่ปะปนก็ง่าย,เมื่อเทียบปัจจุบันอันตรายและเป็นภัยมั่งคงของชาติเลยล่ะ
    ..การลักเด็กลักพาตัวเด็กส่วนใหญ่สมุนอีลิทdeep stateล่ะทำ,คนไทยปกติไม่ทำกันหรอก คนไทยชั่วเลวขายจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์และต่างชาติต่างด้าวเลวชั่วเข้ามาในไทย&ปะปนนี้ล่ะอันตราย,ดาวเทียมระบุพิกัดมือถือหรือรถยนต์ติดgpsจึงสำคัญ ติดตามตำแหน่งจุดคนร้ายก่อการหรือผ่านได้หมดล่ะ ดึงข้อมูลมือถือบริเวณที่ต้องสงสัยว่ามีใครในสถานที่นั้นได้หมดล่ะ,บวกลบผิดพลาดไม่เกิน50-100ซม.แล้วยุคนี้ โจรคนร้ายจริงๆหากเอาจริงรอดยาก ใครๆก็พกมือถือ ,ดาวเทียมบวกกสทช.บวกค่ายมือถือประสานจับพิกัดคนร้ายสบายมาก,กล้องตรวจจับติดสาระพัดถนนผ่านหรือถ้าพวกมันเข้าร้าน7/11อาจชัดเจนหน้าตาล่ะ,สแกนจ่ายของอีกดับอนาถแน่นอน.
    อีลิทdeep stateข้ามชาติเยอะมาก พม่าคือแหล่งค้ามนุษย์โซนชาติอันตรายอีกชาติ,การผลักดันต่างชาติ&ต่างด้าวทั้งหมดออกไปชั่วคราวจากแผ่นดินไทยก่อนคืองานหลักจึงสามารถตัดตอนปัญหาปั่นป่วนก่อโกลาหลในไทยได้มากเลย,จะเหลือแค่คนไทยล้วนๆโดยส่วนมากจะบริหารใดๆสร้างสุขสงบในชาติเราได้ง่าย ติดตามล็อกเป้าจับกุมคนชั่วเลวที่ปะปนก็ง่าย,เมื่อเทียบปัจจุบันอันตรายและเป็นภัยมั่งคงของชาติเลยล่ะ ..การลักเด็กลักพาตัวเด็กส่วนใหญ่สมุนอีลิทdeep stateล่ะทำ,คนไทยปกติไม่ทำกันหรอก คนไทยชั่วเลวขายจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์และต่างชาติต่างด้าวเลวชั่วเข้ามาในไทย&ปะปนนี้ล่ะอันตราย,ดาวเทียมระบุพิกัดมือถือหรือรถยนต์ติดgpsจึงสำคัญ ติดตามตำแหน่งจุดคนร้ายก่อการหรือผ่านได้หมดล่ะ ดึงข้อมูลมือถือบริเวณที่ต้องสงสัยว่ามีใครในสถานที่นั้นได้หมดล่ะ,บวกลบผิดพลาดไม่เกิน50-100ซม.แล้วยุคนี้ โจรคนร้ายจริงๆหากเอาจริงรอดยาก ใครๆก็พกมือถือ ,ดาวเทียมบวกกสทช.บวกค่ายมือถือประสานจับพิกัดคนร้ายสบายมาก,กล้องตรวจจับติดสาระพัดถนนผ่านหรือถ้าพวกมันเข้าร้าน7/11อาจชัดเจนหน้าตาล่ะ,สแกนจ่ายของอีกดับอนาถแน่นอน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วิกฤตศรัทธา 'กสทช.' นานวันยิ่งล้มเหลว ถึงเวลายกเครื่องใหม่ : ถอนหมุดข่าว 01/04/68
    วิกฤตศรัทธา 'กสทช.' นานวันยิ่งล้มเหลว ถึงเวลายกเครื่องใหม่ : ถอนหมุดข่าว 01/04/68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • นายกสั่งการข้ามหัว กสทช.!! หากเกิดภัยพิบัติให้ใช้การส่งข้อความทันทีหลังได้รับข้อมูลจากกรมอุตุมายัง ปภ. แล้วให้ ปภ. สั่งตรงไปที่เครือข่ายมือถือทุกค่าย และส่งไปที่ประชาชนโดยไม่ต้องผ่าน กสทช.
    นายกสั่งการข้ามหัว กสทช.!! หากเกิดภัยพิบัติให้ใช้การส่งข้อความทันทีหลังได้รับข้อมูลจากกรมอุตุมายัง ปภ. แล้วให้ ปภ. สั่งตรงไปที่เครือข่ายมือถือทุกค่าย และส่งไปที่ประชาชนโดยไม่ต้องผ่าน กสทช.
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ลั่นวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนระบบแจ้งเตือนภัย จากกรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือไม่ต้องผ่าน กสทช. ก่อนรอ cell boardcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030664
    นายกฯ ลั่นวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนระบบแจ้งเตือนภัย จากกรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือไม่ต้องผ่าน กสทช. ก่อนรอ cell boardcast เต็มระบบ ก.ค.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030664
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรรมการ กสทช.โพสต์อ้างตอนแผ่นดินไหวทำอะไรไม่ได้ เพราะมีหนังสือฯ สั่งการ หากกรรมการ กสทช.จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆ ต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน เจอชาวเน็ตด่ายับ หนึ่งในปมด่าคือ SMS แจ้งเตือนภัยพิบัติล่าช้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030330
    กรรมการ กสทช.โพสต์อ้างตอนแผ่นดินไหวทำอะไรไม่ได้ เพราะมีหนังสือฯ สั่งการ หากกรรมการ กสทช.จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆ ต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน เจอชาวเน็ตด่ายับ หนึ่งในปมด่าคือ SMS แจ้งเตือนภัยพิบัติล่าช้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030330
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 0 รีวิว
  • กสทช. ยอมรับส่งข้อความเตือนภัยพิบัติล่าช้า เพราะระบบ SMS จำกัดให้ส่งไม่เกิน 200,000 เลขหมาย และรอข้อความเตือนภัยจากปภ.
    กสทช. ยอมรับส่งข้อความเตือนภัยพิบัติล่าช้า เพราะระบบ SMS จำกัดให้ส่งไม่เกิน 200,000 เลขหมาย และรอข้อความเตือนภัยจากปภ.
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 284 : มึงไม่อาย กูอาย! - 140368(Full)
    - “มาดามแป้ง” เปิดหน้าชน “สมยศ”
    - ล้างบางทุจริตประกันสังคม
    - ไทยเทียม” กว้านซื้อที่ “แม่สอด”
    - ต่างด้าวยึดสาธารณสุขชายแดน
    - กสทช.“ยึดหลักกู”ไม่มีเลขาฯ ตัวจริง

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #แม่สอด #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #จีนเทา #ไทยเทา #โรฮิงญา #ไฮซ์รัชนก #บอลไทย #มาดามแป้ง #สมยศ #กสทช #ต่างด้าว #กองทุนประกันสังคม #ตึก7พันล้าน
    Sondhitalk EP 284 : มึงไม่อาย กูอาย! - 140368(Full) - “มาดามแป้ง” เปิดหน้าชน “สมยศ” - ล้างบางทุจริตประกันสังคม - ไทยเทียม” กว้านซื้อที่ “แม่สอด” - ต่างด้าวยึดสาธารณสุขชายแดน - กสทช.“ยึดหลักกู”ไม่มีเลขาฯ ตัวจริง #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #แม่สอด #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #จีนเทา #ไทยเทา #โรฮิงญา #ไฮซ์รัชนก #บอลไทย #มาดามแป้ง #สมยศ #กสทช #ต่างด้าว #กองทุนประกันสังคม #ตึก7พันล้าน
    Like
    Love
    Wow
    Angry
    Haha
    74
    2 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 4794 มุมมอง 265 2 รีวิว
  • ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT

    การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง

    ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช.

    และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที

    ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย

    1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568

    2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน

    4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite)

    5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels)

    6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย

    #Newskit
    ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช. และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย 1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568 2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า 3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน 4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite) 5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels) 6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมเฉยๆกับหมอไห่นะ แต่ถ้าให้หมอฉันชาย หมอสุภัทร หมออั้ม หมอฉิก หมอ นพ. จากพรรคประชาชนพม่า หมอพม่าที่ไหนก็ตามแต่ หรือหมอตระกูล ส. และเกี่ยวดองหาผลประโยชน์กับ สปสช. มานาน มาเป็นประธาน กสทช. ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ เพราะหมอเส็งเคร็งพรรค์นี้จ้องจะเล่นแต่ทรูค่ายเดียว เอไอเอสกลับไม่เล่นงาน
    ผมเฉยๆกับหมอไห่นะ แต่ถ้าให้หมอฉันชาย หมอสุภัทร หมออั้ม หมอฉิก หมอ นพ. จากพรรคประชาชนพม่า หมอพม่าที่ไหนก็ตามแต่ หรือหมอตระกูล ส. และเกี่ยวดองหาผลประโยชน์กับ สปสช. มานาน มาเป็นประธาน กสทช. ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ เพราะหมอเส็งเคร็งพรรค์นี้จ้องจะเล่นแต่ทรูค่ายเดียว เอไอเอสกลับไม่เล่นงาน
    สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1200 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full)
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full)
    - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน
    - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน”
    - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ
    - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full) Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full) - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน” - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    Yay
    131
    3 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4510 มุมมอง 342 18 รีวิว
  • เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!!

    Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้

    เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย

    เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง

    เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!! Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้ เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Open-source tool 'Rayhunter' helps users detect Stingray attacks
    The Electronic Frontier Foundation (EFF) has released a free, open-source tool named Rayhunter that is designed to detect cell-site simulators (CSS), also known as IMSI catchers or Stingrays.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1069 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณธรรมกี่โมง!!

    วิจารณ์สนั่น! ละครคุณธรรมกี่โมง มีเนื้อหาภาพโป๊เปลือย หวั่นเด็กเลียนแบบพฤติกรรม

    #News1 #Newsstory #ละครคุณธรรม #คุณธรรมกี่โมง #เนื้อหาไม่เหมาะสม #กสทช
    คุณธรรมกี่โมง!! วิจารณ์สนั่น! ละครคุณธรรมกี่โมง มีเนื้อหาภาพโป๊เปลือย หวั่นเด็กเลียนแบบพฤติกรรม #News1 #Newsstory #ละครคุณธรรม #คุณธรรมกี่โมง #เนื้อหาไม่เหมาะสม #กสทช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • SCOOP : 088-888-8888 เบอร์นี้ 10 ล้านบาท

    การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีเลขหมายสวยที่มีผู้ชนะการประมูลรวม 99 เลขหมาย จากทั้งหมด 310 เลขหมาย รวมเป็นเงินประมูลทั้งสิ้น 119,173,000 บาท รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยเลขหมายสวยที่มีราคาการประมูลสูงที่สุด ได้แก่ หมายเลข 088-888-8888 ราคาที่ชนะประมูล 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขั้นต่ำที่ กสทช. กำหนด โดยลดราคาลงมาจากที่ตั้งราคาก่อนหน้านี้ 20 ล้านบาท นับว่าขายออกเสียที หลังรอคอยมานาน 8 ปี ส่วนหมายเลข 099-999-9999 ปรากฎว่าไม่มีผู้เสนอราคา จึงยังคงขายไม่ออกในขณะนี้

    สำหรับเลขหมายที่ชนะการประมูลด้วยราคาสูงรองลงมา ได้แก่ 064-444-4444 ราคาที่ชนะประมูล 5,600,000 บาท อันดับสาม 090-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 3,060,000 บาท อันดับสี่ 090-777-7777 ราคาที่ชนะประมูล 3,000,000 บาท และอันดับห้า 091-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 2,970,000 บาท ส่วนเลขหมายที่ได้รับความนิยมในการประมูลครั้งนี้ คือ เลขหมาย 6 ตัวเหมือนติดกัน มีผู้เสนอราคา 61 ราย สูงที่สุดในกลุ่มได้แก่ 093-366-6666 ราคาที่ชนะประมูล 770,000 บาท รองลงมาคือ 090-566-6666 ราคาที่ชนะประมูล 750,000 บาท และอันดับสาม 088-966-6666 ราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท ส่วนหมายเลข 099-988-9999 ที่ตั้งราคาเริ่มต้น 50,000 บาท พบว่าราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,410%

    การประมูลเลขหมายสวย จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้เกือบ 500,000 เลขหมาย เพื่อนำมาเปิดประมูล โดยมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก มีลักษณะเฉพาะพิเศษ ที่หายากและได้รับความนิยมในตลาด และเลขหมายสวยมากบางประเภทไม่เคยมีจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน ที่ผ่านมาจัดการประมูลไปแล้ว 5 ครั้ง รวม 533 เลขหมาย รายได้ 321,304,652 บาท แต่ได้เว้นวรรคการประมูล 5 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อนจะประมูลอีกครั้ง คาดว่าจะมีเลขหมายประมูลสะสม 632 เลขหมาย รายได้ 440,477,652 บาท

    สำหรับการประมูลในครั้งต่อไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th

    ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 กสทช.จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่สะสม 133,276,500 เลขหมาย แบ่งเป็นเอไอเอส 52,273,621 เลขหมาย ทรู 43,852,839 เลขหมาย ดีแทค 28,016,060 โทรคมนาคมแห่งชาติ 9,033,372 เลขหมาย และบริษัทผู้ให้บริการ MVNO จำนวน 100,608 เลขหมาย

    #Newskit
    SCOOP : 088-888-8888 เบอร์นี้ 10 ล้านบาท การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีเลขหมายสวยที่มีผู้ชนะการประมูลรวม 99 เลขหมาย จากทั้งหมด 310 เลขหมาย รวมเป็นเงินประมูลทั้งสิ้น 119,173,000 บาท รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยเลขหมายสวยที่มีราคาการประมูลสูงที่สุด ได้แก่ หมายเลข 088-888-8888 ราคาที่ชนะประมูล 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขั้นต่ำที่ กสทช. กำหนด โดยลดราคาลงมาจากที่ตั้งราคาก่อนหน้านี้ 20 ล้านบาท นับว่าขายออกเสียที หลังรอคอยมานาน 8 ปี ส่วนหมายเลข 099-999-9999 ปรากฎว่าไม่มีผู้เสนอราคา จึงยังคงขายไม่ออกในขณะนี้ สำหรับเลขหมายที่ชนะการประมูลด้วยราคาสูงรองลงมา ได้แก่ 064-444-4444 ราคาที่ชนะประมูล 5,600,000 บาท อันดับสาม 090-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 3,060,000 บาท อันดับสี่ 090-777-7777 ราคาที่ชนะประมูล 3,000,000 บาท และอันดับห้า 091-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 2,970,000 บาท ส่วนเลขหมายที่ได้รับความนิยมในการประมูลครั้งนี้ คือ เลขหมาย 6 ตัวเหมือนติดกัน มีผู้เสนอราคา 61 ราย สูงที่สุดในกลุ่มได้แก่ 093-366-6666 ราคาที่ชนะประมูล 770,000 บาท รองลงมาคือ 090-566-6666 ราคาที่ชนะประมูล 750,000 บาท และอันดับสาม 088-966-6666 ราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท ส่วนหมายเลข 099-988-9999 ที่ตั้งราคาเริ่มต้น 50,000 บาท พบว่าราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,410% การประมูลเลขหมายสวย จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้เกือบ 500,000 เลขหมาย เพื่อนำมาเปิดประมูล โดยมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก มีลักษณะเฉพาะพิเศษ ที่หายากและได้รับความนิยมในตลาด และเลขหมายสวยมากบางประเภทไม่เคยมีจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน ที่ผ่านมาจัดการประมูลไปแล้ว 5 ครั้ง รวม 533 เลขหมาย รายได้ 321,304,652 บาท แต่ได้เว้นวรรคการประมูล 5 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อนจะประมูลอีกครั้ง คาดว่าจะมีเลขหมายประมูลสะสม 632 เลขหมาย รายได้ 440,477,652 บาท สำหรับการประมูลในครั้งต่อไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 กสทช.จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่สะสม 133,276,500 เลขหมาย แบ่งเป็นเอไอเอส 52,273,621 เลขหมาย ทรู 43,852,839 เลขหมาย ดีแทค 28,016,060 โทรคมนาคมแห่งชาติ 9,033,372 เลขหมาย และบริษัทผู้ให้บริการ MVNO จำนวน 100,608 เลขหมาย #Newskit
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 558 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจตำรวจภูธรภาค 2 แจงงานตัดริบบิ้นไม่ใช่กรณีปิดสวิตช์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นงานเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    วันนี้ (12 ก.พ.) จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว "ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกสทช. ตัดริบบิ้นปิดสวิตช์สัญญาณอินเทอร์เน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากการตรวจสอบกับเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการจัดงานต่อเนื่องกัน 3 งาน โดยงานแรก เป็นการแถลงข่าวเรื่องยุทธการอรัญ 68 Seal Border ซึ่งเริ่มดำเนินการมาได้ 1 เดือนแล้ว ตามนโยบายรัฐบาล

    ส่วนงานที่มีการตัดริบบิ้น คือ กรณี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมตัดริบบิ้นเปิดศูนย์ NRM (National Referral Mechanism) จ.สระแก้ว ตั้งอยู่ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเป็นทางการ

    พิธีเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องเผชิญ เช่น การถูกหลอกลวง โดนโกง ทำของหาย หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014205

    #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว #ผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    เพจตำรวจภูธรภาค 2 แจงงานตัดริบบิ้นไม่ใช่กรณีปิดสวิตช์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นงานเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ • วันนี้ (12 ก.พ.) จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว "ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกสทช. ตัดริบบิ้นปิดสวิตช์สัญญาณอินเทอร์เน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากการตรวจสอบกับเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการจัดงานต่อเนื่องกัน 3 งาน โดยงานแรก เป็นการแถลงข่าวเรื่องยุทธการอรัญ 68 Seal Border ซึ่งเริ่มดำเนินการมาได้ 1 เดือนแล้ว ตามนโยบายรัฐบาล • ส่วนงานที่มีการตัดริบบิ้น คือ กรณี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมตัดริบบิ้นเปิดศูนย์ NRM (National Referral Mechanism) จ.สระแก้ว ตั้งอยู่ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเป็นทางการ • พิธีเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องเผชิญ เช่น การถูกหลอกลวง โดนโกง ทำของหาย หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014205 • #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว #ผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts